มงกุฎริษยา ตอนที่ 5
อีกฟาก ที่ริมถนนทางไปหัวหิน รถพุฒิพัฒน์ยังจอดเสียอยู่แถวนั้น ชมพู่ยืนพิงรถเซ็งอยู่ ในขณะที่พุฒิพัฒน์กำลังโทรศัพท์ตามช่างจากศูนย์ในตัวเมือง
“ผมส่งพิกัดของรถไปให้แล้ว รีบส่งช่างมาเลยนะครับ...อีก 3 ชั่วโมง” ผอ.หนุ่มหงุดหงิด แต่ทำอะไรไม่ได้ “ยังไง ช่วยเร่งให้ผมด้วยละกัน”
พุฒิพัฒน์วางสายไปอย่างหัวเสีย ชมพู่มองหมั่นไส้
“ทำไมต้องเรียกช่างจากในตัวเมืองด้วย ช่างแถวนี้ก็มี”
“รถผมต้องใช้ช่างจากศูนย์ ช่างบ้านๆแถวนี้ไว้ใจได้ทีไหน”
ชมพู่พูดลอยๆ “เด็กสปอยด์จริงๆ” แล้วหันมาทางพุฒิพัฒน์ “แล้วรถแพงขนาดนี้ ไม่มีเครื่องมือซ่อม ติดรถไว้เลยเหรอ”
“ฉันไม่ใช่ช่าง จะต้องมีทำไม”
“ก็มีเวลาที่ยางแตก แล้วต้องรออยู่ข้างทางแบบนี้ไง”
ชมพู่หงุดหงิด หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป
“จะไปไหน”
“ฉันไม่รอหรอก 3 ชั่วโมงเนี่ย”
พุฒิพัฒน์ปรี่เข้าไปคว้าแขนชมพู่ไว้ สาวเจ้าร้องลั่น
“โอ๊ย”
“ฉันถามว่าจะไปไหน”
“ป้าดวงเดือนไม่ได้สั่งให้ฉันอยู่กับนายตลอดเวลาซะหน่อย นายไม่มีสิทธิ์มาบังคับชั้น” ชมพู่มองมือพุฒิพัฒน์ที่จับแขนอยู่ “แล้วก็มาจับฉันไว้แบบนี้”
พุฒิพัฒน์รู้ตัวยอมปล่อยมือ ชมพู่ยิ้มเยาะใส่หน้า แล้วเดินออกมา แต่แล้วจู่ๆ พุฒิพัฒน์ก็แกล้งเข้ามากอดชมพู่จากทางข้างหลัง
ชมพู่โมโห “นี่”
“ไม่ต้องรอให้ใครมาอนุญาตหรอ ชั้นอยากจะจับ ก็จับ” เขายื่นหน้าใกล้ชมพู่อีก “อยากจะกอด ก็กอด”
“ปล่อย อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ”
พุฒิพัฒน์จับชมพู่หันหน้ามาคุย แกล้งแหย่อีก
“ทำไมจะแตะไม่ได้ มากกว่านี้เราก็ทำกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เราไม่เคย” ชมพู่ชะงัก นึกเรื่องที่หลอกพุฒิพัฒน์ได้
“ไม่เคยอะไร”
“เปล่า”
พุฒิพัฒน์ยิ้มเย้ย ชมพู่หันหนีด้วยความหงุดหงิด
ดาวและฟ้านั่งจัดของอยู่ในห้องพักที่บ้านเปรมจิต ฟ้าเตือนดาวเรื่องแพรวแพร
“ดาว ทำไมไปพูดแบบนั้นกับพี่แพรวแพรล่ะ เขาเป็นนางงามรุ่นพี่เรานะ เรายังต้องพึ่งเข้าอีกเยอะ”
“ชั้นก็ชนะนางนพมาศมาเหมือนกันนะฟ้า ไม่ได้ด้อยกว่าเขาซะหน่อย”
“แต่เขาอยู่มาก่อน แล้วเราเพิ่งมาใหม่ ถ้าเขาไม่ชอบเรา...”
ดาวขัดขึ้น “ที่เขาทำน่ะ เขาไม่ได้หวังดีกับเราหรอกฟ้า เขาทำเพื่อหาผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น” ดาวจับมือฟ้าปลอบ “แกตั้งใจเดินตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จก็พอ ไม่ต้องสนใจใคร ฉันจะอยู่ข้างแก ช่วยแกเอง”
ฟ้าสวมกอดดาวด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบใจนะดาว”
“ขอบใจแกต่างหาก เพราะความฝันของแก เราเลยมาถึงที่นี่ได้ไง และเราต้องอยู่ให้ได้นะฟ้า”
“อย่าทิ้งฉันนะดาว”
ดาวจับมือฟ้าให้ความมั่นใจ “เชื่อใจชั้นได้ มันไม่มีวันนั้นหรอก”
จู่ๆ คิตตี้เปิดประตูเข้ามา โดยไม่มีการเคาะเรียก ร้องทักดาวเสียงตอแหลสุดฤทธิ์
“หนูดาว.....”
ฟ้าไหว้ทักแต่คิตตี้ไม่สนใจเลย เข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างสองสาวโดยหันหลังให้ฟ้า
“จำพี่คิตตี้ได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ เอ่อ พี่คิตตี้คะ นี่ฟ้า เพื่อนดาวค่ะ”
คิตตี้หันมามองฟ้าแว่บเดียว “หวัดดีจ้ะ” แล้วหันมาคุยกับดาวต่อ “พี่ดีใจมากเลยที่น้องดาวยอมมาอยู่ค่ายเจ๊ วันที่ประกวดนางนพวันนั้น หนูเจิดมากเลยนะ”
“อ๋อ ก็เพราะได้พี่คิตตี้ช่วยแต่งหนย้าทำผมให้น่ะค่ะ”
“อย่าถล่มตัวไปเลย เหง้าหน้าหนูมาดีอยู่แล้ว พี่ว่าหนูสวยสุดเลยนะ”
“คนอื่นสวยตั้งเยอะตั้งแยะ” ดาวเชียร์เพื่อนอีก “นี่วันนั้นฟ้าก็ประกวดด้วยนะคะ ฟ้าเป็นคนแต่งหน้าขึ้นมากๆ เลยค่ะ แต่วันนั้นคนแต่งให้ไม่เก่งเท่าไร”
ดาวยิ้มให้กำลังใจฟ้า
“อ๋อ จ้ะ” คิตตี้หันมามองผ่านๆ แล้วหันมาทำน้ำเสียงตื่นเต้นกับดาวต่อ “นี่ พี่ว่าเรามาเริ่มคอร์สฟิตแอนด์เฟิร์มเลยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันวันรับสมัคร Miss Perfect Thailand”
ดาวกับฟ้า ได้ยินว่า Miss Perfect ก็หันมายิ้มให้กัน
ที่ห้องฟิตเนสในบ้านของเปรมจิต มีอุปกรณ์ครบครัน สาวๆ ในค่ายเปรมจิตออกกำลัง โชว์สัดส่วนสวยงาม ตามจริตใครมัน
นรีกำลังวิ่งบนลู่ ในชุดออกกำลังกายเซ็กซี่ เป็น sport bra เผยให้เห็นเนินอก
สุนทรีย์ ใส่ crop top กำลังปั่นจักรยาน พลางอ่านหนังสือก๊อซซิปไปด้วย
ลีน่าใส่ กางเกงขาสั้น กำลังทำโยคะ เห็นเรียวขาสวยงาม
สุนทรีย์เอ่ยขึ้น “เฮ้ย พี่ป๊อปปี้ รอง Miss Perfect ปีที่แล้ว ได้เล่นละช่องอินฟินิตี้ แล้วอ่ะ”
นรีลงมาจากลู่วิ่งหันมาถาม
“เป็นนางเอกเหรอสุนทรีย์”
นรีจ้องที่กระจกตรงหน้า แล้วพูดอย่างมาดมั่น
“นางร้าย”
“เพราะเป็นรองก็เลยได้เป็นแค่นางร้าย ถ้าเป็นอันดับหนึ่ง ต้องได้เป็นนางเอกแน่นอนค่ะในจุดๆ นี้”
สุนทรีย์งง “นรี ทำไรอ่ะ”
“เปล่า แค่ซ้อมเฉยๆ เย็นนี้มีงานไปเป็น MC”
สุนทรีย์หันไปทางลีน่า “ลีน่า เห็นข่าวยัง”
ลีน่ากำลังทำโยคะท่ายากอยู่
นรีบอกอีกว่า “รายนั้นน่ะไม่สนอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ นอกจากเรื่องฟิตเพื่อเข้าประกวด ไม่เหมือนเธอหรอก รู้ไปซะทุกเรื่อง”
สุนทรีย์รู้ทันแต่แกล้งถาม “นี่ชม”
“แน่นอนค่ะ”
ลีน่าคืนกลับเป็นท่าพัก เอ่ยขึ้น
“แล้วรู้เรื่องเด็กที่มาใหม่หรือเปล่าสุนทรีย์”
“จะเหลือเหรอจ๊ะ”
ลีน่ามองจ้องกระจกตรางหน้า ด้วยแววตามาดหมาย
ชัชชนม์กดกริ่ง สองหนุ่มพากันมาอยู่ที่หน้าบ้านเปรมจิต ดนัยนั้นเข้ากอดมาหอมชัชชนม์พัลวัน ไม่ยอมปล่อย
“เฮ้ย ไรเนี่ย”
“ขอบใจมากเว้ยเพื่อนรัก ที่ทำให้ฉันได้เจอเนื้อคู่ฉันอีกครั้ง” ดนัยเพ้อ ”น้องดาว” พลางหอมแก้มชัชชนม์อีกฟอด
แพรวแพรเดินออกมาจากบ้านมาดู เห็นเลิฟซีนจึงกระแอมกะไอ
“อะแฮ่ม”
“อูย” ดนัยรีบปล่อย
“มาพบคุณเปรมจิตครับ นัดไว้แล้วครับ” ชัชชนม์บอก
“เห็นเจ๊บอกว่าจะเป็นผู้ชายสองคนมาหา ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนสาวนะคะ”
“ผู้ชายครับ ผู้ชาย” ดนัยมองจ้องแพรวแพรตาเชื่อม “ผมชอบผู้หญิงครับ โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ”
แพรวแพรยิ้มพลางเปิดประตูให้สองหนุ่ม
“ได้ยินอย่างนี้แล้ว สาวโสดอย่างแพรวก็ดีใจค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ”
สองหนุ่มเดินเข้าประตูมา ชัชชนม์กระซิบดนัย “ไหนว่าดาวนี่เป็นเนื้อคู่ไง”
ดนัยกระซิบตอบ “เนื้อคู่ฉัน มีได้หลายคนเว้ย”
แพรวแพรได้ยิน มองสองหนุ่มที่เดินเข้าไปในบ้าน แล้วนึกหมั่นไส้ดาว
“รู้จักนังดาวด้วย ยัยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
แพรวแพรเดินพกความขุ่นเคืองเข้าบ้านตามไป
ดาวกับฟ้าในชุดบ้านๆ กางเกงขาสั้น เสื้อยืด เดินตามคิตตี้มาออกกำลังกาย
“ฟิตเนสอยู่สุดทางเดิน เข้าไปก่อนเลยนะ พี่ชิ้งฉ่องแป้บนึง”
คิตตี้เดินบิดตูดออกไป
“มีฟิตเนสในบ้านด้วย ดีจังเลย” ฟ้าตื่นเต้น
“เหมือนจะมีคนอยู่นะ” ดาวมมองเข้าไป
“เหรอๆ”
ฟ้าจัดผมเผ้าก่อนจะเข้าไป
“ทำไรอ่ะฟ้า”
“ต้องสวยสู้คนอื่นเขาหน่อยสิ”
“พอแล้ว ไปเหอะ”
สองสาวเดินเข้ามาในฟิตเนส ได้ยินที่สุนทรีย์กำลังเม้าท์ถึงพวกเธอพอดี
“เขาว่าเด็กใหม่สองคนนี้ แอบขึ้นรถเจ๊เข้ากรุงเทพฯ เจ๊เพิ่งมาจับได้เมื่อเช้านี้เอง”
“มีอย่างงี้ด้วย น่าสมเพช” ลีน่าว่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ดาวทนฟังไม่ไหว
“น่าสมเพชยังไง”
ดาวเดินปรี่เข้าไปใกล้ทั้งสาม ฟ้ารีบตามมาคอยห้าม
“ถ้าอยากรู้อะไรก็มาถามสิ ไม่ใช่มโนกันเองแบบนี้”
สุนทรีย์ นรี ลีน่า ทั้งสามนางหันมามองหน้าอย่างไม่พอใจ พร้อมจะแผ่รังสีอำมหิตรับขวัญสองสาวจากบ้านตาลชุม
ฟ้าเห็นสายตาที่ทั้งสามมองมาก็กลัว พยายามทำบรรยากาศให้ดีขึ้น
“พวกเราไม่ได้แอบขึ้นรถเจ๊มาค่ะ แต่ติดรถคนอื่นมา เพราะเราไม่มีเงิน ก็เลย...”
ลีน่าหัวเราะขบขัน “หึ ไม่ต้องบอกหรอก แค่เห็นสารรูปก็รู้แล้ว”
ลีน่าลุกขึ้นมองเหยียด ดาวเห็นก็งง แล้วก้มลงมองชุดตัวเอง กับชุดลีน่า
คิตตี้เดินนวยนาดตาม ดาว และ ฟ้าเข้ามาพอดี
“อ้าว ทุกคน ทำความรู้จักกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
ลีน่าบอกว่า “ไม่เชิงค่ะ รู้หัวนอน แต่ยังไม่รู้ปลายเท้า”
ดาวโกรธ “งั้นเดี๋ยวจะแนะนำปลายเท้าให้รู้จักนะคะ”
คิตตี้ระเบิดหัวเราะออกมา “ยังไม่ทันไรก็ตบมุขกันซะแล้ว ยังไงก็ฝากดูแลน้องดาวกับ ชื่อไรนะ”
ฟ้าชะงักเล็กน้อย “ฟ้าค่ะ”
ลีน่าหลุดขำอีกเล็กน้อย “หึ”
ดาวไม่พอใจ “ขำอะไร”
คิตตี้ตัดบททันที “เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งแยกเขี้ยวใส่กัน ฝากดูแลน้องดาวและเพื่อนด้วยนะ เจ๊ขอตัวไปรับแขกก่อน”
คิตตี้ร่าเริงออกไป ฟ้าเห็นท่าทีคิตตี้ไม่สนใจชื่อตัวเองก็แอบเสียใจ
ลีน่าหัวเราะหยัน มองไปที่ฟ้า “ขนาดชื่อ พี่คิตตี้ยังจำไม่ได้ กลับบ้านไปเถอะน้อง”
สุนทรีย์ กับนรี หัวเราะผสมโรง ฟ้ายิ่งรู้สึกแย่
ดาวมองแล้วสงสารเพื่อน “นี่บ้านของเจ๊เปรมจิต คนอื่นก็เป็นแค่คนอาศัยเหมือนกัน เพราะงั้นไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าใครควรอยู่ หรือใครควรไป”
ลีน่าไม่แยแส “แต่เผอิญฉันอยู่มาก่อน เลยรู้ว่า คนแบบไหนที่เจ๊จะไม่เก็บเอาไว้”
“แบบไหนล่ะ แน่จริงก็พูดสิ” ดาวของขึ้น
ลีน่าปรายหางตามองฟ้า หันมาพูดใส่หน้าดาว “ก็พวกที่ไม่รู้จักประมาณตน” แล้วมองจ้องหน้าฟ้าจังๆ “แบบนี้ไง”
ดาวจ้องตาลีน่าอย่างเอาเรื่อง แต่ลีน่าไม่ยี่หระ ฟ้าโลกสวยมองลีน่าอย่างหวั่นกลัว
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
เปรมจิตกำลังจัดพวกชั้นวางถ้วยรางวัลอยู่ในห้องรับแขก ขณะคิตตี้เดินเข้ามามองหาผู้ชาย
“ไหนล่ะเจ๊ แขกหนุ่มๆ ของเจ๊ล่ะ”
“มาแล้ว ชั้นให้นังแพรวออกไปรับ นั่นไงมาพอดี”
แพรวแพรเดินนำชัชชนม์ กะ ดนัย มานั่งที่ห้องรับแขก
“เชิญค่ะ”
คิตตี้วี้ดว้าย ”ว้าย นานๆทีจะมีผู้ชายมาบ้าน”
เปรมจิตปราม “นังคิตตี้”
แพรวแพรขยับมานั่งข้างเปรมจิต คิตตี้นั่งจ้องหน้าชัชชนม์กับดนัยตาหวาน
“สวัสดีครับคุณเปรมจิต” ชัชชนม์กับดนัยไหว้พี่เลี้ยงนางงามคนดัง
“สวัสดีค่ะคุณชัชชนม์ คุณดนัย เรียกเจ๊ก็ได้จ้ะ เจ๊ล่ะดีใจ๊ดีใจที่ทีมงาน Miss Perfect Thailand ให้เกียรติมาดูตัวเด็กของเจ๊ถึงที่”
“พวกเราแค่มาทำรีเสิร์ชครับ ไม่ได้มีผลกับการคัดผู้เข้ารอบ”
เปรมจิตฉุนกึก ไม่พอใจ “เอ้า ถ้าไม่มีผลอะไร อย่างนี้ก็แค่จะมาดูเด็กเจ๊ฟรีๆ น่ะสิ”
ดนัยเห็นท่าไม่ดี รีบกู้สถานการณ์ กลัวเปรมจิตไม่ให้ถ่าย
“ไอ้ชัชมันหมายถึง ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงน่ะครับ แต่จะเป็นผลดีเวลาถ่ายทำรายการ เพราะพวกเราจะได้จับภาพถูก ว่าใครคือตัวเต็ง”
ชัชชนม์มองดุดนัย เหมือนไม่เห็นด้วย แต่ดนัยส่งซิกให้
“เด็กเจ๊ก็เต็งทุกคนน่ะแหละ” เปรมจิตลูบหัวแพรวแพร “แต่ละคนเจ๊คัดแต่สวยๆ กิริยามารยาทก็ดี เป็นกุลสตรีกันทุกคน...”
ไม่ทันขาดคำ จู่ๆ มีเสียงร้องกรี๊ดจากด้านใน
“แอร๊ย...”
ทุกคนเหลียวไปทางเสียง
คิตตี้รีบแก้ “เอ่อ สงสัยเปิดทีวีดังไปหน่อยน่ะค่ะ”
เปรมจิต กับคิตตี้พยายามยิ้มให้กับชัชชนม์ แต่เสียงกรี๊ดยังดังเรื่อยๆ คิตตี้ส่งเสียงดังแหลมปรี๊ดขึ้นมาเป็นเชิงบอกพวกข้างใน
“เดี๋ยวคิตตี้ขอไปปิดทีวีก่อนนะคะ”
คิตตี้กำลังจะลุกเดินออกไป
เสียงสุนทรีย์ดังขึ้นอีกว่า “จับมันไว้สิ”
และตามมาด้วยเสียงนรี “หยุดนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องเจ๊”
เปรมจิตกับคิตตี้เหลียวขวับไปทางเสียงอีกครั้ง
เสียงฟ้าร้องขึ้น “ดาว อย่า”
แพรวแพรยิ้มพอใจ พูดขึ้นทันที “ยัยดาวก่อเรื่องแล้วสิคะเจ๊”
เปรมจิตกับคิตตี้รีบลุกขึ้นเดินไปข้างบนบ้าน แพรวแพรรีบตามไป
“ดาว”
ดนัยตกใจอุทานออกมารีบลุกตามไป ชัชชนม์เลยต้องตามไปอย่างเสียไม่ได้
ห้องฟิตเนสกลายเป็นสมรภูมิรบนางงามย่อมๆ ดาวขึ้นคร่อมลีน่า สองสาวตบตียื้อยุดกันพัลวัน ฟ้าพยายามดึงดาวออก คิตตี้ สุนทรีย์ นรีได้แต่กอดกันร้องกรี๊ดๆๆ
เปรมจิตวิ่งเข้ามาเห็นโกรธมากกว่าตกใจ
คิตตี้รายงาน “ดาวกับลีน่าตบกันค่ะเจ๊”
“เออ เห็นแล้ว ห้ามมันสิ”
เปรมจิต กับ คิตตี้ เข้าไปช่วยแยก แต่นาทีนั้นลีน่าผัดมาขึ้นคร่อมดาวได้ แล้วปล้ำกันอย่างรุนแรง เปรมจิตต้องถอยกรูด
“ว้าย ทำไมแรงมันเยอะขนาดนี้ นี่ๆ อย่าโดนจมูกนังลีน่านะ”
ดนัย กับชัชชนม์ วิ่งขึ้นมา ฟ้าเห็นชัชชนม์ก็ทั้งดีใจและตกใจ
“คุณชัช”
ลีน่าได้ขึ้นคร่อมดาวอีกครั้ง ฟ้าร้องบอกกับชัชชนม์ “ช่วยด้วยค่ะ”
สองหนุ่มเข้าไปช่วยห้าม ชัชชนท์เข้าไปดึงดาวออกมา ส่วนดนัยดึงลีน่าแยกไป ทว่าลีน่าแรงเยอะมากศอกดนัยเข้าไปเต็มๆ
“โอ๊ย”
ลีน่าถลันเข้าไปจะตบดาว ชัชชนม์เข้ามาขวางเลยโดนตบแทน ลีน่าช็อกไปเลย
“ลีน่า”
ดาวมองชัชชนม์ที่โดนตบ ด้วยความตกใจ
ชมพู่เดินตามทางไปเรื่อยๆ พุฒิพัฒน์เดินตามมาติดๆ
“ไปเดินห่างๆ หน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้”
“มันอึดอัด”
“เอ้า ก็เธอไม่บอกฉันหนิ ว่าจะไปไหน เดี๋ยวฉันหลงทำไงล่ะ”
“เออๆ อยากทำอะไรก็ทำ”
“พูดเองนะ”
พุฒิพัฒน์ช้อนอุ้มชมพู่จนตัวลอย
“เฮ้ย ปล่อยนะ”
ชมพู่ดิ้นหนีเป็นการใหญ่ จนพุฒิพัฒน์ซวนเซ
“เย้ย”
พุฒิพัฒน์เสียหลักล้มกลิ้งลงไปกับชมพู่ สองคนกลิ้งไปกองทับกันที่พงหญ้าริมทาง ใบหน้าพุฒิพัฒน์ใกล้หน้าชมพู่แค่คืบ ชมพู่หมั่นไส้ดีดจมูกเต็มแรง พุฒิพัฒน์ร้องลั่น
“โอ๊ย”
“สมน้ำหน้า” พอชมพู่จะลุก แต่เจ็บข้อเท้าแปล้บ “โอ๊ย”
“ล้อเลียนเหรอ”
“ฉันเจ็บข้อเท้า”
พุฒิพุฒน์รีบลุกมาดูข้อเท้าชมพู่
“เป็นอะไร” ผอ.หนุ่มจับข้อเท้าดูเบาๆ
“โอ้ย เจ็บ”
พุฒิพัฒน์มองชมพู่ด้วยความเป็นห่วง
สุดท้ายพุฒิพัฒน์แบกชมพู่ขึ้นหลัง พาเดินกลับมายังรถ
“รอที่รถซะตั้งแต่ทีแรก มันก็ไม่เกิดเรื่องหรอก ดื้อดีนัก สมน้ำหน้า”
“เพราะนายเล่นพิเรนทร์ จนเป็นเรื่องต่างหาก”
“แล้วเมื่อกี้จะเดินไปไหน บอกได้หรือยัง”
“ไปหาช่างมาช่วยไง ฉันไม่รอช่างคุณภาพดีจากในตัวเมืองของนายหรอก”
“มันหาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ที่นี่ไม่ใช่ห้างนะ ที่อยากได้อะไร เดินหาก็มี”
ชมพู่มองไปเห็นอู่อยู่อีกฝั่ง
“แล้วนั่นเรียกอะไร”
พุฒิพัฒน์มองตามไปเห็นอู่ก็อึ้ง
ทางด้าน ดาว กับ ลีน่า ยืนสลดคู่กัน ถูกเปรมจิตอบรมอยู่ในห้องหนึ่งบนบ้าน
“งามหน้าไหม คนของ Miss Perfect เขาเห็นหมดแล้ว”
“ลีน่าไม่ได้เริ่มนะคะ”
“หนูลงมือก่อนเองค่ะ”
ลีน่ามองหน้าดาวด้วยความงุนงงที่จู่ๆ ดาวก็รับสารภาพ
จึงพูดลอยๆ ว่า “ทีนี้ก็รู้แล้วนะคะว่าใครผิด”
ลีน่าจะเดินออกไป ดาวโพล่งขึ้นว่า
“ก็เธอไง” จากนั้นดาวหันมาอธิบายกับเปรมจิต “หนูเริ่มตบก่อนก็จริง แต่เป็นเพราะยัยนี่มาปากเสียว่าฟ้าก่อน”
“ว่าใครปากเสีย”
ดาวสวนทันควัน “ไปส่องกระจกดูไป จะได้รู้”
“นี่”
เปรมจิตสั่งด้วยเสียงเด็ดขาด “ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครถูกใครผิด จะรักหรือเกลียดกันก็เรื่องของพวกเธอ แต่อย่ามากัดกันในบ้านนี้ เพราะถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็คงต้องมีใครคนใดคนนึงออกไป”
ดาว และ ลีน่า ได้ยินก็หน้าเสีย
ชัชชนม์กำลังใช้ถุงน้ำแข็งประคบหน้าอยู่ในห้องรับแขก มีฟ้าคอยดูแลอย่างเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นละครับฟ้า”
“คุณชัช จำชื่อฟ้าได้ด้วย” ฟ้าดีใจ
“ก็ต้องได้สิ เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เอง”
“ปกติไม่ค่อยมีใครจำฟ้าได้เท่าไรหรอกค่ะ จำได้แต่ดาว”
“เพราะฟ้าไม่ค่อยพูดหรือเปล่า ลองยิ้มมากขึ้น กล้าพูดมากขึ้นดู ผมว่าฟ้าก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใครเลยนะ”
ฟ้ามองหน้าชัชชนม์ด้วยแววตาลึกซึ้ง
แพรวแพรเข้ามาเห็นก็ไม่พอใจ
“โทษนะคะ”
ฟ้าและชัชชนม์ถอยห่างกันออกมา มองมาทางแพรวแพร
“ไปช่วยเพื่อนเธอเก็บกระเป๋าเร็วเข้า” แพรวแพรบอกฟ้า
“เก็บกระเป๋า”
ฟ้าตกใจรีบวิ่งไปดู ชัชชนม์จะเดินตามไปดู แพรวแพรเดินมาขวางไว้
“มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ”
แพรวแพไม่ตอบ แต่ย้อนถาม “คุณชัชชนม์รู้จักกับสองคนนี้มาก่อนเหรอคะ”
“ครับ”
แพรวแพรมองชัชชนม์ เป็นเชิงรอฟังเขาพูดต่อ ชัชชนม์ไม่มีทางเลือก
“เราเจอกันระหว่างทางที่ราชบุรี ดาวกับฟ้าเลยติดรถผมมากรุงเทพฯ น่ะครับ”
“แหม คุณชัชนี่นอกจากจะหล่อแล้ว ยังมีน้ำใจอีกนะคะ วันหลังให้แพรวนั่งรถไปด้วยบ้างได้ไหมคะ” แพรวแพรมองหน้าชัชชนม์ใกล้ๆ ด้วยกิริยาใสซื่อ
“ไอ้ชัช” ดนัยเดินเข้ามาพอดี “ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ แพรวขอตัวไปดูข้างบนก่อนนะคะ”
รอจนแพรวแพรเดินลับตัวไป ดนัยจึงเอ่ยขึ้น
“เฮ้ย คนนี้ฉันจองนะเว้ย”
ชัชชนม์เอือม “จะเอาทุกคนเลยใช่ไหม”
ดนัยยักคิ้วให้เพื่อน
ฟ้ารีบวิ่งขึ้นไปหาดาวที่ห้อง เห็นดาวกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋า อย่างหัวเสียก็ยิ่งตกใจ
“ดาว เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
เปรมจิตเดินเข้ามา ถามเสียงเข้ม “เสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ”
ฟ้าใจหาย จะร้องไห้อยู่รอมร่อ “เจ๊อย่าไล่ดาวไปเลยนะคะ” พลางดึงดาวไว้ “แล้วฟ้าจะอยู่ยังไง”
เปรมจิตหมั่นไส้ “ห่างไปแค่ 2 เมตรนี่ถึงกับอยู่ไม่ได้เลยเหรอ”
ฟ้าหันมามองดาวงงๆ
“เจ๊แค่ทำโทษฉันเฉยๆ” ดาวบอกเซ็งๆ “ให้ไปอยู่ห้องเดียวกับยัยลีน่า 1 อาทิตย์”
“ดูซิว่าเธอจะอดทนได้แค่ไหน วงการนี้น่ะ ยังมีเรื่องให้เธอต้องทนกว่านี้อีกเยอะ” เปรมจิตว่า
ฟ้ากอดดาว ด้วยความโล่งอก
“ไม่ต้องห่วงหรอกฟ้า ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
เปรมจิตเหลียวมองดาว เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของสาวเมืองเพชรก็ยิ้มพึงพอใจ
บ้านนางงามค่ายดวงเดือน ถูกทำความสะอาดยกใหญ่ ป้านุ้ย แม่บ้านกำลังเช็ดถูพื้นอยู่ ขณะที่รุ้งลาวัลย์ กับ จอย เก็บของไปเม้าท์กันไป
“นี่ถึงกับต้องจัดบ้านใหม่ต้อนรับยัยเด็กใหม่นี่เลยเหรอ”
“นิดหน่อยเองพี่รุ้ง อย่าบ่นเลย”
“ก็เพราะแกนั่นแหละนังจอย ถ้าแกประกวดชนะกับเขาบ้าง ป้าก็คงไม่ต้องพาเด็กใหม่มาให้วุ่นวายหรอก”
ดวงเดือนและเลม่อนเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี
“ที่ฉันพาเด็กใหม่มา ก็เพราะเด็กมันเก่ง ไม่เกี่ยวอะไรกับนังจอย” ดวงเดือนว่า
รุ้งลาวัลย์รีบเข้ามากอดแขนประจบดวงเดือน
“โธ่ ป้าจ๋า รุ้งแค่ล้อนังจอยเล่นเฉยๆ ใช่ไหมจอย”
ป้านุ้ยเหน็บ “ล้อเล่นซะเหมือนจริงเลยนะ”
รุ้งลาวัลย์มองจิก “ป้านุ้ยทำงานไปเถอะค่ะ”
ป้านุ้ยแกล้งถูม็อบมาโดนรุ้งลาวัลย์
“โอ๊ย”
ดวงเดือนเหลียวมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เอ น่าจะมาถึงกันได้แล้วนะ”
“หรือว่าคุณพุฒิเค้าจะพักกินลมชมวิวเดินเล่นชิวๆ กันระหว่างทางจ๊ะป้า”
ดวงเดือน กะ เลม่อน หัวเราะชอบใจกันคิกคัก
“เด็กใหม่ชื่อพุฒิเหรอคะ แมนจังนะคะ” จอยสาระแน
เลม่อนค้อนควัก “ไม่ใช่ คุณพุฒิที่ว่าน่ะ คือคุณพุฒิพัฒน์ ผอ.ช่องอินฟินิตี้ เขาอาสามาส่งชมพู่ที่บ้านเราย่ะ”
รุ้งลาวัลย์กำลังเช็ดเท้าที่เลอะน้ำจากผ้าม็อบอยู่ ได้ยินก็หูผึ่ง ตาลุกวาว
“คุณพุฒิพัฒน์จะมาบ้านเรา”
ป้านุ้ยค่อนแคะจงใจให้รุ้งลาวัลย์ได้ยิน “แหม พอเรื่องผู้ชายนี่ หูดีเหมือนหมาได้ยินเสียงเคาะชามเลยเนอะ”
รุ้งลาวัลย์ยังอยู่ในภวังค์ตัวเอง “คุณพุฒิพัฒน์ๆๆๆ”
ป้านุ้ยส่ายหัว “เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ”
รุ้งลาวัลย์เดินเพ้อชื่อพุฒิพัฒน์ออกไป
อ่านต่อหน้า 3
มงกุฎริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
พุฒิพัฒน์วางชมพู่ให้ลงนั่งเก้าอี้ในสวนหน้าอู่ ชายหนุ่มบิดเนื้อตัวด้วยความเมื่อยล้า พลางบ่น
“นางงามอะไรตัวหนักเป็นบ้า”
ชมพู่มองค้อน “ได้ยิน”
“ก็พูดให้ได้ยินไง”
“เออ บ่นไปเถอะ เพราะยังไงนายก็ต้องแบกฉันกลับ”
“แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ”
“ก็เอาสิ ป้าดวงเดือนจะได้รู้ไปเลย ว่าท่านผอ.ช่องอินฟินิตี้ เป็นพวกไม่รักษาคำพูด”
พุฒิพุฒน์คุมแค้น มองชมพู่อย่างเจ็บใจ โต้ตอบไม่ได้ หนุ่มหล่อมองเข้าไปด้านในอู่ แปลกใจที่ไม่เห็นคนเลย
“ไม่เห็นมีคนเลย อู่ร้างรึเปล่าเนี่ย” พุฒิพัฒน์ตะโกนเข้าไป “โทษนะครับ มีใครอยู่มั้ยครับ”
สักครู่หนึ่ง กะเทยน้อยหัวโปก ลูกเจ้าของอู่ เดินบิดออกมา พุฒิพัฒน์มองอึ้งๆ
“มีไรคะพี่”
“เอ่อ เผอิญรถผมยางแตกน่ะครับ ช่วยไปเปลี่ยนยางให้หน่อยได้มั้ยครับ”
“พี่คะ พี่เห็นร่างอันบอบบางของหนูมั้ยคะ”
“เห็นครับ”
“แล้วพี่คิดว่าหนูจะเปลี่ยนยางรถเป็นมั้ยครับ”
“เอ่อ...ก็ไม่แน่ครับ”
กะเทยหัวโปกค้อนขวับ “เปลี่ยนไม่เป็นค่ะ แล้วตอนนี้พ่อหนูก็ไม่อยู่”
“งั้นขอเบอร์พ่อน้องได้มั้ย”
“พ่อหนูไม่ใช้โทรศัพท์ เอาเบอร์หนูไปแทนได้มั้ย”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
ชมพู่แทรกขึ้น “น้องคะ ช่วยตามพ่อน้องกลับมาได้มั้ยคะ เราต้องรีบเดินทางน่ะค่ะ”
กะเทยน้อยหอยสังข์หลับตา พนมมือ
“ขอหนูส่งโทรจิตแพร้บนะคะ” ตุ๊ดหัวโปกลืมตา “ส่งไม่ได้ค่ะ ขอโทษทีนะคะที่หนูช่วยอะไรพวกพี่ไม่ได้”
“ได้สิคะ”
คำพูดของชมพู่เล่นเอาทั้งพุฒิพัฒน์ และกะเทยหัวโปกงวยงง
ไม่นานต่อมาพุฒิพัฒน์แบกชมพู่กลับมา พอถึงรถชมพู่กระโดดลงมาจากหลังเฉยเลย พุฒิพัฒน์วางกล่องอุปกรณ์ซ่อมรถลง
“ยืมกล่องเครื่องมือเขามาทำไม ไม่มีช่าง ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ก็นี่ไง ฉันนี่แหละช่าง”
“เดี้ยงอยู่ยังจะทำซ่าอีก” พุฒิพัฒน์นึกขึ้นได้ “เอ้อ เจ็บเท้านี่ แล้วกระโดดลงจากหลังฉันได้ยังไง”
“ได้ดิ ก็ฉันหายเจ็บตั้งนานแล้ว แค่ขี้เกียจเดินเองให้เมื่อย” ชมพู่แลบลิ้นใส่เขา
“อยากใกล้ชิดฉันก็บอกมาเหอะน่า ทำมาอ้าง”
“แหวะ ใครจะอยาก ถอยไป ฉันจะเปลี่ยนยาง”
“ทำได้จริงเหรอ เธอเนี่ยนะ”
ชมพู่จัดการเปลี่ยนยางรถอย่างแคล่วคล่องสมกับที่เรียนจบด้านช่างกล เริ่มจากใช้แม่แรง ขันเอายางเก่าออก พุฒิพัฒน์ได้แต่อึ้ง มองตะลึงอย่างคาดไม่ถึง
ไม่นานก็แล้วเสร็จ ชมพู่เช็ดไม้เช็ดมือ “เรียบร้อย”
ผอ.หนุ่ม ยืนมองตาค้าง แล้วนึกขึ้นได้ เลยเก๊กทำฟอร์ม
“ไงล่ะ บอกแล้วว่าฉันทำได้ ไป ขึ้นรถ เป็นผู้ชาย หัดทำงานแบบนี้ไว้บ้างนะ”
“พอดีคนอย่างฉัน ไม่จำเป็นต้องทำงานแบบนี้”
ชมพู่ส่ายหน้า ก้าวเข้าไปนั่งในรถ
พุฒิพัฒน์อดทึ่งสาวเมืองเพชรคนนี้ไม่ได้ รู้สึกว่าเธอทั้งเก่งและทำอะไรได้มากกว่าที่เขาคาดคิด
“อ้าว ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ”
พุฒิพัฒน์รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไป
“เดี๋ยว”
พุฒิพัฒน์เบรคดังเอี้ยด
“อะไรอีกล่ะ”
“เอาเครื่องมือไปคืนน้องเค้าก่อน”
“ต้องไปเจออีกแล้วเหรอ” พุฒิพัฒน์โอดครวญ เมื่อนึกถึงกะเทยหัวโปก
ชมพู่หัวเราะขำ พุฒิพัฒน์ลอบมองชมพู่ด้วยความเอ็นดู
รถพุฒิพัฒน์วิ่งทะยานไปตามท้องถนนท่ามกลางธรรมชาติสวยงามสองข้างทาง รถมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ
พุฒิพัฒน์ขับรถมาเรื่อยๆ ชวนชมพู่ที่นั่งข้างๆ คุย
“ทำไมเธอถึงเปลี่ยนยางเป็น”
“ก็มันจำเป็นนี่ ตั้งแต่พ่อป่วยก็ไม่มีใครทำงานพวกนี้ ฉันเลยต้องหัดทำพวกงานช่าง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนนานแล้วล่ะ เพราะบ้านไม่มีรถแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ต้องขายทิ้ง เอาเงินมารักษาพ่อ”
“พ่อเธอเป็นอะไรเหรอ”
“อัมพาต ตกต้นตาลน่ะ ตอนนั้นพ่อขึ้นไปปาดตาล แล้วพอดีมีงูมันทำรังอยู่บนยอด มันจะฉกเอา พ่อตกใจก็เลยตกลงมา”
“เธอก็เลยต้องทำงานปาดตาลแทนพ่อ”
“ใช่”
“แล้วก็ต้องดูแลพ่อไปด้วย”
“เห็นแม่เลี้ยงฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ดูแลใครไม่เป็นหรอก ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย”
พุฒิพัฒน์แปลกใจ “นั่นแม่เลี้ยงเหรอ? แค่แม่เลี้ยง ทำไมเธอต้องยอมเขาขนาดนั้นด้วย”
“ฉันยอมพ่อต่างหาก เพราะพ่อขอไว้ให้ฉันนับถือผู้หญิงคนนั้นเหมือนแม่แท้ๆ”
พุฒิพัฒน์นิ่งงันไป พอนึกถึงเรื่องตัวเองที่มีปัญหาทางบ้านแล้วโกรธขึ้นมา “หึ ใครจะทำได้”
ชมพู่งง “ทำไม มีแม่เลี้ยงเหมือนกันเหรอ”
พุฒิพัฒน์เปลี่ยนเรื่อง “แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นนางงามได้ล่ะ”
“เดี๋ยวนะ มาถามนู่นถามนี่เยอะแยะ อยู่ๆ มาสนใจอะไรเนี่ย”
“ก็เธอไง”
ชมพู่งงใหญ่ “หา”
“สนใจเธอไง”
พุฒิพัฒน์หันมามองชมพู่ด้วยสายตาลึกซึ้งแว่บหนึ่ง ทำเอาชมพู่อึ้ง นิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วผินหน้าออกหนีไปอีกทาง
ทางด้านดาวกำลังแปะเทปกาวกับพื้น แล้วลากไปตามแนวพื้นห้องเพื่อเป็นการแบ่งเขตในห้อง แยกฝั่งกับลีน่า โดยมีสุนทรีย์ นรี ยืนดูอยู่กับลีน่า ส่วนฝั่งดาวมีฟ้าและคิตตี้ยืนดูอยู่ แต่ละฝั่งมีเตียงและโต๊ะแยกกันคนละชุด
“มีขอบเขตกั้นแบบนี้แล้ว ก็หวังว่าจะไม่ออกมาเพ่นพ่านนะ” สุนทรีย์แขวะ
“บอกเพื่อนเธอเหรอ” ดาวย้อน
“เอ๊ะ นี่ว่าฉันนี่” นรีสอดขึ้น
สุนทรีย์บอก “มันหมายถึงลีน่า”
คิตตี้รำคาญ “พอ นี่ไม่สำเหนียกเลยเหรอว่ากำลังถูกทำโทษ ยังจะกล้ากัดกันอีก ชั้นบอกให้เจ๊ไล่ออกทั้งคู่เลยดีมั้ย”
“ไม่แล้วค่ะพี่คิตตี้ ลีน่าเป็นมืออาชีพพอ ไม่แลกกับเด็กฝึกหัดหรอก”
“งั้นก็ดีแล้ว คนอื่นก็ออกไปได้แล้ว ไปๆ”
คิตตี้ไล่สุนทรีย์ กับนรีออกไป ฟ้าเดินเข้าไปให้กำลังใจดาว
“อดทนนะดาว”
ดาวพยักหน้ารับ ฟ้าเดินออกไป ดาวมองส่งฟ้าจนออกประตูไป ลีน่าพูดขึ้นมาจากด้านหลัง
“มีหมอนหรือยัง”
ดาวแปลกใจ ค่อยๆ หันไปหาลีน่า
“ยัง”
ทันทีที่ดาวหันหน้ามา ลีน่าก็โยนหมอนใส่หน้าดาวอย่างจัง
“เอาไปใช้สิ” ลีน่ามองสีหน้ายียวน
ดาวพยายามข่มอารมณ์ “นี่จะเริ่มใช่ไหม”
“เริ่มอะไร ก็เธออยากได้หมอนไม่ใช่หรอ”
ลีน่าบอกหน้านิ่ง ขยับเดินมาหยุดตรงหน้าดาว ก่อนจะยื่นหน้ามาพูดเป็นเชิงขู่ว่า
“แล้วฉันก็ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่จะให้เธอ เตรียมรับไว้ให้ดี”
จากนั้นลีน่าก็เดินออกประตูไป ดาวมองตามอย่างเคียดแค้นเคืองขุ่นสุดจะประมาณ
พอฟ้าเดินกลับเข้ามาในห้อง เจอแพรวแพรนั่งรออยู่ที่เตียงนอนก็ตกใจ
“อุ๊ย”
“อ่าว นี่ยังไม่มีใครบอกเหรอ ว่าเจ๊ให้พี่มานอนที่นี่ สลับกับดาว” แพรวแพรพูดดีด้วย
ฟ้าไม่วางใจ ยังมีท่าทีหวาดๆ “ยังค่ะ”
แพรวแพรยิ้มเอ็นดู “เป็นไร กลัวเหรอ”
ฟ้าพูดไม่เต็มปากเต็มคำ “ปละ...เปล่าค่ะ”
“พี่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ในบ้านหรอกนะ ไม่ต้องกลัว”
ฟ้าหาทางเลี่ยง จะเดินไป “ฟ้าออกไปหาดาวก่อนนะคะ”
แพรวแพรลุกไปขวางเอาไว้
“ไม่ต้องตัวติดกันก็ได้ กลัวดาวเขาทิ้งเราขนาดนั้นเลยเหรอ”
ฟ้าฟังแล้วงง “คะ”
“พี่เข้าใจนะ เรามาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะดาว แต่ไม่ต้องคอยอยู่ด้วยกันตลอดก็ได้”
สาวโลกสวยงงใหญ่ “หมายความว่าไงคะ อยู่ที่นี่ได้ก็เพราะดาว”
“ก็เจ๊เขาชวนดาวมาอยู่ที่นี่ ไม่ได้ชวนเธอมาสักหน่อย เป็นตัวแถมก็ลำบากหน่อยนะ”
“ฟ้าไม่ใช่ตัวแถมนะคะ” ฟ้านึกน้อยใจ แต่พยายามพูดอย่างเข้มแข็ง “ฟ้า...เป็นนางงาม”
“ใครๆ ก็เป็นนางงามได้นะฟ้า” แพรวแพรยื่นมือไปเชยคางฟ้าขึ้นมามองจ้อง “แต่จะเป็นที่หนึ่งมั้ยเนี่ยสิ” แล้ววางมือ เดินไปนั่งที่เดิม “อยากเป็นที่หนึ่งมั้ยล่ะ”
ฟ้ามองแพรวแพรงงๆ
“พี่ช่วยได้นะ”
ฟ้ามองหน้าแพรวแพรด้วยท่าทีลังเล
ส่วนที่บ้านดวงเดือน รุ้งลาวัลย์แต่งหน้าจัดเต็มเดินนวยนาดเข้ามาในห้องโถง ซึ่งในนั้นดวงเดือน กะ เลม่อน รอชมพู่กับพุฒิพัฒน์อยู่ ส่วน จอย ป้านุ้ย จัดบ้านกันไป
เลม่อนมองหมั่นไส้ “นี่ ไม่ต้องแต่งหน้ามาแข่งกับเด็กใหม่ขนาดนี้ก็ได้”
“ช่างเด็กใหม่เถอะค่ะ ว่าแต่คุณพุฒิขับมาถึงไหนแล้วคะ”
ดวงเดือนส่ายหน้า “อ๋อ ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่อง....”
เลม่อน จอย กะ ป้านุ้ยประสานเสียง “ผู้ชาย”
มีเสียงรถด้านนอกวิ่งมาจอดหน้าบ้าน จอยเหลียวไปทางนั้น
“น่าจะมากันแล้วนะคะ”
“อุ๊ย” รุ้งลาวัลย์ดี๊ด๊า แล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
เลม่อนงง “เอ้า ไม่อยากเจอแล้วเหรอ ผู้ชายน่ะ”
รุ้งลาวัลย์หันมาบอกว่า “ขอไปเพิ่มสวยก่อนค่ะ”
“นี่หน้ายังฉ่ำไม่พออีกเหรอ ถ้าแกเติมมากกว่านี้ ก็ไปเล่นงิ้วละ”
“ใครบอกจะเติมหน้าล่ะ”
รุ้งลาวัลย์ขยับหน้าอก ดันให้ร่องอกชิดกัน เลม่อนเหลือกตามองบนด้วยความเอือมระอา
พุฒิพัฒน์จอดรถหน้าบ้านดวงเดือน ทั้งสองลงรถ พุฒิพัฒน์ช่วยยกกระเป๋าข้าวของชมพู่จากท้ายรถมาวางให้ที่ข้างรถ
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร”
“ฉันไปละ”
“เอ่อ...” พุฒิพัฒน์ใจหาย จงใจยื้อเวลา ยังไม่อยากจากกัน
ชมพู่มองฉงน “มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ รอเดี๋ยวไหม เดี๋ยวฉันโทร.หาคุณดวงเดือนก่อน เผื่อมาผิดหลัง”
“จะผิดได้ไงล่ะ ก็บ้านเลขที่เดียวกันเลย ไปละนะ”
“เอ่อ ชมพู่”
“ว่า”
“หิวข้าวอะ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
“เรื่องอะไร ฉันไม่ได้หิวด้วยนี่”
ชมพู่ก้มลงจะหยิบกระเป๋า พุฒิพัฒน์เรียกไว้
“เดี๋ยว”
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พุฒิพัฒน์ก็ก้มลงจะยกกระเป๋าให้พอดี ใบหน้าทั้งสองคนอยู่ใกล้กันแค่คืบ สองหนุ่มสาวมองตากันค้างอยู่อย่างนั้น
ฝ่ายดวงเดือนมองชะเง้อคอยืดคอยาวออกไปทางนอกบ้าน
“ทำไมยังไม่เข้ามากันอีกล่ะเนี่ย”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ออกไปดูไหมคะ”
จอยจะเดินออกไป เลม่อนคว้าแขนไว้
“เดี๋ยว รออยู่นี่แหละ เผื่อมัน เกิดอะไรขึ้น จริงๆ จะได้ไม่ต้องไปเป็นก้างขวางคอเขา”
ขณะที่จอยงงอยู่นั้น จู่ๆ รุ้งลาวัลย์ก็วิ่งถลาออกมาจากในบ้าน
“คุณพุฒิ..... รุ้งมาแล้วค่า.....” แล้ววิ่งเลยออกนอกบ้านไป
“ไม่ทันแล้วล่ะ ก้างวิ่งไปนั่นแล้ว” ดวงเดือน
เลม่อนปรี๊ดค้อนตาคว่ำ “โอ๊ย รมณ์เสีย”
ดวงเดือน เลม่อน และจอย เลยต้องจำใจเดินออกไปดูหน้าบ้าน
ทั้งสองคนมองสบตากันนิ่งนาน จนชมพู่ทำลายความเงียบด้วยการคว้ากระเป๋าลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อน” พุฒิพัฒน์คว้ามือที่ถือกระเป๋าของชมพู่ ดึงเธอเข้ามาใกล้ “คือฉัน...”
เสียงรุ้งลาวัลย์ดังแหลมเข้ามาขัดจังหวะ “คุณพุฒิพัฒน์!”
สองคนหันไปมองเห็นสายตารุ้งลาวัลย์มองจ้องมาด้วยอาการตะลึงตะไล ไล่ๆ กันนั้น ดวงเดือน เลม่อน และ จอย ทยอยเดินตามกันออกมาจากในบ้าน
ชมพู่รีบผละตัวออกจากพุฒิพัฒน์ทันที
ดวงเดือนเหล่มองเลม่อนยิ้มรู้กัน แอบแท็คมือกันด้านล่าง
เห็นรุ้งลาวัลย์มองจ้องตาขวาง ดูออกว่าไม่พอใจ เล่นเอาชมพู่ทำตัวไม่ถูก
อ่านต่อหน้า 4
มงกุฎริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
เย็นวันนั้น ระหว่างที่ดาวนั่งเหงา มองท้องฟ้า ดูต้นไม้ ใช้ความคิดอยู่คนเดียวทางหลังบ้าน ก็ได้ยินเสียงชัชชนม์กับดนัยเดินคุยกันเข้ามา ชัชชนม์นั้นถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ บ้านเปรมจิตไปด้วย ดาวฉากหลบแอบฟังสองหนุ่มคุยกัน
“เฮ้ย ถ่ายทำไมให้เปลืองเมม รอถ่ายสาวๆ ดิ” ดนัยท้วง
“ฉันถ่ายบรรยากาศบ้านอยู่ ว่านางงามเขาอยู่กันยังไง”
“เสียดายบรรยากาศตอนตบกันเนอะ น่าจะรีบถ่ายไว้ด้วย” ดนัยยิ้มขัน
“ไอ้บ้า” ชัชชนม์ด่าเอา
สองหนุ่มเดินมาอีกไม่กี่ก้าว ก็เจอดาวเท้าสะเอวมองจ้องอย่างเอาเรื่องอยู่
“นี่พวกคุณ มาดูอะไรที่บ้านนี้กันแน่”
“เรามาทำรีเสิร์ชเกี่ยวกับบ้านนางงามจริงๆ ครับ” ชัชชนม์บอก
“แค่ไม่ชิน ว่าที่นี่เขาอยู่กันแบบซาดิสต์ๆ” ดนัยล้อขำๆ
คิตตี้เดินเข้ามาพร้อมกับฟ้า ทันได้ยิน
“ฮู้ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่า ไอ้เรื่องกระทบกระทั่งกันของคนในบ้านนี่เป็นเรื่องปกติค่ะ ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งสนิทกัน ตบกันเพื่อสานสัมพันธ์ค่ะ เหมือนพวกผู้ชายแข่งบอลกระชับมิตรกันไงคะ” คิตตี้ว่า
“เหรอครับ” ดนัยมองดาวด้วยสายตากรุ้มกริ่ม “ผมชักอยากจะสานสัมพันธ์กับสาวๆ บ้านนี้บ้างจัง”
“อยากโดนตบบ้างน่ะเหรอ”
ฟ้าปราม “ดาว”
คิตตี้รีบแทรกด้วยการเปลี่ยนเรื่อง “งั้นอยู่ชิมอาหารบ้านเจ๊เปรมจิตก่อนกลับละกันเนอะ”
“ยินดีเลยครับ นำไปเลยครับ”
คิตตี้เดินนำไป ดนัย กับ ฟ้าเดินตาม ชัชชนม์กำลังจะเดินตามไป ถูกดาวดึงแขนไว้
“เออคุณ...”
ฟ้าหันมาดูว่าดาวจะทำอะไร
“ขอบคุณนะที่มารับแทนฉันน่ะ” ดาวชี้หน้าชัชชนม์ที่ออกมาขวางจนถูกตบแทน
“ไม่เป็นไรเลย ดาวก็ดูแลตัวเองด้วยละกันนะ”
ฟ้ามองท่าทีชัชชนม์ที่ดูเป็นห่วงดาว ก็รู้สึกหงุดหงิด และอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก
คิตตี้เดินนำสองหนุ่มเข้ามาในห้องทานอาหาร ดาวและฟ้าเดินตาม
คิตตี้เชื้อชวน “เชิญเลยค่ะ เชิญเลย”
เปรมจิตนั่งที่หัวโต๊ะ แพรวแพรนั่งถัดมาทางซ้าย
“นั่งเลยค่ะ วันนี้เรามีเมนูพิเศษ”
ชัชชนม์ และ ดนัย เห็นกับข้าวบนโต๊ะก็อึ้งไป เพราะมีแต่ผักต้ม กับ น้ำพริก
เปรมจิตยิ้มแล้วบอกต่อว่า “น้ำพริก ผักต้ม”
“แหม ถ้าบ้านนี้กินเจนี่สบายเลยนะฮะ” ดนัยบ่นบ้าเบาๆ “มีแต่ผัก”
ชัชชนม์ถามเป็นข้อมูล “ต้องทานแบบนี้ทุกมือเลยเหรอครับ”
“ก็แค่ช่วงนี้แหละค่ะที่ต้องคลีนกันหน่อย เพราะใกล้จะมีงานสำคัญ” คิตตี้บอก
“เออใช่” เปรมจิตนึกได้หันไปทางดาว “เรามาใหม่คงยังไม่รู้ เดี๋ยวมะรืนนี้ คุณหญิงพิจิตรา เจ้าของนิตยสารThe Beauty จะมาที่บ้านเรา หานางแบบไปขึ้นปกนะ”
ฟ้าตื่นเต้นรีบสอดขึ้น “จริงเหรอคะ ฟ้าก็ตามอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ เห็นเขาว่ากันว่า คนที่ได้ขึ้นปกจะได้เป็นตัวเต็ง Miss Perfect Thailand ด้วย”
คิตตี้พยักพเยิด “ถูก... เพราะคุณหญิงพิจิตรา นางเป็นกรรมการ Miss Perfect Thailand ด้วย ถ้านางชอบใครนะ คนนั้นเข้าลึกทุกคน”
“มิน่าพวกนั้นถึงไม่ลงมากินข้าวเย็นกัน” ดาวหันมองแพรวแพร “แล้วเธอไม่ลดน้ำหนักเหรอ”
“ไม่รู้จะลดไปทำไม เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้ขึ้นปกฉบับนี้แน่ๆ อยู่แล้ว” แพรวแพรมาดมั่น
ดนัยงง “อ้าว ทำไมคิดงั้นล่ะครับ”
คิตตี้ตอบให้หายข้องใจว่า “เพราะนางขึ้นปกไปแล้วเมื่อต้นปีไงคะ”
แพรวแพรยิ้มกระหยิ่มใส่ดาวอย่างเป็นต่อ
“คราวนี้โอกาสทองมาถึงแล้วนะ” เปรมจิตว่า
ฟ้า ดาวมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น
เปรมจิตกลับพูดต่อว่า “ตั้งใจทำเต็มที่ล่ะดาว”
ฟ้าหน้าเสียเมื่อได้ยินเปรมจิตเรียกแต่ชื่อดาวคนเดียว ดาวรู้สึกได้รีบพูดช่วยฟ้า
“ค่ะ ดาวกับฟ้าจะทำเต็มที่เลยค่ะเจ๊”
เปรมจิตยิ้มให้ดาว แต่ฟ้ายังคงรู้สึกไม่ดีอยู่อย่างนั้น
ฟากพุฒิพัฒน์ถูกดวงเดือนเชื้อเชิญเข้ามาในบ้าน เวลานี้เขานั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก ตรงข้ามกับดวงเดือนและเลม่อน
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณพุฒิเนี่ย หนูชมพู่ก็ไม่รู้จะมายังไงเลย แล้วนี่เดินทางมาเป็นยังไงบ้างคะ ไปแวะเที่ยวกันที่ไหนเหรอ ถึงมาช้าจัง
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“อุบัติเหตุกลางแจ้งหรือในร่มคะ” เลม่อนยิ้มกริ่ม
“นังเล” ดวงเดือนทำเป็นดุ แต่หันมาหาเลม่อน แอบทำปากไม่มีเสียงว่า “ดีมาก”
“รถยางแตกน่ะครับ ก็เลยซ่อมนานเลย”
ดวงเดือนทำเป็นเกรงใจ “แล้วชมพู่ไปเป็นภาระอะไรให้คุณพุฒิหรือเปล่าคะ”
“ไม่เลยครับ ชมพู่ดีมากเลยครับ” ผอ.หนุ่มคิดถึงความเก่งกาจของชมพู่แล้วยิ้มออกมา
“ดียังไงเหรอคะ”
พุฒิพัฒน์ไม่ทันได้ตอบคำถามเลม่อน รุ้งลาวัลย์เดินนำชมพู่เข้ามาพอดี
“พาน้องชมพู่ไปดูห้องเสร็จแล้วค่ะ”
รุ้งลาวัลย์เสนอหน้า ลงนั่งข้างๆ พุฒิพัฒน์ในระยะประชิด พนมมือไหว้กับอกชายหนุ่ม
“ชื่อรุ้งค่ะ รุ้งลาวัลย์”
ดวงเดือนกระแอมกระไอปราม “อะแฮ่ม”
พุฒิพัฒน์สยอง ขยับตัวทำทีจะกลับ
“ผมคงต้องขอตัวกลับแล้วนะครับ”
ดวงเดือนทักท้วง “ยังไม่ได้ดื่มน้ำ ดื่มท่าเลย พักก่อนก็ได้ค่ะ ขับรถเหนื่อยมาทั้งวัน”
“ไม่เป็นไรครับ บ้านผมอยู่ใกล้ๆ นี้เอง ลานะครับ”
พุฒิพัฒน์ลุกขึ้นหันตัวมาเจอกับชมพู่ก็ชะงักไป ชมพู่ไหว้ลา
“ไว้วันหลังแวะมาใหม่นะคะคุณพุฒิ” ดวงเดือนว่า
“ครับ”
ก่อนพุฒิพัฒน์จะเดินออกไป เขาเหลียวมามองชมพู่อีกแว่บ แล้วจึงเดินออกไป
รุ้งลาวัลย์มองพุฒิพัฒน์ แล้วหันมามองชมพู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ดวงเดือนดูออก “น้อยๆ หน่อย รุ้งลาวัลย์”
รุ้งลาวัลย์ทำไก๋ “อะไรคะป้า รุ้งยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“คุณพุฒิน่ะ เขามีคนที่สนใจอยู่แล้ว” ดวงเดือนปรายตามองไปทางชมพู่ “ไม่ต้องพยายามหรอก”
รุ้งลาวัลย์ไม่พอใจแต่ต้องข่มอาการ ส่วนชมพู่เหวอไป
แพรวแพรนั่งเช็ดเครื่องสำอางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง มองผ่านกระจก เห็นฟ้าทำเก้ๆ กังๆ ลังเลอยากจะเข้ามาคุยด้วยจึงร้องเรียก
“ฟ้า”
ฟ้าสะดุ้งตกใจ “คะ”
แพรวแพรหันมาหา “เป็นอะไร”
ฟ้ารุ่ง ตัดสินใจถามออกไป “เรื่องที่พี่พูดเมื่อตอนเย็น ที่ว่ามีวิธีให้ฟ้าได้เป็นที่หนึ่ง พี่หมายความว่ายังไงคะ”
แพรวแพรยิ้มพูดใส่หน้าฟ้าจังๆ “ก็เป็นที่หนึ่ง ไม่ต้องคอยเป็นรองยัยดาวไง”
ฟ้าหน้าเสีย กับคำพูดแทงใจดำนั้น
แพรวแพรยิ้ม เสี้ยมต่ออีก “พี่เห็นที่ยัยดาวทำกับเราแล้ว พี่บอกตรงๆ พี่ไม่ชอบ”
“ดาวเขาทำอะไรคะ”
“ก็ที่ไปมีเรื่องกับลีน่าเนี่ยสิ”
“ดาวเขาแค่จะปกป้องฟ้า”
“ปกป้องตัวเองล่ะไม่ว่า พี่อ่านเกมดาวเขาออก เขาแค่ใช้ฟ้ามาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะยกตัวทำเหนือทุกคน ทำแบบเนี้ย ดาวเขาก็จะมีแต่คนเกรงใจ ส่วนฟ้าก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอ ตกเป็นเหยื่ออยู่ร่ำไป”
สาวโลกสวย ใจโลเลคิดหนัก เริ่มสับสน
“ฟ้าจะไม่เชื่อพี่ก็ตามใจนะ”
แพรวแพรลุกจะเดินออกไป ฟ้ารั้งแพรวแพรไว้
“ทำไมพี่ต้องมาบอกเรื่องพวกนี้กับฟ้าด้วย”
แพรวแพรค่อยๆ หันกลับมา
“พี่ต้องการอะไรจากฟ้ากันแน่”
แพรวแพรหัวเราะเสียงใส “อย่างฟ้าน่ะจะให้อะไรพี่ได้ แต่ที่พี่มาบอกไว้ก็เพราะว่า พี่เกลียดคนอย่างดาว เกลียดคนที่พร้อมจะเหยียบหัวทุกคน เพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ โดยไม่สนเลยว่าคนๆ นั้น จะเป็นเพื่อนรักตัวเอง”
แพรวแพรเดินยิ้มชั่วออกไป ส่วนฟ้าเริ่มคล้อยตามออกอาการคิดหนัก ประสาคนหัวอ่อนและหูเบา
อ่านต่อตอนที่ 6