สื่อริษยา ตอนที่ 4
ปัญชลีมาถึงช่องตอนเช้ามืด เวลานี้อยู่ในห้องทำงาน และกำลังดูภาพข่าวเดียวกับที่ดาวดูเมื่อคืนนี้ บนไอแพดในมือ
นักเล่าข่าวชื่อดังสไลด์ไล่ดูภาพข่าวของภาสกรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปสะดุดตาที่รูปดาวซึ่งทำหน้าที่พิธีกรของงาน ปัญชลีเขม้นมองให้แน่ใจ พร้อมกับซูมขยายภาพจนเห็นหน้าดาวชัดๆ
ปัญชลีนึกถึงตอนที่ดาวบอกเธอหน้าลิฟท์
“คอนโดดาวถูกงัดค่ะ ทางคอนโดโทร.ตามให้กลับไปด่วน”
ปัญชลีโกรธ ไม่พอใจที่ดาวโกหก
ท็อปเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา แต่พอจะอ้าปากพูด ปัญชลีก็ยกมือห้าม แล้วสั่งเครียดๆ
“ดาวมาหรือยัง ไปตามมาพบฉันเดี๋ยวนี้”
ท็อปเห็นท่าทางปัญชลีแล้วไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบรับคำออกไป
ดาวมาถึงออฟฟิศ แต่งตัวสวยงามจัดเต็มเหมือนวันก่อน วางขวดน้ำพลาสติกปิดฝาเรียบร้อยลงบนโต๊ะ เป็นน้ำที่ศรัณ คั้นให้ดื่มเมื่อคืน แต่เธอบอกว่า
“ดาวคั้นน้ำผลไม้มาฝากค่ะ เผื่อใครอยากทานตอนเช้าๆ จะได้สดชื่น”
จอย กับ แอน เข้ามาเปิดดู ท็อปรีบเดินมาหา
“ดาว ไปห้องคุณปัญชลีเดี๋ยวนี้เลย คุณลีเรียกพบ”
ดาวชะงักกึก สังหรณ์ใจ จอย แอนเงอะงะ
“มีเรื่องอะไรกันเหรอดาว ไปทำอะไรไว้” จอยกังวลแทน
ดาวหน้าเสีย แน่ใจว่าเรื่องที่แอบไปงานภาสกรแน่ เธอขบคิดหนักหาทางออกให้ตัวเอง
ไม่นานนักดาวพาตัวเองมายืนตัวเกร็งอยู่ตรงหน้าปัญชลีภายในห้องทำงาน ปัญชลีผลักรูปข่าวในไอแพดไปให้ดู
“เมื่อวานนี้เธอบอกว่าคอนโดโดนงัด ต้องทิ้งงานไปดู แล้วทำไมในเวลาเดียวกันถึงไปโผล่ที่งานปั่นจักรยานของคุณภาสกรได้”
ดาวก้มลงมองรูปตัวเองที่เห็นทนโท่ ไม่มีทางปฏิเสธ
“ขอคำอธิบายที่เข้าท่ากว่าเธอมีน้องสาวฝาแฝดที่ฉันไม่รู้มาก่อนนะ”
“เอ่อ คือ...ดาว...”
ปัญชลีเหยียดยิ้ม เชือดเฉือน “ไง คิดไม่ออกใช่ไหม ฉันคิดให้ก็ได้ เธอโดดงานหนีไปเที่ยวเพราะเธอขี้เกียจ! เธอไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความมุ่งมั่น ไอ้สิ่งที่เธอสาธยายข้อดีของตัวเองในเรซูเม มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ”
ปัญชลีใส่เป็นชุดจนดาวสะอึก เริ่มไม่พอใจขึ้นมากรุ่นๆ แรงทะเยอทะยานต้องการเอาชนะพลุ่งพล่าน
“ไม่ใช่นะคะ”
“ถ้างั้นเธอมีเหตุผลอะไร”
ปัญชลีจ้องหน้ารอคำตอบ ดาวนิ่งคิดใจสั่น ทันใดศินีนาฏก็เปิดประตูเข้ามา
“ศิเป็นคนเรียกดาวไปที่งานเองค่ะ”
ดาวผงะ หันไปมองศินีนาฏอย่างคาดไม่ถึง ศินีนาฏทำหน้าเฉย เล่าเป็นเรื่องเป็นราว
“พอดีดาวมาปรึกษาศิเรื่องโดนงัดห้อง ศิเลยให้นายตำรวจที่รู้จักกันตามคดีให้ แล้วก็ชวนไปช่วยที่งานอีเวนท์ของคุณภาสกร” ศินีนาฏปรายตามองดาวเป็นเชิงให้รับมุก
ดาวรีบรับสมอ้างทันที “ดาวเห็นว่ากลับมาไม่ทันแล้ว เลยไปช่วยคุณศินีนาฏค่ะ”
“ไม่ทันประชุมยังไง ก็ต้องกลับ เพราะคนอื่นเขายังทำงานกันอยู่” ปัญชลีจ้องจับผิดอีก “ทำไมเธอต้องไปช่วยเขา รู้จักสนิทสนมมาตั้งแต่เมื่อไร”
“นั่นมันเรื่องส่วนตัวของพวกเรานะคะ ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายเดือน จะสนิทกันก็ไม่แปลก คนประเภทไม่สนิทกับใครเลยน่ะสิแปลก” ศินีนาฏจงใจกัด
ปัญชลีตวัดสายตามองศินีนาฏ รู้ว่าโดนแขวะ ดาวฉวยโอกาสยกมือไหว้ขอโทษ ทำเป็นสำนึกผิด
ดาวดาวขอโทษค่ะที่เสร็จธุระแล้วไม่รีบกลับมาออฟฟิศ เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของดาวเอง รับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ
ปัญชลีมองดาวอย่างไม่พอใจ แต่ดาวทำท่าหงอจนด่าไม่ออก
ศินีนาฏเดินลิ่วๆ ออกมาจากห้องปัญชลี โดยไม่แยแสดาวอีก ดาวรีบวิ่งตามมา
“คุณศินีนาฏคะ ดาวขอ”
ศินีนาฏตัดบท “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เธอช่วยชั้น ชั้นก็ช่วยเธอ”
ดาวยิ้มดีใจที่อีกฝ่ายดีตอบ แต่ศินีนาฏพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ถือว่าเราหายกันแล้วนะ เพราะชั้นไม่สำนึกบุญคุณใครพร่ำเพรื่อ”
ศินีนาฏเดินเชิดจากไป ดาวปรับสีหน้า มองตามอย่างหมั่นไส้
ศินีนาฏนั่งอ่านแมกกาซีนแฟชั่น เรื่อยเฉื่อยรอคิวถ่ายอยู่ในห้องส่ง โดยไม่ยอมอ่านสคริปต์ข่าว
ตุ่นกับช่างผมเข้าไปดูความเรียบร้อยให้ครั้งสุดท้าย ปากก็เม้าท์ไปเพราะเห็นปัญชลียังไม่มา
“แหม ดีจังเลยนะคะที่คุณศิกลับมา นึกว่าจะไม่ได้เจอกันซะแล้ว”
“แล้วจะให้ฉันไปไหนล่ะ”
“ก็ตุ่นเห็นข่าว” ตุ่นเหลียวซ้ายแลขวา “ว่าคุณศิจะหลุดจากเก้าอี้จัดรายการน่ะสิคะ”
ปัญชลีเดินเข้ามาประจำที่ ศินีนาฏเหลือบมอง แล้วเบ้ปาก
“เชื่ออะไรกับพวกข่าวลือในเน็ต คนปล่อยข่าวก็ไอ้พวกนักเลงคีย์บอร์ด เกลียดชั้น ไม่มีปัญญาทำอะไรชั้นได้ ก็เลยต้องไประบายอารมณ์ในโลกออนไลน์”
ศินีนาฏพูดเสียงเยาะ แล้วมองเลยไปทางปัญชลี เหมือนจะให้รู้ว่าด่าอยู่
“คนพวกนี้มันมีปมด้อย หลงตัวเองว่าสามารถชี้เป็นชี้ตายอนาคตใครก็ได้ แต่จริงๆ แล้วไม่มีราคาอะไรหรอก”
ปัญชลีหันไปทางศินีนาฏ เตรียมจะตรงไปเอาเรื่อง ท็อปให้สัญญาณ
“อีกสิบวิจะออนแอร์นะครับ เก้า แปด เจ็ด หก...”
ปัญชลีหันมาดูสคริปต์ ศินีนาฏผลักแมกกาซีนตกไปข้างหลัง แล้วเตรียมปั้นหน้าสวยออกจอ
มอนิเตอร์ขึ้นไตเติ้ลรายการเข้า ทั้งสองสาวเตรียมพร้อม ก้มหน้าไม่สนใจกัน แต่พอจังหวะที่รายการเริ่ม ก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทันที
“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการกระแสนิวส์เช้านี้ ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พุทธศักราช 2558 ค่ะ”
ศินีนาฏยิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมจะพูดเปิดรายการต่อตามคิว แต่ขณะอ้าปาก ปัญชลีก็พูดแทรก
“วันนี้ ดิชั้น มีข่าวสารมานำเสนอกับคุณผู้ชมอีกมากมายเหมือนเช่นเคยค่ะ ติดตามไปพร้อมกันเลยนะคะกับข่าวแรก ต้องขออนุญาตอัพเดทสภาพภูมิอากาศทุกภาคต่างๆ ของประเทศไทย”
ปัญชลีก้มหน้าก้มตาอ่านข่าวพยากรณ์ ทำเหมือนศินีนาฏไม่มีตัวตนในนั้น
ศินีนาฏนั่งเหวอ เห็นกล้องตัดเข้ากราฟฟิครายการ เลยหันไปฟ้องที่ห้องคอนโทรล
ทีมงานอยู่ในห้องคอนโทรล ดูภาพในจอ หน้าเหวอไปตามๆ กัน
“เฮ้ย ข่าวนี้คิวของคุณศิอ่าน ทำไมคุณลีเอามาอ่านล่ะพี่ท็อป”
ในมอนิเตอร์ ปัญชลียังอ่านข่าวต่อเนื่อง ไม่สนใจศินีนาฏเลยสักนิด
ดาวคิดปราด แล้วรีบออกไปจากห้องคอนโทรลทันที
ในห้องส่ง ปัญชลีเล่าข่าวช่วงแรกจบก็บอกกับผู้ชมว่า
“พักสักครู่เดี๋ยวกลับมาพบกับข่าวช่วงต่อไป”
ทันทีที่ห้องคอนโทรลตัดเข้าโฆษณา ศินีนาฏก็วีนแตกทันที
“คุณทำอย่างนี้จะแกล้งฉันใช่ไหม เรื่องอะไรถึงอ่านข่าวอยู่คนเดียว”
ปัญชลีมองตอบด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการให้เธอมาจัดกระแสนิวส์เช้านี้อีก ในเมื่อเธอตะแบง ยืมมือคนอื่นมาบีบฉันเพื่อจะมานั่งตรงนี้ ฉันก็จะให้นั่ง แต่เธอก็อยู่เฉยๆ ไป เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอน่าจะถนัดที่สุด”
ศินีนาฏแทบกระอัก “จะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ”
ปัญชลีก้มหน้าดูสคริปต์ข่าวช่วงต่อไปโดยไม่สนใจอีก ศินีนาฏโมโห ถลันเข้ามากระชากไมค์ที่ติดเสื้อกับหูฟังของปัญชลีออก ปัญชลีตกใจมาก
ทุกคนที่ห้องคอนโทรล ก็อึ้ง จอยร้อง “ว้าย”
ตุ่นวิ่งพรวดพราดเข้ามาสมทบอย่างตกใจ
“พวกเธอเห็นอย่างที่ชั้นเห็นหรือเปล่า”
ที่ห้องส่ง ปัญชลีมองศินีนาฏอย่างคาดไม่ถึง
“ศินีนาฏ”
ศินีนาฏลอยหน้าถือดี กระชากสายไมค์ให้ขาดออกจากกัน แล้วโยนทิ้ง
“คุณจะได้รู้ว่า การต้องนั่งเป็นใบ้กลางรายการมันเป็นยังไง”
ปัญชลีโกรธจัด ช่างกล้องสองคนมองหน้ากันเลิกลัก
ที่ห้องคอนโทรล ทุกคนทำอะไรไม่ถูก
“ว้าย จะตบกันไหม” อีตุ่นวี้ดว้าย
“มัวอึ้งอะไรอยู่ จอยเอาไมค์ไปให้คุณลีเร็วเข้า” ท็อปสั่ง
แอนร้อนใจ “ไม่ทันแล้วพี่ โฆษณาจบแล้ว”
เสียงดนตรีจิงเกิ้ลเข้ารายการมา ทุกคนตกใจ
ที่ห้องส่ง ปัญชลีตกใจที่รายการตัดกลับมาโดยที่ตัวเองยังไม่พร้อม ศินีนาฏยิ้มสะใจ แล้วรีบเปิดรายการทันที่
“กลับมาพบช่วงที่สองของกระแสนิวส์เช้านี้นะคะ ดิชั้นยังอยู่กับคุณผู้ชมเหมือนเช่นเคยถึงเวลาเก้านาฬิกา เรามาว่ากันต่อที่การอัพเดทเหตุการณ์ภัยแล้งทางภาคอิสาน...”
ศินีนาฏอ่านข่าวต่อ ทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ปัญชลี ที่กำลังโกรธจนตัวสั่น
รปภ.หน้าโถงชั้น 3 เห็นดาววิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา ก็รีบลุกขึ้นถาม
“คุณจะไปไหนครับ”
“คุณภาสกรมาหรือยัง ชั้นมีธุระด่วน”
“ถ้าคุณไม่ได้นัดมาก่อน”
ดาววีนใส่ “อย่ามาลวดลายได้ไหม ก็ชั้นบอกว่ามีธุระด่วน จะนัดไว้ก่อนได้ยังไง”
ดาวจะขึ้นไป รปภ.ยืนขวาง ภาสกรออกมาจากห้องพอดี
“มีอะไรกัน” แล้วเห็นเป็นดาว “อ้าว คุณดาว”
“คุณภาสกร เกิดเรื่องที่สตูฯรายกายค่ะ”
ภาสกรตกใจ
อีกฟาก แพรพรรณเสิร์ฟข้าวมันไก่ไห้ลูกค้าที่นั่งกินอยู่ 2-3 โต๊ะ แล้วกลับมาหาแม่ เห็นก้อยหยุดชะงักมองทีวี
“ดูอะไรเหรอแม่”
“รายการเจ้านายแพรไง วันนี้มันแปลกๆ นะ” ก้อยว่า
แพรพรรณมองตาม “ทำไมเหรอ”
“ก็ช่วงที่แล้วปัญชลีอ่านข่าวอยู่คนเดียว พอตัดโฆษณากลับมา กลายเป็นศินีนาฏอ่าน ปัญชลีเงียบไปเลย เขาไม่ถูกกันหรือแพร” ก้อยตั้งข้อสังเกต
แพรพรรณมองดูรายการในทีวีอย่างสงสัย เห็นศินีนาฏอ่านข่าวแจ้วๆ ส่วนปัญชลีนั่งเฉย ท่าทางข่มอารมณ์เต็มที่
พอรายการตัดเข้าเบรก ปัญชลีก็เดินออกมาจากห้องด้วยความโกรธ ภาสกรเข้ามาพอดี
“ลี คุณจะไปไหน”
“ลีจะไม่จัดรายการกับคนแบบนี้นะคะภาส”
ท็อป ตุ่น จอย และแอนรีบออกจากห้องคอนโทรล พอเห็นภาสกรก็ชะงัก
“ศินีนาฏกระชากไมค์ของลีทิ้ง ทำให้ลีทำรายการต่อไปไม่ได้”
ศินีนาฏตามออกมา “งั้นก็บอกคุณภาสกรด้วยสิว่าคุณจงใจจะจัดรายการคนเดียว ถึงแย่งคิวข่าวของศิไปหมด”
ปัญชลีเถียงไม่ออก
ภาสุรีเรียกปัญชลีกับศินีนาฏมาพบในห้อง โดยมีภาสกรอยู่ด้วย
“เรื่องนี้ลีทำไม่ถูก” ภาสกรตำหนิ
“ลียอมถอยให้ศินีนาฏมานั่งคู่ตามความต้องการของทุกคนแล้ว ยังไม่ถูกใจอีกเหรอคะ”
“เธอมีเจตนาอะไรก็รู้ดีอยู่แก่ใจ”
ว่าพลางภาสุรีหมุนจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดเว็บ Thai Talk ให้ดู
“วันนี้มีแต่คนบ่นว่ารายการกระแสข่าวเช้าบรรยากาศตึงเครียด ตอนแรกต่างคนต่างอ่านข่าว พอเบรกต่อๆ มาก็พูดทับคิวกัน ไม่สื่อสารกัน บางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่าเธอสองคนมีปัญหากัน”
ทางด้านดาวกับตุ่นนั่งเม้าท์กับพวกทีมงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ตุ่นเปิดมือถือให้ทุกคนดูข่าว
“ดูสิเนี่ย ทั้งในไอจี ในเฟซบุค ว้าย ทวิตเตอร์ก็ติดแท็กอันดับหนึ่งเลยแก” ตุ่นตื่นเต้นจนเวอร์
จอยเซ็ง “ติดอันดับหนึ่งเรื่องแย่ๆ ผีๆ มันน่าภูมิใจเหรอเจ๊”
ตุ่นค้อน จนเห็นศินีนาฏเดินยิ้มกริ่มออกมา รีบแถไปหา
“คุณศิออกมาแล้ว คุณศิขา เป็นยังไงบ้างคะ งานนี้นังจิ้งจอกโดนเฉ่งหรือเปล่า”
ศินีนาฏยิ้มสะใจ “จะเหลือเหรอ ทำงานไม่โปรจนรายการเสียชื่อ เจ้าของรายการที่ไหนเขาจะยอม ขอบใจนะดาวที่เธอไปตามคุณภาสมา เขาถึงได้รู้เห็นพฤติกรรมเมียตัวเองชัดๆ ว่าไม่มืออาชีพขนาดไหน
ทุกคนมองดาวเป็นตาเดียว ดาวกลัวถูกเข้าใจว่าเจ้ากี้เจ้าการ เลยรีบแอ๊บท่าทีเกรงใจ
“ดาวก็แค่อยากให้รายการดำเนินต่อให้จบน่ะค่ะ ต้องมีคนทำอะไรซักอย่าง จริงไหมคะ”
“จริง” ตุ่นเห็นด้วย แล้วหันมาทางศินีนาฏ “แต่ทีนี้จะยังไงต่อละคะคุณศิ”
“คุณภาสกรพูดเองว่าปัญชลีทำไม่ถูก ก็คงต้องมีบทลงโทษ”
ดาวพูดเป็นเชิงถาม “แปลว่า...”
ศินีนาฏหันมายิ้มกับดาว “กระแสนิวส์เช้านี้ อาจจะไม่ไม่มีปัญชลีอีกต่อไปก็ได้”
พูดจบศินีนาฏก็หัวเราะร่วนออกมา ตุ่นหัวเราะตาม ท่าทางสะใจกันอยู่สองคน
ดาวคิดตาม แล้วเผลอยิ้มออกมา อย่างมีความหวัง
ภาสกรคุยกับปัญชลี โดยมีภาสุรียืนฟังอยู่
“คราวนี้มันเรื่องใหญ่มากนะลี กระแสในอินเตอร์เน็ตไปเร็วมาก ฟีดแบ็กของรายการก็มีแต่แง่ลบ เพราะเขาเชื่อแล้วว่าลีกับคุณศิมีปัญหากันจริงๆ”
“ลีก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเสแสร้งว่าเราเป็นเพื่อนรักกัน”
“แต่เธอจะทำให้รายการดีๆ ของฉัน ต้องกลายเป็นรายการน้ำเน่าเพราะพิธีกรสองคนไม่ถูกกัน”
ปัญชลีมองหน้าภาสุรี ของขึ้น เพราะภาสุรีเน้นว่ารายการนี้เป็นของตัวเอง
“ถ้าคิดว่าฉันทำผิด ก็ปลดฉันแล้วกัน”
ภาสกรตกใจมาก “ลี”
“ก็ในเมื่อรายการนี้ไม่ใช่ของลี ลีก็พร้อมจะถอนตัว แต่ลีจะเอารายการของลีไปทำที่อื่น มีอีกหลายช่องที่ต้องการลีไปร่วมงาน”
ภาสุรีสะดุดหู “หมายความว่าไง”
“ฉันจะเอาถามตรงกับปัญชลีไปอยู่ช่องอื่น”
ภาสุรีตกใจ “ไม่ได้นะ รายการนี้ทำเรตติ้งสูงสุดที่ ThaiKK เธอจะเอาไปไหนไม่ได้”
“รายการมันเป็นชื่อของฉัน เธออยากทำต่อก็เปลี่ยนชื่อรายการตามพิธีกรคนใหม่สิ” ปัญชลีเยาะเย้ย “ศินีนาฏโชว์เป็นไง? แล้วมาดูกันว่าเรตติ้งของใครจะดีกว่า”
ปัญชลีจ้องหน้าอย่างถือดี ภาสุรีโกรธจัด เลือดขึ้นหน้า
“ปัญชลี เธอจะอกตัญญูเกินไปแล้วนะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าที่ได้ดีมีชื่อเสียงทุกวันนี้เพราะใคร ไม่ใช่เพราะพวกเราเหรอ”
“ฉันมาถึงตรงนี้ได้เพราะความสามารถของชั้น ถ้าเธอคิดว่าเป็นเพราะสถานี ก็ลองปั้นคนอื่นดูสิว่าจะขึ้นมาถึงจุดเดียวกับชั้นได้หรือเปล่า”
ปัญชลีพูดจบก็เดินออกไปเลย ภาสุรีอึ้ง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโกรธ
“เนรคุณ เธอมันคนเนรคุณ”
ภาสุรีโกรธถึงขีดสุด หน้ามืดแล้วทรุดลง ภาสกรรีบเข้าประคอง
“ภา”
ปัญชลีเดินถึงประตู ต้องหันกลับมา เห็นร่างภาสุรีหมดสติอยู่ในอ้อมแขนภาสกรก็ตกใจ
ขณะที่ดาวยังคงนั่งเม้าท์อยู่กับศินีนาฏและตุ่น จอย กับ แอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
จอยร้องลั่น “ข่าวด่วนค่ะข่าวด่วน คุณลีจะลาออก”
ทุกคน “ฮ้า” พร้อมกัน
แอนเสริม “เมื่อกี้จอยกับแอนไปเข้าห้องน้ำ เลยผ่านไปได้ยิน คุณลีประกาศว่าจะไปทำรายการที่ช่องอื่นค่ะ คุณภาสุรีโกรธมาก ปรี๊ดดังออกมาข้างนอกเลย ด่าคุณลีว่าอกตัญญูด้วย”
ตุ่นเสียดายไม่เห็นกะตา “โกรธ เมื่อกี้ทำไมฉันไม่ไปห้องน้ำกับพวกแกนะ อดแซบเลย”
ศินีนาฏยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “สมน้ำหน้า คิดจะเขี่ยชั้น แต่ดันกระเด็นซะเอง”
ตุ่นกระดี๊กระด๊ากับศินีนาฏ ดาวลอบยิ้มดีใจ แต่แอ๊บซื่อใส
“ถ้าคุณลีออกไป ก็แปลว่าคุณศินีนาฏจะขึ้นเป็นพิธีกรเดี่ยวหรือคะ”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอก ชั้นไม่ทำคนเดียวแน่ ขี้เกียจจำสคริปต์เยอะแยะ ยังไงก็ต้องให้คุณภาหาคนมาเสริม ใครก็ได้ ขออย่างเดียวอย่ามาทำอวดดีอวดฉลาดแข่งกับชั้น จะได้ไม่ตกกระป๋องเหมือนนังปัญชลี”
ศินีนาฏพูดจบก็หัวเราะสะใจ ดาวลอบยิ้ม ตาเป็นประกายมีความหวัง
ไม่มีใครอยู่ในนั้น ขณะที่ดาวเดินเข้ามาในสตูดิโอที่มืดสนิท แล้วเปิดไฟให้สว่างขึ้น มองเห็นเก้าอี้สองตัวตั้งตระหง่านบนเวที
ดาวเดินไปลูบๆ คลำๆ อย่างมีความหวัง
“ถ้าปัญชลีถูกเขี่ยไปจริงๆ ฉันจะต้องได้เก้าอี้ตัวนี้”
ดาวลูบเก้าอี้ปัญชลีไปมาอย่างหลงใหลและหมายมาด
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
วิไลลักษณ์กับโอภาสรีบเข้ามาในห้องผู้ป่วยวีไอพี เห็นภาสกรนั่งเฝ้าอยู่ ปัญชลียืนเฝ้าอยู่ห่างๆ รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ภาสุรีฟื้นแล้ว
“ภา เป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ หน้ามืดนิดหน่อย แต่พอนอนพักก็ค่อยยังชั่ว พี่ภาสไม่น่าโทร.บอกคุณพ่อกับคุณแม่ให้ตกใจ”
โอภาสบอก “ภาสทำถูกแล้ว เป็นอะไรก็ต้องบอกพ่อกับแม่สิ”
วิไลลักษณ์รู้เรื่องแล้ว หันไปเฉ่งปัญชลีทันที “เธอใช่ไหมที่เป็นต้นเหตุ จะฆ่าลูกฉันหรือไง”
“เรามีเรื่องโต้เถียงกันนิดหน่อยค่ะ”
“ไม่นิดหน่อยหรอกเท่าที่ฉันรู้ ทำรายการของเราเสียหายยังไม่พอ ยังจะทำลูกชั้นทรุดอีก ตัวปัญหาแท้ๆ เชียว”
ภาสกรทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยตามเคย “คุณแม่ครับ เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยนะครับ ให้ภาพักผ่อนก่อน”
วิไลลักษณ์เม้มปากขัดใจ อยากอาละวาด ปัญชลีอึดอัดเกิน หันไปคว้ากระเป๋า
“ภามีคนมาเยี่ยมเยอะแล้ว ลีขอกลับไปทำงานต่อนะคะ ต้องเตรียมประชุมรายการช่วงดึก”
ปัญชลีเดินออกไป วิไลลักษณ์พูดไล่หลัง
“ในเมื่อคิดจะลาออกแล้ว ก็ขอให้เทปคืนนี้เป็นเทปส่งท้ายเลยก็แล้วกัน ชั้นไม่เสียดายคนอย่างเธอหรอกนะ ชั้นห่วงสุขภาพจิตของลูกที่ต้องทำงานกับคนอีโก้จัดอย่างเธอมากกว่า”
โอภาสปราม “ไม่เอาน่าคุณ”
ปัญชลีข่มความรู้สึกที่โดนด่า ยกมือไหว้วิไลลักษณ์กับโอภาส แล้วออกไปเงียบๆ
วิไลลักษณ์กับโอภาสหันมาถามไถ่อาการ ภาสุรี แต่ภาสกรยังมองตามปัญชลีอย่างเป็นห่วง
ปัญชลีเดินออกมาท่าทางอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ภาสกรตามออกมา
“ลี ให้ผมไปส่งไหม”
“ภาสอยู่กับครอบครัวเถอะ ลีอยากกลับไปเคลียร์ข้าวของด้วย ถ้าจัดรายการเสร็จคืนนี้จะได้ขนกลับเลย”
“ลี คุณแม่พูดเพราะกำลังโมโห ลีอย่าไปถือเลยนะครับ”
“แต่ลีว่าลีไม่ควรจะทำงานที่ ThaiKK ต่อ เพราะความเห็นของลีกับ ผู้บริหาร ไม่ตรงกัน อยู่ไปก็จะเสียสุขภาพจิตทั้งสองฝ่าย” ปัญชลีตัดบทมองนาฬิกา “ใกล้เวลาประชุมทีมแล้ว ลีไปก่อนนะคะ”
ปัญชลีเดินลิ่วออกไป ภาสกรได้แต่มอง ไม่อยากให้ปัญชลีออกไปจากช่อง
ฟากดาวตักอาหารให้ศรัณกิน เอาอกเอาใจยกใหญ่
ศรัณมองยิ้มๆ “วันนี้ท่าทางฝนจะตกใหญ่ อยู่ๆ ดาวก็โทร.ตามพี่มาเลี้ยงข้าว”
“มีเรื่องให้ฉลองนิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
ดาวยิ้มฝันหวาน “ดาวอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วๆ นี้”
“จริงเหรอ ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ ดาวเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง”
“ปัญชลีกำลังจะลาออก หลังจากนี้เก้าอี้พิธีกรข่าวก็จะว่างลง ดาวจะทำทุกอย่างให้ตัวเองได้รับเลือกเป็นพิธีกรคนใหม่”
ดาวตาเป็นประกายเจิดจ้า เต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน จนศรัณอดดีใจด้วยไม่ได้
“พี่เอาใจช่วยดาวเต็มที่เลยนะ ขอให้ดาวทำสำเร็จสมอย่างที่หวัง พี่รู้ว่าดาวใฝ่ฝันถึงมันมานาน”
ดาวยิ้มตอบร่าเริง ศรัณครุ่นคิด แล้วเอื้อมมือจับมือดาวไว้
“แล้วถ้าดาวทำสำเร็จแล้ว เราจะได้มีเวลาคิดเรื่องของเราเสียที ถึงตอนนั้นที่ดาวได้เป็นพิธีกรข่าวสมใจแล้ว ถ้าจะแต่งงานก็คงไม่แปลกใช่ไหม”
ดาวชะงักทันที แต่ก็ฝืนยิ้มตอบ ยังไม่อยากขัดใจศรัณตอนนี้
ทานข้าวเสร็จดาวเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใหม่ แล้วส่งให้พนักงานเอาไปคิดเงิน ศรัณถือถุงช้อปปิ้งเดินตาม พลางคุยไปด้วย
“วันนี้ที่ชมรมยูโดนัดเลี้ยงน้องใหม่ชมรมกัน ดาวไปกับพี่ด้วยนะ จะได้ไปเจอเพื่อนเก่าๆ ด้วย แพรก็คงไปเหมือนกัน”
“จะให้ดาวไปไหนฐานะอะไรล่ะคะ”
“ก็...” ศรัณจะบอกว่าแฟน
“พี่ศรัณต้องบอกทุกคนว่าเราเลิกกันแล้ว อย่าให้ใครถามถึงดาวอีก เพราะดาวไม่อยากให้เรื่องหลุดออกไปจนกระทบกับโอกาสของดาว”
“มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อนพี่ไม่ได้อยู่วงการนี้ซักหน่อย”
“ต้องกันไว้ก่อนค่ะ วงการนี้มัน อาจจะมีเพื่อนของเพื่อนที่เราไม่รู้ก็ได้ แม้แต่แพรพรรณเองดาวก็ไม่ไว้ใจ เขาไม่ชอบดาวอยู่ จะแฉให้ดาวเสียชื่อเมื่อไรก็ได้”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”
ดาวเข้าไปเกาะแขนออดอ้อน “ยังไงพี่ศรัณก็เตือนเขาหน่อยแล้วกันนะคะ ถือว่าช่วยดาว อดทนอีกนิดเดียวให้ดาวไปถึงจุดหมาย แล้วดาวจะให้ทุกอย่างที่พี่ศรัณต้องการ”
ศรัณใจอ่อน ยิ้ม พยักหน้ารับ
ภาสกรนั่งอยู่ในบ้าน ขณะวิไลลักษณ์เดินเข้ามาในโถงบ้าน ท่าทางไม่พอใจโอภาสที่ตามเข้ามา
“ความคิดเห็นของชั้นมันไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม คุณถึงจะให้ตาภาสไปรั้งแม่ปัญชลีไว้”
“คิดให้ดีๆ นะคุณ ปัญชลีเป็นตัวเรียกเรตติ้ง สปอนเซอร์ก็เชื่อถือ ลำพังศินีนาฏคนเดียวเอารายการไม่อยู่หรอก ที่สำคัญตัวเค้ามีแฟนคลับติดตามรายการเหนียวแน่น ถ้าเค้าไปอยู่ที่ไหนก็เท่ากับเอาคนดูกลุ่มใหญ่ตามไปด้วย เราจะเสียโอกาสครั้งใหญ่”
“เราก็ปั้นคนใหม่ๆ ก็ได้ ให้มันรู้ไปสิว่าไม่มีใครแทนที่ปัญชลีได้ ผู้สื่อข่าวใหม่ๆ ไฟแรงเกิดขึ้นทุกวัน หรือจะจัดออดิชั่นเป็นรายการเรียลลิตี้ก็ว่ามา”
ภาสกรแย้ง “แต่ปั้นพิธีกรใหม่ก็ต้องใช้เวลานานนะครับคุณแม่กว่าคนดูจะยอมรับ อีกอย่าง ลีเป็นแฟนผม ผมยอมให้เขาไปทำงานที่อื่นไม่ได้”
“ภาสกำลังเห็นเมียดีกว่างาน นี่แม่คิดผิดใช่ไหมที่ปล่อยมือให้ภาสบริหาร ThaiKK คนเดียว”
“ผมยังเคารพความเห็นของคุณแม่เสมอนะครับ แต่ขณะเดียวกันผมก็ต้องปกป้องความสัมพันธ์ของผมกับลีด้วย ให้โอกาสลีอีกซักครั้งนะครับคุณแม่”
วิไลลักษณ์เซ็ง แต่ก็ไม่อยากขัดใจลูก เพราะรู้ว่าภาสกรจริงจังกับปัญชลี
ทางฝ่ายแพรพรรณรีบร้อนออกมจากตึก หลังจากเลิกรายการ ภานุตามออกมา
“โอย กว่าจะจบ หิวไส้จะขาด ร้านแม่คุณปิดยัง พาผมไปกินหน่อย”
“เสียใจด้วย ชั้นมีธุระ”
“ธุระอะไร มีนัดเหรอ”
แพรพรรณนิ่งไม่ตอบ เดินลิ่วๆ จะไปเรียกแท็กซี่ ภานุตามตื๊อ
“ฮั่นแน่ มีเดตชัวร์ ใครอ่ะ แนะนำให้รู้จักมั่งสิ” ภานุยิ้มแซว “เอ๊ะ เดี๋ยวๆๆๆ ผู้หญิงหรือผู้ชายก่อนดีกว่า”
แพรพรรณหันมายกกำปั้นให้ “ไอ้บ้า ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“แน่ะ ท่าทางขึงขังแบบนี้ สงสัยจะแอบเดทกับหนุ่ม อิอิ”
“ยุ่ง”
แพรพรรณรีบหนีขึ้นแท็กซี่ ภานุมองตามขำๆ
“อยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนไหนจะโชคร้ายวะ”
ภานุยิ้มกริ่ม หยิบหมวกกันน็อคมาใส่ แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ตามรถแพรพรรณไป
แพรพรรณลงจากแท็กซี่จะเดินเข้าร้าน เสียงภานุดังมาข้างหลัง
“ออกเดททั้งที่ ทำไมไม่ไปร้านโรแมนติกน้า ดันมานั่งสวนอาหารให้ยุงกัด”
แพรพรรณหันไปหา เห็นภานุยืนอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่
“นายตามชั้นมาทำไมเนี่ย”
ภานุตีหน้าตาย “ไม่ได้ตาม ผมมากินข้าว” พลางชะโงกหน้ามองเข้าไปในร้าน “ไหนคู่เดทคุณ”
แพรพรรณดึงแขนไม่ให้ภานุเข้าร้าน “กลับไปเลยนะ”
“กลับไปไหนล่ะ หิวจะตายแล้ว ขอกินข้าวก่อน”
ภานุจะไป แพรพรรณไม่ยอม ยื้อกันอยู่หน้าร้าน เพื่อนผู้หญิงเดินออกมา
“แพร อ้าว” เพื่อนมองภานุ “พาแฟนมาด้วยเหรอ เชิญข้างในเลยค่ะ ทุกคนรออยู่”
แพรพรรณอ้าปากจะค้าน แต่ภานุรีบรับมุกเดินตามเพื่อนเข้าไป แพรพรรณอยากบีบคอภานุนัก ก่อนจะรีบตามไป
บรรยากาศในร้านจัดเป็นบุฟเฟต์อาหาร ดูสบายๆ เปิดเพลงเบาๆ แพรพรรณยืนคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในชมรม มีภานุอยู่ข้างๆ
“แนะนำให้รู้จักหน่อยสิแพร อุตส่าห์ควงมา” รุ่นพี่ยิ้มแซว
“เอ่อ ไม่ใช่นะพี่ ไม่ได้ควงมา คือ...”
ขณะแพรพรรณจะอธิบาย ภานุรีบพูดแทรก “ผมชื่อภานุครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ ผมกับแพรทำงานที่เดียวกัน”
แพรพรรณแทรกกลับ “แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
“ยังจีบไม่ติดน่ะครับ แพรเลยยังไม่ให้เรียกแฟน” ภานุโอบไหล่ “จะใจแข็งไปถึงไหนก็ไม่รู้”
แพรพรรณหมั่นไส้ เลยถองใส่ภานุเต็มแรง จนภานุตัวงอ ทุกคนยิ้มขำมองเอ็นดู
ศรัณเดินเข้ามา ทุกคนหันไปมอง แพรพลอยเห็นก็ร้องเรียก
“พี่ศรัณ”
ทุกคนดูตื่นเต้นเข้าไปทักทายศรัณเพราะไม่ได้เจอนาน
แพรพรรณดูหน้าตาสดชื่นมาก ภานุสังเกตออก เก็บข้อมูล
แพรพรรณถือจานเดินไปตักอาหารบุฟเพ่ต์ที่โต๊ะกับศรัณ คุยกันไปเรื่อยๆ
“นึกว่าพี่ศรัณจะไม่มาซะแล้ว”
“รับปากไว้ก็ต้องมาสิ”
“แล้วดาวล่ะคะ ไม่มาเหรอ”
ศรัณหันซ้ายหันขวา แล้วกระซิบบอกแพรพรรณ
“อย่าพูดถึงดาวได้ไหมแพร พี่ขอร้องแล้วไง”
“พูดถึงที่นี่ก็ไม่ได้เหรอคะ”
ศรัณเห็นเพื่อนๆ จับกลุ่มกันเดินมาตักอาหารใกล้ๆ ก็รีบดึงแพรพรรณหลบไป
ภานุเดินถือเครื่องดื่มมาให้แพรพรรณ เห็นออกไปกับศรัณก็สงสัยว่าไปไหนกัน
ดาวขับรถมาจอดที่หน้าร้านขายจักรยาน มองดูแบบจักรยานรุ่นต่างๆ ที่โชว์หน้าร้าน ก่อนจะลงจากรถ ดาวเดินเข้าไปดูจักรยานรุ่นต่างๆ ท่าทางสนอกสนใจ พนักงานเดินเข้ามา
“สนใจรุ่นไหนครับ”
ดาวยิ้มให้พนักงาน แล้วเปิดโทรศัพท์ดูเฟสบุ๊คของภาสกร เห็นรูปถ่ายคู่กับจักรยานคู่ใจ
“ประมาณนี้ค่ะ”
พนักงานดูรูป “งั้นเชิญทางนี้เลยครับ”
พนักงานพาดาวเข้าไปด้านใน
ในมุมเงียบๆ ของสวนอาหาร ศรัณยืนคุยอยู่กับดาว ด้วยสีหน้าจริงจัง เคร่งเครียด
“รับปากกับพี่ได้ไหมแพร ว่าจะไม่พูดเรื่องพี่กับดาวให้ใครฟังอีก แม้แต่คนในชมรมให้เค้าเข้าใจว่าเราสองคนเลิกกันแล้วก็ได้”
“แพรไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องช่วยเขาปิดบังด้วย เขาอายที่จะคบกับพี่หรือเปล่า”
ศรัณรีบพูด “ไม่ใช่หรอก แพรคิดมากไปแล้ว”
แพรพรรณถอนใจเฮือก เหนื่อยใจที่ศรัณซื่อและแสนดีเหลือเกิน
“ดาวเขากำลังมุ่งมั่นกับงาน ถ้าเกิดเรื่องพี่กับเขาหลุดไป มันอาจจะกระทบกับการเลื่อนตำแหน่งได้”
แพรพรรณงง “เลื่อนตำแหน่ง ตำแหน่งอะไรคะ แพรไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็ดาวกำลังจะได้เลื่อนเป็นพิธีกรแล้วไม่ใช่เหรอ เห็นว่าคนที่ชื่อปัญชลีกำลังจะลาออก”
แพรพรรณอึ้งๆ งงๆ มองศรัณว่าไปเอามาจากไหนเนี่ย
ศรัณไม่ได้สนใจท่าทางแพรพรรณ เพราะห่วงดาวมากกว่า พยายามกล่อมต่อ
“พี่ขอร้องแพรแค่นี้แหละ ถือว่าเห็นแก่พี่นะ”
ศรัณรีบเดินแยกกลับไปหากลุ่มเพื่อน ทิ้งให้แพรพรรณยืนมึนคาที่ ภานุเดินเข้ามา
“เป็นไรอ่ะคุณ ทำหน้าอย่างกับผีหลอก แอบมาเล่าเรื่องผีกันเหรอ”
แพรพรรณมองภานุอึ้งๆ คิดอยู่ว่าจะเล่าดีไหม แต่เปลี่ยนใจไม่เล่า
“ไม่ยุ่งซักเรื่องจะได้ไหมเนี่ย”
แพรพรรณเดินหนีไปท่าทีหงุดหงิด ภานุงง อะไรวะ
ปัญชลีมองดูรูปของตัวเองในกรอบที่วางบนโต๊ะ เป็นรูปถ่ายนั่งหน้าฉากรายการ และรูปถ่ายกับคนสำคัญที่มาเป็นแขกรับเชิญทั้งหลายแหล่ หวนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ในช่วงที่ทำรายการนี้ขึ้นมา
แต่แล้วคำพูดของวิไลลักษณ์ที่พูดเป็นเชิงไล่ ผุดขึ้นมาหลอกหลอน ตอกย้ำความบาดหมาง
“ในเมื่อคิดจะลาออกแล้ว ก็ขอให้เทปคืนนี้เป็นเทปส่งท้ายเลยก็แล้วกัน ชั้นไม่เสียดายคนอย่างเธอหรอกนะ ชั้นห่วงสุขภาพจิตของลูกที่ต้องทำงานกับคนอีโก้จัดอย่างเธอมากกว่า”
ปัญชลีเม้มปาก สะกดความน้อยใจ แล้วค่อยๆ ถอดรูปที่แขวนออก เอามาใส่กล่องบนโต๊ะทำงาน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปัญชลีหันไปมอง เห็นภาสกรเปิดเข้ามา
ภาสกรพยายามทักด้วยเสียงแจ่มใส “เสร็จหรือยังครับลี ผมมารับ”
“ขอเก็บของให้เรียบร้อยก่อนนะคะ”
ปัญชลีก้มหน้าเก็บของบนโต๊ะ
“ผมบอกแล้วไงว่าลีไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“ลีไม่อยากสร้างปัญหามากไปกว่านี้ มันไม่เป็นผลดีกับใครเลย”
“ทำไมลีถึงใจร้อนขนาดนี้”
“ลีน่ะเหรอคะใจร้อน นี่ลีใช้เหตุผลแล้วนะคะ ถ้าคุณแม่กับภาคิดว่าลีไม่เหมาะสมที่จะทำรายการที่ ThaiKK ต่อไป ลีก็พร้อมจะถอนตัว”
“แต่ผมไม่ให้ลีถอน”
ภาสกรยื้อกรอบรูปตั้งโต๊ะที่ปัญชลีกำลังจะเก็บใส่กล่อง
“ถึงลีจะไม่อยู่ที่นี่ แต่มันจะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของเรา ลีเป็นมืออาชีพพอ”
“ลี โอ๊ย”
ปัญชลีดึงมือกรอบรูป แต่ภาสกรดึงไว้อย่างแรงจนกรอบรูปบาดนิ้ว ปัญชลีตกใจ มองดูมือภาสกร เห็นถูกมุมกรอบรูปที่เป็นเหล็กบาดจนเลือดออก
“คุณภาส”
ภาสกรนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน เอาผ้ากดเลือดที่นิ้วไว้ ปัญชลีเดินเข้ามานังข้างๆ เอาพลาสเตอร์ในกล่องพยาบาลพันแผลที่นิ้วให้ ภาสกรมองปัญชลีที่พันแผลให้ แล้วยิ้มออกมา
“ปวดแผลไหมคะ ถ้าปวดลีว่าทานยาหน่อยดีกว่า”
“ไม่ครับ หายแล้ว แค่เห็นว่าลียังห่วงผม ผมก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ปัญชลีเขิน ทำวางฟอร์ม เก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กล่อง
“ไม่มีเหตุผลที่ลีจะไม่ห่วงคุณ”
“งั้นลีก็คิดใหม่สิครับ เรื่องที่จะไปจากที่นี่”
ปัญชลีถอนใจ “ลีทำงานกับครอบครัวคุณไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าลีไม่รักคุณนะคะ”
ภาสกรสบตากับปัญชลีอย่างเข้าใจ แล้วลุกขึ้น ใช้มืออีกข้างดึงเธอให้ลุกตาม
“ออกไปข้างนอกกับผมดีกว่า คุยกันในห้องทำงานมันอุดอู้นะ”
ปัญชลีงงๆ แต่ก็ลุกตามภาสกรออกไปโดยดี
ภาสกรจูงปัญชลีออกมาที่ดาดฟ้า ตรงมุมสวย ที่เห็นวิวกว้างของบริษัท ทั้งสองทอดสายตามองไฟระยิบระยับที่ติดพราวตามอาคารเล็กน้อยๆ รอบๆ ที่บ่งบอกความกว้างใหญ่ของอาณาจักร ThaiKK
“ลีรู้ไหม ว่าสมัยที่คุณตาผมก่อตั้งสถานี เรามีแค่ตึกเล็กๆ หลังนั้น” เขาชี้ไปที่ตึกเตี้ยๆ “เป็นแค่สถานีเล็กๆ ที่ยังมีคนทำงานไม่กี่คน ตอนนั้นเรามีคนดูน้อยมาก เทียบกับสถานีใหญ่ๆ ไม่ได้เลย แต่คุณตากับคุณแม่ก็ช่วยกันบริหาร พลิกแพลงนโยบาย จนจับจุดคนดูได้ หลังจากนั้น ThaiKK ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ”
ภาสกรชี้ไปที่อาคารอื่นๆ ที่อยู่รอบบริเวณ
“เราต้องขยายอาณาเขตบริษัทออกไป เพื่อสร้างสตูดิโอของตัวเองกับที่ตั้งของแผนกต่างๆ กว่าจะมาเป็น ThaiKK ในปัจจุบันมันไม่ง่ายเลย แล้วการจะเป็นต่อไปก็ไม่ง่ายอีกเช่นกัน”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ลีไม่เคยรู้มาก่อน ภาสเล่าให้ลีฟังอีกทำไม”
“เพราะผมต้องการกำลังใจ การที่ผมต้องมารับหน้าที่ต่อจากคุณแม่ มันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ผมคงทำไม่ได้ถ้าไม่มีคุณอยู่เคียงข้าง”
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณเป็นคนเก่ง ไม่งั้นคุณแม่คงไม่วางเกษียณตัวเองเพื่อเปิดทางให้คุณ”
“แต่ผมก็ต้องการอีกมือจากคนเก่ง” เขาจับมือปัญชลีมากุม “มาช่วยประคับประคองให้ผมมั่นคงที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ใช่เพื่อใครเลย แต่เพื่อครอบครัวของเราที่คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่ง เราควรจะจับมือเดินไปด้วยกันนะลี ไม่ใช่แยกกันเดิน”
ปัญชลีนิ่ง เริ่มอ่อนลง “ลีไม่แน่ใจว่า...” เธออดนึกถึงวิไลลักษณ์ไม่ได้
“ผมว่าลีเครียดกับงานมาหลายวัน ก็เลยท้อแท้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้วันหยุดเราไปพักผ่อนกันดีกว่า หาที่นอนเล่นใกล้ๆ กรุงเทพซักคืน แล้วก็ไปเติมพลังกัน จะได้มีแรงกลับมาสู้งานกันใหม่ ตกลงไหมครับ”
ปัญชลีสบตากับภาสกร สุดท้ายก็ใจอ่อน ยิ้มหวานแทนคำตอบ
ภาสกรดีใจที่ปัญชลีไม่แข็งขืนเหมือนก่อนหน้านี้ ดึงเธอมากอดเต็มรัก
ดาวนอนเล่นบนเตียง เปิดคอมพิวเตอร์ดูเฟซบุ๊คของภาสกร เห็นลำดับการเช็คอินภาสกรที่สวนรถไฟ ดูไล่ลงมา เห็นว่าภาสกรไปปั่นจักรยานที่นี่ทุกเช้า เวลาใกล้เคียงกันประมาณ 7-8 โมง ดาวยิ้มมีแผนในหัว
ในบรรยากาศอันร่มรื่นเขียวขจีของสวนรถไฟตอนเช้า มีผู้คนมาเดินเล่น และวิ่งออกกำลังมากมาย ภาสกรปั่นจักรยานมาตามถนน สีหน้าสดชื่น มองดูบรรยากาศรอบๆ ตัวอย่างสบายใจ
เสียงมือถือมีสายเข้า ภาสกรจอดรถ หยิบโทรศัพท์มาดู เห็นปัญชลีโทร.มา
“อรุณสวัสดิ์ครับลี ทำไมคุณตื่นเร็ว วันหยุดน่าจะนอนเยอะๆ หน่อยนะ”
ปัญชลีอยู่ที่บ้านคุยโทรศัพท์ขณะชงกาแฟ อีกมือก็เปิดนิตยสารท่องเที่ยวดูสถานที่
“ขืนมัวแต่นอนก็จองที่พักไม่ทันพอดี นี่ลีรีบตื่นขึ้นมาคิดโปรแกรมเที่ยวเลยนะคะ”
ภาสกรหัวเราะ “แล้วคิดได้หรือยังครับว่าจะไปที่ไหน”
ปัญชลีเปิดนิตยสาร “แถวสวนผึ้งดีไหมคะ สัปดาห์นี้ไม่ใช่หยุดยาวคนไม่น่าจะเยอะ”
“โอเค ตามใจคุณผู้หญิงเลยครับ เดี๋ยวผมปั่นจักรยานอีกสองรอบแล้วจะรีบกลับบ้าน ลีจัดกระเป๋ารอเลยนะ”
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
ปัญชลีจิบกาแฟ มองดูรูปที่พักที่เล็งไว้ แล้วยิ้มมีความสุข สบายใจขึ้นมาก
ภาสกรขี่จักรยานไปเรื่อยๆ ท่าทางเพลิน แต่พอหันมาอีกทีก็เห็นผู้หญิงคนนึ่งก้มๆ เงยๆ อยู่ที่จักรยานที่จอดอยู่ตรงหน้า
ภาสกรปั่นเข้าไปไกลถึงได้เห็นว่าเป็นดาว คราวนี้จำได้แล้ว
“อ้าว คุณดาว”
ดาวเงยหน้ามอง แกล้งทำดีใจที่เจอภาสกร “คุณภาส สวัสดีค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะเจอคุณภาสวันนี้”
“ผมมาที่นี่ทุกเช้าแหละครับ คุณดาวมาปั่นจักรยานเล่นเหรอ”
ดาวทำเขิน “เอ่อ ดาวเพิ่งเริ่มน่ะค่ะ คือหลังที่ไปช่วยงานคุณภาส ดาวก็สนใจอยากจะลองขี่จักรยานดูบ้าง เพื่อสุขภาพน่ะค่ะ”
“อ๋อ ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่นะครับ” ภาสกรมองจักรยาน “แล้วนี่จักรยานเป็นอะไรเหรอครับ”
“โซ่หลุดน่ะค่ะ แย่จัง เพิ่งซื้อมาแท้ๆ”
“เดี๋ยวผมดูให้นะ”
ภาสกรก้มลงไปดูโซ่จักรยานให้ ดาวจ้องไม่วางตา เป็นปลื้มที่ได้อยู่ใกล้
ด้านปัญชลีเลือกหยิบเสื้อผ้าตัวเองกับภาสกรมาใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก แต่หูยังหนีบโทรศัพท์คุยสายกับเก้อยู่
“พี่จะไปนอนเล่นสวนผึ้งซักคืนนึง เก้จะเอาอะไรไหม ไปกับภาสจ้ะ”
“แหม เสียงใสอย่างนี้ ดีกันแล้วใช่ปะ”
ปัญชลีเขิน “ก็ไม่ได้โกรธอะไรกันนี่ ภาสเขาชวนไปชาร์จแบต”
“จ้า ไม่ได้โกรธก็ไม่ได้โกรธ เที่ยวให้สนุกนะครับ”
“จ้ะ ขอบใจมาก”
ปัญชลีอมยิ้มจะปิดกระเป๋าแล้วเหลือบเห็นโน้ตบุ๊คกับไอแพดบนเตียง เอื้อมมือจะหยิบลงกระเป๋าไปด้วย
เสียงเก้ดังแทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน “อ๊ะๆๆๆ พี่ลี ผมสั่งห้ามนะ ไปชาร์จแบตสมองเฉยๆ นะพี่ แบตโน้ตบุ๊คกะแท็บเล็ตไม่ต้องเอาไปชาร์จ ทิ้งไว้ที่บ้านนะ”
ปัญชลีชะงัก หัวเราะขัน “โอเคๆๆ ไม่เอางานไปทำก็ได้ เกลียดอ่ะ รู้ทัน”
ปัญชลีหัวเราะคิกคักกับเก้ แล้วปิดกระเป๋า คุยกระหนุงกระหนิงกันต่อ ท่าทางมีความสุข
ส่วนภายในสวนรถไฟ ภาสกรก้มๆ เงยๆ เปลี่ยนโซ่รถ มีดาวลอบมองดูอยู่อย่างเป็นปลื้ม สายตาดาวเหลือบมองผ้าขนหนูที่ภาสกรพาดบ่าอยู่ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอามือที่เปื้อนคราบน้ำมัน แล้วป้ายๆ แก้มตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เสร็จแล้วครับ”
ดาวแกล้งยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ให้ภาสกรเห็นรอยเปื้อน ทำเสียงดีใจ
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย ขอบคุณคุณภาสมากนะคะ ไม่งั้นดาวคงต้องจูงจักรยานกลับบ้านแน่ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรครับ” ภาสกรชะงัก เห็นรอยเปื้อน “เอ่อ ที่แก้มคุณเปื้อนนะ”
“คะ”
ดาวแอ๊บใสซื่อทำเป็นงง แล้วจับแก้มตัวเองให้เปื้อนมากขึ้น ก่อนจะมองมือ
“ตายแล้ว”
“เอาผ้าผมไปเช็ดก่อนก็ได้ครับ”
ภาสกรยื่นผ้าขนหนูที่คล้องคอให้ ดาวรับมาอย่างเกรงใจ แล้วเช็ด ทำขวยเขิน
“เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวดาวเอาไปซักให้นะคะ”
ภาสกรพยักหน้า แล้วลุกขึ้นทำท่าจะขอตัว ดาวรีบพูดต่อ
“เอ่อ คุณภาสคะ ไหนๆ คุณภาสก็อุตส่าห์มาช่วยซ่อมจักรยานให้ ดาวขออนุญาตเลี้ยงกาแฟคุณภาสได้ไหมคะ แถวนี้มีร้านกาแฟน่ารักๆ อยู่”
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องรีบกลับแล้ว รับปากลีไว้ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ขอตัวก่อนนะครับ”
ดาวหน้าเจื่อน เมื่อเห็นภาสกรขึ้นคร่อมจักรยานแล้วปั่นแยกไป โดยไม่ใยดีอะไรเลย
ภาสกรขี่จักรยานออกมาจากด้านในสวนรถไฟ เตรียมจะกลับบ้าน ดาวปั่นจักรยานตามมาห่างๆ ตื๊อสุดฤทธิ์
“โอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับคุณภาสมีแค่นี้ จะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ” หล่อนบอกตัวเอง
ดาวเหลือบมองเห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งวิ่งเลี้ยวมา กำลังจะผ่านหน้าทางออกสวนรถไฟ
ดาวมองชั่งใจอีกคำรบว่าจะยอมเจ็บตัวไหม ก่อนจะตัดสินใจพุ่งจักรยานออกไปตัดหน้ามอเตอร์ไซค์คั้นนั้น
ภาสกรได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น พร้อมกับเสียงชนกันโครมใหญ่ จึงหันกลับไปมอง
“คุณดาว”
ร่างดาวล้มคว่ำอยู่ที่พื้นถนน ข้างๆ มีมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ ผลงานจากการที่ดาวจงใจให้รถเฉี่ยว
มอเตอร์ไซค์โวยวาย “ออกมายังไงไม่ดูตาม้าตาเรือเนี่ยคุณ”
“โอ๊ย” ดาวตัวงอ ขาเจ็บ
ภาสกรปั่นจักรยานกลับมา แล้วรีบลงไปดู
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณดาว”
ดาวไม่ตอบ แต่จับขาที่มีเลือดซึมออก ด้วยสีหน้าเจ็บปวดสุดจะประมาณ
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลไม่นานต่อมา ดาวนอนสีหน้าเจ็บปวดอยู่บนเตียง พยาบาลตรวจอาการ พลางเช็ดเลือดที่ขาให้ ภาสกรยืนดูอยู่ข้างเตียง
“ต้องเย็บกี่เข็มคะ”
“แผลไม่ลึกค่ะ ไม่ต้องเย็บ ทำความสะอาดแผล ใส่ยา ก็พอ” พยาบาลบอก
ดาวมีสีหน้าผิดหวัง นางอยากบาดเจ็บหนัก “แต่ดาวรู้สึกเจ็บมากเลยนะคะ ไม่งั้น ไม่ขอให้คุณภาสกรพามาโรงพยาบาล”
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะครับ”
ขณะพยาบาลเริ่มล้างแผล ใส่ยาให้ดาวนั้น ปัญชลีซึ่งอยู่บ้านก็โทร.มาตามภาสกรพอดี สองคนคุยสายกัน
“ใกล้ถึงบ้านหรือยังคะภาส”
“ผมพาลูกน้องลีมาโรงพยาบาลจ้ะ คุณดาวโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว”
ดาวเงี่ยหูฟัง ได้ยินว่า ปัญชลีโทร.มา ก็ตาลุกวาว
“ภาสไปช่วยดาวได้ยังไงคะ” ปัญชลีรู้สึกตงิดๆ ตามสัญชาติญาณผู้หญิง
“คุณดาวมาปั่นจักรยานที่สวนเดียวกับผม คุณดาวมีแผลนิดหน่อย อีกเดี๋ยวผมก็กลับแล้ว น่าจะถึงบ้านซัก 9 โมง เราได้ไปสวนผึ้งกัน”
พอได้ยินว่าเขาจะไปเที่ยวสวนผึ้งกัน ดวงตาดาวก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ หาทางขัดขวาง
“โอ๊ย”
ภาสกรกับพยาบาลแปลกใจ ดาวเจ็บอะไร ตรงไหนขึ้นมาอีก?
ดาวเล่นละครเนียนมาก แสดงท่าว่าเจ็บเหลือหลาย “ตอนพยาบาลแตะข้อเท้าดาวเจ็บมากเลยค่ะ”
พยาบาลลองแตะข้อเท้าดาวอีกทีเบา ๆ
ดาวร้องดังกว่าเดิม “โอ๊ย”
เสียงร้องโอ๊ยของดาว ดังเข้าไปในโทรศัพท์ ปัญชลีอยู่ปลายสายยังได้ยิน
“มีแผลนิดหน่อย ร้องซะดัง สำออยน่าดู”
“กระดูกข้อเท้าอาจร้าว ต้องเอ็กซ์เรย์ดูค่ะ
“แค่นี้ก่อนนะจ๊ะลี ผมต้องพาคุณดาวไปเอ็กซเรย์” ภาสกรวางสาย
พยาบาลไปนำรถเข็นมาให้ดาวนั่ง เห็นภาสกรมองมาอย่างเป็นห่วง ดาวยิ่งแสร้งตีสีหน้าไม่สบายใจ มองข้อเท้าตัวเองอย่างกังวล
ส่วนปัญชลียังรู้สึกตะขิดตะขวงใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของดาว
“สวนในกรุงเทพฯมีตั้งหลายสวน ดาวบังเอิญไปสวนเดียวกับภาส”
ปัญชลีอดระแวงไม่ได้ว่าเธออ่อยภาสกรหรือเปล่า ยิ่งเห็นพฤติกรรมดาวเป็นคนช่างสำออย
ดาวนั่งบนรถเข็น รอเข้าห้องเอ็กซเรย์ ภาสกรเริ่มกระวนกระวาย ดูนาฬิกาข้อมือ อยากกลับไปตามนัดกับปัญชลี ดาวดูออก
“คุณภาสกรกลับก่อนก็ได้ค่ะ ดาวอยู่คนเดียวได้”
“คุณดาวโทร.ตามคนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนซีครับ”
ดาวเปิดฉากดราม่า ตีหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร “ผู้หญิงตัวคนเดียวในเมืองใหญ่คนนี้ ไม่มีใครดูแลหรอกค่ะ ดาวต้องพึ่งตัวเอง เจ็บป่วยแทบลุกจากเตียงไม่ได้ ก็ต้องคลานไปหายากินเอง”
“พ่อแม่พี่น้องคุณดาวล่ะครับ”
ดาวดราม่าต่อ “ครอบครัวดาวอยู่สมุทรสงคราม พ่อดาวเสียไปนานแล้วค่ะ ไม่มีวันไหนที่ดาวไม่คิดถึงพ่อ ส่วนแม่ก็แก่มากแล้ว ดาวต้องกลับบ้านไปดูแม่บ่อยๆ” โดยไม่ลืมพูดถึงศรัณกันไว้ “ดาวมีพี่ชายคนนึง ชื่อพี่ศรัณ พี่ศรัณอยู่ดูแลกิจการแม่ที่บ้านค่ะ”
ภาสกรสงสาร ผู้หญิงคนเดียว ไม่มีครอบครัวดูแลใกล้ชิด
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณดาวครับ”
ภาสกรนั่งลงข้างๆ ยิ้มให้ดาว แววตาและรอยยิ้มอันอบอุ่นนั้น ทำให้ดาวรู้สึกปลอดภัย และสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
ฟากปัญชลียืนกอดอกหน้าบึ้งรอภาสกรอยู่หน้าบ้าน
“ไหนบอก 9 โมง ถึงบ้าน นี่จะสิบโมงแล้ว” เธอจะโทรตามภาสกร แต่เปลี่ยนใจไม่โทร. “ปล่อยให้เต็มที่ ดูสิ จะกลับบ้านกี่โมง”
เจ้าหน้าที่เข็นดาวมาส่งหน้าตึกแล้ว
“โชคดีนะคะ เอ็กซเรย์แล้ว กระดูกข้อเท้าดาวไม่ร้าว แค่ซ้น คุณภาสกรส่งดาวแค่นี้ล่ะค่ะ ดาวกลับแท็กซี่ได้”
“รถคุณดาวจอดอยู่ที่สวน ต้องไปเอารถอีก ขับรถไหวหรอครับ”
“ให้ซิ่งยังไหวเลยค่ะ ดาวไม่ได้แข้งขาหักนี่คะ”
ดาวยิ้มน่ารักให้ภาสกร ประหนึ่งว่าเธอสบายดีมาก แต่พอลุกจากเก้าอี้รถเข็น ดาวก็เล่นละคร แกล้งทำเป็นยืนไม่ไหวซวนเซจะล้มเอา ภาสกรต้องจับแขนไว้ ช่วยให้ดาวทรงตัวได้
“แค่ยืนยังไม่ไหวเลยครับ”
ดาวยิ้มแหยๆ หน้าม่อย ภาสกรมีสีหน้าลำบากใจ เขาควรรีบกลับไปหาปัญชลี แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ดาวที่ขาเจ็บต้องกลับบ้านเอง ดาวเห็นภาสกรคิดหนัก ก็ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ
รถของดาวแล่นเข้ามาจอดยังที่จอดรถคอนโด โดยดาวนั่งเบาะข้างคนขับยิ้มปลื้ม หันไปหาสารถีกิตติมศักดิ์ ภาสกร ที่เป็นคนขับรถพากลับมา
“ผมส่งแค่นี้นะครับ ขึ้นไปส่งบนห้องไม่เหมาะ คุณดาวเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว คนจะมองไม่ดี”
“คุณภาสกรให้เกียรติผู้หญิงจังนะคะ”
โชคซวยมาเยือนเรือนชีวิตดาว เพราะรถกระบะศรัณแล่นมาพอดิบพอดี
ดาวมองจากในรถเห็นเข้า ก็ตกใจมาก หน้าเหรอหรา ถ้าศรัณมาเห็นต้องสงสัย ภาสกรเป็นใครถึงอยู่กับเธอ
ภาสกรเห็นดาวหน้าเหรอหราก็สงสัย “เป็นอะไรครับ”
“เอ่อ...อ่า...ดาวลืมให้คุณภาสกรแวะซื้อผ้าก๊อชค่ะ ขับรถพาดาวไปร้านขายยาปากทางทีนะคะ” ดาวหวังจะให้ภาสกรรีบพาออกไปพ้น ไม่ให้ศรัณเห็น
“โรงพยาบาลก็ให้ผ้าก๊อชมานี่ครับ”
ดาวหน้าเจื่อน จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก
ศรัณจอดรถเข้าซองเรียบร้อย ลงจากรถ กำลังจะหันมาทางรถดาว โชคดีที่มีรถคันหนึ่งมาจอดติดรถดาว บังไม่ให้ศรัณเห็น
ดาวเห็นรถมาจอดบัง ก็โล่งอก รอดไปเปลาะหนึ่ง
“คุณดาวดูแปลกๆ นะครับ”
“ดาว...ดาวเจ็บข้อเท้าน่ะค่ะ เลยทำตัวผิดปกติไปหน่อย ที่ห้องดาวไม่มียาแก้ปวด คุณภาสกรพาดาวไปซื้อยาทีนะคะ”
ภาสกรท้วง “ไม่ปวดมากก็อย่ากินเลยครับ ยาแก้ปวด กินแล้วติด”
ศรัณกำลังจะเดินผ่านรถดาว และคาดว่าจะเห็นดาวอยู่กับภาสกรแน่นนอน
“เอ้อ ลืม”
ศรัณนึกได้ หันหลังย้อนกลับมาที่รถ เลยไม่ทันได้เห็นดาวกับภาสกร
ดาวเร่งเร้าให้ภาสกรขับรถไปจากตรงนี้ไวๆ
“คุณภาสกรไม่ขับรถไปให้ ดาวก็ต้องกระเสือกกระสนไปซื้อยาเองค่ะ”
“ผมพาไปซื้อก็ได้ครับ”
ภาสกรออกรถไปในที่สุด ดาวลอบถอนหายใจเบาๆ
ฝ่ายศรัณมัวก้มหยิบของในกระโปรงหลังรถ ได้ยินเสียงรถแล่นผ่าน แต่ไม่ได้สนใจมอง จึงไม่เห็นรถดาวที่ภาสกรขับแล่นผ่านไป
ศรัณหยิบถุงปลาแห้ง ปิดกระโปรงหลังรถ เดินยิ้มอารมณ์ดีเข้าคอนโดไป
ทางด้านแพรพรรณยืนแกร่วรอภานุอยู่หน้าร้านแม่ก้อยข้าวมันไก่ จนเห็นภานุขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบตรงหน้าก็โวยลั่น
“ไหนบอกจะเอารถเก๋งที่บ้านมาไง ทางไปอยุธยารถบรรทุกเยอะ ขี่มอเตอร์ไซค์ไป ได้โดนสิบล้อซิว”
“ผมจะขี่ระวังๆ”
ก้อยออกมา ภานุไหว้ “สวัสดีครับคุณแม่ ผมขออนุญาตพาแพรไปทำงาน หาข้อมูลที่อยุธยานะครับ เย็นๆ จะมาส่ง”
“อย่าเอามอเตอร์ไซค์ไปเลยลูก ขี่ออกต่างจังหวัด อันตราย”
“ตอนอยู่อังกฤษ ผมขี่มอเตอร์ไซค์เล่นแถวนอกเมืองบ่อยครับ”
แพรพรรณหมั่นไส้ “นั่นมันอังกฤษ นี่ไทยแลนด์โอนลี สิบล้อที่นี่ ชนไม่ตาย มีถอยกลับมาทับ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคุณ”
“จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ร้านแม่ นั่งรถทัวร์ไป ปลอดภัยกว่า” ก้อยพูดเป็นเชิงขอร้อง
“ไปรถทัวร์ช้าแม่”
“มอเตอร์ไซค์ก็ไม่ไป รถทัวร์ก็ไม่ไป แล้วคุณจะนั่งรถอะไรไป”
ศรัณกำลังทอดปลาแห้งควันโขมง ตอนดาวหิ้วถุงยาแก้ปวดเข้าห้องมา ศรัณหันมามองพบว่าที่ข้อเท้าดาวมีผ้าก็อชพันแผล
“ข้อเท้าดาวเป็นอะไรจ๊ะ”
“ซ้นค่ะ”
ดาวนิ่วหน้า เหม็นกลิ่นปลาทอด รีบเดินมาปิดเตาแก๊ส ให้ศรัณหยุดทอดปลา ดาวเดินเหินปกติ ไม่เจ็บข้อเท้าเหมือนตอนเล่นละครตบตาภาสกร
“ดาวเดินปกติ ข้อเท้าคงไม่เป็นไรมาก”
“ค่ะ ดาวสบายดี ดาวบอกพี่ศรัณตั้งหลายครั้งแล้ว อย่าทอดปลาในห้อง มันเหม็น กลิ่นติดม่าน”
“ปลานี่ แม่ดาวฝากมาให้ สั่งให้พี่ทอดให้ดาวกินจ้ะ” ศรัณผู้แสนดีบอก
“ทีหลังทอดมาจากบ้านนะคะ ดาวคิดว่าวันนี้พี่ศรัณอยู่กระชังปลาซะอีกค่ะ เห็นบอกว่าที่กระชังมีปัญหา”
“พี่รีบแก้ปัญหาให้เสร็จเมื่อวาน วันนี้ได้มาหาดาว เราเคยนัดกัน จะไปไหนดาวจำได้มั้ยจ๊ะ”
ดาวงง “ไปไหนคะ”
“โธ่ดาว ลืมได้ยังไง ดาวอยากได้เจ้าสิ่งนี้มาก อะไรเอ่ย มีสี่ล้อ หมุนๆๆ พาน้องดาวของพี่ไปไหนต่อไหน”
ดาวนึกได้ หายหงุดหงิดทันควัน ยิ้มหวานหยด เกาะแขนออเซาะผัวคนซื่อ
“พี่ศรัณจะซื้อรถให้ดาว”
ดาวกับศรัณมาดูรถที่เต็นท์รถมือสอง ดาวสะดุดตารถหรูสภาพใหม่คันหนึ่งเอามากๆ
“คันนี้เจ้าของฝากขายครับ 9 แสนสอง เพิ่งถอยมาได้ 5 เดือน จ่ายเงินสด ก็เอากุญแจรถ ขับออกไปได้เลย”
ศรัณคิดหนัก “ตั้ง 9 แสนสอง ซื้อซิตี้คาร์ป้ายแดงดีกว่าจ้ะดาว”
“รถยนต์ บ่งบอกสถานะเจ้าของ ตอนนี้ดาวอัพเกรดตัวเองขึ้นมาแล้ว อีกหน่อยดาวต้องได้เป็นพิธีกร รถที่ดาวขับ ต้องมีคลาสค่ะ แล้วที่ดาวเลือกซื้อรถมือสอง เพราะไม่อยากรอรถป้ายแดงที่โชว์รูมเป็นเดือนๆ ดาวอยากขับรถคันใหม่พรุ่งนี้เลย”
“พี่เอาเงินมาแค่สองแสน กะดาวน์รถ แล้วผ่อนเอา”
“ไปเบิกเงินที่ธนาคารซีคะ วันเสาร์ แบงค์ในห้างเปิด ดาวอยากได้รถคันนี้มาก เห็นปุ๊บ เตะตาปั๊บ ดาวนึกภาพตัวเองขับรถคันนี้ไปทำงาน ขับกลับบ้านที่สมุทรสงคราม ไปหาแม่ ไปหาพี่ศรัณ เราจะขับรถเล่นกัน ขับไปชะอำ หัวหิน ไปถึงกระบี่พังงาเลยก็ได้ค่ะ”
ดาวส่งสายตาวิงวอนศรัณ อยากได้รถคันนี้มาก ศรัณยิ้มแห้ง เงินสดตั้งเกือบล้าน
ฟากภาสกรเพิ่งกลับถึงบ้าน เดินเข้ามาหาปัญชลีหยุดเรียกหน้าห้องนอน
“ลี ผมกลับมาแล้ว คุณอยู่ไหนจ๊ะ”
ภาสกรเข้ามา เห็นปัญชลีหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ กำลังรื้อเสื้อผ้าจากกระเป๋า กลับใส่ตู้
“นาฬิกาภาสเดินช้าหรอคะ ไม่รู้ว่าบ่ายสองแล้ว”
“ผมต้องพาคุณดาวไปโรงพยาบาล แล้วย้อนกลับไปเอารถคุณดาวที่สวนอีกขับไปส่งคุณดาวที่คอนโด แล้วผมก็นั่งแท็กซี่ไปเอารถตัวเอง ขับกลับบ้าน”
ปัญชลีติดใจ “ภาสไปคอนโดเด็กคนนั้น”
ภาสกรดูออกว่าปัญชลีระแวง “ผมส่งเค้าแค่ข้างล่างจ้ะ ไม่ได้ขึ้นห้อง ที่ผมช่วยเหลือเค้าเพราะเค้าเป็นลูกน้อง โดยเฉพาะเป็นลูกน้องของลี ผมยิ่งต้องดูแล เค้าจะได้ซาบซึ้ง ทำงานทุ่มกายถวายหัวให้ลีของผมไงจ๊ะ”
คำตอบภาสกรพอให้ปัญชลีคลายความระแวงไปได้ระดับหนึ่ง
“ภาสไม่ต้องเทคแคร์ลูกน้องนักหรอกค่ะ เราจ้างเค้าทำงาน ไม่ได้ทำงานให้เราฟรี ลีไม่ไปสวนผึ้งแล้วนะคะ กว่าภาสจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปถึงสวนผึ้งก็เย็นพอดี ไม่ได้เที่ยว”
ภาสกรอ้อน “ไปเถอะจ้ะ ไปนอนเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ”
“เก็บเสื้อผ้ารอภาสอยู่ครึ่งค่อนวัน จนลีหมดอารมณ์อยากเที่ยวแล้วค่ะ อยากนอนอ่านหนังสืออยู่บ้านมากกว่า”
ภาสกรเห็นปัญชลีหน้าบึ้ง หงุดหงิด ก็เลยไม่เซ้าซี้ “ตามใจลีจ้ะ”
ภาสกรช่วยปัญชลีจัดเสื้อผ้าจากกระเป๋าเก็บคืนเข้าตู้
ปัญชลีเหลือบมองสามี สายตาดูออกว่ายังระแวงภาสกรกับดาว
สรุปว่าภานุกับแพรพรรณพากันมานั่งรออยู่ในรถตู้เพื่อไปอยุธยา ผู้โดยสารยังไม่เต็ม ภานุชวนคุย
“พี่ เอ๊ย คุณลี ให้เราไปสัมภาษณ์ชาวบ้านชุมชมริมแม่น้ำในตัวเมืองอยุธยา เรื่องป้องกันน้ำท่วม คุณคิดคำถามมาบ้างหรือเปล่า”
“คิด” แพรพรรณหาวปากกว้าง ไม่ปิดปากอีกด้วย
“เห็นลิ้นเป็ดเลยคุณ”
นอกจากไม่สลด นางยังขำคิก “ลิ้นเป็ดอะไร ลิ้นไก่ ฮะๆๆๆ เด็กนอก ภาษาไทยไม่แตกฉาน”
“ผมอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก พูดไทยชัดก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“อ้าปากสินายภานุ ลิ้นเป็ด... นายยาวมั้ยอ่ะ” แพรพรรณหัวเราะร่า
ภานุเซ็ง “คุณอย่าพลาดมั่งแล้วกัน ผมเอาคืน”
แพรพรรณหาวติดๆ กันหลายหน “เมื่อคืนชั้นดูหนังดึก นอนตั้งตี 3”
แพรพรรณเอนหัวพิงพนัก หลับไปอย่างรวดเร็ว
“คุณ คุณ...” แพรพรรณนิ่ง หลับสนิท “หลับง่ายชะมัด หลับซะก็ดี ได้ไม่กวนประสาท”
แพรพรรณเอียงหัวมาซบบ่า ภานุดันหัวแพรพรรณออกเบาๆ หัวแพรพรรณค่อยเอียงมาซบใหม่ ดันออกอีก ก็ซบอีก
“ให้เช่าบ่า 1 วัน”
ภานุปล่อยให้แพรพรรณหลับซบบ่า สาวเจ้าหลับสนิท หลับลึก
ภานุมองหน้าแพรพรรณใกล้ ๆ ออกแนวเอ็นดูมากกว่าซึ้ง
“หลับปุ๋ยเหมือนเด็กเลย”
ภานุนั่งหลังตรงแหนว เพื่อให้แพรพรรณซบบ่าหลับสบาย
ดาวเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งชุดคลุมเนื้อบางเบา นางลูบไล้ครีมประทินราคาแพงบนเรียวขาสวย จากนั้นเดินไปหยิบผ้าขนหนูของภาสกรจากกระเป๋าออกมา นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
ตอนหลอกเอาผ้าขนหนูของภาสกร โดยใช้มือตัวเองที่เปื้อนคราบน้ำมัน ป้ายๆแก้มตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เอาผ้าผมไปเช็ดก่อนก็ได้ครับ”
ภาสกรยื่นผ้าขนหนูที่คล้องคอให้ ดาวรับมาอย่างเกรงใจ แล้วเช็ด ทำขวยเขิน
“เปื้อนหมดเลย เดี๋ยวดาวเอาไปซักให้นะคะ”
ดาวมองผ้าขนหนูในมืออย่างหมายมาด ว่าสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือ ให้ผัวเมียเค้าแตกกันในภายภาคหน้า
“เก็บผ้าขนหนูไว้ก่อน ค่อยๆ เขย่าประสาทปัญชลีทีละสเต็ป ค่อย ๆ บิวท์ให้หึง...จนบ้านแตก”
ดาวหัวเราะคิก หน้าตาร้ายกาจ ของคนฉลาดแกมโกง
สายวันถัดมา ศินีนาฏในชุดแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดบาทา เดินเชิดออกมาขึ้นรถหน้าบ้าน จู่ๆ รถคันใหม่ของดาวที่หลอกเงินขายปลาของศรัณมาซื้อ ก็ขับรถมาจอดเทียบ ดาวคนสวยลงรถแบรนด์เนมทั้งชุด
“ชุดเริดเชียวน้า” ศินีนาฏยิ้มทัก
“เริดไม่เท่าคุณศินีนาฏหรอกค่ะ ชาแนลทั้งชุด”
“ไม่เคยเห็นดาวขับรถคันนี้”
ดาวตอแหลล้วนๆ “รถที่บ้านค่ะ” นางทำเป็นบ่น “ไม่รู้เป็นอะไร แม่ดาวชอบซื้อรถใหม่ ตอนนี้จอดเรียงกันที่บ้านเป็นสิบคัน ล่าสุดนี่เพิ่งถอย Volvo SUV ปรากฏว่าไม่มีใครขับ ให้แมวข้างบ้านขึ้นไปนอนบนหลังคารถเล่นซะอย่างนั้น” ดาวหัวเราะอย่างน่ารักปิดท้าย
ศินีนาฏเย้า “ถอย Volvo SUV มาจอดทิ้ง ต้องรวยมาก”
“ครอบครัวดาวเป็นคนบ้านนอก ไม่รวยเท่าเศรษฐีกรุงเทพฯหรอกค่ะ” นางออกตัว
“เศรษฐีบ้านนอกนี่แหละ รวยของจริง”
“เราไปกันเลยนะคะ”
ดาวเลิกคุย แสร้งทำเป็นว่าไม่อยากเล่าความร่ำรวยของครอบครัว ศินีนาฏมองดาวยิ้มกริ่ม นังเด็กคนนี้รวยน่าดู และน่าคบ
ในร้านกระเป๋าแบรนด์เนม กลางห้างหรูตอนนี้ ดาวกับศินีนาฏเดินเลือกกระเป๋าอยู่ในนั้น
“เมื่อวานตอนดาวโทร.ไปชวนคุณศินีนาฏมาช้อปปิ้ง กลัวคุณศินีนาฏไม่อยากมาคุณศินีนาฏน่ะ ระดับ ไฮ เอนด์ ส่วนดาวโลโซ”
“โลโซที่ไหน หิ้วกระเป๋าพราด้า” ศินีนาฏมองกระเป๋าดาว
ดาวหลอกถามเก็บข้อมูล “คุณภาสุรีมาช้อปปิ้งกับคุณศินีนาฏบ้างมั้ยคะ”
“นานๆ ที คุณภางานเยอะ”
“งานที่ฝ่ายรายการกดดันมาก คุณภาสุรีต้องทำเรตติ้งให้ช่อง บางวัน ดาวเห็นคุณภาสุรีหน้าเครียดมาก ดาวล่ะอยากเข้าไปคุย ให้กำลังใจ แต่กลัวโดนดุค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวเลย คุณภาใจดีมาก กับชั้น เป็นแบ็คให้ทุกเรื่อง ไว้ชั้นจะแนะนำดาวให้คุณภารู้จักอย่างเป็นทางการ คุณภาลูกน้องเยอะ จำชื่อบางคนไม่ได้”
ดาวยิ้มหวาน “คุณศินีนาฏดีกับดาวจังเลยค่ะ เดี๋ยวดาวขอเลี้ยงข้าวกลางวันนะคะ”
ศินีนาฏยิ้มรับ ดาวเดินแยกไปเลือกกระเป๋า ลอบมองศินีนาฏด้วยแววตาสมเพช
“คนเห็นแก่เงิน หลอกใช้ง่าย เป็นสะพานให้ชั้นเข้าถึงคุณภาสุรี ชั้นจะได้ทอดสะพานต่อไปถึงครอบครัวคุณภาสกร”
ดาวยิ้มชั่วออกมาในใบหน้าหวานหยด
หลังมื้อค่ำครอบครัวภาสกรกำลังปรึกษากันถึงรายการ กระแสนิวส์เช้านี้ ที่จะออกอากาศพรุ่งนี้
“พ่อว่า ศินีนาฏคนเดียว เอารายการไม่อยู่ ภาต้องหาพิธีกรใหม่มาเสริม”
“ตอนนี้ภายังไม่เห็นใคร เก่งพอจะมานั่งจัดรายการกระแสข่าวเช้าค่ะ”
“โยกพิธีกรรายการข่าวอื่นมาช่วยสิลูก”
“พิธีกรของช่อง คิวงานเต็มทุกคนค่ะคุณพ่อ”
วิไลลักษณ์เอ่ยขึ้น “สถานี THAIKK ของเรา สร้างพิธีกรประดับวงการทีวีมานับไม่ถ้วน เรามีศักยภาพ มีประสบการณ์ เราเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงความสามารถ ภา ลูก...เราต้องปั้นพิธีกรใหม่”
ดาวหอบหิ้วข้าวของกลับจากช้อปปิ้ง ยิ้มหวานให้ศรัณคนดี ที่กำลังรีดเสื้อผ้าชุดทำงานให้อยู่
“คุณศินีนาฏนี่ขาช้อปตัวจริง พาดาวเดินซื้อของทั้งวัน เมื่อยขามากเลยค่ะ”
ศรัณวางเตารีด ไปช่วยรับถุงของจากดาว
“รูดบัตรไปกี่หมื่นจ๊ะ”
“แสนนิดๆ เองค่ะ” นางบอกหน้าตาเฉย
ศรัณตาเหลือก “ดาว พี่เพิ่งเบิกเงินในบัญชีมาให้ดาวเกือบล้าน ซื้อรถใหม่ ดาวช่วยพี่ประหยัดหน่อยซีจ๊ะ พี่ไม่ใช่ตู้ ATM เคลื่อนที่นะ”
“บ้านพี่ศรัณรวยเป็นสิบๆ ล้าน เงินแค่นี้ ต่อกระชังปลาพี่ได้กระชังเดียวเท่านั้นแหละค่ะ” ดาวฉอเลาะ
“นั่นมันเงินครอบครัว เงินเก็บในบัญชีพี่เกือบหมดแล้ว พ่อให้เงินเดือนพี่เดือนละ 2 หมื่นห้า ถ้าดาวยังใช้เงินมือเติบแบบนี้ พี่เลี้ยงดาวไม่ไหว”
“พรุ่งนี้รายการกระแสนิวส์เช้านี้ ไม่มีปัญชลีนั่งเป็นพิธีกรแล้ว โอกาสของดาวเปิดกว้าง ดาวต้องทำตัวรวย เอาใจคุณศินีนาฏ พิธีกรคนเดียวของรายการ เค้าจะได้ผลักดันดาว ให้ดาวนั่งเป็นพิธีกรคู่กัน”
ศรัณทอดถอนใจ “ความสำเร็จ ควรได้มาด้วยความสามารถ ไม่ใช่การประจบประแจงนะจ๊ะ”
“คนเก่ง ที่เอาใจเจ้านายไม่เป็น มักไม่ประสบความสำเร็จค่ะ ขณะที่คนไม่เก่งแต่เลียเก่งอย่างคุณศินีนาฏ ได้ดิบได้ดี มีงานล้นมือ ดาว...ทั้งเก่ง ทั้งเอาใจเจ้านายเป็น อนาคตของดาวต้องไปไกลกว่าพิธีกรทีวีทุกคนที่เคยมีมาในวงการ”
สีหน้าของดาวเวลานี้ ทั้งมุ่งมั่น และมั่นใจในตัวเองสูงลิบ ว่าต้องได้ดี ต้องโด่งดัง
เช้ามืดวันจันทร์ บรรยากาศในห้องแต่งตัวดีงามมาก ปัญชลี ตัวปัญหารายการไม่มาแล้ว ตุ่นบรรจงแต่งหน้าให้ศินีนาฏ
“วันนี้ประดิดประดอยจังนะเจ๊ แต่งหน้าน๊านนาน” จอยแซว
“อ๊ะ ได้ยังไง ตอนนี้คุณศินีนาฏเป็นพิธีกรหลักคนเดียวแล้ว เจ๊ก็ต้องจัดเต็ม แต่งให้สวยเริด จนนางเอกช่องแอบเคือง”
ภาสุรีที่มาคุมงานเองสั่งการ “ดีแล้วล่ะตุ่น พิธีกรรายการข่าวต้องสวยน่ามอง วันนี้สคริปต์ข่าวเยอะมาก จอย แอน ถ้าศิเล่าข่าวตกหล่นตรงไหน ให้รีบบอกทางหูฟัง”
“ค่ะคุณภาสุรี” จอย กะ แอนรับคำ
ท็อปเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณภาสุรีครับ เราจะหาพิธีกรมานั่งคู่คุณศินีนาฏมั้ยครับ”
“ชั้นจะปั้นพิธีกรใหม่”
ท็อปอึ้ง “ปั้นพิธีกรใหม่”
“ปัญชลีไปแล้ว รายการต้องการอะไรใหม่ๆ ดึงคนดู”
ดาวแอบส่งสายตาให้ศินีนาฏ ขอให้ศินีนาฏแนะนำหล่อนขึ้นเป็นพิธีกร
“คุณภาขา ศิว่า ให้โอกาสคนในรายการก่อนก็ดีนะคะ”
“คนในรายการ ใคร”
ศินีนาฏอ้าปากกำลังจะเอ่ยชื่อ ฝ่ายดาวเนื้อเต้นลุ้นสุดขีด ราวกับได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราชกระนั้น
จู่ๆ ภาสกรกับปัญชลีก็เดินเข้ามา ทุกคนในห้องแต่งตัวอึ้งกันไปทั้งแถบ โดยเฉพาะดาว
ภาสกรบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณปัญชลีมาจัดรายการเหมือนเดิม”
ปัญชลีหน้านิ่ง เชิด ไม่แคร์ทุกสายตาที่มองมาอย่างไม่ชอบ
ดาวเหวอไปเลย วิมานทลายฝันสลายลงตรงหน้า
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในสตูดิโอตอนนี้ ทีมกล้องเช็ตอุปกรณ์กันไป ปัญชลีนั่งรอรายการเริ่มอยู่บนเวที คุยสคริปต์ข่าวกับท็อป
“เปลี่ยนเอาข่าวนี้ขึ้นก่อนดีกว่า คนกำลังสนใจ”
“ผมจะไปบอกคุณศินีนาฏ รันดาวน์ข่าวใหม่” ท็อปเดินออกไป
ดาวเข้าห้องส่ง ปัญชลีมองดาวอย่างไม่เป็นมิตร พยักหน้าเรียกดาวมาคุยใกล้ๆ
“ชอบปั่นจักรยานหรอ” ปัญชลีจับพิรุธ
“เพิ่งเริ่มค่ะ เบื่อออกกำลังกายในยิม”
“ปกติปั่นที่สวนไหน”
“สวนรถไฟค่ะ” ดาวรู้ตัวว่ากำลังโดนจับผิด ตอบเรียบๆ ไร้พิรุธ “วันเสาร์ที่ผ่านมาดาวเจอคุณภาสกรด้วยนะคะ”
ภาสกรเข้ามาหาปัญชลี ยิ้มทักดาว
“ขาหายแล้วนี่คุณดาว เห็นเดินปร๋อ”
“ค่ะ”
ดาวทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเจียมตัว ไม่อยู่กวนสองคน เดินเลี่ยงออกไป ปัญชลีมองตามดาวไม่วางตา เริ่มไม่ไว้ใจเด็กคนนี้
ภาสกรอ่านสายตานั้นออก “ลี ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวล”
“ลีเป็นนักข่าวนะคะ อาชีพนักข่าว จมูกไว”
ปัญชลีก้มหน้าอ่านสคริปต์ข่าว ไม่อยากคุยเรื่องส่วนตัวกับภาสกรตอนนี้
ภาสกรสีหน้าไม่สบายใจ เมียระแวงเรื่องชู้สาว
มุมหนึ่งในห้องส่ง ดาวแอบสังเกตพฤติกรรมปัญชลีกับภาสกร ดูออกว่าคู่รักคู่นี้มีปัญหากัน ดาวยิ้มชอบใจ
“ดูท่าปัญชลีเริ่มหึงแล้ว เราต้องบิวท์ต่อ”
ดาวยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบาย
ในห้องแต่งตัวไม่มีใครอยู่ ดาวเปิดกระเป๋าถือหยิบผ้าขนหนูของภาสกรออกมา จงใจจะใช้ผ้าขนหนูผืนนี้ยั่วให้ปัญชลีหึง
พลันดาวคิดแผนได้อีกชั้น หยิบน้ำหอมราคาแพงในกระเป๋า ฉีดใส่ผ้าขนหนู แล้วฉีดให้ตัวเอง ให้มีกลิ่นเดียวกัน
วิไลลักษณ์กับโอภาสจิบกาแฟอยู่ในโถงอันโอฬารของคฤหาสน์ รอดูรายการกระแสข่าวเช้า มีคนใช้รอรับใช้อยู่หนึ่งนาง
“พูดก็พูดเถอะนะคะ ศินีนาฏไม่ใช่คนเก่ง ชั้นว่า จัดรายการคนเดียว ไม่รอด”
“ยัยภาคงคิดเหมือนคุณ วันนี้ถึงได้ไปคุมรายการเอง”
“รายการมาแล้ว” วิไลลักษณ์ดูเวลาหันไปสั่งคนใช้ “เปิดทีวีสิ”
พอคนใช้เปิดทีวี วิไลลักษณ์กับโอภาสก็งง ที่เห็นปัญชลีนั่งจัดรายการคู่กับศินีนาฏ
ในจอปัญชลีกับศินีนาฏนั่งเล่าข่าวคู่กัน โดยไม่มองหน้ากัน ไม่คุยรับส่งกัน ทั้งที่นั่งเป็นพิธีกรคู่กัน
วิไลลักษณ์ดูข่าวอยู่เห็นความบาดหมางระหว่างปัญชลีกับศินีนาฏชัดเจนขนาดนั้น ก็ไม่พอใจ
“ไม่เอาสคริปต์ฟาดใส่กันซะเลยล่ะ แม่ลีกลืนน้ำลายตัวเอง กลับมาจัดรายการ กลัวไปจากช่องเราแล้วไม่รุ่ง”
“คนเก่งอย่างลี ช่องไหนก็อ้าแขนรับ ผมว่า ภาสไปขอให้กลับมา” โอภาสทักท้วง
“ตาภาสยอมแม่ลีเกินไป จนแม่ลีไม่เห็นหัวใครในช่อง แม้แต่ชั้น ม้าพยศไม่ถูกเฆี่ยน วันนึงจะกลายเป็นม้าป่า คุมบังเหียนไม่ได้ เห็นที ชั้นต้องปราบพยศแม่ลีเอง”
แววตาวิไลลักษณ์ลุกโชน นิสัยเป็นคนแรง กร้าว ไม่ต่างจากปัญชลีนักหรอก
ปัญชลีจัดรายการเสร็จแล้ว เดินออกจากห้องส่ง พร้อมภาสกร เจอดาวดักรออยู่
“คุณภาสกรคะ ดาวเอามาคืนค่ะ” ดาวตีหน้าซื่อ เอาผ้าขนหนูมาคืน
ภาสกรหน้าเสีย รู้แก่ใจเพิ่งทำให้ปัญชลีหึงเรื่องดาว แต่ปัญชลีเฉยมาก อยากเห็นพฤติกรรมดาวอีก
ดาวรายงานปัญชลีเป็นฉากๆ “วันที่เจอกันในสวน โซ่จักรยานดาวหลุด คุณภาสกรใส่โซ่ให้ หน้าดาวเลอะ ก็ให้ยืมผ้ามาเช็ดหน้า ใจดีมากเลยค่ะ”
ภาสกรบอกขึ้นว่า “อืม...คุณดาวเก็บผ้าไว้เถอะครับ”
ดาวตื๊อจะคืน “ดาวซักให้แล้วนะคะ”
“ผมมีอีกหลายผืน ผมไปทำงานก่อนนะจ๊ะลี”
ภาสกรชิงเลี่ยงดาวไป เพื่อไม่ให้ปัญชลีหึงอีก
“รบกวนคุณปัญชลีเอาไปให้คุณภาสกรได้มั้ยคะ ดาวอยากคืน”
ปัญชลีได้กลิ่นน้ำหอมโชยมา หยับผ้าขนหนูมาดม “ฉุนแรงขนาดเนี้ย ไม่ใช่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม” ปัญชลีสูดกลิ่นน้ำหอมจากตัวดาว “กลิ่นน้ำหอมเดียวกับที่เธอใช้”
“ดาวชอบฉีดน้ำหอมบนผ้าขนหนูค่ะ” ดาวบอกหน้าตาย
ปัญชลีปาผ้าขนหนูใส่หน้าดาว!
“ใครจะบ้าฉีดน้ำหอมบนผ้าขนหนู”
ดาวตกใจ ไม่คิดว่าปัญชลี จะมาแรงถึงเพียงนี้
“คุณภาสไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรงๆ บ่นว่าฉุนไป น้ำหอมก็เหมือนผู้หญิง แรงไป ฉุนไป ผู้ชายก็ไม่ชอบ คนจีนเค้าถึงพูดว่า กลิ่นหอมจางไว กลิ่นเหม็นโชยไปไกล น่ารังเกียจ”
ปัญชลีมองไม่แยแสดาวสักน้อย ไม่อยู่ในสายตา ไม่ใช่คู่แข่ง ปัญชลีเดินเชิดออกไป
“น่ารังเกียจ หรือ น่ารัก แล้วเราจะรู้กัน ปัญชลี”
ดาวคุมแค้น พับผ้าขนหนูภาสกรอย่างบรรจง
วิไลลักษณ์เข้าช่องแทบจะทันที สั่งปัญชลีเสียงเฮี้ยบต่อหน้าทุกคนในห้องส่ง
“เธอต้องถ่ายไอจี คู่ศินีนาฏ กลบกระแสข่าวว่าเกาเหลากัน”
“ลีเป็นนักข่าวนะคะคุณแม่ ไม่ใช่นักสร้างภาพ”
“สถานีของชั้น กฎของชั้น เธอไม่ปฎิบัติตาม ก็ออกไป” วิไลลักษณ์เสียงเข้ม
ภาสกรเอ่ยขึ้น “คุณแม่ครับ ผมเพิ่งขอให้ลีกลับมานะครับ เรื่องระหว่างลีกับศินีนาฏเราค่อยแก้ปัญหาไป อย่าเพิ่งบีบบังคับใจกันนักเลยครับ”
ศินีนาฏโพล่งขึ้น “ศิจะเซลฟี่ รูปศิกับปัญชลีค่ะ ให้แฟนคลับเห็นว่าเราไม่ได้มีปัญหากัน เพื่อสถานี ศิทำได้ ไม่ได้เป็นการบังคับใจ”
ภาสุรีหันมาทางปัญชลี “ศิแสดงสปิริตแล้ว เธอล่ะ ลี”
“การกลับมาจัดรายการคู่กัน ก็น่าจะพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสช่วย” ปัญชลีบ่ายเบี่ยง
โอภาสเอ่ยขึ้นนิ่มๆ “เราเป็นสื่อมวลชน หลีกเลี่ยงคำว่าสร้างกระแสไม่ได้หรอกลี ยุคโลกออนไลน์ขนาดเราอยู่เฉยๆ ข่าวเรายังเป็นกระแสได้”
“เธอไม่ร่วมมือ ชั้นก็ให้เธอกลับมาจัดรายการกระแสนิวส์เช้านี้ไม่ได้ จริงอยู่ ชั้นอาจเสี่ยงที่รายการเรตติ้งตก แต่ไม่นานหรอก ชั้นปั้นพิธีกรใหม่ได้ ชั้นอยู่ในวงการทีวีก่อนเธอมาเป็นสิบปี ชั้นรู้ คนดูต้องการอะไร”
ปัญชลีสบตาวิไลลักษณ์ เจอสายตาแข็งกร้าวของแม่สามีจ้องกลับมา ถึงกับเมินหน้าหนี
ฝ่ายภาสกรส่งสายตาขอร้องให้ปัญชลียอมทำตามเงื่อนไขแม่ตน
ภายในสถานี มีมุมพักผ่อน ตกแต่งเป็นสวนสวยเล็กๆ ไว้ให้พนักงานมานั่งจิบกาแฟ ปัญชลีกับศินีนาฏ Selfie ถ่ายรูปคู่กันอยู่มุมหนึ่งในนั้น มีภาสกร วิไลลักษณ์ ภาสุรี และโอภาส มาตรวจสอบพฤติกรรมปัญชลีว่าให้ความร่วมมือดีมั้ย
ปัญชลีฝืนใจ ยิ้มแย้มร่าเริงถ่ายรูปคู่กับศินีนาฏ
“เห็นมั้ยครับคุณแม่ เอาเข้าจริง ลีก็คุยง่าย ทำขึงขังไปอย่างนั้นแหละ” ภาสกรยิ้มบอกมารดา
“ต้องเกาะติดสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ลีจะสร้างปัญหาอีกมั้ย” วิไลลักษณ์ว่า
“ถ่ายพอหรือยังคะคุณแม่” ปัญชลีถาม
“ถ่ายอีก ลงรูปในไอจี เยอะๆ”
ภาสกรยิ้มบอก “ภาจะเอารูปลีกับศิลงไอจีภาด้วย ช่วยสร้างกระแส”
“พ่อว่าจะสมัครไอจี กับเค้ามั่ง แต่กลัวไม่มีคนติดตาม” โอภาสเย้า
ภาสกรยิ้มขัน “ผมจะสมัครฟอลโลว์ ไอจีคุณพ่อคนแรกเลยครับ”
“เอ้อ ก็ดีนะ มีลูกเป็นแฟนคลับ”
บรรยาการชื่นมื่น ครอบครัวภาสกรหัวเราะสบายใจ ปัญหาความบาดหมางระหว่างปัญชลีกับศินีนาฏถูกแก้ไข
ดาวแอบดูปัญชลีถ่ายรูปยิ้มแย้มกับศินีนาฏแล้วหงุดหงิด
“นังจิ้งจอกฆ่าไม่ตาย คืนชีพกลับมา แล้วเราจะได้เป็นพิธีกรเมื่อไหร่”
ดาวมองอย่างเจ็บใจ ปัญชลียังอยู่ขวางทางรุ่งโรจน์ของเธอ
ในห้องคอสตูม ศินีนาฏเม้าท์แตกอยู่กับตุ่น โดยอีตุ่นรีดชุดพิธีกรอยู่
“อยากจะอ้วก ต้องปั้นหน้ายิ้มถ่ายรูป Selfie กับนังจิ้งจอก แถมยังต้องโพสต์ข้อความน้ำเน่าลงไอจี” ศินีนาฏทำเสียงเล็กเสียงน้อย “ขอบคุณคุณปัญชลีที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมาตลอด โกรธคุณภาสกรนักเชียว เข้าข้างเมียไม่ลืมหูลืมตา”
ดาวกำลังจะเข้าห้อง ได้ยินศินีนาฏเม้าท์ถึงภาสกร เลยชะงักแอบฟัง จู่ๆดาวเกิดไอเดียบรรเจิด
“กำจัดปัญชลียาก แต่อีกคน น่าจะเขี่ยทิ้งง่ายกว่า”
สองคนเม้าท์มอยกันอยู่ในห้อง
“ต้องทำใจฮ่ะคุณศิ เรามันนั่งคุย เค้านอนกระแซะๆๆ คุยกันยิกๆๆ”
หน้าห้องตอนนี้ดาวใช้มือถือ อัดคลิปเสียงศินีนาฏกับตุ่น
“เป็นเมียเจ้าของช่อง ถึงได้กร่าง แปลงร่างเป็นนังจิ้งจอก เที่ยวกัด ทึ้ง แทะ คนไปทั่ว ชั้นละอยากให้คุณภาสกรเห็นทางธรรม สลัดปัญชลีทิ้ง ไม่มีลูกชายเจ้าของช่องหนุนหลัง ปัญชลีก็เป็นแค่ลูกแมว ร้องเมี๊ยวๆๆ ร้องเรียกให้คนมาช่วยเอาเห็บหมัดออก”
“ฮะๆๆๆ ด่าได้สะใจมากฮ่าคุณศินีนาฏ เอาอีกๆ” สะใจอีตุ่นนัก
ที่หน้าห้อง ดาวอัดคลิปเสียงไป อมยิ้มไป
“ใช่ ด่าอีก ด่าเยอะๆ”
ศินีนาฏด่าต่ออย่างมันส์ปาก “ตอนเช้าก่อนมาจัดรายการ ชั้นต้องไหว้พระที่บ้าน ขอพรพระไม่ให้โดนปัญชลีทำของใส่”
ตุ่นงง “ของอะไรฮะคุณศิ”
“ก็ของโสมมทั้งหลายไง ในหัวปัญชลีเคยคิดเรื่องดีๆ มั้ย มองคนแง่ดีเป็นหรือเปล่าขนาดคุณวิไลลักษณ์ แม่ผัวแท้ๆ ยังเบ่งใส่เค้า อยากถามมาก...เลย เวลาปัญชลีส่องกระจก เห็นความโสมมของตัวเองบ้างหรือเปล่า”
ดาวเห็นจอยกำลังเดินมาที่หน้าห้อง จึงรีบเผ่น ก่อนโดนจับได้
ดาวยิ้มกริ่ม อารมณ์ดีอยู่ที่โต๊ะทำงาน เพิ่งได้คลิปเสียงศินีนาฏด่าปัญชลีลับหลัง
“รอให้ปัญชลีกับศินีนาฏสร้างกระแสว่ารักกันดี แล้วค่อยปล่อยคลิปศินีนาฏด่าปัญชลี ตลบหลัง ฮึๆๆๆ”
ปัญชลีกลับเข้าห้องทำงาน พอนั่งลงก็เห็นกระดาษโน้ตพับครึ่งวางอยู่ ปัญชลีเปิดอ่าน ด้วยสีหน้าตกใจ
ปัญชลีออกไปดูหน้าห้อง ว่าใครเอากระดาษมาวางบนโต๊ะเธอ สายตาปัญชลีมองไป เห็นดาวกับลูกน้องกำลังทำงาน ไม่มีใครหันมามองเธอเลย
ดาวรู้ว่าปัญชลีกำลังมองมา ทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ แต่ปากยิ้มอย่างสะใจ
“เขียนด้วยลายมือยังพอจับได้ว่าใคร แต่นี่พิมพ์”
ปัญชลีก้มอ่านข้อความในกระดาษโน้ตอีกครั้ง ข้อความพิมพ์ว่า “ระวังโดนแย่งสามี”
เย็นวันนี้ภานุ และ แพรพรรณ ต้องไปถ่ายรายการสดที่อยุธยา รถตู้มาจอดรอแล้วที่หน้าตึก ทีมงานคนอื่นๆ ยังไม่ลงมา
ศรัณมาถึงพอดี พอเห็นแพรพรรณก็ตรงเข้ามาหา
“มาหาดาวหรอคะพี่ศรัณ ดาวออกไปกับคุณศินีนาฏเมื่อกี้ค่ะ”
ศรัณงง “อ้าว พี่ก็โทร.มาบอกแล้ว เดี๋ยวพี่จะมากินข้าวเย็นด้วย คืนนี้พี่ต้องกลับสมุทรสงคราม อีกหลายวันกว่าจะมาอีก
แพรพรรณมองศรัณด้วยความสงสาร ศรัณไม่รู้ตัวสักนิดว่าดาวไม่ได้รักเขาจริง
ภานุจับสังเกตสายตาแพรพรรณที่มองศรัณ ไม่ใช่แค่พี่ร่วมโลกแน่ ๆ
“เราไปคุยกันที่รถพี่” ศรัณไม่อยากคุยต่อหน้าภานุ
“ผมไปตามทีมกล้อง” ภานุเลี่ยงเข้าตัวตึกไป
ศรัณเอ่ยขึ้น “ดาวงานเยอะหรอแพร ดาวไม่ค่อยมีเวลาให้พี่เลย เสาร์อาทิตย์นี้ พี่มาหาแทบไม่เจอกัน”
แพรพรรณสงสาร ได้แต่คิดอยู่ในใจ “ผู้หญิงไม่มีเวลาให้ แสดงว่า เค้าจะทิ้งแล้วไงคะ” เธอนิ่งนาน และไม่กล้าพูดออกมา
“ว่ายังไงแพร ดาวงานเยอะมากเหรอ”
“งานก็เหมือนเดิมแหละค่ะ พี่ศรัณไม่พอใจ ก็บอกดาวไปซีคะ อย่าเก็บมาน้อยใจ”
“พี่ไม่ได้ใจน้อยขนาดนั้น” ศรัณยิ้มกลบเกลื่อนอาการผิดหวัง “แพรยังไม่กลับอีกเหรอ”
“วันนี้รายการถามตรงกับปัญชลี ไปถ่ายทอดสดที่อยุธยาค่ะ แพรต้องไปด้วย”
ค่ำคืนนี้ ปัญชลีสัมภาษณ์ชาวบ้านชุมชนริมน้ำที่อยุธยา ในประเด็น การป้องกันน้ำท่วมปีนี้ โดยด้านหลังเห็นถุงทรายก่อเป็นกำแพงกั้นน้ำ ชาวบ้านมาร่วมฟังหลายคน
“ชุมชนตรงนี้ น้ำท่วมทุกปี ได้ประชุมชาวบ้าน ถึงการแก้ปัญหาระยะยาวมั้ยคะอย่างเช่น สร้างเขื่อนกั้นน้ำ”
หัวหน้าชุมชนตอบว่า “น้ำมากอย่างปี 54 เขื่อนก็เอาไม่อยู่หรอกครับ ขนาดบางโฉมศรียังแตกชาวบ้านที่นี่ชินแล้ว น้ำท่วมทุกปี ขอแค่ว่า ให้ภาครัฐมาซ่อมแซมถนนหลังจากน้ำไปแล้ว ถนนโดนเซาะพังหมด ไปไหนมาไหนลำบาก”
ปัญชลีหันมารายงานกับกล้อง “คุณผู้ชมคะ วันนี้ ถามตรงกับปัญชลี มาดูความเดือดร้อนของชาวบ้านชุมชนริมแม่น้ำที่จังหวัดอยุธยา ชาวบ้านที่นี่ปรับตัวให้อยู่กับน้ำท่วมได้ สถานการณ์น้ำปีนี้ น้ำเหนือจะมากแค่ไหน หลังจบรายการติดตามข่าวสั้นต่อ วันนี้ดิชั้นลาไปก่อน สวัสดีค่ะ”
ปัญชลีไหว้ผู้ชม จบรายการ
แพรพรรณกวาดมือไหว้ขอบคุณชาวบ้าน “ขอบคุณคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอามากนะคะที่มาร่วมรายการ อยู่ด้วยกันจนดึกเลย”
ปัญชลีมาชมภานุกับแพรพรรณ “ข้อมูลที่หามาให้ชั้นตั้งคำถามในรายการคืนนี้ ใช้ได้นะ ขาดแต่มิติเชิงลึก”
ภานุงง “มิติเชิงลึก หมายถึงอะไรครับคุณลี”
ปัญชลีสอนไปในตัว “การทำข่าว อย่ามองแค่ผิวเผิน เราต้องเจาะลึก ถึงสิ่งที่คนไม่พูดถึง เช่น เหตุผลที่อยุธยาน้ำท่วมประจำ เพราะอะไร ภูมิประเทศ ผังเมือง มีส่วนมั้ย นักข่าวที่มีคุณภาพ ต่างจากนักข่าวดาดๆ ก็ตรงการเจาะประเด็นนี่แหละ”
ภานุกับแพรพรรณตั้งใจฟังที่ปัญชลีสอนมาก ปัญชลีมองทั้งคู่อย่างเอ็นดู
คนขับรถตู้เดินมาหาปัญชลีด้วยท่าทียำเกรงมาก
“คุณปัญชลีครับ รถตู้ไฟหน้าดับ ไม่รู้เป็นอะไร ชาวบ้านจะขี่รถนำผมไปอู่ซ่อม”
ปัญชลีดุ “เวลาออกต่างจังหวัด ต้องเช็คสภาพรถให้ดี ชั้นมีจัดรายการเช้าด้วยอยากรีบกลับไปพักผ่อน”
คนขับรถตู้หน้าแหย กลัวปัญชลีมาก ปัญชลีเซ็งสุดๆ ที่ต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ทีมงานรอรถตู้กันอยู่ตรงมุมหนึ่งในชุมชนริมน้ำอยุธยา นานมากแล้ว ปัญชลีเองก็ง่วงงุน จึงเอ่ยขึ้น
“ภานุ ไปซื้อกาแฟที่เซเว่น ให้กระป๋องสิ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากภานุ ปัญชลีหันไปดู เห็นภานุนั่งพิงผนังกั้นน้ำหลับ แพรพรรณเองก็หลับซบบ่าภานุ ปัญชลีมองคู่นี้ เอ๊ะยังไง ชอบกันหรือเปล่า
รถตู้มาแล้ว เปิดไฟหน้าสว่างจ้ามาเลย ภานุโดนไฟแยงตาเลยตื่น ส่วนแพรพรรณไม่รู้สึกตัว
“ตื่นได้แล้วคุณ” แพรพรรณไม่ตื่น ภานุเลยแกล้งปลุกเสียงดัง “คุณแพรพรรณครับผม ขอบ่าผมคืนนะครับผม”
แพรพรรณงัวเงียตื่น ด่าภานุ “เสียงดัง คนหลับอยู่”
“รถตู้มาแล้ว” ปัญชลีบอก
แพรพรรณหานง่วงเป็นปลิดทิ้ง “เฮ้ ได้กลับกรุงเทพฯ ซะที”
ปัญชลีปรายตามองแพรพรรณ กระซิบถามภานุ “ยังไงเรา นุ”
“เค้าซบบ่าผมหลับมาหลายทริปแล้วครับพี่ลี เพื่อนกัน ให้ยืมบ่ากันได้ แต่ไม่ให้ยืมอ้อมกอด ผมเก็บไว้ให้แฟนในอนาคตผมครับ” ภานุกระซิบตอบ
ปัญชลีอมยิ้ม ปล่อยให้ภานุไปช่วยทีมกล้องขนอุปกรณ์ มองภานุกับแพรพรรณช่วยกันแบกอุปกรณ์ขึ้นรถ เด็กคู่นี้น่ารักดี
รถตู้พาทีมงานปัญชลีกลับมาสถานี แต่ละคนหน้าตาง่วงงุน
“คุณปัญชลีถ่ายรายการเช้าไหวเหรอคะ นี่ตี 3 แล้ว” แพรพรรณเป็นห่วง
“งานสื่อ ไม่เป็นเวลา ไม่พร้อมอดหลับอดนอนทำงาน ก็ควรไปทำงานรูทีน เข้า 8 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น”
ภานุหันไปบอกกับแพรพรรณว่า “ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้าน”
แพรพรรณปฏิเสธ “ชั้นจะหาที่นอนในสถานี เช้าค่อยกลับ”
“คุณปัญชลีครับ งั้น ผมกลับก่อนนะครับ”
“ขี่รถดีๆ นะภานุ”
ภานุแยกไปที่ลานจอดบิ๊กไบค์ตัวเอง
หัวหน้ารปภ. ตรงมาหาปัญชลี
“คุณปัญชลีครับ วิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายรายการ ได้มาแล้วครับ”
ปัญชลีมีสีหน้าขึงขังขึ้นมาทันที เดินเข้าตึกไปกับหัวหน้ารปภ.
“วิดีโออะไร” แพรพรรณฉงนฉงาย?
และเมื่อปัญชลีดูวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ก็โกรธมาก
ในห้องแต่งตัวยามนี้ ดาวช่วยแต่งผมให้ศินีนาฏ ส่วนตุ่นแต่งหน้า
“ฝีมือดาวใช้ได้มั้ยคะคุณศินีนาฏ”
“ตุ่น โทร.ไปบอกช่างทำผมยูเทิร์นรถกลับ ไม่ต้องมาแล้ว ชั้นมีช่างประจำตัว”
ปัญชลีเดินหน้าตึงเปรี๊ยะเข้ามา รังสีอำมหิตแผ่ไปทั่วห้องแต่งตัว
ตุ่นชวนปัญชลีคุย “เอ่อ เมื่อคืนเห็นว่ารถตู้เสีย คุณปัญชลีกลับถึงสถานีกี่โมงฮะ”
“ดาว ไปคุยกับชั้นที่ห้อง”
ดาวสยอง ปัญชลีโกรธอะไรหล่อน?
ถัดมา ดาวหน้าซีดเผือด ดูภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดฝ่ายรายการ ที่จับภาพตอนดาวแอบเข้าห้องปัญชลี โดยเห็นว่าดาวซ้ายแลขวามองจนแน่ใจว่าไม่ใครเห็น จึงแอบเข้าห้องปัญชลี
ปัญชลีจ้องดาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ในห้องชั้นก็มีกล้องซ่อนอยู่”
ภาพในวิดีโอกล้องวงจรปิด จับภาพตอนดาววางกระดาษโน้ตพับครึ่ง บนโต๊ะทำงานปัญชลี จากนั้นดาวก็รีบออกไป
ปัญชลีวางกระดาษโน้ต พร้อมกับตบโต๊ะดังปัง ดาวสะดุ้ง!
“เธอเป็นคนพิมพ์ “ระวัง โดนแย่งสามี” ใครจะแย่งคุณภาสกร คนอื่นหรือ...เธอ”
“ดาวนับถือคุณปัญชลีมาก ดาวไม่มีวันแทงข้างหลังคุณปัญชลีค่ะ ดาว...ดาว...”
“ดาวอะไร หาเหตุผลดีๆ มาชี้แจง ไม่อย่างนั้น ชั้นรายงานเจ้าของสถานีเธอประพฤติตัวไม่เหมาะสม”
“ดาวต้องเตือนคุณปัญชลีค่ะ มีคนในฝ่ายรายการ จ้องแย่งคุณภาสกร”
“ใคร” ปัญชลีคาดคั้น
ที่หน้าห้อง แพรพรรณชงกาแฟมาให้ปัญชลี เปิดประตูห้องแง้มเข้าไป แต่เห็นดาวกำลังโดนปัญชลีด่าเลยถอยยังไม่เข้าไป
“บอกมา ใครจะแย่งคุณภาสกร”
“แพรค่ะ”
แพรพรรณที่อยู่หน้าห้อง ตกใจ โดนดาวใส่ร้าย
“ดาวเป็นเพื่อนแพรสมัยมหาลัย รู้จักแพรดี เห็นแพรห้าวๆ แต่เนื้อแท้มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน แพรเคยแย่งแฟนดาว เรากินใจกันถึงทุกวันนี้”
ปัญชลีประหลาดใจมาก แพรพรรณเนี่ยนะ จะแย่งภาสกร
“ตอนรู้จักแพรใหม่ๆ ดาวก็เหมือนคุณปัญชลีนี่แหละค่ะ คิดว่าแพรเป็นผู้หญิงตรงๆ จริงใจๆ เวลา ช่วยเผยธาตุแท้ของแพร แพรน่ะ ไวไฟกับผู้ชายมาก”
ปัญชลีนึกถึงตอนที่เห็นแพรพรรณหลับซบบ่าภานุบนรถตู้ขากลับกรุงเทพฯ
ดาวเสริมอีกว่า “ดาวมารู้ทันแพรก็สายเกินไป ดาวไม่อยากให้คุณปัญชลีเสียคนรักเหมือนดาวค่ะ”
ถึงกระนั้น ปัญชลีก็ยังไม่ปักเชื่อ เธอนิ่งเงียบไม่ออกความเห็น แต่แววตาดูออกว่าสับสน คิดหนัก
ส่วนแพรพรรณได้ยินเต็มๆ ว่าดาวใส่ร้ายเธอว่าจะแย่งภาสกร ก็โกรธมาก
แพรพรรณรออยู่แล้วตรงมุมหนึ่งในช่อง จนเห็นดาวตรงมาหา
“โทร.ตามดาวมา มีอะไร”
แพรพรรณเปิดฉากต่อว่าด้วยคำพูดของดาวที่ด่าเธอไว้กับปัญชลี
“มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียน ไวไฟ มันใครกันแน่”
ดาวยิ้มหยัน “อ้อ แอบได้ยินดาวคุยกับคุณปัญชลี”
“ที่แพรไม่เข้าห้องไปเล่นงานดาว เพราะเห็นแก่พี่ศรัณ ดาวต้องไปบอกคุณปัญชลี ว่าดาวเข้าใจผิด แพรไม่ได้แย่งคุณภาสกร”
“เปลี่ยนใหม่ก็ได้ แพรไม่ได้มารยาร้อยเล่มเกวียน แต่แพร...ซื่อ...ซื่อจน...โง่ ดาวพูดกลับไปกลับมา คนที่โดนด่าก็คือดาว คิดว่าดาวจะโง่ทำตามที่แพรขอเหรอ”
แพรพรรณงงไม่หาย “ทำไมดาวถึงใส่ร้ายแพร”
“หาแพะไง”
“หาแพะ หาคนมารับผิด...แสดงว่าคุณปัญชลีสงสัยว่ามีคนจะแย่งแฟน”
สีหน้าแพรพรรณครุ่นคิด ปะติดปะต่อเรื่องราว จนคิดออก ว่าใครจะแย่งภาสกร
“ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คนเคยแย่ง ก็ต้องแย่งอีก ดาวจะแย่งคุณภาสกรจากคุณปัญชลี” สีหน้าแพรพรรณโกรธจัดเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะทิ้งศรัณ “หัวใจดาวเป็นแค่ก้อนเนื้อที่เต้นได้รึไง จะทิ้งผู้ชายที่รักดาวมากกว่ารักตัวเค้าเอง”
“สมัยเรียน พี่ศรัณเป็นหนุ่มฮอต สาวๆ อยากควง แต่นั่นก็หลายปีแล้ว พี่ศรัณยังอยู่จุดเดิม แต่ดาว ก้าวมาไกล ผู้ชายที่ตอบโจทย์ของความต้องการดาวได้ ต้องเหนือกว่าพี่ศรัณหลายเท่า”
“ก่อนเราผิดใจกัน เราเคยไปเที่ยวค้างคืนต่างจังหวัด ดาวเล่าเรื่องที่บ้านให้แพรฟัง ชีวิตดาวขาดแคลน ดาวต้องการคนมาเติมเต็ม”
“อย่าขุดอดีตดาวขึ้นมาพูดนะแพร”
“ตอนเด็กดาวโหยหาความรัก เงินทอง มากแค่ไหน จนตาย ดาวก็ต้องโหยหาอยู่อย่างนั้น เพราะคนอย่างดาว ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม”
“หยุดนะแพร ดาวไม่อยากฟัง” ดาวน้ำตาคลอ เจ็บปวดกับอดีตวัยเด็ก
“เอาปมวัยเด็กที่แร้นแค้น มาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองทำตัวเลวๆ”
ดาวโมโหสุดขีด พลั้งมือ ตบหน้าแพรพรรณ ฉาดใหญ่ พอได้สติก็ตกใจไม่น้อย
“ก็ดาว...ดาวเตือนแล้ว แพรไม่หยุดพูด”
ดาวปาดน้ำตาสะบัดหน้าพรืด เดินหนีไป
แพรพรรณตะลึงตะไล ไม่คิดว่าดาวจะกล้าตบหน้าเธอ
อ่านต่อตอนที่ 5