xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 1 
 
ยามค่ำคืน บริเวณด้านนอกบาร์เบียร์ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
 
พันกร ตำรวจนอกเครื่องแบบ นำตำรวจหน่วยปราบปรามนอกเครื่องแบบอีก 2 นาย ซุ่มอยู่ด้านหน้าบาร์เบียร์ เขาหันมาบอกคนในทีมเสียงเบาพร้อมให้สัญญาณมือ
“ทางสะดวก นายสองคนไปดักประตูหลัง รอสัญญาณบุก ฉันจะเข้าด้านหน้าเอง”
เพื่อนตำรวจในทีมสองคนแยกย้ายกันไปด้านหลังบาร์เบียร์เพื่อปิดทางหนีของคนร้าย พันกรเดินออกมาจากที่ซ่อน ทำตัวเป็นลูกค้าคนหนึ่ง แล้วเข้าไปด้านในบาร์ ลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่งพากันเข้าไปด้านใน อีกด้านมีรถสีเข้มจอดซุ่มอยู่ ภายในรถ เอกราชกำลังพูดโทรศัพท์
“พี่พร้อมแล้ว เตรียมลุยได้เลย”
ด้านในบาร์เบียร์ ประภาพรรณ หรือ มิว สวมชุดสาวเชียร์เบียร์สีสดใสตอบรับโทรศัพท์ของเอกราช
“โอเค.พี่”
แก๊งค้ายาเสพติดชาย 2 คน เดินหายเข้าไปช่องลับหลังร้านเพื่อไปห้องเก็บยาเสพติด พนักงานเสิร์ฟชายเดินมาบอกประภาพรรณ
“มิว ลูกค้ามาใหม่จะสั่งเบียร์”
ประภาพรรณพยักหน้าแล้วมองไปที่ลูกค้าชายหญิงที่พากันเข้ามาใหม่นั่งรอที่โต๊ะ รีบเข้าไปเพื่อรับออเดอร์ทันที
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
พันกรมองสำรวจไปรอบๆ ร้าน จังหวะที่ประภาพรรณวิ่งมารับลูกค้าใหม่เลยชนกัน ดีที่พันกรรับตัวหญิงสาวไว้ได้เลยไม่ร่วงลงไปกองกับพื้น
“ใจเย็นน้องสาว”
พันกรหลิ่วตาให้แบบเจ้าชู้ เสียงเพื่อนตำรวจในทีมรายงานผ่านหูฟังของเขา
“Stand By ด้านหลังแล้ว พร้อม”
พันกรรับรู้ มองไปที่ช่องลับหลังร้านแล้วแสดงตัวเพื่อบุกเข้าไปจับกุมพร้อมประกาศเตือน
“ทุกคนอยู่ในความสงบ”
ลูกค้าและพนักงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องหยุดชะงัก ประภาพรรณมองพันกรไม่รู้ว่าเป็นใคร กลัวจะทำให้เรื่องเสียเลยเข้าไปสกัดไว้
“คุณ จะทำอะไร”

ด้านในซึ่งเป็นที่เก็บยาเสพติด ชาย 3 คน กำลังเตรียมขนยาที่พักเอาไว้เพื่อจัดส่ง พันกรบุกเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมบอกเสียงเฉียบ
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าขยับหรือเคลื่อนย้ายอะไรทั้งนั้น”
ด้านหลัง ทีมตำรวจอีกสองนายก็บุกเข้ามาล้อมไว้ ประภาพรรณรีบถลาตามเข้ามา เหมือนจะเข้าไปขัดขวางการจับกุมของตำรวจ แต่จริงๆ แล้วภารกิจนี้ เธอจะต้องเป็นฝ่ายนำเข้ามาจับกุม รอเอกราชมาเสริม แต่พอกลายเป็นพันกร ประภาพรรณก็งง
“เฮ้ย ใคร”
แก๊งค้ายาเสพติดไม่ยอมให้จับง่ายๆ รีบยิงใส่ พันกรเห็นประภาพรรณอยู่ในวิถีกระสุนเลยผลักแล้วดันร่างหญิงสาวล้มลงให้พ้นจากกระสุนปืน
“หลบเร็ว”
ประภาพรรณรอดหวุดหวิดจากการช่วยเหลือของพันกร กระสุนโดนผนังในห้อง พันกรและตำรวจอีกสองนายยิงตอบโต้คนร้ายด้วยฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาเลยจัดการคนร้ายสามคนได้ไม่ยุ่งยาก คนร้ายยอมทิ้งปืนแล้วมอบตัวแต่โดยดี พันกรถามคนร้าย
“ที่นี่คือแหล่งพักยาเสพติดของเสี่ยโต้ง สก.ชื่อดังใช่มั้ย”
คนร้ายต่างปากแข็งส่ายหน้าไม่ยอมสารภาพ ประภาพรรณยังงงๆ เลยถามอออกไป
“นาย พวกนายรู้ได้ไง”
พันกรเลยหันมามองประภาพรรณเต็มตาอีกครั้ง เริ่มสงสัยว่าหญิงสาวคงจะไม่ได้เป็นแค่สาวเชียร์เบียร์ธรรมดา
“พี่ควรถามว่าน้องรู้ได้ไงมากกว่า”
ประภาพรรณรีบส่ายหน้า เพราะไม่รู้จักพันกร แต่เชื่อว่าเป็นตำรวจมาจับคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่เธอมาสืบ
“ฉันเปล่ารู้”
ประภาพรรณทำท่าจะหนี อยากหาโอกาสไปถามเอกราชให้รู้เรื่อง พันกรรวดเร็วมาก ยึดตัวหญิงสาวไว้ แล้วสวมกุญแจมือล็อกทันที
“จะรีบร้อนไปไหน น้องสาวคนสวย คุยกับพี่ก่อน”
พันกรหันไปบอกลูกทีม
“นายสองคนพาผู้ต้องหากลับหน่วยก่อน น้องคนนี้ฉันเคลียร์เอง”
“โอเค.”
ตำรวจสองนายรับรู้แล้วต่างคุมตัวผู้ต้องหาเดินออกไป ประภาพรรณพยายามจะหาทางหนีอีกรอบ
“ฉันไม่”
พันกรดึงตัวประภาพรรณให้เดินตามออกมาด้านนอก

เอกราชรออยู่ด้านนอก เห็นแก๊งค้ายา 3 คนถูกคุมตัวไปขึ้นรถ ก็เข้าใจทันทีว่ามีหน่วยอื่นมาร่วมด้วย เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขารีบกดรับ
“ครับ ท่านรอง ใช่ครับ คนร้ายถูกจับแล้ว ได้ครับท่าน”
เอกราชตัดการสนทนา พยายามต่อโทรศัพท์หาประภาพรรณ แต่ไม่มีใครรับสาย เขาเลยตัดสินใจส่งข้อความไปแทน ก่อนจะออกรถขับจากไป โดยพันกรเป็นคนอ่านข้อความจากมือถือของประภาพรรณ
“เรามีแขกไม่รับเชิญ ไว้ค่อยคุยกัน พี่ไปก่อนนะ”
พันกรมองประภาพรรณด้วยความสงสัย ชูมือถือของเธอขึ้น
“เธอเป็นใครกันแน่ ข้อความนี้หมายความว่าอะไร พรรคพวกเธออยู่ที่ไหน บอกมา”
ประภาพรรณนิ่งเฉยไม่ยอมตอบคำถาม พันกรเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาถ่ายภาพหญิงสาว แล้วรีบกดส่ง ก่อนต่อโทรศัพท์คุยกับทีมเสริม
“เช็คให้ด้วยว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
ประภาพรรณรีบแก้ตัวเพื่อหาทางเอาตัวรอด
“ฉันก็เป็นแค่สาวเชียร์เบียร์ ถ้าคุณเป็นตำรวจจริง ก็น่าจะตามไปสอบสวนคนร้ายพวกนั้น อย่ามาเสียเวลาที่นี่เลย”
พันกรกลับนั่งลงตรงเคาน์เตอร์อย่างใจเย็นแล้วมองหน้าประภาพรรณ
“แต่พี่ว่าง ทั้งคืนเลย”
เสียงสัญญาณข้อความมือถือพันกรดังขึ้น เขารีบเปิดดู ภาพหน้าจอเป็นรูปภาพประภาพรรณ พันกรรีบอ่านข้อความ
“ประภาพรรณ สกุลรักดี หนึ่งในแก๊งต้มตุ๋น”
พันกรรีบปิดหน้าจอแล้วยิ้มใส่หญิงสาว
“น้องว่าเป็นสาวเชียร์เบียร์ พี่ชักเปรี้ยวปาก เอามาชิมหน่อยสิ”
ประภาพรรณอยากรู้ว่าพันกรอ่านข้อความอะไร ตัดสินใจหาทางรอด ต่อรองด้วยเสียงและท่าทางอ้อนๆ
“พี่ก็ไขกุญแจมือหนูก่อนสิ เดี๋ยวน้องบริการให้แซ่บถูกใจ”
พันกรไม่สนใจ เรียกพนักงานเสิร์ฟชายมาบริการ
“น้อง พี่ขอเบียร์กับแก้วด้วย จะฉลองซะหน่อย”
“ขอแก้วสองใบ”
ประภาพรรณพูดต่อ พันกรหรี่ตามอง แล้วถามยียวน ปนเจ้าชู้
“อย่าบอกนะว่า น้องจะท้าดวลเบียร์กับพี่ เป็นผู้หญิงเมาไปจะอันตรายนะน้อง”
“พี่กล้าดวลกับหนูมั้ยล่ะ คุณตำรวจตรวจแหลก”
พนักงานเสิร์ฟชายนำเบียร์วางตรงหน้าพร้อมแก้วสองใบ พันกรรินเบียร์ใส่แก้วแล้วยกให้ประภาพรรณ
“เชียร์”
ประภาพรรณรับแก้วเบียร์ไป มองพันกรด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

ผ่านเวลา พันกรเมาคอพับอยู่ตรงเคาน์เตอร์เพราะดวลเบียร์สู้ประภาพรรณไม่ได้ หญิงสาวเองก็เมาแต่ยังประคองตัวได้มากกว่า รีบหยิบเอากุญแจมาไขปลดล็อกกุญแจมือสำเร็จ
“หน้าแก่แต่คออ่อนนี่หว่า”
พนักงานเสิร์ฟชายเดินเข้ามามอง
“อ้าว เมาซะแล้ว ใครจะจ่ายค่าเบียร์”
ประภาพรรณส่งกระเป๋าเงินของพันกรให้
“เท่าไหร่ หยิบไป”
พนักงานเสิร์ฟหยิบเงินออกไป แล้วคืนกระเป๋าให้ ประภาพรรณรับไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงพันกรเหมือนเดิม
“แล้วเอาไงต่อดีวะ มิว”
“ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้าน เก็บร้านเสร็จ ก่อนปิด นายก็ปลุกพี่ตำรวจด้วยละกัน”
ประภาพรรณเดินเข้าไปหลังร้าน ปล่อยให้พันกรนอนเมาอยู่ตรงนั้น

กลางดึก พันกรเมามากเดินไม่ตรงทางออกมาหน้าบาร์เบียร์ แล้วจู่ๆ ก็หมดสติลงตรงพื้นข้างถนน ประภาพรรณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินออกมาเตรียมจะกลับบ้าน มีอาการเมาเช่นกัน เท้าไปเตะร่างของพันกร
“หมาที่ไหนมานอนขวางทาง”
ประภาพรรณเห็นพันกรนอนอยู่ที่พื้น เหมือนจะได้ยินที่หญิงสาวว่า
“คนโว้ยคน คร่อก”
พันกรหมดสติไปอีก ประภาพรรณก้มลงไปสะกิดชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่รับรู้
“เฮ้ย คนก็ลุกขึ้นสิ เมาเหมือนหมา”
ประภาพรรณทำท่าจะเดินจากไป ทิ้งให้พันกรนอนข้างถนน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้
“เป็นตำรวจจะมานอนตรงนี้ เสียชื่อหมด แล้วบ้านอยู่ไหนเนี่ย”
ประภาพรรณค้นตัวพันกร เจอคีย์การ์ดคอนโดมิเนียมในกระเป๋าสตางค์เลยดึงร่างชายหนุ่ม ประคองพาไป
“อย่าฝืนสิพี่ ตัวหนักเป็นบ้า”

ประภาพรรณประคองพันกรมาที่ด้านหน้าคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง
“อยู่หรูซะด้วยลูกพี่”
ประภาพรรณประคองพันกรเข้าไปด้านในคอนโดมิเนียม พอไปถึงหน้าห้อง ก็รีบเอาคีย์การ์ดเปิดประตู หันมาประคองพันกรให้เข้าห้อง แต่เพราะเธอเองก็ทั้งเหนื่อยทั้งเมาแทบหมดแรง จึงตัดสินใจลากชายหนุ่มเข้าไปด้านในห้องแทนการประคอง ทุลักทุเลแต่ก็ทำจนปิดประตูห้องได้ แล้วลากพันกรนอนบนเตียงใหญ่จนสำเร็จ ในขณะที่ตัวเองก็เสียหลักล้มลงไปทับร่างของพันกร
ประภาพรรณพยายามจะดันร่างของพันกรออก แต่ชายหนุ่มกลับป่ายมือไปมากอดรัดเธอไว้นัวเนีย ประภาพรรณพยายามดิ้นให้หลุดแต่ไม่สำเร็จ พันกรกอดแน่นแล้วเริ่มเอาหน้าไปซุกแถวๆ หน้าอกหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เฮ้ย ปล่อย”
มือพันกรเหมือนหนวดปลาหมึก ไม่ยอมหยุดซุกซน
“นิ่มจัง”
“เมาดิบหรือเปล่าเนี่ย”
พันกรกอดหอมประภาพรรณไว้ไม่ยอมปล่อย
“หอมจัง”
ประภาพรรณพยายามฝืน สุดท้ายก็หมดแรงต้านทาน ปล่อยให้พันกรกอดหอมต่อไป

กลางดึก เสื้อผ้าของพันกรและประภาพรรณกองเกลื่อนอยู่ที่พื้นห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือของพันกรดังจากกางเกงที่กองกับพื้นห้อง เขานอนกอดประภาพรรณอยู่ในผ้าห่ม สปริงตัวขึ้นตามสัญชาตญาณ เห็นว่ามือถือดังเลยลุกไปคว้ามาเปิดอ่านข้อความ
“ประภาพรรณ สกุลรักดี แท้จริงแล้วเป็นสายสืบในเชิงลับให้หน่วยงานสืบสวนพิเศษ คนกันเอง ปล่อยตัวได้”
พันกรอ่านข้อความเสร็จก็มองไปที่ร่างของประภาพรรณที่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม มองสภาพตัวเอง อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ พอจะเดาได้ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นระหว่างตัวเองกับแม่สายลับสาวสวยคนนี้ แอบถูกใจ เขามองนาฬิกาในห้อง เห็นเป็นเวลาตีสาม
“ง่วงจัง ไว้เช้าพี่จะเคลียร์กับสายสืบคนสวยเองนะจ๊ะ”
พันกรล้มตัวลงนอนกอดประภาพรรณไว้ด้วยรอยยิ้มมีความสุข หญิงสาวขยับตัว ชายหนุ่มยิ่งกอดแน่นขึ้น แล้วต่างก็หลับไปอีกครั้ง

ตอนเช้า แสงอาทิตย์แยงตาประภาพรรณจนเจ้าตัวระคายเคือง กระพริบตาตื่น แล้วมองสำรวจไปรอบๆ มือของพันกรยังกอดร่างเปลือยของเธอไว้ หญิงสาวเริ่มได้สติ รับรู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ในผ้าห่มกับชายหนุ่ม เธอมองไปที่พื้นห้องก็เห็นหลักฐานเสื้อผ้ากองรวมกันอยู่ ประภาพรรณตกใจมาก ร้องขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
“เฮ้ย ไอ้บ้า เสื้อผ้าฉันล่ะ”
ประภาพรรณรีบเด้งตัวขึ้น โดดลงจากเตียงแล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว พันกรขยับตัว มือก็ควานหาร่างของหญิงสาว
“น้องสาวคนสวย มาให้กอดหน่อย”
ประภาพรรณใส่เสื้อผ้าเสร็จ มองพันกร ฉุนหนักเพราะเริ่มเดาได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น
“ไอ้ลามก คนฉวยโอกาส”
ประภาพรรณ ระดมทุบพันกรไม่ยั้ง ชายหนุ่มจากที่งัวเงียก็ตื่นขึ้นเพราะเจ็บที่โดนทุบ
“โอ๊ย มาทุบพี่ทำไมเนี่ย เมียจ๋า”
“ใครเป็นเมียนาย”
พันกรอมยิ้มมองประภาพรรณสายตาเจ้าชู้
“ก็เมื่อคืน เรากระดึบ กระดึบ กันทั้งคืน”
“คนฉวยโอกาส แกตาย”
ประภาพรรณทำท่าจะเข้าไปจัดการทำร้ายพันกรให้ตายจริงๆ แต่เขารู้ทันเลยรวบร่างของหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้
“ใจเย็น ใจคอคุณจะยอมเป็นม่ายเหรอครับ คุณประภาพรรณ สกุลรักดี”
ประภาพรรณหยุดทำร้าย สลัดตัวให้พ้นจากพันกร
“นายรู้ได้ไงว่าฉันชื่อนามสกุลอะไร”
“ชงกาแฟเป็นมั้ย”
ประภาพรรณพยักหน้า พันกรเลยชี้ไปทางครัวในคอนโดฯ
“งั้นจัดมาให้สักหน่อย สมองโล่งแล้วเราค่อยๆ คุยกันนะจ๊ะ ที่รัก”
“อย่ามาเรียกฉันว่า ที่รักนะ”
“โอเค ๆ ไม่เรียกก็ได้ครับ”
พันกรยกมือยอมแพ้ แล้วยิ้มหวานให้ จะลุกมา ผ้าห่มที่ห่มอยู่ทำท่าจะหลุด
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ อย่ามาผ้าหลุดต่อหน้าฉัน หน้าด้านจริงๆ”
ประภาพรรณเดินไปในครัว พันกรยิ้มด้วยความสุข

เวลาต่อมา พันกรดื่มกาแฟแล้วมองหน้าประภาพรรณที่ถือถ้วยกาแฟของตัวเองไว้แต่ไม่ยอมแตะ สีหน้าแววตากำลังคิดหนักถึงเรื่องที่ผ่านมา ชายหนุ่มตัดสินใจพูดออกไปจากใจจริง
“เรื่องเมื่อคืนนี้ ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
ประภาพรรณมีท่าทีลังเล สับสนกับชีวิต ได้แต่ถามออกไปด้วยเสียงไม่มั่นใจ
“เราต่างก็เมา นาย”
“ผมชื่อ พันกร นรินทร์จรรยา ยศร้อยตำรวจเอกแห่งกองปราบปรามครับ คุณประภาพรรณ มีชื่อเล่นมั้ยครับ”
“มิวค่ะ”
“งั้นผมขออนุญาตเรียกมิวนะครับ เรียกผมว่า กร ก็ได้”
“แล้วนาย เอ่อ คุณกร ไม่จับฉันแล้วเหรอ”
พันกรส่ายหน้าแล้วเดินไปหยิบมือถือพร้อมกดข้อความให้หญิงสาวอ่าน
“ที่แท้เราก็ทำงานเหมือนกัน เพียงแต่คนละหน่วย”
“งั้นฉันก็ไปได้แล้ว”
ประภาพรรณทำท่าจะไป แต่ใจหนึ่งก็ห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พันกรเดินเข้ามาพร้อมจับไหล่หญิงสาวไว้ สบตา พูดด้วยเสียงอ่อนโยนจริงใจ
“ผมบอกแล้วไงว่าพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง มิวจะให้ผมไปสู่ขอแล้วก็จัดงานแต่งงานหรืออะไรยังไงกับพ่อแม่ ก็บอกมาได้เลยครับ”

ประภาพรรณฟังพันกรพูดด้วยเสียงและท่าทางจริงใจก็อดจะคิดถึงสภาพของตัวเองไม่ได้








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 1 (ต่อ)  

ในอดีต ที่บ้านของเสริมบุญ เป็นบ้านไม้กึ่งตึก ฐานะปานกลาง
 
ประภาพรรณกลับเข้ามาในบ้าน แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเอกราชกำลังเถียงกับเสริมบุญ
“ลุงบุญทำอย่างนี้ก็ไม่ถูก ผมทำงานเลวๆ ให้ลุงมาเป็น 10 ปี บุญคุณที่อ้างว่าเลี้ยงดูมันก็น่าจะจบสิ้นกันได้แล้ว”
“แกอยากจะบินเดี่ยวใช่มั้ย ไอ้เอกราช”
เอกราชส่ายหน้า พร้อมยกมือไหว้เสริมบุญ
“ผมแค่อยากจะกลับตัว ทำมาหากินสุจริต ผมขอเถอะนะครับ ลุงเสริมบุญ”
“ตามใจ แกมันปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ แต่แกอย่ามาชวนไอ้มิวให้แข็งข้อเหมือนแกนะ”
“แต่มิวก็น่าจะได้รู้ความจริงนะครับ ลุง”
“ไอ้มิวจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของฉันกับมันสองคน แกไม่เกี่ยว”
ประภาพรรณทนฟังต่อไม่ได้ เลยเดินเข้าไปหาทั้งสองคน
“ความจริงอะไรเหรอ พ่อ”
เสริมบุญมองหน้าประภาพรรณแล้วตกใจ แต่ไม่ตอบทำนิ่ง ประภาพรรณเลยหันมาคาดคั้นเอกราช
“ว่าไง พี่เอกราช ความจริงอะไร”
เอกราชไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ผมว่า ถึงเวลาที่ลุงต้องบอกมิวแล้วล่ะ”
“ข้าไม่มีอะไรจะบอก งานที่ให้ไปทำวันนี้เป็นไง เงินล่ะ”
ประภาพรรณหยิบเงินที่ไปทำงานจากการต้มตุ๋นออกมา แต่ยังไม่ให้เสริมบุญ
“ถ้าพ่อไม่บอก ฉันก็ไม่ให้”
“เอ๊ะ เอ็งคิดจะเนรคุณอีกคนหรือไง เสียแรงที่ข้าเก็บเอ็งมาจากถังขยะ รู้งี้ปล่อยให้มดกัดตายเสียก็ดี”
ประภาพรรณตกใจมากเมื่อได้ยินความจริงจากปากของเสริมบุญ
“พ่อ ไม่จริงใช่มั้ย พี่เอก ไม่จริงใช่มั้ย”
เอกราชกลับพยักหน้าแทนคำตอบ เสริมบุญพูดย้ำให้ประภาพรรณเสียใจขึ้นไปอีก
“ในเมื่อเอ็งรู้ความจริงแล้ว เอาเงินมา”
ประภาพรรณน้ำตาร่วงเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเสริมบุญ
“แสดงว่าที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงมิวไว้ทำงานให้ใช่มั้ย”
“ก็เออสิวะ เอาเงินข้ามา”
ประภาพรรณส่งเงินให้เสริมบุญพร้อมประกาศ
“เงินสกปรกพวกนี้จะเป็นก้อนสุดท้ายที่พ่อจะได้จากมิว”
ประภาพรรณสะบัดหน้าจากไปเพื่อซ่อนน้ำตาแห่งความเสียใจและใจที่แตกสลาย
“เออ ไปกันให้หมด แล้วอย่ากลับมาอีกนะ พวกเนรคุณ”
ประภาพรรณเดินออกไปจากบ้านเสริมบุญ เอกราชเป็นห่วงรีบตามไป
“มิว จะไปไหน”
ประภาพรรณส่ายหน้าแววตาสับสนเหมือนเด็กหลงทาง
“ฉันก็ไม่รู้หรอกพี่เอก ฉันไม่มีพ่อไม่มีแม่ บ้านก็ไม่มี”
เอกราชมองประภาพรรณด้วยสายตาแห่งความรักและห่วงใย

ภายในห้องคอนโดของพันกร พันกรถามย้ำประภาพรรณอีกครั้ง
“ว่าไงครับ จะให้ผมไปพบพ่อแม่คุณเมื่อไหร่ดี”
ประภาพรรณส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ฉันไม่มีพ่อแม่หรอกค่ะ บ้านก็ไม่มี”
ประภาพรรณพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“งั้นเอางี้ มิวอยู่ที่คอนโดนี้ไปก่อน ผมยกห้องนี้ให้มิวเลย”
“แต่ว่า”
“ผมสัญญาด้วยเกียรติว่าจะไม่แตะต้องมิวอีก ถ้ามิวไม่เต็มใจ”
ประภาพรรณตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ในเมื่อตัวเธอก็ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัวที่ไหนแล้ว ก็จะลองเสี่ยงคบหากับพันกรดู
“ตกลงค่ะ ฉันจะอยู่ที่คอนโดนี้ แต่ขอสัญญาว่า”
“สัญญาอะไรครับ”
“จะไม่มีเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนอีก เราจะลองคบกันดูว่าใช่หรือไม่”
“ก็ได้ครับ เราก็น่าจะมีเวลาศึกษานิสัยกันและกัน แต่ว่าจะนานสักแค่ไหนล่ะครับ ผมกลัวจะอดใจไม่ไหว”
“มิวขอเวลาคุณกรหนึ่งปีค่ะ ถ้าเราทั้งสองคนต่างยืนยันว่าใช่”
“มิวก็จะแต่งงานกับผมใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ แต่ระหว่างนี้ห้ามคุณ”
พันกรรีบต่อรองเพราะในใจนั้นถูกใจหญิงสาวอย่างมาก
“ขอแค่กอด แค่หอมแก้มนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เหรอครับ”
ประภาพรรณพยักหน้าแทนคำตอบ พันกรตรงเข้าไปกอดแล้วก็หอมแก้มหญิงสาวด้วยความเสน่หา ประภาพรรณไม่ขัดขืน ยิ้มออกมาด้วยความหวังว่าจะได้พบรักแท้

หนึ่งปีผ่านไป มีการจัดงานแต่งงานที่หรูหรา ในโรงแรมหรู จัดอย่างยิ่งใหญ่ สมเกียรติสมฐานะ มีป้าย “ขอแสดงความยินดีในงานมงคลสมรส ประภาพรรณ-พันกร”
ปรีชาชาญ พ่อของพันกร ซึ่งเป็นรัฐมนตรี ต้อนรับแขกสำคัญทั้งในแวดวงการเมืองและธุรกิจด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพราะยินดีกับการแต่งงานของลูกชายคนเดียว
พันกรแต่งชุดเจ้าบ่าวหล่อสง่า ต้อนรับเพื่อนในแวดวงตำรวจด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ประภาพรรณ อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสวยหวาน ยิ้มต้อนรับแขกของสามี แต่คุณหญิงปทุมวดี แม่ของพันกรกลับวางหน้านิ่งแสดงความไม่พอใจสะใภ้นอกสายตาอย่างประภาพรรณ โดยไม่คิดจะเก็บอาการ จนปรีชาชาญต้องเข้ามากระซิบบอกภรรยา
“คุณหญิง งานแต่งงานของลูกชายคนเดียวของเรานะ ทำไมทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขมอย่างนั้นล่”
ปทุมวดีจีบปากจีบคอตอบโต้สามีไม่ลดละ
“ก็คุณพี่จะให้ปทุมยิ้มหน้าบาน ทั้งที่ไม่เต็มใจรับสะใภ้ไร้สกุลเหรอคะ ดูสิ งานแต่งงานเราจัดใหญ่โตสมฐานะ แขกเหรื่อหรือก็แสนจะไฮโซ แต่ไม่เห็นมีญาติฝ่ายเจ้าสาวมาสักคน สงสัยแม่นี่จะเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่”
“แล้วลืมสร้อยที่คอคุณหญิงแล้วเหรอ”
ปทุมวดีก้มลงมองสร้อยเพชรเม็ดเท่าไข่ที่คอตัวเองแล้วนึกถึงอดีต ก่อนหน้านี้ ที่เธอทำหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วปรีชาชาญเดินเข้ามาพร้อมกล่องใส่เครื่องเพชรสีแดงสด
“ถ้าคุณหญิงไม่เห็นกับใคร ก็เห็นกับความสุขของตากรเถอะ”
“แล้วความทุกข์ของคนเป็นแม่อย่างน้องล่ะคะ คุณพี่ปรีชาชาญ น้องเสียกำลังใจนะคะ”
ปรีชาชาญยื่นกล่องใส่เครื่องเพชรสีแดงสดไปตรงหน้าปทุมวดี
“เนี่ย พอจะเพิ่มกำลังใจให้คุณหญิงได้บ้างมั้ย”
ปทุมวดีแสร้งทำตาปริบๆ ทั้งที่ในใจลิงโลดอยากเห็นว่าในกล่องจะมีอะไร
“กล่องอะไรคะ ช็อกโกแลตเหรอคะ”
“ช็อกโกแลตคงไม่ราคา 120 ล้านหรอกมั้ง คุณหญิง”
พอปทุมวดีรู้ว่าของในกล่องราคาเท่าไหร่ก็ได้คำตอบทันทีว่าเป็นสร้อยเพชรแน่นอน เธอรีบรับมาเปิดออก แล้วตาก็ยิ่งลุกวาวเมื่อเห็นความสวยของสร้อยเพชร
“คุณพี่ให้น้องจริงๆ เหรอคะ”
ปรีชาชาญพยักหน้าแทนคำตอบ ปทุมวดีตื่นเต้นมาก รีบเอาสร้อยเพชรไปลองทาบแล้วส่องดูความงามที่กระจกทันที

ภายในงานเลี้ยง ปทุมวดีฉีกยิ้ม เชิดหน้า ให้ช่างภาพถ่ายรูป ประภาพรรณมองแม่สามียิ้มให้กล้องเลยแกล้งกระซิบถาม
“คุณแม่สามียิ้มออกแล้ว ดีใจที่มีลูกสะใภ้แสนดีใช่มั้ยคะ”
“ฉันเป็นผู้ดี น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอกต่างหากย่ะ”
“อ๋อ สร้างภาพนั่นเอง”
ปทุมวดีหมั่นไส้ประภาพรรณมากเลยแกล้งโอบเอวสะใภ้แล้วหยิกเข้าให้เบาๆ ประภาพรรณเจ็บสะดุ้งน้อยๆ แต่ก็ยังยิ้มให้กล้องแถมกวนด้วยการกระแซะเข้าไปใกล้ๆ พันกรจนหน้าแทบจะแนบหน้า พันกรก็ยิ้มหวานชื่นแนบหน้ากับประภาพรรณด้วยความสุข ปทุมวดีได้แต่มองฝากแค้น ในขณะที่ปากก็ฉีกยิ้ม ช่างภาพมองผ่านกล้อง แล้วชื่นชม
“เยี่ยมครับ สวยมาก Happy Family”
ช่างภาพรัวชัตเตอร์อีกหลายภาพ
“โอเค. ขอบคุณครับ”
พอสิ้นเสียงช่างภาพ ปทุมวดีรีบแยกจากประภาพรรณทันที แววตาแสดงอาการเหยียด ราตรีเดินผ่านมาพอดี ปทุมวดีรีบดึงมือราตรีไปให้พ้นสายตาแขกอื่นๆ แล้วถอนหายใจแบบโล่งอก
“เฮ้อ คิดว่าจะหมดลมซะก่อน”
“มีอะไรหรือคะ คุณพี่ปทุม”
“เชอะ อารมณ์เสีย”
ราตรีมองไปทางประภาพรรณกับพันกรที่ฉีกยิ้มถ่ายภาพกับแขกที่มาอวยพรแล้วกระซิบถาม
“กลิ่นน้ำคลำมันแรงขนาดคุณพี่ปทุมหายใจไม่ออกใช่มั้ยคะ”
“แหม คุณน้องราตรีเนี่ยจมูกไวเหมือน มด เลยนะคะ”
“เรื่องอย่างนี้คนระดับเรามี Sense ไวค่ะ คุณพี่ปทุมขา”
ปทุมวดีเชิดหน้าก่อนจะตั้งท่าเมาท์ลูกสะใภ้
“ใช่ค่ะ พูดแล้วจะหาว่าเมาท์นะคะ คุณพี่จะต้องหาทางกำจัดสิ่งแปลกปลอมไปให้พ้นทางไวๆ”
“คุณพี่หมายความว่าจะว่าจ้างคนมาอุ้มฆ่าลูกสะใภ้เหรอคะ”
“ถ้าทำได้ เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ คุณน้องราตรี พี่ต้องกำจัดด้วยวิธีผู้ดีๆ ด้วยการรีบหาลูกสะใภ้ที่ดีงามสมหน้าตามาเสียบโดยไวต่างหากค่ะ”
“งั้นข่าวลือที่ว่าลูกสะใภ้คุณพี่เป็นลูกกำพร้าไม่มีญาติที่ไหน เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครมางานสักคน ก็จริงสินะคะ”
ปทุมวดีจำต้องพยักหน้ายอมรับด้วยแววตาไม่พอใจ
“ใช่ค่ะ คุณน้อง ต่ำมากจนอากาศแถวนี้มีแต่มลพิษ อึดอัดสุดๆ”
“ถ้าอย่างนั้น เรามาหาอะไรทำสนุกๆ กันดีมั้ยคะ คุณพี่ปทุม”
ราตรีกระซิบกระซาบ ปทุมวดียิ้มออกมา พอใจในแผนการของราตรี

พิธีกรในงานประกาศเชิญบ่าวสาวมาร่วมตัดเค้กบนเวที
“ได้เวลาอันเป็นมงคลแล้วนะครับ ขอเชิญเจ้าบ่าว ผู้กองพันกร นรินทร์จรรยา พาเจ้าสาว คุณประภาพรรณ สกุลรักดี ตัดเค้กและเป่าเทียนวิวาห์ครับ”
ปทุมวดีกับราตรีสบตากันอย่างหมายมั่น พันกรยกแขนให้ประภาพรรณควงเดินเคียงคู่กันไป ระหว่างทางเดินที่จะไปตรงเค้กวิวาห์ ปทุมวดีแกล้งยื่นเท้าออกไปเหยียบชายกระโปรงชุดวิวาห์ของประภาพรรณเอาไว้เพื่อหวังให้ลูกสะใภ้ล้มแล้วขายหน้า ประภาพรรณทำท่าจะล้มหน้าคว่ำ ดีที่ฝึกวิชาการต่อสู้ทรงตัวมา บวกกับโชคช่วย เลยไม่ล้มไป จังหวะที่พันกรคว้าตัวหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนได้ทันด้วย ทุกคนในงานมองลุ้นระทึกว่าจะเกิดเหตุการณ์หวาดเสียวอะไรหรือไม่
“อุ๊บ ไม่ต้องตื่นเต้นครับที่รัก”
พันกรประคองกอดประภาพรรณไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วประกาศกับแขกในงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มุกติดตลก
“ขอโทษด้วยนะครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมแค่ตื่นเต้น อยากจะเข้าหอไวๆ ก็เจ้าสาวสวยขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว จริงมั้ยครับ”
พันกรไม่ใช่แค่พูด แต่ยังทำเซอร์ไพรส์ด้วยการจูบเจ้าสาวโชว์ แล้วอุ้มประภาพรรณเดินไปที่หน้าเค้กแต่งงาน แขกเหรื่อพากันปรบมือฮือฮาอิจฉาครื้นเครง พันกรวางประภาพรรณลงอย่างนุ่มนวล พร้อมประกาศอีกรอบ
“มาเป่าเทียนวิวาห์ของเราดีกว่าครับ มิวที่รัก”
“ค่ะ คุณกร”
ประภาพรรณตอบพันกรด้วยแววตาเอียงอาย แล้วหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ปทุมวดีที่มองมาด้วยสายตาพิฆาต ก่อนที่ปทุมวดีจะเดินหลบมาอีกมุมพ้นตาผู้คนด้วยความแค้นใจที่เหตุการณ์กลับตาลปัตรทำให้หน้าแตก
“นี่มันเล่นของหรือยังไง ทำไมเหตุการณ์มันกลับตาลปัตรไปได้ ตากรก็นะ ไม่ได้ดังใจแม่เลย มันน่าเจ็บใจนัก”
“ใจเย็นๆ ค่ะ คุณพี่หญิง วันพระไม่ได้มีหนเดียว วันนี้มันอาจจะดวงดี แต่วันหน้ายังมีนะคะ”
ปทุมวดีได้แต่พยักหน้ากับราตรี ฝืนยิ้ม ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ

ภายในร้านเพชรสุดหรูในโรงแรม ดวงแก้ว วางมาดคุณนายไฮโซลองสวมแหวนเพชรหลายวงตรงหน้า ขณะที่สายตาก็มองหาจังหวะจะฉกแหวนเพชร ในจังหวะที่พนักงานขายหญิงเผลอ แต่หารู้ไม่ว่า เสี่ยเจ้าของร้านเพชรมองดวงแก้วผ่านกล้องวงจรปิดในร้านด้วยความไม่ไว้ใจอยู่ก่อนแล้ว พนักงานขายแกล้งถามดวงแก้ว
“วงไหนดีค่ะ คุณนาย สวยแล้วก็น้ำงามทุกวงเลยนะคะ”
ดวงแก้วทำทีเป็นกระแอมไอ
“แหม ก็สวยนะคะ แต่คุณพี่หิวน้ำจัง เลยเลือกไม่ค่อยถูก”
“งั้นรอเดี๋ยวนะคะ คุณนาย”
พนักงานขายแสร้งเดินออกไปผ่านรปภ.หน้าดุ สบตากัน มองเลยไปที่กล้อง เสี่ยเจ้าของร้านมองดวงแก้วผ่านจอตาไม่กะพริบ ดวงแก้วเข้าใจว่าปลอดคนเลยหยิบแหวนเพชรวงหนึ่งหย่อนใส่ช่องลับในกระเป๋าถือไปอย่างเนียนๆ พนักงานหญิงยกแก้วน้ำส้มเข้ามาจะวางให้
“น้ำส้มคั้นมาแล้วค่ะ คุณนาย”
ดวงแก้วแสร้งลุกขึ้น หยิบกระเป๋าแล้วหาทางหนี
“พี่เพิ่งนึกได้ว่ามีนัดสำคัญ ไว้วันหลังจะมาดูใหม่แล้วกันค่ะ”
ดวงแก้วรีบเดินจะออกไปนอกร้าน รปภ.หน้าดุมาสกัดไว้ทันที เสี่ยเจ้าของร้านเดินออกมาถามหน้าตาเอาเรื่อง
“จะรีบหนีไปไหนล่ะ คุณนายกำมะลอ”
“เอ๊ะ ฉันชื่อ ดวงแก้ว ณ น่านฟ้า แกเป็นใครยะ”
“อั๊วเป็นเจ้าของแหวนเพชรที่ลื้อหยิบติดมือไปไง”
“อย่ามากล่าวหากันนะ ระวังจะโดนฟ้อง”
เสี่ยหันไปสั่งรปภ.หน้าดุทันที
“ค้นตัวค้นกระเป๋าถืออีเดี๋ยวนี้”
ดวงแก้วรีบถอยกรูดแล้วยื่นกระเป๋าถือที่ซ่อนแหวนเพชรให้
“แหม ทำไมต้องรุนแรงกันด้วย ฉันแค่จะทดสอบว่าระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เป็นยังไงเท่านั้นเอง แค่เรื่องล้อเล่น”
รปภ.หยิบแหวนเพชรส่งคืนให้เสี่ยเจ้าของร้าน เสี่ยเจ้าของร้านรับแหวนเพชรคืนไป
“งั้นอั๊วก็จะโยนลื้อออกไปส่งให้ตำรวจเล่นๆ บ้าง จัดการ”
รปภ.ทำท่าจะมาจับดวงแก้วไปส่งตำรวจจริงๆ ดวงแก้วเข้าตาจนรีบเข้าไปกอดเสี่ยเอาไว้ ทำแววตาอ้อนออเซาะเหมือนสาวๆ
“แหม เสี่ยขา จะให้ทำอะไรก็ยอมนะคะ อย่าทำร้ายกันเลยค่ะ”
เสี่ยรีบปัดมือดวงแก้วออกไปด้วยแววตารังเกียจที่เห็นว่าแก่
“เจี๊ยะไม่ลง หนังเหนียวอย่างลื้อ ไม่ไหว”
“ถ้างั้น เราหายกันนะคะ ลาล่ะค่ะ”
รปภ.ไปขวางทางเอาไว้ ตาดุเอาเรื่อง
“ลื้อต้องอยู่ที่นี่ รอตำรวจก่อน”
ดวงแก้วเริ่มเหยื่อแตก
“อะไรกันคะ เสี่ยขา แหวนฉันก็คืนไปแล้ว ให้มันจบเถอะนะคะ”
เสี่ยส่ายหน้า ขึงขังไม่ยอม ดวงแก้วพยายามคิดหาทาง แล้วหยิบมือถือขึ้นมา มองภาพหน้าจอเป็นภาพของบุหงา หรือ แพน ลูกสาวคนสวยที่ถ่ายเซ็กซี่ ดวงแก้วเลยรีบเอาภาพหน้าจอให้เสี่ยดู
“แล้วถ้าเป็นคนนี้ล่ะค่ะ เสี่ย พอจะไถ่โทษที่ฉันทำได้มั้ย”
เสี่ยมองภาพของบุหงาแล้วพอใจมาก
“จัดมา ว่าแต่อีเป็นใคร”

“บุหงา หรือ น้องแพน ลูกสาวของฉันเองค่ะ”








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 1 (ต่อ)  

ดวงแก้วรีบกดมือถือหาบุหงาทันที บุหงานัวเนียอยู่กับฝรั่งคนหนึ่งอยู่ในโรงแรมหรู
 
กำลังจะถอดเสื้อผ้า แต่แล้วมือถือของเธอดังขึ้นขัดจังหวะ บุหงาเห็นว่าเป็นแม่เลยตัดสินใจรับ
“แม่ โทร.มาทำไม ว่าไงนะ”
บุหงารีบผละออกจากฝรั่งที่พยายามเข้ามาคลุกวงในอีก แล้วรีบคว้าเสื้อมาใส่ให้เรียบร้อยทันที
“ได้ รออยู่ที่ร้านแหละ”
ฝรั่งมองหน้าบุหงา บุหงารีบไปจูบแก้มฝรั่ง ก่อนจะจากไป
“I’ m sorry. See you next time. Thanks”

บุหงาเดินเข้ามาในร้านเพชรด้วยมาดเซ็กซี่สุดๆ แล้วถามเสี่ยเจ้าของร้าน
“ไม่ทราบว่า แม่ของแพนทำอะไรให้เสี่ยไม่พอใจหรือคะ”
เสี่ยมองบุหงาแล้วกลืนน้ำลาย
“อีก็”
บุหงาเข้ามาโอบกอดเสี่ยไว้พร้อมสบตาแล้วพูดด้วยเสียงหวานหยดย้อย
“แม่ขี้ลืมค่ะ ออกจากบ้านลืมเอาเงินติดมา เห็นของสวยๆ งามๆ ก็ลืมหยิบติดมือมา แพนก็เป็นลูกกตัญญู ต้องคอยมาเคลียร์ให้แม่เสมอ เสี่ยจะให้แพนเคลียร์ให้มั้ยคะ”
“คะ เคลียร์เลยจ้า หนูแพน”
บุหงาหลับหูหลับตาจูบแก้มเสี่ย
“งั้นเราไปเคลียร์กันสองคนนะคะ”
“ได้จ้ะ”
บุหงาพาเสี่ยออกไป ดวงแก้วรีบตาม รปภ.ไม่กล้าขัดขวาง เสี่ยหันมาสั่ง
“ลื้อปิดร้านได้ อาซ้อถาม ก็บอกว่าอั๊วมีธุระสำคัญ”
รปภ.พยักหน้ารับคำ เสี่ยโอบกอดบุหงาออกไปจากร้านเพชร ดวงแก้วถอนหายใจโล่งอกที่รอดมาได้เพราะลูกสาว รีบตามออกไป

ภายในห้องหอของพันกรและประภาพรรณตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ปรีชาชาญทำภารกิจสุดท้ายของงานวิวาห์คือการอวยพร ก่อนส่งตัวเข้าหอ
“พ่อขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขกับชีวิตคู่ หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน กรเป็นหัวหน้าครอบครัวต้องดูแลหนูมิวอย่างดีนะลูก”
บ่าวสาวก้มลงกราบปรีชาชาญ แล้วหันมามองปทุมวดีที่เชิดหน้าแล้วพูดขึ้น
“ขอให้เลิกกัน เอ๊ย รักกันมากๆ นะลูก”
บ่าวสาวก้มลงกราบปทุมวดีพร้อมขอบคุณ ปทุมวดียิ้มให้ลูกชาย แต่กลับหน้าตึงพร้อมค้อนใส่ลูกสะใภ้ แล้วไม่ยอมขยับไปไหน ปรีชาชาญต้องเข้ามาสะกิดมองด้วยสายตาว่าถึงเวลาจะออกไปจากห้องหอได้แล้ว ปทุมวดีลุกขึ้น แล้วร้องสั่ง
“แต้ว เข้ามาได้”
ประตูห้องหอเปิดออก แต้วหอบหมอนผ้าห่มเข้ามา
“อะไรกันครับ คุณแม่”
“ห้องนี้สวยดี แม่ขอนอนด้วยคนนะ ตากร”
แต้ววางหมอนผ้าห่มแล้วก็ยังยืนอมยิ้มอยู่ในห้อง
“หมดหน้าที่แกแล้ว แต้ว ออกไปสิยะ”
แต้วเลยรีบออกไปจากห้อง ปทุมวดีหันมาบอกพันกร
“แม่จะได้แนะนำเรื่องการใช้ชีวิตคู่อย่างละเอียดให้ไงลูกรัก”
ประภาพรรณกับพันกรมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าปทุมวดีจะเล่นแง่อะไร ประภาพรรณตัดสินใจพูดขึ้นยิ้มๆ
“ดีเหมือนกันค่ะ คืนนี้คุณแม่สามีมานอนที่นี่ หลายคนครึกครื้นดี มิวจะได้นอนสบายๆ ให้หายเหนื่อย”
พันกรกลับเป็นฝ่ายโอดครวญพร้อมอ้อนภรรยาตาละห้อย
“ได้ไงอะ มิว ผมรอจนเหี่ยวแห้งมาปีเต็มๆ แล้วนะครับ ไม่สงสารกันบ้างเหรอ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปงานราชการสำคัญ ไม่ได้ฮันนีมูนกับใครเขา”
ปรีชาชาญได้ยินอย่างนั้นตัดสินใจดึงปทุมวดีออกไปอีกมุมในห้องหอ ปทุมวดีไม่เต็มใจแต่จำต้องตามสามีไป
“ขอคุยด้วยหน่อย คุณหญิง”
ปรีชาชาญดึงปทุมวดีไปกระซิบกระซาบถาม
“นี่มันห้องหอของลูกนะ คุณหญิง คิดจะทำอะไร”
“เข้าหอสิคะ”
“เฮ้ย แก่ปูนนี้แล้ว ผมไม่”
“คุณพี่ก็ คิดอะไรไปไกล ดิฉันไม่ได้คิดจะเข้าหอกับคุณพี่อีกรอบหรอกค่ะ”
“ค่อยโล่งอกหน่อย งั้นเราก็ไปลาลูกกันเหอะ”
ปรีชาชาญพาปทุมวดีเดินมาแล้วหันไปบอกพันกรกับประภาพรรณ
“วันนี้ลูกสองคนก็เหนื่อยกันมากแล้ว พักผ่อนเถอะนะ คุณหญิง เราก็ไปพักบ้างดีกว่า”
ปทุมวดีเฉย ไม่ยอมขยับไปไหน ประภาพรรณอมยิ้มในหน้า รู้ดีว่าแม่สามีพยายามกีดกันตัวเองกับลูกชายจึงกวนประสาทกลับ
“อยู่กันหลายๆ คนก็อบอุ่นดีนะคะ แต่คงจะเงียบเหงา มิวว่าเรามาเล่นเกมกันดีมั้ยคะ”
พันกรมองหน้าภรรยา งงว่าคิดจะทำอะไร ใจอยากจะกอดประภาพรรณเต็มที่แล้ว
“เกมอะไรเหรอครับ มิว”
“เกมตอบคำถามไงคะ ใครตอบผิดก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกหนึ่งชิ้น”
ปรีชาชาญโบกมือแล้วรีบปฏิเสธ
“คือ พ่อไม่”
“ใครอยู่ในห้องนี้ ต้องเล่มเกมค่ะ”
ปทุมวดีรู้ทันว่าประภาพรรณจงใจแกล้ง แต่ก็เชิดหน้าตอบ
“ถอดก็ถอดสิ ไม่เห็นกลัว”
ปรีชาชาญกลับไม่สนุกด้วย
“พ่อถอนตัวนะ เหนื่อย ไปนอนดีกว่า”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณพ่อ”
ปรีชาชาญโบกมือให้พันกรแล้วรีบออกไป อมยิ้มขำๆ ปทุมวดีหันไปถามลูกสะใภ้
“ถามมาสิ ฉันจะตอบ”
ประภาพรรณกลับหันไปยิ้มให้พันกรแบบเจ้าเล่ห์แต่น่ารัก
“ถามคุณสามีก่อนดีกว่าค่ะ”
“จัดมาครับ ที่รัก”
พันกรกับประภาพรรณสบตากันเต็มไปด้วยความรัก ปทุมวดีเห็นก็เดือดรีบเข้าไปยืนตรงกลางระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้
“ให้ไว อย่ามัวแต่ลีลา”

เวลาผ่านไป พันกรถอดจนเหลือแค่กางเกงเจ้าบ่าว ถ้าถอดอีกก็จะเหลือแต่กางเกงใน
“มิวกับคุณแม่ไม่เคยตอบผิดเลย ตอนนี้ผมเหลือแค่ปราการด่านสุดท้ายแล้วนะครับ”
ปทุมวดียังเฉยไม่ยอมขยับไปไหน
“ตากร ลูกจะถอดอะไรก็ถอดไป แม่เลี้ยงกรมาแต่เกิด อะไรๆ ก็เห็นกันมาหมดแล้ว เรื่องแค่นี้ชิลๆ”
ประภาพรรณพยายามกลั้นยิ้มแล้วเล่นต่อ เพราะตัวเองแทบไม่ได้ถอดอะไรเนื่องจากตอบคำถามได้ตลอด
“คำถามต่อไป พร้อมหรือยังคะ”
“ผมถามมิวดีกว่า มิวยังไม่ได้ถอดอะไรเลย ไม่สนุกอะ”
“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าหลังจากเราถอดกันหมดแล้ว เราจะทำอะไรกันต่อดีค่ะ คุณสามี”
ประภาพรรณหันไปมองหน้าปทุมวดีที่ปากบอกว่าชิลๆ แต่เริ่มอายเหมือนกัน
“เราก็กอดกัน”
พันกรตรงเข้าไปกอดประภาพรรณไว้ ตั้งใจจะหอมสักฟอด แต่หญิงสาวรีบร้องห้าม
“อ๊ะ อ๊ะ ตอบคำถามก่อนค่ะ ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน”
“โห คำถามโลกแตก ตอบไงก็ไม่ถูก”
“งั้นมิวปรับแพ้นะคะ ถอดกางเกงเดี๋ยวนี้ คุณกร”
พันกรพยักหน้าแล้วทำท่าจะถอดกางเกงเจ้าบ่าว ปทุมวดีกลับร้องห้ามออกมา
“เดี๋ยว ตากร”
ประภาพรรณหันมาถามยิ้มท้าทายปทุมวดี
“คุณแม่สามีอย่าเพิ่งไปไหนนะคะ อยู่เป็นพยานก่อน”
ปทุมวดีเชิดหน้าไม่ยอมแพ้
“อย่าคิดมาไล่ฉันซะให้ยาก แกอยากถอดก็ถอดสิ ตากร”
พันกรยังไม่ยอมถอดแต่หันไปถามภรรยา
“งั้นผมถามมิวด้วยคำถามเดียวกัน ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน”
ประภาพรรณแกล้งส่ายหน้ายกมือยอมแพ้
“มิวก็ตอบไม่ได้ค่ะ”
พันกรลิงโลดใจมาก รีบเข้าไปประชิดตัวประภาพรรณ ทำท่าจะรูดซิปชุดเจ้าสาว
“งั้นผมช่วยมิวถอดชุดเจ้าสาวนะครับ”
พันกรทำท่าจะเริ่มถอดชุดเจ้าสาวของประภาพรรณจริงๆ แต่เธอไม่ยอม
“คุณกรอย่าขี้โกงสิคะ คุณถอดกางเกงก่อน แล้วมิวค่อย”
ทั้งสองทำท่ายื้อยุดแย่งกันถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย สุดท้ายปทุมวดีทนเห็นภาพบาดตาตรงหน้าไม่ได้
“หยุดนะ ทั้งสองคน พอแล้ว หน้าด้านจริงๆ ไม่ต้องมาถอดอะไรต่อหน้าฉัน”
ปทุมวดีจำต้องล่าถอยออกไปยืนหน้างออยู่หน้าห้องหอลูกชาย
“ต่ำมาก ผู้หญิงอะไรไร้ยางอาย บัดสีบัดเถลิงสุดๆ”
ปทุมวดีจำใจเดินจากไป พอประตูห้องปิด พันกรก็เข้าหอมแก้มประภาพรรณด้วยความดีใจ
“สุดยอด ภรรยาผมเนี่ยแซ่บจริงๆ”
ประภาพรรณอมยิ้มไม่ได้ขัดขืนสามี แต่รู้ว่ายกนี้เธอชนะ พันกรไม่รอช้ารีบยกร่างภรรยาบรรจงวางบนเตียงวิวาห์
“ใจจะขาดอยู่แล้วนะเนี่ย”
พันกรตั้งใจจะจูบประภาพรรณให้สมกับความรักที่รอคอยมา
“ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ”
พันกรส่ายหน้า
“เดี๋ยวมิวอาบให้”
“โอเค.จ้า เมียจ๋า”

เวลาผ่านไป คู่บ่าวสาวนั่งอยู่บนเตียงวิวาห์ พันกรสบตาประภาพรรณแล้วพูดด้วยเสียงเต็มไปด้วยความรัก
“วันนี้ผมบอกมิวหรือยังว่า มีความสุขที่สุดในชีวิต ผมรักมิวนะ”
“มิวก็มีความสุข แล้วก็รักคุณกรค่ะ”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าเจ้าบ่าวต้องทำอะไรเจ้าสาวในห้องหอ”
“จะไปรู้เหรอคะ ไม่เคยแต่งงานเนี่ย”
ประภาพรรณตอบด้วยท่าทีเอียงอาย
“เริ่มจากจูบเจ้าสาวไงครับ”
พันกรไม่แค่พูด กำลังจะจูบประภาพรรณที่เอามือปิดปากสามีไว้แล้วถาม
“คืนนั้น เมื่อปีที่แล้ว คุณกรก็ทำอย่างนี้ใช่มั้ย”
พันกรยิ้มแล้วสารภาพความจริงที่ไม่เคยบอกประภาพรรณมาปีเต็ม
“ผมกอดมิวจริง มีหอมบ้าง จูบบ้าง ก็มิวสวยน่ารัก แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น แต่คืนนี้ เราจะเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เราจะรักกัน ไม่มีความลับต่อกันนะจ๊ะ เมียจ๋า”
ประภาพรรณทั้งดีใจและมีความภูมิใจที่พันกรให้เกียรติเธอมาตลอด ตอบด้วยเสียงอ่อนโยนมีความสุขมาก
“ค่ะ คุณสามี”
“งั้นผมจูบมิวได้หรือยังครับ”
“จะรออะไรอยู่ล่ะคะ”
พันกรตรงเข้าไปกอดจูบหญิงสาวด้วยความรักทันที

ตอนเช้า ภายในห้องนอนพันกร ประภาพรรณนอนหลับอยู่บนเตียงนอนแสนสุข พันกรแต่งชุดนอกเครื่องแบบพร้อมจะไป เขาเดินมาหอมแก้มภรรยาเพื่อลาไปทำงาน
“พักอีกนิดนะจ๊ะ ที่รัก เย็นนี้เจอกัน”
ประภาพรรณลืมตาแล้วยิ้มอายๆ ให้สามี
“ค่ะ ที่รัก”
พันกรมองหน้าภรรยาด้วยความรักความเสน่หา
“หรือจะส่งท้ายอีกสักรอบ”
ประภาพรรณทุบอกสามีเอียงอาย
“คนอะไรหื่นตลอดเวลา”
“ก็หื่นกับเมียคนเดียวเนี่ยแหละ”
“ไปทำงานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวประชุมสายไม่รู้ด้วย”
พันกรหอมแก้มประภาพรรณอีกครั้ง หญิงสาวก็หอมแก้มส่งสามี

ภายในห้องนั่งเล่นบ้านพันกร นาฬิกาบอกเวลาใกล้เที่ยงวัน ปทุมวดีมองนาฬิกาแล้วเลยไปมองบันไดที่ทอดไปชั้นบนพร้อมกับโบกพัดจีนโบราณไปด้วย ป้าม้วน แม่บ้านเก่าแก่ และ แต้ว สาวใช้จอมสอพลอคอยรับใช้และรับฟังนายอยู่ใกล้ๆ
“โอ๊ย เนี่ยมันจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง จนจะเที่ยงแล้วยังไม่โผล่หัวลงมาเลย”
ป้าม้วนรีบแนะนำทันที
“คุณหญิงก็เอาน้ำไปสาดปลุกคุณมิวสิคะ”
แต้วรีบผสมโรงสอพลออีกคน
“เดี๋ยวแต้วเตรียมน้ำให้ค่ะ”
ปทุมวดีตวาดสองคนใช้และส่ายหน้า
“นี่นังม้วน นังแต้ว เรื่องอะไรฉันจะต้องทำอย่างนั้น ฉันเป็นผู้ดีนะยะ คนไร้สกุลไม่รู้จักกาลเทศะอย่างมัน ฉันจะต้องฟ้อง เอ๊ย บอกตากรให้รู้กำพืดมันซะบ้าง”
“ถ้าคุณหญิงไม่อยากเสียงแรงทำเอง ให้ม้วนกับนังแต้วทำให้ก็ได้นะเจ้าคะ”
“เออ ขอบใจที่มีน้ำใจ ไว้ฉันคิดดูก่อน แต่แกสองคนไม่ต้องเรียกมันว่า คุณมิว ไม่ต้องไปยกย่องอะไรมันนะ”
“ถ้าไม่เรียกคุณมิว แล้วถ้าคุณท่านกับคุณกรได้ยินล่ะคะ”
“ต่อหน้าสองคนนั้นก็เรียกสิ โง่ไปได้”
ป้าม้วนได้ทีรีบว่าแต้ว
“แกเนี่ยมันโง่จริงๆ ถึงต้องเป็นคนใช้เขาไง”
“จนแก่คาบ้าน อย่างป้าม้วนใช่มั้ย”
“โอ๊ย แกสองคนหยุดกัดกันเสียที นี่ฉันเลี้ยงคนหรือสี่ขากันแน่”

ป้าม้วนกับแต้วจำต้องสงบศึก ปทุมวดีโบกพัดไปมาด้วยอาการร้อนใจ พร้อมมองไปที่บันไดอีกรอบ








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 1 (ต่อ)  

ประภาพรรณเดินลงบันไดมาจากด้านบน ยังมีอาการง่วงอยู่เพราะเหนื่อยกับงานเมื่อวาน แต้วหันไปเห็นรีบรายงานปทุมวดีอย่างเอาใจทันที
 
“นั่นไงคะ คุณหญิง มันมาแล้วค่ะ”
“เดินหาวหวอดมาเลย น่าเกลียดจริงๆ”
ปทุมวดีเงยหน้ามองลูกสะใภ้ด้วยสายตาชิงชังพร้อมตวาดเสียงดัง
“นี่ แม่คุณ มันกี่โมงกี่ยามแล้ว หล่อนจะนอนกินบ้านกินเมืองรึ”
“มิวยังไม่ได้กินบ้านกินเมืองเลยค่ะ คุณแม่สามี ถ้ากินแล้วมิวคงไม่หิวขนาดกินช้างได้ทั้งตัวหรอกค่ะ”
“สามหาว หล่อนคิดจะต่อปากต่อคำกับฉันเรอะ”
“ก็คุณแม่สามีถาม มิวก็ตอบ ไม่ถูกหรือคะ”
“หล่อนควรรู้ไว้ด้วยนะ ว่าจะเป็นสะใภ้บ้านนี้ มันต้องตื่นก่อนผัว ก่อนพ่อผัวแม่ผัว มาหุงหาอาหารให้ทุกคนกิน ไม่ใช่ตื่นเอาตอนตะวันตรงหัว พวกลูกกำพร้าไม่มีพ่อแม่สั่งสอนก็เป็นอย่างนี้แหละ”
ประภาพรรณรู้ดีว่าปทุมวดีไม่ชอบเธอ แต่ก็ตั้งใจจะอดทนเพื่อพันกร เพียงแต่อยากยั่วแม่สามีเลยทำทีเป็นฮึดฮัด
“คุณแม่สามีเล่นด่าพ่อล่อแม่กันอย่างนี้ ระวังปากจะกินน้ำพริกไม่ได้นะคะ”
ปทุมวดีเห็นท่าทางเอาเรื่องของประภาพรรณก็ถอย
“นังม้วน นังแต้ว แกสองคนเป็นพยานนะว่า ลูกสะใภ้ตัวแสบมันจะทำร้ายฉัน”
ประภาพรรณย่างสามขุมเข้าไปหาปทุมวดี แกล้งทำท่าว่าจะจัดการจริงๆ ปทุมวดีผลักป้าม้วนกับแต้วไปเป็นด่านหน้า สองคนก็กลัวประภาพรรณเช่นกัน พยายามจะถอย
“อย่าเข้ามานะ ฉันสู้จริงๆ ด้วย”
“เข้ามาพร้อมๆ กันนั่นแหละ คันมือคันเท้าอยากตบอยากเตะปากคนจริงๆ”
ประภาพรรณกวักมือเรียกสองสาวใช้ให้เข้ามาหา

ภายในครัวบ้านพันกร เดช กำลังกินข้าวเที่ยงกันอยู่ มีป้าบัวเผื่อนคอยกำกับดูแล น้อย รีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ป้าบัวเผื่อน พี่เดช”
“ไฟไหม้ที่ไหนเหรอวะ นังน้อย”
“คุณหญิงกับคุณมิว กำลังทะเลาะกันใหญ่เลย”
“อืม เรื่องเจ้านาย อย่าไปยุ่งเลย”
“นั่นสิ กินข้าวต่อดีกว่า”
เดชไม่สนใจ กินข้าวต่อ
“โหย อุตส่าห์แจ้นมาบอก ไปคนเดียวก็ได้”
ป้าบัวเผื่อนกลับสนใจ
“เดี๋ยว รอด้วย”
ป้าบัวเผื่อนรีบตามน้อยออกไปทันที เดชมองตามส่ายหัว

ปทุมวดีลุกขึ้นด้วยมาดนางพญาแล้วชี้หน้าว่าประภาพรรณ
“อย่ามาใช้นิสัยอันธพาล ใช้แรงมากกว่าสมอง ที่นี่บ้านผู้ดีนะยะ”
ประภาพรรณลดการ์ดลง พูดด้วยท่าทางสงบ
“มิวไม่ชอบหาเรื่องใครก่อนอยู่แล้วค่ะ คุณแม่สามี แต่เมื่อวานนี้ คุณแม่สามีก็น่าจะจำได้ว่าเป็นวันอะไร เพราะอะไร มิวถึงตื่นเที่ยง”
“วันที่ตากรมันหลงผิดแต่งงานกับหล่อน วันอัปยศอดสูของชีวิตฉัน ใครจะจำไม่ได้กันยะ”
ปทุมวดีตอบด้วยท่าทางเดือดไม่หาย ป้าม้วนกับแต้วรีบถอยหลบไปอยู่หลังนาย น้อยพาป้าบัวเผื่อนมาแอบฟัง
“มิวดีใจที่คุณแม่สามียังไม่แก่ขนาดอัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม วันแต่งงาน พอกลางคืนก็ส่งตัวเข้าหอ เขาทำอะไรกันเอ่ย มิวเลยตื่นสาย มีความสุขแต่เหนื่อยค่ะ”
ปทุมวดีทนไม่ได้
“ต๊าย นี่หล่อนพูดเรื่องนี้ได้เต็มปาก ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง หล่อนจะโทษลูกชายฉันเรอะ”
“ก็ไม่ได้โทษนะคะ แต่คุณกรอะ รีดเลือด รีดน้ำตาล โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันแล้วก็พลังงานออกจากร่างมิวจนฟ้าสางเลยค่ะ”
ปทุมวดีได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าจะเป็นลม
“แก แก พูดมาได้ไม่มียางอาย ฉันไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงหน้าด้านอย่างแกเลย อยากจะเป็นลม”
แต้วกับป้าม้วนรีบกระซิบบอกนาย
“คุณหญิงอย่าเป็นลมนะเจ้าคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่งั้นจะแพ้ทางคุณมิวตั้งแต่ยกแรกนะคะ”
ปทุมวดีฝืนเอาไว้ไม่เป็นลม ประภาพรรณยิ้มให้แล้วบอกก่อนจะไป
“ระหว่างที่คุณแม่สามีกำลังตัดสินใจว่าจะเป็นลมหรือไม่เป็น มิวขอไปหาพลังงานใส่ร่างก่อนนะคะ แล้วเราค่อยมาปะทะกันใหม่ กองทัพเดินได้ด้วยท้องอะค่ะ”
ประภาพรรณเดินจากไปอย่างสบายๆ ป้าบัวเผื่อนกับน้อยที่แอบมองอยู่หันมายิ้มกัน ชอบใจที่ประภาพรรณกล้าต่อคำเจ้านายจอมเจ้ายศเจ้าอย่าง

ประภาพรรณนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้าปทุมวดีหลังจากไปทานข้าวมาแล้ว
“มิวพร้อมรับฟังที่คุณแม่สามีจะแนะนำแล้วค่ะ”
“งั้นก็ฟังให้ดีๆ นะ หล่อนรู้มั้ยว่าหน้าที่ลูกสะใภ้ต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ทราบค่ะ เพิ่งเป็นสะใภ้ครั้งแรก แล้วคงจะครั้งเดียวด้วยค่ะ”
ปทุมวดียิ้มเหยียดได้ที
“ฉันจะบอกให้เอาบุญ ลูกสะใภ้บ้านนี้จะต้องซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว ล้างจาน กวาดถูบ้าน ทำสวน ล้างรถแล้วก็อีกสารพัดที่แม่สามีอย่างฉันจะเรียกใช้”
ประภาพรรณรู้ดีว่าแม่สามีต้องการกลั่นแกล้งก็ยิ้มใส่ไม่หวั่น
“อ้าว หมดแล้วเหรอคะ ทำไมหน้าที่น้อยจัง แต่แหม หน้าที่พวกนี้ ฟังดูแล้วคุ้นๆ กันมั้ยคะ”
ประภาพรรณหันไปมองหน้าป้าม้วนกับแต้วเรียงตัว ทั้งสองคนถึงกับสะดุ้ง
“คุ้นอะไรยังไง”
“หน้าที่พวกนี้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้ที่จ้างมาไม่ใช่เหรอคะ หรือบ้านนี้จ้างคนใช้ไว้บูชา มิวว่าไล่ออกให้หมดดีกว่า เดี๋ยวมิวทำเองตั้งแต่ซักผ้ายันซ่อมบ้านเลย ดีมั้ยคะ”
ป้าม้วนรีบโอดครวญกลัวตกงานตอนแก่
“คุณหญิงจะไล่ม้วนออกเหรอเจ้าคะ ม้วนแก่แล้ว แล้วม้วนจะเอาอะไรกินล่ะเจ้าคะ”
แต้วก็รีบเข้าไปบีบนวดปทุมวดีเอาใจ
“แต้วรักแล้วก็ซื่อสัตย์กับคุณหญิงนะคะ อย่าไล่แต้วออกเลย งานสบายๆ เลียนายไปวันๆ แต้วถนัดค่ะ เอ๊ย แต้วแค่จะบอกว่า เจ้านายแสนดีอย่างคุณหญิง ดีงามสามโลกอย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้วค่ะ”
น้อยแอบดูอยู่รู้ว่าหน้าที่ซักผ้าเป็นของตัวเองก็รีบออกมาแสดงตัว
“คุณมิวไม่ต้องซักผ้าหรอกค่ะ หน้าที่นี้เป็นของน้อยเองค่ะ”
ป้าบัวเผื่อนที่มาร่วมวงด้วยรีบบอกน้อย
“แกก็รีบไปทำหน้าที่เสียสิ นังน้อย เดี๋ยวก็ตกงานกันหมดหรอก”
ปทุมวดีตวาดเสียงดัง แล้วหันไปคาดโทษน้อยกับป้าบัวเผื่อน
“ไม่ต้อง ฉันจ้างคนใช้ไว้ประดับบารมี มีเงินอะ จะทำไม แล้วใครเข้ามาแส่ ฉันจะตัดเงินเดือน
ให้หมดเลย”
น้อยกับป้าบัวเผื่อนเลยต้องถอยออกมา ป้าม้วนกับแต้วมองสองคนด้วยสายตาเยาะเย้ย ปทุมวดีหันมาสั่งสะใภ้ด้วยเสียงเอาจริง
“มิว หล่อนไม่ต้องพูดมาก ไปซักผ้า ฉันให้แต้วเตรียมเสื้อผ้าพร้อมกะละมังไว้ที่หลังบ้านแล้ว”
“แล้วเครื่องซักผ้าล่ะคะ”
“เครื่องเสียย่ะ ทำไมซักมือไม่ได้หรือไง”
“ได้สิคะ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ”
ประภาพรรณเดินออกไปหลังบ้าน แต้วรีบยุยงปทุมวดีทันที
“พอมันเห็นผ้าแล้วจะร้องจ๊าก มากกว่าจิ๊บๆ”
“เราไปดูมันซักผ้าดีมั้ยเจ้าคะ คุณหญิง”
“ไปสิยะ เรื่องซ้ำเติมคนล้มเนี่ย ฉันถนัด”
ปทุมวดีเดินนำทีมป้าม้วนกับแต้วตามประภาพรรณไปด้วยมาดทระนงสะใจ

ที่ลานซักล้างหลังบ้าน มีผ้ากองสูงแทบจะท่วมศีรษะประภาพรรณวางอยู่ในตะกร้า มีกะละมัง น้ำยาซักผ้าพร้อม หญิงสาวยืนมองกองผ้าแล้วหันไปถามปทุมวดีซึ่งเดินตามมาพร้อมบริวารสอพลอ น้อยกับป้าบัวเผื่อนตามมาแอบดูศึกแม่ผัวลูกสะใภ้ด้วย
“โห เนี่ยขนเสื้อผ้ามาให้ซักทั้งบ้านเลยเหรอคะ”
ไม่มีเสียงตอบจากปทุมวดีและบริวาร ประภาพรรณเลยจัดการเอาน้ำใส่กะละมังแล้วเทผ้าทั้งหมดลงในกะละมังไม่แยกผ้าสีผ้าขาว ปทุมวดีทนไม่ได้รีบแย้ง
“หยุดเลยนะ บ้านหล่อนไม่ได้สอนหรือว่า ต้องแยกผ้าสีผ้าขาวก่อนซัก”
“ที่บ้านมิวไม่นิยมใส่ผ้าขาวค่ะ มันเลอะง่ายดูแลลำบาก เลยไม่ต้องแยกซัก”
ปทุมวดีชี้หน้าสั่งสอน
“แต่ที่นี่ต้องแยกซัก แยกออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าหล่อนทำไม่ได้ก็ลาออกจากการเป็นสะใภ้บ้านนี้ไปเลย ได้ยินมั้ย”
ประภาพรรณทำเป็นเชื่อ แยกผ้าขาวผ้าสีออกจากกัน แล้วหันมาถามด้วยเสียงใสซื่อ
“ได้ยินค่ะ แต่ เอ มิวไม่เคยซักผ้าด้วยมือเลย เกรงว่าจะทำไม่เป็น คุณแม่สามีช่วยสาธิตการซักให้ดูหน่อยได้มั้ยคะ”
ปทุมวดีนิ่ง ไม่ยอมทำให้ดู ประภาพรรณเลยคิดมุกใหม่ แล้วสายตาก็มองเห็นชุดผ้าลูกไม้อย่างดี เธอหยิบชุดผ้าลูกไม้ลงมาแช่ในน้ำแล้วใส่น้ำยาซักผ้าลงไป พร้อมกับหันไปหยิบแปรงขัดผ้ามาทำท่าจะแปรงผ้าลูกไม้นั้น ปทุมวดีลมแทบใส่อีกรอบ เพราะผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสของเธอกำลังจะย่อยยับด้วยแปรงในมือลูกสะใภ้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แม่มิว นั่นมันชุดลูกไม้ฝรั่งเศสของฉัน ใครสอนให้หล่อนซักด้วยแปรงซักผ้ากันยะ”
“อ้าว ก็มิวบอกคุณแม่สามีแล้วว่าซักด้วยมือไม่เป็น ขอให้สาธิตให้ดู ก็ไม่เห็นทำให้ดูนี่คะ มิวก็ทำตามที่ตัวเองเข้าใจ”
ปทุมวดีหลงกล รีบลงไปซักผ้าลูกไม้ทันที
“มันจะยากอะไร เราก็แค่ขยี้เบาๆ”
ประภาพรรณอมยิ้มที่ปทุมวดีซักผ้าแทนตัวเอง เลยหยิบตัวอื่นๆ ยื่นให้อีก
“แล้วตัวนี้ล่ะคะ”
ปทุมวดีก็รับไปซักโดยไม่พูดอะไร จนเหงื่อเริ่มตก ประภาพรรณหันไปมองหน้าป้าม้วนกับแต้วแล้วรีบสั่ง
“อ้าว ป้าม้วน แต้ว ยืนเฉยทำไม ช่วยคุณแม่สามีซักผ้าสิ หรืออยากตกงาน”
ป้าม้วนกับแต้วเลยรีบเข้าไปช่วยปทุมวดีซักผ้ากองโต ป้าบัวเผื่อนกับน้อยแอบดูอยู่ต่างหัวเราะที่ประภาพรรณเอาคืนได้อย่างแสบสันต์
เวลาผ่านไป ประภาพรรณยืนมองปทุมวดี ป้าม้วนและแต้วนั่งซักผ้ากองโตด้วยอาการเหนื่อยสาหัส ปทุมวดีทำท่าจะเป็นลม แต่พอเห็นสายตาของลูกสะใภ้ก็ฝืนไว้เพราะจำต้องรักษาหน้า คนที่ลมใส่ก่อนกลายเป็นป้าม้วนและแต้ว
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
“แต้วขอเป็นลมก่อน เหนื่อยมาก”
ปทุมวดีไม่ยอมให้สองคนใช้แซงหน้าเป็นลมไป เลยชิงเป็นลมก่อน
“ไม่ได้ แกสองคนเป็นคนใช้ จะเป็นลมตัดหน้าฉันไม่ได้”
ปทุมวดีเซล้มลงไป ประภาพรรณรีบถลาเข้าไปรับไว้ทัน
“คุณแม่สามี มาช่วยกันหน่อยค่ะ”
ป้าบัวเผื่อนกับน้อยรีบมาช่วยประคองปทุมวดีพาเข้าไปในบ้าน ประภาพรรณหันมาสั่งป้าม้วนกับแต้ว
“ป้าม้วนกับแต้วต้องซักผ้าตากผ้าแทนคุณแม่สามีให้เสร็จ นี่เป็นคำสั่งเข้าใจมั้ย”
สองคนจำต้องพยักหน้ารับคำสั่งประภาพรรณจ๋อยๆ อยากจะเป็นลมก็ไม่ได้
“เข้าใจค่ะ”

ประภาพรรณส่งถ้วยน้ำขิงให้ปทุมวดีดื่ม ป้าบัวเผื่อนกับน้อยช่วยกันพัดแล้วส่งยาดมให้
“คุณแม่สามีอย่าเพิ่งลุกเร็วนะคะ เดี๋ยวจะวืดไปอีก”
“หล่อนจะไปไหนก็ไป ฉันเห็นหน้าหล่อนแล้วอยากจะอาเจียน”
ประภาพรรณยิ้มให้ก่อนเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน ราตรีเดินเข้ามาหา
“ราตรีมาแล้วค่ะ คุณพี่ปทุม พร้อมหรือยังคะ”
ราตรีเห็นปทุมวดีดูอ่อนเปลี้ยอยู่บนโซฟาก็ตกใจ
“อ้าว คุณพี่ปทุม เป็นอะไรไปเหรอคะเนี่ย”
“คุณน้องราตรีอย่าถามได้มั้ย มันเจ็บตรงนี้ เจ็บจี๊ดๆ”
ปทุมวดีชี้ที่หัวใจตัวเอง
“อย่างนี้ที่เรานัดจะไปสมาคมกัน ก็ต้องยกเลิกเหรอคะ”
ปทุมวดีเชิดหน้าขึ้น ฝืนด้วยมาดนางหงส์ ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกว่าแพ้ลูกสะใภ้
“ไปสิคะ เรื่องแค่นี้คนอย่างคุณหญิงปทุมวดีผู้สง่างามดุจนางหงส์ ไม่มีทางจะยอมแพ้อีกาอย่างสะใภ้ไร้สกุลแน่นอน”
“ค่ะ ค่ะ งั้นคุณพี่ไปแต่งตัวนะคะ น้องจะรอค่ะ”
ปทุมวดีลุกขึ้น ทำท่าจะล้ม แต่แล้วก็ยืดตัวเดินไปอย่างทระนง ป้าบัวเผื่อนกับน้อยพลอยลุ้นไปด้วย

ปทุมวดีแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามเรียบร้อยเดินคู่มากับราตรี เธอยังมีอาการเหนื่อยอยู่ อดจะก้มลงมองเล็บตัวเองที่เพ้นท์ไว้อย่างสวยงามแต่หลุดลอก แถมมือเปื่อยด้วยไม่ได้ ราตรีมองแล้วก็อดจะสงสัย จนต้องหลุดปากถาม
“มือกับเล็บของคุณพี่ปทุมเป็นอะไรไปคะ ทำไมมันดูเปื่อยๆ เหมือนคนผ่านศึกซักผ้ามาอย่างหนั”
“คุณน้องพูดเหมือนตาเห็น พี่ไปซักผ้ามาจริงๆ ค่ะ”
“ทำไม ยังไง เกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณพี่ปทุม”
ทั้งสองคุณหญิงเดินมาถึงที่รถพอดี เดชยืนรอทำหน้าที่อยู่แล้ว
“วันนี้ไปรถพี่นะคะ เดี๋ยวขากลับพี่ให้นายเดชไปส่งคุณน้องที่บ้านเอง เราจะได้คุยกันสะดวกๆ”
“ได้สิคะ คุณพี่”
ปทุมวดีกับราตรีก้าวเข้าไปนั่งด้านหลังรถ เดชรีบขับรถออกไป ระหว่างทาง ปทุมวดีพูดถึงวีรกรรมของประภาพรรณด้วยสายตาแค้นมาก
“นังมิวมันร้ายกาจมากค่ะ คุณน้อง พี่คิดจะสั่งสอนมันด้วยการใช้ให้ซักผ้ากองโต แต่มันเจ้าเล่ห์หลอกให้คุณพี่ซักผ้าเองจนมือเปื่อยเล็บหลุดแล้วก็ลมใส่เลยค่ะ”
“ต้าย ร้ายกาจจริงๆ ค่ะ”
“นี่ถ้าไม่ติดจะต้องไปประชุมงานสำคัญที่สมาคมฯ พี่จะต้องลงโทษมันให้สาสม”
“ยกนี้ปล่อยมันลำพองไปก่อนค่ะ คุณพี่ปทุม”
ราตรีปลอบใจปทุมวดีแล้วก็คิดแผนการเอาคืนได้
“คิดออกแล้วค่ะ คุณพี่ปทุม”
“น้องราตรีคิดแผนเลวๆ อะไรได้เหรอคะ”

ราตรียิ้มเย็น ไม่ตอบปทุมวดี รีบหยิบมือถือมาต่อเบอร์ทันที
จบตอนที่ 1 






กำลังโหลดความคิดเห็น