หน้ากากนางเอก ตอนที่ 16
เธอเปิดประตูห้องออกมาอย่างร่าเริง ได้เจอกับสองสาวยืนรอพอดี เลยรีบเก็บอาการ
“มีอะไร”
“เอี๊ยม...พวกเราอยากจะมาขอบใจเธอ” เขมปัญฑาบอก
“เรื่อง”
“ก็คุณดำรงเค้าให้งานพวกเราสามคนแล้วนะ”
“เป็นเพราะเธอเข้าไปคุยกับคุณดำรงให้ พวกเราถึงได้มีงาน...ขอบใจนะ..เอี๊ยม” เวฬุยาว่า
เธอสีหน้าเปลี่ยน
“ไม่ต้องมาขอบใจอะไรกันหรอก เพราะที่จริงคนที่ผิดก็คือฉันเองที่ทำให้พวกเธอต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษด้วยนะ”
ทั้งสามคนมองหน้ากันยิ้มๆแบบที่ยังเก็บฟอร์มกันไว้อยู่...
ภายในห้องนอน เบอร์รี่โวยวายอยู่กับดำรง
“อะไรนะคะ คุณจะเอาเอี๊ยมมาเล่นละครกับเบอร์รี่งั้นเหรอ! ไหนคุณดำรงบอกว่าจะให้เบอร์รี่เป็นซูปตาร์ เอาเอี๊ยมมาแบบนี้ก็กลบเบอร์รี่หมดสิคะ”
“เบอร์รี่ อย่าเพิ่งโวยวายสิ”
“เบอร์รี่นะอุตส่าห์ทุ่มเททั้งใจทั้งกายให้คุณดำรง ไม่คิดเลยว่าคุณดำรงจะทำกับเบอร์รี่แบบนี้ ซุปตาร์ผลไม้ป่าอะไรกัน โกหกหลอกลวงชัดๆ”
“ใจเย็นๆก่อน เรื่องซุปตาร์ผมพูดกับสื่อเอง ผมไม่ผิดคำพูดหรอก”
“แล้วที่เอาเอี๊ยมมา มันหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็กะว่าจะเอาเอี๋ยมมาเพื่อดันคุณไง เราต้องใช้กระแสความดังของเอี๊ยมให้เป็นประโยชน์นะ ผมบอกผู้กำกับไปแล้วว่าทุกซีนจะต้องให้เอี๊ยมช่วยให้เบอร์รี่เด่นที่สุด เพื่อให้เบอร์รี่กลายเป็นซุปตาร์ให้ได้”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
“งั้นก็ดีค่ะ...เบอร์รี่ขอไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
เบอร์รี่เข้ามาส่องกระจกในห้องน้ำ
“ได้ ในเมื่อคิดจะเอาเอี๊ยมมาล่ะก็ ฉันจะไม่ให้แกเป็นแค่บันไดขึ้นไปสู่ดาวของฉันหรอก! แต่ฉันจะหาเรื่องเหยียบแกให้จมดินเลย นังเอี๊ยม!”
พิธีกรกำลังเม้าท์ข่าวกันอยู่
“หลังจากคุณแจ๊ดแถลงข่าวเปิดตัวละครไปแล้ว 7 เรื่องเมื่อวันก่อน วันนี้ทางคุณดำรงก็แถลงข่าวเปิดตัวละครบ้างค่ะ”
“งานนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรค่ะ นึกว่าจะแจ้งเกิดซูปตาร์ผลไม้ป่าธรรมดา ที่ไหนได้ คุณดำรงมีเซอร์ไพรส์!”
“เรียกได้ว่านักข่าวนี่ตกตะลึง แฟรชนี่นะ ยิงกันซ้ายทีขวาที ถ้าเป็นปืนอาก้าเรียกว่าพรุนเลยค่ะ”
“ตอนแรกเราก็นึกว่าคุณดำรงจะเจ็บแล้วจบ แต่ปรากฏเสียใจไม่ยอมเสียเธอค่ะ! เอี๊ยมค่ะ ปรากฏตัวเปิดตัวละครเรื่องใหม่ซะงั้น”
“ไม่ใช่แค่เอี๊ยมนะคะ เขม กับมะม่วง ในสังกัดเจ๊เต่าทั้งหมด โผล่ละครเรื่องใหม่ เรือนรักเรือนริษยากันทั้งแผง!”
“เรียกได้ว่าฉีกสัญญากันจะจะเลยค่ะ!”
ในห้องทำงาน แจ๊ดโทรศัพท์คุยกับเจ๊เต่าอยู่
“เจ๊เต่า ทำไมทำแบบนี้กับช่อง ลืมไปแล้วเหรอว่าใครปลุกปั้นเด็กคุณมา”
เจ๊เต่าอยู่ที่คอนโดฯคุยโทรศัพท์อยู่เช่นกัน
“ลืมมันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่เด็กมันไม่มีกินไม่มีใช้ ไม่มีงานจะให้ทำยังไง เจ๊ไม่ได้อยากทำหรอกนะคะ แต่ว่าคุณแจ๊ดบีบให้เจ็ต้องทำแบบนี้ คุณแจ๊ดลองคิดดู แบนงานเด็กๆ ของเจ๊สามคนปีนึง แบบนี้ก็เท่ากับคุณแจ๊ดไล่เด็กออกจากวงการแล้วล่ะค่ะ!”
“เพราะเจ๊มัวแต่ถือหางเด็กแบบนี้น่ะสิ มันถึงได้เสียคนกันหมด”
“แต่บทลงโทษที่มันเกินไป มันก็ทำให้เด็กดื้อจนไม่ฟังเหมือนกันค่ะ”
“ก็ได้ จะฉีกสัญญา ฉีกหน้าผมก็ได้ แต่จำคำผมไว้เลยนะ วันนี้อาจจะหาทางไปรอดได้ แต่อีกไม่นานเด็กเจ๊ก็จะร่วงไม่เป็นท่าเหมือนเคย เพราะเจ๊ถือหางให้มันนิสัยเสีย! และผมไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่นอน”
“เด็กๆ สำนึกและกลับตัวแล้ว คุณแจ๊ดคอยดูเถอะค่ะว่าโอกาสที่เจ๊ไปขอร้องแล้วคุณแจ๊ดไม่ให้น่ะ สุดท้ายมันกลับไปทำร้ายคุณแจ๊ดยังไง”
เจ๊เต่าวางสาย มีคนโทร.เข้ามาอีก
“สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ จากที่ไหนนะคะ สตาร์เดลี่ อ๋อ พอดีคุณดำรงเห็นใจเพราะว่าเด็กๆ เค้าสำนึกและสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวค่ะ คอยดูเอี๊ยมคนใหม่ได้เลยค่ะ “ มีโทรศัพท์เข้ามาอีกสาย “แป๊บนะคะ สายซ้อน สวัสดีค่ะ อ้อ ดารานิวส์ ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณคุณดำรงที่เมตตาเด็กๆ มากกว่าค่ะ”
ในทีวี เป็นภาพทุกคนถ่ายรูปร่วมกัน
“และนอกจากซุปตาร์ฆ่าไม่ตายอย่างเอี๊ยมคัมแบ๊ค ยังมีซุปตาร์อีกคนคัมแบ๊คค่ะ”
ขึ้นภาพคริส
“ว้ายคุณคริส!! ไม่ได้เห็นนานมากตั้งแต่เค้าประกาศลาออกจากวงการไปเรียนต่อ แล้วนี่มันยังไงคะ ไหนบอกจะลาออกไปแล้ว ทำไมกลับมารับละคร”
“อันนี้คุณคริสบอกว่าเพราะเรื่องนี้เด็ดจริงๆ ไม่รับเล่นไม่ได้ พูดขนาดนี้เราไม่รอดูก็คงไม่ได้เหมือนกัน เพราะซุปตาร์เล่นชนกันปึงปัง! ในละครเรื่องเดียว!”
ภายในห้อง เบอร์รี่มองข่าวทีวีอย่างมีความสุข
“แกจะได้เป็นข่าวก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละนังเอี๊ยม! อีกไม่นาน ทุกอย่างที่แกได้วันนี้จะเป็นของฉันทั้งหมด”
เช้าต่อเนื่องมา วรรษชลอยู่ที่สวนสาธารณะ อรัญภัทรเดินเข้ามา
“เห็นข่าวเมื่อเช้าแล้วใช่ไหมคะ”
“เห็นแล้ว จะว่าดีใจที่คุณได้งานก็ดีใจ แต่จะว่าห่วงก็ห่วงนะ”
“ห่วงเรื่องอะไร เรื่องเอี๊ยมจะทำทุกอย่างพังอีกเหรอ”
“เปล่า ผมห่วงว่าช่องเดิมที่คุณสังกัดอยู่เค้าจะว่าคุณได้”
“โอ๊ย เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
“เพราะเค้าไม่ว่า”
“เพราะไม่ว่าเอี๊ยมจะทำยังไง เค้าก็คงว่าเอี๊ยมอยู่ดี”
วรรษชลยิ้มๆ
“จะมีผู้หญิงคนไหนในโลกที่เจอกับเรื่องแบบนี้แล้วยังสุขภาพจิตดีอย่างคุณได้อีกเนี่ย”
“ถ้าโดนจนชินมันก็จะกลายเป็นสีสันของชีวิตไปเองแหละค่ะ”
“เอี๊ยม ผมรู้ว่าถึงคุณจะพูดแบบนี้แต่ลึกๆ แล้ว ในใจคุณกำลังแย่อยู่ใช่ไหม”
“แย่แค่ตัวเองคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ทำให้เจ๊เต่ากับเพื่อนๆต้องมาแย่ไปด้วยนี่สิ”
“เอี๊ยม...คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว คุณยังมีผมและผมก็พร้อมที่จะสู้ไปกับคุณนะ”
เธอทำหน้าซึ้ง แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์
“คุณจะช่วยอะไรเอี๊ยมได้”
“เรื่องงานผมอาจช่วยไม่ได้ แต่เรื่องให้กำลังใจผมเก่งนะ”
เธอยิ้มเขินๆ
“เดี๋ยวนี้หัดพูดปากหวานกับเค้าก็เป็นนะ!”
วรรษทำหน้ายิ้มทะเล้นใส่ สองคนยิ้มๆ ให้กัน
เช้าวันเดียวกัน เขมปัญฑาพาเวฬุยาเข้ามาที่โต๊ะทานอาหารของที่บ้าน
“สวัสดีค่ะคุณน้า สวัสดีค่ะคุณยาย”
ยายพูดกับเวฬุยา
“เขมเหรอ เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“เขมอยู่นี่คะยาย...อันนั้นมะม่วง”
ช้องนางเข้ามา
“สองคนมาทันข้าวเช้าพอดีเลย น้าทำเผื่อไว้แล้ว”
เวฬุยามองอาหาร
“โอ้โห น่าทานมากเลยค่ะ”
“ปกติก็ไม่ทำซะหรูแบบนี้หรอก แต่พอบอกว่ามะม่วงมานะ น้าก็จัดเต็มเลยแหละ”
“เออ...น้าเห็นข่าวเมื่อเช้าแล้วล่ะ อยู่ๆก็ย้ายช่องกันไปดื้อๆ แบบนั้นมันจะไม่มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ก็มันช่วยไม่ได้จริงๆ ค่ะ ในเมื่อเค้าบีบให้เราไม่มีงานก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“แต่แบบนี้คนอื่นในวงการก็จะมองพวกหนูไม่ดีรึเปล่า เหมือนไม่กตัญญูกับช่อง” ช้องนางว่า
“ผู้ใหญ่เค้าไม่เมตตาเราแล้วเราจะไปกตัญญูกับเค้าทำไมล่ะคะน้า”
“มะม่วง! พูดจาให้เกียรติเค้าหน่อยอย่างน้อยเค้าก็ปั้นเรามา”
“ก็พูดจริงนี่นา มีอย่างที่ไหน ทำผิดคนเดียวลงโทษสามคน”
ช้องนางบอก
“ถึงเค้าจะทำเกินไปกับเราแต่ก็อย่าไปแค้นเคืองเค้าเลยนะมะม่วง ถือซะว่าเค้าให้บทเรียนแล้วกัน เรามาอยู่ช่องใหม่แล้วก็พยายามพิสูจน์ตัวแล้วกันนะ”
“ค่ะ ยังไงเขมก็จะไม่ให้ใครเค้ามองว่าเราไม่กตัญญูหรือหักหลังค่ะ เขมจะค่อยๆ กู้ชื่อเสียงให้กลับมา ให้คนอื่นๆ เข้าใจมุมของเรา อีกอย่าง เขมว่าเรื่องนี้เจ๊เต่าเองก็คงคิดๆ เอาไว้บ้างแล้ว คุณน้าไม่ต้องห่วงนะคะ”
“จ้ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงน้าก็เป็นกำลังใจให้หนูสองคนเสมอนะ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาก็ได้”
“ดีแน่ค่ะ ถ้าเอี๊ยมไม่ก่อเรื่องอีกอ่ะนะ” เวฬุยาบอก
“มะม่วง!”
“ก็พูดจริง”
“เอี๊ยมเค้าเปลี่ยนไปแล้วคะ น้าไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงเราก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นร่วมกันคะ”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี น้าจะได้หายห่วง”
เขมยิ้มให้ช้องนาง แล้วแอบหันมาดุเวฬุยานิดหน่อยที่พูดจาตรงเกินไปจนน้ากังวล
“ว่าแต่ ฟิตติ้งละครเรื่องใหม่เมื่อไหร่ล่ะ” ช้องนางถาม
“พรุ่งนี้ค่ะ”
วันรุ่งขึ้น บรรยากาศในวันฟิตติ้งละคร ทีมงานกำลังวุ่นวายกับการเปลี่ยนชุดนักแสดงและถ่ายรูปกันอยู่
เห็นเขมปัญฑาถ่ายคู่คริส / เห็นเวฬุยาถ่ายคู่คริส/ เห็นอรัญภัทรถ่ายคู่คริส ทั้งหมดอยู่ในชุดสมัยร. 7
คริสมองอรัญภัทรแล้วรู้สึกถูกชะตา
“ผมได้ยินเรื่องคุณมาเยอะเลย”
“ใครๆ ก็ได้ยินเรื่องเอี๊ยมมาทั้งนั้นแหละค่ะ เจอตัวจริงแล้วกลัวกว่าเดิมไหมคะ”
“จะกลัวทำไม...คุณไม่เห็นจะเป็นเหมือนในข่าวเลย”
อรัญภัทรมองคริสแบบไม่อยากจะเชื่อว่าคริสจะคิดอย่างนี้กับตน
“ถึงจะดูเหวี่ยงๆไปบ้าง แต่ไม่รู้สิ ผมว่าคุณมีความจริงใจ”
เธอยิ้มให้คริส เจ๊เต่าเข้าไปหาผู้กำกับฯ
“คุณผู้กำกับคะ”
“ครับ”
“ในบทเห็นบอกว่าเจ้าคุณมีเมียสี่คน เมียสองคนรองคือเขมกับมะม่วง เมียหลักคือเอี๊ยม แล้วอีกคนใครคะ”
“ดาราใหม่แกะกล่องเลยล่ะครับ” ผู้กำกับบอก
“ดาราใหม่นี่อย่าบอกนะว่าเป็น...” เวฬุยาบอก
ป้าไก่เข้ามา
“มาแล้วค่า น้องเบอร์รี่มาแล้วค่า!”
ทุกคนช๊อก เห็นว่าเป็นเบอร์รี่มาพร้อมป้าไก่
“เบอร์รี่”
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีเบอร์รี่ต้องไปถ่ายโฆษณาของช่องน่ะค่ะ”
“พอดีน้องเค้าไม่มีข่าวเสียหาย ช่องก็เลยเรียกให้ไปถ่ายโปรโมตเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีน่ะค่ะ คิวนี่นะแน่นเอี๊ยดไปหมด”
เบอร์รี่รีบรี่เข้าไปหาคริส
“สวัสดีค่ะคุณคริส เบอร์รี่ค่ะ เพิ่งเล่นละครเรื่องแรก ฝากตัวด้วยนะคะ”
“อย่าฝากกับผมเลยครับ ผมไปเรียนต่อมาก็หลายปี นี่ก็เหมือนกลับมาเริ่มต้นใหม่.ถ้าจะฝากตัว ฝากกับคุณเอี๊ยมดีกว่า...ใช่ไหมครับคุณเอี๊ยม”
อรัญภัทรมองหน้าเบอร์รี่อย่างได้ชัยชนะ
“ใช่ค่ะ ฝากรึยังคะเบอร์รี่”
เบอร์รี่มองไม่พอใจ อรัญภัทรยิ้มเยาะ คริสพยักเพยิดให้ฝากตัวกับนางเอก เบอรืรี่จึงพูดออกมาอย่างฝืน
“ฝากด้วยละกันค่ะ”
เวฬุยากระซิบ
“เจ๊เต่า นี่มันหมายความว่ายังไง นึกว่าเบอร์รี่ไปลงเรื่องอื่นซะอีกถึงได้สบายใจจะเล่น แต่นี่มาเล่นเรื่องเดียวกัน มะม่วงไม่เอานะ”
เจ๊เต่ากระซิบตอบ
“นี่! ลืมไปแล้วรึไงว่าเรามีงานอื่นซะที่ไหนห๊ะ..ไม่เอาแล้วจะเอาที่ไหนกินละย๊ะ”
อรัญภัทรมองเบอร์รี่หัวจรดเท้าก่อนจะหันมาพูดกับเจ๊เต่า
“อย่ามัวเสียพูดกันอยู่เลย ไปทำงานกันต่อเหอะ”
ทุกคนมองหน้าหน้าเอี๊ยมแบบงงๆ
ห้องฟิตติ้ง ผู้กำกับเรียกนักแสดง
“เบอร์รี่ เอี๊ยม คริส ถ่ายสามคนครับ”
เบอร์รี่กับเอี๊ยมเดินเข้าไปที่ฉากพร้อมกัน สองคนมองหน้ากัน
“เรื่องแรกก็ได้เป็นตัวเอกเลยนะ เธอนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“คุณดำรงเค้าคงเห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของเบอร์รี่น่ะค่ะ”
เอี๊ยมรำพึง
“หึ!ความสามารถไม่ได้ซ่อนอยู่ในตัวหรอกซ่อนอยู่ในร่มผ้าเธอนั่นแหละ”
“พี่เอี๊ยมว่าอะไรนะคะ”
“เปล่า แค่อยากบอกว่า ได้เล่นกับเบอร์รี่ก็ดีเหมือนกัน จะได้คอยฝึกการแสดงให้...ทั้งในจอแล้วก็นอกจอ”
“เรื่องนั้นต้องฝากพี่เอี๊ยมตัดสินด้วยนะคะ เพราะเรื่องการแสดง! เทียบกับพี่เอี๊ยมแล้วเบอร์รี่ยังอ่อนหัดค่ะ”
“งั้นก็ฝึกเยอะๆ นะจ้ะ เพราะถ้าอ่อนหัดอย่างปากว่าล่ะก็ เวลาเข้าฉาก โดนแย่งซีนขึ้นมา แทนที่จะได้เกิด...ระวังจะดับแทนนะจ๊ะ”
“ก็จะคอยดูค่ะว่า เมื่อถึงเวลาใครจะเกิดแล้วใครจะดับกันแน่!”
ผกก.เข้ามาพร้อมคริส
“อ่ะ สองเมียเริ่มถ่ายกับคริสได้!”
เบอร์รี่กับเอี๊ยมมองกันด้วยอินเนอร์จริงที่มีต่อกัน กล้องถ่ายแชะ !
เบอร์รี่หันไปทางคริสจะถ่ายกับคริส แต่คริสหันไปมองอรัญภัทร ทั้งสองมองหน้ากัน กล้องถ่ายแชะ! เบอร์รี่ไม่พอใจ
บรรยากาศการถ่ายรูปฟิตติ้ง ตัวละครต่างโพสท่าแย่งซีนกัน
จนถึงภาพสุดท้าย … ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ เช้าวันรุ่งขึ้น
เช้าวันใหม่ ภาพฟิตติ้งละครที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ พิมพิชชามองข่าวแล้วโมโห โยนหนังสือพิมพ์ลงพื้น
“นังสารเลว! ทำกับฉันเอาไว้เยอะ แทนที่จะตกอับกลับได้ดิบได้ดีทั้งสองคน! กรรมที่พวกแกทำกับฉันไว้ ถ้ามันไม่ฉุดพวกแกให้ตกอับลงมาด้วยตัวเอง ฉันเองนี่แหละ จะจัดให้อย่างสาสมเลย”
พิมพิชชามองหน้านางเอกสาวในหนังสือพิมพ์ ก่อนจะฉีกกระจาย
แทนไทกำลังหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู เห็นข่าวฟิตติ้งละครของเวฬุยา
“แกเห็นข่าวละครเรื่องใหม่ของเขมกับมะม่วงรึยัง”
“อ้อ เห็นแล้วเมื่อเช้า ว่าจะส่งเมสเสจไปแสดงความยินดีอยู่เนี่ย” ปราชญ์บอก
“แกยินดีจริงๆ เหรอวะที่เค้าได้งานกลับคืนมา”
“ทำไมวะ แกไม่ดีใจ”
“ไม่ว่ะ ฉันไม่อยากให้เค้าได้งาน เพราะปกติเราก็เจอเค้ายากอยู่แล้ว นี่จะมาได้เล่นละครอีก คราวนี้ก็คงไม่ต้องได้เห็นหน้ากันเลยสิวะ”
“ฮ่าๆๆ ไม่เคยคิดเลยว่าความรักจะทำให้เจ้าของไร่ผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นเด็กอายุห้าขวบไม่ได้ของเล่นไปได้”
“ไอ้ปราชญ์ ฉันไม่ได้โทร.มาให้แกด่าฉันนะ”
“นี่...แกเป็นคนฉลาด ที่ผ่านมาไอ้ทีเรื่องธุรกิจ ยังแก้ปัญหาได้เป็นฉากๆ กะอีแค่เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องมานั่งท้อด้วยวะ”
“ก็มัน... เออ..ช่างเหอะ...เดี๋ยวค่อยหาทางเอาวะ”
แทนไทวางสาย ขณะนั้นพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ
“อาหารเช้าค่ะคุณแทน”
“ไม่กิน กินไม่ลง”
แทนไทเดินออกจากห้องไป พนักงานมองอาหารที่อยู่ในถาดงงๆ
“เพิ่งจะเคยเห็นว่าคุณแทนกินอะไรไม่ลง”
บรรยากาศกองถ่ายละครพีเรียด ในห้องพักนักแสดง ทีมงานดูแลเบอร์รี่อย่างดี
ช่างแต่งหน้า 1บอก
“เสร็จแล้วจ้ะ น้องเบอร์รี่ ไปนั่งพักได้”
เบอร์รี่ยกมือไหว้
“ขอบคุณนะคะพี่ พี่แต่งเบอร์รี่สวยมากเลยอ่ะ”
ช่างแต่งหน้า 1 บอก
“ก็พื้นหน้าเบอร์รี่ดีอยู่แล้ว แต่งยังไงก็สวยจ๊ะ”
อรัญภัทรท่องบท
“พระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งแล้วว่าให้มีผัวเดียวเมียเดียวแต่นี่กระไร”
ช่างทำผม1บอก “เสร็จแล้วค่ะ เอี๊ยม”
เธอพยักหน้าไม่พูดอะไร เดินออกไปที่ฝ่ายเสื้อผ้า ตาก็มัวแต่มองที่บท ท่องบทต่อ
“ ลำพังคุณพระมีเมียถึงสี่คนก็เกินจะรับได้ในสมัยนี้แล้วนะคะ นี่ไม่ใช่เมื่อยี่สิบปีก่อนนะคะ”
ช่างทำผม1บอก “โอ๊ย จะขอบจงขอบใจคนอื่นเค้าหน่อยก็ไม่มี สะบัดตูดไปเฉย!”
ช่างแต่งหน้า 1บอก “ลำพังคนใหญ่คนโตยังไม่ไว้หน้า จะมาให้เคารพทีมงานอย่างพวกเราทำไม แทนที่นักแสดงรุ่นเก่าจะเป็นแบบอย่างให้นักแสดงรุ่นใหม่ เห็นทีจะต้องสลับกันซะละมั้ง”
“อืม...ดูอย่างน้องเบอรี่นี่สิ ไปลามาไหว้ เคารพคนทำงานไม่ว่าจะเป็นใครแบบนี้ รับรองเจริญแน่ๆเลยคะน้องเบอร์รี่ ไม่ตกอับโดนแบนแล้วแบนอีกแบบใครบางคนแถวนี้แน่นอน!”
อรัญภัทรเขวี้ยงบททิ้งหยุดเดิน ยืนนิ่ง เจ๊เต่าเห็นรีบเข้ามาเก็บบทแล้วยัดใส่มือเอี๊ยมทันที
“เอี๊ยม...ใจเย็นๆ วันนี้วันออกกองวันแรก ยังไม่ได้ถ่ายสักซีนเลยนะคะเอี๊ยมขา”
เธฮพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้
“เอี๊ยมรู้แล้วน่าเจ๊ ถึงได้ยืนนิ่งอยู่แบบนี้ไง ไม่งั้นก็คงเละทั้งห้องแล้วล่ะ”
“แทนที่จะขอบคุณเค้าสักหน่อย” เวฬุยาว่า
“ก็คนเค้าท่องบทมีสมาธิอยู่ จะให้หันไปตอแหลไหว้ซ้ายทีขวาทีทำไม เค้าจ้างเรามาเป็นนักแสดงไม่ได้จ้างมาไหว้ช่างแต่งหน้า”
“ก็เพราะเป็นแบบนี้ไง”
“นี่! มะม่วง”
“ว้าย! หยุดค่ะ! ทุกนาง เงียบไปเลยนะคะ...เอาบทไปท่องเดี๋ยวนี้เลย! ลำพังทีมงานทำอย่างกับพวกเธอไม่มีตัวตนก็แย่อยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องกัดกันเองอีก! อย่าลืมสิคะ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของพวกเรา ไม่ว่าใครจะว่าอะไรยังไง ต้องอดทนเท่านั้น! เอาล่ะ ถ้าเดือดกันนัก เจ๊จะไปขอน้ำเย็นจากทีมงานมาช่วยดับร้อน”
ป้าไก่เดินถือน้ำมาพอดี
“เบอร์รี่ น้ำจ้ะ”
“อุ้ย น้ำเย็น” เบอร์รี่หยิบแก้วขึ้นมา “เอ๊ะ เบอร์รี่ยังไม่ค่อยหิว เอาให้เจ๊เต่าก่อนก็ได้ จะได้ช่วยดับร้อน”
เบอร์รี่เดินมาจะเอามาให้แต่ทำเป็นสะดุดล้ม น้ำสาดใส่เจ๊เต่า ทุกคนร้องว้าย!
“ขอโทษจริงๆ เบอร์รี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ!” เวฬุยาว่า
เวฬุยาและอรัญภัทรจะเข้าไปเอาเรื่อง เจ๊เต่าหันไปยกมือให้ทั้งหมดหยุด
“หยุด!” เจ๊เต่าพูดกับเบอร์รี่ “ขอบใจมาก เจ๊สดชื่นมาก น้ำแก้วที่เหลือของเด็กเจ๊ใช่ไหมคะ”
เจ๊เต่าเอาน้ำให้ทีละคนอย่างใจเย็น
“เจ๊ ไปยอมมันทำไมล่ะ!” อรัญภัทรว่า
“ยอมไปเหอะ! อย่าลืมว่านี่เป็นงานชิ้นเดียวที่เรามี!”
เบอร์รี่ยิ้มเยาะเพราะเห็นช่องทางยั่วโมโหอยู่ลิบๆ
คริสกำลังเข้าฉากอยู่กับดาราสาวทั้ง 4 คน ผกก.กำลังอธิบายไดเรคชั่น
“ฉากนี้ เป็นฉากเปิดตัวเมียทั้งสี่คนของคุณพระเป็นครั้งแรก มะม่วงเราเข้ามาคนแรกเอาอาหารมาเสิร์ฟคุณพระ แล้วก็พูดไดอะล๊อคของเรา แล้วพอกำลังจะเสิร์ฟเขมก็จะเข้ามาแย่งเพื่อที่จะเป็นคนเอาหน้า หลังจากนั้นพอให้คิวเอี๊ยมก็เข้ามา ตามด้วยเบอร์รี่นะ พร้อม”
ทีมงานเตรียมตัว นักแสดงเข้ามาในฉาก
“5 4 3 2”
ในเซท คริสพาคุณหลวงเข้าบ้านมา
“ขอบคุณคุณหลวงมากที่ให้เกียรติมาถึงที่บ้าน”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องมากพิธี เราก็คนกันเอง ได้ยินมาว่าเมียเอ็งน่ะทำอาหารเก่งนัก ข้าก็อยากจะลองชิมฝีมือมานานแล้ว ว่าแต่เมียเอ็งคนไหนล่ะที่เป็นคนทำ”
เวฬุยาเดินพร้อมถาดอาหารจะเข้ามาเสิร์ฟ แต่ยังไปไม่ถึงตัวคุณพระ เขมปัญฑาก็เข้ามาขวางเสียก่อน
“ตัวเองทำก็ไม่ได้ทำแท้ๆ คิดจะเอาหน้าเหรอ มานี่!”
เขมปัญฑาจะแย่งถาดอาหาร เวฬุยาไม่ให้
“พูดอย่างกับตัวเองทำอย่างนั้นแหละ ฉันมาเสิร์ฟให้เพราะแม่นิ่มเค้าไว้ใจว่าจะไม่มีใครแอบลอบใส่ยาเสน่ห์อะไรให้คุณพระ!”
“ยาเสน่ห์? แกพูดเรื่องอะไรน่ะห๊ะ คนอย่างฉันไม่ต้องใช้ยาเสน่ห์ แค่อ้อนหน่อย คุณพระก็มาที่ห้องทั้งคืนแล้วล่ะย่ะ อ้อ ที่คิดได้ว่าเป็นยาเสน่ห์เพราะตัวเองใช้อยู่สินะ! เอามานี่”
มีคนให้คิว อรัญภัทรเดินเข้ามาแอบผลักถาดข้าวที่ทั้งสองยื้อแย่งจนคว่ำไป
“แม่ช้อย!”
เบอร์รี่ได้ยินเสียงก็เข้ามา
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ”
“คือ...”
อรัญภัทรบอก
“ก็สองคนนี้น่ะสิ มัวแต่แย่งกันจะไปเอาหน้ากับคุณพระ ยื้อถาดอาหารไปมาจนหกหมด แกงเนี่ยฉันเสียดายนัก ได้ยินมาว่าตื่นมาเคี่ยวแกงตั้งแต่ตีสาม”
“เดี๋ยวฉันจะทำให้ใหม่”
“ไม่ต้องหรอก กว่าจะทำเสร็จคุณพระก็ได้เสียหน้ากับคุณหลวงพอดี ไปเอาสำรับที่เรือนของฉันมาตั้งโต๊ะให้คุณหลวงก่อนจะดีกว่า”
เขมปัญฑาเคียดแค้น
“แบบนี้นังช้อยมันก็ได้หน้าล่ะสิ”
“แล้วบอกคุณพระท่านนะว่าแม่นิ่มเป็นคนทำ อย่างที่คุณพระสั่งเอาไว้”
อรัญภัทรมองหน้าเบอร์รี่อย่างร้ายกาจ
ฝ่ายเบอร์รี่เล่นแข็งมาก
“ไม่นะ จะทำแบบนั้นไม่ได้นะ แกงนั่นฉันไม่ได้ทำ จะให้คุณพระเสียหน้าต่อหน้าคุณหลวงไม่ได้นะ”
“คัท!”
ผู้กำกับเดินเข้ามาในเซท
“เบอร์รี่ ตอนนี้เธอจะต้องพยายามปกป้องคุณหลวง ไม่ใช่เล่นเหมือนปกป้องตัวเอง คนอื่นโอเคหมดแล้ว เอาแบบเมื่อกี้เลยนะ”
“ขอโทษทีนะคะ เบอร์รี่ตื่นเต้น”
“ไม่เป็นไรจ้ะเบอร์รี่ พี่เข้าใจ ลองใหม่อีกทีนะ เทคสอง กล้องพร้อม แอคชั่น!”
กล้องจับที่อรัญภัทร ... เหมือนเดิม เบอร์รี่เล่นแข็งมาก จนผู้กำกับฯ ต้องสั่งคัท!!
อ่านต่อหน้าที่ 2
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ผู้กำกับเดินเข้ามา
“เบอร์รี่ยังไม่ได้”
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ นะ จะออกไปทำสมาธิก่อนไหม”
“เบอร์รี่ไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลาน่ะค่ะ คนอื่นเค้าเล่นได้หมดแล้วเหลือเบอร์รี่คนเดียว เล่นเลยดีกว่าค่ะ”
“เทค 3 กล้องพร้อม แอคชั่น” ผู้กำกับฯว่า
กล้องซูมที่อรัญภัทรอีกครั้ง ...
เบอร์รี่เล่นกวนตีนอรัญภัทร
“คัท! ไม่ได้ เทค”
อีกครั้ง
“คัท! ไม่ได้ เทค 5”
กล้องซูมที่อรัญภัทรอีกครั้ง
“คัท!”
ผู้กำกับเดินเข้ามาในเซท อรัญภัทรหงุดหงิดมาก
“ไม่ได้ พี่ว่าลองแก้ตั้งแต่ตรงนี้ดีกว่า เอี๊ยม เอี๊ยมต้องช่วยส่งมากกว่านี้นะ ที่ผ่านมาเอี๊ยมอาจจะช่วยน้องเค้าน้อยไปหน่อย”
“อะไรนะ” เธฮหงุดหงิดมากแต่ต้องข่มใจ “ค่ะ ได้ค่ะ”
เบอร์รี่ยิ้มสะใจเบาๆ
กล้องซูมที่อรัญภัทร คราวนี้... เบอร์รี่เล่นเว่อร์มาก
“คัท!”
ผู้กำกับฯเดินเข้ามาต่อว่า
“แย่กว่าเดิมอีก!! ไปถ่ายฉากอื่นก่อน ให้เบอร์รี่ไปทำสมาธิ”
แฟนคลับซุบซิบกัน ป้าไก่เข้ามา
“นี่เลิกยั่วโมโหนังเอี๊ยมแล้วเล่นดีๆ ได้แล้ว ทำไมยังไปกวนมันอยู่ได้”
“คัทสุดท้าย เบอร์รี่เล่นดีๆแล้วค่ะ”
ป้าไก่ช๊อก
กลุ่มเจ๊เต่ายืนกันที่อีกมุมหนึ่ง
“เอี๊ยมขอบใจมากเลยนะที่ไม่เหวี่ยงนังเบอร์รี่ แม้มันจะกวนเอี๊ยมขนาดไหนก็ตาม”
“เอี๊ยมไม่อยากให้มันพังเพราะเอี๊ยมอีก ถ้าจะพังก็ให้พังด้วยมือนังเบอร์รี่เองดีกว่า”
“นั่นสิ เป็นไงล่ะชมกันนักกันหนาว่ามารยาทดีน่ารัก แต่เล่นไม่ได้แบบนี้ยังจะอวยกันอีกไหม” เวฬุยาว่า
ผกก. ทีมงานมองๆ เบอร์รี่อย่างซุบซิบๆ สักพักเบอร์รี่ร้องไห้
“เบอร์รี่เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมคะลูก” ป้าไก่ถาม
“เบอร์รี่ขอโทษทีมงานด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
ผกก.เข้ามา
“ไม่เอาน่าเบอร์รี่ ไม่ต้องเครียดนะ วันแรกก็แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เราแค่ยังไม่ชิน”
ช่างแต่งหน้า 1 เข้ามาซับน้ำตา
“สู้ต่อไปนะ ยังไงพวกพี่ก็เป็นกำลังใจให้”
ช่างผม1บอก “วันแรกได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้วหละหนู”
เบอร์รี่ยิ้ม น้ำตาไหล
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเสียเวลาค่ะ เบอร์รี่จะทำเต็มที่ค่ะ”
พวกอรัญภัทรมองอย่างเอือมระอา
“นี่ถ้าในฉากเล่นได้ดีเท่านอกฉาก ป่านนี้งานเสร็จไปแล้วค่า!” เจ๊เต่าบอก
เช้าวันใหม่ ในทีวี พิธีกรกำลังเม้าท์ข่าวกันอยู่
“วันนี้มีปริศนาใบ้คำค่า ดารานิวส์ขึ้นพาดหัวเลยว่า น้อง บ. เจ้าของฉายาซุปตาร์ผลไม้ป่า ที่เปิดกล้องไม่ทันไรใครๆก็ยกให้เธอเป็นจุดแข็งของเรื่องไปซะแล้วละค่า”
“หมายถึงยังไงคะ”
“ก็หมายถึงชีเล่นได้เหมือนท่อนไม้ที่ถูดตัดมาวางไว้กลางฉากยังไงละคะ”
“อุ๊ย...แรง”
“โนๆๆๆยังไม่แรงพอคะ..เพราะข่าวนี้น่าจะแรงกว่านะคะ” พิธีกรหยิบหนังสือมาทำท่าอ่านตามข่าว “ในข่าวบอกว่าเห็นชีแบ๊วๆแบบนั้น แหล่งข่าวบอกว่าชีแอ๊บแตกค่ะ...ที่จริงเคยขายตัวอยู่ในสลัม...ชีมีชื่อเดิมว่าเขียว”
“เขียว...มาจากน้ำเขียวหรือตกเขียวกันละคะชื่อนี้”
“อุ๊ย...คุณแรง ยิ่งกว่านะคะ...นี่แหล่งข่าวยังบอกอีกนะคะว่า...ถ้าทุกคนไม่โดนนางแอ๊บหลอก ก็ต้องโดนทางช่องเอาชีมาย้อมแมวขายให้คนดูแน่นอนค่า”
“ว๊าย...เรื่องนี้รับรองว่าต้องถึงหูคุณดำรงแน่นอนค่า...คุณดำรงจะว่ายังไงละคะเนี่ย”
ในห้องทำงาน ดำรงปิดทีวีด้วยความโมโห หันมามองเบอร์รี่กับป้าไก่ที่อยู่ตรงหน้า
“นี่มันหมายความว่ายังไง! ทำไมมีข่าวออกไปแบบนั้นได้”
“มีคนกลั่นแกล้งเบอร์รี่หรือไม่ก็มีใครตั้งใจจะโจมตีช่องของคุณดำรงแน่ๆ ค่ะ”
“แล้วพวกคุณมาย้อมแมวขายผมจริงรึเปล่า!”
“เบอร์รี่ไม่ได้จะหลอกคุณดำรงเลยนะคะ อาชีพนักแสดงน่ะ เป็นอาชีพที่เบอร์รี่ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ เบอร์รี่ก็พยายามผลักดันตัวเองให้เข้ามายืนในวงการเท่าที่เด็กสลัมคนหนึ่งจะทำได้”
“ตกลงคุณมาจากสลัมจริงๆ”
“ค่ะ เบอร์รี่มาจากสลัมจริงๆ แต่เบอร์รี่ไม่เคยขายตัวนะคะ ถึงจะจนเบอร์รี่ก็มีศักดิ์ศรี”
“แล้วมันมีข่าวแบบนั้นไปได้ยังไง”
“อาจจะเป็นช่องคู่แข่งก็ได้ค่ะ ที่พยายามจะดิสเครดิตช่องของเรา ก็ใครจะเชื่อละคะว่าเด็กสลัมคนนึงมันจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ด้วยการรับจ้าง ยอมเป็นคนใช้ให้เค้าโขกสับ ทำงานทุกอย่างด้วยหยาดเหงื่อเพื่อให้ได้เงินมา...ไม่มีใครเชื่อหรอกคะ นอกจากคนที่ไม่หวังดีเท่านั้นที่จะกล้าปล่อยข่าวแบบนี้ออกมาเพื่อทำลายเบอร์รี่และก็ทำลายชื่อเสียงช่อง”
“คุณแน่ใจนะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
“แน่ใจสิคะ” เบอร์รี่มองกันแบบยั่วยวน “คุณดำรงก็น่าจะรู้ดีว่าเรื่องแบบนั้นน่ะ เบอร์รี่ประสบการณ์น้อยจะตาย” เบอร์รี่มองดำรงเป็นนัยๆว่ารู้กันอยู่
ดำรงนิ่งไปสักพักเพราะโดนเบอร์รี่หว่านเสน่ห์
“ได้ ผมจะแก้ข่าวให้ และหวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้ออกมาอีก” เบอร์รี่หันมามองป้าไก่ “คุณก็ต้องช่วยตีข่าวให้ผมด้วยนะเข้าใจไหม”
“คะ...ขอบคุณคุณดำรงที่ให้โอกาสน้องค่ะ”
“คุณก็ดูแลเบอร์รี่ดีๆ ทำให้เค้าเล่นให้ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากองถ่ายแบบเมื่อวานอีก รู้ไหมว่าต่อให้ไม่มีข่าวเรื่องขายตัว พวกนักข่าวก็จ้องเล่นงานคุณเรื่องที่เล่นแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่แล้ว”
“ค่ะ ป้าไก่จะจัดการสั่งสอนเบอร์รี่เองค่ะ”
“ไปได้แล้ว”
ป้าไก่และเบอร์รี่เดินออกจากห้อง
เบอร์รี่หันมาคุยกับป้าไก่
“ใครที่ทำเรื่องแบบนี้กับเบอรี่เนี่ย!”
“จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่รู้กำพืดหล่อนดีน่ะ”
เบอร์รี่คิดๆ
“ดีนะคุณดำรงเค้ายังเมตตาจะแก้ข่าว แล้วเลี้ยงแกอยู่ ฉันละอยากรู้จริงๆ ว่าเค้าจะไปแก้ข่าวยังไง เพราะท่าทางนอกจากเรื่องกำพืดแกแล้วล่ะก็ คงต้องตอบคำถามเยอะเลย ว่าทำไมเอาแกมาเล่นเป็นบทนำทั้งๆ ที่เล่นไม่ได้!”
เบอร์รี่ฟึดฟัด
วันใหม่ อรัญภัทรนั่งเตรียมตัวอยู่ เบอร์รี่นั่งอยู่แถวนั้นเหมือนกัน ผู้กำกับเดินเข้ามา
“เบอร์รี่ วันนี้คงไม่เกร็งแล้ว ทำให้เต็มที่เลยนะ”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เบอร์รี่เตรียมตัวมาดี”
ผู้กำกับยกนิ้วให้แล้วเดินไปอรัญภัทรชายตามองเบอร์รี่ก่อนจะพูดเยอะ
“คิดให้ดีก่อนพูดดีกว่าไหม...แน่ใจได้ไงว่าจะไม่ 10 เทคเหมือนเมื่อวาน”
“ก็คอยดูแล้วกันคะ...และก็จำไว้ด้วยนะคะว่าคนอย่างเบอร์รี่นี่แหละที่จะเขี่ยพี่เอี๊ยมตกกระป๋อง!”
“ก็หวังว่าจะดีอย่างที่ปากพูดนะ”
ผู้กำกับตะโก
“ซ่อมฉากเมื่อวาน เข้าเซทได้เลย!”
กล้องซูมที่อรัญภัทร
“แล้วบอกคุณพระท่านนะว่า แม่นิ่มเป็นคนทำ อย่างที่คุณพระสั่งเอาไว้”
เธอมองหน้าเบอร์รี่อย่างร้ายกาจ
เบอร์รี่เล่นเวอร์มาก
“ ไม่นะ จะทำแบบนั้นไม่ได้นะ แกงนั่นฉันไม่ได้ทำ จะให้คุณพระเสียหน้าต่อหน้าคุณหลวงไม่ได้นะ”
“คัท” ผู้กำกับเครียดมาก “เบอร์รี่ มันไม่ใช่แบบนี้ นี่มันแย่กว่าเมื่อวานอีก เอางี้ พี่ให้เวลาพัก”
ผกก.เดินออกไป อรัญภัทรเดินเข้ามา
“เอ๊....เหมือนตอนก่อนเข้าฉากใครกันน๊า...ที่บอกว่าจะเขี่ยพี่เอี๊ยมตกกระป๋อง” เธอมองหัวจรดเท้าแนวเหยียดๆ “หึ...ใครกันแน่ที่ตกกระป๋อง!”
“นังพี่เอี๊ยม!”
“ก็อย่างนี้ล่ะนะ พวกที่เข้าวงการมาเพราะเอาเต้าไต่”
เบอร์รี่กัดริมฝีปากอย่างโกรธ พยายามระงับอารมณ์
“พี่เอี๊ยมเอาอะไรมาพูดคะ...มีหลักฐานเหรอ ข่าวลือยังไงก็เป็นข่าวลือวันยังค่ำ และมันก็เป็นข่าวที่ทำอะไรเบอรี่ไม่ได้ด้วย”
อรัญภัทรมองอย่างสังเวชที่เบอร์รี่หลงตัวเอง
บริเวณหน้ากองถ่าย ทีมเจ๊เต่า มองเบอร์รี่กำลังให้ลายเซ็นแฟนคลับ โดยมีป้าไก่คุมอยู่
“ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เบอร์รี่นะคะ”
แฟนคลับ 1บอก “พี่เบอร์รี่สู้ๆ นะคะ พวกเราจะให้กำลังใจไม่ว่าพี่เบอร์รี่จะโดนใส่ร้ายยังไงก็ตาม”
แฟนคลับ 2 บอก “พี่เบอร์รี่ไม่ต้องกังวลเรื่องข่าวลือจนเล่นไม่ได้นะคะ พวกเราเข้าใจพี่เสมอ”
พวกเจ๊เต่ามองอย่างเซ็งๆ
“เข้าใจว่าอะไรกันยะ เข้าใจผิดน่ะสิ!”
พวกเจ๊เต่าเข้าไปในกอง
ทางด้านเบอร์รี่กับป้าไก่
“ถ้ายังไงป้าขอตัวเบอร์รี่ก่อนนะจ้ะ ต้องไปถ่ายละครต่อ”
ป้าไก่พาเบอร์รี่เข้าไปในกอง
“ดีนะที่แอ๊บเก่งนัก”
“เรื่องเอาตัวรอดขอให้บอกเบอร์รี่ค่ะ”
“งั้นก็เอาเรื่องในกองให้รอดด้วยสิยะ!”
เบอร์รี่มองป้าไก่แบบแค้นๆ
เบอร์รี่กับป้าไก่เดินเข้ามาที่มุมหนึ่งในกองถ่าย ขณะนั้น ผู้กำกับกำลังคุยโทรศัพท์กับดำรงอยู่
“ครับ วันนี้เบอร์รี่ก็ยังเล่นไม่ได้ครับ...อะไรนะครับ...จะให้ปรับบทให้ถูกเมียหลวงรวมหัวกันเก็บเหรอครับจะดีเหรอครับ”
ป้าไก่ กับเบอร์รี่ชะงัก...ตกใจ
“ครับ เดี๋ยวผมจะลองดูเรื่องปรับบทเบอร์รี่เองครับ”
ป้าไก่กับเบอร์รี่มองหน้ากัน ผกก. วางโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
“ไงล่ะ ทีนี้จะเอาตัวรอดยังไงยะ”
“เราจะทำยังไงดีละป้า!”
“จะทำยังไงได้ล่ะ...ก็ต้องหาทางช่วยตัวเองสิย๊ะ...คิดสิคิดว่าควรจะทำยังไง”
เบอร์รี่หงุดหงิดคิดว่าจะทำยังไง...แล้วก็คิดออก เธอเอามือถือมากดหาดำรง แต่ดำรงไม่รับสาย
“ทำไมคุณดำรงถึงไม่รับสายเบอรี่ล่ะ”
เธอโทร. อีกก็ไม่รับ หงุดหงิด
“นี่...มันใช่เวลาโทร. หาคุณดำรงไหมตอนนี้ เค้าคงจะรับสายคนที่กำลังทำให้กองละครเค้าไม่เดินหน้าหรอกนะ...เอาเวลามาคิดหาทางออกอื่นดีกว่าไหม”
เบอร์รี่มองค้อนป้าไก่แล้วหยุดโทร. คิดหาทางอื่น แล้วก็คิดออก เบอร์รี่หันไปมองผกก.อย่างมีเลศนัย ป้าไก่มองเบอรี่อย่างสงสัย
ในกองถ่าย เวลาค่ำ เบอร์รี่นั่งอยู่กับผกก.
“เบอร์รี่ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้พี่เสียเวลา”
“ไม่เป็นไร มาเล่นครั้งแรกๆ ก็แบบนี้ทุกคนแหละ”
“แล้วพี่ว่าเบอร์รี่จะต้องปรับปรุงตัวยังไงดีเหรอคะ เบอร์รี่พยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย เบอร์รี่กลัวว่าวันนึงจะถูกปรับบทให้เป็นตัวประกอบหรือไม่ก็ตายไปเลย”
“เบอร์รี่ได้เรียนการแสดงเพิ่มอีกรึเปล่า”
“เรียนค่ะ แต่ครูสอนอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นจะเข้าใจ เบอร์รี่คิดว่าถ้าได้พี่ผู้กำกับมาสอนน่าจะดีกว่า พี่สอนเบอร์รี่ได้ไหมคะ”
ผกก.คิดๆหน่อย
“อืมม์...ได้สิ วันไหนเราว่างล่ะ”
เบอร์รี่ทำหน้ายั่วยวน
“คืนนี้เลยก็ได้ค่ะ”
เบอร์รี่มองผกก. สองคนมองกันแบบมีนัยยะ
ป้าไก่เดินเข้ามาชวนเบอร์รี่กลับบ้าน
“เบอร์รี่กลับบ้านเถอะ จะได้รีบกลับไปทบทวนบท”
“ป้าไก่กลับไปได้เลยคะ วันนี้เดี๋ยวเบอร์รี่กลับเอง”
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“เอ่อ...พอดีธุระน่ะคะ”
“ธุระที่ไหน...ป้าไปส่งให้ก็ได้นี่นา จะได้พาเรากลับไปส่งที่คอนโดเลยไง”
“ไม่เป็นไรป้า พอดีพี่ผู้กำกับบ้านเค้าอยู่ทางเดียวกันกับที่ที่เบอร์รี่จะไปทำธุระ เบอร์รี่เลยจะขอติดรถไปทำธุระส่วนตัวแป๊บเดียว เดี๋ยวเบอร์รี่กลับเองคะ ป้าไม่ต้องห่วง”
ป้าไก่มองอย่างไม่อยากปล่อยให้ไป
“นะป้า...เดี๋ยวเบอร์รี่ถึงคอนโดแล้วโทร.หารายงานป้าคนแรกเลย ป้าจะได้ไม่เป็นห่วง”
“อะๆๆๆ...แล้วแต่เลย ดูแลตัวเองละกัน แล้วก็ถ้าทำธุระเสร็จแล้ว อย่าลืมโทร.บอกป้าล่ะว่าถึงคอนโดแล้ว”
“ได้คะ”
“งั้นป้ากลับก่อนล่ะ”
“คะ...ป้ากลับดีๆนะคะ”
ป้าไก่เดินออกไป เบอร์รี่กับผกก.มองกันแบบมีเลศนัย
คืนเดียวกัน ปราชญ์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นป้าสายกำลังดูแบบการ์ดแต่งงานอยู่ พอป้าสายเห็นปราชญ์ก็รีบเก็บ
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณปราชญ์”
“นั่นสมุดเลือกการ์ดแต่งงานของใคร”
“เอ่อ...”
“ของคุณพ่อใช่ไหม”
“คือคุณท่านให้ป้าไปเอาแบบมาจากที่ร้าน ป้าก็เลยเปิดดูพลางๆ”
“นี่คุณพ่อจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอ”
“คุณปราชญ์ป้าเข้าใจนะคะว่าคุณปราชญ์ ไม่พอใจที่มีคนมาแทนคุณผู้หญิง แต่เรื่องมันก็นานแล้ว แล้วคุณท่านก็เหงามาก ให้คุณท่านแกได้มีความสุขเถอะค่ะ”
“เรื่องความสุขของคุณพ่อผมเข้าใจ แต่ผมไม่อยากให้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
“ทำไมล่ะคะ”
“เค้าเป็นคนไม่ดี”
“คุณปราชญ์รู้ได้ยังไงคะ เคยเจอแล้วเหรอ”
ปราชญ์นิ่ง
“ก็ไม่ แต่ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะมาแต่งงานกับคนแก่อย่างพ่อ เค้าก็หวังผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ”
“หรือไม่ก็อาจจะรักและอยากดูแลคุณท่านจริงๆ ก็ได้”
“เหอะ! จะมีคนแบบนั้นเหรอ”
“คุณปราชญ์ต้องลองเจอเธอก่อนค่ะ แล้วค่อยมาตัดสินว่าเธอเป็นอย่างคุณปราชญ์ว่ารึเปล่า ไม่แน่คุณปราชญ์อาจจะเปลี่ยนใจไปชอบเธอเลยก็ได้”
“ผมไม่มีทางชอบผู้หญิงคนนั้น แต่ผมอยากเจอเธอ เพื่อที่จะได้บอกป้าได้เต็มปากว่าเค้าเป็นคนไม่ดี”
ปราชญ์เดินออกไป
อรัญภัทรกำลังนั่งอ่านบทอยู่อย่างตั้งใจ มีไลน์เข้ามา เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นข้อความของวรรษ
“ ทำอะไรอยู่”
เธอกับเขาต่างพิมพ์ข้อความตอบโต้กัน
“กำลังเป็นนังช้อยอยู่”
วรรษชลนั่งอยู่หน้าห้องตัดดูข้อความ แล้วพิมพ์กลับ
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับเป็นเอี๊ยม ผมอยากคุยกับเอี๊ยมจะแย่”
“คุยกับฉันแทนก็ได้”
“ไม่ได้ มีบางเรื่องที่ผมต้องคุยกับเอี๊ยมเท่านั้น”
“เรื่องอะไร”
“อย่างเช่น ผมคิดถึงเอี๊ยมแค่ไหน อยากเจอเอี๊ยมแค่ไหน”
“แล้วแค่ไหนล่ะ จะได้รู้ว่าเอี๊ยมควรจะมาคุยด้วยรึเปล่า”
“ก็ขนาดที่ว่าผมคืนคิวพรุ่งนี้ของตัวเองเพื่อจะไปหาเอี๊ยมเลยล่ะ”
“มาไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะ”
“พรุ่งนี้มีถ่ายละครน่ะค่ะ”
“งั้นไปหาที่กองได้ไหม”
“ไม่ได้ ... ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ไปนะคะ แต่เพราะเอี๊ยมเรื่องเยอะอยู่แล้วถ้ามีคุณมาอีกจะยิ่งกลายเป็นทำให้คนหมั่นไส้เข้าไปใหญ่”
“งั้นผมไปตอนพัก”
“ก็ไม่ได้”
“อะไรๆก็ไม่ได้ งั้นผมไม่ไปเจอคุณแล้วนะ”
“โธ่ เป็นคนขี้งอนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ก็ตั้งแต่รักคุณน่ะแหละ”
“บ้า! ไปอ่านบทแล้วนอนล่ะ”
วรรษหัวเราะเบาๆ
“กู๊ดไนท์นะครับ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
สองคนยิ้มๆให้กับโทรศัพท์อย่างมีความสุข
คืนนั้น เจ๊เต่ากับเขมปัญฑา และเวฬุยานั่งเม้าท์กันอยู่
“โห คุณดำรงเค้าบอกจะปรับบทเบอร์รี่ลงเลยเหรอเจ๊” เจ๊เต่าพยักหน้า
“มันก็สมควรไหมล่ะ วันๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากมานั่งจิกพวกเรา เอาใจคนอื่น ถ้าเอาเวลาพวกนั้นไปท่องบท หรือซ้อมต่อบท ป่านนี้คงเก่งไปล่ะ”
“แต่จะทำได้ไง นั่นบทนำเลยนะ”
“จะบทนำไม่นำมันก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแหละ พวกเธอก็ดูไว้ว่าอย่าทระนงตนว่าได้บทนำแล้วจะชนะ คนเราจะอยู่ได้นาน อยู่ได้ยาวคือคนที่รับผิดชอบกับงาน และรู้ตัวว่าตอนนี้หน้าที่ของเราคืออะไร อย่าไปทำแบบนังเบอร์รี่ คอยดูเถอะ วันนี้พรุ่งนี้เดี๋ยวก็ร่วง”
ตอนค่ำ บริเวณลานจอดรถ คอนโดฯของเบอร์รี่ ป้าไก่เดินหงุดหงิดมา
“บอกว่ากลับมาแล้วจะรีบโทร.รายงาน แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยังไม่กลับ โทร.ไปก็ไม่รู้จักรับนะยัยเบอรี่” ป้าไก่หยุดเดินมองขึ้นไปด้านบนตึก มือเท้าสะเอว “อย่าให้ฉันขึ้นไปเห็นว่าเธอกลับมาแล้วไม่โทร.รายงานฉันนะ แม่จะตีให้เข็ดเลย”
ป้าไก่กำลังจะเดินไป แต่ผ่านรถคันหนึ่งก็เห็นว่า ชายหนุ่มกำลังมีอะไรกันในรถ ป้าไก่มองอย่างอึ้ง
“หืย...ไอ้มนุษย์สมัยนี้เนี่ยนะ มันจะเสียเวลาขึ้นไปบนห้องให้มิดชิดหน่อยก็ไม่ได้”
ป้าไก่ส่ายหน้าก่อนจะเดินผ่านไป แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อหางตามองเห็นแว๊บๆว่าเป็นเบอร์รี่กำลังเริงร่ามีความสุขกับผกก.อยู่ในรถ ป้าไก่เดินถอยหลังมายืน ณ จุดเดิมอย่างอึ้งไปหนักกว่าเดิม
“ยัยเบอรี่....นี่เธอรักษาบทเอาไว้ด้วยความสามารถของตัวเองไม่ได้ ถึงกับต้องมาใช้วิธีนี้เลยเหรอ”
ป้าไก่มองอย่างเวทนา...ส่ายหน้า...แล้วมือป้าไก่ที่ถือมือถืออยู่ก็ค่อยยกขึ้นถ่ายคลิปด้วยสัญชาติญาณนักข่าว...ด้วยสีหน้าที่เวทนาเบอร์รี่สุดๆ
เช้าวันใหม่ เบอร์รี่เดินออกมาจากอีกมุม ป้าไก่เดินตาม มองอย่างระอาในสิ่งที่ทำเมื่อคืน อีกด้าน อรัญภัทรเดินเข้ามามือพิมพ์ข้อความไปยิ้มไป อย่างไม่สนใจว่าเดินผ่านหน้าป้าไก่กับเบอร์รี่ไป
เจ๊เต่ามองตามไปอย่างปลื้ม กลุ่มป้าไก่เดินมาเจอกันพอดี เจ๊เต่าจึงถือโอกาสพูดแดกดัน
“สงสัยช่วงนี้คงจะเป็นช่วงขาขึ้นของเอี๊ยม ชีวิตดี มีความสุข ชื่อเสียงทางเสียหายก็ไม่ค่อยมี งานก็ทำได้ดี ไม่เหมือนใครบางคน ชื่อเสียงก็เริ่มถดถอย งานการแสดงก็หงอยเป็นหมาไม่มีเจ้าของ”
“แต่ถึงจะหงอยก็ได้บทตัวนำไม่เหมือนเล่นดีเท่าไหร่ก็เป็นได้แค่ตัวสองตัวสาม!”
“จะเป็นได้นานสักแค่ไหนเชียวฝีมือแบบนี้”
“แทนที่จะมาดูถูกคนของฉัน ไปดูคนของแกเถอะว่าจะดีได้สักกี่น้ำ!” ป้าไก่บอก
ในห้องแต่งตัว อรัญภัทรกำลังทำผมไปคุยไลน์ไปอย่างมีความสุข สองสาวอยู่แถวนั้น ข้างๆอรัญภัทรเป็นเบอร์รี่ที่มองอย่างหมั่นไส้
“คุยกับพี่วรรษเหรอคะ”
“ฉันจะคุยกับใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
“เบอร์รี่ก็แค่ถามเอาประสบการณ์น่ะค่ะ ว่ามันมีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอที่ได้แย่งผู้ชายมาจากแม่เลี้ยงตัวเอง”
เพื่อนทั้งสองอึ้ง อรัญภัทรนิ่ง
“นี่ไม่ใช่จะกัดหรืออะไรนะคะ คือในบทจะมีช่วงที่เบอร์รี่จะแย่งคุณพระมาจากเมียทั้งสามคนมาเป็นของตัวเองคนเดียว ดูเหมือนตัวละครจะรู้สึกผิดมากกว่าจะมีความสุข เบอร์รี่ก็เลยแปลกใจว่าเอ๊ะ ทำไมชีวิตจริงไม่เห็นจะยักมีคนรู้สึกผิด มีแต่คนมีความสุข แบบนี้พี่เอี๊ยมว่าเบอร์รี่ควรจะเล่นตามที่บทเขียนหรือเล่นตามที่มันเป็นจริงกันคะ”
เธอนิ่งเพราะพยายามข่มอารมณ์อยู่
“ ไม่ต้องมาถามหรอกว่าควรเล่นแบบไหน อย่างเธอแค่เล่นตามบทที่เขียนให้ได้ คนเค้าก็คงจะดีใจแล้ว” เวฬุยาบอก
“ที่เบอร์รี่เล่นไม่ค่อยได้เป็นเพราะประสบการณ์น้อยน่ะค่ะ ใครจะไปประสบการณ์เยอะอย่างพวกพี่ละคะ โดยเฉพาะพี่เอี๊ยมที่โชกโชนเหลือเกินไม่ว่าจะ บทแย่งผู้ชาย บทลูกเนรคุณ บทปากจัดเหวี่ยงวีน เบอร์รี่ว่าพี่เอี๊ยมแทบจะไม่ใช้ความสามารถในการแสดงเลยนะคะ...เพราะมันคือตัวตนที่แท้จริงของพี่เอี๊ยมหมดเลยต่างหาก”
อรัญภัทรลุกพรวดขึ้นทันที
เขมปัญฑาปราม “เอี๊ยม”
“ขอไปห้องน้ำ แล้วไปเจอกันที่เซทเลย”
เธอเดินออกไป เบอร์รี่ลุกเดินออกไปอีกทาง ป้าไก่เข้ามาประกบ
“เธอคิดจะทำอะไรน่ะเบอร์รี่ ไปยั่วโมโหเอี๊ยมทำไมฎ
“เบอร์รี่จะช่วยให้ทุกคนเห็นด้วยกับผกก.ไงคะว่าควรจะเลือกนักแสดงที่ไม่มีปัญหาเป็นตัวเด่นจะดีที่สุด!”
ทุกคนอยู่ที่หน้าเซท
“พร้อมนะ ซ้อม”
คริสเดินออกมาจากห้อง สามสาวเห็น เข้าไป
“คุณพระ นิ่มเป็นยังไงบ้างคะ” อรัญภัทรถาม
“เค้าแท้งแล้วล่ะ”
ทั้งสามคนทำหน้าตกใจ เธอบีบน้ำตาร้องไห้
“โถ..นิ่ม”
“ความหวังเดียวของฉันได้หายไปแล้ว” คริสบอก
“คุณพระอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ นิ่มท้องได้แสดงว่า เมียคนอื่นๆก็ท้องได้เหมือนกันคะ เดี๋ยวก็มีใครอีกซักคนที่จะนำความหวังมาให้คุณพระได้อีก”
“ฉันขอไปห้องพระก่อนพวกเธอเข้าไปเยี่ยมนิ่มตามสบายเถอะ”
คริสเดินออกไปทั้งสามคนยิ้มเยาะ
“นังนิ่ม ฉันไม่ได้กะให้ลูกแกตายคนเดียวหรอกนะ ฉันกลัวลูกแกจะเหงา”
ในเซทห้องนอน สามสาวเดินเข้าไปในห้องที่เบอร์รี่นอนอยู่
“คุณช้อย คุณเดือน คุณเพ็ญ ขอบคุณมานะคะที่มาเยี่ยมนิ่ม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาเดี๋ยวจะช่วยประคองกินน้ำนะจ้ะ” อรัญภัทรบอก
เขมปัญฑกับเวฬุยาไปช่วยจับเบอร์รี่ซ้ายขวา เบอร์รี่ลุกขึ้นมา
“น้ำที่ว่าน่ะ น้ำมือฉันนะ”
เธอทำเป็นตบ เบอร์รี่หน้าหัน
“มีอะไรจะพูดกับฉันไหมนังนิ่ม! ก่อนที่แกจะตายตามลูกแกไปน่ะ!”
เบอร์รี่เล่นแข็ง
“คุณช้อย อย่าค่ะ ไว้ชีวิตนิ่มด้วย นิ่มรักคุณพระ นิ่มอยากอยู่กับคุณพระ”
“คัท!”
อ่านต่อหน้าที่ 3
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ผู้กำกับเข้ามาบรีฟงาน
“เบอร์รี่!”
ผู้กำกับฯกำลังจะดุ เบอร์รี่ทำหน้าอ้อน ผู้กำกับหันมาด่าเอี๊ยมแทน
“เอี๊ยม ทำไมคุณส่งให้เบอร์รี่ไม่ดี เบอร์รี่เค้าเลยเล่นไม่ได้!”
ทุกคนอึ้ง เบอร์รี่ยิ้ม
“ลองต่อบทซ้อมนะ”
“ มีอะไรจะพูดกับฉันไหมนังนิ่ม! ก่อนที่แกจะตายตามลูกแกไป!”
เบอร์รี่ยังเล่นแข็งเหมือนเดิม
“คุณช้อย อย่าค่ะ ไว้ชีวิตนิ่มด้วย นิ่มรักคุณพระ นิ่มอยากอยู่กับคุณพระ”
ผกก.บอก
“เนี่ยๆ เวลาส่งให้เค้าตั้งใจให้มากกว่านี้ คุณก็รู้ว่าเบอร์รี่มือใหม่ และเป็นตัวนำ แทนที่จะเล่นกลบเค้า ก็เล่นให้พื้นที่เค้าได้เล่นหน่อย พอส่งไปมากเค้าก็เกร็งเล่นไม่ได้ แล้วทีมงานก็เสียเวลาหมด”
“แต่…”
“คุณอย่าทำตัวมีปัญหาน่าเอี๊ยม ก็แค่เวลาเล่นให้มันระดับเดียวกันกับเบอร์รี่ เข้าใจไหม! ถ้าเล่นส่งเบอร์รี่ไม่ได้ผมจะปรับบทคุณให้ลดลงล่ะนะ เสียเวลา!”
เขมปัญฑากระซิบกับเจ๊เต่ากับเวฬุยา
“ทำไมมันมาลงฝั่งเราได้ล่ะเจ๊ ไหนเจ๊บอกเบอร์รี่จะโดนไง”
“อันนี้เจ๊ก็ไม่เข้าใจ”
“เอ๊า พร้อม! ถ่ายอีกรอบ”
ทุกคนเข้าประจำที่ เบอร์รี่ยิ้มแล้วมองหน้าอรัญภัทร ที่ยืนอยู่กับสองสาว
“เจ็บใจล่ะสิที่คนโดนด่าเป็นแกไม่ใช่ฉัน อย่างนี้แหละนะ คนอย่างแกจะไปเอาชนะใครได้ ขนาดแม่เลี้ยงแกยังเอาชนะไม่ได้จนต้องแก้แค้นโดยไปแย่งแฟนเก่าเค้า แต่ก็อาจจะสมกันดีล่ะ เพราะฝั่งคุณวรรษเองก็คงมาคบเธอเพื่อประชดแฟนเก่าที่ไปเอาพ่อเธอเหมือนกัน!”
“นังเบอร์รี่!”
“เทค 2! พร้อม กล้อง! แอคชั่น!”
เธอทำอะไรไม่ได้ต้องเข้าฉาก
ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องที่เบอร์รี่นอนอยู่
“คุณช้อย คุณเดือน คุณเพ็ญ ขอบคุณมานะคะที่มาเยี่ยมนิ่ม”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาเดี๋ยวจะช่วยประคองกินน้ำนะจ้ะ”
สองสาวไปช่วยจับเบอร์รี่ซ้ายขวา เบอร์รี่ลุกขึ้นมา
“น้ำที่ว่าน่ะ น้ำมือฉันนะ”
อรัญภัทรตบเข้าที่หน้าเบอร์รี่อย่างจัง จนเบอร์รี่หน้าหัน สองสาวตกใจ
“มีอะไรจะพูดกับฉันไหมนังนิ่ม! ก่อนที่แกจะตายตามลูกแกไป”
“มันต้องอย่างนี้สิ...อินเนอร์มาเลย” ผู้กำกับบอก
เธอจับเบอร์รี่ตบอีกรอบ
“นิ่งทำไม ฉันบอกให้พูดไง ถ้าแกไม่พูด แกก็จะโดนแบบนี้” เธอเงื้อมมือจะตบ
“อย่าค่ะคุณช้อย อย่า! อย่าทำอะไรนิ่มเลย” เบอร์รี่ยิ้มยั่วโมโห
เธอเห็นหน้าเบอร์รี่ที่ยั่วโมโหก็ยิ่งทนไม่ได้ ตบจริงอีก
“นังช้อย!”
“ดึงมันไว้ จับมันไว้ให้มั่น!”
เธอตบจริงต่อ เบอร์รี่แอบยิ้ม เธอยิ่งหมั่นใส้
“นี่แกยังจะกล้ามาทำสีหน้ายั่วยวนกวนประสาทฉันเหรอห๊ะ”
เธอรัวตบต่อ
“โอ๊ย!!คุณช้อย อย่าทำนิ่มเลยคะ”
“นี่แหละ แบบนี้แหละ....เล่นดีมาก!” ผู้กำกับบอก
เบอร์รี่ไม่ยอมให้อรัญภัทรตบอีกต่อไป
“คิดว่ามีมืออยู่คนเดียวรึไง” นางตบคืนทันที
เธอถูกตบหน้าหัน สองสาวรู้แล้วว่าเบอร์รี่เริ่มนอกบท ทั้งสองคนชักสีหน้าแค้นแทนแล้วจะเข้าไปจัดการ
“ฉันจัดการเอง”
เธอกระชากตัวเบอร์รี่จะตบอีกรอบ คราวนี้เบอร์รี่ไม่ยอม
“คิดว่าฉันจะยอมแกง่ายๆเหรอ”
เบอร์รี่จับมืออรัญภัทรไว้ ทั้งสองคนฉุดกระชากลากถูกัน ตบกันไปมา
เต๊เต่ายืนดู สงสัยเอ๊ะชักจะยังไง
ทั้งคู่ตบกันเละเทะ จนกระทั่งฉากแทบจะพัง
ทีมงาน 1บอก “เอ๊ะ มันเหมือนจริงไปรึเปล่าคะพี่”
เจ๊เต่าตงิดใจ ฝ่ายป้าไก่ตะหงิดใจว่าไม่ใช่ละ
“คัท!!...ดีมากเลย สาวๆมาพักรอเปลี่ยนฉากต่อไปได้เลย”
ผกก.กับผู้ช่วยลุกขึ้นจะไปบล็อกจุดถ่ายฉากใหม่
ทั้งคู่ยังไม่หยุดตบกันอีก ต่างชุลมุน มีเวฬุยากับเขมปัญฑาเข้าไปร่วมวงด้วย ฉากเละไปหมด
เจ๊เต่าเอามือกุมกบาล “เอาอีกแล้ว ยัย เอี๊ยม”
ผกก.มองตาค้างตกใจ
“อ้าว...คัท!!คัท...คัทแล้ว เห้ย ไปดูซิ๊อารมณ์ค้างกันอยู่รึเปล่า”
ทีมงาน ผกก.เจ๊เต่า ป้าไก่วิ่งเข้าไปห้าม แต่อรัญภัทรไม่ฟังตบกันต่อ ใครที่เข้าไปถูกเหวี่ยงล้มกระจาย ทุกอย่าดูวุ่นวายไปหมด ทุกคนพยายามที่จะลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปห้าม ทุกอย่างพังกระจัดกระจาย ผกก.กระเด็นออกมาอีกด้านหนึ่ง เจ๊เต่ารับไว้ไม่ให้ล้ม
“ผมบอกว่าคัต.....โอ้ย ...มันอะไรกันเนี่ย”
“เอี๊ยม ผู้กำกับสั่งคัตแล้ว...หยุดเดี๋ยวนี้”
ไม่มีใครฟังเจ๊เต่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเอี๊ยม เจ๊บอกให้หยุด”
ทุกคนยังตบกันนัววุ่นวาย เจ๊เต่าทนไม่ไหว ตะโกนสุดเสียงเป็นเสียงผู้ชายเต็มตัว
“ชั้นบอกให้หยุด”
-ทุกอย่างหยุดนิ่ง อรัญภัทรยังมองหน้าเบอร์รี่อย่างแค้น เบอร์รี่ยังยิ้มเยาะ เธอชี้หน้าด่า
“จำไว้นะ อย่าพูดแบบนั้นกับฉันอีก!! ถ้ามีอีกละก็ ชั้นจะไม่ไว้หน้าเธอแน่!”
อรัญภัทรเดินหนีไป สองสาววิ่งตามไป เบอร์รี่ร้องไห้ ทีมงานทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาโอ๋ เจ๊เต่าเอามือกุมกบาลอย่างปวดจิตที่สุดในชีวิต ผกก.อยู่ในสภาพเสื้อหลุดรุ่ย
เช้าวันใหม่ พิธีกรสองคนกำลังเม้าท์ข่าวบันเทิง
“ไม่ทันไรค่ะคุณขา ลายออกค่ะ!”
“อะไรลายออกเหรอคะ”
พิธีกร 1บอก “เอี๊ยมสิคะ ลายออก ตบเบอร์รี่จริงกลางกองค่ะ”
“ว้าย นึกว่าจะสำนึกปรับปรุงตัวได้แล้วนะคะ ที่ไหนได้แอ๊บให้ได้งาน สุดท้ายกลับมาเหมือนเดิมค่ะ”
“งานนี้สาเหตุคืออะไรคะเนี่ย”
“เรื่องนั้น ยังเป็นปริศนาแต่ทีมงานคาดว่า นี่เป็นการรับน้องใหม่ค่ะ!”
เจ๊เต่านั่งเครียดอยู่หน้าทีวี
“ไหนสัญญากันไว้แล้วว่าจะไม่มีเรื่องไง แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
“ก็เบอร์รี่ทำเกินไป”
“จะทำเกินไปยังไงฉันไม่สน รู้แต่ต้องไม่มีเรื่อง! แล้วนี่กลายเป็นทุกคนกลับมาแบนเรากันอีกรอบ แล้วเกิดคุณดำรงเค้าตัดสินใจลดบทพวกเธอลง หรือว่าปลดออกจะทำยังไงกัน! ทำอะไร คิดหน้าคิดหลังมั่ง ว่าไงเอี๊ยม!”
“ฉันขอโทษเจ๊”
“ขอโทษมันไม่จบหรอกนะ”
“ก็ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษนี่ ขอตัวนะ”
เธอเดินเข้าห้องไป
“เอี๊ยม... เอี๊ยม!” เสียงโทรศัพท์ดัง “อุ้ย คุณดำรง”
สองสาวตามเอี๊ยมไป เจ๊เต่ารับสายดำรงอย่างรู้ชะตาชีวิต
อรัญภัทรเอี๊ยมเดินเข้ามาในห้อง เพื่อนทั้งสองยืนแอบดูอยู่ที่ประตู แล้วเคาะ
“เอี๊ยม ขอเข้าไปนะ” เขมปัญฑาบอก
“อืม”
สองสาวเดินเข้าไป
“จะตามมาว่าฉันอีกคนรึไง ฉันบอกแล้วไงว่าขอโทษ”
“เปล่า เราไม่ได้จะมาว่าหรอก เราแค่จะมาบอกว่า”
“สะใจมากตอนเธอตบมันหน้าหัน” เวฬุยาบอก
เธฮอึ้ง ทั้งสองคนหัวเราะ
“ก็ดูมันพูดจาใส่เธอสิ น่าตบชะมัด บอกแล้วยัยเด็กนี่แหลได้โล่ ฉันว่าที่มันทำก็ไม่ใช่เพื่ออะไรนอกจากจะดิสเครดิตเพื่อไม่ให้คุณดำรงเค้าเปลี่ยนบทให้เธอเด่นกว่ามัน เพราะมันดันเล่นละครไม่ได้เลย!”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเข้าใจฉันด้วย”
“โอ้โห ได้ยินเต็มสองหูชัดขนาดนั้น ถ้าเธอไม่ลงมือฉันว่ามะม่วงลงมือเองแน่ๆ เสียดายคนอื่นเค้าไม่มาเห็น ไม่งั้นล่ะก็จะได้รู้ความจริงว่าคนที่หาเรื่องก่อนน่ะใคร” เขมปัญฑาบอก
“หรือเรามีหลักฐานไปบอกคุณดำรงไหมว่าฝั่งเราไม่ผิด”
“คุณดำรงเค้าไม่ฟังเราหรอก เค้าทั้งหลงทั้งปลื้มนังเบอร์รี่ เผลอๆ จะไล่ฉันออกจากละครรึเปล่ายังไม่รู้เลย!”
ในห้องทำงาน ดำรงโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“ดูแลดารากันยังไงให้ไปตบกันกลางกองแบบนั้น! โดยเฉพาะคุณ เจ๊เต่า เด็กคุณมาทำร้ายเด็กผม หน้านี่ช้ำไปหมด ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ถ่ายอีก”
“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่เจ๊ก็เรียกเอี๊ยมมาคุยแล้วนะคะว่าไม่ให้ทำอีก”
ป้าไก่บอก
“พูดอย่างนี้ทุกครั้งก็ยังเกิดเรื่องทุกครั้ง แล้วปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอคะคุณดำรง ต่อให้เอี๊ยมเก่งแค่ไหนแต่ตอนนี้คนดูก็ตั้งใจจะแบนแล้วนะคะ ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อละคร”
เจ๊เต่าแอบปรายตามองป้าไก่แบบได้ชัยชนะ
“เอาอย่างนี้ ให้ทั้งเบอร์รี่ทั้งเอี๊ยมไปให้ข่าวซะว่านัดกันตบจริงแต่พลาดเลยเป็นอุบัติเหตุในกอง ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น เรื่องจะได้จบๆ ไปสักที”
“แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอค่ะคุณดำรง”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ถ้าคนในกองไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น”
“แต่มันมีคนปล่อยข่าวให้รู้แล้วน่ะสิคะ”
ป้าไก่หยิบมือถือขึ้นมาให้ดูคลิป
คลิปนั้นมาจากเบอร์รี่เอง
“โอ้โห ไปไวยิ่งกว่าเชื้อไวรัสเมอร์สซะอีก นังเอี๊ยม ชีวิตแกจบก็คราวนี้แหละ!”
ดำรงดูคลิปนั้นด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมทีมงานถึงปากสว่างอย่างนี้วะ! “ เขากดโทรศัพท์บอกเลขาฯ “เรียกทีมงานมาหาผมเดี๋ยวนี้”
“ตอนนี้ ใครๆ ก็บอกว่าจะแบนเพราะเอี๊ยมทั้งนั้น ถ้าคุณดำรงไม่ทำอะไรสักอย่างกับเอี๊ยมคงไม่ดีต่อละครแน่ๆ เลยค่ะ” ป้าไก่บอก
“แต่...” เจ๊เต่าพูดไม่ออก
“ผมต้องหาทางจัดการเอี๊ยมแน่ๆ ล่ะ แต่จะทางไหนผมต้องขอคิดดูก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่ากล้าทำแบบนี้ ไหนบอกได้รับบทเรียนจากคุณแจ๊ดแล้วแท้ๆ”
ป้าไก่มองเจ๊เต่าอย่างได้เปรียบ
เสียงเคาะประตู ผู้กำกับฯกับโปรดิวเซอร์เข้ามา
“เรียกทีมงานละครเหรอครับ พอดีผมอยู่แถวนี้”
“คุณไปหาเลยนะว่าใครในทีมงานที่ปล่อยข่าวนี้ออกไป ผมจะไล่มันออก!”
ปราชญ์กับป้าสายเพิ่งไหว้พระเสร็จ เดินออกมา
“คุณปราชญ์มาทำบุญให้ทุกปีแบบนี้ คุณผู้หญิงคงสบายอยู่ที่ภพโน้นแล้วนะคะ”
“ผมก็หวังอย่างนั้นนะป้าสาย กลัวก็แต่คุณแม่มีห่วงเรื่องคุณพ่อน่ะสิ”
“ป้าว่าคนที่มีห่วงเรื่องคุณผู้ชายไม่ใช่คุณผู้หญิงหรอกค่ะ แต่เป็นคุณปราชญ์เองนี่แหละ”
“ก็มันน่าห่วงไหมล่ะป้าสาย”
“โธ่ คุณปราชญ์ ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นก็ไว้ใจคุณท่านเถอะค่ะว่าเลือกดีแล้ว”
“เฮอะ! โดนเสน่ห์กันซะมากกว่า”
“เอาล่ะๆ ป้าไม่พูดแล้ว พูดไปก็เสียเรื่องเปล่าๆ เดี๋ยวป้าเอาของไปเก็บในรถก่อน ค่อยตามไปนั่งสมาธินะคะ คุณปราชญ์เข้าไปก่อนเถอะค่ะ”
ป้าสายเดินออกไป ปราชญ์กำลังจะเดินไปอีกทางหนึ่งชนกับผู้หญิงคนหนึ่งพอดี ทำเอาถาดผลไม้ตก
ปราชญ์ช่วยเก็บผลไม้ลงถาด
“ขอโทษครับๆ”
คนที่ปราชญ์ชนคือช้องนาง ช้องนางเก็บผลไม้ที่แตกและช้ำใส่ถาด ปราชญ์เห็นก็รู้สึกผิด
“เดี๋ยวผมชดใช้ให้นะครับ ขอโทษจริงๆ ครับ”
“น้าต่างหากที่ต้องขอโทษ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ถาดชนแบบนั้นเจ็บแขนไหม”
ปราชญ์อึ้งที่ช้องนางอ่อนโยนกับตน
“ผมไม่เป็นไรเลยครับ คุณน้าต่างหากที่เสียหาย แล้วผมเองไม่ทันได้ดูเองด้วย”
“ก็ไม่ทันได้ดูทั้งคู่แหละจ้ะ ไม่มีใครผิดหรอก น้าไปก่อนนะจ้ะ”
“ครับ”
ช้องนางกับปราชญ์ต่างเดินไปทางเดียวกัน ทั้งสองคนมองกันแบบยิ้มๆ
“ไปทางเดียวกันเลยนะจ้ะ”
“ครับ พอดีรถผมจอดอยู่ด้านนี้”
ช้องนางยิ้มๆให้แล้วเดินไปต่อ
ปราชญ์เดินตามแบบคิดๆ
“เอ่อ...คุณน้ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอครับถึงได้มาปฎิบัติธรรมที่วัด”
ช้องนางหยุดเดินแล้วหันมายิ้มให้ปราชญ์เบาๆ
“ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกจ้ะ น้ามานั่งสมาธิประจำอยู่แล้ว มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“เปล่าครับ”
ช้องนางมองปราชญ์แบบยิ้มๆประมาณรู้นะว่าโกหกอยู่
“เอ่อ...ก็ปกติมีแต่คนแก่เค้ามากันไม่ใช่เหรอครับ คุณน้ายังสาวอยู่เลย”
“จะสาวจะแก่ก็ตายวันนี้วันพรุ่งได้เหมือนกัน มาเร็วฝึกจิตเร็ว สงบเร็วก็ดีไม่ใช่เหรอจ้ะ”
ปราชญ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ว่าแต่...แล้วเรามีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอถึงได้มาวัด”
“อ้อ... คือ...เป็นเรื่องที่บ้านน่ะครับ”
“ไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรจ๊ะ...แต่ถ้าได้เล่าแล้วสบายใจก็เล่าออกมาเถอะจ๊ะ...น้ายินดีฟัง”
ปราชญ์นิ่ง...ตัดสินใจ
“วัยนี้คงหนีคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิง”
“ครับ แต่ไม่ใช่ของผม...เอ่อ...ของพ่อน่ะครับ พ่อผมจะแต่งงานใหม่ แต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้ใครมาแทนที่แม่ที่เสียไป”
“แล้วเราได้คุยกับคุณพ่อบ้างรึเปล่าละจ๊ะ”
“คุยแล้วครับ แต่ยังไม่ได้คุยกันแบบจริงจังซะที พอดีผมเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อ ส่วนพ่อก็ต้องเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศตลอด จนตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้คุยกันอีก...แต่ถึงจะพูดกี่ครั้งพ่อก็คงไม่ฟังผมหรอกครับ เพราะพ่อบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดี...ผมไม่เชื่อพ่อหรอก...พ่อกำลังหลงผู้หญิงคนนั้นอยู่มากกว่า”
“เราเคยเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอจ๊ะ”
ปราชญ์ส่ายหน้า
“ถ้างั้นน้าว่าอย่าเพิ่งกลุ้มใจไปล่วงหน้าดีกว่าไหม”
ปราชญ์งงๆ ช้องนางอธิบายเพิ่ม
“กลุ้มใจไปตอนนี้ก็มีแต่เราที่ทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว...คนเรามักจะทุกข์กับเรื่องที่คาดคะเนว่าคนนั้นจะเป็นอย่างนั้นคนนี้จะเป็นอย่างนี้ กลัวล่วงหน้าทั้งๆ ที่มันยังไม่เกิด ไปตัดสินก่อนทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านของเราเท่านั้น ...เผลอๆ ยังอคติกับเขาเกินกว่าที่ควรจะเป็นอีกต่างหาก ทางที่ดีน้าว่าขอให้มาเจอกันดูก่อน เราจะได้รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นดีหรือไม่ดียังไง แล้วค่อยมากลุ้มใจก็ไม่สายหรอกไปหรอกนะ...คุณว่าไหม”
ปราชญ์ครุ่นคิดตาม...แล้วยิ้มเล็กๆแบบที่หลุดพ้นจากความคิดอคติ
“ผมฟังแล้วรู้สึกว่าผมกำลังสร้างอคติขึ้นมาเองอย่างที่คุณน้าว่าจริงๆ...ก็จริงนะครับ...บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดไว้ก็ได้”
ช้องนางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมคิดอะไรได้...ตั้งแต่แม่ผมเสียไป ผมก็ไม่เคยได้ยินใครพูดอะไรแบบนี้อีก น้าเหมือนแม่ผมเลยนะครับ”
“น้าดีใจนะที่ทำให้คุณถึงทางสว่างได้”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
ในคอนโดฯ เบอร์รี่หงุดหงิด
“อะไรนะ! ยังไม่ลงโทษนังเอี๊ยมอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ทำกับเบอร์รี่ขนาดนี้เนี่ยนะ”
“ก็ให้ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเอี๊ยมเป็นตัวชูโรงให้เรื่องแล้วเราก็เล่นไม่ได้เรื่องอยู่แบบนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับเบอร์รี่เล่นไม่ได้เรื่อง! ไม่รู้ล่ะ เบอร์รี่จะไปคุยกับคุณดำรงให้รู้เรื่อง”
“ระวังเค้าจะรู้ว่าแกเป็นคนปล่อยข่าวแล้วจะไล่แกออกแทน!”
“อะไรนะ”
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นคนปล่อย คุณดำรงเค้าบอกไว้แล้วว่าให้ไปหาตัวคนทำมา ถ้าใครทำจะไล่ออก”
“อ๋อ...เหรอคะ คนอย่างเบอร์รี่ไม่โดนออกเพราะเรื่องแค่นี้หรอกค่ะ แต่ในเมื่อคุณดำรงพูดขนาดนี้ งั้นจะไปยากอะไรเบอร์รี่ก็จะบอกว่านังเอี๊ยมนั่นแหละที่ทำ”
“แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่จะปล่อยข่าวเสียหายให้ตัวเองห๊ะ”
เบอร์รี่หงุดหงิด คิดๆ แล้วนึกอะไรได้
“โธ่เว้ย! มีสิคะ มันต้องมีเหตุผล!”
วันใหม่ ที่กองถ่ายละคร กลุ่มของเจ๊เต่าและคริสกำลังแต่งหน้ากันอยู่ ป้าไก่กับเบอร์รี่เข้ามา
ช่างแต่งหน้า 1ร้อง “ว้าย น้องเบอร์รี่หน้าบวมและช้ำมาก แบบนี้จะเข้าฉากได้เหรอคะ”
“เบอร์รี่ก็กังวลอยู่เมื่อเช้า แต่จะลาก็กลัวว่าจะทำให้ทีมงานเสียหายน่ะค่ะ เห็นว่าตอนนี้ก็มีเรื่องเสียหายมามากพอแล้ว”
“ป้าก็บอกเบอร์รี่แล้วว่าถ้าไม่ไหวก็ลา เพราะละครเรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการสนับสนุนมากแค่ไหน ลำพังมีดาราที่เป็นตัวถ่วงที่มีแต่คนแบน แถมไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง”
“ถ้าเป็นเบอร์รี่ เบอร์รี่คงออกไปแก้ข่าวแล้วล่ะค่ะ ถ้าแก้ไม่ได้ก็คงหาข่าวกลบเพื่อช่วยคนอื่น จะกลบด้วยข่าวรักๆเลิกๆ อะไรก็ว่าไป ไม่มานั่งบื้ออยู่ในกองแบบนี้หรอกค่ะ”
อรัญภัทรลุกขึ้นทันที เจ๊เต่าจับมือ
“อย่านะ เจ๊ขอร้อง”
“เอี๊ยมแค่จะไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
เอี๊ยมจะออกไป คริสสวนเข้ามาพอดี
“ผมว่าคุณพูดเกินไปนะเบอร์รี่”
“อุ้ย คุณคริส”
“ขอโทษคุณเอี๊ยมเดี๋ยวนี้”
“ถ้าคุณคริสพูดขนาดนี้ เบอร์รี่ก็ต้องขอโทษแหละค่ะ” เบอร์รี่ไหว้แบบขอไปที “แต่เบอร์รี่ไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรนะคะ แค่อยากเสนอทางแก้เฉยๆว่าหาข่าวอื่นกลบจะได้จบเรื่อง เพราะละครเรื่องนี้เบอร์รี่ก็มีส่วนได้ส่วนเสีย คุณคริสอยากจะช่วยพี่เอี๊ยมก็ลองเป็นข่าวกับพี่เอี๊ยมไหมละคะ ซุปตาร์ขาวีนกับอดีตซุปตาร์จอมหักอกสาว เผ็ดเจอเผ็ดแบบนี้ประชาชนน่าจะฮือฮาน่าดู”
“แบบนั้นไม่ทำให้เรื่องยิ่งแย่เหรอคะ น้องเบอร์รี่” ป้าไก่ว่า
“ไม่ค่ะ เบอร์รี่ว่าประชาชนเกลียดพี่เอี๊ยมอยู่แถ้ามาเจอคุณคริส คงอยากรู้ว่าไปได้สักกี่น้ำ ทีนี้มาจ้องละครเราเข็มงเลยล่ะว่าไปปิ๊งกันยังไง”
อรัญภัทรนิ่ง คริสนิ่ง ไม่อยากเห็นด้วยกับเบอร์รี่
“ฉันขอตัว!”
เอี๊ยมออกไป คริสตาม
อรัญภัทรมายืนสงบสติอารมณ์อยู่ คริสเข้ามาคุยด้วย
“คุณเอี๊ยมโอเคนะครับ”
“ไม่ค่ะ เอี๊ยมไม่โอเคเลย ทั้งเรื่องที่คุณดำรงโทรมาต่อว่าเมื่อวานเหมือนจะบีบเอี๊ยมออก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วก็เรื่องที่เบอร์รี่พูดเมื่อกี้”
“ถ้าคุณไม่ชอบสิ่งที่เบอร์รี่พูดคุณก็ลองสร้างข่าว ขอโทษ หรือสำนึกผิด หรือไปทำอะไรเพื่อสังคมไหมครับ มันน่าจะดีกว่าด้วย”
“แต่ข่าวแบบนั้นขืนออกไปก็หาว่าเอี๊ยมสร้างภาพค่ะ ที่เอี๊ยมหงุดหงิดเพราะที่เบอร์รี่พูดมันถูกค่ะ ถ้าเอี๊ยมมีข่าวกับคุณมันต้องแก้ปัญหาได้แน่ๆ แต่เอี๊ยมไม่อยากจะยอมรับเพราะเท่ากับยอมทำตามที่เบอร์รี่บอก แล้วอีกอย่างมันก็เดือดร้อนคุณด้วย”
“ผมก็ว่ามันไม่น่าจะใช่ทางที่ดีนะครับ”
“เอี๊ยมถึงได้หงุดหงิดแล้วพยายามหาทางอื่น แต่...”
เธอหงุดหงิดที่คิดไม่ได้ มองหน้าคริส
“คุณจะช่วยเอี๊ยมได้ไหม”
เวลาต่อมา คริส อรัญภัทรและดำรงคุยกัน
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เอาด้วย!”
“แต่ที่เอี๊ยมพูดก็ถูกนะ ว่าตอนก่อนคริสลาออกจากวงการ คุณคริสก็ข่าวไม่ดีกับผู้หญิงหลายคน รอบนี้ถ้าเป็นข่าวกับเอี๊ยม ประชาชนคงจะฮือฮาว่าตัวร้ายปะทะตัวร้าย”
“แต่...”
“เราก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้บริหารที่นี่ คิดถึงเรื่องผลประโยชน์ต่อบริษัทเอาไว้บ้างก็ดี ไม่งั้นจะแก้ปัญหานี้ยังไง”
“ผมไม่รู้ แต่แบบนี้มัน...”
“นะคะคุณคริส ถือว่าเป็นการช่วยทั้งเพื่อนทั้งบริษัท”
คริสเครียดคิดหนัก
“ขอร้องเถอะค่ะคุณคริส เอี๊ยมไม่มีทางไปแล้วจริงๆ”
“ก็ได้ครับ ผมจะทำเพื่อเพื่อนและบริษัท”
อ่านต่อหน้าที่ 4
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 16 (ต่อ)
วรรษชลมายืนรออรัญภัทรอยู่ที่หน้าคอนโด เขมปัญฑาเดินเข้ามาก่อน
“อ้าวคุณวรรษ มารอเอี๊ยมเหรอคะเนี่ย”
“ครับ พอดีเค้าไม่ให้ผมไปที่กองก็เลยมารอเจอที่นี่น่ะครับ แล้วนี่ไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอครับ”
“ห็นเอี๊ยมเค้าติดธุระที่อื่น เราสองคนเลยกลับมาก่อน” เวฬุยาบอก
“ที่ไหน ธุระกับใครเหรอครับ”
รถคันหนึ่งแล่นมาจอด คริสลงจากรถ
“อ้าว นั่นคุณคริสนี่ มาทำอะไรที่นี่” เขมปัญฑาว่า
คริสมาเปิดประตูอีกฝั่ง เอี๊ยมลงมา ทุกคนอึ้ง
เธอลงมาเห็นวรรษชลอยู่หน้าคอนโดฯก็ตกใจเหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องเล่นตามบทต่อ
“ขอบคุณนะคะคุณคริสที่มาส่งแล้วก็ขอบคุณเรื่องที่กองด้วยนะคะ ที่คอยดูแลเอี๊ยมมาโดยตลอด เอี๊ยมไปก่อนนะคะ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย” เขมปัญฑาว่า
“มิน่าไม่ยอมให้ผมไปหาที่กอง”
วรรษชลงอนแล้วจะเดินออกไป
เธอพูดกับคริส
“ดีจังเลยนะคะที่เรามีอะไรก็คุยกันตลอด ไม่ออกไปโดยไม่ถามไถ่อะไรเลย”
วรรษชลโมโหหันมามองหน้าเธอ สองคนมองหน้ากัน สุดท้ายวรรษตัดสินใจไม่คุยแล้วเดินไป
“ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอครับ” คริสถาม
“เรื่องแค่นี้ ไม่ไว้ใจกันก็ช่างเถอะค่ะ”
เธอเดินจะขึ้นคอนโดฯ เพื่อนทั้งสองเข้ามาประกบ
“ทำอะไรของเธอน่ะ!”
“ลองใจคนมั้ง!”
เช้าวันใหม่ เบอร์รี่วางหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวคริสไปส่งเอี๊ยมที่คอนโดฯแล้วยิ้ม
“ในที่สุดแกก็เลือกวิธีนี้ ดีแล้วล่ะ”
“นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ เดี๋ยวก็ทำให้ละครร่วง เดี๋ยวก็ทำให้ละครดี” ป่าไก่ว่า
“เบอร์รี่ไม่สนเรื่องละครจะดีจะแย่อะไรหรอกค่ะ เบอร์รี่สนแค่ว่าจะกำจัดนังเอี๊ยมยังไง และมันก็เพิ่งสร้างเรื่องให้ตัวเองทั้งชีวิตส่วนตัว และหาเรื่องจะโดนปลด! พวกแกไม่มีทางฉลาดเกินฉันไปได้หรอก!” เบอร์รี่ยกหูโทรศัพท์ “คุณดำรงเหรอคะ เบอร์รี่ขอเข้าไปหาหน่อยนะคะ เบอร์รี่รู้แล้วล่ะค่ะว่าใครปล่อยคลิปนั้น”
เบอร์รี่เปิดโทรศัพท์กดโทรหาใครคนหนึ่งขณะรออยู่ในห้องดำรง
“ฟังให้ดีๆ นะคะเรื่องนี้”
เบอร์รี่วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว ดำรงเดินเข้ามา
“ตกลงรู้แล้วเหรอว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปนั้น”
“รู้แล้วสิคะ มันก็ออกจะชัดเจนบนหน้าหนังสือพิมพ์แบบนี้”
“ใคร”
“ก็นังเอี๊ยมเองนั่นแหละค่ะ”
“จะบ้าเหรอ คนบ้าอะไรปล่อยคลิปทำลายชื่อเสียงตัวเอง”
“ก็คนที่มันอยากเป็นข่าวและคิดจะจับหลานคุณดำรงแบบนี้ไงคะ เอี๊ยมเป็นคนเข้ามาเสนอข้อเสนอนี้เองไม่ใช่เหรอคะว่าจะเป็นคู่จิ้นให้”
“ใช่ เอี๊ยมเป็นคนเสนอเอง”
“นั่นเพราะมันคิดมาหมดแล้วว่าจะทำให้เดือดร้อนและจะช้อนข่าวขึ้นมาได้ยังไงที่มันจะได้ประโยชน์ทุกทาง”
“คุณดำรงก็รู้ว่าเอี๊ยมอยู่ในวงการมานาน เรื่องสร้างกระแสไปมาไม่มีใครเก่งเท่ามันหรอกค่ะ ป้าเคยทำข่าวตามติดมาป้ารู้ดี” ป้าไก่ว่า
“อีกอย่างคนที่มีภาพประชิดแบบนั้นได้ก็มีแค่เอี๊ยมเท่านั้นแหละ จริงไหมละคะ หวังว่าคุณดำรงคงไม่ผิดคำพูดว่าใครปล่อยคลิปจะไล่ออกหรอกใช่ไหมคะ”
“พวกคุณออกไปได้แล้วไป ผมต้องใช้ความคิด”
เบอร์รี่และป้าไก่ออกจากห้อง เบอร์รี่คว้าโทรศัพท์มาด้วย
เบอร์รี่เดินออกมากับป้าไก่ เบอร์รี่หยิบโทรศัพท์มาคุย
“ได้ยินหมดแล้วใช่ไหมคะ”
ปลายสายที่เบอร์รี่เปิดสปีกเกอร์โฟนให้ฟังคือ พิมพิชชา
“ขอบใจมากที่มาบอกฉันว่านังเอี๊ยมมันร้ายแค่ไหน”
พิมพิชชาวางสายแล้วหันมามองหน้าวรรษชล
“ตาสว่างได้รึยังคะวรรษ”
วรรษชลมองภาพหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองถืออยู่ในมือ
อรัญภัทรเดินกลับเข้ามาในคอนโดฯ เจ๊เต่าคว้าหนังสือพิมพ์แล้วตรงดิ่งไปหาทันที
“ข่าวเธอกับคริสนี่หมายความว่ายังไง”
“ก็ไม่ทำไม...ก็แค่ทำงาน”
“เดี๋ยวนี้รับจ้างกินข้าว รับจ้างเป็นตุ๊กตาหน้ารถเหรอ”
“เปล่า แค่ต้องสร้างข่าวกลบเรื่องที่ตัวเองไปตบเบอร์รี่กลางกอง”
“อะไรนะ นี่เธอต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ แล้วคุณวรรษเค้ารู้ไหม”
“ไม่”
“แล้วทำไมไม่ไปบอกให้เค้ารู้เห็นข่าวแบบนี้จะเข้าใจผิดกันได้นะ”
“ก็ช่างมันเถอะ”
“ช่างมัน”
“ก็ถ้าจะไม่เข้าใจกันไม่ไว้ใจกันก็ช่างมันไง”
“ใครมันจะไปเข้าใจจ้ะแม่คุณ! เป็นแฟนกันไม่เคยได้ออกข่าว พอกิ๊กกั๊กกันไม่เคยให้ไปกอง สุดท้ายมาเป็นข่าวกับหลานเจ้าของช่อง อีกหน่อยคงจะลือกันไปอีกว่าเพราะคริสนี่แหละที่ทำให้เอี๊ยมกลับมาในวงการ” เขมปัญฑาบอก
“นั่นน่ะสิ! รีบๆคุยกันก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่สิไป๊”
“ไม่ไป”
เธอเดินเข้าห้องตัวเองไป ทุกคนกลุ้มใจ
“ให้มันได้อย่างนี้สิคนเรา!”
“ก็เป็นซะแบบนี้ ชีวิตมันถึงได้ดิ่งเอาๆ ไม่เป็นไรในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมไปเอง เจ๊จัดให้ก็ได้!”
เจ๊เต่าเดินลงมาจากคอนโดฯพร้อมกับสองสาว
“เจ๊จะไปเคลียร์ให้เค้า เจ๊ก็ลากเค้าไปสิไม่ใช่ลากฉันกับเขม”
“แกนี่ไม่รู้อะไร ลากไปโต้งๆ เค้าก็รู้สิว่าเราจะไปไหน ฉันจะทำเป็นมีงานด่วนเข้ามา ฉันจะไปเอารถแล้วมารอ เธอสองคนมารออยู่ตรงนี้ ทำเป็นร้อนใจ แล้วพอเราหลอกเอี๊ยมขึ้นรถได้ปุ๊บ ก็ล๊อคตัวแล้ว ลากไปหาคุณวรรษเลย โอเคนะ”
“โอเค” เขมปัญฑาบอก
เจ๊เต่ากำลังจะลงไปเอารถ ปรากฏว่า รถของคริสขับเข้ามาจอดเสียก่อน
“เจ๊เต่า สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ มาทำอะไรเหรอจ้ะ”
“มารับเอี๊ยมไปทานข้าวน่ะครับ”
“งั้นพอดีเลย เจ๊จะบอกว่าเอี๊ยมเค้าไม่ว่างหรอกนะเค้าติดธุระสำคัญกับเจ๊น่ะ”
“ไม่ว่างอะไรล่ะครับ เค้าบอกกำลังลงมาหาผม”
อรัญภัทรเดินลงมาพอดี
“คริส “ เธอมองเจ๊เต่ากับเพื่อนทั้งสอง
“อ้าว ลงมาทำอะไรข้างล่าง”
“เจ๊เค้าบอกว่าคุณไม่ว่างเหรอ”
เธอทำหน้างง
“เอ่อ...คือ...ใช่จ้ะ เอี๊ยมต้องรีบไปงานกับเจ๊ พอดีเป็นงานด่วนน่ะ...งานด๊วนงานด่วน”
“งานอะไร”
“งาน...งาน....เอ่อ...งาน” เจ๊เต่าคิดไม่ออกหันไปหาสองสาว
สองสาวก็คิดไม่ออกทั้งคู่จึงส่ายหน้า อรัญภัทรจึงรู้ว่าทั้งสามคนโกหก
“เอี๊ยมว่างค่ะ ไปกันเถอะค่ะคุณคริส” เธอเดินนำหน้าคริสไป
“เดี๋ยว!” เจ๊เต่าท้วง
“อะไรครับ”
“จะคบกับเอี๊ยมก็ต้องหัดผูกมิตกับเพื่อนเอี๊ยมบ้างสิค่ะ เขม มะม่วง ไปกินข้าวกับเอี๊ยมไป”
“ห๊ะ ทำไมต้องไปด้วย”
“บอกให้ไปก็ไปก่อนเถอะน่า” เจ๊เต่าหันมายิ้มให้คริส “รบกวนคุณคริสพาน้องสองคนไปด้วยนะคะ
คริสเอ่อ ก็ได้ครับ”
คริส เดินนำ ทั้งสองเดินตามไปแบบหงอยๆ
ในร้านอาหาร ทุกคนกินข้าวอยู่ด้วยกัน เอี๊ยมท่าทางเหม่อๆ
“อ่ะ นี่ของเอี๊ยมนะ”
คริสตักอาหารใส่จานให้ เอี๊ยมหันมามองคริส
“อุ้ย ไม่ต้องดูแลเอี๊ยมดีต่อหน้าสองคนนี้ก็ได้ค่ะ สองคนนี้เค้ารู้ว่าเราทำเพื่อหลอกสื่อ”
“แต่ยังไงก็ต้องทำอยู่ดีแหละ เผื่อมีนักข่าวอยู่แถวนี้ ตอนแรกผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ ดูแลคุณก็สนุกดีเหมือนกัน”
เธอเขม่น “คุณคริส”
“ก็ต้องเล่นให้สมบทบาทไง ถือเป็นการซ้อมการแสดง ว่าแต่ ทำไมวันนี้ดูเหม่อๆ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“มีอยู่แล้วแหละใช่ไหมเอี๊ยม” เขมปัญฑาว่า
“ไม่มี ฉันแค่คิดเรื่องงานเฉยๆ”
"เรื่องงานบ้าบออะไร มีละครอยู่เรื่องเดียว" เวฬุยาบอก
"แล้วระหว่างนั้นฉันจะมานั่งศึกษาบทแล้วนั่งคิดอะไรไม่ได้รึไง"
"ได้มันก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเธอน่าจะกลุ้มใจเรื่องคุณ..." เขมปัญฑาว่า
"ทำไมฉันจะต้องไปเครียดเรื่องคนคนนั้นด้วยห๊ะ? ที่ฉันทำมันเป็นเรื่องบริสุทธิ์ใจ ไม่เห็นจะต้องเครียดอะไรอย่างที่พวกเธอเครียดกันนักหนาเสียหน่อย"
"งั้นก็อย่าเหม่อสิ" เวฬุยาบอก
อรัญภัทรหงุดหงิด โยนผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนตักลงบนโต๊ะ
"ฉันไม่อยู่ให้พวกเธอกดดันแบบนี้หรอกนะ น่ารำคาญ กลับก่อนล่ะ"
อรัญภัทรลุกพรวดออกไป
"เอี๊ยม เอี๊ยม"
"ช่างเค้าเถอะค่ะคุณคริส เป็นอย่างนี้ประจำ" เวฬุยาบอก
"แต่ก็เท่ากับว่าวันนี้ผมออกมาไม่ได้ข่าวอะไรเลยน่ะสิ"
คริสส่ายหน้าเซ็ง
อรัญภัทรเดินออกมาจากร้านด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วเรียกแท็กซี่
"ไปคอนโดที่สุขุมวิท 31 ค่ะ"
เธอเข้าแท๊กซี่คิดอะไรเครียดๆ แล้วก็หงุดหงิด
"โอ๊ย โทษนะคะ เปลี่ยนที่ค่ะ ไม่ไปคอนโดฯ แล้ว"
แท๊กซี่กลับรถ
สองสาวเดินออกมาจากร้านอาหาร เขมปัญฑาเพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ววางสาย
"เจ๊เต่าบอกว่าเอี๊ยมไม่ได้กลับไปคอนโดฯ"
"แล้วลุกพรวดพราดออกไปแบบนั้น ไปไหนของเค้านะ" เวฬุยาว่า
"หรือว่าจะไปคุยกับคุณวรรษ"
"โอ๊ย คนอย่างยัยนั่นน่ะเหรอจะไปง้อผู้ชาย ไม่มีทางซะล่ะ!"
โทรศัพท์ของเขมปัญฑาดังขึ้นอีกที
"สงสัยเจ๊เต่าคงโทร.มาบอกมั้งว่าเอี๊ยมอยู่ไหน" เธอหยิบโทรศํพท์ขึ้นมาดู "อ้าว ไม่ใช่" เธอมองโทรศัพท์แบบเซ็งๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
"ใครน่ะ ถึงได้ทำหน้าเบื่อขนาดนั้น"
"คุณปราชญ์น่ะสิ"
เขมปัญฑารอจนโทรศัพท์ตัดไปเอง ปราชญ์จึงส่งเมสเสจมาแทน
" รับสายหน่อยเถอะครับ ผมไม่ได้โทร.มาเรื่องส่วนตัว ผมโทรมาเรื่องวรรษ"
"เฮ้อ แบบนี้คงต้องรับสินะ"
ปราชญ์โทรเข้ามาอีกที เธอรับโทรศัพท์
"ว่าไงคะ"
ปราชญ์ดีใจที่เขมปัญฑารับโทรศัพท์ หันไปยิ้มให้เพื่อน แทนไทดีใจเช่นกัน
"ค่อยยังชั่วหน่อยที่รับสายผม"
"ก็เห็นคุณบอกจะคุยเรื่องคุณวรรษ"
"ครับ คือวรรษอาการแย่มาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเป็นห่วง เลยอยากชวนคุณมาปรึกษากันว่าจะช่วยสองคนนี้ยังไง มาเจอกันไหมครับ"
"มีทางที่เราช่วยเอี๊ยมกับคุณวรรษได้โดยไม่ต้องเจอกันไหมคะ"
"ออกมาเจอเถอะครับ ผมขอเวลาไม่นาน และจะไม่ตอแยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องนี้"
"ถ้างั้นก็ตกลงค่ะ"
"คุณอยู่กับมะม่วงด้วยรึเปล่าครับ ผมว่าจะดีกว่าถ้าให้คุณมะม่วงมาช่วยด้วย"
"ฉันจะพามะม่วงไปด้วยอยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ไปอยู่กับคุณสองต่อสองหรอก!"
ปราชญ์ยิ้มแล้วส่งซิกให้แทนไทว่าทุกอย่างโอเค
"งั้นเดี๋ยวผมบอกสถานที่กับเวลา แล้วเราไปเจอกันนะครับ"
ปราชญ์วางสาย แล้วหันไปหาแทน
"ได้ผลเว้ย! ไป ไปกัน"
แทนไทกับปราชญ์นั่งอยู่ เขมปัญฑากับเวฬุยาเดินเข้ามาเจอแทนไทด้วย เวฬุยาก็ตกใจ แทนไทยิ้มให้ เธอหันหลังแล้วจะเดินกลับทันที
แทนไทวิ่งไปดัก
"อ้าว คุณ...จะไปไหน"
"มะม่วงจะไปไหน" เขมปัญฑาว่า
"ฉันไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่อยู่ที่นี่ด้วย ไม่งั้นฉันไม่มาหรอก"
แทนกับปราชญ์เข้ามาขวางสองสาว
"เดี๋ยวสิครับคุณมะม่วง"
"อย่ามาขวาง ฉันจะกลับบ้าน ฉันนึกว่ามีคุณปราชญ์คนเดียว"
"ผมคนเดียวจะมาช่วยคิดวิธีให้วรรษกับคุณเอี๊ยมคืนดีกันไม่ได้หรอกครับ"
"ใช่...ยังไงก็ถือซะว่าเรามาช่วยกันเฉยๆ คิดซะว่าเพื่อวรรษกับคุณเอี๊ยม" แทนไทบอก
"ความจริงฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเอี๊ยมขนาดนั้น" เวฬุยาว่า
"จะไม่ช่วยได้ยังไงล่ะมะม่วง ตอนนี้เอี๊ยมกำลังลำบากนะ เอี๊ยมยอมเป็นคู่จิ้นกับคุณคริสเพื่อไม่ให้พวกเราต้องเดือดร้อน"
"คู่จิ้น" ปราชญ์หันไปมองแทนไท อีกฝ่ายทำหน้าสงสัย
"มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ"
เขมปัญฑามองหน้าปราชญ์ประมาณว่าก็เป็นอย่างที่เข้าใจ...หันไปหาเวฬุยา
"นะ..มะม่วงมาช่วยกันเถอะนะ"
เวฬุยาหงุดหงิดเล็กน้อย
"อะๆๆๆ...รีบคุยรีบแยกย้ายปะ..."
ปราชญ์กับแทนไทมองหน้ากันยิ้มเจ้าเล่ห์...
วรรษชลนั่งดื่มกาแฟอยู่หน้าออฟฟิศ พิมพิชชานั่งอยู่ด้วย
"วรรษ เป็นยังไงบ้างคะ นั่งเงียบเชียว พิมเป็นห่วงนะ"
"เป็นห่วงผมเรื่องอะไรครับ"
"จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะค่ะ ก็เรื่องที่เอี๊ยมสร้างเรื่องทั้งหมด เพียงเพราะอยากไปกิ๊กหลานเจ้าของช่องน่ะสิ! พิมก็คิดแล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นจะไปรักใครจริงได้ ครั้งนึงมันเคยบอกพิมว่ามันอยากได้คุณเพราะคุณเป็นแฟนเก่าพิม แต่มันไม่ได้รักคุณจริงๆ เลย"
"เรื่องที่เค้าพูดแบบนั้น เอี๊ยมอธิบายผมแล้วครับ"
"อธิบาย? แล้ววรรษก็เชื่อมันเหรอ"
"ครับ ผมเชื่อว่าเอี๊ยมไม่ได้คบผมเพื่อประชดคุณ แต่เพราะรักผมจริงๆ"
"คนรักกันจริงๆ คงต้องมาอธิบายให้คุณฟังก่อนเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมั้งคะ!"
พิมพิชชาชูข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ให้ดู วรรษชลนิ่ง
ผ่านเวลามา ในร้านกาแฟ เขมปัญฑา เวฬุยา ปราชญ์ แทนไท คุยกันอยู่
"แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่เอี๊ยมนะคะ...เพราะเอี๊ยมเป็นคนที่คุยยากมาก เอี๊ยมไม่เคยฟังใครเลยและเอี๊ยมก็ไม่ง้อใครก่อนเลย" เขมปัญฑาบอก
"ผมทราบครับก็เลยคิดอยู่ว่าจะต้องจับทั้งสองคนมาเจอกันให้ได้ พวกคุณรู้จักเพื่อนคุณดีก็หลอกฝั่งเพื่อนคุณ ส่วนผมก็จะหลอกวรรษ ส่วนสถานที่..." ปราชญ์ว่า
เวฬุยาบอก
"น่าจะต้องลับตาคนหน่อยนะคะเพราะเดี๋ยวจะมีข่าวได้อีก"
"แล้วคุณมะม่วงพอจะนึกออกไหมครับว่าที่ไหนดี"
"บ้านเขมก็ได้ค่ะ ฝั่งเราจะได้หลอกเอี๊ยมง่ายด้วย ของเราคงหัวดื้อกว่าเยอะ คุณก็หลอกคุณวรรษมาให้ได้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวเขมส่งแผนที่ให้"
"โอเคครับ วันไหนเวลาอะไรดีครับ ผมจะได้บันทึกไว้" แทนไทบอก
แทนไทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ เวฬุยาแวบเห็นว่าเป็นรูปของตนที่ถ่ายแบบวันนั้น
"เดี๋ยวค่ะ"
"ทำไมครับ"
"ขอดูวอลเปเปอร์ที่มือถือหน่อย"
แทนไทอึกอัก "เอ่อ"
แทนไทไม่ให้ เธอดต้องเข้าไปคว้ามาดู
"รูปถ่ายแบบเมื่อวันนั้น... คุณไปได้มาจากไหน"
แทนไทอึกอักทำอะไรไม่ถูกหันไปมองปราชญ์ ปราชญ์ส่ายหน้าไม่รู้ด้วย
"ว่าไงคุณแทน"
"ผม..ได้มาจากปราชญ์"
ปราชญ์หันมามองแทนไททันที สองสาวมองปราชญ์
ทางด้านพิมพิชชายังคงไม่ยอมรับในสิ่งที่วรรษชลกำลังคิด
"วรรษ นังนั่นเป็นนักแสดงนะมันจะปั้นหน้าปั้นตาหลอกคุณยังไงก็ได้ แต่ล่าสุดข่าวที่ออกมามันชัดเจนนะว่ามันตั้งใจย่ำยีความรู้สึกคุณไปคบกับคนอื่น"
วรรษชลนิ่ง
"วรรษตาสว่างสักทีเถอะ คนเราอย่าโง่ซ้ำๆ อกหักซ้ำๆ กับคนคนเดิมเลย อยู่กับคนแบบนี้รังแต่จะมีเรื่องให้ปวดหัวและวรรษเองก็ใช่ว่าจะรับได้ พิมรู้ว่าพิมเคยทำร้ายวรรษมาก่อน พิมไม่ควรจะมาพูดหรือยุ่ง แต่เพราะพิมไม่อยากให้วรรษจะต้องเจ็บปวดแบบที่เคยเป็นซ้ำๆ พิมถึงได้มาเตือนคุณ"
วรรษชลฟังอย่างนิ่งๆ
อีกมุมหนึ่งของออฟฟิศวรรษชล อรัญภัทรแอบดูทั้งสองคนอยู่
"คงไม่ต้องอธิบายแล้วมั้ง ยังไงเค้าคงเชื่อคุณพิมอยู่แล้ว"
อรัญภัทรกำลังจะเดินไป วรรษชลเห็นเสียก่อน จึงพูดเสียงดัง
"แต่ผมจะยอมโง่ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งก็ตาม"
อรัญภัทรนิ่ง พิมพิชชาตกใจ
"อะไรนะคะ วรรษ"
"ผมไม่รู้ว่าคุณจะเรียกสิ่งที่ผมทำว่าความโง่ หรือหลงมัวเมาอะไรหรอกนะ แต่ผมเรียกมันว่า ความไว้ใจ และผมไว้ใจเอี๊ยม ผมเชื่อว่าเอี๊ยมไม่ได้ปล่อยคลิปและเพื่อจะเข้าหาคริส ผมว่าสิ่งที่เอี๊ยมทำมันมีเหตุผลมากกว่านั้น และมันไม่ใช่การนอกใจอย่างที่คุณกล่าวหาแน่นอน"
อรัญภัทรหยุดยืนอยู่ รู้สึกซึ้งในสิ่งที่วรรษชลเป็น เธอยิ้ม
"เข้าใจก็ดีแล้ว"
เธอกำลังจะเดินออกไป วรรษเรียกรั้งไว้
"นี่ผมพูดขนาดนี้คุณจะยังหนีผมไปอีกเหรอ เอี๊ยม"
เธอหยุดกึก พิมพิชชาตกใจหันไปมองตามสายตาของวรรษชลเห็นนางเอกสาวยืนอยู่
ที่ร้านกาแฟ ทั้งสี่คนคุยเคลียร์กันอยู่
"แปลว่าคุณปราชญ์รู้เรื่องนี้เหรอคะ ตกลงนี่มันยังไงกันแน่ รูปพวกนี้หลังจากถ่ายเสร็จเราก็ได้เมล์ว่าเจ้าของงานจะไม่ให้มันหลุด แล้วทำไมคุณสองคนถึง.. บอกมาเดี๋ยวนี้" เขมปัญฑาว่า
"คือผมแค่บังเอิญได้มา คือบังเอิญผม"
"ไปเถอะเขม พวกเค้าไม่คิดจะบอกความจริงกับเราหรอก และคนที่ไม่พูดความจริงคือคนที่ไม่จริงใจกับเรา ฟังไปก็เสียเวลาเปล่า เอาเป็นว่าเราจะคุยกันแค่เรื่องของคุณวรรษกับเขม แล้วหลังจากนั้นจะได้ไม่ติดต่อกันอีก!"
เวฬุยาลุก เขมปัญฑาจะลุกตาม ปราชญ์รีบรั้งไว้
"เดี๋ยวครับ"
"อะไรอีกคะ"
"ที่จริงผมไม่ได้ได้ภาพนั้นจากเจ้าของงานที่จ้างคุณหรอก แต่ผมกับแทนนี่แหละเจ้าของงานนั้น"
"เฮ้ย ปราชญ์"
"บอกความจริงเค้าไปเถอะแทน อีกอย่างฉันไม่อยากให้เขมกับมะม่วงเข้าใจเราผิดว่าเป็นคนไม่จริงใจ"
แทนไทมองหน้าเวฬุยา
"ใช่ครับพวกเราจ้างคุณไปเอง"
"นี่เห็นพวกฉันเป็นตัวตลกรึไง พวกคุณนี่มันเลวจริงๆ"
ทั้งสองเข้าไปตีปราชญ์กับแทนไทกันใหญ่ แทนไทรีบพูดแทรก
"พวกผมไม่เคยมองคุณว่าเป็นตัวตลกนะครับ ที่ผมทำเพราะว่าตอนนั้นพวกคุณลำบาก"
"จะบอกว่าสมเพชพวกฉันงั้นสิ"
เวฬุยาเอาเค้กที่วางอยู่ยีหน้าแทนไทแล้วไปยีหน้าปราชญ์ด้วยอีกคน
"ไม่ใช่ พวกผมไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณเลย"
"แล้วที่ทำแบบนั้นมันเพราะอะไรห๊ะ"
เวฬุยาจะเขวี้ยงเค้กใส่อีก
"ก็เพราะเรารักพวกคุณไง"
สองสาวอึ้ง
"อะไรนะ"
"ที่เราทำเพราะเราไม่อยากให้คุณลำบาก เราไม่อยากให้คุณเครียด เราอยากให้คุณมีความสุข แล้วเราไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงนอกจากวิธีนี้ เพราะพวกคุณเกลียดเราเหลือเกิน" ปราชญ์บอก
"ผมรู้ว่าพวกคุณคงยังตกใจ แต่ช่วยมองพวกผมใหม่เถอะ ที่ผ่านมาพวกผมอาจเคยทำแย่กับคุณ แต่เราก็ทำเต็มที่ที่จะให้พวกคุณรู้สึกดีมากขึ้น นั่นเพราะพวกเรารู้สึกผิด และพวกเราก็ชอบคุณจริงๆ" แทนไทบอก
สองสาวนิ่ง ทำหน้าไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะถูกสารภาพรัก
"ไป เขม กลับ!"
ทั้งสองสาวกำลังจะเดินออกมา ปราชญ์ตะโกนไล่หลัง
"พวกผมก็พูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปแล้วนะ ส่วนพวกคุณจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ผมก็ยังอยากให้เรามาร่วมมือกัน ช่วยทำให้วรรษเพื่อนผมกับเอี๊ยมกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้"
สองสาวยุดยืนคิดอย่างกังวล...ก่อนจะมองหน้ากันแล้วเดินออกไป
อ่านต่อตอนที่ 17