สื่อริษยา ตอนที่ 8
หลังจัดรายการเสร็จ ดาวออกมาจากห้องส่ง เจอภาสุรี วิไลลักษณ์ และภาสกร รออยู่ ดาวรีบเดินเข้าไปหา
“ทำได้ดีมากจ้ะดาว” ภาสุรียิ้มชื่นชม
“ดาวต้องขอบพระคุณทุกคนที่ให้โอกาสดาวค่ะ โดยเฉพาะคุณวิไลลักษณ์” ดาวไหว้ทุกคนชดช้อย
“เพราะฉันรู้ว่าเธอจะทำได้ดีไม่แพ้ปัญชลี” วิไลลักษณ์บอก
ดาวเหลือบตาไปมองภาสกร เห็นเขาหน้าเจื่อน ดูออกว่ารู้สึกผิดต่อปัญชลี
ภาสกรฝืนยิ้มให้ดาว “ยินดีด้วยนะครับ”
“พรุ่งนี้หลังจบรายการแล้วไปคุยกันที่ห้องนะ ฉันมีรางวัลจะให้เธอ”
วิไลลักษณ์ยิ้มเป็นนัย สายตาที่มองมา ทั้งเมตตา และเอ็นดู ทำเอาดาวเป็นปลื้ม
ดาวเดินตัวลอยออกมาจากสถานีอย่างสุขใจ อนาคตข้างหน้าของหล่อนดูสดใสเหลือเกิน พอดาวจะเดินไปที่รถ ก็ชะงัก เห็นแพรพรรณกับภานุเดินมาทางนี้พอดี
ดาวตั้งใจคุยข่มทำเป็นยิ้มทักเสียงอ่อนหวาน “อ้าว แพร นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”
“ปกติเราต้องอยู่ประชุมสรุปรายการที่จบไปแต่ละวันก่อนน่ะดาว”
“อ้าว มีประชุมด้วยเหรอ ไม่เห็นมีใครไปเรียก”
แพรพรรณยิ้มเชือดเฉือน “เพราะเธอไม่ใช่ทีมงานของรายการนี้ เลยไม่จำเป็นต้องไปเรียก”
ดาวมองจ้องแพรพรรณนัยน์ตาแข็งกร้าว รู้ว่าอีกฝ่ายหาเรื่อง จึงฉีกยิ้มใส่
“อ๋อ นั่นสินะ ชั้นแค่มาทำหน้าที่ชั่วคราว แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วยกันระดมสมองทำงานจนรายการออกมาดี คุณวิไลลักษณ์ชมชั้นใหญ่เลย ขอให้ทำดีต่อไปนะ”
ดาวทอดเสียงเหมือนเจ้านายสอนลูกน้อง แพรพรรณเมินหนี ขัดใจ
“แล้วนี่กลับยังไง ชั้นไปส่งไหม บ้านเธอไกล”
“เดี๋ยวผมไปส่งแพรเอง”
ภานุยื่นหมวกกันน็อคให้แพรพรรณ ดาวปรายตามองรถอย่างดูถูก กระจอก ขี่มอเตอร์ไซค์
“ก็ดีนะ เหมาะกับเธอแล้วล่ะแพร”
ดาวยิ้มหยัน เป็นเชิงดูถูกทั้งภานุและแพรพรรณ จากนั้นเดินเชิดไปขึ้นรถ แพรพรรณเซ็งปนระอาที่คนอย่างดาวได้ดีไม่จบไม่สิ้น
อีกฟากปัญชลีเดินตามภาสกรเข้าบ้าน กำลังทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรง
“คำพูดของลีมันไม่มีความสำคัญเลยหรือไงคะ ลีบอกแล้วให้ภาสติดต่อนักข่าวเพื่อนลีมาจัดรายการแทน
“ผมเสนอไปแล้ว แต่คุณแม่อยากได้ดาวมากกว่า”
“แล้วคุณไฟต์เพื่อลีไม่ได้หรือไง”
ภาสกรหยุดเดิน พยายามจะอธิบายอย่างใจเย็น
“ผมไฟต์กับคุณแม่ได้ แต่ต้องมีเหตุผลเพียงพอว่าทำไมถึงควรจะเลือกคุณเอมี่ เพื่อนของคุณมาจัดรายการแทนดาวที่กำลังอยู่ในกระแส”
ปัญชลีอึ้ง เถียงไม่อออก
“ผมเคยเตือนลีแล้วว่ามันมีทางอื่นที่ดีกว่าการแบนตัวเอง ลีก็รู้ว่ารายการทีวีแข่งกันทุกวัน ทุกชั่วโมง เราอ่อนข้อให้คู่แข่งไม่ได้ อะไรที่เป็นจุดขาย จุดสนใจของคน เราก็ต้องหยิบมาใช้”
“แต่ภาสควรจะปกป้องผลประโยชน์ของลีบ้าง”
“แล้วถ้าผมปกป้องผลประโยชน์ของลีด้วยการกีดกันดาว แล้วทำให้ผลประโยชน์ของสถานีเสียหาย คนไม่ดูรายการ เรตติ้งลด ลีคิดว่าผมควรจะเป็นผู้บริหารต่อจากคุณแม่ไหม”
ภาสกรย้อนแย้งมองหน้าปัญชลีรอคำตอบ ปัญชลีอดเห็นด้วยไม่ได้ เลยไม่กล้าเถียง แต่ใจยังกรุ่นๆ อยู่ ไม่พอใจดาว
สายอีกวันหนึ่ง ดาวจัดรายการข่าวเช้า ร่วมกับศินีนาฏ ที่มาแทนปัญชลี สองคนจัดรายการอย่างเข้าขามาถึงช่วงปิดรายการพอดี
“พบกับเราสองคนได้ใหม่ในวันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
ไตเติ้ลรายการจบขึ้น ดาวเก็บข้าวของ ศินีนาฏหันไปคุยกับดาวอย่างปลาบปลื้ม
“ขอบใจนะจ๊ะดาว ที่แนะนำให้คุณภาเรียกชั้นกลับมาจัดกระแสข่าวเช้าอีกครั้ง”
ดาวแอ๊บแสนดี “ตรงนี้เป็นที่ของคุณศิอยู่แล้วตั้งแต่แรกนี่คะ ดาวแค่มาแย่งไป”
“อุ๊ย อย่าคิดมาก นังจิ้งจอกต่างหากที่เป็นตัวการเขี่ยชั้นกระเด็นออกไป ตอนนี้เลยกรรมตามสนอง”
ศินีนาฏหัวเราะสะใจกับดาว ตุ่นเข้ามาพร้อมมือถือของดาว
“น้องดาว มีโทรศัพท์มาฮ่ะ”
“ขอบคุณค่ะเจ๊”
ดาวจะรับสายแล้วหุบยิ้ม เมื่อเห็นชื่อศรัณโทร.มา ลุกออกจากฉากไปคุยนอกห้องส่ง
ศรัณโทร.จากบ้านที่สมุทรสงคราม รอสายดาว ตรงหน้ามีโบรชัวร์บ้านหลายแบบ พ่อกับแม่ช่วยกันดูอยู่ด้วย
“ดาวจ๊ะ พี่กำลังดูแบบบ้านที่เป็นเรือนหออยู่ พ่อกับแม่แนะนำให้เราซื้อบ้านจัดสรรไปเลย จะได้พร้อมเข้าอยู่ตอนแต่งงาน ไม่ต้องรอสร้างใหม่ ดาวว่าดีไหมจ๊ะ”
ดาวเดินเลี่ยงออกมาคุยในมุมลับตานอกห้องส่ง ท่าทางเซ็งๆ ขี้เกียจคุย
“ดาวตามใจพี่ศรัณค่ะ”
ศรัณหันไปยิ้มกับพ่อแม่ ทั้งสองท่านยิ้มย่องดีใจไปด้วย
“แล้วดาวมีแบบบ้านไว้ในใจหรือยัง พี่ไปมาดูหลายโครงการเลย สวยๆ ทั้งนั้น ดาวอยากได้แบบไหนจ๊ะ”
“แบบไหนพี่ศรัณก็เลือกเถอะค่ะ ดาวอยู่ได้ทั้งนั้นถ้าพี่ศรัณอยู่”
พูดจบดาวก็เบ้ปากใส่ตัวเองที่ต้องฝืนใจพูด
“พี่ให้ดาวช่วยเลือกดีกว่า บ่ายนี้ว่างไหม เดี๋ยวพี่จะขับรถเอาโบรชัวร์ไปให้ดู แล้วถ้าดาวถูกใจเราจะได้”
ดาวรีบปัด “ไม่ว่างค่ะ ดาวยุ่งมากเลยวันนี้ ช่วงนี้ดาวต้องจัดรายการทั้งเช้าทั้งเย็น ไม่มีเวลาไปไหนหรอกค่ะ พี่ศรัณจัดการไปเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา”
ดาวตัดสายไปเลย ศรัณหน้าจ๋อย
“ดาวเขาไม่ว่างไปดูน่ะครับ ให้ผมตัดสินใจแทนไปเลย”
“อ้าว แปลก จะซื้อเรือนหอทั้งที ต้องเลือกให้ถูกใจทั้งผัวทั้งเมียสิ” พ่อว่า
แม่เสริม “นั่นน่ะสิ ดาวน่าจะมาดูซะหน่อยนะ เรื่องแต่งงานมันเรื่องใหญ่ ทั้งสองคนต้องช่วยกันคิดทุกขั้นตอน ไม่ใช่ปล่อยให้ศรัณจัดการคนเดียว”
ศรัณหน้าหมองลง เห็นด้วยกับพ่อแม่ แต่ยังพยายามมองโลกในแง่ดี
“ช่วงนี้ดาวกำลังดัง ก็เลยงานยุ่งน่ะครับ เดี๋ยว่างเมื่อไรดาวคงมีเวลาคิดเรื่องแต่งงาน”
ศรัณพูดหน้าเจื่อนๆ เหมือนปลอบใจตัวเองด้วย
แตกต่างจากดาวลิบลับ หล่อนมีสีหน้าดีใจ และตกใจไปพร้อมกัน เมื่อวิไลลักษณ์ ซึ่งมาดูงานแทนภาสุรีที่ยังป่วยอยู่ เรียกมาพบ แจ้งเรื่องรายการใหม่
“คุณวิไลลักษณ์จะให้ดาวเปิดรายการใหม่เหรอคะ”
“ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อนจริงไหม เวลานี้เธอกำลังเป็นขวัญใจคนดู ก็น่าจะมีรายการเป็นของตัวเองอีกซักรายการหนึ่ง”
ดาวตื่นเต้นสีหน้าชื่นบานไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้
“ถ้าคุณวิไลลักษณ์เห็นว่าเหมาะสม ดาวก็ยินดีค่ะ ถ้าอย่างนั้น ดาวจะรีบกลับไปคิดคอนเซปต์รายการมานำเสนอนะคะ”
“ไม่จำเป็น ชั้นคิดไว้ให้แล้ว รายการของเธอจะเป็นแนวร้องทุกข์ชาวบ้าน เพราะว่าชื่อเสียงเธอมาทางนี้ ก็ควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์”
ดาวยิ้มค้าง อึ้ง คาดไม่ถึง ผิดหวังสุดๆ นึกว่าจะได้ทำรายการทอล์คโก้เก๋ ประมาณโอปราห์
วิไลลักษณ์สังเกตสีหน้า “เธอไม่ถูกใจเหรอ”
ดาวรีบปรับสีหน้า “เอ่อ ถูกค่ะ จริงๆ ดาวก็อยากเป็นกระบอกเสียงแทนชาวบ้านที่เดือดร้อนอยู่แล้วค่ะ เพราะถ้าไม่พึ่งสื่ออย่างพวกเรา เขาก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร”
“งั้นก็ดีเลย ระหว่างที่เธอจัดรายการแทนปัญชลี ก็ลองมองหาทีมงานเอาไว้ เอาคนที่เธอทำงานด้วยแล้วแฮ้ปปี้ที่สุด จะได้ไม่มีปัญหา”
“ค่ะ”
ดาวรับคำ ฝืนฉีกยิ้มกลบร่องรอยความผิดหวังเอาไว้
ดาวออกมาจากห้องภาสุรี ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“บ้าที่สุด ใครว่าชั้นอยากจะคลุกคลีกับพวกชาวบ้านกระจอกๆ นั่น ชั้นต้องการเป็นอย่างปัญชลีต่างหาก”
ดาวหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดที่ทำตัวเป็นวีรสตรี
ท็อปเดินโทรศัพท์เสียงดังผ่านมาทางบันได โดยไม่รู้ว่าดาวยืนอยู่ข้างบน
“ภานุถึงหรือออฟฟิศยัง รีบๆ มาเร็วเข้า โทร.ตามแพรด้วย คุณปัญชลีมารอประชุมแล้ว” ท็อปฟังสายภานุ “ก็ประชุมรายการถามตรงฯน่ะสิ เร็วๆ นะ”
ดาวแปลกใจที่ปัญชลีกลับมาจะจัดรายการทั้งที่ประกาศแบนตัวเองจะหยุด 1 เดือน
เห็นปัญชลียืนอยู่คนเดียวดาวก็เดินเข้าไปหา เริ่มไม่เกรงบารมีปัญชลีแล้วเพราะตัวเองกำลังขึ้นหิ้ง
“สวัสดีค่ะพี่ลี ไม่นึกว่าวันนี้จะได้เจอกัน”
“ชั้นยังทำงานที่นี่อยู่ แล้ววันนี้ชั้นก็จะกลับมาจัดรายการ เพราะฉะนั้นเธอคงไม่ต้องลำบากกลับบ้านดึกอีกแล้วนะ”
ปัญชลีเดินเชิดจะจากไป ดาวพูดไล่หลัง
“เกิดอะไรขึ้นกับการประกาศแบนตัวเองหนึ่งเดือนของพี่ลีเหรอคะ ดาวว่าดาวได้ยินไม่ผิดนะว่าพี่ลีจะยุติบทบาทของตัวเองชั่วคราว”
ปัญชลีหยุดเดินหันกลับมาจ้องหน้าดาวตาเขียวปั้ด
“ชั้นเปลี่ยนใจ เพราะชั้นจะไม่ยอมให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอเอารายการชั้นไปครอง”
ดาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนวาน แต่สีหน้าเยาะเย้ยเต็มที่ “ดาวแค่มาทำหน้าที่แทนเองนะคะ ไม่ได้คิดจะมายึดรายการพี่ลีซักหน่อย”
“เธอไม่ควรมายุ่งกับรายการของชั้น”
“แต่ผู้ใหญ่เลือกดาวมา ดาวก็ต้องทำ แล้วดาวก็คิดว่าดาวทำได้ดี”
ดาวเชิดหน้าอวดดีใส่ปัญชลี ก่อนจะยิ้มพราย
“แต่ถ้าพี่ลีจะกลับมาจัดรายการเหมือนเดิม ดาวก็ไม่ขัดข้องค่ะ ห่วงก็แต่ที่พี่ลีอุตส่าห์ประกาศออกสื่อไปว่าจะเว้นวรรค แต่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจกลับ ไม่รู้ว่าคนดูจะว่ายังไง อาชีพอย่างเราความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญเสียด้วย แค่นี้พี่ลีก็เสียเครดิตไปเยอะแล้ว...”
“นี่เธอ”
ปัญชลีแผดเสียง กำมือแน่นไม่พอใจ อยากจะตบดาวซักฉาดให้หายหมั่นไส้
“ดาวเตือนด้วยความหวังดีนะคะ”
ดาวเหยียดยิ้ม สีหน้าเยาะเย้ยไม่ปิดบังแล้วเดินจากไป
ปัญชลีมองตามตาขวาง เกลียดดาวเข้ากระดูกดำ
ปัญชลีนั่งอยู่ในห้องประชุมพร้อมกับทีมงานคนอื่นๆ มีวิไลลักษณ์เข้าประชุมด้วยวันนี้ ปัญชลีตัดสินใจแล้วว่าจะไม่จัดรายการเอง เพราะกลัวผิดคำพูด
“ถึงลีจะแบนตัวเองไม่จัดรายการ แต่คงต้องขอเข้าร่วมประชุมด้วยนะคะ เพราะรายการนี้เป็นของลี”
“ก็ตามใจ ตกลงวันนี้แขกรับเชิญเป็นใคร ท็อป” วิไลลักษณ์ถามขึ้น
“ต้องติดต่อใหม่ครับ เพราะแขกที่นัดไว้ป่วย ขอแคนเซิล”
“งั้นเชิญตัวแทนองค์กรพิทักษ์สัตว์มาคุยเรื่องพรบ.คุ้มครองสัตว์ก็แล้วกัน แพรเคยโทร.ไปติดต่อไว้แล้วนี่”
“ค่ะ” แพรพรรณรับคำ แล้วเปิดสมุดหาเบอร์โทรศัพท์
“แต่ดาวว่ามันยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนนะคะ”
สิ้นคำพูดของดาว ปัญชลีเหลียวขวับ ไม่พอใจที่ดาวเบรก ดาวเปิดไอแพดให้ดูข่าว
“เมื่อคืนมีข่าวไฟไหม้ชุมชนริมคลอง สาเหตุเกิดจากการลอยโคม ดาว่าเราน่าจะเปิดประเด็นเรื่องควรยกเลิกการลอยโคมเป็นการถาวรหรือไม่”
ปัญชลีแย้ง “มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม เราจะไม่คุยเรื่องละเอียดอ่อนในรายการนี้”
“แต่มีคนได้รับความเสียหายและต้องการร้องทุกข์” ดาวโต้
ปัญชลีเสียงแข็ง “รายการชั้นไม่ใช่รายการร้องทุกข์”
“แต่ชั้นเห็นด้วยกับดาว ตอนนี้เขาเป็นพิธีกร ควรจะเลือกประเด็นที่เหมาะกับตัวเขามากกว่า อย่าถือยศถือเกียรตินักเลย รายการจะเป็นของใครก็ช่าง แต่มันออกอากาศในช่องของชั้น”
วิไลลักษณ์ตวัดสายตาอันทรงอำนาจมองข่มปัญชลี
ประชุมเสร็จปัญชลีแบกความเครียดกลับห้อง ต้องยอมเปลี่ยนประเด็นรายการตามที่วิไลลักษณ์สั่ง แพรพรรณกับภานุเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา สีหน้าทั้งสองตื่นๆ ท่าทางเกรงใจ
“มีอะไร”
แพรพรรณกับภานุทำหน้าเจื่อนๆ สงสารปัญชลี อยากจะมาให้กำลังใจ
“คุณปัญชลีจะทานกาแฟไหมคะ เดี๋ยวแพรไปเอาให้”
“หรือจะน้ำ ขนมอะไรก็ได้นะครับ ผมลงไปซื้อให้ได้”
ปัญชลีอ่อนลง มองทั้งสอง รู้ว่าตั้งใจจะมาปลอบ ยิ้มเอ็นดูออกมานิดๆ
“เห็นชั้นเป็นเด็กหรือไง ถึงจะเอาขนมมาล่อ ไปทำงานกันเถอะ”
แพรพรรณอิดออด “แต่ว่า...”
“ชั้นไม่เป็นไรหรอก จะว่าไปคุณวิไลลักษณ์ก็พูดถูก คาแร็กเตอร์อย่างดาวเลือกทำประเด็นง่ายๆ ก็ดีเหมือนกัน ขืนให้ทำอะไรยากๆ เดี๋ยวจะขายหน้าเสียเปล่าๆ”
“แพรอยากให้คุณลีกลับมาค่ะ ดาวไม่เหมาะกับรายการนี้”
“ชั้นต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง ระหว่างนี้เธอก็ทำหน้าที่ของเธอไป ทำให้เต็มที่ อย่าให้ทุกอย่างแย่ไปกว่าที่เป็น”
แพรพรรณกับภานุพยักหน้าเข้าใจ
ตกกลางคืนดาวนั่งอ่านข้อมูลเตรียมอัดรายการอยู่ ตุ่นช่วยเติมแป้งให้ สักครู่ท็อปพาตัวแทนชาวบ้าน 3-4 คนแต่งตัวโทรมๆ ปอนๆ เข้ามา
“เดี๋ยวคุณลุงคุณป้านั่งกันตรงนี้นะครับ เดี๋ยวรายการจะเริ่มแล้ว”
พวกชาวบ้านนั่งตามเก้าอี้ที่จัดไว้ ดาวก้มหน้าก้มตาอ่านกระดาษตรงหน้า ไม่ชายตาแล
ชาวบ้านมองดาวอย่างตื่นๆ มีพยักพเยิดยิ้มปลื้มกัน เพราะจำดาวได้ รอจนท็อปกับตุ่นออกไป ลุงชาวบ้าน 1 ในนั้นก็พูดกับดาวขึ้น
“หนูเป็นคนที่ช่วยคนเผาตัวเองวันนั้น ลุงจำได้”
ดาวเงยหน้าขึ้นมองลุง ฉีกยิ้มให้ตามมารยาท แล้วไม่สนใจเสวนา
ป้า ชาวบ้าน 2 ชม “หนูกล้าหาญมาก แถมยังสวยด้วย ขอป้าจับมือหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
ดาวชะงัก เหลือบมองมือป้า เห็นมือดำๆ เหี่ยวๆ เหมือนเปื้อนอะไรมา แต่ก็ยอมยื่นให้จับ
“มือนุ้มนุ่ม”
ป้าหันไปอวด คนอื่นเลยเข้ามาขอลูบๆ คลำๆ มือดาวบ้างแบบเห่อคนดัง
ดาวหน้าเจื่อน นึกขยะแขยงพวกชาวบ้าน รีบดึงมือตัดบท
“รายการจะเริ่มแล้วค่ะ”
พวกชาวบ้านเริ่มกลับไปสำรวม ไตเติ้ลรายการขึ้น ดาวเข้าเปิดรายการ ยิ้มแย้ม
ปัญชลีอยู่ที่บ้านแล้ว นั่งดูดาวจัดรายการของตัวเองในจอทีวี ด้วยความช้ำใจ ภาสกรเข้ามาเห็น เลยเดินไปปิด
“ภาส รายการยังไม่จบนะคะ”
“ถ้าดูแล้วทำให้ลีเครียด ก็อย่าดูดีกว่า นอนเถอะจ้ะ”
ภาสกรเข้าไปโอบปัญชลี จะชวนไปนอน แต่ปัญชลียังขืนตัว
“ทำไมลีถึงต้องแพ้เด็กนั่นอยู่ตลอดเวลา”
“มันไม่มีใครแพ้ใครชนะทั้งนั้นแหละลี เวลานี้ลีทำรายการไม่ได้ ดาวเขาก็มาทำแทน ครบกำหนดเมื่อไรเขาก็เลิก ตำแหน่งพิธีกรตรงนั้นยังเป็นของลีเสมอ ลีควรจะใช้เวลานี้ พักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องสนใจเรื่องงานนะจ๊ะ”
ภาสกรโอบไหล่ปัญชลีจะพาไปนอน แต่อีกฝ่ายดึงรีโมทมาเปิดทีวีดูต่อ
“ลีนอนไม่หลับหรอกค่ะ จนกว่าลีจะแน่ใจว่าเด็กนั่นจะไม่ทำให้รายการที่ลีสร้างมากับมือเสียหาย”
ภาสกรมองดูปัญชลีที่นั่งดูดาวจัดรายการอย่างอ่อนใจ ไม่อยากเซ้าซี้เลยเดินขึ้นห้องไปคนเดียว
ปัญชลีนั่งคุดคู้ มองไปทีวี ไม่สนใจอะไรอีก
ในจอทีวียามนี้ ดาวยิ้มระรื่น คุยกับแขก ท่าทางคล่องแคล่ว พูดฉะฉาน
ชื่อเสียงของดาวโด่งดังเพิ่มพูน หลายวันมานี้ ดาวยังคงจัดรายการในชุดสวยที่ตุ่นจัดหามาอย่างถวายหัว หล่อนยิ้มหัวคุยกับแขกรับเชิญอย่างคล่องแคล่วฉะฉาน ทั้งรายการช่วงเช้า รายการช่วงดึก
อีกวัน ดาวนั่งหน้าแฉล้มให้สัมภาษณ์กับทีมงานนิตยสารผู้หญิงชื่อดัง ในฐานะ พิธีกรข่าวดาวรุ่งพุ่งแรงที่ถูกจับตามากที่สุด ตามหมากที่วิไลลักษณ์มอบหมายให้ภาสุรีจัดการ ดาวยิ้มแย้มเป็นกันเองให้สัมภาษณ์ทุกเรื่อง
ถัดมา ดาวถ่ายแบบประกอบบทสัมภาษณ์ในอาภรณ์หรู วิไลลักษณ์ ตุ่น และศินีนาฏมาให้กำลังใจถึงในสตูฯ
หลายวันต่อมา เห็นนิตยสารที่ดาวขึ้นปกเด่นหราอยู่ในร้านหนังสือ แผงหนังสือแทบทุกที่ ผู้คนหยิบเปิดดู สนใจซื้อกลับไป เช่นเดียวกับสมพรที่เข้าไปหยิบๆ จับๆ ชี้ให้เจ้าของร้านหนังสือในตลาดดูอย่างภูมิใจ
ศรัณเข้ามาคุยกับเซลส์ขายบ้าน เห็นนิตยสารที่ดาวขึ้นปกวางอยู่ หยิบมาดู ยิ้มอย่างภูมิใจ ดาวยอดรักดังใหญ่แล้ว
อีกวันดาวเป็นตัวแทนช่องไปมอบทุนการศึกษาเด็กที่สลัม เด็กน้อยกับชาวบ้านแต่งตัวมอมแมมเข้ามาขอถ่ายรูป กอดดาวหอมอย่างใกล้ชิด ต้องกลั้นใจฝืนยิ้มกลบความรังเกียจในหัวใจ
ทางด้านศรัณกับสมพรมากราบหลวงพ่อที่นับถือแต่เช้า เพื่อขอฤกษ์แต่งงาน
“จะมาขอฤกษ์แต่งงานเหรอเอ็ง”
“ครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อรับกระดาษจดวันเดือนปีเกิดมา แต่ยังไม่ได้เปิดดู หันไปมองสมพรที่นั่งหน้าดำอยู่ พลางแกล้งทัก
“นี่หรือเจ้าสาว”
สมพรตกใจ “มะ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ลูกสาวอิชั้นเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมไม่พามาให้ดูหน้าดูตากันบ้าง เห็นอยู่แต่ในทีวี”
สมพรยิ้มเจื่อน ไม่รู้จะแก้ตัวแทนว่ายังไง
“ดาวมันยุ่งมากค่ะหลวงพ่อ”
“แล้วจะรีบเอาฤกษ์ไปทำไม ถ้าเจ้าสาวเกิดไม่ว่างมาแต่งงาน เจ้าบ่าวมิแต่งตัวเก้อหรือ”
หลวงพ่อพูดทีเล่นทีจริง แต่ทำเอาสมพรหันไปยิ้มเจื่อนๆ กับศรัณ
ถัดมา ศรัณกับสมพรเดินออกมาที่รถ ชายหนุ่มอดบ่นไม่ได้
“ผู้ใหญ่หลายคนที่ผมไม่เกริ่นเรื่องแต่งงานไว้ ถามหาดาวกันทุกคน”
“เดี๋ยวดาวว่าง ก็คงจะรีบกลับมาช่วยพ่อศรัณจัดการ นะลูก”
“ผมต้องตัดสินใจเองทุกอย่าง จนบางทีผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าดาวเขาอยากแต่งงานจริงหรือเปล่า”
สีหน้าศรัณเป็นกังวลชัดแจ้ง หนุ่มลูกน้ำเค็มแสนซื่อ ชักเริ่มไม่มั่นใจในตัวว่าที่เจ้าสาว แม่ ดาว ดารินกานต์ เต็มร้อยแล้ว
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
วันเดียวกัน ภานุแวะมาคุยกับปัญชลีที่บ้าน
“ช่วงนี้ดาวไม่ค่อยเตรียมตัวทำการบ้านเลยครับ อ้างว่าต้องออกไปทำงานอื่นจนไม่มีเวลา”
“ลายออกแล้วล่ะสิ ของปลอมยังไงก็เป็นของปลอมวันยังค่ำ”
“ตอนนี้ดาวเหมือนทะนงตัวว่าผู้ใหญ่อุ้ม ใครเตือนก็ไม่ฟัง ผมกลัวว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ดาวจะพลาดในรายการเข้าซักวัน”
ปัญชลีถอนใจ พลอยเครียดไปด้วย แล้วคิดบางอย่างได้ เมื่อเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ พาดหัวข่าวฆาตกรรมนักท่องเที่ยว
ปัญชลีประชุมข่าวกับทีมรายการแต่เช้า โชว์รูปข่าวหนังสือพิมพ์ให้ที่ประชุมอันมี ดาว ภาสกร แพรพรรณ ภานุ วิไลลักษณ์ และ ท็อป ดู
“ข่าวนี้กำลังอยู่ในความสนใจของคน ทุกรายการเล่นประเด็นการสอบสวนหมด ลีคิดว่ารายการถามตรงน่าจะเบี่ยงประเด็น เชิญเจ้าหน้าที่จากททท.มาพูดคุย กับตัวแทนทูตประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว”
“ผมเห็นด้วยนะครับ คนดูจะได้ไม่รู้สึกซ้ำซาก”
ภาสกรกับวิไลลักษณ์พยักหน้าคล้อยตาม
“แล้วลีคิดว่าจะตามแขกรับเชิญมาได้ในวันนี้หรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ลีมีคอนเนคชั่นอยู่”
“งั้นก็ตกลงเอาเรื่องนี้ ประเด็นกำลังร้อน”
“ตกลงติดต่อแขกรับเชิญเป็นสองฝั่งค่ะ เจ้าหน้าที่ต่างชาติกับคนของททท.”
ดาวตกใจ “เดี๋ยวค่ะ จะเชิญฝรั่งมาเหรอคะ”
“ใช่ พูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหมดาว” ภานุถาม
ดาวหน้าเสีย เพราะไม่เก่ง รีบออกตัวกับภาสกร และวิไลลักษณ์
“ดาว...ดาวไม่ค่อยถนัดค่ะ”
“งั้นก็เตรียมล่าม” วิไลลักษณ์บอก
ปัญชลีรีบแทรก “ฝรั่งสามชาติก็ต้องพูดทั้งสามภาษา เอมี่เพื่อนของลีพูดได้ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ภาสติดต่อไปสิคะ วันนี้เขาว่าง”
ดาวมองไปทางปัญชลีอย่างรู้ทันว่าปัญชลีวางแผนกันซีนไว้แล้ว
วิไลลักษณ์ค่อนขอด “นี่อุตส่าห์เช็คคิวเพื่อนเธอไว้แล้วสินะ”
“ใช่ค่ะ เพราะลีคิดว่าเราควรจะเล่นเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณแม่กับภาสไม่สะดวกใจ จะให้เอมี่มานั่งเป็นล่ามให้ดาวก็ได้นะคะ ลีห่วงแค่ว่าถ้ามัวตี่โยนคำถามกันไปมา จบรายการก็อาจจะไม่ได้สาระเท่าไร”
ปัญชลีพูดยิ้มๆ อย่างคนถือไพ่เหนือ รู้ว่าสุดท้ายภาสกรกับวิไลลักษณ์ต้องเลือกเปลี่ยนดาวออก
ดาวเก็บของท่าทีเซ็งๆ เตรียมกลับบ้าน ปัญชลีเดินเข้ามาเอาคืนบ้าง
“ดีใจด้วยนะ ที่วันนี้จะได้กลับบ้านเร็ว”
ดาวชะงัก เหลือบมองปัญชลี ซ่อนความเจ็บใจไว้ไม่มิด แต่ยังยิ้ม
“ดาวก็ดีใจกับพี่ลีด้วยค่ะ ที่เขี่ยดาวได้สำเร็จ คิดนานไหมคะแผนนี้”
“ก็ไม่นานหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่มีความสามารถพอสำหรับงานยากๆ วันนี้ชั้นเลยได้โอกาสพอดี”
“พี่ลีจะดันใครก็ตามสบายแล้วกันค่ะ ดาวก็ไม่ได้แคร์รายการของพี่อยู่แล้ว เพราะดาวกำลังจะมีรายการของตัวเองเร็วๆ นี้”
ดาวยิ้มหยันท้าทายแล้วหยิบกระเป๋าออกไป ปัญชลีอึ้ง เมื่อรู้ว่าดาวขึ้นหม้อขนาดที่จะได้ทำรายการใหม่
ดาวเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ให้ตุ่นเก็บ พลางเม้าท์กันไป
“น้องดาวไม่น่ายอมถอนตัวง่ายๆ เลย มันจงใจสกัดดาวรุ่ง เราก็ต้องเอาคืนให้เจ็บแสบถึงจะถูก”
“ช่างเถอะค่ะ ยังไงรายการก็เป็นของเขา ดาวไม่เห็นอยากจะทำเลย รอรายการของตัวเองดีกว่า ดาวล็อคคิวเจ๊ตุ่นไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ มาร่วมงานกัน”
“ยินดีจ้า ดาวจะเปิดอีกกี่รายการเจ๊ก็จะตามไปทำผมให้ดาว ว่าแต่รายการจะลงช่วงไหนดาวรู้ยัง”
ดาวนิ่ง ด้วยยังไม่รู้เหมือนกัน
วันถัดมาดาวกับภาสุรีนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟโรงพยาบาล หลังจากขึ้นไปฟังผลตรวจจากหมอ
“ขอบใจนะจ๊ะที่มาโรงพยาบาลเป็นเพื่อน ชั้นไม่อยากชวนคนที่บ้านมาด้วย เพราะกลัวว่าเป็นข่าวร้ายแล้วจะเครียดกัน”
“ตอนนี้คุณภาคงหายเครียดแล้วนะคะ หมอบอกว่าอาการผิดปกติเกิดจากการพักผ่อนน้อยเกินไปเท่านั้น”
“ใช่ ได้ยินอย่างนี้ก็โล่งใจ คุณแม่ก็คงจะสบายใจขึ้น จะได้วางมือไปพักผ่อนเต็มตัวเสียที”
ดาวแปลกใจ ระคนตื่นเต้น “คุณวิไลลักษณ์จะลาออกเหรอคะ”
“คุณแม่กับคุณพ่อจะเกษียณตัวเอง แล้วให้พี่ภาสนั่งบริหารเต็มตัว ดาวอย่าเพิ่งบอกใครนะ เพราะคุณแม่จะประกาศในงานเลี้ยงเปิดตัวรายการใหม่ทีเดียว”
นัยน์ตาดาวตาเป็นประกายเจิดจ้าด้วยความหวัง เมื่อรู้ว่าภาสกรกำลังจะขึ้นเป็นใหญ่ที่สุด
ฝ่ายปัญชลียืนคุยธุระกับภานุอยู่ตรงล็อบบี้ช่อง ภานุเห็นศรัณเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาหน้าตึก แล้วเลี่ยงไปนั่งรอที่โซฟารับแขก
“พี่ลีครับ คนนั้นแหละครับพี่ศรัณ ผู้ชายที่ดาวบอกว่าเป็นพี่ชาย”
ปัญชลีครุ่นคิดมองไปที่ศรัณ เห็นศรัณมัวแต่กดมือถือไม่ได้สนใจใคร
“คนที่บอกว่ากำลังจะแต่งงานน่ะเหรอ”
“ใช่ครับ”
ปัญชลีมอง คิดปราดเดียว
“นุช่วยอะไรพี่หน่อยสิ”
ศรัณยังนั่งรอดาวอยู่ตามคำสั่ง ภานุเดินเตร่เข้าไปหาเหมือนบังเอิญมาเจอ
“พี่ศรัณ สวัสดีครับ”
“อ้าว คุณ...ภานุใช่ไหม”
“ใช่ครับพี่ ทำไมไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะครับ เดี๋ยวผมพาขึ้นไป”
ศรัณหน้าเจื่อนๆ
“ดาวให้พี่รอข้างล่างน่ะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะลงมา”
“เดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนพี่เอง กำลังรอแพรอยู่เหมือนกันครับ”
ภานุถือวิสาสะนั่งคุยข้างๆ ศรัณ แล้วมองศรัณอย่างจับสังเกต
“ได้ข่าวว่าพี่ศรัณจะแต่งงานเหรอครับ เห็นแพรบอก”
“อ๋อ...เอ่อ...ใช่ เร็วๆ นี้ครับ”
“เตรียมงานไปถึงไหนแล้วครับ พอดีผมมีเพื่อนเปิดร้านตัดชุดแต่งงานอยู่ เผื่อพี่ศรัณจะสนใจ เดี๋ยวผมให้นามบัตรไว้”
ศรัณงง ตั้งตัวไม่ติด ภานุเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรให้ เห็นชื่อร้านกับชื่อนามสกุลจริงของเก้ แต่ไม่มีชื่อเล่น
“ถ้าพี่ศรัณสนใจก็ลองแวะไปดูนะครับ แต่ไม่ต้องบอกดาวกับแพรก็ได้ว่าผมเป็นคนแนะนำ ผมกลัวดาวหาว่าจุ้นจ้าน” ภานุหัวเราะแก้เขิน
ศรัณรับนามบัตรมาพลิกดู ท่าทีสนใจไม่น้อย
ดาวนั่งกินข้าวอยู่กับศรัณด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย
“ดาวบอกพี่ศรัณแล้วว่าให้คิดแทนดาวไปเลย จะได้ไม่ต้องขับรถเทียวไปเทียวมา”
“พี่กลัวว่าถ้าตัดสินใจไปโดยที่ดาวไม่ชอบ มันจะเปลี่ยนแปลงภายหลังลำบาก โดยเฉพาะเรือนหอของเรา ดาวเลือกเถอะจ้ะ ถึงไม่อยากเสียเวลาไปดู ก็ช่วยพี่ตัดสินใจหน่อยว่าดาวอยากได้แบบไหน”
ดาวหยิบโบรชัวร์ที่ศรัณขนมาให้ พลิกดูแกนๆ
“แบบนี้ก็ได้ค่ะ สวยดี แต่พี่ศรัณจัดการเรื่องตกแต่งเองนะคะ ยังไงดาวก็ต้องอยู่กรุงเทพฯ เป็นหลัก คงไม่ค่อยได้ไปนอนที่นั่น”
ศรัณเซ็งที่ดาวโบ้ย แต่พยายามเอาใจ
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วเราไปดูชุดแต่งงานกันนะ พอดี...” ศรัณนึกได้ว่าไม่ควรพูดถึงภานุ “เพื่อนพี่แนะนำร้านตัดชุดมาร้านหนึ่ง ราคาไม่แพง”
“ดาวบอกแล้วไงคะว่าดาวยังไม่อยากเปิดเผยเรื่องแต่งงาน”
“ฤกษ์แต่งงานอีกสามเดือน ถ้าดาวไม่เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ ถึงเวลาจะฉุกละหุก งานแต่งงานไม่ใช่เล่นขายของนะดาว”
ดาวหงุดหงิด ศรัณเริ่มจริงจังขึ้น
“พี่สงสัยจริงๆ ว่าดาวกลัวอะไร ยังไงคนต้องรู้อยู่แล้วว่าดาวจะแต่งงาน ดาวกำลังจะทำให้พี่ไม่มั่นใจในตัวดาวนะ”
ดาวตัดรำคาญ “โอเค พี่ศรัณจะให้ดาวจัดการอะไรบ้างก็ว่ามาเลยค่ะ ดาวจะได้ทำทีเดียวให้เรียบร้อย”
ดาวซ่อนความหงุดหงิดไว้ กลัวศรัณระแวงมากขึ้นแล้วจะยุ่ง
ศรัณขับรถพาดาวมาจอดที่หน้าร้านของเก้ ดาวมองป้ายหน้าร้านโดยไม่รู้เรื่อง
“ร้านนี้แหละจ้ะ ที่เพื่อนพี่แนะนำมา”
“ที่จริงดาวตัดร้านที่สมุทรสงครามก็ได้”
“ดาวซื้อแต่ของดีๆ แพงๆ ใช้ แล้วทำไมชุดแต่งงานถึงจะตัดง่ายๆ ล่ะจ๊ะ ดูไม่ใช่ดาวเลยนะ”
ศรัณดักคอ ดาวเลยจำต้องลงจากรถอย่างไม่เต็มใจ
สองคนเข้าในร้าน พนักงานรีบมาต้อนรับ
“สวัสดีครับ ผมจะมาดูชุดแต่งงานน่ะครับ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานพาศรัณกับดาวไปนั่ง หยิบแคตตาล็อกแบบ
“เชิญเลือกแบบไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปตามคุณเก้ให้”
ดาวชะงัก ได้ยินชื่อเก้ “ใครนะคะ”
“คุณเก้ค่ะ เจ้าของร้านนี้”
ดาวตกใจลุกพรวด จนศรัณงง แล้วเดินออกจากร้านไปเลย
“ดาว”
ดาวเดินลิ่วๆ ออกมาหน้าร้านด้วยความโกรธ มีศรัณวิ่งตามมา
“ดาว เป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมถึงวิ่งออกมา”
“พี่ศรัณพาดาวมาที่ร้านนี้ทำไมคะ”
ศรัณงง “เอ่อ ก็...มีคนรู้จักพี่แนะนำมา”
ดาวตวาด “ใคร”
ศรัณอึกอัก ไม่แน่ใจว่าจะบอกว่าเป็นภานุดีไหม ดาวเกรี้ยวกราดต่อ เพราะกำลังโกรธ
“ร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนปัญชลี”
ศรัณอึ้ง
วันถัดมา ขณะที่ปัญชลีนั่งทำงานอยู่ในห้อง ดาวเปิดประตูเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
“ดาวมีธุระแป๊บเดียวค่ะ”
ดาวเดินมายืนอยู่ตรงหน้าปัญชลี หยิบนามบัตรร้านเก้ออกมาฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ววางตรงหน้า
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำร้านชุดแต่งงานนะคะ ดาวไม่ยักรู้ว่าพี่เก้ตัดชุดแต่งงานด้วย แต่พี่ชายดาวคงไม่สนใจ”
ปัญชลีมองนามบัตรที่ถูกฉีก ยิ้มใจเย็น
“พี่ชาย เธอไม่สนใจ หรือว่าไม่สนใจเองกันแน่ ได้ข่าวว่าเธอโผล่ไปที่ร้านด้วยเหมือนกันนี่ แปลกนะ ชั้นนึกว่าพี่ชายเธอจะพาเจ้าสาวเขาไปซะอีก”
“ดาวไปเป็นเพื่อนพี่ศรัณน่ะค่ะ เขาไม่ค่อยรู้ถนนหนทางในกรุงเทพฯ”
“ช่างเป็น น้องสาว ที่แสนดีเหลือเกินนะ”
“พี่ลีสงสัยอะไรดาวเหรอคะ”
“เธอปิดบังอะไรอยู่ล่ะ”
“ดาวไม่มีอะไรปิดบัง แต่เข้าใจว่าพี่ลีคงว่างมากเพราะไม่มีงานทำ” ดาวยิ้มเยาะ “รายการก็ไม่ได้จัด พิธีกรในงานบริษัทก็ไม่ได้เป็น”
ปัญชลีเพิ่งรู้ ตกใจมาก “อะไรนะ”
“คุณวิไลลักษณ์ให้ดาวทำหน้าที่พิธีกรงานเลี้ยงเปิดตัวผังรายการใหม่ของปีนี้ค่ะ”
ดาวยิ้มเยาะ แล้วเดินออกไป ปัญชลีอึ้ง เพิ่งรู้ว่าโดนดาวแย่งหน้าที่ไปอีกแล้ว
ปัญชลีแวะไปปรับทุกข์กับเก้ที่ร้าน
“พี่เป็นพิธีกรงานของ Thai KK มาทุกปี แต่ปีนี้ไม่มีใครเห็นหัวพี่เลย”
“พี่ลีได้คุยกับพี่ภาสหรือยังครับ”
“คุยแล้ว เขาบอกว่าพี่กำลังอยู่ในช่วงเบรก อยากให้มาร่วมงานเฉยๆ มากกว่า”
“ผมเห็นด้วยกับพี่ภาสนะครับ ช่วงนี้พี่ลีกำลังถูกจับตามอง ทำตัวโลว์โปรไฟล์ไปก่อนก็ดีเหมือนกัน”
“พี่รู้สึกเหมือนภาสกับครอบครัวเขากำลังพยายามลดบทบาทพี่”
“อย่าคิดมากสิครับพี่ลี พี่ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่เป็นว่าที่ภรรยาของพี่ภาส ไม่มีใครลดความสำคัญของพี่ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม”
“พี่ไม่อยากไปงานนี้เลยจริงๆ พอคิดว่าต้องทนเห็นหน้าเด็กดาวนั่น”
“ไปเถอะครับพี่ลี พี่ต้องไปแสดงให้เขาให้ว่าพี่ไม่ได้หวั่นไหวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่องตอนนี้ พี่ยังพร้อมที่จะสู้”
เก้โอบไหล่ปลอบใจปัญชลีให้ฮึดสู้
ช่องไทยเคเค. จัดงานเปิดตัวผังรายการใหม่ ที่ศูนย์ประชุมประจำ งานจัดขึ้นอย่างหรูหรา อลังการ เพราะเป็นงานเลี้ยงประจำปีของสถานี Thai KK มีคนมาร่วมงานมากมาย ทั้งดารา นักข่าว กลุ่มผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น เอเจนซี่ ฯลฯ ดูคึกคักหรูหราอลังการ
เหล่าเซเลบเปลี่ยนหน้ากันมาถ่ายรูปกับแบ็คดรอปหน้างาน ในกลุ่มนั้นมีตุ่นกับศินีนาฏกระดี๊กระด๊าโพสท่าอยู่กับพวกเซเลบ
วิไลลักษณ์พาครอบครัวมาพร้อมหน้า ยกเว้นภานุที่วุ่นวายอยู่หลังเวที มีภาสกรกับปัญชลีมาด้วย เจ๊ตุ่นกับศินีนาฏรีบถอยหลบให้
วิไลลักษณ์ยิ้มแย้มทักทายนักข่าวที่กรูกันเข้ามาสัมภาษณ์ “ขอบคุณนะคะน้องๆ ที่มากันวันนี้ เดี๋ยวเชิญด้านในเลยนะคะ”
นักข่าว 1 ยิงคำถามถาม “วันนี้ Thai KK จะเปิดตัวรายการเด็ดๆ อะไรบ้างครับ”
ภาสกร ยิ้ม ตอบแทนมารดา “มีหลายรายการเลยครับ รอดูในวีทีอาร์นะครับ”
นักข่าว 2 ซัก “แสดงว่าเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้แล้วใช่ไหมคะ”
“เซอร์ไพรส์มีแน่นอนค่ะ ต้องรอชม”
วิไลลักษณ์ยิ้มมาดนางพญา แล้วพาครอบครัวเข้างาน ปัญชลีจะตามไป แต่ถูกนักข่าวรุมล้อมซักถาม ประมาณว่าจะกลับมาทำรายการเมื่อไร
ปัญชลีหันไปพยักหน้าบอกภาสกรเป็นเชิงบอกว่าจะตามไป แล้วหยุดคุยกับนักข่าว สีหน้ายิ้มแย้ม
ภายในงานจัดเป็นงานเลี้ยงอาหารแยกเป็นโต๊ะๆ วิไลลักษณ์ทักทายแขกต่างๆ แล้วมองหาภานุ
“น้องชายเราล่ะภาส”
“คงวิ่งวุ่นอยู่หลังเวทีน่ะครับ”
วิไลลักษณ์เซ็ง “เฮ้อ แม่ล่ะไม่ชอบ แทนที่จะมานั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ เปิดตัวให้คนเขารู้จักซักทีดีไหม”
“ใจเย็นๆ น่าคุณ เซอร์ไพรส์ทีละเรื่องเถอะ ถ้าเปิดตัวนายนุวันนี้ คุณจะโดนแย่งซีนเอานะ”
วิไลลักษณ์หันไปค้อนควักสามี
ที่ด้านหน้างาน ปัญชลียังยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวกลุ่มใหญ่ ทุกคนดูสนใจปัญชลีมาก ศินีนาฏมองอย่างหมั่นไส้ แล้วเหลือบไปเห็นดาวเดินสง่า สวยเด่นเข้ามาพอดี จึงแกล้งร้องขึ้น
“อุ๊ย คุณดารินกานต์มาแล้วค่ะ”
ตุ่นจงใจเสียงดังแย่งซีนปัญชลี “น้องดาวขา เชิญทางนี้ค่า”
พวกนักข่าวได้ยินชื่อดาวก็หันไปมอง บางส่วนเริ่มกรูไปหาดาวบ้าง ให้ความสนใจดาวที่แต่งตัวสวยมากวันนี้
ปัญชลีออกอาการไม่พอใจนิดๆ ที่เห็นดาว แต่ก็ทำไม่สนใจ คุยกับนักข่าวต่อ จนดาวขยับเข้ามาใกล้ เริ่มจะเป็นวงเดียวกัน นักข่าวเริ่มเปิดประเด็น
นักข่าว1 เผือกทันที “มีข่าวเม้าท์ว่าสองพิธีกรดังของช่อง Thai KK ไม่กินเส้นกัน ใช่คุณปัญชลีกับคุณดารินกานต์หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ดาวกับพี่ลีไม่มีปัญหาอะไรกันเลย”
ดาวหัวเราะเสียงใส ยิ้มแย้มหันไปทางปัญชลี
“แต่ข่าวบอกว่าคุณปัญชลีไม่พอใจที่คุณดารินกานต์กำลังมาแรง ก็เลยมีการงัดข้อกันในรายการ” อีกคนเผือกต่อ
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ” ดาวหัวเราะอีก “เรารักกันดี ใช่ไหมคะพี่ลี”
ดาวหันไปยิ้มหวานใส่ปัญชลี แต่เหมือนจะเยาะๆ ปัญชลีรับมุกต่อ
“ข่าวเม้าท์ก็คือข่าวเม้าท์ค่ะ ดิชั้นกับคุณดารินกานต์ยังทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น ตอนนี้ก็รอเวลาจะได้กลับมาจัดกระแสข่าวเช้าด้วยกันอีก”
นักข่าว 1เอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นต้องขอถ่ายรูปสยบข่าวเม้าท์หน่อยนะครับ ใกล้ชิดกันนิดนึงครับ”
ปัญชลีกับดาวขยับเข้าหากัน ให้สื่อถ่ายรูป ทั้งสองพยายามยิ้มแย้มไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดาวเนียนกว่า ทำเป็นโอบเอว แนบแก้มใกล้ชิด
กลายเป็นปัญชลีที่อึดอัดใจกับแอ็คติ้งของดาว แต่ก็ฝืนใจถ่ายจนสมใจสื่อ
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทางด้านภานุมายืนหลบอยู่ด้านหลังเวที แอบมองไปในงาน อยากรู้อยากเห็น แพรพรรณเดินมาสะกิด
“ทำอะไรอยู่ นายไปเช็ควีทีอาร์กับฝ่ายคอนโทรลหรือยัง ไม่ใช่เปิดผิดไฟล์นะ”
“ไม่ผิดหรอกน่า”
ตุ่นพาดาวเข้ามาเตรียมตัวหลังเวที เห็นสองคน ร้องเรียก
“นี่ๆๆ เธอ เอาเก้าอี้มาให้ดาวหน่อยซิ”
แพรพรรณกับภานุหันไปมอง ชี้ตัวเองเป็นเชิงถาม ภานุหันไปหยิบเก้าอี้ใกล้ตัวมาให้ แพรพรรณส่งสคริปต์พิธีกรให้
“นี่สคริปต์เธอนะดาว อ่านทวนดูอีกรอบก็ได้ อีกห้านาทีเธอต้องขึ้น”
“คนอย่างชั้นไม่ต้องทวนก็จำได้ ไปเอาน้ำมาให้แก้วนึงได้ไหม คุยกับนักข่าวจนคอแห้งไปหมดแล้ว”
“ไปสิจ๊ะ เดี๋ยวพิธีกรเสียงแหบแห้งบนเวที เธอต้องรับผิดชอบนะ”
แพรพรรณคุมแค้นที่โดนจิกใช้ รีบแยกไป ตุ่นหันมาพัดวีเอาใจดาว
ในห้องจัดงาน บนเวทีเริ่มมีการแสดงเปิดงานสั้นๆ ก่อนที่ดาวจะขึ้นมาบนเวที เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง ที่โต๊ะของวิไลลักษณ์ มองดูดาวชื่นชมกันทั้งโต๊ะ
“สวัสดีค่ะ ดิชั้นดารินกานต์ กิตติวงศ์ ขออนุญาตเป็นตัวแทนต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Thai KK Look Forward ประจำปีนี้ และก็เช่นเคยที่งานนี้นอกจากจะเป็นงานพบปะกับผู้สนับสนุนที่ให้ความกรุณากับเรามาตลอดแล้ว ยังเป็นการแนะนำตัวอย่างผลงานชิ้นใหม่ๆ ที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจกับผู้ชมของเราอีกด้วยค่ะ เดี๋ยวเราไปดูตัวอย่างสั้นๆ กันดีกว่านะคะว่าเรามีอะไรน่าสนใจมานำเสนอบ้าง”
จอบนเวทีฉายวีทีอาร์ตัวอย่างรายการและละครของสถานีที่เตรียมตัวฉาย สลับกับเสียงปรบมือเป็นระยะ
ในวีทีอาร์มีตัวอย่างรายการของดาว เป็นสกู๊ปข่าวแนวช่วยชาวบ้าน แต่มีทั้งพาร์ทออกไปคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ และการถกปัญหากันในสตูดิโอ ดาวทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว
ถัดจากนั้นดาวคุยสัมภาษณ์ทีมงานรายการและละครที่สลับกันขึ้นมาแนะนำตัว บรรยากาศเป็นกันเองเรียกเสียงหัวเราะ
ปัญชลีเหลือบมองไปทางวิไลลักษณ์เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอมองมาทางภาสกรก็เห็นสีหน้าพึงพอใจเช่นกันที่ดาวทำหน้าที่ได้คล่องแคล่ว
ช่วงท้ายของงาน ดาวเชิญวิไลลักษณ์ขึ้นไปบนเวที ปัญชลีมองตามดาวที่เข้ามาประคองช่วยจูงวิไลลักษณ์อย่างสนิทสนม สีหน้าทั้งสองยิ้มแย้ม
“รู้สึกว่าแม่ภาสจะพอใจมากเลยนะคะ” เธออดค่อนขอดออกมาไม่ได้
“ถ้าลีไม่อคติเกินไป ลีคงเห็นว่าดาวทำได้ดี”
ปัญชลีเบื่อ และเอียนกับดาวเต็มทน อยากจะลุกหนีไปภาสกรดึงไว้
“อย่าเพิ่งไปจ้ะลี ฟังคุณแม่”
“มีอะไรเหรอคะ”
ภาสกรไม่ตอบ แต่ละสายตามองไปบนเวที เห็นวิไลลักษณ์เตรียมกล่าวช่วงสำคัญ
“ตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปีที่ดิชั้นดูแลสถานี Thai KK ต่อจากคุณพ่อ เป็นช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต เพราะการที่เราก่อร่างสร้างตัวจากสถานีเล็กๆ จนกลายเป็นแถวหน้าของประเทศในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจมากมาย วันนี้ดิชั้นมองกลับไปเห็นว่า Thai KK เดินมาไกลมากและคงจะเดินต่อไป เพียงแต่อาจจะไม่ใช่จากแรงพลังของดิชั้น Thai KK สมควรที่จะผลัดใบ เปลี่ยนโฉมหน้าผู้นำเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์เหมาะสมกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ดิชั้นจึงตัดสินใจแต่งตั้งให้คุณภาสกร หิรัญกุล ลูกชายคนโตขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของสถานีนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปค่ะ”
เสียงฮือฮาในงานดังขึ้น สปอตไลต์ฉายไปใส่ภาสกรทันที พร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้อง
ภาสกรลุกขึ้นยืนโค้งให้กับผู้คนในงาน ขณะที่ปัญชลีเหวอไม่มีรู้เรื่องมาก่อน
วิไลลักษณ์หันไปกล่าวต่อ ปัญชลีไม่สนใจฟังลุกออกไป
“นี่เหรอคะ เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ว่า”
“ใช่จ้ะ คุณแม่ตั้งใจจะประกาศอย่างเป็นทางการในงานวันนี้”
ปัญชลีตัดพ้อ น้อยใจยิ่งนัก “ภาสน่าจะบอกลีซักนิดนึง”
“ลีก็รู้อยู่แล้วว่าคุณแม่กำลังจะวางมือ”
“แต่ลีไม่ได้รู้อย่างเป็นทางการ ทั้งๆ ที่ลีควรจะรู้ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวของคุณเหมือนกัน”
ภาสกรอึดอัดใจ แต่พยายามปั้นหน้ายิ้ม เพราะรู้ว่ากำลังมีสายตาทุกคู่จับจ้อง ภาสกรตัดบท
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยจ้ะลี เดี๋ยวเราค่อย...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลีจะไม่พูดอีกแล้ว ขอบคุณนะคะภาสที่ทำให้ลีรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกอย่างสมบูรณ์แบบในวันนี้”
พูดจบปัญชลีก็คว้ากระเป๋าลุกเดินออกไปทันที ภาสกรเหวอ อยากตามไป แต่ละล้าละลังเพราะมีคิวต้องขึ้นเวทีต่อจากมารดา
ปัญชลีเดินออกมามุมหนึ่งของศูนย์ประชุมใกล้หัวบันได คุยโทรศัพท์ระบายอารมณ์กับเก้ทั้งน้อยใจ และเสียใจ
“พี่จะกลับแล้วเก้ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ในเมื่อพี่ไม่ได้มีตัวตนในสายตาของพวกเขาเลย พี่ต้องมารู้พร้อมกับคนนอกว่าคุณแม่แต่งตั้งให้ภาสเป็นกรรมการผู้จัดการวันนี้เอง”
มีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังปัญชลีมาตลอดขณะที่ปัญชลียังคุยโทรศัพท์ว้าวุ่น
“พี่พยายามใจเย็นแล้ว ไม่ได้โกรธ แต่พี่ไม่อยากอยู่ปั้นหน้ายินดีปรีดาทั้งที่ในใจพี่กำลังน้อยใจภาสที่เขาเห็นพี่เป็นคนอื่น เก้มารับพี่หน่อยนะ”
ปัญชลีวางสายไป ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ชะงักเมื่อหันไปเห็นว่าคนนั้นคือดาว
“พี่ลีเพิ่งรู้เรื่องที่คุณวิไลลักษณ์จะแต่งตั้งคุณภาสเหรอคะ ตายจริง ดาวนึกว่าคุณภาสบอกพี่ลีล่วงหน้าแล้วซะอีก”
“ภาสบอกเธอเหรอ”
ดาวยิ้มหยันในสีหน้า นึกถึงตอนรู้เรื่องนี้มาจากภาสุรี
“คุณแม่กับคุณพ่อจะเกษียณตัวเอง แล้วให้พี่ภาสนั่งบริหารเต็มตัว ดาวอย่าเพิ่งบอกใครนะ เพราะคุณแม่จะประกาศในงานเลี้ยงเปิดตัวรายการใหม่ทีเดียว”
แต่ปากดาวกลับพูดไปอีกอย่างเพื่อเสี้ยมให้ปัญชลีเข้าใจผิด
“ค่ะ คุณภาสเป็นคนบอก ดาวก็เลยนึกว่าพี่ลีคงรู้แล้ว ไม่งั้นจะกระซิบบอกพี่ลีแต่เนิ่นๆ”
ปัญชลีมองหน้าดาว จับได้ว่าดาวจงใจเยาะเย้ยเสียดแทง ไม่ได้เห็นอกเห็นใจอะไร
“เธอคงภูมิใจมากสินะที่ได้อยู่เหนือชั้น รู้สึกจะดิ้นรนเอาชนะชั้นเหลือเกิน”
“เพราะดาวอยากเป็นคนเก่งไงคะ ยิ่งเป็นคนเก่งที่เอาชนะ คนเก่ง ได้ก็ยิ่งน่าภูมิใจ” ดาวยิ้มทีเล่นทีจริง
“เธอยังไม่ได้ชนะชั้น”
“แน่ใจเหรอคะ ดาวกำลังจะมีรายการสองรายการ ขณะที่พีลียังไม่มีโอกาสได้กลับมาโผล่หน้าทางทีวี ดาวกลายเป็นขวัญใจมวลชน ส่วนพี่ลีถูกมองว่าเป็นนักข่าวใจดำ”
ดาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จงใจยั่วและเยาะเย้ยปัญชลี
“อีกหน่อยคนจะจำชื่อดารินกานต์ได้ แต่ชื่อปัญชลีจะเลือนหายไป จนอาจจะไม่มีอยู่แม้แต่ในหัวใจของคุณภาสกร เพราอะไรที่พีลีทำได้ ดาวจะทำให้ดีกว่า”
“แก”
ปัญชลีเงื้อมือตบหน้าดาวดังฉาดจนหน้าหัน ดาวกุมแก้มตกใจคาดไม่ถึง
“พี่ลี”
ปัญชลีตรงเข้าไปขย้ำคอดาวอีก
“แกอย่าหวังว่าคนอย่างแกจะมาแทนที่ชั้นได้ เรามันคนละชั้นกัน จำไว้”
ดาวตกใจพยายามแกะมือปัญชลีออก ทั้งสองยื้อยุดกันจนมายืนหมิ่นเหม่อยู่ใกล้หัวบันได แลดูน่าหวาดเสียวว่าไม่ใครคนใดคนหนึ่ง
หรืออาจเป็นทั้งคู่ ที่จะตกบันไดไป
ปัญชลีบันดาลโทสะ คุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว ขย้ำคอดาวแน่น อีกฝ่ายถอยหนีเธอยิ่งตามติด ไม่ยอมปล่อยมือจากลำคอของดาว ท่าทางโกรธถึงขีดสุด อยากขย้ำดาวให้ตายคามือ!
ดาวสู้ตายออกแรงเต็มที่ พยายามปัดแขนออก จนหลุดจากกรงเล็บปัญชลีได้ แต่ดันเสียหลัก ร่างดาวซวนเซจะตกบันไดอยู่รอมร่อ ปัญชลีตกใจทำอะไรไม่ถูก
มือใครคนหนึ่งยื่นมาคว้าตัวดาวได้ทัน เจ้าของมือนั้นคือ ภานุ ดาวหน้าซีด ยืนหมิ่นเหม่ขอบบันได เกือบตกไปแล้ว ปัญชลีเองก็หน้าเสีย หากดาวตกลงไปคงบาดเจ็บหนัก สติของปัญชลีเริ่มกลับมา ภานุเป่าปากโล่งอก วิ่งมาช่วยดาวได้อย่างหวุดหวิด
ทั้งสามคนรู้สึกว่าถูกจ้องมองอยู่ เมื่อหันกลับไปเห็นนักข่าวสองคนที่ออกมาคุยกันนอกงาน กำลังอ้าปากค้าง ท่าทีอึ้งๆ กับเหตุการณ์สองพิธีกรนักเล่าข่าวจะฆ่าแกงกัน ที่เห็นต่อหน้าต่อตาตั้งแต่ต้นจนจบ
ดาวหันมาเหยียดยิ้มใส่ปัญชลี “มีพยานเห็นเหตุการณ์ งานนี้ พี่ลีจบเห่!”
ดาวหัวเราะเดินกลับเข้างาน แต่แสร้งทำสีหน้าตื่นตระหนกให้นักข่าวเห็น เหมือนยังหวาดกลัวไม่หาย
ปัญชลีเห็นดาวเล่นละคร แล้วยิ่งเกลียด “เมื่อกี้น่าจะบีบคอให้ตาย”
นักข่าวฉากหลบเข้างาน ไม่อยากมีเรื่องกับปัญชลี ที่เวลานี้หน้าตาถมึงทึงเอาเรื่องมาก ภานุพิมพ์ไลน์อย่างไว
ปัญชลีงง “พิมพ์อะไรน่ะนุ”
“ไลน์หาพี่ภาครับ มีนักข่าวเห็นเหตุการณ์”
ภายในงานเลี้ยง ภาสุรีนั่งโต๊ะ ได้ข้อความไลน์จากภานุ กดอ่านแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ไม่นานนักบริเวณหลังเวทีถูกเคลียร์ให้คนไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว เหลือแต่ครอบครัวภาสกร และ ปัญชลี ครอบครัวภาสกรมองปัญชลีด้วยสายตาตำหนิ ก่อเรื่องอีกแล้ว ปัญชลียืนเฉย ดาวพานักข่าว 2 คนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามา
รีบรายงานกับวิไลลักษณ์ “พี่นักข่าว 2 คนนี้ เห็นพี่ลีตบดาวค่ะ”
ปัญชลีเหลียวขวับ จิกตาใส่ดาว ฟ้องกันต่อหน้าเลยนะ
วิไลลักษณ์หันมาพูดดีกับนักข่าว “เราต่างก็เป็นสื่อ ต้องพึ่งพาอาศัยกัน พวกคุณช่วยดิชั้น ดิชั้นก็จะช่วยพวกคุณ อะไรไม่ดีไม่งาม ที่เห็นหน้างานเมื่อกี้ ช่วยปิดหูปิดตา ไม่รู้ไม่เห็นนะคะ”
นักข่าว 2 คนมองหน้ากัน เอาไงดี
นักข่าว 1 บอก “เหตุการณ์นั้น จะรู้กันแค่เรา 2 สองคนครับ”
“ทางช่อง THAI KK ติดหนี้พวกคุณ ต่อไปทางช่องได้ข่าวสำคัญอะไรมา จะบอกพวกคุณด้วย”
วิไลลักษณ์ยิ้มขอบคุณ นักข่าว 2 คนออกไป
ปัญชลีเอ่ยขึ้น “หมดเรื่องแล้ว ลีกลับนะคะ”
ภาสุรีระเบิดใส่ “สร้างปัญหา แล้วจะเปิดก้นหนีกลับหน้าตาเฉย”
โอภาสปรามลูก “ไม่เอาน่ายัยภา ให้เรื่องมันจบๆ ไปเถอะ”
“ลีไปนะคะคุณพ่อ”
ปัญชลีไม่มีปัญหากับโอกาส ไหว้ลาพ่อสามีก่อน แล้วถึงหันไปไหว้วิไลลักษณ์ แต่ถูกเมิน ไม่รับไหว้ ปัญชลีคุมแค้นไม่กล้าโวย รีบกลับไปก่อน
ภาสกรมองแฟนสาวอย่างไม่พอใจพฤติกรรม ปัญชลีแข็งกร้าว สร้างปัญหาหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
งานเลี้ยงดำเนินไป บนเวทีก็เช่นกันมาถึงช่วง ดาวจ๊ะจ๋าทำหน้าที่พิธีกร สัมภาษณ์ศินีนาฏ ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม น้ำเสียงร่าเริงสดใสสุดๆ ทั้งที่เพิ่งถูกเกือบตกบันได
“รายการ Inspired by ศินีนาฏ ออกอากาศไม่กี่เทป ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงมากมาย ในฐานะพิธีกร คุณศินีนาฏมีอะไรอยากบอกกับผู้หญิงที่เป็นแฟนรายการมั้ยคะ”
“จงเป็นตัวของตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดค่ะ” ศินีนาฏยิ้ม
อีตุ่นยืนยิ้มเยิ้มอยู่ข้างเวทีกับภานุและแพรพรรณ
“ชาญฉลาดเหมือนลูกดาวของเจ๊”
แพรพรรณทำหน้าปุเลี่ยนๆ อยากจะอ้วก อวยอยู่ได้ ภานุขำแพรพรรณ
ส่วนที่โต๊ะภาสกร วิไลลักษณ์กับภาสุรีมองดาวทำหน้าที่พิธีกรได้ดีไม่มีที่ติ ทั้งที่เพิ่งถูกตบมา
“ดาวปรับอารมณ์ได้ดีจังนะคะคุณแม่ เหมือนไม่เคยเกิดเรื่อง”
“เด็กคนนี้เป็นมืออาชีพ” วิไลลักษณ์มองปลื้ม ชื่นชมดาว
โอภาสเห็นลูกชายคนโตนั่งเงียบ หน้าตาซีเรียสตลอดเวลารู้ว่าภาสกรเครียดเรื่องอะไรจึงกระซิบปลอบ
“ที่ลีอาละวาดดาว ไม่ใช่ความผิดของภาส”
“ผมเป็นหัวหน้า ปัดความรับผิดชอบไม่ได้หรอกครับคุณพ่อ ผมอาจยอมลีมากไปอย่างที่คุณแม่ว่า คืนนี้ผมจะคุยกับลี ลีจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่างไม่ได้”
“ยังไงก็พูดกันดีๆ ล่ะ ลีเค้าหัวแข็ง ไม่ยอมฟังใคร”
ภาสกรหนักใจมาก กลับไปบ้านจะคุยกับปัญชลีให้รู้เรื่อง และอาจทะเลาะกันถึงบ้านแตก
ภาสกรกลับจากงานเลี้ยงถึงบ้านตอนดึก เข้าห้องนอนมาเห็นปัญชลีนอนตะแคง หันหลังให้
“ลี หลับรึยัง” เงียบไม่มีเสียงตอบ “ลี”
ภาสกรคิดว่าปัญชลีอาจหลับแล้ว เดินไปหยิบเสื้อคลุมไปอาบน้ำ
ปัญชลียังไม่หลับนอนลืมตาโพลง ทั้งโกรธ ทั้งโมโห จนไม่อยากคุยกับแฟนหนุ่มตอนนี้
วันรุ่งขึ้น ข่าวตบกันหลุดและเป็นเรื่องจนได้ ครอบครัวภาสกรระดมสมองช่วยกันแก้ปัญหาเมื่อคืน วิไลลักษณ์กำลังโทร.คุยกับหัวหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ต่างๆ เพื่อเคลียร์ข่าวพิธีกรช่องทะเลาะตบตีกันในงาน
“แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน คุณไม่ควรลงข่าวนี้ ได้ข้อมูลมาจากไหนคะ”
หนังสือพิมพ์วางหราบนโต๊ะทำงานวิไลลักษณ์ หน้า 1 กรอบข่าวเล็ก ลงข่าวเม้าท์ “พิธีกรดัง ป. ตบหน้าเพื่อนร่วมงาน”
วิไลลักษณ์วางสาย “บก.หนังสือพิมพ์ไม่ยอมบอก แหล่งข่าวเป็นใคร”
“ภาว่าต้องเป็นนักข่าว 2 คนเมื่อคืนค่ะ”
“ไม่กล้าหรอก เกรงบารมีคุณแม่” ภาสกรท้วง
“ที่ๆ เราจัดงาน มีคนเข้าออกเยอะแยะ อาจเป็นใครก็ได้ เห็นลีมีเรื่องกับดาว” โอภาสว่า
“พิธีกรดัง ชื่อขึ้นต้นด้วย ป.ปลา มีไม่กี่คน ลีกับดาวมีข่าวเกาเหลากันอยู่ด้วย ผมต้องรีบยุติข่าวลือ แถลงข่าวยอมรับว่าเป็นลีจริง แต่ลีกับดาวไม่ได้มีเรื่องกันที่งานเลี้ยง”
“ข่าวนี้เป็นปัญหาส่วนตัว ผู้หญิงตีกัน เราเป็นผู้บริหาร ลงไปร่วมเล่นเกมด้วย มีแต่เจ็บตัว”
วิไลลักษณ์ครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา โดยที่สถานีไม่เดือดร้อนไปกับข่าวเกาเหลานี้
พีอาร์ช่องไทยเคเค. แจ้งไปยังทุกสำนักข่าวว่าจะมีงานแถลงข่าวบ่ายวันนี้ เรื่องปัญชลีกับดารินกานต์
นักข่าวจอมเผือกแทบทุกสำนักมาทำข่าวตบกันในงานเลี้ยงสถานี โดยครอบครัวภาสกรไม่ลงมาร่วมแถลงข่าวด้วย มอบหมายให้ศินีนาฏเป็นพิธีกรงานแถลงข่าว มีปัญชลีกับดาวปั้นหน้ายิ้ม กลบกระแสข่าวตบกันอยู่ข้างๆ
“คุณวิไลลักษณ์กับคุณภาสกร ผู้บริหารช่อง THAI KK มีความกังวลเกี่ยวกับข่าวลือที่ออกไปจึงจัดให้มีการแถลงข่าว เพื่อให้ความจริงปรากฏค่ะ” ศินีนาฎหันไปมองปัญชลี เป็นเชิงบอกถึงคิวเธอพูด
“พิธีกรอักษรย่อ ป.ปลา คือ ดิชั้นค่ะ เมื่อคืนในงานเลี้ยงช่อง ดิชั้นมีเรื่องถกเถียงกันคุณดารินกานต์เล็กน้อย ไม่มีการใช้กำลังกันแน่นอน”
จู่ๆ มีเสียงปัญชลีดังขึ้น “แกอย่าหวังว่าคนอย่างแกจะมาแทนที่ชั้นได้ เรามันคนละชั้นกัน จำไว้”
ปัญชลีและทุกคนในห้องแถลงข่าวหน้าเหวอ นี่มันเสียงปัญชลี ดังมาจากไหน?
“ดิชั้นเพิ่งได้คลิปจากกองบก. ที่ว่าไม่ใช้กำลัง แล้วนี่อะไรคะคุณปัญชลี”
นักข่าว 1 หันหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ปัญชลีดูคลิป คลิปเริ่มตั้งแต่ปัญชลีตบหน้าดาว แล้วด่า ตามไปขย้ำคอ
คลิปดังกล่าวเรียกเสียงฮือฮาทั้งห้อง ปัญชลีหน้าซีด หลักฐานแฉจะๆ มือโปรระดับนางก็ไปไม่เป็น
นักข่าว 2 ซัก “จะแก้ต่างว่ายังไงคะคุณปัญชลี”
นักข่าว 3 รุกไล่ “ตบกันเพราะแย่งงานใช่มั้ยคะ”
ปัญชลีโดนระดมยิงคำถามใส่ พูดไม่ออก แถมศินีนาฏก็ไม่ช่วยพูด ชั้นไม่เกี่ยว ส่วนดาวลอบยิ้มสะใจ นังจิ้งจอกโดนแฉ !
เป็นภานุกับแพรพรรณที่มาดูแลงานแถลงข่าวด้วย ช่วยกู้สถานการณ์
แพรพรรณคว้าไมโครโฟนมาพูด “งานแถลงข่าวจบแค่นี้นะคะขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่มาค่ะ”
“ไปเถอะครับพี่ลี”
ภานุพาปัญชลีแหวกฝูงนักข่าวออกจากห้อง แพรพรรณช่วยกันด้านหลัง ไม่ให้พวกนักข่าวตามปัญชลีไปได้
ทุกคนอยู่ในห้องทำงานวิไลลักษณ์ ปัญชลีแผดเสียงโวยลั่น โกรธถึงขีดสุด
“พวกลอบกัด รอให้ลีพูดก่อน แล้วปล่อยคลิป แทงข้างหลังลี”
ภาสุรีค้อนควัก “โดนต้อนจนมุม แล้วยังไม่สำนึกอีก”
“ทำไมต้องสำนึก ลีไม่ได้ผิด เมื่อคืนดาวหาเรื่องลีก่อน”
ภาสกรหมดความอดทนกับพฤติกรรมแย่ ๆ ของปัญชลี
“ปัญหาลุกลามบานปลาย ต้องมีคนโดนลงโทษ ลี ผมขอสั่งพักงานคุณไม่มีกำหนด”
ปัญชลีอึ้ง ตะลึงตะไลไปทันควัน มองภาสกรอย่างไม่อยากเชื่อ แฟนหนุ่มลงโทษเธอ
ภาสกรใช้สายตาแข็งกร้าวมองปัญชลี เธอสมควรโดนลงโทษหนักๆ ซะบ้าง จะได้สำนึก และปรับปรุงตัวเอง
ปัญชลีประชด “ภาสคิดว่าลีผิด งั้น ลีก็ไม่อยู่สร้างปัญหาให้ภาส ลีขอลาออก”
คราวนี้ภาสกรเป็นฝ่ายอึ้ง ไม่คิดว่าปัญชลีจะใช้อารมณ์กลับ ภาสกรหน้าตึงโมโห
ปัญชลีมองหน้าภาสกร รอให้เขาเอ่ยปากขอโทษ แต่ภาสกรกลับเฉย พอปัญชลีหันมองคนอื่น
ทุกคนก็เฉย ไม่แคร์ปัญชลีจะอยู่หรือไป ดาวกับศินีนาฏยิ่งแล้วใหญ่ ยิ้มเยาะส่งสายตาเย้ยหยันมา มีโอภาสเพียงคนเดียวที่มองปัญชลีอย่างเห็นใจ
ปัญชลีหันกลับมามองภาสกรอีกครั้ง ยังคงเห็นแววตาแข็งกร้าวของเขา เหมือนไม่แคร์เธอเสียด้วยซ้ำ
ปัญชลีสูญเสียหมดสิ้น เสียใจ เสียหน้า และเสียความรู้สึก หากแต่เธอเชิดหน้า เดินคอแข็ง ระเหิดระหงออกไป
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปัญชลีเก็บของใส่กล่องอยู่ในห้องทำงาน มีเก้คอยช่วย ปัญชลีซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เสียใจที่ภาสกรปล่อยให้เธอไปจากสถานีโดยไม่รั้งไว้สักคำ
“จะลาออกจริงๆ เหรอครับพี่ลี”
“ของที่เหลือไม่ต้องเอาไป ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติช่อง”
ปัญชลีไม่ตอบ ถือกล่องของนำออกมาจากห้องทำงาน เก้ตามหลัง
ทุกคนในฝ่ายรายการรู้แล้วว่าปัญชลีลาออกแล้ว เพราะดาวกับศินีนาฏคาบข่าวมาบอก ปัญชลีมองท็อป ตั้งใจจะเอ่ยปากล่ำลา แต่สายตาที่มองมาดูออกว่าเขาไม่อาลัยอาวรณ์สักนิด ปัญชลีเพิ่งตระหนักว่าขนาดลูกน้องมือขวา ก็ไม่ชอบนาง เลยเปลี่ยนใจ ไม่พูดคำใดๆ
ตุ่น จอย แอน และพนักงานทุกคนในฝ่ายรายการมองยิ้มหยัน ต่างดีใจที่นังจิ้งจอกไปซะที
ปัญชลีเจอสายตาสาปส่งของทุกคน เล่นเอาจุกไม่น้อย
มีเพียงภานุกับแพรพรรณที่มองปัญชลีด้วยความสงสาร
สุดท้ายปัญชลีเลือกที่จะไม่บอกลาใครเลย เธอเดินนำเก้ออกไป ทำเป็นไม่แคร์อีกฝ่ายที่รุมจ้องสาปส่ง
พอปัญชลีกับเก้ถือกล่องออกมาที่โถงหน้าห้องฝ่ายรายการ มีเสียงร้องเฮ้...ฮิ้ว ดีใจดังไล่หลัง
ใจแข็งหรือหยิ่งทะนงมากเพียงใด ปัญชลีก็อดเสียใจไม่ได้ “พี่เพิ่งรู้ ลูกน้องเกลียดพี่มากขนาดนี้”
ส่วนในห้องฝ่ายรายการ ตุ่นยังคงเป็นต้นเสียง ร้องเฮไม่หยุด
“ฮูเล เฮ้ๆๆๆ” ตุ้นออกสเตปเต้นท่าลีดเดอร์เชียร์ “ปรบมือค่า...1...2...123...1212 1...วี้ดด...บูม!”
พวกพนักงานก็เล่นด้วย ปรบมือเชียร์ เฮฮากับตุ่น ดาวไปร่วมเต้นลีดกับตุ่น ศินีนาฏนำทีมปรบมือเชียร์กันเป็นที่สนุกสนาน
ภานุกับแพรพรรณแยกกลุ่มไปดูอยู่ห่างๆ อย่างอเนจอนาถใจ
ปัญชลีกับเก้ถือกล่องลงมาโถงข้างล่างแล้ว เจอกองทัพนักข่าวจอมเผือกที่ยังไม่ย้ายก้นไปไหน รุมอีก
นักข่าว 1 ยิงประเด็นเดิม “คุณปัญชลีจะแก้ต่างเรื่องตบหน้าคุณดาวยังไงคะ”
ปัญชลีไม่ยอมให้สัมภาษณ์ เดินหนีออกไปหน้าตึก รปภ.กันไม่ให้นักข่าวตามไป
ออกมาหน้าตึกปัญชลีหยุด หันไปมองตึกสถานีโทรทัศน์ THAI KK ที่ทำงานมาสิบกว่าปี รักและผูกพัน มาวันนี้ต้องจากไป รู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก ดวงตาคู่สวยบ่งบอกถึงความเจ็บปวดชัดแจ้ง ปัญชลีไม่อยากลาออก อยากเกษียณที่สถานีแห่งนี้ ที่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง
นักข่าวจอมเผือกหนีรปภ. มาได้ ตามกันเป็นพรวนออกมาหน้าตึก เก้ขับรถมารับ ปัญชลีรีบขึ้นรถหนีนักข่าวไปได้อย่างหวุดหวิด
กลับถึงบ้านปัญชลีเอาแต่นั่งซึม วันนี้เธอสูญเสียงานที่รัก เพิ่งรู้ว่าลูกน้องล้วนชิงชังตัวเอง ระหว่างนี้สายจากโอภาสโทร.มาหา ปัญชลีกดรับสาย น้ำเสียงเนือยๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
โอภาสอยู่ในห้องทำงานวิไลลักษณ์ คุยสายกับปัญชลี
“ลี เรื่องที่ลาออกน่ะ ภาสบอกพ่อ ภาสไม่ให้ลีออก”
“ใบลาออกอยู่บนโต๊ะทำงานลี ให้เลขาภาสไปเอานะคะ”
ระหว่างนี้วิไลลักษณ์กับภาสกร ทุ่มเถียงกันขณะเดินเข้ามาในห้อง
“แม่ลีเค้าลาออกไปแล้ว ก็ต้องยุบรายการเค้าสิ”
“เดี๋ยวพ่อโทร.ไปใหม่นะลี” โอภาสรีบร้อนวางสาย หันไปทางสองคน “ไปประชุมฝ่ายรายการมา เถียงกันในห้องประชุมไม่จบเหรอ”
“คุณแม่จะยุบรายการถามตรงกับปัญชลี ผมไม่เห็นด้วยครับ”
วิไลลักษณ์มีน้ำโห “ต่อให้ลียังอยู่ แม่ก็จะสั่งยุบรายการนี้ ภาพพจน์ลีย่อยยับแล้ว ไม่เหลือความน่าเชื่อถือ ภาสก็ยอมรับซะที แฟนภาสนิสัยเลวร้าย ลีทำตัวเอง”
“ผมยอมรับ ลีมีข้อเสีย ลีเป็นคน Self Center เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ต่อให้ตัวเองผิด ลีก็ไม่ยอมรับผิด บางครั้งผมก็สุดจะทนกับลี อยากหนีไปไกลๆ”
วิไลลักษณ์สบช่องโน้มน้าวลูกชาย “แล้วทำไมไม่หนี เลิกกับลีซะเถอะลูก แต่งแล้วหย่า มันยุ่งยาก”
“ก่อนเป็นแฟนกัน ผมทำงานกับลีอยู่หลายปี เห็นความตั้งใจจริง ความทุ่มเทของลี ความรักของผมเกิดจากความประทับใจ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ ที่ลีเป็นคนแข็งกระด้าง เพราะชีวิตลีโดดเดี่ยว พ่อทิ้งไปตั้งแต่ลียังไม่เกิด แม่ต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้ลูก ลีโตมาอย่างว้าเหว่ ขาดความรัก”
โอภาสถึงกับอึ้ง “พ่อเพิ่งรู้ ชีวิตลีอาภัพ น่าสงสารนะ”
“ลีเป็นคนมีความสามารถ พอข่าวซา ผมจะให้ลีกลับมาทำงาน”
ภาสกรบอกแม่แล้วออกไปเลย
“ขาดความรักแล้วต้องทำตัวแย่ๆ กับคนอื่นรึไง ฮึ ข้ออ้าง” วิไลลักษณ์ไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารปัญชลีสักน้อย
ดึกแล้วปัญชลียังไม่ขึ้นนอน อยู่รอภาสกร จนเสียงรถแล่นเข้าบ้าน ปัญชลีเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ พอภาสกรเข้าบ้านมาก็โดนเล่นงานทันที
“ภาสคิดว่าลีเป็นคนยังไงคะ”
“ผมไม่ได้เซ็นใบลาออกลีนะ”
“บอกมา ภาสคิดว่าลีนิสัยยังไง”
ภาสกรชักฉุน “มันอะไรกันน่ะลี”
“ภาสไม่บอก งั้นลีพูดเอง...ลีเป็นคน Self Center เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ต่อให้ตัวเองผิด ลีก็ไม่ยอมรับผิด บางครั้งผมก็สุดจะทนกับลี อยากหนีไปไกลๆ”
ภาสกรอึ้งแปลกใจมาก ปัญชลีพูดเหมือนกับที่เขาบอกแม่เป๊ะ
“คุณพ่อกำลังคุยโทรศัพท์กับลี ตอนภาสกับคุณแม่เข้ามาทะเลาะกันในห้อง คุณพ่อลืมวางสาย ลีได้ยินภาสบอกคุณแม่”
ปัญชลีได้ยินเสียงภาสกรพูดถึงนิสัยเธอทางโทรศัพท์
“ผมยอมรับ ลีมีข้อเสีย ลีเป็นคน Self Center เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ต่อให้ตัวเองผิด ลีก็ไม่ยอมรับผิด บางครั้งผมก็สุดจะทนกับลี อยากหนีไปไกลๆ”
ปัญชลีช้ำใจ โดนคนรักหักหลัง เอาเธอไปด่าว่าลับหลัง จึงวางสายแค่นี้ ไม่อยากฟังภาสกรพูดต่อ
ปัญชลีอาละวาดใส่อารมณ์เกรี้ยวกราดต่อว่าภาสกรอย่างรุนแรง
“ภาสโกหกลี ทำเป็นพูดดีกับลี แต่ใจจริง ภาสก็ไม่ชอบลี”
ภาสกรโมโห โดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว “บอกความจริงแล้วก็เป็นอย่างงี้ไงล่ะ ลีก็โกรธ ไม่พอใจผม พอผมไม่พูด ก็หาว่าผมโกหก ผมทำอะไรก็ผิด แต่ลี ไม่เคยผิด”
“ค่ะ ลีนิสัยไม่ดี ลีมันแย่ ภาสทนไม่ไหว ก็เลิกกับลีไปสิคะ”
ภาสกรเอือมเหลือแสน “ใช้อารมณ์อีกแล้ว เหมือนที่ประชดผม ลาออก”
“แล้วลีลาออกจริงมั้ยล่ะคะ ลีไม่ได้ประชด” ปัญชลีเน้นเสียง ย้ำชัดๆ “เมื่อทนไม่ไหว เราก็ควรจบกัน ภาสไปตามทางของภาส ลีก็อยู่ของลี...เราเลิกกัน”
ปัญชลีพูดด้วยหน้าตาเอาจริงเอาจัง โกรธสุดขีด จนอยากเลิก! ภาสกรอึ้ง เงียบไปเลย
ดึกแล้ว วิไลลักษณ์กับโอภาสยังไม่ขึ้นนอน นั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในห้องโถง
“เห็นภาสสั่งพักงานลี ชั้นก็คิดว่าลูกตาสว่างแล้ว ที่ไหนได้ รู้ว่าแม่ลีไม่ดี ก็ยังรัก”
เสียงรถแล่นเข้าบ้าน สองคนชะเง้อดู ใครมาดึกป่านนี้ สักครู่จึงเห็นภาสกรหน้าเครียดเข้าบ้านมา
โอภาสเห็นหน้าลูกชายก็พอรู้ “ทะเลาะกับลีมาสิภาส”
“ลีเค้าบอกเลิกผมครับ” ภาสกรพูดหน้าเศร้า
วิไลลักษณ์ดีใจจนเนื้อเต้น “พ้นจากขุมนรกแล้วลูก”
ภาสกรกลับบอก “ให้ต่างฝ่ายต่างทบทวนตัวเองซักพัก แล้วผมจะกลับไปหาลีครับ”
วิไลลักษณ์อ้าปากจะห้ามลูกชาย
“ขึ้นนอนเถอะคุณ ภาสไปบอกให้คนใช้จัดห้องนอนเองนะลูก”
โอภาสใช้สายตาปรามภรรยาไม่ให้พูดให้ลูกชายรู้สึกเศร้าไปกว่านี้พร้อมกับจูงวิไลลักษณ์บังคับพาขึ้นข้างบนไป
ภาสกรเสียใจหนัก เขารักปัญชลีมาก ฝันอยากใช้ชีวิตร่วมกัน แต่มาโดนเธอบอกเลิก
ปัญชลีเองก็เศร้า เพิ่งบอกเลิกผู้ชายที่เธอรักที่สุดในชีวิต ยิ่งเมื่อมองไปเห็นเสื้อสูทภาสกรแขวนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ก็อดคิดถึงเจ้าของเสื้อไม่ได้ จนต้องเมินหน้าหนี
ปัญชลีสุดกลั้น ปล่อยความอ่อนแอภายในถั่งโถมออกมา ผ่านเสียงร้องไห้เบาๆ นั้น
ยิ่งเวลาผ่านไปชื่อชั้นดาวก็ยิ่งขึ้นหม้อ อาทิตย์ถัดมาดาวนั่งยิ้มหน้าแฉล้มไหว้ผู้ชมผ่านกล้องในห้องส่ง เปิดตัวรายการใหม่
“สวัสดีค่ะ ดิชั้น ดารินกานต์ กิตติวงศ์ มาพบกับคุณผู้ชมในรายการใหม่ล่าสุดของช่อง THAI KK รายการ “ร้องทุกข์กับดารินกานต์” ใครมีเรื่องเดือดร้อน โทร.มาปรึกษาได้ ที่เบอร์โทร.ที่ขึ้นอยู่หน้าจอ รายการนี้เป็นรายการสด โทร.มาได้เลยนะคะ ผู้ที่นั่งอยู่ข้างดิชั้นก็คือ ทนายสมพงษ์ ค่ะ”
มีผู้ชายนั่งจัดรายการข้างดาว
“ทนายสมพงษ์จะให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เราสองคนจะมาพบคุณผู้ชม ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ ตั้งแต่บ่ายสอง ถึง บ่ายสามค่ะ”
หลังกล้อง ท็อปให้สัญญาณดาว
“สายแรกเข้ามาแล้ว จากคุณอะไรคะ”
ดาวจัดรายการเสร็จแล้ว มาหาวิไลลักษณ์ที่ยืนอยู่กับตุ่น ปล่อยให้ทีมงาน ท็อป จอย แอน เก็บของไป
“ดาวสอบผ่านมั้ยคะคุณวิไลลักษณ์”
“ชั้นให้เอ-บวก ดาว รายการนี้จะส่งให้เธอติดลมบน เป็นนักข่าวขวัญใจมหาชน”
ตุ่นเลียดาวเต็มสูบ “จากสาวสวยสมุทรสงคราม กลายเป็นสาวสวย...ขวัญใจคนทั้งประเทศ”
ดาวยิ้มเชิด นัยน์ตาฉายแววทะนงตนเต็มที่ ฉันดังแล้ว ฉันเป็นขวัญใจคนดู
ส่วนที่สำนักงานขายหมู่บ้านจัดสรรในสมุทรสงคราม ศรัณหน้าตาชื่นบาน เพราะวันนี้นัดมาเซ็นเอกสารสัญญาซื้อขายบ้าน บ้านที่เป็นเรือนหอของเขากับดาว
ศรัณวางเงินสดๆ เป็นกองๆ 5 แสนบาท เป็นค่าดาวน์บ้าน
“จ่ายเงินดาวน์แล้ว ไปกู้แบงก์วันนี้เลยนะครับ ได้โอนบ้านให้เรียบร้อย”
“ต้องขอประทานโทษนะครับ ผมขอเวลาทำนัดทางธนาคารก่อน ขอเป็นวันมะรืนนะครับ” ผู้จัดการบอก
“ก็ได้ครับ พอแบงก์ผ่านเงินกู้ ผมจะให้ช่างรีบมาตกแต่งเรือนหอ อยากให้เจ้าสาวมาอยู่ด้วยกันไวๆ น่ะครับ” พอพูดถึงเจ้าสาวก็หน้าบาน อยากแต่งงานกับดาวสุดหัวใจ
-ผู้จัดการลุกเอาเอกสารไปซีร็อก
-พ่อแม่ศรัณที่มาด้วย ไม่สบายใจเลย ลูกชายวิ่งวุ่นหาเรือนหอ เตรียมงานแต่ง แต่ดาว ตัวเจ้าสาวไม่เคยช่วยตระเตรียมงานแต่ง
“เรือนหอ ไม่กลายเป็นเรือนร้างแน่นะลูก หนูดาวเค้าไม่เคยมาดูบ้านเลย” พ่อถาม
แม่เสริม “ธรรมดาว่าที่เจ้าสาวต้องตื่นเต้นกว่าว่าเจ้าที่บ่าว เตรียมงานเองจนเหนื่อย”
“พ่อกับแม่ก็เห็นนี่ครับ ดาวเค้างานยุ่งมาก เพิ่งมีรายการใหม่ เสาร์อาทิตย์เค้าก็อยากพัก เราคุยกันแล้ว ดาวเค้าให้ผมจัดการทุกอย่าง รสนิยมเราเหมือนกัน ผมชอบ ดาวก็ชอบครับ”
พ่อกับแม่มองศรัณอย่างเป็นห่วง กลัวลูกชายเป็นม่ายขันหมากเหลือเกิน
ศรัณฝืนยิ้มให้พ่อแม่ พอหันหน้ากลับมา ชายหนุ่มก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละอารมณ์ทันที อันที่จริงศรัณกลัวมากกว่าพ่อแม่ซะอีก ดาวไม่สนใจงานแต่งเลย เหมือนไม่อยากแต่งงานด้วยซ้ำ
ศรัณใจหล่นวูบกลัวต้องสูญเสียดาว
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ดาวนั่งเล่าข่าวกับศินีนาฏในห้องส่งรายการกระแสข่าวเช้านี้ ทั้งคู่เข้าขากันดีมาก ทีมงานแฮปปี้ คุยกันสนุกสนานในห้องแต่งตัว ไม่มีปัญชลีมาคอยจิกด่า โดยเฉพาะอีตุ่นฮูเรฮูร่ามาก วันนี้นางใส่ส้นสูงเต้นโชว์
ทางด้านศรัณเริ่มตกแต่งเรือนหอ ทางร้านเอาเฟอร์นิเจอร์มาส่ง ศรัณออกแรงช่วยยกเฟอร์นิเจอร์เองเลย อยากแต่งเรือนหอให้เสร็จไวๆ จะได้พาดาวมาอยู่ด้วยกันสักที
อยู่มาวันหนึ่ง ดาวถูกเรียกมาพบท่านประธานในห้องทำงาน วิไลลักษณ์จับดาวเซ็นสัญญากับทางช่อง 5 ปี
“สัญญา 5 ปี เธอจะย้ายช่องไม่ได้ แล้วนี่...เงินเดือนใหม่เธอ”
ดาวดูตัวเลขอัตราเงินเดือนใหม่ที่ได้รับ ถึงกับตาลุก ตั้ง 200,000 บาท
ด้านศรัณมาลองชุดเจ้าบ่าวในร้านตัดชุดวิวาห์ที่สมุทรสงคราม เขาสวมชุดเจ้าบ่าวหล่อเหลา สาวๆ ในร้านมองเป็นตาเดียว ว่าที่เจ้าบ่าวหล่อโฮก พอเจอสาวๆ ใช้สายตาแทะโลม เล่นเอาศรัณเขิน
กลับถึงออฟฟิศเจ้าของร้านเอาการ์ดแต่งงานพิมพ์เสร็จแล้วมาให้ ศรัณรับการ์ดมายิ้มสุขใจ วันแต่งงานใกล้มาถึงแล้ว เขากำลังจะได้สร้างครอบครัวกับดาว แม่ยอดดวงใจ
2 เดือนต่อมา ปัญชลีนอนซึมตัวติดแหมะอยู่บนโซฟา ภาษากายแสดงถึงความท้อแท้สิ้นหวัง แววตาที่ปกติเป็นสีเหล็กกล้า มั่นใจในตัวเองสูงลิบ ตอนนี้อ่อนลง สูญเสียงาน เลิกกับแฟนหนุ่มที่รักมาก ทำให้เสียความมั่นใจในตัวเอง
วันนี้ภานุแวะมาเยี่ยม ง่วนอยู่ที่โต๊ะอาหาร ช่วยเก้จัดจาน แต่วางมั่วเลยถูกเก้ตีมือเผียะๆ เกย์ครับผม จัดวางจานใหม่ ลายพิมพ์บนจานแต่ละใบอยู่ระดับเดียวกัน ภานุขำ เกย์นี่เยอะยิ่งกว่าชะนี
พอเสร็จ ภานุหันไปเรียกปัญชลี “มากินข้าวครับพี่ลี ผมซื้อกับข้าวมาให้พี่ลีเพียบเลย”
ปัญชลีไม่ขยับ ตอบมาเสียงเนือยๆ “นุกับเก้กินเถอะ พี่ไม่หิว”
ภานุชวนคุยอยากให้ปัญชลีสดใส “พี่ภาให้ผมกับแพรคิดรายการใหม่ ทำรายการอะไรดีครับพี่ลี”
“รายการเกี่ยวกับไอทีไง ใหม่ดี”
“เก่าแล้วครับ มีตั้งหลายรายการ...” ภานุรีบหุบปาก เผลอวิจารณ์ความคิดเห็นปัญชลีในเชิงลบ เตรียมตัวโดนด่า
“วงการทีวีเปลี่ยนเร็ว พี่ไม่ได้ทำงาน 2 เดือน มีรายการใหม่ๆ เยอะสินะ”
ภานุงงเลยไม่ถูกด่า หันมาบอกเก้ “พี่ลีไม่ด่าผมแฮะ”
“เจอลูกน้องสาปส่งซะขนาดนั้น เป็นใครก็เป๋ครับ พี่ลีเสียความมั่นใจไปเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยว่าใคร มองแง่ดีนะคุณนุ บทเรียนครั้งนี้ทำให้ลีคิดได้ พี่ลีไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล เป็นคนธรรมดาที่ผิดพลาดเป็น”
“พวกเราก็ได้พี่ลีคนใหม่ ที่ทั้งเก่ง ทั้งน่ารัก”
“ครับ” เก้ยิ้มหวาน แล้วนึกบางอย่างได้ “คุณนุ ทำไมพี่ภาสไม่มาง้อพี่ลีเลย เป็นเดือนแล้ว จะยอมเลิกเหรอ”
“เห็นพี่ภาสทะเลาะกับคุณแม่ พี่ภาสจะกลับมาหาพี่ลี แค่อยากพักใจซักแป๊บน่ะครับ”
“ผมไม่อยากให้พี่ภาสห่างพี่ลีไปนานๆ ดาวหาทางแทรกกลางอยู่”
ภานุบอกเสียงเบา เขาไม่อยากให้พี่ชายได้ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟน ภานุต้องกันพี่ชายจากดาว
เวลาเดียวกัน ศรัณเคาะประตูห้อง แต่ดาวไม่มาเปิดสักที สุดท้ายเลยไขกุญแจ ปรากฏไขไม่ออก ศรัณลองเสียบ ไขใหม่ ก็ไขไม่ออก
สักครู่ดาวเปิดประตูออกมา ชักสีหน้ามองศรัณอย่างรำคาญโดยไม่เก็บอาการ ไม่ตอแหลแสร้งหวานใส่เหมือนเคยแล้ว
“ดาวเปลี่ยนล็อคประตูห้องค่ะ ดาวซื้อห้องนี้จากเจ้าของแล้ว ตอนนี้ห้องเป็นของดาว”
“ก็ดีจ้ะ เราได้มีทั้งคอนโดที่กรุงเทพฯ มีบ้านที่สมุทรสงคราม ดาวจ๊ะ พี่เอาการ์ดแต่งงานมาให้ดู”
ศรัณขยับจะเข้าห้อง ถูกดาวขวางไม่ให้เข้า
“ดาวบอกแล้วไงคะ นี่ห้องของดาว ดาวไม่ชอบให้ คนอื่น เข้ามา”
คำว่า “คนอื่น” สะดุดใจศรัณมาก หรือสิ่งที่เขากลัวกำลังเกิดขึ้น
แต่ศรัณไม่อาจรับความจริงนี้ได้ “ลายการ์ดแต่งงานเป็นดอกกุหลาบ” เขาหยิบการ์ดแต่งงานในถุงให้ดาวดู
ดาวชักโมโห ขึ้นเสียงใส่ “ต้องให้ดาวพูดตรงๆ เลยใช่มั้ย ถึงจะเข้าใจ ดาวไม่แต่งงานกับพี่ ดาวไม่รักพี่แล้ว เราจบกันแค่นี้”
ศรัณตัวชาไปหมดแล้ว เสียใจจนทำเป็นไม่รับรู้ “การ์ดมีกลิ่นดอกไม้ด้วยนะจ๊ะ” เขายื่นการ์ดแต่งงานให้ดาวดม
ดาวยัวะจัด เอาถุงใส่การ์ดแต่งงานที่ศรัณถือมาโยนทิ้ง การ์ดแต่งงานหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ศรัณเจอดาวอาละวาดขนาดนี้ ทำเป็นไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว
“น้องดาวไม่รักพี่ศรัณแล้วเหรอ” เขาพยายามกลั้นก้อนน้ำตา
“ดาวเคยรักพี่ แต่ความรักมันจืดจางไปหมดแล้ว”
“แต่ความรักของพี่ เพิ่มขึ้นทุกวัน พี่จะเอาหัวใจดาวคืนมา พี่จะทำให้ดาวกลับมารักพี่”
ศรัณยิ้มให้ดาว เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า ของลูกผู้ชายที่วิงวอนขอความรักจากผู้หญิง
ดาวส่ายหน้าโดนพูดแรงๆ ใส่ ศรัณก็ยังไม่เลิก ป่วยการที่ดาวจะพูดอีก จึงปิดประตูใส่หน้าศรัณปัง!
ศรัณยืนแข็งเป็นหินอยู่หน้าห้อง เขาถูกทิ้งแน่แล้ว ความรักที่บ่มเพาะมาหลายปี ถูกทำลายด้วยน้ำมือผู้หญิงที่เขาฝากหัวใจไว้ ศรัณปรับตัวปรับใจไม่ทัน เหมือนฝันไป
ค่อยๆ ก้มลงเก็บการ์ดแต่งงาน
ถัดมาศรัณเดินใจลอยถือการ์ดแต่งงานออกจากคอนโด ไม่อยากเชื่อว่าถูกดาวทิ้ง ศรัณเดินไม่ดูจนชนชาย 1 ที่เดินสวนมา การ์ดแต่งงานหล่น
“ขอโทษครับ”
ชาย 1 ช่วยศรัณเก็บการ์ด
ภานุตั้งใจมาแอบซุ่มดูดาว เห็นศรัณทำซองเป็นตั้งหล่น และกำลังเก็บพยายามเพ่งมอง
“ซองอะไรหว่า”
ศรัณเก็บการ์ดแล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดแถวหน้าทางเข้าคอนโด
ภานุรีบไปดูตรงที่ศรัณทำซองหล่น อยากรู้ว่าซองอะไร มองหาตามพื้น แต่ไม่เห็นซักซอง
“มองไกลๆ เหมือนซองเป็นสีชมพู หรือการ์ดแต่งงาน”
ศรัณนั่งนิ่งอยู่ในรถนานสองนาน ค่อยๆ ทำใจยอมรับความจริง ว่าถูกดาวทิ้ง ทั้งที่กำลังจะแต่งงานกัน คำพูดดาวที่พูดใส่หน้าเมื่อกี้ ดังขึ้นในโสตประสาท
“ดาวบอกแล้วไงคะ นี่ห้องของดาว ดาวไม่ชอบให้ คนอื่น เข้ามา”
อีกคำดาวบอกว่า “ต้องให้ดาวพูดตรงๆ เลยใช่มั้ย ถึงจะเข้าใจ ดาวไม่แต่งงานกับพี่ ดาวไม่
รักพี่แล้ว เราจบกันแค่นี้”
และ คำนี้ “ดาวเคยรักพี่ แต่ความรักมันจืดจางไปหมดแล้ว”
ทำให้ลูกน้ำเค็มคนซื่อหัวใจแตกสลายย่อยยับ ทำนบน้ำตาที่สะกดกลั้นไว้ ไหลพรั่งพรูออกมา
เช้าวันถัดมา ภานุมาถึงออฟฟิศมองหาดาว เห็นดาวอยู่ในห้องทำงานปัญชลีเหมือนเป็นเจ้าของ ก็เข้าไปหาอย่างไม่พอใจ
“ห้องนี้ยังเป็นของคุณปัญชลีนะดาว”
ดาวไม่แยแส เดินสำรวจห้อง อยากยึดห้องนี้มาเป็นของเธอ
ภานุตัดสินใจลักไก่ดาวขึ้นว่า “เมื่อวานผมบังเอิญเจอพี่ศรัณที่ร้านกาแฟ พี่ศรัณแจกการ์ดแต่งงานให้ผม”
ดาวหันขวับมาหาภานุ
“ยังไม่ได้เปิดการ์ดดูเลย ไม่รู้แต่งวันไหน” ภานุหยิบซองสีชมพูในกระเป๋าออกมาหยั่งเชิงดาว เขาเปิดซองช้าๆ หยิบการ์ดข้างในออกมา
ดาวถลามาแย่งการ์ดไปจากมือภานุ
ภานุแสร้งทำหน้างง “อะไรน่ะดาว”
“อ่า...เอ่อ...การ์ดล็อตนี้พิมพ์ผิด ดาวจะเอาไปคืนพี่ศรัณ”
“ขอผมดูก่อน แต่งวันไหน ได้ทำตัวให้ว่าง”
“ดาวจะเอาการ์ดใบใหม่มาให้”
ดาวไม่ยอมคืนการ์ดให้เดินหนีจ้ำพรวดๆ ออกไป ภานุอมยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกล สะใจที่ดาวติดกับ
ดาวเดินจ้ำออกมาหน้าสถานี เห็นถังขยะ จะฉีกการ์ดแต่งงานทิ้งลงถังขยะ ภานุตามมาชิงการ์ดไปจากมือดาวซะก่อน
“กลัวผมรู้ชื่อเจ้าสาวสิครับ เจ้าสาวที่ชื่อ...” ภานุจะเปิดการ์ดอ่าน
ดาวพยายามแย่งการ์ดมา คราวนี้ภานุไม่ยอมให้แย่ง
ภานุอ่านการ์ด “เจ้าสาวชื่อ นางสาวดารินกานต์ กิตติวงศ์ ชื่อจริงดาวนี่”
ดาวสติแทบแตก ความลับสำคัญของหล่อนแตกแล้ว !
ศรัณเดินเข้ามา กะจะมาง้อดาว ต้องแปลกใจท่าทีสองคน เหมือนกำลังมีเรื่องกัน
“ดาวเป็นอะไรจ๊ะ”
“พี่ศรัณจงใจแฉดาว”
ศรัณงง “แฉดาว”
ภานุยิ้มกริ่ม รอดูฉากสำคัญที่ดาวกำลังแฉตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“พี่ให้การ์ดแต่งงานภานุ พี่เอาคืนดาว ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว”
ดาวตบหน้าศรัณฉาดใหญ่ แพรพรรณเพิ่งมาถึง กำลังจะเดินเข้าตึก มองไปเห็นศรัณโดนดาวตบหน้า!
ศรัณหน้าม้าน อายมากที่โดนดาวตบต่อหน้าภานุ ฝ่ายภานุเองก็หน้าเจื่อน
“ดาวพูดอะไรพี่ไม่เข้าใจ”
“ดาวต้องบอกทุกคนว่าดาวโกหกเรื่องพี่ศรัณ บอกคุณภาสกรด้วย”
ดาวแค้นแทบกระอัก “เกี่ยวอะไรกับแก ไอ้ภานุ แล้วชั้นกับพี่ศรัณก็เลิกกันแล้ว บอกไปก็เท่านั้น”
แพรพรรณตามมาสมทบ ได้ยินดาวบอกว่าเลิกกับศรัณแล้ว ก็เจ็บร้อนแทน ทั้งโดนทิ้ง แถมโดนตบ แพรพรรณเลยจัดให้ ตบหน้าดาวฉาดใหญ่
ดาวของขึ้นจะตบคืน ภานุจับมือดาวไว้ ไม่ให้ตบแพรพรรณ
“มาเลยอีผู้หญิงเห็นแก่ตัว มาตบกันให้ละครน้ำเน่ากลายเป็นแกงจืดไปเลย”
แพรพรรณกระเหี้ยนกระหือรืออยากซัดกับดาวให้แหลกไปข้าง ศรัณต้องลากแพรพรรณไป
“อีบ้า ผู้ชายไม่รักแล้วพาลหาเรื่องคนอื่น”
ศรัณลากแพรพรรณหายไปแล้ว ภานุมองดาวอย่างสมเพช สวยซะเปล่าแต่จิตใจสกปรก
“ดูซะ” ภานุส่งการ์ดแต่งงานให้ดาวแล้วเดินไป
ดาวเปิดการ์ดแต่งงานดู ไม่ใช่การ์ดของศรัณกับดาว เป็นการ์ดแต่งงานของคู่ไหนก็ไม่รู้
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์”
ดาวแค้นแทบกระอัก รู้ตัวว่าหลงกลถูกภานุหลอกต้องสารภาพเรื่องศรัณออกมาเอง
อ่านต่อตอนที่ 9