มงกุฎริษยา ตอนที่ 8
ในวันนี้ ชัชชนม์ใช้บ้านของเขาเป็นสถานที่แคสติ้งสาวๆ นางงามจากสองค่าย เขาจึงตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมความพร้อม เวลานี้กำลังเซ็ตฉากและจัดแสงอยู่ ส่วนดนัยหวีผมวางมาดหล่ออยู่หน้ากระจก กล้องวิดีโอตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว
“ไอ้นัย ลองมายืนดิ๊”
ดนัยเดินไปยืนที่มาร์กหน้ากล้อง ชัชชนม์ดูจากกล้องเช็คแสง ดนัยทำท่าที่คิดว่าเท่ และ หล่อ
“หล่อพอยังวะ”
“ไอ้นัย ชั้นเตือนแกไว้ก่อนเลยนะ แกห้ามหม้อใครเด็ดขาด ไม่งั้นชั้นเตะแกแน่”
“ชั้นรู้น่าว่างานคืองาน แกเคยเห็นชั้นหม้อสาวที่มาแคสต์เหรอ”
“เอาว่ามีครั้งไหนที่แกไม่หม้อดีกว่า”
ดนัยทำท่าหื่น “แล้วตกลงวันนี้จะมีสาวมาแคสต์กี่คนวะ”
ชัชชนม์ส่ายหัวเอือมระอา
ค่ายป้าดวงเดือนมาถึงก่อน ทุกคนทยอยลงมาจากรถตู้ มีเลม่อนนำทีม
“ทุกคน มายืนหน้ากระดานเดี๋ยวนี้”
สาวๆ มายืนเรียงหน้าเลม่อน
“วันนี้เรามาแคสติ้งงาน มีคนอื่นอยู่เยอะแยะ อย่าได้กัดกันเป็นชะนีแย่งกล้วยอย่างเมื่อวานอีก เดี๋ยวใครเค้าจะหาว่าสาวๆ บ้านดวงเดือนไม่รักสามัคคีกัน”
“ใครก็อย่ามาหาเรื่องรุ้งก่อนละกัน”
เลม่อนมองจ้องคาดโทษ “หล่อนนั่นแหละตัวหาเรื่องเลย ถ้ามีเรื่องอีกชั้นจะฟ้องป้าดวงเดือน คนอื่นเข้าใจนะ”
ทุกคนรับ “เข้าใจค่ะ” พร้อมเพรียง
“โอเค ตามชั้นมา”
ชมพู่ออกอาการกังวล “เดี๋ยวค่ะ แล้วจะแคสต์เสร็จกี่โมงคะ พู่ต้องไปทำงานต่อ”
เลม่อนวี้ด “โอ๊ย ชั้นโทร.งานกับเลขาคุณพุฒิให้เรีบยร้อยแล้ว”
ชมพูไม่หายกังวล “แต่นี่เพิ่งทำงานวันที่ 2 เองนะคะ เค้าให้ลาด้วยเหรอ”
“ชั้นบอกว่าเธอป่วย ไปทำงานไม่ได้”
ไม่ทันขาดคำดี โทรศัพท์ชมพู่มีสายเข้า พอเห็นชื่อพุฒิพัฒน์โทร.มา สาวสวยลนลาน
“คุณพุฒิโทร.มา เอาไงดีคะพี่เลม่อน”
“มานี่ชั้นคุยเอง” เลม่อนรับโทรศัพท์ชมพู่มาพูดสาย “ฮัลโหลคุณพุฒิขา น้องพู่ป่วยกะทันหันค่ะ ว้าย ไม่ต้องมาเยี่ยมค่ะ เดี๋ยวก็หายแล้ว พรุ่งนี้กลับไปทำงานต่อได้แน่นอนค่ะ อุ๊ยๆๆ แค่นี้ก่อนนะคะ พยาบาลมาตามแล้วค่ะ” เลม่อนกดวางสายส่งเครื่องคืน “โอเคนะ จบนะ ไปกันได้”
เลม่อนเดินดำทะมึนนำเข้าบ้านไป สาวๆ เดินตาม
ชมพู่ยังกังวลไม่หาย รุ้งลาวัลย์ ปราง และดอกแค มองเขม่นจนจอยนึกเป็นห่วงชมพู่
พอเห็นเลม่อนเดินนำสาวๆ เข้ามาในห้องรับแขก ดนัยดี๊ด๊าต้อนรับ
“สวัสดีครับเจ๊เลม่อน”
“สวัสดีจ้ะน้องนัย...เด็กๆ สวัสดีพี่นัยสิจ๊ะ”
สาวๆ ไหว้ชดช้อย “สวัสดีค่ะพี่ดนัย”
ดนัยยิ้มตาเยิ้มแทบละลาย “โอ๊ะๆๆ ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ เราน่าจะอายุไล่เลี่ยกัน”
“เด็กเจ๊เค้ามารยาทดีน่ะจ้ะ” เลม่อนเหลียวมองหาชัชชนม์ “แล้วน้องชัชล่ะจ๊ะ”
“อยู่ข้างในครับเตรียมกล้องพร้อมแล้ว เราเริ่มเลยดีมั้ยครับ”
“เอาเลยจ้ะ”
ดนัยหันมาบรีฟงาน “สาวๆ ครับ เดี๋ยวจะให้เข้าไปแนะนำตัวก่อนทีละคนนะครับ แล้วค่อยจับกลุ่ม เข้าไปทีละ 3 คน โฆษณานี้อยากได้ฟีลแบบ เพื่อนสาวเล่นกันสนุกสนานน่ะครับ ทุกคนก็สนิทกันอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ดึงความสดใสออกมาให้เต็มที่เลยนะครับ”
เลม่อน “โอเคค่ะน้องนัย งั้นคนแรกให้พู่เข้าไปก่อนเลยดีมั้ยคะ”
“ดีคราบ...คนไหนก่อนก็ได้คราบ ตามผมมาเลยครับ”
ดนัยมองชมพู่ตาหวานก่อนจะเดินนำไป ชมพู่ลังเล
“เจ๊ ทำไมหนูต้องคนแรกด้วยอะ”
“คนแรกสิดี เอาฤกษ์เอาชัย”
เลม่อนดันให้ชมพู่ตามไป เทพีเมืองเพชรเดินตามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
ดนัยพาชมพู่เดินมาหน้าเซ็ต
“ทางนี้ครับ”
โทรศัพท์มือถือดนัยดังขึ้น
“ฮัลโหลครับ เพิ่งเริ่มครับ พี่อยู่ไหนแล้วครับ โอเคครับเดี๋ยวผมออกไปรับครับ” ดนัยวางสายหันมาทางชมพู่ “เชิญด้านในเลยนะครับ ผมออกไปรับคนแป๊บนึง”
ดนัยรีบรุดออกไป
ชมพู่เดินไปยังมุมที่เซ็ตฉากไว้ ซึ่งตรงนั้นชัชชนม์กำลังก้มหาอุปกรณ์บางอย่างอยู่ ชมพู่เห็นเขาจากด้านหลัง
“สวัสคีค่ะ มาแคสติ้งค่ะ”
ชัชชนม์พูดบอกโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามาดู “ครับ ยืนที่มาร์กหน้ากล้องเลยครับ”
ชมพู่ประหม่า เพราะไม่เคยทำอะไรต่อหน้ากล้อง
ชัชชนม์เดินกลับไปนั่งดูจอมอนิเตอร์ พอเห็นเป็นชมพู่ก็จำได้ เงยหน้าขึ้นดูตัวจริง ชมพู่ก็จำชัชชนม์ได้
“อ้าวคุณ” สองคนอุทานพร้อมกัน
“คุณชมพู่”
“คุณชัช”
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ” ชัชชนม์ยิ้มดีใจ
“พี่เลม่อนพามาน่ะค่ะ แล้วนี่คุณเป็นตากล้องเหรอคะ”
“ครับ ผมรับจ๊อบถ่ายอะไรไปเรื่อยเปื่อยแหละครับ แหม บุพเพสันนิวาสจริงๆ” ตอนท้ายชัชชนม์เผลอหลุดปาก พูดทีเล่นทีจริง
“บุพเพสันนิวาสเลยเหรอคะ แค่บังเอิญก็พอมั้งคะ”
ชัชชนม์เองก็ตกใจที่หลุดปากไป “อ๋อ ครับๆ ผมหมายถึงบังเอิญน่ะครับ”
สองคนหัวเราะขำแก้เก้อกันไป
เลม่อนกับสาวๆ นั่งรออยู่ในห้องรับแขก ดนัยเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาจากทางหน้าบ้าน
“แหม ผมอยากให้บ้านผมมีสาวเยอะๆ อย่างนี้ทุกวันจังเลยครับ”
พวกเลม่อนมองไป เห็นคิตตี้นำทีม ดาว ฟ้า แพรวแพร ลีน่า นรี สุนทรีย์ เข้ามา
ทั้ง 2 ฝ่ายอึ้งๆ กันไป คิตตี้ทำตาเขียวใส่เลม่อน กะเทยบึกปรายตามองเชิดใส่มาดผู้ดี
“เชิญนั่งรอเลยครับ ผมขอตัวเข้าไปช่วยข้างในก่อนนะครับ”
ดนัยออกไปที่เซ็ต
คิตตี้เปิดฉากกระทบกระเทียบก่อน “เด็กๆ จ๊ะ วันนี้ระวังตัวกันหน่อยนะ เพราะเจ๊ได้กลิ่นเหม็นๆ แถวนี้”
สุนทรีย์ย์ทำเป็นงง “กลิ่นอะไรเหรอคะเจ๊
“ก็กลิ่นโคลนสาบกะเทยควายไงจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ แล้วก็ได้กลิ่นลูกๆ ของมันหลายตัวด้วยนะ ฮ่าๆๆ ไปนั่งห่างๆ ดีกว่าเดี๋ยวติดกลิ่นสาบ”
คิตตี้ แพรวแพร สุนทรีย์ นรี เดินหัวเราะไปนั่งอีกมุมหนึ่ง ลีน่าทำหน้าเซ็งๆ ที่พวกนี้ชอบหาเรื่อง ฟ้า กะ ดาว งงๆ
เลม่อนหรือจะยอม “เด็กๆ จ๊ะ วันนี้ถือว่าเรามาปฏิบัติธรรมก็ละกันนะจ๊ะ ก่อนที่พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสรู้ ก็มีพวกมารผจญอย่างนี้แหละจ้ะ เราต้องตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม พวกผีห่าซาตานก็จะทำอะไรเราไม่ได้”
คิตตี้กัดฟันคุมแค้น
ดาวมองประเมิน แล้วกระซิบเตือนฟ้า “ฟ้า นั่นพวกค่ายป้าดวงเดือนที่เราเจอตอนประกวดนางนพมาศนี่ ชั้นว่าเดี๋ยวต้องมีเรื่องอีกแน่เลย เรานั่งห่างๆ ไว้จะดีกว่า เดี๋ยวโดนลูกหลง”
ดาวจะจูงมือฟ้าแยกตัวไปนั่งอีกมุมหนึ่ง แต่ฟ้าสะบัดมือดาวออก
“ดาวไปคนเดียวเถอะ”
ฟ้าหนีไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกแพรวแพร เล่นเอาดาวงวยงง
สาวๆ สองค่ายคู่แข่ง มองค้อน มองจ้องกันไปมา รุ้งลาวัลย์มองแพรวแพรแล้วเบะปาก
“หล่อนมองอะไรอีนังรุ้ง”
“มองหมามั้ง” รุ้งลาวัลย์สวนกลับ
เลม่อนทนไม่ได้ มองคิตตี้ตาขวาง
“นี่! เป็นโรคประสาทรึไง คนนั่งเฉยๆ ก็มาด่าเค้าน่ะ”
“ก็เด็กแกดันมาถามหาเรื่องก่อนทำไม เด็กชั้นก็ตอบไปตามจริง ฮ่าๆๆ หมาตั้งฝูงนึงแน่ะ ฮ่าๆๆ”
“เจ๊ สันดานแบบเนี้ย ขอตีปากหน่อยเหอะ” ปรางฮึดฮัด
เลม่อนไม่ห้าม “เอาเลย ชั้นอนุญาต”
ปราง เลม่อน แพรวแพร ดอกแค พุ่งใส่ คิตตี้ รุ้งลาวัลย์ นรี และสุนทรีย์ก็ถลาเข้าใส่
แต่ก่อนที่ทั้งสองค่ายกำลังจะถึงตัวกัน เสียงชมพู่ร้องดังขัดจังหวะตะลุมบอนขึ้น
“ดาว...ฟ้า”
ทุกคนหยุดกึก ดาว กับ ฟ้ามองไปเห็นชมพู่เดินเข้ามา
สองสาวร้องลั่น “พู่”
ทั้ง 3 นางวิ่งเข้ากอดกันด้วยความดีใจถึงขีดสุด
ดาวถามทันทีว่า “มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ยพู่”
คิตตี้เม้ง “นังดาว นังฟ้าออกมานี่”
เลม่อนเสียงเข้ม “พู่ อย่าไปยุ่งกับมัน”
สามสาวจากบ้านตาลชุมเมืองเพช มองหน้ากันไปมา
เลม่อนลากชมพู่ออกมาตรงสนามหญ้า
“แต่ฟ้ากับดาวเค้าเป็นเพื่อนหนูนะคะ ใครจะทะเลาะก็ทะเลาะกันไปสิ ไม่เกี่ยวกับหนูซะหน่อย
เลม่อนแหวใส่ “เกี่ยวสิ เพราะตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกัน แล้วอีพวกนั้นก็เป็นศัตรูของเรา แล้วเธอจะไปเข้ากับพวกมันได้ยังไง”
ชมพู่อึ้งหนัก “แต่...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าคิดที่จะอยู่ทีมดวงเดือน ก็ต้องไม่ยุ่งกับทีมเปรมจิต”
ชมพู่หนักใจ
คิตตี้เองก็กำลังอบรมฟ้า กะ ดาวอยู่
“ชั้นไม่สนว่าแกจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน แต่ชั้นขอสั่งว่าชาตินี้ห้ามยุ่งกับมันเด็ดขาด”
“นี่เจ๊ แยกแยะให้ออกได้ป่าว เราเป็นเพื่อนกัน” ดาวทักท้วง
“แต่ต่อไปนี้แกต้องเป็นศัตรู ถ้าแกอยากเป็นเพื่อน แกก็ย้ายไปอยู่ค่ายเดียวกับมันซะ”
ดาวไม่รับปาก ออกอาการหนักใจ
คิตตี้มองคาดคั้น “เอาไง ห้ามยุ่งกับมันน่ะ ทำได้มั้ย”
“ค่ะ ฟ้าทำได้ค่ะ”
ดาวตกใจคาดไม่ถึง ที่ฟ้าตอบไปแบบนั้น
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชัชชนม์กับดนัยกำลังดูคลิปแคสติ้งในแมคบุค สักครู่ฟ้าก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ”
“อ้าว ฟ้า” ฟ้ายิ้มแก้มปริที่ชัชชนม์ทักทาย “แล้วดาวล่ะครับ มาด้วยรึเปล่า”
ฟ้าหุบยิ้มทันที พยายามเก็บอาการ
“มาค่ะ รออยู่ข้างนอก”
“งั้นผมว่าเข้ามาพร้อมกันเลยดีกว่าครับ ไอ้นัย ไปตามดาวเข้ามาที”
ฟ้ารีบบอก “แคสฟ้าคนเดียวก่อนก็ได้ค่ะ แคสทีละคนน่าจะดีกว่านะคะ”
“สองคนพร้อมกันเลยดีกว่าครับ คุณเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แคสพร้อมกันน่ารักดี”
ฟ้าอึ้งไป ไม่รู้จะเถียงอะไร
“งั้นชั้นไปตามดาวนะ”
ดนัยออกไป ฟ้าอึดอัดข่มความไม่พอใจไว้ภายใต้รอยยิ้มหวานหยด
เวลานั้น ฤทธิ์ ชายหนุ่มรูปหล่อ มาเดินด้อมๆ มองๆ แถวรั้วหน้าบ้านชัชชนม์ มองสอดส่องเข้าไปด้านใน จนเห็นจอยเดินท่องรายการสั่งซื้อของออกมาทางประตูเล็ก
“น้ำส้ม 3 น้ำมะเขือเทศ 2 โยเกิร์ตโลว์แฟต 1 ซาลาเปาของพี่เลม่อน 2 แล้วอะไรอีกน้า...”
ฤทธิ์เอ่ยขึ้น “ขอโทษนะครับ”
“คะ”
“แพรวแพรมาที่นี่รึเปล่าครับ”
จอยมองๆ งงๆ ไม่รู้จัก “แพรวแพร อยู่ข้างในแน่ะ”
“ช่วยไปตามเค้าออกมาหาผมหน่อยได้มั้ยครับ” ฤทธิ์ขอร้อง ท่าทีเกรงใจ
“ไม่เอาอ่ะ อยากเจอก็เข้าไปหาเองสิ”
“เอ่อ... ผมไม่อยากเข้าไปน่ะครับ”
“คุณก็โทร.เรียกเค้าออกมาสิ”
“เค้าปิดเครื่องไปแล้วน่ะครับ นะครับ ช่วยตามเค้าออกมาที บอกว่า เพื่อนชื่อฤทธิ์มาหา มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
จอยมองลังเล ว่าจะเอาไงดี
“ไม่เอาละ ชั้นต้องรีบไปซื้อของ”
จอยรีบเดินเลี่ยงไป ฤทธิ์จับแขนจอยไว้
“นะครับ ขอร้องล่ะช่วยผมหน่อย ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแพรวจริงๆ”
“ไม่เอา ชั้นไม่อยากยุ่ง ปล่อยชั้น”
แพรวแพรออกมาเห็นเหตุการณ์
“ไอ้ฤทธิ์”
“แพรว” ฤทธิ์ดีใจ
แพรวแพรตวัดสายตาพิฆาตมองขู่จอย กลัวจอยจะรู้ความลับ จอยกลัวรีบเดินหนีไป
ขณะเดียวกัน ฟ้ายืนรออยู่หน้าเซ็ต ขณะดนัยพาดาวเข้ามา
“ชัช ขอบใจนะที่ให้ชั้นแคสต์พร้อมกับฟ้า ถ้าให้แคสต์กับพวกนั้นคงอึดอัดตาย”
“อ้าว ดาวไม่ถูกกับพวกเค้าเหรอ” ชัชชนม์แปลกใจ
“ไม่ชอบหน้านิดหน่อย”
“ดีแล้ว งานนี้เค้าอยากได้ฟีลเพื่อนกันน่ารักๆ ฟ้ากับดาวก็เต็มที่เลย สบายๆ”
ดาวยิ้ม คิดบางอย่างได้ “อยากได้แบบเพื่อนกันเหรอ จริงๆ เรามีเพื่อนอีกคนนะ แต่เค้าอยู่อีกค่ายนึง เอามาแคสต์พร้อมกันได้ป่าว”
“ใครเหรอ” ชัชชนม์สนใจ
“ชื่อชมพู่”
“จริงดิ ดาวกับฟ้า เป็นเพื่อนกับชมพู่เหรอ ไอ้นัย วานอีกทีเหอะ ไปตามชมพู่มาแคสต์พร้อมกันเลย”
ดนัยทักท้วง “จะมีเพื่อนอีกมั้ย จะได้ตามทีเดียว เดินหลายรอบเหนื่อยนะ”
“พอแล้ว เอาแค่ 3 คนนี้แหละ”
ดนัยออกไป
ฟ้ากังวลกระซิบทัดทานกับดาว “จะดีเหรอดาว เจ๊คิตตี้เค้าสั่งไว้แล้วนะ”
“เราก็อ้างว่าชัชเค้าให้มาแคสพร้อมกันสิ ไม่เห็นจะยากเลย”
ฟ้าไม่พอใจที่ดาวจะให้ชมพู่เข้ามาแคสต์ร่วมด้วย เพราะตัวเองจะดับยิ่งกว่าเดิม
ที่แท้ ฤทธิ์ เป็นสามีของแพรวแพร ทั้งสองคนมีลูกสาวด้วยกันตอนเป็นวัยรุ่น เวลานี้ ฤทธิ์คอยเลี้ยงดูลูกสาว ส่วนแพรวแพรหวังชุบตัวใหม่ด้วยการประกวดนางงาม แหละในวันนี้ ฤทธิ์ทนคิดถึงแพรวแพรไม่ไหว เมื่อติดต่อไม่ได้ เขาจึงบุกมาหา
แพรวแพรลากแขนฤทธิ์เข้ามาในมุมลับตา กลัวมีคนมาเห็นว่ามีผัวแล้ว ฤทธิ์ตวัดคว้าตัวแพรวแพรเข้ามากอด ระดม หอม พรมจูบด้วยแรงรักความคิดถึง แพรวแพรปัดป้องพัลวัน
“ปล่อยนะ เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก”
“ก็ชั้นคิดถึงแพรวนี่”
ฤทธิ์จะเข้าหอมอีก ถูกแพรวแพรผลักออก
“กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ชั้นบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องมาหา พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
“ก็แพรวเล่นหายไปหลายเดือนไม่กลับบ้านเลย ชั้นก็คิดถึงน่ะสิ”
“ไม่ต้องมาคิดถึง นี่มันจะใกล้ประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์แล้ว ชั้นต้องเก็บตัวอยู่ที่ค่าย”
ฤทธิ์เริ่มผ่อนคลายอารมณ์ร้อนลง มองตาแพรวแพรอย่างจริงใจ
“คิดถึงชั้นบ้างรึเปล่าแพรว”
เมื่อแพรวแพรเห็นท่าทีฤทธิ์อ่อนลง ก็รู้สึกได้ว่าเขาจริงใจที่มาหาจึงพยักหน้าตอบไป
“คิดถึงก็กลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง ไม่ต้องมาบ่อย ไม่ต้องมาอยู่นาน แต่ขอให้มาบ้าง หายไปนานแบบนี้ชั้นก็เป็นห่วง”
แพรวแพรอัดอั้นเจียนจะร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก พยักหน้าไปหงึกๆ
“แล้วอยู่ที่ค่ายสุขสบายดีมั้ย มีเรื่องกับใครอีกรึเปล่า”
แพรวแพรส่ายหน้า ฤทธิ์ดึงแพรวแพรมากอดด้วยความรัก ลูบผม ลูบหลังเบาๆ
“ดูแลตัวเองดีๆ นะแพรว”
แพรวแพรน้ำตาหยดริน ที่เห็นฤทธิ์เป็นห่วง และหล่อนเองก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน และที่สำคัญคิดถึงลูกสาวมากด้วย ฤทธิ์ยกมือปาดเช็ดน้ำตาให้เมียนางงาม
“กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวเจ๊จะว่าเอา ชั้นไปนะ”
ขณะฤทธิ์เดินจากไป แพรวแพรมองตาม ก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดฤทธิ์เต็มรักจากทางด้านหลัง
“แล้วชั้นจะรีบกลับบ้านนะ”
ฤทธิ์กับแพรวแพรกอดกันแนบแน่นด้วยความคิดถึง โดยไม่รู้ว่าจอยแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
ดนัยพาชมพู่เข้ามา ชมพู่ร้องทักเพื่อนด้วยความดีใจ
“ฟ้า ดาว”
ชมพู่วิ่งเข้ามากอดดาวกับฟ้า สองสาวเองก็ดีใจมาก สำหรับฟ้าตอนนี้เธอคิดว่ายังไงชมพู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีกว่าดาว
“พู่ รู้มั้ยชั้นคิดถึงแกมากขนาดไหน” ดาวดีใจมากๆ
“ชั้นก็คิดถึงพวกแก แต่ชั้นติดต่อพวกแกไม่ได้เลย”
“โทรศัพท์พวกเราหายน่ะ แต่ตอนนี้ชั้นมีโทรศัพท์ใหม่แล้วนะ” ดาวควักโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเมม “ขอเบอร์แกหน่อยสิ”
ฟ้ามองสงสัย “ดาว แกเอาโทรศัพท์มาจากไหน”
ดาวหลุดปาก “อ๋อ เจ๊เปรมเค้าซื้อให้”
พอได้ฟังฟ้าก็ยิ่งอิจฉามากขึ้นไปอีก ดาวรู้สึกตัวว่าฟ้าไม่พอใจเลยรีบแก้
“เจ๊เค้าซื้อให้เรา 2 คนใช้ด้วยกันน่ะ มีอะไรจะได้ติดต่อได้”
“ขอโทษนะครับ นี่มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย” ชัชชนม์งง
“อุ๊ย ขอโทษทีคุณชัช เราไม่ได้เจอกันนาน” ชมพู่บอกกับดาว และ ฟ้าว่า “เราทำงานกันก่อนเถอะ เรื่องของเราไว้คุยกันทีหลังนะ”
สามสาว ทำท่าหัวเราะคิกคัก หยอกล้อกันไปมา อย่างสนุกสนาน ทั้งสามนางบีบครีม มาทาให้กัน เอาครีมแกล้งป้ายกันสนุกสนานสดใส
ชัชชนม์ถ่ายภาพไป ส่วนดนัยสนุกกับการเป่าฟองสบู่เพิ่มความมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งให้สามสาว
มีบางซีนที่ ดาว กับ ชมพู่ ดูเข้ากันดีมากๆ จนฟ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน และเริ่มมีความขุ่นมัวคุกร่นในใจแล้ว
เลม่อน รุ้งลาวัลย์ ปราง และดอกแค กำลังดูของที่จอยซื้อมา เลม่อนถึงกับเม้งแตกเพราะซื้อมาผิดหมด
“แกซื้อของประสาอะไร ส้ม 3 มะเขือเทศ 2 ก็ซื้อส้ม 2 มะเขือเทศ 3 ซาลาเปาชั้นเอาหมูสับก็ซื้อหมูแดง สมองกลับรึยังไงยะ”
“ขอโทษค่ะ จอย...”
จอยกำลังจะเล่าว่ามีคนมาทักเลยลืม แต่เมื่อมองไปเห็นแพรวเล็งอยู่ส่งสายตาอำมหิตมาขู่อีก ก็ผวากลัว
“จอยเดินสะดุด เลยลืมค่ะ”
รุ้งลาวัลย์ด่า “ช่วยไปลงโปรแกรมสมองใหม่ด้วยนะ ความจำจะได้ดีๆ”
ดนัยเดินเข้ามาบรีฟงาน
“สาวๆ ครับ ต่อไปจะแคสต์เป็นกรุ๊ปนะครับ สองค่าย สามารถคละกันได้เลย ถ้าพร้อมแล้วเชิญเลยนะครับ”
พอดนัยกลับไป สองสาวค่ายคู่แข่ง ก็มองหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กันต่อ
มงกุฎริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ถัดจากนั้น สาวๆ รวมกลุ่มกันทำท่าร่าเริง เหมือนโฆษณาครีม มีอุปกรณ์ประกอบ ลูกบอลเป่าลม ให้โยนเล่นเพิ่มความสนุกสนาน สาวๆ ถือขวดครีมผลัดกันทาให้กัน อีกฉากถือตุ๊กตา ถือหมอนฟาดกัน
ดนัยปรีเปรมกับการเป่าฟองสบู่ ใส่สาวๆ
เลม่อน กับ คิตตี้ ยืนคนละฝั่ง เชียร์เด็กตัวเอง
สาวๆ จับกลุ่มสลับทีมไปมาเพื่อความลงตัว
เมื่อเด็ก 2 ค่ายต้องมารวมกลุ่มกัน พอชัชชนม์สั่งแอคชั่น แต่ละนางก็แสร้งทำท่าสดใสร่าเริงได้แนบเนียน แต่พอสั่งคัต ก็ตีหน้ายักษ์เชิดใส่กัน ก่อนจะแยกกันไปฝั่งใครฝั่งมันทันที
ต่อมาดนัยจัดให้ แพรวแพร ลีน่า จอย รวมกลุ่มแคสต์ ลีน่าเป่าฟองสบู่ จอย กับ แพรวแพร ไล่จับไล่ตีฟองภาพออกมาดูสดใสร่าเริง แพรวพรเหล่มองจอยอย่างมีแผนร้าย ขยับเข้าไปใกล้ๆ โดยที่จอยไม่รู้ตัว
จังหวะที่จอยตีฟอง มือของจอยจึงฟาดไปโดนใบหน้าแพรวแพรจังๆ แพรวแพรกุมหน้าล้มลง ร้องโอเว่อร์
“โอ๊ย”
“ว้าย แพรว เป็นอะไรรึเปล่าลูก” คิตตี้และลูกๆ รีบเข้ามาดู
ทุกคนตกใจ จอยทั้งตกใจและกลัว รับขอโทษ
“หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
สุนทรีย์โมโห “ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ก็เห็นๆ อยู่ว่าจงใจฟาดมือใส่หน้าแพรว”
เลม่อนออกโรงปกป้องลูกสาว “พูดดีๆ หน่อยหล่อน ใครๆ ก็เห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“หนูว่าถ้าเป็นอุบัติเหตุมันก็ไม่น่าจะฟาดแรงขนาดนี้นะคะ นี่เล่นซะหน้าหันเลย” นรีท้วง
ชมพู่มองแพรวแพรอย่างรู้ทัน “ชั้นว่าเค้าสำออยเองต่างหาก”
คิตตี้โกรธ “พูดอย่างงี้ได้ยังไง ชั้นไม่ยอมด้วยนะ
ชัชชนม์เห็นท่าไม่ดี รีบห้ามทัพ “ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ผมว่าอย่ามีเรื่องกันดีกว่า วันนี้เรามาทำงานนะครับ”
“ใช่ครับ แล้วผมว่าน้องจอยคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แหละครับ คุณแพรวครับไปนั่งพักก่อนดีมั้ยครับ” ดนัยเอาใจแพรวแพรเต็มที่
แพรวแพรแสร้งภาพแสนดี “ค่ะ แพรวไม่เป็นไรแล้วค่ะ ถ่ายต่อเลยก็ได้ค่ะ”
คนอื่นๆ ทยอยออกไปจากฉาก
แม้จะเริ่มถ่ายต่อ แต่เมื่อมีโอกาสทั้งสองค่ายยังมองจิกตาใส่กันไม่เลิก จอยเห็นก็กลัวไม่หาย
แคสติ้งจบลงในที่สุด เลม่อนเดินนำลูกๆ ชมพู่ รุ้งลาวัลย์ ปราง ดอกแค และจอยออกมาจะขึ้นรถตู้ที่หน้าบ้านชัชชนม์ คิตตี้ เดินนำ แพรวแพร ลีน่า สนุทรี และ นรี ออกมาขวางหน้าไว้
“คิดว่าหนีกลับเรื่องก็จะจบเหรอ ไม่ง่ายอย่างนั้นมั้ง” คิตตี้มองกราด
เลม่อนฉุน “อย่างี่เง่าได้มั้ย เรื่องเล็กแค่นี้ จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม”
“ก็ลองให้เด็กของแกเป็นคนโดนตบบ้างสิ เอามั้ยล่ะ”
แพรวแพรจ้องหน้าจอย “นังจอย แกยอมให้ชั้นตบคืนทีนึง แล้วถึงหายกัน”
เลม่อนโมโหแหวใส่ “อย่าทำตัวเป็นสก๊อยได้มั้ย”
“งั้นก็ไม่จบ พวกเรา! ล้อมมัน”
ขาดคำของคิตตี้ แพรวแพร ลีน่า นรี และ สุนทรีย์ เข้าไปล้อมกรอบพวกค่ายป้าดวงเดือน
เห็นฟ้าจะเดินตามไปล้อมด้วยดาวเรียกไว้
“ฟ้า”
แต่ฟ้าไม่ฟัง
ดอกแคเอ่ยขึ้น “นังจอย แกก็ยอมให้มันตบสิ เรื่องจะได้จบๆ”
จอยกลัว หน้าเสีย ไปเกาะแขนชมพู่แจ ชมพู่เอาตัวบังจอยไว้ประกาศตัวปกป้องเต็มที่
“เอาสิ ใครกล้าตบจอยก็ลองดู”
แพรวแพรมองตาวาว “ไม่ใช่เรื่องของแก อย่าสอด”
“จอยเป็นเพื่อนชั้น ชั้นต้องสอด”
หมั่นไส้ “แหม ทำตัวเป็นฮีโร่ แล้วแกยอมถูกตบแทนนังจอยมั้ยล่ะ”
ชมพู่คิดปราดเดียว
“ได้ ถ้าแกทำแล้วสบายใจก็ตบชั้นเลย แต่ต้องสัญญานะว่าตบชั้นแล้วจะยอมจบ”
“แน่นอน ชั้นพูดคำไหนก็คำนั้นอยู่แล้ว”
ชมพู่เดินออกไปหยุดตรงหน้าแพรวแพรอย่างองอาจไม่กลัวเกรง
“เชิญ”
สาวๆ ค่ายป้าดวงเดือนมองเป็นห่วง
รวมทั้งดาวกำลังจะห้าม “พู่! แก...”
คิตตี้ตวาด “นังดาว หุบปาก”
แพรวแพรเงื้อมือสุดแขน ทุกคนลุ้น ขณะที่แพรวแพรเหวี่ยงแขนกำลังจะตบ
ลีน่าขัดจังหวะขึ้นเสียงดัง “อย่าเพิ่ง”
แพรวแพรหยุดชะงัก
“ในเมื่อฝั่งนู้นมีตัวแทนถูกตบ ฝั่งเราก็น่าจะมีตัวแทนตบนะ เธอว่ายังไงแพรว”
ลีน่าปรายตาไปที่ฟ้า แพรวแพรรู้ความหมายนั้น ยิ้มรับ หันไปหาฟ้าทันที
“ฟ้า”
ฟ้าสะดุ้ง “คะ”
“ในฐานะที่เธอเป็นเด็กใหม่ เธอควรจะมีส่วนในการปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเรา”
ฟ้างง “ยังไงคะ”
“ตบนังชมพู่”
ฟ้าตกใจมาก ส่วนดาวทั้งโกรธทั้งตกใจ ถลันเข้าไปหาแพรวแพรจะเอาเรื่อง
“บ้าไปแล้วเหรอนังแพรว”
สุนทรีย์ กับ นรี เข้าไปจับดาวไว้
“อย่ายุ่งได้มั้ย ถ้าแกไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา แกก็อยู่เฉยๆ” แพรวแพรคาดคั้นฟ้า “ว่าไงฟ้า กล้ารึเปล่า”
ฟ้าคิดหนัก สับสนไปหมด ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ดาวร้องบอกอีก
“อย่านะฟ้า ไม่ต้องไปสนใจมัน ไม่ต้องไปเป็นพวกเดียวมัน แกมีชั้นคนเดียวก็พอแล้วฟ้า”
“ถ้าเธอไม่ทำ นั่นแปลว่าเธอก็ไม่ใช่คนของบ้านเปรมจิต”
“ฟ้า อย่าไปฟังมัน ฟ้า”
ฟ้ามองหน้าชมพู่นิ่ง ในใจปั่นป่วนไปหมด
ชมพู่มองฟ้าแน่วนิ่ง รอดูการตัดสินใจของเพื่อน ทุกคนลุ้น ระหว่างนี้มีเสียงของดาวร้องห้ามดังตลอดเวลา
แต่แล้วโดยไม่มีใครคาดคิด จู่ๆ ฟ้าเดินไปตบหน้าชมพู่เสียงดังเผียะ
ดาวตกใจ มองตะลึงตะไล
แรงตบทำให้ชมพู่ถึงกับหน้าหัน และชะงักไป คาดไม่ถึงว่าฟ้าจะกล้าทำ
ฟ้าเองก็ตกใจที่ตบเพื่อนไป แต่ต้องเก็บความรู้สึกหวาดหวั่นไว้ ดาวสลัดจนหลุด รีบวิ่งเข้าไปหาชมพู่ด้วยความเป็นห่วง
“ชมพู่” ดาวโมโหสุดขีดเหลียวขวับมาต่อว่าฟ้า “ฟ้า นี่เพื่อนแกนะเว้ย”
ฟ้าหลบสายตาดาวด้วยความละอายใจ จังหวะนี้แพรวแพร และ คิตตี้ เดินเข้ามาหาฟ้า
“ทำดีแล้วฟ้า” แพรวแพรบอกปลอบ
“ทีนี้ก็อโหสิกรรมให้พวกนี้ได้แล้วนะแพรว” คิตตี้ว่า
“ค่ะ แพรวไม่ได้เป็นคนใจร้ายอยู่แล้ว อะไรที่ให้อภัยกันได้ ก็ให้อภัยค่ะ”
ฟ้ามองจ้องชมพู่ด้วยความรู้สึกผิดจับใจ แพรวแพรมาดึงฟ้าเดินออกไปพร้อมกับสุนทรีย์ และนรี
คิตตี้หันมาทางดาวที่กุมมือชมพู่ปลอบอยู่ “ดาว กลับ”
ดาวยังคงเป็นห่วงชมพู่ แต่ถูกคิตตี้ดึงลากไปจนได้
“จะกลับไหมบ้านน่ะ มานี่”
ดาวมองจ้องชมพู่ชนิดไม่วางตา แม้จะโดนคิตตี้ลากเดินไปก็ยังเหลียวมองมายังเพื่อน
เลม่อน รุ้งลาวัลย์ จอย ปราง ดอกแค เดินเข้าไปหาชมพู่ ที่มองตามดาวไป ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ชมพู่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านป้าดวงเดือนด้วยท่าทีเซื่องซึม พร้อมคนอื่นๆ เมื่อเดินผ่านหน้ากระจกตรงมุมหนึ่ง จึงหยุดมองเห็นแก้มตัวเองเป็นรอยแดงช้ำก็ชะงักดูรอยนั้น
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย” ดอกแคปลอบ
รุ้งลาวัลย์สอดขึ้น “เจ๊เคยโดนเหรอ ถึงรู้”
“ฉันไม่เคยโดนหรอก แต่แกน่ะกำลังจะโดน” ดอกแคบอก
จอยหน้าจ๋อย “ขอโทษนะพู่”
“ไม่ใช่ความผิดจอยซะหน่อย ไม่ต้องขอโทษหรอก”
ปรางเอ่ยขึ้นว่า “ถ้างั้นก็ขอบคุณนะชมพู่”
เห็นชมพู่งง ปรางจึงอธิบาย “เธอปกป้องจอย ก็เหมือนปกป้องบ้านของเรา”
“ไม่งั้น เรื่องคงจะจบแย่กว่านี้ เผลอๆ พวกมันได้รุมตบเราแน่ๆ” ดอกแคเสริม
“รุมก็รุมดิ ฉันก็คันมืออยู่เหมือนกัน” ปรางฮึดฮัด
รุ้งลาวัลย์หมั่นไส้ “โอ๊ย ถ้าตีกันขึ้นมาจริงๆ ป่านนี้เจ๊ดอกแคไม่ได้มายืนหน้าแก่ตรงนี้หรอก คงเข้าเฝือกไปละ กระดูกกกระเดี้ยวยิ่งเปราะๆ อยู่”
“ใช่” ดอกแคติดลม พอนึกขึ้นได้ว่าโดนด่า “เฮ้ย! นังนี่นี่”
ทุกคนหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน
มงกุฎริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
พวกชมพู่เดินหัวเราะหัวใคร่กันเข้ามาในห้องรับแขก พอเห็นพุฒิพัฒน์นั่งรออยู่ หน้าตึงเปรี๊ยะ พร้อมทิ้งระเบิด ทุกคนพากันอึ้ง นิ่งงันกันไปทั้งแถบ
“ว่าไงคนป่วย หายเร็วดีนี่”
เลม่อนจะอธิบาย “เอ่อ คุณพุฒิคะ คือ...”
พุฒิพัฒน์ไม่สนใจฟังคำแก้ตัวใดๆ ลุกเดินไปหาชมพู่ทันที
“มานี่ซิ”
เห็นพุฒิพัฒน์ลากแขนพาชมพู่ออกไปนอกบ้าน ทุกคนมองตาม บ้างสงสัย บ้างอิจฉา บ้างเป็นกังวล
พุฒิพัฒน์ฉุดแขนลากชมพู่ออกมาคุยกันหน้าตึก บ้านป้าดวงเดือน
“เบาๆ หน่อยสิ พูดดีๆ เป็นไหม” ชมพู่พยายามสลัดออกด้วยความโมโห
“พูดดีๆ แบบไหนล่ะ แบบว่า...” พุฒิพัฒน์ยื่นหน้ามาใกล้ ย้อนยอกด้วยการทำเสียงอ่อนเสียงหวานประชด “โอ้ย ชมพู่ป่วย ขอลาหยุดนะคะ…ถ้าพูดดีๆ คือการโกหกแบบนั้นล่ะก็ ฉันทำไม่เป็นหรอกนะ”
“ฉันขอโทษ”
ชมพู่จ๋อยรู้สึกผิดเต็มประตู หันหน้าหนี ไม่กล้าสู้หน้าเขา พุฒิพัฒน์จึงเห็นใบหน้าด้านข้างของชมพู่เป็นรอยถูกตบชัดแจ้ง
“แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมา”
พุฒิพัฒน์จับหน้าชมพู่มาดูให้ถนัดถนี่
“โอ๊ย” ชมพู่อ้ำอึ้งไปเล็กน้อย “ไม่มีอะไร”
“โกหกอีกแล้ว” พุฒิพัฒน์มองจ้อง
ชมพู่พยายามอธิบาย “ไม่ใช่นะ คือ...ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ”
“แล้วก่อนหน้านี้มันมีอะไร”
ชมพู่ชักฉุน “จะมาอยากรู้เรื่องอะไรของฉันนักหนา”
พุฒิพัฒน์หลุดปากตอบไปทันทีว่า “ก็ฉันเป็นห่วง...” แต่ยั้งปากไว้ทัน
ชมพู่อึ้งไป
“เจ้านายห่วงลูกน้องก็ไม่เห็นแปลก” ผอ.หนุ่มแก้เก้อ
“อืม ช่างมันเถอะมันไม่มีอะไรแล้ว”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ละกัน ถ้าฉันจับได้ว่าเธอโกหกอีกละก็...”
“ถ้าฉันโกหกอีก คุณไล่ฉันออกได้เลย”
ชมพู่จ้องหน้าพุฒิพัฒน์ด้วยแววตาจริงจัง อีกฝ่ายเห็นก็อ่อนลง
เช้าวันนี้ แพรวแพร สุนทรีย์ นรี และ ลีน่า นั่งที่โต๊ะกินข้าวด้วยกัน ฟ้าถือถาดเอาอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะเสร็จ แล้วจะเดินกลับไปที่ครัว
แพรวแพรเรียกไว้ “ฟ้า มานั่งด้วยกันสิ”
ฟ้าแปลกใจ “ให้ฟ้านั่งกินด้วยเหรอคะ”
“เราเป็นพวกเดียวกัน ก็ต้องนั่งด้วยกันสิ”
แพรวแพรเลื่อนเก้าอี้ให้ฟ้ามานั่ง ฟ้านึกดีใจ ลงนั่งท่าทีประหม่า
นรีเอ่ยชม “ตอนที่เธอตบนังเด็กใหม่นั่นนะ สะใจมากอ่ะ”
สุนทรีย์ไม่เห็นด้วย “แต่ฉันว่าฟ้าทำไม่ถูกนะ อยู่ๆ เข้าไปตบเค้าแบบนั้นได้ยังไง”
ลีน่าหมั่นไส้ “สุนทรีย์ แกกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
สุนทรีย์กลับหันไปบอกกับฟ้าว่า “เธอต้องรอให้ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปก่อนสิถึงจะถูก”
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน ฟ้าฝืนหัวเราะตามคนอื่น อย่างงงๆ
ดาวเดินถือจานข้าวเข้ามาในห้องกินข้าว เห็นฟ้าเข้ากันได้ดีกับทุกคนก็ชะงัก ฟ้าสบตากับดาวแว่บเดียว ก็หันกลับไปหัวเราะต่อกับคนอื่นๆ
ดาวเดินหนีออกไปทันทีอย่างไม่พอใจ
ดาวเดินถือจานข้าวมานั่งคนเดียวอยู่ที่ศาลาในสวน ก่อนจะหยิบมือถือเปิดไลน์พิมพ์คุยกับชมพู่
พุฒิพัฒน์ กับ ชมพู่เดินตรงไปที่ห้องทำงานผอ.ช่อง ระหว่างทาง พุฒิพัฒน์หยุดหันมาคุยกับชมพู่
“เดี๋ยวเธอไปอัพเดทตารางงานของฉันวันนี้ที่อรนะ แล้วก็คอยเตือนฉันล่วงหน้าด้วย”
“ปกติพี่อรก็คอยเตือนคุณอยู่แล้วนี่”
“แต่เธออยู่ใกล้ชิดฉันกว่าอร”
“แต่พี่อรอยู่ห่างคุณไป ไม่ถึง 5 เมตรด้วยซ้ำ”
พุฒิพัฒน์หงุดหงิด เขยิบเข้าไปประชิดชมพู่
“แต่เธออยู่ห่างฉันไม่เกิน 5 เซ็นฯ นะ หรืออยากให้ใกล้กว่านี้”
ชมพู่ผละหนีออกห่าง
“เออๆ รู้แล้ว จะคอยเตือนให้ละกัน”
“แล้วก็ห้ามห่างฉันไปไหน เข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ”
เสียงไลน์ดังขึ้น ชมพู่หยิบมือถือขึ้นมาดู ขณะพุฒิพัฒน์เดินต่อไป
ชมพู่หยุดอ่านไลน์ เป็นดาวถามมาว่า “แกเป็นไงบ้าง เย็นนี้ว่างไหม อยากคุยเรื่องเมื่อวาน”
พุฒิพัฒน์ถอยกลับมาหาชมพู่
“บอกว่าห้ามห่างฉันไง”
“ขอฉันไปโทรศัพท์หน่อยได้ไหม”
“เรื่อง”
“ส่วนตัว”
ชมพู่บอกแล้วเดินออกไปเลย พุฒิพัฒน์มองตามตาขุ่น
ชมพู่เดินหลบมาโทรศัพท์ที่บริเวณทางเดินหน้าลิฟท์
“ฮัลโหล ดาว”
ดาวคุยสายอยู่ที่ศาลาในสวนบ้านเปรมจิต
“พู่ เย็นนี้มาได้ไหม...ฟ้าน่ะเหรอ ก็ถ้ามันยังเห็นเราสองคนเป็นเพื่อนอยู่ มันก็คงมาแหละ...เอาเป็นว่าแกมานะ...โอเค เจอกันนะ”
ดาววางสายแล้วมองเข้าไปในบ้าน เตรียมใจจะไปคุยกับฟ้าให้รู้เรื่อง แล้วลุกออกไป
ชมพู่วางสายไป ประตูลิฟท์เปิดออก เจอชัชชนม์เดินออกมาพอดี
“อ้าว คุณชมพู่”
“คุณชัช มาทำอะไรคะเนี่ย”
“เอาเอกสารมาให้...” ชัชชนม์เลี่ยงไม่อยากพูดชื่อพุฒิพัฒน์ “เจ้านายน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นพู่ไม่กวนดีกว่า รีบไปพบเจ้านายเถอะค่ะ”
“ไม่ได้รีบหรอกครับ ที่จริงไม่ค่อยอยากพบเขาเท่าไรด้วย”
ชมพู่ยังไม่รู้ว่าเขาหมายถึงพุฒิพัฒน์ “เข้าใจเลยค่ะ พู่ก็เบื่อหน้าเจ้านายตัวเองจะแย่อยู่ละ คุณยังโชคดีนะคะ ไม่ต้องมาเป็นเลขา ตัวติดกับเจ้านายอย่างพู่เนี่ย”
“งั้นโดดงานกันไหม” ชัชชนม์ล้อ
“ต้องโดดตึกเท่านั้นแหละค่ะ ถึงจะหนีเขาได้” ชมพู่หันมองชัชชนม์ด้วยสีหน้าจริงจัง “หรือจะโดดดี”
ชัชชนม์เล่นด้วย แกล้งทำเป็นจริงจัง “ลองดูไหมล่ะ”
ชมพู่มองหน้าชัชชนม์อย่างเอา “ไป” พร้อมกับทำท่าจะวิ่งทะลุกระจกตึก
“เฮ้ย ผมล้อเล่น” ชัชชนม์ตกใจรีบเข้าไปคว้าร่างชมพู่ไว้
ชมพู่หัวเราะขำแล้วหันมาหา เลยกลายเป็นว่าชัชชนม์สวมกอดชมพู่ไว้ ทั้งคู่ชะงักงันกันไป
บังเอิญเหลือเกินว่า จังหวะนี้พุฒิพัฒน์เดินมาตามชมพู่
“ชมพู่ เธอเสร็จรึยัง” ผอ.จอมเหวี่ยงชะงักกึก เมื่อเห็นสองคนกอดกันอยู่
ชัชชนม์รู้ตัวค่อยๆ ปล่อยชมพู่ออก
พุฒิพัฒน์มองหน้าสองคนสลับกันไปมาในท่าทีช็อกๆ คาดไม่ถึง
อ่านต่อตอนที่ 9