สื่อริษยา ตอนที่ 5
ปัญชลีไม่สบายใจมากจึงแวะมาหาเก้ที่ห้องเสื้อ เพื่อปรึกษาปัญหาความรัก เก้เย็บ สอย ชุดราตรีสวยบนตัวหุ่นไป คุยกับปัญชลีไป
“เด็กสองคน นิสัยต่างกันมาก คนนึงดูมีเล่ห์เหลี่ยม อีกคนห้าวๆ ตรงๆ” ปัญชลีว่า
“พี่ลีเทน้ำหนักไปที่คนไหนครับ ใครจะแย่งพี่ภาสจากพี่”
“พี่เอนเอียงไปทางคนชื่อดาวมากกว่า แต่แพรพรรณ พี่ก็เพิ่งรู้จัก ไม่รู้ตัวตนข้างในเป็นยังไง แต่ที่เห็น แพรพรรณไม่ค่อยไว้ตัวกับผู้ชายซักเท่าไหร่ พี่จะสังเกตพฤติกรรมสองคนนี้ไปเรื่อยๆ คนไม่ดี ซักวันต้องออกลาย”
เก้แนะนำขึ้นว่า “เล่นเกมจับผิดซีครับ”
ปัญชลีฉงน “เกมจับผิด”
“จับผิดทั้งสองคน แล้วดูปฎิกิริยา คนไหนทำให้พี่ลีรู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่พอใจ ไม่เชื่อใจ คนนั้นแหละ จะแย่งแฟนพี่” เก้อธิบาย
ปัญชลียิ้มพราย “มาปรึกษาถูกคน น้องรักของพี่ เป็นผู้เชี่ยวชาญปัญหาหัวใจ”
เก้สัพยอก “แหงละครับ ผมอกหักมานับไม่ถ้วนนี่”
“ไม่มีใครดีพอ คู่ควรกับน้องพี่นี่จ๊ะ”
เก้ยิ้มขอบคุณ “แหม อุตส่าห์ช่วยพูดในแง่บวก ให้เก้รู้สึกดี”
ปัญชลียิ้ม ตั้งใจจะจับผิดทั้งดาวทั้งแพรพรรณ
ค่ำนั้น ปัญชลีประชุมทีมงานรายการ ถามตรงกับปัญชลีอยู่
“เชิญแม่ค้าที่โดนจับ ข้อหาขายแกงเนื้อสัตว์ป่าสงวนมาคนเดียว ข้อมูลไม่ครบถ้วน ต้องเชิญนักกฎหมายมาด้วย”
“ผมจะโทร.ไปเชิญทนายความที่มาออกรายการเราบ่อย ๆ ครับ” ท็อปบอก
“แพรมีเพื่อนสมัยมหา’ลัย อยู่ชมรมอนุรักษ์ ตอนนี้เป็นนักกฎหมาย ทำงานเกี่ยวกับพรบ.คุ้มครองสัตว์ป่า เชิญเพื่อนแพรมาอีกคนมั้ยคะ”
ปัญชลีหันไปมองแพรพรรณอย่างไม่ชอบหน้า เริ่มเกมจับผิดแพรพรรณ โดยทำน้ำเสียงไม่ดีใส่
“เชิญนักกฎหมายมาออกรายการสองคน ได้แย่งกันพูด ชั้นไม่ชอบอะไรที่ แย่งๆ กัน ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือ เรื่องส่วนตัว”
แพรพรรณหน้าเสีย รู้ว่าปัญชลีจงใจพูดกระทบถึงเรื่องภาสกรกับตน
ภานุเห็นท่าทีปัญชลีที่มองเหมือนไม่ชอบหน้าแพรพรรณก็แปลกใจ ก่อนหน้านี้สองคนก็คุยกันดี
“เลิกประชุมได้แล้ว”
แพรพรรณมองปัญชลีด้วยแววตาทั้งน้อยใจและเสียใจ คิดว่าปัญชลีเชื่อคำพูดดาวมากกว่าตอน สาวห้าวหน้าหวานลุกออกไปกับภานุ และท็อป
“เวลาโดนจับผิด แพรพรรณดูเสียใจ” ปัญชลีพึมพำ แววตาคิดหนัก ใช่แพรพรรณแน่หรือที่จะแย่งภาสกรจากเธอ
รอจนท็อปเดินไปไกลแล้ว ภานุจึงเอ่ยขึ้น
“คุณไปทำอะไรให้คุณปัญชลีไม่พอใจ”
“มีคนใส่ร้ายชั้น ให้คุณปัญชลีเข้าใจชั้นผิด”
“เข้าใจผิดเรื่องอะไร” ภานุงง
แพรพรรณไม่เล่าอะไรอีก เดินหน้าซึมหนีไป
“เล่ามาก่อนสิคุณ”
ภานุตามไปเซ้าซี้ถามอย่างห่วงใย
ดาวมากินข้าวกลางวันกับศินีนาฏและภาสุรี ในร้านหรูแถวสถานี นางแต่งตัวสวยเข้าพวก ดูไฮโซมาก
ศินีนาฏอวดสรรพคุณดาวให้ภาสุรีฟัง “บ้านดาวอยู่สมุทรสงครามค่ะรวยมาก แม่ออกรถ Volvo SUV มาจอดไว้ดูเล่น”
ภาสุรีซัก “ที่บ้านทำอะไร ดาว”
ดาวพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว กิริยาน่ารัก ไม่อวดรวย “แม่ดาวมีโรงงานน้ำมะพร้าว โรงงานผลไม้กระป๋อง แล้วก็มีพวกที่ทาง สวนผลไม้ค่ะ”
ภาสกรกับปัญชลีเข้ามาในร้านพอดี คนในร้านจำปัญชลีได้ว่าเป็นพิธีกรคนดัง หันมามอง
สุดท้ายภาสกรกับปัญชลีนั่งโต๊ะเดียวกับภาสุรี
“ไม่ค่อยเห็นลีมากินข้าวข้างนอก เห็นชอบสั่งข้าวไปกินในห้องทำงาน” ภาสุรีทัก
“ลีให้ลูกน้องสั่งข้าวให้แล้วล่ะ แต่พอเห็นภา ศิ แล้วก็...” ปัญชลีปรายหางตามองดาว “ดาว ออกไปกินข้าวด้วยกัน ลีก็อยากออกมากินบรรยากาศข้างนอกบ้าง เลยชวนภาสมา” ปัญชลีจ้องจับผิดดาว “วันเสาร์นี้จะไปปั่นจักรยานมั้ยดาว นัดคุณภาสกรสิ จะได้มีเพื่อนปั่น”
ภาสกรวางหน้าขรึม ปัญชลีจับผิดเขากับดาวอีกแล้ว
ดาวรู้ว่าปัญชลีมาจับผิดตน จึงตีหน้าระรื่น เหมือนไม่เคยทำอะไรผิดต่อปัญชลี
“คุณปัญชลีไปปั่นจักรยานด้วยกันนะคะ”
“ชั้นไม่ชอบกีฬากลางแจ้ง กลัวตัวดำ ดูเธอช่างแต่งตัว รักสวยรักงามกว่าชั้นซะอีก ไม่น่าชอบปั่นจักรยานกลางแดด”
ดาวตอแหลไหลลื่น คล่องปาก “ดาวไปปั่นตอนเช้าค่ะ แดดอ่อนๆ ไม่ทำให้ผิวเสีย”
ปัญชลีจ้องหน้าดาวเขม็ง ดาวตีหน้าซื่อใส ยิ้มน่ารักน่าเอ็นดูให้
ภาสุรีกับศินีนาฏอ่านเมนูอาหาร เลยไม่เห็นปัญชลีมองจับผิดดาว
ภาสกรตัดบท เกรงเรื่องเลยเถิด “สั่งอาหารเถอะลี”
ปัญชลีหยิบเมนูอาหารมา แต่ไม่สั่ง จ้องหน้าดาวนิ่ง ฝ่ายดาวทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นไม่รู้ว่าถูกปัญชลีจับจ้องผิด ดูเมนูอาหารอย่างสบายใจ
ภาสกรส่งสายตาเตือนปัญชลีให้เลิกจับผิดดาว ปัญชลีทำหน้าหงุดหงิดใส่เล็กน้อย แล้วถึงเริ่มเลือกเมนูอาหาร
ทางด้านแพรพรรณไม่สบายใจมาก ปรับทุกข์กับแม่ก้อยเรื่องปัญชลีเข้าใจผิด
“แพรไม่บอกคุณปัญชลีไปล่ะลูก แพรถูกดาวใส่ร้าย แพรไม่ได้แย่งคุณภาสกร” ก้อยบอก
“ยิ่งแก้ตัว ก็ยิ่งเข้าตัวค่ะ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แพรบริสุทธิ์ใจกับคุณปัญชลี”
ภานุโทร.มาหาแพรพรรณพอดี
“เพื่อนที่ทำงานแพรโทร.มาค่ะ”
ก้อยลูบหัวลูกสาวอย่างเป็นกำลังใจให้ แล้วออกไป ปล่อยให้ลูกคุยโทรศัพท์กับเพื่อน
“กี่โมงกี่ยามแล้วรู้มั้ย”
ภานุโทร.จากห้องโถงคฤหาสน์ สองคนคุยสายกัน
“คุณมีปัญหากับคุณปัญชลี”
“นายจบป.ตรีสาขาสอดเรื่องชาวบ้านมาจากอังกฤษรึไง เซ้าซี้ถามชั้นตั้งแต่กลางวันแล้ว”
“ก็ผมอยากรู้ วันไปทำรายการที่อยุธยา คุณกับคุณปัญชลียังคุยเล่นกันดี อยู่ๆ คุณปัญชลีไม่พอใจคุณ มันเรื่องอะไร”
“มันเรื่องของชั้น ไม่ใช่เรื่องของนาย เครนะ จบนะ บาย” แพรพรรณวางสายไปเลย
ภานุเซ็งบ่นงึมงำ
“โธ่เอ๊ย ไม่ยอมเล่า ไอ้เราก็อุตส่าห์เป็นห่วง”
วิไลลักษณ์ส่งเสียงเข้มนำเข้ามา “เป็นห่วงใครตานุ”
ภานุหันไปเห็นแม่ในชุดนอน เดินมาหา
“ตี 1 กว่าแล้ว คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“คนแก่ หลับยากลูก แม่ลงมาหาหนังสืออ่าน เมื่อกี้โทร.คุยกับใครผู้หญิงหรือเปล่า” วิไลลักษณ์จ้องจับผิด ด้วยหวงลูกชายคนเล็ก
“เพื่อนร่วมงานครับ”
“ที่ชื่อแพรพรรณ ที่เคยเล่าให้แม่ฟัง” ภานุพยักหน้ารับ “โทร.ไปป่านนี้ คุยอะไรกัน แล้วยังพูดว่าเป็นห่วงเค้าอีก”
ภานุยิ้มขำที่แม่หวงเกิน “ผมไม่ได้ชอบเค้าหรอกครับคุณแม่ ผมชอบผู้หญิงเรียบร้อย แพรเค้าห้าวมาก อย่างกับผู้ชาย ผมไปนอนนะครับ”
วิไลลักษณ์ยังคลางแคลงใจ เดินตามถามลูก
“แพรพรรณหน้าตาสวยมั้ย เราน่ะชอบผู้หญิงสวย ตอนเล็กๆ เห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้ โผไปหาจับนมเค้า”
“โหคุณแม่ นั่นสมัยเด็กครับ ผมไม่จับพร่ำเพรื่อแล้ว”
ภานุขำแม่ ขุดวัยเด็กมาแฉ วิไลลักษณ์เดินตามลูกชาย ถามซักไซร้เรื่องสาวๆ ไม่หยุดปาก
ฝ่ายทางเก้เพิ่งสอยชุดสวยเสร็จ กะเทยครับผมบิดเนื้อบิดตัว เมื่อยขบไปหมด
“เฮ้อ กว่าจะเสร็จ อดดูละครเลย”
เก้วางมือจากงาน ไปเปิดโน้ตบุ๊ค เช็คกระแสละครในเน็ต
“ไหนดูสิ วันนี้มีกระแสฉากจิ้นอะไรบ้าง”
เก้เปิดเว็บ THAI TALK คลิกเข้าห้องละคร และ รายการทีวี ดูกระทู้วันนี้เรียงกัน เก้สะดุดตากระทู้ล่าสุด อ่านหัวข้อกระทู้
“พิธีกรหญิงเบอร์ 1 จอมสร้างภาพ ” .... กระทู้ว่าพี่ลี
เก้คลิกอ่านเนื้อหาในกระทู้
“ไอดอลของคนทั่วประเทศ ที่แท้เป็นนักสร้างภาพตัวยง คนในรู้ดี ไอดอลคนนี้เหวี่ยงวีนไปทั่ว จนพิธีกรร่วมทนไม่ไหว พอคนดูเริ่มสงสัยว่าไม่กินเส้นกัน ก็บังคับให้พิธีกรร่วมถ่ายเซลฟี่ สร้างภาพ ทุเรศผุดๆ”
คนตั้งกระทู้นี้ใช้ชื่อ เจ้าหญิงตุ๊กตุ่น
ตุ่นนั่นเอง คือเจ้าของนามแฝง เจ้าหญิงตุ๊กตุ่น และเป็นผู้ตั้งกระทู้ด่าปัญชลีในเว็ป THAI TALK ตุ่นอยู่ที่คอนโด กำลังโพสต์ความเห็น ด่ากับแฟนคลับปัญชลี ที่เข้ามาต่อว่าตุ่นในกระทู้
“เจ้ากระทู้ไม่ชอบเห็นคนรักกันเหรอคะ ป่วยทางจิตไปรับยาห้อง 2 นะคะ”
ตุ่นอ่านแล้วแค้น “หน็อย มาด่าชั้นในกระทู้ชั้น” อีตุ่นจัดการพิมพ์ด่ากลับ “เบื่อพวกแฟนคลับเข้าข้างไม่ลืมหูลืมตา ไม่พอใจก็เชิญไสคีบอร์ดออกไปจากกระทู้นี้”
เก้อ่านอยู่ ขอร่วมแจม โพสต์โต้ตอบตุ่นในกระทู้ สองกะเทยโต้กันไปมา
“โกรธเกลียดคุณปัญชลีมาจากไหนเหรอครับ ผมค้นดูกระทู้เก่าๆ ของคุณ จิกด่าคุณปัญชลีหลายกระทู้”
“แหม่ๆๆๆ มีคุ้ยประวัติด้วย ชอบขุดคุ้ยเหมือนตัวอะไรน้า คริคริ...โฮ่งโฮ่ง”
“ผมคุยกับคุณดีๆ อย่าหยาบคายสิครับ” เก้โต้
ตุ่นตอบ “บังเอิญไม่ใช่พวกโลกสวย”
“ไม่ชอบโลกอันสวยงามที่เหมาะกับคนดี งั้นต้องชอบโลกอันโหดร้าย ที่เหมาะกับคน...คนอะไร คิดเอาเองนะครับ”
ความเห็น 1 ตอบว่า “ตอบให้ค่ะ...คนชั่ว”
ความเห็น 2 ว่าต่ออีก “คนใจคอคับแคบ”
ความเห็น 3 ตบฟินว่า “คนเลวววววว”
“อีพวกบ้า รุมด่าชั้น”
อีตุ่นโดนรุมด่า เลยคลิกออกจากเว็บไป
“อ้าว หนีออกจากระทู้ไปแล้ว”
เก้ส่ายหน้า ไม่ชอบพวกที่โพสต์ด่าคนอื่นในเน็ต
ฟากดาวถอดซิมมือถือ เปลี่ยนใส่ซิมใหม่
“กระแสเกาเหลาปัญชลีกับศินีนาฏจางแล้ว ถึงเวลาปล่อยคลิป”
ดาวเปลี่ยนซิมมือถือเสร็จ ก็เปิดเครื่อง เช็ค ฟังคลิปเสียงฟังก่อน
“อยากจะอ้วก ต้องปั้นหน้ายิ้มถ่ายรูป Selfie กับนังจิ้งจอก แถมยังต้องโพสต์ข้อความน้ำเน่าลงไอจี”
“เสียงดังฟังชัดดีมาก”
ดาวยิ้มร้าย จัดการโหลดคลิปเสียงศินีนาฏลงเน็ต
เช้ามืดวันถัดมา ศินีนาฏกำลังแต่งหน้า ตุ่นจัดเช็ตชุดพิธีกรกับเครื่องประดับ ดาวอยู่ด้วย
“ต้องเกิดแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ นังจิ้งจอกมาช้า” ตุ่นว่า
ศินีนาฏเองก็แปลกใจ “นั่นสิ ปกติมาถึงนานแล้ว”
ภาสกร ปัญชลี ภาสุรี ปรากฏตัวมาไล่ๆ กัน ภาสกรกับปัญชลีหน้าบึ้ง
ศินีนาฏกับตุ่นงง ผัวเมียคู่นี้มีปัญหาอะไรกับทีมงาน
“ยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงสิ นักข่าวส่งไลน์ มาบอก ให้ชั้นเปิดคลิปฟัง”
ศินีนาฏกับตุ่นงงหนักเข้าไปอีก คลิปอะไรยะ?
ดาวลอบยิ้มชั่วอย่างสะใจ
ปัญชลีเปิดคลิปเสียงศินีนาฏคุยกับตุ่น
“เป็นเมียเจ้าของช่อง ถึงได้กร่าง แปลงร่างเป็นนังจิ้งจอก เที่ยวกัด ทึ้ง แทะ คนไปทั่ว ชั้นละอยากให้คุณภาสกรเห็นทางธรรม สลัดปัญชลีทิ้ง ไม่มีลูกชายเจ้าของช่องหนุนหลัง ปัญชลีก็เป็นแค่ลูกแมว ร้องเมี๊ยวๆๆ ร้องเรียกให้คนมาช่วยเอาเห็บหมัดออก”
เสียงอีตุ่นหัวเราะรับระรื่น “ฮะๆๆๆ ด่าได้สะใจมากฮ่าคุณศินีนาฏ เอาอีกๆ”
ดาวแสร้งตกใจ “เสียงคุณศินีนาฏกับเจ๊ตุ่นนี่คะ”
ตุ่นเสียงวาบ กลัวความผิด “อาราย...ไม่ใช่เสียงเจ๊”
ปัญชลีปิดคลิป “ในคลิปมีพูดชื่อชั้น กับ ชื่อคุณภาสกรด้วย”
ศินีนาฏหน้าจ๋อย ขยับไปใกล้ภาสุรี อยากให้อีกฝ่ายช่วย
“ศิขอโทษค่ะที่พาดพิงคุณภาสกร ต่อไปศิจะระวังคำพูดมากขึ้น”
ภาสุรีมองด้วยสายตาตำหนิ “ก่อนพูดไม่คิด ตอนนี้คำพูดมันพันคอศิ”
ภาสกรเสียงเข้ม “ที่ผมมาพบคุณด้วยตัวเอง เพราะเห็นแก่ที่คุณเป็นคนโปรดคุณแม่ การที่คุณพูดให้ร้ายผมลับหลัง เป็นการทำลายวัฒนธรรมดีงามขององค์กรเราแล้วที่คุณพูดถึงลีในเชิงเสียหาย มีผลเสียกับรายการ คุณศินีนาฏ ผมปลดคุณจากรายการกระแสข่าวเช้า”
ศินีนาฏหน้าสลด ปัญชลียิ้มหยัน ในที่สุดศินีนาฎก็พ้นไปจากรายการเธอซะที
ไม่มีใครเห็นว่าดาวลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ แผนเขี่ยศินีนาฏสัมฤทธิ์ผล
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
วิไลลักษณ์อยู่ในโถงคฤหาสน์ กำลังคุยสายกับภาสุรีที่โทร.มาจากช่อง
“พี่ภาสเค้าทำถูกแล้วล่ะภา ไม่ปลดศินีนาฏออก คนดูต้องจับผิดพิธีกร จะตีกันกลางรายการเมื่อไหร่ จ้ะ ไปทำงานเถอะลูก”
รอจนวิไลลักษณ์วางสาย โอภาสจึงถามขึ้น “ภารู้มั้ย ใครแอบอัดคลิป”
“ศินีนาฏบอกแม่ภาว่า คุยกับตุ่นในห้องคอสตูม พนักงานเดินผ่าน เข้าออกเยอะแยะ ไหนจะพวกฟรีแลนซ์ อีก จับมือดีไม่ได้หรอกค่ะ”
วิไลลักษณ์กับโอกาสหันมาดูทีวี ในจอปัญชลีจัดรายการคนเดียว
สดจากห้องส่ง ปัญชลีนั่งเล่าข่าวอยู่คนเดียว
“สำหรับคุณผู้ชมที่เพิ่งเปิดทีวีแล้วแปลกใจ ทำไมวันนี้ดิชั้นนั่งอยู่คนเดียว คุณศินีนาฏมีเหตุผลส่วนตัวบางประการ จะไม่มานั่งเล่าข่าวรายการกระแสข่าวเช้าแล้วค่ะ อ่ะ เรามาคุยข่าวกันต่อ...”
ส่วนในห้องโถงบ้านภาสกร วิไลลักษณ์เบือนหน้าจากทีวี หันมาหาสามี
“รายการดูแห้งๆ นะคะ นั่งพูดอยู่คนเดียว”
“ก็รายการคุยข่าวนี่คุณ ก็ต้องมีคนมานั่งคุยด้วย” สามีว่า
“เราต้องหาพิธีกรใหม่ ด่วนที่สุด”
วิไลลักษณ์และโอกาส ตัดสินใจเข้าช่อง เวลานี้วิไลลักษณ์กับโอภาสอ่านโปรไฟล์ประวัติคนมาสมัครพิธีกร
“คนนี้เข้าท่านะคุณ เคยเป็นพิธีกรช่องเคเบิ้ล” โอภาสส่งโปรไฟล์ให้วิไลลักษณ์ดู)
“ไม่ค่อยสวยค่ะ นั่งประกบแม่ลี ต้องหน้าตาดี แม่ลีเค้าสวย”
ภาสุรีพาศินีนาฏเข้ามาในจังหวะนี้ ศินีนาฎหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมมาก ไหว้ขอโทษวิไลลักษณ์กับโอภาส
“ศิขอโทษที่ทำให้สถานีเสียชื่อค่ะ”
“เธอไม่ควรพูดถึงคุณภาสกร ตอนนี้กระแสคลิปแรงมาก ชั้นต้องโทร.ไปขอพวกนักข่าว ให้อย่าเล่นข่าวนี้ แต่...อันที่จริง เธอก็พูดถูก ลูกชายชั้นเข้าข้างปัญชลีเกินไป”
ศินีนาฏค่อยยิ้มออก
“บอกแล้วไง คุณแม่ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย” ภาสุรียิ้มบอก
“ศินีนาฏ ถึงเธอพูดถูกใจชั้น แต่ชั้นก็ต้องลงโทษเธอ พนักงานอื่นจะได้ไม่หาว่าชั้นลำเอียง ชั้นสั่งพักงานเธอ 1 เดือน แล้วจะหารายการใหม่ให้ทำ”
“ขอบคุณค่ะคุณวิไลลักษณ์”
“พิธีกรใหม่ เอาผู้ชายมั้ยคุณ คนนี้หน่วยก้านดี” โอภาสยื่นประวัติให้ดูอีก
“ชั้นอยากให้เป็นผู้หญิงสองคนนั่งคุยข่าวกันค่ะ”
“คุณโอภาส คุณวิไลลักษณ์คะ ศิมีคนนึง มีแววเป็นพิธีกรมากค่ะ”
ศินีนาฏตาวาว หมายจะส่งดาวไปนั่งประกบปัญชลี เป็นตัวตายตัวแทนของเธอ
ข่าวเรื่องทีมผู้บริหาร ลงมาคุมการเทสต์หน้ากล้องพิธีกรด้วยตัวเอง ดังไปทั้งแผนกรายการ อีตุ่นวิ่งหน้าเริดเข้ามาในห้องส่ง พอเห็นวิไลลักษณ์กับโอกาส ก็ยิ้มแหย ไหว้ทั้งสองนายเจ้าของสถานี เพิ่งก่อคดีคลิปเสียงพูดพาดพิงภาสกรหมาดๆ
ตุ่นกระซิบถามท็อป “ยังไม่เริ่มเทสต์อีกเหรอ”
ที่โพเดียมตอนนี้ ศินีนาฏกำลังสอนเทคนิคเล่าข่าวให้ดาวฟัง ดาวออกอาการประหม่าเห็นได้ชัด ตื่นเต้นที่จู่ๆ โอกาสก็กระแทกเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว
“พูดให้เป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นอย่าก้มหน้าอ่าน จะเหมือนอ่านข่าว”
“ค่ะ”
“ตั้งใจล่ะ อย่าให้เสียชื่อเด็กปั้นชั้น ชั้นจะส่งเธอไปประชันกับนังจิ้งจอก”
ศินีนาฏลุกไปยืนรวมหลังกล้องกับทุกคน
ทีมงานห้องส่งเปิดไฟ จัดแสงเหมือนรายการออกอากาศจริง
ดาวมองแสงไฟจ้าตรงหน้า มองทุกคนที่อยู่หลังกล้อง ซึ่งจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว ดาวเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น บีบมือตัวเอง
ศินีนาฏยกมือ ส่งสัญญาณให้ดาวเล่าข่าว
“เมื่อวานเด็กช่างกลยกพวกตีกันอีกแล้วค่ะ มีคนเดินถนน เสียชีวิต ไม่ใช่สิ บาดเจ็บ” ดาวตื่นเต้นมาก หยุด ขอเทค “ขออีกเทคค่ะ”
พวกที่อยู่หลังกล้องลุ้นจัด เอาใจช่วยดาว
“ที่บางแคเมื่อวานเย็น เด็กช่างกลสองสถาบันยกพวกตีกัน มีคนเดินผ่านมาถูกยิงบาดเจ็บ ตำรวจจับกุมนักเรียนนักเลงได้” จู่ๆ จำข้อมูลไม่ได้ พอจะก้มหน้าอ่าน ดันหาข้อมูลไม่เจออีก
วิไลลักษณ์ถามศินีนาฏอย่างหงุดหงิด “นี่เหรอคนที่ว่ามีแววพิธีกร”
“ดาวสอบใบผู้ประกาศผ่านแล้ว แสดงว่าน้ำเสียงฉะฉาน ตื่นเต้นเลยพลาดน่ะค่ะ ให้โอกาสเด็กนะคะคุณแม่” ภาสุรีแก้ต่างให้
ภาสกรเสริม “ดาวเคยเป็นพิธีกรงานจักรยานของผม พูดจาเป็นธรรมชาติมากครับ”
“ต้องฝึกอีกหน่อย แล้วค่อยปั้น”
วิไลลักษณ์กับโอกาสเดินออกไปเลย
ดาวนั่งเศร้า สีหน้าเต็มไปด้วยผิดหวังอยู่ที่โพเดียม ทุกคนในห้องส่งที่มาเอาใจช่วยดาว มองมาอย่างเห็นใจ ทุกคนชอบน้องดาว อยากให้น้องดาวได้เป็นพิธีกร
เวลาเดียวกัน ที่สะพานปลาของศรัณ ตลาดปลาวายหมดแล้ว ศรัณกับคนงานสวมรองเท้าบู้ทยาว กำลังล้างคาวปลา บนพื้น
ดาวโทร.มาหาศรัณพอดี
ศรัณยิ้มรับสายคนรัก “อยากให้โทรศัพท์ส่งกลิ่นได้ ดาวจะได้กลิ่นคาวปลาจากตัวพี่”
“พี่ศรัณ” เสียงดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำเอาศรัณตกอกตกใจ “ดาวเป็นอะไรจ๊ะ”
ดาวโทร.จากสตูดิโอร้องไห้กับศรัณอย่างหนัก คนอื่นๆ ไปหมดแล้ว
“ดาวทำโอกาสหลุดมือ ดาวฝันสลาย ดาวไม่ได้เป็นพิธีกรแล้วค่ะ”
ศรัณโทรสายพยายามปลอบดาว
“ค่อยๆ พูดจ้ะ เล่าให้พี่ฟังช้าๆ”
“เจ้าของสถานีให้ดาวเทสต์หน้ากล้อง เล่าข่าวให้ฟัง ดาวตื่นเต้นมาก เล่าข่าวผิดไปหมดเลย”
ศรัณแสนดีได้แต่ปลอบ “ทำใจสบายๆ สูดลมหายใจลึกๆ แล้วขอเทสต์ใหม่อีกรอบ”
“เค้าไม่ให้โอกาสดาวอีกแล้วล่ะค่ะ” ดาวถอนสะอื้น
“ทำให้เค้าเห็นสิว่าดาวเก่งแค่ไหน ดาวเป็นนักโต้วาทีโรงเรียน เป็นพิธีกรงานประจำจังหวัด ดาวชนะเลิศปาฐกภา”
ดาวเริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่ “ใช่ ดาวยังมีดีที่เค้าไม่เห็น”
ศรัณยิ้ม “อย่าเพิ่งยอมแพ้นะจ๊ะ ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง”
“ดาวต้องทำฝันให้เป็นจริง”
“ดาวของพี่เป็นคนมุ่งมั่น ไม่มีอะไรในโลก ที่ดาวทำไม่ได้” หนุ่มลูกน้ำเค็มคนซื่อบอก
“ค่ะ ดาวต้องทำได้ พี่ศรัณขาเอาพวกประกาศณียบัตรที่ดาวชนะประกวดพูด มาให้ดาวที่กรุงเทพฯ ด้วยนะคะ ดาวจะเอาไปให้หัวหน้าดู ขอโอกาสจากเขาอีกครั้ง”
ดาวคลายความหม่นเศร้าในใจ คลี่ยิ้มเต็มหน้า
ความหวังอันริบหรี่กลับมาเปล่งประกายฉายโชนในดวงตาคู่งาม
สมพรเป็นธุระวุ่นวายรื้อใบประกาศนียบัตรในตู้ของดาว มาส่งให้ศรัณ ในมือศรัณมีหลายใบแล้ว
“ใบนี้ ดาวได้ตอนเป็นพิธีกรงานประจำจังหวัด รองผู้ว่าให้เป็นที่ระลึก รางวัลดาวมีแค่นี้”
ศรัณยิ้มย่อง “ผมรีบเอาไปให้ดาวนะครับ”
“ลูกสาวน้าจะได้เป็นพิธีกรทีวีจริงหรอพ่อศรัณ” สมพรตื่นเต้นมาก
“ดาวของเราเก่งที่สุด ต้องคว้าฝันได้อยู่แล้วครับน้า”
ศรัณยิ้มแฉ่ง หอบใบประกาศณียบัตรทั้งหมดของดาวออกไป สมพรยิ้มภาคภูมิ ลูกสาวคนเก่งจะได้ออกทีวี
ถัดจากนั้นสมพรแวะมาที่ตลาดสดในตัวเมือง ทำเป็นมาจ่ายตลาด เลือกของไปงั้นๆ ตั้งใจมาคุยโม้เรื่องสาวมากกว่า
“นี่ ลูกสาวชั้นจะได้ออกทีวีแล้วน้า เป็นพิธีกร”
แม่ค้า 1 ถาม “รายการอะไรพี่สมพร”
“ไม่รู้สิ ดาวยังไม่ได้บอก”
พ่อค้า 1 ชม “ลูกพี่สมพรเก่งน่าดู”
“วันไหนดาวออกทีวี ต้องเปิดดูกันทั้งตลาดเลยนะ”
พ่อค้าแม่ค้าตื่นเต้นไปกับสมพร ที่ยิ้มไม่หุบ มีความสุขมาก
ศรัณติดบัตร Visitor หอบหิ้วใบประกาศนียบัตรของดาว มาให้ที่ฝ่ายรายการ ยืนชะเง้อคอยาวคอยืดเข้าไปข้างใน มองหาดาว แพรพรรณออกมาชงกาแฟ เห็นศรัณเข้า
“แพร ดาวอยู่ไหน”
แพรพรรณนิ่ง ชั่งใจ จะบอกศรัณดีมั้ยว่าดาวเล็งผู้ชายใหม่แล้ว
ศรัณฉงน “มีอะไรแพร มองหน้าพี่เหมือนกับอยากจะบอกอะไร”
“ดาวตบหน้าแพรค่ะ”
“โกหก” ดาวเดินออกมาทันได้ยินแพรพรรณพูดพอดี “แพรอิจฉาดาวที่ได้จะเป็นพิธีกร เลยใส่ร้ายดาว อยากให้พี่ศรัณว่าดาว”
ศรัณคนซื่อโกรธ เชื่อเมียคนสวย “ตลอดมา พี่พยายามวางตัว ไม่เข้าไปยุ่งกับปัญหาระหว่างดาวกับแพรเพราะแพรเป็นน้องพี่ แต่ถ้าแพรไม่ดีกับดาว พี่ก็จะไม่เห็นแพรเป็นน้องอีก”
แพรพรรณเสียใจ “พี่ศรัณจะตัดขาดแพร”
“ดาวเป็นแฟนพี่ พี่ก็ต้องเลือกดาว”
“ดาวไม่ได้ดีอย่างที่พี่คิดนะคะ” ดาวบอก
“พี่คิดยังไงน่ะเหรอ พี่ว่าแพรอิจฉาดาวตั้งแต่สมัยเรียน” ศรัณย้อนหลงดาวจนตาบอด
“ไม่จริงเลยค่ะ”
“พี่เสียดายความเป็นเพื่อนของดาวกับแพร กลับมาเป็นเพื่อนดาวเถอะแพร เพราะต่อให้ไม่มีดาว พี่กับแพรก็ไม่ไปถึงไหน พี่ให้แพรได้แค่ สถานะน้อง”
แพรพรรณเจ็บปวดชอกช้ำระกำใจสุดแสน แถมยังโดนดาวยิ้มเยาะใส่อีก แพรพรรณเดินหนีไป
แพรพรรณเดินหนีศรัณกับดาวมาหลบในสวนสวย กลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกด้วยความเสียใจ น้อยใจ ภานุยกโน้ตบุ๊คกับกาแฟ จะมานั่งพิมพ์สคริปต์ในสวน เห็นแพรพรรณร้องไห้ก็ตกใจ
“เสียใจอะไรคุณ โดนคุณปัญชลีว่าเหรอ”
“คุณปัญชลีไม่เกี่ยว” แพรพรรณรีบปาดเช็ดน้ำตา หันหน้าหนีภานุ ไม่อยากให้เห็น
ภานุถามด้วยน้ำเสียงนุ่ม เต็มไปความห่วงใย “แพร เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อน ต้องรับฟังเวลาเพื่อนมีปัญหา”
แพรพรรณหันมาหาภานุ เห็นความจริงใจ และความห่วงใยในสายตาภานุ
“นายเคยรักใครมากๆ มั้ย รักจน ไม่กล้าพูด หรือทำอะไรให้เค้าเสียใจ”
ภานุอึ้ง “ทะเลาะกับแฟนเหรอ”
“ไม่ใช่แฟน คนที่ชั้นหลงรัก ชั้นรู้ว่าแฟนเค้ากำลังจะตีตัวออกห่างไปหาคนอื่น แต่ชั้นบอกเค้าไม่ได้ กลัวเค้าเสียใจ เค้ารักผู้หญิงคนนั้นมาก”
“ในเมื่อเค้าเลือกเอง เค้าก็ต้องยอมรับเวลาถูกทิ้ง”
“นายพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เคยรักใคร เวลารักใครซักคน ความสุขของเค้าก็คือความสุขของเรา ความทุกข์ของเค้า เป็นยิ่งกว่าความทุกข์ของเรา เราจะทุกข์มากกว่าเค้าหลายเท่า”
“คุณต้องรักผู้ชายคนนั้นมาก”
“เค้าเป็นรักครั้งแรก รักฝังใจของชั้น”
แพรพรรณหยุดพูดไปเฉยๆ เอาแต่นั่งซึม เลิกร้องไห้แล้ว ภานุนั่งเงียบๆ ข้างแพรพรรณ อยู่เป็นเพื่อน
ภาสกรดูประกาศนียบัตรหลายใบที่ดาวนำมาให้ถึงในห้องทำงาน
“คุณดาวเคยเป็นพิธีกรงานท่องเที่ยวสมุทรสงครามด้วย”
“ครูที่โรงเรียนให้ดาวไปช่วยงานค่ะ คุณภาสกรคะ ดาวมั่นใจ ดาวมีศักยภาพเป็นนักเล่าข่าวได้ ดาวขอโอกาสอีกแค่ครั้งเดียว”
“ผมจะลองคุยกับคุณแม่ให้”
“ขอบคุณมากค่ะ” ดาวไหว้ชดช้อยแล้วนึกได้ “วันเสาร์นี้คุณภาสกรจะไปปั่นจักรยานหรือเปล่าคะ”
“ผมนัดกับเพื่อนกลุ่มจักรยานเย็นนี้”
เย็นนั้น บนถนนร่มรื่นสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ภาสกรต่อล้อหน้ารถจักรยานให้ดาว ซึ่งดาวถอดล้อหน้าใส่กะโปรงหลังรถมา โดยมีหนุ่มนักปั่นมาอีก 2 คน อยู่ด้วย
“พวกเรานัดกันทางไลน์กลุ่มครับ ใครว่างก็มา วันนี้ติดงาน ไม่มาหลายคน” ภาสกรบอก
หนึ่งหนุ่มชื่อวินยิ้มเป็นมิตรให้ดาว “คุณดาวมีไลน์กลุ่มจักรยานเราหรือยังครับ”
“ยังค่ะ”
“เอามือถือมาครับ”
วินเอาโทรศัพท์มือถือดาวไปเขย่าๆ ใกล้มือถือตัวเอง
“คุณดาวเข้ากลุ่มเรียบร้อยแล้วครับ”
หนุ่มอีกคนส่ง รูปการ์ตูน ยินดีต้อนรับดาวในกลุ่มไลน์ ดาวส่งสติกเกอร์ น่ารักกลับไปให้
ระหว่างนี้ตุ่นซึ่งนั่งแท็กซี่มาถึง ดูอาการคงทะเลาะกับแท็กซี่มาตลอดทาง เพราะแท็กซี่ดันเอาจักรยานใส่กะโปรงหลังรถ โดยไม่ยอมถอดล้อ ตัวจักรยานโผล่ออกมา
พอลงรถมาตุ่นก็โวยเสียงแจ๋น ใส่แท็กซี่ “จักรยานมีรอยขูดเลย บอกให้ช่วยถอดล้อหน้าก็ไม่ถอด ยัดเข้าไปทั้งคัน”
ตุ่นหันมาทางกลุ่มภาสกร พอเห็นวิน อีตุ่นรีบเก๊กหน้าประดิษฐ์สวย ยิ้มหวาน หนุ่มในทันที
และพอเห็นดาว ก็ยิ่งแปลกใจ ชะนีน้อยมาได้ยังไง?
ดาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าตุ่นสวมริสแบนด์สีฟ้าที่ข้อมือ อย่างพวกภาสกรสวม
บนถนนร่มรื่นเส้นนั้น ภาสกรขี่จักรยานนำหน้ามา วิน กับ อีกหนุ่มตาม ส่วนดาวกับตุ่นรั้งท้ายหน้าตาทั้งคู่ดูออกว่าทั้งเบื่อทั้งเซ็ง ไม่ได้อยากมาปั่นจักรยาน แต่อยากจะมาปั่นอย่างอื่นมากกว่า
ภาสกรปั่นนำทั้งกลุ่มมาไกลมากแล้ว จึงจอดจักรยานรอจนตุ่นกับดาวปั่นมาถึง
“ให้หยุดพัก 5 นาทีครับ”
ตุ่นทำเสียงเล็กเสียงน้อย “คุณวินหิวน้ำมั้ยคะ”
แล้วจัดแจงเอาขวดน้ำไปผู้ชาย หนุ่มชื่อวินรีบส่ายหน้า ไม่หิวน้ำ และไม่หิวกะเทยควายด้วย ตุ่นจ๋อยกลับไปนั่งแหมะข้างดาว
“หน้าตาท่าทางเจ๊ตุ่น ไม่น่าชอบปั่นจักรยาน มาปั่นเพราะ...” ดาวกระซิบตุ่นพลางพยักพเยิดมองไปยังวิน
ตุ่นกระซิบตอบ “ก็ดูสิ หล่อเหมือนพระเอกเกาหลี หือออ...อยากกินกิมจิ”
“เอาใจช่วยนะคะเจ๊” ดาวหันไปทางภาสกร “คุณภาสกรคะ ดาวเห็นทุกคนใส่ริสแบนด์...”
ภาสกรยิ้ม “อ๋อ ผมทำแจกคนในกลุ่มครับ”
“ผมมีติดมาอันนึง เอาให้น้องที่เพิ่งเข้ากลุ่ม แต่น้องดันเบี้ยว วันนี้ไม่มาให้คุณดาวก่อนแล้วกันครับ”
ดาวยิ้มหวาน รับริสแบนด์กลุ่มจักรยานมาใส่
“ไปต่อครับ” ภาสกรบอกทุกคน
ดาวหน้าม่อย ไม่อยากขี่จักรยานต่อ ยกจักรยานขึ้น
ตุ่นสังเกตสีหน้าดาว พึมพำกับตัวเอง “ดาวก็เหมือนไม่ชอบปั่นจักรยาน”
ตุ่นมองดาวอย่างจับสังเกต มาปั่นจักรยานเป็นข้ออ้าง เพราะติดผู้ชายเหมือนชั้นหรือเปล่ายะ?
ดาวยิ้มสดใส หน้าตาเบิกบานที่วันนี้ได้ใกล้ชิดกับภาสกร แต่พอไขประตูห้องเข้ามาเห็นศรัณกำลังล้างกระทะ ดาวหุบยิ้มแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าศรัณจะอยู่ค้างด้วย หล่อนรีบซ่อนมือข้างที่สวมริสแบนด์กลุ่มจักรยานไว้ข้างหลังทันที
“ดาวคิดว่าพี่ศรัณกลับสมุทรสงครามไปแล้วซะอีกค่ะ”
“เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เราแทบไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่เลยอยู่ค้างจ้ะ ดาวกลับซะมืดเลย”
“เลิกงานแล้วดาวไปฟิตเนสค่ะ เพิ่งสมัครเป็นสมาชิก” ดาวตอแหลอีก
“ดีจ้ะ ออกกำลังกายจะได้แข็งแรง พี่ทำกับข้าวไว้เพียบเลย ออกกำลังกายมา ต้องการพลังงานทดแทน”
ศรัณกุลีกุจอจัดโต๊ะอาหาร วางกับข้าวเต็มโต๊ะ
ระหว่างศรัณจัดกับข้าว คดข้าวหน้ามัน ดาวก็แอบถอดริสแบนด์ ซ่อนในตู้รองเท้า แล้วหันมาฉีกยิ้มหวาน ไปช่วยศรัณจัดโต๊ะท่าทางชื่นมื่น
ศรัณในชุดนอน รอดาวอยู่บนเตียง พอดาวล้มตัวลงนอน ศรัณก็เอนกายมากอด มองด้วยสายตาลึกซึ้งมายังดาว
“วันนี้ดาวเหนื่อยค่ะ”
ศรัณตัดพ้อ “เห็นใจพี่นะจ๊ะดาว พี่คิดถึงดาวมาก”
“ไว้วันหลังนะคะ”
ศรัณหน้าม่อย โดนคนรักบอกปัดการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งอีกแล้ว ดาวกลัวศรัณน้อยใจเลยหอมแก้มเขาไปที
“ดาวก็คิดถึงพี่ศรัณค่ะ แต่วันนี้ดาวเหนื่อยมากจริงๆ ทำงานตั้งแต่ตี 4 ตอนเย็นไปออกกำลังกาย ขากลับ รถติดเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงคอนโด”
“ชีวิตคนกรุงเทพฯ ใช้เวลาบนถนน พอกับอยู่บ้าน ดาวนอนพักเถอะจ้ะ”
ดาวพลิกตัวหันหลังให้ศรัณ หน้าตาเบื่อหน่าย ผัวเก่า เอามากๆ
ส่วนศรัณนอนเซ็ง ไม่ได้ใกล้ชิดสาวคนรักมาพักใหญ่แล้ว
ดาวหลับสนิท ขณะที่ศรัณนอนไม่หลับ สุดท้ายลุกไปห้องโถง
ศรัณออกมาจากห้องนอน หน้าตาเซ็ง ๆ ดาวสุดที่รักไม่ยอมมีอะไรด้วย ศรัณเห็นฝาตู้รองเท้าปิดไม่สนิท จึงเดินไปปิด
รองเท้าดาวหล่นจากตู้ ศรัณก้มเก็บรองเท้าใส่ตู้ เห็นริสแบนด์กลุ่มจักรยาน จึงเอาออกมาดู อ่านตัวหนังสือบนริสแบนด์
“BANGKOK BICYCLE CAMPAIGN ริสแบนด์กลุ่มจักรยาน ดาวเอามาจากไหน”
ศรัณนึกถึงพฤติกรรมช่วงหลัง ที่ดาวมักทำตัวห่างเหิน
โดยเริ่มตั้งแต่ศรัณไปหาดาวที่สถานี เจอแพรพรรณบอกว่า
“ดาวออกไปกับคุณศินีนาฏเมื่อกี้ค่ะ”
“อ้าว พี่ก็โทร.มาบอกแล้ว เดี๋ยวพี่จะมากินข้าวเย็นด้วย”
และพอศรัณกอดดม อยากมีอะไรด้วย ดาวกลับบอกว่า
“วันนี้ดาวเหนื่อยค่ะ” แทบทุกครั้ง
เขานึกถึงที่ดาวบอกเหตุผลของความเหนื่อย “เลิกงานแล้วดาวไปฟิตเนสค่ะ เพิ่งสมัครเป็นสมาชิก
ศรัณชักระแวง ว่าดาวมีคนอื่นหรือเปล่า
“ดาวไปฟิตเนส หรือ ไปปั่นจักรยานกับใคร”
ศรัณหาจักรยานทั่วคอนโด แต่ไม่เจอ จนนึกบางอย่างได้
ศรัณลงมาข้างล่าง ตรงลานจอดรถเปิดดูรถดาว หาจักรยานจนทั่ว แต่ในตัวรถไม่มี ศรัณกดปุ่มเปิดกะโปรงหลังรถ
“ถ้ามีจักรยาน แสดงว่าดาวโกหก ดาวแอบไปปั่นจักรยานกับคนอื่น”
ศรัณเปิดกะโปรงหลังรถช้าๆ พบว่าไม่มีจักรยานในนั้น
จะมีได้ยังไง ก็เพราะก่อนหน้านี้ หลังไปปั่นจักรยานกับกลุ่มภาสกร ดาวขับรถไปส่งตุ่นที่คอนโด สองคนช่วยกันขนจักรยาน ถอดล้อแล้ว ขึ้นมาเก็บบนห้องตุ่น
“ขอบคุณนะคะเจ๊ ให้ดาวฝากจักรยานไว้ที่ห้อง”
“ไปปั่นอีกเมื่อไหร่ ก็ขับรถมารับเจ๊ด้วยแล้วกัน”
ศรัณปิดกะโปรงหลังรถดาว
“ดาวไม่ได้แอบไปปั่นจักรยานกับใคร” มองริสแบนด์กลุ่มจักรยานในมือ “มีคนให้ดาวมาเราคิดมากไปเอง”
ศรัณยิ้มสบายใจ กลับเข้าตึกคอนโด
เช้ามืด วันถัดมา ปัญชลีปาชุดพิธีกรสีแดงใส่ตุ่นท่าทางโกรธจัด ด่าว่าอย่างรุนแรง “เกลียดนัก ทำงานกับพวกไร้สมอง วันนี้มีแต่ข่าวเศร้า เกจิอาจารย์ชื่อดังมรณภาพ รถทัวร์พานักเรียนไปทัศนะศึกษาคว่ำ เด็กตาย 40 กว่าคน ภาคใต้โดนวางระเบิด ครูตาย แล้วให้ชั้นใส่ชุดสีแดงเล่าข่าว”
ตุ่นกลัวปัญชลีจนหงอ “ตุ่นไม่รู้ว่ามีข่าวอะไรบ้างฮ่ะ”
“ส่งสคริปต์ข่าวให้ตุ่นหรือเปล่าท็อป”
“อ่า...ส่งครับ” ท็อปบอก
“สาวประเภทสองดีๆ มีสมอง มีเยอะแยะ แต่เธอ ในสมองมีแต่ขยะ ขี้เลื่อยดีไป เพราะยังใช้ประโยชน์ เป็นเชื้อเพลิงได้ รายการเล่าข่าวอันดับ 1ของชั้น ต้องการทีมงานคุณภาพ ตุ่น เธอไม่ต้องทำรายการชั้นแล้ว”
ปัญชลีจ้องตุ่นอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตุ่นสะท้านไปทั้งตัวจนต้องหลบออกไป พออกมาหน้าห้องแต่งตัว ตุ่นเหลียวขวับกลับเข้าไปด้านใน พึมพำออกมาอย่างโกรธแค้น
“นังคนฉลาด อย่าพลาดขึ้นมาแล้วกัน จะเหยียบซ้ำให้จมดิน”
ภาสกรรู้เรื่องไม่นานต่อมา เขาไม่พอใจลงมาเอาเรื่องปัญชลีถึงในห้องที่ฝ่ายรายการ
“คุณจะเที่ยวมีเรื่องกับทีมงานทุกคนไม่ได้นะลี ภาพพจน์คุณในสายตาลูกน้องจะดูไม่ดี รับตุ่นกลับไปทำรายการ”
“ลีไม่แคร์ลูกน้องค่ะ ลีแคร์คนดู ทีมงานไม่มีคุณภาพทำให้รายการตกต่ำ”
แพรพรรณกับภานุถือสคริปต์รายการเข้ามาหาปัญชลี เห็นภาสกรกับปัญชลีกำลังทะเลาะกันอยู่
“ภาสหาคอสตูม ใหม่ให้ลีด้วยนะคะ”
ภาสกรไม่รับคำ หงุดหงิดออกไป
ปัญชลียังไม่เลิกเล่นเกมจับผิดแพรพรรณ หันไปหงุดหงิดใส่ “ก็เห็นอยู่ว่าคุณภาสกรมาหาชั้น แล้วยังเข้ามารบกวน....อยากได้ของๆ คนอื่นจริงนะ”
“แพรไม่ได้เป็นอย่างที่คุณปัญชลีคิดนะคะ”
“ชั้นคิดอะไร เธอรู้เหรอ”
“คุณปัญชลีไม่ไว้ใจแพรแล้ว งั้น แพรขอลาออกค่ะ” แพรพรรณบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
ภานุตาเหลือก “เฮ้ย”
ปัญชลีจ้องหน้าแพรพรรณ “แน่ใจว่าอยากลาออก สิ่งที่เธอต้องการ เธอยังไขว่คว้าไม่ได้นะแพรพรรณ”
แพรพรรณพูดระบายออกมาด้วยอารมณ์ทั้งน้อยใจและเสียใจ
“แพรมาสมัครงานช่อง THAI KK เพราะแพรชื่นชมคุณปัญชลี อยากทำงานกับไอดอล ของตัวเอง แพรเสียใจที่คุณปัญชลีเข้าใจแพรผิด แพรขอไปดีกว่าค่ะ”
ปัญชลีมองแพรพรรณที่น้ำตาคลอเบ้า ดูออกว่าเด็กคนนี้ซื่อและจริงใจ แพรพรรณหันหลัง จะออกจากห้องไป ปัญชลีเอ่ยขึ้น
“ชั้นเชื่อใจเธอ เธอไม่ได้จะแย่งคุณภาสกรจากชั้น”
“ห๊ะ” ภานุงงเป็นไก่ตาแตก มองปัญชลีที มองแพรพรรณมี มันอะไรกันเนี่ย? พี่ชายกรูเกี่ยวอะไร?
แพรพรรณหันมายิ้มทั้งน้ำตา ปัญชลียิ้มเมตตาให้ มั่นใจว่าเด็กสาวคนนี้ไว้ใจได้
แพรพรรณมาหาดาวที่โต๊ะทำงาน ขณะดาวกำลังพิมพ์สคริปต์ข่าว ภานุมองสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ไม่อยากเข้ามาเอี่ยวเรื่องผู้หญิงทะเลาะกัน
“นายภานุ ไปหยิบใบลาออกมาให้ดาวทีสี ไม่รีบเขียน เดี๋ยวโดนไล่ออกก่อน” แพรพรรณเอ่ยขึ้น
“เคลียร์กันเองนะครับ” ภานุชิ่งออกไป
“โดนพี่ศรัณขู่ตัดพี่ตัดน้อง ถึงกับเพี้ยนเลยเหรอแพร”
แพรพรรณยื่นหน้าบอกดาวใกล้ๆ “คุณปัญชลีรู้แล้ว คนที่จะแย่งคุณภาสกร คือใคร”
แพรพรรณยิ้มเยาะ ดาวหน้าซีดเผือด
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่ดาวรีบทำคือการพาตัวเองมาร้องห่มร้องไห้ ฟ้องภาสุรีถึงห้องทำงาน
“ลีประสาท หึงเด็กในทีม”
ดาวโกหกทั้งน้ำตา “ดาวแค่บังเอิญไปปั่นจักรยานสวนเดียวกับคุณภาสกร คุณปัญชลีคิดมากหาว่าดาวจะแย่งคุณภาสกร นี่เพิ่งเรียกดาวไปด่าในห้อง ขู่จะไล่ดาวออกค่ะ”
“บทจะงี่เง่าขึ้นมา ลีก็งี่เง่าสุดๆ”
เลขาภาสุรีเข้ามา
“คุณภาสกรโทร.มาบอกให้คุณภาสุรีไปหาที่ห้องค่ะ”
ภาสกร ภาสุรี และปัญชลี เถียงกันวุ่นวาย ดาวเงียบกริบ
ปัญชลีชี้หน้าดาว “เด็กคนนี้ไว้ใจไม่ได้ จะแทงข้างหลังลี”
“เป็นผู้ใหญ่ ไม่เมตตาเด็กยังไม่พอ ยังใส่ร้ายเด็กอีก” ภาสุรีหยัน
“ลีไม่เคยเป็นอย่างนี้”
“ก็ใช่ไงคะ ลีไม่เคยหึงภาส วันนี้ เมื่อลีหึง แสดงว่ามีเหตุอันควร” ปัญชลีเหลียวขวับมาทางดาว “ส่วนเธอ ไม่ควรชอบผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว มันผิด”
“ดาวนับถือคุณภาสกรในฐานะผู้บริหาร ไม่เคยคิดไปมากกว่านั้นค่ะ”
“หน้าใสใจคด เป็นอย่างเธอนี่เอง”
ภาสกรสุดทน “คุณเชื่อใจผมมั้ยลี”
“เชื่อค่ะ แต่ลีไม่ไว้ใจดาว”
“คุณเชื่อใจผม คุณก็ต้องไว้ใจดาว เพราะผมคิดว่า ดาวไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด” ภาสกรเสียงแข็ง
“ภาสเชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าลี”
ปัญชลีโมโหสุดขีด ที่ภาสกรเข้าข้างดาว ปึงปังออกไป พร้อมกับปิดประตูห้องดังปัง!
ภาสกรถอนหายใจ ผ่อนลมหายใจยาว เครียดกับปัญหาใหญ่
ดาวลอบมองภาสกร ยิ้มสาสมใจ
ค่ำคืนนั้นครอบครัวภาสกร คุยกันถึงปัญหาหึงหวงระหว่างปัญชลีกับดาวอยู่ในโถง
“ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ปลดดาวจากรายการเพราะผิดใจกับลี เคสดาว ไม่เหมือนเคสศินีนาฏ”
วิไลลักษณ์หมั่นไส้ลูกชาย “ให้มันจริงเถอะ อะไรที่เกี่ยวกับแฟนเรา เราอ่อนให้ทุกที”
ภาสกรหยิบประกาศณียบัตรที่ดาวเอามาให้ จากในกระเป๋าทำงาน ส่งให้แม่
“เด็กคนนี้เก่ง ผมให้คุณแม่ตัดสินใจ จะปั้นเป็นพิธีกรมั้ย ผมไปนะครับ” ภาสกรกลับออกไป
ภาสุรีเอ่ยขึ้น “งานนี้ภาว่าพี่ภาสไม่ยอมลีค่ะ เข้าข้างดาวต่อหน้าลีเลย”
“ลูกเอาอะไรให้น่ะคุณ” โอภาสถาม
วิไลลักษณ์เปิดดู “ประกาศณียบัตร นางสาวดารินกานต์ ชนะเลิศปาฐกภา”
“ดารินกานต์...ดาวนี่คะ” ภาสุรีมองฉงน
วิไลลักษณ์ดูประกาศณียบัตรหลายใบของดาว สนใจในตัวเด็กคนนี้
ปัญชลีทะเลาะกับภาสกรเรื่องดาว เลยไม่กลับบ้าน มาชลุกอยู่เก้ที่ห้องเสื้อ เก้กะร่อยกะริบเก็บอุปกรณ์เย็บผ้าใส่กล่อง
“คุณภาสหักหน้าพี่ บอกว่าเชื่อเด็กคนนั้นต่อหน้าพี่”
“ผู้ชายน่ะ ต่อให้ฉลาดแค่ไหน ก็ไม่ทันมารยาหญิงหรอกครับ”
ระหว่างนี้ภาสกรส่งไลน์มาถามปัญชลีว่า “ลีอยู่ไหน ผมถึงบ้านแล้ว”
ปัญชลีตอบว่า “วันนี้ลีจะนอนบ้านเก้ค่ะ”
เสียงไลน์ดังขึ้นมาอีก แต่ปัญชลีไม่เปิดดู ไม่ตอบ
“กลับบ้านไปปรับความเข้าใจกันเถอะครับพี่ลี”
“พี่ไม่กลับ”
เก้เครียดตาอ่อนใจกับความรั้นของพี่สาวคนเก่ง
ปัญชลีนึกได้ “เก้ พี่มีงานให้เราช่วย”
ดึกแล้ววิไลลักษณ์นอนไม่หลับ ลงมานั่งครุ่นคิดข้างล่าง โอภาสลงมาตาม
“นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอคุณ”
วิไลลักษณ์หยิบประกาศณียบัตรดาวบนตัก ขึ้นมาดูอีกรอบ
“เด็กคนนี้ประกวดพูดมาหลายเวที ชนะเลิศทุกเวที ตอนให้ลองเล่าข่าว คงตื่นเต้นมากจริงๆ เลยผิดพลาด จะให้โอกาส ปั้นเป็นพิธีกรคู่ลีดีมั้ยคะ”
“หาเรื่องน่าคุณ ลีหึงเด็กคนนี้กับลูกเราอยู่”
“ดีสิคะ จะได้พิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของลี แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวได้มั้ย”
โอภาสท้วง “อย่าเสี่ยงเลยคุณ รายการจะพังเอา”
วิไลลักษณ์มีท่าทีลังเลไม่น้อย
เช้ามืดวันถัดมา ปัญชลีอ่านสคริปต์ข่าวไปด้วย ระหว่างให้ช่างหน้า ช่างผม แต่งอยู่ เก้จัดเสื้อผ้าพิธีกรอยู่อีกมุม
“ขอบใจมากนะเก้ มาเป็นสไตลิสต์ให้พี่”
“ยินดีครับ”
ตุ่นถือชุดพิธีกรเข้ามา แล้วชะงักกึก มองจ้องหน้าอีกะเทยหวานแหววแต๋วจ๋าสูงศักดิ์ในห้องมันเป็นใคร
ปัญชลีไล่ตุ่น “ชั้นเอาน้องมาดูแลเสื้อผ้าแล้ว เธอกลับไป”
วิไลลักษณ์ ภาสุรี ปิดท้ายด้วยดาว ตามตุ่นเข้ามา
“ชั้นให้ตุ่นหาชุดพิธีกรมาเอง ชั้นจะปั้นดาว เป็นพิธีกรคู่กับเธอ”
ความโกรธผุดขึ้นมาเป็นริ้วๆ ปัญชลีนิ่งงันพูดไม่ออก
บรรยากาศในห้องแต่งตัวมาคุขึ้นมาในบัดดล ปัญชลีชักสีหน้าไม่พอใจทันที หันไปมองดาวที่ก้มหน้างุด แต่ตุ่นลอบยิ้ม
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่า ดาวจะมาทำหน้าที่พิธีกรร่วมของเธอต่อจากศินีนาฏน่ะสิ” วิไลลักษณ์สั่งการกับตุ่น “มัวยืนอยู่ทำไมล่ะ พาไปแต่งตัวสิ เดี๋ยวก็ไม่ทัน”
ตุ่นรีบพาดาวไปเปลี่ยนชุด ดาวรีบตามไป ไม่อยากอยู่เป็นเป้า
“ทำไมลีถึงไม่รู้เรื่องนี้”
“คุณแม่กับภาเพิ่งตัดสินใจเมื่อคืนนี้ ยังไงรายการก็ต้องมีพิธีกรสองคน” ภาสุรีบอก
ปัญชลีคุมแค้น “ทำไม เธอไม่เชื่อมือชั้นเหรอ”
วิไลลักษณ์พูดด้วยหลักการ “ชั้นรู้ว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่รายการเล่าข่าวจะมีพิธีคนคนเดียวมานั่งพูดน้ำไหลไฟดับไม่ได้ สองวันที่ผ่านมา เธอจัดคนเดียว เรตติ้งดิ่งเหว ชั้นเห็นว่าดาวหน่วยก้านดี แล้วก็เป็นหน้าใหม่ จะทำให้รายการมีสีสันขึ้น”
ปัญชลีท้วง “แต่เด็กคนนี้ไม่มีประสบการณ์”
“เธอก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกันตอนที่ฉันให้โอกาสเธอจัดรายการที่นี่”
วิไลลักษณ์เน้นพิเศษตรงคำว่า โอกาส จ้องตาปัญชลี ชนิดที่ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจแน่
ตุ่นพาดาวที่เปลี่ยนชุดออกมาที่สตูฯ ไม่กล้าเข้าไปในห้องแต่งตัวเพราะกำลังมาคุ
“มาแล้วค่า พิธีกรข่าวคนใหม่ของรายการกระแสข่าวเช้า ขอเสียงปรบมือให้น้องดาว ดารินกานต์หน่อยค่า”
ดาวยิ้มแอ๊บเขิน ขณะที่ทุกคนตื่นเต้นยินดีกับดาวด้วย
“ยินดีด้วยนะดาว ทำให้เต็มที่นะ” ท็อปยิ้มให้กำลังใจ
“ขอให้เป็นดาวดวงใหม่แจ้งเกิดไปเลยนะดาว” จอยบอก
ดาวยิ้มหวาน “ขอบคุณค่ะพี่ ดาวยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้หรือเปล่า”
“ต้องทำได้สิจ๊ะ เดี๋ยวเจ๊เทรนเอง เจ๊อยากสร้างปรากฏการณ์ดาวตก โดยเฉพาะไอ้ดดาวดวงใหญ่ๆ แก่ๆ ที่มันค้างฟ้ามานาน ฮ่ะๆๆๆ”
ทุกคนหัวเราะร่วนไปกับตุ่น แต่ดาวยังทำเป็นแอ๊บประหม่า
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดัง ดาวหยิบมาดูแล้วชะงัก ก่อนจะปั้นยิ้มกับทุกคน
“ดาวขอตัวซักครู่นะคะ”
ดาวเดินเลี่ยงออกมามุมหนึ่ง รับโทรศัพท์แม่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“มีอะไรแม่”
สมพรคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีตื่นเต้น เห็นศรัณกำลังปรับจูนทีวีเครื่องใหม่อยู่
“ดาว ใกล้จะเริ่มรายการหรือยังลูก แม่รอดูอยู่นะ”
ดาวกลอกตา ด้วยความรำคาญ “ถ้าเริ่มแล้วดาวจะรับโทรศัพท์แม่ได้ยังไงล่ะ
สมพรยังปลื้มอยู่ ไม่สนใจลูกสาวเหวี่ยง
“นี่แม่มีทีวีเครื่องใหม่แล้วนะ พ่อศรัณซื้อมาให้ เครื่องเก่ามันไม่ค่อยดี แม่กลัวจะไม่ได้ดูดาวออกทีวี ดาว แม่ขออวยพรให้ดาวจัดรายการราบรื่นนะลูกนะ ไม่ติดไม่ขัด เป็นขวัญใจ...”
สมพรอ้าปากจะอวยพรอีกยาวยืด แต่ดาวขัดขึ้นมาอย่างรำคาญเต็มที
“แค่นี้ก่อนนะแม่ ดาวต้องไปแต่งหน้าแล้ว” หล่อนตัดสายทันที
“จ้ะๆ”
สมพรมองโทรศัพท์อย่างเสียดายที่ยังอวยพรไม่จบ
ศรัณจูนทีวีเสร็จก็เดินมาหา
“จูนช่องเจอแล้วครับแม่ อีกสิบนาที ดาวว่ายังไงบ้างครับ”
สมพรหน้าเจื่อนๆ “วางไปแล้วจ้ะ ดาวกำลังยุ่ง”
“งั้นเดี๋ยวจบรายการแล้วค่อยโทร.ไปใหม่ก็ได้ครับ”
สมพรยิ้ม พยักหน้าให้ แล้วเดินไปนั่งเฝ้าหน้าทีวีกับศรัณ
ปัญชลีนั่งเครียดอยู่ในห้อง แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้ว เก้เปิดประตูเข้ามา
“พี่ลี”
“ทุกคนรวมหัวกันหักหลังพี่ แม้แต่คุณภาส เขาไม่เคยบอกพี่ซักคำว่าจะดันเด็กนั่นขึ้นมาเป็นพิธีกร”
เก้ถอนใจ เห็นใจปัญชลีเหมือนกัน
“พี่จะไม่จัดรายการ ในเมื่อเขาอยากได้เด็กดาวเป็นพิธีกร ก็ให้ทำไปคนเดียว”
เก้ทักท้วง “มันดูไม่เป็นมืออาชีพนะครับพี่ ยังไงก็ต้อง The show must go on”
“พี่ไปทำรายการด้วยอารมณ์นี้ไม่ได้หรอก”
ปัญชลีลุกขึ้น เดินกระวนกระวาย หงุดหงิด โกรธทุกคนไปหมด
“แต่พี่ลีเป็นโลโก้ของรายการ ถ้าอยู่ๆ พี่ลีหายไปโดยที่คนดูไม่รู้ มันจะกระทบกับรายการ ยิ่งถ้าเด็กคนนั้นทำพัง ทีนี้คนก็จะยิ่งขุดคุ้ยกันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ดี เขาจะได้รู้ว่าเบื้องหลังมันเกิดอะไรขึ้น”
“แล้วพี่ลีไม่เสียดายรายการที่ปั้นขึ้นมากับมือเหรอครับ กว่าจะมาถึงวันนี้พี่ลีเหนื่อยมากกว่าใคร มันไม่ควรจะพังเพราะพี่ลีถอดใจไม่สู้ต่อ”
ปัญชลีนิ่ง ตัดสินใจยากเหลือเกิน อีกอย่างเธอหมดอารมณ์จัดรายการไปแล้ว
ตุ่นพาดาวที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยมาที่ห้องเตรียมเข้าถ่ายรายการ ภาสุรีกับวิไลลักษณ์เดินเข้ามา
“ทำหน้าที่ให้ดีนะดาว นี่เป็นโอกาสของเธอที่จะแสดงฝีมือ” ภาสุรีบอก
วิไลลักษณ์เสริม “ชั้นเชื่อมั่นในคำพูดของตาภาสว่าเธอทำได้ อย่าให้ชั้นคิดผิด”
ดาวยิ้ม “ค่ะ ดาวจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ภาสุรีกับวิไลลักษณ์พยักหน้า ดาวเดินไปที่ประตูห้องส่ง สูดลมหายใจก่อนจะผลักเข้าไป เห็นปัญชลีนั่งตีหน้ายักษ์ เมินหน้าหนี ไม่สนใจโลกอยู่บนเวทีโพเดียม
ดาวทำเป็นยิ้มใจดีสู้เสือเข้าไปนั่งข้างๆ ปัญชลี จอยเข้ามาช่วยเช็คไมค์ที่ติดอกเสื้อ ทีมงานอีกสองคนเอาแก้วกาแฟมาวางตรงหน้า จอยอธิบาย
“แก้วกาแฟสปอนเซอร์ค่ะคุณปัญชลี ลูกค้าขอให้วางไทอินเริ่มตั้งแต่วันนี้ค่ะ”
ปัญชลีพยักหน้ารับรู้ จอยกับทีมงานเช็คไมค์ที่เสื้อจนเสร็จ ก็พากันออกไป ปัญชลีหันมาแขวะดาว
“สมใจเธอแล้วสินะ ใช้เส้นก้าวพรวดๆ ขึ้นมาถึงตรงนี้จนได้”
“ดาวได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่มากกว่าค่ะ เหมือนที่ท่านก็เคยเมตตาคุณปัญชลีไงคะ” นางย้อนเอา
ปัญชลีหันขวับมองดาว สงสัยว่าดาวเหน็บกลับหรือเปล่า? แต่ดาวยิ้มใสซื่อ
“ยังไงดาวขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่ลี หลังจากนี้ดาวขออนุญาตเรียกว่าพี่ลีนะคะ”
ดาวเปลี่ยนสรรพนามเรียกปัญชลี ยิ้มในสีหน้า แววตาเจ้าเล่ห์ประมาณว่าชั้นกับเธออยู่สถานะเดียวกันแล้วนะ
ปัญชลีไม่พอใจที่ดาวตีเสมอ อยากจะด่ากลับ แต่เสียงไมค์จากท็อปดังขึ้น
“ไตเติ้ลรายการมาครับ 10 9 8 7...”
ปัญชลีรีบปรับสีหน้า เสียงเพลงจิงเกิลรายการดังขึ้น ปัญชลีหันไปฉีกยิ้มไหว้ผู้ชมพร้อมดาว
“สวัสดีค่ะ” สองสาวทักพร้อมกัน ก่อนจะเป็นหน้าที่ปัญชลีดำเนินรายการไป
“ยินดีต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการกระแสข่าวเช้า ประจำวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 ดิชั้น ปัญชลี ศิริวัฒนชัย เป็นผู้ดำเนินรายการเหมือนเช่นเคยค่ะ
ปัญชลีพูดแล้วก้มหน้าทำเฉย ไม่แนะนำดาวสักคำ ดาวเหวอไปแป๊บแล้วรีบแนะนำตัวเอง
“ดิชั้นดารินกานต์ กิตติวงศ์ค่ะ จะมาร่วม...”
ปัญชลีเงยหน้าชิงพูด “คุณดารินกานต์จะมาร่วมเป็นพิธีกรรับเชิญกับรายการกระแสข่าวเช้านี้เป็นการชั่วคราวค่ะ”
ด้านนอกห้องส่ง ตุ่นกำลังดูไปเม้าท์ไปกับช่าง ได้ยินปัญชลีพูดก็หันขวับ ห๊ะ ชั่วคราว คืออะไรวะ!
ทีมงานทุกคนในห้องคอนโทรลงงเต็กไปตามๆ กัน
“อ้าว ตกลงดาวมานั่งอ่านชั่วคราวเองเหรอพี่
ท็อปส่ายหน้า งงเหมือนกัน
ภาสุรีกับวิไลลักษณ์ดูทีวีอยู่ที่ห้องภาสุรีด้วยกัน พอได้ยินปัญชลีพูดก็ไม่พอใจ
“แม่ลีทำอะไรน่ะ ทำไมพูดอย่างงั้น”
“นั่นสิคะ”
ในจอทีวีเห็นปัญชลีดำเนินรายการ เริ่มอ่านข่าวแรก ปัญชลีอ่านข่าวคล่องแคล่ว มองจอสำหรับดูสคริปต์ข่าว แล้วพูดอยู่คนเดียว เหมือนดาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย ขณะที่ดาวได้แต่ก้มหน้า เปิดสคริปต์ข่าวไปเรื่อยๆ พยายามจะไล่ให้ทัน
อีกฟาก สมพรกับศรัณนั่งจ้องจอดูทีวี เห็นแต่ดาวก้มหน้าก้มตา ขณะที่ปัญชลียังพูดต่อเนื่องๆ โดยไม่เปิดช่องให้ดาวพูดเลย
“ทำไมดาวไม่ได้พูดเลยล่ะพ่อศรัณ”
ศรัณเองก็งงเหมือนกัน “ยังไม่ถึงข่าวของดาวมั้งครับ”
ศรัณดูทีวี เอาใจช่วยดาว
ฟากวิไลลักษณ์สุดทน ลุกขึ้น ท่าทางไม่พอใจ
“แม่ไม่ไหวนะภา ทำอะไรซักอย่างสิ แม่ลีจงใจกันซีนเด็กชัดๆ”
“ดาวต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ค่ะ นี่แหละบททดสอบของมืออาชีพ”
“เด็กใหม่จะไปสู้มือเก๋าอย่างแม่ลีได้ยังไง ไม่เอาละ แม่ไม่ทน”
วิไลลักษณ์หุนหันออกไปจากห้อง ภาสุรีรีบตามแม่
ไม่นานต่อมาวิไลลักษณ์พรวดพราดเข้ามาในห้องคอนโทรล ทุกคนผวาหลบอย่างเกรงๆ วิไลลักษณ์เข้าไปนั่งในตำแหน่งท็อปพูดผ่านหูฟัง
“แม่ลี! เบรกหน้าให้ดาวอ่านข่าวแรก”
ปัญชลีได้ยินก็หน้าตึงไม่ตอบใดๆ รายการตัดเข้าเบรกมาพอดี เลยต้องฝืนยิ้ม
“กลับมาติดตามกันต่อนะคะ เดี๋ยวเราจะไปดูความคืบหน้าคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญนักท่องเที่ยว จากเมื่อวานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยผลการสอบสวน ว่ายังไงนะคะคุณดารินกานต์”
ดาวงง ไม่มีข้อมูลเพราะไม่ได้ตามข่าวเมื่อวาน
ได้แต่อ้ำอึ้ง “เอ่อ...ค่ะ”
ปัญชลีหันไปยิ้มด้วยแววตาเชือดเฉือน “ผลการสอบสวนต่อเนื่องจากเมื่อวานไงคะ” พลางแกล้งหัวเราะขัน “คุณดาวเพิ่งมาจัดรายการ แต่ก็น่าจะตามข่าว”
ดาวเงิบ พลิกสคริปต์วุ่นวาย ปัญชลีหัวเราะเยาะใส่อีก
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิชั้นจำได้ เมื่อวานหลังจากที่ตำรวจได้เปิดเผยเบาะแสสำคัญ...”
ปัญชลีพูดข่าวต่อ ปล่อยให้ดาวหน้าเสียเปิดหาสคริปต์ไม่เจอ
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่ห้องคอนโทรล ท็อปดูดาวที่นั่งหน้ายุ่ง แล้วเอามือกุมหัว แอน และจอยส่ายหน้า ปวดตับที่ดาวดูเงอะงะมาก
วิไลลักษณ์ และภาสุรี ที่ดูอยู่ เริ่มหงุดหงิด
แอนร้องบอก “เอสเอ็มเอสว่าดาวเริ่มมาแล้วค่ะ”
วิไลลักษณ์กับภาสุรีหันไปดู เห็นข้อความขึ้นเรียงกันด้านล่าง ล้วนต่อว่าดาว
“พิธีกรใหม่ห่วยจัง” / “ดาวเด็กเส้นหรือเปล่า ไม่ได้เรื่อง” / “พิธีกรใหม่อ่านข่าวไม่เป็นหรอไง”
ตุ่นนั่งดูอยู่นอกห้องกับเพื่อนๆ เห็นปัญชลีดำเนินรายการอยู่คนเดียว ส่วนดาวเงอะงะ เก้เดินเข้ามายืนดูทีวีอยู่ห่างๆ
“โอ๊ย ตายยายดาวเอ๊ย โดนรับน้องซะหนักตั้งแต่วันแรก”
เก้ขยับเข้ามาดูทีวีอยู่ด้านหลังตุ่นมองดูภาพปัญชลีจัดรายการแบบทิ้งดาวนั่งบื้อใบ้ ก็รู้ว่าปัญชลีจงใจแกล้งดาว
ที่ห้องส่ง เวลาผ่านไป ปัญชลีอ่านข่าวสุดท้ายจบ และกล่าวปิดรายการ
“พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
ปัญชลีกับดาวไหว้ผู้ชม ไตเติ้ลปิดรายการขึ้นหน้าจอ
พอจบรายการปัญชลีดึงไมค์ออก หน้าตากลับมาบูดบึ้งเหมือนเดิม หันมาเฉ่งดาวต่อ
ตุ่นกับเก้ตามเข้ามา เห็นปัญชลีกำลังวีนดาวก็พากันชะงัก
“เธอต้องทำงานให้หนักกว่านี้ ถ้าจะมานั่งข้างฉัน”
ดาวอึกอัก “ดาว...”
“ที่นี่ไม่ได้จัดงานวันเด็ก ให้เด็กมือสมัครเล่นที่ไหนมาลองนั่งอ่านข่าวเล่นๆ มันเป็นเก้าอี้สำหรับคนที่เป็นมืออาชีพ”
ดาวจ๋อยสนิท “ดาวพยายามแล้วนะคะ แต่...”
“ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น จัดรายการสดเธอต้องคล่องแคล่ว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ถ้าจะมาเป็นท่อนไม้ประดับฉาก ที่นี่ไม่ต้องการ ลองไปติดต่อฝ่ายละครดูสิ เผื่อจะมีงานพร็อบประกอบฉากว่างให้เธอไปนั่งซื่อบื้อ”
พูดจบปัญชลีก็ลุกออกไป เก้อึ้งๆ มองดาวอดสงสารไม่ได้ แล้วรีบตามปัญชลีออกไป
ดาวนั่งนิ่ง เก็บคำพูดเสียงแทงของปัญชลีไว้ในอก กดดันสุดๆ อยากร้องไห้
“ดาว”
ตุ่นสงสารจะเข้าไปจับแขนปลอบ แต่ดาวเก็บข้าวของ ลุกพรวดแล้วเดินแกมวิ่งออกไป
ดาววิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เอามือปิดปากกลั้นก้อนสะอื้น หล่อนพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่ง ล็อคประตู แล้วทรุดลง ปล่อยโฮออกมา ไม่อยากให้คนความอ่อนแอ
ดาวนั่งกอดเข่าร้องไห้ เจ็บใจที่ตัวเองทำได้ไม่ดี แถมยังถูกปัญชลีด่าว่าและดูถูกอย่างรุนแรง
“ที่นี่ไม่ได้จัดงานวันเด็ก ให้เด็กมือสมัครเล่นที่ไหนมาลองนั่งอ่านข่าวเล่นๆ มันเป็นเก้าอี้สำหรับคนที่เป็นมืออาชีพ...ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น จัดรายการสดเธอต้องคล่องแคล่ว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ถ้าจะมาเป็นท่อนไม้ประดับฉาก ที่นี่ไม่ต้องการ ลองไปติดต่อฝ่ายละครดูสิ เผื่อจะมีพร็อบประกอบว่างให้เธอไปนั่งซื่อบื้อ”
ดาวปล่อยน้ำตาไหลรินเป็นทาง แต่สายตาแข็งกร้าวเหมือนเสือบาดเจ็บ
“ชั้นจะต้องชนะเธอปัญชลี ชั้นต้องชนะเธอให้ได้”
เก้ตามปัญชลีเข้ามาในห้อง สีหน้าเป็นกังวล และไม่สบายใจ
“ไม่แรงไปเหรอครับพี่ลี”
“พี่พยายามบอกแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่มีประสบการณ์ แต่คุณแม่กับภาไม่เชื่อ ก็ต้องให้เห็นเอง”
วิไลลักษณ์กับภาสุรีเปิดประตูเข้ามาพอดี
“แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องรังแกเด็กออกสื่อ”
“ลีไม่ได้รังแกใคร ลีแค่ทำให้คุณแม่ยอมรับความจริงว่า ไม่มีใครทำหน้าที่พิธีกรได้เท่ากับลี”
“พวกเรายอมรับความจริงได้เสมอ เพราะดาวเป็นเด็กใหม่ ต้องให้เวลาในการพัฒนา” ภาสุรีว่า
“ถ้าเธอคิดว่าฉันเปลี่ยนเอาดาวออกไปจากรายการล่ะก็ เธอคิดผิด ดาวต้องเป็นพิธีกรร่วมรายการนี้ต่อไป และเธอต้องทำให้มันเวิร์ก! ไม่งั้นเธอเองจะกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กในสายตาคนดู”
วิไลลักษณ์พูดอย่างเป็นต่อ สร้างความกดดันให้ปัญชลีสุดๆ
เก้ออกมาจากห้องปัญชลี เห็นตุ่นกำลังเม้าท์อยู่กับช่างแต่งหน้าอย่างเมามัน
“สงสารดาวนะเจ๊ ตอนนี้คงเสียเซลฟ์ จะถอดใจหรือเปล่าไม่รู้”
“ไม่ด๊าย... ถอดใจไม่ได้ ชั้นกะจะปั้นยายดาวขึ้นมารบกับนังจิ้งจอกแทนคุณศิ ยายดาวนี่แหละที่จะล้มบัลลังก์นังจิ้งจอกมหาภัย”
เก้ทนไม่ไหว เดินเข้าไปต่อว่า “ขอโทษนะครับ คุณพูดถึงใครว่าเป็นจิ้งจอกไม่ทราบ”
ตุ่นชะงัก หันมาเห็นเก้ แต่ไม่แคร์
“ไม่รู้สิ ใครอยากได้ก็รับไป”
“ถ้าคุณพูดถึงพี่ลี ผมคิดว่าพวกคุณควรจะให้เกียรติเจ้านายตัวเองมากกว่านี้” เก้บอกเสียงสุภาพ
อีตุ่นหน้าตึง “ขอโทษนะ เจ้านายโดยตรงของชั้นตอนนี้คือคุณภาสุรี ไม่ใช่นัง...พี่ลีของคุณ เพราะเขาไล่ชั้นออกจากการเป็นสไตลิสต์ส่วนตัวไปแล้ว”
“แต่ถึงยังไงคุณก็ไม่ควรเรียกคนอื่นลับหลังเสียๆ หายๆ”
“นี่ เป็นสไตลิสต์หรือว่าเป็นครูวิชามารยาทยะ ถึงได้มาเที่ยวสั่งสอนคนอื่น เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่านะ” ตุ่นกรีดนิ้วตีปากเก้เบาๆ อย่างกวนตีน “อย่าให้ต้องมาแตกรับงานใหม่”
ตุ่นแกล้งเบียดเก้จนเซ แล้วเดินเชิดจากไปพร้อมช่างแต่งหน้า
เก้ได้แต่อึ้งกับความกร่างและไร้มารยาทของตุ่น
ทางด้านดาวขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำจนหายเศร้า หล่อนสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติกลับไปสู้ใหม่ แต่พอจะเปิดประตูออกมา ได้ยินเสียงคนเดินมา จึงยังไม่กล้าออกไป
เป็นจอยที่เข้ามาในห้องน้ำ พร้อมแม่บ้านที่ถือแก้วกาแฟที่เข้าฉากรายการเข้ามา
“ตายแล้วๆ เธอชงกาแฟอย่างนี้ไม่ได้ เอาไปเททิ้งเลย ดีนะที่คุณปัญชลียังไม่ได้กิน”
“หนูเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้นี่คะว่าคุณปัญชลีเธอไม่ทานครีมเทียม”
“คุณปัญชลีทานครีมเทียมแล้วแพ้ ไอไม่หยุด นิดเดียวก็ทานไม่ได้ จำไว้เลยนะ ถ้าชงกาแฟให้คุณปัญชลี ให้ใส่นมสด”
“ค่ะๆๆ”
แม่บ้านรีบเทกาแฟในแก้วทิ้ง
ดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินทุกอย่าง แต่เหมือนฟังผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไรนัก นางแค่ไม่อยากออกไปให้ใครเห็นสภาพตอนนี้
ดาวหลบหน้าผู้คนเดินลงมาชั้นล่าง อยากหาที่สงบสติอารมณ์ซักพัก แต่พอจะออกจากบริษัทก็เห็นรถภาสกรขับแล่นเข้ามาจากข้างนอก
“คุณภาสกร”
ดาวนิ่งคิดว่าควรทำอะไรซักอย่าง
ภาสกรขับรถเข้ามา เตรียมจะเข้าไปจอดยังที่จอดรถผู้บริหาร แต่จู่ๆ ก็เห็นดาวเดินเหม่อๆ ซึมๆ ตัดหน้ารถ ภาสกรตกใจเหยียบเบรกเสียงดังสนั่น
ดาวหันมาทำท่าตกใจ แล้วแกล้งล้มลง
ภาสกรตกใจรีบลงจากรถมาดู “คุณดาว เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ดาวล้มอยู่ที่พื้น เอามือปัดตัว แล้วลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณเดินเหม่อไม่ดูทาง”
“ดาวขอโทษค่ะ ใจลอยไปหน่อย” ดาวตีหน้าเศร้า น้ำตาปริ่มๆ เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ภาสกรสังเกตเห็น “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ดาวทำสีหน้าอึดอัด แล้วจู่ๆ ก็ปล่อยโฮออกมา
“วันนี้ดาวทำหน้าที่ได้ไม่ดีค่ะ ดาวกำลังคิดว่าจะพิจารณาตัวเอง”
ดาวทำเป็นร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น จนภาสกรตะลึงตะไล และอดสงสารไม่ได้
ถัดมา สองคนอยู่ห้องรับแขกส่วนตัว ในห้องทำงานภาสกร
ดาวเรียกคะแนนสงสาร นั่งเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาอยู่ข้างๆ ภาสกร
“คุณดาวอย่าเพิ่งคิดมากเลย เทปแรกก็ต้องมีขลุกขลักเป็นธรรมดา เท่าที่ผมดูก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เพียงแต่คุณต้องจับจังหวะการดำเนินรายการให้ได้”
“แต่ดาวควรจะเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ค่ะ” ดาวทำเป็นทุกข์เหลือแสน แต่แท้จริงต้องการฟ้องเนียนๆ “คุณปัญชลีพูดถูกว่าดาวทำตัวเป็นของประดับฉาก ไม่มีประโยชน์อะไรกับรายการ”
ดาวสะอื้นอีก ภาสกรอึ้งไปเหมือนกันเมื่อรู้ว่าปัญชลีพูดแรง
“ดาวไม่อยากเป็นตัวถ่วงค่ะ” นางสำทับหน้าเศร้า
“คุณเป็นคนเดินเข้ามาบอกผมเองว่าทำงานนี้ แน่ใจเหรอครับว่าจะถอดใจ”
ดาวอึ้งไป กลัวภาสกรคิดว่าจะถอดใจจริง
“ถ้าคุณตัดสินใจแล้วผมก็คงไม่บังคับ แต่ก็ได้แค่เสียดายที่คุณพ่อ คุณแม่ ภา ทุกคนเชื่อมั่นในตัวคุณ แม้แต่ผมเอง”
ดาวรีบชิงถาม “คุณภาสเชื่อมั่นในตัวดาวเหรอคะ”
“ใช่ เพราะผมรู้ว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าคนๆ นั้นมีใจพร้อมที่จะทำอะไรซักอย่าง ในที่สุดเขาจะทำมันได้ดี”
ดาวอึ้งมองจ้องหน้าภาสกร รู้สึกดีที่เขาเชื่อมั่น แถมยังพูดให้กำลังใจ เลยยิ่งปลื้มไปใหญ่
“งั้น ดาวจะสู้ต่อค่ะ”
ภาสกรยิ้มให้กำลังใจดาว
ปัญชลีกับเก้เดินออกมานอกอาคารสถานีแล้ว จะไปข้างนอกกัน
“เลิกเครียดได้แล้วครับพี่ลี ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีกว่า”
ปัญชลีพยักหน้า แล้วเดินต่อไป ผ่านที่จอดรถผู้บริหาร เห็นรถภาสกรจอดอยู่
“รถภาส ภาสมาแล้วเหรอ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปหาพี่”
“อาจจะรีบเข้าประชุมมั้งครับ”
“ประชุมหรือว่าหลบหน้า” ปัญชลีกดโทรศัพท์หาภาสกรทันที
ภาสกรยังนั่งอยู่กับดาว เสียงมือถือดัง เขาหยิบมาดู
“ลีโทร.มาตามผม”
“งั้นดาวขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณปัญชลีจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่”
“แต่ผมไม่มีอะไรต้องปิดบังนะ”
ดาวประดิษฐ์ท่าทำหน้าตาน่าสงสาร “คุณปัญชลีไม่พอใจดาวอยู่ ถ้ามาเห็นดาวคุยกับคุณภาสตอนนี้คงจะยิ่งคิดไม่ดีกับดาวแน่ค่ะ”
ปัญชลีเดินกลับเข้ามาที่โถง รอภาสกรรับสาย
“พี่ภาสจะหลบหน้าพี่ลีทำไม”
“ก็เขาไม่กล้าบอกพี่เรื่องที่จะให้เด็กดาวมาเป็นพิธีกรคนใหม่น่ะสิ”
ปัญชลีหงุดหงิดที่ภาสกรยังไม่รับสายสักที จึงดิ่งไปถามพนักงานต้อนรับตรงฟร้อนท์
“คุณภาสกรมานานหรือยัง”
“ซักพักแล้วค่ะ ท่านเดินไปทางห้องรับรองด้านโน้น”
ปัญชลีเดินหน้าตึงไปทันที เก้รีบตามไป
ปัญชลีเดินมาหยุดที่ห้องรับรองบริเวณหน้าห้องทำงาน ภาสกรเปิดประตูออกมาพอดี
“อ้าว ลี”
“ทำไม่รับสายลีคะ มีแขกเหรอ”
“เอ่อ...จ้ะ”
“ใครคะ”
ปัญชลีทำท่าจะชะโงกมอง
ภาสกรกลับโกหกว่า “กลับไปแล้วจ้ะ ลีมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า ไปคุยกันบนห้องไหม”
“ลีอยากได้คำอธิบายว่า ทำไมภาสถึงไม่บอกให้ลีรู้ตัวว่ารายการกระแสข่าวเช้านี้จะมีพิธีกรใหม่”
“ผมก็เพิ่งรู้เมื่อเช้าเพราะภาโทร.มาบอก แต่คุณก็ออกไปแล้ว”
ปัญชลีเริ่มพาล “คุณก็โทร.ไปหาลีได้ หรือไม่ก็ไลน์มา ทำอะไรก็ได้ให้ลีรู้ล่วงหน้า ไม่ใช่เซอร์ไพรส์กันแบบนี้ ลีไม่ชอบ”
ตอนท้ายปัญชลีเริ่มเสียงดังขึ้นเพราะผิดหวังอย่างหนัก
“พี่ลีครับ อย่าพูดกันตรงนี้เลยนะครับ เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยิน” เก้ยิ้มให้ภาสกร “ผมกับพี่ลีจะออกไปทานข้าวเช้ากัน เชิญพี่ภาสด้วยนะครับ”
“ไม่ละ พี่มีงานต้องเคลียร์ ลีไปกินข้าวให้สบายใจ แล้วกลับมาจะมาเล่นงานผมต่อก็เชิญ ผมจะรออยู่บนห้อง”
ภาสกรยิ้มใจเย็นให้ปัญชลี ไม่เคยถือโกรธ แล้วเดินออกไป
ปัญชลีมองตามภาสกรไม่พอใจ แต่เก้ลากออกไปในที่สุด
ภายในห้องรับแขก ดาวยืนแอบฟังการทะเลาะกัน ด้วยสีหน้าสาสมใจ
ดาวไม่มีอะไรที่ผู้ชายเบื่อเท่าผู้หญิงสติแตก ชั้นจะทำให้เธอสติแตกมากขึ้น คอยดูเถอะปัญชลี
ที่ร้านกาแฟ ในห้าง แพรพรรณนั่งพิมพ์สคริปต์ข่าวอยู่โต๊ะเดียวกับภานุที่ต่อสายอัพโหลดวิดีจากกล้องลงคอมเพื่อส่งไปที่สถานี
“เมื่อเช้าคุณดูรายการกระแสข่าวเช้านี้หรือเปล่า ที่ดาวเป็นพิธีกร”
“นี่นายไม่ได้ทำงานเหรอ ที่สถานีรอคลิปสัมภาษณ์อยู่นะ”
“กำลังรอโหลดอยู่” ภานุหันจอโน้ตบุ๊คให้ดู “คุณได้ดูยัง ดาวสู้คุณปัญชลีไม่ได้เลย”
แพรพรรณมองแว่บเดียว ไม่สนใจ “ก็ไม่แปลก แล้วถ้าให้ชั้นเดา ตอนนี้คงโดนพวกในเน็ตด่าตรึม”
ภานุเปิดอ่านเว็บบอร์ด ทำหน้าสยอง
“คุณเดาถูก โดนด่าเละเลยอ่ะ น่าสงสาร”
“ชั้นไม่สงสารหรอก คนที่ทะเยอทะยาน คิดถึงแต่การเหยียบหัวคนอื่นขึ้นที่สูง ควรจะได้บทเรียน”
“ดาวทำอะไรเหรอ”
แพรพรรณชะงัก รู้สึกตัวว่าพูดมากเกินไป
“ซักวันนายจะรู้เอง”
ภานุเซ็ง “อีกละ ความลับเยอะจริ๊ง”
แพรพรรณตัดบท “ฉันส่งงานให้พี่ท็อปแล้ว นายล่ะโหลดคลิปสัมภาษณ์เสร็จหรือยัง”
ภานุรีบเปิดดูงานของตัวเองที่กำลังโหลดอยู่ ไม่มีเวลาซักแพรพรรณต่อ
แพรพรรณนำภานุออกมาจากร้านกาแฟ แล้วชะงักเมื่อมองไปเห็นดาวเดินตรงมา
แพรพรรณพึมพำอย่างเซ็งๆ “เจอจนได้ ซวยชะมัด”
ดาวเดินเข้ามาหาแพรพรรณกับภานุ ส่งยิ้มให้
ภานุทักตามมารยาท “หวัดดีครับดาว”
“มาเดตกันเหรอ เอ๊ะ แต่นี่มันเวลางานของพวกเธอนี่นา หรือคิดว่าตัวเองซี้กับคุณปัญชลีแล้ว จะโดดงานมาเดินห้างกันก็ไม่เป็นไร”
“ชั้นกับภานุมาทำข่าว แล้วเธอล่ะ เวลานี้ก็ยังไม่เลิกงานเหมือนกันนี่”
ดาวหัวเราะเยาะ “รายการจบไปตั้งแต่ตอนสาย ชั้นก็หมดหน้าที่ อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นพิธีกร ไม่ใช่ทีมงานที่ต้องวิ่งหาข้อมูลหัวฟูเหมือนเมื่อก่อน ชั้นนัดช่างทำผมไว้จ้ะ จะมาลองเปลี่ยนทรงสำหรับรายการพรุ่งนี้”
“แทนที่จะคิดว่าต้องทำผมทรงอะไร กลับเตรียมตัวให้พร้อมกว่าเมื่อเช้าไม่ดีกว่าเหรอดาว”
ดาวชะงักหน้าเสียไปนิดหนึ่ง แพรพรรณยิ้มสะใจ
“ได้ข่าวกระแสด่าเต็มเว็บบอร์ดไม่ใช่เหรอ”
ภานุกระตุกแขนปราม “คุณแพร”
แพรพรรณแกล้ง “ก็นายเป็นคนเอาให้ชั้นดูเอง”
ภานุยิ้มเจื่อน ดาวมองทั้งสองอย่างเจ็บใจ ถูกจี้ใจดำ แล้วทำเป็นฉีกยิ้ม
“จริงเหรอ คุณภาสไม่เห็นจะพูดอย่างนั้น เขาออกจะพอใจ ยังชื่นชมชั้นด้วยซ้ำ” คำต่อมาน้ำเสียงเธอเข้มขึ้น “พวกเธอเอาเวลายุ่งเรื่องคนอื่นไปตั้งใจทำงานตัวเองให้ดีๆ ดีกว่า จะได้มีอนาคต ไม่ต้องเป็นลูกน้องเขาไปตลอดชีวิต”
จากนั้นดาวก็เดินเชิดจากไป
“เป็นไงล่ะคุณ อยู่ดีไม่ว่าดี ผมเลยเงิบไปด้วย”
แพรพรรณเจ็บใจ อีกใจก็ยิ่งระแวงแทนศรัณ เพราะเหมือนดาวกับภาสกรจะสนิทกันมากขึ้น
เวลานี้ ศินีนาฏ กับตุ่น พาดาวมาแปลงโฉมที่ร้านช่างผมชื่อดังในห้าง ดาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำผม มีศินีนาฏกับตุ่นยืนคุม คุยกับช่างผม
“จัดทรงๆ สวยๆ เริดๆ ให้เด็กชั้นทีนะกอล์ฟ เอาแบบเปลี่ยนลุคไปเลย”
“ได้ค่า งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาแคตตาล็อกผมมาให้เลือกนะ”
ช่างผมบอกดาวแล้วออกไป
“ไม่ต้องห่วงนะดาว เราเอาชนะที่ความสามารถไม่ได้ ก็เอาความสวยของเรานี่แหละสู้ ยังไงเธอก็สวยใสหน้ามองกว่าป้าเหี่ยวๆ แร้งทึ้ง”
ศินีนาฏกับตุ่นหัวเราะระรื่นกัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ๊จะชุดมาให้ดาวเลือกซักสิบชุด ขอไปสืบก่อนว่านังตุ๊ดผู้ดีมันเตรียมชุดอะไรไว้นังจิ้งจอก แล้วเราค่อยแต่งตัวฆ่ามัน”
ดาวแอ๊บซื่อใส “ดาวแค่อยากจะทำงานให้ดีที่สุด ไม่ได้อยากจะชิงดีชิงเด่นกับใครหรอกค่ะ ขอให้คนดูยอมรับดาวที่ความสามารถ ดาวก็พอใจแล้ว”
“แต่ยังไงเราก็ต้องลับเขี้ยวเล็บไว้บ้าง ที่เธอโดนวันนี้ยังไม่เจ็บแสบหรือไง”
“เวทีนี้ความสามารถอย่างเดียวไม่พอ เราต้องมีทีเด็ดของเราด้วย” ตุ่นว่า
“ชั้นฝากความหวังไว้กับเธอนะดาว เอาคืนให้ชั้นด้วย ชั้นว่ามันนี่แหละที่เป็นคนแฉชั้นจนเกือบตกงาน”
ศินีนาฏพูดอย่างแค้นใจ ดาวทำตาใสหน้าซื่อ แต่ในหัวคิดเหมือนกันว่าจะไม่ยอมแพ้ปัญชลีเด็ดขาด
ภานุขึ้นรถ ส่งหมวกกันน็อคให้แพรพรรณ ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ดาวกับคุณภาสกรพูดเหมือนสนิทสนมกันมาก หรือว่าเขาจะมีอะไรกันจริงๆ”
ภานุลืมตัวโต้ลั่น “เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้”
“ดาวเรียกคุณภาสกรว่าคุณภาสเฉยๆ แถมยังบอกว่าคุณภาสกรชื่นชมดาว ปกติแล้วระดับคุณภาสกรจะลงมาสื่อสารกับดาวทำไมถ้าไม่สนิทกัน”
“ไม่มีทางหรอก พี่ภาส...” ภานุนึกได้ รีบเปลี่ยน “คุณภาสกรรักคุณปัญชลีจะตาย”
“นายรู้ได้ไง”
ภานุอึ้ง รีบแก้ตัว
“ใครๆ ก็ดูออก หรือว่าคุณดูไม่ออก”
“ชั้นรู้แต่ว่าคุณปัญชลีรักคุณภาสกรมาก แล้วก็ไม่มีทางทันคนอย่างดาวแน่ ชั้นจะต้องสืบให้ได้ว่าเขาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”
“คุณจะไปยุ่งอะไรกับเขาอีก แค่นี้ดาวก็ไม่ชอบหน้าคุณจะแย่”
แพรพรรณนึกถึงศรัณ สีหน้าสลดลง
“ชั้นสงสารคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อของดาว”
ขณะที่ดาวเปิดประตูตูคอนโดเข้ามา แล้วชะงักเห็นรองเท้าผู้ชายวางอยู่ รู้ว่าศรัณกลับมากรุงเทพฯ
ดาวหงุดหงิดบ่นงึมงำ “กลับมาอีกแล้ว จะให้ชั้นอยู่คนเดียวบ้างไม่ได้หรือไง
“ดาว” เสียงศรัณนำมาก่อนตัว ก่อนที่ศรัณจะเดินออกมาหา
“เป็นไงจ๊ะ เหนื่อยไหม พี่นึกว่าดาวจะเสร็จงานตั้งแต่สายๆ ก็เลยรีบขับรถมารอที่คอนโด”
ดาวหงุดหงิดมากขึ้นพูดอย่างเสียไม่ได้ “พี่ศรัณมากรุงเทพฯ ทำไมคะ ขับรถไปๆ มาๆ เหนื่อยแย่”
“ไม่เหนื่อยหรอก พี่อยากมาให้กำลังใจดาว โทร.หาเท่าไรดาวก็ไม่รับนี่นา”
“ดาวยุ่ง”
ดาวถอดรองเท้าแล้วเดินเลี่ยงหนีไป ที่ห้องรับแขก ศรัณตามเก็บรองเท้าใส่ตู้ แล้วเดินตามไปรินน้ำมาให้ยอดดวงใจ
“เมื่อเช้าพี่กับแม่ดูดาวในทีวีอยู่นะ เห็นดาวดูเกร็งๆ แถมปัญชลีก็แย่งพูดหมด ดาวโดนแกล้งหรือเปล่า”
ดาวชะงักนิ่งงันไป ไม่นึกว่าคนนอกก็ดูออก
“พี่ศรัณก็คิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“น้าสมพรก็ดูออก ก็เลยไม่สบายใจ กลัวดาวจะท้อใจ เลยให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อน” เขาจูงมือดาวไปนั่งที่โซฟาพูดปลอบ “อย่าเครียดนะดาว ถึงใครจะว่ายังไง แต่ดาวก็เก่งที่สุดสำหรับพี่”
ดาวไม่ได้ใส่ใจคำปลอบของศรัณ ใจมัวคิดไปว่าภาพตัวเองที่ออกไปเมื่อเช้าคงดูแย่มาก
“ดาวไม่ท้อหรอกค่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องสู้จนกว่าจะชนะ”
“ดีมากจ้ะ ที่รักของพี่”
ศรัณดึงตัวดาวเข้ามากอด แต่ดาวผละออกแบบไม่มีอารมณ์
“พี่ศรัณอย่าเพิ่งกวนดาวนะคะ ขอดาวเตรียมงานสำหรับพรุ่งนี้ก่อน”
ดาวลุกเข้าห้องไป ศรัณเหวอ แต่ก็ตะโกนไล่หลัง
“งั้นเดี๋ยวพี่ทำอะไรง่ายๆ ให้ดาวกินนะ”
ดาวไม่สนใจ เข้าห้องปิดประตู
ภานุจอดบิ๊กไบค์ในที่จอดหน้าบ้าน เดินเข้ามาในโถง ได้ยินเสียวิไลลักษณ์แว่วมา เลยเดินเข้าไปในห้องรับแขก
“เราต้องหาทางโปรโมทเด็กดาว คนจะได้รู้จักมากขึ้น ภาติดต่อเพื่อนที่เป็นบก.หนังสือซักคนให้มาสัมภาษณ์ดาว เอาหนังสือแนวผู้หญิงทำงานนะ แม่ขอแบบมีสาระก่อน จะได้ดูหน้าเชื่อถือ”
“ค่ะคุณแม่”
“ต้องดันกันขนาดนั้นเลยเหรอคุณ” โอภาสท้วง
“ก็ต้องใช้ทุกวิธีแหละค่ะ คงหวังพึ่งปัญชลีให้ช่วยส่งเสริมพิธีกรร่วมไม่ได้แน่”
“ต้องปรึกษาพี่ภาสก่อนไหมคะคุณแม่” ภาสุรีถาม
“ไม่ต้องหรอก ภาสเขาเลือกเด็กคนนี้มาเองกับมือ เขาเห็นด้วยอยู่แล้วล่ะ” พลางหันไปเห็นภานุ “อ้าว นุ กลับมาแล้วเหรอลูก ทานอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ” ภานุมองทุกคน “ตกลงพี่ภาสเป็นคนเสนอดาวขึ้นมาเป็นพิธีกรเองเหรอครับ”
“ใช่ พี่ภาสเห็นว่าดาวมีผลงานด้านนี้เยอะสมัยเรียน ทั้งรางวัล เกียรติบัตร” ภาสุรีตอบโดยไม่คิดอะไร
ภานุทำหน้าแปลกใจ ที่ภาสกรรู้เรื่องพวกนี้ของดาวได้ไง
โอกาสแปลกใจ “นุทำหน้าแปลกๆ ทำไมเหรอลูก”
ภานุรีบปฏิเสธ “อ๋อ เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจว่าทำไมกะทันหันจัง คุยกันต่อแล้วกันนะครับ ผมไม่ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่ดีกว่า”
ภานุยิ้มให้ทุกคนแล้วเลี่ยงขึ้นห้องไป
ภานุเข้าห้องนอนมา วางกระเป๋าลง ทำหน้าครุ่นคิด เขานึกถึงคำพูดของแพรพรรณ
“ดาวกับคุณภาสกรพูดเหมือนสนิทสนมกันมาก หรือว่าเขาจะมีอะไรกันจริงๆ…ดาวเรียกคุณภาสกรว่าคุณภาสเฉยๆ แถมยังบอกว่าคุณภาสกรชื่นชมดาว ปกติแล้วระดับคุณภาสกรจะลงมาสื่อสารกับดาวทำไมถ้าไม่สนิทกัน”
ภานุนึกถึงคำพูดของภาสุรีเมื่อกี้
“ใช่ พี่ภาสเห็นว่าดาวมีผลงานด้านนี้เยอะสมัยเรียน ทั้งรางวัล เกียรติบัตร”
ภานุคิดตาม สีหน้าฉงนฉงาน
“หรือว่าที่ยายแพรจอมยุ่งสงสัยจะมีเค้า” ชายหนุ่มนิ่งคิด “พี่ภาสจะกล้าทำแบบนั้นเหรอวะ”
ด้านดาวเปิดคอมนั่งเช็คกระแสตัวเองในเน็ต เข้าเว็บ THAI TALK เซิร์ชรายการกระแสข่าวเช้า
กระทู้ห้องทีวีขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเชิงตำหนิดาวทั้งสิ้น
“ขอวิจารณ์พิธีกรใหม่รายการกระแสข่าวเช้า” / “ดารินกานต์ พิธีกรใหม่ ฝีมือยังไม่เข้าเป้า” / “THAI KK ควรหาคนที่เก่งกว่านี้มานั่งคู่ปัญชลี” และอีกสารพันคำตำหนิล้วนเป็นแง่ลบ
ดาวอ่านไล่มาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเจ็บใจ เปิดดูคลิปในกระทู้ เห็นตัวเองกับปัญชลีในคลิป ภาพออกมาชัดเจนว่าตามปัญชลีไม่ทันเอาเสียเลย
“ชั้นจะไม่ยอมแพ้เธอ ปัญชลี”
ดาวไล่อ่านในเน็ตไปจนเห็นภาพปัญชลีในไอจี จากจอคอมพ์
ปัญชลีถ่ายรูป ลิสต์ข่าวต่างๆ บนโต๊ะ มีปากกาไฮไลท์ขีด และ โน้ตไว้ แล้วเขียนภาพประกอบ
“เตรียมงานสำหรับวันพรุ่งนี้ พบกันในรายการกระแสข่าวเช้าเช่นเคยค่ะ”
ดาวมีสีหน้าเจ็บใจ แล้วพิมพ์คอมเมนต์ลงไปด้วยนามแฝง
ปัญชลีนั่งอ่านข่าวอยู่บนโต๊ะ ขีดโน้ตใจความสำคัญไว้ให้เพื่อเตือนความจำตัวเอง
ไอแพดกะพริบวาบๆ มีคนคอมเมนต์ในไอจี ปัญชลีเปิดดูใต้ภาพ มีคอมเมนต์อื่นๆ ประปราย แต่คอมเมนต์ล่างสุดมาจากยูสเซอร์ darkside2014 ความว่า
“หวังว่าพรุ่งนี้คงไม่เกิดเหตุการณ์รังแกเด็กอีกนะคะ”
ปัญชลีชะงัก ติดใจ เลยพิมพ์ตอบกลับไป
“คุณหมายถึงใคร”
Darkside2014ตอบมาว่า “ก็ใครล่ะที่แย่งซีนเด็ก เขาดูออกกันทั้งนั้น น่าสมเพช”
ปัญชลีไม่พอใจ เข้าไปคลิกดูโปรไฟล์ของ Darkside2014 แต่พบว่าเป็นไอจี เปล่าๆ เหมือนเพิ่งตั้ง ไม่มีรูป ไม่มีคน follow
ดาว เป็นคนพิมพ์ และกำลังรออ่านปัญชลีตอบอยู่
“เถียงไม่ออกล่ะสิ”
ปัญชลีชั่งใจ อยากจะโต้ตอบคนที่มาด่า ภาสกรเดินเข้ามาชะโงกหน้ามองพอดี
“ยังไม่นอนเหรอจ๊ะลี ดึกแล้วนะ”
ปัญชลีชะงัก เปลี่ยนใจ มองดูคอมเมนต์ด่าของ darkside2014
“กำลังจะไปค่ะ”
ภาสกรเดินกลับเข้าห้องนอนไป
“พวกไร้สาระ”
ปัญชลีลบคอมเมนต์ด่าทิ้ง แล้วบล็อกไม่ให้อีกฝ่ายโพสต์อีก
ดาวกำลังจะพิมพ์ถากถางปัญชลีต่อ แต่พิมพ์ไม่ได้แล้ว หน้าจอแจ้งว่าโดนบล็อก
ดาวเจ็บใจ “บล็อกชั้นเหรอนังจิ้งจอก”
ดาวมาถึงสถานีตอนเช้ามืด ไหว้ทักทายทุกคนด้วยความอ่อนน้อมมาตลอดทาง
“หายตื่นเต้นหรือยังดาว” ท็อปถาม
“ยังตื่นๆ อยู่นิดหน่อยค่ะพี่ท็อป แต่วันนี้ดาวจะทำให้ดีกว่าเมื่อวานค่ะ”
“พวกเราเอาใจช่วยนะ” จอยบอก
“ขอบคุณค่ะ”
ตุ่นออกมาจากห้องแต่งตัว รีบแถมาหาดาว
“มาแล้วเหรอดาว มาๆ มาดูชุดกับเจ๊”
ตุ่นลากดาวออกไป
ตุ่นพาดาวเข้าห้องแต่งตัว เห็นปัญชลีนั่งให้ช่างผมทำผมอยู่ มีเก้คอยดูความเรียบร้อย
“สวัสดีค่ะพี่ลี” ดาวทัก
ปัญชลีทำไม่สนใจ เหมือนไม่เห็นดาว จนดาวจ๋อย ตุ่นมองค้อน แล้วลากดาวไปดูชุด
“เลือกเลยค่ะหนู ดูซิว่าถูกใจชุดไหน แต่เจ๊ว่าตอนเช้าแบบนี้ แต่งตัวมีสีสันหน่อยก็ได้ คนดูตื่นตาตื่นใจ ถ้าแต่งจืดๆ ชืดๆ” ตุ่นยื่นหน้าไปทางปัญชลี “จะพาคนดูง่วงซะเปล่าๆ”
เก้หันมามองตุ่น รู้ว่าโดนเหน็บ
ตุ่นเชิดหน้าไม่แคร์ พูดกับดาว “เลือกซิจ๊ะ”
ดาวมองดูชุดในราวแขวน ตัดสินใจเลือกชุดหนึ่ง ระหว่างนี้แอนเอาสคริปต์รายการเข้ามาวางให้ปัญชลี และวางไว้ให้ดาวอีกชุด
“สคริปต์รายการค่ะคุณปัญชลี ช่วงสุดท้ายวันนี้จะมีสัมภาษณ์พิเศษนักเทนนิสไทยที่ได้เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ด้วยนะคะ”
“ตกลงได้คิวเหรอ”
“ค่ะ ล็อกตัวมาแล้วเรียบร้อย ออกกับเราเป็นรายการแรกค่ะ” แอนบอก
“ดีมาก”
“แอนทำสคริปต์สัมภาษณ์เป็นสองชุดนะคะ เผื่อดาวด้วย”
แอนมองไปทางดาว ยิ้มให้กำลังใจ ปัญชลีเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
“ไม่ต้อง ชั้นสัมภาษณ์คนเดียวพอ แค่อ่านข่าวยังจะไม่รอด ขืนสัมภาษณ์สดด้วยก็พังก็พอดี”
แอนพลอยเงิบไปด้วย ได้แต่พยักหน้าแล้วออกไป
ดาวจ๋อย มองไปทางปัญชลี แต่ปัญชลีเชิดหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ตุ่นมองค้อน แล้วซุบซิบปลอบดาว
ดาวหลบมาสงบสติอารมณ์ในห้องชงกาแฟแผนก เจ็บใจที่โดนปัญชลีกันท่า
“ไม่ยอมหยุดใช่ไหมปัญชลี”
ดาวคุมแค้น แม่บ้านเดินเข้ามาเห็นดาว ก็ชะงัก
“คุณดาวจะทานกาแฟเหรอคะ เดี๋ยวหนูชงให้ค่ะ”
แม่บ้านกุลีกุจอเข้าไปหยิบแก้ว 2 ใบมาวาง เป็นแก้วสีขาวล้วนเหมือนกันทั้งคู่ เตรียมชงกาแฟให้ดาวมองตามแล้วฉุกใจคิดอะไรบางอย่าง ทำทีเป็นเดินตามเข้าไปใกล้ๆ
“ของดาวขอน้ำตาลช้อนเดียวนะคะ กลัวอ้วน”
“ค่ะ”
ดาวยืนมองแม่บ้านชงกาแฟ 2 แก้ว เห็นว่าอีกแก้วของปัญชลีไม่ได้ใส่ครีมเทียม
“แก้วนี้ของคุณดาวนะคะ อีกแก้วของคุณปัญชลี”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาวรับแก้วกาแฟตัวเองมาจิบ พอเห็นแม่บ้านเผลอก็แกล้งทำเป็นร้อนหลุดมือแตก เพล้ง !
“ว้าย”
แม่บ้านตกใจ “ตายแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ดาวแกล้งตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะที่ดาวซุ่มซ่าม”
ดาวทำเป็นก้มลงเก็บ แม่บ้านห้าม
“ระวังบาดมือนะคะคุณดาว เดี๋ยวหนูมากวาดเองค่ะ”
แม่บ้านรีบออกไปเอาไม้กวาด ดาวมองตาม พอเห็นว่าแม่บ้านพ้นตัวไปแล้วก็ลุกขึ้นยืน หันซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใคร จึงขยับไปที่โต๊ะชงกาแฟ ดูคนอีกรอบ แล้วหยิบกระปุกครีมเทียมขึ้นมาตักนิดหนึ่ง แล้วเทลงไปในแก้วกาแฟของปัญชลีพอไม่ให้รสชาติเปลี่ยน จากนั้นเอาช้อนคนๆๆๆ
ดาวนึกถึงเหตุการณ์ตอนแอบได้ยินจอยดุแม่บ้านในห้องน้ำหญิงแผนก
“คุณปัญชลีทานครีมเทียมแล้วแพ้ ไอไม่หยุด นิดเดียวก็ทานไม่ได้ จำไว้เลยนะ ถ้าชงกาแฟให้คุณปัญชลี ให้ใส่นมสด”
ดาวมองไปทางหน้าห้องชงกาแฟอีกครั้ง แล้วรีบคนๆ ครีมเทียมให้ละลาย จนดูไม่ออก ดาวยิ้มชั่วออกมาเต็มใบหน้าอันสวยงามนั้น
อ่านต่อตอนที่ 6