xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 9

บรรยากาศสวยงามร่มรื่นในมุมพักผ่อนของสวน ทำให้อารมณ์แพรพรรณสงบลงแล้ว เธอคอยคุยปลอบ เป็นกำลังใจให้ศรัณ

“พี่ศรัณเป็นคนเข้มแข็ง ต้องตัดใจจากผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นได้ค่ะ”
“ดาวคนเดิมที่พี่รู้จัก เป็นคนน่ารัก อ่อนโยน พี่จะทำทุกอย่าง พาดาวคนนั้นกลับมา”
แพรพรรณมองศรัณอย่างอ่อนใจ เห็นทีชาตินี้ไม่มีวันตาสว่าง
“แปลกนะคะ แพรไม่ยักกับอยากเป็นแฟนพี่ ทั้งที่พี่เป็นโสดแล้ว ไม่รู้ทำไม”
ภานุตามมาสมทบ
แพรพรรณหันไปบ่นบ้าใส่ “ตามมาวุ่นวายกับชั้นจริงนายโย่ง”
ภานุมองอย่างหวงๆ ว่าแพรพรรณจะอาสาดามใจให้ศรัณหรือเปล่า ฝ่ายแพรพรรณก็มองค้อนภานุ ตามเธอไปทุกที่
ศรัณเห็นสายตาน้องทั้งสองคนมองกัน ก็รู้ว่าทั้งคู่กิ๊กกั๊กกัน
“ภานุนั่นไง เหตุผลที่แพรเลิกชอบพี่”
แพรพรรณรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ม่ายนะ แพรไม่ได้ชอบหมอนั่นนะ ศรัณขยับไปหาภานุ
“แพรเป็นน้องที่พี่รักมาก นายทำแพรเสียใจ พี่ไม่เอาไว้”
ภานุไม่เข้าใจความหมาย ศรัณอมยิ้ม ตบบ่าภานุอย่างพี่ชายตบบ่าน้องชาย แล้วกลับไป
“ยัยทอม จะแปลงเพศไปดามใจให้พี่ศรัณหรือเปล่า”
“ชั้นเป็นผู้หญิงว้อย”
“หญิงตรงไหน แบนราบอย่างกับพื้นถนน”
“ไอ้ปากยางมะตอย ทั้งดำทั้งโสโครก”
แพรพรรณไล่เตะภานุ
“โอ๊ย ผู้หญิงอะไรวะ นักเลงชะมัด”
ภานุวิ่งหายไป แพรพรรณหัวเราะคิกน่ารัก แววตาเป็นประกายฟรุ้งฟริ้งเชียว
“เผลอใจให้นายโย่งตอนไหนหว่า” เธอแทบไม่เชื่อตัวเอง นี่เราชอบนายโย่ง จอมกวนประสาทหรา

เวลาเดียวกัน ภาสกรตั้งใจมาง้อปัญชลี พบว่าประตูบ้านล็อค จึงเคาะเรียก
ปัญชลีจะมาเปิดประตูบ้าน พอเห็นเป็นภาสกร ก็ชะงักไม่มาเปิด
ภาสกรตะโกนเรียก “ลี...ลี”
ปัญชลีใจอ่อน จะไปเปิดประตูให้ภาสกรเข้ามา แต่เปลี่ยนใจ ยังขุ่นเคืองไม่หาย
พอภาสกรเห็นปัญชลีไม่มาเปิดประตูให้ ก็รู้ว่าแฟนสาวยังโกรธ จึงกลับพร้อมความผิดหวัง
ปัญชลีแอบดูรถภาสกรแล่นออกไป น้ำตาร่วงเผาะ ใจก็อยากคืนดี แต่ทิฐิแรงกล้ากว่า

ทางด้านภานุทำตัวอย่างกับโจรย่องเบา ชะเง้อคอยาวคอยืดแอบมองโถงชั้น 3 หน้าห้องทำงานพี่ชาย เห็นรปภ.เฝ้าอยู่ ขึ้นไปไม่ได้ จู่ๆ มีมือมาสะกิดหลัง ภานุสะดุ้งโหยง แต่พอหันไปมองแล้วโล่งอก
“พี่ภาส! นึกว่ารปภ. พี่ไม่อ่านไลน์ผม ผมเลยจะแอบขึ้นไปหาพี่ที่ห้อง”
“นุมีอะไร”
“ไอ้ผมก็ไม่อยากเอาผู้หญิงมาว่าลับหลัง แต่เรื่องเนี้ย ผมต้องบอกพี่ พี่ภาสครับ ดาวโกหกเรื่องส่วนตัว”
“พี่รู้แล้ว”
ภานุแปลกใจ “พี่รู้ แล้วพี่ไม่โกรธดาวเหรอครับ”
ภาสกรนึกถึงเหตุการณ์ที่แอบตามดาวเข้าไปในสวน เจอสมพรเป็นลม เลยช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล
ภาสกรเข้าใจว่าภานุจะบอกเรื่องฐานะดาว “คุณดาวมีเหตุผลที่ปิดบัง เค้าขอโทษพี่แล้ว ขอเวลาบอกความจริงทุกคน นุ ตั้งใจทำงาน อย่าเที่ยวยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่น”
“ครับพี่ภาส”
ภานุโดนพี่ชายเอ็ดเดินหน้าจ๋อยลงบันไดไป สวนกับภาสุรีที่ขึ้นมาหาพี่ชาย
“ตานุขึ้นมาทำไมคะ เดี๋ยวคนก็รู้หรอกว่าเป็นลูกผู้บริหาร”
“ภาขึ้นมาหาพี่หรือเปล่า”
“ค่ะ พี่ภาสคะ ภาไม่ชอบเห็นพี่เศร้า พี่ทำงานหนัก น่าจะมีใครซักคนมาทำให้พี่ผ่อนคลาย ชุ่มฉ่ำหัวใจ พี่เลิกกับลีมา 2 เดือนแล้ว เปิดใจรับคนใหม่ได้แล้วค่ะ”
“กลับไปทำงานไปภา” ภาสกรเดินหนีน้องสาวขึ้นบันไดไป
ภาสุรีตามตื๊อคุยกับพี่ชาย “ภามีคนนึง น่ารักมาก อยากให้พี่ภาสลองศึกษานิสัยใจคอดูค่ะ”
ภาสุรีพูดๆๆ เดินตามรบเร้าพี่ชาย ทำตัวเป็นแม่สื่อ

ภาสกรไม่สนใจฟัง ไม่คิดจะมีคนใหม่

ดาวระแวง กลัวทีมงานรู้ความจริงเรื่องศรัณเป็นแฟนเธอหรือยัง ท็อป จอย แอน นั่งทำงาน ไม่ได้มองดาว เหมือนว่ายังไม่รู้

ภานุกลับจากคุยกับพี่ภาส มองเหล่ดาวไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย ภานุหยิบโน๊ตบุ๊ค จะไปนั่งทำงานตรงอื่น ดาวกระซิบถามภานุ
“แกไม่ได้แฉชั้นให้พวกพี่ท็อปรู้”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรนี่” ภานุตัดบทไม่ค่อยอยากเสวนากับดาว หอบโน้ตบุ๊คออกไป
ดาวยิ้มร่า หายเครียดเป็นปลิดทิ้ง
ท็อปปริ้นต์งานมาให้ดาว “Rundown ข่าวพรุ่งนี้”
ดาวอ่านคร่าวๆ แล้วสั่งเสียงแข็งอย่างวางอำนาจ “สลับเอาข่าว 4 มาไว้ข่าวแรก ดาวอยากอ่านข่าวเด็ก 6 ขวบออกจากโรงเรียนมาดูแลพ่อแม่พิการก่อน”
ท็อปเสียงแข็งกลับ “พี่ไม่สลับ ตอนนี้คนกำลังสนใจข่าวภาษีที่ดิน ควรเอาไว้ข่าวแรก”
ดาวแว้ดใส่ท็อป “ดาวสั่งให้สลับก็สลับสิ”
จอยตกใจและไม่พอใจ “ดาว พูดกับพี่ท็อปดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องตวาด”
ดาวเลยหันมาตวาดจอยอีกคน “ก็พูดดีๆ ไม่ฟัง คุณวิไลลักษณ์ปั้นดาวให้เป็น นักข่าวขวัญใจคนจน ข่าวที่ดาวอ่าน ต้องส่งเสริมภาพลักษณ์ดาว ใครมีปัญหาก็ไปเคลียร์กับคุณวิไลลักษณ์”
พอถูกดาวขู่อ้างชื่อวิไลลักษณ์ ท็อป จอย และแอน ก็เงียบกริบ
“รู้ไว้นะ ตอนเนี้ย ดาวใหญ่สุดในรายการ”
ดาวเดินเชิด หยิ่งยโสออกไป พี่ๆ ทีมงานพากันอึ้งทั้งแถบ ที่เห็นดาวเปลี่ยนไป
“น้องดาวคนเดิมที่น่ารัก มีสัมมาคารวะหายไปไหน” แอนงง
“ดังแล้วลืมตัว” ท็อปว่า

สามคนส่ายหัวกันเป็นแถว ดาวออกลายนิสัยแย่โผล่

ดาวเข้ามาหาตุ่นในห้องแต่งตัว เห็นตุ่นกำลังเซ็ตผมให้ศินีนาฏ ดาวมองไปที่ราวมีชุดแขวนอยู่ สวยเก๋โดนใจ

“ชุดเริดจังค่ะเจ๊ตุ่น ให้ดาวใส่ทำรายการบ่ายนี้เหรอคะ”
ศินีนาฎบอก “นั่นชุดชั้น ตุ่นเช่ามาให้ใส่เป็นพิธีกรงานอีเว้นท์เย็นนี้”
“พี่ศิหาชุดใหม่นะคะ ดาวจะใส่ชุดนี้ออกทีวี”
ศินีนาฏฉุนหันขวับมามอง “อะไรของเธอ อยู่ๆ มาแย่งชุดคนอื่น”
“ใครเป็นคนช่วยพี่ศิ ให้กลับมาทำรายการกระแสข่าวเช้านี้ ลืมแล้วเหรอคะ”
ศินีนาฏยัวะ “ทวงบุญคุณชั้นหรอ ชั้นได้กลับไปทำรายการเพราะความสามารถของชั้นเองย่ะ ตุ่น เอาชุดไปไว้ในรถชั้น”
“อ่า...เอ่อ...อืม... มีอีกชุดแขวนอยู่ที่ราว คุณศิน่าจะใส่ได้ค่ะ”
ศินีนาฏแทบกระอัก “นี่หล่อนเลือกข้างดาว นังกะเทยสองหัว”
“เจ๊ตุ่นมีหัวเดียวค่ะ หัวที่ฉลาดปราดเปรื่อง รู้ว่าอยู่ฝั่งไหนแล้วจะได้ดี”
“ดังแล้วออกลาย วางอำนาจบาตรใหญ่ คนอย่างเธอ ดังไม่นานหรอก คอยดู”
ศินีนาฏแบกหน้าเหวี่ยงๆ ออกไป ดาวกับตุ่นไม่แคร์ ตุ่นเอาชุดมาทาบตัวดาว ชมเปาะ
“ลูกดาวใส่แล้วต้องสวยมากค่า”

ปัญชลีเก็บตัวอยู่ในบ้านมาเป็นเดือน วันนี้นึกอยากออกมาช้อปปิ้งดูหนังกินข้าวให้หายเศร้า
“ซื้อของแล้วไปดูหนังกันต่อนะเก้ ช่วงนี้มีหนังตลกเข้ามั้ย พี่อยากหัวเราะ”
“เดี๋ยวไปดูโปรแกรมกันครับ”
ผู้หญิงสองคนเดินอยู่ข้างๆ ปัญชลีกะเก้ มองเอาๆ แล้วหันไปซุบซิบกัน
หญิง 1เปิดฉาก “ใช่ปัญชลีหรือเปล่า”
หญิง 2 บอก “หน้าเหมือน แต่ไม่ใช่หรอก ปัญชลีหน้าตอบกว่านี้”
สองสาวเม้าท์มอยระยะเผาขนแล้วเดินเลยไป
ได้ยินกับหูปัญชลีชักเสียเซลฟ์ “พี่หายจากจอทีวีไปแค่ 2 เดือน คนจำพี่ไม่ได้”
เก้พยายามพูดให้ปัญชลีรู้สึกดี “ก็ตัวจริงพี่ลีสวยกว่าในทีวีตั้งเยอะ แฟนๆ เลยจำพี่ไม่ได้ครับ”
ปัญชลีสังเกตคนที่เดินสวนเธอ ไม่มีใครมองเธอ จำเธอไม่ได้ซักคน เธอกลายเป็นนางพญาตกอับ

ปัญชลีกับเก้เดินมาในห้าง ปัญชลีเซื่องซึมไป ชื่อเสียงเธอหายไปในช่วงเวลาเพียง 2 เดือน เก้พยายามให้กำลังใจ
“เดี๋ยวนี้นักข่าวใหม่ๆ เยอะ แต่ละช่องก็ปั้นกันจัง ไม่ดูความสามารถ เอาแต่หน้าตา ไม่มีใครเทียบพี่ลีได้ซักคน”
ปัญชลีหยุดยืนมองรูปดาวตรงเค้าน์เตอร์แนะนำสินค้า ดาวเป็นพรีเซ็นเตอร์ชาผงสำเร็จรูป โพสท่าสวยชิมชา
“ชากลิ่นใหม่ กลิ่นลาเวนเดอร์ ลองชิมดูมั้ยคะ”
ปัญชลีบอกเก้ “ชายี่ห้อนี้ติดต่อพี่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก่อนจะเกิดเรื่องที่งานเลี้ยง ดาวได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แทนพี่”
“อ่า...” เก้นึกหาเหตุผลมาปลอบใจไม่ทัน
“ดาวทำได้ เด็กคนนี้ขึ้นมาแทนที่พี่ได้”
การมาเห็นดาวได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แทนเธอ ทำให้ปัญชลีตระหนักชัด เธอแพ้ดาวอย่างหมดรูป
“พี่กลับนะเก้ ไม่ต้องตามพี่มา”
ปัญชลีกลั้นน้ำตาเต็มที่รีบเดินไปไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น เก้มองความสำเร็จของดาว แล้วสงสารปัญชลีจับใจ

ภายในร้านอาหารสวยตกแต่งเก๋แห่งนี้ มีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปหลายมุม ดาวแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเดินเข้ามาในนั้นกับตุ่นที่จัดเต็มวิ้งว้าวไปทั้งตัวเช่นกัน
“คุณภาสกรอยู่นั่น”
ภาสกรนั่งกินข้าวกับภาสุรี ทั้งคู่ยังไม่เห็นดาวกับตุ่น
“ลูกขา มาให้แม่รีเช็คซีคะ มีตรงไหนหลุดมั้ย” ตุ่นตรวจเช็คเสื้อผ้าหน้าผมลูกสาว
“คุณภาเป็นแม่สื่อ นัดดาวมากินข้าวกับคุณภาส น้องสาวออกแรงช่วย แล้วคุณภาสจะไปไหนเสีย”

ดาวมองภาสกรตาเป็นประกาย หมายมาดว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของหล่อนในอีกไม่ช้า
“เจ๊ตุ่นคะ โทร.ไปตามนังจิ้งจอกให้มาดูดาวออกเดทกับคุณภาส ดาวอยากเห็นคนอกแตกตาย”
“คุณลูก... ออกเดทมันต้องสองคน นี่เรามากันเป็นหมู่คณะ 4 คน”
“เจ๊ตุ่นก็ล่อคุณภาให้ลุกไปตอนนังจิ้งจอกมาสิคะ บ้านนังจิ้งจอกอยู่แถวนี้ ขับรถ 20 นาทีก็ถึงร้าน”

ขณะที่ปัญชลีร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างคนรู้สึกพ่ายแพ้ เบอร์แปลก ๆ โทร.เข้ามือถือ ปัญชลีรับสาย
“ฮัลโหล”
ตุ่นเป็นคนโทร. กำลังหลบมุมคุยอยู่ที่ร้านอาหาร
“ตุ่นนะ อย่าเพิ่งวาง ตุ่นเป็นม้าเร็ว ควบ ฮี้ๆๆๆ มาส่งข่าว ตอนนี้คุณภาสกรนั่งกินข้ากะหนุงกะหนิงกับดาวที่ร้าน” ตุ่นชื่อร้านจริงซึ่งปัญชลีรู้จัก “มาดูให้เห็นกับตาล่ะ ฮี้ๆๆ ฮิๆๆๆ”
ตุ่นร้องเสียงม้า ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะเยาะ ดาวหัวเราะชอบใจ ตุ่นทำได้สะใจมาก
ดาวกับเจ๊ตุ่นเดินตรงเข้าไปหาภาสกรกับภาสุรีที่โต๊ะ
“อ้าวมาแล้วกัน” ภาสุรีหันไปบอกพี่ชาย “ภาชวนดาวกับตุ่นมาด้วยค่ะ สองคนนี้คุยสนุก ภาชอบ”
ภาสุรีขยิบตาให้ดาว รู้กันว่านัดให้มาเจอพี่ชาย
ภาสกรเหลือบมองน้องสาวอย่างรู้ทัน ดาวแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ไม่ได้แต่ชวนมากินข้าวเป็นเพื่อนคุย ภาสุรีทำตัวเป็นแม่สื่อให้เขากับดาว

ฟากปัญชลีหยิบกุญแจรถ จะออกไปดูดาวกับภาสกรที่ร้านอาหารให้เห็นกับตา
“ทำไมเราต้องเล่นตามเกมคนพวกนั้น”
ปัญชลีเปลี่ยนใจไม่ไป วางกุญแจรถไว้ตามเดิม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจอีก อยากไปเห็นกับตา เธอลังเล อีกหลายรอบ ไปหรือไม่ไปดี

ฝ่ายภาสกรระวังตัวระวังใจ เก็บปากเก็บคำ ไม่ค่อยคุยกับดาว ปล่อยให้ชะนีกับกะเทยเม้าท์กันสนุก
“พระเอกช่องเราเนี่ยนะ เที่ยวบาร์ผู้ชาย ไม่ได้ยินจากปากตุ่น ไม่เชื่อเป็นอันขาด ท่าทางแมนมาก”
“พวกเล่นกล้ามแหละตัวดีฮ่ะคุณภา ยกเวทไปเหล่ผู้ชายไป เหล่กันไปมา อ้าวสายพันธุ์เดียวกัน”
ดาวสะกิดเจ๊ตุ่นใต้โต๊ะให้ล่อภาสุรีไปได้แล้ว นังจิ้งจอกใกล้มาถึงแล้วป่านนี้
ตุ่นรับลูกทันควัน “คุณภาขา เราไปเซลฟี่มุมสวยๆ ทางโน้นกันนะคะ”
“ไปซิ พี่ภาสคะ ฝากดูดาวเดี๋ยวนะคะ” ภาสุรียิ้มกริ่ม อยากลุกไปอยู่แล้ว
-ภาสุรีกับเจ๊ตุ่นรีบไป ปล่อยให้ดาวอยู่กับภาสกรสองคน
“คุณภาสไม่ค่อยคุยเลยนะคะ” ดาวคอยเหลือบมองทางเข้าร้าน ว่าปัญชลีมาหรือยัง
“เหนื่อยน่ะครับ ประชุมงานทั้งวัน”
ดาวพูดจากใจจริง รักจริง “แบ่งเวลาพักผ่อน ออกกำลังกายบ้างนะคะ สุขภาพก็สำคัญ ดาวเป็นห่วง กลัวคุณภาสทำงานหนักจนไม่สบาย”
ภาสกรมองวงหน้าสวยหวานของดาว ผู้หญิงคนนี้อ่อนหวาน ช่างเอาใจใส่ ต่างกับปัญชลีที่เอาแต่ใจ ไม่ค่อยดูแลเขา ภาสกรเผลอใจมองดาวอย่างพึงใจ
ปัญชลีเข้ามาในร้าน กวาดตามองปราดเดียวก็เห็นภาสกรนั่งอยู่กับดาว สองคนนั่งมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน กิริยาที่ทั้งคู่แสดงต่อกัน เหมือนคนชอบพอกัน ปัญชลีเห็นภาพบาดตาแล้วเจ็บปวดเหลือเกิน เธอสูญเสียผู้ชายอันเป็นที่รักให้ดาว ปัญชลีผลุนผลันกลับไป
ฝ่ายภาสกรดึงใจกลับมา เก็บรอยยิ้ม กินข้าวต่อ
ดาวหันมองทางเข้าร้าน ไม่เห็นปัญชลีมาซะที นึกผิดหวัง ไม่ได้เห็นนังจิ้งจอกอกแตกตาย

ปัญชลีขับรถออกมาหน้าร้าน ขับต่อไม่ไหว หัวใจมันเจ็บปวดจนสมองเบลอไปหมด จึงจอดรถ
นึกถึงภาพภาสกรยิ้มหัวกับดาว เหมือนคนชอบพอกัน
ปัญชลีแพ้ดาวอย่างหมดรูป เพิ่งเสียงานไป แล้วตอนนี้ ก็ยังต้องเสียคนรักให้อีก ความมั่นใจในตัวเอง ความแข็งแกร่งภายในใจของปัญชลี ลดลงเหลือศูนย์อย่างฉับพลัน
อนิจจา ความพ่ายแพ้มันเป็นอย่างนี้เอง ความรู้สึกของคนสูญเสียทุกอย่างในชีวิตมันเป็นอย่างนี้เองหรอกหรือ ปัญชลีได้ลิ้มรสแล้ว มันช่างเจ็บปวดร้าวลึกถึงขั้วหัวใจ

ปัญชลีปล่อยโฮในรถ ร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจ

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

ถึงแม้จะโดนดาวทิ้ง จนต้องล้มเลิกงานแต่ง แต่ศรัณก็ไม่หมดหวัง พยายามหาทางดึงหัวใจดาวกลับคืนมา เช้าวันนี้ศรัณมาเลือกซื้อดอกไม้สวยๆ ที่ร้านดอกไม้ละแวกสถานีไทยเคเค ไปง้อดาว

ตุ่นเดินเข้ามาในร้านพอดี เห็นศรัณก็จำได้ว่าคือพี่ชายหล่อโฮกของดาว ตุ่นตาลุกวาวแถเข้าไปทักด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ
“คุณศรัณ...” เจอศรัณมองงงๆ กลับมาจำกะเทยไม่ได้ “ตุ่นไงคะ พี่ที่ทำงานดาว”
ศรัณพอนึกออก “อ๋อครับ สวัสดีครับคุณตุ่น”
“มาซื้อดอกไม้ไกลนะคะ มาแถว THAI KK แน่ะ จะซื้อไปให้ชะนี เอ๊ย สาวที่ไหนเอ่ย”
“ซื้อไปง้อแฟนครับ” ศรัณเดินเลือกดอกไม้ ไม่รู้จะเอาดอกอะไรดี
“เอ๊ะ เห็นดาวว่า พี่ชายกำลังจะแต่งงาน” ตุ่นชวนคุย
“ครับ ตอนนี้ผมกับแฟนมีปัญหาไม่เข้าใจกันนิดหน่อย”
“ตุ่นช่วยเลือกดอกไม้มั้ยคะ”
“ก็ดีครับ ผมไม่รู้ความหมายดอกไม้ ง้อผู้หญิง ต้องให้ดอกอะไร”
“เดี๋ยวตุ่นสุดสวย บริการจัดให้หลายดอกเลยฮ่า”
แล้วตุ่นก็จัดแจงเลือกดอกคาร์เนชั่นสีขาว บรรจงคัดเฉพาะดอกสวยๆ ศรัณยิ้มขอบคุณ มีคนช่วยเลือกดอกไม้แล้ว จึงเดินไปเลือกการ์ด
อีตุ่นทำแสบ หยิบ แจกันมีตำหนิรอยร้าวมาจัดดอกไม้ใส่
เจ้าของร้านท้วง “ใบนี้ร้าวเจ๊”
ตุ่นกระซิบกระซาบ “จุ๊ๆๆ เดี๋ยวพ่อข้าวหลามมัดใหญ่นั่นได้ยิน ให้แจกันร้าว เป็นลางไม่ดี ได้เลิกกันไง คุณศรัณโดนเมียทิ้ง อาจช้ำใจจนเปลี่ยนรสนิยม มาซดกะเทยแทน”
“เจ๊นี่กระเพาะใหญ่เนอะ เห็นซดมาหลายชาม ไม่อิ่มซะที”
“เอ้าอีนี่ ซดแล้วมันก็ย่อยไง หาดอกลิลลี่สีขาวไว้ให้เจ๊ 2 ดอกสิ จะเสียบบนชุดพิธีกร บ่ายๆ กลับมาเอา”
ศรัณยืนเลือกการ์ดสวยๆ ปล่อยให้ตุ่นกับเจ้าของร้านช่วยกันจัดแจกันดอกไม้ โดยตุ่นเลือกใบไม้ดอกไม้มาตกแต่งเอง คอยเหลือบมองศรัณตาเป็นมัน อยากกินอยากยกซด!

ศรัณถือแจกันดอกไม้แสนสวยเดินเข้าล็อบบี้มา กำลังแลกบัตรตรงเค้าน์เตอร์
“ขอโทษนะคะ คุณเข้าไปไม่ได้”
“ทำไมล่ะครับ ผมเคยเข้าไปข้างในตั้งหลายหน”
“คุณดารินกานต์สั่งไว้ ห้ามคนชื่อ ศรัณ สินสาคร เข้าสถานีค่ะ” พลางคืนบัตรประชาชนให้
ศรัณอึ้ง ซึมไปเลย นี่ดาวเสือกไสไล่ส่งเขา ขนาดสั่งห้ามเข้าที่ทำงานเลยหรือ
“งั้น รบกวนเอาไปให้คุณดารินกานต์ทีนะครับ”
ศรัณฝากแจกันดอกไม้ไว้ที่เคาน์เตอร์ ตอนเดินออกไป สวนกับท็อป แต่ทั้งสองคนไม่รู้จักกัน
“พี่ท็อป ช่วยเอาไปให้คุณดาวทีค่ะ” สาวเจ้าโอเปอเรเตอร์ ส่งแจกันดอกไม้ให้ท็อป

ดาวกำลังประชุมหมายข่าว รายการกระแสข่าวเช้านี้ ศินีนาฏเข้าประชุมด้วย ทั้งทีม โดนดาววีนเหวี่ยงด่ากระจาย
“ปล่อยให้รายการอื่นเอาคลิปหลุดพระเอกไปออกก่อนเราได้ยังไง กระแสข่าวเช้านี้เป็นรายการข่าวอันดับหนึ่ง ทำงานพลาดอีก ดาวจะบอกคุณภา ให้ไล่ทั้งทีมออก”
ศินีนาฏกับทีมงานจ้องหน้าดาว แหม ตั้งแต่ดัง กร่างเหลือเกิน
ท็อปถือแจกันดอกไม้เข้ามาให้ “มีคนเอามาให้แน่ะดาว”
ดาวรับแจกันดอกไม้มาเปิดอ่านการ์ดเขียนว่า “คืนดีกันนะจ๊ะ” รู้ว่าเป็นของศรัณ เลยไม่แยแส พาลด่าท็อป
“หายไปไหนมา เริ่มประชุมมาครึ่งชั่วโมงแล้ว”
ท็อปไม่พอใจดาว “พี่ก็บอกดาวแล้วไง พี่ไปจ่ายค่าไฟ”
ดาวสั่งเสียงแข็ง “พรุ่งนี้พี่ท็อปประชุมรายการแทนดาว ดาวจะมาถึงตอนรายการเริ่มเลย คืนนี้ดาวมีอีเว้นท์ เป็นพิธีกรเปิดตัวนาฬิกาจากสวิส กลับบ้านดึก”
ศินีนาฏฟังแล้วตาพอง “เธอนี่เอง แย่งงานชั้น คนจัดงานติดต่อชั้นไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว อยู่ๆ เมื่อวานโทร.มายกเลิก”
“ธรรมดาค่ะ สินค้าแบรนด์หรูๆ ก็ต้องเลือกพิธีกรดูดีมีคลาส”
“แหม...พูดอย่างกับมีเชื้อมีสาย ที่จริงเป็นคน...ตจว.”
ภาสกรเดินเข้ามาในห้อง แปลกใจที่เห็นศินีนาฏกับดาวตีหน้ายักษ์ใส่กัน
“ประชุมหมายข่าวถึงไหนแล้ว คุณดาว คุณศินีนาฏมีเรื่องอะไร”
“พี่ศิไม่พอใจที่ดาวตักเตือนค่ะ พรุ่งนี้พี่ศิขอมาถึงห้องส่งช้าหน่อย คืนนี้รับอีเว้นท์งานเปิดตัวนาฬิกา กลับดึก”
ศินีนาฏกับทีมงานหน้าเหวอ ดาวตอแหลชนิดคนฟังเลี้ยวกลับไม่ทัน
ภาสกรตำหนิศินีนาฏ “ผมเคยตักเตือนคุณมาครั้งนึงแล้ว รับงานอีเว้นท์ อย่าให้กระทบงานประจำ”
ศินีนาฏไม่กล้าแย้งภาสกร ว่าโดนดาวใส่ไฟ อธิบายไปก็เท่านั้น
ดาวลอบยิ้มร้ายสาแก่ใจ ไม่แคร์สายตาทีมงานที่มองมาแบบรังเกียจ

อีกฟากวันนี้สองคนลงครัวทำกับข้าว เก้เป็นเชฟหลัก ปัญชลีเป็นลูกมือ ปัญชลีหน้าตาซึมเศร้า ทั้งเสียงาน เสียคนรักไปในเวลาเดียวกัน ปัญชลีจะเปิดตู้เย็นหยิบกับข้าวให้เก้ มองกระดาษโน้ตแปะบนฝาตู้เย็น ที่ภาสกรแปะไว้นานแล้วไม่ได้แกะออก
บนกระดาษโน้ตเขียนด้วยลายมือภาสกร “ลาซานญ่าอยู่ในช่องฟรีซ อุ่นกินนะจ๊ะ” ปัญชลีน้ำตาเอ่อ คิดถึงภาสกรจับใจ
“พี่ภาสเอาใจใส่พี่ลีมากนะครับ พี่ลีทำงานกลับบ้านดึก ซื้อของกินเตรียมไว้ให้” เก้เอ่ยขึ้น
“ความดีของภาส ให้พี่เขียนบรรยาย ฝาตู้เย็นคงมีที่ไม่พอให้แปะ แต่พี่ ไม่เคยเอาใจใส่ภาส ก็สมควรแล้ว พี่เสียภาสให้ผู้หญิงคนอื่น”
“พี่ลีอาจคิดไปเอง พี่ภาสแค่ไปกินข้าวกับดาว ไม่ได้ชอบดาว”
“เก้ ผู้หญิงเรา รู้จักผู้ชายที่นอนข้างเรามาเกือบสิบปีดี พี่เห็นภาสยิ้มให้ดาว เป็นรอยยิ้มที่พี่เคยได้รับ”
ภาพภาสกรกับดาวยิ้มหวานให้กัน ในร้านอาหารผุดขึ้นมาตอกย้ำความคิด
“แต่พี่ภาสเพิ่งเลิกกับพี่ลีได้ 2 เดือนเองนะครับ”
“ตั้ง 2 เดือน”
ปัญชลีปักใจเชื่อว่าภาสกรคบหากับดาว จึงเลิกคุยถึงอีก หันไปช่วยเก้เตรียมเครื่องทำกับข้าวด้วยอาการเศร้าๆ

ที่ช่องไทยเคเค. หลังประชุมเสร็จ ศินีนาฏกับทีมงานเม้าท์สนั่น ด่าดาวกันยับอยู่ในแผนก
“พอดังแล้วเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเน่าๆ จิกใช้พวกเราอย่างกับเป็นขี้ข้า” จอยบอก
“เปรียบเทียบกัน คุณลียังตรงๆ ร้ายกับทุกคน แต่อีน้องดาวเนี่ย ตอแหลระดับเหรียญทองโอลิมปิก ดูที่ทำกับคุณศิ” แอนว่า
ตุ่นกลับจากไปเอาเสื้อผ้าชุดพิธีกร เอาดอกลิลลี่จากร้านดอกไม้มาด้วย เห็นทีมงานจับกลุ่มเม้าท์ ก็กะมาร่วมวงไพบูลย์ สายตาแลเห็นแจกันดอกไม้ถูกทิ้งในถังขยะ
“คุ้นๆ” ตุ่นเก็บแจกันขึ้นมา เห็นตัวแจกันมีตำหนิรอยร้าวก็มั่นใจ “ใช่จริงๆ ด้วย การ์ดก็ใช่”
“เก็บขึ้นมาทำไมน่ะตุ่น” ศินีนาฏงง
“นี่แจกันของคุณศรัณ พี่ชายดาว ตุ่นเป็นคนจัดดอกไม้ให้ คุณศรัณบอกว่า เอาดอกไม้ไปง้อแฟน มานอนแอ้งแม้งในถังขยะได้ไงอ่ะ” กะเทยเป็นงง
ศินีนาฏตาลุกวาว ถามย้ำ “เค้าบอกว่า เอาดอกไม้มาง้อแฟนแน่นะ”
“ฮ่า เพิ่งรู้ แฟนคุณศรัณทำงานอยู่ช่องเรา ชะนีตัวไหนหว่า”
ศินีนาฏจับต้นชนปลายแล้วเหยียดออกมา “ก็ชะนีสายพันธุ์ตอแหล ที่ชื่อ นังน้องดาวไง”
“ห๊ะ คุณศรัณเป็นผัวดาว”
ภาสกรหอบหนังสือของปัญชลี ออกจากห้องทำงาน ได้ยินที่ตุ่นพูดเต็มหู
“ใครเป็นสามีคุณดาว”
ตุ่นหุบปากสนิท ไม่อยากบอก ศินีนาฏเลยตอบแทน
“พวกเราเพิ่งจับโกหกคนได้ค่ะ ดาวบอกว่าผู้ชายชื่อศรัณที่มาหาบ่อยๆ เป็นพี่ชาย ที่จริง เป็นแฟน”
“อะไรที่ไม่แน่ใจ ไม่ควรพูดให้คนอื่นเสียหายนะคุณศินีนาฏ” ภาสกรตำหนิ
“แจกันดอกไม้นี่ไงคะหลักฐาน คนชื่อศรัณบอกตุ่นว่า ซื้อดอกไม้มาง้อแฟน คุณศรัณฝากแจกันไว้ให้ดาว ท็อปเป็นคนเอาขึ้นมาให้” ศินีนาฏบอก
“จริงครับ” ท็อปยืนยัน
ภาสกรชักคล้อยตาม “ตุ่นเจอคุณศรัณที่ไหน”
ตุ่นเสียงอ่อย ไม่ค่อยอยากตอบ “ร้านดอกไม้แถวหน้าสถานีฮ่ะ”
ท็อปงง “ดาวโกหกเรื่องแฟนทำไม”
“นั่นสิ ไม่ใช่คนดังซะหน่อย ไม่เห็นต้องปิดว่ามีแฟน” จอยงงด้วย
ภาสกรฟังทีมงานออกความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันขรม ชายหนุ่มค่อนข้างเชื่อข้อมูลนี้ ศรัณกับดาวเป็นแฟนกัน ดาวโกหกเขาอีกเรื่อง

ฝ่ายดาวลงมาซื้อกาแฟข้างล่าง กำลังจะกลับขึ้นข้างบน เห็นภาสกรเดินถือหนังสือหลายเล่มลงบันไดมา ดาวยิ้มหวานให้ แต่ภาสกรไม่ยิ้มตอบ
แถมมีอาการขุ่นเคือง เหมือนไม่อยากคุยด้วย เดินผ่านดาวไปโดยไม่ทักทาย
ดาวแปลกใจ มองตามจนภาสกรเดินออกนอกตัวอาคารไป

“โกรธเราเรื่องอะไร”

ดาวถือแก้วกาแฟกลับขึ้นมาฝ่ายรายการ เห็นศินีนาฏกับเจ๊ตุ่นกำลังด่ากันไฟแลบ พวกพนักงานหน้าตาตื่น

“เอาปรอทวัดดีกรีความตอแหล ปรอทของคุณศิต้องพุ่งปรี๊ด ทะลุตึกใบหยก ไม่ใช่ใบหยกหนึ่งนะ ใบหยกสอง”
“ระดับความหลอแหลของชั้น เทียบลูกสาวหล่อนไม่ติดหรอกนังตุ่น รถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่ญี่ปุ่น ยังยอมจอดแช่สถานี สู้ความตอแหลแบบความเร็วแสงไม่ไหว”
ดาวกรากมาหาสองคน อยากรู้ทะเลาะกันเรื่องอะไร ดาวโดนสายตาเกลียดชังจากศินีนาฏ ท็อป แอน จอย ยิ่งงง
ศินีนาฏส่งแจกันดอกไม้ยื่นให้ดาว “แม่หญิงตุ่นของเธอคุ้ยจากถังขยะให้ จากข้อมูลประชากรล่าสุด ผู้ชายในโลกมีน้อยกว่าผู้หญิงหลายเท่า ผู้ชายคนไหนหน้าโง่ เอาเธอเป็นเมีย ก็รีบๆ แต่งไปเถอะ เห็นว่า คุณศรัณ เค้าก็หน้าตาดี ลูกเกิดมาต้องหล่อเหมือนพ่อ น่าชัง เหมือนแม่”
ดาวตัวชาวูบ ศินีนาฏรู้ว่าศรัณเป็นแฟนตน
ศินีนาฏเหยียดยิ้มใส่แล้วเดินลอยหน้าไป ท็อป จอย แอน เดินตาม
จอยด่าทิ้งไว้หนึ่งดอก “ตอแหล”
แอนต่อว่า “มาก...”
เหลือดาวยืนเซ่ออยู่กับตุ่นสองคน จนได้สติหันไปซักไซร้ตุ่นทันที
“เจ๊ตุ่นบอกอะไรพี่ศิ”
ตุ่นหน้าเหยเก “ดาว...เจ๊ไม่ได้ตั้งใจน้า...คุณภาสกรถาม เจ๊ต้องบอก เจ๊เจอคุณศรัณที่ร้านดอกไม้ คุณภาสกรรู้แล้ว คุณศรัณเอาดอกไม้มาง้อดาว”
“เจ๊ตุ่นทำเสียเรื่องหมดเลย มิน่า คุณภาสถึงดูโกรธดาว”
ดาวสมองแล่น คิดปราด ทำยังไงภาสกรถึงหายโกรธหล่อน

ที่พึ่งของสาวจอมตอแหลไม่ใช่ใครเป็นภาสุรีเจ้าเก่า
“เธอไม่ควรโกหกแต่แรก” ภาสุรีตำหนิ
กับภาสุรีดาวเข้าหาด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ทำหน้าจ๋อยสำนึกผิด
“ดาวคิดโง่ๆ เอาเองว่า การมีแฟน เป็นอุปสรรคกับงาน เลยโกหกว่าพี่ศรัณเป็นพี่ชาย คุณภาสุรียกโทษให้ดาวนะคะ ช่วยพูดให้คุณภาสเข้าใจดาวด้วย ตอนนี้ดาวก็เลิกกับแฟนแล้ว”
ภาสุรีเห็นดาวมองเธออย่างฝากเนื้อฝากตัว ยอมเป็นลูกไล่ให้ภาสุรี เด็กคนนี้ว่านอนสอนง่ายดี
“เรื่องนี้ไม่กระทบกับงาน ชั้นไม่ถือเป็นสาระแล้วกัน ชั้นยังเชียร์เธอกับพี่ภาสเหมือนเดิม เพราะระหว่างเธอกับลี ชั้นอยากได้คนหัวอ่อนอย่างเธอมาเป็นแฟนพี่ชาย จะได้ไม่สร้างปัญหาให้ชั้น”
ดาวรีบประจบ “ดาวจะเชื่อฟังคุณภา คุณภาสั่งให้โดดตึก ดาวก็โดดค่ะ เอ่อ...นอกจากเรื่องแฟน ดาวยังมีอีกเรื่องที่ต้องสารภาพความจริงค่ะ”

ภาสุรีพาดาวมาสารภาพผิดกับวิไลลักษณ์ถึงห้องท่านประธานช่องเรื่องฐานะทางบ้านดาว
วิไลลักษณ์รอนาน ชักรำคาญ “มีอะไรก็มีพูดมาสิ เสียเวลาชั้น”
“อ่า...” ดาวยกมือไหว้ขอโทษก่อน “ดาวต้องขอประทานโทษอย่างสูง ดาว...เออ...บ้านดาวไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่บอกคุณวิไลลักษณ์ค่ะ แม่ดาวเป็นชาวสวน ไม่ใช่เจ้าของโรงงาน
แววตานางพญาวิไลลักษณ์ลุกโชน จ้องมองดาว เด็กสาวหน้าตาใสๆ คนนี้กล้าโกหกนาง
ภาสุรีช่วยพูด “คุณแม่คะ เด็กมีความทะเยอทะยาน อยากไต่เต้า พอเข้ามารู้จักบ้านเรา เลยไม่กล้าบอกว่าที่บ้านจน”
วิไลลักษณ์สอนเชิงด่า “นักข่าวต้องมีจรรยาบรรณ นำเสนอข่าวอย่างถูกต้อง ประเด็นชีวิตส่วนตัว เธอยังโกหก คุณธรรมขั้นพื้นฐานติดลบ แล้วเธอจะเป็นนักข่าวที่ดีได้ยังไง”
ดาวไม่เถียง ใช้น้ำตาเป็นเครื่องมือ บีบเค้นมันเข้าไป จนน้ำตาไหลออกมาจริง ๆ
ผิดคาดวิไลลักษณ์เห็นน้ำตาก็ไม่สงสาร เธอไม่ชอบคนโกหก “รู้แต่แรกว่าเธอเป็นคนโกหก ชั้นจะ
ไม่ปั้นเธอ”
“ดาวเสียใจค่ะ” ดาวสะอีกสะอื้น กะเรียกคะแนนสงสารเต็มที่
“ไม่ติดว่าเธอเป็นพิธีกรหลายรายการ ชั้นจะปลดเธอให้เป็นเยี่ยงอย่าง เมื่อเธอไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ระยะทางที่เหลือ เธอก็ดั้นด้นไปเอง ชั้นไม่ช่วยผลักดัน แล้วถ้าเธอเอานิสัยส่วนตัวไปใช้ในการทำงาน ชั้นทำนายไว้เลย เธอจะเหมือนร่มชูชีพสายขาด ลอยดิ่งลงพื้นจนแทบมองไม่ทัน”
“ภาจะคุมดาวเองค่ะคุณแม่ ไม่รบกวนคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ”
ภาสุรีพาดาวที่ยังบีบน้ำตาไม่เลิกออกไป
โอภาสส่ายหัวไม่อยากเชื่อ “หน้าตาก็ใสซื่อน่ารัก ไม่น่าเป็นคนโกหกนะคุณ”
“ชั้นล่ะกลัวหนีเสือปะจระเข้ กลัวเด็กดาวจะร้ายกว่าแม่ลี”
วิไลลักษณ์ถอนใจ รู้สึกไม่ดีเลย นางพญาอย่าเธอเลือกปั้นคนผิด

ขณะที่ปัญชลีนั่งอ่านหนังสือฮาวทู แนวจิตวิทยาสอนให้ปล่อยวาง ภาสกรตั้งใจมาหาเพื่อขอคืนดี พร้อมหอบหิ้วหนังสือของปัญชลีเอามาคืนด้วย สายตาที่เขามองจ้องปัญชลี เปี่ยมไปด้วยความรักความผูกพัน ไม่ต่างกับปัญชลีที่มองเขาในสายตาเดียวกัน
“ผมกลัวลีไม่ให้ผมเข้าบ้าน เลยไปขนหนังสือในห้องทำงานลี เป็นข้ออ้าง เอาหนังสือมาคืน เราแยกบ้านกันมา 2 เดือนกว่าแล้ว...คืนดีกันเถอะลี”
“ดาวล่ะคะ ภาสคบดาวอยู่” ปัญชลียิงตรง
“ผมไม่ได้คบกับดาว ดาวเป็นแค่ลูกน้อง ลี ผมพูดกับลีซ้ำๆ มาหลายปี ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานด้วย คือลีคนเดียว”
“ถ้าเราจะแต่งงานกัน เราต้องคุยกันแบบเปิดอก วันหน้าได้ไม่มีปัญหา ภาสรู้สึกยังไงกับดาว บอกลีมาตามตรง ลีไม่โกรธหรอกค่ะ ลีรู้แล้ว ลีเองก็มีส่วนผิด ลีละเลยภาส”
ภาสกรเงียบ ไม่อยากบอกความจริงในใจลึก ๆ ที่มีต่อดาว
“ภาสไม่บอก เราก็เดินหน้าไม่ได้ ติดหล่มอยู่อย่างนี้ ภาสชอบเด็กคนนั้นหรือเปล่าคะ”
“ผมยอมรับ ผมเผลอใจให้ดาว”
คำตอบนั้นทำให้ปัญชลีเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงทรวง น้ำตาแทบร่วง
“เพราะอะไรคะ เด็กคนนั้นมีอะไรที่ลีไม่มี”
“ความเอาใจใส่ แต่มันไม่สำคัญหรอกจ้ะ ความรักของเราสำคัญกว่า”
“วันนี้รัก ก็ทนได้ วันหน้าพอความรักจืดจาง ภาสก็นึกเสียดายที่เลือกคนผิด ลีไม่อยากแต่งงานไปแล้วต้องคอยระแวง สามีจะหาผู้หญิงอื่นมาชดเชยข้อด้อยของเราเมื่อไหร่”
“ที่ลีไม่เอาใจผม ไม่ใช่ข้อด้อยนะจ๊ะ”
“ภาสอย่าหลอกลี อย่าหลอกตัวเองเลยคะ ลีคิดว่า เราควรถอยกลับไปเป็น...เพื่อนกันเหมือนเดิม ให้โอกาสตัวเอง เลือกคนที่ดีที่สุด”
“ลีคือคนดีที่สุดของผม”
“ถ้าลีดีที่สุดจริง ภาสไม่เผลอใจให้คนอื่นหรอก”
ภาสกรไม่แย้ง เพราะเป็นความจริง ข้อเสียของแฟนสาว ทำให้เขาเผลอใจให้ดาว
“ลียังรักผมมั้ย”
“รักค่ะ ลีถึงไม่อยากให้เราทนทู่ซี้คบกัน แล้วภาสก็นอกใจลี มีอะไรกับคนอื่น จนเราเกลียดกัน จบซะตอนนี้ เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
“ให้โอกาสผมแก้ตัวไม่ได้เหรอลี ผมจะไม่เผลอใจอีก”
“อย่ารับปากเลยค่ะ ลีเองก็ไม่กล้ารับปาก ลีจะปรับปรุงตัว แก้ไขข้อเสียตัวเองได้ เป็นเพื่อนกันน่ะดีที่สุด เพราะไม่คาดหวัง”
ภาสกรใจหาย “เรา...เราจะกลับมาคบกันมั้ย”
“วันนึงค่ะ วันนึงที่เราแน่ใจ เราสองคนเป็นคนดีที่สุดของกันและกัน”
“ลี...ผมขอโทษ” ชายหนุ่มร้องไห้ออกมาเงียบๆ
“เราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละค่ะภาส”
ปัญชลีจับมือภาสกร ต่างคนต่างปลอบใจอีกฝ่ายที่ร้องไห้ บัดนี้ความสัมพันธ์เหลือเพียงคำว่าเพื่อน เป็นการจบกันด้วยความเข้าใจ

เย็นนั้น ภาสกรขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์เศร้าหมอง สองคนตกลงเป็นเพื่อนกัน พอลงจากรถ ก็เห็นดาวที่รออยู่เดินตรงมาหา ภาสกรหน้าตึงใส่ ไม่ชอบที่โกหกเขาหลายเรื่อง
“ดาวเคยคิดจะจับคุณภาส”
ประโยคแรกของดาวดึงความสนใจภาสกรได้ชะงัดนัก จนอยากฟังต่อ
“เด็กต่างจังหวัดมักทะเยอทะยานกว่าเด็กกรุงเทพฯ ดาวอยากมีชื่อเสียง อยากรวย อยากเข้าสังคมไฮโซ คุณภาสพาดาวไปถึงจุดนั้นได้ ดาวเลยโกหกว่าไม่มีแฟน แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจับคุณภาส”
“กิเลส ทำให้คุณแยกแยะถูกผิดไม่ได้”
“ค่ะ ใจดาวเต็มไปด้วยกิเลส แต่ ความรัก ก็เข้ามาทำให้ดาวแยกแยะดีชั่วได้ พอใกล้ชิดคุณภาส ดาวก็รักคุณภาสจริง ๆ” ดาวเริ่มร้องไห้ พูดระบายทุกอย่างจากใจ “คุณภาสทำให้ดาวรู้สึกอบอุ่น มั่นคง ดาวอยากอยู่ใกล้คุณภาสตลอดเวลา ดาวไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน”
“เอาคุณศรัณไปไว้ไหนล่ะ”
“ดาวให้พี่ศรัณได้แค่พี่ชายค่ะ”
“ผมก็ให้คุณได้แค่...เจ้านายกับลูกน้อง”
ดาวปล่อยโฮออกมา ภาสกรเกือบใจอ่อน เดินไปใกล้ๆ จะปลอบ แต่ห้ามตัวเองไว้ทัน
“กลับไปหาคุณศรัณเถอะ ผู้ชายคนนั้นรักคุณมาก อย่าให้มันสายเกินไป”
โดนภาสกรเสือกไสไล่ส่ง ดาววิ่งร้องไห้ไปขึ้นรถขับกลับไป
ภาสกรมองตามรถที่แล่นออกไป รู้สึกอาลัยอาวรณ์พอประมาณ
ภาสุรีแอบดูอยู่ในบ้าน ออกมาหาพี่ชาย
“ชอบเด็กคนนั้น ก็ให้โอกาสสิคะพี่ภาส ดาวไม่ดีกับแฟนเก่า ไม่ใช่ว่าต้องไม่ดีกับพี่ด้วย”
“พี่ไม่ได้ชอบดาว”
“สายตาพี่บอกอีกอย่าง”
ภาสกรไม่เถียง เขาชอบดาว ถูกใจดาวไม่น้อย
ภาสุรีเข้าบ้านไปปล่อยให้พี่ชายใช้ความคิดตามลำพัง เวลานี้ใจภาสกรมีผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งยึดพื้นที่ในหัวใจมากกว่า ส่วนอีกคนเพิ่งก้าวเข้ามา
ภาสกรเปรียบเทียบผู้หญิง 2 คนจากหลายๆ เหตุการณ์ ทั้งคู่มีข้อดีข้อด้อยต่างกัน

ชายหนุ่มหนักใจ หยุดคิด ถือกระเป๋าทำงานเข้าบ้านไป

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

อยู่มาวันหนึ่ง สองหนุ่มสาวแวะมาเยี่ยมถึงบ้าน ปัญชลีสอนเทคนิคอ่านข่าวให้แพรพรรณ เพื่อเตรียมตัวสอบผู้ประกาศ

แพรพรรณอ่านออกเสียง “กระทรวงศึกษาเพิ่มหลักสูตรวิชา ประ - วัติ - ศาสตร์”
ปัญชลีแย้ง “ประ- วัติ- ติ- ศาสตร์”
“อ่าน ประ-วัติ- ศาสตร์ ก็ได้ค่ะ ถูกเหมือนกัน”
ปัญชลีดุ “พี่อ่าน ประ-วัต-ติ-ศาสตร์ แพรต้องอ่านเหมือนพี่”
ระหว่างนี้ภานุกับเก้พร้อมใจกันยกป้ายวงกลมสีแดงให้ปัญชลี แพรพรรณเห็นคนอื่นยก ก็ยกป้ายวงกลมสีแดงด้วย
“พี่ผิดตรงไหน ก็พี่อ่านอย่างนี้” ปัญชลีเซ็ง
“แพรมีสิทธิ์อ่านแบบไหนก็ได้ พี่ลีไม่ควรบังคับ” เก้บอก
“อ่ะๆ อยากอ่านยังไงก็ตามใจ เวลาสอบผู้ประกาศ ก็อ่านได้ทั้งสองแบบ”
แพรพรรณยิ้ม ฝึกอ่านข่าวต่อ “กระทรวงศึกษาเพิ่มหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ ในระดับชั้น
ประถม...”
ปัญชลีชี้ไอ้ป้ายวงกลมสีเขียวสีแดงที่พวกน้องๆ มีคนละ 2 อัน 2 สี
“แค่เตือนพี่ได้มั้ย ไม่ต้องชูป้าย พี่รู้สึกเหมือน ทำผิดกฎจราจร”
“พี่เก้อุตส่าห์ทำป้ายมาแจก ไฟแดงคือ ไม่ผ่าน ไฟเขียวคือ ผ่าน ต้องใช้ครับ ไม่งั้นเสียของ” ภานุว่า
“พี่ลีอยากได้ไฟเขียว ก็อย่าบังคับคนอื่น อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่” เก้บอกเสริม
“เฮ้อ ไม่น่าให้วานให้พวกน้อง ๆ คอยเช็คพฤติกรรมเลย เจอแต่ไฟแดง”
ปัญชลีหน้ามุ่ยรู้ชะตา พวกน้องๆ หัวเราะขำ

ฝ่ายศรัณโดนดาวสั่งห้ามเข้าสถานี เลยต้องเอาดอกไม้มาง้อดาวที่คอนโด เคาะประตูอยู่นาน แต่ดาวไม่มาเปิดให้ ศรัณเลยวางดอกไม้ไว้หน้าห้อง
พอเสียงเงียบศรัณไป ดาวก็ออกมาหยิบช่อดอกไม้ หน้าตาเฉยชาไม่ใจอ่อนให้ศรัณแน่นอน
ดาวทิ้งช่อดอกไม้ของศรัณลงถังขยะ กลับไปนั่งทำการ์ดต่อ ประดิษฐ์เอง ตัดรูปดอกไม้ รูปหัวใจ แปะ จนออกมาสวยน่ารัก ดาวเขียนคำขอโทษลงบนการ์ด ยิ้มอย่างมีความหวัง

เกิดหลายๆ เหตุการณ์ตลอดหนึ่งเดือนมานี้
ดาวเข้าช่องแต่เช้า แอบเอาการ์ดทำเองมาเสียบหน้ารถภาสกร พอตกตอนตอนเย็น หลังเลิกงาน ภาสกรมาที่รถ เห็นการ์ดเสียบอยู่หยิบมาเปิดอ่าน “ดาวขอโทษค่ะ ” ภาสกรเฉย ๆ ใจแข็งกับดาว
ส่วนที่โถงบ้านปัญชลี พิธีกรและผู้ประกาศข่าวมือหนึ่งสอนให้แพรพรรณอ่านข่าว ดุด่าอย่างเคย โดนเก้ ภานุ แพรพรรณ และยกป้ายสีแดงให้ พฤติกรรมปัญชลีไม่ผ่าน ปัญชลีเซ็ง ส่วนน้องๆ ขำ
ด้านศรัณยังคงเดินหน้าง้อขอคืนดี เอาดอกไม้วางหน้าห้องแล้วจากไป ส่วนในห้องดาวตั้งอกตั้งใจทำการ์ด ขอโทษภาสกร
อีกวันหนึ่งภาสกรจะกลับบ้าน มาขึ้นรถ ไม่เห็นการ์ดของดาว ก็มองหาเป็นการใหญ่ จนเห็นการ์ดตกอยู่ข้างรถจึงเก็บขึ้นมา พบว่าการ์ดใบนี้ตกแต่งน่ารัก ภาสกรอมยิ้มนึกถึงคนทำ ในการ์ดเขียนด้วยลายมือน่ารัก “Sorry ค่ะ ดาว”

หนึ่งเดือนต่อมา วันนี้ที่บ้านปัญชลีบันเทิงมาก มีปาร์ตี้ตำส้ม แพรพรรณกับเก้เป็นแม่ครัว แพรพรรณตักปลาร้าใส่ครก
ปัญชลีแซวขำๆ “กินเข้าไป พยาธิน่ะ”
“ปลาร้า ถ้าทำถูกหลักอนามัย ก็ไม่มีพยาธิค่ะพี่ลี”
ปัญชลีเพียงยิ้มไม่โต้ไม่เถียงไม่แย้งอีก พวกน้องๆ พร้อมใจกันยก ป้ายสีเขียวให้ผ่าน ปัญชลีเห็นถึง 3 เขียว ก็หัวเราะขัน
“อุ๊ยตาย รู้สึกเหมือนได้ปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิต
ภานุสุดจะทึ่ง “โอ้...พี่ลีเล่นมุข”
“เป็นแต่ก่อน พี่ลีต้องหาเหตุผลมาแย้งแพร พี่ลีเปลี่ยนไปเยอะเลย” เก้ว่า
“เพิ่งเดือนกว่าๆ เองเก้ ตัวตนคนเราไม่เปลี่ยนง่ายๆ หรอก น้องๆ ก็คอยสะกิดพี่ล่ะ เวลาพี่ไม่ฟังใคร”
แพรพรรณยิ้มร่า “ได้เลยค่าพี่ลี ปลาร้าอีกช้อนนะพี่เก้ หอมดี”
ภานุขยับไปนั่งใกล้ปัญชลีลีกระซิบปรึกษา
“พี่ลีครับ คุณแม่จะให้ผมช่วยพี่ภาสบริหารช่อง”
“คุณแม่แพลนจะวางมือสิ้นปี ก็จวนแล้ว นุก็ควรช่วยภาส”
ภานุหน้าเครียด “ผมจะบอกแพรยังไงว่าเป็นลูกเจ้าของช่อง”
“แพรเป็นเด็กมีเหตุผล ต้องเข้าใจ” ปัญชลีรู้ทัน แซว “กลัวสาวงอน”
ภานุเก๊ก ทำไขสือ ปัญชลีขำภานุทำเป็นฟอร์ม
ภานุมองแพรพรรณจกส้มตำปลาร้ากินอย่างเอร็ดแอร่ม แล้วใจแป้ว กลัวทำผู้หญิงน่ารักคนนี้โกรธ เลิกเป็นเพื่อนกับเขา

เช้าวันนี้ รถตู้คันหรูของครอบครัวหิรัญกุลแล่นมาจอดตรงที่จอดรถผู้บริหารหน้าตึก ทุกคนทยอยลงจากรถทีละคน คนสุดท้ายที่ก้าวลงมาคือภานุ ที่วันนี้สวมใส่ชุดสูทหรูราคาแพง ตัดเย็บเนี้ยบเหมือนพ่อกับพี่ชาย มาในมาดผู้บริหารช่องเต็มตัว
ครอบครัวหิรัญกุลเดินเข้าตึกมายังโถง พวกพนักงานไหว้ มองภานุอย่างสงสัย

พนักงานมากันมากพอสมควร ครอบครัวหิรัญกุลเดินเข้ามาในฝ่ายรายการ ภานุถูกยืนล้อมด้วยพ่อแม่พี่ เหมือนไข่ในหิน แพรพรรณและทุกคนแปลกใจมาก ไหงภานุแต่งตัวซะดี แถมมากับทีมผู้บริหาร
“ผมพาน้องชายมาแนะนำตัวที่ฝ่ายรายการก่อน เพราะผมจะมอบหมายให้น้องช่วยผมดูผังรายการ”
ภานุก้าวมายืนหน้าครอบครัว แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับ ผม ภานุ ทุกคนรู้ชื่อจริงผมแล้ว แต่ไม่รู้นามสกุลจริงผม ชื่อจริงนามสกุลจริงผม ภานุ หิรัญกุล ผมเป็นน้องชายพี่ภาสกับพี่ภาครับ”
ทั้งห้องฮือฮา แพรพรรณออกอาการเหวอสุดในกลุ่ม ภานุมองแพรพรรณว่าจะโกรธเขามั้ย
“ภานุเป็นลูกชายคนเล็กของคุณพ่อคุณแม่ ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก เวลากลับเมืองไทยก็ไม่ออกสื่อ เลยไม่มีใครเคยเห็นหน้า” ภาสุรีเสริม
“ขอบคุณทุกคนมากที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีให้ลูกชายผม” โอภาสเยื้อนยิ้ม
ดาวหน้าเสีย “ตายแล้ว ไปเหยียดภานุไว้เยอะ”
ศินีนาฏเสนอหน้าไปใกล้ภานุ ออกหน้าเลียก่อนใครเพื่อน
“ว่าแล้วเชียวคุณภานุต้องไม่ธรรมดา เวลา Brain Storm ในที่ประชุม ความคิดเฉียบคมมาก”
ภานุหัวเราะหึๆ รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เลียครับท่าน
วิไลลักษณ์ไปแนะนำตัวกับฝ่ายการตลาดต่อ
ครอบครัวภานุออกไป ภานุหันมามองแพรพรรณ ห่วงความรู้สึกแพรพรรณจะคิดยังไง
“พี่เคยอ่านเจอ คุณวิไลลักษณ์มีลูกหลงคนนึง หวงมาก ไม่คิดว่าเป็นภานุ”
“ดีนะ จอยไม่เคยจิกใช้นุ”
“เพอร์เฟคเหมือนคุณภาสกรเลยเนอะ เปิดตัวอย่างเนี้ย สาวรุมสะกรัมแหงมๆ”
แพรพรรณฟังแอนพูดถึงภานุแล้วใจหาย เขาไม่ใช่นายโย่งของเธออีกแล้ว เป็นถึงลูกชายเจ้าของช่อง หล่อ รวย การศึกษาดี จะมองผู้หญิงติดดินแบบเธอหรือ

แพรพรรณหน้าตาเซ็งๆ กำลังจะลงบันไดไปข้างนอก ภานุโลดลิ่วลงบันไดจากชั้น 3 แทบจะเหาะลงมาหาแพรพรรณ
“แพร ผมขอโทษที่ไม่บอกว่าผมใคร กลัวบอกไปแล้ว ทุกคนเกร็ง ไม่กล้าใช้งานผม”
“นี่ก็เกร็งอยู่เนี่ย ค่ะ คุณภานุ”
“เรียกนุเหมือนเดิมเหอะ ผมไปด้วยคนนะแพร”
“ไปไหน”
“เอ้า แพรไลน์ บอกผมเมื่อคืน วันนี้แพรมีนัดสอบใบผู้ประกาศ ผมไปเป็นเพื่อน”
วิไลลักษณ์ลงบันไดมาจากชั้น 3 เห็นลูกชายสุดหวงคุยอยู่กับสาวก็หยุดมองมา
“คุณแม่จะไปไหนครับ”
“ไปหาเพื่อนที่หนังสือพิมพ์” วิไลลักษณ์หวงลูกชาย “ห้องทำงานใหม่เราอยู่ชั้น 3 นะตานุ กลับขึ้นไป”
แพรพรรณส่งสายตาบอกให้ภานุกลับขึ้นห้องทำงานไปเหอะ
“ไลน์บอกด้วยนะว่าเป็นไง” เขากลับขึ้นชั้น 3 มองเกรงๆ รู้ว่าแม่หวง
วิไลลักษณ์ไม่ได้พูดอะไรกับแพรพรรณ แค่ปรายตาจิกมองมาก็ทำเอาอีกฝ่ายขนลุกซู่ กลัวเกรงบารมีนางพญาแล้ว

ภาสกรคุยงานกับภาสุรี
“สรุปรูปแบบรายการแล้ว ภาจะเอามาให้พี่ภาสดูอีกทีค่ะ พี่ภาสขา เย็นนี้เราไปกินข้าวข้างนอกกันนะคะ”
ภาสกรรู้ทัน “เลิกทำตัวเป็นแม่สื่อให้พี่กับดาวเถอะภา พี่จะรักชอบใคร พี่เลือกของพี่เอง”
“ภากลัวพี่ภาสเลือกคนผิดนี่คะ ถึงดาวมีข้อเสีย แต่ก็ดีกว่า คนเก่า ของพี่เป็นไหนๆ”
ภาสกรตัดบทน้องสาวด้วยการหยิบแฟ้มงานมาอ่าน ภาสุรีมองพี่ชายอย่างกังวล กลัวจะกลับไปคืนดีกับปัญชลี ไม้เบื่อไม้เมาของเธอ

ปัญชลีกับเก้กลับจากช้อปปิ้ง ท่าทางปัญชลีมีแรงใจขึ้นเยอะร่าเริงสดใส มีเสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนชั้นบนของบ้าน
“ภาส”
ปัญชลีดีใจ คิดว่าภาสกรกลับมาหา รีบวิ่งขึ้นบันไดไปหาทันที
พอปัญชลีกับเก้เข้ามาก็ต้องตกตะลึง ไม่ใช่ภาสกร กลายเป็นดาวกำลังเก็บเสื้อผ้าภาสกรใส่กระเป๋า ส่วนตุ่นนอนสะอิ้งกายเล่นบนเตียงนอน กะเทยกับชะนีไม่แคร์
“เข้ามาได้ยังไง” ปัญชลีโมโห แต่ควบคุมอารมณ์ต่างจากทุกครั้ง
“คุณภาสกรให้ดาวมาเก็บเสื้อผ้าจากรังรักเก่า” พลางโชว์กุญแจห้องให้ดู
ปัญชลีเสียใจ ภาสกรปล่อยให้ดาวบุกมาถึงบ้านที่เคยอยู่ด้วยกัน
ดาวเดินมาหาปัญชลี จ้องหน้าอย่างเคียดแค้นชิงชัง โดยไม่ทันตั้งตัวดาวตบหน้าปัญชลีฉาดใหญ่
“แกเคยตบชั้นหน้า”
ปัญชลีถลึงตาใส่ พยายามระงับอารมณ์ “เป็นเมื่อหลายเดือนก่อน ชั้นต้องกระโจนใส่เธอ แต่ตอนนี้ชั้นรู้แล้ว การใช้กำลังไม่มีประโยชน์อะไร กลับไปซะ”
ดาวเหยียดยิ้ม ได้ใจ “แกนี่เป็นลูกหนี้ชั้นดีนะ เมื่อกี้เงินต้น ส่วนนี่ ดอกเบี้ย”
ดาวตบหน้าปัญชลีอีกฉาด ปัญชลีโกรธจัด เงื้อมือจะตบคืน แต่ยั้งตัวเองไว้ได้
ปัญชลียั้งมือแต่เก้ไม่ กระโจนใส่ดาว อีตุ่นวี้ดรีบแถมาช่วยลูกสาว ซัดกับเก้ กะเทยสองสายพันธุ์ตบกันวุ่นล้มกลิ้ง จิกหัว ทึ้งเสื้อผ้า เก้นั้นแมนกว่า ปล่อยหมัดใส่หน้าตุ่นจนหงายเงิบ
“อ๊อย อีกแล้วนะ อีเกย์ซาดิสต์”
เก้อัดตุ่นแหลก เตะป้าบๆๆๆ ตุ่นสู้เก้ไม่ไหว ดาวช่วยตุ่นรุมเก้
ปัญชลีวิ่งออกไปนอกห้อง แป๊บเดียวก็กลับมาพร้อมกับเครื่องช็อตไฟฟ้า จะช็อตตุ่น ดาวแย่งเครื่องช็อตไฟฟ้านั้นมา สองสาวสู้กัน จนเครื่องช็อตไฟฟ้าหลุดจากมือปัญชลี ตกบนพื้นห้อง ทั้งสี่คนสู้กันชุลมุน
สุดท้ายเก้คว้าเครื่องช็อตไฟฟ้าได้ จัดการตุ่นก่อน ตุ่นโดนช็อตไปหน่อยเดียว ชักแหง่กๆ
“หนีค่ะเจ๊ตุ่น”

ดาวคว้ากุญแจห้อง รีบพาตุ่นวิ่งหนีลงไป เก้ตามจะไปติดๆ

พอเปิดประตูบ้านออกมาได้ ดาวกับตุ่นวิ่งหนีมาขึ้นรถ เก้ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าไล่ตามมา ปัญชลีมาด้วย

ตุ่นกะเผลกๆ มา เพราะโดนช็อต “เร็วๆ ซี่”
ดาวลากหนีไปได้ก่อนจะโดนเก้ช็อตอีกรอบ
“ไม่น่าเลย กะจะได้ช็อตให้เกรียม หนอย มาทำพี่ลีของผม”
ปัญชลีหน้าเศร้า “ภาสย่ำยีน้ำใจพี่ ให้ดาวมาเอาเสื้อผ้า”
“ดาวต้องขโมยกุญแจมา”
“ภาสเก็บกุญแจไว้กับตัว ดาวจะขโมยได้ยังไง”
ปัญชลีเดินคอตกกลับเข้าบ้านไป เก้มองตามสงสารจับใจ
เก้กดโทร.ออกทันที “พี่เก้นะครับนุ

ภานุเดินลงบันได พลางคุยโทรศัพท์กับเก้ หน้าตาไม่พอใจหลังเก้โทร.มาเล่าเรื่องดาวบุกไปบ้าน
ปัญชลี ภาสุรีขึ้นบันไดมาจะไปหาพี่ชาย
“ผมจะสืบให้ครับ พี่ภาสให้กุญแจห้องดาวหรือเปล่า” เขาวางสายไป
ภาสุรีได้ยินน้องคุยโทรศัพท์ “ไม่ต้องสืบพี่ให้กุญแจดาวเอง”
ภาสุรีเล่าว่าเป็นคนให้กุญแจบ้านปัญชลีกับดาเอง
“ไปเอาเสื้อผ้าพี่ภาสที่ห้องลี ลีได้หมดหวังว่าพี่ภาสจะรีเทิร์น”
ดาวรับกุญแจมา ยิ้มร้าย งานนี้ดาวทำได้สบายมาก
ฟังแล้วภานุเครียด ถามพี่สาวตรงๆ “ดาวมีดีตรงไหน ทำไมพี่ภาถึงเชียร์ครับ”
“เรื่องอะไรพี่จะเชียร์คนที่ชอบกดหัวพี่ ทำให้พี่รู้สึกด้อย นุห้ามบอกพี่ภาสว่าพี่แอบหยิบกุญแจมา พี่จะเอาไปวางคืนที่เดิม”
“พี่ภาไม่น่าทำแบบนี้เลยครับ” ภานุตำหนิ
“ระหว่างพี่ กับ ลี นุเลือกใคร”
ถูกพี่สาวขี้โรคยืนคำขาดภานุจำใจ “ผมจะไม่บอกพี่ภาสครับ”
ภาสุรียิ้มให้น้องชายแล้วเดินขึ้นชั้น 3 ไป
ภานุกดโทร.หาใครคนหนึ่ง “พี่เก้ครับ”

ฝ่ายปัญชลีจมอยู่กับความเศร้า ขณะเก็บเสื้อผ้าภาสกรที่ตกตามพื้นใส่กระเป๋า เก้วางสายจากภานุเข้ามาหา
“นุโทร.มาบอก คนที่ให้กุญแจห้องดาว คือ คุณภา พี่ภาสไม่รู้เรื่องครับ”
ปัญชลีสบายใจขึ้นมาก “ภาสไม่ได้ใจร้ายกับพี่”
“พี่ภาสรักพี่ลีมาก ตอนนี้ก็รอให้พี่ลีใจอ่อน ได้กลับมาหาพี่ลี”
เก้เอาเสื้อผ้าภาสกรจากกระเป๋า จัดใส่ตู้เสื้อผ้าตามเดิม
ปัญชลีช่วยเก้ ยิ้มอย่างมีความหวัง

ฝ่ายภาสกรดูการ์ดหลายสิบใบที่ดาวทำให้ และนำมาเสียบไว้หน้ารถเขาทุกวัน มาเดือนกว่า ล้วนเป็นการ์ดเขียนคำขอโทษ ภาสกรยิ้ม รู้สึกดีที่ผู้หญิงคนนี้ทุ่มเททำเพื่อให้เขาหายโกรธ โอภาสเข้ามาหาลูกชายใหนห้องทำงาน เห็นการ์ดบนโต๊ะก็มองฉงน
ภาสกรรีบเก็บการ์ดใส่กล่อง “คุณพ่อมีอะไรครับ”
“พ่อมาถามว่าจะให้เจ้านุดูรายการอะไรบ้าง...การ์ดใครน่ะภาส”
“การ์ดดาวครับ ดาวทำเองทุกใบ 32 วัน 32 ใบ แอบมาเสียบหน้ารถผมทุกวัน”
โอภาสหยิบการ์ดมาเปิดอ่าน “อภัยให้ดาวนะคะ...เด็กคนนี้ก็มีมุมน่ารักนะ”
“ดาวเค้าเป็นผู้หญิงที่มีหลากหลายมุมครับคุณพ่อ มุมทำงาน น่าชื่นชม มุมครอบครัว น่าสงสาร มุมความรัก อันนี้ซับซ้อนหน่อย มีทั้งที่น่ารัก แล้วก็น่าตำหนิ ส่วนนิสัยส่วนตัว ดาวอ่อนหวาน ช่างเอาใจใส่”
“บรรยายคุณสมบัติเค้าซะละเอียด แสดงว่าภาสใส่ใจดาว ภาสยังโสดอยู่ มีสิทธิ์เลือก ยังไงก็ดูให้ดีล่ะลูก”
“ดีคือยังไงครับคุณพ่อ มีมาตรฐานอะไรมาวัดว่าผู้หญิงคนนี้คนนั้นเป็นคนดี”
“เราไม่รู้หรอกว่า ผู้หญิงที่เราชอบ ดีจริงหรือเปล่า จนกว่า...จะทำความรู้จักตัวตนเค้า”
ภาสกรมองการ์ดสวยน่ารักที่ดาวประดิดประดอยทำเอง เขาอยากรู้จักตัวตนดาว จะน่ารักเหมือนการ์ดที่ทำหรือเปล่า

เย็นแล้ว ดาวเดินทอดอารมณ์มาที่รถ ตลอดเดือนที่ผ่านมา หล่อนเพียรทำการ์ดง้อภาสกร ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากชายหนุ่ม ทำให้เริ่มห่อเหี่ยว
กระดาษโน้ตเสียบอยู่ใต้ที่ปัดน้ำฝนรถดาว
ดาวหยิบกระดาษโน้ตมาอ่านงงๆ “ผมให้อภัยคุณ”
ภาสกรที่ยืนแอบอยู่ เดินยิ้มมาหาดาว
เขาหายโกรธและให้อภัยแล้ว ดาวเต็มตื้นแทบจะวิ่งไปหาภาสกร
“ไม่ต้องทำการ์ดมาให้ผมแล้วนะ”
“ดาวจะทำค่ะ การ์ดวันเกิดคุณภาสกร การ์ดวันคริสมาสต์ วันปีใหม่ วันสงกรานต์ การ์ดวันเข้าพรรษาด้วยดีมั้ยคะ”
ภาสกรหัวเราะเอ็นดู เด็กคนนี้น่ารัก ช่างฉอเลาะช่างเจรจา อยู่ด้วยแล้วชุ่มฉ่ำหัวใจ
ดาวเป็นฝ่ายจับมือภาสกรก่อน อีกฝ่ายมองตอบอย่างพึงใจ

หลายที่ หลายเวลา
ดาวอยู่ที่คอนโดกำลังอินเลิฟสุดๆ เปิดตำราทำคุกกี้ ปั๊มเป็นรูปหัวใจดวงเล็กๆน่ารัก
วันต่อมาดาวเอาคุกกี้ทำเองใส่กล่องผูกโบว์มาให้ภาสกรที่ห้องทำงาน ภาสกรกินคุกกี้ไม่ค่อยอร่อย
เนื้อแห้ง กินแล้วแทบสำลัก แต่ก็ฝืนกินไปหลายชิ้น
อีกวัน ดาวมากินข้าวมื้อเย็นกับครอบครัวภาสกร วิไลลักษณ์นั้นหน้าตาไม่ค่อยรับแขก หลังรู้ว่าดาวโกหกเรื่องฐานะทางบ้าน ไม่เอ็นดูดาวเหมือนเดิม ดาวเอาใจครอบครัวภาสกร ลุกไปรินน้ำใส่แก้วให้เลยทีเดียว
ภาสกรยิ้มพอใจ ดาวอ่อนน้อมให้ครอบครัวตน
หลังทานอาหารดาวยกขนมมาให้ในสนามหญ้า เดินมาเห็นภาสกรเอาแต่นั่งเหม่อลอย ดาวรู้ภาสกรคิดถึงใคร?

ราว 3 อาทิตย์ต่อมา ดาวกลุ้มใจความสัมพันธ์ไม่คืบ มาระบายกับตุ่น
“คบกับดาวมาเกือบเดือน คุณภาสยังไม่ลืมนังจิ้งจอก แอบคิดถึงมัน”
“อาถรรพ์นางมารจิ้งจอก ล้างยากยิ่งกว่าล้างป่าช้า ไปดักตบแก้แค้นมันกันมั้ยคะลูก”
ดาวคิดหนัก ใช้หัวสมองวางแผนครองภาสกรแบบถาวร
“ดาวต้องรวบรัด ขืนปล่อยไว้ ผู้ชายของดาว ต้องเปลี่ยนสถานะ กลับไปเป็นผู้ชายของปัญชลี”

ตอนกลางวัน ของวันเสาร์ รถคันงามของภาสกรแล่นมาจอดหน้าบ้านดาวที่สมุทรสงคราม สมพรออกมารับลูกสาวกับแฟนใหม่ สีหน้าสมพรไม่สบายใจ สงสารศรัณที่ถูกลูกสาวทิ้ง
“แม่ คิดถึงจังเลยค่า”
ต่อหน้าผู้ชาย หล่อนทำตัวเป็นลูกสาวแสนดีที่รักแม่ สวมกอดแม่ราวกับคิดถึงแทบขาดใจ
“สวัสดีครับคุณน้า” ภาสกรไม่ถือตัวไหว้สมพรอย่างนอบน้อม
สมพรเป็นฝ่ายเกรงใจ “อุ๊ยไม่ต้องเรียกคุณหรอกจ้ะ ดาวโทร.มาบอกว่าคุณภาสกรจะมา น้าทำกับข้าวไว้ต้อนรับเยอะเลย ขึ้นบ้านไปกินข้าวกัน”
ตอนเดินขึ้นบ้าน สมพรเกิดหน้ามืด ล้มวูบ ภาสกรกับดาวช่วยกันประคองไว้
“แม่เป็นลมอีกแล้ว” ดาวแสร้งจะร้องไห้ สร้างภาพว่าเป็นห่วงแม่เหลือเกิน

สมพรนอนพักฟื้นบนเตียงในห้องผู้ป่วย หมอรายงานอาการกับดาวที่อยู่ดูแลแม่
“ความดันปกติ หัวใจเต้นปกติ ที่เป็นลมอาจเกิดจากพักผ่อนไม่เพียงพอ หมอจะสั่งยาบำรุงแล้วกลับบ้านได้”
“ดาวอยากให้แม่นอนดูอาการคืนนึงค่ะหมอ”
“แล้วแต่คนไข้ครับ”
พอหมอออกไปแล้ว สมพรจึงถามขึ้น
“ดาวโทร.มาบอกแม่ ให้แกล้งเป็นลมต่อหน้าคุณภาสกร คิดจะทำอะไรลูก”
ดาวเอ็ดแม่เสียงขุ่น “ทำตามที่ดาวบอกไปเหอะแม่ อย่าถาม”
ภาสกรซื้อนมกับขนมปังมาให้สมพร
“คุณภาสคะ หมอให้แม่ดาวนอนโรงพยาบาลคืนนึง ดาวจะอยู่เฝ้าแม่ คุณภาสกลับกรุงเทพฯไปก่อนนะคะ” หล่อนรู้ดีว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาไม่มีวันยอมแน่
“ผมอยู่รอคุณดาวกลับพร้อมกันพรุ่งนี้ก็ได้ครับ”
ภาสกรส่งกล่องนมให้สมพรกิน คนป่วยปั้นหน้าไม่ถูก ละอายใจที่หลอกภาสกร
ดาวยิ้มกริ่ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

กลางดึกภาสกรเปิดประตูบ้านให้ดาวที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่นอนเฝ้าแม่เหรอครับ”
“กลับมาเอาเสื้อผ้าค่ะ คุณภาสเอาชุดนอนมาจากไหนคะ”
“ไปซื้อที่ตลาดครับ แม่คุณเป็นไงมั่ง”
ภาสกรถามเข้าทาง ดาวทำหน้าเศร้า ปิ่มๆ จะร้องไห้ เดินหนีเข้าห้องนอนไป

พอเดินเข้ามาในห้องนอน ตามที่วางแผนไว้ ดาวก็บีบน้ำตาเล่นละครร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แม่ดื้อ ไม่ยอมเลิกทำสวน สุขภาพก็ไม่ค่อยดี ถ้าแม่เป็นอะไรไป ดาวจะอยู่ยังไง”
“พาแม่ไปอยู่กรุงเทพฯสิครับ”
“คนแก่ติดที่ แม่ไม่ยอมไปค่ะ ดาวยังจำตอนที่พ่อตายได้ วันนั้นโลกดาวของมืดไปครึ่งใบ เสียแม่ไปอีกคน ดาวต้องอยู่ในโลกมืดมิดคนเดียว” ดาวร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าเวทนาเป็นที่สุด
ภาสกรเห็นแล้วสงสารมาก แตะแขนดาวเบาๆ ดาวผวาตัวสวมกอดภาสกรทันที
ภาสกรปลอบขวัญน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่คุณไม่เป็นไรหรอก เชื่อผมนะ”
ดาวเงยหน้าสวยหยาดเยิ้ม น้ำตาพราวขึ้นมองภาสกร แววตาดาวอ้อนวอนขอความรัก ความเห็นใจอยากให้เขาเป็นที่พึ่งพิงใจ
ความเอื้อเอ็นดูระคนสงสาร ทำให้ภาสกรเช็ดน้ำตาให้ดาว แล้วจูบหน้าผากดาวแผ่วเบา ปลอบประโลม
ดาวต้องการมากกว่านั้นใช้สองแขนคล้องคอภาสกร เชิดหน้าไปใกล้หน้าเขามากขึ้น แววตาเชิญชวนอย่างมีชั้นเชิง
ภาสกรพ่ายแพ้ให้ความหวั่นไหวใกล้ชิด ปล่อยใจให้ทำตามอารมณ์ปรารถนา ก้มลงจูบดาวอย่างดูดดื่ม
สองร่างชายหญิงกอดกระหวัดรัดรึงแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันลงบนเตียงนอน

เช้าวันถัดมาศรัณกับพ่อแม่มาเยี่ยมสมพร
“ผมไปตลาด มีคนบอกว่าน้าเข้าโรงพยาบาล เลยมาเยี่ยมครับ”
สมพรรู้สึกผิดกับพ่อแม่ศรัณ “ชั้น...อ่า ชั้นขอโทษนะจ๊ะที่ต้องยกเลิกงานแต่ง”
แม่ต่อว่าทันที “ลูกสาวแม่สมพรไม่รักลูกชายชั้นจริง ก็น่าบอกแต่เนิ่นๆ นี่รอจนซื้อเรือนหอ เตรียมงานไปกว่าครึ่ง”
“เราแค่เลื่อนงานครับแม่ ไม่ได้ยกเลิก” ศรัณว่า
“พ่อไม่ไปหาเถ้าแก่มาสู่ขอให้แล้วนะศรัณ ไม่อยากเบี้ยวผู้ใหญ่อีก” พ่อบอก
“ดาวรู้หรือยังครับ น้าสมพรเข้าโรงพยาบาล”
“ดาวพาน้ามาโรงพยาบาล ตอนนี้ก็อยู่บ้าน”
“ดาวกลับบ้าน” ศรัณดีใจมาก “ผมไปหาดาวนะครับ”
“อย่าไปเลยพ่อศรัณ”
“ทำไมครับ” ศรัณแปลกใจ
สมพรอึกอักไม่รู้จะพูดยังไง ว่าลูกสาวมากับผู้ชายคนใหม่
ศรัณเห็นพิรุธนั้น สงสัยว่าที่บ้านดาวต้องมีอะไร ศรัณรีบไป สมพรจนปัญญารั้งไว้

ภาสกรในชุดนอนนั่งหน้าตาอึดอัดไม่สบายใจอยู่ กังวลที่เมื่อคืนตนปล่อยตัวปล่อยใจจนมีอะไรกับดาว ขณะที่ดาวยกน้ำชามาให้ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ที่บ้านไม่มีกาแฟ มีแต่ชาค่ะ” หน้าตาดาวอิ่มเอม สมหวังดังปรารถนา ตกเป็นของภาสกรสมใจแล้วเมื่อคืน
“ผมขอโทษเรื่องเมื่อคืน สัญญา จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
“ดาวเต็มใจเป็นของคุณภาสค่ะ”
“ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ ผมยังไม่แน่ใจความสัมพันธ์ของเรา จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน”
“แต่ดาวแน่ใจ คุณภาสคือผู้ชายที่ดาวอยากร่วมชีวิตด้วย”
ดาวกอดซบภาสกร ภาสกรโอบดาวไว้หลวมๆ ถึงไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้มากมาย แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียแล้ว
สองคนไม่เห็นศรัณยืนตัวแข็งอยู่หน้าบ้าน มองภาสกรกับดาวนั่งกอดกันอยู่บนนอกชาน ทั้งคู่อยู่ในชุดนอน ไม่ต้องขึ้นไปคาดคั้นถามก็รู้ ว่าเมื่อคืนภาสกรกับดาวนอนด้วยกัน ศรัณน้ำตาตก ตระหนักชัดว่าบัดนี้เขาสูญเสียดาวไปจริงๆ แล้ว
ศรัณทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ไหว วิ่งเตลิดหนีไป

ศรัณซมซานกลับมาสะพานปลาของที่บ้าน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพภาสกรกับดาวกอดกันผุดขึ้นในหัวคอยหลอกหลอนตลอดเวลา
เรือประมงลำหนึ่งกำลังออกจากท่า ศรัณวิ่งไปกระโดดลงเรือ แต่ล้มโครม พวกลูกเรือตกใจ พ่อแม่ศรัณกลับมาจากโรงพยาบาล เห็นลูกชายอยู่บนเรือประมงก็แปลกใจ
“ศรัณ ทำอะไรน่ะลูก”
ศรัณอยู่ในเรือหันไปมองพ่อแม่บนท่าเรือ
“นั่นไม่ใช่เรือเรานะลูก” แม่ตกใจมาก
ศรัณอยากออกทะเลไปให้ไกลที่สุด ไปถึงสุดขอบฟ้าเลยยิ่งดี
เรือประมงบ่ายหน้าออกทะเล ศรัณยืนมองผืนทะเลกว้างเบื้องหน้า น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ลมทะเลพัดมา คงช่วยให้น้ำตาผู้ชายคนนี้แห้งลงในไม่ช้า

ฝ่ายปัญชลีคุยโทรศัพท์ติดพันอยู่ขณะไปเปิดประตูให้ภานุในมาดผู้บริหารสุดหล่อเข้ามา
“อาทิตย์หน้าลีจะโทรบอกนะคะ ขอบคุณค่ะที่นึกถึง” ปัญชลีวางสายมองสำรวจภานุ “แปลกตาไปเยอะนะ แพรเค้าโกรธนุมั้ย”
“ไม่ครับ แต่เค้าทำตัวไม่เหมือนเดิมกับผม”
“ก็นุเป็นเจ้านาย แพรเค้าก็วางตัวลำบาก ช่อง SKY CHANNEL โทร.มาชวนพี่ไปทำรายการข่าว พี่ว่าพี่จะรับงานนี้ คิดถึงงานข่าวมาก ชัตดาวน์ ตัวเองไปตั้งหลายเดือน ถึงเวลารีสตาร์ต”
“พี่ลีครับ ผมมาหาพี่ จะคุยเรื่องงาน”
หน้าตาภานุซีเรียสและจริงจังมาก จนปัญชลีนึกสงสัย
เช้าวันถัดมา แพรพรรณกับทีมงาน นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวเอง แพรพรรณเป็นคนแรกที่หันไปเห็น ปัญชลีกับภานุเดินเข้ามาในฝ่ายรายการ พอทุกคนเห็น ใครทำอะไรอยู่ก็หยุดหมด มองปัญชลีเป็นตาเดียว
“พี่ลี” แพรพรรณยิ้มแฉ่งลุกไปหาปัญชลี
ภานุบอกทุกคนในฝ่าย “พี่ลีจะกลับมาทำงานกับเราครับ”
“สุดยอดไปเลยพี่ลี”
ปัญชลีคนใหม่ดูเป็นมิตรกับลูกน้องมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอกวาดยิ้มให้ทุกคน
“ดีใจที่ได้เจอพวกเราอีกนะ”
“ห้องคุณลี อืม...โดนดาวยึดไปแล้วครับ” ท็อปว่าท่าทีเกรงๆ
ปัญชลียิ้มไม่โกรธเลยสักนิด “มีโต๊ะไหนว่าง”
“โต๊ะนี้ค่ะ” แอนบอก
ปัญชลีเอาของไปวางบนโต๊ะพนักงานทั่วไป
“จอยไปหาเก้าอี้ให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวชั้นไปหาเอง”
ท็อป จอย และแอนมองหน้ากันอึ้งๆ นี่ใช่นิ้งจิ้งจอกจอมเหวี่ยง บ้าอำนาจ เอาตัวเองเป็นใหญ่คนเดิมหรือเปล่า
ภาสกรกับดาวควงกันเข้ามา ภาสกรตกใจที่เห็นปัญชลี
ปัญชลีเป็นฝ่ายส่งยิ้มให้ภาสกรก่อน
ดาวหน้าตึงหวงขึ้นมาติดหมัด แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการควงแขนภาสกรโชว์ให้เห็นกันชัด ๆ
ปัญชลีหน้าเจื่อนไปนิดๆ ภาสกรกับดาวเป็นแฟนกันแล้ว
ทั้งห้องระทึกกันทั้งแถบ แฟนใหม่ออกท่าทางหึงหวงสุดฤทธิ์ ส่วนแฟนเก่าก็เคยร้ายสุดๆ

งานนี้ใครจะอยู่ หรือใครจะตาย?

อ่านต่อหน้า 4

สื่อริษยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

เป็นภานุพาปัญชลีขึ้นมายังห้องประชุมใหญ่ เวลานี้ภานุคุยงานกับภาสกร และ ภาสุรี ภาสกรนั้นมองปัญชลีไม่วางตา ฉายแววอาลัยอาวรณ์ ระคนดีใจ ปัญชลีรู้ว่าถูกมอง แต่พยายามไม่สบตาเขาไม่อยากให้ใจหวั่นไหว

“ผมกำลังจะทำรายการข่าวขึ้นมาแทนช่วงเวลาของรายการถามตรงกับปัญชลี เพราะตอนนี้กระแสรายการแนวซีเรียสทอล์คไม่ค่อยดี เราควรเปลี่ยนเป็นรายการข่าวเชิงเจาะลึก แล้วเอาประเด็นข่าวของวันมาสรุปย่อยจะดีกว่า พี่ลีเป็นคนเก่ง ประสบการณ์ก็มีมาก ผมว่าพี่ลีจะช่วยสร้างรายการนี้ให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้”
ภาสุรีหันมาทางพี่ชาย “พี่ภาสว่าไงคะ”
ปัญชลีเผลอตัวเหลือบมองภาสกรอย่างรอคำตอบ ทั้งคู่สบตากันโดยบังเอิญ
ภาสกรมองปัญชลีเพลินด้วยความคิดถึง ซักพักก็รู้ตัว รีบถอนสายตา พูดเป็นการเป็นงาน
“พี่เห็นด้วยกับเหตุผลของนุ ถ้าจะทำรายการข่าวเชิงลึก ก็ต้องได้คนข่าวเก่งๆ มาคุม พี่เชื่อในความสามารถของลี”
ภาสกรสบตากับปัญชลีอย่างลึกซึ้ง นับถือ เชื่อใจ
ดวงตาปัญชลีมีแววหวั่นไหว รู้ว่าภาสกรพูดอย่างจริงใจ และไม่ปิดบังเลยว่าเขาดีใจที่เธอกลับมาทำงานด้วยอีกครั้ง
ภาสุรีหันมาจ้องหน้าปัญชลี “แต่คนคงยังไม่ลืมเรื่องที่เธอทำเอาไว้ ใครจะไปอยากดูเธออ่านข่าวอีก”
ปัญชลีสะอึกกับคำพูดไม่เกรงใจนั้น
“ปัญหานั้น ผมคิดหาทางออกไว้แล้วครับ”
ทุกคนหันมองภานุเป็นตาเดียว ภานุยิ้มอมภูมิ

ภาสกรเดินเข้ามาในห้อง ยังไม่ทันปิดประตู ดาวก็เดินตาม เหมือนดักรออยู่แล้ว
“คุณภาสคะ”
ภาสกรหันไปมอง “อ้าว ดาว มีอะไรเหรอ”
ดาวมีสีหน้าวิตกกังวลชัดแจ้ง ขณะเดินเข้ามาหา
“ตกลงพี่ลีจะกลับมาทำงานที่นี่จริงๆ เหรอคะ”
“ใช่ ลีจะมาช่วยงานภานุ คุณมีปัญหาอะไรเหรอ”
ดาวอึกอัก เล่นบทสาวแสนดี “ดาว...ดาวกลัวค่ะ พี่ลีคงยังไม่หายโกรธดาว ดาวกลับว่าพี่ลีจะมาแก้แค้น
“เหลวไหล”

ปัญชลีเดินขึ้นบันไดมาจะไปหาภานุ
ดาวกับภาสกรยังคุยกันอยู่ โดยดาวยืนหันหลังให้ประตู โดยไม่รู้ว่าตัวเองปิดประตูไม่สนิท
“แต่ดาวทำให้พี่ลีต้องตกงาน แล้วตอนนี้ ดาวกับคุณภาสก็...”
ปัญชลียืนนิ่ง อึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากเป็นนัยๆ ว่าทั้งสองรักกัน แม้จะพอรู้อยู่แล้ว
“คุณคิดมากไปนะดาว ลีเขาเป็นมืออาชีพพอ แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้”
“แล้วคุณภาสล่ะคะ แยกได้หรือเปล่า” ดาวอดย้อนไม่ได้
“หมายความว่ายังไง”
“การกลับมาของพี่ลีจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า”
ภาสกรอึ้ง รู้อยู่แก่ใจว่ายังมีเยื่อใยกับปัญชลี แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อดาว
“ผมไม่ใช่คนโลเล ถ้าผมบอกว่าจะรับผิดชอบคุณ ก็แปลว่าผมต้องรับผิดชอบ
“ต้อง เหรอคะ คุณภาสพูดเหมือนดาวเป็นหมาแมวข้างถนน ที่คุณจะเก็บมาเลี้ยงเพราะความเวทนา คุณไม่ได้รับผิดชอบดาวเพราะคุณรักดาว”
ภาสกรเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสู้สายตาของดาว เพราะจริงๆ ก็ไม่ได้รักดาว

ปัญชลีตัดใจเดินผ่านหน้าห้องภาสกรไป ทว่าจากประตูที่แง้มอยู่ เสียงดาวลอดมา
“ดาวรักคุณภาสมากนะคะ”
ปัญชลีหยุดกึกโดยไม่รู้ตัว มองเข้าไป เห็นดาวเข้ากอดภาสกร ซบอก
“คุณภาสบอกรักดาวซักคำสิคะว่าคุณรักดาว พูดให้ดาวชื่นใจ แล้วดาวจะไม่ระแวงอะไรอีก
“ดาว”
“ดาวอยากได้ยินคำว่ารักจากคุณภาสค่ะ”
ดาวกระซิบกระซาบ แล้วเงยหน้าขึ้นจูบภาสกร โดยที่อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
ปัญชลียืนมองตะลึงตะไลกับภาพที่เห็น จู่ๆ เสียงภานุก็ดังขึ้นมา
“พี่ลี”
ภาสกรกับดาวได้ยิน รีบผละออกจากกันทันที หันไปมองเห็นปัญชลีที่ยืนอยู่หน้าประตู ปัญชลีรีบถอยออกมา ทำหน้าไม่ถูก ภานุเดินเข้ามาถึง มองเข้าไปเห็นภาสกรยืนอยู่กับดาว
“อ้าว พี่ภาส ผมขอตัวพี่ลีก่อนนะครับ จะเชิญไปคุยเรื่องเงินเดือน เชิญครับพี่”
ภานุพาปัญชลีออกไป ภาสกรมองตามปัญชลี สงสัยว่าเมื่อกี้เห็นที่ตัวเองจูบกับดาวหรือเปล่า
ดาวมองอย่างระแวง นึกว่าปัญชลีมาแอบดู

ปัญชลีกลับลงมาจากไปคุยกับภานุ กำลังจะไปทำงานต่อ แต่ดาวเดินมาดักหน้า
“พี่ลีกำลังคิดจะทำอะไรคะ”
“อะไรของเธอ”
“ยังจะทำไก๋ คิดอะไรถึงไปโผล่ที่หน้าห้องคุณภาส หรือว่าไปแอบดูเราสองคน”
ปัญชลีหน้าตึง “มันอาจจะเป็นนิสัยของเธอ แต่ชั้นไม่ใช่คนไร้มารยาทแบบนั้น ชั้นก็แค่บังเอิญเดินผ่าน”
“บังเอิญ...ช่างบังเอิญได้ถูกจังหวะจริงๆ นะคะ แล้วบังเอิญได้เห็นอะไรๆ ที่ไม่ควรเห็นหรือเปล่า”
ปัญชลีทำหน้ารังเกียจ ดาวยิ้มเยาะ
“ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าเห็น ดีแล้ว จะได้รู้ว่าอะไรที่คิดที่หวังมันไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว ขอให้ซมซานกลับมาทำงานเลี้ยงชีพอย่างเดียวพอนะคะ อย่าได้ทะยานอยากเรื่องอื่น”
ปัญชลีตวัดสายตามองดาว ยิ้มในหน้า
“ชั้นกลับมาที่นี่ ก็หวังจะกลับมาทำงานที่ชั้นรักอย่างเดียวเท่านั้น เธอไม่ต้องห่วงหรอก อะไรที่มันจบไปแล้ว สำหรับชั้นก็คือจบ”
“ขอให้รักษาคำพูดนะคะ เพราะตอนนี้สถานะของดาวกับพี่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่กลับมาได้ ดาวก็จะเขี่ยพี่ให้กระเด็นไปอีกครั้งได้เหมือนกัน”
ดาวลอยหน้าท้าทาย แล้วเดินเชิดจากไป

ปัญชลียืนนิ่ง พยายามสงบสติอารมณ์

ท็อป จอย แอนเดินลงมาจะซื้อกาแฟ เห็นปัญชลียืนซื้ออยู่ก็ชะงัก ปัญชลีหันมาเห็นทั้งสามยืนเลิ่กลั่ก ไม่กล้าเข้าไป เลยยิ้มให้ก่อน

“ทานอะไรกันเหรอ เอาสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
ทั้งสามเลิ่กลั่กหนักกว่าเดิม
จอยตกใจ คาดไม่ถึง “คุณลีจะเลี้ยงพวกเรา โลกแตกแน่ๆ”
แอนตีเผียะ ไม่ให้จอยพูดอีก ปัญชลียิ้มให้
“โลกไม่แตกหรอก สั่งเลย ล้มทับพี่ได้เต็มที่”
ทั้งสามนั่งเกร็งคุยกับปัญชลีอยู่ที่โต๊ะในร้าน ตัวลีบๆ
“เมื่อก่อนพี่คงเหมือนยักษ์เหมือนมาร ถึงทำให้พวกเธอตัวสั่นงันงกขนาดนี้ ทำตัวตามสบายเถอะ”
ทั้งสามยังดูไม่ค่อยไว้ใจปัญชลี แต่ก็ผ่อนคลายขึ้น ท็อปถามอย่างเกรงๆ
“พี่ลีอยากคุยอะไรกับพวกเราเหรอครับ”
“พี่อยากจะขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านๆ มา ที่พี่อาจจะดูแลทุกคนไม่ดีพอ ทั้งที่เราเป็นทีมงานที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด”
ทุกคนนิ่งฟัง ไม่มีใครปฏิเสธ เท่ากับยอมรับว่าปัญชลีทำไม่ดีไว้จริงๆ
“แล้วพี่ก็อยากจะโอกาสจากทุกคน เพราะพี่กำลังจะทำรายการใหม่แทนรายการถามตรง น้องๆ กลับมาช่วยพี่ได้ไหม เรามาเริ่มต้นกันใหม่”
ทุกคนอึ้งไป ยังระแวงกันอยู่ไม่คลาย แต่พอปัญชลีส่งยิ้มจริงใจให้ก็ใจอ่อน พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก

ศินีนาฏเข้าบริษัทมาเห็นปัญชลีก็แปลกใจว่ามาทำอะไรที่นี่ ปัญชลีหันมาเห็นส่งยิ้มให้ก่อน อีกฝ่ายยิ่งงง รีบเดินขึ้นตึก

ไม่นานต่อมา ศินีนาฏกำลังบันทึกเทปรายการในสตูฯ มีปัญชลีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในฐานะแขกรับเชิญ พูดคุยกับศินีนาฏที่ฉีกยิ้มใส่ตามหน้าที่
“คุณปัญชลีรู้สึกยังไงบ้างคะ หลังจากที่หายจากหน้าจอไปหลายเดือน”
“ก็รู้สึกว่าชีวิตนิ่งขึ้น ได้เรียนรู้อะไรที่ตัวเองเคยมองข้ามมากขึ้นค่ะ”
“ดิชั้นได้ข่าวว่าตอนนี้คุณปัญชลีกำลังจะกลับมาทำรายการอีกครั้ง”
“ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณท่านผู้บริหารของ THAI KK ที่ให้โอกาส ดิชั้นคิดว่าคนดูคงจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ จากรายการและตัวดิชั้นเองในเร็วๆ นี้ค่ะ”
พอจบรายการศินีนาฏลุกเดินออกจากฉาก ปัญชลีตามมาพูดด้วย
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณภานุขอร้องให้เอาเธอมาออกเพื่อเช็คกระแส ชั้นไม่มีวันให้เธอมานั่งเป็นแขกรับเชิญ รู้ไว้ด้วย”
“ชั้นเข้าใจ ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะที่ให้โอกาสชั้น ซักวันเราคงได้ร่วมงานกันอีก”
ปัญชลียิ้มให้ศินีนาฏแล้วเดินออกไป ศินีนาฏยิ่งงงหนักที่ปัญชลียิ้มสู้ แทนที่จะปรี๊ดใส่
ดาวกับตุ่นเข้ามาที่สตูดิโอ สวนกับปัญชลีที่เดินออกไป
“ต๊าย คุณศิเชิญนังจิ้งจอกมาออกรายการจริงๆ ด้วย”

ศินีนาฏแต่งหน้าใหม่อยู่ในห้องแต่งตัว ดาวกับตุ่นเดินเข้ามา
“เปลี่ยนสีเร็วเหลือเกินนะคะคุณศิ” ดาวแขวะ
“ก็ไม่เร็วเท่านังตุ๊กแกข้างตัวเธอหรอก”
“อย่างน้อยชั้นก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรสนับสนุนดาวรุ่งอนาคตไกล ไม่ใช่ดาวร่วง”
ศินีนาฏมองดาวหัวจรดเท้าแล้วหัวเราะ “นี่เหรอดาวรุ่ง ชั้นว่าก็แค่พวกดาวเทียม ที่รอวันหล่นตุ้บมาเป็นชิ้นๆ มากกว่า”
“ปากดีนัก”
ดาวยัวะ บันดาลโทสะตวัดมือตบหน้าศินีนาฏทันที ศินีนาฏตกใจ ไม่นึกว่าดาวจะกล้า
“แกกล้าตบชั้นเหรอนังดาว”
ศินีนาฏเงื้อมือฟาดผัวะใส่หน้าดาวบ้าง ดาวโมโห ตรงเข้าขย้ำแต่ศินินาฏยันไว้
“เจ๊ตุ่น จับมันไว้”
เจ๊ตุ่นงกๆ เงิ่นๆ เข้าช่วยจับ ถูกศินีนาฏถีบเปรี้ยง ตุ่นถลาหน้าคะมำ
ดาวมัวแต่หันไปมองตุ่น เลยถูกศินีนาฏกระชากหัวดาวกลับมา แล้วตบไปอีกที
ดาวหันมาตบคืน ร่างศินีนาฏล้มไปที่ราวเสื้อผ้า ตรงเข้าไปจิกหัวตบกัน เสื้อผ้าทั้งราวร่วงกราว
ปัญชลี ภานุ แพรพรรณ พวกช่างแต่งหน้าได้ยินเสียง วิ่งเข้ามา
“มีอะไรกัน หยุด”

ทุกคนอยู่ในห้องภาสุรี ดาวกอดตุ่น ทำเป็นร้องห่มร้องไห้บีบน้ำตาอยู่ข้างๆ ภาสุรีกับภานุ
“คุณศิทำร้ายดาวก่อนค่ะ”
“นังตอแหล” ศินีนาฏจะถลาเข้าใส่ดาว
“ศินีนาฏ” ภาสุรีปรามเสียงดัง
“มันโกหกค่ะคุณภา มันสองคนเข้ามาหาเรื่องศิ”
ภาสุรีตำหนิ “ต่อหน้าชั้นเธอยังวู่วามขนาดนี้ แล้วจะให้ชั้นเชื่อเหรอว่าเธอไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
ศินีนาฏอึ้ง ภาสุรีหลงคารมดาว
“ชั้นจะหักเงินเดือนเธอสามเดือน แต่ถ้าพฤติกรรมนี้ยังไม่หยุด เตรียมตัวไปทำอันธพาลที่อื่นได้เลย”
ศินีนาฏหน้าซีดจ๋อย ดาวกับตุ่นลอบยิ้ม สมน้ำหน้า

ศินีนาฏออกมาฟ้อง ท็อป จอย แอน และพวกทีมงานอื่นๆ ด้วยความเจ็บใจ
“นังดาวมันตอแหลใส่ความชั้น คุณภาก็เชื่อมัน”
“ยังไงพวกเราเชื่อคุณศิค่ะ โดนกันมาทั่วหน้า ไอ้เรื่องเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นของดาว”
แพรพรรณเอ่ยขึ้น “ดาวสร้างภาพเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ทำตัวแสนดี”
ศินีนาฏคุมแค้น “ดีออกสิไม่ว่า”
ศินีนาฏเหลือบไปเห็นดาวกับตุ่นเดินมาพอดี แถมท่าทางลำพอง ศินีนาฏยิ่งหมั่นไส้
“มาแล้วเหรอ นังดาวดีออก”
พวกทีมหัวเราะคิกคัก เพราะรู้ความหมายของศินีนาฏ
ดาวอึ้งๆ ยังไม่เก็ต ว่าทำไมหัวเราะกัน เจ๊ตุ่นทำท่าผวนในใจ
ตุ่นสะดุ้ง “อุ๊ย นังดาวดีออก ก็แปลว่า นังดาวอี...”
“เจ๊”
ดาวตวาดแว้ดไม่ให้เจ๊ตุ่นพูด เดินเข้าไปหาศินีนาฏอย่างไม่พอใจ
“ที่โดนไปเมื่อกี้ยังไม่เข็ดใช่ไหม”
ศินีนาฏท้า “เอาสิ คราวนี้มีพยานเป็นสิบ แกจะทำอะไรชั้นก็ทำเลย นังดาวดีออก”
ดาวเม้มปาก เกือบฟิวส์ขาดจะตบศินีนาฏอีก ปัญชลีทนไม่ไหว เข้ามาขวาง
“หยุดกันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะ ใช้สติบ้าง อย่าใช้แต่อารมณ์”
ดาวชะงัก มองปัญชลีอย่างหมั่นไส้ ทำตัวแม่พระ สะบัดหน้าเดินหนีไปกับตุ่น
พอดาวกับตุ่นเข้าห้องไป ทุกคนก็หัวเราะออกมา ชอบใจ
“คุณศิขา แซบมากค่ะ ขอเอาไปใช้นะคะคำนี้ น้องดาวดีออก ฮิฮิ” ดาวบอก
พวกทีมงานยังหัวเราะกันไม่หยุด ปัญชลีที่พยายามฟอร์มขรึม ยังเผลอหลุดขำไปด้วย
“เข้าใจคิดนะเธอเนี่ย”
“ทำอะไรมันไม่ได้ ก็เรียกชื่อป่วนประสาทมันเล่นๆ แบบนี้แหละ” ศินีนาฎยิ้มเครียด แล้วหันมาพูดกับปัญชลี จริงจังขึ้น “ชั้นเองก็ไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรเธอนักหรอกนะ แต่นังดาวดีออกเนี่ยมันเป็นมลพิษของที่นี่ ชั้นจะช่วยเธอกำจัดมลพิษเอง”

ทุกคนยิ่งชอบใจ เห็นด้วยกับศินีนาฏ แต่ปัญชลียังนิ่งๆ ในใจไม่คิดแค้นดาวแล้ว

อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น