มงกุฎริษยา ตอนที่ 10
ทางด้านเลม่อนลงรถตู้หน้าบ้านของชัชชนม์ เดินเข้ามาพร้อมกับจอย
“บอกแล้วว่าแกต้องได้ เจ๊เห็นนะ คุณดนัยเขาเหล่แกด้วย เขาช่วยแกแน่เลย”
พอทั้งสองคนเดินมาถึงลานหน้าเรือน เจอแพรวแพรกำลังคุยกระหนุงกระหนิง หัวเราะหัวใคร่อยู่กับดนัยชนิดถึงเนื้อถึงตัว เลม่อนกับจอยถึงกับอึ้ง
“คุณดนัยต้องสอนแพรวโพสท่าเยอะๆ นะคะ เอามือมาจับได้เลยค่ะว่าต้องทำท่าไหนยังไงถึงสวย” พลางแพรวจับมือดนัยาจับสะโพกตัวเอง ดนัยยิ้มๆ
เลม่อนทนดูไม่ไหวรีบเข้าไปขวาง
“เขาได้นางเอกโฆษณาแล้ว ชะนีป่ามาร้องหาอะไรแถวนี้ยะ”
“ใคร? เขายังไม่เลือกกันเลย” แพรวแพรยิ้มเยาะ
“เลือกแล้วย่ะ ก็น้องจอยนี่ไง”
ดนัยรีบอธิบาย “อ๋อ น้องจอยแค่ได้ผ่านเป็น 2 คนสุดท้ายน่ะครับ ต้องมาแคสต์กันอีกรอบ”
เลม่อนสงสัย “แข่งกับใครคะ”
แพรวแพรลอยหน้าบอกทันทีว่า “ก็ฉันไง วันหลังช่วยเช็คก่อนนะ กะเทยเฒ่าขี้มโน”
เลม่อนกรี๊ด “อ๊ายยย อีชะนีซิลิโคน”
“ของแท้โว้ย”
“เอามาสัมผัสฝ่ามือพิสูจน์ทีซิ”
สองคนทะเลาะกันไปมา จนจอยตะโกนห้ามฝั่งเลม่อน “เจ๊คะ”
จอยชี้ให้ทั้งคู่หันไปดูดนัย ที่ยืนอึ้งตะลึงตะไลอยู่ เลม่อน กับแพรวแพรรีบเก็บอาการทั้งคู่
“เอ่อ เชิญข้างในกันดีกว่าไหมครับ”
สองคู่กัดรีบรับพร้อมกันว่า “ค่ะ”
แพรวแพรหันมามองค้อนเลม่อน แล้วรีบวิ่งเข้าบ้านนำหน้าเลม่อนไป
“โอ้ย เร็วสินังจอย เดี๋ยวก็โดนมันปาดหน้าเค้กหรอก”
“เดี๋ยวเจ๊ หนูลืมของในรถ เดี๋ยวมานะ”
จอยรีบวิ่งออกไปที่ริมรั้วหน้าบ้าน
เลม่อนเม้งแตก “โอ๊ย พวกชะนีนี่มันชะนีจริงๆ”
ระหว่างนี้ ฤทธิ์มาดักรอแพรวแพรอยู่ที่หน้าบ้านชัชชนม์ ก่อนจะส่งไลน์ไปบอกแพรวแพรว่า
“รออยู่ข้างหน้าแล้ว”
แพรวแพรส่งกลับมาว่า “แป๊บนึง เดี๋ยวออกไป”
จอยวิ่งทะเล่อทะล่าออกมา ชนเข้ากับฤทธิ์จังๆ
“อุ๊ย โทษค่ะ” จอยเงยหน้ามองจำฤทธิ์ได้ “อ้าว นายอีกแล้ว มาหาแฟนเหรอ”
ฤทธิ์รีบปัด “แฟนอะไรครับ”
“ฉันเห็นหรอกน่ะ คุณกับแพรวแพรฟัดเหวี่ยงกันขนาดนั้น”
ฤทธิ์เขยิบเข้าไปประชิดขู่จอยในที
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องทำเป็นความลับด้วย”
“เอาเถอะน่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
แพรวแพรเดินออกมาหาฤทธิ์พอดี
“ฤทธิ์... อยู่ไหนอะ”
ฤทธิ์ กับ จอยได้ยินเสียงแพรวแพรก็ตกใจ
แต่พอแพรวแพรเดินมาถึง ก็เห็นฤทธิ์อยู่คนเดียว ส่วนจอยวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้แถวนั้นแล้ว
“เอ๊า อยู่นี่ก็ไม่ตอบ ไหนล่ะของ”
ฤทธิ์เหลือบมองที่ต้นไม้เป็นระยะ หวั่นใจว่าจอยจะเห็น “ไปที่ลับตาคนหน่อยไหม”
“ไม่ต้องลีลาเลย แพรวรีบ เร็วๆ”
ฤทธิ์ยื่นซองยาให้ แพรวแพรรีบคว้ามาแต่พลาดซองตกลงพื้น
จอยจ้องอยู่เห็นชัดว่าเป็นซองใส่ยาเม็ด แพรวแพรเก็บซองยาแล้วเข้าบ้านไปโดยเร็ว
จอยมองตาม สงสัยในท่าทีมีพิรุธ กิริยาลับๆ ล่อๆ นั้น
ฝ่ายพุฒิพัฒน์ไม่เป็นอันทำงาน เอาแต่เปิดเฟซบุคของชัชชนม์ กับชมพู่ เพื่อดูว่าจะมีอัพเดตอะไรบ้างและพบว่าของชัชชนม์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน ภาพการแคสติ้ง และคลิปรายการที่เคยทำ ส่วนของชมพู่ไม่ค่อยอัพเดต มีรูปที่ถ่ายกับดาวและฟ้าตอนอยู่ที่เพชรบุรี
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิดออก
“ติดต่อชมพู่ได้หรือยัง”
พุฒิพัฒน์คิดว่าเป็นอร เงยหน้าขึ้นมาเจอชมพู่ก็ดีใจ แต่ยังฟอร์มเยอะเช่นเคย
“เปลี่ยนใจไม่พักร้อนแล้วเหรอ”
“ฉันจะเข้ามาลาเพิ่ม ขอเป็น 3 วัน”
ชมพู่ยื่นซองให้ แล้วจะเดินออกไป พุฒิพัฒน์รีบกระโจนเข้ามาขวาง
“จะลาไปไหนตั้งหลายวัน”
“ยังไม่รู้เลย คนขับจะพาไปไหนฉันก็ไป”
ชัชชนม์โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงานพุฒิพัฒน์
“ไปกันได้รึยังครับ”
“ไปค่ะ พู่พร้อมแล้ว”
ชมพู่เดินออกไปกับชัชชนม์ แต่เหลียวมายิ้มใส่ผอ.จอมเหวี่ยง พุฒิพัฒน์อึ้งไป
พอชมพู่ปิดประตูห้องทำงานปุ๊บ ก็รีบวิ่งพาชัชชนม์ไปแอบดูตรงหัวมุมห้องสองคนเบียดกันมองมายังประตูห้อง
“คอยดูนะ เขาจะต้องรีบมาตามฉันแน่ๆ 3...2...1”
พุฒิพัฒน์พุ่งออกมาจากห้องทำงาน ตรงไปยังลิฟท์
ทั้งสองคนกลั้นขำ ชมพู่หันมามองหน้าชัชชนม์ ด้วยระยะอันประชิด ทำให้ทั้งคู่จมูกชนกัน ชัชชนม์ชะงักงันไปด้วยความเขิน
ส่วนชมพู่ไม่ได้รู้สึกอะไร “อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ เอ่อ แล้วเราจะทำไงต่อดีล่ะครับ”
“ฉันว่า เขาต้องหาฉันทุกซอกในกรุงเทพฯ แน่ๆ เรารออยู่ในห้องทำงานเขาดีไหมคะ”
ชัชชนม์หัวเราะขำในความแสบของชมพูนุช “ก็ไม่เลวนะ เอ๊ะ แต่ผมว่าผมมีความคิดที่ดีกว่านั้นนะ ถ้าเขาหาคุณในกรุงเทพฯ เราก็ไปหลบต่างจังหวัดสิครับ”
“หืม”
“ไหนๆ วันนี้เราก็ลาแล้ว ไปใช้วันลาให้คุ้มดีกว่า คุณมีที่ๆ อยากไปไหม”
จังหวะนี้เอง ชมพู่หวนคิดถึงพ่อขึ้นมาจับใจ
“มีค่ะ ฉันอยากกลับบ้านไปหาพ่อ”
ด้านพุฒิพัฒน์ลงมาที่หน้าตึกช่องอินฟินิตี้ มองหาสองคน จนเห็นรถชัชชนม์วิ่งผ่านหน้าไป และเห็นชมพู่และชัชชนม์หันมามองจ้องก็โลดแล่นตามไป ตะโกนเรียกรปภ.เสียงดังลั่น
“บอกคนให้เอารถผมออกมาเดี๋ยวนี้เลย”
พุฒิพัฒน์วิ่งกลับเข้าไปในตึก
ฝ่ายดนัยอยู่ตรงกล้องเตรียมแคสติ้งงานโฆษณา ภาพจากเลนส์กล้องจับไปที่ฉาก เป็นโต๊ะเล็กๆ มีเก้าอี้สองตัววางอยู่สองข้าง และมีเค้กวางอยู่ตรงมุมห้อง สักครู่หนึ่งดนัยได้ยินเสียงเปิดประตู
“เชิญเลยครับ”
แพรวแพรเข้ามาพร้อมกับจอย ทั้งสองสาวหน้าตาบูดบึ้ง
ดนัยตกใจ “เอ่อ ขอคนเดียวครับ”
“ขอแพรวเริ่มก่อนนะคะ แพรวรีบ”
จอยไม่ยอม “ทุกคนเขาก็รีบทั้งนั้นน่ะค่ะ”
“อ่ะๆ งั้นแคสต์พร้อมกันเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวสมมติว่าพวกคุณเป็นเพื่อนรักกัน”
ดนัยหันมา เห็นแพรวแพรกับจอยมองเขม่นกันอยู่ ก็เริ่มหวั่น
“อ๋อ ไม่มีปัญหาค่ะ แพรวเป็นมืออาชีพ”
ดนัยบรีฟงานแคสต์ต่อ “ครับ...สถานการณ์คือ นี่เป็นวันเกิดคุณจอย แล้วคุณแพรวแพรมาเซอร์ไพรส์ เล่นยังไงก็ได้ ให้ดูเป็นเพื่อนรักกันมากๆ นะครับ พร้อมแล้วเริ่มเลย”
จอยนั่งอยู่ในเซ็ต เห็นแพรวแพรหยิบเค้กมามองแล้วยิ้มในสีหน้า จนจอยเริ่มระแวง
แพรวแพรเล่นอย่างสดใส แต่ดูน่ากลัว “จอยหลับตาสิจ๊ะ”
จอยหวั่นใจ กลัวโดนโปะเค้ก แต่ต้องทำเป็นสดใสกลับไป “มีอะไรเหรอแพรว”
“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ หลับตาเร้ว...”
“อ๋อ เค้กใช่ไหม” จอยชิงจานเค้กจากแพรวมาจนได้ “เรามากินกันเถอะ”
ดนัยมองผ่านกล้องแล้วรู้สึกแปลกๆ ส่วนแพรวแพรชักหวั่นว่าจอยจะปาเค้กใส่
จอยจับมือแพรวแพรดึงมาหา “มานี่เร็ว”
“เราลดความอ้วน” แพรวแพรยื้อมือไว้ และพยายามจับที่จานเค้กดันออก “เราป้อนให้ไหม”
ดนัยเห็นท่าไม่ดีสั่งเสียงดัง “คัต! เอาเค้กไปไว้ที่อื่นดีกว่าครับ เดี๋ยวเปลี่ยนซีนเล็กน้อย”
แพรวแพรวางเค้ก “เสียเวลาหน่อยนะคะคุณดนัย พวกไม่มืออาชีพ ก็เป็นแบบนี้แหละโน่นก็ไม่ทำ นี่ก็ไม่ได้” แพรวแพรหันมายิ้มหยันใส่จอย “วันนี้น่ะ ไม่มีใครโง่มาทำอะไรแทนเธอแล้วนะ”
จอยงง “หมายความว่าไง”
แพรวแพรเหยียดยิ้มให้ “รอยตบหายยังล่ะ โดนเพื่อนสนิทตบมันน่าจะหายช้าเนอะ”
“ลองดูหน่อยไหมล่ะ” จอยแค้น ท้ากลับ
ดนัยร้องห้าม “เดี๋ยวครับ ยังไม่ได้เริ่มถ่ายเลย”
แพรวแพรไม่สนใจฟัง “ก็เอาสิ”
จอยตบแพรวแพร แต่อีกฝ่ายก้มหลบทัน แล้วหันไปหยิบเค้กปาไปใส่จอย
“คัต!”
ดนัยเดินเข้ามาขวาง เลยโดนเค้กปาหน้าเต็มๆ แพรวแพร และจอย อึ้งไป ส่วนดนัยค่อยๆ ปาดเค้กออกจากหน้า
“เรียบร้อยแล้วครับ เชิญกลับได้”
แพรวแพรอ้อน “แคสต์อีกสักฉากสิคะ”
ดนัยเสียงเข้ม “กลับ ครับ”
สองสาวเดินหน้าบูดกระแทกส้นเท้ากลับออกไปอย่างขัดใจ
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
เลม่อน เดินนำจอย กลับเข้ามาในโถงบ้านป้าดวงเดือนอย่างสุดเซ็งกันทั้งคู่
“เพราะนังแพรวคนเดียวเลย ไม่งั้นแกก็ได้งานไปแล้ว โอ้ย หงุดหงิด หงุดหงิดๆๆๆๆๆ” เลม่อนบ่น
ไผ่เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำครับพี่เลม่อน”
เลม่อนอารมณ์ดีขึ้นมาทันควัน “ขอบใจจ้ะ”
“นี่เราต้องโดนยัยแพรวแพรแกล้งไปถึงเมื่อไรคะ ทำไมเราต้องยอมมันด้วย”
เลม่อนมองไผ่แล้วยิ้มเยิ้ม “ใครว่าเราจะยอม” กะเทยบึกตั้งสติใหม่ สวมมาดโหด “ใครว่าเราจะยอม”
“งั้นทำไงดีล่ะคะ” จอยหันมาถามไผ่ “ไผ่ นายต่อยคนเป็นไหม”
ไผ่ส่ายหน้า มองตาแป๋ว
เลม่อนโวยวาย “เฮ้ยๆ ยังไงนังแพรวแพรมันก็เป็นผู้หญิงนะ จะส่งน้องไผ่ไปต่อยได้ไง”
“เปล่า จอยจะให้ไผ่ไปจัดการแฟนมันต่างหาก”
เลม่อนหูผึ่ง “นังแพรวแพรมีแฟน”
“ใช่ หน้าตาท่าทางเหมือนพวกขายยาเสพติดเลยค่ะ”
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟนนังแพรวแพรขายยาเหรอ”
“ไม่รู้อะเจ๊ จอยเห็นพวกมันลับๆ ล่อๆ ส่งซอง...เหมือนซองยาอ่ะ”
เลม่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันมีวิธีแล้วล่ะ ถ้าเราสืบได้ว่านังแพรวแพรเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เราก็จะแฉให้นักข่าวรู้ เท่านั้นแหละชื่อเสียงค่ายยัยเจ๊เปรมจิตก็จะพังพินาศ ตายยกรัง ฮ่าๆๆๆๆ”
กะเทยผิวหมึกหัวเราะคิกคัก แล้วแกล้งทำน้ำกระฉอกใส่เสื้อไผ่
“อุ๊ย ขอโทษจ้ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเปลี่ยนเสื้อนะครับ”
ไผ่ถอดเสื้อแล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน เลม่อนระทวย มองตามตาเยิ้ม
อีกฟาก ฟ้าเปิดผ้าพันแผลออก เพื่อทำความสะอาด พบว่าแผลถลอกยาว ฟ้าทำแผลด้วยความเจ็บแสบ สักครู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เห็นเปรมจิตเปิดเข้ามากับคิตตี้ ฟ้ารีบเอาขาหลบ ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมไว้
“มีอะไรเหรอคะเจ๊”
“เป็นไงบ้างฟ้า”
“ดีขึ้นมากเลยค่ะ”
เปรมจิตเปิดผ้าคลุมออก เห็นแผลที่ขาฟ้ายังไม่แห้งก็ส่ายหัว
ฟ้าฝืนยิ้ม “อีกไม่กี่วันก็แห้งแล้วค่ะ ฟ้าจะดูแลแผลอย่างดีเลยค่ะ”
“คงจะเป็นแผลเป็นสิอย่างนี้”
“ทำใจเถอะ เราไปประกวดไม่ได้หรอก” คิตตี้ว่า
ฟ้าน้ำตาคลอเบ้า “แต่มีหมอคนนึงเก่งมากเลยนะคะ เขารับประกันเลย ว่าจะกลับมาได้เหมือนเดิมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แล้วหมอที่ว่านี่ต้องจ่ายเท่าไรเหรอ” คิตตี้ย้อนถาม
ฟ้าชะงักไป
“ที่นี่ ไม่ใช่บ้านมหาเศรษฐีนะฟ้า งบแต่ละปีก็มีจำกัด ถ้าเอามารักษาขาเธอ ก็คงไม่เหลือไปถึงคนอื่น” คิตตี้ว่า
“ฟ้าสัญญาค่ะ ถ้าได้รางวัลมา ฟ้าจะคืนทุกบาทเลย”
เปรมจิตถามขึ้นว่า “แล้วมั่นใจเหรอว่าจะได้รางวัล”
ฟ้านิ่งงันไป
“เจ๊อยู่ในวงการมานาน รู้ดีว่าควรลงทุนกับใคร บอกตามตรงนะ อย่างฟ้าน่ะไปได้ไกลสุด ก็แค่ 10 คนสุดท้ายเท่านั้นแหละ”
ฟ้าไหว้อ้อนวอนขอร้องเปรมจิต “เจ๊ขา ฟ้าขอร้องนะคะ”
“จะหาว่าเจ๊ใจร้ายก็ได้ แต่นี่คือธุรกิจ เจ๊ต้องลงทุนกับสิ่งที่เจ๊คิดแล้วว่าคุ้มค่าเท่านั้น”
“ดาวน่ะเหรอคะ”
“เข้าใจเจ๊ด้วยนะ”
ฟ้าร้องไห้ออกมา เสียใจมากที่ได้ยินแบบนั้น
ในขณะที่รถชัชชนม์แล่นมาตามถนนในบรรยากาศร่มรื่นเขียวขจีของต่างจังหวัด
ส่วนอีกฟากพุฒิพัฒน์กำลังวิ่งวุ่นตามหาสองคน เขาขับรถมาจอดหน้าบ้านชัชชนม์ ลงรถมาเจอดนัย แต่ไม่พูดไม่จา บุกเข้าไปในบ้านหาชัชชนม์จนทั่วแต่ไม่เจอ ก่อนจะกลับออกไปด้วยความโมโห ท่ามกลางความงุนงงของดนัย
ถัดจากนั้นผอ.ช่องอินฟินิตี้ ขับรถไปหาชมพู่ที่บ้านป้าดวงเดือน เจอเลม่อน แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง รอจนพุฒิพัฒน์เดินหัวเสียพ้นประตูบ้านไปแล้ว เลม่อนจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูไลน์จากชมพู่ที่ส่งข้อความมาออดอ้อนขอร้องว่า
“อย่าบอกคุณพุฒิเด็ดขาดนะคะ ว่าชมพู่ไปไหน”
“เดี๋ยวซื้อลูกตาลไปฝากน้า”
“รักเจ๊ที่สุด”
พุฒิพัฒน์ขับรถมาหักจอดพักข้างทาง ชายหนุ่มลงจากรถ แล้วเหวี่ยงประตูรถปิดอย่างแรง ด้วยความโมโห ใช้ความคิดว่าสองคนน่าจะไปไหน
ชัชชนม์ขับรถมาถึงบ้านชมพู่ ที่บ้านตาลชุม เพชรบุรี โดยปลอดภัย ชมพู่รีบลงรถมองตัวเรือนอันทรุดโทรมด้วยความคิดถึง ชัชชนม์ตามลงมา ยิ้มพลางผายมือเชิญให้ชมพู่ขึ้นบ้านไปตามสบาย ชมพู่ยิ้มขอบคุณวิ่งตื้อขึ้นบันไดเรือนไป ปากร้องตะโกนหาพ่อไปตลอดทาง
“พ่อจ๋า พู่กลับมาแล้ว”
ชัชชนม์มองตามไปด้วยความเอ็นดู
ชมพู่วิ่งเข้ามาในห้องพ่อด้วยความดีใจ แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นแช่มนอนอิดโรยอยู่บนฟูก มีถ้วยข้าวต้มเต็มถ้วยวางอยู่ และยาที่ยังไม่ได้กิน วางอยู่ข้างๆ
“พ่อ”
ชมพู่ใจหาย รีบเข้าไปดูใกล้ๆ แช่มลืมตาเบิกโพลงมองลูกสาวส่งเสียงอ้อแอ้ๆ ด้วยความดีใจ
“พ่อ...พู่มาหาพ่อแล้วนะ” ชมพู่มองชามข้าวต้มและยาแล้วใจเสีย “ทำไมไม่มีใครมาป้อนข้าวพ่อเลย แม่อยู่ไหน แม่ แม่”
ชมพู่ตะโกนออกไปนอกห้องหาสร้อย เสียงดังลั่น จนชัชชนม์ตามเข้ามาพูดปลอบ
“ชมพู่ใจเย็นๆ”
ชมพู่กอดพ่อด้วยความรักและเป็นห่วง สุดท้ายร้องไห้ออกมา
“นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันทิ้งพ่อไปได้ยังไง”
“คุณไม่ได้ทิ้งท่านเลยชมพู่ แต่คุณกำลังทำให้ท่านมีชีวิตที่ดีขึ้นต่างหาก” ชัชชนม์ปลอบ
“แต่ฉันทนเห็นพ่อเป็นแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะไม่ประกวดแล้ว ฉันจะกลับมาอยู่ดูแลพ่อ”
ชัชชนม์ดึงสติชมพู่กลับมา ”คุณฟังผมนะ ถ้าคุณอยู่ที่นี่ อย่างมากคุณก็ทำได้แค่ อยู่ป้อนข้าว ป้อนยาท่าน แต่ถ้าคุณไปประกวด ความสำเร็จของคุณ จะทำให้ท่านได้การรักษาที่ดี พ่อคุณอาจจะหายก็ได้ เชื่อผมเถอะ มันจะคุ้มค่า”
ชมพู่กอดพ่อร้องไห้เป็นที่น่าเวทนา
ทางด้านแพรวแพรเดินมาที่หยุดหน้าห้องนอนดาว สักครู่ดาวเปิดประตูออกมา แล้วเดินลงไปข้างล่าง แพรวแพรฉากหลบ รนจนดาวเดินพ้นออกไปแล้ว จึงรีบแอบเข้าไปในห้องดาว
เมื่อเข้ามา แพรวแพรมองหากระบอกน้ำส่วนตัวของดาวตรงหัวเตียง เปิดฝาออก เตรียมเทยาลงไปในนั้น
เสียงฟ้าดังขึ้น “นั่นอะไรเหรอคะ”
แพรวแพรหันมาอย่างตกใจ
“ฟ้า...เธอห้ามบอก”
“ฟ้าแค่อยากจะรู้ ว่าพี่กำลังจะทำอะไรดาว” ฟ้ารวบสติก่อนจะบอกไปว่า “ฟ้าจะได้ช่วย”
แพรวแพรชะงัก “หมายความว่า...”
“ถ้าวันไหนท้องฟ้าไม่มีดาว คนก็จะสนใจมองท้องฟ้า ใช่มั้ยคะพี่แพรว”
แพรวแพรยิ้มชั่วสมใจออกมา
เหตุการณ์ที่บ้านตาลชุม รอจนพ่อหลับ ชมพู่พาชัชชนม์มาเดินดูสวนตาล สีหน้าของชมพู่ยังดูเศร้าหมองไม่คลาย ด้วยกังวลเรื่องแช่ม
“ที่นี่อากาศดีนะครับ”
“ค่ะ เวลาเครียดๆ มาเดินเล่นที่นี่ก็ดีขึ้นนะคะ”
“แล้วมาบ่อยไหมครับ”
“ทุกวันเลยล่ะค่ะ”
“โห คุณคงจะเครียดมาก”
“อ๋อ ไม่ใช่หรอกค่ะ พู่มาทำงาน”
“ทำงาน” ชัชชนม์มองฉงน
ชมพู่ยิ้ม
ทั้ง 2 คนลงนั่งที่แคร่พักใต้ต้นตาล ชมพู่ปอกตาลอย่างคล่องแคล่ว ชัชชนม์มองดูอย่างอึ้งๆ ชมพู่ปอกเสร็จยื่นลูกตาลให้เขาชิม
“แล้วต้นตาลสูงๆ เนี่ย คุณก็ปีนขึ้นไปเองด้วยเหรอ?
“ค่ะ ไม่เชื่อเหรอ เดี๋ยวฉันปีนให้ดูก็ได้”
ชมพู่จะปีนต้นตาลโชว์ให้ดู ชัชชนม์รั้งไว้
“ไม่ต้องครับไม่ต้อง แค่เห็นปอกเปลือกลูกตาลผมก็เชื่อแล้ว อาชีพปาดตาล นี่มันตรงข้ามกับเลขาหรือนางงามสุดขั้วเลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเข้ากรุงเทพไปทำงานแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ทำ ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมารักษาพ่อ”
“แต่คุณก็ยังโชคดี ที่ยังมีพ่อให้ได้ดูแลนะครับ ผมสิไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
“เสียใจด้วยนะคะ แล้วแม่คุณล่ะคะ”
ชัชชนม์ชะงักไป
“เขาทิ้งผมกับพ่อไปมีชีวิตที่ดีกว่ากับครอบครัวใหม่แล้วล่ะครับ”
“ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันนานมากแล้ว จนผมลืมไปแล้ว ว่าการมีแม่มันเป็นยังไง”
ชมพู่จับมือชัชชนม์ แล้วยิ้มเป็นกำลังใจให้ ชัชชนม์ยิ้มตอบ รู้สึกดีๆ กับชมพู่มากขึ้นๆ
บนโต๊ะหัวเตียงมีแก้วน้ำมะพร้าววางอยู่ ฟ้าหยิบซองยาขึ้นมาดู ฉีกซอง แล้วค่อยๆ เทใส่ในแก้วคนให้เข้ากับน้ำมะพร้าว
ระหว่างนี้ดาวเดินเข้ามาในห้อง เห็นฟ้าก็งง
“ฟ้า”
ดาวเดินเข้าไปหาเพื่อน ฟ้าลุกขึ้นมาสวมกอดดาว
“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่น่าพาลใส่แกแบบนั้นเลย เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ฉันไม่อยากทะเลาะกับแกแล้ว”
“ได้สิฟ้า นี่แกยกโทษให้ฉันแล้วใช่ไหม” ดาวยิ้มกว้าง ดีใจสุดขีด
ฟ้าพยักหน้า “ก็มันเป็นอุบัติเหตุนี่ แต่ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนี้นะ ที่ทำให้ฉันได้รู้ว่าคนที่รักฉันจริงๆ คือใคร ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็มีแต่แกเนี่ยแหละที่คอยเป็นห่วงฉัน” ฟ้าร้องไห้ “ขอโทษนะดาว ที่ฉันเข้าใจแกผิด”
ดาวหลงเชื่อเต็มๆ โผเข้าไปกอดปลอบฟ้า
“ไม่เป็นไรฟ้า เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”
“ขอบใจนะ”
ฟ้ายิ้มแล้วจะเดินออกไป ถูกดาวเรียกไว้ “เดี๋ยวฟ้า แกลืมน้ำ”
“ฉันเอามาให้แก เขาว่าน้ำมะพร้าวกินแล้วผิวสวย รีบกินให้หมดนะ เดี๋ยวหายเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
ดาวยิ้มให้ ฟ้ายิ้มตอบแล้วเดินออกจากห้องไป ดาวดื่มน้ำมะพร้าวจนหมดแก้วแล้ววางลงแต่พลาดทำแก้วตก ดาวเริ่มรู้เริ่มสึกมึนๆ ขยับเดินไปได้หนึ่งก้าวก็ทรุดลงกับพื้น พิงเตียงไว้ หัวใจเต้นแรงขึ้น ดาวเริ่มคุมสติตัวเองไม่ได้ โลกหมุนติ้วๆ
ฟ้ารอจังหวะอยู่ เปิดประตูกลับเข้าห้องมา พร้อมแพรวแพรและท็อปที่เดินตามมา
“ทำไมดาวดูแปลกๆ มันไม่ใช่ยานอนหลับเหรอคะ”
แพรวแพรบอกว่า “มันดียิ่งกว่ายานอนหลับเสียอีก”
ดาวสะลืมสะลือ รู้สึกร้อนวูบวาบทั่วร่าง เพราะฤทธิ์ยา
“เอาละ ออกไปกันได้ละ เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” ท็อปบอก
“เดี๋ยวค่ะ คุณท็อป ฟ้าขอมือถือไว้ได้ไหม”
“ฉันไม่โง่ถ่ายคลิปแบลคเมลดาวหรอกน่า ถ้าถ่าย ฉันก็ซวยไปด้วยสิ”
“ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน จบเรื่องแล้วฟ้าจะคืนให้”
ท็อปยอมให้มือถือกับฟ้าอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะมองไปยังร่างดาวอย่างหื่นกระหาย
อ่านต่อหน้า 3
มงกุฎริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
แพรวแพร กับฟ้า เดินออกมาหน้าห้องนอนดาว
“ขอบใจนะฟ้า” แพรวแพรเดินยิ้มร่าออกไป
ฟ้าหยิบมือถือท็อปขึ้นมา ไปที่ไลน์ แล้วหยิบมือถือดาวขึ้นมาเปิดที่ไลน์ แล้วจัดการแอดทั้งสองเครื่องนี้เป็นเพื่อนกัน
“แกชอบมือถือเครื่องใหม่มากใช่ไหมดาว แกจะได้ใช้ประโยชน์จากมันสมใจเลยล่ะ”
ฟ้าพิมพ์จากเครื่องดาวว่า “เหงาจัง” แล้วส่งไปที่เครื่องท็อป
ฟ้ามุ่งมั่นมาดหมายจะแก้แค้นดาวเอามากๆ
เปรมจิตเดินจะขึ้นชั้นบน แพรวแพรทำทีเป็นเดินเข้ามาหา
“เจ๊คะ เจ๊เห็นดาวไหมคะ”
“ไม่เห็น มีอะไรเหรอ”
“แพรวเข้าห้องไม่ได้อะค่ะ เคาะก็ไม่มีคนเปิด”
“เอากุญแจสำรองไปไขสิ” คิตตี้ว่า
“เอ่อ แพรวหาพี่อาโปไม่เจออะค่ะ เจ๊พอมีกุญแจสำรองไหมคะ”
เปรมจิตรำคาญ “โอ๊ย เรื่องมากจริง คิตตี้ไปเอาให้หน่อยละกัน”
แพรวแพรร้อนใจพยายามคิดหาวิธีจูงใจให้เปรมจิตไปเปิดประตูห้องดาวให้ได้
ท็อปถอดเสื้อเปลือยท่อนบน โถมตัวเข้าไปนัวเนียดาว และพยายามจะถอดเสื้อดาวออก ดาวปัดป้อง ท็อปตกใจกลัวว่าดาวจะได้สติ แต่กลายเป็นว่าดาวจัดการถอดเสื้อตัวเองเองออก ท็อปยิ้มกริ่ม
ขณะเดียวกัน คิตตี้เอากุญแจมาให้แพรวแพร
“เอามาคืนด้วยล่ะ”
แพรวแพรบอกกับเปรมจิต “เจ๊ไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอคะ”
เปรมจิตหงุดหงิดใส่ “จะบ้าหรือเปล่า จะให้ฉันขึ้นไปทำไม ไปๆ รำคาญ”
“มานี่มา ชั้นไปเปิดเอง”
คิตตี้ดึงแพรวแพรไป เปรมจิตจะเดินไปที่ห้องรับแขก เจอฟ้าสวนออกมาพอดี
“เจ๊คะ ฟ้าเก็บมือถือของดาวได้ค่ะ”
ฟ้ายื่นมือถือดาวมาตรงหน้า เปรมจิตมองฉงน สีหน้าประหลาดใจ
ท็อปกำลังจะถอดเข็มขัดกางเกงดาวออก ทันใดนั้นเปรมจิตก็เปิดประตูผลัวะเข้ามา ท็อปตกใจกระโจนลงจากเตียงมาหาโดยไว
“เอ่อ ที่รัก ผมอธิบายได้นะ”
เปรมจิตกับคิตตี้เดินผ่านหน้าท็อปตรงไปที่ดาวซึ่งยังนอนเคลิ้มไม่ได้สติ แถมงัวเงียมาเกาะตัวเปรมจิต
“มานี่ มามะ”
คิตตี้มองจ้อง “นังดาว แกอัพยาอะไรเข้าไป”
“มาสิค้า”
เปรมจิตหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหัวเตียงสาดใส่หน้าดาวจังๆ จนดาวสะดุ้ง
“มันได้สติเมื่อไร พามันลงมาหาฉันข้างล่าง”
เปรมจิตสั่งคิตตี้อย่างโกรธแค้น พร้อมกันนี้ยังมองจ้องหน้าท็อปด้วยแววตาน่ากลัว แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง
ฟ้ายิ้มในสีหน้า สะใจ สมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ดาวยังคงงัวเงียไม่ได้สติ
ทางด้านชมพู่เดินลงมาส่งชัชชนม์ที่รถ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ยินดีครับ แล้วพู่จะกลับกรุงเทพฯ วันไหน ผมจะได้มารับ”
“นี่ คุณพุฒิไม่ได้อยู่แถวนี้ซะหน่อย ไม่ต้องแกล้งจีบกันให้เขาหึงแล้วค่ะ”
ชัชชนม์เขิน “อ๋อ...ครับ ...แต่ผมมาส่งแต่ไม่รับกลับมันดูยังไงๆ นะครับ”
“คุณชัชมีงานต้องทำไม่ใช่เหรอคะ เดี๋ยวพู่นั่งรถทัวร์กลับเองได้ สบายมากค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ชัชชนม์เดินไปขึ้นรถ ขับออกไป ชมพู่มองส่ง
จังหวะนี้มีเสียงของตกในบ้านดังขึ้น ชมพู่มองขึ้นไปเห็นหน้าต่างบ้านเปิดอ้า
“พ่อ”
ชมพู่รีบขึ้นบ้านด้วยความร้อนใจ ขณะจะเปิดประตูห้องนอนพ่อ แต่กลับเจอพุฒิพัฒน์เปิดประตูสวนออกมาพอดี
“สวัสดี”
ชมพู่อึ้ง
ฟากดาวเพิ่งได้สติ นั่งรอเปรมจิตอยู่ สักครู่ เปรมจิต กับ คิตตี้ เดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าดาว
“ดาวไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ รู้ตัวอีกทีก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
“แกเล่นยานังดาว” คิตตี้จ้องหน้า
“ไม่ได้เล่นค่ะ ดาวไม่มีทางเล่นยาเด็ดขาด ต้องมีคนวางยาดาว”
คิตตี้คิดปราด “หรือว่าจะเป็นท็อป”
เปรมจิตแว้ดใส่ “หุบปากนังคิตตี้”
ดาวอธิบาย “ดาวไม่คิดจะยุ่งกับคนของเจ๊แน่ๆ ค่ะ ดาวไม่มีทางหักหลังเจ๊แน่ๆ ค่ะ ดาวสาบาน”
เหมือนเปรมจิตจะเชื่อ “อืม ฉันคงต้องเชื่อเธอจริงๆ”
ดาวฟังแล้วโล่งอก
“ถ้าฉันไม่เจอนี่ซะก่อน”
เปรมจิตโยนมือถือคืนให้ ดาวรีบหยิบมาดู พบว่าเป็นหน้าแชทไลน์ที่เธอคุยกับท็อป
ดาวส่งทักไปว่า “เหงาจัง”
ท็อปตอบ “เดี๋ยวจะไปทำให้หายเหงานะ”
ดาวตอบอีกว่า “รีบมานะคะ ดาวไม่ไหวแล้ว”
ท็อปส่งสติ๊กเกอร์รูปจูบส่งมา
ดาวอ่านดูเสร็จ จะแก้ตัวแต่เปรมจิตไม่ฟัง
“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
“แต่ดาวไม่ได้...”
“แกจะได้กับใครฉันไม่สนใจ แต่คนของฉันมันอยากได้แก ฉันทนไม่ได้” เปรมจิตหันไปตะโกนเรียกคิตตี้ “คิตตี้”
คิตตี้เดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของดาวมาให้ เปรมจิตรับมาแล้วโยนใส่หน้าดาว
“แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก”
ดาวโกรธ มั่นใจว่าต้องมีคนแกล้งแน่ๆ
ดาวถือกระเป๋าเดินฉุนฉียวออกมาจากบ้าน อยากรู้ว่าใครแกล้ง เจอแพรวแพรนั่งยิ้มหยันดักรออยู่
“กลับบ้านนอกดีๆนะดาว ถือซะว่ามาเที่ยวกรุงเทพฯ ละกันเนอะ”
ดาวคุมแค้น “ฝีมือแกใช่ไหม”
“แค่ช่วยเก็บของใส่กระเป๋าให้นิดเดียวเอง ไม่ต้องขอบใจหรอก”
ดาวทิ้งกระเป๋าถลันเข้าไปตบ แต่แพรวแพรตั้งรับจับมือรั้งไว้
“แกแกล้งฉันใช่ไหม”
“ไปถามเพื่อนรักแกดีกว่า”
ดาวงง “เกี่ยวอะไรกับฟ้า”
“ลองนึกดีๆสิ ว่าคนสุดท้ายที่อยู่กับแก ก่อนที่แกจะเกิดอาการคันคะเยอน่ะ คือใคร”
น้ำเสียงอันสะใจนั้นทำเอาดาวชะงักงัน นิ่งนึกทบทวนเหตุการณ์
ตอนนั้นดาวจำได้ว่าตัวเองเริ่มมึนแทบไม่ได้สติ ใบหน้าฟ้าเป็นภาพสุดท้ายที่เธอเห็น ก่อนทุกอย่างจะเบลอไป พร้อมๆ กับสติที่ดับวูบลง
ยิ่งคิดดาวยิ่งหวั่นใจว่าฟ้ามีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้
“ไหนจะเรื่องแชทนั่นอีก คิดว่าฉันจะรู้รหัสเข้าเครื่องแกได้งั้นเหรอ” แพรวแพรว่า
“ฉันไม่เชื่อ ฟ้าเค้าให้อภัยฉันแล้ว”
“เฮ้อ แล้วเพื่อนรักแกตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าอภัยจริง ก็น่าจะมาส่งกันหน่อยนะ”
แพรวแพรเดินลอยหน้าลอยตาเข้าบ้านไป ดาวมองตามอย่างขุ่นเคือง
ดาวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูด้วยความสับสน ไล่ดูไลน์ ทั้งที่คุยกับท็อปล่าสุด และย้อนดูตอนคุยกับชมพู่
ดาวแปลกใจเมื่อเห็นไลน์ชื่อตัวเองใช้พิมพ์ไปหาชมพู่ว่า
“ชมพู่ นี่ฟ้านะ มาเจอตอนนี้ได้ไหม ฟ้าไม่ไหวแล้ว”
คำว่า “นี่ฟ้านะ” ทำให้ดาวถึงบางอ้อ ว่าฟ้าแอบมาใช้เครื่อง และปะติดปะต่อเรื่องราวออก ทำไมวันนั้นเธอหามือถือไม่เจอ
“ฟ้า”
ดาวอัดอั้นคับแค้นใจเหลือแสน จนน้ำตาไหลพรูออกมา
ค่ำนั้น ทันทีที่ชัชชนม์กลับเข้ามาในบ้าน ดนัยซึ่งรออยู่ก็ถามขึ้นทันที
“มาแล้วเหรอ แกรู้ไหม แกไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง
“อย่าเพิ่งกวนได้มั้ย คนกำลังอารมณ์ดีอยู่”
“ไปทำอะไรมาวะ อารมณ์ดี? หรือว่าแกกับคุณชมพู่...” ดนัยทำมือปั่มปั๊ม แทนคำถาม
“ไอ้บ้า ทะลึ่งให้มันมีขอบเขตหน่อย”
“ฉันจะเดาว่าไปเที่ยวงานวัดแล้วแล่นรถบั๊มมาโว้ย ทะลึ่งยังไง แหม ร้อนตัวนะ หรือว่าจะจริง”
เสียงกริ่งบ้านดังขึ้น
สองหนุ่มสั่งพร้อมๆ กัน “ไปเปิดดิ๊”
ดนัยนั่งลงทันที
“แกยืนอยู่ แกไปเปิดเลย”
ชัชชนม์เดินเซ็งๆ ออกไป
พอชัชชนม์เปิดประตูรั้วออกมาหน้าบ้าน เจอดาวถือกระเป๋าเสื้อผ้ายืนหน้าเศร้าอยู่ ก็งุนงง และ แปลกใจเอามากๆ
“ดาว”
พอชมพู่ขึ้นมาบนเรือน เจอพุฒิพัฒน์ยืนรออยู่ตรงนอกชานก็ตกใจ ผอ.หนุ่มจอมเหวี่ยง ตรงเข้าจับข้อมือลากชมพู่จะพาไป
“มากับผมเดี๋ยวนี้”
ชมพู่สุดทนสะบัดมืออกแล้วตบหน้าพุฒิพัฒน์ดังเผียะ
“เลิกยุ่งกับชีวิตฉันซะที”
ชมพู่พุ่งเข้าห้องแช่มผู้เป็นพ่อ แต่พบเพียงที่นอนว่างเปล่า
“พ่อ! พ่อไปไหน” ชมพู่ตกอกตกใจ ลนลานใหญ่
สร้อยได้ยินเสียงเอะอะ เดินเข้ามาดู
“กลับมาแล้วเหรอนังพู่”
ชมพู่ถลันมาหา “แม่ พ่อไปไหน”
“เมื่อกี้พ่อแกอาการกำเริบ ผัวแกเลยเรียกรถพยาบาลมารับไปแล้ว เค้ารอแกตั้งนานแล้ว จะรับโรงพยาบาลด้วยกัน”
ชมพู่อึ้ง ค่อยๆ หันไปมองพุฒิพัฒน์ ด้วยสีหน้าตกใจที่เข้าใจเขาผิด
แช่มนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี ตามแขนมีสายน้ำเกลือโยงอยู่ ชมพู่เปิดประตูเข้ามา เร่งถลาไปเกาะขอบเตียงพ่ออย่างรีบร้อน พุฒิพัฒน์ตามหลังมา
“พ่อ หนูขอโทษ หนูผิดเองที่ทิ้งพ่อไป” ชมพู่เสียใจเจียนจะร้องไห้ ขณะหันมาหาพุฒิพัฒน์ “พุฒิ ฉันขอโทษที่เข้าใจนายผิด แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยพ่อฉันไว้ ถ้าฉันมีเงินเมื่อไหร่ จะรีบคืนให้เร็วที่สุด”
“งั้นเธอก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ไปกับฉัน เพราะวิธีเดียวที่เธอจะหาเงินคืนได้เร็วที่สุดก็คือประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์”
ชมพู่อึดอัดใจ “ฉันว่า...ฉันจะไม่ลงประกวดแล้ว ฉันอยากอยู่ดูแลพ่อมากกว่า”
พุฒิพัฒน์เตือนความจำสาวเจ้า “เธอคงลืมสัญญาที่เธอเซ็นไว้แล้วสินะ ผู้ที่ได้ตำแหน่งเทพีเมืองเพชรต้องเข้าประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์ ถ้าไม่อย่างนั้นจะโดนค่าปรับ”
“แต่นายจะให้ฉันทิ้งพ่อไปได้ยังไง ไอ้สัญญาอะไรนั่น ควรมีมนุษยธรรมกันบ้างนะ”
“งั้นก็ตามใจ ตกลงจะไม่กลับไปประกวดแล้วใช่มั้ย” พุฒิพัฒน์ยกหูโทรศัพท์สายใน “ฮัลโหล คุณพยาบาลครับผมพุฒิพัฒน์นะครับ ผมขอเช็คเอาท์คนไข้ออกคืนนี้ แล้วก็ที่จองห้องวีไอพีกับที่จ้างพยาบาลส่วนตัวไว้ ก็ขอยกเลิกนะครับ”
ชมพู่กระวนกระวายสุดท้ายโพล่งขึ้น “เดี๋ยว”
พุฒิพัฒน์พูดบอกปลายสาย “เดี๋ยวครับ”
“ฉันยอมประกวดก็ได้”
“ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ ดูแลคนไข้คนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่โรงพยาบาลคุณจะทำได้”
พุฒิพัฒน์วางสาย ยิ้มกว้าง มองชมพู่อย่างผู้ชนะ เทพีเมืองเพชรฮึดฮัดขัดใจ แต่เพื่อพ่อจำต้องยอม
ฝ่ายดาวจิบนมอุ่นไปคำ ชัชชนม์ กับ ดนัย เฝ้ารอให้ดาวเล่าเหตุการณ์ที่ต้องระเห็จออกจากบ้านเจ๊เปรมจิตให้ฟัง
“ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงครับ ทำไมถึงโดนไล่ออกมาจากบ้านเจ๊เปรมจิต”
“ดาวไม่ขอเล่าดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่าคนในบ้านนั้นมีแต่พวกร้ายกาจทั้งนั้น พวกเค้าอิจฉาที่ดาวเป็นลูกรักของเจ๊เปรม ก็เลยกลั่นแกล้งจนโดนไล่ออกมาเนี่ยแหละค่ะ”
“อ้าว แล้วฟ้าล่ะครับ” ดนัยถาม
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เค้าเป็นพวกเดียวกัน” ดาวนึกเจ็บใจฟ้าอยู่ลึกๆ
ชัชชนม์สะดุดหู แปลกใจมาก “หมายความว่ายังไงครับ”
“เอ่อ...” ดาวไม่อยากเล่าเรื่องฟ้า เพราะกลัวสองหนุ่มจะหาว่าตนนิสัยไม่ดีแฉเพื่อนตัวเอง เลยแก้ต่างไปว่า “ดาวหมายถึงพวกนั้นเค้าไม่ได้อิจฉาฟ้าน่ะค่ะ เค้าคงไม่ทำอะไรฟ้าหรอก”
“ไม่เป็นไรนะครับ บ้านเรายินดีต้อนรับ คนกันเองอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ ดาวคงรบกวนไม่นานหรอก ถ้าหาที่อยู่ใหม่ได้ก็จะรีบย้ายไปเลยค่ะ”
“โอ๊ะๆๆ ไม่ต้องรีบครับ อยู่ได้นานๆ เลย เดี๋ยวให้ดาวมานอนห้องผมก็ได้” ดนัยยิ้มหื่น
“เฮ้ย” ชัชชนม์ตกใจ
“ฉันหมายถึงฉันจะไปนอนห้องเดียวกับแก แล้วให้ดาวนอนห้องฉัน”
“ห้องแกเละอย่างกับระเบิดลง ดาวเค้าจะไปนอนได้ยังไง ดาวครับ เดี๋ยวผมย้ายไปนอนกับไอ้นัยเอง ส่วนคุณนอนห้องผมได้ตามสบายเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไอ้นัย ไปช่วยกันย้ายของ”
สองหนุ่มลุกเดินขึ้นบ้านไป
ดาวหน้าเครียด ยังเจ็บใจแค้นใจฟ้าไม่หาย
อ่านต่อหน้า 4
มงกุฎริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฟ้าตื่นขึ้นมาตอนเช้า มองไปยังเตียงนอนแพรวแพร พบว่าว่างเปล่า จุงลุกเดินออกไปนอกห้อง
เมื่อเดินลงมาโถงข้างล่าง มองหาคนอื่นๆ แต่ไม่เจอใคร บ้านทั้งหลังว่างเปล่า
“พี่แพรว...พี่ลีน่า” ฟ้าเดินดูตามห้องอื่นๆ “พี่นรี...พี่สุนทรีย์”
พอไม่เจอใคร ฟ้าจึงตรงไปที่โทรศัพท์บ้าน กดโทร.หาแพรวแพร
“พี่แพรวคะ ตอนนี้ทุกคนอยู่ไหนกันหมดคะ”
น้ำเสียงแพรวแพรที่ดังออกมา ฟังดูเหวี่ยงๆ “เค้าก็มาสปาขัดหน้าขัดตัวกันน่ะสิ พรุ่งนี้เค้าจะไปสมัครมิสเพอร์เฟ็กต์กันแล้ว ...มีอะไร”
ฟ้าจ๋อย “อ้าว แล้วทำไมไม่มีใครเรียกฟ้าเลยล่ะคะ”
แพรวแพรแว้ดใส่ “แกเป็นใคร! เป็นแม่ฉันเหรอ ทำไมฉันต้องเรียก”
ฟ้าอึ้งไป “ก็ไหนว่าเราเป็นพวกเดียวกันแล้วไงคะ แล้วทำไม...”
“ไม่มีใครเป็นพวกใครทั้งนั้นแหละ หาทางเอาตัวรอดเองย่ะ เรื่องเมื่อคืนก็ขอบใจนะที่ช่วยกำจัดเสี้ยนหนามไปให้คนนึง แค่นี้แหละขอนวดหน้าก่อน”
ฟ้าอึ้งอีกที่แพรวแพรวางหูใส่ และพอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ ก็เริ่มรู้สึกเคว้งคว้างไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าพวกแพรวแพรจะทำอะไรตนรึเปล่า เพราะดาวก็ไม่อยู่แล้ว
เสียงโทรศัพท์บ้านดัง ฟ้ายกหูรับ
“สวัสดีค่ะ บ้านเจ๊เปรมจิตค่ะ”
“ฮัลโหล นั่นฟ้าใช่มั้ย”
ยินเสียงดาวดังลอดออกมา ฟ้าดีใจมาก
“ดาว นี่ฟ้าเอง ดาวอยู่ไหนเนี่ย”
“ถ้าเธอรู้ เธอคงจะกรี๊ดใส่ฉันจนเส้นเลือดในสมองแตกเลยล่ะ ลองทายดูสิ” ดาวเสียงเข้มใส่
“ดาว รีบบอกมาเถอะ”
ดาวกระแทกเสียงใส่ว่า “บ้านที่รักของเธอไง”
ฟ้าอึ้ง คาดไม่ถึง
“ขอบใจนะ ที่ทำให้ฉันถูกไล่ออกจากบ้านนรกหลังนั้น ไม่งั้นฉันคงไม่ได้มานอนอยู่บนเตียงอุ่นๆ ของคุณชัชแบบนี้หรอก ส่วนเธอ ฉันก็ขอให้มีความสุขกับบ้านเจ๊เปรมต่อไปละกัน” ดาววางสายไปเลย
“ดาว อย่าเพิ่งวางสาย ดาว”
ฟ้าเริ่มประสาทเสีย
อีกฟาก ชมพู่กำลังเช็ดตัวให้แช่มอยู่ในห้องพัก
“เมื่อวานหนูขอโทษนะพ่อ หนูแค่ไปเดินเล่นกับเพื่อนในสวนแค่แป๊บเดียว ไม่คิดว่าอาการพ่อจะกำเริบ แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ ต่อไปนี้พ่อจะอยู่ในความดูแลของหมอตลอดเวลา แล้วถ้าหนูประกวดเสร็จเมื่อไหร่ หนูจะรีบมารับพ่อกลับบ้านทันทีเลยจ้ะ อ้อ แล้วก็จะเอามงกุฎมาฝากพ่อด้วยนะ”
พุฒิพัฒน์เปิดประตู เดินเข้ามาหา
“ไปกันได้แล้ว”
ชมพู่ฉุนกึก “ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลไปสิ ผมจ่ายเงินค่าพยาบาลไปแล้ว”
“ระหว่างให้ลูกดูแลกับคนอื่นดูแลมันไม่เหมือนกันหรอกนะ นี่คุณไม่เคยมีพ่อหรือยังไง”
พุฒิพัฒน์ชะงัก นึกถึงไพศาล พ่อตัวเองที่เสียไปแล้ว
“วันนี้ขอฉันอยู่กับพ่อหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็ต้องหายไปประกวดตั้งหลายเดือนกว่าจะได้กลับ อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่ะ”
ชมพู่ใส่เสื้อให้แช่มอย่างอ่อนโยน
พุฒิพัฒน์เดินไปนั่งลงที่โซฟามุมรับแขก มองดูชมพู่ปรนนิบัติแช่ม ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายด้วยความประทับใจ
เช้าเดียวกัน ดาว กับ ชัชชนม์ ช่วยกันยกจานอาหารออกมาจากครัวหลังบ้าน เป็นข้าวต้ม และกับอีก 2-3 อย่าง
“ดาวไม่ต้องรีบหาที่อยู่ใหม่หรอกนะครับ อยู่ที่นี่ได้เลยนานๆ พวกผมจะได้ลาภปากไปด้วย ทุกทีเราไม่ค่อยได้กินข้าวเช้ากันหรอกครับ อย่างมากก็กาแฟกับไข่ลวก”
“บอกมาเลยค่ะว่าอยากกินอะไร ดาวจะทำให้กินทุกมื้อเลย ถือว่าเป็นค่าเช่าห้อง”
สองคนช่วยกันจัดโต๊ะยิ้มหัวให้กัน ดนัยเดินมาจากทางหน้าบ้าน
“ดาว ชัช ดูสิใครมา”
เป็นฟ้าที่เดินยิ้มเข้ามา มองจ้องหน้าท้าทายกันอยู่ในทีกับดาว โดยพยายามข่มอาการไม่ให้สองหนุ่มรู้
“อ้าว ฟ้า มาเยี่ยมดาวเหรอ มากินข้าวด้วยกันสิครับ”
“ค่ะ”
ดาว กับ ฟ้า จิกตาใส่กันไปมาหากมีโอกาส
เวลาผ่านไป ทุกคนลงนั่งร่วมโต๊ะอาหาร และเริ่มกินข้าวกัน
“ฟ้าเป็นห่วงดาวน่ะค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ดาวถูกเจ๊ไล่ออกจากบ้าน ฟ้าพยายามติดต่อดาวก็ติดต่อไม่ได้เลย”
“แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันอยู่บ้านนี้ฉันสบายดี ไม่ต้องคอยรบรากับพวกลอบกัด ชัชเค้ายกห้องนอนเค้าให้ฉันด้วยนะ ปลอดภัยกว่าอยู่บ้านนู้นตั้งเยอะ”
ดาวตักอาหารให้ชัชชนม์ ฟ้ามองตาขวางไม่พอใจ ดาวรู้ทันทำทีเป็นชวนคุย
“ว่าแต่แกเถอะ พวกนั้นทำอะไรแกบ้างรึเปล่า”
“ไม่อ่ะ พวกนั้นเค้าคงจะทำเฉพาะคนที่เค้าเกลียดจริงๆ ล่ะมั้ง”
“ก็โชคดีนะที่เค้าไม่เกลียดแก เค้าคงเห็นว่านิสัยใจคอเข้ากันได้ เลยน่าจะเป็นพวกเดียวกันได้”
ฟ้าโกรธที่โดนกัดหันมาทางสองหนุ่ม “ดาวเค้าเล่ารึยังคะ ว่าเค้าไปทำอะไรถึงได้ถูกไล่ออกจากบ้าน”
“ยังเลยครับ ตกลงมันเรื่องอะไรกันครับ”
“ก็ดาวน่ะสิคะ ถูกจับได้ว่าไป...” ดาวยังไม่ทันได้พูดจบว่า “ยุ่งกับผัวเจ๊” ดาวยิ้มพูดสวนออกไปทันที
“ฟ้า ฉันว่าเรื่องอะไรที่ไม่ดี ก็สงบปากสงบคำไว้ดีกว่า เพราะถ้าจะให้เล่า ก็คงต้องเล่าถึงคนที่มันวางแผนทำร้ายฉันด้วย แฉกันไปแฉกันมาแบบนี้ มันจะเป็นการสาวไส้ให้กากิน อายเค้าเปล่าๆ” ดาวกัดฟ้า แต่ยิ้มคุยกับชัชชนม์ “อย่าฟังเลยนะคะ เรื่องของคนชั่วๆ ไม่มีอะไรน่าฟังหรอก”
“แต่ผมชอบฟังนะครับ เล่ามาเถอะครับ” ดนัยอยากรู้
“ไอ้นัย คนเค้าไม่อยากเล่า หัดมีมารยาทซะบ้าง”
สองหนุ่มกินข้าวกันต่อ โดยไม่เห็นสายตาพิฆาตที่ดาวกับฟ้าแอบจิกใส่กัน
ชมพู่แกะส้มป้อนแช่ม พุฒิพัฒน์นั่งเฝ้า ที่โต๊ะอาหารในห้องยังมีถุงผลไม้ต่างๆ อีก 2-3 ถุง
ชมพู่แกะอีกจะป้อน แช่มส่ายหน้าว่า ไม่เอาแล้ว
“พ่อต้องกินเยอะๆ สิ นี่ส้มคุณพุฒิพัฒน์เชียวนะ ถ้าพ่อกินไม่หมด พู่โดนหักเงินเดือนด้วย เจ้านายพู่เค้าใจร้าย”
แช่มเลยยอมกิน พุฒิพัฒน์มองเหล่ รู้ว่าโดนแขวะ
สักครู่หนึ่ง สร้อยเปิดประตูผลัวะเข้ามา มองห้องอย่างตื่นตา
“แม้เจ้าโว๊ย ทำไมห้องมันไฮโซอย่างนี้วะ โรงพยาบาลหรือโรงแรมวะเนี่ย นังพู่ แกโชคดีมีผัวรวย แบ่งเงินให้กูใช้บ้างซิจะเอาไปต่อทุน”
“แม่! คุณพุฒิเป็นเจ้านาย ไม่ใช่ผัว”
“อีนี่ ไม่ต้องมาทำเหนียม เจ้านายกับลูกจ้างเค้าไม่มาเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้หรอก” สร้อยมองค้อนหมั่นไส้ชมพู่ แล้วเดินตรงไปหาพุฒิพัฒน์ “นี่คุณ ถ้าจะเอานังพู่ทำเมีย ก็ต้องตบแต่งให้มันสมฐานะนะรู้มั้ย แต่ถ้าจะแค่เอาเฉยๆ มันก็ต้องมีค่าสึกหรอกกันบ้าง ชั้นเลี้ยงมันมาเปลืองข้าวเปลืองปลาไปตั้งเท่าไหร่”
ชมพู่ปราม “แม่”
“แต่ตอนนี้ฉันขอซัก 5 พันสิ มีสดติดตัวมั้ย หรือมีแต่รูดๆ”
พุฒิพัฒน์ควักเงินสดมา 5 พัน ยื่นให้เพื่อตัดรำคาญ สร้อยตาโตรับมา หอมแก้มพุฒิพัฒน์ไปฟอดหนึ่ง
“มันน่ารักจริงๆ ลูกเขยคนนี้ ถ้ากูสาวกว่านี้กูเอาเองแล้ว ไม่หลุดมาถึงมึงหรอกอีพู่ กูไปนะ”
ก่อนจะออกไป สร้อยนึกบางอย่างได้ แว้บกลับเข้ามาหยิบถุงผลไม้ เอาไปหมดเลย
ชมพู่มองเจ้านายตาคว่ำ “นี่นาย! ให้เงินแม่ฉันไปทำไม”
“ค่ามัดจำไง”
“มัดจำอะไร”
“ก็ค่ามัดจำตัวเธอไง ถือว่าเขายกเธอให้ฉันแล้วนะ”
“บ้าเหรอ ตกลงกันเองก็แต่งกันเองละกัน พ่อ ยกแม่ให้คุณพุฒิเขาไปนะ เขาอยากได้”
แช่มสะดุ้งโหยง สำลักส้ม
ฝ่ายเลม่อนกับไผ่พากันย่องเข้ามาแถวหน้าบ้านเปรมจิต สองคนมองลอดรั้วเข้าไป
“ฉันว่านะ ถ้านังแพรวมันข้องเกี่ยวกับยาเสพติด มันก็ต้องข้องเกี่ยวกันทั้งบ้านแน่ๆ เดี๋ยวเราจะเข้าไปซุ่มดูในบ้านมัน”
“ครับ”
ไผ่เดินไปกดกริ่ง เสียงดังติ๊งหน่อง
“เฮ้ย! ทำอะไรของแก” เลม่อนปวดตับ ลากไผ่มาหลบข้างกำแพง
“ก็กดให้คนมาเปิดประตูไงครับ พี่บอกจะเข้าไปซุ่มดูไม่ใช่เหรอ”
เลม่อนชักฉุน “ไอ้บ้า ต้องไม่ให้ใครเค้ารู้สิยะ”
สองคนแอบอยู่สักพัก แต่ไม่เห็นมีคนมาเปิด
“เอ๊ะ เหมือนจะไม่มีใครอยู่บ้านนะ เราปีนเข้าไปเลยดีกว่า ไผ่ มาให้ชั้นเหยียบซิ”
คราวนี้ไผ่ดันฉลาดขึ้นมา “พี่เลม่อนตัวใหญ่กว่าผมอีกนะครับ”
“ฉันออกจะตัวเล็กบอบบาง! พูดมาได้ไง ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้”
ไผ่ตีปากตัวเอง 1 ที ตามที่กะเทยสั่ง
เลม่อนดึงไผ่มาเป็นฐาน แล้วปีนทิ้งตัวเข้าไปในบ้านก้นจ้ำเบ้า ร้อยโอดโอย
“โอ๊ย เป็นกะเทยแล้วต้องลำบากอย่างนี้เลยหรอวะ”
เลม่อนเงยหน้าขึ้น ภาพที่เห็นคือไผ่กำลังกระโดดลงมาจากกำแพง กะเทยผิวหมึกกรี๊ด
“แอร๊ย”
ไผ่กระโดดลงมาทับเลม่อนจังๆ
“โอ๊ย”
ไผ่ขยับออก “ขอโทษครับพี่”
“รุนแรงกับพี่เหลือเกินน้องเอ๊ย”
หลังทานอาหารเสร็จ ทั้ง 4 คนช่วยกันเก็บจานชามบนโต๊ะ
“ดาวกับฟ้าอยู่คุยกันเถอะครับ จานชามพวกนี้ผมจัดการเอง”
ชัชชนม์ยกจานออกไป ดนัยนั่งลงยิ้มแย้มจะคุยแจมด้วย ถูกชัชชนม์เรียก
“ไอ้นัย มาช่วยฉันล้าง”
ดนัยยิ้มแหะๆ ให้กับ 2 สาว
“เดี๋ยวผมมาคุยด้วยนะครับ”
รอจนสองหนุ่มพ้นตัวไป ฟ้าก็หันมาเอาเรื่องดาวทันที
“แกกำลังคิดจะทำอะไร ดาว”
“ก็ทำในสิ่งที่แกอยากทำ แต่ทำไม่ได้ไงล่ะ”
“อะไร! บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่บอก ปล่อยให้ลุ้น” ดาวยิ้มหยัน
“ดาว แกนี่มันเลวจริงๆ”
“ฉันเลวกับคนที่เลวกับฉันก่อนเท่านั้นแหละ”
“ใครเลวกับใครก่อนกันแน่” ฟ้าเปิดแผลที่ขาให้ดาวดู “แกทำลายชีวิตฉัน ด้วยการทำให้ฉันเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต”
“ของแกมันยังแค่ภายนอก แต่การที่แกเอายาปลุกเซ็กซ์ให้ฉันกิน จนฉันเกือบจะพลาดท่าผัวเจ๊เปรม มันจะทำให้ฉันเป็นแผลในใจที่ไม่มีทางรักษาได้ แกเคยคิดบ้างมั้ย”
“หึ คิดสิ คิดว่าแกชอบ เห็นชอบอ่อยผู้ชายนักนี่”
“ใช่ ฉันชอบอ่อยผู้ชาย แล้วตอนนี้ฉันก็ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายที่แกชอบมากๆ ซะด้วย ฉันคงอดใจไว้ไม่ได้”
ฟ้าหวงหึง จับแขนดาวบีบอย่างแรง
“นังดาว”
ชัชชนม์ถือผ้าเช็ดโต๊ะเข้ามาขัดจังหวะพอดี
ฟ้าเห็นรีบคลายมือที่จับแขนดาว ทำเป็นจับเบาๆ สองสาวเปลี่ยนทีท่าเป็นรักใคร่กันอย่างเคย
“ดาว ดูแลตัวเองดีๆ นะ อยู่บ้านชัช ก็อย่าไปกวนเขามากล่ะ”
“จ้ะ ฟ้าไม่ต้องห่วง ดาวไม่กวนชัชเขาหรอก แต่ดาวจะปรนนิบัติชัชอย่างดีเลย” ดาวรับผ้าเช็ดโต๊ะมา โดยจงใจจับมือชัชชนม์ยั่วฟ้า “มานี่ ดาวเช็ดให้”
“บ้านชายโสด มีแม่บ้านไว้สักคนก็ดีเหมือนกันนะครับ”
ฟ้ากับฟ้ายิ้มตามน้ำให้ชัชชนม์ พอสบโอกาสสองสาวก็ลอบยิ้มจิกตาใส่กัน
ดูเหมือนแรงริษยาได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
อีกฟาก เลม่อนกับไผ่ยังคงซุ่มอยู่ในดงไม้แถวประตูหน้าบ้านเปรมจิต รอนานจนเลม่อนชักจะเมื่อยแล้ว
“นี่พวกมันไปตายกันที่ไหน ทำไมไม่มากันซะที”
“ถ้าพวกเค้าตายกันหมดแล้ว เราก็กลับสิครับ จะรออะไร” หนุ่มหุ่นล่ำคนซื่อว่า
“โอ๊ย... ฉันคิดถูกคิดผิดเนี่ย ที่เอาอีตานี่มาด้วย” เลม่อนบ่นกระปอดกระแปด
เสียงฤทธิ์คุยโทรศัพท์มาทางหน้าบ้าน
“แพรว ฉันอยู่หน้าบ้านแล้วนะ ออกมาหาหน่อยสิ อ้าว เหรอ...แล้วเมื่อไหร่จะกลับล่ะ...ได้ๆ ฉันรอได้ ฉันอยากเจอ...ฉันรออยู่หน้าบ้านนะ”
เลม่อนลุกขึ้นชะเง้อไปนอกบ้าน เห็นฤทธิ์คุยโทรศัพท์อยู่
“นี่ไง ผัวนังแพรว เอาไงดีวะเนี่ย” เลม่อนคิดแผน “ไผ่ แกไปล่อซื้อยามันทีซิ”
“พี่เลม่อนป่วยเป็นอะไรครับ”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงยาเสพติด”
ไผ่ตกใจ “ไม่เอาครับ ไม่เอา ผมเป็นวัยรุ่นไทย ใส่ใจสุขภาพ ร่วมกันต้าน ยาเสพติด”
เลม่อนชักเซ็ง “ฉันไม่ได้ให้แกเสพ ให้แกไปล่อซื้อเฉยๆ”
“ผมซื้อไม่เป็นครับ”
“งั้นคอยทำตามคำสั่งฉัน ฉันจะบอกทางโทรศัพท์”
ไผ่หน้างงๆ ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ไหม
ฤทธิ์ยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่
“ไหนๆ ฉันมาแล้ว ฉันขออยู่เจอละกันนะแพรว”
ไผ่ใช้บลูธูทคุยสายกับเลม่อน เดินเข้ามาหาฤทธิ์
“พี่ครับ พี่ครับ”
ฤทธิ์หันมามองไผ่งงๆ “แค่นี้ก่อนนะแพรว” แล้ววางสายไป “มีอะไร”
“มีของมั้ยครับ”
ฤทธิ์งงใหญ่ “ของ? ของอะไร”
ไผ่หันตัวมาพูดสาย ถามกลับไปยังเลม่อนที่สั่งการอยู่ในรั้วบ้าน
“พี่เลม่อนครับ เขาถามว่าของอะไร”
“ก็ของอ่ะ ของ”
ไผ่บอกกับฤทธิ์ไปว่า “ก็ของอะครับ ของ”
ฤทธิ์งง “พูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ
ไผ่รายงานเลม่อน “เขาไม่เข้าใจครับ ว่าพูดอะไร”
“บอกไปว่า น้ำแข็ง จีนึง” เลม่อนหมายถึงยาไอซ์
ไผ่บอกกับฤทธิ์ว่า “น้ำแข็ง จีนึงครับ”
ฤทธิ์เริ่มหงุดหงิด “จะซื้อน้ำแข็งก็ไปตลาดสิ”
ไผ่รายงานเลม่อนไปว่า “เขาให้ไปซื้อที่ตลาดครับ”
“งั้นก็โค้ก ถามเขามีโค้กมั้ย” เลม่อนหมายถึงโคเคน
ไผ่บอกกับฤทธิ์ “มีโค้กมั้ยครับ”
“ไอ้นี่ กวนตีนเหรอวะ ไปไกลๆ เลยไป”
ฤทธิ์เดินหนี ไผ่จึงบอกกับเลม่อนไปว่า
“เขาด่าว่าพี่กวนตีนเขาอะครับ อ้าว เขาเดินหนีไปแล้วครับ”
“ตามไป! บอกว่าเนื้อก็ได้ ซื้อเนื้อหน่อย” เลม่อนหมายถึงกัญชา
ไผ่ตามไปจับตัวฤทธิ์
“เนื้อก็ได้ครับ ผมอยากได้เนื้อ”
“กวนจริงโว้ย”
ฤทธิ์โมโหหันมาชกเปรี้ยง แล้วเดินหนีไป
“โอ๊ย”
“ไผ่ เป็นไงบ้าง”
ไผ่พูดโทรศัพท์บอกไปว่า “ผมโดนชกครับ ...โอย”
ด้าน ฟ้า ดาว และดนัยนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกบ้านชัชชนม์
“ผมกับไอ้ชัชกำลังคิดอยู่เลย ว่าจะให้รูปแบบรายการมิสเพอร์เฟ็กต์ออกมาเป็นยังไงให้มันแตกต่าง หวือหวา แต่ลึกซึ้ง”
“ดาวว่าต้องทำให้เห็นแก่นแท้ของจิตใจของผู้เข้าประกวดแต่ละคนค่ะ ใครดีใครเลวก็จะได้เห็นกันจะๆ รู้กันทั้งประเทศไปเลย เพราะว่าที่เห็นหน้าสวยๆ แบ๊วๆ แต่จิตใจอาจจะอัปลักษณ์ก็ได้ ใช่มั้ยฟ้า”
ฟ้าพยักหน้ารับไปแกนๆ
“อืม น่าสนใจ”
ชัชชนม์ถือกุญแจรถออกมา
“ดาว ฟ้า ผมกำลังจะไปรับชมพู่ที่เพชรบุรี ไปด้วยกันมั้ยครับ จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านด้วย”
ดาว กับฟ้ามองกัน สองสาวอ้ำอึ้ง ฟ้าไม่อยากกลับไปให้แม่ด่า ส่วนดาวไม่อยากกลับไปเจอยาย
“ไม่เป็นไรค่ะชัช ดาวต้องเตรียมตัวอีกหลายอย่าง พรุ่งนี้จะสมัครแล้ว”
“ฟ้าก็เหมือนกันค่ะ นี่ออกมาจากบ้านนานแล้ว เจ๊เปรมคงเป็นห่วง งั้นฟ้าขอติดรถไปลงที่บ้านหน่อยนะคะ”
“ได้ครับ” ชัชชนม์เดินนำออกไป
“ฉันไปนะดาว พรุ่งนี้เจอกันที่กองประกวด”
“ได้เจอแน่ ไม่ต้องห่วง”
ฟ้าเดินออกไป ดนัยเหมือนได้กลิ่นตุๆ
“ดาว มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่านี่ค่ะ”
ดาวจดสายตามองตามฟ้าไปอย่างเคียดแค้น อนุภาคของความชิงชังหนาแน่นมากขึ้นทุกขณะจิต และเธอคิดหาทางเอาคืนอดีตเพื่อนรักให้จงได้
อ่านต่อตอนที่ 11