สื่อริษยา ตอนที่ 3
ดาวขับรถมาถึงบ้านที่สมุทรสงครามตอนเย็นๆ หล่อนลงจากรถ หยุดมองสภาพบ้านอันทรุดโทรมแล้วอนาถใจ นึกรังเกียจสภาพบ้านตัวเองมาโดยตลอด
“อย่างกับบ้านร้าง”
ศรัณประคองสมพรลงจากบ้านมาหาดาว
ต่อหน้าศรัณ หรือคนอื่นๆ ดาวทำตัวแสนดีเป็นห่วงแม่เสมอ
“แม่เป็นอะไรคะ ทำไมถึงเป็นลม”
“หมอบอกว่า น้าพรเป็นความดันเลยหน้ามืด วูบไป ต้องกินยาคุมความดันตลอดชีวิต”
“โธ่แม่”
ดาวกอดสมพร ประหนึ่งว่ารักแม่เหลือแสน
“แม่เป็นไรหรอกลูก ยังแข็งแรงดี”
“ดาว พี่ต้องเข้าสำนักงาน ดาวอยู่กับน้าพรไปนะ”
“ขอบคุณพี่ศรัณมากนะคะที่ดูแม่ให้”
“แม่ดาวก็เหมือนแม่พี่จ้ะ”
ศรัณขับรถไป
พอศรัณไปลับตาแล้ว ดาวก็เลิกเสแสร้งเป็นลูกสาวที่ดีของแม่
“ปล่อยให้บ้านโทรมอย่างกับบ้านร้าง ไม่รู้จักดูแล”
ดาวปึงปังขึ้นบ้าน ปล่อยให้แม่ที่มึนหัว เกาะราวบันไดตามขึ้นไป
ดาวเดินดูสภาพบ้าน บ้านสะอาดก็จริง แต่เครื่องเรือนเก่า คร่ำครึ ทำให้บ้านแลดูเก่า ทรุดโทรม
สมพรเอาน้ำมาให้ลูกสาว
ดาวปรายตามองขอบแก้วน้ำด้วยหน้าตารังเกียจ “มีคราบ”
“แม่ไปเอามาให้ใหม่”
“ไม่ต้องค่ะแม่ ดาวโทร.ตามพี่ศรัณมารับดีกว่า ไม่อยากอยู่นาน หดหู่”
“อยู่กินข้าวเย็นก่อนซีลูก แม่ไปผัดพริกถั่วฝักยาวให้ ดาวชอบกิน”
ดาวโพล่งออกมาทันที “ชอบซะที่ไหนล่ะ มันไม่มีจะกิน ดาวต้องอดๆ อยากๆ ก็เพราะแม่ ไม่มีบ้านดีๆอยู่ๆ ก็เพราะแม่”
“สมัยนั้นแม่ไม่รู้เรื่อง ญาติของพ่อดาวให้เซ็นอะไรแม่ก็เซ็น มารู้อีกที เค้าก็ยึดบ้าน ยึดที่สวนไปขายหมดแล้ว”
“พ่อไม่ตาย ดาวต้องสบายกว่านี้”
สาวสวย ดารินกานต์ หวนนึกถึงความหลังในอดีต
ตอนนั้นดาวอยู่ในวัย 18 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 บ้านเดิมของดาว เป็นบ้านตึก ฐานะจัดว่าร่ำรวย มีพ่อที่ตามใจ คอยขับรถไปรับไปส่งดาวมาจากโรงเรียน
เย็นวันนี้พ่อเพิ่งไปรับกลับบ้าน ดาวยิ้มแย้ม ร่าเริง กินสตรอว์เบอร์รี่ลูกเบ้อเริ่ม พ่อหิ้วกับข้าว ผลไม้ดีๆ แพงๆ ลงจากรถ
สมพร ถือไม้กวาดออกจากบ้านมาช่วยผัวถือของ แต่งตัวโทรม ไม่ดูแลตัวเอง หากไม่รู้คนอื่นคงคิดว่าเป็นคนใช้
“ซื้อกับข้าวมาซะเยอะเชียวจ๊ะ ของยังเต็มตู้อยู่เลย”
“ก็ลูกอยากกิน ที่ตลาดมีสตรอว์เบอร์รี่มาขาย กล่องละ 500”
สมพรอุทาน “500 แพงน่าดู ซื้อส้มได้เป็นสิบโล”
พ่อรำคาญเมีย “สตรอว์เบอร์รี่นี่นำเข้าจากออสเตรเลีย รู้จักมั้ย ประเทศออสเตรเลีย”
สมพรส่ายหน้าจ๋อยๆ ไม่รู้จักเมืองนอกเมืองนา
“สมัยหนุ่มๆ ชั้นสิ้นคิด เห็นเธอสวย เลยแต่งงานด้วย เธอน่ะมันกบในกะลา โง่ ดีนะลูกฉลาดเหมือนชั้น”
ดาวมองเฉย ที่เห็นพ่อด่าว่าดูถูกแม่
จู่ๆ พ่อดาวเกิดอาการแน่นหน้าอก
“พ่อ เป็นอะไรคะ”
พ่อดาวหัวใจวายเฉียบพลัน ทรุดลง
“แม่พาพ่อไปโรงพยาบาลเร็ว”
สมพรลนลาน สติแตก “แม่...แม่ขับรถไม่เป็น”
“ไปตามคนมาช่วยพ่อ”
สมพรยิ่งลนลานใหญ่ทำอะไรไม่ถูก
“ไปเร็วซี่”
ลูกสาวเตือนสติ สมพรถึงรีบวิ่งไปตามคนมาช่วย
“พ่อ อย่าเป็นอะไรไปนะคะ พ่อ”
หลังพ่อดาวเสียชีวิต สองแม่ลูกหน้าตาหม่นหมอง หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามายังบ้านหลังทรุดโทรม ที่อยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้
“ดาวคิดถึงพ่อ”
พอลูกสาวเอ่ยถึงสามีผู้ล่วงลับ สมพรก็ร้องไห้โฮ เช็ดน้ำตาป้อยๆ ประสาผู้หญิงอ่อนแอ
“กรรมอะไรหนอ ถึงหัวใจวายตาย ก็ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ”
ดาวต่อว่าโทษแม่ “พ่อหัวใจวายเฉียบพลัน หมอบอกว่า ไปถึงโรงพยาบาลเร็วอีก นาทีเดียว พ่ออาจรอด แม่ขับรถไม่เป็น เสียเวลาไปตามคนมาช่วยพ่อถึงตาย”
สมพรยอมรับโดยดี “แม่ไม่ดีเองลูก แม่ขอโทษ ดาวนอนห้องเดิมแม่นะลูก แม่จะนอนห้องยาย”
“ดาวไม่อยากอยู่ที่นี่ ดาวอยากกลับบ้านพ่อ”
“ลุงเค้ายึดบ้าน ยึดสวนเราไปหมดแล้ว”
ดาวโวยวายขึ้นเสียงกับแม่ “ก็แม่ไปเซ็นโอนบ้านโอนสวนให้ลุง ไม่รู้รึไง เค้าจ้องฮุบสมบัติพ่อ แล้วทีนี้เราจะอยู่กันยังไง ใครจะส่งดาวเรียน”
“ยายทิ้งสวนไว้ให้แม่ แม่จะทำสวน หาเงินเลี้ยงดาวเองลูก”
“สวนยายมีกี่ไร่เชียว พ่อมีสวนเป็นร้อยๆ ไล่ ส่งมะพร้าวให้โรงงาน ได้เงินเดือนนึงเป็นแสนๆ แม่จะหาเงินได้เดือนกี่บาท” ดาวที่เคยสะดวกสบายเป็นคุณหนู ระบดระบายอย่างคับแค้น
“เอาว่า แม่ไม่ให้ดาวอดๆ อยากๆ แน่ลูก”
ดาวทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น หมดอาลัยตายอยาก อเนจอนาถชีวิตตัวเอง
อีกวันหนึ่ง ขณะที่ดาวนั่งอ่านหนังสือเรียนม.6 สมพรยกสำรับข้าวมาวาง มีกับข้าวอย่างเดียว ผัดพริกถั่วฝักยาว
“กินถั่วฝักยาวอีกวันนะลูก พรุ่งนี้มีคนมารับซื้อผลไม้ในสวน แม่ได้เงินแล้วจะไปซื้อกับข้าวดีๆ มาทำให้ดาว”
ดาวโกรธจนไม่อยากพูดด้วย โมโหที่สมพรพามาอดๆ อยากๆ
เสียงครูดังขึ้น “ดารินกานต์ ดารินกานต์”
ครูประจำชั้นขึ้นบ้านมา ดาวหน้าเสีย เพราะอายที่ครูมาเห็นบ้านโทรมๆ ยกมือไหว้คุณครู
“ครู มาบ้านดาวถูกได้ยังไงคะ”
“ครูไปบ้านเก่าเธอ ญาติเธอบอกว่าเธอย้ายมาอยู่นี่ เธอไม่ไปเรียนอาทิตย์นึงแล้ว ครูเป็นห่วง เลยมาดูว่าเป็นอะไร”
“ดาว” ดาวอับอายอาย ไม่กล้าเล่าให้ครูฟัง
สมพรเอ่ยขึ้น “อาทิตย์ที่แล้ว ขายผลไม้ไม่ได้ ชั้นไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนจ้ะ”
“ลูกสาวป้าเป็นเด็กดี เรียนเก่ง ปีนี้ต้องสอบแอดมิดชั่นข้ามหาวิทยาลัยด้วย ขาดเรียนบ่อยๆ ไม่ดี ดารินกานต์ ครูจะขอทุนการศึกษาให้เธอ ทุนเรียนดีแต่ยากจน” ครูบอกอย่างหวังดี
ดาวโพล่งขึ้น “ไม่เอาค่ะ ดาวอายเพื่อน เพื่อนๆ ยังคิดว่าดาวรวย”
“ฟังครูนะดารินกานต์ อย่าดูถูกตัวเอง มนุษย์ทุกคนมีค่า ไม่ว่ารวยหรือจน ได้ทุนแล้ว เธอจะได้ไปเรียนทุกวัน พยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เพื่ออนาคต ครูเชื่อมั่นในตัวเธอ เธอเป็นคนเก่งของครู”
ดาวสะเทือนใจ จะร้องไห้รอมร่อ
“ดาว แม่ขอโทษ”
สมพรจะดึงลูกสาวมากอด ทว่าดาวโผไปกอดครูซะก่อน ดาวเลือกร้องไห้กับครู สมพรมองลูกสาวที่ให้คนอื่นปลุกปลอบใจ แล้วสะท้อนในอก อดน้อยใจลูกสาวไม่ได้
สมพรมองลูกสาวที่ยืนนิ่งอยู่นานแล้ว รู้ทันทีว่าดาวคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“แม่ขอโทษลูก”
“ขอโทษอีกแล้ว พูดอยู่นั่นแหละ ฟังจนเบื่อ”
“ให้แม่ทำยังไง ดาวถึงจะลืมอดีตลูก”
“คิดเหรอว่าดาวไม่อยากลืม ที่ดาวมีปมด้อย ก็เพราะไอ้อดีตนี่แหละ”
“แม่เสียใจลูก”
“ดาวอยากสลัดอดีตทิ้งให้หมด ดาวถึงไม่อยากกลับบ้าน บ้านที่ตอกย้ำว่าดาวเป็นเด็กจนๆ จากสมุทรสงคราม เด็กที่ไม่มีแม้แต่รองเท้าใส่ไปโรงเรียน แม่เข้าใจแล้ว ก็เลิกโทร.ไปขอให้ดาวกลับบ้านซะที แม่ทำลายวัยเด็กของดาวไปแล้ว อย่าทำลายอนาคตของดาวอีกเลย”
สมพรช้ำใจเหลือแสน ที่ลูกไม่เคยรัก ร่ำไห้ออกมา
ดาวเมินหนีไม่อยากมอง
บ้านศรัณ เป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ เหมือนเศรษฐีต่างจังหวัด บ้านหลังใหญ่โต บ่งบอกฐานะอันร่ำรวย แต่ไม่มีดีไซน์โก้หรูเหมือนบ้านเศรษฐีในเมืองกรุง
ดาวหนีแม่มาปั้นหน้าสวยแสนดีกินข้าวกับครอบศรัณพร้อมหน้า พ่อ และ แม่ สาวสวยคอยเอาอกเอาใจตักข้าวให้พ่อ แม่ ศรัณอย่างดี
“หนูดาวนี่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย ช่างเอาใจ” แม่ศรัณปลื้ม
“แม่พี่น่ะ บ่นคิดถึงดาวทู้กวัน รักดาวมากกว่าพี่ซะอีก” ศรัณเย้า
“ดาวก็รักแม่ เหมือนแม่ตัวเองค่ะ”
“แล้วพ่อล่ะลูก ไม่รักเหรอ” พ่อศรัณเย้าหยอก
“ดาวขอโทษนะคะคุณพ่อ ดาวลำเอียง รักแม่มากกว่า”
“แม่ก็รักดาวที่สุดลูก” แม่ปลื้มแล้วปลื้มอีก
ดาวกับแม่ศรัณหอมแก้มกันไปมา ดูเหมือนรักใคร่กันเหลือเกิน
“เราสองคนเป็นหมาหัวเน่าแล้วล่ะครับพ่อ”
ทุกคนหัวเราะหัวใคร่ บรรยากาศชื่นมื่น
ศรัณออกมาส่งดาวที่รถ
“พี่ห่วงดาว ไม่อยากให้ขับรถกลับกรุงเทพฯคนเดียวเลย ดาวจ๋า พี่อยากให้ดาวกลับมาอยู่บ้านเราที่สมุทรสงคราม”
ศรัณคุกเข่าลง หยิบแหวนออกมาจากกางเกง ดาวเฉยเมย ไม่ตื่นเต้นสักนิดที่ศรัณขอแต่งงาน
“แต่งงานกับพี่นะดาว มาเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่จะพาน้าพรมาอยู่บ้าน ส่วนดาว ทำงานที่กรุงเทพฯ อีกซักปีสองปี พอมีลูก ค่อยกลับมาอยู่บ้านเรา” ศรัณหนุ่มโลกสวยเพ้อไปเอง
“ดาวอยากเป็นภรรยาพี่ศรัณนะคะ แต่ตอนนี้ขนาดแม่ของดาวเอง ดาวยังไม่มีเวลาดูแล แล้วดาวจะดูแลพี่ได้ยังไง” นางหาเหตุผลมาอ้างดูดีงามไปหมด
“ดาวไม่ต้องดูแลพี่ พี่จะเป็นคนดูแลดาว”
“รอให้ดาวพร้อมกว่านี้ก่อนนะคะพี่ศรัณ งานดาวเพิ่งเริ่มต้น ดาวอยากทุ่มเทให้งาน”
ศรัณหน้าเศร้าลง “ดาวไม่รักพี่เหรอจ๊ะ”
“รักซีคะ รักมากที่สุด เมื่อดาวพร้อม ดาวจะขอให้พี่ศรัณรับดาวเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่ ดาวจะเป็นภรรยาที่ดี เป็นลูกสะใภ้ที่ทุ่มเทปรนนิบัติพ่อแม่สามี รอดาวอีกหน่อยนะคะ”
“ก็ได้จ้ะ พี่จะรอ”
ศรัณฝืนยิ้มทั้งที่ผิดหวัง
พ่อกับแม่ศรัณแอบดูจากในบ้าน เห็นดาวปฎิเสธลูกชายตน ก็สงสาร
“หนูดาวปฎิเสธลูกชายเราอีกแล้ว”
“คงยังไม่พร้อมจริงๆ น่ะค่ะ หนูดาวอยู่กินกับลูกชายเราแล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงาน พ่ออย่าห่วงเลย”
ดาวขึ้นรถขับรถกลับกรุงเทพฯ ศรัณยิ้มส่ง โดนปฏิเสธขอแต่งงานอีกแล้ว
ดาวกลับมาจากสมุทรสงคราม เข้ามาในฝ่ายโซนรายการ แต่ไม่เห็นพี่ ๆ ทีมงานสักคน จึงหันไปถามถามพี่พนักงานอีกรายการ
“พวกพี่ท็อปล่ะคะ”
“ประชุมอยู่”
ดาวเห็นประตูห้องทำงานปัญชลีเปิดแง้มอยู่
“นังจิ้งจอกกลับมาแล้ว ทำไมไม่เข้าประชุม”
ดาวสงสัย เดินไปแอบดูหน้าห้อง
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องทำงานปัญชลี คือ ภาสกร ดาวยิ้มแฉ่ง ทางสะดวก นังเมียไม่อยู่ ขออ่อยผัวหล่อลากสักหน่อย ดาวเข้าไปหาภาสกรในห้องทำงาน
“คุณปัญชลียังไม่เข้าออฟฟิศอีกเหรอคะ วันนี้มีประชุม”
“ฮื่อ” ภาสกรไม่สนใจดาวสักนิด
ภาสกรยืนดูรูปถ่ายปัญชลีในห้องทำงาน สายตาบ่งบอกว่าแคร์ปัญชลีมาก เมื่อเช้าทะเลาะกัน
ภาสกรไม่สบายใจเอาเลย
ดาวเห็นยิ่งอิจฉา แค่มองรูปถ่าย ภาสกรยังดูรักปัญชลีซะขนาดนี้
“คุณภาสกรเอากาแฟมั้ย ดาวไปชงให้” หล่อนเอาใจ
“ไม่ ขอบใจ”
ดาวจะชวนคุยอีก แต่ดันมีคนโทร.เข้ามือถือภาสกรขัดจังหวะ แถมภาสกรรีบรับสาย
“เก้ พี่กำลังจะโทร.หาอยู่พอดี พี่โทร.หาลี ลีปิดเครื่อง ลีอยู่กับเก้รึเปล่า”
ภาสกรเดินคุยโทรศัพท์ออกไป ราวกับดาวเป็นเพียงอากาศธาตุในห้อง
“ไม่เห็นหัวเราเลย”
บ้านเก้ เป็นบ้านกลางเมืองทรงโมเดิร์น เก๋ มีสไตล์ หน้าบ้านตกแต่งเป็นสวนดอกไม้สีหวาน
หากมองเข้ามา ต้องคิดว่าเป็นบ้านผู้หญิงแสนสวยแน่นอน
ปัญชลีนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นรอเก้อยู่ในห้องรับแขกตกแต่งเก๋ เก้ขึ้นไปเอาถุงของฝากบนห้องนอน
สักพักเก้ส่งขวดน้ำหอม 2 ขวดให้ “ของฝากจากฝรั่งเศสครับ”
“ขอบใจจ้ะน้องรัก ให้ 2 ขวดเลยเหรอ”
“อีกขวดนึงของผมครับ ผม...อืม...ผมอยากให้พี่ลีเอาไปให้แม่พี่ภาส เผื่อเค้าจะหายโกรธพี่”
ปัญชลีหงุดหงิดขึ้นมาทันที “พี่ไม่ง้อคุณวิไลลักษณ์หรอก ไม่แคร์”
“อยากเป็นลูกสะใภ้เค้า พี่ลีก็ต้องยอมเค้านะครับ” เก้เตือนสติ เขาทำอย่างนี้เสมอ
“สังคมไทยเปลี่ยนจากครอบครัวใหญ่ เป็นครอบครัวเดี่ยวแล้วเก้ พอแต่งงานกันพี่จะไม่เข้าไปอยู่บ้านภาส แม่สามีไม่มีสิทธิ์จุ้นจ้านครอบครัวพี่”
ระหว่างนี้ ภาสกรขับรถมาจอดหน้าบ้าน
ปัญชลีได้ยินเสียงรถ มองออกไปเห็น ก็หันมาหงุดหงิดใส่เก้
“เก้แอบโทร.บอกคุณภาส พี่อยู่บ้านเก้”
“ผมไม่อยากให้พี่ลีทะเลาะกับพี่ภาส ลดราวาศอกให้พี่ภาสบ้างเถอะครับพี่ลี ไปขอโทษแม่เค้า นะครับ”
ปัญชลีดึงดัน “พี่ไม่ใช่คนผิด แม่คุณภาสต่างหากที่ผิด ตัวคุณภาสก็ผิด”
เก้หนักใจ เตือนปัญชลีด้วยความหวังดีว่า
“ถ้าพี่ลียังเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมฟังใคร ซักวันพี่ลีจะไม่เหลือใครนะครับ”
ปัญชลีขุ่นเคือง “พี่เห็นเก้มาตั้งแต่เรียน ม.ต้น รักเก้เหมือนน้องแท้ๆ ถ้าเก้คิดว่า10 กว่าปีที่เราสนิทกันมา ไม่มีความหมาย ก็เลิกคบกับพี่ไปเลย”
ปัญชลีลุกเดินหนีไปหลังบ้าน เก้กลุ้มใจ ปัญชลีไม่เคยยอมฟังเหตุผลใคร
ภาสกรเข้าบ้านมา เห็นเก้ทำหน้ากลัดกลุ้ม ก็เดาออก ว่าต้องทะเลาะกับปัญชลีเพราะตน
ปัญชลีหลบมานั่งเสียใจ ที่ถูกน้องที่รักกันมาพูดจาหักหาญน้ำใจ
“ถ้าพี่ลียังเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมฟังใคร ซักวันพี่ลีจะไม่เหลือใครนะครับ”
ปัญชลีน้ำตาซึม คนอื่นจะวิจารณ์นินทาว่าร้ายยังไงนางไม่สน แต่คนที่รักกันพูดไม่ดีใส่ ปัญชลีทนไม่ได้
ภาสกรกับเก้ปรึกษาหารือกันเรื่องนิสัยปัญชลี
“สมัยก่อนบ้านผมกับบ้านพี่ลีอยู่ติดกัน เราถึงสนิทกันมาก ผมเข้าใจ อะไรหล่อหลอมให้พี่ลีเป็นคนยึดมั่นถือมั่นในตัวเองขนาดนี้ พ่อทิ้งไปตั้งแต่พี่ลียังไม่เกิด แม่ทำงาน ไมมีเวลาให้ พี่ลีต้องอยู่บ้านคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว”
สีหน้ากะเทยดีไซเนอร์หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ในวันรับปริญญา บัณฑิตใหม่ทุกคนมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดี ส่วนปัญชลีนั่งเหงาอยู่คนเดียว ไม่ได้ดอกไม้สักช่อ
จนสักพักหนึ่งเก้ถือช่อดอกไม้ มองหา จนเห็นปัญชลีนั่งอยู่คนเดียว ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดี
เก้เล่าเสริมว่า
“พออยู่ ม.ปลาย แม่ก็เสีย ญาติพี่น้องก็ไม่เหลียวแล พี่ลีไม่มีใครปกป้อง เลยทำตัวเหมือนเม่น มีหนามแหลมไว้ปกป้องตัวเอง เพราะเนื้อแท้ข้างในอ่อนแอ คนที่ทำท่าว่าเข้มแข็งที่สุด มักอ่อนแอที่สุด”
เก้เอาช่อดอกไม้มาให้ ปัญชลีดีใจ สวมกอดน้องรัก ร้องไห้อย่างซาบซึ้งน้ำใจ
ภาสกรฟังแล้วเข้าใจปัญชลีมากขึ้น เหมือนที่เก้เข้าใจ
“ลีเป็นคน Self Center เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ยึดติดกับตัวเอง เพราะไม่มีครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ”
“พี่ภาสเข้าใจพี่ลี ก็รักพี่ลีให้มากๆ นะครับ พี่ลีน่าสงสาร ชีวิตมาสมบูรณ์ก็ตั้งแต่เจอพี่ภาส”
“พี่ไม่เคยถือสาลี เพราะพี่รู้ เนื้อแท้ลีเป็นคนดี”
ปัญชลีกลับเข้ามาในที่สุด ภาสกรลุกไปหา
แต่ปัญชลียังคงวางท่ามึนตึงใส่ภาสกร “ลีต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ”
เก้ออกมาส่งภาสกรกับปัญชลีที่รถ ปัญชลียังหน้าตึงอย่างเก่า
ภาสกรเอาใจคนรัก “จัดรายการเสร็จ ลีไม่ต้องแวะซื้ออะไรกินนะจ๊ะ ผมจะซื้อไว้ให้”
“ค่ะ” ปัญชลีขึ้นรถแล้วออกไปก่อน ไม่รอภาสกรขึ้นรถด้วยซ้ำ
“อีกเดี๋ยวพี่ลีก็หายโกรธครับ” เก้ยิ้มให้กำลังใจ
ภาสกรพูดยิ้มๆ “ผู้ชายมีหน้าที่ง้อ ผู้หญิงมีหน้าที่งอน พี่ไปนะเก้ ขอบใจที่โทร.ตามพี่มา”
“ครับ”
ภาสกรขับรถกลับ
เก้มองตามรถภาสกร พึมพำออกมาอย่างหนักใจ “ได้แฟนดีขนาดนี้ พี่ลีจะเอาอะไรอีก”
ที่โซนออฟฟิศทีมงานปัญชลี ท็อปกำลังวุ่นวายโทร.ตามแขกรับเชิญที่จะมาร่วมรายการถามตรงกับปัญชลีคืนนี้
“จากรายการถามตรงกับปัญชลีนะครับ คืนนี้เราจะคุยประเด็น การยกเลิกอุดหนุนกองทุนน้ำมัน อยากเชิญคุณมาออกรายการ” ท็อปอึ้ง “ไม่สะดวกมาก็ไม่เป็นไรครับ”
ท็อปวางสาย หันมาเห็นปัญชลียืนจ้องอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถึงกับสะดุ้ง !
“แขกรับเชิญเบี้ยวเหรอ”
“ครับ แขกรับเชิญทั้ง 3 คน เปลี่ยนใจไม่มาออกรายการ ผมเลยโทร.หาแขกอื่นให้มาแทน แต่ไม่ใครยอมมา”
ปัญชลีหัวเสียด่าทันที “ทำไมไม่โทร.รายงานชั้น แล้วนี่ภานุกับแพรพรรณไปไหน”
“ไปหาแขกรับเชิญที่แคนเซิล เรา ที่บ้านครับ จะขอร้องให้มาออกรายการ”
ปัญชลีส่ายหน้า “พวกใช้แต่แรงทำงาน ไม่ใช้สมอง ตามกลับมาเดี๋ยวนี้ บอกว่าชั้นจะโทร.หาแขกรับเชิญเอง”
ด้านภานุจอดบิ๊กไบค์มาพักหนึ่งแล้ว อ่านแผนที่กรุงเทพฯ ในโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนคนหลงทาง
ส่วนแพรพรรณคุยสายกับทีมงานอยู่ “แพรกับนุยังไปไม่ถึงบ้านแขกรับเชิญซักคนเลยค่ะ หลงทาง ขอบคุณนะคะพี่จอยที่โทร.บอก” แพรพรรณวางสายหันมาบอกภานุ “กลับฐาน คุณปัญชลีโทร.หว่านล้อมแขกรับเชิญ ยอมมาออกรายการแล้ว”
“พี่ลี เอ้ย..คุณลีนี่เก่งนะ แก้ปัญหาได้หมด” ภานุทึ่งและชื่นชมปัญชลีมาก
“หลุดปากเรียกพี่ลีบ่อยๆ อยากตีสนิทหัวหน้าสิ ท่าทางจะชอบเลียนะเนี่ยเรา” แพรพรรณหมั่นไส้
“เฮ้ย ไม่ใช่หมานะ ได้ชอบเลีย เออแพร รู้ทางกลับสถานีมั้ย”
“เอ้า นายเป็นคนขี่ ไม่ได้จำทางเหรอ”
“หลงมาไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไม่รู้ทาง เด็กกรุงเทพฯช่วยหาทางกลับหน่อยดิ”
“ชั้นเป็นคนกรุงเทพฯ ก็จริง แต่กรุงเทพฯ มันกว้าง ไม่ได้รู้จักทุกตารางนิ้วเฟ้ย รู้งี้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาก็ดี ซ้อนบิ๊กไบค์ เท่ แต่...หลง”
ภานุทำหน้ายุ่ง ก้มหน้าอ่านแผนที่กรุงเทพฯ ในมือถือต่อ มีแพรพรรณขยับมาช่วยอ่านแผนที่ งงทางทั้งคู่
ผ่านไปอีกคืนแล้ว ปัญชลีจัดรายการเสร็จ ทีมงานเก็บของ ภานุกับแพรพรรณเพิ่งมาถึงสตูดิโอ ท็อปหันมาเห็น
“หลงไปถึงไหนกันมา รายการจบแล้ว”
แพรพรรณหันมาต่อว่าภานุ “ชั้นบอกแล้ว ให้กลับบ้านเลย มาถึงก็ไม่ทัน”
“มาให้คุณปัญชลีเห็นหน้าก็ยังดี”
ปัญชลีเดินมาด่าภานุกับแพรพรรณตรงหน้า
“ชั้นไม่อยากเห็นหน้า แค่ไปบ้านแขกรับเชิญในกรุงเทพฯ ยังหลง ให้ไปสัมภาษณ์แขกรับเชิญที่ต่างจังหวัด ไม่หลงออกนอกประเทศไปเลยเหรอ”
แพรพรรณหน้าเจื่อน “ขอโทษค่ะ”
ภานุจ๋อย “ผมผิดเองครับ ไม่จำทาง”
ปัญชลีเฉ่งภานุ “เพิ่งกลับจากเมืองนอก น่าจะรู้ตัวว่ามีโอกาสหลงทางในกรุงเทพฯสูง ยังอุตริไปเอง ทีหลังนั่งแท็กซี่ไป ถ้านั่งแท็กซี่แล้วยังหลงอีก ก็กลับเมืองนอกไปเรียนหนังสือมาใหม่”
หลายเรื่องประดังประเด ปัญชลีอารมณ์เสีย เดินหงุดหงิดออกไป ไม่แยแสความรู้สึกภานุ น้องแฟน ลูกชายเจ้าของสถานี ส่วนภานุเฉยๆ รู้ตัวว่าผิดสมควรถูกด่า
ท็อปปลอบ “อย่าคิดมากนะนุ แพร ทำงานทีมนี้ ใครไม่โดนด่า ไม่เข้าพวก”
ภานุพูดยิ้มๆ “โดนแค่นี้ยังน้อยไปครับ คุณปัญชลีเอาสคริปต์เขวี้ยงใส่ ผมว่าโอเคกว่า”
แพรพรรณยิ่งรู้สึกผิด “พวกเรางี่เง่าจริงๆ ค่ะ มีตั้ง 4 ตา ดันหาทางกลับสถานีไม่ถูก”
“สองคนนี่ ท่าจะอยู่กับคุณปัญชลีได้ยาว ชอบโดนด่า” ท็อปส่ายหัวขำๆ
ภานุกับแพรพรรณหัวเราะ ไม่ได้เคืองปัญชลีแม้แต่นิดเดียวที่ด่าใส่ซะแรง
ปัญชลีกลับบ้าน ท่าทีเหนื่อยล้า พอเดินเข้าห้องโถงมาก็เจอบรรยากาศโรแมนติก เทียนถูกจุดเหมือนภาสกรรออยู่ อาหารน่าทานตั้งวางบนโต๊ะ
“ผมสั่งอาหารจากโรงแรมมาจ้ะ”
“คิดว่าอาหารอร่อยๆ จะทำให้ลีหายโกรธคุณเหรอคะ”
“แล้วแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
ภาสกรกดรีโมทเปิดเพลงที่เตรียมไว้ เดินมาขอปัญชลีเต้นรำ ปัญชลีใจอ่อน เต้นรำกับภาสกร เธอเหนื่อยเกินจะต้านทานอะไรแล้วอิงหน้าซบไหล่เขา สองคนขยับตามจังหวะเพลงปล่อยให้เสียงหวานซึ้งนั้นทำหน้าที่ปลอบประโลมใจอยู่อย่างนั้น จนภาสกรเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนุ่ม
“ผมขอโทษ ต่อไปผมจะระวัง ไม่ให้คุณกับคุณแม่ผมผิดใจกันอีก”
“ลีพยายามแล้วนะคะภาส แต่แม่คุณ เกลียดลี”
“เพราะคุณแม่ไม่เห็นความดีของลี เหมือนที่ผมเห็น วันนึง ท่านก็มองทะลุเห็นตัวตนของลี แล้วท่านจะรักลีจ้ะ ลีจัดรายการมาเหนื่อย กินข้าวนะจ๊ะ”
ภาสกรบริการเลื่อนเก้าอี้ให้ปัญชลีนั่ง สองคนกินข้าวกันท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกใต้แสงเทียน
ความหมางใจที่มีต่อกัน ดูจะมลายไปแล้ว
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)
คฤหาสน์หลังใหญ่โตโอฬาร งดงาม โอ่อ่า อยู่ในแสงแดดยามเช้า
ส่วนในห้องอาหารหรู โอภาส วิไลลักษณ์ ภาสุรี ทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน ภาสุรีอยู่ในชุดทำงาน พ่อแม่ใส่ชุดอยู่บ้าน คนใช้ยืนนอบน้อมรอรับใช้ ดูแลเจ้านายอยู่สองคน
“วันนี้คุณพ่อคุณแม่ไปงานบ้านเด็กกำพร้ากี่โมงคะ”
“คุณหญิงแสงอรุณโทรมาบอก เลื่อนงานไปบ่ายสองจ้ะ”
ภานุใส่ชุดทำงาน มานั่งโต๊ะอาหาร
“เราไปทำงานสายได้ไม่ใช่เหรอเจ้านุ รายการเราเลิกดึก” โอภาสแปลกใจ
“วันนี้ว่าจะไปแต่เช้าครับ เมื่อคืนโดนพี่ลีดุ อยากทำดีไถ่โทษ”
วิไลลักษณ์ หูกระดิก ไม่พอใจ “แม่ลีดุอะไรเรา”
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับคุณแม่”
“แม่ไม่ชอบให้ใครมาดุด่าลูกแม่ แม่จะไปจัดการ”
โอภาสปราม “เรากำลังจะวางมือนะคุณ อย่าไปก้าวก่ายงานของลูก”
ภาสุรีรีบออกปาก “ภาจะคอยดูน้องเองค่ะ คุณแม่อย่าไปโวยลีเลย”
“โดนด่าบ่อยๆ ผมจะได้เก่งไงครับคุณแม่”
ภานุยิ้มทะเล้นให้แม่ วิไลลักษณ์ไม่ขำด้วย โมโหปัญชลีที่ด่าลูกชายสุดสวาท
ที่สถานี THAIKK ตุ่นรีดเสื้อผ้าไปเม้าท์มอยปัญชลีให้กะเทยรุ่นน้องฟัง
“นังจิ้งจอกโดนคุณวิไลลักษณ์ตอกกลับซะหน้าหงายเงิบ”
ดาวเข้ามาหาตุ่น
“อีก 10 นาทีรายการออนแอร์นะคะเจ๊ตุ่น”
“จ้า...” อีตุ่นหันไปเผือกต่อ “พอนังจิ้งจอกถูกคุณภาสกรจิกหัวออกไป คุณวิไลลักษณ์ก็ด่าซ้ำ”
ดาวหูผึ่ง นัยน์ตาวาววับ “คุณวิไลลักษณ์ไม่ชอบคุณปัญชลีหรอคะ”
“ไม่ชอบยังน้อยไปย่ะ ต้องพูดว่า เกลียดเข้าลำไส้เล็ก ทะลุไปถึงลำไส้ใหญ่วันนี้ก็ตีกัน โยนไม้ให้คนละท่อนล่ะก็ ได้หัวร้างข้างแตก”
“อ๋อ ที่คุณปัญชลีไม่เข้าประชุมรายการวันนี้ เพราะมีปัญหากับว่าที่แม่สามีนี่เอง” ดาวประติดประต่อเรื่องราว
“เห็นมาดมั่นเป็นนางพญาจิ้งจอกอย่างนั้น เจอฤทธิ์แม่ผัวเข้าไป ก็มีเป๋แหละย่ะ”
“เจ๊ตุ่นรู้ว่าเค้าตีกัน แสดงว่าสนิทกับวิไลลักษณ์พอสมควร”
“เจ๊น่ะเป็นแค่ติ่งคุณวิไลลักษณ์ คุณศินีนาฏน่ะสนิท ถูกเรียกไปใช้บ่อย”
ดาวยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นหนทางแทรกเข้าไประหว่างภาสกรกับปัญชลีแล้ว
ในสตูดิโอ ปัญชลีกับศินีนาฏจัดรายการช่วงเบรกสุดท้าย
“ข่าวสุดท้ายรับวันสิ้นเดือน สำหรับคอหวยโดยเฉพาะค่ะ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ต้นตะเคียนลอยน้ำมาขึ้นที่วัด ชาวบ้านแห่กันไปขูดขอหวย”
ปัญชลียิ้มพูดจบรายการทันที “เล่นหวยแต่พอสนุกนะคะ อยากรวย ต้องขยันทำงาน วันนี้สวัสดีค่ะ”
พอจัดรายการเสร็จ ปัญชลีก็มึนตึงใส่ศินีนาฏ ลุกเดินออกไป โดยไม่ลากันซักคำ
“อย่างกับเราอยากคุยด้วยงั้นแหละ ฝืนแทบตาย” ศินีนาฏเหยียดยิ้ม
ดาวเป็นผู้กำกับเวที มองศินีนาฏเก็บสคริปต์ข่าว คิดแผนชั่วในใจ
“คุณศินีนาฏสนิทกับแม่คุณภาสกร เราใช้คุณศินีนาฏเป็นสะพานถึงคุณภาสกรได้”
ศินีนาฏเก็บของเสร็จ ก็เดินออกไป ดาวตามไปห่างๆ
ศินีนาฏออกมาหน้าห้องส่งแล้ว ดาวตามออกมาด้วย
“คุณศินีนาฏคะ”
“มีอะไร” ท่าทีศินีนาฏไว้ตัวมาก
“ดาวฝันอยากเป็นคนเล่าข่าว คุณศินีนาฏเป็นนักเล่าข่าวมือระดับต้น ๆ ของวงการ ช่วยสอนดาวได้มั้ยคะ”
ดาวยิ้มประจบ ศินีนาฏไม่ทันพูดอะไร โทรศัพท์มือถือดาวมีสายเข้าขัดจังหวะเสียก่อน
“ค่อยคุยวันหลังนะดาว”
ศินีนาฏบอกแล้วออกไปเลย
ดาวหงุดหงิดมาก “ใครโทร.มา” เห็นชื่อก็ยิ่งฉุน “แม่” กดรับสายแล้วต่อว่าแม่ทันที “ดาวกำลังจะคุยธุระ โทรมาขัดจังหวะ”
อีกฟาก สมพรโทร.มาจากบ้านที่สมุทรสงคราม หน้าจ๋อยสนิท โดนลูกด่า “แม่ไม่รู้ แม่ขอโทษลูก ศรัณบอกแม่ ดาวไม่ยอมแต่งงานทำไมล่ะลูก พ่อศรัณเค้าไม่ดีตรงไหน”
“ชีวิตดาว ดาวตัดสินใจเอง แม่ไม่ต้องยุ่ง” ดาวตัดสายแม่ทันที
สมพรหน้าเสีย โดนลูกสาววางสายใส่ ระหว่างนี้เห็นศรัณกำลังช่วยถูบ้านให้สมพรอยู่อีกมุมหนึ่ง
“โทร.หาใครแต่เช้าครับน้า”
“น้าโทรถามดาว ทำไมถึงไม่ยอมแต่งงานกับพ่อศรัณ”
“น้าไม่น่าโทร.ไปเลย ดาวเค้ายังไม่พร้อม ผมรอดาวได้ครับ กี่ปีก็รอ”
ศรัณถูบ้านอย่างขยันขันแข็ง ผิวปากเป็นเพลง อารมณ์ดี สมพรมองแล้วยิ่งสงสารศรัณผู้แสนดี
แพรพรรณเพิ่งตื่นนอน ลงมาถึงก็ช่วยแม่ก้อยเก็บจานข้าวมันไก่ลูกค้าบนโต๊ะ
“จะ 11 โมงแล้ว ไม่ไปทำงานเหรอแพร”
“คนที่ทำรายการเลิกดึก สถานีให้เข้าสายได้น่ะแม่”
“แม่ทำข้าวมันไก่ไว้ 10 ห่อ ให้แพรเอาไปแจกเพื่อนที่ทำงาน”
ก้อยชี้ให้ดูห่อข้าวมันไก่ 10 ห่อในถุง
“ของคุณปัญชลี พิเศษ ไก่เยอะสุด ใส่ตับให้ด้วย”
“หืมม...แผนสูงนะแม่ จะให้คุณปัญชลีพูดชมสูตรข้าวมันไก่แม่ในรายการลูกค้าได้เยอะๆ”
“ลูกตัวดี รู้ทัน”
ก้อยเขกหัวลูกสาวแสบ แพรพรรณหัวเราะร่า
แพรพรรณวิ่งขึ้นบันได หิ้วถุงใส่ข้าวมันไก่ 10 ห่อ เจอทีมงานทั้งทีมเดินสวนลงมา
ภานุแซว “ขนมาขายเหรอ”
“แม่ให้เอามาแจกเฟ้ย” แพรพรรณบอกพี่ๆ ทีมงาน “บ้านแพรขายข้าวมันไก่ค่ะ”
“กำลังจะไปกินข้าวเที่ยงพอดี ไป ๆ พวกเรา กลับโต๊ะ วันนี้กินอิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ”
ท็อปว่า ทุกคนเดินย้อนขึ้นบันได
ภาสุรีกับศินีนาฏเดินลงบันไดมาพอดี ทุกคนหลบให้ ภาสุรีไม่มองภานุเลย ภานุลอบยิ้ม พี่สาวฟอร์มน่าดู
ภาสุรีบอกกับศินีนาฏว่า “วันนี้ไปรถพี่ภาส พี่ภาสไปกินข้าวกับเราด้วย”
ดาวได้ยินว่าภาสกรจะไปด้วย ถึงกับตาลุกวาว คิดคำโกหกทีมงานทันควัน
“ดาวต้องไปจ่ายค่าโทรศัพท์ จะไปหาข้าวกินแถวนั้นค่ะ”
“ผมเหมาข้าวมันไก่ของดาวเอง” ภานุเย้า
ทีมงานเดินกลับขึ้นฝ่ายรายการชั้น 2 ดาวลงไปชั้นล่างคนเดียว เร่งฝีเท้าตามภาสุรีกับศินีนาฏไป
ดาวตามภาสุรีกับศินีนาฏมาหน้าตึก เห็นสองสาวขึ้นรถภาสกรแล่นออกจากช่องไป ดาวรีบวิ่งไปเรียกแท็กซี่ ขึ้นนั่งแล้วรีบบอก
“ตามรถคันนั้นไป”
ดาวนั่งแท็กซี่ตามรถภาสกรไป
ภาสกรขับรถเลี้ยวเข้าซอย มองกระจกหลัง เห็นมีรถแท็กซี่ขับตามมาก็แปลกใจ
“แท็กซี่คันหลัง ขับตามมาตั้งแต่ออกจากสถานี” เขาบอกอย่างมั่นใจ
“พี่ภาสจำคันผิดล่ะมั้งคะ” ภาสุรีว่า
“คันเดียวกัน พี่จำทะเบียนรถได้”
“ตามเรามาทำไม” ภาสุรีแปลกใจ
ศินีนาฏที่นั่งตรงเบาะหลัง หันทั้งตัวไปดูแท็กซี่ ดาวเห็นศินีนาฏหันมามอง รีบก้มหลบ ศินีนาฏชะเง้อมอง
“เห็นใครมั้ยศิ”
“เห็นแต่คนขับค่ะ เอ แต่รถไม่ได้เปิดไฟบอกว่ารถว่าง” ศินีนาฏแปลกใจ
ภาสกรตัดสินใจจอดรถ เพื่อดูว่าแท็กซี่จะจอดตามเหรอเปล่า
แท็กซี่เห็นก็ถามดาว “คันหน้าจอดแล้วคุณ”
ดาวบอกทั้งที่ยังก้มหลบ “ขับเลยไป”
สามคน มองรถแท็กซี่แล่นผ่านไป โดยไม่มีผู้โดยสาร
“คงบังเอิญมาทางเดียวกัน”
ภาสกรเลิกสงสัย
ดาวเที่ยวเดินหารถภาสกรให้วุ่น ซอยนี้มีร้านอาหารหรูหลายร้าน ภาสกรต้องอยู่ซักร้าน ดาวปาดเหงื่อมองไป
“รถคุณภาสกร !
รถภาสกรจอดหน้าร้านหรูแห่งหนึ่ง ดาวมองเข้าไปในร้านเห็นภาสกรกำลังจิบน้ำ
ดาวหลบมุมเติมแป้งพัฟ ทาปาก ฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นเหงื่อ
ที่โต๊ะภาสกรตอนนี้ ศินีนาฏหยิบยกเรื่องการปลดจากรายการมาพูด เลียบเคียงถาม
“นี่วันศุกร์สิ้นเดือน วันจันทร์หน้า ศิยังได้จัดรายการกระแสข่าวเช้ามั้ยคะ”
“ศิไม่ต้องสนลี จัดรายการไปเหมือนเดิม” ภาสุรีบอก
ภาสกรเสริม “ผมเคลียร์กับลีแล้ว ลีฟัง”
ศินีนาฏยิ้มสบายใจ มีแบ็คอัพดีตั้ง 2 คนคอยช่วยเหลือ
ดาวปั้นหน้าสวย ยิ้มแฉล้มเข้าร้านมา โต๊ะข้างๆ โต๊ะภาสกรไม่ว่างซักตัว ศินีนาฏเห็นดาวพอดี พยักหน้าทักแวบเดียว แล้วหันมาคุยกับภาสุรีและภาสกรต่อ ดาวเลยต้องเดินไปทักที่โต๊ะเอง
“สวัสดีค่ะคุณภาสกร คุณภาสุรี มาทานอาหารร้านนี้ประจำเหรอคะ”
ภาสกรบอก “ครับ” สั้นๆ
ศินีนาฏถาม “มาคนเดียวเหรอดาว เห็นอยู่กับทีมงาน”
ดาวโกหกหน้าใส “เค้ากินข้าวที่ช่องกันค่ะ ดาวมาจ่ายโทรศัพท์แถวนี้ เห็นร้านน่านั่ง เลยเข้ามา ร้านนี้อะไรอร่อยคะ”
“ในเมนูมีบอก” ศินีนาฏบอก
ทั้งโต๊ะไม่มีใครชวนดาวคุย นางเลยยืนเด๋อด๋า
“ดาวไม่รบกวนแล้วค่ะ”
ดาวแยกไปนั่งคนเดียวที่โต๊ะห่างออกไป
“วันนึงคุณต้องสนใจดาว”
ดาวเจ็บใจ จ้องภาสกรไม่วางตา สักวันฉันต้องได้ผู้ชายคนนี้มาครอบครอง
ปัญชลีกินข้าวมันไก่ของแพรพรรณหมดแล้ว แพรพรรณเข้ามาเก็บจาน
“บริการเก็บจานค่ะ”
“ข้าวมันไก่ร้านแม่เธอ นุ่มมาก น้ำจิ้มก็อร่อย เผ็ดกำลังดี”
“อืม...แม่แพร...คือว่า...แม่อยากให้”
ปัญชลีรู้ทัน “ร้านชื่ออะไร จะพูดในรายการให้”
แพรพรรณยิ้มกว้างรีบบอกทันที “แม่ก้อยข้าวมันไก่ค่ะ ว่าแต่ คุณปัญชลีคิดค่าโฆษณาเท่าไหร่คะ”
“พูดมาก เดี๋ยวก็คิดซะหรอก”
แพรพรรณเอามือรูดซิปปาก เก็บจานข้าวมันไก่ออกไป
ปัญชลีขำ “ท่าทางแสบไม่เบา”
ท็อปเข้ามาหาปัญชลีพอดี
“แขกรับเชิญคืนนี้จะมาเลตจากเวลานัดหน่อยนะครับ ติดธุระสำคัญ”
“ฮื่อ ท็อป วันจันทร์ที่จะถึงนี้ ไม่ต้องทำสคริปต์ข่าวให้ศินีนาฎ ตั้งแต่จันทร์หน้า รายการกระแสข่าวเช้านี้ ชั้นจะเป็นพิธีกรคนเดียว”
ท็อป ถึงกับอึ้งใบ้กิน แววตาปัญชลีหมายมาด มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง
ที่ห้องคอสตูม ตุ่นประดิษฐ์หน้าสวย จิกตา ทำปากเจ่อ ถ่ายรูปตัวเองลงโทรศัพท์มือถือ แล้วใช้โปรแกรมแต่งรูปตัวเองให้สวยเริด กะเทยรุ่นน้องนางหนึ่งกำลังจัดชุดพิธีกรแซวตุ่น
“โหลดรูปเมรุมาเป็นแบ๊คกราวน์ซิเจ๊ เข้ากับเจ๊ผุดๆ ฮิๆๆๆ”
ตุ่นด่าเป็นชุด “หือ...อีหน้าหนอนไช อีใบหนาดเน่า สารรูปอย่างหล่อนน่ะ อยู่ไปก็เป็นภาระผู้ชาย ตายไปก็เป็นภาระยมบาล เกิดใหม่ก็เป็นภาระพ่อแม่”
กะเทยรุ่นน้องหน้าเพลีย โดนเป็นชุด “เจ๊อ่ะ แซวนิดเดียว สวนมาเต็มเลยน้า”
ท็อปเดินมาหาตุ่น
“ตุ่น วันจันทร์หน้าไม่ต้องเตรียมชุดพิธีกรให้คุณศินีนาฏ คุณปัญชลีปลดคุณศินีนาฎออกจากรายการแล้ว นี่คุณศินีนาฏยังไม่รู้ตัวเลย”
“นังจิ้งจอกมีมีดกี่เล่มเนี่ย แทงทั้งข้างหน้าข้างหลัง ต้องรีบโทรรายงานคุณศินีนาฎ”
ท็อปเห็นคุณศินีนาฏอยู่ห้องคุณภาสุรี
ตุ่นรีบไปทันที
ตุ่นหน้าเริดมาห้องภาสุรี เจอเลขานั่งอยู่
“คุณศินีนาฏอยู่ข้างในหรือเปล่าฮะ”
“ออกไปกินข้าวกับคุณภาสุรี ยังไม่กลับค่ะ”
ภาสุรีกับศินีนาฎกลับมาพอดี
“คุณศินีนาฏขา นังจิ้งจอก...” อีตุ่นได้สติชะงัก เกรงใจภาสุรี
“ชั้นรู้ว่าหมายถึงใคร พูดต่อซิ เกิดอะไรขึ้น”
ตุ่นลดดีกรีความแรง รายงานภาสุรี “คุณปัญชลีปลดคุณศินีนาฏออกจากรายการปัญชลีโชว์แล้วค่ะ”
ภาสุรีกับศินีนาฏหน้าบึ้ง ต่างไม่พอใจ
ศินีนาฏยุภาสรี “ลีไม่ไว้หน้าคุณภาเลย คุณภาเคลียร์ปัญหานี้จบไปแล้ว ลีไม่ยอมจบ ลีทำงานข้ามหัวคุณภาตลอด ไม่เคยเคารพคุณภาในฐานะหัวหน้าฝ่ายรายการ”
ภาสุรีเป็นยุขึ้นเสียงด้วย ยิ่งโมโหปัญชลี “คราวก่อนพี่ภาสช่วยคุยก็ไม่ได้ผล เห็นทีต้องให้คนที่ใหญ่กว่าพี่ภาส กำราบลี”
ภาสุรีโทรหาใครคนนั้นทันที
วิไลลักษณ์ใส่ชุดหรูกำลังจะออกไปงานการกุศลที่บ้านเด็กกำพร้า คนใช้ถือกระเป๋าตามหลัง
โอภาสกลับมาจากที่จอดรถหน้าบ้าน
“เอาของขวัญเด็กๆ ใส่รถเรียบร้อยแล้วนะคุณ”
สายจากภาสุรีโทร.มาหา วิไลลักษณ์รับสายลูกสาว
“มีอะไรยัยภา แม่กับพ่อกำลังจะไปงานที่บ้านเด็กกำพร้า”
“โทร.ไปยกเลิกได้มั้ยคะ ภามีเรื่องให้คุณแม่มาช่วยจัดการ”
วิไลลักษณ์กับโอภาสเข้าอาคารสถานี วิไลลักษณ์หน้าบึ้งตึงมาก จนพนักงานไม่กล้าไหว้ ภานุไปซื้อกาแฟมา เห็นพ่อกับแม่ โดยเฉพาะแม่หน้าบึ้งมาก
“คุณแม่ต้องมาเรื่องเรา” ภานุรีบโทร.หาพี่ชาย “พี่ภาสครับ คุณแม่มาเล่นงานพี่ลี เมื่อวานพี่ลีด่าผม”
เสียงภาสกรดังลอดออกมาว่า “พี่อยู่ข้างนอก พี่จะรีบกลับ”
ภานุวางสายเซ็งตัวเอง
“ไม่น่าเป็นชนวนเลยเรา จะออกตัวช่วยพี่ลีก็ไม่ได้”
ภาสุรีพาปัญชลีมาพบวิไลลักษณ์ที่ห้องประธานกรรมการ วิไลลักษณ์ตีหน้ายักษ์รออยู่แล้ว โอภาสอยู่ด้วย ฟังเฉย ๆ
“ชั้นขอเหตุผลที่เธอปลดศินีนาฏจากรายการ”
ปัญชลีพูดจริงจังตามนิสัย “ประการที่หนึ่ง ศินีนาฏไม่มีความรับผิดชอบ มาห้องส่งสาย แล้วยังไม่ท่องสคริปต์ ทำให้พูดผิดในรายการ ประการที่สอง ทัศนคติด้านลบระหว่างลีกับศินีนาฏ ความขัดแย้งระหว่างพิธีกร ย่อมส่งผลเสียต่อรายการค่ะ”
“ทัศนคติด้านลบ ฮึ ใช้คำซะสวยหรู มันก็คือ อคตินั่นแหละ” ภาสุรีค้อน ค่อนขอด
“ภาจะพูดอะไรก็ตามใจเถอะ ภาไม่ใช่คนตัดสินปัญหานี้”
โอภาสพูดอย่างใจเย็น “ให้โอกาสศินีนาฏไม่ได้เหรอลี ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปี จนเข้าขากัน”
“แต่ก่อนศินีนาฎทำงานดีใช้ได้ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่มีความรับผิดชอบ ลีร่วมงานคนแบบนี้ไม่ได้ค่ะคุณพ่อ”
ภาสกรรีบร้อนเข้ามา ภาสุรีมองฉงน
“อ้าวพี่ภาส ไปคุยธุระไม่ใช่หรอคะ”
“คุณแม่ครับ เรื่องเจ้านุน่ะ ทำงานผิดพลาด ก็ต้องถูกตำหนิเป็นธรรมดา”
“แม่เค้าไม่ได้มาเรื่องเจ้านุ เรื่องศินีนาฏ” โอภาสบอก
“อ้าว ปัญหาระหว่างลีกับศินีนาฏ ผมจัดการเองครับ”
“แม่ยังเป็นประธานกรรมการ แม่มีสิทธิ์ชี้ขาดปัญหาทุกอย่างในสถานี” วิไลลักษณ์วางมาดนางพญา เสียงเข้มกับปัญชลี “ห้ามปลดศินีนาฏจากรายการ”
ปัญชลีหันมองภาสกร หวังให้เขาพูดกับแม่
“ผมเห็นด้วยกับคุณแม่ รายการกระแสข่าวเช้านี้ ออกอากาศตั้งชั่วโมงครึ่งพิธีกรควรมีหลายคน ผมว่า 2 คนยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ปัญชลีหน้าตึง ถูกครอบครัวภาสกรรุมขย้ำ ได้แต่เม้มปากแน่น ไม่เถียง
“หมดปัญหานี้แล้ว เธอก็อย่าก่อปัญหาใหม่ ให้ชั้นต้องกลับมาแก้ไข”
ปัญชลีเงียบไม่รับคำวิไลลักษณ์ ทุกคนเห็นอาการปัญชลีแล้วหวั่นใจ ปัญหาศินีนาฎท่าจะไม่จบ
ปัญชลีนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ โดนรุมจากทีมบริหารที่เข้าข้างศินีนาฏ จนเธอรู้สึกเหนื่อย ท้อใจเล็ก ๆ
ปัญชลีหยิบมือขึ้นมา โพสต์ข้อความลงไอจีระบายอารมณ์ส่วนตัวว่า
“ณ จุดนี้ รู้สึกเหนื่อย”
ศินีนาฏหัวเราะเริงร่าอย่างสะใจออกมา
“เป็นไงล่ะ เจอของจริงเข้าไป ป่านนี้นังจิ้งจอกคงกำลังนอนเลียแผลให้แห้ง”
ตุ่นกับกะเทยช่างผมช่วยกันแต่งหน้า ทำผม ให้ศินีนาฏ ที่เตรียมตัวจะไปรับจ็อบงานอีเว้นท์
ดาวเข้ามาหาศินีนาฏ ยิ้มประจบประแจง ศินีนาฏเฉยๆ ไม่ชอบสุงสิงกับดาว
“ดาวได้ยินพี่ๆ ทีมงานคุยกัน คุณวิไลลักษณ์เลือกข้างคุณศินีนาฏ ดีใจจังเลยค่ะ”
“นังจิ้งจอกเล่นงานผิดคน ครอบครัวคุณภาสุรีน่ะ เป็นแบ็คให้ชั้นทั้งบ้าน”
ดาวพูดเอาใจ “คุณศินีนาฏจะไปออกงานสังคมที่ไหนคะ แต่งตัวแต่งหน้าสวยจัง”
ศินีนาฏคุย “แชลแนลจ้างชั้นเป็นพิธีกรงานเปิดตัวน้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่น่ะ”
ตุ่นอ้อน “เอาน้ำหอมตัวอย่างมาฝากตุ่นขวดนะฮะ”
ศินีนาฏเปิดกระเป๋าถือพราด้า หยิบน้ำหอมพกพาในกระเป๋ามาให้ตุ่น
“อ่ะ ชั้นให้ เพิ่งใช้ไปนิดเดียว”
ตุ่นกรี๊ดเมื่อเห็นยี่ห้อ “อ๊าย...แชลแนลนัมเบอร์ 5 อยากครอบครองมานานแล้ว”
“ระหว่างแชลแนลกับผู้ชาย เจ๊จะเลือกอะไร” กะเทยช่างผมถาม
“น้ำหอมน่ะได้แค่ฉีด แต่ผู้ชายได้ ฉับๆๆๆ”
“ฉับไรอ่ะเจ๊”
“ฉับกบาลหล่อนมั๊ง” หน้า ผม เสร็จ ตุ่นหันมาประจบประแจงศินีนาฏ “ตุ่นเดินไปส่งคุณศินีนาฏที่รถนะฮะ
ตุ่นจะถือกระเป๋าให้ ศินีนาฏหวง เอากระเป๋ามาถือเอง อีตุ่นเลยหน้าเจื่อน พอศินีนาฏกับตุ่นเดินออกไป ดาวรีบซักกะเทยช่างผม
“กระเป๋าคุณศินีนาฏใบละไม่รู้กี่แสนนะคะ”
“อ๊าย คุณน้องขา นั่นใบเป็นล้านค่า” กะเทยนางนั้นเปิดปากเม้าท์ “สมัยเป็นพิธีกรใหม่ๆ ถือกระเป๋าสำเพ็ง พอดัง รับทรัพย์งานอีเว้นท์อื้อซ่า เลยอัพเกรดตัวเอง ทำตัวไฮโซ คบแต่คนรวย กับพวกเราน่ะ คุณศินีนาฏคบไว้ใช้งาน”
ดาวพยักหน้ารับฟัง รู้แล้วว่าจะเข้าถึงศินีนาฏได้ยังไง
ศรัณปักหลักช่วยงานที่บ้านสมพรตั้งแต่เช้า ตอนเช้าช่วยถูบ้าน พอเสร็จก็มาช่วยถากหญ้าในสวน
“พักบ้างเถอะพ่อศรัณ ทำนู่น ทำนี่ตั้งแต่เช้า”
“น้าพรเป็นความดัน คนเป็นความดัน ไม่ควรก้มๆ เงยๆ ครับ”
ขณะศรัณก้มหน้าถากหญ้า ดาวโทร.เข้ามาในจังหวะนี้ เขารับสายอย่างดีใจ
“ดาว พี่อยู่กับน้าพร มาช่วยน้าทำสวน”
ดาวหาที่เงียบๆ ในสถานี คุยโทรศัพท์กับศรัณ
“พี่ศรัณมาหาดาวที่กรุงเทพฯวันนี้นะคะ”
สมพรนิ่งฟัง ว่าลูกสาวโทร.มาคุยอะไรกับศรัณ
“ดาวมีเรื่องด่วนอะไรกับพี่จ๊ะ”
“อยู่ๆ ก็คิดถึง อยากเจอพี่ศรัณค่ะ มาหาดาวนะคะ ช่วงเย็นดาวว่าง ดาวจะไปรอพี่ที่คอนโด”
“จ้ะ” ศรัณวางสาย “น้าพรครับ ผมต้องไปแล้ว ดาวให้ไปหาที่กรุงเทพฯ”
“ขับรถดีๆ น่ะพ่อศรัณ”
ศรัณขึ้นรถขับรถไป สมพรมองตาม ลึกๆ ในใจรู้สึกสงสารหนุ่มแสนดี
“น้าจะมีวาสนาได้พ่อศรัณเป็นลูกเขยมั้ยนะ”
สองคนอยู่ในห้างหรู ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ดาวลากศรัณเข้าไปตามช็อปแบรนด์เนมร้านโน้นร้านนี้
ดาวยิ้มหน้าแฉล้มเดินเลือกกระเป๋าแบรนด์ดัง ศรัณเดินตามหน้าตาไม่สู้ดี ราคาของแพงมาก
“ใบนี้สวยจัง”
ศรัณดูป้ายราคา “ดาวน์รถได้คันนึงเลยนะจ๊ะ ซื้อใบละพันสองพันก็พอจ้ะดาว”
ดาวออดอ้อนหลอกเอาเงิน “คนที่ช่องหิ้วกระเป๋าหรูๆ กันทั้งนั้น พี่ศรัณอยากให้ดาวรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่นเหรอคะ”
“พี่เคยไปหาดาวที่ช่อง ก็เห็นพนักงานแต่งตัวธรรมดา”
“ดาวไม่ต้องการเป็นพนักงานธรรมดาค่ะ ดาวอยากเป็นพิธีกรข่าว พิธีกรของช่องแต่งตัวหรูหราไฮโซกันทั้งนั้น ดาวต้องอัพเกรดตัวเอง ให้เข้าถึงพวกเค้าค่ะ”
“ดาวของพี่เก่งจะตาย ใช้ความสามารถ สู้ให้ถึงฝันซีจ๊ะ”
“ที่ช่องมีคนเก่งๆ เยอะ สิ่งที่จะทำให้ดาวมีภาษีเหนือกว่าคนอื่น ก็คือ คอนเนคชั่น พี่ศรัณขา พี่ช่วยสานฝันดาวให้เป็นจริงนะคะ ดาวอยากเป็นพิธีกรทีวี ดาวจะประสบความสำเร็จได้ นอกจากความสามารถแล้ว ต้องมีแบ็คสนับสนุนด้วย”
ดาวส่งสายตาเว้าวอน จนศรัณใจอ่อน พยักหน้าตกลง ซื้อก็ซื้อ
“แฟนของดาวแสนดี หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
ดาวยิ้มหวานเจี๊ยบเอาใจ ศรัณยิ้มหน้าแห้ง ควักบัตรเครดิตจ่ายตังค์
ดาวร่าเริงแฮปปี้ เข้าออกช็อปแบรนด์ดังหลายยี่ห้อ ช้อปเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ศรัณมีหน้าที่เดินตามหิ้วของและรูดบัตรเครดิตจ่ายเงิน
วันนี้ปัญชลีมีปัญหาทั้งวัน โดนทีมผู้บริหารช่องบีบหนัก ไม่ให้ไล่ศินีนาฎออก ยังต้องอยู่โยงจัดรายการรอบดึกอีก นี่ก็เพิ่งเสร็จ พอออกจากช่องมาขึ้นรถจะกลับบ้าน เจอแฟนคลับดักรออยู่
“คุณลี เราเป็นแฟนรายการคุณลี เอาของฝากมาให้ค่ะ” แฟนคลับคนแรกบอก
“ขอบคุณมากเลยค่ะ” สีหน้าปัญชลีแช่มชื่นขึ้นมาเห็นชัด
“ไปเที่ยวสวิสมาค่ะ ซื้อช็อคโกแลตมาฝากคุณลี ทีแรกว่าจะเอามาให้พรุ่งนี้ เห็นคุณลีโพสลงไอจีว่า เหนื่อย เลยเอามาให้วันนี้ สู้ๆ นะคะ” อีกคนบอก
“ได้กำลังใจแบบนี้ หายเหนื่อยแล้วค่ะ”
แฟนคลับจับมือให้กำลังใจ ปัญชลียิ้มชื่น ปลื้มใจ กำลังใจเล็กๆ นี่แหละเป็นเครื่องชูใจให้นาง
สองคนพักผ่อนอยู่ในโถงชั้นล่าง ภาสกรเช็ดทำความสะอาดหมวกกันน็อค สำหรับนักปั่นจักรยาน ปัญชลีอ่านฟีดข่าวในไอแพด ภาสกรเอ่ยขึ้นว่า
“ลี พรุ่งนี้วันหยุดราชการ เค้าถ่ายทอดพิธีตอนเช้า คุณไม่ต้องจัดรายการไปงานผมนะจ๊ะ”
ปัญชลีพูดโดยไม่ยอมเงยหน้าจากไอแพด “ลีนัดประชุมลูกน้องตอนเช้าค่ะ”
“พรุ่งนี้รายการถามตรงก็งด มีรายการพิเศษ ลีไปแป๊บเดียวนะจ๊ะ นะ คุณไม่เคยไปงานผมเลย”
“ลีไม่ชอบงานเอ้าท์ดอร์ค่ะ”
“ปีก่อนๆ ผมจัดในร้านอาหาร ลีก็ไม่ไป”
“ภาสคิดว่าลีหาข้ออ้างล่ะก็ ใช่ค่ะ ลีหาข้ออ้าง เพราะถ้าให้ลีพูดตรงๆ ว่าลีไม่อยากไป ภาสก็ต้องเคือง ลีพยายามตอบแบบรักษาน้ำใจที่สุดแล้ว ลีขึ้นไปอ่านข่าวข้างบนนะคะ”
ปัญชลีถือไอแพดขึ้นข้างบน ขณะเดินตายังอ่านข่าวในไอแพดต่อ ไม่แยแสคนรักแม้แต่น้อย
“คุณอ่อนหวานกว่านี้อีกนิด จะน่ารักกว่านี้อีกเยอะ”
ภาสกรบ่นระบาย ปัญชลีไม่เคยทำตัวอ่อนหวานให้ชื่นใจเลย
กลับถึงคอนโดดาวขลุกอยู่ตรงมุมครัวลงมือทำอาหารเอาใจศรัณ สักครู่หนึ่งหล่อนยิ้มหวาน ยกจานมาม่าผัดขี้เมาวางตรงหน้าศรัณ
“ดาว Restaurant ภูมิใจนำเสนอค่า”
“น่ากินจังเลยจ้ะ”
“นอกจากเป็นแม่ครัวแล้ว ดาวเป็นนางพยาบาลได้ด้วยนะคะ”
ดาวป้อนมาม่าให้ถึงปาก ศรัณยิ้มแป้น ปลื้มแฟนคนสวยช่างเอาใจ
“รถดาวเก่าแล้ว ช่วงนี้ค่ายรถกำลังแข่งกันลดราคา พี่ศรัณถอยป้ายแดงให้ดาวซักคันนะคะ” ยิ้มหวาน ใช้ความหวานหลอกล่อ
ศรัณหน้าเจื่อน ต้องเสียเงินอีกแล้ว “ดาวจ๋า รถดาวเพิ่ง 3 ปี เอง ขับไม่ถึงแสนโล”
“แอร์ก็ไม่ค่อยเย็นแล้วค่ะ ลำโพงเสียงก็เริ่มแตก”
“พี่จะเปลี่ยนลำโพงให้ใหม่ เอารถไปล้างแอร์ให้ ดาวขับไปอีกซักสองสามปีแล้วค่อยเปลี่ยนรถนะจ๊ะ”
ดาวเซ็ง ความอ่อนหวานใช้ไม่ได้ผล เลยแกล้งงอน สะบัดสะบิ้งใส่ “ผู้หญิงขับรถกลางคืน รถเสียกลางทาง เปิดโอกาสให้คนร้าย พรุ่งนี้พี่กลับสมุทรสงครามไปนะคะ แล้วรอดูข่าวแฟนตัวเองถูกมิจฉาชีพฉุดขึ้นรถกลางดึก”
ดาวลุกหนีเข้าห้องนอน ปิดประตูปัง ศรัณกลุ้ม ทำให้แฟนสาวคนสวยโกรธ
พอเข้ามาในห้องนอน ดาวยิ้มร้ายออกมา แววตาหมายมั่น ยังไงเสียรถป้ายแดงก็ไม่พ้นมือหล่อนแน่
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)
เช้านี้ ดาวในชุดเสื้อผ้าเบรนด์เนมทั้งชุด สะพายกระเป๋าหรู มองตัวเองในกระจกแววตาเจิดจ้า เป็นปลื้มตัวเอง
“ใครว่าอย่ามองคนที่เปลือกนอก เปลือกนอกนี่แหละเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นคนสำคัญ
ศรัณเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เข้ามาแต่งตัว มองแฟนสาวด้วยสายตาชื่นชมหลงใหล
“ดาวเหมือนพวกไฮโซที่พี่เห็นในข่าวเลยจ้ะ”
ดาววางท่าปั้นปึ่งไม่พูดกับศรัณ งอนที่เขาไม่ยอมซื้อรถให้
“รอพี่แต่งตัวเดี๋ยวนะจ๊ะ พี่จะไปส่งดาวที่ช่อง ขาไปรับ จะได้พาดาวไป โชว์รูมรถ”
ดาวคลี่ยิ้มระบายเต็มใบหน้า “รักพี่ศรัณที่สุดเลยค่า”
โผกอดศรัณหอมฟอดใหญ่ ศรัณยิ้มสุขใจ เห็นคนรักมีความสุข เขาก็มีสุขล้น
เช้าเดียวกันนี้ ภาสกรกับกลุ่มก๊วนเพื่อนนักปั่น พากันปั่นจักรยานมาตามถนนร่มรื่น กทม.ปิดถนนให้ ทั้งกลุ่มสวมเสื้อสกรีนชื่อกลุ่ม “Bangkok Bike” สองฟากถนน แลเห็นต้นไม้สีเขียวสดชื่น ภาสกรหน้าตาสดใส
ส่วนปัญชลีขอเล่นโยคะอยู่บ้าน ด้วยชอบกีฬาในร่ม
อีกฟากศรัณขับรถมาจอดส่งดาวหน้าช่อง
“ประชุมเสร็จแล้วโทร.บอกนะจ๊ะ ได้ไปดูรถกัน”
ขณะศรัณจะหอมแก้มลาดาว จอย รุ่นพี่ทีมงานรายการเดินมา จอยหยุดมองเข้าไปในรถ เห็นดาวอยู่กับผู้ชายหน้าตาดี
ดาวเองก็เห็นจอย เลยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ศรัณหอมแก้ม
“พี่ทีมงานมองอยู่ค่ะ ดาวไปทำงานแล้วนะคะ”
ศรัณปลดเบลล์ จะลงรถด้วย
“จะไปไหนคะ”
“ลงไปทักทายเพื่อนร่วมงานดาว”
“เอาไว้วันหลังเถอะค่ะ”
“พี่จะบอกว่าเป็นพี่ชายดาว” ชายหนุ่มบอก
ดาวโกหกจนเป็นนิสัย “ดาวไม่ถูกกับพี่คนนี้ค่ะ ชอบหาเรื่องด่าดาว เพราะดาวทำงานเก่งกว่า
พี่ศรัณอย่าเสียเวลาไปรู้จักคนไม่ดีเลยค่ะ”
ศรัณดันเชื่ออีก “ดาวทำงานให้เต็มที่นะจ๊ะ ไม่ต้องสนใจคนอื่น”
ดาวยิ้มหวานให้แล้วลงจากรถ ศรัณขับไป
จอยยิ้มทัก “แฟนมาส่งหรอดาว หล่อจัง”
ดาวตอแหลอีกว่า “พี่ชายค่ะ”
ศรัณขับรถออกมา เห็นแพรพรรณเดินอยู่ริมถนน จึงจอดรถเปิดกระจกทัก
“แพร”
“พี่ศรัณ” แพรพรรณยิ้มแฉ่ง ดีใจที่เจอ “มาบ่อยจังนะคะ เหมือนบ้านอยู่กรุงเทพฯ เลย อ้อ..พี่ศรัณคะ พี่เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่เหรอคะ แพรโทร.ไป ไม่ติด”
“มือถือเครื่องเก่าพี่ตกทะเลน่ะ พี่จะยิงไปที่เครื่องแพรนะ”
ศรัณก้มมองหน้าจอมือถือ หาเบอร์แพรพรรณ อีกฝ่ายมองมาตาละห้อย ด้วยเขาเป็นรักแรกไม่เคยลืม สักครู่เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ดึงแพรพรรณจากความคิด
“ได้เบอร์แล้วค่ะ”
“ไว้โทร.คุยกันแพร”
ศรัณขับรถไป แพรพรรณได้แต่มองตามตาละห้อย
วันนี้เป็นวันหยุดราชการ พนักงานมาทำงานกันไม่กี่คนเท่านั้น
พี่ๆ ทีมงานชื่นชมลุคใหม่ของดาว แบรนด์เนมทั้งชุด
“อย่างกับหลุดมาจากโวคแมกกาซีน เลยดาว” แอนว่า
ดาวยิ้มหวานทำตัวอ่อนน้อมน่ารัก ตอแหลหน้าใสซื่อ “พี่ๆ อย่าโกรธดาวนะคะ ที่ดาวไม่กล้าแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่แรก เพราะดาวกลัวโดนด่าว่าอวดรวย พอดาวรู้จักพวกพี่ๆ พวกพี่ใจดีไม่เคยว่าร้ายใคร ดาวเลยคิดว่า ดาวขอเป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ”
“เป็นตัวเองน่ะดีแล้วดาว พวกพี่ไม่ตัดสินดาวด้วยเสื้อผ้าหรอก” ท็อปบอก
แพรพรรณมาถึง แปลกใจลุคไฮโซของดาว
“เมื่อกี้พี่ก็ตาค้างเหมือนแพร” แอนเย้า
“แพรเจอพี่ศรัณหน้าสถานี พี่ศรัณมาส่งดาวสิ”
ดาวเงียบ ไม่อยากคุยถึงศรัณ เดี๋ยวทีมงานรู้ว่ามีผัว ที่อยู่ก่อนแต่งแล้ว
“แพรรู้จักพี่ชายดาวด้วยเหรอ หล่อผุดๆ เนอะ” จอยยิ้ม
แพรพรรณบอก “ค่ะหล่อ นิสัยดีมากด้วย แต่แฟนพี่ศรัณไม่ค่อยดี เป็นผู้หญิงที่โกหกหลอกลวง”
ดาวเสียงวาบ นังแพรพรรณไปรู้ความลับอะไรมา?
จอยซัก “หลอกลวงยังไงเหรอแพร”
“แพรก็ไม่รู้เรื่องเค้าสองคนนักหรอกค่ะ แพรเป็นแค่คนนอก”
ขณะพูดแพรพรรณกับดาวจ้องตากัน
ดาวแบกหน้าอันบึ้งตึง เดินนำแพรพรรณมาเคลียร์ตรงมุมลับตา บริเวณหน้าห้องน้ำ
“แพรรู้อะไรมา”
“ดาวโกหกว่าพี่ศรัณเป็นพี่ชาย”
“อ้อ วันนั้นคงแอบได้ยินล่ะสิ ไม่ยักรู้ แพรชอบสอดเรื่องชาวบ้าน”
“พี่ศรัณรักดาวขนาดนี้ ทำไมพี่ดาวถึงไม่ยอมรับพี่ศรัณ”
ดาวหมั่นไส้ “แหม เจ็บร้อนแทน แฟนดาวยังไม่เดือดร้อน”
“ความรักทำให้พี่ศรัณตาบอดสนิท”
“รักนัก ก็ทำเรื่องบริจาคดวงตาให้พี่ศรัณสิ” ดาวเล่นบทขู่ “แพร ถ้าแพรแฉดาว ดาวจะโกหกว่าแพรแอบรักพี่ชายดาว แต่พี่ชายดาวไม่เล่นด้วย แพรเลยแกล้งดาว”
แพรพรรณอึ้งกับคำพูดเพื่อนสาววัยเรียน ร้ายกาจอะไรอย่างนี้นะ
ภานุออกจากห้องน้ำชาย เห็นสองสาวยืนจ้องหน้ากัน เหมือนมีเรื่อง
ดาวไม่อยากให้ภานุรู้เรื่องส่วนตัว จึงเลิกคุย กลับไปฝ่ายรายการ
“ทะเลาะอะไรกันเหรอ”
แพรพรรณไม่ยอมเปิดปากเล่า ภานุยิ่งสงสัย
ทีมงานทุกคนนั่งรอปัญชลีกันอยู่ในห้องประชุมฝ่ายรายการแล้ว
“พี่ท็อปคะ ทำไมวันนี้คุณปัญชลีเรียกประชุม 2 รายการพร้อมกัน” ดาวถาม
“แล้วแต่จะบัญชาน่ะ ไม่มีแพลนประชุมแน่นอน”
ภานุคาใจไม่หาย กระซิบถามแพรพรรณ “แพร มีเรื่องอะไรกับดาว”
“ว่างมากก็เปิดเกมคุกกี้รันเล่น”
“เอ้อ ถามดีๆ ต้องกวนด้วย”
ดาวเหลียวหา “เจ๊ตุ่นยังไม่มาอีก เดี๋ยวก็โดนคุณปัญชลีเล่นงาน”
ท็อปบอกว่า “วันนี้เจ๊ตุ่นไม่เข้าประชุม ขออนุญาตคุณปัญชลีแล้ว ไปช่วยงานคุณภาสกร”
ดาวหูผึ่งตาลุกวาว อะไรที่เป็นภาสกรกระตุ้น อาดีนาลีน ในตัวหล่อนให้สูบฉีดแรงเสมอ ดาวไม่กล้าถามมาก เกรงคนอื่นจับได้ว่าเธอสนใจภาสกรเป็นพิเศษ ดาวเซิร์ชหาข้อมูลทางมือถือหาข่าวล่าสุดของภาสกร
อ่านฟีดข่าวในใจ “คุณภาสกร ทายาทสถานีโทรทัศน์ THAIKK ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Bangkok Bike จัดงานครบรอบ 4 ปี ที่สวนรถไฟ
ดาวตาวาวแทบเก็บอาการไม่อยู่ อยากโลดลิ่วไปงานภาสกร
ทางด้านภาสกรในชุดขี่จักรยานกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว หน้าตาแช่มชื่น มาดสุขุม
“4 ปีที่กลุ่ม Bangkok Bike รณรงค์ให้คนกรุงเทพหันมาขี่จักรยาน เรามีสมาชิกเพิ่มขึ้น ทางกรุงเทพมหานครก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างวันนี้ที่ปิดถนนให้พวกเราได้ปั่นจักรยาน”
ตุ่นกำลังเหล่เหล่านักปั่นจักรยานหนุ่ม
“หือ แต่ละคนงี้ ขาแน่นอย่างขากบ น่าแทะซะ” อีตุ่นซู้ดน้ำลายดังซี๊ด
ภาสกรยังึงให้สัมภาษณ์อยู่
“เราจะจัดกิจกรรมปั่นจักรยานวันไหนอีก ทางกลุ่มจะแจ้งให้ทราบครับ”
“ขอถามเรื่องความรักหน่อยค่ะ คุณภาสกรคบหาดูใจกับคุณปัญชลีมาหลายปีแล้ว จะมีข่าวดีเมื่อไหร่คะ” นักข่าวจอมเผือกถาม
“วันนี้วันปั่นจักรยาน เอาไว้วันลาเทนไทน์ค่อยตอบนะครับ”
ภาสกรยิ้ม เลี่ยงคำถามอย่างสุภาพ
ดาวคิดแผนหลอกทีมงานเพื่อหนีไปงานภาสกร นางคิดปราดเดียวก็บรรลุคำโกหก กดเปิดเสียงมือถือตัวเอง ทำทีว่ามีสายเข้า
แล้วทำเป็นรีบรับสาย “ฮัลโหล” นางแสร้งตกใจ “ดาวจะรีบไปค่ะ” แล้วโกหกทีมงานทันควัน “ทางคอนโดโทร.มา ห้องดาวโดนงัด ดาวต้องกลับไปดูค่ะ แล้วที่ต้องประชุม...”
“พี่จะบอกคุณปัญชลีให้ ดาวรีบไปเถอะ” ท็อปบอก
ดาวรีบลุกออกไป ทีมงานทุกคนเชื่อสนิท ยกเว้นแพรพรรณ สงสัยว่าดาวโกหกหรือเปล่า?
ดาวยิ้มเจ้าเล่ห์มากดลิฟต์ยืนรอ
“ฮึ หลอกง่ายกันทั้งทีม”
ปัญชลีออกจากลิฟต์มาพอดี ดาวผงะ เจอตัวแม่
ปัญชลีถามเสียงดุ “จะไปไหน เดี๋ยวจะประชุมแล้ว”
“คอนโดดาวถูกงัดค่ะ ทางคอนโดโทร.ตามให้กลับไปด่วน”
ท่าทีปัญชลีอ่อนลง ออกอาการเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ชั้นรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ปัญชลีมองเห็นใจ แล้วเดินเข้าฝ่ายรายการไป ดาวยิ้มเยาะมองตาม
“วางท่าว่าฉลาด โดนจ้องฉกแฟนยังไม่รู้ตัว”
ดาวแค่นหัวเราะเยาะหยันปัญชลี
ปัญชลีประชุมเครียดอยู่กับทีมงาน ช่วยกันคิดหาแขกรับเชิญรายการสดคืนนี้ แต่ไม่มีที่ถูกใจเอาเลย ปัญชลีจึงด่ายกเข่ง
“เงินเดือนทั้งทีมรวมกันเป็นแสน ทำงานไม่คุ้มค่า ช่วยคิดหาแขกรับเชิญไม่ได้ รายการชั้นไม่ได้ใช้แรงทำงานนะ ใช้สมอง”
ท็อปทนไม่ไหว ขอเถียงหน่อยเถอะ “พวกเราเสนอใครไป คุณปัญชลีก็ไม่เอานี่ครับ”
ปัญชลีโดนย้อนก็ปรี๊ด โมโหสุดขีด “ก็มันไม่น่าสนใจ ถ้าไม่เก่งจริง อย่าเถียงชั้น”
ในบรรยากาศมาคุนั้น ภาสุรีเดินเข้ามา ปัญชลีแปลกใจ ว่ามาทำไม
ภาสุรีบอกออกตัวขึ้นว่า “วันนี้ภาว่าง เลยมาประชุมด้วย”
“ห่วงว่าวันจันทร์นี้ คนสนิทไม่ได้จัดรายการสิภา” สองสาวเก่งเชือดเฉือนกัน
“ห่วงรายการมีปัญหาต่างหาก”
ภาสุรีมองหาเก้าอี้นั่ง ภานุรีบเลื่อนเก้าอี้ไปให้พี่สาวนั่ง
“ขอบใจมาก”
ภาสุรีไม่มีหลุดให้จับได้ว่าภานุเป็นน้องชาย ภานุกลับไปนั่งที่
ภาสุรีกระซิบแซว “เลียหัวหน้าเนอะ”
ภานุได้แต่ฮึดฮัด อยากเถียง แต่ทำไม่ได้
ปัญชลีนั่งเงียบ ไม่ประชุมต่อ ไม่พอใจที่ภาสุรีมาควบคุมการประชุมรายการของเธอ
ดาวนั่งแท็กซี่มาถึงงานของภาสกร กวาดตามองหาจนเจอ ดาวมองไปในงาน เห็นภาสกรกำลังคุยเฮฮากับเพื่อนนักปั่นจักรยาน ทุกคนใส่ชุดกีฬา
ดาวก้มมองสภาพตัวเอง
“แต่งตัวไม่เข้าพวก เข้าไปในงาน คุณภาสกรต้องสงสัย”
สาวนางหนึ่งวิ่งออกกำลังกายผ่านมา รูปร่างไล่เลี่ยกับดาว
“คุณคะ อยากแลกเสื้อผ้ากันมั้ยคะ”
พริบตาเท่านั้น ดาวอยู่ในชุดกีฬาของสาวคนนั้น แลกกับชุดแบรนด์เนมหรู เดินปร๋อเข้ามาในงาน เอาน้ำดื่มที่วางแจก แตะใบหน้าตัวเองให้ดูเหมือนเหงื่อออก ก่อนจะตรงมาหาภาสกร แล้วแสร้งทำเป็นแปลกใจที่เจอ
“คุณภาสกร สวัสดีค่ะ มีงานอะไรคะเนี่ย ดาวมาออกกำลังกาย เห็นคนเยอะ เลยมาดู”
ภาสกร นึกแป๊บหนึ่ง ถึงจำดาวได้ “ทีมงานของลี”
“ค่ะ” ดาวยิ้มปลื้ม ที่ภาสกรจำหล่อนได้
“งานครบรอบก่อตั้งกลุ่มจักรยานน่ะ”
ดาวมองไปทางหนึ่งเห็นศินีนาฏกับตุ่นกำลังเดินออกไปนอกบริเวณงาน
“คุณศินีนาฏอยู่กลุ่มจักรยานด้วยเหรอคะ”
“มาเป็นพิธีกรให้น่ะ ตามสบายนะ”
ภาสกรยิ้มให้ดาว แล้วผละไปคุยกับเพื่อนๆ นักปั่น ดาวหน้ามุ่ย ภาสกรไม่ได้สนใจหล่อนเลย ดาวมองศินีนาฏที่เดินอยู่ มีวิธีให้ภาสกรหันมาสนใจตัวเองมากกว่านี้
ศินีนาฏมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬาที่ตุ่นจัดมาให้ มองสุขาเคลื่อนที่ปากก็บ่น
“แคบน่าดู เปลี่ยนเสื้อผ้าลำบากตายเลย”
ศินีนาฏส่งกระเป๋าแบรนด์เนมให้ตุ่นถือ กระเป๋าเป็นแบบหูสั้น สะพายไหล่ไม่ได้ ตุ่นเลยต้องถือเอาศินีนาฏกำชับ
“ถือดีๆ ล่ะ ใบละหลายแสน”
ตุ่นดี๊ด๊า “อุ๊ยตาย เป็นวาสนามือนังตุ่น”
ศินีนาฏเข้าสุขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ดาวแอบดูจากมุมหนึ่ง
“จะกำจัดคุณศินีนาฏยังไงดี”
ตรงสุขากทม. ศินีนาฏแง้มประตู ถอดเสื้อยื่นมาให้ตุ่นถือ
“ห้ามทำยับ ตัวละหลายหมื่น”
“ฮ่า”
ตุ่นใช้สองมือถือเสื้อเหมือนเป็นไม้แขวน ศินีนาฏส่งกะโปรงมาให้ถืออีก
“จะถือยังไงล่ะเนี่ย”
ตุ่นตัดสินใจวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ด้านหลัง ถือแต่กะโปรงกับเสื้อ
ดาวเล็งอยู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาทันที รู้แล้ว จะกำจัดศินีนาฏได้ยังไง
ตุ่นยืนถือเสื้อผ้ารอศินีนาฏหน้าห้องสุขา ดาวค่อยๆ ย่องมาข้างหลัง ฉกกระเป๋าศินีนาฏไป โดยที่ตุ่นไม่เห็น
ดาวเดินมาไกลจากบริเวณงาน มองรอบๆ จนแน่ใจว่าปลอดคน จึงเอากระเป๋าสตางค์ออกจากกระเป๋าถือใบหรูของศินีนาฏ แล้วโยนกระเป๋าถือลงคูน้ำ ซึ่งน้ำไม่ลึกมาก ยังพอมองเห็นกระเป๋าอยู่
ระหว่างนี้ มีพนักงานกวาดสวนอยู่หลังต้นไม้อีกฝั่งของคูน้ำมองดาวอยู่ ดาวตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีคนเห็น
ฝ่ายศินีนาฏเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาเรียบร้อย ออกจากสุขา
“เสื้อผ้าคุณศินีนาฏไม่มีรอยยับซักรอยฮ่า”
“กระเป๋าถือล่ะ”
ตุ่นหันไปหยิบ แต่ต้องตะลึง เมื่อพบว่ากระเป๋าไม่อยู่บนเก้าอี้
“อ๊าย...กระเป๋าหาย” อีตุ่นกรี๊ดลั่นสวน
ตรงคูน้ำตอนนี้ ดาวส่งกระเป๋าสตางค์ศินีนาฏให้พนักงานกวาดสวน
“ชั้นยกให้ แต่ต้องห้ามบอกใครว่าชั้นเอากระเป๋าถือมาโยนทิ้ง”
พนักงานรับกระเป๋าสตางค์มา แต่เกิดเปลี่ยนใจ “ถึงชั้นจน แต่ไม่ใช่หัวขโมย ชั้นจะแจ้งหัวหน้าให้หาเจ้าของกระเป๋า”
ดาวขู่ “บนกระเป๋าสตางค์มีลายนิ้วมือเธอ เรื่องถึงตำรวจ เธอก็โดนจับ”
แววตาอันร้ายกาจ เจ้าเล่ห์เพทุบายที่มองมา ทำเอาพนักงานหน้าซีด กลัวความผิด
ภาสกรกับทุกคนในงานช่วยกันหากระเป๋าถือศินีนาฏยกใหญ่ ศินีนาฏน้ำตาคลอ เสียดายกระเป๋าจับใจ
“คุณภาสกรให้คนไปเฝ้าทางเข้าออกแล้ว หัวขโมยหนีออกไปไม่ได้หรอกฮ่ะ”
ดาวรอจังหวะ แล้วตีหน้าซื่อใส เดินเข้ามายังกลุ่มภาสกร ตุ่นหันไปเห็น
“อ้าวดาว วันนี้ไม่เข้าประชุม เดี๋ยวนังจิ้งจอกก็ไล่ออกหรอก”
“เข้าไปแล้วหาเรื่องออกมาค่ะ วันหยุด อยากพักผ่อน คุณศินีนาฏเป็นอะไรคะ ระดมคนหาอะไรกันอยู่”
เสียงชาย 1 เดินกลับเข้างานร้องบอก
“เจอแล้วครับ ดูลักษณะน่าจะใช่กระเป๋าถือที่หายไป”
ชาย 1 นำกระเป๋าถือที่ตนเก็บจากคูน้ำ ส่งคืนศินีนาฏ กระเป๋าอุ้มน้ำ พังแล้ว ศินีนาฏเศร้า
“คุณศินีนาฏมาทำงานให้ผม ผมจะซื้อใบใหม่ให้”
ศินีนาฏพยักหน้า ใจชื้นอยากได้ใบใหม่ แต่พอเปิดดูของในกระเป๋าก็ยิ่งแค้น
“คนที่ขโมยต้องเป็นพวกโลโซ ไม่รู้กระเป๋าถือใบเป็นแสน เอาแต่กระเป๋าสตางค์ไป”
“ดาวว่าต้องเป็นพนักงานในสวนค่ะ”
“มันจ้องขโมยอยู่แล้ว ตุ่นเผลอแผล๊บเดียว กระเป๋าหาย”
ดาวบิวท์ศินีนาฏให้ไป “ในกระเป๋าสตางค์มีบัตรประชาชนหรือเปล่าคะ ต้องรีบไปแจ้งความอายัดนะคะ คุณศินีนาฎเป็นคนมีชื่อเสียง ต้องโดนเอาบัตรประชาชนไปตุ้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน”
“ใช่ มีคนดังๆ โดนแอบอ้างมาหลายคนแล้ว” ตุ่นพยักพเยิด
“รีบไปแจ้งความเถอะครับ ทางนี้ผมแก้ปัญหาเอง” ภาสกรบอก
“งั้นศิไปนะคะ”
ศินีนาฏรีบไป เอากระเป๋าถือเน่าๆ เปียกน้ำ ไปด้วย ดาวลอบยิ้มแผนกำจัดศินีนาฏสำเร็จ
ภาสกรหันมาหาตุ่น “ตุ่น ไปเอาสคริปต์พิธีกรมา ต้องหาพิธีกรใหม่”
“เอ่อ ดาวพอช่วยได้ค่ะ สมัยเรียนมหา’ลัย ดาวเป็นพิธีกรงานคณะทุกงาน”
ดาวเสนอตัวช่วย ทำหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ตามเคย ประมาณว่าอยากช่วยจริง ๆ
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในห้องประชุมฝ่ายรายการตอนสายวันเดียวกันนี้ ปัญชลีกับภาสุรีเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด ทีมงาน อันมี แพรพรรณ ท็อป จอย และแอน นั่งตัวเกร็งกันไปหมด แม้แต่ภานุเองก็ยังสยอง
“ภาเป็นหัวหน้าฝ่ายรายการ มีสิทธิ์ล้วงลูกทุกรายการ”
“ลีสร้างรายการของตัวเองมา เพราะฉะนั้น ลีมีสิทธิ์ขาดในรายการของลี อ้อ วันจันทร์ที่จะถึง ศินีนาฏไม่ได้เป็นพิธีรายการกระแสข่าวเช้าแล้ว ลีไล่ออก”
“อยากจัดรายการคนเดียว ลีก็ต้องไปขออนุญาตคุณแม่ คุณแม่เป็นเจ้าของสถานี”
พอภาสุรีอ้างชื่อวิไลลักษณ์ขึ้นมา ปัญชลีก็เงียบชั่วขณะ ก่อนจะหุนหันออกไปเลย ทั้งห้องประชุมเงียบกริบ
ปัญชลีกลับเข้าห้องทำงาน โมโหถึงขีดสุด
“เป็นเจ้าของสถานีแล้วไง เราก็ทำงานให้ มีสิทธิ์มีเสียง”
ปัญชลีครุ่นคิดหนัก จะสู้ยังไงดีให้ชนะ
ทางฝ่ายดาวทำหน้าที่พิธีกร อย่างมาดมั่นและมั่นใจ ไม่มีอาการตื่นตระหนก
“ขอต้อบรับเข้าสู่งาน Anniversary 4 ปี กลุ่ม Bangkok Bike ค่า”
คนในงานปรบมือ ภาสกรมองชื่นชมท่าทางดาว เด็กคนนี้พูดจาฉะฉาน แถมข้อมูลยังเป๊ะ บ่งบอกว่าเธอรอบรู้ ไม่ก็ทำการบ้านมาดี
“กลุ่ม Bangkok Bike ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 กันยายน พศ. 2554 โดยคุณภาสกร เจ้าของสถานีโทรทัศน์ THAIKK วัตถุประสงค์ของกลุ่มก็คือ 1 รณรงค์ให้คนกรุงเทพฯหันมาขี่จักรยาน 2 ลดการใช้น้ำมัน และ 3 ลดโลกร้อน ดาวขอเพิ่มอีกข้อนะคะ การปั่นจักรยานช่วยลดขาอ้วนๆ ให้เรียวขึ้นด้วยค่ะ”
“งั้นตุ่นต้องปั่นจักรยานทุกวัน อยากขาเรียว”
คนในงานยิ้มกับลูกเล่นของดาว ภาสกรเองก็ยิ้มชอบใจ
ฟากปัญชลีเขียนข้อความโพสต์ลงในไอจี ของเธอว่า
“รายการกระแสข่าวเช้าจันทร์ที่จะถึงนี้ ลีต้องเหงา ขาดคนนั่งข้างๆ ศินีนาฏไปทำรายการช่องดิจิตอลของสถานี ขออวยพรให้รายการใหม่เรตติ้งดีนะจ๊ะศินีนาฏ ”
ภาสุรีเป็นคนนำประชุมแทนปัญชลี
“วันจันทร์ รายการกระแสข่าวเช้า ให้คงสคริปต์พิธีกร 2 คนไว้ คนที่สั่งให้เปลี่ยนรูปแบบรายการได้ คือชั้นคนเดียว”
เสียงมือถือแพรพรรณเตือน มีคนโพสต์ข้อความในไอจีที่เธอตามอยู่
แพรพรรณกระซิบบอกภานุ “คุณลีหนีไปโพสต์ไอจี” เมื่อเปิดอ่านถึงกับตกใจ “เฮ้ย”
ทั้งห้องประชุมหันมามองแพรพรรณเป็นตาเดียวกัน
“เอ่อ แพรอ่านไอจี คุณปัญชลีค่ะ”
“โพสต์ว่าอะไร เธอถึงตกใจ” ภานุซัก
แพรพรรณหน้าตาเหยเก ไม่กล้าพูด
ภาสุรีถามเสียงเข้ม
“ลีโพสต์ไอจี ว่าอะไร”
ภาสุรีได้อ่านไอจีแล้ว ตามมาเอาเรื่องปัญชลีที่ห้อง ขณะที่ปัญชลีเดินออกมาพอดี
“ลีทำไม่ถูก ใช้พื้นที่สื่อของตัวเอง หักหลังช่อง” ภาสุรีระเบิดใส่
“อ่านไอจี ลีแล้วซีนะคะ ช่องหักหลังลีก่อน ลีทำงานทุ่มกายถวายหัวให้ แต่ช่องกลับบังคับให้ลีร่วมงานกับคนไร้ประสิทธิภาพ”
ภาสุรีเหลืออด “ภาจะรายงานคุณแม่”
ปัญชลีไม่พอใจ ไม่นับถือ สวนกลับอย่างรุนแรง “ภาก็เป็นอีกคนที่ไร้ประสิทธิภาพ”
ภาสุรีเหวอ โดนปัญชลีด่าแสกหน้า
“อาศัยบารมีแม่ตัวเอง ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายรายการ วัดที่ความสามารถล้วนๆ ภาก็น่าจะรู้ตัวเองดีว่าควรอยู่จุดไหน”
ภาสุรีหน้าซีด ปากคอสั่น โดนคำพูดแทงใจดำ
“ทุกครั้งที่ฝ่ายรายการมีปัญหา ภาต้องไปให้ภาส หรือคุณแม่ช่วย เพราะลึกๆ ภาก็รู้ ตัวเองไม่มีความสามารถ ไม่มีบารมีพอให้ลูกน้องเคารพนับถือ”
ภาสุรีทนฟังต่อไม่ไหว หันหลังออกจากฝ่ายรายการไปเลย ปัญชลีไม่สลด ก็เธอพูดความจริง
ภาสุรีเซซังมาหยุดตรงมุมหนึ่งในช่อง หน้าเศร้า สะเทือนใจใหญ่หลวงกับคำพูดปัญชลี
“อาศัยบารมีแม่ตัวเอง ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายรายการ วัดที่ความสามารถล้วนๆ ภาก็น่าจะรู้ตัวเองดีว่าควรอยู่จุดไหน”
“ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้”
ภาสุรีร้องไห้
ทางด้านดาวกำลังสัมภาษณ์ภาสกรด้วยท่าทีสบายๆ ในบรรยากาศเขียวขจีของสวนสวย
“หลังจากงานวันนี้ คุณภาสกรมีโปรเจคท์อะไรอีกคะ”
“แพลนไว้ว่าจะจัดทริปปั่นจักรยานไปจังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพฯ ครับ ถือโอกาสไปเที่ยวกันด้วย”
“ล้อหมุนเมื่อไหร่ เรามาเจอะเจอกันอีกทีนะคะ วันนี้ขอบคุณมากค่า
คนในงานปรบมือให้ดาวกับภาสกร
“ดาวคล่องมาก อย่างกับพิธีกรมืออาชีพ” ภาสกรอดชมไม่ได้
“ดาวแค่มือสมัครเล่นค่ะ”
ตุ่นเดินแหวกหนุ่มๆ หน้าตาตื่นมารายงานภาสกร
“ทีมงานโทร.บอกตุ่น คุณภาสุรีกับคุณปัญชลีทะเลาะกันฮ่ะ”
“มีเรื่องอะไรอีก”
ภาสกรนิ่วหน้า อารมณ์ดีๆ อยู่ กลายเป็นเครียด
ภาสกรตรงมาขึ้นรถ รีบกลับไปสถานี ดาวกับตุ่นตามมาส่ง
“ดูแลแขกในงานด้วยนะตุ่น”
“คุณภาสกรไม่ต้องห่วงทางนี้ฮ่ะ”
ภาสกรยิ้มให้ดาว “ขอบใจที่เป็นพิธีกรให้ ค่าตัวพิธีกร” เขาหยิบซองเงินในรถให้ดาว
“ดาวยินดีช่วยคุณภาสกร ขอไม่รับค่าตัวค่ะ” ดาวยิ้มหวาน
“รับไปเถอะ ดาวสมควรได้”
ดาวรับซองเงินมา มองตามภาสกรขับรถออกไป ดาวปลื้มใจ อย่างน้อยวันนี้หล่อนก็ทำให้ภาสกรจำได้และเรียกชื่อ ดาว แล้ว
ทีมงานทั้งหมดรอแหงกอยู่หน้าห้องประชุม ทั้งปัญชลี และ ภาสุรี ยังไม่กลับมาประชุมซะที จอยร้อนใจ เอ่ยขึ้นว่า
“พี่ท็อปเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ไปเคาะห้องคุณปัญชลี ตกลงจะเอาใครมาสัมภาษณ์ จะได้รีบติดต่อ”
“ไม่ละ พี่ยังไม่อยากหัวขาด คุณปัญชลีอารมณ์ไม่ดี”
“ผมอาสาเองครับ” ภานุอาสา
แพรพรรณเหน็บ “เรื่องเข้าหาหัวหน้าเนี่ย ถนัดนะ ไหน อ้าปากสิ ลิ้นยาวกี่ฟุต”
ภานุประชดกลับซะเลย “รัดคอคุณหายใจไม่ออกได้แล้วกัน”
ภาสกรเดินเข้ามาพอดี ยังอยู่ในชุดปั่นจักรยานอันรัดรึง
“คุณปัญชลีอยู่ไหน”
“ในห้องทำงานค่ะ” แอนบอก
ภาสกรหน้าบึ้ง เดินผ่านทีมงานไป ทีมงานระทึก งานนี้ต้องมีเรื่อง !
ภาสกรเข้ามาในห้อง ปัญชลีเห็นสีหน้าบึ้งตึงของสามีก็รู้ว่า ภาสกรคงรู้เรื่องไอจีของตนแล้ว ทว่าปัญชลีเฉยเมย และไม่แคร์ มั่นใจว่าเธอทำถูกต้อง
“ลี คุณต้องโพสต์แก้ไอจีคุณ บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ศินีนาฏยังเป็นพิธีกรรายการกระแสนิวส์เช้านี้เหมือนเดิม”
“โพสต์ข้อมูลกลับไปกลับมา ลีก็หมดความน่าเชื่อถือซีคะ” เธอบอก ท่าทีนิ่งเฉย
“ลีทำไปโดยพละการ ลีต้องรับผิดชอบ”
“ภาสผิดแล้วค่ะ ลีคิดถี่ถ้วนแล้วถึงโพสต์ ลีไม่สามารถร่วมงานกับศินีนาฏได้ทางช่องไม่มีสิทธิ์บังคับลี”
ภาสกรเสียงแข็ง “โพสต์แก้ข้อมูลซะลี วันจันทร์คุณจะไม่ได้เป็นเด็กเลี้ยงแกะ เพราะศินีนาฏจะนั่ง
เป็นพิธีกรคู่กับคุณ”
สีหน้าและแววตาของภาสกรแข็งกร้าว คราวนี้เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้คนรัก ปัญชลีโมโหสุดขีด แทบไม่อยากมองหน้าภาสกร
ภาสกรกลับออกไป ไม่อยากคุยต่อให้ต้องทะเลาะกันไปมากกว่านี้
ขณะเดียวกันเก้กำลังวัดตัวลูกค้าสาว อยู่ที่ห้องเสื้อชุดวิวาห์อันเก๋ไก๋ของนาง
“เผื่อตรงเอวไว้หลวมๆ หน่อยนะคะคุณเก้ แบบว่า...อืม...” สาวเจ้าอึกอัก
เก้ยิ้ม รู้ทันที “กี่เดือนแล้วครับ”
สาวเขินใหญ่ “4 ค่ะ”
ปัญชลีโทร.มาหาเก้พอดี
เก้รับสาย “ครับพี่ลี”
ปัญชลียังอยู่ในห้องทำงาน โทร.ไประบายปัญหากับเก้
“คุณภาสเข้าข้างน้องสาวตัวเอง ไม่เห็นหัวพี่”
เก้หันไปบอกลูกน้อง “วัดตัวลูกค้าต่อที” แล้วเดินไปคุยสายกับปัญชลีที่หลังบ้าน “ทะเลาะอะไรกันอีกครับ”
“พี่ต้องการปลดศินีนาฏออกจากรายการ ครอบครัวคุณภาสรวมตัวกันตั้งกำแพงขวางพี่ ทำเหมือนพี่เป็นคนอื่น ศินีนาฏเป็นคนในครอบครัว”
“พี่ภาสบอกเหตุผลมั้ยครับ ทำไมถึงปกป้องคนอื่น”
“สั้นๆ เลยนะเก้ เด็กเส้น ศินีนาฏสนิทกับน้องสาว กับแม่คุณภาส เห็นชอบตามภาไปบ้าน ไปเอาใจแม่คุณภาส รู้ว่าตัวเองไม่เก่ง เลยใช้วิธีเลียเจ้าของช่อง ทุเรศ”
“พี่ลีกำลังโมโห ค่อยๆ ตั้งสติ คุยกันดีๆ พี่ลีมีเหตุผลอะไร ก็ชี้แจงให้ทางเค้าเข้าใจ” กะเทยแสนดีบอก
“ชี้แจงไปหลายรอบแล้ว คนทำงาน หรือ จะสู้คนเลียเก่ง น้องสาวคุณภาสชอบให้คนเลียซะด้วย คนไม่เก่งก็อย่างนี้แหละ ต้องการคนประจบ เสริมความมั่นใจยังไงพี่ก็ไม่ยอม สำหรับพี่ งานต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง”
แววตาปัญชลียามนี้แข็งกร้าว คนอย่างเธอ ไม่มีวันยอมลงให้ใคร ถ้าไม่ผิดจริง
ภาสุรีกลับบ้าน เวลานี้นั่งน้ำตาซึมอยู่ในโถงคฤหาสน์ เสียใจที่โดนปัญชลีดูถูกความสามารถ วิไลลักษณ์รู้เรื่องโกรธมาก
“แม่จะสั่งพักงานลี ลีหยามยัยภา”
โอภาสแม้จะเห็นด้วย แต่ก็ยึดถือหลักการ “ผมก็ไม่พอใจที่ลีพูดกับภา แต่สถานีมีกฎระเบียบ อยู่ๆ ไล่ใครออกไม่ได้”
ภาสุรีหน้าเศร้า “อันที่จริงลีก็พูดถูก ภาไม่ใช่คนเก่ง ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายรายการก็เพราะภาเป็นลูกคุณแม่”
วิไลลักษณ์ปลอบ “ใครดูถูกลูก ก็ไม่สำคัญเท่าลูกดูถูกตัวเอง แม่ไว้ใจภา ถึงเลือกภาคุมฝ่ายรายการ”
ภาสุรีพอยิ้มได้บ้าง “คุณแม่พูดให้ภาสบายใจ”
ภาสกรมาถึงวิไลลักษณ์ฉะทันที “แม่แฟนอวดดีของภาส ทำน้องสาวภาสร้องไห้”
“เจ้านุเล่าให้ผมฟัง ภาทะเลาะกับลี ภาเป็นยังไงมั่ง” ภาสกรหันมาหา มองห่วงน้อง
“น้องก็เสียใจน่ะสิ แม่ลีไม่เคยดีกับครอบครัวเรา กับภาสก็ใช่ว่าจะดีนักหนา แม่ถามหน่อยเถอะ ยังทู่ซี้อยู่กับแม่นั่นทำไม แม่ลีมีอะไรดี”
“คุณแม่ครับ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวสิครับ เรื่องจะยุ่งกันไปใหญ่”
“แม่บอกไว้เลยนะ แม่จะยอมรับปัญชลีเป็นลูกสะใภ้ก็ต่อเมื่อ ปัญชลีปรับปรุงนิสัย ขืนยังหัวแข็ง ทำตัวกร่าง ไม่ไว้หน้าใคร ก็อยู่กินกับภาสไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ แม่ไม่ยกย่องออกหน้าออกตา”
ภาสกรมองพ่อกะให้ช่วยพูดกับแม่ โอภาสเมิน ท่าทีเหมือนจะเคืองปัญชลีเหมือนกัน
ภาสกรหนีมานั่งกลุ้มอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน ปัญชลีมีปัญหากับครอบครัวเค้าไม่หยุดไม่หย่อน ภานุขี่บิ๊กไบค์กลับมาพอดี จอดรถแล้วลงมาคุยกับพี่ชายเรื่องปัญชลี
“พอพี่ภาสกลับไป พี่ลีก็ออกมาสั่งทีมงาน ให้เขียนสคริปต์รายการกระแสข่าวเช้าแบบมีพิธีกรคนเดียว”
“พี่ก็กะแล้ว ลีต้องทำอย่างนั้น
“แต่พวกเราก็เขียนเผื่อไว้อีกแบบครับ รอโยนหัวโยนก้อยวันจันทร์”
“รายการทีวีนะเจ้านุ ไม่ใช่เสี่ยงดวง”
วิไลลักษณ์ออกมาหาภานุ
“ตานุ เราเลิกไปทำงานกับแม่ลี ย้ายไปทำรายการอื่น แม่กลัวเราอยู่ใกล้แม่ลีมากๆ แล้วติดนิสัยกระด้างกระเดื่องของแม่ลีมา”
“ผมอยากเรียนรู้งานจากพี่ลีครับ อีกอย่าง ผมมีเพื่อนสนิทในรายการแล้วด้วย”
วิไลลักษณ์ฟังแล้วหวงลูกชาย “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงครับ ชื่อแพร นิสัยดี”
วิไลลักษณ์ค่อนขอด พร้อมกับตั้งป้อม “เจอกันแป๊บๆ สนิท ไม่น่าเป็นผู้หญิงดีซักเท่าไหร่ ผู้หญิงดี ต้องไว้ตัวไม่ถือสนิทกับผู้ชายง่ายๆ แม่ไม่เอาอย่างแฟนพี่ชายเรานะตานุ ลูกสะใภ้คนเล็กของแม่ต้องเรียบร้อย เชื่อฟังผู้ใหญ่ เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว”
ภาสกรกับภานุมองหน้ากัน เบื่อ ๆ แม่ ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวลูกเกินเหตุ
ด้านแพรพรรณโซ้ยข้าวมันไก่ มีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้าร้านมา เธอรีบซัดข้าวมันไก่ กินคำใหญ่ ให้หมดไวๆ แล้วลุกไปช่วยก้อยสับไก่
“แพรเองแม่” แพรพรรณจะจับไก่ต้มมาสับ
“ล้างมือก่อนลูก”
แพรพรรณวักน้ำในถังล้างมือลวกๆ สะบัดมือให้แห้ง ถกแขนเสื้อขึ้น สับไก่ ปั้กๆๆๆ หยิบไก่ใส่จานหลายจานอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว ให้ก้อยยกไปเสิร์ฟลูกค้า
แพรพรรณเปิดมือถือดูเบอร์ศรัณ อยากจะกดโทร.หา “วันนี้เพิ่งเจอกัน ไว้วันหลังค่อยโทร.”
แพรพรรณหักห้ามใจ แต่อดคิดถึงศรัณไม่ได้
ศรัณจอดรถรอดาวมาสักพักแล้ว ตัดสินใจดับเครื่อง ลงไปรอข้างรถ กดโทร.หา แต่ดาวไม่รับสาย
“ดาวทำอะไรอยู่ โทร.ไปก็ไม่รับ”
ศรัณชะเง้อมองเข้าไปในตึก มองหาดาว
สองสาวหนึ่งกะเทยอยู่ในห้องโถงบ้านสินีนาฏ ดาวยื่นซองเงินให้ศินีนาฏ หล่อนยังอยู่ในชุดกีฬาที่แลกด้วยเสื้อผ้าหรูของตัวเอง
“ค่าตัวพิธีกรวันนี้ค่ะ คุณภาสกรให้ดาว แต่ดาวคิดว่าควรเอามาให้คุณศินีนาฏเพราะคุณศินีนาฏเป็นพิธีกรตัวจริง”
ศินีนาฏรับซองเงินมา “ขอบใจที่เป็นพิธีกรขัดตาทัพให้”
“คุณภาสุรีส่งข่าวมาหรือยังฮะ วันจันทร์ยังจะให้คุณศินีนาฏไปจัดรายการมั้ย” ตุ่นถาม
“คุณภาสกรโทร.มาเองเลย บอกให้ไปจัดรายการตามเดิม”
ตุ่นชอบใจ “ต๊าย ผัวเมียฟัดกัน มันส์หยดติ๋งๆ”
“ถ้าคุณปัญชลีไม่ยอม วันจันทร์ รายการจะออกมาเป็นยังไงคะ”
“ก็มาลองวัดพลังกัน งานนี้ ใครใหญ่ ใครอยู่”
แววตาศินีนาฏแข็งกร้าว ไม่กลัวและไม่ยอมลงให้ปัญชลี
คืนนี้ปัญชลีหลบมานอนบ้านเก้ อ่านกระทู้บนเว็บไทยทอล์คจากไอแพด เก้นอนอ่านหนังสือแฟชั่นอยู่ข้างๆ
“ข่าวพี่กับศินีนาฏเริ่มเป็นประเด็น คนตั้งกระทู้ในเว็บ THAI TALK พิธีกรไม่กินเส้นกัน กระทู้นี้ว่าพี่ขี้โอ่ อวดดี”
เก้ไม่ให้ค่านัก “พวกนักเลงคีย์บอร์ดน่ะครับ รู้ไม่จริงแล้วเอามาวิพากษ์วิจารณ์”
ปัญชลีเครียดอยู่ดี “พี่จะไปชงชา เก้เอามั้ยจ๊ะ”
“ไม่ครับ”
ปัญชลีออกไป เก้เอาไอแพดปัญชลีมาอ่านกระทู้
เก้อ่านกระทู้ “ปัญชลี เผด็จการหญิงแห่งวงการทีวี” แล้วคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาในกระทู้ “เผด็จการหญิงผู้ยิ่งใหญ่ รอวันดับเพราะสันดานเสีย” เก้ชักโกรธ “ด่าแรงเกินไปแล้ว”
เก้พิมพ์ข้อความ โพสต์ความเห็นในกระทู้
เก้พิมพ์ลงช่องข้อความว่า “สังคมไทยขัดแย้งกันพอแล้ว อย่าสร้าง Hate Speech ให้เกิดความเกลียดชังในโลกออนไลน์อีกเลยครับ”
ที่แท้ตุ่นนั่นเองเป็นคนตั้งกระทู้ด่าปัญชลี ว่าเป็นเผด็จการหญิงแห่งวงการทีวี ตุ่นเห็นข้อความที่เก้โพสต์กลับในกระทู้ของตน ก็โต้กลับ สองตุ๊ดสองสไตล์โต้ตอบกันทางโลกออนไลน์
“คนนิสัยดี ใครเค้าจะเกลียด นี่แฟนคลับปัญชลีมาปกป้องสินะ สันดานคงไม่ดีเหมือนกัน คริคริ”
เก้ตอบว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล คำนี้เป็นจริงมาช้านาน ”
ตุ่นโต้กลับ “เหรอยะ อีผู้ดีตีนดำ ก่อนด่าคนอื่น พิจารณากำพืด ตัวเองก่อน แหมๆๆๆ ยกคำโบราณมาอ้างอิง แก่ใกล้จะลงโลงแล้วสิ ”
“โลงมันแคบ ไม่อยากลงไปนอนเบียดเจ้าของกระทู้ครับ”
กะเทยครับผม ออกจากกระทู้ อีตุ่นยัวะ
“อีเห็บไดโนเสาร์ เข้ามาด่าในกระทู้ชั้นแล้วหนีไปดื้อๆ”
ศรัณปักหลักรออยู่ที่ล็อบบี้คอนโด จนดาวกลับมา
“พี่ไปรับดาวที่สถานี ดาวไม่รับโทรศัพท์พี่”
“ดาวออกไปสัมภาษณ์กับพี่ทีมงานค่ะ ต้องปิดเสียงมือถือ” นางโกหกจนเป็นนิสัย
“เอ๊ะ ตอนออกไปดาวไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่จ๊ะ”
ดาวทำเป็นหงุดหงิดโมโห โกหกศรัณอีกว่า “ทางเขตทำงานแย่มาก ซ่อมท่อแล้วไม่ปิดทาง ดาวตกลงไปทั้งตัว เสื้อผ้าเลอะน้ำคลำไปหมด ดาวเลยทิ้งไปค่ะ”
“ทั้งชุดนั่นตั้งหลายหมื่นนะจ๊ะดาว” ศรัณเสียดาย ขายปลาตั้งกี่วัน
“ซักยังไงก็ไม่หมดกลิ่นค่ะ พี่ศรัณอยากให้ดาวใส่เสื้อผ้าเหม็นๆ เป็นที่น่ารังเกียจเหรอคะ”
ศรัณยิ้มแห้ง เสียดายตังค์มาก
“วันนี้ดาวเหนื๊อยเหนื่อย”
“พี่ได้สูตรน้ำปั่นมา ดื่มแล้วสดชื่น พี่ซื้อผลไม้มาแล้วด้วย”
ศรัณกุลีกุจอไปทำน้ำปั่นผลไม้ให้ ดาวมองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย อยากเลิกเต็มที ดาวเปิดดูข่าวภาสกรในมือถือ เห็นรูปภาสกรในอิริยาบถต่างๆ จากงาน Bangkok Bike วันนี้ และมีรูปดาวกำลังสัมภาษณ์ภาสกรด้วย ดาวยิ้มปลื้ม
พอดาวนึกได้ ก็โพล่งออกมา “ถ้าคุณปัญชลีเห็นข่าวล่ะ”
“มีข่าวอะไรนะจ๊ะดาว ทำเสียงหลงเชียว” ศรัณได้ยินไม่ถนัด
“ข่าวเจ้านายดาวน่ะค่ะ”
ดาวหน้าซีด หากปัญชลีจับได้ว่าหล่อนจ้องจับภาสกร ต้องโดนเล่นงานกระเจิงแน่
อ่านต่อตอนที่ 4