xs
xsm
sm
md
lg

สื่อริษยา ตอนที่ 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สื่อริษยา ตอนที่ 7

ดาวเดินปล่อยอารมณ์ ดูสภาพโรงเรียนด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย พยายามสงบสติอารมณ์ เตรียมจะกลับไปรวมกลุ่มกับพวกภาสกร แต่พอจะเดินไป เด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งในชุดอยู่บ้านตามฐานะก็เดินผ่านมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่ครูเกณฑ์มาทำความสะอาดโรงเรียน

“พี่ดาว” เด็กหญิงอ้อ หนึ่งในนั้นร้องเรียกขึ้น
ดาวชะงักมองอ้อ จำได้ว่าเป็นเด็กแถวๆ บ้านตัวเอง
ดาวเรียกชื่อน้อง “อ้อ”
“พี่ดาวมากับคณะกรุงเทพฯเหรอจ๊ะ”
ดาวอึ้งเล็กน้อยที่เจอคนรู้จัก “ใช่จ้ะ”
หล่อนฝืนยิ้มให้เด็กน้อย จะเลี่ยงไป กลัวคนมาเห็นว่ารู้จักเด็กนักเรียนที่นี่ แต่อ้อหันไปบอกเพื่อนๆ ท่าทางตื่นเต้นดีใจมาก
“นี่พี่ดาว จำได้ไหม ที่อ่านข่าวตอนเช้าๆ น่ะ พี่เขาอยู่แถวบ้านเราด้วยนะ”
“จำได้ ที่บ้านหนูดูทุกเช้าเลยค่ะ แม่ชอบ” เด็ก 1 บอก
เด็ก 2 ว่า ยิ้มเขินๆ “บ้านหนูก็ชอบดู”
เด็กคนอื่นๆ เริ่มมองดาวแบบจำได้ ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมา
เด็ก 1 นึกอะไรขึ้นมาได้ วิ่งหายไป แล้วกลับมาพร้อมกับสมุดกับปากกา
“ขอลายเซ็นได้ไหมคะพี่ หนูจะเอาไปอวดแม่”
ดาวอึ้ง “ลายเซ็นพี่เหรอ”
“ค่ะ นานๆ จะมีคนดังมาโรงเรียน ถ้าแม่รู้ว่าพี่เป็นคนบ้านเดียวกัน ต้องดีใจแน่ๆ”
เด็ก 1 ฉีกกระดาษสมุดพกจะให้ดาวเขียน คนอื่นเริ่มอยากได้บ้าง แย่งกันฉีกกระดาษสมุด ดาวอึ้งๆ เพราะเกิดมาไม่เคยมีใครมาขอลายเซ็น เห็นเด็กรุมล้อมอยากได้ลายเซ็น ก็เริ่มดีใจว่าเราก็ดังเหมือนกัน
“ได้จ้ะ”
ดาวลงนั่งยองๆ แจกลายเซ็นให้เด็กๆ อย่างเป็นปลื้ม
เด็กบางคนเอาโทรศัพท์มาขอถ่ายรูปกับดาว
ในบรรยากาศนั้นทำให้ดาวเริ่มหายเศร้า ปลื้มที่ตัวเองเป็นไอดอลเด็กๆ เลยยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยกับเด็กอย่างสนุกสนาน จู่ๆ อ้อก็โพล่ง
“พี่ไปเยี่ยมป้าสมพรบ้างป่าวจ๊ะ อ้อเห็นแกเข้าสวนทุกเช้าเลย กว่าจะออกมาก็เย็น”
ดาวชะงัก นึกถึงแม่ขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่เคยโผล่หัวไปเยี่ยมเลย

ขณะเดียวกันแพรพรรณสับไก่อยู่หน้าร้าน ในร้านยังมีลูกค้านั่งอยู่ประปราย แพรพรรณรู้สึกว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาใหม่ ก็ร้องเรียกโดยไม่ได้เงยหน้ามอง
“เชิญค่ะ”
แพรพรรณจัดไก่ใส่จานจนเสร็จ แต่รู้สึกว่าลูกค้ายังไม่ไป จึงเงยหน้ามอง
“อ้าว พี่ศรัณ”
ศรัณยิ้มให้แพรพรรณ แต่เป็นยิ้มที่ดูแห้งแล้ง ใบหน้าขื่นขม ของคนที่มีเรื่องทุกข์ใจ
ถัดมาศรัณนั่งปรับทุกข์กับแพรพรรณ หลังจากกินข้าวมันไก่หมดจานแล้ว แพรพรรณรินน้ำให้
“แพรโล่งใจ ที่พี่ศรัณรู้ซักทีว่าแฟนพี่คิดจะทำอะไร”
“แสดงว่าแพรก็รู้ แต่ไม่บอกพี่”
“แพรจะพูดได้ยังไงคะ ในเมื่อพี่เองก็คิดว่าแพรอิจฉาเขาอยู่ตลอดเวลา”
คำพูดตัดพ้อนั้น ทำเอาศรัณอึ้ง รู้สึกผิดที่เคยต่อว่าแพรพรรณแรงๆ
“พี่ขอโทษนะแพร ถ้าพี่เคยพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจแพร”
“แพรไม่เคยโกรธพี่อยู่แล้ว พี่ก็รู้”
ศรัณยิ้มฝืนๆ ออกมา ท่าทีผ่อนคลายสบายใจมากขึ้น แพรพรรณมองเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“แล้วพี่ศรัณจะทำยังไงต่อไป”
ศรัณนิ่งคิด แล้วถอนใจออกมา “พี่จะปรับตัวใหม่ ที่ผ่านมาพี่อาจจะเอาใจใส่ดาวน้อยเกินไป จนทำให้ดาวเอนเอียงไปหาคนอื่น พี่จะให้เวลาเขามากกว่านี้”
แพรพรรณไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของศรัณ เพราะจริงๆ แล้วดาวเป็นฝ่ายผิดที่คิดจะมีชู้
“พี่คิดว่าที่ดาวสนใจคุณภาสกร เพราะคุณภาสกรเทคแคร์ดาวดีกว่าพี่งั้นเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง พี่ไปเจอเขามาแล้ว เขาก็ดูไม่ได้มีท่าทีพิเศษกับดาว”
“ก็นั่นน่ะสิ เรื่องนี้พี่ศรัณไม่ได้ผิด แต่ดาวผิด”
ศรัณซึมลง “พี่รู้ว่าดาวเป็นคนเปลี่ยนไป พี่ถึงต้องพยายามมากขึ้นกว่าเดิม ให้ดาวเห็นว่าพี่คือคนที่รักเขามากที่สุด เขาจะได้ไม่หวั่นไหวไปกับคนอื่นอีก พี่ไม่อยากเสียดาวไป”
แพรพรรณถอนใจ ศรัณรู้ว่าดาวไม่ดี แต่ก็ยังไม่ยอมเลิกกัน
“แต่พี่ก็ยังอยากรู้ความเคลื่อนไหวของดาว แพรช่วยเป็นหูเป็นตาแทนพี่ได้ไหม”
แพรพรรณสบตากับศรัณ สีหน้าเนือยๆ ด้วยลึกๆ ยังแอบหวังว่าศรัณจะเลิกกับดาว แต่สุดท้ายศรัณก็ยังไม่เลิก

ฝ่ายดาวกลับมาร่วมกลุ่มกับภาสกรที่กำลังคุยกับครูใหญ่
“สรุปว่าเดือนหน้าคณะของพวกเราจะนำอุปกรณ์การเรียนมามอบให้เด็กๆ นะครับครูใหญ่”

“ขอบพระคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นทางโรงเรียนจะขออนุญาตจัดเลี้ยงอาหารกลางวันกับคณะจักรยานด้วย”
“ยินดีครับ”
ครูใหญ่ยิ้มดีใจ หันไปทางดาว
“ขอบใจนะดาวที่แนะนำคุณภาสกรมาทำบุญกับโรงเรียนของครู”
ดาวอึ้งๆ ไม่รู้เรื่อง เหลือบมองภาสกร เห็นภาสกรสบตามองนิ่งๆ ก็เริ่มเก็ตว่าภาสกรคงอ้างว่าดาวแนะนำมา ดาวยิ่งรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อรู้ว่าภาสกรคงรู้เรื่องส่วนตัวของตน แม้จะไม่รู้ว่า เขารู้ละเอียดแค่ไหน
“ลานะครับครูใหญ่”
ภาสกรและทุกคนไหว้ลาครู แล้วพาทุกคนแยกมา เตรียมกลับ ดาวเดินตัวลีบตามหลัง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับภาสกร
“คุณดาวน่าจะบอกพวกเราตั้งแต่แรกว่าเป็นคนสมุทรสงคราม ว่าแต่แถวนี้มีอะไรอร่อยบ้างครับ เผื่อจะแวะทานก่อนกลับ” วินถาม
เห็นภาสกรมองมาเหมือนรอฟังคำตอบ และจับสังเกต ดาวยิ่งเจื่อน หลบตาเขาตลอดเวลา
“ดาวไม่ค่อยทราบหรอกค่ะ แต่เชิญทุกคนตามสบายนะคะ ดาวขออนุญาตแยกตรงนี้เลย ตั้งใจว่าจะแวะกลับบ้านค่ะ”
“อ้าว ถ้างั้นพวกเราไปเยี่ยมบ้านคุณดาวด้วยเลยดีไหมคะ” หญิง หนึ่งในทีมนักปั่นหันไปถามทุกคน
วินเห็นด้วย พยักพเยิด แต่ภาสกรยังทำหน้านิ่ง ดาวยิ่งร้อนใจ
“เอ่อ วันนี้คงไม่สะดวกค่ะพี่ ที่บ้านกำลังยุ่ง เอาไว้โอกาสหน้านะคะ”

ดาวจูงจักรยานมาถึงหน้าสวนของแม่ แล้วมองเข้าไปด้านใน ตั้งสติก่อนจะจอดจักรยานแล้วเดินเข้าไป โดยไม่รู้ตัวว่า มีสายตาใครบางคนมองดาวที่เดินไป
พอเข้ามาในสวนดาวมองหาสมพร
“แม่! อยู่ในนี้หรือเปล่า”
ดาวเดินมองหาไปทั่ว แต่ยังไม่เห็นสมพร
“ดาวมาเยี่ยมนะแม่”
ดาวมองไม่เห็นสมพรซักที ก็เริ่มหงุดหงิด เดินลึกเข้ามาในสวนเรื่อยๆ และเสียงดังขึ้น
“มัวทำอะไรอยู่ ไม่ได้ยินหรือไง”
ดาวถอนใจหงุดหงิด แล้วเดินต่อ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นร่างสมพรนอนคว่ำอยู่ที่พื้นใต้ต้นไม้
“แม่”
ดาวตกใจ ปราดเข้าไปประคองจับร่างแม่หงายขึ้น พบว่าสมพรหมดสติ หน้าซีดขาว
“แม่ แม่เป็นอะไรไป” หล่อนลูบหน้าแม่ ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ “แม่ได้ยินดาวไหม ตื่นสิแม่”
ดาวร้อนรนหน้าเสีย กลัวแม่ตาย

ดาวพยุงร่างของสมพรที่ค่อยๆ รู้สึกตัว พอมีแรงยืน ออกมาจากสวน ปากก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย มีใครอยู่แถวนี้ไหม ช่วยด้วย”
เสียงคนวิ่งสวบสาบเข้ามาในสวน ดาวเงยหน้ามองแล้วแทบช็อก เพราะคนๆ นั้นคือภาสกร!
“คุณภาสกร”
ภาสกรมองสมพรอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้นดาว”
ดาวหน้าซีดที่ความแตก เพราะสภาพของสมพรยามนี้ ภาสกรต้องมองออกว่าเป็นแค่ชาวบ้านไม่ใช่คุณนายเจ้าของธุรกิจมากมายอย่างที่หล่อนเคยคุยโอ่ไว้ แต่ความห่วงแม่มีมากกว่า นางไม่สนใจอะไรแล้ว
“แม่...แม่ดาว...แม่ดาวเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ค่ะ” ดาวเสียงสั่น

ภาสกรอุ้มสมพรออกมาหน้าสวน ดาวนั่งรถปิคอัพมากับชาวบ้านที่รู้จักกัน แล้วรีบลงจากรถมาช่วยประคองสมพรไปขึ้นกระบะด้านหลัง ภาสกรตามไปนั่ง
“ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเลยนะลุง”
ชาวบ้านรีบขับรถออกไป มีดาว ภาสกรนั่งไปกับสมพรที่กระบะหลัง ดาวจับมือสมพรไว้แน่น ทั้งบีบทั้งนวด น้ำตาพาลจะไหลเพราะห่วงแม่มาก
“แม่ แม่อย่าเป็นอะไรนะ ลืมตามาพูดกับดาวสิ”
ภาสกรมองดูดาวที่ท่าทางเป็นห่วงแม่ รับรู้ว่า ถึงจะโกหกเรื่องฐานะ แต่อย่างน้อยดาวก็ไม่ได้เลวร้ายถึงกับตัดขาดครอบครัว
“ทำใจให้สบายเถอะคุณดาว เดี๋ยวแม่ก็ถึงมือหมอแล้ว”
ดาวเงยหน้าขึ้นสบตาภาสกร ซึ้งใจ กำลังห่วงแม่ จนไม่นึกถึงเรื่องที่โดนจับโกหกได้

หมอออกมาคุยกับดาวและภาสกรหน้าห้อง หลังจากตรวจอาการสมพรแล้ว
“คนไข้คงจะหน้ามืดเพราะทำงานกลางแดดนานเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ระหว่างนี้ให้แกพักผ่อน อย่าเพิ่งทำงานหนักนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาวยกมือไหว้หมออย่างโล่งใจ พอหมอออกไป ก็หันมาเห็นภาสกรมองอยู่
ดาวรู้ว่าถึงเวลาต้องบอกความจริง “คุณภาสคงมีอะไรมากมายที่อยากจะถามดาว”
“ผมอยากรู้แค่อย่างเดียว ทำไมคุณถึงต้องโกหก”
ดาวชะงัก หน้าหมองลงอย่างละอายใจ และเจ็บปวดเมื่อนึกถึงความจริง

“ดาวขอโทษค่ะ”

อีกฟากหนึ่งที่ร้านเสื้อของเก้ ปัญชลีนั่งดูเก้ที่กำลังแก้ชุดสวยบนราวแขวนในร้าน ถือเข็มกลัดไว้ในมือหลายเล่ม เลยลุกขึ้นช่วย

“วันนี้พี่ลีมาขลุกอยู่กับผมทั้งวัน พี่ภาสไม่งอนเหรอครับ” เก้ถามขึ้น
“ภาสไปกับแก๊งจักรยาน”
“แล้วดาวไปด้วยหรือเปล่าครับ” เก้หยั่งเชิง
ปัญชลีนิ่ง พยายามไม่ระแวง “พี่ไม่ได้ถาม แต่คิดว่าคงไปด้วย พี่ไม่อยากเซ้าซี้ภาสเรื่องนี้น่ะเก้ พี่จะพยายามเชื่อใจเขา”
เก้ยิ้มชื่นชม “พี่ลีทำถูกแล้วครับ”
ปัญชลียิ้มตอบ แต่ข้างในก็ยังระแวงอยู่ลึกๆ

เวลาเดียวกันนั้น ดาวนั่งคุยกับภาสกร สารภาพหมดเปลือก เพราะจนมุม สีหน้าเศร้า แต่จริงใจทุกคำ
“ครอบครัวดาวเคยมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ แต่พอพ่อตายไป พวกญาติๆ ก็มารุมทึ้งผลประโยชน์ไปจากเรา อาศัยความไม่รู้กฎหมายของหมายของแม่ หลอกให้แม่เซ็นยกสมบัติของพ่อให้พวกเขาไปจนหมด ทำให้ดาวกับแม่เหลือแต่ตัว แต่ดาวไม่กล้าบอกใครว่าครอบครัวที่แท้จริงของดาวเป็นยังไง ดาวกลัวพวกเขาจะรังเกียจ โดยเฉพาะคนที่สถานี”
“คนที่สู้กับความลำบากจนขึ้นมาถึงจุดที่คุณยืนอยู่ได้ ไม่มีทางจะถูกรังเกียจหรอกคุณดาว มีแต่คนจะยกย่อง เพราะมันแสดงว่าคุณมีความมุ่งมั่น คนที่ไม่ยอมรับอดีตของตัวเองต่างหากคือคนที่น่ารังเกียจ”
ดาวฟังแล้วยิ่งสะเทือนใจ ภาสคงนึกรังเกียจหล่อน ดาวไม่มีอะไรจะแก้ตัว นอกจากระบายความอัดอั้นออกมา
“ดาวโง่เองค่ะ โง่ที่ไม่กล้าเอาความจริงมาเสี่ยงกับความฝัน ดาวกลัวว่าถ้าดาวไม่ปั้นแต่งประวัติตัวเองใหม่ ดาวก็อาจจะไม่ได้รับโอกาสจากใครเลย สำหรับเด็กคนหนึ่งที่กำลังต้องการโอกาส ดาวต้องเลือกทางออกที่ดีที่สุด
“แต่การไม่พูดความจริง มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่ดี”
ภาสกรมีท่าทางรับไม่ได้ แต่พอเห็นดาวจ๋อยก็ใจอ่อน
ภาสกรผมไม่ได้ตำหนิคุณ แต่ผมสอนคุณในฐานะที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า ถ้าคุณโกหกใคร ก็แปลว่าคุณไม่มีความจริงใจให้คนๆ นั้น และคนที่ไม่จริงใจกับใคร ก็จะไม่มีที่ยืนในที่สุด
ดาวซึมเถียงไม่ออก ภาสกรไม่อยากพูดต่อให้ดาวรู้สึกแย่ โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“คนรถผมคงมาถึงแล้ว ผมต้องขอตัวกลับก่อน ขอให้แม่คุณหายเร็วๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะ” ดาวไหว้สีหน้าเศร้า
ภาสกรเดินออกไป ดาวเงยหน้ามองตาม สายตาเศร้าสลด พ่ายแพ้ แล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้

ดาววิ่งตามตามภาสกรออกมาหน้าโรงพยาบาล
“คุณภาสกรคะ ดาวขออยู่กับแม่อีกวัน แล้ววันจันทร์ดาวจะไปยื่นใบลาออกนะคะ”
ภาสกรหยุดเดิน หันมามอง สีหน้าดาวตอนนี้รู้สึกผิดจริงๆ เหมือนยอมตัดใจว่าจะยอมแพ้ เพราะอยู่ไปก็รังแต่จะถูกภาสกรรังเกียจ
“ดาวขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง และสิ่งที่คุณภาสกรสอน ดาวจะจำไว้ค่ะ”
“ถ้าคุณจะลาออกเพราะรู้สึกผิด ผมไม่เห็นด้วย”
ดาวชะงัก มองหน้าภาสกรอย่างแปลกใจ
“อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้ตำหนิคุณเพราะความโกรธ ผมเข้าใจเหตุผลของคุณ แต่ก็อยากให้คุณเปลี่ยนทัศนคติใหม่ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ค่อยๆ แก้ไขให้มันถูกต้อง”
ดาวจิตตกนอยด์ไปหมด “แต่ยังไง ดาวก็คงถูกคุณวิไลลักษณ์ไล่ออกอยู่ดี”
ภาสกรนิ่ง รู้ว่าดาวพูดถูก วิไลลักษณ์ต้องโกรธมากที่รู้ว่าโดนหลอก แต่ก็ไม่อยากให้ดาวหมดอนาคต มันแรงไป
“เราค่อยๆ แก้ปัญหาไปก็ได้”
ดาวอึ้ง แทบไม่เชื่อหู เพราะภาสกรพูดเหมือนจะให้โอกาสแก้ตัว จะช่วยเหลือ
“หมายความว่าคุณภาสกร...”
“ยังไงคุณก็คือบุคลากรของ Thai KK ที่มีความสามารถ ผมคงเสียดายถ้าเราจะไม่ได้ร่วมงานกัน”
ดาวอึ้ง แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ซึ้งใจเหลือเกิน ภาสกรไม่ได้รังเกียจเธออย่างที่คิด ยังให้โอกาสแก้ตัว

ดาวกลับมาที่ห้องแม่ ท่าทีสบายใจขึ้นเมื่อยังไม่ตกงาน สมพรตื่นพอดีมองเห็นลูกก็ดีใจ ยิ้มเซียวๆ ให้
“ดาว”
“ตื่นแล้วเหรอแม่”
ดาวเข้าไปหา เห็นสมพรทำท่าจะลุกก็ปรับเตียงให้ แม้จะใส่ใจแม่กว่าแต่เก่าก่อน แต่ก็ไม่ได้เอาใจอะไรมากมาย เป็นห่วงที่ป่วย แต่พอเห็นแม่ไม่เป็นไรแล้ว ก็กลับมาเป็นดาวคนเดิมที่เริ่มขวางหูขวางตากับสภาพซอมซ่อ และท่าทีของแม่
“แม่กลับบ้านได้หรือ”
“จะกลับได้ยังไง หมอเขาอยากดูอาการแม่ก่อน” ดาวถอนใจอย่างหงุดหงิด “ทำไมแม่ไม่ห่วงตัวเองเลย อยู่ตัวคนเดียวก็ยังทำงานหนัก นี่ถ้าวันนี้ดาวไม่กลับมา ไม่มีใครเห็นแม่เป็นลมอยู่ตรงนั้น แม่ก็คงตายไปแล้ว” หล่อนเผลอปากพูดแรงโดยไม่ตั้งใจ
สมพรจ๋อยลง ไม่อยากเถียงลูก ดาวยิ่งหงุดหงิด ลึกๆ ก็เพราะห่วง แต่แสดงออกกับแม่แบบนี้จนเคยชิน
“เงินที่ดาวให้ทุกเดือนมันไม่พอใช้หรือไงแม่”
สมพรรีบตอบ “พอลูก แม่ไม่ได้ใช้เลยซักบาท ดาวให้มาแม่ก็เอาเข้าธนาคารไว้ให้”
“เงินนั่นเป็นของแม่”
“แม่ไม่ใช้หรอก แม่ยังมีแรงเลี้ยงตัวเองได้” สมพรยื่นมือเหี่ยวๆ ของคนกรำงาน มาลูบหน้าดาวอย่างรักใคร่ “ดาวทำงานเหนื่อยแทบขาดใจกว่าจะได้เงินมา ก็ควรจะเอาไว้ใช้จ่าย ไม่ต้องมาให้แม่”
สมพรลูบหัวลูบหน้าดาวด้วยความรัก ความภูมิใจล้นออกมาจากตา
ดาวตื้นตันใจเหมือนกันที่แม่เห็นความสุขของดาวมากกว่าตัวเอง ท่าทีอ่อนลงบ้าง
“งั้นแม่ก็จ้างคนงานมาช่วยลงสวน แม่ทำคนเดียวไม่ไหวหรอก”
“ไม่เอาหรอกลูก เปลืองเงิน แม่ยังทำไหวอยู่ แค่หน้ามืดนิดๆ หน่อยๆ กินยาหอมมันก็หายทุกที ดาวไม่ต้องห่วงแม่นะ”
สมพรพยายามจะยิ้มให้ลูกสบายใจ ดาวถอนใจที่แม่ดื้อ แต่ก็เป็นห่วง อยากให้มีคนมาดูแลแม่ ฉุกใจนึกถึงศรัณขึ้นมา

ที่บ้านหิรัญกุลเย็นวันเดียวกัน
วิไลลักษณ์ลงบันไดมา แต่งตัวเหมือนกำลังจะเดินทาง มีสาวใช้หิ้วกระเป๋าเดินทางตามมา
“ภา พ่อเรากลับมาหรือยัง”
“คุณพ่อบอกว่ารถติดบนทางด่วนค่ะ อีกประมาณยี่สิบนาที ส่วนพี่ภาสเพิ่งถึงพระรามสอง”
วิไลลักษณ์ดูนาฬิกา “งั้นแม่ไม่รอละ เดี๋ยวไม่ทันไฟลท์ ภาว่างอยู่ใช่ไหม ขับรถไปส่งแม่ที”
วิไลลักษณ์รีบร้อนออกไปรอหน้าบ้าน ภาสุรีรีบตามออกไป

สาวใช้เปิดประตูรถให้วิไลลักษณ์ขึ้นนั่ง ยกเก็บกระเป๋าขึ้นท้ายรถเรียบร้อย
ภาสุรีไขกุญแจสตาร์ตรถ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเบลอ เวียนหัวขึ้นมา มองออกไปหน้ารถ เห็นพื้นโคลงไปมา เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาการไม่ดีอีกแล้ว พยายามหลับตา ตั้งสติ พอลืมตาขึ้นมาอาการก็หายไป วิไลลักษณ์ปิดประตูรถ
“ไปเถอะภา”
“ค่ะ”
ภาสุรีพยายามตั้งสติ สตาร์ตรถอีกครั้งแล้วขับรถออกไป วิไลลักษณ์มองกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเอง พอละสายตาก็เห็นรถพุ่งเข้าหารั้วบ้าน และโดนกระถางต้นไม้ประดับไปเต็มๆ
“ว้ายภา ระวัง” วิไลลักษณ์ตกใจสุดขีด
ภาสุรีเหมือนได้สติ รีบหักหลบ เสียงดังโครมใหญ่ พวกสาวใช้ตกใจ รีบวิ่งมา ภานุขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“คุณแม่ พี่ภา”
ภานุจอดรถรีบวิ่งตรงมาหาแม่กับพี่สาว เห็นรถจอดเกยอยู่กับกระถางต้นไม้ที่แตก แต่ตัวรถไม่ได้เสียหายเพราะยังไม่ทันพุ่งชนกำแพง
สาวใช้ประคองวิไลลักษณ์ที่ตื่นตกใจออกมา วิไลลักษณ์รีบหันไปดู ภาสุรีที่ภานุพยุงออกมา
“ภา เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
ภาสุรีตกใจ ตัวสั่นสะท้าน “ไม่เป็นไรค่ะ แต่เมื่อกี้อยู่ภาก็เวียนหัว คุมรถไม่ได้”

ร่างภาสุรีอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของน้องชายที่ประคองพาเข้าบ้านไป

อ่านต่อหน้า 2

สื่อริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)

ปัญชลีรู้ข่าวรีบรุดมาเยี่ยมถึงบ้าน กำลังเดินเข้ามาในห้องนอนชั้นบน หลังหมอประจำตระกูลเพิ่งกลับไป เห็นภาสกรกับโอภาสนั่งอยู่เป็นเพื่อนภาสุรีที่นอนซม แต่ยังไม่หลับ

“ภา เป็นยังไงบ้าง”
“ก็โรคเดิมน่ะ บ้านหมุน เวียนหัวไปหมด คราวนี้เลยโดนจับตรวจจนได้”
“แล้วหมอว่าไงบ้างคะภาส”
ภาสกรมีสีหน้าอึดอัด ไม่ค่อยอยากพูดตอกย้ำให้ภาสุรีกังวล
“หมออยากให้ภาพักงานไว้ก่อน เพราะอาการแบบนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นหลายโรค แต่คงต้องรอสแกนสมองถึงจะสรุปได้ว่าป่วยเป็นอะไร”
ภาสุรียิ้มเศร้า “อย่างร้ายที่สุดก็โรคสมองเสื่อมน่ะ”
ปัญชลีตกใจเมื่อได้ยิน แต่รีบเก็บอาการ กลัวภาสุรีใจเสีย
โอภาสปลอบลูกสาว “อย่าเพิ่งคิดไปไกลสิลูก”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกภา พักผ่อนหน่อยก็ดีนะ เธอทำงานหนักเกินไปจริงๆ”
ปัญชลีแตะแขะภาสุรีอย่างให้กำลังใจ ภาสุรีรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

ภาสกรกับโอภาสออกมาคุยกับปัญชลี ปล่อยให้ภาสุรีนอนพัก
“คุณแม่ไปประชุมที่นิวยอร์ก ทีแรกจะเปลี่ยนใจไม่ไป แต่ผมเห็นว่าเราเป็นสถานีเดียวของไทยที่เขาเชิญมา ก็เลยหว่านล้อมให้คุณแม่ไปเป็นตัวแทน”
“แต่ทางนี้ก็ต้องมีคนทำงานแทนภาเหมือนกัน พ่อก็เลยคุยกับภาสกับภา ว่าจะให้ลีช่วยดูแลรายการทั้งหมดแทนไปก่อน”
ปัญชลีพยักหน้ารับรู้ เต็มใจช่วย
“แล้วภาสล่ะคะ”
“ผมจะช่วยดูด้วย แต่บางรายการที่ลีถนัด ลีก็ดูแลไป”
“วานทีนะลูก”
“ค่ะคุณพ่อ”
ภาสกรสบตากับโอภาส เหมือนเตี๊ยมกันอยู่ในที เพราะยังไม่ได้กล่อมปัญชลีเรื่องดาว
“ส่วนเรื่องพิธีกรร่วมของลี พ่อคิดว่าให้ดาวนั่งคู่ไปก่อน ลีคงไม่มีปัญหาใช่ไหม”
ปัญชลีพูดไม่ออก ไม่กล้าขัดใจโอภาส เพราะเป็นคนที่เธอเกรงใจมากที่สุด

เวลาเดียวกัน ดาวนั่งคุยกับศรัณที่รีบกลับมาสมุทรสงครามทันทีหลังจากรู้เรื่อง
“ดาวน่าจะบอกพี่ตั้งแต่กลางวัน พี่จะได้รีบมา”
ดาวโกหก “ดาวอยู่ในโรงหนังค่ะตอนที่ข้างบ้านโทร.มาบอกว่าแม่ป่วย ดาวร้อนใจมากเจ๊ตุ่นก็เลยอาสาขับรถมาส่ง”
“น้าสมพรโอเคแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” ดาวบีบน้ำตาทันที “พี่ศรัณ ดาวกลัว”
พูดจบดาวก็โผเข้ากอดศรัณ สะอึกสะอื้นเป็นการใหญ่
“ตอนที่ดาวมาเห็นแม่ในสภาพนั้น ดาวตกใจมาก กลัวแม่จะตาย มันเหมือนฝันร้ายเลยพี่ศรัณ”
ศรัณกอดดาวไว้ด้วยความสงสาร “ไม่เป็นไรนะดาว”
“ดาวเป็นห่วงแม่ค่ะ ไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียวแบบนี้เลย แต่ดาวก็ต้องทำงาน ดาวฝากพี่ศรัณดูแลแม่หน่อยนะคะ”
ดาวกอดศรัณแน่น ออดอ้อน
“ถึงดาวไม่ฝาก พี่ก็ต้องดูแลน้าสมพรอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”
ศรัณลูบหัวดาวอย่างเห็นใจ ดาวซ่อนสีหน้าพอใจ ที่ยึดโยงศรัณไว้ที่สมุทรสงครามได้ในที่สุด

ปัญชลีทาครีมอยู่หน้ากระจกห้องนอน บ่นกับภาสกรอาบน้ำเปลี่ยนชุด เข้ามาเลิกผ้าคลุมเตียงนอน
“ภาสให้คุณพ่อมัดมือชกลี”
“ไม่ใช่นะลี แต่ผมกับคุณพ่อเห็นว่าดาวน่าจะทำงานเข้าขากับลีที่สุด”
“ฮึ เข้าขาเหรอคะ ทั้งที่ลีเกลียดขี้หน้าเด็กนั่น”
ภาสกรเข้ามาโอบปัญชลีเอาใจ
“แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าลีคู่กับคุณศินีนาฏใช่ไม่เหรอคะ ลีเคยบอกผมว่าเขาไม่ทำการบ้าน แต่ดาวพอเป็นงานแล้วเขาก็ดูคล่องแคล่วฉะฉานดี”
ปัญชลียอมรับว่าดาวทำได้ดีกว่าศินีนาฏ เลยไม่อยากเถียง
“เอาเถอะค่ะ ตอนนี้สถานีวุ่นวายมากพอแล้ว ลีไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่ม ถ้าภาสจะให้ดาวนั่งคู่กับลีต่อไปก็ได้”
ภาสกรยิ้มสบายใจ หอมแก้มปัญชลีเต็มแรง พูดเสียงอ้อน
“ขอบใจนะจ๊ะ”
“แต่อย่าให้เด็กนั่นล้ำเส้นลีก็แล้วกัน”
ปัญชลีส่งสายตาขู่ทีเล่นทีจริง ภาสกรกอดคนรักไว้เต็มวงแขน ปัญชลีอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา

อีก 2 วันต่อมา ภาพในจอทีวีที่ห้องทำงานภาสกร เห็นปัญชลีจัดรายการกับดาวปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พบกันใหม่วันพรุ่งนี้นะคะ สวัสดีค่ะ”
ปัญชลีกับดาวไหว้ลาผู้ชม
ภาสกรดูรายการอยู่ในห้องตัวเอง สัญญาณ face time ดัง ภาสกรกดรับ
“ครับคุณแม่”

วิไลลักษณ์โทร.จากนิวยอร์ค ตอนกลางคืน คุย face time กับลูกชาย
“เป็นยังไงบ้างภาส ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมลูก แฟนเราก่อพยศขึ้นมาอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ ราบรื่นดี”
“ถ้าพูดง่ายๆ แบบนี้ก็ดี แม่จะได้หมดห่วง อีกสามวันแม่กลับนะจ๊ะ”
วิไลลักษณ์วางสายไป ภาสกรจะทำงาน แต่มีสายจากเลขาเข้ามา เลยกดรับ
“คุณภาสกร คุณดาวขออนุญาตเข้าพบค่ะ”
ภาสกรชะงัก สงสัยว่าดาวมีอะไรอีก “เชิญเข้ามา”
ภาสกรกดตัดสาย ขณะที่ดาวค่อยๆ เปิดประตูเข้ามา ในมือมีกระเช้าผลไม้จัดอย่างสวยงาม
ดาวท่าทางเกรงใจ “สวัสดีค่ะ”
“เชิญนั่งครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ แม่ดาวฝากผลไม้ที่สวนมาให้คุณภาสกรน่ะค่ะ แล้วก็ฝากขอบคุณที่คุณภาสกรยังให้โอกาสดาวได้ทำงานต่อ”
“บอกแล้วไงว่าผมยินดีที่จะร่วมงานกับคุณอยู่แล้ว ยังไงก็ขอบคุณนะครับ”
ดาวยิ้มปลื้ม สบายใจขึ้น แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไป ยังอยากมีโมเมนต์ตามลำพังกับเขาอีกนานๆ
“แต่ก็หวังว่าคุณจะเก็บคำพูดของผมไปใช้ให้เป็นประโยชน์”
“ค่ะ ดาวสัญญา”
ดาวนั่งโปรยยิ้ม อยากให้ภาสกรยิ้มตอบ หรือพูดให้แรงใจอีก แต่ภาสกรดูไม่สนใจ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขออนุญาตทำงานต่อนะ เชิญครับคุณดาว”
ภาสกรลุกขึ้นผายมือไปที่ประตู ดาวเหวอๆ แล้วจำต้องออกไปจากห้อง

ดาวเดินลงบันไดมาจากชั้นผู้บริหารอย่างเซ็งๆ เพราะอยากใกลชิดกับภาสกรต่อ แพรพรรณเดินมาจากทางหนึ่ง เห็นดาวลงมาจากข้างบนก็พอจะรู้ว่าดาวไปไหนมา
“ขึ้นไปหาใครมาเหรอดาว”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ดาวเชิดใส่ จะเดินไป แพรพรรณคว้าไหล่ไว้
“พี่ศรัณรู้เรื่องแล้วนะว่าเธอคิดจะทำอะไร อย่าทำให้เขาเสียใจมากไปกว่านี้ เพราะเขารักเธอมาก”
ดาวยัวะหันมาเผชิญหน้าแพรพรรณ แล้วแค่นยิ้ม
“เก็บประโยคสุดท้ายไว้เตือนใจตัวเองดีกว่านะแพร จะได้ไม่ต้องหวังลมๆ แล้งๆ อีก”
ดาวเหยียดยิ้ม แล้วเอามือปัดไหล่ข้างที่แพรพรรณจับ ก่อนจะเดินเชิดจากไป
แพรพรรณมองตาม เอือมระอาต่อพฤติกรรมของดาวมากกว่าโกรธ

ในที่ประชุม ปัญชลีผลักแฟ้มโปรไฟล์แขกรับเชิญคืนไปทางศินีนาฏ
“แขกรับเชิญที่เลือกมาใช้ไม่ได้ซักคน ไปหามาใหม่”
“จะหาทันได้ยังไง มะรืนนี้ชั้นก็ต้องอัดเทปแรกแล้ว”
“นั่นมันเป็นปัญหาของเธอ” ปัญชลีเปิดอ่านโปรไฟล์ของรายการ “คอนเซปท์รายการคือพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับผู้หญิงเก่งที่มีโปรไฟล์น่าสนใจ แต่แขกรับเชิญที่เสนอมา ชั้นไม่เห็นว่าจะเก่งตรงไหน มีแต่พวกไฮโซที่ไม่ได้ทำงาน แต่อาศัยเงินของครอบครัวหรือไม่ก็สามี เอามาช้อปปิ้งแต่งสวย ทำตัวฟู่ฟ่าไปวันๆ มันให้อะไรกับผู้ชมตรงไหน”
ลูกน้องศินีนาฏนั่งเงิบ เพราะโง่กันทั้งทีม แต่ศินีนาฏไม่ยอมแพ้
“ชั้นก็พาผู้ชมไปดูไลฟ์สไตล์คนรวยๆ ให้เขาเกิดแรงบันดาลใจดิ้นรนทำงานให้ตัวเองรวยๆ ไง”
“มันมีวิธีสร้างแรงบันดาลใจที่ดีกว่าเอาคนมาอวดว่ามีบ้านกี่หลัง รถยนต์กี่คัน กระเป๋ากี่ใบ แบบนี้มันไม่ได้อะไรนอกจากสนับสนุนความอยากได้อยากมี เห็นดีเห็นงามไปกับพวกวัตถุนิยม”
ศินีนาฏชักฉุน “ถ้าคิดว่ามีไอเดียที่ดีกว่าชั้นก็เสนอมาสิ”
“ในเมื่อดิ้นรนอยากมีรายการเธอก็ต้องคิดเองให้ได้ ถ้าคิดไม่ออกก็ยุบรายการไป ดีกว่าทำออกมาสั่วๆ ให้คนด่าไปถึงสถานี”

ศินีนาฏมาระบายที่ห้องแต่งตัว เม้าท์ให้ตุ่นกับดาวฟังด้วยความแค้นใจ ดาวฟังเก็บข้อมูลไปเงียบๆ ไม่พยายามออกความเห็น
“นังจิ้งจอกบ้าอำนาจ พอได้ทีละก็ถล่มชั้นซะเละเทะ”
“คงเจ็บใจที่เขี่ยคุณศิออกจากช่องไม่ได้ แถมยังได้จัดรายการของตัวเองด้วย ก็เลยคิดจะขัดขาคุณศิไม่ให้ได้เกิดไงล่ะคะ” ตุ่นบอก
“ถ้ามันขัดขาชั้น ชั้นก็ขัดขามันบ้าง”
“คุณศิจะทำยังไงคะ ตอนนี้อำนาจพิจารณารายการอยู่ในมือยัยปัญชลีคนเดียว เพราะคุณภาป่วย”
ดาวตกข่าวถึงกับหูผึ่ง สนใจขึ้นมาทันที

“คุณภาสุรีป่วยอีกแล้วเหรอคะ”

ปัญชลีประชุมทีมรายการถามตรงฯ หลังทีมรายการศินีนาฏออกไปแล้ว

“ถ้างั้นก็สรุปตามนี้ ท็อปคอนเฟิร์มกับแขกรับเชิญ แพรกับภานุไปรับแล้วพามาที่สถานีให้ตรงเวลา”
ทุกคนรับคำกระตือรือร้น ปัญชลีเก็บเอกสาร เตรียมจะออกไปกับท็อป แพรพรรณนึกได้
“เอ่อ คุณปัญชลีกับพี่ท็อปจะไปเยี่ยมคุณภาใช่ไหมคะ”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
“ถ้าคุณปัญชลีไม่ว่าอะไร แพรอยากจะขอไปเยี่ยมด้วยน่ะค่ะ”
ภานุสะดุ้ง คาดไม่ถึงว่าแพรพรรณจะไปบ้าน
ปัญชลีพยักหน้าอนุญาต “เอาสิ”
แพรพรรณหันไปหาภานุที่ยืนเอ๋ออยู่
“นายก็ไปด้วยนะ”
ภานุตกใจ “เฮ้ย ไม่ไป”
แพรพรรณเสียงเขียว “น่าเกลียด คุณภาเป็นเจ้านายเรา”
ภานุเหวอ มองปัญชลีเพื่อขอความช่วยเหลือ ปัญชลีเพิ่งนึกได้ว่าแพรพรรณไม่รู้ว่าภานุเป็นน้องภาสุรี
“ไม่เป็นไรหรอก เอาตามสะดวกก็แล้วกัน”
“ไม่ได้ค่ะ แพรขออนุญาตหนีบนายนี่ไปด้วยดีกว่า เดี๋ยวตอนไปรับแขกรับเชิญจะได้ไปพร้อมกัน ไม่งั้นนายภานุเลตแน่ๆ”
ภานุอยากจะบ้า

แพรพรรณกับท็อปเดินลิ่วออกจากห้องประชุมไปก่อน ภานุหน้าเสียตามหลัง หยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทร. ปัญชลีเดินตามออกมาเรียก
“ภานุ พี่ว่าเธอบอกทุกคนไปเถอะว่าเธอเป็นใคร จะได้ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับพี่ลี ผมอยากให้ทุกคนคุ้นเคยกับนายภานุที่คนธรรมดาก่อน เราจะได้รู้จักนิสัยใจคอของกันและกัน พอถึงเวลาที่บทบาทผมต้องเปลี่ยนไป ทุกคนจะได้ยังสนิทใจ ไม่รู้สึกว่าผมเป็นเจ้านายที่เขาเข้าไม่ถึง”
ปัญชลีเข้าใจเหตุผลของภานุ นิ่งไป ภานุรีบกดโทรศัพท์ไปหาแม่บ้าน แล้วรีบร้อนอกไป
“ฮัลโหล พี่แจ่ม บอกทุกคนนะ ให้ช่วยกันเก็บรูปของผมที่อยู่ในบ้านทุกใบ...ยังไม่ต้องถามว่าทำไม ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
ภานุรีบร้อนออกไป ปัญชลีส่ายหน้าทั้งขำและเห็นใจ

ปัญชลีขึ้นรถกับท็อปที่หน้าสถานี ท็อปหันมาถามแพรพรรณ
“ไปด้วยกันเลยไหมแพร”
“ไม่เป็นไรค่ะ แพรไปกับนายภานุดีกว่า กลัวนายนั่นจะชิ่ง”
ท็อปพยักหน้าขึ้นรถปัญชลีออกไป
ภานุขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอด ส่งหมวกกันน็อคให้พรรพรรณ อีกฝ่ายนึกได้ ตกใจ
“เฮ้ย ชั้นลืมถามทางไปบ้านคุณภาจากพี่ท็อป”
ภานุลืมตัว “ผมรู้ทางน่า ขึ้นรถเถอะ”
แพรพรรณชะงัก “ฮะ นายรู้ได้ไง เคยไปเหรอ”
ภานุอึ้ง รู้ตัวว่าหลุด รีบแถ
“เอ้อ ก็...เคยไปเอาเอกสารให้คุณภาสกร เร็วๆ น่ะ จะไปไหมเจ๊”
ภานุติดเครื่อง แพรพรรณเลยต้องรีบขึ้นซ้อนท้าย
“จับดีๆ นะ จะซิ่งแล้ว”
ภานุแกล้งออกตัวแรงๆ แพรพรรณผวา รีบกอดเอวเขาแน่น ภานุอมยิ้ม

ปัญชลี แพรพรรณ ภานุ และท็อปเข้ามาในโถงบ้าน สาวใช้ถือถาดใส่แก้วน้ำออกมาต้อนรับ พลางเหลือบมองภานุ ทายาทคนเล็กของบ้านหิรัญกุลขยิบตาว่าไม่ให้ทัก
“คุณภาสุรีพักผ่อนอยู่ด้านบนค่ะ” สาวใช้บอก
“ข้างนอกนั่นรถใครเหรอ”
“รถดาวเองค่ะ”
ทุกคนมองไปทางเสียง เห็นดาวเดินลงมาจากชั้นบน ท่าทางคุ้นเคยที่นี่ เล่นเอาทุกคนประหลาดใจไปตามๆ กัน
“ดาวไม่ทราบว่าจะมาเยี่ยมคุณภากัน ไม่งั้นจะชวนมาพร้อมกัน”
ปัญชลีชักสีหน้าไม่ชอบใจ มาเสนอหน้าอะไรที่นี่ ดาวไม่สน หันไปหาสาวใช้ทื่ถือถาดชาที่ตัวเองวานให้ไปชง
“จะเอาไปให้คุณภาใช่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวชั้นเอาไปเอง” พลางหันมาบอกปัญชลี “เชิญค่ะพี่ลี”
ดาวถือถาดเดินนำขึ้นไป ทำตัวเป็นเจ้าบ้านสุดฤทธิ์
ปัญชลีหมั่นไส้ ส่วนแพรพรรณกับท็อปมองตากันอึ้งๆ ว่าดาวเข้านอกออกในบ้านนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไร

ภาสุรีนอนพักอยู่บนเตียง ยิ้มเนือยๆ ให้คนที่มาเยี่ยม สายตาไปสะดุดกับภานุที่ส่งยิ้มเขินๆ มาให้พี่สาว ดาวเข้าไปประจบภาสุรี
“เพื่อนดาวแนะนำชาสมุนไพรมา บอกว่าทานแล้วคุณภาอาจจะรู้สึกดีขึ้น ลองทานดูหน่อยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ดาวประคองภาสุรี ให้จิบชา ท่าทางสนิทสนม ปัญชลีมองอย่างจับผิด ดาวรู้ตัวหันมายิ้มให้
“จริงๆ ไม่ต้องมาเยี่ยมกันเยอะก็ได้ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็จะกลับไปทำงาน”
“ชั้นเอาสรุปการประชุมรายการต่างๆ มาให้อ่านด้วย เผื่อว่าภามีความคิดเห็น จะได้เอาไปแจ้งกับทีมงานรายการ”
ท็อปส่งแฟ้มให้ภาสุรี ดาวยังคงนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่
“พวกชั้นจะคุยเรื่องงาน คนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องอยู่ก็ได้นะ”
ปัญชลีปรายหางตามองไปยังดาว อีกฝ่ายรู้สึกตัว ฝืนยิ้มแล้วลุกออกไป
เมื่อออกมาหน้าห้อง ดาวมองเข้าไปในห้องตาคว่ำอย่างหมั่นไส้
“มีความลับอะไรนักหนา ไม่เห็นอยากจะรู้เลย”
ดาวเบ้ปากเดินออกไป แล้วชะงักมองดูบ้าน ใจนึกอยากดูห้องนอนภาสกร

ดาวแอบเดินสำรวจห้องต่างๆ มาเรื่อยๆ ดูการออกแบบตกแต่งที่หรูหราด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ดาวถือหันรีหันขวางแล้วถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปสำรวจห้องนอนห้องหนึ่ง พยายามมองดูรอบๆ ว่าเป็นห้องภาสกรหรือเปล่า ไม่เท่านั้นหยิบข้าวของมาดู เพราะย่ามใจว่าไม่มีคนเห็น
“ไม่น่าใช่ห้องคุณภาส”
ดาวออกมาจากห้อง แล้วเดินดูต่อ มาหยุดอยู่อีกห้อง หันซ้ายหันขวา แล้วเปิดประตูชะโงกเข้าไป

ด้านภาสุรีคุยงานกับปัญชลีและทีมงาน ภานุนั่งอยู่เฉยๆ ก็ลุกขึ้น
แพรพรรณกระซิบถาม “จะไปไหน”
“ไปห้องน้ำ จะตามไปช่วยจับมั้ย” ภานุกระซิบตอบ
“อีตาบ้า”
แพรพรรณทุบหลังภานุ ภานุยิ้มเผล่ แล้วลุกออกไป

ดาวเปิดประตูเข้ามาในห้องหนึ่ง แต่ห้องนี้รูดม่านสนิทเลยมองอะไรไม่ชัด นอกจากเห็นของแต่งห้องที่พอมองเห็นรางๆ ว่าเป็นห้องผู้ชาย
“หรือว่าคุณภาสอยู่ห้องนี้”
ดาวหันไปหาสวิทช์เปิดไฟสว่างขึ้น แต่ยังไม่ทันหันกลับมา ภานุก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“เฮ้ย ดาว คุณเข้ามาทำอะไร”
ดาวยังตกใจอยู่ กลัวโดนจับได้ว่าทำตัวไร้มารยาท เลยพูดอะไรไม่ออก
จังหวะนี้ภานุเหลือบไปเห็นรูปถ่ายตัวเองตั้งอยู่บนโต๊ะเยื้องด้านหลังดาวไป ประมาณว่าหากหันไปก็เห็น ชายหนุ่มตกใจ รีบแทรกตัวเข้าห้อง แล้วยืนขวางดาวไว้
“ออกไปเลยนะคุณ คุณเข้ามาในนี้ไม่ได้”
ภานุพูดพลางถดตัวถอยหลังไปที่โต๊ะ เอามือซ่อนไว้ด้านหลังแล้วรีบพลิกรูปถ่ายลงบนโต๊ะเนียนๆ โดยดาวไม่สังเกตเห็น
ดาวงงๆ ว่าภานุเป็นอะไร แต่ก็นึกได้ว่า ภานุเองก็ไม่ใช่เจ้าของบ้านเหมือนกัน
“แล้วนายล่ะ ถือวิสาสะอะไรเข้ามาในนี้”
“เอ่อ ผม...”
“ทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของบ้าน มีสิทธิ์อะไรมาไล่ชั้น”
ภานุไม่อยากให้ดาวอยู่ในห้องนาน กลัวความจะแตก รีบเข้าไปดึงมือดาว
“เราก็พอกันนั่นแหละ ออกมาเร็ว”
“ปล่อยชั้น อย่ามาจับชั้น”
ดาวโวยลั่นสะบัดมืออย่างไม่พอใจ โอภาสได้ยินเสียงเอะอะ ชะโงกหน้าเข้ามา
“มีอะไรกัน” พอเห็นภานุก็ชะงัก “อ้าว”
ภานุรีบยกมือห้ามไม่ให้โอภาสทัก โอภาสยั้งปากไว้ทัน
“หนูดาว มาทำอะไรตรงนี้”
ดาวอึกอัก “ดาว...ดาวเดินหาห้องน้ำน่ะค่ะ”
ภานุรีบอ้าง “ผมก็เดินหาห้องน้ำเหมือนกันครับ”
ดาวหันไปมองภานุตาเขียวไม่พอใจ
“ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น หรือจะไปเข้าด้านล่างก็ได้ ตามสบายนะ”
ดาวหน้าเจื่อน รีบเดินเลี่ยงออกไป โอภาสมองหน้าภานุเป็นเชิงถาม
ภานุกระซิบบอกพ่อ “ไม่มีอะไรครับคุณพ่อ แค่เกือบโป๊ะแตก ฝากด้วยนะครับ”
จากนั้นภานุยัดกรอบรูปใส่มือโอภาสแล้วรีบตามดาวไป

โอภาสเชิญทุกคนกินของว่างในห้องพักผ่อน นั่งคุยกันไป ปล่อยให้ภาสุรีพักผ่อนอยู่ข้างบน
“รายการคืนนี้ลีเชิญใครมาเหรอ พ่อจะรอดู”
“น้องปุยฝ้ายค่ะที่ไปได้ตำแหน่งนางงามสิ่งแวดล้อมโลกจากฮ่องกง น้องจะบินกลับวันนี้ เราจะไปรับตัวที่สนามบินมาเข้ารายการเลย”
โอภาสพยักหน้า “ดีนะ น่าสนใจ คนในกระแสแบบนี้ทุกรายการคงต้องแย่งตัวกันไปออก ใครได้ไปเป็นคนแรกก็ได้เปรียบเพราะยังไม่ช้ำ”
ดาวก้มหน้ากินของว่าง แต่ฟังไปเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้สนใจ แต่จริงๆ เก็บทุกรายละเอียด
“ผมติดต่อกับแม่ของน้องปุยฝ้ายตั้งแต่ประกวดเสร็จครับ คุณแม่ตกลงจะให้น้องมาออกกับเราเป็นที่แรก น้องจะบินจากฮ่องกงมาถึงหนึ่งทุ่มวันนี้ แล้วแพรพรรณกับภานุจะเอารถของสถานีไปรับตัวครับ” ท็อปบอก
โอภาสพยักหน้ารับรู้ สบายใจ
ดาวไม่พูดอะไร ทำเป็นสนใจแต่ขนมหวานตรงหน้า ไม่มีใครดูออกว่ากำลังมีแผน

ฝ่ายศินีนาฏออกมาจากสถานี เตรียมกลับบ้าน โทรศัพท์ดังขึ้น กดรับ
“ฮัลโหล” ศินีนาฏนิ่งฟัง แล้วคลี่ยิ้มออกมา ดาวเป็นคนโทร.มาบอกข่าวรายการของปัญชลี “ขอบใจมากนะ เดี๋ยวชั้นจัดการที่เหลือเอง”
ศินีนาฏยิ้มชั่ว คิดแผนจะขัดขวางไม่ให้ปัญชลีได้แขกรับเชิญ

ค่ำนั้นที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าผู้คนพลุกพล่าน ผู้โดยสารเดินเข้าออกไปมา มีกลุ่มแฟนคลับกับผู้สื่อข่าวรอรับน้องปุยฝ้าย
ในกลุ่มนั้นมีภานุชะเง้อคอ มองหาปุยฝ้ายกับแม่ แพรพรรณวิ่งไปดูบอร์ดเที่ยวบิน แล้วรีบกลับมาบอก
“ไฟลท์แลนดิ้งแล้วนะ ทำไมปุยฝ้ายยังไม่มา”
“นั่นสิ”
ภานุกับแพรพรรณกังวล เสียงมือถือภานุดัง
“ครับพี่ท็อป”

ท็อปคุยสายกับภานุที่หน้าสตูฯ ดูนาฬิกาอย่างร้อนใจ
“เจอน้องกับคุณแม่หรือยังนุ”
“เอ่อ ยังเลยพี่ แต่ไฟลท์ลงแล้วนะครับ อาจจะติดอยู่ข้างใน”
“คุมเวลาดีๆ นะ เพิ่งให้สื่ออื่นสัมภาษณ์อะไร รีบฉกตัวขึ้นรถเรามาให้ได้ ระวังรถติดด้วย”
ท็อปวางสาย ปัญชลีเดินถือกระดาษปึกหนึ่งเข้ามา แต่งตัวเตรียมจัดรายการแล้ว
“ปรินท์ข้อมูลส่วนตัวของปุยฝ้ายใหม่อีกชุดนะ ชั้นทำกาแฟหกใส่”
“ได้ครับๆ”
ท็อปจะแยกไป แต่ทีมงานวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาทั้งคู่
“คุณปัญชลีครับ พี่ท็อป เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่”

ปัญชลีกับท็อปตามทีมงานเข้ามามุมหนึ่ง เห็นทีมงานคนอื่นๆ กำลังดูทีวีกันหน้าสลอน ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
ภาพในทีวีเห็นพิธีกรชายช่องคู่แข่ง กำลังดำเนินรายการ
“สวัสดีครับท่านผู้ชม ค่ำคืนวันนี้รายการของเรามีแขกพิเศษจริงๆ ครับ เรียกว่าได้ตัวสดๆ ร้อนๆ มาจากเกาะฮ่องกง หลังจากเธอไปคว้าตำแหน่งสำคัญในการประกวดนางงามสิ่งแวดล้อมโลก ขอเสียงปรบมือให้กับน้องปุยฝ้าย ณวารี กฤษณะเมธา และคุณแม่ครับ”
แม่ลูกจูงมือเดินเข้ามาในรายการ ปุยฝ้ายแต่งตัวสวย สวมมงกุฎงามสง่า

ปัญชลี กับท็อป ยืนอึ้ง ตะลึงตะไล พลาดอย่างแรงที่ถูกช่องคู่แข่งแย่งแขกรับเชิญไปออกอากาศตัดหน้า

อ่านต่อหน้า 3

สื่อริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)

รายการโดนช่องคู่แข่งปาดหน้า แย่งแขกรับเชิญไปกะทันหัน ปัญชลีต้องประชุมทีมงานหาแขกรับเชิญคืนนี้อย่างเร่งด่วน

“คุยประเด็นเปิดบ่อนกาสิโนมั้ยครับ กระแสเริ่มมาอีกแล้ว” ท็อปเสนอขึ้น
“คนไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่ เดี๋ยวก็เงียบ” ปัญชลีคิดหนัก “เชิญลุงที่นั่งประท้วงหน้ากรมที่ดิน ที่โดนไล่ที่ มาออกรายการ กระแสยังแรงอยู่”
“แพรจะไปหาเบอร์ติดต่อลุงเดี๋ยวเนี้ยค่ะ”
ภานุเสริม “ผมจะไปหาข้อมูล”
ปัญชลีคาใจไม่หาย “เดี๋ยวก่อน ใครบอกคนนอก รายการถามตรงคืนนี้ เชิญนางงามมาออกรายการ”
ภานุ แพรพรรณ และท็อป ต่างเงียบกันไปหมดเพราะไม่ได้พูด ปัญชลีเชื่อใจลูกน้อง โบกมือให้ทั้งสามคนออกไป
ปัญชลีสงสัยต้องสืบความจริงให้ได้ กดโทร.หาน้องนักข่าว “พี่ลีนะ ทำข่าวอยู่หรือเปล่า...พี่วานหน่อยสิ สืบให้พี่ที รายการช่องคู่แข่งดึงนางงามไปออกรายการก่อนพี่ได้ยังไง อยากรู้ด่วนเลย”
ปัญชลีคุมแค้น ที่โดนตัดหน้าแย่งแขกรับเชิญ

หลังจัดรายการเสร็จ ปัญชลีกลับถึงบ้านแล้ว กำลังรอโทรศัพท์จากน้องนักข่าวที่วานให้สืบกรณีช่องคู่แข่งแย่งแขกรับเชิญ ภาสกรกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง อ่านเรตติ้งรายการบนไอแพด
“รายการกระแสข่าวเช้าของลีเรตติ้งขึ้น” เขาหันไปยิ้มให้คนรัก เห็นอีกฝ่ายหน้าขรึม
สายเข้าโทรศัพท์มือถือปัญชลีรีบรับสาย “ได้เรื่องว่ายังไง” เธอนิ่งฟัง จากหน้าขรึม กลายเป็นหน้าโกรธขึ้ง “ขอบใจมาก มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอก”
ภาสกรรอจนเธอวางสายจึงถาม “ใครโทร.มาจ๊ะ”
“น้องนักข่าวที่สนิทกันค่ะ คนของเราแอบโทร.บอกช่องคู่แข่ง รายการถามตรงกับปัญชลีคืนนี้ เชิญนางงามที่ได้มงกุฎที่ฮ่องกงมา ทางนั้นเลยตัดหน้าแย่งตัวไป”
ภาสกรแปลกใจ “ทีมงานลีมีใครรู้ชื่อแขกรับเชิญบ้าง”
“มี นุ แพรพรรณ ท็อป ไม่มีใครพูดแน่นอนค่ะ”
“แล้วฝีมือใคร”
ปัญชลีนิ่งนึก แล้วคิดไปถึงเหตุการณ์วันที่ไปเยี่ยมภาสุรีที่บ้านแล้วเจอดาว
ตอนนั้น ปัญชลี ภานุ แพรพรรณ และท็อป นั่งทานของว่างกันอยู่แล้วโอภาสซึ่งอยู่ด้วยถามขึ้น
“รายการคืนนี้ลีเชิญใครมาเหรอ พ่อจะรอดู”
“น้องปุยฝ้ายค่ะที่ไปได้ตำแหน่งนางงามสิ่งแวดล้อมโลกจากฮ่องกง น้องจะบินกลับวันนี้ เราจะไปรับตัวที่สนามบินมาเข้ารายการเลย”
ดาวก้มหน้ากินของว่างฟังไปเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้สนใจ

คิดมาถึงตรงนี้ปัญชลีมั่นใจ รู้แล้วใครปากโป้งไปบอกช่องคู่แข่ง
“คนโปรดของภา เป็นหนอนบ่อนไส้”
“ศินีนาฎไม่เกี่ยวข้องกับรายการถามตรง รู้ชื่อแขกรับเชิญได้ยังไง”
“ลีหมายถึงคนโปรดคนใหม่ค่ะ...ดาว”
นัยน์ตาปัญชลีวาววับ โกรธมาก ส่วนภาสกรเครียดหนัก ต้องเป็นเรื่องอีกแน่!

เช้ามืด วันรุ่งขึ้น ดาวกับตุ่นเม้าท์มอยกันสนุกสนานอยู่ในห้องแต่งตัวที่ช่อง
“คุณศินีนาฏรู้งาน ดาวโทร.บอกชื่อแขกรับเชิญ คุณศินีนาฏก็จัดแจงโทร.ไปบอกช่องคู่แข่ง เมื่อวานนังจิ้งจอกเลยอดสัมภาษณ์นางงามเป็นรายการแรก ฮึๆๆ”
“เจ๊ ดาว คุณศินีนาฏ พวกเรา 3 สาว Three Angels รวมพลังปราบนังมารจิ้งจอก...”
ภาสกรกับปัญชลีเข้ามา ตุ่นกำลังวาดมือปล่อยพลัง Three Angels หดมือแทบไม่ทัน
ภาสกรก้าวมายืนข้างหน้าปัญชลี ขอเป็นคนเคลียร์เอง ปัญหาจะได้เบาลง
“คุณดาว คุณหลุดปากบอกใครเรื่องแขกรับเชิญรายการถามตรงเมื่อคืนหรือเปล่า”
“มีเรื่องอะไรหรอคะ” ดาวทำเป็นงง
“อาชีพนักข่าวไม่มีชิงตุ๊กตาทอง ไม่ต้องโชว์ฝีมือการแสดง เมื่อวานเธอแอบโทร. บอกช่องคู่แข่งว่าชั้นเชิญใครมา เธออยากทำลายรายการชั้น”
“ดาวไม่ได้โทร.นะคะ! ไม่รู้จักใครที่ช่องนั้นซักคน”
“จรรยาบรรณสื่อเธอมันต่ำเตี้ย ไปเก็บของที่โต๊ะ แล้วไปหางานอื่นทำ” ปัญชลีระเบิดเสียงใส่
“ดาวออกไปก่อน”
ดาวกับตุ่นรีบเผ่นออกไป นังมารจิ้งจอกอาละวาดหนัก
“เราไม่มีหลักฐานเอาผิดดาวนะลี นักข่าวที่ลีให้ไปสืบ ก็ไม่รู้ ใครเป็นคนโทร
“ลีมั่นใจว่าเป็นดาว เด็กคนนั้นไม่ได้แทงข้างหลังลีคนเดียว ยังทรยศช่องด้วย ให้ช่องอื่นได้แขกรับเชิญไป วันนี้ลีจะจัดรายการคนเดียว ดาวต้องไป”
“ไปกันใหญ่แล้วลี ลีเพิ่งรับปากคุณพ่อ จะยอมนั่งคู่กับดาว”
“ความอดทนของลีมาถึงขีดสุดแล้วค่ะ ลีทนเด็กดาวไม่ได้อีกแล้ว”

ดาวกับตุ่นลุ้นระทึก งานนี้ดาวจะรอดเงื้อมปัญชลีมั้ย
“ขอให้คุณภาสกรเอานังจิ้งจอกอยู่ด้วยเถ๊อะ” อีตุ่นพึมพำ
ภาสกรเห็นปัญชลีเหวี่ยง ใช้อารมณ์ เลยใช้เหตุผลคุยด้วย
“ถ้าลีร่วมงานดาวไม่ได้จริงๆ เปลี่ยนพิธีกรก็ได้จ้ะ ลีไปหาพิธีกรมา ผมเห็นว่าเหมาะสม จะเคลียร์กับคุณแม่กับภาให้”
ปัญชลีเย็นลง “ภาสยอมให้ลีเปลี่ยนดาวออกแน่นะคะ”
“เมื่อปัญหามันเยอะนัก ก็ต้องมีคนยอมถอย แต่วันนี้ลีจัดรายการคู่ดาวไปก่อนนะ ผมขอ”
ปัญชลีค้อนสามีพองาม ชอบขอสิ่งที่เธอไม่อยากให้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับดาว
ภาสกรออกมาหน้าห้อง เจอดาวกับเจ๊ตุ่น ที่ใจจอใจจ่อรอฟังผลอยู่
“คุณจัดรายการต่อไปได้”
ภาสกรยิ้มเนือยๆ ให้ดาว สีหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ดาวมองตามร่างสูงใหญ่อย่างเห็นใจ สงสารที่เขาโดนปัญหารุมเร้าหนัก หล่อนเองก็มีส่วน

ภาสกรกำลังจะขึ้นบันไดไปห้องทำงานชั้น 3 ดาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
“คุณภาส ดาวขอโทษนะคะที่สร้างปัญหาให้”
“ผมเป็นผู้บริหาร มีหน้าที่แก้ปัญหาให้ลูกน้องอยู่แล้วครับ”
“เหนื่อยมั้ยคะ” ดาวทอดน้ำเสียงอ่อนโยน เห็นใจ ห่วงใยภาสกรอย่างจริงใจ
ภาสกรรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาทางแววตาคู่นั้น เขาส่งแววตาขอบคุณกลับไปให้ ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ความเอาใจใส่นี้ ภาสกรไม่เคยได้จากปัญชลีผู้แข็งกระด้าง ผิดกับดาว
ดาวส่งสายตาอ่อนโยนให้ภาสกร อยากดูแล อยากอยู่เคียงข้างในวันที่เค้ามีปัญหา ภาสกรดึงใจตัวเองกลับมา ไม่ให้วอกแวก ปรับสายตาเป็นปกติ มองดาวเหมือนมองลูกน้องคนหนึ่ง
“แม่คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
“คุณภาสจำได้ด้วย” ดาวซึ้ง “ระดับคุณภาสไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องของลูกน้อง”
“ผมเป็นคนใส่ใจทุกรายละเอียดน่ะครับ”
“คุณภาสเป็นคนเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ถนอมน้ำใจคนอื่น ใครๆ ถึงรักคุณภาส”
ดาวเปิดเผยความรู้สึกทางสายตาโจ่งแจ้ง ว่ารักภาสกรเต็มๆ
“ขอให้แม่คุณดาวสุขภาพแข็งแรงนะครับ”
ภาสกรผละจากดาว เดินขึ้นบันไดไปชั้น 3
ดาวแหงนมองตามชายในฝันผู้สูงส่ง ชายที่หลุดมาจากโลกอุดมคติ ทั้งรักนับถือผู้ชายคนนี้
ตุ่นเดินเข้ามาหยุดมองลูกสาวสวยแซบ
“หือ...สายตาหวานเชื่อมเชียวน้าลูกสาวเจ๊...อยากได้คุณภาสกร ต้องจัดหนักค่ะลูก ทริปจักรยานเสาร์อาทิตย์นี้ มีค้างคืน เจ๊จะขนชุดเซ็กซี่ ไปให้ดาวใส่ยั่วน้ำลายคุณภาสกร”
“ดาวว่าจะไม่ไปค่ะ”
“อ๊ะ ทำไมล่ะคะลูกขา”
“ดาวไม่อยากสร้างปัญหาให้คุณภาสค่ะ ปัญชลีเป็นเหมือนน้ำร้อน กระเด็นใส่เนื้อก็พอง ดาวจะเป็นน้ำเย็น ให้คุณภาสเย็นฉ่ำหัวใจ ดาวจะใช้ความดีเอาชนะใจคุณภาสค่ะ”
ตุ่นหน้ามู่ทู่ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีนี้นัก
ส่วนดาวยิ้มหวาน นัยน์ตาชวนฝัน คิดถึงแต่ภาสกร ผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่หล่อนรักจริง

แพรพรรณเข้างานตอนเที่ยง เพราะเลิกงานดึก เมื่อเดินเข้ามาหน้าอาคารไทยเคเคมองไปเห็นภาสกรมาขึ้นรถส่วนตัวหน้าตึก มีดาวรออยู่ข้างรถ แพรพรรณเห็นดาวเลยแอบดู
ดาวบอกภาสกรว่า
“เสาร์อาทิตย์นี้ ดาวขอไม่ไปกับทริปจักรยานนะคะ เดี๋ยวพี่ลีไม่พอใจ”
“ไปเถอะครับ ลีไม่ว่าอะไรหรอก”
“ตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่าค่ะ ดาวไปซื้ออุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียนมาให้เด็กๆ ฝากคุณภาสไปให้นะคะ”
“ซื้อมาซะเยอะเลยครับ”
“ตอนเด็กๆ ดาวไม่มีของพวกนี้ใช้ วันนี้พอมีกำลัง อยากให้น้องๆ มีเครื่องเขียนดีๆ ใช้ค่ะ” ดาวพูดออกมาจากใจจริง อยากให้เด็กที่ขาดแคลนจริงๆ
“ผมเชื่อว่าทุกคนมีความดีในหัวใจ คุณดาวก็เป็นคนดี คนดีไม่ควรโกหกคุณควรบอกความจริงเรื่องฐานะทางบ้าน”
“ดาวขอเวลาอีกหน่อยนะคะ คุณภาสอย่าเพิ่งบอกใคร”
“ผมสัญญาจะไม่พูด ขอตัวไปธุระนะครับ”
ภาสกรเอาของที่ดาวซื้อมาขึ้นรถ แล้วขับไป ดาวยิ้มละไมเดินเข้าตัวตึกไป
แพรพรรณเห็นอาการดาวตอนคุยกับภาสกร หน้าตายิ้มหยาดเยิ้ม ดูออกว่าดาวไม่เลิกวอแวภาสกร
เห็นทีต้องรายงานศรัณ

ศรัณหยิบยาให้สมพร แพรพรรณโทร.มาพอดี เขารับสาย
“มีอะไรแพร”
แพรพรรณยืนอยู่หน้าช่องโทร.คุยสายกับศรัณรายงานเรื่องดาว
“แฟนพี่ไม่เลิก มาดักเจอคุณภาสกรที่รถ ซื้อของอะไรให้ก็ไม่รู้”
แพรพรรณโทร.คุยกับศรัณ ตัดสลับ
“ดีที่พี่เคยเจอคุณภาสกร เค้าไม่มีทีท่าสนใจดาว พี่วางใจได้ เป็นคนอื่นล่ะก็ พี่ต้องรีบไปเฝ้าดาวที่กรุงเทพฯ”
“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินยังกร่อนนะพี่ศรัณ ดาวน่ะสวย เด็กกว่าแฟนคุณภาสกรหลายปี เกิดเค้าหวั่นไหวขึ้นมาล่ะ”
“ดูคุณภาสกรเป็นคนดี ไม่แย่งแฟนคนอื่นหรอก”
“ดาวโกหกว่าพี่เป็นพี่ชาย ทุกคนที่ช่อง คิดว่าดาวยังโสด คุณภาสกรก็ด้วย”
ศรัณเริ่มใจเสีย “ขอบใจนะแพรที่โทรบอก”
หลังวางสาย ศรัณกลุ้มหนัก กลัวภาสกรมีใจให้ดาว สมพรมองอยู่
“พ่อศรัณ น้าได้ยินพูดถึงคุณภาสกร ใช่ผู้ชายที่มาบ้านน้าหรือเปล่าชื่อภาสกรเหมือนกัน”
“ดาวพาคุณภาสกรมาบ้าน”

ศรัณอึ้ง ยิ่งใจคอไม่ดี กลัวใจดาวจะสวมเขาให้ตน

แพรพรรณเข้ามาพบปัญชลีในห้องทำงาน

“คุณปัญชลีเรียกแพรมา มีอะไรจะสั่งคะ”
“เธอเป็นเพื่อนดาวสมัยมหาวิทยาลัย ดาวเป็นคนยังไง”
“แพรไม่ถูกกับดาวค่ะ ดาวเค้าร้ายกับแพรมาก แต่กับคนอื่น เค้าเสแสร้งดีด้วย ทุกคนเลยปลื้มดาว เหมือนสถานการณ์ตอนนี้เปี๊ยบเลยค่ะ”
“ที่ผ่านมาชั้นประมาทเกินไป ดาวฉลาด เจ้าเล่ห์กว่าที่ชั้นคิดเยอะ แพรพรรณเธอคอยจับตาดูดาวให้ชั้นที เห็นดาวทำอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าเรื่องอะไรมาบอกชั้น”
“สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ เมื่อกี้แพรเห็นดาวดักรอคุณภาสกรที่รถ ให้ของอะไรคุณภาสกรก็ไม่รู้”
“จะเล่นเกมอะไรกับชั้นอีกล่ะดาว”
ปัญชลีเคืองขุ่น ดาวตามวอแวสามีเธอไม่เลิกรา

ดาวผูกผ้ากันเปื้อนทำอาหารเช้า ภาสกรในชุดนอนเดินเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง จูบผมเบา ๆ อย่างรักใคร่
“ผมตื่นมาไม่เห็นดาว รู้ว่าต้องอยู่นี่ ให้แม่บ้านทำก็ได้จ้ะ”
“ดาวเป็นภรรยาคุณ ก็ต้องดูแลปรนนิบัติคุณซีคะ แล้วอีกหน่อย ดาวก็ต้องทำกับข้าวให้ ลูกกิน”
“ดาว นี่คุณ”
ภาสกรดีใจมากที่จะมีลูก ตระกองกอดดาวอย่างทะนุถนอม ดาวยิ้มหวานซบหน้ากับอกภาสกร

ดาวฝันหวานว่าได้แต่งงานกับภาสกร หันไปตั้งใจหัดทำกับข้าวต่อ ดูจากตำราอาหารที่เพิ่งซื้อมา เตรียมตัวเป็นแม่บ้านให้ภาสกร
ศรัณเข้ามาหน้าตาซีเรียสมาเลย
“พี่ศรัณ ดาวขอให้พี่อยู่ดูแม่ดาวไงคะ”
“คิดถึงดาวน่ะจ้ะ นี่ดาวหัดทำกับข้าว” ศรัณมองจับผิด ร้อยวันพันปี ดาวเคยเข้าครัวทำกับข้าวซะที่ไหน “ดาว พี่อยากเข้ากลุ่มจักรยานด้วย ดาวไลน์มาเชิญพี่เข้ากลุ่มนะจ๊ะ”
ดาวเบือนหน้าหนี ระอามาก รู้ทันว่าศรัณต้องการตามหึงหวงกล่อนกับภาสกร
“พี่ไลน์ไปให้คุณภาสกรชวนเข้ากลุ่มก็ได้ พี่มีไลน์เค้า เค้าให้ตอนเจอกัน”
ดาวคุมแค้นรีบหันไปหา ใจอยากด่า แต่ขืนโวยวายศรัณก็ยิ่งตามหึงหวง ดาวฉลาดกว่านั้น
“ที่ดาวหัดทำกับข้าว เพราะดาวกำลังจะเป็นแม่บ้านค่ะ”
ศรัณฉงน “แม่บ้าน”
ดาวยิ้มหวานเยิ้มให้ศรัณ “พี่ศรัณขา ตอนที่เราทะเลาะกัน แล้วดาวไล่พี่กลับสมุทรสงคราม ดาวคิดว่าพี่จะโกรธ จะเกลียดดาว แต่พี่ยังรักดาวเหมือนเดิม ดาวรู้แล้วค่ะ คนดีคนเดียวในชีวิตดาว คือพี่ ดาวพร้อมแต่งงานกับพี่แล้วค่ะ”
“จริงๆ นะจ๊ะดาว” ลูกน้ำเค็มคนซื่อปนโง่ ยิ้มหน้าบาน ดีใจสุดๆ
“รีบไปหาฤกษ์เลยนะคะ สินสอดเท่าไหร่ก็ได้ ดาวยกหัวใจให้พี่ศรัณอยู่แล้ว”
“น้องดาวของพี่”
ศรัณอุ้มดาวจนตัวลอย ดาวเสแสร้งมีความสุขสุดชีวิตไปกับศรัณ
แพรพรรณโทร.หาศรัณพอดี ศรัณเห็นเบอร์ไม่อยากรับสาย ดาวเลยรับให้ พอเห็นเป็นแพรพรรณโทร.มา ก็เยาะเย้ยทันที
“แพรโทร.มาได้จังหวะเลย ได้รู้ข่าวดีคนแรกดาวกับพี่ศรัณจะแต่งงานกันแล้วนะ”

แพรพรรณอยู่ในสถานีขณะคุยสายกับดาว ใจหายวาบ หน้าซีด
“แต่งงาน”
ดาวพอเดาออกเหยียดยิ้มสมนำหน้าแพรพรรณ ศรัณนึกสงสารแพรพรรณ จึงเอาโทรศัพท์มาคุยเอง
“ไว้พี่โทร.หานะแพร”
ศรัณกดวางสายแพรพรรณ แล้วหันมาสุขีกับดาวต่อ กอดสุดที่รักไม่ยอมปล่อย ฝันของเขาเป็นจริง จะได้แต่งงานสร้างครอบครัวกับน้องดาวแล้ว

ฝ่ายแพรพรรณร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ศรัณกำลังจะแต่งงานกับดาว เธอไม่มีวันได้ศรัณมาครอบครองแน่แล้ว
ภานุเดินหา จนมาเห็นแพรพรรณร้องไห้ปานจะขาดใจตายก็ตกใจ
“แพร เป็นอะไรน่ะ อยากเล่าให้ผมฟังมั้ย” ภานุห่วงแพรพรรณจนปิดไม่มิด
“คนที่ชั้นรัก กำลังจะแต่งงาน ชั้นเสียเค้าไปแล้ว”
“ไม่หรอก ยังไงพี่ศรัณก็ยังเป็นพี่ชายแพร”
“นายรู้”
“พอดูออกน่ะ”
“ชั้นเลวมั้ย ชั้นแอบหวังลึกๆ ให้พี่ศรัณตาสว่าง ทิ้งแฟนมาหาชั้น”
ภานุเห็นใจ “บางที ความรักก็ทำให้เราเห็นแก่ตัว”
“พี่ศรัณเป็นรักครั้งแรกของชั้น ชาตินี้ชั้นไม่มีวันลืมพี่ศรัณได้”
แพรพรรณร้องไห้ฟูมฟาย เหมือนเด็กเสียของรัก ภานุสงสาร ดึงหัวแพรพรรณมาซบบ่า ให้เธอได้เช็ดน้ำตากับไหล่เขา

ฝ่ายศรัณกับดาวนอนเปลือยห่มผ้าอยู่บนเตียง หลังมีอะไรกัน ศรัณนอนกอดคนรัก วาดฝันถึงครอบครัวแสนสุข
“เราจะมีลูกซัก 3 คน คนโตพี่อยากให้เป็นผู้หญิง จะได้ดูแลน้อง”
ดาวยิ้มตาลอย ฝันถึงครอบครัวอันแสนสุขเช่นกัน
“ส่วนคนถัดมา ดาวอยากได้ลูกชาย ดาวอยากให้ลูกเก่ง ฉลาด เป็นผู้ชายแสนดีเหมือนพ่อ”
แน่นอนดาวหมายถึงภาสกร นึกถึงเหตุการณ์ตอนเธอแสดงความรักต่อเขาผ่านสายตาอันโจ่งแจ้ง
“ส่วนลูกสาว ต้องสวยน่ารัก เก่งเหมือนแม่”
ศรัณมองดาวอย่างแสนรักและเทิดทูน กอดกระชับแน่นขึ้น อยากมีลูกกับผู้หญิงที่เขารักยิ่งชีวิต ดาวลอบมองศรัณอย่างดูแคลนปนสมเพช โง่จริงๆ

ผู้ชายที่ดาวอยากให้เป็นพ่อของลูกนาง คือคุณภาสกรต่างหากเล่า

อ่านต่อหน้า 4

สื่อริษยา ตอนที่ 7 (ต่อ)

เวลาเดียวกัน ปัญชลีขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เธอเพิ่งกลับจากจัดรายการดึก มองไปเห็นรถภาสกรจอดอยู่ เธอนึกไปถึงที่แพรพรรณบอกเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา

“สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ เมื่อกี้แพรเห็นดาวดักรอคุณภาสกรที่รถ ให้ของอะไรคุณภาสกรก็ไม่รู้”
ปัญชลีอยากรู้มาก ว่าดาวแอบให้อะไรภาสกร จึงลองเปิดประตูรถ แต่รถล็อค ปัญชลีก้มส่องดูในรถ หาของ”
ภาสกรออกมาจากในบ้านพอดี “หาอะไรจ๊ะลี”
“หาของที่ระลึก ที่ดาวทิ้งไว้ในรถภาสค่ะ” ปัญชลีมองภาสกรอย่างขุ่นเคือง
ภาสกรถอนใจเฮือก ปัญชลีหาเรื่องกวนใจไม่หยุดไม่หย่อน เลยหนีเข้าบ้าน
“พอพูดถึงเด็กคนนั้น ไม่ยอมคุย” ปัญชลีก้มดูในรถ หาของต่อ
ภาสกรกลับออกมาพร้อมกุญแจรถ เปิดกะโปรงหลัง หยิบเครื่องเขียนที่ดาวฝากไปแจกเด็กๆ ให้ปัญชลีดู
“คุณดาวฝากไปให้เด็กๆ เสาร์เนี้ย คุณดาวไม่ไปกับทริปจักรยาน เค้าไม่อยากให้เรามีปัญหากัน”
“ทำเป็นคนดี ฮึ ลีไม่หลงกลหรอก”
ปัญชลีอารมณ์เสียเข้าบ้านไป ภาสกรคร้านจะทะเลาะ รู้สึกมีอารมณ์กรุ่นๆ ปิดฝากะโปรงหลังรถเสียงดังกว่าปกติ

ร้านข้าวมันไก่ปิดแล้ว แพรพรรณอยู่ในอาการเมามาย ระบายปัญหาหัวใจให้ภานุฟัง
“นายโย่ง... นายว่าชั้นน่ารักมั้ย...” สาวมาดทอมยื่นหน้าไปให้ภานุดูใกล้ๆ จนภานุเขิน ไม่กล้าบอกว่าน่ารัก
“นายยังไม่เห็นว่าชั้นน่ารักเลย...พี่ศรัณถึงไม่รักช้าน...”
แม่ก้อยในชุดนอน ลงมาดู เห็นลูกสาวเมา มีขวดเบียร์วางบนโต๊ะเกลื่อนก็ตกใจ
“ตายแล้วลูก กินเหล้ากินเบียร์”
แพรพรรณปรับเสียงปกติ ไม่ได้เมาจริง “เปล่ากินแม่”
“ก็แม่เห็นอยู่ ลูกคนนี้ ริเป็นนารีขี้เมา” ก้อยตีลูกสาวเผียะๆๆ
“ในขวดเป็นน้ำเปล่าครับแม่ แพรเค้าอยากกินเบียร์ แต่ผมไม่ให้กิน เลยไปซื้อเบียร์มาเททิ้ง เอาน้ำเปล่าใส่แทนครับ” ภานุบอก
“แพรแกล้งเมาน่ะแม่ ได้อารมณ์ดี”
“ลูกคนนี้ เพี้ยน ขอบใจนะนุที่มาส่งแพร กลับบ้านได้แล้วลูก ตี 2 แล้ว”

ภานุออกมาหน้าร้าน มีแพรพรรณยื่นหน้าหน้าจ๋อยๆ มาโบกมือบ๊ายบายแล้วปิดประตูร้าน ภานุพูดคนเดียวกับตัวเองว่า
“อยากรู้คำตอบมั้ยแพร แพรน่ะ น่ารักมาก”
ภานุอมยิ้ม ยืนมองหน้าร้าน ไม่รีบกลับบ้าน

วันถัดมาภานุเพิ่งมาถึงที่ทำงาน เห็นดาวกับตุ่นดูกระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่บนไอแพดอยู่
ภานุทำหน้าเจ้าเล่ห์นิดๆ ต้องหลอกถามดาวเรื่องศรัณ
“ดาว แพรบอกผมว่าพี่ชายดาวจะแต่งงาน”
“อ๊าย...ผู้ชายหล่อเสร็จชะนีไปอีกนึง โลกนี้ไม่ยุติธรรม” อีตุ่นวี้ดเวอร์
“เจ้าสาวเป็นใครน่ะ” ภานุซักต่อ
“นุรู้จักพี่ชายดาวด้วยเหรอ ถึงได้ถาม” ดาวไม่ค่อยสบอารมณ์ เหตุที่ภานุนั้นชอบจุ้นจ้าน
“บังเอิญเจอหนนึง พี่ศรัณเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นผมด้วย ใครเป็นผู้หญิงผู้โชคดีน่ะ”
“เรื่องในครอบครัวดาว”
ดาวตัดบทน้ำเสียงห้วน เลิกคุยกับภานุ ดูกระเป๋าบนไอแพดต่อ
ภานุไปนั่งโต๊ะทำงานตัวเอง เหลือบมองดาว เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปิดบัง มีอะไรไม่ชอบมาพากลชัวร์

ด้านปัญชลีโดนภาสุรีกับศินีนาฏรุมเล่นงานอยู่ในห้องทำงานภาสุรี
“แขกรับเชิญที่ศิติดต่อไว้ ก็เข้ากับรูปแบบรายการดี ลีไม่ควรสั่งยกเลิกแขก”
“รายการศิต้องออนแอร์เร็วๆ นี้แล้ว ไม่มีเทปออนแอร์ คุณปัญชลีคนเก่งรับผิดชอบไหวมั้ย”
“สื่อมวลชนได้รับการยกย่องว่าเป็นฐานันดรที่ 4 เราควรใช้อำนาจที่มีเราทำประโยชน์ให้สังคม ไม่ใช่ทำรายการไร้สาระ เชิญผู้หญิงมาคุยเรื่องทำศัลยกรรม ทำหน้าอก งี่เง่า”
“อย่าถือว่าตัวว่าฉลาดนักนะลี สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ภาสุรีหมั่นไส้
“คนอย่างลี ไม่มีวันพลาด ภาอยากให้รายการศินีนาฏออกมาเป็นยังไง ก็แล้วแค่สติปัญญาของภาเถอะ เรตติ้งออกมาไม่ดี ก็รับผิดชอบด้วย”
ปัญชลีเชิดหน้าลุกออกไป ภาสุรีกับศินีนาฏเบ้ปากตามอย่างชิงชัง ด้วยนิสัยที่ไม่เคยฟังใครของเธอ

ปัญชลีกับเก้จะออกไปกินข้าวเที่ยง ปัญชลีนั้นยังอารมณ์ขุ่นมัวที่ทะเลาะกับภาสุรีและศินีนาฏ
“ทีวีบ้านเรารายการไร้สาระเต็มไปหมด ประเทศถึงไม่พัฒนาซะที”
“จะให้ดูแต่รายการข่าว รายการสาระ ก็น่าเบื่อนะครับ ผมว่า พี่ลีน่าจะลดราวาศอกให้น้องสาวพี่ภาสบ้าง”
“เก้ พี่ให้เรามาช่วยงานพี่ที่สถานี เพราะพี่มีอยากพวก เก้ห้ามว่าพี่ เก้รอตรงเนี้ย พี่ไปห้องน้ำเดี๋ยว”
ปัญชลีเดินหน้าบึ้งไป หงุดหงิดเก้
เก้หน้าม่อย ปัญชลีเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แม้แต่กับน้องรักคนนี้ ก็ไม่เคยฟัง
ตุ่นเดินแต๋ดแต๋ออกมาจากฝ่ายรายการ ขอกวนประสาทนังเก้นิดดดนึง
“นี่ไม่ใช่ คลองหลอด นะยะ มายืนดักผู้ชาย”
เก้ไม่อยากมีเรื่องอีก ตอบไปดีๆ “ผมรอพี่ลี”
“ฮึ พี่สาวหล่อนน่ะ เรตติ้งตก เมื่อวานมีกระทู้ด่าในเว็บ THAI TALK ด่าพี่ลีของหล่อนจัดรายการไม่ได้เรื่อง”
“พวกนักเลงคีย์บอร์ด โรคจิต”
“อย่างกับหล่อนไม่จิต อีเกย์ซาดิสต์”
เก้แกล้งกำหมัดขึ้น เหมือนจะต่อย
“อ๊าย...อย่านะ หน้าชั้นเพิ่งหายช้ำ”
ตุ่นวิ่งตูดบิดหนีไป เก้ส่ายหัว ไม่ชอบกะเทยถ่อยนางนี้เอาซะเลย

ดาวเลิกงานแล้ว มาขึ้นรถกลับบ้าน ภานุแอบซุ่มรอดาวอยู่ พอดาวขับรถไป ภานุก็ขี่มอเตอร์ไซค์ สะกดรอยตามดาวไป
ดาวขับรถมาจอดในที่จอดประจำ ภานุขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาถึงคอนโด หาที่จอดหลบๆ ไม่ให้ดาวเห็น ดาวไม่รู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม สะพายกระเป๋าเข้าคอนโดไป
ภานุตรงมาที่ประตูเข้าอาคารคอนโด แต่ตามไปไม่ได้ เพราะรปภ.แจ้งกฎว่าต้องมีบัตรแสตมป์จากเจ้าของห้องเท่านั้นถึงเข้าอาคารได้ ภานุจึงหลอกล่อรปภ.
“ผมเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เข้าไปเมื่อกี้ ขอเข้าไปหาเพื่อนนะครับ”
“ต้องให้เพื่อนคุณลงมารับครับ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าตึกโดยพลการ”
“ไม่มีเบอร์ใหม่ดาวซะด้วย ผมรออยู่แถวนี้แล้วกัน ดาวเค้าอยู่กับใครเหรอครับ แต่ก่อนเค้าเคยเช่าบ้านอยู่กับผม กับเพื่อนอีกคนนึง”
“เห็นมีผู้ชายไปๆ มาๆ วันนี้ผู้ชายก็อยู่ครับ”
ภานุหูผึ่ง เข้าเค้า มีผู้ชายอยู่คอนโดดาว ใช่ศรัณหรือเปล่า?

บริเวณหน้าคอนโด มืดแล้ว ภานุยังปักหลักยืนข้างมอเตอร์ไซค์คันเก่ง รอดาวกับผู้ชายที่อยู่ด้วยออกจากคอนโด ภานุอยากรู้ใช่ศรัณหรือเปล่า
ศรัณเดินโอบดาวมาตามทางเดินในคอนโด จะออกไปกินข้าวข้างนอก
มีคนออกจากคอนโด ภานุชะเง้อดู เห็นเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ไม่ใช่ดาวกับแฟน ดันมีเสียงไลน์เข้า
เป็นไลน์จากแพรพรรณ ส่งข้อความมาว่า “อยู่ไหน รอประชุมรายการ”
ภานุส่งสติ๊กเกอร์ “รอแป๊บบบ”
แพรพรรณส่งสติ๊กเกอร์หน้าบึ้ง “กลับมาเดี๋ยวนี้ ห้ามอู้งาน”
ศรัณกับดาวกำลังเดินมาที่ประตูคอนโด ภานุมองที่ประตูนั้นอีกที แต่ดาวไม่ออกมา ภานุไม่อยู่รอแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์กลับ
พอภานุไป ศรัณเดินโอบดาวออกมา กิริยาบ่งบอกว่าเป็นคู่รักกัน ภานุเลยอดเห็นช็อตเด็ดที่รอคอย

ปัญชลีแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว เก้ช่วยแต่งตัวชุดพิธีกร แพรพรรณตรวจทานข้อมูลในสคริปต์ ภานุเพิ่งกลับมาถึง
“เค้าประชุมรายการเสร็จไปชั่วโมงนึงแล้ว” แพรพรรณใส่ภานุแล้วหันมาบอกปัญชลี “แพรไปคุยกับแขกรับเชิญนะคะ”
แพรพรรณใช้สายตาอำมหิตด่าภานุแล้วออกไป
“ขอโทษนะครับคุณปัญชลี ผมไปธุระมา”
“พูดกับพี่ธรรมดาก็ได้ พี่บอกเก้แล้ว นุเป็นน้องภาส นุเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่เคยขาดประชุม ไปทำอะไรมาฮึ”
ภานุลังเลจะเล่าดีมั้ย เพราะเขายังสืบเรื่องดาวได้ข้อมูลไม่ละเอียด
ปัญชลีเสียงเข้ม “นุ...บอกพี่มา”
“ผมไปดักดูดาวที่คอนโดครับ”
เก้แปลกใจ “ดาวไหนครับ ใช่ดาวที่พี่ลีไม่ชอบหรือเปล่า”
“คนนั้นล่ะครับ พี่ลี ผมสงสัยว่า ดาวกับคนชื่อศรัณ ที่ดาวบอกว่าเป็นพี่ชายไม่ใช่ ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็น...แฟนดาว”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าใบหน้าปัญชลีจังๆ เป็นข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจมาก
“ที่ไปดักดู ได้เรื่องมั้ย” ปัญชลีลุ้นคำตอบ
“ผมรอตั้งหลายชั่วโมง ดาวกับผู้ชายคนนั้นไม่ออกมา นี่ผมไม่ได้บอกพี่ภาส อยากแน่ใจก่อนครับ”
“ดีแล้วที่ไม่บอก พี่ชายนุน่ะ ชอบเข้าข้างดาว พี่สังหรณ์ใจอยู่แล้ว เด็กคนนั้นมีลับลมคมนัย สืบต่อไปนะนุ ดาวโกหกเรื่องแฟนจริง พี่จะประจานให้ต้องแทรกแผ่นดินหนีเลย”
ปัญชลีนัยน์ตาเข้ม อยากกระชากหน้ากากดาว

กลางดึกภาสกรนั่งทำงานอยู่ในโถงข้างล่าง ปัญชลีเพิ่งกลับถึง
“เมื่อกี๊ผมดูรายการถามตรง ประเด็นน่าสนใจดีนะ”
“ค่ะ ภาสคะ ลียังหาพิธีกรกระแสข่าวเช้าไม่ได้ คนที่ลีอยากให้มาช่วย ไม่ว่าง”
“งั้น ลีก็ต้องนั่งคู่ดาวไปก่อน”
ภาสกรพูดถึงดาวขึ้นมา ปัญชลีก็อดไม่ได้
“แหม ลีอยากเชิญดาวมาเป็นแขกรับเชิญรายการถามตรงกับปัญชลีจะได้ถามเจาะลึก ให้คายความลับออกมา”
ภาสกรสะดุ้งนิดๆ “ลีไปรู้อะไรเข้า”
หน้าตาภาสกรดูตื่นเต้นนิดๆ กลัวว่าปัญชลีรู้เรื่องฐานะทางบ้านดาวแล้ว ต้องเกิดเรื่องอีก
ปัญชลีจ้องหน้าคนรักจับสังเกต ดูเหมือนภาสกรมีลับลมคมนัยชอบกล
“ภาสล่ะคะ รู้อะไรเกี่ยวกับดาวมา”
“ผมจะไปรู้อะไร ผมไม่ได้สนิทกับเค้า”
“ภาสกับดาวไปสมุทรสงครามกันมาเมื่อวันหยุด มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นคะ”
“ไม่มีจ้ะ ลีอย่าคิดมากสิ”
“งั้นภาสก็บอกมา ภาสรู้อะไรเกี่ยวกับดาว”
“ก็ผมบอกแล้วว่าไม่รู้”
ภาสกรตัดบทไม่อยากให้เรื่องบานปลาย หอบงานหนีขึ้นไปทำข้างบน ปัญชลีหน้าตึง ถอนหายใจแรง โมโหมาก
“ภาสมีความลับกับลี”

ศรัณขับรถมาส่งดาวที่สถานีตอนเช้ามืด ความรักกำลังหวานฉ่ำ ดาวตกปากรับคำแต่งงานแล้ว
“พี่ไม่อยากกลับสมุทรสงครามเลย อยากอยู่กับน้องดาว” ศรัณอ้อน
“พี่ศรัณต้องไปเตรียมงานแต่งนะคะ รีบ ๆ ด้วย ดาวอยากแต่งงานกับพี่เร็วๆ”
ศรัณปลื้มปริ่มอิ่มสุข จะหอมแก้มสุดที่รัก
“เดี๋ยวใครมาเห็นค่ะ” ดาวบ่ายเบี่ยง
“ดาวจะบอกคนที่ช่องเมื่อไหร่ เราเป็นแฟนกัน ไม่ใช่รอจนวันแจกการ์ดนะจ๊ะ”
“ดาวจะค่อยๆ บอกค่ะ เตรียมงานแต่งก็ประมาณสองสามเดือน บอกทันค่ะ พี่ศรัณขับรถดีๆ นะคะ ถึงบ้านแล้วโทร.บอกดาวด้วย ดาวเป็นห่วง”
“จ้า” ศรัณขโมยจูบ หอมแก้มดาวไปหนึ่งที ดาวทำเป็นยิ้มเขิน ลงจากรถ
แต่พอศรัณขับรถไปลับตา ดาวก็เลิกเสแสร้ง
“กลับไปซะที รำคาญ”
ขณะที่ดาวเดินหน้าตาหงุดหงิดเข้าตัวตึก เห็นป้าคนหนึ่งกำลังขอร้องรปภ.หน้าตึก
“ป้าไปร้องเรียนหน่วยงานไหน ก็ไม่มีใครช่วย เลยมาขอให้คุณปัญชลีช่วย”
“ไปร้องเรียนที่อื่นเหอะป้า” รปภ.บอก
ดาวไม่สนใจเข้าตึกไป

ปัญชลีกับดาวแต่งตัวอยู่ในห้องแต่งตัว เก้แต่งให้ปัญชลี ตุ่นแต่งให้ดาว ตุ่นคอยมองเหล่เก้ ประมาณว่าใครหาชุดพิธีกรได้สวยกว่ากัน เก้เฉยๆ ไม่ใส่ใจ
ปัญชลีปั่นหัวดาวหยั่งเชิง “ได้ข่าวว่าพี่ชายเธอจะแต่งงาน คนที่ชื่อศรัณน่ะ”
ดาวเก็บอาการ “ค่ะ พี่ศรัณจะแต่งงานที่บ้านที่สมุทรสงคราม”
“ได้แฟนคนบ้านเดียวกัน หรือคนที่อื่น”
“คนบ้านเดียวกันค่ะ กำไลไม่ต้องใส่ค่ะเจ๊ตุ่น ดาวไปห้องส่งก่อนนะคะพี่ลี”
ปัญชลีใช้หางตามองดาวรีบออกไป ปัญชลียิ้มกริ่มออกร้ายซักหน่อย ดาวไม่อยากคุยถึงพี่ชาย ต้องมีความลับให้ขุดคุ้ย
ดาวออกมาหน้าห้องสูดลมหายใจ คุมสติ เพิ่งโดนปัญชลีซักเรื่องศรัณ
“นังจิ้งจอกไม่น่ารู้เรื่องพี่ศรัณ”
ท็อปเดินตรงมา ดาวยิ้มให้แล้วเดินไป

ปัญชลียังแต่งตัวไม่เสร็จ ท็อปเข้ามาหา
“คุณลีครับ รปภ.ข้างล่างโทร.ขึ้นมา มีป้าคนนึงมาขอให้คุณลีช่วย ป้าแกโดนหลอกให้เซ็นจำนองที่ดิน ตอนนี้โดนไล่ที่”
“กระแสข่าวเช้าไม่ใช่รายการรับเรื่องร้องทุกข์ ไปบอกเค้า ไปร้องเรียนรายการอื่น”
เก้ท้วง “ไม่ลงไปดูหน่อยหรอครับพี่ลี ป้าคนนั้นต้องเดือดร้อนมากจริงๆ ถึงมาขอให้พี่ช่วย”
“ตอนนี้พี่ก็อยากร้องทุกข์เรื่องดาว มีใครช่วยพี่ได้บ้างมั้ย”
ปัญชลีหงุดหงิด พาลขึ้นมา ตรวจเช็คเสื้อผ้า มีตรงไหนไม่เรียบร้อย เลิกสนใจคุยเรื่องป้าที่มาขอความช่วยเหลือ

เกย์เก้มองปัญชลีเป็นเชิงต่อว่าเล็กๆ บางทีเธอก็ใจแคบ ละเลยความทุกข์คนอื่น

ป้าคนนั้นรอเจอปัญชลีตั้งแต่เช้ามืด จนเที่ยง รปภ.ก็ไม่ให้เข้าตึก ป้าร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง พนักงานเดินเข้าออก มองป้าเป็นตาเดียว

“ไม่มีใครช่วยเลย คนจนเดือดร้อน มองเหมือนหมาตัวนึง” ป้าฟูมฟาย
“กลับไปซะป้า คุณปัญชลีไม่ลงมาหรอก”
“ใจดำ ไปทางไหน ก็เจอแต่คนใจดำ”
ภาสุรี ดาว และศินีนาฏออกมาขึ้นรถจะไปกินข้าวเที่ยง
ภาสุรีมองป้างงๆ “โวยวายอะไรน่ะ”
ป้าเริ่มคลั่ง เอาน้ำมันก๊าดราดตัวเอง หยิบไฟแช็คออกมา
ศินีนาฏกรี๊ด “ว้าย จะเผาตัวเอง”
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจกันหมด ดาวทำหน้าสยองจะรีบหนีกลับเข้าตัวตึก พลันสายตาหันไปเห็นกล้องวงจรปิดหน้าตึก มุมกล้องถ่ายลงมาที่ป้าพอดี ดาวเห็นหนทางโด่งดัง รีบพุ่งไปช่วยป้าคนนั้น
ท่ามกลางความตกใจของศินีนาฏ “ดาว”
ดาวเข้าแย่งไฟแช็ค ไม่ให้ป้าจุดไฟเผาตัวเอง
เหตุการณ์ชุลมุน ภาสุรี ศินีนาฏ พนักงาน รวมถึงรปภ. ไม่กล้าเข้าช่วย กลัวเกิดไฟลุกแล้วโดนเผาไปด้วย
ดาวยื้อยุดแย่งไฟแช็คจากป้า ยื้อแย่งกันไปมาอย่างระทึก ดาวกับป้าจะโดนไฟคลอกมั้ย
สุดท้ายดาวแย่งไฟแช็คจากป้ามาได้ เขวี้ยงทิ้งไปจนไกล
รปภ.เข้าจับตัวป้าที่ไม่หายคลั่ง จะไปหยิบไฟแช็คมาจุดไฟเผาตัวเองให้ได้ ภาสุรีกับศินีนาฏไปคุมเหตุการณ์ใกล้ชิด อยากให้ป้าหายคลั่ง
ดาวลอบมองไปทางกล้องวงจรปิด ขอให้จับภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ได้ชัดๆ ทีเถ๊อะ

ตกตอนเย็น ปัญชลีรู้เรื่องเหตุการณ์ป้าจะเผาตัวเองหน้าสถานีแล้ว เธอนั่งซึม เสียใจ และรู้สึกผิด
“พี่น่าจะเชื่อเก้ ลงไปคุยกับป้าคนนั้น ดีนะ ดาวช่วยป้าไว้ได้”
“อย่าโทษตัวเองเลยครับพี่ลี พี่ไม่รู้นี่ครับว่าป้าแกจะเผาตัวเอง”
“ตอนนี้ดิชั้นยืนอยู่หน้าตึกสถานีโทรทัศน์ THAI KK กล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ระทึกเมื่อตอนเที่ยงไว้ได้” นักข่าวรายงาน
ปัญชลีกับเก้หันไปดูข่าวช่อง THAI KK เป็นภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดหน้าตึกช่อง ตอนป้าคลั่งเอาน้ำมันก๊าดราดตัว จะจุดไฟแช็คเผาตัวเอง ดาวถลาเข้าไปช่วย แย่งไฟแช็คจากมือโยนทิ้งไป
ปัญชลีเห็นเหตุการณ์แล้วยิ่งรู้สึกผิด ป้าคนนั้นเกือบต้องตายเพราะเธอละเลยไม่ช่วยเหลือ

รายงานสดจากหน้าตึกสถานี ตรงจุดเกิดเหตุ นักข่าวสัมภาษณ์ ดาว ดารินกานต์ คนสวยแสนดี
“คุณดารินกานต์ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ”
“เมื่อตอนเที่ยงดาวออกไปทานข้าวกับคุณภาสุรี เจ้าของช่อง THAI KK แล้วก็คุณศินีนาฏ เห็นป้ากำลังจะจุดเผาไฟตัวเอง เลยรีบไปห้ามค่ะ”
“ไม่กลัวอันตรายเหรอคะ”
ปัญชลีดูดาวให้สัมภาษณ์สดทางทีวีอยู่ในห้องทำงาน
“ดาวก็กลัวค่ะ แต่ดาวปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่า ไม่ว่ารวยหรือจน”
ปัญชลีฟังดาวให้สัมภาษณ์แล้วยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง เธอไม่ได้โกรธหรืออิจฉาดาว มีแต่ความรู้สึกผิด
เช้าวันถัดมาทีมงานกระแสข่าวเช้านี้ เตรียมออกอากาศสด แอนอ่านข่าวหนังสือพิมพ์กรอบเช้า
“คอลัมน์นี้ด่าคุณลีกระจาย...ดังแล้วลืมตัว ไม่เห็นหัวคนจน”
แอนวางหนังสือพิมพ์ ภาพหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวรอง “ปัญชลีเมิน ไม่ช่วย คนมาร้องทุกข์เกือบย่างสดตัวเอง“ มีรูปประกอบข่าวเป็นรูปปัญชลีกับรูปป้าขึ้นหน้าหนึ่งหรา
“พี่ท็อปว่า คุณลีจะอ่านข่าวตัวเองโดนด่ามั้ย” แอนถาม
“ถ้ามีจรรยาบรรณก็ต้องอ่าน”
ท็อปกับแอนหันไปมองมอนิเตอร์ขึ้นสแตนด์ บาย ปัญชลีกับดาวนั่งรอจัดรายการบนเวทีแล้ว

ในห้องส่ง ปัญชลีกับดาวนั่งทบทวนสคริปต์ข่าวครั้งสุดท้าย ระหว่างรอออกอากาศสด
“พี่ลีคะ อืม...ดาวอ่านข่าวแรกให้ก็ได้ค่ะ”
ปัญชลีไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือนเหมือนเคย แต่ก็ไม่ได้ดีกับดาว “ชั้นอ่านได้”
จอยให้สัญญาณออนแอร์ พอไตเติ้ลรายการจบ ปัญชลีกับดาวไหว้สวัสดีผู้ชม
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม รายการกระแสข่าวเช้า ขอเริ่มด้วยข่าวใหญ่เมื่อวานนะคะ เกิดเหตุระทึกขวัญหน้าสถานีโทรทัศน์ THAI KK นี่เอง ป้านงเยาว์ ชาวบ้านจากจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางมาร้องเรียนดิชั้น กรณีถูกหลอกให้เซ็นจำนองที่ดิน ดิชั้นขอน้อมรับผิดที่ไม่ได้ลงไปพบคุณป้า เป็นเหตุให้คุณป้าจะเผาตัวเอง”
ในห้องคอนโทรล SMS จากคนดูเริ่มเข้ามา
แอนอ่านหน้าเครียด “SMS ด่าคุณลีเพียบเลย แรงๆ ทั้งนั้น อีนักข่าวใจดำ...เลิกเล่าข่าวได้แล้ว ไม่อยากเห็นหน้า มีแต่ SMS ชมดาว”
ดาวหน้าแฉล้ม รับช่วงเล่าข่าวต่อจากปัญชลี
“ตอนนี้คุณป้านงเยาว์อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิต ดิชั้นได้ไปเยี่ยมคุณป้ามาเมื่อคืน คุณป้ายังมีกำลังใจดีค่ะ”
ปัญชลีมองจอทีวีในห้องส่ง ที่ออกอากาศสด SMS รายการชื่นชมดาวล้วนๆ “คุณดาวกล้าหาญมาก ขอคารวะ” / “นี่แหละนักข่าวคุณภาพ ช่วยเหลือคนจน” ฯลฯ
ปัญชลีหน้าเจื่อนจ๋อยหมดสภาพนางพญา เหมือนโดนตอกย้ำว่าเธอไม่ทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน

พักเที่ยง ดาวมากินข้าวกับภาสุรีและศินีนาฏร้านประจำละแวกออฟฟิศ คนในร้านอาหารเห็นดาวก็จำได้ ว่าคือนักข่าวที่ช่วยป้าที่เผาตัวเอง ทั้งร้านหันมองดาว มีคนหนึ่งลุกมาหา
“คุณดาวกล้าหาญมากเลยที่ช่วยป้าคนนั้น ขอถ่ายรูปไปแชร์ลง Facebook นะคะ”
“ยินดีค่า”
ดาวยิ้มน่ารัก ถ่ายรูปคู่กับแฟนข่าว หลายคนในร้านมารุมขอถ่ายรูปดาวด้วย
ศินีนาฏบุ้ยใบ้ยิ้มกริ่ม “เด็กศิ ดังใหญ่แล้วค่ะคุณภา”
“ดาวดังเพราะความดี”
ดาวผู้แสนดีคนดังหน้าตารับแขก ยิ้มหวานให้แฟนๆ เข้าคิวถ่ายรูป

ด้านปัญชลีบอกภาสกรหน้าเศร้า
“ลีจะไปเยี่ยมป้าคนนั้นค่ะ ลีรู้สึกผิด อยากไปขอโทษ”
“มีภาพลีกับป้าลงข่าว ต้องเป็นประเด็นให้เล่นไม่จบ”
“ตอนนี้ลีก็โดนคนทั่วประเทศถล่มด่าอยู่แล้ว โดนด่าว่าทำดีแก้ตัวอีก ลีก็ทำใจค่ะ”
“ผมกำลังคิดหาทางช่วยป้าอยู่ ลี คุณอยู่เฉย ๆ นะ คุณสุ่มสี่สุ่มห้าไป ป้าแกอาจไม่ยอมให้ทางช่องเราช่วยเหลือ”
“จริงของภาส” ปัญชลีพยักหน้า ยอมรับเหตุผลภาสกร
ปัญชลีเดินซึมออกมา เจอศินีนาฏหอบรูปแบบรายการมาคุยกับภาสกร ศินีนาฎได้ทีซ้ำเติม
“เมื่อกี้ศิออกไปกินข้าวกับดาว แฟนคลับขอถ่ายรูปดาวเพียบชมดาวกันเปาะ ดาวใจกล้า ช่วยมนุษย์ป้า”
ปัญชลีฟังเฉยๆ
“ใครน้าพูดว่า สื่อมวลชนได้รับการยกย่องว่าเป็นฐานันดรที่ 4 เราควรใช้อำนาจที่เรามี ทำประโยชน์ให้สังคม ฮึ แค่คนๆ เดียวเดือดร้อนมา ยังไม่ช่วย”
คราวนี้นี้ปัญชลีไม่เถียง ยอมรับผิดโดยดุษฎี เดินเลี่ยงไป ไม่ต่อปากต่อคำกับศินีนาฏ
“คุณศินีนาฏเข้าไปได้เลยค่ะ คุณภาสกรว่าง” เลขาบอก
ศินีนาฏเข้าห้องมา ยิ้มแย้มประจบประแจงภาสกรมาแต่ประตูเลย
“ศิเอารูปแบบรายการของศิ มาให้คุณภาสกรพิจารณาอีกรอบค่ะ”
ภาสกรรับสมุดรูปแบบรายการมา พลันเกิดความคิดจะใช้รายการของศินีนาฏช่วยเหลือป้า

ศินีนาฏอัดรายการเทปแรก มีดาวกับป้าที่ก่อเหตุเผาตัวเองเป็นแขกรับเชิญ ภาสกรรอเข้าฉาก
“สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพบกันครั้งแรก กับรายการ “Inspired by ศินีนาฏ” รายการที่จะเป็นแรงบันดาลให้ผู้หญิงกล้าเป็นตัวของตัวเอง แขกรับเชิญคนแรกของรายการ ดิชั้นรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้หญิงคนนึงที่วีรกรรมของเธอ กำลังได้รับเสียงชื่นชมจากคนทั่วประเทศ ขอต้อนรับคุณดารินกานต์ค่ะ”
ดาวไหว้ มีป้านั่งข้างๆ
“ก่อนจะคุยกับคุณดาว ดิชั้นขอเรียนเชิญ คุณภาสกร รองผู้อำนวยการสถานี THAI KK มอบเงินช่วยเหลือคุณป้า 1 แสนบาทค่ะ”
ภาสกรเข้าฉากไปมอบซองเงินให้ป้า
“ผมมีความยินดีจะเรียนคุณป้าว่า ผมคุยกับคนที่ให้คุณป้าเซ็นจำนองที่ดินแล้ว ทางนั้นจะไม่ไล่ที่คุณป้าแล้วครับ”
ภาสุรีพาวิไลลักษณ์กับโอภาสเข้าสตูฯ มาในจังหวะนี้ ตุ่นหันไปไหว้วิไลลักษณ์กับโอภาส
“กลับจากนิวยอร์คแล้วเหรอครับคุณวิไลลักษณ์”
“ชั้นไปอเมริกาไม่กี่วัน เกิดเรื่องขึ้นเยอะแยะเลยนะ”
ทุกคนมองไปที่ศินีนาฏในฉากอัดรายการ
“คุณป้ามีอะไรจะพูดมั้ยคะ”
“ป้าก็ขอบคุณทางช่องที่ช่วยเหลือคนจนๆ อย่างป้า แล้วหนูดาว ไม่ได้หนู ป้าต้องตายไปแล้ว”
“ต่อไปเวลามีปัญหา ป้าโทร.หาดาวตามเบอร์ที่ให้ไว้นะคะ ดาวยินดีช่วยทุกเรื่อง”
ตุ่นยิ้มปากแทบฉีกถึงรูหู ปลาบปลื้มลูกสาวเหลือเกิ๊น
“ดาวใจดีเหมือนนางฟ้าเลย”
“เหมือนนางฟ้าจริงๆ เสี่ยงตายช่วยคน” โอภาสมองปลื้มดาวเช่นกัน
“ตอนนี้ IG ดาว คนติดตาม 3 หมื่นกว่าแล้วค่ะคุณพ่อ จากเดิม 3 พัน”
วิไลลักษณ์มองดาวนั่งสัมภาษณ์ข้างๆ ป้า เห็นดาวโอบป้าตลอดเวลา แสดงความห่วงใยป้าจนๆ โดยไม่รังเกียจ วิไลลักษณ์ผู้ปั้นพิธีกรข่าวมาเยอะ มองปราด อย่างคนตาแหลมคม รู้วิธีจะปั้นดาวให้เป็นนักข่าวคนดัง

ฝ่ายปัญชลีซึมไม่หาย เอาแต่โทษตัวเอง ภาสกรกับเก้ช่วยกันปลอบใจ
“หยุดโทษตัวเองเถอะครับพี่ลี”
“รายการคุณศินีนาฏจะออนแอร์พรุ่งนี้ คนดูจะได้เห็นว่า เราช่วยเหลือป้าแล้ว”
“ภาสช่วย ลีไม่ได้ช่วย ที่ผ่านมา เวลาโดนใครด่า ลีไม่เคยแคร์นะคะภาส แต่ครั้งนี้ ลีเสียใจ เพราะลีผิดจริง ลีสนใจแต่เรื่องของตัวเองจนลืมทำหน้าที่สื่อ ตอนเรียนจบ ทำงานปีแรก ลีมุ่งมั่น จะเป็นนักข่าวที่ดี ช่วยจรรโลงสังคม ช่วยเหลือคนถูกรังแก แต่ลีกลับย่ำยีอุดมการณ์ตัวเอง ลีต้องรับผิดชอบในฐานะสื่อ”
ปัญชลีตัดสินใจลงโทษตัวเอง เธอพิมพ์บางอย่างลงในไอจีตัวเอง
“พิมพ์อะไรน่ะลี”
“ลีประกาศในไอจี ขอยุติจัดรายการทุกรายการ หนึ่งเดือน”
ภาสกรกับเก้ตกใจ เก้ถึงกับหน้าเหวอ “หนึ่งเดือน นานไปมั้ยครับพี่”
“มีวิธีแสดงความรับผิดชอบที่เหมาะสมกว่านี้นะลี” ภาสกรท้วง
“วิธีนี้แหละค่ะ เหมาะสมที่สุด”
“ใครจะจัดรายการแทนลี”
“ลีจะขอให้เพื่อนที่เป็นนักข่าว มาจัดรายการแทน ภาสเข้าใจลีนะคะ ลีจำเป็นต้องแบนตัวเอง แสดงความรับผิดชอบในฐานะสื่อที่ดี”
ภาสกรหน้าขรึม ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีของคนรัก
ถึงปัญชลีประกาศยุติจัดรายการหนึ่งเดือน เธอก็ไม่รู้สึกดีขึ้นนัก

คืนนี้เก้มานอนเป็นเพื่อนปัญชลีที่บ้าน เก้นั่งสเก็ตช์แบบเสื้อผ้า ทั้งสองคนเตรียมดูรายการถามตรงกับปัญชลีคืนนี้ เพราะเป็นคืนแรกที่ปัญชลีไม่ได้จัดรายการเอง
เสียงปัญชลีดังมาจากในครัว “รายการมาแล้วเก้”
เก้เปิดทีวี พอภาพช่องไทยเคเคมา แล้วเก้ต้องตกใจ รีบปิดทีวีปั๊บ ปัญชลียกจานผลไม้ออกมาจากในครัว
“พี่บอกให้เปิดทีวีไง” ปัญชลีโมโหหยิบรีโมทจะกดเปิดทีวี
“ไปเม้าท์กันข้างบนเถอะครับพี่ลี” เก้แย่งรีโมทมาจากมือปัญชลี
“พี่อยากดูเพื่อนจัดรายการ”
“ดูในยูทูปก็ได้ครับ นานๆ ทีผมมานอนบ้านพี่ ไปเม้าท์กันดีกว่า”
“ก็พี่จะดู”
ปัญชลีเสียงเข้ม แย่งรีโมทมาเปิดทีวี แล้วเธอก็ถึงกับอึ้ง ตะลึงตะไล
ในจอทีวีตอนนี้ ดาว ดารินกานต์ กำลังจัดรายการสด ถามตรงกับปัญชลี รายการเพิ่งเริ่ม
ปัญชลีหน้าตึงเปรี๊ยะ กัดฟันกรอด โกรธภาสกรมาก ที่ปล่อยให้ดาวมานั่งจัดรายการของเธอ !

ที่ห้องส่ง ดาวจัดรายการแทนปัญชลีอย่างคล่องแคล่วฉะฉาน แนะนำผู้ร่วมรายการ
“แขกรับเชิญคืนนี้ของเรา ถูกรถกระบะชนแล้วหนี เด็กวัย 17 ต้องพิการเดินไม่ได้ ผู้เป็นพ่อซึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่ ต้องพาลูกขึ้นแท็กซี่ไปด้วย เพราะไม่มีใครดูแล น้องถูกรถชนมากี่ปีแล้วคะ”
“2 ปีครับ แม่เด็กทิ้งไป ผมต้องเลี้ยงลูกคนเดียว”
ดาวลุกไปหาเด็ก สายตาและน้ำเสียงแสดงความเอื้ออาทรห่วงใยเด็กมาก “เห็นว่าน้องยังต้องรักษาตัวอยู่ เจ็บขามั้ยคะ”
ครอบครัวภาสกรมาดูดาวจัดรายการพร้อมหน้า ยกเว้นภานุ ภาสกรมีสีหน้าหนักใจมาก เพราะเขารับปากปัญชลีแล้ว ว่าจะให้เพื่อนปัญชลีมาจัดรายการแทน
“ลีเค้าเข้าใจน่าภาส นาทีนี้ ดาวกำลังดัง เราต้องให้ดาวมาจัดแทน”
“ไม่ใช่แค่เพราะดาวกำลังขึ้นหม้อ คุณแม่เจาะจงเลือกแขกรับเชิญคืนนี้เอง เพราะมีเหตุผลอื่นอีก”
ภาสกรมองวิไลลักษณ์อย่างหาคำตอบ แม่ทำอะไรมักมีเจตนาแฝงเร้น
“แม่จะปั้นดาวให้ดัง”
“คุณแม่ปั้นนักข่าวดังๆ มาเยอะ เห็นอะไรในตัวดาวคะ”
“จะดังได้ ต้องมีจุดเด่น แม่จะสร้างคาแร็คเตอร์ให้ดาวเป็น นักข่าวขวัญใจคนจน”

วิไลลักษณ์ยิ้มหมายมั่น ฝีมือระดับเธอ สามารถปั้นดาวให้ดังเปรี้ยง เป็นคนข่าวขวัญใจมหาชนได้ไม่ยาก

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น