สื่อริษยา ตอนที่ 1
ที่ห้องส่งสถานีโทรทัศน์ THAIKK เช้าวันจันทร์ “ปัญชลี ศิริวัฒนชัย” พิธีกรเล่าข่าวชื่อดัง นั่งจัดรายการ “กระแส NEWS เช้านี้” ซึ่งออกอากาศสดอยู่เพียงคนเดียว ทั้งที่ปกติเธอจัดคู่กับคู่หู ศินีนาฏ ไม่ว่าสถานการณ์ไหน สีหน้าแววตาของเธอมั่นใจในตัวเองมาก
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม พบกับดิชั้นทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 7 โมงครึ่งถึง 9 โมงเช้า มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้าง ก็จะมาเล่าสู่กันฟัง”
ในจอทีวีขึ้นชื่อ “ปัญชลี ศิริวัฒนชัย พิธีกร”
ที่นั่งข้างๆ ปัญชลียังคงว่างอยู่ เธอบอกผู้ชมว่า “เก้าอี้ข้างๆ ดิชั้นยังว่าง คุณศินีนาฏ รถติด กำลังรีบเดินทางมาค่ะ แถวบ้านคุณผู้ชมรถติดมั้ย ส่ง SMS มาบอกกันได้นะคะ ที่เบอร์ 8998”
ตรงช่องข้อความด้านล่างของจอมีข้อความขึ้นทันทีว่า “ส่ง SMS เข้ารายการ ครั้งละ 3 บาท”
ภายในห้องคอนโทรล ซึ่งใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานทั้งหมด ทีมงานทำงานง่วนอยู่ ชาย 1 ชื่อท็อป สวมหูฟัง เพื่อคุยกับปัญชลี หญิง 1 ชื่อ แอน กดเลือก SMS ขึ้นหน้าจอ SMS จากผู้ชมเริ่มเข้ามา ส่วนใหญ่ล้วนชื่นชมปัญชลี
“นักข่าวขวัญใจมหาชนมาแล้ว” / “คุณปัญชลีทั้งสวยทั้งเก่ง รักจัง”
ส่วนในห้องส่ง ปัญชลีเล่าข่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“เปิดสัปดาห์มาด้วยข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก น้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปก ลดกำลังการผลิต คนไทยเตรียมจ่ายน้ำมันแพงได้เลยค่ะ ส่วนปัญหาบ่อขยะไฟไหม้ ที่ช่วงนี้เกิดขึ้นบ่อย เรามีสกู๊ป ปัญหาที่ทิ้งขยะในกรุงเทพฯ เพราะอะไร ถึงเกิดไฟไหม้ ไปชมกันค่ะ”
ในห้องคอนโทรล ชาย 1 ร้องสั่งงาน “เอา SMS ลง ตัดเข้าสกู๊ปข่าว”
สวิทเชอร์ตัดเข้าสกู๊ปข่าว ขึ้นหน้าจอหลักทันที
ในห้องส่ง พอตัดเข้าสกู๊ปข่าว ปัญชลีก็รีบร้อนถาม ตุ่น คอสตูมรายการ
“ศินีนาฏแต่งตัวเสร็จหรอยัง”
ตุ่นอึกอัก “เอ่อ..อ่า...อืม...”
ปัญชลีรู้ทันที “ยังมาไม่ถึงใช่มั้ย”
ตุ่นหน้าตาเหยเก กลัวโดนด่า “ฮะ ฮ่า ตุ่นโทร.ไปก็ไม่รับ”
ปัญชลีชักสีหน้า กดโทร.หาศินีนาฎทันที พออีกฝ่ายรับสายเธอกรอกเสียงถามทันที
“ศินีนาฏ เธออยู่ไหน”
การจราจรบนท้องถนนใกล้ๆ สถานีโทรทัศน์ THAIKK ตอนนี้ ติดหนัก ศินีนาฏอยู่ในรถของเธอ สีหน้าท่าทางเหมือนคนอยากจะบ้าตาย รถติดเป็นแพ ในเวลาที่หล่อนต้องรีบไปจัดรายการสด
ศินีนาฏคุยสายกับปัญชลีด้วยบลูทูธ “ไฟแดงหน้าก็ถึงแล้วค่ะ”
“นั่งมอเตอร์ไซค์มา เธอต้องมาถึงสถานี ภายใน 5 นาที”
ปัญชลีสั่งจบก็ตัดสายทันควัน
ศินีนาฏได้แต่โมโหปัญชลี
“เอะอะก็สั่ง คิดว่าเป็นเจ้าของรายการรึไง”
รถศินีนาฎอยู่เลนกลาง เธอพยายามเบียดรถเข้าเลนซ้ายสุด เพื่อหาที่จอดใกล้ๆ วินมอเตอร์ไซค์
ที่ห้องส่ง ปัญชลีกลับไปนั่งประจำเก้าอี้พิธีกร ใส่หูฟังเตรียมพร้อม
เสียงชาย 1 บอกคิวมาว่า “อีก 10 วินาที สกู๊ปจบครับ”
ปัญชลีรอคิว แล้วจัดรายการต่อในบุคลิกอันมาดมั่นระเหิดระหงดังเดิม
“การแก้ปัญหาไฟไหม้บ่อขยะ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เราควรคัดแยกขยะจากที่บ้าน ซึ่งถ้าทุกคนให้ความร่วมมือกรุงเทพมหานคร ก็จะไม่มีปัญหาขยะล้นเมือง พักกันซักครู่ค่ะ ช่วงหน้ากลับมาคุยข่าวกันต่อ”
ทันทีที่ห้องคอนโทรล ตัดเข้าโฆษณา
ปัญชลีหันไปสั่งตุ่น น้ำเสียงเข้ม “โทร.ตามศินีนาฏอีกทีสิ”
ตุ่นกดโทร.หาศินีนาฏทันควัน
ตรงหัวมุมทางเลี้ยวเข้าสถานี ศินีนาฏซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา จะถึงหน้าสถานีอยู่แล้ว มีสายโทร.เข้ามือถือ เธอรับสายด้วยน้ำเสียงรำคาญที่ถูกโทร.จิก
“ใกล้ถึงเหรอยังฮะ”
มอเตอร์ไซค์รับจ้างเจ้ากรรมจะเลี้ยวเข้าประตูช่องอยู่รอมร่อ ดันถูกรถเก๋งเบียด
ศินีนาฏร้อง “ว้าย”
ตุ่นอยู่ในห้องส่งได้ยินเสียงศินีนาฏร้องทางโทรศัพท์ ตามด้วยเสียงรถเบรกเอี๊ย กะเทยคอสตูมตกใจ พอฟังออกว่าศินีนาฏถูกรถชน!
“ตายแล้ว” นางร้องลั่นห้องส่ง
ปัญชลีเหลียวขวับมา “เป็นอะไร”
“คุณศินีนาฏโดนรถชนฮ่ะ”
ปัญชลีรีบถลามาหาตุ่น “ยังไง”
ตุ่นระล่ำระลักเล่า “คุณศินีนาฏบอกว่าอยู่บนมอเตอร์ไซค์ อยู่ๆ ตุ่นก็ได้ยินเสียงร้อง...ว้าย...แล้วก็ได้ยินเสียงรถเบรกดัง เอี๊ยด คุณศินีนาฏไม่น่านั่งมอเตอร์ไซค์มาเลย มันอันตราย”
ปัญชลีคิดปราดเดียวหันไปสั่งทีมงาน “โทร.ถามศินีนาฏ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
ท่าทีปัญชลีร้อนใจ เป็นห่วงศินีนาฏไม่น้อย เธอเดินฉับๆ ออกไปนอกห้องส่ง
ตุ่นค้อนควัก ด่างึมงำไล่ตามหลังปัญชลีไป “นังคนใจดำ ชั้นอยากเห็นแกตกต่ำ เอาพิธีกรคนไหนก็ได้มาทำแทนแก เพราะไม่มีใครนิสัยแย่กว่าแกอีกแล้ว”
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของนักเล่าข่าวหญิงเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย กับทีมงานจะไม่ค่อยดีนัก
ที่ห้องแต่งตัวภายในสตูดิโอ
ชุดพิธีกรของศินีนาฏแขวนอยู่บนราว มือเรียวสวยของใครคนหนึ่งยื่นมาหยิบชุดนั้น เจ้าของมือคือ หญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอเอาชุดพิธีกรทาบตัว ส่องกระจก แววตาเป็นประกายเจิดจ้า
ดาวพูดสคริปต์ข่าวอย่างคล่องแคล่ว ฉะฉาน “เมื่อวานแบงก์ชาติประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งสมาคมธุรกิจต่างๆ ก็ออกมาแสดงความเห็นด้วย”
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังมา บอกให้รู้ว่ามีคนกำลังมาห้องแต่งตัว หญิงสาวรีบแขวนเสื้อพิธีกรไว้ที่เดิม
เธอคือ ดารินกานต์ หรือ ดาว ซึ่งอยู่นุ่งกางเกงยีนส์เข้ารูป ดูออกว่าไม่ใช่พิธีกร ทีมงานรายการหญิง 2 เดินเข้ามาตามตัว
“ดาว มาอยู่ตรงนี้เอง พี่เดินหาซะทั่วเลย เข้าไปช่วยในห้องส่งเร็ว รายการออนแอร์เบรกนึงแล้ว” ทีมงานบอก
“ตายจริง ดาวลืมดูเวลา ขอโทษค่ะ”
“พี่น่ะไม่ว่าอะไรดาวหรอก ดาวเพิ่งมาทำงานได้เดือนเดียว ผิดพลาดได้ แต่คุณปัญชลีเคี่ยวมาก เค้าไม่ให้ดาวผ่านโปรง่ายๆ”
“งั้นดาวรีบไปหาคุณปัญชลีดีกว่าค่ะ”
ดาวรีบคว้าบัตรพนักงานมาคล้องคอ ออกไปกับหญิง 2 ดาวไม่ใช่พิธีกร เป็นแค่ทีมงานรายการฝ่ายข่าว
ฝ่ายปัญชลีอยู่หน้าห้องส่ง พยายามโทร.หาศินีนาฏ เป็นห่วงเพื่อนร่วมงานที่โดนรถชน
แต่โทร.เท่าไหร่ก็โทร.ไม่ติด “รับสายสิ ศินีนาฏ ขออย่าเป็นอะไรมากนะ”
สักครู่หนึ่งจึงเห็นศินีนาฏวิ่งกระหืดกระหอบมา ปัญชลีแปลกใจ
“ตุ่นบอกว่าเธอโดนรถชน แต่เธอไม่เห็นเป็นอะไร”
ปัญชลีมองจับผิด ว่าศินีนาฏโกหกว่ารถชนหรือเปล่า
“อยู่ๆ รถเก๋งก็มาเบียดมอ’ไซค์ค่ะ มอ’ไซค์ล้ม ดีที่ขับไม่เร็วทั้งคู่เลยไม่เป็นไรมาก แค่เข่าเจ็บ มือถือพัง”
ปัญชลีค่อน “เข่าเจ็บ แต่วิ่งปร๋อ”
ศินีนาฏรู้ว่าปัญชลีจ้องจับผิด เลยถกชายกะโปรงให้ดู พบว่าตรงหัวเข่ามีรอยช้ำ
“เธอไม่มาเลต ก็ไม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จนไปโดนรถเฉี่ยว”
ตุ่นออกมาจากข้างในห้องส่ง วี้ดว้ายทักเวอร์ตามจริตตุ๊ด
“อ๊าย คุณศินีนาฏ ดีใจจุงเบย แขนขาอยู่ครบ
ปัญชลีหันมาสั่งศินีนาฏ “ชั้นให้เวลาเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า 5 นาที”
ศินีนาฏกับตุ่นรีบวิ่งแจ้นไปทางห้องแต่งตัว ดาวกับทีมงานหญิง 2 เดินสวนมาจากทางห้องนั้นพอดี
ปัญชลีดุดาว “หายไปไหนมา”
“ดาวลืมดูเวลา ไม่รู้ว่ารายการเริ่มแล้วค่ะ” ดาวจ๋อย
“มาทำงานนะ ไม่ได้มาเดินเล่น”
ปัญชลีเข้าห้องส่งไปเลย ดาวหน้าเสีย สองสาวตามปัญชลีเข้าไปโดยไว
ตุ่น กำกับให้ช่างแต่งหน้าช่างทำผมจนแล้วเสร็จ สามคนช่วยกันมือเป็นระวิง เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ศินีนาฏอย่างเร่งด่วน
ศินีนาฏโมโหไม่หาย ตอแหลใส่สีอีกยกใหญ่ “พอนังจิ้งจอกเห็นหน้าชั้นน่ะ ด่ากราดอย่างกับปืนเอ็ม 16 ไม่ถามซักคำ เจ็บตรงไหนเหรอเปล่า”
ตุ่นแต่งตัวไปด่าไป ด้วยความโมโห “ใจดำ ห่วงแต่รายการตัวเอง รายการชั้นต้องเป๊ะ คนอื่นจะเละก็ช่าง”
ดาวเข้ามาตามศินีนาฏในจังหวะชุลมุนนี้
“คุณปัญชลีให้มาตามค่ะ จะเข้าเบรก 2 แล้ว”
“ไปบอกนังจิ้งจอก รีบนัก ก็จัดรายการไปคนเดียวเลย” ศินีนาฏบอก
ดาวทำหน้าเป็นงง “อืม...ทำไมถึงเรียกคุณปัญชลีว่า อ่า...จิ้งจอกคะ”
“ก็สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ กัดกินเหยื่ออย่างโหดร้าย มีใครบ้างไม่เคยโดนปัญชลี กัด ทึ้ง แทะ” ตุ่นว่า
ดาวพยักหน้ารับรู้ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญชลี
ดาวกลับเข้าห้องส่ง เห็นปัญชลีกำลังอ่านทบทวนข่าว ดาวลอบมองปัญชลีเหมือนไม่ชอบหน้า ผู้หญิงคนนี้หยิ่งมาก ไม่เห็นหัวใคร ร้ายกาจน่าดู
ปัญชลีรู้สึกตัวว่าถูกมอง เงยหน้าขึ้น เห็นดาวจ้องมา เลยเล่นงานซะเลย
“ว่างรึไง ยืนเฉย ไปหยิบสคริปต์มาเตรียมให้ศินีนาฏ”
ดาวรีบรุดไปเอาสคริปต์ข่าวปึกใหญ่ไปวางไว้ให้ศินีนาฏ
ปัญชลีตำหนิดาวอีกดอก “ทำงานมาเกือบเดือนแล้ว ยังต้องให้คอยสั่ง เป็นผู้กำกับเวที ต้องทำ
อะไรบ้าง”
“ดาวจะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ”
“รายการชั้นมาตรฐานสูง คนไหนความสามารถไม่ถึง ชั้นไม่ให้ผ่านโปร”
ดาวหน้าเจื่อน ปัญชลีมองมายังดาวด้วยสายตาเย็นชา ไม่แคร์ความรู้สึกลูกน้อง ระหว่างนี้ศินีนาฏเดินแกมวิ่งเข้าห้องส่ง รีบไปนั่งข้างปัญชลี
ศินีนาฏดูสคริปต์ข่าวปึกใหญ่แล้วบ่น “ทำไมวันๆ ข่าวมันถึงเยอะอย่างนี้นะ”
ปัญชลีส่ายหน้า ระอาศินีนาฏ ไม่เคยมาอ่านสคริปต์ข่าวก่อนเริ่มรายการ
ดาวสวมหูฟัง คุมสเตจแจ้งคิว “อีก 5 วิ เข้าเบรก 2 ค่ะ...5 4 3 2...”
ศินีนาฏฉีกยิ้มสดใสให้กล้อง ไหว้ผู้ชม “สวัสดีค่า ต้องขอโทษคุณผู้ชมด้วยนะคะที่มาช้า ต้องฝ่าฟันการจราจรอันแสนสาหัสมาค่ะ ดิชั้นเจอเรื่องหวาดเสียวด้วยค่ะคุณปัญชลี มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ดิชั้นนั่งมา โดนเฉี่ยวค่ะ”
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” ปัญชลีไถ่ถาม
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ หายห่วง” ศินีนาฏหันไปเล่าข่าว “อ่ะ เรามาเล่าข่าวกันเลยนะคะ ช่วงนี้ไม่มีเรื่องไหนฮอตสุดๆ พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เท่าเรื่องนี้อีกแล้ว” แต่ดันจำสคริปต์ข่าวไม่ได้ ก้มอ่าน “อ่า...”
ปัญชลีใช้ไหวพริบพูดต่อให้ “คลิปหลุดนางเอกหนังค่ะ”
ดาวลอบสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างปัญชลีกับศินีนาฏ ดูออกว่าสองคนไม่เข้าขากัน
“ใช่ค่ะ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ชมคลิปนะคะ ดิชั้นจะเล่าให้ฟัง ในวิดีโอคลิปเนี่ย เป็นนางเอกสาวชื่อดังกับดาราหนุ่ม”
ปัญชลีแก้ให้ “ไม่ใช่ดาราหนุ่มค่ะ เป็นเจ้าของธุรกิจความงาม”
“ช่วงนี้คลิปหลุดเยอะ สับสนไปหมดค่ะ” ศินีนาฏหัวเราะแก้เก้อ ตอแหล แถไปได้ “คลิปนางเอกหนัง กับ หนุ่มใหญ่ เจ้าของธุรกิจความงามพันล้าน พลอดรักกันริมชายหาดที่หัวหิน ถูกมือดีแอบถ่าย”
ปัญชลียิ้มอารมณ์ดี “คุณศินีนาฏจำคลิปสลับแล้วล่ะค่ะ เป็นชายหาดที่พัทยา ไม่ใช่หัวหิน”
ศินีนาฏเล่าข่าวผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ยังยิ้ม ตีหน้ามึนไป
ปัญชลีคุมสติพยายามเก็บอาการไม่พอใจศินีนาฏ
ปัญชลีหน้าตาบึ้งตึง เดินนำศินีนาฎเข้ามาในห้องแต่งตัว
“จะคุยอะไรกับศิเหรอคะคุณปัญชลี”
ปัญชลีตำหนิศินีนาฏทันที “ตั้งแต่เธอเริ่มดัง มีงานอีเว้นท์เยอะ ก็เอาเวลาไปรับงานนอก ไม่ใส่ใจงานประจำ เมื่อคืนชั้นเช็คกับน้องนักข่าว เธอไปเป็นพิธีกรงานอีเว้นท์เลิกดึก วันนี้เลยมาสาย”
“ศิขอโทษค่ะ ต่อไปจะไม่มาสายอีกแล้ว”
“คำพูดเธอมันไร้ราคา ชั้นเห็นเธอก็มาสายเหมือนเดิมทุกที ศินีนาฏ เธอมาจัดรายการเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้าย เดือนหน้าไม่ต้องมา ชั้นปลดเธอออกจากรายการ”
ศินีนาฏตะลึงตะไล “อะไรนะคะ”
“ชั้นหยิบยื่นโอกาสให้เธอ แต่เธอกลับทำลายโอกาสของตัวเอง อนาคตในวงการทีวีของเธอ จบแล้ว”
ปัญชลีหน้าตึงออกไป
“นังจิ้งจอกบ้าอำนาจ”
ศินีนาฏแค้นใจปัญชลีมาก
พนักงานพาปัญชลีมาพบชาวบ้านที่มาร้องเรียนความเดือดร้อน และรออยู่ในห้องรับรอง เช้านี้ปัญชลีมีเรื่องกับศินีนาฏ สีหน้าจึงค่อนข้างหงุดหงิด
“พวกเรามาจากชุมชมหลังบ่อขยะ มาขอบคุณคุณปัญชลีที่ทำข่าวให้ ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยแก้ปัญหากลิ่นเหม็นแล้วครับ” ชายชาวบ้านเอ่ยขึ้น
ปัญชลีอารมณ์ดีขึ้นมา ยิ้มแย้มให้พวกชาวบ้าน “เป็นหน้าที่ของดิชั้นค่ะ สื่อมวลชนต้องรับใช้สังคม”
บรรยากาศชื่นมื่นเอาการ ปัญชลีรับมอบช่อดอกไม้จากตัวแทนชาวบ้าน พนักงานถ่ายรูปเก็บไว้
หลังได้รับช่อดอกไม้จากชาวบ้าน ปัญชลีอัพโหลดรูปลง อินสตาแกรมส่วนตัว
ไอจีของปัญชลี มีคนฟอลโลว์ หลายแสน ปัญชลีเลือกรูปดูดีตอนรับช่อดอกไม้จากชาวบ้าน เขียนบรรยายประกอบว่า
“ชาวบ้านมาขอบคุณที่ช่วยทำข่าวปัญหากลิ่นขยะในชุมชน เป็นความภูมิใจของสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่ได้ช่วยคนเดือดร้อนค่ะ”
ไม่นานนัก แฟนคลับของปัญชลีจากทุกสารทิศต่างพากันเข้ามาคอนเมนท์
มุมโต๊ะทำงานเล็กๆ ในออฟฟิศแห่งหนึ่ง สาวออฟฟิศ เขียนลง ไอจีปัญชลีว่า “สวยเสมอ น่ารักที่สุด”
ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักศึกษาหญิง เขียนลง IG ปัญชลีว่า “เยี่ยมค่า”
ที่ร้านกาแฟ ผู้ชายวัยทำงาน ก็เป็นแฟนคลับปัญชลี เข้าไปกดไลค์ ใส่รูปการ์ตูนยกนิ้วให้ปัญชลี
ปัญชลียังอยู่ในห้องรับรองแขกสถานี อ่านคอมเม้นท์ ที่แฟนคลับชมกลับมาในไอจี ด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
รายการ กระแส NEWS เช้านี้ เลิกแล้ว ไม่มีใครเหลืออยู่ในห้องส่ง มีแต่ดาวเก็บสคริปต์ข่าวบนโพเดียม ดาวลงนั่งหลังโพเดียม วางท่าเหมือนเป็นพิธีกรข่าว แววตาเป็นประกายเจิดจ้า
“วันนึง...ชั้นจะต้องมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ให้ได้”
ดาวลงนั่งที่เก้าอี้ศินีนาฏ ความรู้สึกกริ่งเกรงบารมีโดยประหลาด ทำให้เธอไม่กล้านั่งเอ้ากี้ปัญชลี
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)
หลังจากนั้น ดาวออกมายืนรอใครบางคนอยู่หน้าตึก สุดท้ายกดโทร.ถาม
“ใกล้ถึงหรือยังคะ ดาวมารอหน้าตึกแล้วนะคะ”
ระหว่างนี้ดาวเห็นแพรพรรณ อดีตเพื่อนซี้สมัยเรียนมหาลัยออกมาจากตึก
“เดี๋ยวเจอกันนะคะ” ดาววางสาย หันมาทักทายแพรพรรณ “แพร ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ ทำอะไรมาน่ะ ได้ข่าวล่าสุดว่า แพรโดนให้ออกจากงาน” ดาวยิ้มเยาะ
แพรพรรณพูดกวนใส่ดาว “ขอบคุณที่ฟอลโลว์แพรนะ เป็นแฟนคลับก็ไม่บอก”
ดาวหน้าตึง โดนย้อนเข้าให้
“โปรดักชันเฮ้าส์ที่ทำอยู่ เจ๊งน่ะ เห็นช่อง THAIKK รับคนเลยมาเขียนใบสมัครงาน ดาวล่ะ ได้เป็นผู้ประกาศข่าวอย่างที่ฝันไว้หรือยัง”
“เฝ้าหน้าดูทีวีไว้นะ อีกไม่นานหรอก”
เป็น ศรัณ ที่ขับรถมาจอดหน้าตึก แพรพรรณดีใจมากได้เจอเขา แววตาแพรพรรณที่มองศรัณ มีความหมายลึกซึ้ง ด้วยศรัณเป็นรักแรกของแพรพรรณ
ศรัณลงรถ ยิ้มทัก “แพร ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง สบายดีมั้ย”
“สบายดีค่ะ แล้วพี่ศรัณล่ะคะ”
“ทำงานหนักเหมือนเดิมน่ะ” ศรัณหันมาทางดาว “พี่มาธุระที่กรุงเทพฯ แม่พี่ฝากนี่มาให้ดาวจ้ะ พี่ต้องรีบไป มีธุระต่อ แค่แวะเอาของมาให้ดาว” ศรัณหันกลับมาทางแพรพรรณ “แพร ทำงานที่นี่หรอ”
ดาวตอบเองว่า “แพรเค้ามาสมัครงานค่ะ แพรเอารถมาหรือเปล่า ให้พี่ศรัณไปส่งได้นะ”
“พี่ไปส่งแพรเอง จะได้คุยกัน แต่ขอพี่แวะทำธุระก่อน แป๊บเดียว”
แพรพรรณยิ้ม “ได้ค่ะ”
“พี่ไปก่อนนะจ๊ะดาว ไว้จะมาหาใหม่”
ศรัณกลับขึ้นรถ
ดาวขยับมาใกล้กระซิบข้างหูแพรพรรณ “ฝากปลาย่างไว้กับแมวแป๊บนึง หวังว่าแมวจะทำตัวดี ไม่ขโมยปลาย่างไปกิน”
แพรพรรณไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จึงหนีขึ้นรถ ศรัณขับรถออกไป
ดาวหันกลับเอาปลาหมึกแห้งที่ศรัณเอามาให้ ไปให้ยามหน้าตึก
“ที่บ้านเอาของมาให้ เอาไปกินนะคะ”
ดาวยิ้มเป็นกันเองกับยาม ทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีเหลือหลาย แล้วเดินนวยนาดเข้าตึกไป
ทางด้านศรัณขับรถมาส่งแพรพรรณถึงที่หน้าบ้าน เขาจอดรถริมรั้ว บ้านแพรพรรณเป็นร้านข้าวมันไก่
“พี่ไม่เข้าไปนะแพร รีบกลับต่างจังหวัด” เขาบอก
“ดีนะคะ มีงานทำที่บ้าน ไม่ต้องแย่งอากาศหายใจกับคนกรุงเทพฯ ปกติพี่ศรัณเข้ากรุงเทพฯบ่อยมั้ยคะ”
“ขึ้นล่องเป็นว่าเล่นเลยจ้ะ มาหาดาว” ศรัณเผลอพูดความรู้สึก “คิดถึงเค้าน่ะ”
แพรพรรณอึ้ง เก็บอาการไม่มิด หน้าเศร้า ศรัณรู้สึกผิดต่อแพรพรรณ ด้วยรู้มาตลอดว่าว่าเธอชอบเขา แต่เขากลับไปชอบดาว
“ไว้แพรไปเที่ยวบ้านพี่ที่สมุทรสงครามนะ พี่จะพาไปกินผัดฉ่าที่ดอนหอยหลอด”
“ค่ะ ขอบคุณพี่ศรัณนะคะที่มาส่ง”
แพรพรรณลงจากรถ ศรัณยิ้มลา แล้วขับรถไป แพรพรรณยืนซึม มองตามรถศรัณไปจนกระทั่งลับสายตา
การได้เจอศรัณวันนี้ ทำให้แพรพรรณหวนนึกถึงอดีตสมัยเรียนมหาวิทยาลัยขึ้นมา
โดยในตอนนั้น แพรพรรณเดินขึ้นตึกเรียนคณะนิเทศฯ ทว่าพื้นลื่นจนเธอเสียหลักลื่นล้ม หนังสือเรียนเอย กระเป๋า และเครื่องเขียน หล่นกระจาย เพื่อนนักศึกษาที่อยู่แถวนั้น ไม่มีใครมาช่วยเลย แพรพรรณลุกต้องยันตัวขึ้นก้มเก็บของเอง
จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งยื่นมาช่วยเก็บของ แพรพรรณเงยหน้าดูเจ้าของมือ พบว่าเป็นผู้ชายหน้าตี๋ หล่อเหลา แพรพรรณปิ๊งศรัณตั้งแต่วินาทีนั้น จ้องมองหน้าหล่อๆ ตรงหน้าไม่วางตา
ศรัณยิ้มอารมณ์ดี “หน้าพี่มีอะไรติดเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ” แพรพรรณออกอาการเขินอย่างเห็นได้ชัด
“ทีหลังเดินระวังนะ พื้นตรงนี้ลื่น พี่ไปเรียนก่อน”
ศรัณแยกไป แพรพรรณมองตาม แววตาฝัน ผู้ชายแสนดีคนนี้หล่อจัง
ระหว่างนี้ ดาวเดินตรงมาหาแพรพรรณ เห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองตามศรัณ ดาวเลยแซว
“มองตาเป็นมันเชียวนะแพร เค้าชื่อพี่ศรัณ อยู่ปี 2 คณะเดียวกันเรา”
“ท่าทางนิสัยดี พี่เค้ามีแฟนหรือยังน่ะดาว”
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่า ฮอตมาก... สาวชอบเพียบ ดาวอักษรก็แอบเล็ง” ดาวสาธยายสรรพคุณศรัณ
“ไม่แน่ พี่เค้าอาจชอบสาวแปลกอย่างเราก็ได้นะ”
“จ้า เอาใจช่วยเพื่อนนะจ๊ะ ไปเรียนกันเถอะ”
แพรพรรณยิ้มกับดาว สองสาวเดินไปด้วยกัน
อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้น แพรพรรณเดินตามหาดาวจนทั่วคณะแต่ไม่เจอ จึงหันมาถามกับเพื่อนนักศึกษาที่นั่งอยู่หน้าตึก
“เห็นดาวมั้ย”
“คู่นี้ ไม่ยอมห่างกันเลยนะ เมื่อกี้เห็นดาวนั่งอยู่ตรงนู้นน่ะแพร”
แพรพรรณเดินไปหาดาว
แพรพรรณเดินมาเห็นดาวนั่งอ่านหนังสือเรียน ขณะกำลังจะเข้าไปหา เธอพบว่าศรัณซื้อน้ำมาให้ดาว แล้วลงนั่งกับดาว ทั้งสองคนมองตากันหวานฉ่ำ ศรัณจับมือดาว
ไม่ต้องได้ยินว่าคุยอะไรกัน แพรพรรณก็รู้ ว่าดาวกับศรัณเป็นแฟนกัน
แพรพรรณน้ำตาซึม ถูกดาวฉกผู้ชายที่เธอชอบไปแล้ว
แพรพรรณยืนเหม่ออยู่ที่หน้าร้านข้าวมันไก่ นึกถึงอดีตสมัยเรียนแล้วเศร้าใจ ถูกเพื่อนรักแย่งคนที่
รักไป ทั้งๆ ที่รู้
“ดาวก็รู้ เรารักแรกพบพี่ศรัณ ดาวก็ยังคบกับเค้า”
แม่แพรพรรณออกมาหาลูกสาว “ยืนทำอะไรลูก เข้าร้าน”
แพรพรรณสลัดความเศร้าทิ้ง ยิ้มร่าเริงให้แม่ แล้วเข้าร้านไปด้วยกัน
หน้าห้องทำงานส่วนตัวอันโอ่อ่า เห็นป้าย “หัวหน้าฝ่ายรายการ” มีเลขาส่วนตัวนั่งทำงานหน้าห้อง
เจ้าของห้องคือ ภาสุรี เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของสถานี และรวบตึงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายรายการด้วย ภาสุรีกำลังคุยงานกับลูกน้องฝ่ายรายการอยู่ในห้อง
“ปรับรูปแบบแล้ว เรตติ้งไม่กระเตื้อง นัดประชุมทีมงานเบรนสตอร์ม คิดรูปแบบใหม่”
“ค่ะคุณภาสุรี
ลูกน้องออกจากห้องไป เลขาพาศินีนาฏเข้ามา
“คุณภาคะ พิธีกรร่วมศิแผลงฤทธิ์อีกแล้วค่ะ” ภาสุรี นี่เอง คือแบ็คดีที่ศินีนาฏอวดโอ้กับใครต่อใครในช่อง
ภาสุรีทำหน้าตาเบื่อหน่าย “คราวนี้เค้ามีปัญหากับใครอีกล่ะ”
“กับศิค่ะ คุณปัญชลีจะปลดศิจากรายการกระแสนิวส์เช้านี้ เดือนหน้าไม่ให้ศิมาจัดแล้ว”
“ลีไม่อำนาจปลดพิธีกร ศิอยู่เฉยๆ ชั้นจะเคลียร์กับลีเอง”
สีหน้าภาสุรีเคร่งขรึม ดูออกว่าไม่พอใจกรกระทำของปัญชลี
ศินีนาฏยิ้มออก มีแบ็คดีระดับหัวหน้าฝ่าย ปัญชลีก็ปัญชลีเถอะ
ปัญชลีอยู่ในร้านอาหารหรู บรรยากาศดี ทานข้าวอิ่มแล้ว จ่ายค่าอาหารเสร็จ มีแฟนคลับแม่ลูกที่รอท่าอยู่ มาขอถ่ายรูป
“น้องภูดูรายการคุณปัญชลีทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ชอบคุณปัญชลีมากเลยค่ะ”
ปัญชลีเพียงยิ้มบางๆ ให้เด็ก เธอไม่ใช่นางงาม ไม่ได้พิศวาสเด็กนัก แต่ไม่ได้รังเกียจ
“ขอน้องภูถ่ายรูปคู่คุณปัญชลีนะคะ”
“ได้ค่ะ”
ถึงไม่รักเด็กนัก ปัญชลีก็ยิ้มเอ็นดู กอดเด็กให้คนแม่ถ่ายรูป
ปัญชลีบอกกับเด็กว่า “ตั้งใจเรียนนะครับ”
แม่ลูกได้รูปเป็นที่ระลึกสมใจแล้ว ปัญชลียิ้มลา กลับออกไป
อีกฟากดาวมากินข้าวเที่ยงกับพี่ๆ ทีมงาน ที่ฝากท้องของสาวหนุ่มฝ่ายรายการคือร้านข้าวแกงข้างสถานี
“ดูคลิปเวอร์ชั่นใหม่ของเมียหลวงหนุ่มใหญ่นั่นหรอยัง” แอนเอ่ยขึ้น
“หนุ่มใหญ่ไหน” จอยงงยังไม่ดู
“ก็เจ้าของธุรกิจความงาม ที่รวยเป็นพันๆ ล้าน ที่อีนางเอกแย่งเค้ามาจากเมียหลวงไง”
“มีมาใหม่อีกแล้วเหรอคะ คลิปอันเก่า เมียหลวงเพิ่งโหลดลงเมื่อวานซีน แชร์กันสนั่นเน็ต” ดาวขอแจม
“เวอร์ชั่นล่าสุด ด่าอีนางเอกแบบ แซบเวอร์”
ว่าแล้ว แอนก็เปิดคลิปให้ดาวกับจอยดู
ในคลิป เมียหลวงหน้าตาเหี้ยม ด่าอีเมียน้อยยับ
“หน้าตาก็สวย เป็นถึงนางเอกหนัง ไม่มีปัญญาหาผัวเอง เที่ยวแย่งผัวชาวบ้าน แกมุดหัวหลบนักข่าวอยู่ในรูอย่างนี้น่ะดีแล้ว เพราะถ้าแกเสนอหน้าสเตมเซลส์ของแกมาให้ชั้นเห็นเมื่อไหร่ล่ะก็ ชั้นจะตบให้สเตมเซลล์แตกตัว”
ดูคลิปจบหมดเท่านี้ แอนกับจอยยิ้มสะใจ เข้าข้างเมียหลวงเต็มสตรีม
“อีพวกเมียน้อยต้องเจอเมียหลวงจัดเต็มแบบนี้” จอยบอก
แอนเสริมว่า “ชั้นว่ายัยนางเอกนั่นไม่เลิกหรอก ผู้ชายรวย ต้องจับให้อยู่มือ”
“ผู้หญิงบางคนนี่ไร้ศักดิ์ศรีจังนะคะ” ดาวเอ่ยขึ้น
“เพื่อเงิน ทำได้ทุกอย่างแหละ ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยว” จอยขยับลุกขอตัว
“ชั้นไปด้วย”
พอแอนกับจอยลุกไป ดาวจึงพูดความรู้สึกแท้จริงออกมา
“ของแบบนี้ ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง คุมคนของตัวเองไม่อยู่ แล้วโทษผู้หญิงอีกคน”
ดาวหยิบมือถือจอย มาเปิดดูคลิปเมียหลวงอีกรอบ แล้วเบ้ปาก ไม่ชอบเมียหลวงประเภทนี้ เอาแต่โทษเมียน้อย ไม่มองความผิดของตัวเอง
อีกฟากที่ประเทศสิงคโปร์
วันนี้มีงานแฟร์ที่สถานีโทรทัศน์ต่างๆ จากหลายประเทศ นำรายการมาเสนอขายลิขสิทธิ์ งานนี้จึงมีทั้งคนทำสื่อทั้งในเอเชีย และตะวันตกมาออกบูธ เพื่อเสนอขาย และซื้อลิขสิทธิ์รายการ หนึ่งในนั้นมีกลุ่มของ พ่อ แม่ ลูกชาย 3 ผู้บริหารเจ้าของช่อง THAIKK โอภาส วิไลลักษณ์ และ ภาสกร เดินชมบูธสถานีต่างๆ แต่ยังไม่เจอรายการที่สนใจ
กลุ่มภาสกรเดินมาเจอสื่อมวลชนไทยคนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณภาสกร คุณวิไลลักษณ์ คุณโอภาส มาเลือกซื้อรายการเหรอครับ”
“ค่ะ แต่ยังไม่เจอรายการไหนโดดเด่นน่าสนใจ ส่วนใหญ่เป็นรายการที่เคยเห็นมาแล้วทั้งนั้น” วิไลลักษณ์ยิ้มให้
“ตามสบายนะครับ”
ชาย 1 ยิ้มตอบ แล้วแยกไป
โอภาสเอ่ยขึ้น “ตอนนี้รายการประกวดร้องเพลงกำลังฮิต เราน่าซื้อลิขสิทธิ์ไปซักรายการนะ”
วิไลลักษณ์แย้ง “เลียนแบบต่างประเทศทำไมล่ะค่ะ คิดเองดีกว่า”
โอภาสเกรงใจภรรยา จึงไม่แย้งอีก
“ในทัศนะผม การซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย รายการที่ฮิตในเมืองนอก โอกาสที่จะฮิตในเมืองไทยก็มีสูง ในมุมกลับกัน ก็อาจไม่ต้องรสนิยมคนไทย” ภาสกรว่า
“ภาสสนใจจะซื้อลิขสิทธิ์รายการอะไร แล้วแต่ภาสเลยลูก พ่อกับแม่เชื่อการตัดสินใจของภาส”
ภาสกรครุ่นคิด นัยน์ตาฉายแววฉลาดหลักแหลม
ภาสกรลงนามเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์รายการจากผู้ผลิตสาวฝรั่ง หนุ่มหล่อเจรจาเป็นภาษษอังกฤษกับคู่ค้าคล่องปรื๋อ
“ปีหน้า ผมจะเริ่มเอารายการทีวีของสถานีผมมาขาย ลองมาดูนะครับ เผื่อจะสนใจซื้อ”
“เราไม่เคยซื้อลิขสิทธิ์รายการจากเอเชีย”
“เอเชียกำลังจะเป็นศูนย์กลางของโลก ทั้งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ชาวตะวันตกต้องอยากเรียนรู้พวกเราชาวเอเชียมากขึ้น จะมีอะไรดีไปกว่า การเรียนรู้วัฒนธรรมจากความบันเทิงล่ะครับ”
สาวฝรั่งมองภาสกรอย่างชื่นชมความคิดความอ่านชายชาวเอเชียผู้นี้
โอภาสกับวิไลลักษณ์อมยิ้ม หันมองหน้ากัน
“ดูแม่สาวฝรั่งตาสีน้ำข้าวนี่สิคะ จ้องลูกชายเราตาไม่กะพริบ”
สายปัญชลีจากเมืองไทยโทร.มาหาภาสกรในจังหวะนี้
ภาสกรยิ้มขณะรับสายปัญชลี “ผมกำลังเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์อยู่จ้ะลี”
วิไลลักษณ์หูผึ่ง แฟนลูกชายที่เธอไม่ใคร่พิศวาสโทร.มา
ปัญชลีอยู่ในห้องส่งช่อง คุยสายกับภาสกรที่อยู่สิงคโปร์
“งั้นเดี๋ยวลีโทรไปใหม่ค่ะ” แต่ไม่ทันวางสาย ก็ได้ยินสาวฝรั่งทางโทรศัพท์
“แถวนี้มีร้านอาหารฝรั่งเศสระดับ 5 ดาวมิชลิน อยากลองไปทานมั้ยคะคุณภาสกร”
ภาสกรรู้ว่าสาวฝรั่งนางนี้สนใจตน แต่เขาไม่อาจรับไมตรีได้
“ผมมีธุระต่อ ขอโทษด้วยครับ อย่าเพิ่งวางนะลี” เขาออกตัวกับสาวฝรั่ง “ขอตัวนะครับ”
ภาสกร วิไลลักษณ์ และ โอภาส เช็คแฮนด์กับสาวฝรั่ง แล้วออกจากบูธไป
ภาสกรมายืนคุยสายกับปัญชลีต่อตรงหน้าบูธ
“คุยได้แล้วจ้ะ”
ปัญชลีเย้าภาสกร “ได้ยินนะคะ มีสาวมาชวนไปทานอาหารฝรั่งเศสอยากไปทานอาหารกับสาวก็ได้นะคะ ลีอนุมัติ”
“ต้องขอบายล่ะจ้ะ ผมมอบหัวใจให้ผู้หญิงไทยดวงตาสีดำขลับไปหมดแล้ว”
วิไลลักษณ์ทำหน้าปูเลี่ยน ลูกชายรักแฟนซะเหลือเกิน
“เมื่อไหร่ผู้หญิงไทยคนนั้น จะยอมเป็นภรรยาผมนะ”
“เข้าเรื่องแต่งงานอีกแล้ว ลีบอกภาสแล้วไงคะ ลียังไม่พร้อม ยังสนุกกับงาน ลีต้องไปประชุมแล้ว แค่นี้นะคะ”
ภาสกรวางสายพร้อมปัญชลี เขาเซ็งเล็กน้อย แย็บเรื่องแต่งงานทีไร ปัญชลีบอกปัดไม่ไยดีทุกที
วิไลลักษณ์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงแดกดัน “ตาภาสนะตาภาส เราน่ะ จะหาแฟนนางงามจักรวาลยังได้ ผู้หญิงคนไหนไม่อยากแต่งงานด้วย ก็ลอยแพไปซี่”
“คุณวิไลลักษณ์ ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้ว ให้ลูกตัดสินใจเรื่องชีวิตคู่เองเถอะ” โอภาสว่า
วิไลลักษณ์ค้อนควักโอภาส ที่ปกป้องลูกชาย
ภาสกรยิ้มขอบคุณพ่อที่ช่วยปรามแม่
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)
อีกฟากหนึ่ง ผืนทะเลของจังหวัดสมุทรสงครามกว้างสุดตาเบื้องหน้า ระยิบระยับต้องแดดยามบ่าย แลเห็นกระชังปลากลางทะเล เป็นกระชังขนาดย่อม ซึ่งเลี้ยงปลาทะเล ทั้งปลากะพง ปลาทับทิบ และ ปลาทู
กลุ่มชาวประมงกำลังช้อนปลาขึ้นเรือหางยาว เพื่อเอาไปขายที่ฝั่ง ชายหนุ่มแต่งตัวดี ผิดแผกจากชาวประมงคนอื่น ยืนคุมงาน
เป็น ศรัณ ที่ลงเรือหางยาว นั่งกลับเข้าฝั่งกับชาวประมง พร้อมกับปลาเต็มเรือ
บรรยากาศของสะพานปลาดูวุ่นวาย คึกคัก พ่อค้าแม่ขายมาเลือกซื้อปลาสดๆ ที่ชาวประมงเพิ่งเอาขึ้นจากทะเล
ศรัณกับชาวประมงจอดเรือหางยาวเทียบท่า ช่วยกันขนปลาขึ้นจากเรือ ศรัณขายปลาให้พ่อค้าแม่ค้า รับเงินสดๆ มือเป็นระวิง
ไม่นานศรัณขายปลาหมด นับเงินได้เป็นหมื่นๆ บาท
ถัดมา ศรัณขับรถกระบะคู่ใจจากสะพานปลา กลับมาออฟฟิศเล็กๆ ของเขา ในสมุทรสงครามนั่นเอง
เป็นออฟฟิศสไตล์ต่างจังหวัด เรียบง่าย ไม่หรูหรา ศรัณเข้ามาในนั้น กลิ่นคาวปลาติดเสื้อผ้า ลูกสาวตัวน้อยของพนักงานเหม็น ยกมืออุดจมูก
“เหม็นอานักใช่มั้ยคะ”
ศรัณแกล้งไปกอดเด็กผู้หญิง มาฟัดอย่างเอ็นดู
“นี่แน่ะ เอาให้กลิ่นปลาติดตัวเลย” เขากอดฟัดเด็กจนหนำใจถึงปล่อย หันไปส่งเงินที่ขายปลาได้ให้พนักงาน “เอาเงินค่าปลาลงบัญชี”
พนักงาน 1 แซว “เมื่อไหร่จะมีของตัวเองคะคุณศรัณ ชอบยืมลูกคนอื่นไปฟัด”
“ว่าที่แม่ของลูก ไม่ยอมแต่งงานด้วยซะทีครับ”
“มีแฟนแสนดีอย่างเนี้ย แล้วยังใจแข็งอีกเนอะ”
ศรัณยิ้มๆ ไม่พูดอะไรถึงแฟนสาวอีก
พนักงานหญิง 2 เข้ามา
“ไปเคลียร์เงินค่าปลาที่ร้านอาหารมาแล้วนะคะ คุณศรัณคะ เด็กเสิร์พที่ร้านคุยกัน แม่คุณดาวโดนรถเฉี่ยวค่ะ”
ศรัณตกใจ “น้าพรเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้เป็นหนักหรือเปล่าค่ะ เห็นว่าตำรวจที่ป้อมพาไปส่งโรงพยาบาล”
ศรัณรีบโทร.หาดาว
มองจากมุมบนลงมา ห้องทำงานฝ่ายรายการข่าว แบ่งเป็นล็อคๆ
ตรงมุมโต๊ะทำงานดาว เต็มไปด้วยหนังสือ ดาวเป็นนักอ่าน ชอบใฝ่หาความรู้ เวลานี้กำลังอ่านหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ ด้วยเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ ดาวกำลังเก็บของใส่กระเป๋า จะไปข้างนอก โทรศัพท์มือถือดาวสายเข้า
“ฮัลโหล”
เป็นสายจากศรัณ สองคนคุยสายกัน
“ดาวจ๋า อย่าเพิ่งตกใจนะจ๊ะ พี่ยังไม่รู้ข่าวแน่นอน แม่ดาวอาจไม่เป็นอะไรมาก น้าพรโดนรถชน”
“แม่”
“ดาวรีบกลับบ้านมาดูแม่นะจ๊ะ”
“ดาวกำลังจะออกไปทำข่าวค่ะ พี่ๆ ทีมงานก็ไปออกทำข่าวกันหมด ไม่มีใครไปแทนดาว ทำยังไงดี”
“งั้นพี่ไปดูน้าพรที่โรงพยาบาลก่อน ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ดาวก็ไม่ต้องมา”
“พี่ศรัณรีบโทร.มาบอกดาวนะคะ”
ดาววางสาย สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เป็นห่วงแม่
ที่อาคารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ดาวมาทำข่าวที่อาคารแห่งนี้ ขณะดาวจอดรถ ศรัณโทร.มาพอดี
ดาวรีบรับสาย “แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในสมุทรสงคราม ศรัณอยู่กับสมพร แม่ดาวตรงหน้าห้องตรวจ สมพรตรวจเสร็จแล้ว ศรัณคุยสายกับดาว
“น้าพรมีแผลที่ขานิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก หมอให้กลับบ้านได้ ดาวไม่ต้องมาแล้วจ้ะ”
“ดาวฝากแม่ด้วยนะคะพี่ศรัณ”
“จ้ะ ดาวคุยกับน้าพรนะ”
สมพรรับมือถือมาคุยกับดาว “แม่ไม่เป็นไรลูก ดาวทำงานเถอะ”
ดาวมักทำน้ำเสียงไม่ดีกับแม่ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แค่นี้นะคะ” แล้ววางสายไปเลย
สมพรหน้าเจื่อน โดนลูกสาวพูดจาไม่ดีใส่
“น้าพรเป็นอะไรครับ ดาวคุยอะไรน้าพร”
สมพรยิ้มกลบเกลื่อน “ดาวเค้าขอให้น้าหายเร็วๆ จ้ะ” สมพรส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ศรัณ
“น้าพรเดินมั้ยไหวครับ ให้ผมไปเอารถเข็นมามั้ย”
“ไหวลูก”
สมพรเดินกะเผลกๆ ได้ศรัณช่วยประคองไป
ที่สถานี THAIKK ตอนเย็น
ปัญชลีประชุมทีมงานรายการ “ถามตรงกับปัญชลี” ซึ่งเป็นรายการสัมภาษณ์สดคืนนี้ มาถึงช่วงสุดท้าย
“รายการคืนนี้ ห้ามไม่ให้เมียหลวงกับเมียน้อยเจอกันเป็นอันขาด ชั้นไม่อยากให้มีเรื่องในรายการ”
“เราเชิญแขกที่เห็นต่างกัน มาเถียงในรายการบ่อยๆ นี่ครับ” ท็อปเสนอ
ปัญชลีท้วง “มันคนละกรณี แขกรับเชิญคนก่อนๆ เห็นต่างกันทางประเด็นสังคม โต้แย้งกันเพื่อให้ได้ข้อสรุป แต่นี่เป็นความขัดแย้งส่วนตัว เมียหลวงประกาศกร้าวในคลิปจะตบเมียน้อย เราเป็นสื่อ ต้องหลีกเลี่ยง ไม่ยัดเยียดความรุนแรงให้สังคม”
“แล้วจะสัมภาษณ์ยังไงคะ” ออยถาม
“แยกกันสัมภาษณ์ แบ่งกันดูแลแขกรับเชิญ จอย คอยดูเมียหลวงไว้”
ดาวอยากทำงานนี้ “ดาวจะดูเมียน้อยให้ค่ะ”
ปัญชลีบอก “ชั้นยังไม่ไว้ใจเธอ กลัวเธอต้องทำรายการชั้นพัง แอน คอยดูเมียน้อยไว้ ให้อยู่คนละห้องกับเมียหลวง ตุ่น หาเสื้อผ้าให้นางเอกหนังกับเมียหลวงไว้ด้วย”
“ฮ่ะ”
“ชั้นอีเมลประเด็นคำถามรายการคืนนี้ไปให้ ใครอยากเพิ่มเติม หรือมีความเห็นยังไงบ้าง”
“ดาวอยากให้เพิ่มคำถามเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเพศค่ะ การที่ผู้หญิง 2 คน ทะเลาะกันเพราะผู้ชาย แสดงถึงสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่”
ปัญชลีดุดาว “เธอตีหัวข้อรายการไม่แตก ชั้นไม่ได้สัมภาษณ์ประเด็นสิทธิสตรี ชั้นจะเอาความจริงมาตีแผ่ ให้ผู้หญิง 2 คน ได้ชี้แจงกับสังคม ก่อนจะเสนออะไร คิดให้ถี่ถ้วน เธอเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้วนะดาว”
ดาวหน้าเจื่อน เสนอ หรือทำ พูดอะไรไป ปัญชลีก็ไม่ชอบหมดสิ้น คนทั้งประชุมมองด้วยความเห็นใจดาว โดยเฉพาะตุ่น
ถัดมา ตุ่นแวะมาด่าปัญชลีให้ศินีนาฏกับก๊วนกะเทยช่างหน้า ช่างผม บรรดาขาเมาท์จอมเผือกฟังในห้องแต่งตัว
“ตุ่นล่ะสงสารชะนีน้อย โดนนังจิ้งจอกหักหน้ากลางที่ประชุม”
“เจ๊ไม่ออกหน้ารับแทนดาวล่ะ” กะเทย 1
“อีบร้า ชั้นมีผัวอ้าปากรอเงินอยู่ นังจิ้งจอกอเปหิทีมงานออกหลายคนแล้ว ชั้นไม่อยากตกงาน ดูสิ ขนาดคุณศินีนาฏยังโดน”
ศินีนาฏคุยโต “นังจิ้งจอกปลดชั้นจากรายการไม่ได้ง่ายๆ หรอก ชั้นมีแบ็คดี”
“เอาคืนนังจิ้งจอกให้กลายเป็นนังจิ้งจก เหยียบให้แบนแต๊ดแต๋เลยฮ่ะ ตุ่นต้องไปเอาชุดพิธีกรแล้ว นัดทางร้านไว้”
“คืนนี้แขกรับเชิญเป็นใคร” ศินีนาฏถาม
“อีนังนางเอกเมียน้อยที่โดนคลิปฉาวฮ่ะ นังจิ้งจอกยังเชิญอีเมียหลวงมาออกรายการด้วยนะฮะ”
“ไม่ตบกันตายเหรอ เห็นเมียหลวงประกาศในคลิป เจอเมียน้อยที่ไหน ตบที่นั่น”
“นังจิ้งจอกจับแยกสัมภาษณ์ฮ่ะ ให้ไปคนละครึ่งรายการ เพื่อความปลอดภัยของหนังหน้าอีนางเอก”
ศินีนาฏยิ้มมุมปาก หน้าตาร้ายกาจ มีแผนเอาคืนปัญชลี
ขณะที่ปัญชลีนอนหลับในห้องพักผ่อนส่วนตัว ที่สถานีจัดให้ ดาวเข้ามาปลุกปัญชลี มองห้องนอนที่ตกแต่งอย่างสวย แล้วอิจฉาปัญชลีคิดในใจ
“อภิสิทธิ์จริ๊ง พิธีกรช่องมีเป็นสิบ ปัญชลีได้ห้องพักผ่อนส่วนตัวอยู่คนเดียว”
นาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือ ปลุกปัญชลีจนตื่น
“ทีมงานมากันครบแล้วค่ะ”
“ชั้นล้างหน้าล้างตาแล้วจะไป”
ดาวยอ “ดาวไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนทุ่มเทให้งานเท่าคุณปัญชลี จัดรายการสดทั้งตอนเช้า ตอนกลางคืน ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เป็น Working Women ตัวจริง”
ปัญชลีเฉยๆ ไม่บ้ายอ “อยากทำงานให้เก่งได้ครึ่งของชั้น ก็ต้องขวนขวายกว่าที่เธอเป็นอยู่ร้อยเท่า”
ปัญชลีลุกไปเข้าห้องน้ำ ดาวเบ้ปาก หมั่นไส้ปัญชลีสุดจะประมาณ
คืนนี้ ปัญชลีจัดรายการสด ชื่อรายการ “ถามตรงกับปัญชลี” โดยเป็นพิธีกรคนเดียว ทีมงานกำลังเตรียมออนแอร์สด ปัญชลีอ่านทบทวนคำถาม มีดาวยืนรอฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ ปัญชลีไม่สนใจดาวเลย
แอน หนึ่งในทีมงาน พานางเอกหนังคนสวยเข้ามาหาปัญชลี แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณคุณปัญชลีมากนะคะที่ให้โอกาสดิชั้นพูด”
“คนทำผิดกฎหมายยังมีสิทธิ์สู้คดี คุณก็มีสิทธิ์ชี้แจงสังคมค่ะ”
แอนเอาไวร์เลสมาติดให้นางเอก
ปัญชลีไปหาจอย กระซิบถาม “เมียหลวงล่ะ”
“เก็บตัวอยู่ในห้องรับรองค่ะ”
ปัญชลีกำชับ “ระหว่างชั้นสัมภาษณ์นางเอกหนัง ห้ามไม่ให้เมียหลวงเข้ามาในห้องส่งเด็ดขาด”
“ค่ะ”
“แล้วใครชงกาแฟไปให้เมียหลวงหรือยัง”
เมียหลวงถูกสินีนาฏที่แอบเข้ามาเป่าหู ก็ร้องโวยวายลั่นห้องรับรองที่ทีมงานเตรียมไว้
“อะไรนะคะ คุณปัญชลีให้อีนางเอกนั่นสัมภาษณ์ก่อน”
“ดิชั้นเห็นว่าทำไม่ถูก เลยแอบมาบอกคุณค่ะ คุณห้ามบอกใครนะคะว่าดิชั้นเอามาบอก ดิชั้นไม่อยากมีปัญหากับปัญชลี”
“ได้ค่ะ ดิชั้นจะไม่พูด”
ดาวเดินมาที่หน้าห้องรับรอง ดาวหน้าบูดบึ้ง โกรธปัญชลีถูกใช้ให้เอากาแฟมาให้เมียหลวง
“นังจิ้งจอกบ้าอำนาจ จิกใช้เราอย่างกับคนใช้”
ส่วนในห้องรับรอง ศินีนาฏยุส่ง
“ปัญชลีไม่แฟร์กับคุณ อะไรกัน ให้เมียน้อยพูดก่อน ไม่ให้เกียรติคนเป็นเมียหลวง”
“รอหลังเลิกรายการก่อนเถอะ ดิชั้นจะไปดักตบอีนังเมียน้อยที่รถ”
“ผู้หญิงเลวๆ พรรณนั้น ต้องประจานออกทีวีค่ะ ตบมันหน้ากล้องเลย” ศินีนาฏเสี้ยม
เมียหลวงลังเล “จะดีเหรอคะ”
“ครอบครัวคุณมีความสุขอยู่ดีๆ ก็โดนนังนั่นฉกสามีไปกก ลูกๆ คุณต้องขาดพ่อ คุณเป็นฝ่ายโดนกระทำ ต่อให้คุณยิงนังเมียน้อยนั่นกลางเวที คนทั่วประเทศก็ให้อภัยค่ะ”
เมียหลวงครุ่นคิด จะทำตามคำแนะนำศินีนาฏดีมั้ย ศินีนาฏยิ้มร้าย
ดาวหยุดแอบฟังศินีนาฏยุยงเมียหลวงอยู่หน้าห้อง ดาวยิ้มกริ่ม รู้ทัน ศินีนาฏมีแผนอะไร
ปัญชลีกำลังจะสัมภาษณ์นางเอกหนัง ตุ่นตรวจเช็คเสื้อผ้านางเอกให้เรียบร้อย ข้างหลังฉากมีชื่อรายการ “ถามตรงกับปัญชลี”
ดาวทำหน้าที่คุมสเตจ “จะออนแอร์แล้วค่ะเจ๊ตุ่น”
ตุ่นที่ดูแลชุด หน้า ผม อยู่รีบออกจากฉาก
ดาวให้คิว “5 4 3 2 ...”
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม รายการถามตรงกับปัญชลีคืนนี้ จะเจาะประเด็นคลิปฉาวของนางเอกท่านนึง ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นมือที่สามครอบครัวนักธุรกิจชื่อดังคุณนริสรา อยู่กับดิชั้นตรงนี้แล้วค่ะ กระแสข่าวแรงมาก ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างคะ”
“ยังแข็งแรงดีค่ะ เพราะดิชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แล้วคลิปที่ภรรยาหลวงเจ้าของธุรกิจความงามชื่อดัง ปล่อยออกมาล่ะคะ”
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ วันนั้นดิชั้นไปเที่ยวพัทยากับครอบครัว บังเอิญเจอสามีเค้า ซึ่งดิชั้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คลินิกเค้าอยู่แล้ว เราก็คุยตามประสาคนรู้จัก”
เสียงเมียหลวงแผดขึ้นมาดังก้องห้องส่ง “อีตอแหล”
ปัญชลีตกใจที่เห็นเมียหลวงบุกขึ้นเวทีอย่างอุกอาจ และเปิดฉากด่านางเอก
“แกแอบนัดผัวชั้นไปซั่ม”
ปัญชลีคุมสติ “คุณคะ ออกไปก่อนค่ะ ยังไม่ถึงคิวสัมภาษณ์คุณ”
“ดิชั้นไปแน่ แต่ขอสั่งสอนอีหน้าวัว ที่แย่งผัวดิชั้นก่อน”
เมียหลวงตบหน้าเมียน้อยฉาดใหญ่ ปัญชลีเหวอ เกิดเรื่องไม่คาดฝันกลางรายการสด!
แฟนรายการเห็นการ ตบสดของเมียน้อยเมียหลวง กันทั้งประเทศ
ลูกค้าในร้านอาหารดูรายการถามตรงกับปัญชลี ทุกคนอึ้ง เมียหลวงกำลังตบเมียน้อยในรายการ
ภาสุรีหัวหน้าฝ่ายรายการคุยอยู่กับเลขา โดยเปิดทีวีทิ้งไว้ ภาสุรีตกใจมาก ด้วยในจอทีวียามนี้ แขกรับเชิญโดนตบออกอากาศสด
ท็อปที่อยู่ในห้องคอนโทรลร้องขึ้น “ตัดจบรายการ”
สวิทเชอร์ตัดจบรายการ ถามตรงกับปัญชลี ขึ้นรูปดอกไม้แทน
ในห้องส่งเริ่มอลหม่าน เมียหลวงจับตัวเมียน้อยไว้ ไม่ให้หนีลงเวที ปัญชลีพยายามควบคุมสถานการณ์
ตุ่นแอบถ่ายคลิป โดยไม่มีใครเห็น แต่ละคนดูแต่เหตุการณ์วุ่นวายไม่คิดจะเข้าช่วย
ปัญชลีบอกกับเมียหลวง “คุณต้องให้โอกาสอีกฝ่ายพูดนะคะ ทุกคนมีสิทธิ์ชี้แจง”
“อีนี่ไม่มีสิทธิ์ มันเป็นเมียน้อย”
เมียหลวงจิกผมเมียน้อยจนหน้าแหงนหงาย แล้วตบสองฉาด ซ้ายขวา
เมียน้อยสู้ถวายหัว ทุ่มเก้าอี้ใส่เมียหลวง แต่เมียหลวงไหวพริบเลิศหลบทัน เก้าอี้ไปโดนฉากหลัง พัง!
“เล่นของหนักหรอ”
เมียหลวงแค้นดันโต๊ะไปให้กระแทกเมียน้อย แต่เมียน้อยหลบ โต๊ะล้ม แก้วน้ำบนโต๊ะตกแตกกระจายเจือน
ปัญชลีร้องห้ามสุดเสียง “หยุดนะคะ ทั้งคู่เลย”
แต่เมียหลวงเมียน้อยไม่หยุด ยังตบตีกันนัว ไม่แคร์สื่อ ท็อปกับช่างแต่งหน้าเข้ามาดูเหตุการณ์ ไม่มีใครกล้าจับเมียหลวงเมียน้อยแยกกัน ปล่อยให้ปัญชลีรับหน้าเสื่อไปคนเดียว
“คุณไม่หยุด ดิชั้นต้องจับพวกคุณออกไป”
“ก็ลองดูซี่”
เมียหลวงผลักปัญชลีล้มก้นจ้ำเบ้า
“ว้าย” ดาวตกใจแต่ยิ้มขำ
ตุ่นยิ้มร่า สะใจสุดๆ
ปัญชลีแผดเสียงใส่ทีมงาน “จะยืนเฉยกันอีกนานมั้ย”
ทุกคนช่วยกันจับเมียหลวงออกไป เมียหลวงดิ้นพราดๆ อยากตบอีเมียน้อยอีกให้หนำใจ
ปัญชลีมองสภาพรายการ ถ่ายต่อไม่ได้ ฉากพัง เละไปหมด
ภาสุรีหัวหน้าฝ่ายรายการ เรียกทีมงานปัญชลีมาสอบสวนเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในห้องส่งเมื่อกี้
“ใครเป็นคนดูแลแขกรับเชิญ”
“จอยค่ะ จอยบอกภรรยาหลวงให้รอในห้อง ถึงคิวสัมภาษณ์ จะมาตาม ไม่รู้ทำไมถึงเข้ามาในห้องส่งก่อนเวลา” จอยอธิบาย
“เค้าอ้างว่าไปเอาของที่รถ เห็นรถนางเอกหนัง จำได้ รู้ว่านางเอกมาถ่ายรายการก็เลยมาเล่นงานครับ” ท็อปว่า
ปัญชลีแทรกขึ้น “ในฐานะโปรดิวเซอร์ ลีขอรับผิดชอบแทนลูกน้อง”
ภาสุรีชักสีหน้าไม่พอใจ “คุมลูกน้องให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้นอีก”
ปัญชลีเสียหน้า โดนตำหนิต่อหน้าลูกน้อง ดาวอมยิ้มสมน้ำหน้าและ สะใจที่ปัญชลีโดนพูดหักหน้าเสียบ้าง
ปัญชลีกลับเข้าห้องทำงานพร้อมความโมโห ตำหนิลูกน้องเรียงตัว
“ท็อป เราเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ควรสั่งตัดจบรายการทันทีที่เมียหลวงบุกเข้าฉาก ไม่ใช่ปล่อยภาพหลุดไปตั้งหลายวินาที”
ท็อปจ๋อย “ผมตกใจ ทำอะไรไม่ถูกน่ะครับ”
ปัญชลีเฉ่งจอย “ชั้นสั่งให้เฝ้าเมียหลวงไว้ แต่กลับให้เมียหลวงเข้ามาในห้องส่ง”
จอยหน้าซีด
ปัญชลีหันมาด่าดาว “คุมอยู่ข้างเวทีแท้ๆ ปล่อยให้เมียหลวงบุกขึ้นเวทีง่ายๆ”
“ดาวห้ามไม่ทันค่ะ”
“ชั้นคาดโทษทุกคนไว้ ผิดพลาดอีกหนเดียว ชั้นไล่ออกยกทีม”
ดาวกับทีมงานไม่มีใครกล้าพูดอะไร ก้มหน้าโดนด่าอย่างเดียว
ส่วนที่ห้องแต่งตัว ตุ่นกับศินีนาฏดูคลิปปัญชลีโดนตบ ล้มก้นจ้ำเบ้ากลางรายการด้วยความสะใจ
“ท็อปไม่น่ารีบตัดจบรายการ คนดูเลยไม่เห็นนังจิ้งจอกล้มตูดกระแทกพื้น ฮ่าๆๆ”
“เราก็จัดให้สิ โหลดลงเน็ต” ศินีนาฏ
“อุ๊ยต๊าย ไอเดียคุณศินีนาฏ เริด บรรเจิดสุดๆ”
ขณะตุ่นจะโหลดคลิปปัญชลีในโทรศัพท์มือถือตัวเองลงเน็ต
ศินีนาฏนึกได้ร้องขึ้นเสียงดัง “อย่า” ตุ๊ดตุ่นสะดุ้งโหยง “นังจิ้งจอกต้องให้คนสืบที่มาของคลิป ตุ่นจะซวยเอา”
ศินีนาฏคิดหาทาง อยากประจานปัญชลี เธอมองไปเห็นโทรศัพท์มือถือช่างแต่งหน้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะหน้ากระจก
“เอามือถือช่างแต่งหน้ามา”
ตุ่นงง แต่ก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือช่างแต่งหน้ามาให้ศินีนาฏ
“ตุ่นส่งคลิปเข้ามือถือช่างแต่งหน้า ชั้นจะเอามือถือช่างแต่งหน้าโหลดคลิปลงเน็ต”
“อื้อหือ แผนลับลวงพราง สาวถึงเรามิด้าย ฮะๆๆๆ”
ตุ๊ดคอสตูมสีหน้าระรื่น ทำตามที่ศินีนาฏบอก จัดการส่งคลิปเข้ามือถือช่างแต่งหน้า
ศินีนาฏยิ้มร้าย สะใจเป็นที่สุด
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)
เช้าวันถัดมา แพรพรรณใช้มีดปังตอสับไก่ปัง! แล้วสับเป็นชิ้นพอคำ อย่างคล่องแคล่ว เอาไก่โป๊ะข้าวมันในจาน โดยมีก้อย ผู้เป็นแม่ช่วยตักน้ำจิ้ม
“ไปได้แล้วแพร” ก้อยบอก
“จะรีบกลับนะแม่”
แพรแพรรณถอดผ้ากันเปื้อนออก เผยให้เห็นว่าเธอสวมกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ต
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะลูก นุ่งกะโปรงไป” ผู้เป็นแม่ทักท้วง
“แพรไปสัมภาษณ์งานนะแม่ ไม่ได้ไปประกวดนางงาม” สาวเท่หน้าหวานบอก
“แต่มันดูไม่เรียบร้อย”
“นุ่งกะโปรงไป ลุกนั่งไม่สะดวก เสี่ยงต่อการหวอออก หวอๆๆๆๆ” หญิงสาวทำท่าทะลึ่งทะเล้น
“ลูกคนนี้ ทะลึ่ง”
“ไปนะแม่”
แพรพรรณไหว้ก้อย หันคว้ากระเป๋าเป้ เดินฉับๆ ท่าทีทะมัดทะแมงไป
แพรพรรณลงรถแท๊กซี่ หูสวมไอพอดฟังเพลงร็อก กำลังจะเดินเข้าถนนหน้าตึกสถานี THAIKK จู่ๆ มีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เลี้ยวเข้าตึก เกือบชนแพรพรรณ หญิงสาวโวยลั่น
“เอ๊ย ไอ้เด็กแว้น”
คนขับเป็นหนุ่มรูปหล่อ ชื่อ ภานุ เขาชี้หูฟังแพรพรรณ
“ชั้นฟังเพลงแล้วไง นายก็ขี่รถไม่ดูคนข้ามถนน ถอดหมวกกันน็อคออกมาคุยกันหน่อยดิ”
ภานุไม่ยอมถอดหมวกกันน็อค
แพรพรรณโวยแหลก “กลัวถอดแล้วไม่หล่อดิ โธ่เอ๊ย แต่งซะเต็มยศ คิดว่าเท่ ขี่รถคันเบ้อเริ่มซิ่งชนตอม่อสะพาน ก็แหลกเป็นเศษเหล็กเหมือนกันแหละว้า”
ภานุส่ายหน้าใส่แพรพรรณ แล้วขี่รถเข้าอาคารTHAIKK ไปเลย
“อ้าว ขอโทษกันก่อนดิ”
แพรพรรณยัวะ ฮึดฮัดอยากเอาเรื่อง ตามประสาทอมบอยสุดห้าว
แพรพรรณกับผู้สมัครงานอีกหลายคน นั่งรอสัมภาษณ์งานอยู่หน้าห้อง ระหว่างนี้พนักงานฝ่ายบุคคลเดินนำภานุเข้ามา ภานุถือหมวกกันน็อคมาด้วย
แพรพรรณจำชุด กับ หมวกกันน็อคของเขาได้ติดตา ด้วยบนหมวกติดสติ๊กเกอร์กวนๆ ภานุมองแพรพรรณ จำได้เหมือนกัน
พนักงานฝ่ายรายการออกมาต้อนรับ “เชิญเข้าไปสัมภาษณ์เลยค่ะ”
แพรพรรณโวย “พี่คะ พวกเรานั่งรออยู่นานแล้วนะคะ หมอนี่มาทีหลัง”
“ผมนั่งรอก็ได้ครับ” ภานุบอก พลางลงนั่ง
พนักงานบุคคลออกอาการตกใจ พินิบพิเทาเป็นพิเศษ? “ไม่ได้ค่ะ คุณภานุ”
“งั้นผมเข้าไปสัมภาษณ์ก็ได้ครับ”
แพรพรรณโวยไม่เลิก “ได้ไงอ่ะ นายต้องต่อคิว นิสัยไม่ดี เมื่อกี้ก็เกือบขี่รถชนชั้น ไม่ยอมขอโทษ”
“โอเค ผมขอโทษ”
“จริงใจหน่อย พูดใหม่ พูดดีๆ”
ภานุชักรำคาญ “คุณนี่ เรื่องมากชะมัด”
แพรพรรณแย่งหมวกกันน็อคภานุมาได้
“เอาคืนมา” ภานุแย่งคืน
“ขอโทษชั้นดีๆ ก่อน”
ภานุรำคาญแพรพรรณมากขึ้น “ผมยกให้”
ภานุเข้าฝ่ายรายการ
“เด็กเส้นนี่หว่า ฮีโธ่เอ๊ย”
แพรพรรณยัวะ ทุบหมวกกันน็อคภานุไปที
หลังภาษณ์เสร็จ แพรพรรณนั่งแท็กซี่กลับบ้าน รถแล่นผ่านด่านตำรวจ เธอเห็นภานุโดนใบสั่ง ไม่ได้สวมหมวกกันน็อค
“หมวกกันน็อคผมถูกขโมยเมื่อกี้ครับ” ภานุอธิบาย
ภานุเห็นแพรพรรณในรถแท็กซี่ เขาชี้หัวตัวเอง ทำมือให้แพรพรรณดู ว่าไม่มีหมวกกันน็อค เลยโดนจับ
แพรพรรณหัวเราะ ชูหมวกกันน็อคให้ภานุดู
ภานุมองแพรพรรณบนแท็กซี่ เห็นมือแพรพรรณแกล้งยื่นหมวกกันน็อคออกมานอก กระจกรถ แถมโบกหมวกกันน็อก กวนประสาทเล่น
ภานุคุมแค้น “แสบชะมัด”
ศรัณแวะมาหาดาวที่สถานี กำลังแลกบัตรตรงเค้าน์เตอร์ต้อนรับ
“ฝ่ายรายการอยู่ชั้นไหนครับ
“ชั้น 2 ค่ะ แลกบัตรด้วยค่ะ”
ศรัณเอาบัตรประชาชนแลกบัตร VISITOR
ตุ่นกลับมาจากเอาเสื้อผ้า เห็นศรัณหล่อโฮก ก็อยากกินจ้องศรัณตาแทบถลน
“สเปคอีตุ่นเลย ขาว ล่ำ กล้ามโต น่าสะด๊วบ”
ศรัณหันมาเห็นตุ่นจ้องเอาๆ ถึงกับสะดุ้ง กลัวกะเทยหื่น ศรัณรีบเดินไปทางบันได ตุ่นรีบเดินตูดบิด ตามไป
ศรัณขึ้นบันได จะไปหาดาวที่ฝ่ายรายการ ตุ่นเร่งสปีดตามขึ้นมาทัน แกล้งทำเสื้อผ้าหล่น
สาสมใจอีตุ่นนัก ศรัณเก็บเสื้อผ้าส่งให้ตุ่น “นี่ครับ”
“หือ... หล่อแล้วยังมีน้ำใจ มาหาใครคะ”
ตุ่นจ้องศรัณอย่างกับศรัณเป็นขนมหวาน ศรัณกลัว อึกอักๆ ไม่กล้าคุยกับตุ่น
ระหว่างนี้ ตรงเชิงบันไดชั้น 2 ดาวกำลังจะลงบันไดมา แต่เห็นศรัณอยู่กับเจ๊ตุ่นก็ตกใจ
“ตายแล้ว เดี๋ยวเจ๊ตุ่นรู้ว่าเรามีแฟน เรื่องไปถึงคุณภาสกร”
ดาวรีบหลบไป ก่อนศรัณเงยหน้าขึ้นมา แต่เห็นดาวแล้ว
ดาวหลบฉากมาโทร.หาศรัณ
ศรัณเดินขึ้นบันไดหนี กะเทยจอมหื่น ดาวโทร.เข้ามาพอดี ศรัณรับสาย
“พี่มาหาที่ทำงานจ้ะ”
ดาวคุยสาย ทำเป็นไม่รู้ว่าศรัณมา
“อ้าวหรอคะ พี่ศรัณไปรอดาวตรงที่จอดรถหน้าตึกนะคะ เดี๋ยวดาวออกไป”
“จ้ะๆ”
ศรัณรีบเดินย้อนลงบันได หนีตุ่นไปอย่างรวดเร็ว
“มาหาใครนะ แฟนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮึ เซ็ง เดี๋ยวนี้มือตก จิกผู้ชายไม่ค่อยติด”
ตุ่นบ่นบ้าเหลียวมองตามอย่างเสียดาย
ศรัณรออยู่ที่รถ จนดาวออกมาหา
ศรัณเล่าเรื่องตุ่นทันที “ดาวเมื่อกี้พี่เจอกะเทย น่ากลัวมาก”
“แถวนี้กะเทยเยอะค่ะ”
“พี่ตั้งใจมารับดาวไปกินข้าวเที่ยง หลงทาง มาซะบ่ายเลย”
“ดาวกินข้าวแล้ว แต่ไปนั่งกินขนมกับพี่ศรัณได้ค่ะ เราไปกันเลยนะคะ”
ดาวรีบขึ้นรถ กลัวใครมาเห็นหล่อนอยู่กับศรัณสองคน
“ท่าจะหิวขนมจัด”
ศรัณยิ้มขำ ขับรถพาดาวไป
ปัญชลีในชุดทำงานนั่งอยู่ในโถงบ้าน สีหน้าเครียดจัด จากเหตุการณ์วุ่นวายในรายการสดเมื่อคืน ที่หน้าบ้าน มีรถลีมูซีน ของสนามบินแล่นมาจอด
ปัญชลีชะเง้อมองไปที่หน้าบ้าน เห็นรถลีมูซีน ก็รู้ว่าใครมา ปัญชลียืนรอให้ภาสกรเข้าบ้าน โดยไม่ออกไปหา
ภาสกรลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา
“ผมห่วงคุณมากเลยลี”
ภาสกรเป็นฝ่ายเดินไปหาปัญชลี
“เมื่อคืนมันเลวร้ายมากค่ะ ลีไม่อยากคุยกับใครเลย พอจัดรายการเช้าเสร็จ ลีก็กลับบ้าน”
เสียงมือถือภาสกร มีข้อความเข้า
ชายหนุ่มกดดู อ่านข้อความ “ภาส่งคลิปมา บอกให้เปิดดูด่วน”
พอภาสกรเปิดคลิปดู ก็ต้องตกใจ !
“คลิปอะไรคะ”
ภาสกรยื่นมือถือให้ปัญชลีดู
มันเป็น ”คลิปหลุดรายการของปัญชลีเมื่อคืน เห็นเมียหลวงผลักปัญชลีล้มก้นจ้ำเบ้า”
“ใครแอบถ่ายคลิป” ปัญชลีเครียดหนักขึ้นไปอีก
“ต้องคนใน”
ภาสกรมีสีหน้าไม่พอใจ ที่ทีมงานปล่อยคลิปทำลายชื่อเสียงคนรัก
ตุ่นกำลังเม้าท์มอยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์แลกบัตรบริเวณโถง ดูคลิปหลุดปัญชลีล้มก้นจ้ำเบ้า ใส่อารมณ์เต็มที่
“รถผ้าป่าคว่ำค่าคุณน้อง ปัญชลีตายคาที่ เก็บศพแทบไม่ทัน ฮิๆๆๆ”
“ศพเดินมาแล้วเจ๊ตุ่น” พนักงานนางหนึ่งบุ้ยใบ้ ไปยังทางเข้า
ภาสกรกับปัญชลีมาถึงช่อง ตุ่นรีบปิดคลิป หุบปาก เลิกเม้าท์
ภาสกรสั่งตุ่น “ตามทีมงานของคุณปัญชลีไปที่ห้องผม ผมต้องการพบทุกคน รวมทั้ง Freelance”
“ฮ่ะคุณภาสกร”
ภาสกรหน้าเคร่งขรึม ขณะพาปัญชลีไปขึ้นลิฟต์ จนอีตุ่นแปลกใจ
“วันนี้คุณภาสกรเข้มผิดปกติ”
ตุ่นพาดาวขึ้นบันไดมายังชั้น 3 ชั้นฝ่ายบริหาร ไม่มีพนักงานเดินขวักไขว่ เป็นชั้นที่เงียบเชียบมาก
“ดาวไม่เคยขึ้นมาชั้น 3 เลยค่ะ เห็นว่าพนักงานห้ามขึ้น”
“แดนต้องห้าม มีแต่ห้องทำงานผู้บริหาร”
รปภ.เฝ้าตรงทางเข้าส่วนด้านใน ไม่ให้ดาวกับตุ่นเข้าไป
“มาพบใครครับ”
เลขาภาสกรออกมารับบอกกับรปภ. “คุณภาสกรเรียกให้ขึ้นมา”
รปภ.ให้ดาวกับตุ่นเข้าไปส่วนด้านใน เลขาเดินนำไป ดาวกวาดตามองโถงบริเวณชั้น 3 ตกแต่งหรูหรา แบ่งห้องทำงานเป็นสัดส่วน ทุกห้องปิดประตู แลดูเป็นส่วนตัวมาก
เลขาพาตุ่นกับดาวมาถึงห้องภาสกร หน้าห้องติดป้าย “รองประธานกรรมการ”
“รอซักครู่นะคะ” เลขาเข้าห้องไปคนเดียว
“เจ๊ตุ่นขา รองประธานกรรมการเรียกพวกเรามาทำไมคะ”
“เดาว่าเรื่องตบกันกลิ้งเมื่อวาน ไม่ต้องกลัวนะดาว คุณภาสกรใจดี อย่างมากก็แค่ตำหนิพวกเรา”
ดาวซัก “คุณภาสกร ที่เป็นลูกชายเจ้าของช่องใช่มั้ยคะ ดาวได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเจอ”
“ดาวมาทำงานได้เดือนเดียว ช่วงนี้คุณภาสกรก็บินไปเมืองนอกบ่อย เลยไม่เจอน่ะ”
เลขาเปิดประตูให้ดาวกับตุ่นเข้าห้อง
สองคนเข้ามา ทันทีที่ดาวก้าวเข้ามาใน เธอประทับใจผู้ชายที่นั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงาน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาก ไหล่กว้าง ผึ่งผาย ขนาดนั่ง ยังแลดูสง่าผ่าเผย
“คนอื่นๆ ล่ะ”
“กำลังจะตามขึ้นมาฮ่ะคุณภาสกร”
ดาวคิดในใจ “นี่เหรอคุณภาสกร ทายาทเจ้าของสถานี THAIKK หล่อมาก รวยมาก เพอร์เฟคมาก”
มีคนอยู่ด้วย ดาวจึงไม่กล้าจ้องภาสกรมากนัก แต่ความปรารถนาภายในใจของหล่อน ก็ฉายออกมาทางแววตาระยิบระยับนั้น โชคดีปัญชลีกำลังเครียดปัญหาตัวเอง เลยไม่ได้มองดาว ส่วนภาสกร ไม่ได้สนใจดาวเลย
ดาวฝ่ายเดียวที่สนใจภาสกร จดสายตามองจ้อง จนซ่อนแววตาไม่มิด
ทีมงานปัญชลีมากันครบแล้ว รวมทั้งทีมงานในห้องส่ง ภาสกรเรียกทีมงานทุกคนมาสอบสวน ใครเป็นคนแอบถ่ายตอนปัญชลีล้ม และปล่อยคลิปลงเน็ต
“ตอนที่เกิดเรื่อง ทุกคนอยู่ในห้องส่ง ต้องมีใครซักคนแอบถ่ายคลิปหลังจากตัดจบรายการ”
ตุ่นนึกถึงเหตุการณ์ชุลมุน ที่ตัวเองแอบถ่ายคลิปปัญชลีล้ม โดยไม่มึใครเห็น
ตุ่นตีหน้าตาย ไม่ออกพิรุธให้ภาสกรจับไต๋ได้
“เมื่อไม่มีใครยอมรับ ผมก็ต้องฉีกหน้ากากคนโกหก ผมติดต่อไปที่คนดูแลเว็บไซต์แรก ที่คลิปถูกโหลดลง ได้เบอร์โทรศัพท์มือถือคนส่งคลิป”
ภาสกรกดโทร.ไปเบอร์ที่ว่า โทรศัพท์มือถือกะเทยช่างแต่งหน้าดัง ทั้งห้องหันมามองเป็นตาเดียว
ช่างแต่งหน้ากรี๊ด “อ๊าย... หนูไม่รู้เรื่องนะฮะ มีคนใส่ร้ายหนู”
ตุ่นนึกถึงคำพูดศินีนาฏ
“ตุ่นส่งคลิปเข้ามือถือช่างแต่งหน้า ชั้นจะเอามือถือช่างแต่งหน้าโหลดคลิปลงเน็ต”
แล้วพูดออกไปว่า “หล่อนนั่นแหละแอบถ่าย ชั้นเห็น”
ปัญชลีตำหนิ “เห็นแล้วทำไมไม่บอกแต่แรก”
“ตุ่นเห็นแก่ความเป็นเพื่อนฮ่ะ มันเป็น Freelance ทำนิสัยแบบเนี้ย ต้องตกงาน”
ช่างแต่งหน้าแค้นมาก “อีตุ่น อีเพื่อนทรยศ แกใส่ร้ายชั้น”
“โดนจับได้คาหนังคามือถือ แล้วยังแถอีกนะแก” ตุ่นพูดใส่หน้า
ภาสกรหันมาทางช่างแต่งหน้า “ช่อง THAIKK ไม่ต้อนรับคุณอีกแล้ว ออกไปได้”
ช่างแต่งหน้าชะตาขาดชี้หน้าเจ๊ตุ่นด้วยความเจ็บใจ แล้วร้องห่มร้องไห้ออกไป ตุ่นยิ้มกริ่ม ไม่รู้สึกผิดสักน้อย
“ทุกคนกลับไปทำงานได้”
ทีมงานทยอยออกไป ดาวเหลือบมองภาสกร ไม่กล้าออกอาการมาก กลัวทีมงานสังเกตเห็น
ปัญชลีหันมาทางภาสกร “แล้วจะยังไงต่อคะภาส”
“ผมเตรียมการไว้แล้วจ้ะ”
หลังช่างแต่งหน้าโดนไล่ออก ทีมงานลูกน้องปัญชลีก็จับกลุ่มเม้าท์มอยตามประสา
“เข้าใจนะที่อยากแฉคุณปัญชลี ก็เล่นด่าช่างแต่งหน้าประจำ ว่าแต่งหน้าไม่เก่ง” แอนเอ่ยขึ้น
“ถึงยังไงก็ไม่น่าตัดทางทำมาหากินตัวเอง” ท็อปว่า
“แอบถ่ายคลิปขาใหญ่ไปลงเน็ต อย่าหวังจะได้ลืมตาอ้าปากในวงการทีวีอีกเลย คุณปัญชลีต้องส่งข่าวบอกรายการอื่น ให้อย่าจ้างช่างแต่งหน้าคนนี้” จอยว่า
“ช่วยไม่ได้ฮ่ะ มันทำตัวเอง” ตุ่นลอยหน้า ไม่ได้สำนึกผิดเล๊ย
ดาวไม่ได้สนใจร่วมวงสนทนากับทีมงานเลย ในหัวนึกถึงแต่ภาสกร
ภาพตอนอยู่ในห้องทำงานภาสกรผุดขึ้นมา ดาวมองภาสกรตาเป็นประกาย
ถึงตอนนี้ แววตาของดาวก็ยังเป็นประกายวิบวับ อยากครอบครองภาสกร ผู้ชายสุดเพอร์เฟคคนนั้น
อ่านต่อตอนที่ 2