xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 3
บริเวณสวนสาธารณะสวยๆ รถตู้แบบอาร์ตเท่ น่ารักของเจ้เต่าจอดอยู่ ภายในรถเห็นอรัญภัทรนั่งอยู่ ท่าทางหมดแรง น้ำตาคลอหน่วย ทุกคนมองเห็นใจ เวฬุยาพูดห้วนๆตามนิสัย

“ไม่รู้จะปลอบยังไง เอาเป็นว่า ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
“เขมก็เป็นห่วงเอี๊ยมนะ”
“เจ๊ก็เหมือนกัน...เจ๊งี้อยากจะไปตะกุยเล็บอะคลิลิคใส่หน้านังคุณพิม” นางพูดพลางกางเล็บ แต่เสียงอ่อยๆ “แต่เจ๊ไม่กล้า”
เธอเสียงเข้ม
“เอี๊ยมก็ไม่กล้า”
“เฮ้ย!สก๊อยเรียกแม่อย่างเธอน่ะเหรอ จะไม่กล้าตบแม่เลี้ยงกลางงาน จริงดิ”
“จริง! เพราะถ้าฉันทำ มันก็แปลว่า ฉันหยามเกียรติของคุณพ่อ ทั้งๆที่ใจจริงฉันอยากจะจิกแฮร์นังนั่นลงมาตบทั้งต่อหน้าคุณพ่อ ต่อหน้านักข่าว แล้วเอาส้นเท้าสูง5นิ้วขยี้หน้ามันด้วยซ้ำ”
เขมปัญฑาพูดอ่อยๆ
“ฮาร์ดคอร์ไปมั้ยอ่ะ”
“ไม่!เพราะสิ่งที่มันทำกับฉัน ทำกับแม่ มันมากเกินกว่าที่ฉันจะให้อภัย”
ดวงตาของเธอวาวโรจน์แค้นมาก

ในอดีต ในคฤหาสน์อานนท์ อรัญภัทรในชุดนักเรียนม.ปลาย ดูบริสุทธิ์สดใส ตามวัย ถือกระเป๋า ถุงอาหารวิ่งเข้ามาในบ้าน เธอถอดรองเท้าออกพลางถามอนงค์ ที่ทำงานอยู่ไกลๆ
“วันนี้อาการคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ ป้าอนงค์”
อนงค์อึกๆอักๆ
“อาการคุณหญิงดีค่ะ”
เธอยิ้มโล่งใจ
“ดีจัง...วันนี้เอี๊ยมซื้อหูฉลามมาฝากคุณแม่ด้วย เดี๋ยวเอี๊ยมจะป้อนให้คุณแม่เอง” เธอชื่นชมถุงอาหาร
“เอี๊ยมซื้อมาฝากพี่พิมด้วย...พี่พิมเฝ้าคุณแม่ทั้งวันคงเหนื่อยมาก”
เธอพูดเสร็จ เดินไปที่ห้องหนึ่ง
“คุณเอี๊ยมคะคุณเอี๊ยม” อนงค์รีบตามไปทันที

เธอเดินเข้าไปข้างใน แต่ต้องชะงัก เมื่อเดินไปถึงห้องรับแขก เห็นด้านหลังของพิมพิชชานั่ง บนตักพ่อ พร้อมเอาแขนคล้องคออานนท์เอาไว้ หน้าต่อหน้าแนบชิดติดกัน เธอน้ำตาไหลพราก เนื้อตัวสั่น
“คุณพ่อ”
ทั้งคู่ผงะออกจากกัน พิมพิชชาหันหน้ามามอง
เธอเหมือนช็อกกรีดร้อง
“พี่พิม ทำไมพี่พิมทำกับเอี๊ยม ทำกับคุณแม่อย่างนี้”
อนงค์ที่ตามมาพูดเสียงแผ่วพลางดึงมือ
“คุณเอี๊ยม ไปหาคุณแม่เถอะค่ะ”
เธอสะบัดมืออนงค์ออก กรีดร้องเสียงดัง “ไม่ไป๊” แล้วเธอก็คว้าถุงหูฉลามในมือของอนงค์เดินเข้าไปหาพิมพิชชา “คนเลว!”
“โอ้ย”
“พิม เป็นไงบ้าง” อานนท์ถาม
เอี๊ยมเอาถุงหูฉลาดฟาดพลัวะเข้าหน้าของพิม ถุงหูฉลามแตกกระจาย ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของพิมพิชชา อานนท์ผวาเข้าหาพิมพิชชาด้วยความเป็นห่วง ไม่สนใจเอี๊ยมเลย

ในสวนสาธารณะสวยๆอรัญภัทรน้ำตาไหลพรากแต่ไม่มีเสียงสะอื้น เธอบอกเจ๊เต่าก่อน เดินลงจากรถตู้
“เจ้พาทุกคนกลับไปก่อนเลยค่ะ เอี๊ยมอยากอยู่คนเดียว”
เจ๊เต่าตะโกนอย่างเป็นห่วง
“เอี๊ยม..เอี๊ยม จะไปไหนเอี๊ยม”
เธอไม่ตอบแต่โบกรถมอเตอร์ไซค์วินแล่นฉิวไป เวฬุยาถอนหายใจพูดเบาๆ
“อินดี้อีกตามเคย”
ทุกคนได้แต่มอง ถอนใจเป็นห่วงเอี๊ยม

วรรษขับรถมาจอดยังสะพานพระราม8 กวาดสายตามองไปข้างหน้า เสียงของอรัญภัทรเมื่อครั้งยังเป็นเด็กม.ปลายดังขึ้น เสียงนั้นเศร้าๆ
“เวลาหนูไม่สบายใจ...หนูชอบมาที่นี่...พี่มองดูผืนน้ำสิ... ถึงบางทีมันจะเคว้งคว้างว่างเปล่า แต่มันก็ยังดีกว่า...เรานั่งมองหน้าคนที่ใจร้าย ไม่จริงใจกับเรา พี่ว่ามั้ย”
วรรษชลมองท้องน้ำนั้น

วันนั้น วรรษชลในสภาพทรุดโทรม แบบคนอกหัก ต่างจากปัจจุบันราวกับเป็นคนละคน เขานั่งแบบหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่ริมขอบสะพาน เธอในชุดคุณหนูมาดผู้ดีมานั่งข้างๆ แต่ไม่ได้มองหน้าเขา มองแต่ท้องน้ำยามค่ำคืน
“อกหัก...พี่ถึงกับจะคิดฆ่าตัวตาย...ไม่ใจเสาะไปเหรอพี่? ขนาดแม่หนูป่วยหนัก พ่อหนูมีเมียน้อย หนูยังไม่คิดทำอย่างนั้นเลย”
วรรษชลเสียงอ่อยๆเซ็งๆ
“ไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย”
เธอกลั้วหัวเราะ
“แค่เมา..เดินไม่ดู รถเกือบชนตาย ว่างั้น” เธอเงียบไปนิดก่อนพูด “พี่ต้องอยู่นะ...”
วรรษชลอนใจ สองคนนั่งอยู่ในความเงียบก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“พี่รู้จักแก็สโทรทริชส์มั้ย (Gastrotrich )”
เขามอง งง
“ไม่รู้จักอ่ะ”
“แก็สโทรทริชส์ สัตว์ที่มีวงจรชีวิตสั้นที่สุดแค่ 3วัน... แก็สโทรทริชส์ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะฉะนั้น...เมื่อมีโอกาส เกิดมามีอายุยืนยาว เราควรทำประโยชน์มากกว่าฆ่าตัวตายนะพี่ ที่สำคัญ” เธอมองหน้าวรรษชล
“อะไร”
“เราควรอยู่ เพื่อแก้แค้นคนที่มันทำร้ายเราน่ะพี่”
“เฮ้ย!เราเป็นเด็ก ตัวแค่นี้..คิดอาฆาตแค้นคนเป็นด้วยเหรอ”
“ได้แค่คิดน่ะพี่ ทำอะไรไม่ได้หรอก” เธอก้มหน้าลงน้ำตาไหล “เวลาไม่สบายใจ...ทุกข์ใจถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่ทุกทีไง”
เธอพูดพลางสะอื้นฮักๆ วรรษชลมองอย่างเห็นใจ

วรรษชลกวาดตามองไปรอบๆบริเวณนั้น ไม่มีอรัญภัทร วรรษชลถอนหายใจ คิดในใจ
“ตอนนี้หนูอาจจะเป็นดาราดัง...จนไม่มีเวลามาที่นี่อีกแล้ว”
วรรษชลถอนหายใจ หน้าเศร้า หันหลังทำท่าจะเดินกลับ แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเธอเดินหน้าหงอยหน้าเศร้า ตรงมาตามทาง วรรษชลยิ้ม...รอยยิ้มนั้นบอกความดีใจ และห่วงใย

กลางดึก ที่หน้าคอนโดฯ สองดาราในสังกัดและเจ๊เต่านั่งรออรัญภัทรกันอยู่ ท่าทางกระวนกระวาย
เวฬุยาเหวี่ยงๆ
“นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ ทำไมยัยเอี๊ยมไม่กลับมาซะที”
เจ๊เต่าเดินชะเง้อคอมอง
“นั่นน่ะสิ...เจ๊นี่ห่วงจนประจำเดือนเลื่อนเลยนะเนี่ย”
ดาราทั้งสองหันไปมองเจ๊เต่า ตกใจ โพล่ง “ประจำเดือนเลื่อน”
เจ๊เต่ายิ้มแหะๆ แก้ตัวไปมา
“คิวงานประจำเดือนเลื่อน โอ๊ยย!คิดไปถึงอะไร”
เจ๊เต่าทำเป็นเนียนกวาดตามองไปทางด้านหน้าคอนโดฯ หาอรัญภัทร
“เอี๊ยมนะเอี๊ยม ทำไมชอบทำตัวแบบนี้ ไม่รู้รึไง ว่าพวกเราเป็นห่วง”
ป้าไก่ซึ่งอยู่คอนโดเดียวกันเพิ่งกลับมา เห็นสามคนก็สงสัย อยากรู้ อยากเห็น
… ตกลงอะไรยังไง? จริงใจ ไม่จริงใจ? ป้าไก่เดินมาเลียบๆเคียงแอบฟัง เจ๊เต่าตะคอกเหวี่ยงทันที
“นี่ป้าไก่!! นึกว่าตัวเองเป็นมดรึไง ถึงได้ไต่มาฟังอย่างนั้นน่ะ”
ทุกคนหันขวับไปมอง ป้าไก่โผล่หน้ามาจากที่ซ่อนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เวฬุยาหน้าเข้ม พูดเรียบๆแต่ดุ
“ถ้าป้าไม่อยากให้ใครเห็น ป้าต้องเป็นสัมภเวสี”
“สัมภเวสี?”
“เออ!! สัมภเวสี รู้จักมั้ย โก้ท โน่ โฮ้ม!! น่ะ!! Ghost no home!!” เจ๊เต่าพูดด้วยสำเนียงตลกๆ
ป้าไก่หน้าแหย “อี๋!!”
“เกลียดจริงๆ คนชอบเผือกเนี่ย” เจ๊เต่าว่า
ป้าไก่ ทำหน้าเชิดๆเริ่ดๆ
“อย่าบอกว่าฉันเสือก...ให้เรียกชะนีเผือกผู้สอดส่องสังคม”
“ใครต้องการ”
ป้าไก่หน้าแหย “อุ้ย?”
เวฬุยาเหวี่ยง
“มาทางไหน ไปทางนั้นเลยป้า คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีๆอยู่”
เวฬุยากวาดตามองไปทางด้านหน้าคอนโด รออรัญภัทร ป้าไก่มองตาม สายตาสงสัย
“เอี๊ยมยิ่งเป็นคนแผลงๆอยู่... เขมล่ะกลัวใจเอี๊ยมจริงๆ”
ทางเข้าคอนโด นางเอกสาวเดินเข้ามา พอเห็นเจ๊เต่าก็ยิ้มออกมาได้ บอกดีใจ
“ไม่ต้องกลัว เอี๊ยมกลับมาแล้ว”
ทุกคนหันไปมอง เห็นอรัญภัทรเดินเข้ามาหน้าตายิ้มแย้ม ผิดกับตอนที่ไปลิบลับ เขมปัญฑา
กับเจ๊เต่ายิ้มดีใจ เวฬุยาค่อนทันที
“คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง กลับมายังกล้ายิ้ม ทำเป็นแบ๊วเบอรี่ทะลุทุกมิติไปได้ ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”

อรัญภัทรยิ้มกวนๆดูอารมณ์ดี
“ก็บอกก่อนไปแล้วไง ไม่ต้องเป็นห่วง”
เวฬุยาดุ “ไม่ห่วงได้ยังไง? เจ๊เต่ากับยัยเขม โทรฯหาตลอด แต่เธอไม่รับสาย”
เธอเริ่มไม่พอใจ
“คุยไม่สะดวก”
เวฬุยายิ่งฉุน
“คุยไม่สะดวกก็ไม่ต้องคุย แค่เห่ารับก็สิ้นเรื่อง คนโทรฯไปเค้าจะได้รู้ ..ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ ตาย แบบหาศพไม่เจอ!”
ทุกคนตาเหลือก เวฬุยาแรง ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านใน นางเอกสาวหน้าตึง เขมปัญฑาปลอบ
“อย่าโกรธมะม่วงเลยนะ...จริงๆ..มะม่วงก็ห่วงเอี๊ยมเหมือนกัน”
เธอกวนๆเหวี่ยงๆร้ายๆ
“จะห่วงหรือไม่ห่วง ไม่อยากรู้ ไม่ได้แคร์!”
อรัญภัทรพูดแล้วเดินเข้าไปในคอนโดฯ หน้าเหวี่ยงแต่ดูอารมณ์ดี
เจ๊เต่าทั้งงงทั้งขวาง
“เฮ้ย!!! ยัยเอี๊ยมเป็นอะไรของมัน”
เขมปัญฑาเสียงหวานๆตามสไตล์ “อินดี้ไงคะ”
ป้าไก่หลุดหัวเราะก๊าก เมื่อได้ยินเขมปัญฑาเหน็บอรัญภัทร เจ๊เต่าถลึงตาใส่
“หัวเราะดังจังเลยนะยะป้าไก่ ทำยังกับเป็นการหัวเราะครั้งสุดท้ายงั้นแหละ”
“เอิ๊กส์!” ป้าไก่สะอึกหน้าแหย
เจ๊เต่าค้อนขวับ เดินสะบัดตูดเข้าไปในคอนโดฯ เขมปัญฑาเดินตามเข้าไป ป้าไก่ ยิ้ม
นิดๆ เหมือนได้รู้เรื่องสามสาวเพิ่มขึ้น กำลังจะเดินเข้าไปในคอนโดฯ แต่ต้องชะงัก เมื่อตาเหลือบไปเห็นวรรษชลจอดรถอยู่หน้าคอนโดฯ แล้วยังหันมองเข้ามา ราวกับอัตโนมัติ ป้าไก่คว้ามือถือทำท่าจะถ่าย พอเห็นท่าทางของป้าไก่ วรรษชลก็ขับรถออกไปรวดเร็วทำทีเหมือนไม่มีอะไรแต่ส่อพิรุธ ป้าไก่หัวเสียแต่ตาลุกวาว เห็นท่าทางของวรรษชลก็เหมือนจะเดาเรื่องออกได้

วันใหม่ ณ บริเวณกองถ่าย ที่ดูจะเร่งรีบวุ่นวายตามประสา ทีมงานก็จัดแสง จัดกล้องกันไป ฯลฯ
นักแสดง 3สาวนั่งแต่งหน้ากันอยู่ สีหน้าอรัญภัทรแลดูอารมณ์ดี ในขณะที่เวฬุยาหน้าตึง เหวี่ยง เขมปัญฑานั่งกลางมองเพื่อนซ้าย ขวา อย่างไม่สบายใจ
มุมหนึ่ง ป้าไก่กับกลุ่มนักข่าวรุมกันสังเกตการณ์ ป้าไก่กระซิบ
“เมาท์กันตรงๆเลยนะ” ป่าไก่บุ้ยใบ้ไปทางสามสาว “สามคนนั้นไม่มีทางรักกันๆ หรอก”
นักข่าว1บอก“หนูก็ว่าอย่างนั้นล่ะป้า..ดูสิ...ขนาดนั่งอยู่ติดกัน ยังแทบไม่มองหน้ากันเลย”
นักข่าว2 บอก“ล่าสุด มะม่วงยังตอบแบ่งรับแบ่งสู้เล้ย คงไม่ได้จูบปากกันอย่างที่เจ๊เต่าพยายามสร้างภาพหรอก”
ป้าไก่ยิ้มร้าย ยิ้มแบบ ฉันนี่แหละกรูรู ก่อนว่า
“งั้น..มันคงอยู่ที่ ใครจะโป๊ะแตกก่อนกันชิมิๆๆ”
นักข่าวยิ้มพยักหน้าหงึกหงัก ตามีเลศนัย หาข่าวตลอดเวลา ป้าไก่ว่าต่อ
“ป้าว่าเรื่องที่ทำให้สามสาวแทบไม่มองหน้ากัน ต้องเป็นเรื่องผู้ชายแหงๆ”
นักข่าว1ตาลุกวาว “ได้ข่าวอะไรดีๆมาป้า”
ป้าไก่เชิดๆเริ่ดๆแบบรู้ก่อน
“มื่อคืนฉันเห็นคุณวรรษ ไปป้วนๆเปี้ยนๆแถวคอนโดย่ะ”
นักข่าว2 บอก“คุณวรรษ!! ไฮโซที่ทำสารคดีน่ะเหรอ”
“ฮื่อ!!! เสียดายที่เมื่อคืนถ่ายรูปไม่ทัน!!” ป้าไก่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ด่าผู้ชายเลวกว่าหมา แต่ถ้าแอบฉกผู้ชาย
มากิน เรื่องนี้แซ่บแน่!”
นักข่าวตาลุกฮือ
อ่านต่อหน้าที่ 2


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 3 (ต่อ)
วรรษชลในชุดออกกองยิ้มอารมณ์ดี ขับรถมาจอดที่ออฟฟิศ ก่อนคว้ากระเป๋าลงมาด้วย ท่าทางกระฉับกระเฉง เดินตรงมาหาทีมงาน ถาม

“พร้อมยังทุกคน”
ทีมงาน1ยิ้มๆบอก “รอเฮียนี่แหละครับ”
วรรษชลยิ้มเขินๆ
“ก็...ถ้าพร้อมแล้ว...ออกกองกันเล้ย”
วรรษชลเดินนำไปยังรถตู้บริษัทที่จอดอยู่ ทีมงานขนข้าวของอุปกรณ์เดินตามถาม
ทีมงาน 2 ถาม“วันนี้ดูพี่วรรษอารมณ์ดีจังเลยนะครับ”
วรรษชลเหมือนจะเขินๆ “เหรอ?”
ทีมงาน2 บอก“ครับ..ตั้งแต่ขับรถเข้ามาแล้ว ผมเห็นพี่วรรษอมยิ้มตลอด”
ทีมงานอีกคน ขนของเดินออกมาจากออฟฟิศ ตรงมายังรถตู้ บอก
ทีมงาน3 บอก“หรืออาจจะเป็นเพราะ...พี่วรรษรู้ว่า..มีคนมารอครับ”
วรรษชลงง “คนมารอ”
“ครับ..เค้ามาตั้งแต่ออฟฟิศยังไม่เปิดเลย”
วรรษชลทำหน้างง

วรรษชลเดินเข้าไปด้านในออฟฟิศแบบงงๆ ปนสงสัย พิมพิชชาหันหลังยืนจิบกาแฟอยู่ พอได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา เธอก็หันหน้ามา วรรษชลตกใจแปลกใจ สายตาไม่พอใจมาก...

วรรษชลเดินลิ่วออกมา หน้าตาบึ้งตึง พิมพิชชาวิ่งตามออกมา หน้าเสีย
“วรรษคะ วรรษ หยุดคุยกับพิมก่อน”
วรรษชลไม่สน เธอวิ่งมาขวางหน้า
“นี่ใจคอคุณจะไม่คุยกับพิมซักคำเลยเหรอคะ”
“คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อคุณคิดจะพูดแต่ความต้องการของคุณเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งผมไม่อยากฟัง”
พิมพิชชาเยาะ
“ถ้าเป็นเรื่องที่คุณอยากฟัง...คงเป็นเรื่องของคุณเอี๊ยมคนเดียวสิคะ”
วรรษชลมอง พิมพิชชาเย้ยบอก
“งั้น...รู้เอาไว้ด้วยนะคะ ว่าตอนนี้ท่านอานนท์...ตัดขาดคุณเอี๊ยมแล้วค่ะ”
วรรษชลตกใจ งุนงง คาดไม่ถึง

ในกองถ่าย อรัญภัทรในมาดโศรยานั่งปอกมะม่วงอยู่ ท่าทางไม่สบายใจ เวฬุยาเดินเข้ามาหา เบ้ปาก “ท่าทางจะแรดยิ่งกว่ามะม่วงที่กำลังปอกอีกนะ”
อรัญภัทรหันไปมอง งุนงง อีกฝ่ายกระชากมืออรัญภัทรว่าทันที
“หลอกใครก็หลอกได้...แต่เธอหลอกตัวเองไม่ได้”
อรัญภัทรดิ้น ยื้อ เอามืออก
“ฉันหลอกอะไรคะ”
เวฬุยากระชากมืออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย
“ทุกคน แต่อย่าคิดนะว่าเธอจะหลอกฉันได้...ฉันนี่แหละจะกระชากหน้ากากเธอ โศรยา”
เวฬุยากระชากมือทั้งสองข้าง อรัญภัทรร้องดิ้นรน แต่สู้ไม่ได้
“ปล่อยนะปล่อย!”
เขมปัญฑาในมาดพี่ศันย์วิ่งเข้ามา พร้อมร้อง
“อย่าทำน้องฉันนะ” เธอดึงร่างเอี๊ยมออก แต่เวฬุยาไม่ปล่อย เขมปัญฑาบอก
“สู้เค้าสิยัยโส เธอต้องสู้เค้า”
“อยากลองดีงั้นเหรอ??ได้”
เวฬุยาตบอรัญภัทร แทนที่จะช่วย เขมปัญฑากลับจับมือเธอเอาไว้ เหมือนจะให้เวฬุยาตบได้
ถนัดๆ ปากก็ร้อง
“สู้เค้าสิโศรยา สู้เค้า” แล้วจับอรัญภัทรผลักร่างเข้าหาเวฬุยาหน้าตาเป็นนางร้าย
อรัญภัทรได้แต่ร้อง เมื่อเวฬุยาตบกระหน่ำ แถมยังโดนเขมปัญฑายึดมือเอาไว้
ด้านนอกกองถ่าย ป้าไก่และกลุ่มนักข่าว จ้องกันตาเขม็ง เจ๊เต่าเองก็ทำหน้ากังวล เมื่อเห็นภาพสามสาวตบกันได้สมจริงมาก ผกก.สั่ง
“คัท!! “ แล้วลุกเดินมาหา ทำท่าปลื้มใจมาก “เทพ! พวกคุณสามคนเล่นกันได้แซ่บนัวมากเหมือนกับเกลียดกันจริงๆ ยิ่งตอนที่เขมทำทีเป็นช่วยเอี๊ยม แต่กลับจับเอี๊ยมให้มะม่วงตบ ผมงี้ต้องลุกขึ้นมาชาบูให้เลย เป๊ะเวอร์ ยังไม่เคยเจอนักแสดงคนไหนเล่นได้เนียนขนาดนี้”
ป้าไก่และนักข่าวแอบยิ้ม ผกก.ว่าต่อกับสามสาว
“พักกอง กินอะไรอร่อยๆ แล้วเดี๋ยวถ่ายต่อนะ” ผกก.ตะโกนบอกทีมงาน “พักกอง!”
ทีมงานแยกย้าย เวฬุยาทำหน้าเฉยๆใส่อรัญภัทร ขณะที่เขมปัญฑาทำหน้าลำบากใจ
เจ๊เต่ารีบเข้ามาหาสามสาว
“กินข้าวด้วยกันนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่หิว” เวฬุยาเดินออกไปหน้าเหวี่ยงๆ
เจ๊เต่าลำบากใจ รีบเรียก “มะม่วง”
มะม่วงไม่หัน เจ๊เต่าหันมาทาง 2 สาวที่เหลือ
“กินข้าวกันนะ”
อรัญภัทรยิ้มดูอารมณ์ดี “ไม่ค่ะ ไม่หิว” แล้วเดินไปอีกคน
“โอ๊ย!สองคนนี้มันเป็นยังไง” นางหันขวับมามองหน้าเขมปัญฑาแบบระแวง
เขมปัญฑามองหวั่น “อะไรคะเจ๊”
“อย่าบอกนะ ว่าจริงๆแล้ว เราจะเป็นอย่างในละคร ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจริงๆบอกเลย เจ้รับไม่ไหว ลำพังแค่ยัยเอี๊ยมกับยัยมะม่วง เจ๊ก็เซโรงังแล้ว”
เจ๊เต่าเดินออกไปแบบเหนื่อยใจ กลุ้มมาก เขมปัญฑายืนคอตกไม่สบายใจ เลี่ยงไปอีกทาง ฝ่ายป้าไก่และพวกพ้องจับกลุ่มมองอยู่
“กลิ่นมาแล้ว ดูก็รู้...ที่ดีๆกันน่ะ แอ๊บชัวร์ และที่สำคัญ แอ๊บๆอย่างยัยเขมอาจจะร้ายสุดก็ได้ ตะกี้ถึงได้ล็อกมือล็อกแขนยัยเอี๊ยมให้ยัยมะม่วงตบเอาๆ”
ทีมงาน1บอก“เหมือนเกินบทเลยนะป้า”
ป้าไก่พยักหน้าร้ายว่าต่อ
“ใช่!! แต่ของอย่างนี้มันก็ไม่แน่ เพราะคนที่ร้ายสุด อาจจะเป็นยัยเอี๊ยมก็ได้ เพราะถ้าคนดีจริงๆ ไม่เอาแต่ตัวเอง วีนเหวี่ยงขนาดนี้หรอก” ป้าไก่ยิ้มๆหันมามองกลุ่มนักข่าว “แล้วลืมกันไปรึเปล่า??? ภารกิจของเรา ยังต้องตามติดอยู่นะ เอี๊ยมกับคุณวรรษแอบกินกันรึเปล่า?” ป้าไก่ยักคิ้วหลิ่วตาสนุก
เขมปัญฑาเดินเข้ามาหลังกลุ่มนักข่าวได้ยินเรื่องที่นักข่าวคุยกันก็ทำหน้าแปลกๆ

เจ๊เต่าคุยกันกับเขมปัญฑาแบบกระซิบกระซาบ
“ว่าไงนะ ป้าไก่พูดอย่างนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ”
“แหม้! ในเพจก็มีอีเจี๊ยบเป็นไก่ปากหมา ในกองก็มีป้าไก่เป็นไก่ปากเสีย มันน่าจับปากมาหั่นจริงๆ พวกปากยืดปากยาวนี่”
“แล้วเจ้จะทำยังไงคะ”
เจ๊เต่าหน้าตาขึงขัง
“จับตามอง ยายเอี๊ยมกับคุณวรรษให้ดี นี่!แล้วถ้าเรารู้อะไรมา รีบมาบอกเจ้เลยนะ อย่าหมกเม็ด เพราะเรื่องคาวๆแบบนี้ กลิ่นมันแรงนักเชียว”
“ค่ะ”
เขมปัญฑารับคำ หน้านิ่ง เดาใจไม่ออกว่าคิดอย่างไร

รถตู้กองถ่ายของวรรษชลแล่นไปตามทาง ด้านในเขานั่งหน้าเคร่ง ก่อนตัดสินใจควักมือถือขึ้นมากดโทรฯ ที่กองถ่าย อรัญภัทรนั่งอ่านบทอยู่ลำพัง ท่าทางอารมณ์ดี มีบางจังหวะแอบอมยิ้ม เสียงมือถือดัง เอี๊ยมสะดุ้ง หยิบมาดู พอเห็นว่า ปลายสายเป็นวรรษก็ยิ้มออก
เธอปล่อยไว้สักครู่ก่อนรับสาย “คะ”
วรรษชลน้ำเสียง ท่าทางเป็นห่วง “เป็นไงบ้าง”
เธอเฉไฉ “ถ่ายละครอยู่ค่ะ”
วรรษชลถอนหายใจห่วง
“ผมหมายถึง...ที่เราคุยกันเมื่อคืน”
เธออมยิ้มจริงๆก่อนบอก
“โอเคเลยค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ...ที่พาฉันไปรู้จักเรื่องราวที่ดีๆ”
“แต่ยังไง..คุณรู้ใช่มั้ย??กำลังใจไหนก็ไม่เท่า....ใจเราที่สู้”
เธอนิ่งคิด พยักหน้าดื่มด่ำเห็นด้วย
“แล้วฉันก็รู้ด้วยว่า...จริงๆแล้ว ความทุกข์ของเรา ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะสู้กับมันค่ะ”
วรรษชลยิ้มออกมาได้ เมื่อได้ยินอรัญภัทรพูด แต่ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อเห็นทีมงานทั้งกอง หันมามองจ้อง ทีมงานที่กล้า คุ้นเคยกันหน่อยถาม
“คุยกับใครเหรอพี่วรรษ ตางี้วิ๊งๆเลย”
วรรษชลยิ้มเขินปฏิเสธ “วิ๊งอะไร” เขาเฉไฉ “แค่คุยกับคนต้นเรื่อง”
“เอ๊ะ!แต่คนต้นเรื่องเราไม่มีใครเป็นผู้หญิงเลยนะพี่”
วรรษชลอึกอัก ทีมงานกระเซ้าต่อ
“แต่เสียงที่มันแว่วออกมาจากมือถือพี่...เป็นเสียงผู้หญิงชัดๆ”
วรรษชลได้แต่อมยิ้มกลบเกลื่อน หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางครึ้มใจ

อรัญภัทรถือบทในมือ แต่ดวงตาเหม่อ ดวงหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่สะพา

วรรษชลเดินเข้าไป ขณะนั้นอรัญภัทรน้ำตาคลอหันมา สองคนมองจ้องหน้ากัน เขามองเป็น
ห่วง เธอมองเพ่ง ความรู้สึกเหมือนคุ้นเคย ก่อน ยกมือขึ้นชี้วรรษชล
“คุณ”
วรรษชลใจหายแว้บปนตื่นเต้นดีใจแปลกใจ
“จำผมได้ด้วยเหรอ”
“จำได้สิ....คุณ...” เธอทำท่านึกชื่อ “วรรษชล พิธีกรรายการพื้นที่ชีวิต”
วรรษชลหน้าเจื่อนไปนิด นึกว่าเธอจะจำเรื่องราวในอดีตได้
“หรือไม่ใช่คะ?...แต่ไม่น่าผิดคน ฉันดูรายการคุณบ่อยๆ หลายๆครั้ง ยังเคยคิด อยากจะไปท่องโลก สำรวจพื้นที่ชีวิตกับคุณบ้าง”
วรรษชลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“จริงเหรอ”
“จริงสิ!!” เธอถอนหายใจเหนื่อยๆ “โดยเฉพาะเวลาที่เหนื่อยๆเบื่อๆ”
“ซุปตาร์อย่างคุณเหนื่อย-เบื่อเป็นด้วยหรือ”
เธอหัวเราะแบบไร้จริต
“เป็นสิคุณ ฉันก็คนนะ” นางเอกสาวหน้าหมองลง “ถึงแม้หลายๆครั้ง คนจะมองว่าฉันเป็นคนแปลกประหลาด วีนเหวี่ยง เห็นแต่ตัวเองก็ช่างมันเถอะ” เธอเสียงแผ่วๆลง “)ลำพังคนอื่นฉันไม่สนหรอก แต่พอเป็นพ่อ...ฉัน”
วรรษชลพูดต่อให้
“เลยต้องมายืนอยู่ตรงนี้”
เธอมองวรรษชลทั้งทึ่งทั้งประหลาดใจ คำพูดของเขาต่างจากทุกคน
“คุณรู้”
“รู้สิ...ข่าวคุณออกจะดัง”
สองคนมองหน้ากันนิ่ง วรรษชลถาม
“ยังอยากไปท่องโลก สำรวจพื้นที่ชีวิตกับผมมั้ยล่ะ เผื่อบางที..คุณจะได้รู้ การได้เห็นอะไรใหม่ๆ ยังไง มันก็ดีกว่าเราเห็นแต่ตัวเอง”
เธอมองวรรษชลอย่างทึ่งๆ

อ่านต่อหน้าที่ 3


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 3 (ต่อ)
วรรษชลพาเธอมายังสถานที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัด สุนัขหลากหลายพันธุ์ ทั้งสภาพดี สภาพแย่ บางตัวน่าเวทนา พี่นีย์ คนเลี้ยงสุนัข อุ้มสุนัขพิการตัวหนึ่งมากอด สายตาที่พี่นีย์มองดูสุนัขตัวนั้นทั้งรักและหวงแหน วรรษชลแนะนำอรัญภัทร

“นี่พี่นีย์...คนใจดีที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัดทั้งหมดที่นี่”
วรรษชลเดินนำเข้าไปด้านใน ใกล้ชิดกลุ่มสุนัขมากยิ่งขึ้น พร้อมเล่า
“เมื่อก่อนพี่นีย์ทำงานออฟฟิศ แต่พอคนรู้ว่าพี่นีย์รับเลี้ยงสุนัขจรจัด ก็เอาสุนัขมาทิ้ง เยอะแยะมากมายจนหลังๆพี่นีย์ต้องลาออก มาเลี้ยงดูน้องๆพวกนี้”
พี่นีย์ยิ้มสดใสมองเธอ
“ฟังดูเหมือนพี่ไม่มีอนาคตใช่มั้ยคะ วันๆอยู่แต่กับหมา... แต่...หมาพวกนี้ คืออนาคตของพี่ค่ะ เพราะเค้าทำให้พี่มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นว่า จากวันนี้จวบจนหมดลมสิ้นหายใจ พี่ต้องทำแต่ความดี...แต่ไม่ใช่พี่เลี้ยงคนเดียวนะคะ ยังมีคนใจบุญอีกมากมายหลายคน เข้ามาช่วย รวมทั้งคุณวรรษด้วย”
เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้บอกวรรษชล
“ฉันขอช่วยน้องหมาด้วยคนนะคะ”
“ยินดีและเต็มใจครับ...มากกว่านั้นผมอยากให้คุณได้รู้ว่าการที่เราได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง จะทำให้เรา...นึกถึงตัวเองน้อยลง”
เธอมองหน้าวรรษชล แอบทึ่ง แอบปลื้มแบบไม่รู้ตัว

วรรษชลขับรถมาจอดหน้าคอนโดฯ ในมุมที่คนด้านในมองไม่เห็น
เธอยิ้มให้เขา
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง แล้วก็ยังทำให้ฉันรู้....ฉันควรจะสนใจมองอย่างอื่นมากกว่ามองแต่ตัวเอง”
วรรษชลยิ้มยินดี
“คนเราทุกคน...ล้วนแล้วแต่ผ่านจุดที่มองไม่เห็นตัวเองทั้งนั้นแหละ ผมเองก็เคยเป็น” เขาจ้องตาเธอ...เป็นนัยๆถึงเหตุการณ์ตอนเธอยังเด็ก กลั้วหัวเราะ “แล้วผมก็โชคดีที่มีนางฟ้าตัวน้อยมาช่วย”
เธอยิ้มถามงงๆ
“นางฟ้าตัวน้อย”
“ผมเคยคิดจะทำอะไรโง่ๆ แต่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้ผมได้สติ”
เธอยิ้มไม่มีทีท่าจะจำได้หรือนึกถึง
“แล้วก็ทำให้คุณคิดได้”
วรรษชลยิ้ม พยักหน้า
“ใช่..และเด็กคนนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ด้วยว่า... กำลังใจจากไหน ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าใจเราที่สู้”
อรัญภัทรยิ้ม
“คืนนี้..คุณทำให้ฉันได้คิดได้เห็นอะไรดีๆขึ้นเยอะเลย...ขอบคุณมากนะคะ”
“เราคงได้เจอกันอีก”
เธอยิ้มบอก “แน่นอนค่ะ” พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบมือถือของวรรษชลที่วางไว้ขึ้นมา
กดเบอร์ตัวเองบอก “บอร์ฉันเอง..มีอะไร โทรฯมาได้...แต่คงไม่ใช่ 24 ชั่วโมงนะคะ เพราะฉันไม่ใช่เซเว่น”
เธอยิ้มก่อนลงจากรถเดินเข้าไปในคอนโด ก่อนปรายตามองมอง วรรษชลยังนั่งอยู่ในรถและรถยังไม่เขยื้อนไปไหน เธออมยิ้ม เดินเข้าไป

ที่กองถ่าย อรัญภัทรนั่งถือบทเอาไว้ แต่ตามองมือถือ กดเป็นชื่อของวรรษชล แต่ยังไม่โทรฯ ออก ดวงตาเป็นประกายวิ๊งๆ ด้านหลังป้าไก่ค่อยๆย่องเข้ามาดู เห็นนางเอกสาวถือมือถือค้างไว้และมีชื่อวรรษชล ป้าไก่ตาโต ด้านหลังเจ๊เต่าเดินมา พอเห็นท่าทางลับๆล่อๆของป้าไก่ เจ๊เต่าก็ตวาด
“ทำอะไรป้าไก่”
ป้าไก่สะดุ้งโหยง อรัญภัทรหันมามอง เจ๊เต่าเดินมาถลึงตาใส่
“ทำอะไร ที่นี่ไม่มีไก่ให้กินหรอกนะ”
“บ้า!ฉันไม่ใช่ตัวกินไก่นะยะ”
“หรา....ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย เพราะหน้าตาป้ามันปอบชัดๆ ไปเลยนะป้าไก่ ไม่งั้นฉันจะเรียกพระมาปัดรังควาน”
ป้าไก่ยิ้มเชิดๆ
“เรียกเลย เพราะฉันก็จะเรียกนักข่าวมาทำข่าวเหมือนกัน ผู้จัดการดาราบ้า ประสาท วันๆสร้างกระแสให้แต่ดาราตัวเอง” ป้าไก่เยาะๆเย้ยๆขำๆ “แต่อย่าคิดว่าจะดังนะจ้ะ....อะไรที่มันเยอะไป ดับทุกราย จ้า” พูดแล้วก็เดินนวยนาดออกไป
นางเอกสาวมองป้าไก่ไม่พอใจ
“ตอนแรกเอี๊ยมก็ว่าป้าไก่มันด่าเอี๊ยมเพื่อเรียกงานอีเวนท์ แต่หลังๆป้าไก่ มันหลอกด่าเอี๊ยมจริงๆใช่มั้ยเนี่ย”
“ถ้าไม่อยากให้ใครด่าได้ว่าได้...เราก็ต้องทำตัวให้ดีสิ” เจ๊เต่าบอก
เธอเหวี่ยง “เอี๊ยมทำอะไร”
เจ๊เต่าดุ “ทุกอย่าง!”
เธออ้าปากค้าง ตั้งท่าจะเถียง เจ๊เต่าดุทันที
“นี่!ไม่ต้องเถียง เจ๊ถามทีเถอะ ถ้าเราไม่ทะเลาะกับมะม่วงจริงๆ..นักข่าวจะเมาท์ได้มั้ย?? นี่อะไรไม่รู้จักคุมอารมณ์กันบ้างเลย...เมื่อคืนก็เหมือนกัน”
เอี๊ยมเซ็งๆ
“เมื่อคืน เอี๊ยมทำอะไรอีก”
“อ๊าว!ก็ทะเลาะกับมะม่วงต่อหน้าป้าไก่ไง”
เธอหน้าเหวี่ยง
“ก็ยัยมะม่วงมันกวนเอี๊ยมก่อน”
“อยู่ต่อหน้าคนอื่นยังไงต้องสร้างภาพว่ารักกัน ไม่งั้น..คนที่จะเสีย ก็คือพวกเราทุกคน แล้วรู้ใช่มั้ย? พอภาพพจน์เสีย..มันจะขายไม่ออกน่ะ!”
เธอเงียบ เจ๊เต่าถามต่อ
“แล้วตกลง..เมื่อคืนหายไปไหนมา”
เธอเงียบ แต่ตาเป็นประกายวิ๊งๆมีพิรุธ เจ๊เต่ามอง ถามตกใจ
“อย่าบอกนะว่าไปกับผู้ชาย ทำไมเธอไวอย่างนี้ยัยเอี๊ยม” เจ๊เต่าทำท่าจะหยิก
เธอรีบหลบ “อะไรล่ะเจ้ ไปกับผู้ชายอะไร”
“ก็ตาเราสิมันบอก”
เธอเงียบ ไม่ตอบ เพราะไม่อยากโกหก เจ๊เต่าถอนหายใจเฮือก
“ไปกับผู้ชายมาใช่มั้ย”
“ใช่!แต่ไม่มีอะไร ไม่ได้คันขนาดนั้น”
“คันไม่ว่า....แต่อย่าให้มีภาพหลุดออกมาแล้วกัน เพราะที่ผ่านมา ดาราคนไหนมีภาพหลุด ดับทุกคน!! แล้วเรื่องคันๆแบบนี้ ปิดนักข่าวไม่ได้ซะด้วยสิ”
เธอถอนหายใจเฮือก สีหน้าเบื่อๆ เหมือนทุกเรื่อง จะใหญ่โตเกินจริง

ในร้านอาหาร เวลากลางคืน พิมพิชชานั่งหน้าบึ้งหงิกงอ บอกป้าไก่
“ขอบคุณมากนะคะที่เอาข่าวมาบอกฉัน”
“แล้ว...คุณพิมจะไม่มีค่าน้ำมัน ให้ป้าเลยเหรอคะ” ป้าไก่แบมือออกไปกระดิกๆ “ข่าว
ครั้งนี้ Exclusive ซะด้วย..คุณวรรษชลไปหาคุณเอี๊ยมถึงคอนโด”
พิมพิชชาหน้างอ เปิดกระเป๋าหยิบเงินหมื่นมาวางใส่มือ ป้าไก่ยิ้มพอใจ
“ขอบคุณมากค่ะ เอี๊ยมนี่โชคดีจริงๆที่มีแม่เลี้ยงอย่างคุณพิม”
พิมพิชชายิ้มเย็นมีเลศนัย
“ค่ะโชคดีมาก เพราะถ้าเป็นคนอื่น คงไม่ยอมเสียเงินหมื่นให้กับให้กับจิ้งจกที่ตะกายอยู่ข้างฝา ไม่ก็ใต้เตียงของเอี๊ยมหรอกค่ะ”
ป้าไก่สะอึก ถูกพิมพิชชาหลอกด่ากลายๆ พิมพิชชายิ้มบอกหวานๆ
“ป้าไก่ได้เงินของพิม เป็นค่าข้าว ค่าน้ำ ค่าน้ำมันรถแล้ว..ก็อย่าลืมทำงานให้พิมนะคะ...อย่าลืม!เงินของพิม จ่ายตามความแรงของข่าวค่ะ”
“ค่ะ”
ป้าไก่ยิ้มรับคำ อาการสะอึกจากการถูกด่าหายไปทันที พิมพิชชายิ้มพอใจ

เวลาต่อมา ในบ้าน อานนท์ อัศวทินกรนั่งดื่มกาแฟ หน้าเครียด พิมพิชชาเดินอมยิ้ม ก่อนแอ๊บถาม
“คุณเอี๊ยมโทรฯมาบ้างหรือยังคะ”
อานนท์ส่ายหน้าเหนื่อยๆ “ยังเลย”
พิมพิชชาทรุดตัวลงนั่ง กอดแขนอานนท์ประจบ
“ท่านอย่าโกรธคุณเอี๊ยมนะคะ....ท่านต้องเข้าใจ...คนเราเวลามีความรักก็เป็นอย่างคุณเอี๊ยมนี่ล่ะคะ”
“มีความรัก...แปลว่าอะไร”
พิมพิชชาทำท่าตกใจ
“อุ๊ย! ท่านคงไม่ได้ตามข่าว...พิมก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาหหรอกนะคะ แต่อ่านข่าวซุบซิบที่เค้าเมาท์กันมา เค้าว่าตอนนี้คุณเอี๊ยมกำลังมีความรัก บางวันขลุกอยู่กับแฟนจนไม่เข้ากองถ่ายเลยก็มี แต่กองถ่ายก็ไม่มีคนกล้าว่าอะไร เพราะคุณเอี๊ยมเป็นลูกสาวท่านน่ะค่ะ”
อานนท์โกรธมากทำหน้าเซ็งหนัก
“ลูกไม่รักดี!...วันๆมันไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่คอยสร้างข่าวอัปมงคลทำลายชื่อเสียงฉัน”
พิมพิชชาแอบยิ้ม สะใจที่อานนท์โกรธลูกสาว แต่แสร้งทำเสียใจ
“เป็นเพราะพิม...เพราะพิมคนเดียว” เธอแสร้งบีบน้ำตา
“พิมไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิคะ...ถ้าไม่มีพิม ...ท่านกับคุณเอี๊ยมก็จะไม่ทะเลาะกัน....พิมคิดว่า...ถึงเวลาแล้วที่พิมจะไปจากที่นี่ค่ะ”
อานนท์ตกใจ ปราดมาจับแขน คล้ายปลอบประโลม
“พิมไม่เกี่ยวอะไรเลยนะ ที่ฉันมีพิม มันไม่ใช่เรื่องผิด”
“แต่คุณเอี๊ยมเกลียดพิมบีบ” เธอบีบน้ำตาร้องไห้ “ให้พิมไปเถอะค่ะท่าน...เรื่องของเรา มันควรจบลงได้แล้ว พิมควรไปได้แล้ว”
“บอกแล้วไงว่าพิมไม่เกี่ยว” อานนท์ดึงพิมมากอด “ซักวันเอี๊ยมจะเข้าใจ ว่าพิมมาดูแลฉัน รักฉัน พิมไม่ได้มา ทำลายครอบครัวของฉัน”
“แต่พิม.” เธอถอนตัวออกจากอ้อมอกอานนท์
“ไม่เอาน่าพิม....เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ฉันจะไม่มีวันเลิกกับพิม หรือทิ้งพิมเด็ดขาด”
อานนท์ดึงพิมเข้ามากอด พิมได้แต่ทำท่าหัวเสีย อยากเลิกอานนท์กลับไปหาวรรษชล

วันใหม่ ที่กองถ่าย ทุกคนกำลังนั่งแต่งตัวกันอยู่ อรัญภัทรนั่งมองดูiG ของพิม เห็นแม่เลี้ยงถ่ายรูปแบบแอ๊บแบ๊ว ก็เบ้ปากออกด่าแบบทนไม่ไหว
“ทำเป็นแอ๊บแบ๊วนะ ยัยป้าแก่หนังเหี่ยวเอ๊ย”
ทุกคนหันมามอง เขมปัญฑาที่นั่งข้างๆชะโงกหน้ามองดูไอแพด พอเห็นเป็นรูปพิมพิชชาก็ติงเพื่อนเสียงอ่อย
“ไม่ชอบเค้า ก็อย่าไปดูIG เค้าสิ”
“ไม่ดูได้ยังไง? มันแท็กเอี๊ยมมา โธ่!นังหน้าพลาสติก ทำจนจำเค้าหน้าเดิมไม่ได้ ยังจะกล้ามาแอ๊บแบ๊วถ่ายรูปลงIG อีก โธ่!!อีเหี่ยว อีบ้า”
เวฬุยาพูดลอยๆ “ต่ำ”
“ใช่!ต่ำจริงๆ ฉันล่ะเกลี้ยด เกลียดมัน”
“ฉันไม่ได้ว่าเค้า ฉันว่าเธอ ต่ำ”
อรัญภัทรเหวอ ไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะด่าแรงๆตรงๆ ช่างหน้าช่างผม หันมามองกันพรึ่บ สายตาแบบ ตบกันแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะทำอะไร เจ๊เต่าก็เดินหน้ากังวลมาหาอรัญภัทร
“เอี๊ยม!”
เธอถลึงตาใส่เพื่อน แต่ปากตอบเจ๊เต่า
“ไม่ต้องมาห้ามเลยเจ้ เอี๊ยมทนไม่ไหวแล้ว ที่จะมีเพื่อนร่วมสังกัดปากหมาขนาดนี้”
เวฬุยายิ้มเย็นๆ
“จะทำอะไรก็ทำเลยจ้ะ...เพราะฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพื่อนอยู่แล้ว”
เธอแอบเสียใจ “ยัยมะม่วง”
เจ๊เต่าปวดหัว
“โอ๊ย!อย่าเพิ่งทะเลาะกัน...จัดการปัญหาข้างนอกก่อนเถอะยัยเอี๊ยม”
เจ๊เต่าบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง อรัญภัทรมองตาม สนใจ แปลกใจ

อรัญภัทรเดินออกไปที่กองถ่าย ด้านนอกกำลังเตรียมงานกันอยู่ เห็นพิมพิชชาเดินเข้ามา ในชุดแต่งตัวโชว์รูปร่างแบบไม่ควรที่จะใส่เดินเข้ามาในกองได้เลย ทุกคนในกองมองพรึ่บ อยากรู้อยากเห็นตามประสา นางเอกสาวเดินมาหาแม่เลี้ยงบอกกร้าว
“รู้..ว่าเธอน่ะอยากเด่นอยากดัง แต่ไม่คิดว่าสมองของเธอจะอยู่ที่นมหมด ถึงได้แต่งตัวยิ่งกว่าอีตัวเข้ามายืนที่นี่”
พิมพิชชาหวานๆแอ๊บๆ บอกพร้อมหันไปมองคนทั้งกอง
“พอดี...พี่มีงานต่อนะค่ะคุณเอี๊ยม แต่ที่แวะมาหาคุณเอี๊ยมก่อน เพราะมีธุระ”
“ฉันไม่อยากรู้ธุระของเธอหรอกอีเหี่ยว”
พิมพิชชาและทุกคนที่ได้ยินต่างผงะ นางเอกสาวกวาดตามองไปรอบๆเห็นทีมงาน นักข่าวจ้อง
มองกันเขม็ง พร้อมถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ เอี๊ยมมองแม่เลี้ยงด้วยสายตาดูถูกแสยะปากออกบอก
“โชว์นมจนผู้ชายอยากดู หรือโชว์นมจนผู้ชายต้องดู ฮึ”
เจ๊เต่าเข้ามาปรามพูดเบา
“เอี๊ยมๆ... อย่าพูดอะไรให้มันเข้าทางเค้า...ดูซิ นักข่าวถ่ายรูปกันหมดแล้ว”
เธอเสียงดังไม่กลัว
“สมัยนี้ไม่แรงไม่ดังค่ะ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ แรง หรือแรด ต้องแยกให้ออกด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่แรด คงแย่งผัวผู้มีพระคุณไม่ได้!”
นักข่าวฮือฮา เบอร์รี่ ถ่ายรูปพิมพิชชาแบบตั้งใจมาก พิมพิชชาหน้าซีดปากสั่น พิมทำท่าจะร้องไห้
“คุณเอี๊ยมคะ...อย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจพี่ผิดสิคะ...ท่านอานนท์แต่งงานกับพี่หลังจากที่คุณแม่คุณเอี๊ยมเสียนะคะ”
เธอยิ้มเยาะ
“แต่ก่อนหน้านั้น เธอเสียตัวให้คุณพ่อฉันก่อน”
นักข่าวฮือฮา พิมพิชชาทำหน้าซีดตกใจร้องไห้ออกมา
“คุณเอี๊ยม”
“ร้องไห้หาพ่อฉันหรือว่าพ่อเธอ”
นักข่าวฮือฮาออกมาอีกจากคำพูดของนางเอก พิมพิชชากลั้นสะอื้นบอก
“ไม่ใช่อย่างที่คุณเอี๊ยมพูดนะคะ...ถ้าไม่เชื่อพิม...โทรฯถามท่านอานนท์ได้ค่ะ”
พิมพิชชาหยิบไอแพดขึ้นมา
อ่านต่อหน้าที่ 4


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4 (ต่อ)
อานนท์หน้าเครียดอ่านข่าวของลูกสาวอยู่ที่บ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“มีแต่ข่าวฉาวๆนี่แกอยากให้ฉันตายไวๆรึยังไงยัยเอี๊ยม”
เสียงแอพจากโทรศัพท์ดัง ท่านอานนท์รับโปรแกรมโทรฯผ่านที่เห็นหน้าตา
อานนท์เสียงอ่อนโยน
“ว่าไงจ้ะพิม”
พิมพิชชาที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองถ่ายร้องไห้ สะอึกสะอื้น
“ท่านคะ...กรุณาช่วยพูดให้ทุกคนเข้าใจได้มั้ยคะ ...พิมไม่ได้ทำลายครอบครัวของท่านอย่างที่คุณเอี๊ยมพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจพิมผิด”
พิมหันหน้าไอแพดไปให้ทุกคนดู อานนท์โกรธ
“จะไปฟังอะไรกับ ยัยเอี๊ยม ..... ยัยเด็กใจแตก”
อรัญภัทรหน้าซีด เจ๊เต่าตกใจ นักข่าวฮือฮา เพื่อนร่วมวงการทั้งสอง ตกใจแทน
เธอเดินไปจ้องหน้าไอแพดพิมเรียกเสียงสั่นเสียใจ “คุณพ่อ”
“จะกลับบ้านหรือไม่กลับ ถ้าไม่กลับ แกกับฉันไม่ต้องพูดกันอีก”
เธอโกรธมาก ดื้อ ทิฐิ “ไม่กลับ “ แล้วสะบัดหน้ามองพิมพิชชา “ตราบใดที่มีผู้หญิงคนนี้ เอี๊ยมไม่
กลับ!” เธอสะบัดหน้าเดินฉับๆออกไปแบบเกลียดแม่เลี้ยงมาก ไม่อยากเห็น
เจ๊เต่าตกใจ “เอี๊ยมๆๆ” แล้วรีบวิ่งตามออกไป
สองดาราสาวมองหน้ากัน ก่อนเดินตามเอี๊ยมและเจ้เต่าออกไป พิมแอบยิ้มในสีหน้า แต่ยังคงปั้นหน้าพูดกับอานนท์
“พิมขอบคุณท่านมากค่ะที่กรุณาพิมมาตลอด ขอบคุณจริงๆค่ะ” เธอวางสายเก็บไอแพดหันมาพูดกับทุกคน “ทุกคนได้ยินแล้วนะคะ...คุณเอี๊ยมเป็นคนทำลายครอบครัวของตัวเอง ไม่ใช่พิมค่ะ”
พิมทำท่าจะหันกลับ แต่ยังเดินเหมือนทิ้งลีลาให้คนตาม ป้าไก่ตะโกนตามเกม
“คุณพิมคะ...พอจะทราบมั้ยคะว่าคุณเอี๊ยมทำลายครอบครัวตัวเองยังไง”
“พิมไม่ทราบจริงๆค่ะ รู้..เท่ากับที่ทุกคนรู้น่ะคะ” เธอทำหน้าอ่อยๆจ๋อยๆ “ท่านอานนท์บอก คุณเอี๊ยมใจแตก”
ป้าไก่ยิ้ม ขณะที่พิมแกล้งเดินหันหลังกลับท่าทางเศร้าสร้อย แบ๊วๆ
นักข่าวเดินเข้ามาถามป้าไก่แบบงงๆ
นักข่าว1 ถาม
“ป้าไก่..วันนี้มีงานกาล่าดินเนอร์อะไรเหรอ ทำไมคุณพิมเค้าแต่งตัวเผื่อแผ่นมให้ชาวบ้านดูขนาดนี้”
าไก่หัวเราะขำๆ
“งานกาล่าเหี้ยอะไร?? แต่งตัวแบบนี้คอนเซ็ปต์รายการ“คนอวดนม” ชัดๆ แม่ง!!ชีวิตนี้คงหาความดีอะไรไม่ได้ มีดีอย่างเดียวคือนม เลยโชว์เอ๊า..โชว์เอา เค้าอยากดัง จัดให้เค้าหน่อยแล้วกัน”
“คนแบบนี้ไม่ต้องจัดหรอก...เดี๋ยวเค้าก็จัดให้เป็นข่าวเอง”
ทุกคนหัวเราะกันฮือฮา เห็นเป็นเรื่องสนุกๆ

อรัญภัทรก้าวฉับๆเหมือนจะเดินเข้ากอง แต่แล้วเธอกลับหยุด กำมือแน่น จนเห็นเส้นเอ็นชัดเจนที่มือ รู้แน่ชัดกำลังจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินออกไปอีกทาง เจ๊เต่า กับเพื่อนร่วมสังกัดที่เดินตามมาเบรกแทบหัวทิ่ม งงกับเธอ เจํเต่าตะโกนถาม
“จะไปไหนเอี๊ยม ยังมีถ่ายอยู่นะ จะไปไหน”
เธอไม่ตอบ ไม่หยุด ก้าวฉับๆออกไป สามคนมองหน้ากัน ด้วยความตกใจ งุนงง ปนเป็นห่วง รีบตามออกไป

พิมพิชชาเดินยิ้มเริงร่ากำลังจะกลับ แต่เอี๊ยมกลับเดินพรวดๆเข้ามาขวาง
“นึกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้”
พิมพิชชายิ้มยั่วเนียนๆ
“อย่างไหนคะคุณเอี๊ยม”
“อย่างที่คนธรรมดาจะคิดไม่ได้ นอกจากคนชั่ว ๆ” เธอกระชากแขนแม่เลี้ยงอย่างโมโห “แกอย่าคิดนะว่าแผนยั่วประสาทฉันจะสำเร็จ ไม่มีทาง”
พิมพิชชายั่วต่อ
“มีหรือไม่มี คนตรงๆ แรงๆ แต่ไร้สติอย่างคุณเอี๊ยมก็กำลังเดือดจนปรอทจะแตก เอาสิคะ..ตบพิมเลย พิมจะได้วิ่งไปบอกนักข่าว....ถูกนางเอกที่แสนดี ตบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์”
เธอโกรธมาก เงื้อมือขึ้น แต่ยั้งไว้จนมือสั่น “นัง”
พิมพิชชาลอยหน้าลอยตายั่ว “เอาซี้...เอาซี้”
อรัญภัทรอยากตบมาก แต่กลั้นเอาไว้ พิมพิชชาหัวเราะเบาๆ ลอยหน้าลอยตายั่วเชิญชวนอีก “ฮึ เอาสิๆๆ”
ทางด้านหลัง เจ๊เต่าและเพื่อร่วมสังกัดมาพอดี เห็นนางเอกสาวกระชากแม่เลี้ยงอยู่ ทุกคนลุ้นกลัวอรัญภัทรจะตบะแตก เจ้เต่าอ้าปากกำลังจะห้าม แต่อรัญภัทรกลับผลักพิมพิชชาอกอย่างแรง ได้แต่ด่าแบบทนไม่ไหว
“หน้าแกมันด้าน ฉันไม่ตบแกให้มือฉันหักหรอก นังเปรตหน้าปลวก”
ทุกคนผ่อนลมหายใจโล่งอก พิมพิชชาหัวเราะ ขำมาก
“นังปลวกหน้าเหี่ยว”
เจอคำว่า “ปลวก” นางไม่สะทกสะท้าน แต่เจอคำว่า “เหี่ยว” ก็เบิกตากว้างร้อง “ห๊ะ!”
เธอรู้จุดอ่อนในการด่าแม่เลี้ยง “นังเหี่ยวแอ๊บแบ๊ว”
นางทนไม่ไหวมากขึ้นทุกที “แอร้ย”
“นังแบ๊วบ้าผู้ชาย”
พิมพิชชาโกรธจริง “แอร้ย”
อรัญภัทรได้ที เป็นต่อ หัวเราะ
“หน้าก็ย่น หนังก็หย่อน เนื้อก็ยาน ยังจะแอ๊บแบ๊วยั่วผู้ชายอยู่ได้นังปลวกหน้าเหี่ยว”
“แอร้ย” นางโกรธจนตัวสั่น
“นี่ๆๆคุมตัวเองหน่อยป้า โกรธตัวสั่นขนาดนี้ ซิลิโคนมันไหลทั่วตัว”
พิมพิชชาคุมสติได้หัวเราะเย้ย
“ต่อให้ซิลิโคนพิมจะไหลหมดตัว พิมก็จะขอเงินท่านอานนท์มาโบท็อกซ์ คุณเอี๊ยมไม่ต้องห่วงนะคะ สมองของท่านอานนท์ฉีดโบท็อกมาเหมือนกันเลยไม่ทำงาน พิมพูดอะไรก็เชื่อหมดเลย”
อรัญภัทรตบะแตก
“นังปลวกหน้าเหี่ยว”
สราญภัทรทนไม่ไหว เงื้อมือจะตบพิมพิชชา ป้าไก่โผล่พรวดมา เจ๊เต่าเห็นรีบกระโจนมาดึงมือเธอเอาไว้ แล้วจับกอดพิมพิชชา พร้อมกับบอกป้าไก่
“ไม่มีอะไรค่า รักกันๆๆ”
เธอฮึดฮัด ไม่ยอมตามประสา เจอเจ๊เต่าถลึงตาใส่พร้อมมองไปทางป้าไก่ ป้าไก่มองไม่เชื่อ พิมพิชชาสะบัดหลุด บอกป้าไก่
“ป้าไก่เป็นคนฉลาด รู้ใช่มั้ยคะ อะไรเป็นอะไร”
พูดจบพิมพิชชาก็ทำเป็นนางเอกวิ่งออกไปเลย อรัญภัทรเหวอ ได้แต่มองตาม ป้าไก่มอง
นางเอกสาว อรัญภัทรสะบัดหน้าหันมามองป้าไก่
“เอี๊ยมรู้ว่าป้าไก่เป็นคนฉลาด”
“ฉลาดมากค่ะ”
ป้าไก่ตอบตาเป็นประกายระยิบระยับ ชนิดที่ไม่มีใครเดาอออกจะทำอะไร

เวลาต่อมา ป้าไก่ เดินออกมานอกบริเวณกองถ่ายพลางโทรศัพท์
“มีข่าวเด็ดมาเมาท์อีกแล้ว นี่!!วันนี้ป้าจะอยู่เฝ้ากองถ่ายทั้งวัน มีอะไรป้าจะรายงานสด เธอเขียนข่าวให้มันแซ่บนัวเลยนะ ภาษาที่ใช้เอาแบบตีหัวเข้าบ้าน พาดหัวให้มันแรง มันเน่าเข้าไว้ คนจะได้มาอ่านเยอะๆท่องเอาไว้ คนคลิกอ่านสนพ.เธอเยอะเท่าไหร่ โฆษณาเยอะเท่านั้น พอโฆษณาเยอะ เงินเธอก็จะเยอะตามไปด้วย แล้วอย่าลืม เอาเงินมาแบ่งป้าด้วยนะจ้ะ เข้าใจ๋”
ป้าไก่วางสายหัวเราะชอบใจ ดวงตาเจ้าเล่ห์

บริเวณถนนหน้ากองถ่าย พิมพิชชาเดินฉับๆไปยังที่จอดรถหน้ากองถ่าย แล้วเปิดประตูเข้าไป เบอร์รี่นั่งอยู่ พิมเข้าไปนั่ง ทันทีที่ประตูปิด เธอก็ถามเบอร์รี่ยิ้มแย้มไม่มีน้ำตา
“ไง... รูปฉันเป็นไงมั่ง”
“เป๊ะเวอร์...ได้รูปส่งนักข่าวหลายรูปเลยพี่”
“จะส่งทำไม? สมัยนี้เค้าสร้างกระแสทางIGทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวฉันเอารูปที่ฉันร้องไห้ลง IG แล้ว#ร้องไห้หนักมาก รับรองนักข่าวถลามาหาฉันเอง”
เบอร์รี่กวนๆ
“นักข่าวถลามาหาเฉพาะคนดังๆเท่านั้นมั้งพี่ ไม่งั้น..พี่คงดังไปนานแล้ว”
พิมพิชชาตาขวาง
“นังเบอรี่”
เบอร์รี่ทะเล้นๆ
“หรือไม่จริง ลองพี่เป็นนังเอี๊ยมสิ...แค่กระดิกตัว นักข่าวก็พร้อมจะเขียนข่าวแล้ว”
พิมได้แต่ตาขวางหน้าตาบิดเบี้ยวไม่พอใจ ขณะที่เบอร์รี่พูดต่อ
“และฉันเดาว่า ตอนนี้นังเอี๊ยมมันก็กำลังเป็นบ้า...ต่อให้มันอยากเป็นข่าวหรือไม่??!!นักข่าวก็พร้อมที่จะเขียนข่าวมันแน่นอน!! เพราะมันดัง!”
พิมพิชชาหน้าเครียดเกลียดอรัญภัทรมาก

เวลาต่อเนื่องมา นางเอกสาวยืนหน้าเครียด หน้าดำคร่ำเคร่ง ดูก็รู้ว่าโกรธมาก
“คนอะไร เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น หน้าด้าน ไร้ยางอาย เลว”
เจ๊เต่าเดินเข้ามาได้ยินหน้าแหย
“ด่าเจ๊ทำไม”
“ไม่ได้ด่าเจ๊ ด่าอีเหี่ยวพิม”
เพื่อนนักแสดงเดินเข้ามาได้ยิน เขมปัญฑาหน้าแหย แต่เวฬุยาว่า
“อย่าไปด่าคนอื่น เธอน่ะแหละ ไร้ยางอายเอี๊ยม”
เธอตาเขียวปั๊ด
“เธอด่าฉันอีกแล้วนะมะม่วง”
“ใช่!เพราะฉันอยากให้สติเธอ รู้ตัวบ้างสิ...ว่าตัวเองอยู่ในที่สว่าง เป็นเป้าสายตาของทุกคน โดยเฉพาะนักข่าว ยังจะทำกริยาหยาบคายให้คนเอาไปพูดต่อได้อีก หัดนิ่งเป็นมั้ย นิ่ง”
“นิ่ง??!! เธอคงนิ่งได้หรอก ถ้าพ่อเธอมีเมียน้อย ในขณะที่แม่นอนป่วยพะงาบๆ ที่สำคัญ นังเมียน้อยคนนั้น คือคนที่เธอจ่ายเงินเดือนเลี้ยงมันมา แล้วพ่อยังไปเข้าข้างมันอีก”
“ใช่...ฉันอาจจะนิ่งไม่ได้ แต่ฉันคงไม่เลือกวิธีที่ประจานตัวเอง อย่างที่เธอกำลังทำอยู่”
เวฬุยากวาดตามองไปรอบๆ เห็นคนทั้งกอง ทีมงาน ช่างหน้าช่างผม มองมาที่อรัญภัทรเป็นจุดเดียว เธอถึงกับหน้าเสีย สายตาบ่งบอกว่าทั้งเจ็บทั้งอาย ผช.ผกก.เดินเข้ามา
“พร้อมถ่ายต่อหรือยังคะ”??
เพื่อร่วมสังกัดบอก “พร้อมค่ะ”
“ฉันไม่พร้อม!”
เจ๊เต่าตกใจโกรธมาก “เอี๊ยม”
เธอชี้หน้าตัวเอง โกรธมาก น้ำตาจะไหล
“หน้าตาเอี๊ยมเป็นอย่างนี้ อารมณ์เอี๊ยมเป็นอย่างนี้ เจ๊จะให้เอี๊ยมออกไปแอ๊บแบ๊วเล่นเป็นนังโศรยาหน้าโง่อย่างนั้นเหรอ”
“แต่เอี๊ยมเป็นมืออาชีพ เข้าใจมั้ยคำว่ามืออาชีพ”
เธอตะเบ็งเสียงดังลั่น “ข้าใจ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ทุกคนเงียบกริ๊บ

ผกก.ตะโกนถามเสียงดังแบบตกใจมาก
“อะไรนะเอี๊ยมจะไม่ถ่าย”
ทีมงานหน้าแหย
“เค้าบอกเค้าถ่ายไม่ไหวค่ะ”
“แต่ซีนนี้มันจะออนแอร์อาทิตย์หน้าแล้ว ถ้าไม่ถ่ายวันนี้ จะเอาอะไรไปออนแอร์”
ทีมงานหน้าจ๋อยแบบไม่รู้จะทำยังไง?? ป้าไก่ ตาวาวได้ข่าวอีกตามเคย เจ๊เต่าวิ่งมาหน้าเสีย ประนีประนอมฃ
“ถ่ายค่ะถ่าย...ขอเวลาให้เอี๊ยมหน่อยนะคะ”
“เมื่อไหร่ล่ะป้า”
เจ๊เต่าตอบไม่ได้ “เอ่อ”
“ซีนนี้ต้องถ่ายตอนกลางวัน แล้วนี่แดดกำลังจะหมดแล้ว...ผมรู้ว่าเอี๊ยมมีปัญหา แต่ผมและทีมงานกองถ่าย นักแสดงคนอื่นๆก็มีปัญหาเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าไม่มีออกอากาศ มีปัญหาไปถึงสถานีแน่ๆ”
เจ๊ต่าหน้าเสียไปกันใหญ่
“เอ่อ...เจ้...พูดแล้ว แต่เอี๊ยมถ่ายไม่ไหวจริงๆ”
ผกก.ทำหน้าเสียความรู้สึกมาก
“ไม่ไหวจริงๆใช่มั้ย”
เจ๊เต่ายิ้ม
“ค่ะ..ช่วยเอี๊ยมหน่อยนะคะ”
“ได้...” ผกก. ตะโกนบอกทีมงาน “เฮ้ย!โทรฯบอกคนเขียนบทซิ...นางเอกถ่ายซีนนี้ไม่ได้
จะเขียนให้นางเอกตายโหง ตายห่า อะไรก็เขียนมา แต่ฉันต้องมีละครออกอากาศอาทิตย์หน้า”
เจ๊เต่าหน้าซีดเผือด ตกใจ ป้าไก่ยืนถ่ายคลิปอยู่ ยิ้ม ดีใจได้ข่าว
อ่านต่อตอนที่ 4

กำลังโหลดความคิดเห็น