xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 10

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 10

ในร้านอาหารหรู ของห้างดังกลางใจเมือง ตอนเย็นวันเดียวกัน ภาสกรนั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะมุมสวยของร้าน มองดูดาว ที่กำลังถ่ายรูปอาหารในจานตัวเอง อัพลงมือถือนานแล้ว

“ทำไมไม่ทานซักทีล่ะดาว เห็นบ่นว่าหิว”
“เดี๋ยวค่ะ ขออัพรูปให้แฟนคลับดูก่อน”
ดาวเลือกมุมถ่ายภาพอาหารอยู่นั่น แล้วมองภาสกรยิ้มๆ
“ดาวถ่ายภาพคุณภาสด้วยดีกว่า ขออนุญาตนะคะ”
ดาวขยับตัวเข้ามาอิงแอบภาสกร แล้วถ่ายเซลฟี่ยิ้มหวาน ภาสกรทำหน้าเหนื่อยๆ เบื่อๆ จนดาวสังเกตได้ ตีหน้าไร้เดียงสาถาม ท่าทีเกรงๆ
“คุณภาสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี โกรธอะไรดาวเหรอคะ”
“ผมเหนื่อยน่ะ รีบทานกันเถอะ เดี๋ยวจะได้กลับบ้าน”
ดาวมองภาสกรแววตาเจ้าชู้ “กลับไปคอนโดดาวนะคะ ดาวจะเตรียมน้ำอุ่นให้ แล้วก็นวดให้คุณภาสด้วย ดาวนวดเก่ง”
ดาวพูดพลางส่งสายตาเจ้าชู้เชิญชวน
ภาสกรนิ่งขึง ไม่ตอบ เขี่ยอาหารในจานกินแบบซังกะตาย

อีกฟาก เก้ตาโตตกใจ หลังจากฟังปัญชลีเล่าเรื่องตบตีในช่อง
“เขากล้าทำอย่างนั้นกันในออฟฟิศเลยเหรอครับ”
“เขาคงไม่คิดว่าจะมีคนเห็นมั้ง แต่พี่ตาไวไม่รู้กาลเทศะไปหน่อย”
ปัญชลีพูดเหมือนจะขำ แต่สีหน้าดูซึมๆ
“แล้วพี่ลีรู้สึกยังไงครับ”
ปัญชลีถอนใจ “จริงๆ พี่ก็เตรียมใจมาแล้วว่าต้องภาพแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็อดรู้สึกหน่วงๆ ไม่ได้”
เก้สงสาร เอื้อมมือจับมือปัญชลีปลอบ
“ถ้าพี่ลีลำบากใจที่ต้องไปเห็นพี่ภาสกับผู้หญิงคนนั้น ก็ปฏิเสธภานุดีกว่า อย่าฝืนใจตัวเองเลยครับ เดี๋ยวจะไม่มีความสุข”
ปัญชลีนิ่งเหมือนลังเล แต่แล้วก็ทำท่าทางสดชื่น ข่มความเศร้าไว้
“ไม่ล่ะ พี่อยากช่วยนุ เรื่องแค่นี้พี่แยกแยะได้” เธอพูดหนักแน่น “พี่จะไปที่นั่นเพื่อทำงานอย่างเดียวเท่านั้น คุณภาสกับพี่จะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง”

หลายวันต่อมาภาสกรกับโอภาสนั่งดื่มกาแฟกันอยู่ที่สนาม วิไลลักษณ์เดินหน้าบึ้งมา มองค้อนลูกชายเป็นเชิงตำหนิ ทำเอาภาสกรกับโอกาสเป็นงง
จนวิไลลักษณ์ต่อว่าลูกชายขึ้น “แฟนเก่าก็อวดดี แฟนใหม่ก็ อวดผัว”
ภาสกรงงหนักกว่าเดิม “อะไรครับคุณแม่”
“นี่ไม่ได้ดูไอจี แฟนใหม่เราล่ะสิ”
ภาสกรรีบเปิดไอจี ดาว พบว่าหน้าวอลล์ เป็นรูปคู่ภาสกรกับดาวหลายรูป ฝ่ายหญิงนั้นยิ้มชื่นสวีทหวานมาก ส่วนฝ่ายชายเฉยๆ อารมณ์ผู้หญิงอยากอวดผัว
“แฟนคลับดาวในไอจีล้อดาวว่าเป็น คนอวดผัว”
โอภาสเอ่ยขึ้น “หืม ล้อแรงน่าดู ดาวอายแย่เลย”
“อายอะไรคะ ระริกระรี้ยอมรับ ทำไมนะภาส จะมีแฟนแต่ละคน เลือกที่มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
ตอนพ่อแม่คุยกัน ภาสกรเลื่อนดูไอจีดาวไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ไม่ชอบที่ดาวเอารูปเขาไปลงไอจี
“ถึงยังไงดาวเค้าก็ทำงานเก่ง มีความสามารถ เมื่อก่อนคุณเองก็หลงใหลได้ปลื้ม” โอภาสปรามในที
“นั่นมันก่อนที่ชั้นจะรู้ว่าเด็กคนนี้โกหก ตลบตะแลง เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง คนแบบนี้น่ารังเกียจ แม่ไม่รับมาร่วมวงศ์ตระกูลหรอกนะจะบอกให้”
“นายภาสมันจะสี่สิบอยู่แล้วนะคุณ อย่าไปเจ้ากี้เจ้าการอะไรกับชีวิตลูกนักเลย ให้อิสระลูกตัดสินใจเองบ้าง”
วิไลลักษณ์อ่อนลง แต่ยังเหวี่ยงอยู่
“ถ้าจะคบจะควงกันจริงๆ แม่ก็ห้ามไม่ได้ แต่จำเป็นแค่ไหนที่ต้องไปเปิดเผยออกสื่อแบบนี้ให้เขาซุบซิบนินทาว่าเราเป็นสมภารกินไก่วัด”
สีหน้าภาสกรเคร่งขรึม ไม่ใคร่พอใจพฤติกรรมดาว ชอบเปิดเผยชีวิตส่วนตัวมากเกินไป

พ่อและแม่ของศรัณ ออกมายืนกังวลอยู่ที่สะพานปลากับเจ้าของเรือที่ศรัณเอาเรือออกหลายวันก่อน จนเห็นเรือแล่นเข้ามา
เจ้าของเรือชี้ไป “เรือมาแล้วครับ”
พ่อกับแม่รีบวิ่งไปที่ท่า พอเรือจอดเทียบ เห็นพวกชาวเรือประคองศรัณที่คอพับคออ่อนลงมา
“ศรัณ”
พ่อกับแม่ตกใจอุทานลั่น เข้าไปประคองศรัณแล้วต้องสะดุ้ง เพราะลูกชายตัวร้อนอย่างกับไฟ
“ตัวร้อนจี๋เลยครับ วันๆ แกเอาแต่ตากแดดตากฝน ไม่กินไม่นอน” คนเรือบอก

ศรัณยังคอพับคออ่อนไม่รู้เรื่อง พ่อกับแม่น้ำตาตก สงสารลูกชายมาก

ศรัณถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เวลานี้นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงห้องพักฟื้นแล้ว สภาพร่างกายผ่ายผอมดูทรุดโทรมไปถนัดตา เพราะไม่ได้กินอะไรเลย พ่อกับแม่นั่งจับมือลูกใจแทบจะขาด แต่ศรัณนอนนิ่งหันหน้าเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเหมือนคนเลื่อนลอย

“ให้น้ำเกลือซักสองสามวันนะครับ ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น แต่ถ้าทานข้าวได้ก็จะยิ่งดี”
หมอออกไปแล้ว พ่อตามไปคุย แม่ขยับตัวเข้ามาลูบกระหม่อมศรัณ
“งั้นเดี๋ยวลองทานข้าวนะลูก แม่ทำข้าวต้มมาจากบ้าน”
แม่ลุกออกไปเตรียมอาหาร
คล้อยหลังแม่ ศรัณที่นอนเหมือนไม่มีแรงก็พยายามยันกายลุกขึ้น ดึงสายน้ำเกลือออก

ปัญชลีหอบแฟ้มโตๆ เทินกันหลายชั้นขึ้นบันไดจนมองทางไม่เห็นทำแฟ้มบนสุดร่วงลงมา ขณะจะก้มลงเก็บ มีมือใครคนหนึ่งก้มลงมาหยิบไปเสียก่อน พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นภาสกรที่ส่งยิ้มให้
“ผมช่วยนะลี”
ปัญชลีจะปฏิเสธ แต่ภาสกรแบ่งแฟ้มไปช่วยหอบ แล้วเดินขึ้นบันไดเคียงคู่กันมา
ปัญชลีเกร็งที่ต้องใกล้ชิดกับภาสกร เผลอแอบมอง ภาสกรหันมาสบตาพอดี
“ตั้งแต่ลีกลับมา เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจ๊ะ”
น้ำเสียงอบอุ่นของภาสกรทำให้ปัญชลีแอบซึ้ง แต่ไม่อยากแสดงออกมา
ปัญชลีขอบคุณค่ะ ลีเหมือนได้มาเริ่มต้นใหม่ ถ้ามีอะไรแนะนำ ก็ไม่ต้องเกรงใจนะคะ
“คนอย่างลีคงไม่ต้องการคำแนะนำจากผม เพราะผมเชื่อการตัดสินใจของลีทุกอย่างอยู่แล้ว ขอให้สนุกกับการทำงานนะจ๊ะ”
ปัญชลียิ้มให้ภาสกร ใจหวิวๆ คิดถึงความอบอุ่นที่ได้รับจากเขา
ภาสกรเองก็มีเยื่อใยกับปัญชลีไม่น้อย แต่ต้องเก็บไว้เช่นกัน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่โสดแล้ว
ปัญชลีเพิ่งสังเกตเห็นเนคไทภาสกร ว่าเนคไทเส้นนี้ เธอเป็นคนซื้อให้

วันนั้นภาสกรแกะกล่องของขวัญออกมา เห็นเนคไทเส้นเดียวกันอยู่ในกล่อง
“สวยมากเลยจ้ะ”
“นึกแล้วว่าภาสต้องชอบ เพราะมันเหมาะกับภาสที่สุด ลีผูกให้นะคะ”
ปัญชลียิ้มดึงเนคไทมาผูกให้ภาสกรอย่างพิถีพิถัน ภาสกรมองปัญชลีด้วยแววตาเปี่ยมรัก

นึกขึ้นมาแล้วปัญชลีมองจ้องเนคไทเส้นนั้น น้ำตาคลอ รู้สึกดีเหลือเกินที่พบว่าภาสกรยังใช้ของที่เคยมีความทรงจำร่วมกันไม่ทิ้ง
ภาสกรเห็นสายตาปัญชลี เข้าใจความรู้สึกโดยไม่ต้องพูด เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังมีเยื่อใยต่อกัน แต่ภาสกรแสดงออกมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะเห็นแก่ดาว ได้แต่เอามือลูบที่เนคไทอย่างแผ่วเบา
ดาวมา เห็นอดีตคนรักกำลังมองจ้องกันตางี้ละห้อย ก็ปรี๊ดทันที หวงสุดขีด
“ถ้าเป็นปลากัด พี่ลีคงท้องแล้ว”
ปัญชลีคนใหม่ ใจเย็นกว่าเดิมเยอะ เดินออกไปด้วยอารมณ์สงบ
“ดาวคนเดิมที่อ่อนหวาน น่ารัก หายไปไหนแล้ว” ภาสกรโมโห
ดาวตัดพ้อ “ก็ดาวหึงคุณภาสนี่คะ อย่าใกล้ชิดพี่ลีได้มั้ยคะ ดาวขอร้อง”
“ผมกับลี เราคุยกันเฉพาะเรื่องงาน”
ดาวหน้าง้ำ กระเง้ากระงอด น้อยใจ “ดาวเห็นพี่ลีจ้องเนคไทคุณภาส น้ำตางี้คลอเชียว เนคไทเส้นนี้มีความหมายอะไรคะ”
“ก็ไม่มีอะไร ลีซื้อเนคไทเส้นนี้ให้ผม”
“อย่าใส่เนคไทเส้นนี้อีกนะคะ ดาวจะซื้อให้ใหม่ซักโหลสองโหล”
ภาสกรส่ายหน้าระอาเหลือ เดินเลี่ยงไป

ดาวคุมแค้น ครุ่นคิดจะเอาคืนปัญชลี

ฝ่ายศรัณในเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ขึ้นมาจากเรือสภาพทรุดโทรม นั่งรถแท๊กซี่มาลงแถวสถานี
ศรัณ สะโหลเสลลงมา คิดแต่จะรีบมาหาดาว ท่ามกลางรถราขวักไขว่ แต่เขาไม่สนใจ
ศรัณเบลอข้ามถนน รถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างเร็ว ศรัณหันไปมองตกใจ เสียหลักล้มแผละลงเพราะไม่มีแรง
รถบีบแตรดังลั่นถนน แพรพรรณกับภานุออกมาหน้าบริษัทพอดี หันไปมองเห็นเป็นศรัณ
“พี่ศรัณ”
ทั้งสองรีบวิ่งไปดูศรัณอย่างตกใจ

ไม่นานนัก บุรุษพยาบาลเข็นพาศรัณนั่งรถเข็นออกมาหาแพรพรรณกับภานุ แขนถลอกนิดหน่อย มีผ้าปิดแล้ว
“แพรติดต่อทางบ้านพี่แล้วนะคะ พ่อกับแม่พี่จะรีบมาแต่เช้า”
ศรัณเสียงแหบแห้ง “แพรบอกทำไม พี่ไม่อยากเจอใครตอนนี้”
“ทุกคนเป็นห่วงพี่นะคะ ยิ่งพี่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง”
ศรัณเบือนหน้าหนี น้ำตาร่วง แพรพรรณเห็นแล้วเศร้าใจพาลร้องไห้ออกมา
“ทำไมพี่ศรัณไม่รักตัวเองเลย ทำไมต้องทำร้ายตัวเองขนาดนี้ด้วย พี่ไม่สงสารใครๆ ที่เขารักพี่บ้างเหรอ”
แพรพรรณกอดศรัณร้องไห้ด้วยความสงสาร แต่ไม่ได้มีลึกซึ้งแบบแต่ก่อนแล้ว

ทว่าภานุจ๋อยสนิท มองภาพบาดตาตรงหน้า เข้าใจไปว่าแพรพรรณก็ยังตัดใจจากศรัณไม่ได้อยู่ดี

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)

ขณะที่ศรัณอกหักยับเยิน และยังพยายามยื้อชีวิตรักกลับคืนมา แต่อีกฟากหนึ่ง ดารินกานต์พาตัวเองมาเฉิดฉายอยู่ท่ามกลางแขกไฮโซพร้อมกับตุ่น ในงานเปิดร้านเวดดิ้งสตูดิโอหรูหรา สำหรับลูกค้าไฮเอนด์แห่งนี้

ในงานคราคล่ำไปด้วยคุณหญิง คุณนาย และนักข่าวสายสังคมไฮโซ เมื่อถึงฤกษ์ คุณหญิงผู้เป็นประธาน ตัดริบบิ้นเปิดร้าน ท่ามกลางเสียงปรบมือ นักข่าวถ่ายรูปเกรียว
ดาวกับตุ่น เอาช่อดอกไม้ขนาดใหญ่เวอร์วังอลังการมาแสดงความยินกับ แพท เจ้าของร้าน ฉีกยิ้มให้นักข่าวถ่ายรูปตามประสาเซเลบ พิธีกรคนดัง
“ยินดีด้วยนะคะพี่แพท ถ้ามีโอกาสดาวจะมาใช้บริการนะคะ”
“พี่ก็รอออกแบบชุดแต่งงานให้คุณดาวอยู่ อยากได้มาเป็นนางแบบถ่ายรูปในสตูดิโอจะแย่”
“รอไม่นานหรอกค่าคุณแพท ตอนนี้น้องดาวกำลังอินเลิฟมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้ง อิอิ” ตุ่นเสนอหน้าสาระแน
“เห็นในไอจี แล้วค่ะ ดาวกับคุณภาสกรสวีทกันน่าดู พี่จะเตรียมดูชุดหล่อๆ ไว้ให้คุณภาสกรด้วย จะได้เชิญเป็นนายแบบกิติมศักดิ์ซะทีเดียว”
แพทแซว ดาวยิ้มเขินเอียงอาย ปลื้มปริ่มที่ทุกคนรู้ว่าตัวเองจะได้เป็นภรรยาภาสกรแน่ๆ
แขกคนอื่นๆ เดินเที่ยวชมภายในร้าน ดาวเดินดูชุดแต่งงานบนหุ่น ติดใจชุดหนึ่งดูหรูหราวิจิตร ยืนจับอย่างปลื้มปริ่ม ฝันอยากใส่เคียงคู่ภาสกร
ตุ่นเดินเข้ามาสะกิด พลางกระซิบกระซาบ โดยมีคุณหญิงกระบังสูงคนหนึ่งเดินมาด้วย พร้อมผู้ติดตาม
“น้องดาวขา คุณหญิงวจีค่ะ”
ดาวหันไปมอง แล้วยกมือไหว้ชดช้อย
“ติดตามทางโทรทัศน์ทุกเช้าเลย ไม่นึกว่าจะได้พบตัวจริง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณดาว”
“เป็นเกียรติสำหรับดาวมากเช่นกันค่ะ”
คุณหญิงยิ้มให้มีเลศนัย
“คุณดาวว่างไหมคะ พี่อยากจะเชิญไปทานน้ำชาที่ร้านใกล้ๆ นี่”

ร้านน้ำชาหรู ดาวนั่งจิบน้ำชาคุยกับคุณหญิงวจี มีตุ่นกับเลขานั่งร่วมโต๊ะ บรรยากาศสบายๆ
“คุณดาวคงทราบว่าสามีพี่ทำธุรกิจคอนโด”
“Monte Carlo ไงคะน้องดาว” ตุ่นบอก
“อ๋อ ค่ะ”
ดาวพยักหน้า แล้วนึกได้ว่าคอนโดแห่งนี้กำลังมีข่าวเสียหาย สีหน้าเจื่อนไปนิด คุณหญิงอ่านสีหน้าออกยิ้มให้
“ที่กำลังมีข่าวเรื่องลูกบ้านจะฟ้องร้องนั่นแหละค่ะ พี่อยากให้คุณดาว นำเสนอข่าวอื่นมากกว่า มีข่าวอีกเยอะที่น่าสนใจกว่าเรื่องนี้”
ดาวงงๆ ว่าอยู่ๆ จะมาเจ้ากี้เจ้าการได้ยังไง
คุณหญิงปรายตามองไปทางเลขาส่วนตัว เลขาเปิดกระเป๋าหยิบเช็คออกมาส่งให้ผู้เป็นนาย
คุณหญิงวางเช็คลงบนโต๊ะยื่นไปตรงหน้าดาว ตุ่นกับดาวตาโตเห็นเลขศูนย์ในเช็คเรียงยาวเป็นแถบ
คุณหญิงวจีเยื้อนยิ้มเป็นนัย “คุณดาวพอจะทำได้ไหมคะ”
ดาวเงยหน้ามองคุณหญิงที่ยิ้มใจดีมาให้
ช่างบังเอิญนักที่ศินีนาฎกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ร้านนี้เหมือนกัน โต๊ะถูกบัง ดาวกับตุ่นจึงไม่เห็น
ศินีนาฏได้ยินที่ดาวคุยกับคุณหญิงเต็มหู ยิ้มสะใจออกมา

วันนี้ ปัญชลี เก้ กับพวกท็อป คุยถึงรายการใหม่เสร็จแล้ว ปัญชลียิ้มขอบคุณให้เก้กับทุกคนอีกครั้ง
“ขอบคุณทุกคนนะที่มาช่วยกันร่วมแรงร่วมใจ ขอบคุณเก้ด้วยที่มาช่วยพี่อีกครั้ง”
“ด้วยความยินดีครับพี่ลี”
ปัญชลียิ้มมีความสุขได้ทีมเดิมกลับคืนมา แต่แล้วก็หุบยิ้ม เมื่อเห็นดาวกับตุ่นเดินตรงเข้ามา
“เดี๋ยวพี่ลีจะขึ้นไปประชุมกับคุณภาสใช่ไหมคะ พอดีดาวจะฝากของขึ้นไปให้คุณภาสหน่อย”
ดาววางถุงกระดาษลงบนโต๊ะ หยิบบอกเซอร์ผู้ชายออกมา
“คุณภาสทิ้งไว้ที่คอนโดหลายวันแล้ว ดาวลืมเอามาคืน ฝากด้วยนะคะ”
ดาวโยนคืนใส่ถุงเหมือนเดิม ทุกคนละตึง ปัญชลีรู้ว่าดาวจงใจมาเย้ย ข่มใจถามเสียงต่ำ
“เธอต้องการอะไรดาว”
“ดาวอยากจะเตือนสติพี่ลีว่า ต่อไปนี้คุณภาสจะใช้แต่ของที่ดาวซื้อให้ ส่วนของเก่าๆ ถ้าไม่เอาคืนไป เดาจะเผาทิ้งส่งไปให้”
“มากไปแล้ว เอาของเธอคืนไป”
เก้เดือดแทน ปาถุงบอกเซอร์ใส่หน้าดาว ดาวไม่พอใจจะเข้ามาตบเก้
ปัญชลีห้ามไว้ “เก้ หยุด อย่าทะเลาะกับคนพาล”
ดาวยิ้มเยาะคิดว่าปัญชลีไม่กล้า เดินเชิดออกไปกับตุ่น
จอย แอน และท็อป มองตามอย่างไม่พอใจ ดาววางอำนาจ ทำตัวน่ารังเกียจหนักข้อขึ้นทุกวันๆ
“นับวันยิ่งดีออกๆ นะนังดาว” จอยแค้น
ปัญชลีถอนใจ ก้มลงมองบอกเซอร์ แล้วชะงักเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยิบขึ้นมา

ดาวกับตุ่นกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในห้องทำงานของดาว
“มันไม่กล้าหือกับน้องดาว เพราะมันกลัวว่าคุณภาจะไล่ออก ฮิๆ”
“งั้นดาวจะยิ่งป่วนให้มันทนอยู่ไม่ไหว”
แท็บเล็ตดาวดังขึ้น สองคนก้มลงดู เห็นมีข้อความแท็กมาหาทางไอจี
“นังเก้มันแท็กหาน้องดาวทำไม เปิดดูซิ”
ดาวเปิดดู ภาพในนั้นโชว์ขึ้นที่ไอจีปัญชลี เป็นรูปบอกเซอร์ตัวที่ดาวเอาไปให้ปัญชลีเมื่อครู่นี้
ปัญชลีจงใจถ่ายรูปบอกเซอร์โชว์ให้เห็นป้ายราคาที่ยังติดอยู่ที่ขอบกางเกง พร้อมคำบรรยายด้านล่าง
“วันนี้มีคนเอาบอกเซอร์แฟนมาโชว์ อ้างว่าแฟนถอดทิ้งไว้เลยซักมาคืน เฮ้อ...ซักยังไงนะคุณน้อง ป้ายราคายังติดหรา”
ดาวจี๊ดเสียฟอร์ม เห็นคอมเมนต์ผู้ติดตามปัญชลีมีแต่หัวเราะเยาะ 5555 แล้วติ่งท้ายล่างสุดเป็น ของเก้ที่จงใจ แท็กชื่อดาวมาให้เห็นโต้งๆ

ขณะที่ปัญชลีกับเก้นั่งดูไอจีอยู่ ดาวเดินฉับๆ เข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง
“พวกคุณรวมหัวกันประจานดาว”
“เธอต่างหากที่ประจานตัวเองด้วยวิธีสกปรกแบบนี้”
ดาวแค้น กระชากมือถือจากมือปัญชลีจะลบภาพทิ้ง เก้เข้ามาแย่ง
“หยุดนะ เธอมีสิทธิ์อะไรทำอย่างนี้”
“แกนั่นแหละมีสิทธิ์อะไร นังกะเทยยีราฟ อย่างแกมันต้องเจอชั้นนี่”
ตุ่นเงื้อมือจะตบ แต่พอเห็นเก้ง้างมือกำหมัดเตรียมชกสวน ก็กลัวหัวหดรีบวิ่งหลบหลังดาว
“อยากลบก็ลบไปเถอะดาว แต่คราวหลังคิดจะทำอะไรก็ใช้สมองมากกว่านี้ วิธีเอาชนะคะคานอย่างโง่ๆ มันมีแต่จะทำให้เธอดูแย่ลง”
ดาวยัวะจะขว้างมือถือใส่หน้าปัญชลี เก้จับมือดาวไว้
“ถ้าเธอทำพี่ลีเจ็บ ชั้นยอมให้คนด่าว่ารังแกผู้หญิง แล้วเธอจะเจ็บกว่าพี่ลีร้อยเท่า”
เก้บีบมือดาวแน่น ดาวสะบัดไม่หลุด
ดาวโมโหแต่ไม่กล้าสู้ สะบัดมือขว้างโทรศัพท์ลงพื้น แล้วเดินฉับๆ ออกไป ตุ่นรีบวิ่งตาม
“ผมว่าเราน่าจะฟ้องพี่ภาส”
“ไม่ต้องหรอก เราทำงานของเราไป ใครที่คิดไม่ดี เดี๋ยวก็โดนกรรมสนองเอง”

คืนนั้นภาสกรหยิบบอกเซอร์จากถุงออกมาให้ดาวดู
“คุณทำเรื่องสิ้นคิดอย่างนี้ได้ยังไงดาว”
“ดาวนึกแล้วว่าพี่ลีต้องแล่นมาฟ้อง”
“ลีไม่ได้มาฟ้องอะไร แต่พนักงานในสถานีเขาลือกันให้แซด จนมันมาถึงหูผม”
ดาวหน้าเสีย รู้สึกตัวเองยิ่งเสียคะแนน
“ดาว ดาวขอโทษค่ะ ดาวหุนหันไปหน่อย ก็พี่ลีพยายามจะทอดสะพานกลับมาหาคุณภาส”
“ผมบอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล คุณระแวงไปเองทั้งนั้น แล้วตอนนี้ความระแวงของคุณก็ทำให้ผมเสียหายไปด้วย”
ดาวกลัวภาสกรโกรธ บอกเสียงสั่น “ดาวจะไม่ทำอีกแล้วค่ะคุณภาส ยกโทษให้ดาวนะคะ”
พร้อมกันนั้นดาวเข้าไปเกาะแขนภาสกรอ้อน อีกฝ่ายดึงมือออก
“คุณกลับไปทบทวนตัวเองก่อนดีกว่าว่าที่คุณคบหากับผม เพราะคุณรักผมจริงๆ หรือว่าคุณต้องการจะเอาชนะ”
ภาสกรเดินหนีขึ้นห้องไป ดาวตะโกนเรียก
“คุณภาส ดาวรักคุณนะคะ”
ภาสกรเดินลิ่วๆ ไปไม่สนใจ ดาวจ๋อยหันกลับไปเห็นวิไลลักษณ์ยืนอยู่หน้าประตูคู่กับโอภาส
“ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเธอ ไม่คู่ควรกับลูกชายชั้น”
“ไม่เอาน่าคุณ ไปขึ้นบ้าน”
โอภาสดึงแขนวิไลลักษณ์ไป

ดาวสบตาโอภาส เห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็รู้ว่าโอภาสเองก็ไม่แฮปปี้เหมือนกันเลยยิ่งจ๋อย

เวลาเดียวกันนั้นภานุคุมทีมงานรายการ เจาะแฟ้มข่าว เตรียมความเรียบร้อยอยู่หน้าฉาก ใกล้จะออนแอร์ ปัญชลีแต่งตัวเสร็จ เตรียมจะเดินไปอัดรายการ ศินีนาฏทำทีเป็นเดินผ่านมาเจอวางฟอร์มนิดๆ

“ชั้นมาให้กำลังใจ ขอให้รายการราบรื่นนะ ไม่ต้องกังวลว่าคนดูจะต่อต้าน เพราะว่าจากฟีดแบ็ครายการชั้นเมื่อวันก่อน มีแต่คนคิดถึงเธอ”
ปัญชลียิ้มออก “ขอบคุณมาก”
ศินีนาฏยิ้มนิดๆ ให้ แล้วเดินจากไป ปัญชลีมีกำลังใจ สูดลมหายใจนิดๆ ตั้งสติ ก่อนจะผลักประตูห้องส่งเข้าไป เหมือนได้กลับสู่ที่ๆ คุ้นเคย

ในห้องส่ง มอนิเตอร์เปิดไตเติ้ลรายการเจาะแฟ้มข่าว แล้วส่งเข้าที่ปัญชลีหน้ากล้อง ส่วนที่ห้องคอนโทรล ท็อป จอย แอนทำงานอยู่ มีภานุยืนคุมมาดเข้ม
“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ เจาะแฟ้มข่าว รายการข่าวเชิงเจาะลึกที่จะมาพบกับท่านผู้ชมทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ ในเวลาประมาณยี่สิบสามนาฬิกา กับดิชั้น ปัญชลี ศิริวัฒนชัยค่ะ”
ปัญชลีหันหน้ารับอีกกล้องอย่างมืออาชีพ
“โดยในคืนนี้ เราจะเริ่มที่การติดตามประเด็นข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง นั่นคืออุบัติเหตุรถยนต์ตกจากทางด่วนที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ซึ่งคุณแพรพรรณ บรรจงสร้าง จะรายงานมาจากสถานที่เกิดเหตุค่ะ มอนิเตอร์ในห้องคอนโทรลโยนไปที่แพรพรรณ ที่ทำข่าวอยู่ที่เกิดเหตุ”

อีกฟากแพรพรรณยืนอยู่หน้ากล้อง เตรียมรายงานสดจากใต้ทางด่วน
“ค่ะคุณปัญชลี ตอนนี้ดิชั้นยืนอยู่ที่ใต้ทางด่วน...”
แพรพรรณพูดอธิบายสถานที่เกิดเหตุ และเริ่มรายงานรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างแคล่วคล่อง น้ำเสียงฉพฉาน

ศรัณนอนดูแพรพรรณรายงานสดทางทีวี ด้วยลีลาคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉานจนเขาอดภูมิใจไม่ได้
“หนูแพรนี่คล่องเหมือนกันนะ หน้าตาก็สะสวยน่ารัก” พ่อชม
แม่ก็ลื้ม “นิสัยดีด้วย เสียดายตอนนั้นแม่เห็นผิดเป็นชอบ เลยเชียร์นังดาวให้ศรัณ”
ศรัณได้ยินแม่พูดถึงดาวก็เจ็บปวด ลุกขึ้น พ่อแม่หันไปมอง
“จะไปไหนลูก”
“ผมจะไปหาดาว ผมคิดถึงเขา”
พ่อกับแม่ตกใจ รีบเข้ามารั้งไม่ให้ไป
“ให้ผมไปเถอะครับ ผมอยากเห็นหน้าดาว ผมอยากขอโทษ เผื่อเขาจะให้อภัยแล้วกลับมารักผม”
ศรัณงอแงจะไปให้ได้ แต่ไปได้แค่สองสามก้าวก็ล้มแผละ เพราะยังอ่อนเพลียอยู่มาก พ่อกับแม่เข้าไปประคอง แต่ศรัณยังแข็งขืนจะไป แม่เข้ากอดศรัณร้องไห้โฮ
“ไม่นะศรัณ ถ้าไม่รักพ่อแม่ก็รักตัวเองบ้าง อย่าทำแบบนี้เลยนะลูก”
แม่กอดศรัณร้องไห้สะอึกสะอื้น สงสารลูกเหลือเกิน ศรัณเริ่มได้สติรู้ว่าทำให้พ่อแม่ห่วง ท่าทีอ่อนลง

หลังรายการจบลง ปัญชลี และ ภานุ พาทีมงานมาเลี้ยงที่ร้านข้าวต้มรอบดึก แพรพรรณ ศินีนาฏ เก้ และทีมงานนั่งกันเต็มโต๊ะ
“เอาเลยครับทุกคน สั่งกันได้เต็มที่ ฉลองที่เทปแรกของเราเปิดตัวได้สวยงามมาก” ภานุยิ้มร่ามาดป๋ามาก
ปัญชลีแซวขำๆ “งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะ” พลางเรียกบ๋อย “น้อง พี่ขอเมนูแนะนำ เอาที่แพงที่สุดในร้านเลยนะ”
“อุ้ย พี่ลี เดี๋ยวนะครับ”
ภานุแกล้งเปิดกระเป๋านับเงินแต่ไม่พอจ่าย จึงหันไปสะกิดยืมเงินแพรพรรณ ทุกคนฮาครืน ปัญชลีหัวเราะขำ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส สักครู่มีแฟนรายการเข้ามายืนลับๆ ล่อๆ มองดูปัญชลี ท่าทางเกรงใจ
“คุณปัญชลีคะ ขอถ่ายรูปได้ไหมคะพี่ พวกหนูเป็นแฟนรายการ”
ปัญชลีหันไปมอง แล้วยิ้มให้ “ได้ค่ะ ตรงไหนดีคะ”
ปัญชลีลุกขึ้นให้ถ่าย พวกแฟนๆ ขอเข้ามาใกล้ชิด ถ่ายเล่นกันหลายมุม แฟนๆ คุยกับปัญชลีด้วยความชื่นชม ปลาบปลื้ม ปัญชลีก็ให้ความสนิทสนมกับแฟนๆ ไม่ถือตัว
ศินีนาฏที่นั่งอยู่กับแพรพรรณ ภานุ และทีมงานอื่นๆ มองปัญชลีเซลฟี่กับแฟนๆ เปรยขึ้นมาลอยๆ
“ตัวจริงคัมแบ็คแล้ว เดี๋ยวตัวปลอมก็ต้องโกแบ็ค สู่ขุมนรก หึๆๆ”
ศีนีนาฏหัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว ทุกคนมองงงๆ ยังไม่เก็ต

ภานุจอดรถส่งแพรพรรณหน้าบ้าน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“เป็นรางวัลที่คุณทำได้ดี วันนี้คุณรายงานสดคล่องมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นครั้งแรก”
“ขอบคุณค่ะ”
แพรพรรณจะลงรถเข้าบ้านไป ภานุจับแขนไว้
“เลิกพูดคะขาซักทีได้ไหม คุณเป็นอะไรไป นี่ผมนะ นายโย่งคนเดิมของคุณไง”
“ไม่ใช่ คุณคือคุณภานุ เจ้านายของชั้น นายโย่งคนนั้นตายไปแล้ว”
ภานุเหวอ “เล่นถึงตายเลยเหรอ”
“กรุณาอย่าพูดถึงเขาอีกเลยค่ะ ชั้นขอตัวนะคะ”
แพรพรรณตัดบทเปิดประตูรถจะหนีเข้าบ้าน ภานุหมั่นไส้กระชากแขนแพรพรรณกลับมา
“โอ๊ย”
ร่างแพรพรรณเสียหลักล้มลงมาในวงแขนภานุ นอกจากกอดเธอไว้แล้วภานุยังโขมยหอมแก้มอีกฟอด
“คนที่ตายไปแล้วจะกอดจะหอมคุณแบบนี้ได้เหรอ”
แพรพรรณอึ้ง จับแก้มตัวเอง มองหน้าภานุตาเขียวโกรธจนลืมตัว “ไอ้โย่ง”
ภานุทำทะเล้นล้อ “อ๊ะๆ จำผมได้แล้วเหรอ ไหนว่าผมตายไปแล้วไง”
แพรพรรณทั้งยัวะทั้งเขินที่โดนแต๊ะอั๋ง ง้างหมัดต่อยภานุโครม อีกฝ่ายร้อง “โอ๊ย”
“อย่าทำกับชั้นแบบนี้อีก ไม่งั้นนายได้ตายจริงแน่”
แพรพรรณลงจากรถปิดประตูโครม แล้วหนีเข้าร้าน
ภานุกุมเบ้าตาร้องครวญคราง มองตามแพรพรรณ อมยิ้มมีความสุข

ทางด้านดาวหอบที่นอนหมอนผ้าห่มมาให้ตุ่นที่นอนเล่นแท็บเล็ตอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก
“เจ๊นอนข้างนอกแล้วกันนะคะ ดาวอยากนอนคนเดียว”
“จ้า ตามสบาย” ตุ่นเล่นเน็ตไป แล้วต้องตกใจ “ว้าย ตายแล้ว น้องดาวมาดูนี่เร็ว มีกระทู้ถึงน้องดาว”
ดาวแปลกใจรีบเดินไปชะโงกหน้าดู เห็นตุ่นเข้าเว็บ Thai Talk เปิดอ่านกระทู้
“นักข่าวดัง ด. รับเงินใต้โต๊ะแลกกับการไม่เล่าข่าวคอนโดดัง”
ดาวนึกไปถึงตอนคุณหญิงวจีส่งเช็คให้เพื่อติดสินบนปิดปากดาว
นึกแล้วดาวยิ่งหน้าเสีย รีบไล่อ่านดูรายละเอียด เห็นมีแต่คอมเมนต์ด่า และคาดเดาต่างๆ นานา
เช่น “ด. ดารินกานต์หรือเปล่า” / “แย่มาก ไม่มีจรรยาบรรณ” / “สมาคมสื่อต้องลงโทษ” / “เสื่อม...เสื่อมเสียที่สุด” และอีกสารพัดสารพัน
ดาวไล่อ่านคอมเมนต์โดยเร็ว เหมือนมีเสียงก่นด่ามาจากทุกสารทิศ จนหล่อนเริ่มกังวลหนัก
“เราจะซวยไหมเนี่ย ใครมันมารู้มาเห็นเรื่องนี้”
“คนที่หูตาเป็นสับปะรดก็มีแต่มันคนเดียว นังปัญชลี”
ดาวเคืองแค้นเจ็บใจ

ดาวกับตุ่นเข้ามาในออฟฟิศตอนเช้า ท่าทางระแวงๆ กวาดตามองเห็นพนักงานที่นั่งทำงานอยู่ บางคนจับกลุ่มอยู่หน้าจอ เหมือนดูอะไรอยู่
คนในออฟฟิศเห็นดาวเข้ามา ก็เงยหน้ามอง ดาวเห็นสายตาจ้องมาก็ยิ่งนอยด์ คิดว่าทุกคนคงรู้ข่าวหมดแล้ว รีบก้มหน้าก้มตาเดินหนี

ปัญชลีเดินคุยกับภาสกรเรื่องรายการที่ออนแอร์ครั้งแรกเมื่อคืน ลงมาจากชั้นบน ดาวเดินมาเห็นหยุดกึก ฟิวส์ขาด เริ่มแสดงการไม่เคารพอย่างชัดแจ้ง
“คิดจะทำลายชั้นทุกทางเลยใช่ไหม ปัญชลี”
ปัญชลีหันไปมองดาวงงๆ ภาสกรเองก็งง ดาวก้าวฉับๆ ขึ้นมา ตุ่นยืนรีๆ รอๆ ไม่กล้ายุ่ง
“คุณภาสอย่าไปเชื่อนะคะ มันใส่ร้ายดาว”
ปัญชลีงง “เธอพูดเรื่องอะไร”
“แกตั้งกระทู้ใส่ความว่าชั้นรับสินบนแหล่งข่าว ชั้นรู้ว่าเป็นแก”
ดาวถลาเข้ามาจับไหล่ปัญชลีเขย่าๆ อย่างคุกคาม จนภาสกรตกใจ
“ดาว อะไรกัน”
ดาวไม่ฟังใครทั้งนั้น “แกจงใจจะดับอนาคตชั้น แล้วแกก็จะได้แย่งคุณภาสคืนไปใช่ไหม นังจิ้งจอก”
“กระทู้อะไร ชั้นไม่รู้เรื่องอะไรของเธอเลย ปล่อยชั้นนะ”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ยังไงก็ต้องเป็นแก เพราะแกอิจฉาชั้น แกอยากกำจัดชั้น”
ดาวยิ่งพูดก็ยิ่งสติขาดผึง เขย่าตัวปัญชลีแรงขึ้น
ปัญชลีเริ่มไม่พอใจ พยายามจะสะบัดตัวออก ภาสกรพยายามห้ามแยกดาวออกมา
ทว่าในตอนนี้ดาวเห็นช้างตัวเท่ามด เอามือข้างหนึ่งผลักภาสกรออกไป แล้วตวัดมือตบหน้าปัญชลีเต็มแรง
ปัญชลีซวนเซไปที่บันไดเสียหลักตกลงไปท่ามกลางความตะลึงของภาสกรกับดาว

ตุ่นที่อยู่ข้างล่างมองเหตุการณ์อย่างตื่นตกใจ ตะลึงตะไล เมื่อเห็นร่างปัญชลีตกลงมากองคาตีนบันไดต่อหน้าต่อตา

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)

โชคยังดีที่ปัญชลีใช้แขนยันพื้นรับน้ำหนักตัวไว้ ไม่ให้หัวกระแทกพื้น

“ลี”
ภาสกรโลดแล่นลงบันไดไปประคองปัญชลีที่กุมแขนด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“อย่าขยับแขน กระดูกอาจหัก ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
ภาสกรโมโหมากเหลียวขวับไปมองดาวแว่บหนึ่งเป็นเชิงฝากไว้ก่อน เพราะต้องรีบพาปัญชลีไปหาหมอ
ตุ่นหน้าซีดเผือด ส่วนดาวพอหายคลั่ง ก็กังวลหนักกลัวภาสกรโกรธ

ผ่านไปสักระยะแล้ว ทีมปัญชลี และพนักงานฝ่ายรายการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ดาวคลั่งผลักปัญชลีตกบันได
“นังน้องดาวดีออกนี่ร้ายจริงๆ คุณลีคอหักตายได้นะนั่น” จอยว่า

ส่วนในห้องทำงานดาว ชะนีกับกะเทยแม่ลูกนั่งไม่ติดที่ ออกอาการกระวนกระวาย
“ลูกเอ๊ย...ไปทำใครไม่ทำ ไปทำนังมารจิ้งจอก มันต้องใช้วิชามารพันปี ขยี้ลูกตายคากรงเล็บ”
“ดาวไม่กลัวนังมารจิ้งจอก ดาวกลัวคุณภาสโกรธ ไม่น่าอารมณ์ขึ้นต่อหน้าคุณภาสเลย”
เสียงท็อปดังเข้ามาว่า “คุณลีเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
ดาวกับตุ่นรีบออกจากห้องไปทันที เห็นปัญชลีที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลกับภาสกร ปัญชลีพันผ้าที่แขน ท่าทางยังขยับแขนข้างนี้ไม่ได้มากนัก และยังมีอาการเจ็บอยู่
“หมอเอ็กซเรย์แล้ว แขนซ้น ไม่ถึงกับหัก” ปัญชลีบอกลูกน้องแล้วเดินเลยไปหาดาว จ้องหน้านิ่ง บอกเสียงเรียบ “สิ่งที่เธอทำ ตามกฎหมายถือเป็นการทำร้ายร่างกาย ดาว ถ้าเธอทำร้ายชั้นอีก ชั้นจะแจ้งความ”
ดาวเชิดหน้าไม่สะทกสะท้าน
ภาสกรสั่งดาวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ไปคุยกับผมที่ห้อง”
ดาวหน้าเสีย เดินตามภาสกรออกไป
พวกลูกน้องเข้ามาห้อมล้อมช่วยกันดูแลปัญชลี เลื่อนเก้าอี้มาให้นั่ง ปัญชลียิ้มขอบใจลูกน้องแล้วหันไปจ้องตุ่นด้วยสายตาพิฆาตมาร จนตุ่นต้องรีบหลบเข้าห้องทำงานดาวแทบไม่ทัน

ภาสกรอบรมดาวมาพักใหญ่แล้ว ดาวเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าหืออือ โต้แย้งใดๆ
“อย่าบรรลุนิติภาวะแค่อายุ บรรลุนิติภาวะทางอารมณ์ด้วย ใจร้อนหุนหันพลันแล่นเป็นเด็กวัยรุ่นไปได้”
“ดาวขอโทษค่ะ”
ภาสกรนึกได้อีกเรื่อง “แล้วกระทู้ในเว็บ THAI TALK เป็นจริงมั้ย คุณรับสินบนแลกกับจรรยาบรรณสื่อ”
งานนี้ถนัด ดาวโกหกหน้าใสซื่อ “พิธีกรข่าวอักษรย่อ ด. มีตั้งหลายคน ไม่ใช่ดาวค่ะ ที่ดาวโมโหพี่ลี เพราะดาวคิดว่าพี่ลีแกล้งตั้งกระทู้ ให้คนสงสัยดาว”
“เมื่อคุณยืนยันว่าไม่ได้ขายจรรยาบรรณ ก็อยู่เฉยๆ ให้เรื่องเงียบไปเอง ไปทำงานได้แล้ว”
หน้าตาภาสกรดูออกว่าเบื่อหน่ายมาก หลังๆ มานี้พฤติกรรมดาวไม่น่ารักเอาเลย
ดาวซึมออกไป สวนกับโอภาสที่เดินเข้ามา
“พ่อได้ยินพนักงานคุยกัน ดาวผลักลีตกบันได ลีเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ผมพาไปหาหมอแล้วครับ โชคดี ลีแค่แขนซ้น” ภาสกรปรับทุกข์กับบิดา “ดาวไม่ใช่คนเดิมที่ผมประทับใจ เจ้าอารมณ์ ก้าวร้าว”
“พ่อไม่ได้เข้าข้างเด็กนะภาส ตัวภาสต้องไปทำอะไรให้ดาวหึง ดาวถึงเปลี่ยนไป”
“ผมก็พยายามเลี่ยงไม่ใกล้ชิดลี ห่วงความรู้สึกดาว”
“พ่อถามจริงๆ เหอะ ภาสจริงจังกับดาวแค่ไหน”
“ผมอายุขนาดนี้แล้ว ไม่คบใครเล่นๆ หรอกครับ ผมอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้เวิร์ก”
“งั้นภาสก็ต้องพยายามมากกว่านี้ ทำให้ดาวไว้ใจภาส”
ภาสกรรับฟังคำแนะนำพ่อ เมื่ออยากคบดาวได้ตลอดรอดฝั่ง เขาก็ควรพยายามรักษาความสัมพันธ์ไว้

ทีมงานนั่งรอประชุมรายการเจาะแฟ้มข่าว ระหว่างรอก็ด่าดาวฆ่าเวลา
“แอนละอยากให้คุณลีแจ้งความ จับนังดาวดีออกเข้าคุกให้ไปดีออกในคุก”
ปัญชลีหอบหนังสือพิมพ์เข้ามา ท็อปลุกไปช่วยรับมาวาง
“คุณลีว่า พิธีกรข่าวอักษรย่อ ด. ที่ขายจรรยาบรรณสื่อ ใช่ดาวหรือเปล่าครับ”
“พี่สอนพวกเรามาตลอด ต้องเช็คแหล่งข่าวทุกครั้งเพื่อความถูกต้อง ข่าวในเว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐาน เป็นช่องทางให้ใส่ร้ายกัน ถึงพวกเราไม่ชอบดาว ก็ไม่ควรยัดเยียดข้อหาให้ คนดีหรือคนไม่ดี ก็ควรได้รับความเป็นธรรม”
ทุกคนมองปัญชลีอย่างชื่นชม เธอเป็นอย่างนี้ มีหลักการ ยึดความถูกต้อง ไม่ใช้อคติหรืออารมณ์ไปตัดสินคนอื่น ครั้งนี้ยิ่งน่าฟังเพราะเธอพูดอย่างอ่อนโยน
“แพรล่ะ”
“โทร.มาลากิจครึ่งวันค่ะ พาแม่ไปเช็คสุขภาพ” จอยบอก
“ต่อไปพวกเราเรียกพี่ว่า พี่ลีนะ เรียกคุณ ดูห่างเหิน”
ท็อปยิ้มประเดิมคนแรก “ครับพี่ลี” คนอื่นยิ้มตาม
“รายการคืนนี้จะเล่นประเด็นข่าวอะไรดี”
บรรยากาศการประชุมชื่นมื่นดีงามมากๆ ปัญชลีพูดจายิ้มแย้มกับลูกน้อง แถมให้แสดงความคิดเห็น ถกเพื่อ เบรนสตอร์ม กันจริงๆ ลูกน้องก็ดูแฮปปี้

ส่วนดาวเดินหน้าตูมกลับมาห้อง โดนเรียกไปสวดยับ ตุ่นกระวนกระวายรออยู่แถมาหา
“คุณภาสกรจะไล่ดาวออกมั้ยลูก ลูกรับเงินใต้โต๊ะ”
“ดาวตีหน้าซื่อ โกหกว่าไม่ใช่นักข่าวที่โดนแฉ คุณภาสเชื่อดาว เจ๊ห้ามหลุดปากพูดไปล่ะ”
“ขืนพูด เจ๊ก็ซวยไปด้วยจิ เจ๊ได้ส่วนแบ่ง” ตุ่นใคร่ครวญ “ใครนะ สอดรู้สอดเห็น เอาลูกดาวไป
แฉในเน็ต”
“ก็นังจิ้งจอกนั่นแหละ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อีนังหน้ามึน แล้วยังขู่จะแจ้งความดาวอีก คิดว่าตัวเองแน่คนเดียวรึไงปัญชลี”
ดาวเคืองขุ่นคุมแค้น มีแผนชั่วในหัวจะต้องเอาคืนปัญชลีอีก

ดาวกลับมาห้อง แปลกใจที่เจอภาสกรสวมผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวอยู่
“คุณภาส จะมาทำไมไม่บอกคะ”
“อยากเซอร์ไพรส์น่ะ ไปไหนมา กลับซะมืดเชียว”
“ไปธุระกับเจ๊ตุ่นค่ะ คุณภาสทำกับข้าวเป็นด้วยหรอคะ”
“พอทำได้ไม่กี่อย่างน่ะ อยากช่วยมั้ย”
ดาวยิ้มหวานแล้วเข้าไปช่วยภาสกรทำกับข้าว สองคนชื่นมื่น ภาสกรพยายามดีกับดาวมากๆ เพื่อหล่อเลี้ยงให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
“นึกว่าคุณภาสยังโกรธดาวเรื่องเมื่อเช้าซะอีกค่ะ”
“เวลาอยู่ด้วยกัน อย่าคุยเรื่องอื่นเลยนะ คุยแต่เรื่องของเรา” เขายิ้มให้ดาว
“ค่ะ” ดาวหน้าระรื่น “คุณภาสขา กินข้าวแล้ว เราไปนั่งฟังเพลงกันนะคะ เจ๊ตุ่นบอกว่า ตรงเลียบทางด่วนมีร้านเปิดใหม่ เล่นดนตรีสด เพราะมาก”
“เป็นแต่ก่อน ผมคงอยากไป แต่ตอนเนี้ย ผมชอบฟังเพลงอยู่บ้านมากกว่า ฟังที่ร้าน หนวกหู”
“แต่ดาวอยากไป ฟังเพลงอยู่บ้านเหงาจะตาย ไปนั่งฟังที่ร้านกินบรรยากาศชิลๆ ยิ่งคนแน่นร้าน ยิ่งสนุกค่ะ”
“พอคุณอายุเท่าผม คุณก็จะชอบอยู่คนเดียวเหมือนผม”
“ดาวไม่ได้อายุเท่าคุณภาสนี่คะ ไปเป็นเพื่อนดาวนะคะ ไปแป๊บเดียวก็ยังดี”
“โทร.ชวนตุ่นแล้วกัน ผมขอบาย”
ดาวงอน แต่ไม่กล้าเหวี่ยงใส่ ภาสกรไม่ใช่ศรัณที่ยอมหล่อนทุกอย่าง
“ดาวเอากระเป๋าไปเก็บนะคะ”
ดาวขัดใจอดชักสีหน้าใส่ไม่ได้ มองค้อนภาสกรขณะเดินเอากระเป๋าถือไปเก็บในห้องนอน
ภาสกรวางมือจากการทำกับข้าว ถอนหายใจ ตั้งใจมาทำกับข้าวให้ดาว สานสัมพันธ์ดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะยิ่งแย่ลง

อีกฟากปัญชลีกับเก้กลับจากจัดรายการดึก
ปัญชลีไขประตูเข้าบ้านมาโดยไม่ทันมอง “คืนไหนจัดรายการดึก เก้มานอนห้องพี่นะ ได้กลับด้วยกัน”
ทั้งคู่เข้าห้องโถง ก็ต้องผงะ บ้านถูกรื้อกระจุยกระจาย โคมไฟล้ม ข้าวของในตู้หล่นเกลื่อนห้อง
เก้ตกใจ “โดนยกเค้า”
“หมู่บ้านนี้ระบบรักษาความปลอดภัย ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยมีหลังไหนโดนโจรขึ้นบ้าน”

ปัญชลีตาวาว สงสัยว่าจะเป็นฝีมือดาวคู่อริ

รปภ.หมู่บ้านเปิดเทปจากกล้องวงจรให้ปัญชลีกับเก้ดู

ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพบุคคลต้องสงสัย 2 คน โดยทั้งคู่สวมหมวกปิดบังหน้าตา บุคคลลึกลับทั้งคู่ รู้อย่างดีว่าตรงไหนมีกล้อง จึงก้มหน้าหลบกล้องทุกจุด
กล้องตัวสุดท้ายที่จับภาพคนร้ายได้ คือกล้องตรงทางเดินหน้าบ้านปัญชลี เห็นคนร้ายไขกุญแจเข้าบ้านจากด้านหลัง ไม่เห็นหน้าคนร้าย
เก้มั่นใจ รู้ว่าเป็นใคร “มีการ์ดเข้า มีกุญแจห้อง แอบขโมยพี่ภาสมา”
ปัญชลีพยักหน้าเห็นด้วยกับเก้ บุคคลลึกลับสองคนที่บุกทำลายบ้านนาง คือดาวกับตุ่นอย่างแน่นอน

ดาวหัวเราะหัวใคร่คุยโทรศัพท์กับตุ่น
“เจ๊ว่านังจิ้งจอกเห็นสภาพบ้านสภาพห้องแล้วจะเป็นยังไงคะ”
“มันก็แสดงอิทธิฤทธิ์อาละวาดทั่วห้องน่ะซิ ฮิๆๆๆ”
ดาวสะใจ นึกถึงเมื่อตอนหัวค่ำที่ไปรื้อบ้านนังจิ้งจอกซะเละ
โดยดาวกับตุ่นรื้อข้าวของในห้องปัญชลีกระจุยกระจาย บรรเลงเพลงแค้น
“พรุ่งนี้เราต้องแอบเอากุญแจบ้านนังจิ้งจอกไปคืนแต่เช้า เจ๊ตุ่นดูต้นทางหน้าห้องทำงานคุณภาสให้ดาวเหมือนเดิมนะคะ” มีสายเรียกซ้อนเข้ามาดาวดูชื่อ “นังจิ้งจอกโทร.มา เจ๊ตุ่นอย่าเพิ่งวาง” ดาวกดสลับ ไปรับสายปัญชลีพูดยียวน “สายด่วนสุขภาพจิตยินดีให้บริการ จะปรึกษาปัญหาทางจิตอะไรคะ”

ปัญชลีอยู่ในห้องโถงคุยสายกับดาว เก้กำลังสำรวจดูข้าวของว่ามีอะไรเสียหายบ้าง
น้ำเสียงปัญชลีระหว่างคุยเยียบเย็น “ชั้นมีปัญหา บ้านถูกบุกรุก คนร้ายฉลาด หลบกล้อง ไม่ให้เห็นหน้า”
“ว้า แย่เลยเนอะคะ พี่ลีเลยไม่มีหลักฐานเอาผิดคนร้าย เห็นขู่ฮึ่มๆ ว่าจะแจ้งความ”
“คนร้ายน่ะฉลาดแต่ไม่เฉลียว ไม่ได้ใส่ถุงมือตอนรื้อห้องชั้น” ปัญชลีพูดกับเก้เสียงดัง จงใจให้ดาวที่อยู่ปลายสายได้ยินด้วย “เก้ โทร.แจ้งตำรวจ ให้ตำรวจมาเก็บลายนิ้วมือคนร้าย”
“โทร.เดี๋ยวนี้เลยครับพี่” เสียงเก้ดังฟังชัด
ดาวได้ยินว่าเรื่องถึงตำรวจ ก็เริ่มไม่สนุก ชักนอยด์
“พี่ลีขู่ดาว ไม่แจ้งตำรวจจริง ๆ หรอก” ปากดีไปแต่ใจเสียแล้ว
“ชั้นเตือนเธอแล้ว ถ้าเธอทำร้ายชั้นอีก ชั้นจะแจ้งความ รอตำรวจติดต่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพักล่ะ” ปัญชลีวางสายไปเลย
ดาวลนลานร้อนรนประสาทแดก ดูเหมือนนังจิ้งจอกเอาจริง รีบกดสลับสายกลับไปหาเจ๊ตุ่น
“เจ๊ นังจิ้งจอกจะแจ้งตำรวจจับเรา”

เช้าวันถัดมาภานุนั่งลงที่โต๊ะอาหารเป็นคนสุดท้าย เบ้าตาเขียวช้ำ
วิไลลักษณ์มองจับผิดลูกชายคนเล็กไม่เชื่อเหตุผลที่บอก “แม่นึกไม่ออก นุไปเดินชนขอบตึกอีท่าไหน ตาถึงเขียว”
“ก็อย่างที่ผมบอกคุณแม่ไงครับ ขอบตึกตรงนั้นมีแง่ง ดีนะ ไม่ทิ่มเข้าลูกกะตาผม”
วิไลลักษณ์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี โอภาสพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้กินข้าวเถอะ อย่าคาดคั้นลูกเลย
ภาสกรเอี้ยวตัวมากระซิบถามน้องชาย “ตาโดนอะไรมา”
ภานุเอี้ยวตัวมากระซิบตอบ “สาวต่อยครับ”
ภาสกรอดหัวเราะไม่ได้ มองล้อน้องชาย
ภานุเขินๆ อยู่ หันมาเห็นสายตาวิไลลักษณ์จ้องมานัยน์ตาเข้ม ถึงกับสะดุ้ง
“เอ้อ ลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องนอน”
ภานุรีบเผ่นไปทันที
“ตานุนี่ไม่รู้อะไร แม่เป็นนักข่าว นักข่าวช่างสังเกต ภาส น้องชายเรามีแฟนสินะ ผู้หญิงที่ไหน”
“ไม่รู้ครับ”
“ภาว่าต้องเป็นแพรพรรณ พิธีกรภาคสนามรายการใหม่ลี เห็นสนิทกับนุมาก ทำงานด้วยกัน”
โอภาสปราม “ปล่อยลูกไปเถอะคุณ นุเรียนจบแล้ว จะมีแฟนก็ไม่แปลกถึงวัยแล้ว”
“ชั้นเป็นแม่ ชั้นมองลูกเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ โดยเฉพาะตานุ เรื่องอะไรมาต่อยลูกชายชั้น”
วิไลลักษณ์หน้าตึงไม่พอใจแพรพรรณ เห็นทีต้องอบรมเด็กนั่นชุดใหญ่

ตรงโต๊ะมุมพักผ่อนในสวนสวย แพรพรรณนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ภานุซื้อขนมมาวางบนโต๊ะ นั่งเคี้ยวหยับๆๆ เรียกร้องความสนใจ อีกฝ่ายไม่สน ภานุเลื่อนถุงขนมไปใกล้ จนไปวางบนตักแพรพรรณ
“อย่ายุ่งกับชั้น”
“ไชโยพูดได้แล้ว โดนผมลักหอมแก้มไปที อย่างกับโดนกดปุ่มปิดเสียงไม่พูดกับผมซักคำ”
“ห้ามพูดถึงเรื่องวันนั้นอีก” แพรพรรณเขินเลย
“ฮั่นแน่ะ ทอมเขิน อยากโดนอีกฟอดป่าว จัดให้”
ขณะที่ภานุยิ้มกริ่มหยอกเย้าแพรพรรณอยู่นั้น วิไลลักษณ์กับโอภาสเดินตรงมา ภานุรีบเก็บอาการ ส่วนแพรพรรณเจี๋ยมเจี้ยมหน้าตาหวาดผวา กลัวนางพญาแห่งไทยเคเค
“พนักงานบอกว่าเห็นนุเดินมาทางนี้ เธอสินะ แพรพรรณ ชั้นเอาตำรวจมาจับเธอเข้าคุกได้เลยนะ เธอต่อยตาลูกชายชั้น”
“เอ่อ...แพร..แพร”
“ผมหาเรื่องแพรเค้าก่อนครับคุณแม่”
“คนโดนต่อยไม่เอาเรื่อง ก็ถือว่าแล้วกันไป” โอภาสมีท่าทีเป็นมิตรดูใจดีกับแพรพรรณ “ไปทำงาน
เถอะหนู”
แพรพรรณไหว้วิไลลักษณ์กับโอภาสแล้วรีบเผ่น ภานุตามไปติดๆ
วิไลลักษณ์ตัดพ้อสามี “พ่อกับลูกพอกัน เข้าข้างคนอื่น”
“คุณวิไลลักษณ์ คุณมองพลาดมาครั้งนึงแล้วนะ ไปเห็นดาวดีกว่าลี เราเลยเสียเพชรแท้ไป”
วิไลลักษณ์ตะแบง “ชั้นไม่ได้มีญาณทิพย์นี่คะ ได้มองคนทะลุปรุโปร่ง สายตาคนเราพลาดกันได้”
“สมัยคุณคบกับผม พ่อคุณไม่ชอบผม เพราะผมเป็นคนธรรมดา ไม่ไฮโซ ร่ำรวยเหมือนครอบครัวคุณ แล้วดูเราสองคนสิ ครองรักกันมา 40 กว่าปี มีความสุขดี คุณต้องให้โอกาสแพรพรรณ เด็กคนนี้อาจเป็นภรรยาที่ดี เติมเต็มชีวิตให้เจ้านุ คุณไม่อยากให้ลูกมีความสุขเหรอ”
เหตุผลของสามี ทำให้วิไลลักษณ์อ่อนลง
“แม่ที่ไหนไม่อยากเห็นลูกมีความสุขคะ เฮ้อ...ตานุนะตานุ สาวไฮโซสวยๆ มีตั้งเยอะแยะ ไม่ชอบ ดั๊น ไปชอบพนักงาน”
วิไลลักษณ์ขอบ่นระบายอีกดอก

ขณะเดียวกัน ดาวกับตุ่นถือดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มคนละช่อ จัดมาอย่างสวย ทั้งคู่มาดักรอขอโทษปัญชลี
“ไม่อยากปั้นหน้าพูดดีกับนังจิ้งจอกเลย”
“ฝืนๆ ตอแหลไปลูก นังจิ้งจอกได้เมตตา ถอนแจ้งความเรา นู้น...นังจิ้งจอกมาแล้ว”
ปัญชลีจอดรถเข้าช่องเรียบร้อยลงจากรถ มองตุ่นที่รีบถลามาหา ย่อตัวไหว้ปัญชลีอย่างกับนักเรียนหญิงไหว้คุณครูผู้ปกครองหน้าโรงเรียนกระนั้น
“ตุ่นต้องขอประทานอภัยคุณลีด้วยนะคะ เมื่อวานตุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ไปรื้อบ้านช่องห้องคุณลีซะเละตุ้มเป๊ะ อย่าถือสาตุ๊กตุ่นตัวน้อยตัวนี้เลยนะคะ” พลางขยิบตาให้ดาวมาช่วยกันตอแหล
“อารมณ์ชั่ววูบทำให้ดาวทำอะไรสิ้นคิด พี่ลีเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล ให้อภัยเด็กเจ้าอารมณ์คนนี้นะคะ ดาวสำนึกผิดแล้ว”
“ทำผิดแล้วมาขอโทษ ชั้นก็ให้อภัย” ปัญชลีรับช่อดอกไม้มา
ชะนีแรงกับตุ๊ดถ่อยยิ้มแฉ่ง
ปัญชลีพูโต่อ “แต่ข้อหาบุกรุก ชั้นถอนแจ้งความไม่ได้ พวกเธอบุกรุกบ้านชั้นยามวิกาล คืออย่างนี้นะ คดีบุกรุกมี 2 กรณี บุกรุกตอนกลางวัน เจ้าทุกข์สามารถถอนแจ้งความได้ ส่วนบุกรุกตอนกลางคืน ถือเป็นคดีอาญา ถอนแจ้งความไม่ได้ ต้องเอาเรื่องขึ้นศาล”
“ขึ้นศาล” สองคนอุทานลั่นเหวอ เอ๋อไปเลย
“ชั้นให้ตำรวจส่งหมายเรียกไปที่คอนโดเธอ สงสาร ส่งมาที่ทำงาน เธอจะเสียชื่อรอหมายเรียกนะดาว”
ดาวโมโห “พี่ลีหลอกให้ดาวขอโทษ” พลางแย่งช่อดอกไม้คืนมาอย่างแรง
“เธอมาดักขอโทษชั้นเอง แล้วทีหลังจำไว้ จะบุกรุกบ้านใคร ให้บุกรุกตอนกลางวัน มันรอมชอมกันได้”
ปัญชลียิ้มอย่างผู้ชนะเดินระเหิดระหงเข้าตึกไป
“คุณลีขา ตุ่นไม่โดนหมายเรียกด้วยใช่มั้ยคะ คุณลีที่เคารพ” ตุ่นวิ่งแต๊ดแต๋ตามปัญชลีไป
ศินีนาฏขับรถมา เห็นน้องดาวดีออกยืนหน้าเหวี่ยงอยู่ ส่วนปัญชลีเดินยิ้มเข้าตึก จึงรีบจอดลงไปตีรวนดาว
“เจอเพลงดาบของลีเข้าไปล่ะสิ โดนแทงตรงไหนเอ่ย”
“นังสาระแน”
ศินีนาฎด่ากลับ “นังโง่ คนที่เธอควรผลักตกบันไดคือชั้น ชั้นเป็นคนตั้งกระทู้แฉเธอรับสินบน ที่ชั้นไม่แฉต่อ เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงสถานี โถๆๆ น้องดาวดีออก นอกจากดีออกแล้วยัง...จั๊ดง่าว”
ดาวตะลึง คาดไม่ถึง และสติแตก เอาช่อดอกไม้ฟาดศินีนาฏไม่ยั้ง ดอกไม้หล่นกระจุย กลีบกระจาย
“สติหลุดไปแล้วนังบ้า”
ศินีนาฏเดินหนีไป เหลือดาวยืนประสาทเสียอยู่คนเดียว
“หมายเรียกจากตำรวจ”

ดาวผวากลัวไปหมด กลัวขึ้นศาล กลัวติดคุก และที่สำคัญกลัวเสียชื่อเสียง

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 10 (ต่อ)

หลายวันมานี้ ดาวเอาแต่ระแวง คอยเช็คล็อคเกอร์จดหมายคอนโด ทันทีที่กลับจากทำงาน แต่ไม่เจอ

“หมายเรียกยังไม่มา”
ขณะจัดรายการกระแสข่าวเช้านี้ ในห้องส่ง ก็นั่งหน้าเครียดใจลอย ลืมคิวเล่าข่าว จนศินีนาฏต้องหันมาหาเตือนให้พูด และโดนท็อปด่าจากในห้องคอนโทรล
“ดาวเป็นอะไร หมู่นี้ไม่มีสมาธิทำงาน”

ไม่เท่านั้นดาวกังวลเรื่องหมายเรียกตำรวจ จนลามมากระทบความรัก อย่างตอนนี้ก็หงุดหงิดใส่ภาสกรที่ทำอาหารอยู่ในห้อง เดินหน้าบึ้งตึงมาปิดแก๊ส ฉีดสเปรย์น้ำหอมกลบกลิ่นอีกด้วย ภาสกรส่ายหัว เบื่อหน่ายแฟนสาวต่างวัยมากขึ้นทุกที
ดาวไขล็อคเกอร์จดหมายคอนโด รอหมายเรียกมาหลายวัน แต่ไม่มาซะที
วันนี้ดาวมาเปิดล็อคเกอร์แต่ไม่มีจดหมายซักฉบับ ยิ่งวิตกกังวลหนัก

ส่วนศรัณยังนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว หน้าตาสดใส ผิดจากหลายวันก่อนที่หน้าตาอมทุกข์ทรุดโทรม ศรัณกินข้าวที่พ่อแม่ซื้อมาให้ กินเอาๆ อย่างเอร็ดอร่อย พ่อกับแม่ยิ้มออกสบายใจ เห็นลูกชายสภาพร่างกายจิตใจดีขึ้น
“อยากกินต้มยำปลาทู ปลาทูที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าปลาทูแม่กลองบ้านเรา วันนี้กลับบ้านกันนะครับ”
“รอหมอมาก่อนลูก หมอเข้าบ่ายๆ”
ทานเสร็จศรัณหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูไอจีดาวคนดัง แม่มองอยู่ร้องห้าม
“ห้ามโทร.หาดาวนะศรัณ”
“ผมดูไอจีดาวครับ อยากรู้ตอนนี้ดาวอยู่ไหน” เขาพูดอย่างคนปลงตก ตัดใจได้แล้ว “ผมจมอยู่กับความเสียใจ จนลืมคิดว่าอะไรดีที่สุดสำหรับดาว คุณภาสกรเป็นคนดี ช่วยให้ดาวถึงฝั่งฝันได้ ผมควรยินดีกับดาวต่างหาก ผมอยากไปบอกลา อวยพรให้ดาวโชคดี”
แม่ไม่เห็นดีด้วย “อย่าไปเลยลูก ตัดใจได้แล้ว ก็ไม่เห็นต้องไปเจอ”
พ่อกลับบอกว่า “ให้ลูกไปเถอะแม่ ลูกรู้แล้วล่ะ คนที่รักเป็นห่วงลูกที่สุดคือเรา ลูกจะไม่ทำให้เราเป็นทุกข์อีก”
พูดไปอย่างนั้นแต่ผู้เป็นพ่อก็มองศรัณอย่างหวั่นใจ ว่าลูกชายจะตัดใจได้จริงหรือเปล่า
ศรัณยิ้มกว้างให้พ่อกับแม่

ภายในห้องจัดงานการกุศลเล็กๆ ของกลุ่มเพื่อนไฮโซของวิไลลักษณ์ ซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรู เป็นงานคอกเทลปาร์ตี้ ทุกคนแต่งตัวหรูหราดูดี ครอบครัวหิรัญกุลมากันพร้อมหน้า แพรพรรณรับหน้าที่เป็นพิธีกรของงานตามใบสั่งวิไลลักษณ์ วันนี้เธอแต่งตัวสวยน่ารักมีคลาส ซึ่งเก้จัดการให้หัวจดเท้าตามออเดอร์สลัดลุคของปัญชลี ลบภาพสาวทอมติดดินไปจนสิ้น
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานการกุศลในวันนี้ คุณวิไลลักษณ์จัดงานขึ้น เพื่อหาเงินบริจาคให้เด็กยากไร้ ดิชั้นขอเป็นตัวแทนเด็กๆ ขอบคุณคุณวิไลลักษณ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ”
คนในงานปรบมือให้วิไลลักษณ์ แพรพรรณทำหน้าที่พิธีกรพูดจาคล่องแคล่วฉะฉาน มีลูกล่อลูกชน
ภาสุรีมองอย่างชื่นชม “ภาว่า แพรพรรณมีแววดังนะคะคุณแม่ พูดจามีเสน่ห์ น่าฟัง”
วิไลลักษณ์เห็นด้วย “ฮื่อ ดูตั้งใจทำงานดีด้วย แต่การจะเป็นแฟนลูกชายแม่ ต้องฝ่าด่านอรหันต์อีก
หลายด่าน”
“อย่างน้อยคุณก็ให้โอกาสเด็ก” โอภาสหยิบพันช์ในถาดที่บริกรมาเสิร์ฟ ส่งให้ภรรยากับลูกสาว
บริกรคนเดิมเอาน้ำไปบริการปัญชลีกับภานุ ฝ่ายหลังยิ้มไม่หุบ
“ขอบคุณพี่ลีมากนะครับ จับยัยทอมแปลงโฉมซะกลายเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์”
“พอรู้ว่าคุณแม่สั่งให้แพรมาเป็นพิธีกรงานนี้ พี่ก็เดาได้ คุณแม่จะทดสอบแพร พี่เคยผ่านด่านนี้มาก่อน”
ภานุมองแพรพรรณไม่วางตา ช่างเป็นพิธีกรสาวที่สวยและน่ารักที่สุดในสามโลก
บริกรขยับไปที่ภาสกรกับดาว ภาสกรหยิบแก้วพันช์ให้แฟนสาว ดาวปรายตามองปัญชลี แล้วควงแขนภาสกรแน่นขึ้นอย่างหวงแหน ภาสกรอึดอัดดาวเกาะติดแจ ศินีนาฏอยู่ใกล้ๆ มองหมั่นไส้ดาว

ศรัณมาถึงหน้าห้องจัดงาน มองเข้าไปด้านใน เห็นดาวอยู่กับภาสกร ทั้งคู่แต่งตัวหรู ดาวอยู่ในชุดเดรส ถือกระเป๋าแบรนด์เนม ส่วนภาสกรใส่สูทเนี้ยบ
ศรัณก้มมองตัวเองใส่กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต ช่างไม่คู่ควรกับน้องดาวเอาซะเลย ศรัณไม่กล้าเข้าไปหาดาว ได้แต่ยืนมองอยู่นอกห้อง ปากยิ้มแต่นัยน์ตาเศร้าจัด

งานดำเนินมาถึงตอนที่ ภาสกร ดาว ปัญชลี ภานุ ศินีนาฏ และแขกผู้ใหญ่บางคน เพ้นท์เสื้อยืดด้วยสีอะคริลิคอย่างสนุกสนาน เพื่อจะเอาเสื้อมาประมูลหาเงินเข้าการกุศล หลายคนเดินดู
ภาสุรีพาแพรพรรณมาหาวิไลลักษณ์ แพรพรรณสยองหน้าตาหวาดหวั่น กลัวโดนเล่นงาน
“คุณแม่มีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
วิไลลักษณ์เพ้นท์ไป สัมภาษณ์ไป “ขอบใจมากที่มาเป็นพิธีกรให้ ทำไมเธอถึงอยากเป็นนักข่าว”
“แพรอยากเก่งเหมือนพี่ลีค่ะ พี่ลีเป็นไอดอลของแพร”
“ที่บ้านเธอทำอะไร”
“แม่แพรขายข้าวมันไก่ค่ะ”
“ขายข้าวมันไก่” นางพญาไทยเคเคอึ้งไป 3 วิ คุณพระ ฉันจะต้องดองกับแม่ค้าข้าวมันไก่หรือ
ภานุเพ้นท์เสื้อยืดอยู่ คอยชะเง้อดูแพรพรรณที่กำลังโดนแม่ซัก
“เป็นร้านหรือรถเข็น ลูกค้าเยอะมั้ย” โอภาสถาม
“ร้านแพรเป็นตึกค่ะ น้ำจิ้มอร่อยเด็ด เป็นสูตรตั้งแต่รุ่นยาย ลูกค้ามากินแล้วขอน้ำจิ้มเพิ่มทุกคน”
สายตาแพรพรรณมองเลยออกไปนอกงาน เห็นศรัณเดินหันหลังไปไวๆ
“แพรขอตัวซักครู่นะคะ เห็นเพื่อนมางาน”
แพรพรรณเดินก้มหลังผ่านวิไลลักษณ์ไปอย่างมีมารยาท ภานุมองตาม
“ใครก็ได้บอกชั้นที เมื่อกี้ชั้นฟังผิด บ้านแพรพรรณไม่ได้ขายข้าวมันไก่” วิไลลักษณ์โอดครวญขึ้น
“เด็กซื่อดีนะคุณ ไม่โกหกว่าบ้านรวยเหมือนดาว ผมชอบแฮะ”
โอภาสหัวเราะชอบใจ แต่วิไลลักษณ์หัวเราะไม่ออก หน้าเหยเก มองดูน่าขัน

แพรพรรณออกมาหาศรัณที่หน้าห้องจัดงาน
“พี่ศรัณ มาได้ยังไงคะ”
“แพรอย่าบอกดาวนะว่าเห็นพี่ พี่ดูไอจีดาว รู้ว่าดาวมางานที่นี่ พี่ตั้งใจมาอวยพรดาวให้มีความสุข แต่ดูเหมือนคำอวยพรของพี่ไม่จำเป็นแล้ว ดาวมีความสุขกับคุณภาสกรดี”
แพรพรรณมองอย่างสงสาร “ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ ยังมีผู้หญิงดีๆ อีกเยอะ พี่ศรัณน่ะ หล่อเลือกได้...”
ศรัณหัวเราะ โยกหัวแพรพรรณอย่างเอ็นดู ภานุตามออกมาเห็นภาพนั้นหวงแพรพรรณขึ้นมาติดหมัด
ศรัณพอดูออกว่าภานุหึงก็อมยิ้มขำ จูงมือแพรพรรณไปหา ส่งมือแพรพรรณให้ภานุจับ แพรพรรณงง
ศรัณยิ้มบอกภานุว่า “พี่เริ่มให้แล้ว สานต่อเองให้จบล่ะ”
ศรัณมองทั้งสองคนอย่างเอ็นดู แล้วหันหลังเดินกลับไปเลย
“มือนิ่มจัง” ภานุยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ไอ้โย่งบ้า”
แพรพรรณสะบัดมือออก หนีกลับเข้างาน แอบเขินตอนหันหลังให้ ภานุยิ้มหน้าบาน

แพรพรรณทำหน้าที่พิธีกรต่อบนเวที กำลังจะเริ่มประมูลเสื้อยืดที่แขกผู้เกียรติเพ้นท์
“ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 1 พันบาท เงินทั้งหมดจะมอบให้การกุศล แย่งกันประมูลให้ตัวเลขสูงๆ นะคะ เสื้อตัวแรกที่จะประมูล คือเสื้อของ...”
“ของผมครับ”
ภานุถือเสื้อยืดที่เพ้นท์เอง ไปยืนข้างแพรพรรณบนเวที
“ห้ามทุกคนประมูลสู้นะครับ ผมอยากได้เสื้อตัวนี้ ผมให้ 5 หมื่นบาท”
คนในงานงง ภานุเล่นอะไร ?
จนภานุกางเสื้อให้ทุกคนดู พบว่าภานุเพ้นท์คำว่า LOVE บนเสื้อยืด
“ผมขอมอบเสื้อตัวนี้ให้” เขายื่นเสื้อให้แพรพรรณ ชูอกเสื้อที่เพ้นท์คำว่า LOVE ให้เธอดูใกล้ๆ ชัดๆ เต็มตา บอกเป็นนัยว่า ผม รัก คุณ
คนทั้งงานฮือฮาถึงบางอ้อ ภานุใช้เสื้อยืดบอกรักสาว ภาสกร กับ ปัญชลีหัวเราะขำ ดาวและศินีนาฏเบะปากหมั่นไส้แกมอิจฉาแพรพรรณ
ส่วนวิไลลักษณ์ ถลึงตาใส่ลูกชายตัวดี ที่เล่นพิเรนทร์บอกรักสาวต่อหน้าแม่
“แขกผู้มีเกียรติคะ คุณภานุล้อเล่นค่ะ” แพรพรรณเขิน
“ไม่ได้เล่นครับ เอาจริง”
แพรพรรณกระซิบด่า “เลิกบ้าซะที ชั้นอายเค้า”
ภานุกระซิบโต้ “อายทำไม คนรักกัน”
“ชั้นไม่ได้รักนาย”
สองคนกระซิบกระซาบเถียงกันไม่เลิก ภาสุรีเลยต้องขึ้นไปเคลียร์สถานการณ์
“เชิญประมูลเสื้อตัวต่อไปเลยค่ะ”
พลางพยักหน้าบอกแพรพรรณให้ดำเนินการประมูลต่อ แล้วดึงน้องชายลงมาหาพ่อแม่
วิไลลักษณ์เอ็ดลูกชายเสียงขุ่น “ทำอะไรไม่ไว้หน้าแม่เลย”
“ผมไม่ได้ดักฉุดสาวนะครับคุณแม่”
“เรามาทำการกุศล อย่าทะเลาะกับลูกเลยคุณ”
วิไลลักษณ์ค้อนควักลูกชาย ด้านแพรพรรณเขินใหญ่ แทบไปไม่เป็น เจอสายตาภานุมองจ้องเอาๆ

แพรพรรณตั้งสติ หายเขินแล้ว ประมูลเสื้อตัวต่อไป
“เสื้อยืดที่คุณดารินกานต์เพ้นท์ ลายน่ารักคิกขุมาก อยากใส่ ต้องสู้ราคาค่ะ”
“5 หมื่น” ภาสุรีเปิดประมูล
ดาวใช้สายตาขอร้องภาสกรให้ประมูลสู้
“ผมให้ 6 หมื่น”
ศินีนาฏกระซิบปัญชลี “ลายเสื้อปัญญาอ่อน น้องหมายังไม่อยากใส่”
ปัญชลีหันไปมองภาสกรกับดาว รู้สึกสะท้านในใจลึกๆ เห็นแฟนเก่าควงคู่กับผู้หญิงคนใหม่
“เสื้อตัวต่อไป เสื้อของคุณปัญชลี” แพรพรรณชูเสื้อปัญชลีเป็นลายเส้นเก๋ไก๋ ไม่คิกขุเหมือนเสื้อดาว “ดิชั้นขอประมูลที่ 5 พันบาทค่ะ”
โอภาสบอกไปว่า “6 หมื่น”
“7 หมื่น”
ทุกคนหันขวับมองดาว ให้ราคาสูงลิบ
ศินีนาฏกระซิบปัญชลีอีก “นังนั่นเกลียดเธอ ไหงประมูลสู้”
“มีใครสู้ราคามั้ยคะ” แพรพรรณรอสักครู่หนึ่งแต่ไม่มีใครสู้ “คุณดารินกานต์ได้เสื้อคุณปัญชลีไปที่ราคา 7 หมื่นบาทค่ะ” สีหน้าแพรพรรณกังวล มั่นใจส่าดาวต้องประมูลเสื้อเพื่อหาเรื่องปัญชลี
ดาวเดินยิ้มร้ายในสีหน้าขณะไปรับเสื้อจากแพรพรรณ ภาสกรกังวล

ส่วนปัญชลีมองระแวง นังเด็กร้ายกาจคนนี้จะมาไม้ไหนอีก

งานการกุศลเลิกแล้ว วิไลลักษณ์ฉีกยิ้มส่งแขกคนสุดท้ายที่หน้างาน

“ขอบคุณนะคะที่มาร่วมทำบุญทำกุศลกัน”
วิไลลักษณ์กลับมาสมทบกับครอบครัวที่รออยู่ แพรพรรณยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ด้วย ถูกวิไลลักษณ์จ้องหน้าอย่างกับหมาป่าจะขย้ำลูกแกะ
แพรพรรณส่งเสื้อยืดของภานุคืนให้ “คุณภานุเอาไปให้คนอื่นนะคะ”
“ผมให้คุณแล้ว ไม่รับคืน” ภานุบอก
แพรพรรณไม่อยากให้มีปัญหา เอาเสื้อยืดมาพาดบ่าภานุ
วิไลลักษณ์หมั่นไส้ “ผู้หญิงเค้าไม่อยากได้ เดี๋ยวแม่ใส่เอง”
“ภาสอยู่ไหน เราจะกลับกันแล้ว” โอภาสมองหา
“พี่ภาสไปเดินหาดาวค่ะ บอกให้เรากลับกันก่อน พี่ภาสต้องไปส่งดาวที่คอนโดด้วย”
โอภาสยิ้มให้แพรพรรณ “ขอบใจนะหนู อุตส่าห์มาช่วยงาน ไม่เอาค่าตัว”
แพรพรรณยิ้มตอบ “ยินดีค่ะ”
“ไปตานุ กลับบ้าน”
วิไลลักษณ์เดินนำไปเลย ภานุเดินรั้งท้าย แอบเอาเสื้อยืดวางที่โต๊ะ ชี้บอกแพรพรรณให้มาหยิบไป
ครอบครัวภานุออกจากงานไปแล้ว แพรพรรณมองตามด้วยสีหน้าเป็นกังวลขณะหยิบเสื้อยืดขึ้นมา

ฝ่ายดาวถือเสื้อยืดปัญชลี มาดักรอหน้าห้องน้ำ จนปัญชลีกับศินีนาฏออกมา
“ที่ดาวทุ่มทุน ประมูลเสื้อพี่ลี ไม่ได้เอาไปใส่หรอกนะคะ ขยะแขยง”
ขาดคำดาวก้มลงช้าๆ เอาเสื้อปัญชลีเช็ดรองเท้าตัวเอง
ดาวจงใจยั่วยุแต่ไม่ได้ผลปัญชลีนิ่ง เป็นศินีนาฏที่ของขึ้น
“เธอจะทำอะไรกับเสื้อตัวนี้ เป็นสิทธิ์ของเธอ เพราะเธอซื้อไปแล้ว ขอบใจมากที่บริจาคตั้งร่วมแสน ชั้นพลอยได้บุญไปด้วย”
ปัญชลียิ้มเยือกเย็นเดินไปสองก้าว แล้วนึกบางอย่างได้ หันกลับมาหาดาว
“ว่าจะบอกเธอเมื่อวานซืน งานยุ่งจนลืม ไม่ต้องรอหมายเรียกจากตำรวจนะ ชั้นไปถอนแจ้งความแล้ว”
ดาวอึ้ง เป็นบ้าอยู่ตั้งหลายวัน “ไหนพี่ลีบอกว่า บุกรุกตอนกลางคืน เป็นคดีอาญา ถอนแจ้งความไม่ได้”
“ตอนเข้าแจ้งความ ชั้นบอกตำรวจว่าถูกบุกรุกตอนกลางวัน เลยถอนแจ้งความได้”
ดาวปรี๊ด “อีคนเจ้าเล่ห์ แกหลอกให้ชั้นสติแตกอยู่ตั้งหลายวัน งานการพัง ทะเลาะกับคุณภาส”
“ชั้นอยากให้เธอได้บทเรียน การกระทำที่ขาดสติ ทำให้ตัวเธอเองเดือดร้อน ความชั่วก็เหมือนบูมเมอแรง เธอขว้างไปแรงแค่ไหน ก็พุ่งกลับมาหาเธอแรงเท่านั้น”
ปัญชลีเดินไปเลย ดาวโกรธจนตัวสั่น
ศินีนาฏได้ทีซ้ำเติม “ดาว...ชั้นเพ้นท์เสื้อให้เธอ”
พลางศินีนาฏกางเสื้อยืดให้ดู เพ้นท์คำว่า “น้องดาวดีออก”
“อุ๊ย เกิดบางคนไม่เข้าใจความหมายล่ะ ชั้นไปเพ้นท์คำผวนหลังเสื้อให้น้า”
ดาวทนไม่ไหวจิกหัวศินีนาฏกระชากเต็มแรง ศินีนาฏร้องโอดโอย
ภาสกรวิ่งมาเห็นช่วยแกะมือดาวที่จิกทึ้งผมศินีนาฏออก ดาวสะบัดมือตวัดมือไปโดนหน้าภาสกรจังๆ
“ว้าย” ศินีนาฎตะลึง พอได้สติ กลัวเรื่องบานปลาย เลยเผ่นหนีไปอย่างว่องไว
ภาสกรโกรธจัด เดินหัวเสียออกไป ดาววิ่งตามง้อ
“คุณภาส”
ภาสกรเดินหัวเสียกลับเข้าห้องจัดงาน ทุกคนไปหมดแล้ว ดาวตามมางอนง้อ
“หน้าเป็นรอยมั้ยคะ ดาวขอโทษ”
“ผมพยายามแล้ว มันไม่เวิร์ก เราเลิกกันเถอะดาว”
ดาวตกใจ “ดาวจะไม่ก่อเรื่องอีก อย่าทิ้งดาวด้วยเรื่องแค่นี้เลยนะคะ”
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พอรวมกันหลายเรื่องเข้า ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมไม่ชอบผู้หญิงเจ้าอารมณ์ ขี้งอน อายุคุณกับผมก็ห่างกัน เราชอบอะไรไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์เราก็ต่างกัน”
ดาวไม่ยอม “ดาวจะปรับตัวเข้าหาคุณภาสค่ะ”
“คบกันแล้วไม่เป็นตัวของตัวเอง ไปไม่รอดหรอก อย่าเสียเวลาอีกเลยนะดาว คืนอิสรภาพให้กันและกันเถอะ”
ดาวโกรธจนพาลอีก ย้อนกลับ “เพื่อให้คุณภาสกลับไปหาพี่ลีงั้นสิคะ”
“ผมจะไม่กลับไปหาลี”
“ดาวไม่เชื่อ คุณภาสยังรักพี่ลี”
“ผมเหนื่อยกับความรักมานาน อยากพักใจ อยู่เงียบๆ คนเดียวซักพัก”
“ทิ้งดาววันนี้ พรุ่งนี้คุณก็ควงพี่ลีออกงาน” ดาวเริ่มร้องไห้ รักมากก็เสียใจมาก
ลึกๆ ภาสกรสงสารดาว แต่ต้องใจแข็ง ขอจบกันด้วยดี “ขอบคุณมากที่ทำให้ผมมีความสุข แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ผมยังหวังดี พร้อมช่วยคุณเสมอนะ
ภาสกรยิ้มให้ แววตาที่เคยเอื้อเอ็นดูของเขา ยามนี้เปลี่ยนเป็นเฉยเมย มองดาวเหมือนมองมิตรคนหนึ่งเท่านั้น ดาวรับรู้ ภาสกรไม่ได้รักหล่อน และไม่เคยรัก เป็นเพียงความพึงพอใจ
ภาสกรหันหลังเดินจากไป
ดาวยืนเป็นหินไปชั่วครู่ แล้วค่อยๆ ทรุดลงนั่ง ร้องไห้โฮออกมา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจ็บปวดแสนสาหัส ที่ผ่านมาหล่อนเคยแต่ทำร้ายคนอื่นให้ต้องเจ็บปวด
บัดนี้ดาวรู้ซึ้งแล้ว ความรู้สึกของการสูญเสีย ถูกทิ้ง เจ็บปวดร้าวลึกอย่างนี้นี่เอง
ดาวร้องไห้สะอึกสะอื้น ปิ่มว่าจะขาดใจ

ฝ่ายภาสกรทำตามเสียงเรียกร้องหัวใจตัวเอง ขับรถมาที่หน้าบ้านปัญชลี จอดรถซุ่มอยู่มองเข้าไปในบ้าน แต่ไม่ลงจากรถ ทบทวนความรักที่ผ่านมา
“ผมเหนื่อยกับความรักมานาน อยากพักใจ อยู่เงียบๆ คนเดียวซักพัก”
ภาสกรดูเหนื่อยล้ากับความรักเอามากๆ จากปัญชลี ต่อมาก็เพราะดาว เหนื่อยจนหัวใจยังไม่พร้อมรับใครกลับเข้ามา
ภาสกรตัดใจ ขับรถกลับ โดยไม่ขึ้นไปหาปัญชลี

ดาวกลับถึงคอนโด เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ พิมพ์ระบายความรู้สึกในไอจี
“ความรักความอบอุ่นที่เคยมี ตอนนี้เหลือแต่ความว่างเปล่า เจ็บร้าวถึงข้างใน”
แฟนโพสต์ถามทันควัน “คุณดาวเป็นอะไรคะ อกหักเหรอ” พร้อมใส่อิโมจิหน้าเศร้า
แฟนอีกคนโพสต์ว่า “เป็นกำลังใจให้นะคะ”

ศรัณกับพ่อแม่เก็บของจะกลับสมุทรสงครามแล้ว ศรัณเปิดไอจีดาวอีก แม่มองดุห้ามยุ่งกับดาวอีก
“ผมจะ อันฟอลโลว์ เลิกตามไอจีดาวครับ ไม่เห็นซะดีกว่า”
ครั้นพอเปิดอ่านไอจี ศรัณก็เห็นข้อความที่ดาวโพสต์
“ดาวเลิกกับคุณภาสกร” เขาใจหาย นึกเป็นห่วงดาวมาก “พ่อแม่กลับสมุทรสงครามไปก่อนนะครับ”
ศรัณรีบรุดออกไปด้วยใจเป็นห่วงดาว
“ชาตินี้ลูกเราไม่มีวันตัดใจจากดาวได้”
พ่อกับแม่เศร้าใจได้แต่สงสารลูกชาย

ศรัณใจร้อนเป็นไฟ เคาะประตูเรียกด้วยความเป็นห่วง สักพักดาวจึงมาเปิดประตูให้ ใบหน้าหมองเศร้า ดวงตาช้ำผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พอเห็นสภาพศรัณก็ยิ่งสงสารจับใจ
“น้องดาวของพี่ พี่อ่านไอจีดาว เลยรีบมา เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรกัน”
ดาวทุกข์ตรมขมไหม้อยู่ เลยพาลพาโลใส่ “รีบมาซ้ำเติมเลยนะ ไอ้ผู้ชายใจร้าย”
“พี่มาดูแล ไม่ได้ซ้ำเติม ถึงเค้าทิ้งดาว แต่ดาวยังมีพี่นะจ๊ะ”
ศรัณสวมกอด โดนดาวผลักออก “ดาวเกลียดพี่ เกลียดๆๆๆๆๆ”
ดาวทั้งทุบ ทั้งข่วน ทั้งตบตีพัลวัน ศรัณยืนเฉยให้ดาวระบายความโกรธเกรี้ยวใส่ จนเหนื่อย และหยุดไปเอง
“ระบายออกมาแล้วดีขึ้นมั้ย”
ดาวหายเข้าไปในห้องศรัณยืนรอ สักครู่ดาวกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำในมือ เอาน้ำราดหัวศรัณ
“ค่อยดีขึ้นหน่อย”
ดาวปิดประตูใส่หน้าศรัณดังปัง ศรัณเอามือลูบหน้าเช็ดผมที่เปียกเดินคอตกออกไป

ศรัณลงมายืนดูห้องดาวจากชั้นล่าง
“พี่จะมาอีก พี่เป็นห่วงดาว”
ศรัณแหงนมองระเบียงห้องอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงดาว

ด้านภานุนอนไม่หลับกลุ้มหนัก วันนี้บอกรักแพรพรรณต่อหน้าสาธารณชนทำเอาสาวเจ้าโกรธ
“ผู้หญิงอะไร ผู้ชายบอกรักแล้วโกรธ”
ฝ่ายแพรพรรณไม่ได้โกรธภานุสักนิด เวลานี้กำลังลองเสื้อยืดที่ภานุเพ้นท์คำว่า LOVE ใส่แล้วแพรพรรณยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นปลื้ม

เช้าวันอาทิตย์ ดาวเดินซึมกระทือ มาเปิดประตูให้ตุ่น
“เจ๊เพิ่งอ่านไอจีลูกเมื่อเช้า คุณภาสกรทิ้งลูกจริงๆ เหรอ” ตุ่นเดินเข้ามาในห้อง
ดาวปิดประตูลงตามเข้ามาพยักหน้าเนือยๆ
“ไปตื๊อขอคืนดีบัดเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่งหญิงแม่ตุ่น”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะเจ๊ตุ่น คุณภาสพูดจาเด็ดขาดกับดาวมาก มันจบแล้ว รักแท้ครั้งเดียวในชีวิตดาว สลายกลายเป็นผง” พูดแล้วจี๊ดระเบิดร้องไห้ออกมาอีก
“ร้องซะให้พอ แล้วเดี๋ยวไปทำสวยกับเจ๊ ผู้ชายน่ะ แพ้ผู้หญิงสวยทุกคนแหละ” ตุ่นปลอบ
“ดาวไม่อยากออกไปไหนค่ะ ปวดท้อง เมนส์ก็ไม่มาซะที”
ตุ่นหูผึ่ง “เมนส์ไม่มา ลูกขา ลูกท้องหรือเปล่า”
“มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว ท้องก็อัศจรรย์แล้วค่ะ เวลาดาวเครียด เมนส์มาเลตอาทิตย์สองอาทิตยเป็นเรื่องปกติ”
“ตอนมีอะไรกับคุณภาสกร ป้องกันหรือเปล่า”
ดาวนึกถึงราตรีพิสวาสคืนนั้นแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
“เยอะแยะไปที่มีอะไรกันครั้งเดียวแล้วติด ดาวลูก สวรรค์มีตา อาจเปิดทางให้ดาวก้าวขึ้นไป”
ตุ่นบิวท์ซะดาวมีหวังว่าจะตั้งท้อง

ไม่นานนักตุ่นกลับเข้ามาพร้อมอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ ส่งให้ดาว อีกฝ่ายรีบผลุบเข้าห้องน้ำ
ไป ตุ่นรอนานแล้ว ตัดสินใจเคาะประตูห้องน้ำรัวๆ
“ออกมาให้เจ๊ลุ้นด้วยคนซี่ อยากมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์”
ดาวถือแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ออกจากห้องน้ำ ถามเสียงเนือยๆ
“ขึ้น 2 ขีด หมายถึงท้องใช่มั้ยคะเจ๊ตุ่น”
“ช่าย”

ดาวชูแท่งทดสอบให้ดู ตุ่นจ้องตาแทบถลน ไล่ดูขีด ราวกับเทสต์ตั้งครรภ์ตัวเองก็ไม่ปาน
 
อ่านต่อตอนที่ 11
สื่อริษยา ตอนที่ 9
สื่อริษยา ตอนที่ 9
บรรยากาศสวยงามร่มรื่นในมุมพักผ่อนของสวน ทำให้อารมณ์แพรพรรณสงบลงแล้ว เธอคอยคุยปลอบ เป็นกำลังใจให้ศรัณ “พี่ศรัณเป็นคนเข้มแข็ง ต้องตัดใจจากผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นได้ค่ะ” “ดาวคนเดิมที่พี่รู้จัก เป็นคนน่ารัก อ่อนโยน พี่จะทำทุกอย่าง พาดาวคนนั้นกลับมา” แพรพรรณมองศรัณอย่างอ่อนใจ เห็นทีชาตินี้ไม่มีวันตาสว่าง “แปลกนะคะ แพรไม่ยักกับอยากเป็นแฟนพี่ ทั้งที่พี่เป็นโสดแล้ว ไม่รู้ทำไม” ภานุตามมาสมทบ แพรพรรณหันไปบ่นบ้าใส่ “ตามมาวุ่นวายกับชั้นจริงนายโย่ง” ภานุมองอย่างหวงๆ ว่าแพรพรรณจะอาสาดามใจให้ศรัณหรือเปล่า ฝ่ายแพรพรรณก็มองค้อนภานุ ที่ตามเธอไปทุกที่
กำลังโหลดความคิดเห็น