xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 6

แก้วกาแฟวางอยู่ตรงหน้าปัญชลีที่นั่งอ่านสคริปต์ข่าวอยู่ในห้องแต่งตัว อีกแก้วของดาวที่เหมือนกันวางอยู่ห่างออกไป โดยมีดาวยืนให้ตุ่นแต่งตัวอยู่อีกมุมเยื้องไปทางด้านหลัง และคอยเหลือบมองแก้วปัญชลีไม่วางตา เพราะปัญชลีไม่กินกาแฟเสียที

“สวยแล้วค่ะน้องดาว”
“ขอบคุณค่ะเจ๊”
ดาวรับคำแต่สายตายังมองปัญชลีลุ้นสุดขีด ว่าเมื่อไรจะกินสักที เก้เดินเข้ามา
“พี่ลี สแตนด์บายเถอะครับ”
“จ้ะ”
ปัญชลีละสายตาจากสคริปต์ ลุกขึ้น แล้วยกกาแฟขึ้นจิบก่อนจะถือเดินออกไปด้วย
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของดาวที่มองอย่างสาสมใจ

บนเวทีรายการปัญชลีกับดาวนั่งประจำที่ ต่างฝ่ายต่างอ่านสคริปต์ข่าวบนโต๊ะ แอนเข้ามาเช็คความเรียบร้อยของไมค์ให้ทั้งสอง ช่างแต่งหน้าเติมปากให้ปัญชลี
ดาวทำเป็นก้มหน้าก้มตาอยู่กับสคริปต์ของตัวเอง แต่แอบเหลือบมองแก้วกาแฟของปัญชลีพบว่าว่างเปล่า แสดงว่ากินเข้าไปจนหมด หล่อนก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มร้าย
“ไตเติ้ลมาครับ 10 9 8 7...”
ช่างแต่งหน้าเก็บของ แอนเก็บแก้วกาแฟปัญชลีออกไป ปล่อยให้ดาวกับปัญชลีเตรียมพร้อม
ไตเติ้ลกับเพลงรายการดังขึ้น แล้วตัดเข้ารายการ
ปัญชลี และดาวไหว้พร้อมกัน “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ พบกับรายการกระแสข่าวเช้า ประจำวันที่ 31 มีนาคม กับดิชั้น ปัญชลี ศิริวัฒนชัย” จู่ๆ ปัญชลีก็หยุดชะงัก เพราะรู้สึกระคายคอขึ้นมากะทันหัน
“ดิชั้นดารินกานต์ กิตติวงศ์ค่ะ”
ดาวพูดจบแล้วหันไปทางปัญชลีเป็นเชิงให้พูดต่อ
ปัญชลียกมือขึ้นปิดปากกระแอมกระไอ ก่อนจะพยายามพูดเข้ารายการ
“ข่าวสารในวันนี้...” ปัญชลีหยุดกระแอม “ขออภัยค่ะ”
ปัญชลีพูดต่อไม่ได้ เริ่มไอต่อเนื่อง
เก้ดูมอนิเตอร์อยู่ที่หน้าห้อง เห็นปัญชลีไอเป็นการใหญ่ก็แปลกใจ
“พี่ลี...”

ท็อป แอน และ จอย ที่อยู่ในห้องคอนโทรล ตกใจที่เห็นปัญชลีไอไม่หยุด
“ตัดไมค์คุณลี” ท็อปสั่งแล้วพูดกับดาว “ดาว อ่านข่าวต่อไปเลย”

ดาวได้สติจากการมัวแต่มองปัญชลี รีบหันกลับมาหากล้อง
“ในวันนี้เรามีข่าวสารมากมายมาให้ท่านผู้ชมติดตามกันเช่นเคยนะคะ” ดาวดูรัน ดาวน์ และพูดต่อไปอย่างคล่องแคล่ว “และข่าวสำคัญข่าวแรกก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสภาพอากาศ ที่ตอนนี้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยเรากำลังผจญกับมรสุมที่ทำให้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครที่ต้องพบกับการจราจรติดขัดตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้...”
ดาวอ่านข่าวไปเรื่อยๆ ทีวีตัดเข้าคลิปข่าว
ปัญชลียังปิดปากไออยู่ข้างๆ โดยที่ดาวไม่สนใจ อ่านข่าวต่อ ซ่อนความสะใจไว้เนียนๆ

ที่ร้านแม่ก้อยข้าวมันไก่ แพรพรรณช่วยแม่จัดไก่ใส่ตู้โชว์หน้าร้าน
ก้อยหันไปดูทีวี “คุณปัญชลีเจ้านายแพรเขาเป็นอะไรน่ะลูก”
“ทำไมเหรอแม่”
“เมื่อกี้กล้องตัดไปแว็บนึง แม่เห็นไอใหญ่เลย”
แพรพรรณมองตาม รายการเตรียมตัดเข้าโฆษณา เห็นปัญชลีนั่งอยู่ และกำลังก้มหน้าปิดปากไอ แต่พยายามเก็บอาการ ปล่อยให้ดาวพูดปิดเบรกคนเดียว

พอรายการตัดเข้าโฆษณา เก้รีบวิ่งเข้ามา ตามด้วย ท็อป แอน จอย ปัญชลียังไอต่อเนื่องรุนแรงขึ้น ดาวแกล้งทำตัวไม่ถูก
“พี่ลีไอไม่หยุดเลยค่ะ” ดาวเข้าไปจับตัว “เป็นยังไงบ้างคะ”
ปัญชลีไอ ปัดดาวออกไม่อยากให้ยุ่ง เก้เข้าไปประคอง
“พี่ลี เกิดอะไรขึ้นครับ”
ท็อปสั่ง “เอาน้ำให้คุณปัญชลีเร็วเข้า”
จอยรีบส่งน้ำให้ปัญชลีดื่ม แต่ปัญชลีกินไปก็ยังสำลักไอออกมาอีก
“อาการแบบนี้มัน พี่ลีทานอะไรเข้าไปครับ”
ปัญชลีไอออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล แล้วนึกได้ ชี้ไปที่แก้วกาแฟ พูดตะกุกตะกัก
“กาแฟ ใครชงกาแฟแก้วนี้”
ทุกคนเลิ่กลั่ก ดาวหลบตามีพิรุธแต่ไม่มีใครสังเกต แอนวิ่งออกไปตามแม่บ้านพาเข้ามา แม่บ้านท่าทางหวาดกลัวมาก
“หนูค่ะ หนูชงเองค่ะ”
ปัญชลีพูดกลั้วเสียงไอ “เธอชงกาแฟใส่ครีมเทียมหรือเปล่า”
“เปล่านะคะ คุณจอยบอกหนูแล้วว่าคุณปัญชลีทานไม่ได้ หนูก็ไม่ได้ใส่”
เก้บอกกับทุกคน “แต่อาการแบบนี้คืออาการแพ้ของพี่ลีครับ”
แม่บ้านตกใจมาก “หนูไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ”
แม่บ้านนึกได้หันไปหาดาว จะให้เป็นพยาน แต่ปัญชลีไอหนักขึ้น เก้ไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะห่วงปัญชลีมากกว่า หันไปบอกท็อป
“เราต้องพาพี่ลีไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ครับ”
ท็อป แอน และจอย เห็นด้วย รีบช่วยกันประคองอัญชลีที่ยังไอไม่หยุดออกไป
ดาวทำเป็นลุกตาม ท่าทางเป็นห่วง

ดาวยืนดูปัญชลีถูกประคองออกไป มีตุ่นกับแก๊งช่างแต่งหน้ายืนชะเง้อคอตาม
“ชีจะตายไหมเจ๊” ช่างหน้าถาม
“โอ๊ย คนบาปหนักอย่างนังจิ้งจอกไม่ตายง่ายๆ หรอก ต้องอยู่ชดใช้กรรมให้สาสมจริงไหมน้องดาว” ตุ่นยิ้มมีเลศนัย
ดาวทำเป็นยิ้มซื่อ
“พี่ลีคงไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คงแค่แพ้อาหาร”
ท็อปกลับเข้ามาในสตู ท่าทางรีบร้อน
“ดาวออกมาทำไม ไปสแตนด์บายสิ จะเข้าเบรกต่อไปแล้ว เธอต้องดำเนินรายการคนเดียว”
ดาวดีใจ แต่แอ๊บตกใจ “คนเดียวเลยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ จะให้เจ๊ตุ่นไปจัดด้วยหรือไง เธอนั่นแหละต้องจัดคนเดียว”
“แต่ว่าดาว...”
ตุ่นจับมือดาว เชียร์ “ไปเลยค่ะลูก ไปโชว์ฝีมือให้เต็มที่ โอกาสของเรามาถึงแล้ว”
ตุ่นกระหยิ่มยิ้มย่อง พูดเป็นนัยๆ เพราะรู้ว่าดาวทำอะไรไว้
ดาวทำเป็นตื่นตระหนก ทั้งทีในใจเนื้อเต้นระริกด้วยความดีใจ

ก้อยเอาจานข้าวมันไก่มาเสิร์ฟลูกค้า ทีวีในร้านเปิดรายการกระแสข่าวเช้านี้ เห็นดาวนั่งอยู่คนเดียว
“อ้าว ปัญชลีไปไหนซะแล้ว”
ก้อยหันไปมองทีวีด้วยความแปลกใจ
“กลับมาติดตามกันต่อนะคะ แต่ก่อนอื่นดิชั้นต้องขออนุญาตเรียนให้ท่านผู้ชมทราบว่าคุณปัญชลี ไม่สามารถร่วมรายการกับเราได้ในวันนี้ค่ะ แต่ดิชั้นยังอยู่รายงานข่าวสารที่น่าสนใจให้ท่านผู้ชมถึงเก้านาฬิกาตามปกติค่ะ”
ก้อยมองทีวีงงๆ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับปัญชลี แล้วเดินกลับมาหาแพรพรรณที่กำลังคุยโทรศัพท์
“คุณปัญชลีป่วยกะทันหันค่ะแม่ เดี๋ยวแพรคงต้องออกเช้าหน่อย ว่าจะแวะไปเยี่ยมเธอ”
“ถึงว่าสิ งั้นก็ไปแต่งตัวเถอะลูก เดี๋ยวแม่ดูร้านเอง ฝากเยี่ยมด้วยนะ”
“ค่ะแม่”
แพรพรรณหอมแก้มแม่ แล้วรีบกลับเข้าหลังร้านไป

ภาสุรีเข้ามาในห้องคอนโทรล ที่ทุกคนกำลังทำงานกันวุ่นวาย ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“ปัญชลีเป็นยังไงบ้าง มีใครรู้ไหม”
“คุณเก้แจ้งว่ากำลังรอให้หมอตรวจอยู่ครับ” ท็อปบอก
ภาสุรีพยักหน้า โล่งใจ มองดูดาวผ่านจอเล็กๆ ในห้อ
“แล้วดาวล่ะ จัดรายการโอเคไหม”
“วันนี้คล่องกว่าเมื่อวานค่ะ สงสัยดาวทำการบ้านมาดี” จอยบอก
“ฟีดแบ็คคนดูล่ะ”
แอนไล่ดู SMS อยู่ที่หน้าจอ
“ส่วนใหญ่คนถามว่าปัญชลีไปไหนค่ะ คอมเมนต์เกี่ยวกับดาวส่วนใหญ่ชมว่าพูดได้คล่องดีกว่าเมื่อวาน”
ภาสุรีพยักหน้ารับรู้ สบายใจขึ้น มองดูดาวอย่างพอใจ

ทางด้านโอภาสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา สลับกับเหลือบดูกระแสข่าวเช้านี้ในทีวี เห็นดาวจัดรายการ เสียงหรี่เบาๆ กำลังเป็นช่วงคุยกับแขกรับเชิญ ซึ่งเป็นนักเทนนิสดัง
ดาวย้ายที่มายืนพูดคุย ออกท่าทางให้นักเทนนิสสอนวิธีจับไม้ หวดลูก ลองหัดตีลูก บรรยากาศสนุกๆ ขำๆ ดูเป็นกันเอง ดาวคุยกับแขกได้อย่างคล่องแคล่ว
วิไลลักษณ์เดินเข้ามายืนดูดาว อย่างพอใจ
“ผมได้ยินว่าปัญชลีป่วยเหรอ”
“เห็นว่าแพ้อาหาร แต่ไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ” วิไลลักษณ์มองดูดาว “เป็นไงคะ ดาวดวงใหม่ของสถานีเรา คุณคิดว่าไง”
โอภาสพยักหน้า “หน่วยก้านดี ไม่ตื่นกล้อง แสดงว่าเมื่อวานคงจะประหม่าจริงๆ”
“ตาภาสเลือกคนไม่ผิดจริงๆ ให้เวลาอีกหน่อยเถอะ เด็กคนนี้จะต้องขึ้นมาแทนปัญชลีได้แน่ๆ”
วิไลลักษณ์พูดพลางมองดาวในทีวีอย่างไม่วางตา

ภาสกรรีบมาโรงพยาบาลหลังจากรู้เรื่อง เห็นปัญชลีนอนให้หมอตรวจอยู่ในห้องพักฟื้นแล้ว
“อ้าว มาพอดีเลยไอ้พระเอก ยังไงวะแก ดูแลคุณลีไม่ดีเลยนะเนี่ย”
“ไม่ใช่ความผิดของภาสหรอกค่ะ เกิดเรื่องที่สถานี” ปัญชลีว่า
“ลีเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ภ่าสกรชยับเข้าไปแตะตัวอย่างเป็นห่วง
ปัญชลีบอกเสียงเบาหวิว “ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
“ชั้นให้ยาไปก็ค่อยยังชั่วแล้ว คุณลีพักผ่อนนะครับ”
หมอเดินออกไปกับพยาบาล ภาสกรยังหันมาถามปัญชลีอย่างห่วงใย
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ลีจะต้องสอบสวนเอาเรื่องแน่ แบบนี้มันคิดจะฆ่ากันชัดๆ”
ปัญชลีพูดด้วยอารมณ์ดุเดือดแล้วไอออกมาอีก ภาสกรรีบหยิบแก้วน้ำให้ดื่ม
“ที่สถานีเป็นยังไงบ้างคะภาส เก้เอารีโมทมาซิ”
ปัญชลีรับรีโมทมาเปิดทีวี เห็นดาวจัดรายการช่วงสุดท้ายพอดี ยืนคู่กับแขกรับเชิญ
“และนี่ก็คือช่วงสุดท้ายของรายการกระแสข่าวเช้าของวันนี้ค่ะ พบกันใหม่พรุ่งนี้ สวัสดีค่ะ”
ดาวไหว้ลาผู้ชม ไตเติ้ลปิดรายการขึ้น
ปัญชลีกระแทกรีโมทลงข้างตัวอย่างโมโห
“ในที่สุดยายดาวมันก็ได้จัดรายการคนเดียว ป่านนี้โดนด่าเละไปหมดแล้วมั้ง บ้าจริง”
เก้กับภาสกรมองหน้ากัน รู้ว่าปัญชลีกำลังจะขึ้น
ปัญชลีนึกได้ “หรือว่าจะเป็นแผนของเด็กคนนี้ มันต้องแกล้งลีแน่ๆ”
ภาสกรปลอบ “ใจเย็นๆ น่าลี ดาวจะไปรู้เรื่องอะไรได้ยังไง”
“ฮึ ลืมไปว่าเด็กคุณ ฉันไม่มีสิทธิ์สงสัย”
ภาสกรเสียงเข้ม “ดาวไม่ใช่เด็กผม”
เก้เห็นทั้งสองตั้งท่าจะทะเลาะก็รีบห้าม
“พี่ลีอย่าเพิ่งคิดอะไรเลยครับ คุณหมอให้พักผ่อน จะได้หายเร็วๆ นอนก่อนนะครับ”
เก้ปรับเตียงให้ปัญชลี แล้วพยุงให้ล้มตัวลงนอน

ภาสกรเซ็งที่ถูกเหวี่ยง พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้โกรธ รู้ว่าปัญชลีกำลังพาล

ที่ช่องไทยเคเค หลังจัดรายการเสร็จ ดาวออกมาจากห้องส่ง เห็นตุ่น แอน และคนอื่นๆ ยืนรออยู่ ทุกคนปรบมือให้

“เยี่ยมมากจ้ะน้องดาว”
ดาวยิ้มปลื้มให้ทุกคน แอนเข้ามาจับมือขอบคุณ
“เธอช่วยชีวิตพวกเราไว้แท้ๆ เลยนะดาว นี่ขนาดรายการไม่มีคุณปัญชลี แต่คนก็ยังติดตามดูจนจบ”
“คงไม่ใช่เพราะดาวหรอกค่ะ รายการมีแฟนอยู่ตั้งเยอะ” ดาวออกตัว
“แต่ถ้าดาวจัดรายการไม่สนุก คนก็คงไม่ดู วันนี้มีแต่คนชมว่าดาวทำได้ดีมากนะ” แอนชม
ดาวดีใจ “จริงเหรอคะ”
“เห็นไหมล่ะ น้องดาวของเจ๊เก่งอยู่แล้ว”
ดาวหน้าตาชื่นบานมีกำลังใจมากขึ้น
“เอ่อ แล้วคุณภา...” ดาวถามหยั่งเชิง
“คุณภาก็พอใจมาก เดี๋ยวคงจะเรียกเธอขึ้นไปพบ ตอนนี้กำลังสอบสวนแม่บ้านอยู่”
ดาวชะงัก รู้ดีว่าแม่บ้านเป็นแพะให้ตัวเองอยู่

แม่บ้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าภาสุรี ท็อป จอย ยืนตัวลีบ
“หนูไม่ได้ทำจริงๆ นะคะคุณภาสุรี ให้หนูไปสาบานที่ไหนก็ได้”
ภาสุรีเริ่มรำคาญ “ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วมันจะฝีมือใคร แม่บ้านบริษัทนี้ก็มีเธอคนเดียว”
แม่บ้านเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ภาสุรีหงุดหงิด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดาวเปิดประตูเข้ามาอย่างเกรงๆ
“มีอะไรดาว”
ดาวอึกอัก “ดาว...ดาวอยากจะมาช่วยอธิบายเรื่องเมื่อเช้านี้ค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องกาแฟของคุณปัญชลีค่ะ”
ทุกคนแปลกใจ มองดาวเป็นตาเดียว

ขณะที่แพรพรรณลงจากแท็กซี่ หิ้วกระเช้าของเยี่ยมเล็กๆ ใส่ผลไม้มา มีเสียงบีบแตรมอเตอร์ไซค์ดัง เลยหันไปมอง เห็นภานุขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด
“นายโย่ง”
“มาเยี่ยมพี่ เอ้ย คุณปัญชลีเหรอคุณ แล้วก็ไม่บอก ผมจะได้ไปรับที่บ้าน”
“ชั้นมีเงินจ่ายค่าแท็กซี่มาเองได้ แล้วนายล่ะ”
“ผมก็มาเยี่ยมเหมือนกัน พอรู้ข่าวจากพี่ท็อปก็รีบมาเลย” ภานุมองกระเช้า “คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”
“ของเยี่ยม มาเยี่ยมไข้ผู้ใหญ่ตัวเปล่าๆ ได้ยังไง เสียมารยาท”
“อ้าว เหรอ” ภานุเกาหัวแกรกๆ
“ที่บ้านไม่มีคนสั่งสอนหรือไง”
“อุ้ย เล่นแรงนะ”
แพรพรรณส่ายหน้าเอือมแล้วจะเข้าไป ภานุรีบดึงไว้
“เดี๋ยวๆๆๆ งั้นไปช่วยผมซื้อก่อน”
“ไม่ไป เสียเวลาชั้น”
ภานุไม่ยอม ลากแพรพรรณออกไป

ที่ช่อง ดาวยืนคุยกับภาสุรี ท็อป จอย มีแม่บ้านร้องไห้อยู่ข้างๆ
“เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอยังไงดาว”
“คือ ดาวอยู่ด้วยตอนที่น้องเขาชงกาแฟให้ดาวกับพี่ลีค่ะ ดาวยืนยันได้ว่าส่วนผสมทั้งสองแก้วไม่เหมือนกัน ของดาวใส่ครีมเทียมปกติ ส่วนของพี่ลีใส่นม”
แม่บ้านก้มหน้าสะอื้น ดาวทอดสายตามองอย่างน่าสงสาร
“น้องอาจจะสับสนตอนหยิบแก้วมาวางที่เซ็ตหรือเปล่าคะ”
แม่บ้านชะงัก เงยหน้ามองดาวแบบไม่ทันคิดเหมือนกัน
ดาวรายงานภาสุรีต่อ “เพราะตอนที่ดาวดื่ม ก็รู้สึกว่ามันไม่มีรสของครีมเทียมเหมือนกัน แต่ดาวไม่อยากวุ่นวายน่ะค่ะ รายการกำลังจะเริ่ม แล้วก็ไม่คิดว่าพี่ลีจะแพ้ด้วย”
ดาวเสียงอ่อย ตีสีหน้ารู้สึกผิด ภาสุรีหันไปคาดคั้นแม่บ้าน
“สรุปว่าเธอสลับแก้วของดาวกับคุณปัญชลีเหรอ”
แม่บ้านพยายามคิด งงเหมือนกัน แต่ก็จำอะไรไม่ได้
ดาวมองลุ้นๆ อยากให้แม่บ้านยืนยันจะได้จบๆ รีบชิงบอก
“ถ้าจะมีใครผิดก็น่าจะเป็นดาวค่ะ ถ้าดาวรีบบอกว่าดื่มกาแฟผิดแก้ว พี่ลีก็คงจะรู้ตัวก่อน” ดาวเน้นคำ “น้องเขาคงเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”
ดาวหันไปมองแม่บ้าน ยิ้มปลอบ ให้กำลังใจ ส่งสายตาบอกให้รู้ว่ากำลังช่วยอยู่นะ
แม่บ้านสบตาดาวอย่างสับสน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองสะเพร่าจริงหรือเปล่า แต่เห็นว่าเป็นทางรอด เลยรีบรับมุก
“เอ้อ ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ หนูคงเบลอเอง” แม่บ้านเสียงเครือ “เพราะยังไงหนูก็คงไม่ทำร้ายคุณลี”
แม่บ้านทำท่าจะร้องไห้อีก ภาสุรีใจอ่อนลง ถอนใจ
“เฮ้อ เอาล่ะๆ ถ้าเป็นความสะเพร่า ชั้นก็จะไม่ลงโทษ แต่เธอต้องระมัดระวังกว่านี้ และจะต้องไม่มีความผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง”
“ค่ะ คุณภาสุรี”
แม่บ้านพยักหน้า เช็ดน้ำตาป้อยๆ
ดาวเข้าไปโอบไหล่แม่บ้านปลอบ สวมบทพี่สาวแสนดีสุดชีวิต

ดาวเดินโอบแม่บ้านที่ปาดน้ำตาออกมา พร้อมกับท็อป จอย เห็นตุ่นกับทีมงานยืนซุบซิบกันรอฟังข่าว
“เอ้า มายืนรอฟังอะไรกัน กลับไปทำงานได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
ตุ่นกับคนอื่นๆ รีบสลายตัว แม่บ้านหันมายกมือไหว้ดาวปลกๆ
“ขอบคุณนะคะคุณดาวที่ช่วยยืนยันให้หนู ไม่งั้นหนูคงถูกไล่ออก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำใจให้สบายนะ อย่าคิดมาก”
แม่บ้านรับคำ เดินสะอึกสะอื้นออกไป
ดาวมองตาม ยิ้มนิดๆ อย่างพอใจที่ปัดสวะพ้นตัวไปได้

ดาวเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเครื่องประดับอยู่ในห้องแต่งตัว ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา เหลือบมองไป เห็นตุ่นเดินกระหยิ่มเข้ามาหา ปรบมือช้าๆ แบบรู้ทัน
“เจ๊ตุ่น จะเข้ามาเอาชุดใช่ไหมคะ ดาวกำลังจะเอาไปให้พอดี”
“เปล่า แต่เจ๊จะเข้ามาชื่นชมหนูอีกรอบเป็นการส่วนตัว เพราะหนูทำได้ดีมาก”
ตุ่นทำหน้ามีเลศนัยจนดาวแปลกใจ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อ
“แหม ชมหลายรอบแบบนี้ ดาวจะลอยแล้วนะคะ” ดาวหัวเราะ
“เปล๊า เจ๊ไม่ได้ชมที่ดาวจัดรายการนะ แต่เจ๊ชม...” อีตุ่นแกล้งเว้นจังหวะ “ฝีมือชงกาแฟของดาวต่างหาก”
ดาวชะงักหน้าซีดเผือด พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของตุ่นก็ยิ่งใจหาย ระแวงว่าจะถูกจับได้
“เจ๊ตุ่นพูดเรื่องอะไรคะ”
“เจ๊รู้ว่าดาวทำอะไร”
ดาวตกใจหน้าซีดขาวเป็นกระดาษ ส่วนตุ่นยิ้มย่อง กุมความลับชะนีน้อย

ตอนนั้น ตุ่นเดินตามหาดาว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแก้วแตกดังเพล้ง เลยหันไปมอง เห็นดาวอยู่กับแม่บ้านในห้องชงกาแฟพอดี
“ตายแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ดาวแกล้งทำเป็นตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะที่ดาวซุ่มซ่าม”
ดาวทำเป็นก้มลงเก็บ แม่บ้านห้าม
“ระวังบาดมือนะคะคุณดาว เดี๋ยวหนูมากวาดเองค่ะ”
แม่บ้านรีบออกไปเอาไม้กวาด
ตุ่นจะเข้าไปหาดาว แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นดาวรีบลุกขึ้น แล้วหันซ้ายแลขวา ลุกลี้ลุกลน เลยเปลี่ยนใจซ่อนตัวแล้วแอบมองว่าดาวทำอะไร
ดาวมองซ้ายขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใคร แล้วขยับไปที่โต๊ะกาแฟ
ตุ่นชะโงกมองตามอยากรู้อยากเห็น จนเห็นกับตาว่าดาวแอบเทครีมเทียมใส่แก้วกาแฟอีกใบแล้วคนอย่างเร็ว
แม่บ้านวิ่งกลับมาพร้อมกับไม้กวาดและที่ตักผง ตุ่นรีบหลบไปอีกครั้ง สังหรณ์ว่าดาวมีลับลมคมใน
“มาแล้วค่ะคุณดาว”
ดาวรีบผละออก ทำไม่รู้ไม่ชี้
“รอกาแฟซักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูชงให้ใหม่”
ตุ่นแอบมองแม่บ้านก้มลงกวาดเศษแก้ว ขณะที่ดาวยืนเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะหยิบกาแฟอีกแก้วขึ้นมาดื่ม ด้วยสีหน้าฉงนฉงาย ตกลงชะนีน้อยทำอะไรของมัน

เล่าจบแล้วตุ่นยิ้มออกมาอย่างรู้ทันดาว
“ตอนแรกเจ๊ก็งงว่าดาวทำอะไร แต่พอเห็นอาการปัญชลีวันนี้ เจ๊รู้....” ตุ่นลากเสียงยาว “แต่ที่เจ๊แปลกใจก็คือดาวไปรู้ได้ยังไงว่าปัญชลีแพ้ครีมเทียม ขนาดเจ๊อยู่มาตั้งนานยังไม่รู้เลย”
ดาวหน้าเสียถูกจับได้ กลัวโดนแฉ แต่ยังคงปากแข็ง
“ดาว ดาวไม่เข้าใจที่เจ๊พูด เจ๊คงเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
“แหม เจ๊เห็นกับตา เรากันอยู่กันแค่นี้ ไม่ต้องปิดบังหรอกน่า เราสองคนมีศัตรูคนเดียวกัน ยังไงเจ๊ก็ไม่บอกใคร เจ๊จะรูดซิปปากให้เงียบกริ๊บ ไม่ต้องกลัว”
ตุ่นยังเห็นดาวทำหน้าระแวง ก็ตัดบท
“อ่ะ ไม่รับก็ไม่รับ ไม่เป็นไร ถือว่าเจ๊ตาฝาดไปเองก็แล้วกันนะ เจ๊ไปเก็บของล่ะ เดี๋ยวจะกลับบ้านละ”
ตุ่นหันหลังกลับเดินออกไป ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ดาวระแวงไปแล้ว กลัวตุ่นปากโป้ง เอาไงดี
ที่สุดดาวตัดสินใจเรียก “เจ๊ตุ่นคะ ดาวอ่านเจอว่าแบรนด์กระเป๋าที่เจ๊ชอบจะวางคอลเลคชั่นใหม่วันนี้ เราแวะไปดูที่ช็อปกันไหมคะ”
ตุ่นชะงักหยุดเดิน ยิ้มพรายในหน้า รู้สึกเหมือนบุญหล่นทับ อยู่ดีๆ ดาวก็จะจ่ายค่าปิดปาก รีบหันกลับไปยิ้มให้

ดาวมองตอบสีหน้านิ่งๆ แววตาบ่งบอกให้รู้เป็นนัยว่าจะซื้อให้แลกกับการรูดซิปปาก

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

ฝ่ายทางแพรพรรณหิ้วกระเช้าเข้ามาในตึกโรงพยาบาล มีภานุตามมาพร้อมกับกระเช้าอาหารเสริม

“กว่านายจะเลือกได้ เสียเวลาชะมัด”
“แหม ก็ผมจะพยายามเลือกของที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับเยี่ยมคนป่วย จะได้ไม่มีใครหาว่าที่บ้านไม่สั่งสอนอีก” ภานุแขวะกลับ
แพรพรรณมองค้อน จะเดินไปถามเลขห้องกับพยาบาล
“จะไปไหนคุณทอม”
“ถามเบอร์ห้องคุณปัญชลีไงล่ะ”
“ผมรู้ มานี่”
ภานุดึงแขนแพรพรรณไปทางลิฟต์ หมอเพื่อนของภาสกรเดินผ่านมาอีกด้านเห็นภานุเข้าก็จำได้
“อ้าว นุ”
ภานุชะงักกึก ตกใจ ตั้งตัวไม่ทัน รีบยกมือไหว้ แพรพรรณมองหมอกับภานุงงๆ รู้จักกันด้วยเหรอ
“มาเยี่ยมว่าที่พี่สะใภ้ล่ะสิ ขึ้นไปเลย พี่ชายเรากำลังเฝ้าอยู่ข้างเตียงพอดี”
ภานุอ้ำอึ้ง กลัวแพรพรรณจับได้ “อ๋อ เอ้อ ครับ”
“ไม่ต้องห่วงนะ อาการปลอดภัยดี สบายใจได้”
หมอตบไหล่ภานุ แล้วเดินออกไป แพรพรรณมองตาม หันมองภานุที่ยืนอึ้งเงิบอยู่
“พี่สะใภ้นายก็อยู่โรงพยาบาลนี้เหรอ”
“เอ่อ” ภานุอึ้ง พยายามโกหก “ก็...คือผมลืมบอกไปว่าพี่สะใภ้ผมมาคลอดลูกน่ะ ฮ่ะๆๆ” เขาหัวเราะกลบเกลื่อน
แพรพรรณทำหน้าทึ่งๆ “คลอดลูกที่นี่เลยเหรอ คงจะแพงนะ”
“ก็ พ่อตาแม่ยายพี่ชายผมรวยน่ะ ฮ่ะๆๆๆ” ภานุหัวเราะกลบเกลื่อน
“แล้วไม่เห็นนายบอกว่าจะมาเยี่ยมพี่สะใภ้”
ภานุเหงื่อตก เริ่มอึดอัด พอเห็นลิฟต์เปิดพอดีก็รีบตัดบท
“ลิฟต์มาแล้วคุณ รีบไปเร็ว”
ภานุดึงแพรพรรณเข้าลิฟต์ อีกฝ่ายงงๆ รู้สึกว่าภานุทำตัวแปลกๆ

ปัญชลีปรายตามองของเยี่ยมที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง หน้าดุ แต่พูดเหมือนสอน
“จะซื้อกันมาทำไมให้เปลืองเงินเปลืองทอง เงินเดือนเยอะกันนักเหรอ”
แพรพรรณ ภานุยืนตัวลีบ เกร็ง
ภานุกระซิบ “ผมบอกคุณแล้ว”
“คือแพรเป็นห่วงคุณปัญชลีน่ะค่ะ ก็เลยอยากมาเยี่ยม”
ปัญชลีถอนใจ ซึ้งน้ำใจแพรพรรณหน่อยๆ แต่เสียงยังดุอยู่
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับได้ แล้วที่มากันเนี่ย ใครจะเป็นคนทำงาน คืนนี้จะเอาอะไรฉายกัน”
“พี่ภา เอ้ย คุณภาสุรีบอกว่าจะฉายเทปรายการเก่าครับ”
“ฉายเทปเก่าใครมันจะไปดู ไม่เอาละ ฉันจะกลับไปจัดรายการ”
ปัญชลีจะลุกขึ้นจากเตียง ภานุกับแพรพรรณตกใจ ภาสกรกับเก้รีบเข้ามาห้าม
“ลียังกลับไม่ได้นะจ๊ะ เจ้าหมอบอกให้นอนดูอาการคืนนึงก่อน”
“จะนอนอยู่ได้ยังไงล่ะคะ รายการไม่มีจะฉาย”
“ก็อย่างที่ภานุว่า ผมคุยกับภาแล้ว เราจะเอาเทปเก่ามารีรันไปก่อน คนดูคงเข้าใจ”
“แต่มันไม่สดใหม่” ปัญชลีแย้ง
“ก็ดีกว่าพี่ลีไปจัดรายการทั้งที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ แล้วก็ไปไอโชว์คนดูนะผมว่า หรือพี่ลีจะให้ดาวไปสแตนด์บายรอจัดแทนเหมือนเมื่อเช้าไหมครับ”
ปัญชลีนิ่งขึงพูดไม่ออก ยังไงก็ไม่ยอมให้ดาวมาก้าวก่ายรายการถามตรงแน่

ภาสกรเดินออกมาส่งแพรพรรณ ภานุ
“ขอบคุณทั้งสองคนนะที่มาเยี่ยม ลีอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เขาคงเครียดน่ะ ปกติเคยทำงานกระฉับกระเฉง ตอนนี้ต้องมานอนอยู่เฉยๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เราเห็นว่าคุณปัญชลีปลอดภัยก็สบายใจแล้ว”
“งั้นพวกเราลานะครับ”
ภานุกับแพรพรรณไหว้ลาภาสกร แล้วเดินแยกมา

แพรพรรณกับภานุออกมาตรงล็อบบี้ด้วยกัน ภานุเตรียมจะกลับ
“คุณจะเข้าออฟฟิศหรือไปไหนต่อ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“เดี๋ยว นี่ใจคอนายจะไม่ไปเยี่ยมพี่สะใภ้หน่อยเหรอ”
ภานุสะดุ้ง แพรพรรณยังไม่ลืม
“มะ ไม่ต้องดีกว่า”
“ทำไมล่ะ มาถึงนี่แล้วไม่แวะขึ้นไปหา พี่ชายนายก็อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เอ้อ คือ...” ภานุกลอกตาไปมา พยายามคิดหาทางเลี่ยง
แพรพรรณจ้องเขม็ง “หรือว่านายมีอะไรปิดบังชั้นอยู่”
“เปล๊า ไม่มี๊ คือ ผมกับพี่ชายไม่ค่อยถูกกัน ต่อยกันมาตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาก็เลยห่างเหินน่ะ ฮ่ะๆๆๆ ผมไม่อยากยุ่งกับครอบครัวเขาเท่าไร”
แพรพรรณหรี่ตามองไม่ค่อยเชื่อมุกของภานุ ขณะกำลังจะคาดคั้นต่อก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น
“แพร”
แพรพรรณกับภานุหันไป เห็นศรัณเดินลงบันไดเลื่อนมา
“พี่ศรัณ” แพรพรรณเป็นห่วง “มาทำอะไรที่นี่คะ ไม่สบายหรือเปล่า”
“อ๋อ เปล่า พี่มาเยี่ยมลูกค้า แล้วแพรล่ะ”
ภานุเห็นโอกาสดึงความสนใจจากแพรพรรณ รีบชิงตอบ
“พวกเรามาเยี่ยมเจ้านายครับพี่ เอ่อ พี่ครับ ผมว่าเราไปทานข้าวกันดีไหม ไหนๆ ก็เจอกันโดยบังเอิญ”

แพรพรรณมองภานุว่ามามุกไหน ศรัณเองก็งงไปด้วย
“คือครั้งก่อนที่เจอกันผมยังไม่ค่อยได้คุยกับพี่เท่าไรเลย นะครับพี่ เรียนเชิญนะครับ”
แพรพรรณถลึงตาใส่ ภานุทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่อยากอยู่โรงพยาบาลต่อ กลัวแพรพรรณซักเรื่องพี่สะใภ้ไม่หยุด

อีกฟากตุ่นเลือกดูกระเป๋าถือราวกับเป็นผู้ชาย ลูบๆ คลำๆ อยู่หลายใบ มีดาวเดินตามอย่างอดทน
“ดาวว่าเจ๊กับใบนี้ดูเป็นไงลูก”
ตุ่นลองสะพาย หมุนไปมาให้ดู
“ก็สวยดีค่ะ”
พนักงานเชียร์ใหญ่ “ใบนี้ลิมิเต็ดนะคะ มีมาที่ช้อปเราใบเดียวในประเทศ”
“ต๊าย จริงเหรอ เท่าไรจ๊ะเนี่ย” ตุ่นพลิกดูป้ายราคา “อุ๊ย ไม่แพง ดาวดูสิ”
ดาวเหลือบดูป้ายราคา ฝืนยิ้ม ไม่ตอบอะไร ได้แต่คิดแค้นอยู่ในใจ
“แสนแปดเนี่ยนะไม่แพง”
“ดาวว่าเป็นไงจ๊ะ เจ๊เอาดีไหม”
ดาวแข็งใจพูด “แล้วแต่เจ๊เถอะค่ะ”
ตุ่นทำท่าคิด แล้วก็ส่งกระเป๋าให้พนักงาน
“อ้ะ งั้นเอาใบนี้แหละ รุ่นลิมิเต็ด ถ้าใช้เบื่อยังไงก็ขายได้ราคา”
พนักงานรับกระเป๋ามา แล้วเหมือนรีๆ รอๆ จะขอบัตรไปรูด แต่เจ๊ตุ่นทำเฉย มองไปทางดาว
ดาวนึกขึ้นได้ เปิดกระเป๋าส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน ยิ้มแห้งๆ เพราะแอบเสียดายตังค์

ตุ่นถือถุงกระเป๋าออกมาหน้าร้าน ท่าทางเห่อ ขณะที่ดาวเดินหน้าแห้ง
“เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีกว่านะดาวนะ เดี๋ยวคราวนี้เจ๊เลี้ยงตอบแทน แต่หวังว่าคงไม่ใช่มื้อละเป็นแสนนะจ๊ะ” ตุ่นหัวเราะคิกคักขำเองคนเดียว
ดาวขำไม่ออก ส่ายหน้า
“ดาวขอตัวดีกว่าค่ะ ว่าจะกลับไปเตรียมงานสำหรับพรุ่งนี้”
“อุ๊ย จะขยันทำไมนักหนา ยังไงตำแหน่งพิธีกรกระแสข่าวเช้าก็ไม่หนีไปไหนหรอกจ้ะ ยังไงดาวก็ได้จัดคนเดียวไปอีกซักพักจนนังจิ้งจอกหายนั่นแหละ”
“ดาวไม่ได้อยากเป็นแค่พิธีกรคุยข่าวเช้ารายการเดียวนี่คะ ดาวอยากจะทำรายการหลายๆ แบบเหมือนคุณปัญชลี” นัยน์ตาวาววาบทะเยอทะยาน วูบลงอย่างเจียมตัว “แต่ก่อนอื่นดาวคงต้องแสดงให้ผู้ใหญ่เห็นก่อนว่าดาวมีความพร้อม”
“ถ้าอยากจะฉายแสงแข่งกับนังจิ้งจอก เจ๊ไม่ขัดก็ได้ อยากเห็นคนมาขย่มบัลลังก์มันเต็มแก่ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะลูกสาว”
ตุ่นดึงดาวเข้ามาจุ๊บแก้มซ้ายขวา แล้วหิ้วถุงช้อปปิ้งจากไป
ดาวยิ้มมองตาม สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ ชิงชัง
“นังกะเทยป้า นี่ถ้าแกไม่กุมความลับชั้นไว้ อย่าหวังว่าชั้นจะคบแก”

ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น พนักงานเอาราเมนมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ของแพรพรรณกับศรัณเหมือนกัน แต่มีถั่วงอกด้วย
“แพรไม่ทานถั่วงอก พี่เอาออกให้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ศรัณคีบถั่วงอกในชามแพรพรรณใส่ชามตัวเอง แล้วส่งคืนให้
“คุณไม่กินผักเหรอ” ภานุแปลกใจ
“กินย่ะ ยกเว้นไอ้นี่แหละ”
ศรัณพยักหน้า อมยิ้ม “แพรเคยบอกว่ากินแล้วเหม็นเขียว แต่ก็ชอบสั่งอะไรที่ต้องมีถั่วงอกประกอบ อย่างสมัยเรียนที่ข้างมหาลัยจะมีหอยทอดอยู่ร้านนึงที่พวกเราไปกินประจำ แต่แพรจะสั่งแต่หอยทอดกับแป้งมากินจนคนขายจำได้”
“พี่ศรัณอะ เอาแพรมาขาย” แพรพรรณงอน “แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังจำได้”
ภานุมองทั้งสองไปมา จับสังเกตความสนิทสนม แล้วเริ่มล้วงข้อมูล
“พี่ศรัณกับคุณแพรดูท่าสนิทกับมากเลยนะครับ ทั้งที่เป็นพี่ชายของดาว”
สองคนชะงักพร้อมกัน ศรัณยิ้มกลบเกลื่อน
“สมัยก่อนเราสนิทกันทั้งสามคน เผอิญพี่กับแพรอยู่ชมรมเดียวกัน”
“แปลกดีนะครับ พี่ชายกับน้องสาวเรียนคณะเดียวกัน แถมยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย ผมไม่เคยเจอพี่น้องที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้”
ศรัณกับแพรพรรณมองตากัน ท่าทีอึดอัด กลัวหลุด
ภานุทำเป็นถามเรื่อยๆ เพื่อเก็บข้อมูลดาว เพราะสงสัยเรื่องดาวกับภาสกร
“แล้ว...ดาวเขามีแฟนหรือยังครับ”
แพรพรรณสำลักน้ำพรวด โวยวายใส่
“นี่ นายโย่ง สอดรู้สอดเห็นเกินไปไหม”
“ก็ผมอยากรู้นี่นา ถามพี่ชายดาวตรงๆ จะได้ข้อมูลชัดๆ ใครจะไปรู้ ผมอาจจะจีบดาวก็ได้”
ภานุยักไหล่ ตีหน้าตาย มองศรัณยิ้มๆ
ศรัณร้อนๆ หนาวๆ “เอ่อ เท่าที่พี่รู้ ยังไม่มีนะ”
“แล้ว...” ภานุจะถามต่อ
แพรพรรณเห็นท่าไม่ดี เอาส้อมจิ้มของกินบนโต๊ะยัดใส่ปาก
“สงสัยปากนายจะว่างมากไป เอ้า กินซะ”
ภานุของกินเต็มปากเลยพูดไม่ได้ ได้แต่เคี้ยวหยับๆ แล้วทำเสียงโวยวายใส่

แพรพรรณจิ้มอีกชิ้นขู่จะยัดอีก ภานุหลบเลี่ยงด้วยท่าทางอันน่าขัน ศรัณมองดูทั้งสองคนแล้วยิ้มเอ็นดู

ด้านปัญชลีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เปิดไอแพดดูข่าวสารเพื่ออัพเดทประเด็นข่าว ภาสกรยกถาดอาหารมาตั้งข้างๆ เตียง
“ค่ำนี้ผมแวะไปคุยกับคุณแม่เรื่องงาน ลีอยู่กับเก้ได้นะ”
ปัญชลีอ่านไอแพด พูดโดยไม่เงยหน้า “เชิญค่ะ”
ภาสกรถอนใจ “เลิกอ่านได้แล้วจ้ะ ทานข้าวก่อน”
“ขออีกนิดนึงค่ะ”
ภาสกรทนไม่ไหว ดึงไอแพดออกจากมือลี แล้วเลื่อนโต๊ะอาหารไปแทน
“ภาส”
“ลีทำงานไม่หยุด ไม่ห่วงตัวเองเลยหรือไง เมื่อไรจะหาย”
“ลีไม่ได้เป็นอะไรแล้วนี่คะ แต่ลีกลับไปทำงานไม่ได้เพราะคุณกับหมอไม่อนุญาต”
“หยุดงานซักวันสองวัน มันไม่ทำให้สถานีเราเจ๊งหรอกน่า”
“แต่ก็คงทำให้คนที่ภาสอยากจะดัน แจ้งเกิดเต็มตัว ลีรู้แล้วนะวันนี้เขาจัดรายการได้ดี สมใจภาส”
“ไปกันใหญ่แล้ว ผมไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลยนอกจากห่วงสุขภาพคุณนะลี เราอยู่กันมาขนาดนี้ ยังต้องประชดประชันกันด้วยเรื่องพวกนี้อีกเหรอ”
ภาสกรนั่งลงข้างๆ เตียง จับมือปัญชลีไว้
“ถ้าผมห่วงคนอื่นมากกว่าคุณ ผมคงรีบกลับไปที่สถานี แล้วก็ปล่อยคุณไว้กับเก้ ถ้าคุณจะเอาแต่ทำงานไม่ยอมกินข้าว ผมก็จะไม่ห้าม เพราะผมรู้ว่าคุณไม่ชอบให้ขัดใจ แต่ที่ผมต้องทำทุกอย่างที่คุณไม่พอใจ ก็เพราะผมหวังดีกับคุณ ผมแคร์คุณที่สุดนะลี”
ภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น ปัญชลีอ่อนลง เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองหงุดหงิด และระแวงเกิน
“ลีคงจะคิดมากไปน่ะค่ะ ไม่ชอบเลยเวลาป่วยแบบนี้ อารมณ์แปรปรวนไปหมด”
“ผมถึงบอกให้ลีเลิกคิดมากไง ทานข้าวนะจ๊ะ”
ภาสกรตักข้าวป้อน ปัญชลีกิน ว่าง่ายขึ้น ทั้งสองคนยิ้มนิดให้กัน คลื่นลมสงบแล้ว

สามคนทานจนอิ่ม ศรัณควักบัตรเครดิตจ่ายให้พนักงานเป็นค่าอาหาร
“เดี๋ยวเสร็จแล้วต้องกลับไปทำงานหรือเปล่า”
“วันนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้วค่ะ รายการงดเพราะคุณปัญชลีป่วย”
ศรัณมองทั้งสองคนแล้วยิ้มเย้า “งั้นจะไปเดทที่ไหนกันต่อ”
“เดท” แพรพรรณตกใจ “อุ้ย ไม่ค่ะ แพรไม่ไปเดทกับนายนี่แน่ๆ รีบกลับไปช่วยแม่ปิดร้าน”
“งั้นผมตามไปช่วยล้างจานนะ ไม่มีอะไรทำ” ภานุบอก
“เชิญ แต่ไม่มีค่าจ้างนะ”
ศรัณยิ้มเอ็นดู พนักงานเดินเข้ามา วางถาดใส่บัตรเครดิตศรัณลงบนโต๊ะใกล้ภานุ
“ขอโทษนะคะ บัตรใช้บริการไม่ได้ค่ะ”
ภานุมองดูบัตรบนโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ แต่เป็นแว่บที่เขาเห็นชื่อ สกุล ภาษาอังกฤษของศรัณบนโต๊ะ เขาขมวดคิ้วแปลกใจ ศรัณหยิบบัตรไปก่อนที่ภานุจะมองดูชื่อบนบัตรชัดๆ
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ต้องสอบถามทางธนาคารนะคะ มีบัตรอื่นไหมคะ”
ศรัณเปิดกระเป๋าดู แล้วบอก “ไม่มีเลยครับ เงินสดก็ไม่ได้พกด้วย”
“เอาที่แพรดีกว่าค่ะ ไว้โอกาสหน้าพี่ศรัณค่อยเลี้ยงคืน”
ศรัณยิ้มเจื่อนๆ “ขอบใจนะแพร”

ศรัณลาทั้งสองแล้วขึ้นรถออกไป แพรพรรณหันไปเห็นภานุมองตามหน้าเครียดๆ
“ตกลงนายจะไปช่วยชั้นปิดร้านแน่เหรอ ไม่มีข้าวมันไก่ฟรีเลี้ยงนะบอกซะก่อน อ้อ มีกระดูกไว้ให้แทะมั้ง”
แพรพรรณแปลกใจที่ภานุเงียบไป ไม่ต่อปากต่อคำด้วย
“อ้าว ไม่ขำเหรอ เป็นไรอ่ะ”
ภานุครุ่นคิด “พี่ศรัณกับดาวเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ หรือเปล่า”
แพรพรรณชะงัก ใจคอไม่ดี “ก็ใช่น่ะสิ ทำไม”
“เมื่อกี้ผมแอบเห็นบัตรเครดิตพี่ศรัณ นามสกุลเขาไม่เห็นเหมือนดาวเลย แต่ผมไม่ทันอ่านว่านามสกุลอะไร”
แพรพรรณชะงักอีก ภานุจะจับได้หรือเปล่า
“นายตาฝาดแล้ว”
“แต่ผมว่านามสกุลในบัตรมันยาวกว่านามสกุลของดาวแน่ๆ”
แพรพรรณโมโหกลบเกลื่อน “นายจะมาเถียงชั้นที่เรียนกับสองคนนี้มาตลอดเหรอนายโย่ง ทำไมชั้นจะไม่รู้ว่าสองคนนี้นามสกุลอะไร”
“แต่ว่า...”
“ชั้นจะกลับบ้านล่ะ ไม่ต้องตามมาแล้ว ขี้เกียจตอบคำถามไร้สาระ”
แพรพรรณหนีขึ้นแท๊กซี่ไป
“อ้าว คุณ” ภานุเซ็ง ยังข้องใจอยู่นิดๆ

เย็นเดียวกันนั้นดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เปิดดูคลิปรายการของปัญชลีหลายๆ เทป ทั้งกระแสข่าวเช้าและถามตรงกับปัญชลี ไปเรื่อยๆ
ดาวสนใจ พยายามเก็บรายละเอียดบุคลิกของปัญชลี วิธีการพูดคุย การสนทนากับแขกรับเชิญ
ดาวดูมุ่งมั่นตั้งใจ โน้ตเทคนิคของปัญชลีเก็บไว้เตือนตัวเอง อยากจะทำให้ได้แบบนี้บ้าง
ถัดมาไฟในห้องส่งรายการถามตรงกับปัญชลีสว่างวาบขึ้น ดาวค่อยๆ เดินเข้ามายืนตระหง่านมองเวที เห็นเก้าอี้ที่วางเปล่า ดาวมองอย่างมีความหวัง
“ซักวันรายการนี้จะต้องเปลี่ยนเป็นชื่อของชั้น”
ดาวเดินเข้าไปที่เวที กวาดตามองไปทางกล้องที่ตั้งมาตรงหน้า กำลังจะทำท่าเหมือนจัดรายการ แต่ภาสุรีเดินเข้ามาเสียก่อน
“อ้าว ดาว”
ดาวตกใจ รีบปรับสีหน้า “คุณภาสุรี ยังไม่กลับเหรอคะ”
“กำลังจะกลับ พอดีเห็นไฟห้องสตูเปิดเลยเข้ามาดู เธอทำอะไรอยู่”
“อ๋อ คือ พี่ท็อปฝากให้ดูความเรียบร้อยน่ะค่ะ พอดีดาวนั่งทำงานเพลินเลยกลับเป็นคนสุดท้าย”
ภาสุรีพยักหน้าไม่ติดใจ “กลับบ้านเถอะ วันนี้ไม่มีถ่ายรายการ ไม่มีใครอยู่แล้ว เหลือแต่พวกเทคนิค”
“ค่ะ”

สองสาวเดินคุยกันลงบันไดมา
“คุณภาสุรีกลับดึกแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ”
“ใช่ ทำโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยน่ะ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดประจำ”
ดาวรีบประจบ “เหมือนดาวเลยค่ะ ชอบนั่งทำงานจนลืมเวลา ไม่รู้ตัวเลยว่าหมดไปวันนึงแล้ว”
ภาสุรีหันมายิ้มให้ดาวอย่างเป็นมิตร
“คงเพราะเรามันคนโสดทั้งคู่ เลยใช้ชีวิตเหมือนกัน แต่อย่างพี่ภาส เขามีครอบครัวแล้ว พอซักห้าโมงก็รีบกลับบ้าน นึกแล้วก็ตลก ลียังต้องจัดรายการถึงห้าทุ่มอยู่ แต่พี่ภาสต้องกลับไปเตรียมอาหาร”
“พี่ลีโชคดีจังเลยนะคะ”
ภาสุรีแค่นยิ้ม “ใช่ โชคดีของลี แต่เป็นโชคร้ายของพี่ภาส”
ดาวไม่กล้าออกความเห็นได้แต่ยิ้มๆ ขณะภาสุรีลงบันไดต่อ แต่เกิดวูบหน้ามืด เซจะตกบันได
“คุณภาสุรี ระวังค่ะ”
ดาวรีบเข้าไปประคองไว้ ภาสุรีอยู่ในอาการมึนหัว
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“มึนๆ หัวน่ะ ชั้นเป็นอย่างนี้บ่อยๆ แต่กลับไปนอนพักเดี๋ยวก็หาย”
“แต่แบบนี้จะขับรถกลับไหวเหรอคะ”

ดาวขับรถภาสุรีพามาส่งที่บ้าน รถแล่นมาจอดหน้าคฤหาสน์ ภาสกร วิไลลักษณ์ และโอภาสรีบออกมารอ รู้แล้วว่าภาสุรีไม่ค่อยสบาย
“ภา เป็นยังไงบ้างลูก”
วิไลลักษณ์เข้าไปช่วยเปิดประตู ภาสกรกับสาวใช้ประคองภาสุรีขึ้นมา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าตื่นเต้นกันเลย โรควูบเหมือนเดิม”
“ภาเป็นอย่างนี้บ่อยเกินไป น่าจะให้หมอวินิจฉัยซักหน่อย” ภาสกรห่วงน้อง
“เอาไว้ว่างๆ ก่อนแล้วกันค่ะพี่ภาส”
โอภาสกับวิไลลักษณ์ถอนใจที่ภาสุรียังดื้อเหมือนเดิม ทำท่าจะตามเข้าบ้าน แต่นึกได้ว่าดาวยืนอยู่
ดาวส่งกุญแจคืนให้ “กุญแจรถของคุณภาสุรีค่ะ”
วิไลลักษณ์ยิ้ม “ขอบใจนะ ดาว”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนดีไหมหนู ทานอะไรมาหรือยัง” โอภาสชวน
ดาวยิ้มเกรงใจ แต่แอบเนื้อเต้น

ในห้องอาหารหรูหราใหญ่โตนั้น ดาวนั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวภาสกร ท่าทางเกร็งๆ เห็นบ้านช่องโอ่อ่า อาหารน่าทานเต็มโต๊ะชนิดที่ดาวไม่เคยเจอมาก่อน
วิไลลักษณ์จับตาดูดาว เห็นท่าทางดาวเรียบร้อย รู้มารยาทบนโต๊ะอาหารก็พอใจมากขึ้น
“ครอบครัวเธออยู่ที่ไหนเหรอดาว ขอโทษที่ละลาบละล้วง”
ดาวเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย “สมุทรสงครามค่ะ”
“พ่อแม่เธอทำอะไรจ๊ะ อย่าหาว่าชั้นสอดรู้เลยนะ แต่ชั้นชอบทำความรู้จักกับคนที่ทำงานด้วยกันไว้ เผื่อมีอะไรช่วยเหลือกัน”
ดาวถ่อมตัว “คุณแม่ดาวมีโรงงานมะพร้าวกับผลไม้ แล้วก็มีสะพานปลากับท่าเรือค่ะ”
วิไลลักษณ์แปลกใจ ปนชื่นชม “มีธุรกิจหลายอย่าง แล้วเธอไม่ต้องไปช่วยเหรอ”
“คุณแม่อยากให้ดาวทำสิ่งที่ตัวเองรักมากกว่าค่ะ ดาวไม่ถนัดด้านธุรกิจเลย”
“แล้วมีพี่น้องอีกหรือเปล่า” วิไลลักษณ์ซักไม่เลิก
ดาวอึดอัดใจที่จะตอบ ภาสกรกระแอมขัดจังหวะขึ้นมา พูดทีเล่นทีจริง
“คุณแม่ครับ นี่เราชวนดาวมาทานข้าว นะครับ ไม่ได้เรียกสัมภาษณ์งานรอบสอง”
วิไลลักษณ์ค้อน “เราล่ะก็ขัดคอแม่ ไม่ถามก็ได้ ตามสบายนะดาว ทานเยอะๆ”
วิไลลักษณ์เป็นมิตรกับดาวมากขึ้น เมื่อรู้ว่าดาวพื้นเพเป็นคนมีฐานะ
ดาวยิ้มนอบน้อม แล้วเหลือบมองไปทางภาสกรอย่างขอบคุณที่ช่วย ภาสกรยิ้มให้ดาวอย่างเข้าใจ

วิไลลักษณ์กับโอภาสออกมาส่งดาวกับภาสกร
“ค่ำแล้วนั่งแท็กซี่มันอันตราย ภาสไปส่งดาวที่ออฟฟิศทีนะลูก”
“ครับคุณแม่” ภาสกรเปิดประตูให้ “เชิญครับดาว”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาวไหว้ลาวิไลลักษณ์กับโอภาสแล้วขึ้นรถภาสกรออกไป

ในรถที่แล่นมาตามถนน ดาวนั่งเคียงข้างภาสกร ปลื้มมาก แต่ต้องพยายามเก็บอาการไว้
“หนาวหรือเปล่า ผมหรี่แอร์ให้นะ”
ดาวมองมือภาสกรที่ยื่นมาใกล้ๆ อย่างเป็นปลื้ม ใจอยากสัมผัสเหลือเกิน ได้แต่ห้ามใจ
ดาวพยายามชวนคุย “คุณภาสกรดูรายการที่ดาวจัดเมื่อเช้าหรือเปล่าคะ ดาวอยากทราบว่าเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ได้ดูเลยครับ พอตื่นมาก็รู้เรื่องลีไม่สบาย ผมเลยต้องรีบออกไปโรงพยาบาล”
ดาวผิดหวัง “อ๋อ ค่ะ แล้วพี่ลีเป็นยังบ้างคะ”
“ก็ปลอดภัยแล้ว ค้างโรงพยาบาลอีกคืนเดียวก็กลับบ้านได้”
ดาวนึกแผนได้ อยากโผล่ไปยั่วปัญชลี “ดาวอยากไปเยี่ยมพี่ลีเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวดาวไปต่อแท็กซี่ที่โรงพยาบาลก็ได้นะคะ”
“ผมว่าอย่าดีกว่า ป่านนี้ลีคงพักผ่อนแล้วล่ะ คุณดาวบอกเองไม่ใช่เหรอว่าลีเขาไม่สบายใจที่จะเห็นคุณดาวกับผมด้วยกัน”
“จริงด้วยสิคะ ดาวลืมไป”
ดาวทำเป็นจ๋อย ก้มหน้าก้มตา เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ แต่จงใจเอียงกระเป๋าให้ลิปสติกแท่งหนึ่งหล่นลงบนพื้นรถ โดยที่ภาสกรไม่ทันเห็น
“งั้นดาวไปลงที่ออฟฟิศก็ได้ค่ะคุณภาส”

ดาวหันมายิ้มหวานให้ภาสกร กลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองทำ แต่สายตาดูเจ้าเล่ห์ลึกล้ำ

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

ปัญชลีเข้ารับการรักษาตัวจากอาการแพ้ครีมเทียมเพียงวันเดียว ก็หายเป็นปรกติ หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ภาสกรกับเก้มารับ สองคนช่วยกันถือข้าวของปัญชลีมาขึ้นรถภาสกร

ปัญชลีนั้นอารมณ์กรุ่นๆ ไม่พอใจที่รู้ผลการลงโทษแม่บ้านจากทางช่อง
“ภาสน่าจะลงโทษแม่บ้านที่สลับแก้วกาแฟ เลินเล่อ เอาแก้วใส่ครีมเทียมให้ลีกิน ก็รู้ว่าลีแพ้ครีมเทียม ดูซิ ลีต้องมานอนโรงพยาบาล ไม่ได้จัดรายการ ดาวเลยได้โอกาส ฉายเดี่ยว”
ปัญชลีวกมาจบประโยคบ่นด้วยเรื่องดาว ภาสกรก็อ่อนใจ จะให้เหตุผล
“พรุ่งนี้พี่ลีก็ได้กลับไปจัดรายการแล้วครับ” เก้พยายามไกล่เกลี่ย
ปัญชลีขึ้นรถนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ รู้สึกว่าเหยียบอะไรบางอย่าง จึงก้มลงดู พบว่าบนพื้นรถ มีลิปสติกแท่งหนึ่งตกอยู่
อันเป็นผลงานที่ดาวทำเป็นก้มหน้าก้มตา เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ แต่จงใจเอียงกระเป๋าให้ลิปสติกแท่งหนึ่งหล่นลงบนพื้นรถโดยที่ภาสกรไม่ทันเห็นเมื่อวานนี้
ปัญชลีจะโวยในเบื้องแรก มั่นใจว่าต้องเป็นของดาวแน่ พลันนึกได้ว่า ภาสกรอาจเข้าข้างดาว ปัญชลีเลยไม่พูดถึงลิปสติก
“ภาสให้ผู้หญิงคนไหนขึ้นรถหรือเปล่าคะ” เธอมองจับผิดชายคนรัก
ภาสกรเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนบอกความจริง “เมื่อวานผมไปส่งดาวที่สถานี ดาวขับรถภาไปส่งให้ที่บ้าน ภาไม่สบาย ทำไมลีถึงถามขึ้นมา”
“ถามตามสัญชาตญาณผู้หญิงน่ะค่ะ ภาสบอกความจริง แสดงว่าภาสไม่มีอะไรในกอไผ่ ลีเปลี่ยนใจ ไม่กลับบ้านแล้วนะคะ จะไปสถานี”
“หมอให้ลีพักอีกวันนะจ๊ะ”
ปัญชลีเสียงแข็ง “ลีจะไปสถานีค่ะ”
ภาสกรเห็นปัญชลีอารมณ์เสีย จึงยอม พยักหน้า ตามใจคนรัก เก้ที่นั่งเบาะหลัง มองเห็นใจภาสกร นึกตำหนิในใจปัญชลีลีก็เอาแต่ใจเกินงาม
ปัญชลีทำทีเป็นก้มใส่รองเท้าให้เรียบร้อย เก็บลิปสติกขึ้นมาไม่ให้ภาสกรกับเก้เห็น ปัญชลีตาลุกวาว จะไปเอาเรื่องเด็กดาวที่สถานี

ปัญชลี ภาสกร เก้ เข้ามาที่ฝ่ายรายการ ปัญชลีเดินหน้าตึงเปรี๊ยะพร้อมระเบิด ตรงดิ่งไปหาดาวที่โต๊ะทำงาน ดาว จอย และแอน กำลังอ่านหนังสือพิมพ์
ปัญชลีด่าดาวขึ้นทันทีว่า “ไม่โง่ ไม่จิตใจต่ำ ทำไม่ได้”
ทุกคนเหวอ อยู่ๆ ปัญชลีก็ของขึ้นระเบิดลงที่ดาว

ภาสกรรีบสั่งพนักงาน “ออกไปให้หมด”
จอยกับแอน รวมทั้งพนักงานอื่นรีบออกไป ทุกคนเสียดาย อดดูของดี
ภาสกรงงกว่าใคร “มันเรื่องอะไรกันลี”
“นั่นซีคะ พี่ลีโกรธดาวเรื่องอะไร” ดาวตีหน้าใสซื่อ ทั้งที่รู้แก่ใจ
ปัญชลีหยิบเอากระเป๋าถือดาวมาดู แล้วเทคว่ำลง ข้าวของในนั้นตกกระจายเกลื่อนกล่น
เก้ตกใจรีบเข้าห้าม “ใจเย็นๆ ครับพี่ลี”
“กระเป๋าถือเธอมิดชิด ของจะหล่นออกมาได้ ต้องทำอย่างที่ชั้นทำเมื่อกี๊” ปัญชลีชูลิปสติกที่เก็บได้ขึ้นมา “เธอแกล้งทิ้งไอ้นี่ในรถคุณภาส”
สีหน้าภาสกร ดูจะคล้อยตามปัญชลีมาก ใช่ ลิปสติกไม่น่าหล่นจากกระเป๋าเอง
ดาวยังทำไขสือหน้าซื่อใส “ตกในรถคุณภาสนี่เอง มิน่าดาวหาไม่เจอ”
“ชั้นไม่ใช่คอละคร ไม่ต้องเล่นละครให้ชั้นดู มุกทิ้งของไว้ให้แฟนเค้ามาเห็น มันโบราณแล้ว ชั้นไม่หลงกล ทะเลาะกับคุณภาส ตามแผนเธอหรอก” ปัญชลีหันมาหาภาสกร “เห็นหรือยังคะภาส ลีมองเด็กคนนี้ไม่ผิด”
ดาวพยายามจะอธิบาย “คุณลีเข้าใจดาวผิดนะคะคุณภาส”
แต่งานนี้ภาสกรไม่ยอมเป็นคนกลางให้ เพราะเขาเชื่อปัญชลี

ที่บริเวณโถงหน้าฝ่ายรายการ จอย กับ แอน พวกพนักงานชะเง้อดูเหตุการณ์ข้างใน ว่าทะเลาะอะไรกัน ต่อมเผือกอีตุ่นกระตุกยิกๆ เพราะได้ยินเสียงโวยวาย เลยรีบแต๊ดแต๋เข้ามาสมทบหมูมวล
“อุ๊ย! ต่อมเผือกทำงาน มีไรเหยอ”
ทุกคนชะเง้อคอยืดคอยาว เห็นปัญชลีเฉ่งดาวต่อ
“วิธีสกปรก เหมาะกับคนจิตใจสกปรก”
ขาดคำปัญชลีปาลิปสติกดาวทิ้งถังขยะ แล้วเดินเชิดเข้าห้องทำงานไป เก้ตาม ภาสกรหันมามองเป็นเชิงตำหนิดาว
“ดาวมีคำอธิบายนะคะ”
ภาสกรไม่อยู่ฟัง กลับออกไปจากแผนก ดาวรีบตาม

ภาสกรเดินหน้าขรึมออกมาหน้าฝ่ายรายการ โดยไม่หยุดฟังดาว ขึ้นไปห้องทำงานชั้น 3 ดาวเจ็บใจ หนีไปหลบเลียแผลในห้องน้ำ ทุกคนมองตามดาวทั้งแถบ อยากรู้อยากเห็นมาก
“ต้มมาม่ารอเลยทุกคน เจ๊ไปสืบให้”
อีตุ่นเดินตูดบิดตามดาวไปทางห้องน้ำ

หลังไปเผือกถามเรื่องราวจากดาวมาเรียบร้อย ตุ่นก็เม้าท์มอยน้ำลายแตกฟองให้คนอื่นฟังในห้องคอสตูม
“นังจิ้งจอกพันปีหนังเหี่ยว กลัวเด็กหน้าใสแย่งปั๋ว เลยหาเรื่องระรานดาว นี่ดาวยังนั่งซึมอยู่บนชักโครก เสียอกเสียใจอยู่นะยะ”
เก้เข้ามาในห้อง คนอื่นๆ หน้าเจื่อนจ๋อย รู้ว่าเก้เป็นคนสนิทปัญชลี แต่ตุ่นไม่แคร์ เบ้ปากใส่เก้ไป 1 ดอก
“มีเสื้อสูทผู้หญิงมั้ยครับ ร้านผมไม่มี พี่ลีจะใส่จัดรายการคืนนี้”
“มีก็ไม่ให้” ตุ่นเชิด หันไปเม้าท์ต่อ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม “กะอีแค่ลิปสติกแท่งเดียว นังจิ้งจอกเต้นเร่าๆ จะเป็นจะตาย นี่ถ้าเจอถุงยางใช้แล้ว ต้องช็อกตาย”
เก้คุมแค้นข่มใจ “พูดจาให้เกียรติพี่สาวผมบ้างครับ”
“ไม่ต้องมาพูด ครับ อู้ยย... ผีเห็นผี ชั้นรู้ เธอก็เป็นเหมือนชั้นนั่นแหละ สะด๊วบผู้ชายเป็นอาหาร”ตุ่นลอยหน้าลอยตาน่าตบมาก
“ผมก็ไม่เคยปิดบัง คนที่เกิดมามีเพศสภาพผิดแผกจากคนอื่น เป็นคนมีกรรม คุณตุ่นยังทำกรรมไม่ดี คิดไม่ดีต่อผู้อื่นอีกอย่างนี้ ชาติหน้าไม่ได้เกิดเป็นคนนะครับ ต้องไปเกิดเป็นอสุรกายในนรกภูมิ”
“อีปากนรก”
ตุ่นโมโห ตบปากเก้ เพี้ยะ ทุกคนร้อง “ว้าย” กันทั้งห้อง
เก้ไม่ตบคืน แต่ต่อยหน้าอีตุ่น เปรี้ยง! คราวนี้ทั้งห้องร้อง “ว้าย” กันเสียงหลงดังกว่าเมื่อกี้
ส่วนเหล่ากะเทยช่างหน้าช่างผมร้องวี้ดว้าย เสียงแหลมราวกับเปรตขอส่วนบุญ
“เราไม่เหมือนกันซะทีเดียวหรอกครับคุณตุ่น ผมยังมีความเป็นแมนอยู่บ้าง”
เก้เดินนิ่ง มาดผู้ชายออกไป อีตุ่นร้อง ฮือๆๆๆ โดนต่อยปากเจ็บ แต่ละคนช่วยกันโอ๋
“โอ๋ ๆ ไม่เจ็บนะอีเจ๊”

เลขาพาดาวมาพบภาสกรในห้องทำงาน ดาวยิ้ม นึกว่าภาสกรเรียกมาให้ดาวอธิบายเรื่องเมื่อครู่นี้ ภาสกรพยักหน้าให้เลขาออกไปได้
ภาสกรวางหน้าขรึม ตำหนิดาวอ้อมๆ “คุณดาว คุณเพิ่งขึ้นเป็นพิธีกร ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ทุ่มเทให้งาน อย่าทุ่มเทให้ เรื่องอื่น”
ดาวเข้าใจความหมายคำว่า เรื่องอื่น ของภาสกร จึงเริ่มตีหน้าเศร้าเรียกคะแนนสงสาร
“คุณภาสกับพี่ลีเข้าใจดาวผิดค่ะ”
ภาสกรไม่เชื่อดาว “ผมแยกแยะงาน กับ เรื่องส่วนตัวชัดเจน ทำให้ผมเห็นว่า คุณมีความสามารถพอ ผมก็พร้อมสนับสนุนคุณ เรื่องงาน”
ดาวเสียงเครือ “ดาวนับถือคุณภาสอย่างเจ้านายกับลูกน้องจริง ๆ นะคะ ดาวเสียใจ”

ดาวส่งเสียงร้องไห้กระซิกๆ เอามือเช็ดน้ำตา แต่ดันไม่มีน้ำตาไหลออกมา
ภาสกรดูออกดาวพยายามบีบน้ำตาให้เค้าสงสาร จึงสอนดาว
“คุณยังเด็ก ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ตั้งใจทำงาน พอประสบความสำเร็จ สิ่งดีๆ คนดีๆ ก็จะเข้ามาหาคุณเอง”
“คุณภาสคะ ดาว”
ภาสกรเสียงอ่อนลง ไม่ได้โกรธดาวมากมาย “ผมต้องทำงานแล้ว”
โดนภาสกรตัดบทไล่ ดาวจะอยู่บีบน้ำตาต่อก็หน้าด้านเกิน จึงแบกหน้าสลดออกไป
ภาสกรเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ไม่ถือเรื่องเด็กมาแอบชอบเป็นสาระ เพียงแป๊บเดียวเขาก็สลัดเรื่องดาวออกจากหัว หยิบรูปแบบรายการมาอ่าน

ดาวหน้ามุ่ยกลับมาคอนโด วันนี้โดนนังจิ้งจอกด่าเละ แถมภาสกรหนุ่มในฝันก็ดันตัดรอนอีก ดาวก้าวเข้าห้องมาเจอศรัณกำลังถูห้องก็ยิ่งเซ็ง ทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่
“งานหนักจนไม่มีเวลาถูห้องเลยหรอจ๊ะ เศษผงเศษฝุ่นเต็มไปหมด”
ดาวหงุดหงิดขุ่นมัวในอารมณ์อยู่ เหวี่ยงใส่ซะเลย “ใครใช้ให้ถูล่ะ แล้วจะมา ทำไมไม่บอก”
ศรัณมึนไปเลย “น้องดาว น้องดาวไม่เคย เหวี่ยงพี่”
“ก็มันน่าโมโหมั้ยล่ะ ชอบโผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว”
ศรัณโดนดาวเหวี่ยงใส่ก็ชักของขึ้นเหมือนกัน
ต่อว่าดาวบ้าง “พี่รูดบัตรเครดิตไม่ผ่าน โทร.ไปเช็คที่ Call Center วงเงินพี่เต็ม ดาวรูดบัตรซื้ออะไรตั้งเป็นแสน”
“ซื้อกระเป๋าให้พี่ที่ทำงาน” ดาวบอกหน้าเฉย
ศรัณอึ้ง ตะลึงตะไล “พี่ไม่ใช่มหาเศรษฐีหมื่นล้านนะดาว ดาวใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายขนาดเนี้ย พี่ต้องหมดตัวซักวัน”
ดาวโมโห หยิบบัตรเครดิตในกระเป๋า มาปาใส่ศรัณ
“เอาคืนไปเลยค่ะ”
ศรัณเห็นดาวโกรธมาก ก็เย็นลงไม่อยากให้เรื่องบานปลาย
“ไว้ดาวอารมณ์ดี เราค่อยคุยกัน พี่ไปถูห้องนอน”
ศรัณเลี่ยงการทะเลาะ ถือไม้ถูพื้นเข้าห้องนอนไป
ดาวมองตามศรัณ สายตาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอยากทิ้งผู้ชายคนนี้เต็มทีได้แต่คิดแค้นในใจ “ดาวเป็นพิธีกรแล้ว รายได้ดี อีกหน่อยก็ไม่ต้องพึ่งพี่”

ดาวหงุดหงิดโมโหไม่หาย วันนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆ

ทางด้านปัญชลีเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ขึ้นเตียงนอน ภาสกรเข้านอนก่อนแล้ว แต่ยังเช็คข่าวบนมือถืออยู่บนเตียงนอน

“ลีจ๊ะ ผมคุยกับคุณดาวแล้วนะ เค้าเข้าใจ จะไม่ทำเรื่องไม่เหมาะสมอีก”
“ภาสเชื่อลีก็ดีแล้วค่ะ เด็กนั่นชอบภาส พยายามยุให้เราแตกกัน”
“ความรักของเราไม่ได้เปราะบางเหมือนแก้ว ไม่มีวันแตกสลายหรอกจ้ะ”
“เหรอคะ” ปัญชลีลงท้ายเสียงสูงบอกอารมณ์หงุดหงิด
“คุณไม่ไว้ใจผมหรอลี”
“ไว้ใจค่ะ”
ภาสกรยิ้มออก กำลังจะหว่านล้อมเมียต่อให้เลิกหึง
ปัญชลีพูดต่อว่า “แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ภาสกรเงียบกริบ ปัญชลีมีตบท้ายชนิดหักมุม สรุปก็คือไม่ไว้ใจนั่นแหละ
ปัญชลีขยับนอนหันหลังให้สามี ปล่อยให้ภาสกรนอนทอดถอนใจ ปัญชลีไม่ไว้ใจ ปัญหาตามมาอีกแน่

ทางฝ่ายดาวเอาผ้าห่มมาให้ศรัณที่นอนอยู่ตรงโซฟาโถง หน้าตาดาวยังบึ้งตึง อารมณ์เสีย
ศรัณอ้อน ง้อเมีย “ห่มผ้า ไม่อุ่นเท่านอนกอดน้องดาวหรอกจ้ะ”
ดาวไม่พูดด้วย หนีเข้าห้องนอน ปิดประตูปัง ศรัณจ๋อย คืนนี้ต้องนอนบนโซฟา
“หลังๆ น้องดาวเปลี่ยนไป เพราะอะไร”
ศรัณนอนคิดหนัก คนเป็นแฟนกัน มีไม่กี่สาเหตุที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไป ศรัณกังวลใจมาก หน้าเครียด
อดกังวลไม่ได้ว่า หรือดาวมีคนอื่น?

เย็นวันถัดมากลุ่มจักรยานของภาสกรนัดคุยธุระ โดยจองห้องคาราโอเกะส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในห้องมีภาสกร ดาว ตุ่น วิน และ นักปั่นหญิงอีกคน ระหว่างกินข้าวก็เปิดดนตรีฟังเบาๆ ภาสกรเหลือบมองดาว ท่าทีชายหนุ่มอึดอัดทีเดียว เด็กคนนี้ชอบเค้า พยายามทำให้เค้ากับปัญชลีแตกกัน ซึ่งภาสกรก็เคลียร์กับดาวไปแล้ว
ภาสกรมีข้อความไลน์เข้า อ่าน “คนที่เหลือติดธุระมาไม่ได้ เราประชุมกันแค่นี้แล้วกัน ผมอยากจัดทริปปั่นจักรยานไปอยุธยา ระยะทางประมาณ 70 กิโล”
ดาวตกใจร้องลั่น “70 กิโล”
ทั้งห้องหันขวับมามองดาวเป็นตาเดียว ตกใจอะไรขนาดนั้น ดาวยิ้มแหย ตุ่นมองจับผิดดาว ท่าทางดาวไม่ชอบปั่นจักรยานจริง
ดาวรีบแก้ “อืม...ดาวเพิ่งหัดปั่น กลัวปั่นไม่ไหวค่ะ”
วินยิ้มบอก “มีรถตำรวจนำ ปิดท้ายขบวน ไม่ไหวก็เอาจักรยานขึ้นรถตำรวจได้ครับ”
“งั้นก็พอไหวค่ะ”
ภาสกรคุยต่อ “ผมจะให้เลขาติดต่อตำรวจทางหลวง”
ตุ่นจ้องจับผิดดาวตลอดเวลา ปากบอกว่า พอไหว แต่หน้าตาเผยความจริงจนหมด ว่าดาวไม่อยากปั่นจักรยาน ไม่ชอบ ไม่เห็นสนุกตรงไหน
ตุ่นกระซิบจับไต๋ดาว “คุณลูก แบไต๋มาซะดีๆ อะไรดลใจให้มาปั่นจักรยาน”
“ไต๋อะไรคะ” ดาวกระซิบตอบ
“ดูก็รู้ ดาวไม่ชอบปั่นจักรยาน ดาวก็เหมือนเจ๊ มาปั่นเพราะอยากปั่นหัวผู้ชาย ผู้ชายคนไหนหน๊อออ...” ตุ่นมองวินก่อน แล้วมาหยุดสายตาที่ภาสกร “ห๊ะ จะสอยตัวพ่อ”
คราวนี้ทั้งห้องหันมองตุ่นเป็นตาเดียว
“ดาวกับเจ๊ตุ่นเม้าท์เรื่องดาราน่ะค่ะ”
ดาวเฉไฉทำทีลุกไปเลือกเพลงคาราโอเกะ ไม่ยอมคุยกับตุ่น กลัวโดนลากไส้ออกมาจับผิด อีตุ่นยิ้มกริ่ม มองดาวอย่างรู้ทัน หวังจะสอยคุณภาสกร

ฟากศรัณว้าวุ่นใจ โทร.หาดาวอยู่นานแล้ว แต่ดาวไม่ยอมรับสาย
“ดาวอยู่กับใคร ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์พี่”
ศรัณดูเครียดมาก คิดไปเองแล้วว่า น้องดาวต้องอยู่กับผู้ชายอื่น

หลังคุยเรื่องจัดทริปจักรยานไปต่างจังหวัดเรียบร้อย ทุกคนก็ร้องเพลงเฮฮากัน ภาสกรร้องคาราโอเกะ จนเพลงจบ คาราโอเกะขึ้นเพลงใหม่
“เพลงนี้ดาวชอบมากเลยค่ะ ขอร้องด้วยคนนะคะคุณภาส”
ดาวไปยืนรอร้องเพลงข้างภาสกร
“ผมร้องหลายเพลงแล้ว ตุ่นมาร้องมั่ง”
ภาสกรส่งไมโครโฟนให้ตุ่นมาร้องกับดาวแทน ภาสกรจงใจเลี่ยงนั่นเอง ซึ่งดาวรับรู้ได้ ตุ่นเองก็รู้สึก
ดาวเลยร้องเพลงด้วยอารมณ์กร่อย ๆ

ดาวเดินหน้าตาเซ็งออกจากห้องน้ำ เจอตุ่นดักรออยู่
“หือ...แค่เค้าไม่ร้องเพลงด้วย ก็ท้อซะและ”
ดาวทำเป็นมึน “เจ๊ตุ่นพูดอะไรคะเนี่ย”
“Stop! หยุดโกหกเจ๊ได้แล้ว อยากจิกคุณภาสกรก็บอกมาเถอะ
ดาวยังปากแข็ง “เค้าเป็นใคร เราเป็นใคร ดาวไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ”
“เอื้อมเองไม่ถึง เจ๊ช่วย ลูกเอ๊ย แย่งคุณภาสกรมาได้ ประวัติศาสตร์ต้องจารึกชื่อลูกไว้ เป็นผู้ปราบนางมารจิ้งจอก ลิปสติกนั่น เป็นแผนสินะ นังจิ้งจอก รู้ทัน ฮึ เราต้องช่วยกันคิดแผนใหม่ ให้ลึกลับซับซ้อน ศัตรูเรา มันอิทธิฤทธิ์เยอะ ฆ่ายาก...”
ดาวเห็นตุ่นกระตือรือร้นอยากช่วยมาก เลยยอมแบไต๋
“เจ๊ตุ่นอย่าบอกใครนะคะ ดาวแอบชอบคุณภาสกร”
“เจ๊จะปิดความลับ สัญญา นี่ แล้วคุณภาสกรเค้าดูมึน ๆ กับดาว เคืองดาวเรื่องไรอ่ะ”
“ก็เรื่องลิปสติกนั่นแหละค่ะ คุณภาสกรเชื่อนังจิ้งจอก ว่าดาวอ่อย”
“อ๊ะ ชอบผู้ชายแล้วไม่ให้อ่อย จะให้กราบรึไง คุณภาสกรไม่ใช่คนเจ้าชู้ อยากแทรกซึมเข้าไปในหัวใจผู้ชายใจแข็ง เราต้องแข็งไว้ ต้องใจสู้ ลูกสาวเจ๊เป็นเด็กฉลาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แถมยังสาวกว่า สดกว่า มีแต้มต่อนังเมียหนังเหนียวเป็นไหนๆ”
คำยุยงปลุกปั่นของตุ่น ทำให้ดาวมีกำลังใจ ใจพองฟูฟ่องขึ้นทันตาเห็น ต้องชนะปัญชลี ชิงภาสกรมาให้ได้

ดาวกับตุ่นเดินหน้าตาเบิกบานควงแขนกันมา กำลังเดินมายังห้องคาราโอเกะ ตุ่นชะงักกึก หยุดเดิน ตะลึงความหล่อ
“ใครอ่ะ หล่อผุดๆ เบย”
แต่มุมที่ดาวยืนอยู่ โดนภาสกรบัง จึงเอียงคอมองไปในห้อง พบว่าผู้ชายที่นั่งใกล้ภาสกร คือ ศรัณ!

อีกฟาก ภานุโซ้ยข้าวมันไก่อย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในร้านแม่ก้อยข้าวมันไก่ แพรพรรณนั่งคุยด้วย
“ผู้ชายที่คุณรัก ชื่อขึ้นต้นด้วย ศ.ใช่ปะ”
“แม่ เก็บเงินโต๊ะนี้”
“เฮ้ย ยังไม่อิ่ม”
แพรพรรณไม่อยากคุยกับภานุแล้ว ลุกไปช่วยแม่ตักน้ำจิ้มให้ลูกค้า

ดาวกับเจ๊ตุ่นกลับเข้าห้องคาราโอเกะ ศรัณเขยิบให้ดาวมานั่งติดกับตน
“พี่เข้าเฟสบุ๊คดาว เห็นดาวเช็คอินมาร้านนี้ เลยตามมา อยากมีเพื่อนกินข้าวน่ะจ้ะ ถามเด็กเสิร์ฟบอกว่ากลุ่มจักรยานจองห้องนี้ไว้”
“เหรอคะ”
ศรัณกับดาวจ้องตากัน ต่างฝ่ายต่างรู้ทันกัน ศรัณมาจับผิดดาว ฝ่ายดาวก็เคืองศรัณ

ภาสกรเอ่ยขึ้น “พี่น้องหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเลยนะครับ”
ดาวชิงตอบ “เอ่อ พี่ศรัณเหมือนแม่ค่ะ แม่ดาวมีเชื้อจีน ส่วนดาวเหมือนพ่อ”
“คุณดาวเล่าว่า ที่บ้านมีกิจการหลายอย่าง คุณศรัณทำธุรกิจอะไรบ้างครับ”
“หลักๆ ก็สะพานปลาครับ คุณล่ะครับ ทำอะไรที่ช่อง THAI KK”
ดาวตอบแทนว่า “คุณภาสกรเป็นเจ้าของช่อง” พร้อมกับใช้สายตาตำหนิศรัณ ถามไปได้ยังไง
ศรัณหน้าเจื่อน เกร็ง ไม่กล้าคุยกับภาสกรอีก เกรงบารมี
“ทำตัวตามสบายเถอะครับ ผมก็คนธรรมดา เดินดิน ชอบกินข้าวแกง ยิ่งแกงใต้นะครับ อื้อหือ เผ็ดถึงใจ”
ภาสกรสร้างบรรยากาศเป็นมิตร จนศรัณรู้สึกถูกชะตา ผู้ชายคนนี้ร่ำรวยมาก แต่ไม่ถือตัวเลย พูดจาเป็นกันเองมาก
“ไปกินข้าวแกงที่สมุทรสงครามบ้านผมสิครับ มีร้านแกงใต้อร่อยๆ เยอะ”
ตุ่นดี๊ด๊า “ดาว มีพี่ชายหล่อเร้าใจ ไม่บอกเจ๊ซักคำเลยน้า”
“ลืมผมแล้วเหรอครับเจ๊ตุ่น” วินเย้า
“อ๊าย...ไม่ลืมค่า รักที่ซู้ด...ครวญคราง เอ้ย ครวญเพลงกันนะคะคุณวิน”
ตุ่นลากวินไปร้องคาราโอเกะคู่กัน มือปลาหมึก จับโน้นนี่วินไม่หยุด วินซวยไป ทั้งห้องฮา
ดาวกระซิบศรัณ “บอกคุณภาสกรว่าพี่นึกได้ มีธุระต้องไปทำ”
ศรัณกระซิบตอบ “ดาวไล่พี่ กลัวพี่รู้อะไร”
ภาสกรมองอยู่ “พี่น้องซุบซิบอะไรกันครับ”
“พี่ศรัณไม่กล้าบอกคุณภาสกร พี่ศรัณนึกได้ว่ามีธุระต้องไป อยู่สังสรรค์กับพวกเราไม่ได้แล้วค่ะ”
ศรัณไม่ยอมรับมุก “แหม แต่ผมชอบร้องเพลง จะไลน์ ไปบอกคนที่นัดไว้ เลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้”
ภาสกรยิ้ม “ดีครับ ได้มีคนแย่งไมค์เพิ่มขึ้นอีก 1 คน”
ดาวเห็นภาสกรให้ความสนิทสนมกับศรัณก็ระแวง กลัวภาสกรจับได้ ว่าศรัณเป็นแฟน ไม่ใช่พี่ชาย ศรัณเองก็สังเกตอาการดาวเวลามองภาสกร ดูออกว่าดาวดูแคร์ผู้ชายคนนี้มาก

แพรพรรณออกมาส่งภานุตรงมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าร้าน
“อย่าซิ่งล่ะนายโย่ง เดี๋ยวลำบากปอเต็กตึ๊ง นายตัวยาว เก็บศพยาก”
“ตั้งแต่รู้จักกัน มีแต่คำพูดดี ๆ ทั้งน้าน แพร พี่ชายดาว ทำไมถึงใช้คนละนามสกุลกับดาวล่ะ”
แพรพรรณยัวะภานุวนมาเรื่องนี้จนได้ “ไอ้โย่ง ชอบนัก ยุ่งเรื่องชาวบ้านเนี่ย เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ย”
“ก็ผมเห็นนามสกุลบนบัตรเครดิตเค้า ไม่ใช่นามสกุลดาว คนละพ่อเหรอ”
“ไปๆๆๆ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
แพรพรรณตะเพิดส่งแล้วหนีเข้าร้าน ช่วยแม่เก็บจานลูกค้า
ภานุมองตามด้วยความสงสัย แพรพรรณต้องมีเรื่องปิดบังตน และเรื่องนั้นต้องเกี่ยวข้องกับดาว และพี่ชายที่ชื่อศรัณ

แต่มันรื่องอะไรหว่า ชายหนุ่มคิดหนัก?

อ่านต่อหน้า 4

สื่อริษยา ตอนที่ 6 (ต่อ)

ทั้งหมดทยอยเดินตามกันออกมาที่รถ และกำลังจะพากันแยกย้ายกลับบ้าน ทุกคนเอารถมายกเว้นตุ่นที่มารถดาว ศรัณนั้นคอยจับสังเกตดาวตลอดเวลา

“ดาวจ๊ะ แฟนดาว ไม่เข้ากลุ่มจักรยานด้วยหรอ” ศรัณจงใจถามขึ้น เพื่อต้องการดูท่าทีแฟนสาว
ดาวเหลียวขวับมองภาสกรก่อนใครเพื่อน เกรงภาสกรเชื่อศรัณ ซึ่งศรัณเห็นท่าทีนั้น
ตุ่นเองก็งง “ลูกสาวเจ๊ มีแฟนแล้วเหรอ”
ดาวรีบแก้สถานการณ์ “พี่ศรัณนานๆ มากรุงเทพฯ เลยตกข่าว ดาวเลิกกับแฟนแล้วค่ะ”
“อ้าว แฟนดาวบอกพี่ มีแพลนจะแต่งงานเร็วๆ นี้” ศรัณสวนกลับด้วยมุกนี้
ดาวกับศรัณจ้องตา เล่นสงครามประสาทกันสองคน โดยที่คนอื่นไม่เก็ต
“เราไปกันไม่ได้ เลยจากกันด้วยดีค่ะ”
ดาวเหลือบมองท่าทีภาสกรว่าเชื่อหล่อนหรือเปล่า
ศรัณแน่ใจแล้ว ดาวปฏิเสธเรื่องมีแฟนต่อหน้าภาสกร เพราะดาวชอบภาสกร ศรัณหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัด โกรธดาวที่ปันใจให้คนอื่น
ภาสกรเห็นศรัณหน้าบึ้ง ก็ไม่อยากยุ่งปัญหาของพี่ชายน้องสาว
“ผมกลับนะครับคุณศรัณ”
ศรัณยิ้มให้ภาสกร ไม่โทษผู้ชายคนนี้ คนของเราผิดเอง “ขอบคุณมากนะครับที่เลี้ยงข้าว”
ดาวหันไปทางตุ่น “เจ๊ตุ่นเอารถดาวขับกลับคอนโดนะคะ ดาวจะกลับรถพี่ชาย”
“ดาวไปเอารถที่เจ๊เองแล้วกันน้า”
ภาสกร ตุ่น วิน และนักปั่นหญิง แยกย้ายไปขึ้นรถตัวเอง ขับตามกันกลับไป
พอทุกคนไปหมดแล้วดาวก็ระเบิดอารมณ์ใส่ศรัณทันที
“พี่เป็นบ้าอะไร จะแฉดาว”
ศรัณระเบิดอารมณ์กลับ “ดาวนอกใจพี่ ดาวชอบคุณภาสกร”
ดาวหรือจะยอมรับ “พี่ศรัณคิดไปเอง”
“พี่ไม่ได้ตาบอดนะดาว พี่เห็นสายตาดาวที่มองคุณภาสกร ดาวแคร์เค้ามาก กลัวเค้ารู้ว่าดาวมีแฟน เลิกคิดเถอะดาว คุณภาสกรเค้าไม่มีทีท่าให้ดาวซักนิด”
ดาวโดนจี้ใจดำ เหมือนโดนปรามาส “อย่าทำตัวเป็นหมาหวงก้าง พี่เป็นแค่แฟน ไม่ใช่สามีดาว”
“ไม่ใช่งั้นหรอ แล้วที่เรานอนด้วยกันล่ะ”
“สมัยนี้ เป็นแฟนกันก็มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ ถ้าดาวจะเลือกใครซักคนมาเป็นสามี ผู้ชายคนนั้นต้องสมบูรณ์แบบ เป็นเจ้าคนนายคน มีอำนาจบารมี” ดาวระบดระบายออกมา
“ดาวพูดอย่างนี้ จะเลิกกับพี่เหรอ ว่ายังไงดาว”
ศรัณโกรธมากจับแขนดาวบีบ ถามคาดคั้น
“พี่กลับสมุทรสงครามไปซะ เราควรอยู่ห่างกันซะบ้าง จะได้ไม่ทะเลาะกัน”
ดาวสะบัดแขนจนหลุด เดินหนีศรัณไปหาแท็กซี่กลับเอง
ศรัณไม่ได้ตามดาวไป ยืนนิ่งเป็นหุ่น แววตาเจ็บปวดชอกช้ำ นี่ดาวจะทิ้งเขาหรือ ศรัณทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ระคนกันไป

เช้าวันจันทร์ ปัญชลีกับดาวนั่งที่โพเดียม เตรียมตัวจัดรายการสด ระหว่างรอ ปัญชลีขอจัดการดาวซักดอก
“คิดมุขใหม่แย่งแฟนชั้นได้หรือยัง คราวนี้ขอแบบสร้างสรรค์หน่อยนะ แบบที่ใช้มันสมองคิด”
“พี่ลีคะ ดาวนับถือพี่ลีมาก ดาวไม่หักหลังพี่ลีหรอกค่ะ”
เสียงท็อปแจ้งผ่านหูฟัง “อีก 10 วินาที เริ่มรายการครับ 10 9 8 ...”
หน้าจอทีวีในห้องส่ง ไตเติ้ลรายการขึ้น ปัญชลีกับดาวเลิกคุยกัน
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม วันนี้วันจันทร์ที่ 20 เป็นเช้าวันทำงานที่ฝนตกลงมาพรำๆ แน่นอนค่ะ ฝนตก รถก็ติด ขับรถขับราใจเย็นๆ นะคะ สำหรับคุณผู้ชมที่อยู่ต่างจังหวัด ฝนตกหรือเปล่า ส่งข้อความมาบอกกันด้วยค่ะ” ปัญชลีเปิดรายการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ส่ง SMS มาที่เบอร์ 8998 ค่าส่งครั้งละ 3 บาทค่ะ” ดาวรับ
“เมื่อวันอาทิตย์ เกิดเรื่องสะเทือนใจค่ะ เหตุเกิดที่จังหวัดพังงา ทหารเรือได้เข้าช่วยชาวโรฮิงยาที่เรือล่ม ลอยคออยู่กลางทะเลถึง 2 อาทิตย์ บางคนสู้กับคลื่นลมในทะเลไม่ไหว จมน้ำหายไป”
ดาวรอจังหวะอยู่แล้ว พอปัญชลีเล่าข่าวถึงช่วงจมน้ำหายไป ดาวก็ตะครุบเล่าข่าวต่อทันที
“วินาทีที่เห็นลูกจมน้ำไปกับตา พ่อแม่ชาวโรฮิงยา เกือบจะปล่อยตัว ให้จมน้ำตายตามลูกไปค่ะพี่ลี” ปัญชลีชะงักไปชั่วขณะ ได้แต่มองหน้าดาว ไม่รู้ข้อมูลนี้
ดาวปล่อยของเล่าข่าวต่อ “ผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลูกสาววัย 12 ว่ายน้ำไม่แข็ง พ่อกับแม่เลยให้เกาะถังน้ำ ด้วยความที่น้องยังเด็ก ในที่สุดน้องก็สู้ไม่ไหว ปล่อยมือจากถังน้ำ จมหายไปกับตาพ่อแม่ แล้วก็ผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่น”
ทีมงานหลังกล้อง โดยเฉพาะเก้ยังอดทึ่งดาวไม่ได้ ที่รู้ข้อมูลเบื้องลึก ส่วนตุ่นยิ้มระรื่น
“ที่อ่านในข่าว ไม่เห็นมีสัมภาษณ์พ่อแม่เด็ก” เก้งงอยู่
ตุ่นเกทับซะเลย “ไงยะ ลูกสาวชั้น ฉลาดกว่านายแม่ของแกหลายเท่า อีเกย์ซาดิสต์”

ทีมงานในห้องคอนโทรล ท็อป จอย และ แอน อึ้ง ทึ่ง ไปตามๆ กัน ดาวรู้ข้อมูลเชิงลึกข่าวโรฮิงยา ทุกคนมองดาวบนจอหลัก ดาวเล่าข่าวอยู่คนเดียวอย่างคล่องแคล่วมาดมั่น
“จอย ในสคริปต์มีข้อมูลที่ดาวพูดหรือเปล่า” ท็อปถาม
“ไม่มีค่ะ จอยเขียนข่าวนี้เอง”
“ดาวรู้ได้ยังไง” แอนงง

ที่บ้านหิรัญกุล วิไลลักษณ์ โอกาส และภาสุรี กำลังดูรายการกระแสข่าวเช้านี้ จ้องภาพบนจอทีวี ที่ดาวเล่าข่าวอย่างคล่องแคล่วฉะฉาน ส่วนปัญชลีนั่งเป็นเบื้อใบ้ ฟังดาวเล่าข่าว
“เพิ่งเคยเห็นลีนั่งเป็นไม้ประดับ” โอภาสเอ่ยขึ้น
“แปลกนะคะ ลีไม่เคยยอมให้ศินีนาฎเล่าข่าวคนเดียวยาวๆ ลีชอบพูดแทรก” ภาสุรีว่า
“ไม่รู้เด็กดาวเป่ามนต์อะไรใส่ เสกแม่ลีให้นั่งเงียบได้ แต่แหม แม่ชอบ”
วิไลลักษณ์กับภาสุรียิ้มกริ่มพอใจให้กัน เห็นปัญชลีโดนลูบคมกลางรายการสด ส่วนโอภาสเฉย ๆ

จบรายการ พี่ๆ ทีมงานห้อมล้อมชื่นชมน้องดาว
“ดาวได้ข้อมูลมาจากพี่ๆ ทหารเรือที่ช่วยชาวโรฮิงยาค่ะ” ดาวบอก
“พี่ก็โทรไปสัมภาษณ์ ไม่เห็นเล่าให้พี่ฟัง” จอยว่า
“เสียงจอยไม่หวานเหมือนเสียงดาว พี่ๆ ทหารชอบคุยกับดาวมากกว่า” จอยเย้า
“อนาคตดาวต้องไปไกล ดาวทุ่มเท หาข้อมูลเชิงลึกเอง ทำดีต่อไปนะดาว” ท็อปชม
ท็อป จอย แอน มองดาวอย่างชื่นชมแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน
“แค่โทร.ถามแน่หรอจ๊ะลูกสาว” อีตุ่นมองดาวอย่างรู้ทัน นังชะนีน้อยเจ้าเล่ห์จะตายไป
ดาวหัวเราะคิก “แหม หลอกเจ๊ตุ่นไม่ได้เลยนะคะ เมื่อวันอาทิตย์ที่มีประชุมหมายข่าว”
แววตาพิธีกรข่าวดาวรุ่งคนสวยเป็นประกาย

ตอนกลางวัน วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปัญชลีประชุมทีมงานรายการกระแสข่าวเช้า
“จอย ตามข่าวโรฮิงยาที่ลอยคอในทะเล เห็นว่าตอนนี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลที่พังงา”
จนเมื่อเลิกประชุม ปัญชลีลุกออกไปคนแรก ทีมงานต้องรอให้นางพญาเสด็จออกก่อนถึงตามออกไปจนหมด เหลือดาวคนเดียวที่กำลังกดโทรศัพท์โทร.ออก
“ดิชั้นอยากจองตั๋วเครื่องบินไปพังงา ไปวันนี้เลยค่ะ”

ตุ่นฟังแล้วมองทึ่งลูกสาว
“โอ้โหลูกสาวเจ๊ ลงทุนบินไปหาข่าวเอง”
“ดาวไม่อยากชนะนังจิ้งจอกด้วยเล่ห์กลอย่างเดียวค่ะ ดาวอยากชนะด้วยมันสมองด้วย”
“ลูกขา เก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋นเยี่ยงนี้ นังจิ้งจอกก็นังจิ้งจอกเหอะ มีเสียกระบวน...ฮิๆๆๆ”
ดาวยิ้มหน้าเชิด มั่นใจในความรู้ความสามารถของตัวเองว่าไม่แพ้ปัญชลี ตุ่นมองดาวอย่างปลาบปลื้มชื่นชม

ฟากศรัณแบกความทุกข์กลับสมุทรสงคราม พาตัวเองมาหยุดยืนเหม่อมองทะเลอยู่ตรงสะพานปลา เครียดหนักที่ทะเลาะกับดาว หลังจับได้ว่าดาวปันใจให้คนอื่น พ่อกับแม่มาหาลูกชาย
“เศร้าอะไรนักหนาลูก กลับมาบ้าน เอาแต่ซึมกะทือ”
“พ่อกับแม่เคยโกรธกันมั้ยครับ”
“ถามได้ ประจำ ทะเลาะกับหนูดาวมาสิ” ผู้เป็นพ่อถาม
ศรัณไม่เล่าให้พ่อแม่ฟัง
“คนรักกัน ต้องมีทะเลาะกันเป็นธรรมดา ถ้ามันไม่หนักหนาสาหัสอะไร ก็ให้อภัยน้องไปเถอะลูก รักกันจริง ต้องให้อภัยกันได้”
“ไปง้อดาวนะลูก ผู้หญิงดีๆ สมัยนี้หายาก”
“ดาวต่างหาก ที่ควรง้อผม”
ศรัณบอก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้จะเลือกทางไหน ใจหนึ่งอยากรอให้ดาวมาง้อ อีกใจหนึ่งก็อยากไปหาดาว

ทางด้านดาวมาหาภาสุรีในห้องทำงาน เห็นภาสุรีกับศินีนาฏกำลังคุยงานกันอยู่
“ขอโทษค่ะ” ดาวจะออกไป
“ชั้นตามเธอให้มาช่วยคิดแขกรับเชิญรายการใหม่ของศินีนาฏ” ภาสุรีบอก
“ยินดีด้วยนะคะคุณศิ มีรายการของตัวเองแล้ว”
“ดาว ไม่เสียแรงที่ชั้นปั้นเธอ ชั้นดูรายการเมื่อเช้า เห็นเธอทำปัญชลีหงายเงิบ”
จู่ๆ ภาสุรีมีอาการเวียนหัว เหมือนที่เคยเป็นมาแล้ว
ดาวหันไปเห็น “คุณภา”
สองสาวต่างอยากประจบภาสุรี รีบมาดูอาการ
“เวียนหัวมากเลย”
“กลับบ้านไปนอนพักนะคะคุณภา ดาวขับรถไปให้”
“เธอลับคมมีดไว้ฟาดฟันกับปัญชลีเถอะ มาค่ะคุณภา ศิพาไปส่ง”
ศินีนาฎหยิบกุญแจรถภาสุรี ประคองภาสุรีออกไป
ดาวคุมแค้น “หึย ชิงเอาหน้า”

ไม่นานต่อมา วิไลลักษณ์กับโอภาสประคองภาสุรีนอนบนโซฟา ภาสุรียังไม่หายเวียนหัว
“ไปหาหมอเถอะภา” โอภาสบอกลูก
“ตอนขับรถมา ศิก็ขอให้คุณภาแวะโรงพยาบาลค่ะ คุณภาไม่ยอม” ศินีนาฏว่า
“ภาห่วงงานค่ะคุณพ่อ โดยเฉพาะรายการกระแสข่าวเช้านี้ ลีเล่นประกาศกลางรายการ ดาวเป็นแค่พิธีกรชั่วคราว”
“ไม่สบายก็วางเรื่องงานบ้างลูก แม่ไปช่วยสะสางให้เอง”
วิไลลักษณ์กับโอภาสมองเป็นห่วงภาสุรี อาการลูกสาวไม่ค่อยดี แต่ดื้อแพ่ง ไม่ยอมไปหาหมอ

ถัดมาศินีนาฏกระหยิ่มยิ้มย่องพาปัญชลีมาพบวิไลลักษณ์ที่ห้องทำงาน วิไลลักษณ์ตีหน้าเข้มรอฉะอยู่
“พรุ่งนี้ลีต้องพูดในรายการ ดาวจะเป็นพิธีกรหลักร่วมกับลี”
“คุณแม่กำลังทำให้ลีเป็นคนสับปลับนะคะ” ปัญชลีเสียงแข็ง
“เปิดใจให้กว้างแล้วตอบชั้นมา ในความคิดเธอ ดาวเก่งมั้ย
“ลียอมรับค่ะ ดาวเป็นคนเก่งใช้ได้ แต่ นิสัยไม่ดีเหมือนอดีตพิธีกรร่วมของลี”
ศินีนาฏปรี๊ดโดนแขวะ “ชั้นออกจากรายการแล้ว ยังแว้งมาด่าได้อีกนะ”
“คุณแม่มีเรื่องสั่งแค่นี้ใช่มั้ยคะ ลีไปทำงานนะคะ”
ปัญชลีลุกออกไปเลย โดยยังไม่รับปากวิไลลักษณ์
“ยักท่าแบบนี้ ไม่ทำตามคำสั่งคุณวิไลลักษณ์แน่ ๆ ค่ะ” ศินีนาฏว่า
วิไลลักษณ์หนักใจ ว่าที่ลูกสะใภ้หัวรั้นจะทำตามคำสั่งมั้ย

ภานุเดินกินลูกชิ้นปิ้ง เคี้ยวหยับๆๆ มาตามทางเดินหน้าร้านอาหารแถวช่อง ภานุเป็นคนติดดิด กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เหมือนคนอื่นในครอบครัว ขณะเดินผ่านร้านอาหาร ภานุเห็นดาวกับศรัณนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียด ภานุสงสัย เลยแอบดูจากหน้าร้าน โดยไม่ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน

ศรัณถ่อมาจากสมุทรสงคราม เพื่อมาง้อดาวสุดที่รัก นัดกับดาวร้านอาหารแถวช่องนี่เอง
“พี่ทบทวนดูแล้ว พี่เองก็มีส่วนผิด พี่อยู่ไกล ไม่ได้ดูแลดาวเต็มที่ ดาวเลยเขว เผลอมีใจให้คนอื่น”
“มาง้อ หรือมาหาเรื่องคะเนี่ย”
ศรัณพูดอย่างเข้าใจ และให้อภัย “คุณภาสกรเป็นผู้ชายเพอร์เฟค นิสัยก็ดี ดาวทำงานกับเค้า อาจมีหวั่นไหวบ้าง พี่เข้าใจ คนคบกันมานาน ต้องมีช่วงนึงที่ความรักสั่นคลอน ดาวคิดถึงความรักของเราให้มาก ไม่คุ้มหรอกที่จะแลกความผูกพันหลายปี กับ ความถูกใจประเดี๋ยวประด๋าว”
“พี่ศรัณรับปากดาวมาค่ะ พี่จะไม่ตามดาวไปเจอคุณภาสกรอีก”
“วันนี้ดาวเลิกงานกี่โมงจ๊ะ พี่จะรอ ขับรถกลับพร้อมกัน”
ดาวหน้าตึง ศรัณไม่ยอมรับปาก
และเริ่มหงุดหงิด “ไม่ต้องรอหรอกค่ะ ดาวนัดเพื่อนที่ทำงานไปช้อปปิ้ง”
ดาวลุกหนีไป ไม่แคร์ความรู้สึกศรัณสักนิด ศรัณหน้าขรึมลง และเขายังวางใจไม่ได้
ดาวออกมาหน้าร้าน ภานุฉากหลบไม่ให้ดาวเห็น มองตามจนดาวเดินกลับเข้าสถานีไป
ภานุหันไปมองศรัณในร้าน ดูออกว่าศรัณกลุ้มอกกลุ้มใจหนัก แล้วสีหน้าท่าทางศรัณกับดาวเมื่อกี้

เหมือนแฟนทุ่มเถียงกัน ไม่ใช่พี่น้องทะเลาะกันแน่ๆ

ภานุถือถุงลูกชิ้นปิ้งเดินหาแพรพรรณ จนมาเจอสาวเจ้านั่งพิมพ์สคริปต์อยู่ในสวนสวย

“มาอยู่นี่เองยัยทอม อ่ะ ซื้อมาฝาก” ภานุส่งถุงลูกชิ้นให้
“มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี่ยเรา”
ภานุเข้าเรื่องเลย “เอ้อ เมื่อกี้ผมเจอดาวกับพี่ชายด้วย บ้านดาวอยู่สมุทรสงคราม แต่เห็นพี่ชายดาวมากรุงเทพฯบ่อยเนอะ”
ถึงภานุจะพยายามตีหน้าซื่อ ทำแบ๊วถาม แต่แพรพรรณก็รู้แกว ว่านายโย่งมาหลอกถาม
“ว่างง... มีเวลาเที่ยวจับผิดคนอื่น นายโย่ง นายห้ามยุ่งกับพี่ศรัณ”
ภานุซักไม่ลดละ “พี่ศรัณย้ายมาอยู่กรุงเทพฯกับดาวแล้วเหรอ กิจการที่บ้านเค้าล่ะ ใครดู”
แพรพรรณโมโห “ไม่เลิกใช่มั้ย ดี งั้นชั้นเลิกเอง เลิกคุยกับนาย ต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องงาน ชั้นจะไม่คุยกับนาย”
แพรพรรณหอบโน้ตบุ๊คลุกหนีไป
“โกรธจริงป่าวหว่า” ภานุกลุ้ม เพราะเริ่มแคร์แพรพรรณแล้ว

ดึกวันเดียวกัน ภานุขี่มอเตอร์ไซค์กลับถึงบ้าน เห็นพี่ชายนั่งเล่นอยู่บนระเบียง ภานุหน้าตาเครียด วันนี้ทำให้แพรพรรณโกรธ
“มานั่งทำอะไรคนเดียวครับพี่ภาส”
ภาสกรเห็นน้องหน้าเซ็ง “งานหนักเหรอนุ หน้าตาซังกะตาย”
“โดนเพื่อนร่วมงานโกรธครับ”
“ปกตินุเป็นคนไม่คิดมาก แคร์เพื่อนคนนี้นะ” ภาสกรยิ้ม มองจับผิดน้องชาย
“เพื่อนครับพี่ ขอร้องอย่าแซว” แต่ภานุดันเขินนิดๆ
ภาสกรเห็นน้องไม่เล่า ก็ไม่คาดคั้นถาม
“พี่มานั่งพักสมอง โดนคุณแม่เทศนาพี่ตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืน คุณแม่สั่งให้พี่ไปคุยกับลี ให้ลีพูดในรายการ ดาวเป็นพิธีกรหลัก”
“คุณแม่บังคับพวกพี่ เพราะไม่รู้ ดาววางยาพี่กับพี่ลี”
ภาสกรชะงัก “เรารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอนุ”
“พวกผู้หญิงเค้าใส่กันยับครับ ยัยทอม เอ่อ แพรพรรณน่ะตัวดี ตีกับดาว”
ภาสกรมองฉงน “แพรพรรณมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
“รายนั้นน่ะตัวเชื่อมสำคัญเลยครับ แพรเป็นเพื่อนดาวสมัยมหาลัย สนิทกับพี่ชายดาว พี่ภาสครับ ผม...” จู่ๆ ภานุก็เงียบไปเฉยๆ เปลี่ยนใจไม่เล่าต่อ
“อะไรนุ”
“ไว้ผมสืบหาข้อมูลได้ก่อน ค่อยบอกพี่”
“ลึกลับนักนะเรา พี่กลับบ้านล่ะ”
ภาสกรหน้าตาซีเรียสขับรถออกไป ภานุห่วงพี่ชาย โดนรุมเร้าทั้งปัญหาเรื่องงานปัญหาส่วนตัว

เช้านี้วิไลลักษณ์มาคุมปัญชลีจัดรายการถึงในห้องส่ง ท่านประธานไทยเคเค.นั่งมาดนางพญา มีภาสุรีกับศินีนาฏยืนขนาบซ้ายขวา ส่วนนางพญาอีกคนกำลังเล่าข่าวออกอากาศสด
“ปิดท้ายรายการด้วยข่าวดี พรุ่งนี้น้ำมันจะลดราคา ลิตรละ 50 สตางค์”
“อย่าเพิ่งรีบเติมน้ำมันกันนะคะ ให้รอหลังเที่ยงคืน” ดาวเสริม
ปัญชลีปรายตามองไปยังวิไลลักษณ์ รู้ว่ามาคุมตน แต่เธอไม่แคร์บอกกับดาว “ขอบคุณคุณดาวมากนะคะ มาช่วยจัดรายการ” แล้วปัญชลีก็หันมายิ้มกับกล้อง “คุณดาวจะหมดหน้าที่ภายในอาทิตย์นี้แล้ว รายการกระแสข่าวเช้านี้ ปรับรูปแบบใหม่ จะเปลี่ยนผู้ช่วยพิธีกรทุกอาทิตย์ค่ะ”
ดาวโดนปัญชลียิงมุกใส่ เลยหน้าเจื่อนออกอากาศสด
วิไลลักษณ์โกรธมาก ปัญชลีไม่พูดตามที่สั่ง นำทีมภาสุรีกับศินีนาฏออกจากห้องส่งก่อนรายการจบ

ภาสกรโดนแม่กับน้องสาว สลับกันรุมต่อว่า อยู่ในห้องทำงานวิไลลักษณ์
“ภาสไม่ให้ท้าย ลีก็ไม่กล้าหือกับแม่หรอก”
“แฟนพี่ภาสจะเปลี่ยนพิธีกรทุกอาทิตย์ ใครจะมาจัดคะ เค้าขยาดแฟนพี่กันทั้งนั้น”
“พี่จะเกลี้ยกล่อมลี ให้ยอมรับดาวเป็นพิธีกรร่วม พอใจแล้วนะครับคุณแม่ ภา”
ภาสกรทนฟังแม่กับน้องต่อว่ามานาน ลุกออกไปดีกว่า ศินีนาฏที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาแทน
“หรือเราตัดปัญหา ยอมลีไปคะคุณแม่”
“แม่ลีก็ได้ใจน่ะสิ มันต้องมีทางปราบแม่ลีสิน่า”
ภาสุรีมีอาการหน้ามืดอีกแล้ว
“คุณภาเป็นอีกแล้ว”
ศินีนาฏควักยาดม จัดแจงให้ภาสุรีดมยาดมแก้อาการมึนหัว
“บอกให้ไปหมอก็ไม่ยอมไป”
วิไลลักษณ์โอบลูกสาว จับหัวภาสุรีเอนซบบ่าตัวเอง ถึงจะร้ายกาจกับใคร แต่ครอบครัวเป็นที่หนึ่ง รัก เอาใจใส่ลูกๆ ทุกคนมาก

เมื่อคิดสรตะแล้ว คืนนี้ดาวยอมให้ศรัณนอนร่วมเตียงด้วย แต่ดาวโกหกหน้าตาย
“พรุ่งนี้วันหยุด รายการงด ดาวนัดเจ๊ตุ่นดูหนัง กลับมืดเลยนะคะ”
“พี่ไปด้วยคนสิ”
ดาวพูดธรรมดา ไม่หงุดหงิด “นึกแล้ว พี่ต้องขอตามไป พี่ไม่ไว้ใจดาว ดาวบอกเจ๊ตุ่นแล้วล่ะค่ะ พี่ชายจะไปด้วย นัดที่พารากอนนะคะ ดูหนังรอบเที่ยง แล้วกินข้าว ช้อปปิ้งต่อ”
ดาวหันไปอ่านหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค ตีหน้าตายต่อเนื่อง ให้ศรัณเชื่อคำโกหก
ศรัณเห็นดาวไม่ออกพิรุธใดๆ พูดจาธรรมดา และไม่หงุดหงิดโมโหใส่ตนก็เชื่อสนิท
“พี่ไม่ไปแล้วจ้ะ ไม่ชอบเดินห้าง”
“ตามใจนะคะ”
ดาวลอบยิ้ม สุดท้ายศรัณก็หลงกลหล่อน

ภาสกรนัดกับเพื่อนกลุ่มจักรยานก๊วนเดิมกับวันก่อน วันนี้จะไปเซอร์เวย์ เส้นทางทริปจักรยาน
“ไปกันเลย” ภาสกรจะขึ้นรถ
ดาวมาถึงพอดี ภาสกรหน้าตาอึดอัด เด็กคนนี้ตามตอแยตนไม่เลิก
“จะไปกันแล้วหรอคะ นัดไว้ 11 โมง นี่เพิ่ง 10 โมงครึ่ง”
“คุณภาสกรเช็คข่าวจราจร รถชนกันแถวพระราม 2 ติดหนึบ เลยรีบออกครับ” วินบอก
ดาวงง “พระราม 2 เส้นลงใต้นี่คะ เราจะไปอยุธยากันนี่”
ภาสกรพูดเสียงเรียบ “คุณดาวไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มจักรยานเมื่อเช้า ผมเปลี่ยนเส้นทาง จัดทริปไปสมุทรสงครามครับ”
ดาวยิ้มเจื่อน ไปสมุทรสงคราม แล้วเกิดภาสกรไปรู้ความลับว่าหล่อนจนเล่า

ก๊วนจักรยานขับรถผ่านป้าชื่อจังหวัดสมุทรสงครามราวเที่ยงนิดๆ และมาหยุดแวะที่โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง
ภาสกรขับรถเข้ามาถึงโรงเรียน มีคณะครูรอต้อนรับอยู่แล้ว
“สวัสดีค่า”
“สวัสดีครับคุณครู น้องในกลุ่มจักรยานแนะนำให้มาดูโรงเรียนนี้ เห็นว่าขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน กลุ่มจักรยานของเรามอบอุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนในท้องถิ่นทุกครั้งเวลาออกทริปน่ะครับ”
สีหน้าดาวเป็นกังวลมาก ทำไมภาสกรต้องเลือกมาสมุทรสงครามบ้านเกิดตน
ระหว่างนี้เด็กผู้หญิงใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ เดินมาหาครู
“กวาดโรงอาหารเสร็จแล้วค่ะครู”
“เอาไปซื้อขนมกินนะลูก”
เด็กรับเงินจากครูมา 50 บาท แต่เด็กน้อยไม่ไปซื้อขนม เดินไปกวาดลานโรงเรียนต่อ
“ลูกภารโรงที่เพิ่งตายค่ะ แม่ทิ้ง ญาติพี่น้องไม่ดูแล ทางโรงเรียนเลยรับเลี้ยงไว้” ครูเล่าหน้าเศร้า
ทุกคนมองเด็กน้อยด้วยความสงสาร ดาวมองเด็กแล้วหวนนึกถึงวัยเด็กอันแร้นแค้นของตัวเอง ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ดาวน้ำตาคลอ แต่ไม่อยากร้องไห้ให้คนถาม เลยปลีกตัวออกจากกลุ่มไป
ภาสกรเห็นดาวแยกจากกลุ่มไปเฉยๆ ก็แปลกใจ

ดาวหลบมาร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง น้ำตาไหลพราก เจ็บปวดจากข้างใน วัยเด็กอันแร้นแค้น ชีวิตรันทดผุดขึ้นมาหลอกหลอน ภาสกรเดินหาดาว จนมาเห็นดาวร้องไห้ ดูเจ็บปวดชอกช้ำมาก มากจนภาสกรสงสารดาวหันมาเห็นภาสกรก็รีบเช็ดน้ำตา
“เสียใจอะไรครับ”
“ดาว ดาวสงสารเด็กคนเมื่อกี๊ค่ะ”
ดาวกลัวภาสกรซักถามมาก เลยรีบไป ภาสกรไม่เชื่อว่าดาวร้องไห้เพราะสงสารเด็ก

ภาสกรย้อนกลับมาหา คราวนี้เจอครูใหญ่รออยู่
“คุณภาสกรคะ นี่ครูใหญ่ค่ะ”
“ขอโทษครับที่ให้รอ ผมไปส่งเจ้าอาวาสที่วัดมา”
“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อซักครู่นี้เองครับ”
ภาสกรหันมามองสงสัยไม่หาย เห็นดาวกำลังช่วยเด็กกวาดลานโรงเรียน ส่วนนักปั่นจักรยานที่มาด้วย เดินสำรวจโรงเรียน
ครูใหญ่มองตาม “นั่นดาว”
“รู้จักลูกน้องผมด้วยเหรอครับ” ภาสกรแปลกใจ
“อดีตดรัมเมเยอร์จังหวัดครับ ได้ทุนเรียนดีแต่ยากจนทุกปี” ครูใหญ่บอก
ภาสกรสะดุดหู “เรียนดีแต่ยากจน ลูกน้องผมคนนี้ฐานะดีครับ ครอบครัวมีกิจการ”
“ผมเคยสอนโรงเรียนเด็กคนนี้ จำได้ ชื่อนางสาวดารินกานต์ เป็นพิธีกรงานโรงเรียน งานประจำจังหวัด กวาดรางวัลประกวดพูดแทบทุกเวที”
ครูอีกคนเสริม “ใช่แล้ว คนที่ตลาดพูดกัน เด็กบ้านเรา เป็นพิธีกรรายการกระแสข่าวเช้านี้ เด็กคนนี้นี่เอง”
ภาสกรประมวลเรื่องราวแล้วคิดว่าใช่ดาวเดียวกันแน่แล้ว
“ครอบครัวคุณดาวทำอะไรครับ”
“แม่เป็นชาวสวน สมัยก่อนชีวิตลำเข็ญมาก ต้องขอข้าววัดกิน เห็นเด็กไปได้ดิบได้ดี คนเป็นครูก็ดีใจนะครับ”
ภาสกรอึ้งนิ่งงันไป มองดาวอย่างค้นหา

เพราะอะไรผู้หญิงคนนี้ถึงโกหกเรื่องฐานะทางบ้าน แล้วที่แอบไปร้องไห้ โศกเศร้าเรื่องอะไรหนักหนา?

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น