มงกุฎริษยา ตอนที่ 11
ชัชชนม์เดินออกจากบ้านมาพร้อมกับฟ้า สองคนตรงไปขึ้นรถ ฟ้าตัดสินใจลองถามหยั่งเชิง
“ชัชคะ ดาวมาอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้างเหรอคะ”
“ก็น่ารักดีนะครับ ผมนึกไม่ออกเลยว่าใครจะเกลียดดาวลงได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละครับ ความคิดของผู้หญิงผมอาจจะไม่เข้าใจก็ได้”
“ตอนนี้ชัชก็อาจจะยังไม่เข้าใจดาวอยู่ก็ได้นะคะ ยังไงก็ระวังดาวไว้ด้วยละกัน”
“ระวังอะไรเหรอครับ” ชัชชนม์แปลกใจ
“ฟ้าหมายถึง ช่วยดูแลดาวด้วยน่ะค่ะ”
“ครับ...เชิญขึ้นรถครับ”
ชัชชนม์เปิดประตูรถให้ฟ้าแล้วอ้อมไปขึ้นที่นั่งคนขับ ฟ้ายังคงไม่ไว้ใจดาว มองเข้าไปในบ้านอย่างเป็นกังวล จนเสียงชัชชนม์เรียกดังขึ้น
“ฟ้าครับ ไปกันเถอะ เลิกเป็นห่วงดาวได้แล้ว”
นั่นแหละฟ้าจึงยอมขึ้นรถ
ส่วนเลม่อนกับไผ่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เลม่อนทายาหม่องที่โหนกแก้มให้ไผ่
“โอ๋ น่าสงสารจังเลยน้องไผ่ของพี่ เพี้ยง หายไวๆ นะ”
มีเสียงแพรวบ่นดังขึ้น ก่อนจะเห็นแพรวเดินเข้ามา มีฤทธิ์เดินตามต้อยๆ
เลม่อน กับไผ่แอบซุ่มดูเงียบๆ
“นี่กล้ามาที่นี่ได้ยังไง ใครเห็นละเป็นเรื่องเลยนะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกฉันมาเฝ้าตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน”
“มีอะไรก็รีบว่ามา”
“พรุ่งนี้แพรวก็จะไปสมัครแล้ว แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”
“ประกวดเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนั่นแหละ”
“อยากให้ประกวดเสร็จเร็วๆ จัง”
“ไอ้ฤทธิ์ นี่แกแช่งให้ฉันตกรอบเร็วๆ เหรอ เงินน่ะจะเอามั้ย”
“ขอโทษทีฉันลืมไป”
“แล้วระหว่างประกวดก็อย่าได้เสนอหน้ามาเชียว ฉันถูกไล่ออกจากการประกวดล่ะซวยเลย”
“ไอ้ฉันน่ะพอจะทนคิดถึงได้หรอก แต่...”
เสียงร้องเรียกของเด็กหญิงพิงกี้ดังขึ้น “แม่...แม่จ๋า”
พิงกี้ เด็กหญิงวัย 5-6 ขวบวิ่งเข้ามาเกาะขาแพรวแพรอย่างรักใคร่ แพรวแพรย่อตัวลงกอดลูกด้วยความคิดถึง
เลม่อนตาเหลือก ตกใจแทบช็อก นอกจากซุกผัว แพรวแพรยังมีลูกอีกต่างหาก
“พิงกี้ หนูมาได้ยังไงเนี่ย”
“ลูก พ่อบอกแล้วไงให้รออยู่ร้านไอติม”
“หนูคิดถึงแม่นี่”
แพรวแพรกอดหอมลูกสาว “แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ”
“แม่ ไปกินไอติมกัน ร้านอยู่หน้าปากซอยนี่เอง”
“แม่ไปไม่ได้หรอกลูก แม่ลดความอ้วนอยู่ เดี๋ยวแม่เป็นนางงามออกทีวีแล้วไม่สวยนะ”
“แล้วเมื่อไหร่แม่จะกลับบ้านล่ะคะ”
แพรวแพรมองหน้าลูกสาวด้วยความสงสาร
รถชัชชนม์แล่นมาจอดหน้าบ้านเปรมจิต ฟ้าหันมาขอบคุณ ก่อนลงรถไป
“ขอบคุณนะคะ
ชัชชนม์ยิ้มให้ พลางโบกมือลาแล้วขับออกไป
พอฟ้าจะไขกุญแจรั้ว ก็ต้องแปลกใจที่ประตูเล็กไม่ได้ล็อค
“กลับมากันแล้วเหรอ”
แพรวแพรจูงพิงกี้เข้ามามุมหนึ่งพลางปลอบฤทธิ์เดินตามติดๆ ส่วนเลม่อน กับ ไผ่ ตามมาซุ่มดู
“พิ้งกี้ แม่ไปเป็นนางงามสวยๆ ไงคะ แล้วต่อไปแม่ก็จะได้เป็นดารา มีเงินเยอะๆ แล้วแม่ก็จะกลับไปอยูกับลูก ดีมั้ยคะ”
“ดีค่ะ งั้นให้หนูไปประกวดกับแม่ด้วยได้มั้ย”
“ไม่ได้ นางงามเขาไม่มีลูกกัน” แพรวแพรหันมาหาผัว “ฤทธิ์ พาลูกกลับบ้านเถอะ พวกนั้นใกล้จะกลับมากันแล้ว”
“พิงกี้ กลับบ้านกันลูก รอดูแม่ทางทีวีนะ โชคดีนะแพรว”
ฤทธิ์จูงพิงกี้เดินออกไป
แพรวแพรมองตามลูกสาวไปอย่างอาลัยอาวรณ์ พอหันตัวจะกลับเข้าบ้าน ก็เจอเลม่อนกับไผ่ยืนขวางอยู่ก็ตกใจสุดขีด
“ลูกน่ารักดีนะ คุณแม่แพรวแพร” เลม่อนแดกดัน
“นั่นไม่ใช่ลูกฉัน” แพรวแพรรีบปฏิเสธ
เลม่อนยิ้มเยาะ “ไม่ทันแล้วย่ะ ฉันได้ยินหมดแล้ว แล้วโลกทั้งโลกก็กำลังจะได้รู้อย่างที่ฉันรู้ ไปกันเถอะน้องไผ่ ไปช่วยโทรศัพท์หานักข่าว มีหลายสำนักที่ต้องตาม ฮ่าๆ”
แพรวแพรใจหายใจคว่ำ วิ่งเข้าเกาะแขนเลม่อนวิงวอนขอร้อง
“พี่เลม่อน หนูขอร้อง อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเลยนะ หนูไหว้ล่ะ”
“เสียใจจ้ะ ฉันมันเป็นพวกที่ต้องทำอะไรตามกฎระเบียบ เห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรก็ต้องแฉ! ฮ่าๆๆ”
“พี่เลม่อน นี่เป็นความฝันเดียวที่หนูมี สงสารหนูเถอะพี่”
“ฉันเข้าใจหัวอกคนที่อยากเป็นนางงามดี แต่สิ่งที่หล่อนเคยทำกับพวกฉัน มันทำให้ฉันสงสารหล่อนไม่ลง ...หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่เจอหล่อนที่กองประกวดนะ”
เลม่อนเดินหนีไป ไผ่เดินตามต้อยๆ
พิงกี้ถือการ์ดวิ่งสวนเข้ามาไปหาแพรวแพร
“แม่ขา หนูทำการ์ดอวยพรมาให้แม่ค่ะ”
เลม่อน กะไผ่หยุดยืนมอง
แพรวแพรเปิดการ์ดออกดู เป็นรูปวาดหญิงสาวชุดราตรี ใส่มงกุฎสวย ผู้ชาย และ เด็กหญิงตัวเล็กๆ สามคน พ่อ แม่ ลูก ยืนจับมือกันอยู่ มีข้อความเขียนว่า
“ขอให้แม่ได้มงกุฎ กลับมาอยู่ด้วยกันไวๆ”
พอได้อ่านแพรวแพรสะท้อนใจถึงกับปล่อยโฮออกมา
“แม่ร้องไห้ทำไม” เด็กหญิงงง
“แม่จะไม่ได้เป็นนางงามแล้วลูก”
“อ้าว แล้วเมื่อไหร่แม่ถึงจะได้กลับมาอยู่กับหนูล่ะคะ”
แพรวแพรกอดพิงกี้แน่น
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ไม่ได้เป็นนางงามแล้ว ก็คงอีกนานกว่าแม่จะหาเงินได้มากพอที่จะสร้างบ้านของเรา ลูกรอแม่นะ”
พิงกี้เริ่มร้องไห้ “ไม่เอา หนูอยากให้แม่กลับบ้านเร็วๆ ทำไมแม่ไม่เป็นนางงามแล้วล่ะคะ”
แพรวแพรตอบไม่ได้ว่าก็เพราะหนูนั่นแหละ พิงกี้รบเร้าแม่ใหญ่ แถมร้องไห้หนัก
“แม่ขา หนูอยากให้แม่กลับบ้านเร็วๆ มาอยู่กับหนูกับพ่อ”
เลม่อนมองชักจะสงสาร
“น่าสงสารจังนะครับพี่เลม่อน” ไผ่เสริม
เลม่อนเดินหน้าบูดบึ้งเข้าโถงมาบ้าน ไผ่เดินตามมาต้อยๆ
“จริงๆแล้ว พี่เลม่อนก็เป็นคนใจดีเหมือนกันนะครับเนี่ย
“ที่ฉันยอมไม่แฉเรื่องนังแพรวมีลูก ไม่ใช่เพราะใจดีหรอกย่ะ แค่สงสารเด็กมัน แต่ก็ยังดีนะ ที่ได้ข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอครับ”
“ก็ที่มันสัญญากับเราไง ว่ามันจะไม่มายุ่งมาเกี่ยวกับเด็กค่ายดวงเดือนอีก ถ้ามันมายุ่งเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะแฉให้แหลกแหกไปถึงรูทวารเลย”
ไผ่งง “รูทวารอะไรเหรอครับ”
เลม่อนเขิน “โอ๊ย ไผ่ก็... อยากรู้จริงๆ เหรอ”
ไผ่พยักหน้าซื่อใส
“ก็” เลม่อนกำลังจะตอบ แต่ก็ดันเขิน เปลี่ยนใจไม่ตอบ “ไม่เอา ไม่พูดดีกว่า”
เลม่อนดีดดิ้นเข้าไปทุบตีตามตัวและอกล่ำของหนุ่มหุ่นแซบคนซื่อ
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)
เมื่อแพรวแพรเดินเข้ามาในโถงบ้าน ก็ต้องชะงักตกใจนิดๆ ที่เจอฟ้านั่งไขว่ห้างวางมาดเหนือกว่ารออยู่
“ฟ้า นี่เธออยู่บ้านเหรอ”
“ออกไปข้างนอก เพิ่งกลับค่ะ”
“กลับมาเมื่อไหร่”
“ก็ตอนที่พี่ไล่ลูกผัวพี่กลับบ้านไงคะ”
ที่แท้ฟ้ารุ่งเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ฟ้า” แพรวแพรเข่าอ่อน
“ฟ้าไม่บอกใครหรอกค่ะ” ฟ้ายิ้มหวาน
แพรวแพรโล่งอก
“แต่หวังว่า ถ้าพี่แพรวจะไปสปาคราวหน้า คงไม่ลืมเรียกฟ้านะคะ” ฟ้าลุกเดินขึ้นห้องไปอย่างผู้ชนะ
แพรวแพรคุมแค้น กัดฟันแน่น ได้แต่ก่นด่าฟ้าอยู่ในใจ
รถชัชชนม์แล่นมาจอดหน้าบ้านชมพู่ ชายหนุ่มลงรถมา ตะโกนเรียกไปบนเรือน
“พู่ อยู่รึเปล่า นี่ชัชเอง ...พู่”
สร้อยโผล่หน้ามาชะโงกหน้าดู
“ใครวะ”
ชัชชนม์ไหว้ทัก “อุ๊ย สวัสดีครับ ผมมาหาชมพู่ครับ”
สร้อยเดินกัดกินผลไม้ที่ยึดมาจากโรงพยาบาล ลงบันไดดูหน้าดูตาชัช มองหัวจดเท้า
“โอ้ย อีพู่นี่มันเนื้อหอมจริงจริ้ง เข้ากรุงเทพฯ ไม่เท่าไหร่ผู้ชายรุมตอมกันอย่างกับแมลงวันตอนขี้เลย”
“เอ่อ... ผมเป็นเพื่อนชมพู่ครับ”
“เพื่อนรึผัว อีตาคนที่แล้วก็บอกว่าเจ้านาย”
ชัชชนม์ชะงัก “อะไรนะครับ”
“ก็ตอนนี้มันอยู่กับผู้ชายอีกคน รอคิวหน่อยละกัน ว่าแต่เงินหนาเท่าอีตาคนนั้นรึเปล่าล่ะ”
“เขาชื่ออะไรครับ”
“พุดเพิ่ดอะไรเนี่ยแหละ ถ้าจะตามไปชกกันแย่งอีพู่ ก็ไปหามันที่โรง’บาลเพชรบุรี”
สร้อยเดินกลับขึ้นเรือนไป
ชัชชนม์อึ้ง ไม่คิดว่าพุฒิพัฒน์จะตามมาจนเจอกับชมพู่
ฟากพุฒิพัฒน์ขับรถเข้ามาจอดในลานจอดโรงพยาบาล เขารีบลงมาเปิดกระโปรงหลัง หยิบผลไม้สด อาหารแห้ง และขนมทานเล่นอีกหลายถุง ชมพู่ลงมาช่วยหยิบ ปากก็บ่นไม่หยุด
“ทำไมต้องซื้อเยอะขนาดนี้ด้วย พ่อกินไม่หมดหรอก”
“ก็ซื้อตุนไว้ เธอจะได้หายห่วงว่าพ่อจะไม่อดอยาก จะได้อยู่ประกวดได้อย่างสบายใจ
“ถ้าพ่อยังไม่ได้ผ่าตัด ฉันไม่มีทางสบายใจหรอก”
สองคนถือกันคนละหลายถุง จนเต็ม 2 มือ
พุฒิพัฒน์นึกอยากแกล้ง ยื่นถุงให้ชมพู่ถือ
“อ่ะ ถือซิ”
ชมพู่ฉุนกึก “ไม่เห็นเหรอว่าเต็มมืออยู่เนี่ย”
“ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ เธอใช้เจ้านายถือของเหรอ”
ชมพู่อารมณ์เสีย ยอมรับถุงมาแล้วเดินนำไป พุฒิพัฒน์ยิ้มขำปิดฝากระโปรงแล้วเดินตามไป
ชมพู่เดินกระฟัดกระเฟียดถือถุงมาหนักอึ้ง บ่นอุบ
“ผู้ชายอะไร ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย”
พุฒิพัฒน์ตามหลังมา รับถุงทั้งหมดไปจากชมพู่มาถือเอง ชมพู่งง ดึงไว้
“จะแกล้งอะไรฉันอีก”
“ช่วยเธอถือไง”
“อ้าว ก็ไหนบอกว่าเป็นเจ้านาย”
“ก็เมื่อกี้ ในฐานะที่ฉันเจ้านายเธอควรเป็นคนถือ แต่ตอนนี้ในฐานะที่ฉันผู้ชายของเธอ ฉันถือให้”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาเป็นผู้ชายของฉัน ปล่อย”
“เธอนั่นแหละปล่อย ฉันถือเอง”
“ฉันถือเอง”
ทั้งคู่ยื้อกันไปมา พูฒิพัฒน์หมั่นไส้แกมโมโหยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หน้าชมพู่
“ถ้าไม่ปล่อยฉันจูบนะ”
ชมพู่รีบปล่อยทันที พุฒิพัฒน์ขำ เดินนำไปอย่างอารมณ์ดี ชมพู่เดินตามอย่างอารมณ์เสีย
“มาเดินใกล้ๆ ฉันนี่”
“เจ้าค่ะเจ้านาย”
สองคนเดินเข้าตึกไป
มุมหนึ่งในลานจอด ชัชชนม์นั่งมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นอยู่ในรถตัวเองที่จอมซุ่มดูอยู่นานแล้ว สีหน้าแววตาของชายหนุ่มชอกช้ำเจ็บปวดสุดจะประมาณ เสียใจใหญ่หลวงที่สุดท้ายชมพู่ก็เป็นคนเห็นแก่เงิน ชอบคนที่รวยกว่า
ความหลังฝังใจเกี่ยวกับปมด้อยเรื่องนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน หวนย้อนเข้ามาอีกครา
ตอนนั้นชาติกำลังทะเลาะกับขจีนุช ส่วนเด็กชายพุฒิพัฒน์กับเด็กชายชัชชนม์นั่งคุดคู้อยู่ด้วยกันตรงมุมหนึ่ง
“สุดท้ายความรักที่เรามีให้กันมาเป็น 10 ปี ก็ต้องแพ้ให้กับเงินของไอ้เศรษฐีนั่น”
“ชาติ ฟังนุชก่อน ที่นุชต้องไปก็เพราะอนาคตของลูกเรานะ”
“อย่าเอาลูกมาอ้างเลย คุณเองต่างหากที่อยากรวยทางลัด รีบไปเถอะ ก่อนที่ผมจะโมโหมากไปกว่านี้ แล้วก็” ชาติชี้ไปที่พุฒิพัฒน์ “เอาไอ้พุฒิ ลูกของคุณกับมันไปด้วย”
ชาติหันมาทางชัชชนม์
“ชัช ขึ้นบ้าน”
ชัชชนม์วิ่งตามชาติขึ้นบ้านไป แต่หยุดหันมามอง
เห็นพุฒิพัฒน์เดินไปเกาะแขนขจีนุชที่มองมายังชัชชนม์ ด้วยสีหน้าสับสนว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
ชัชชนม์ดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน สีหน้าแววตาของเขาบ่งบอกว่าเจ็บปวดถึงขีดสุด ที่ ชมพูนุช ผู้หญิงที่ตัวเองคิดว่าเลือกถูกคนแล้ว แต่กลับเข้าอีหรอบเดียวกับแม่ของตัวเอง
ชัชชนม์ขับออกไป
ส่วนชมพู่เกาะอยู่ขอบเตียงจับมือแช่มแน่น มีกระเป๋าเสื้อผ้าของใช้วางอยู่ข้างๆ พุฒิพัฒน์ยืนดูอยู่ห่างๆ
“พ่อ พรุ่งนี้หนูจะไปสมัครประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์ฯ แล้ว พ่อเชียร์หนูด้วยนะ ที่พ่อเคยบอกหนูว่าจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด หนูก็จะสู้เต็มที่เลยจ้ะ พ่อเองก็ต้องสู้นะ รอหนูเอามงกุฎมาฝาก แล้วก็เอาเงินมาผ่าตัดพ่อ เราจะได้กลับไปอยู่บ้านด้วยกันซะทีนะพ่อนะ”
ชมพู่กราบลงตรงอกพ่อ แช่มน้ำตาไหล ขยับมือมือลูบหัวลูกสาว ชมพู่เห็นพ่อขยับได้ก็น้ำตาไหล
แช่มขยับปากเท่าที่จะทำได้ให้ศีลให้พร ชมพู่กราบพ่ออีก แช่มเป่าลมเบาๆ ลงกระหม่อมพู่ ความรักของพ่อลูกคู่นี้ทำเอาพุฒิพัฒน์น้ำตาซึม ต้องรีบเช็ด
“หนูไปนะพ่อ”
“คุณพ่อไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลพู่ให้ดีที่สุดครับ ผมลานะครับ”
พุฒิพัฒน์ไหว้ลาแช่ม หยิบกระเป๋าชมพู่มาถือแล้วเดินนำออกไป
ชมพู่สวมกอดแช่มเต็มรักอีกครั้ง แล้วจึงตามออกไป
แช่มกลอกตามองตามตาละห้อย เป็นห่วงและสงสารลูกสาวเหลือเกิน ที่ต้องลำบากเพื่อตัวเองขนาดนี้
อ่านต่อหน้า 3
มงกุฎริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)
บ้านทั้งหลังตกอยู่ในความมืด ขณะชัชชนม์ซึ่งอยู่ในสภาพเมาแอ่นเดินเข้ามาเปิดไฟ แล้วโซเซไปนอนแผ่หราที่โซฟา คิดถึงแต่เรื่องชมพู่
ตั้งแต่เจอกันวันแรก ชมพู่ตักข้าวกินอย่างไม่มีจริต นั่นทำให้ชัชชนม์ลอบมองด้วยความชอบใจ ที่ชมพู่เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นธรรมชาติและนอกจากนั้นยังเป็นคนมีความคิดที่ดีด้วย
บางครั้งสองคนเริ่มใกล้ชิดกัน ชมพู่หัวเราะหัวใคร่หันมาหาชัชชนม์ เลยกลายเป็นว่าเขากอดชมพู่ไว้
พุฒิพัฒน์หวงหึงชมพู่ถึงกับต่อยชัชชนม์ ชมพู่รีบเข้ามาดูแล แล้วหันไปด่าพุฒิพัฒน์
ภาพล่าสุดเป็นเหตุการณ์ที่ลานจอดรถโรงพยาบาลในเพชรบุรี ชมพู่กับพุฒิพัฒน์ดูใกล้ชิดสนิทสนมกัน ราวกับคู่รัก
คิดแล้วยิ่งขมขื่น ชัชชนม์ดึงตัวเองกลับมา
“ทีแรกฉันคิดว่าเธอจะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นซะอีก ...แต่จริงๆ แล้ว...เธอก็ไม่ต่างอะไรกับ...”
ชัชชนม์กล้ำกลืนคำว่า “แม่” ลงคอไป ภาพอดีตผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิดอีกครั้ง
20 ปีก่อน เด็กชายชัชชนม์ยืนอยู่หน้าบ้าน มองขจีนุชถือกระเป๋าเสื้อผ้า มืออีกข้างหนึ่งจูงแขนพุฒิพัฒน์พาออกจากบ้านไป โดยที่หน้าบ้านมีรถหรูคันใหญ่จอดรออยู่
อีกมุม ชาติผู้เป็นพ่อนั้นเจ็บปวดเหลือแสน แต่พยายามเก็บอาการให้เป็นปกติ ได้แต่มองตามไพศาลรับขจีนุชขึ้นรถ แล้วขับออกไปจนลับตา
ชัชชนม์ดึงสติกลับมา
“ผู้หญิงมันเหมือนกันหมดทุกคนเลยเหรอวะ”
ชัชชนม์ทั้งโกรธเกลียด เสียใจ และเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะประมาณ
ดาวนอนอยู่บนเตียงในห้องชัชชนม์ จู่ๆ ประตูห้องเปิดออกก่อนที่ชัชชนม์เดินโซเซเข้ามา เขาเมาจนหลงลืมไปว่าดาวนอนอยู่ในนี้ ชัชชนม์ล้มตัวลงนอนบนเตียงจนดาวตกใจตื่น
“เฮ้ย” ดาวมองดีๆ จึงเห็นเป็นชัช ที่มาพร้อมกลิ่นเหล้าโชยหึ่ง“ชัช โห เมามาจากไหนเนี่ย ชัช ตื่น...ไปอาบน้ำก่อน”
ชัชชนม์ไม่ได้สติ รวบตัวดาวมากอดพูดพร่ำเพ้อระบดระบายปมชีวิต
“ผู้หญิงเป็นเหมือนกันหมด”
“ชัช นี่ดาวเอง”
“จะมีใครสนใจคนจนบ้างมั้ย”
ชัชชนม์ขาดสติ อารมณ์เตลิด กอดหอมและเริ่มซุกไซร้พัลวัน ดาวปัดป้องขืนตัวไว้สุดแรง
“ชัช อย่า”
“รักผมได้มั้ย รักผมที”
ดาวเริ่มนึกบางอย่างได้ ยิ้มร้ายกาจออกมาเต็มสีหน้า จะใช้วิธีนี้แก้แค้นเอาคืนฟ้า นอกจากไม่ขัดขืนใดๆ ดาวยังโอนอ่อนตอบสนองโดยดี
“ดาวจะรักชัชเอง”
ในแสงสลัว แลเห็นสองร่างเปลือยเปล่ากอดกระหวัดรัดรึงจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งคู่พากันโลดลิ่วไปตามแรงปรารถนาอันลึกล้ำในความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
โลโก้ประจำการประกวด มิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ 2016 อักษรตัวย่อ MP เด่นหรา มันถูกฉายขึ้นผ่านจอ LED ขนาดใหญ่ ตรงมุมบนด้านในสุดเหนือทางเดินในห้องโถง ช่องอินฟินิตี้ เช้าวันนี้มีการเปิดรับสมัครสาวงามเข้าประกวดชิงมงกุฎ มิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ 2016 อย่างเป็นทางการ
สาวสวยจากทั่วประเทศ ญาติ เพื่อน และพี่เลี้ยง ตลอดจนสื่อมวลชนทุกสาขาแน่นขนัดห้องโถงของช่องซึ่งใช้เป็นสถานที่ลงทะเบียนรับสมัคร
เจ้าหน้าที่ นั่งประจำโต๊ะรับสมัคร 3 โต๊ะ สาวๆ ถือเอกสารรอต่อคิว มีเจ้าหน้าที่กองประกวดคอยดูแลให้คำแนะนำ
บรรดาญาติๆ เพื่อน พี่เลี้ยงนางงาม ยืนจับกลุ่มเม้าท์มอยกันอยู่ บ้างก็เขม่นกัน จิกหน้าจิกตาเบะปากใส่กันตามจริตใครมัน
สื่อมวลชนเล็งแล ตามถ่ายสาวๆ ที่ดูสวยเด่น บรรดาสาวสวยรวมกลุ่มโพสท่าให้ถ่าย จิกกล้องสู้กัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร
รถตู้ค่ายนางงามป้าดวงเดือนจอดลานหน้าช่อง เลม่อนก้าวลงจากที่นั่งข้างคนขับลงไปเปิดประตูรถ ให้ ดวงเดือน อดีตมิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ ก้าวลงมายืนมาดงามสง่า
จากนั้นรุ้งลงวัลย์ก้าวลงมาเป็นคนแรก ตามด้วยปรางค์ ดอกแค จอย ทุกคนอยู่ในชุดสวยงาม หน้าผมพร้อม เลม่อนแปลกใจไม่เห็นชมพู่ลงมาสักที
“อ้าว ชมพู่ล่ะ”
เลม่อนชะโงกหน้าเข้าไปดูในรถตู้ พบว่าชมพู่กำลังพยายามดึงชายกระโปรงออกจากซอกที่นั่ง
“กระโปรงหนูติดค่ะ” ชมพู่ออกแรงดึงอีกทีจนออก “ออกแล้วค่ะ”
เทพีเมืองเพชรก้าวลงมาทำหน้าโก๊ะๆ เปิ่นๆ คนอื่นๆ กลอกตามองเซ็งที่ทำเอาเสียฤกษ์เสียเวลา
“ขอโทษทีค่ะ”
ดวงเดือนอบรม “ชมพู่จ๊ะ วันนี้เป็นวันเปิดตัวให้คนทั้งประเทศได้เห็นเป็นครั้งแรก ห้ามไปทำกระเปิ๊บกระป๊าบเด็ดขาดนะ”
“ค่ะ หนูจะระวังค่ะ”
“เอาล่ะสาวๆ พอเราเดินไปถึงตรงบันไดตึก เราก็ยืนโพสอย่างที่ซ้อมมา และที่ห้ามลืมคือ...” เลม่อนฉีกยิ้มหวานกว้างเป็นตัวอย่าง
สาวๆ ยิ้มหวานตาม
“ดีมาก พร้อมที่จะปรากฏโฉมให้โลกได้เห็นรึยัง”
สาวๆ รับพร้อมกัน “พร้อมแล้วค่ะ”
“พร้อมที่จะเปล่งประกายเจิดจรัสให้โลกนี้สดใสรึยัง” เลม่อนบิวท์อีก
“พร้อมแล้วค่ะ”
“พร้อมที่จะเอาความสวยของเราพิฆาตสายตาของคนทั้งโลกรึยัง”
“พร้อมแล้วค่ะ”
“ถ้าพร้อมแล้ว งั้นก็ลุย”
ดวงเดือนเดินนำหน้ามาดสง่างาม สาวๆ เดินตามเป็นหน้ากระดานสลับฟันปลาเล็กน้อย เลม่อนตามประกบดูอยู่ข้างๆ ชุดสาวงามทีมป้าดวงเดือนออกโทนหวานพาสเทล บางนางมีริ้วลายบางๆ
ในความคึกคักวุ่นวายขายปลาช่อนในห้องโถงนั้นเอง ขบวนสาวงามทีมดวงเดือนเดินนวยนาดมาดงามสง่าเข้ามาในโถงช่อง ผู้คนมองมาเป็นตาเดียวกัน ชี้ชวนกันดู สื่อมวลชนกรูเข้าไปถ่ายรูปรัวๆ
ขบวนทีมดวงเดือนไปยืนอยู่บนบันไดทางขึ้น อันเป็นจุดที่โดดเด่นนำสายตา เลม่อนจัดตำแหน่งสาวๆ ลดหลั่นกันลงมา โดยมีดวงเดือนยืนอยู่ตรงกลาง พวกลูกสาวโพสท่าสวย ยิ้มหวานหยด เลม่อนกำกับอยู่ข้างๆ
นักข่าวฮือฮาเข้าไปถ่ายรูปกันกระหน่ำ พวกสาวๆ ที่มาสมัคร รวมทั้งญาติๆ พากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายพรึ่บพรับ
เสียงเม้าท์มอยชื่นชมว่าคนนั้นสวยคนนี้งามดังไม่ขาด ผู้คนชี้ชวนให้ดูคนนู้นคนนี้
สักพักหนึ่ง เสียงนักข่าวคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“พวกเรา ดูทางนี้เร็ว”
กองทัพสาวงามค่ายเจ๊เปรมจิต ที่มีเปรมจิตเดินยิ้มหวานจิกสายตานำหน้าขบวนมา พร้อมด้วย แพรวแพร ลีน่า นรี สุนทรีย์ และฟ้าอยู่หลังสุด เดินเรียงแผงมา คิตตี้ดูแลอยู่ข้างๆ สาวงามทุกคนใส่ชุดร้อนแรง ตั้งแต่สีชุดแดงเพลิง ปากก็แดง ดูเด่นมาแต่ไกล
ผู้คนพากันเบนความสนใจจากทีมดวงเดือนไปที่ทีมเปรมจิตทันที
ทำเอาทีมป้าดวงเดือนอึ้ง
ทีมเปรมจิตเดินหน้ากระดานตัดหน้าทีมดวงเดือนขึ้นไปยืน ระหว่างนี้ คิตตี้ปรายตาจิกและเชิดใส่เลม่อน อีกฝ่ายมองค้อนไม่ยอมกัน
คนอื่นพยายามพรีเซ้นต์เรียกแสงแฟลชจากช่างภาพสื่อมวลชน แต่ชมพู่ กลับคอยแต่มองหาดาวกับฟ้า
ทีมเปรมจิตขึ้นไปยืนบนบันไดอีกฝั่ง จัดเรียงตำแหน่งลดหลั่นสวยงาม ตั้งป้อมอยู่กันคนละฝั่งทีมดวงเดือน ผู้คนแห่ไปถ่ายรูปทีมเปรมจิตกันหมด
ดวงเดือนมองไปฝั่งเปรมจิตอย่างไม่สบอารมณ์
สาวๆ ทีมเปรมจิตยิ้มจิกใส่ทีมดวงเดือนทุกนาง แน่นอนว่าเปรมจิตมองจ้องดวงเดือนอย่างท้าทาย
“เด็กๆ เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี สงครามเริ่มแล้ว” ดวงเดือนประกาศเรียกขวัญลูกสาวในค่าย
สาวๆ ทีมดวงเดือนฮึกเหิม มาดมั่น ฉีกยิ้มสวยกันทั้งขบวน
ทางด้านชัชชนม์นอนหลับอยู่บนเตียง สักครู่จึงค่อยๆ ลืมตาตื่น ในอาการสะลึมสะลือ ชายหนุ่มรู้สึกมึนตึ๊บ เพราะแฮงก์เหล้า
พอชัชชนม์เปิดผ้าห่ม พบว่าตัวเองแก้ผ้านอนก็แปลกใจ มองหาบ๊อกเซอร์เห็นทิ้งอยู่ที่พื้น จึงรีบหยิบมาใส่
ระหว่างนี้มีเสียงโทรศัพท์ดัง ชัชชนม์หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่กองอยู่แถวนั้นขึ้นมา เป็นสายจากดนัย
“ว่าไง ไอ้นัย เมื่อคืนเหรอ ฉันก็นอนที่ห้องฉันสิวะ...” ชัชชนม์ผงะออกเพราะนิวร้องเฮ้ยเสียงดังลั่น “จะตกใจอะไรเนี่ย...ดาว” ชัชชนม์เริ่มประมวลเหตุการณ์ “เฮ้ย ฉันยกห้องนี้ให้ดาวเค้าแล้วนี่หว่า”
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นดาวในนี้
เมื่อได้สติ ชัชชนม์มองสภาพตัวเอง มองเสื้อ และ กางเกงตรงพื้นห้อง ก็ตกใจ
“เฮ้ยๆๆ แค่นี้ก่อนนะ”
ชัชชนม์วางสายนึกเรื่องเมื่อคืน
“ทำอะไรไปมั่งวะเนี่ย”
ชัชชนม์รีบออกจากห้องไปอย่างร้อนใจ
อ่านต่อหน้า 4
มงกุฎริษยา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ชัชชนม์วิ่งลงมาชั้นล่าง มองหาและร้องตะโกนเรียกดาว
“ดาว...ดาว”
ชัชชนม์วิ่งวุ่นตามหาดาวทั้งห้องครัว ห้องน้ำ และหลังบ้าน สุดท้ายมาเจอดาวแต่งตัวด้วยชุดเรียบๆ และกำลังใส่รองเท้า เตรียมจะออกไปสมัครนางงาม
“มีอะไรชัช”
ชัชชนม์เขินอายประหม่าไปหมด “ดาว เมื่อคืน.... ผม...เอ่อ...เรา...”
ดาว ยิ้มขำๆ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา
“อืม ใช่”
ชัชชนม์ตาโตตกใจ “จริงเหรอดาว”
“ไม่เป็นหรอกชัช ดาวไม่ซีเรียส”
“อะ...อะไร นะ”
“ก็เมื่อคืนชัชเมามาก ไม่ได้ตั้งใจจะทำซะหน่อย ดาวไม่โกรธชัชหรอก”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องแต่แล้วชัช เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดินนะ สบายใจได้ ดาวไปนะ จะรีบไปสมัครมิสเพอร์เฟ็กต์ฯ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง ผมก็กำลังจะเข้าช่องเหมือนกัน”
“งั้นดาวไปรอหน้าบ้านนะ”
ดาวตบไหล่ชัชชนม์แล้วเดินออกไป ทำเหมือนไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น
ต่างจากชัชชนม์ยังงงๆ กับตัวเอง ซึ่งรู้สึกผิดที่ล่วงเกินดาว ไม่สบายใจเอามากๆ
ดาวเดินมานั่งรอที่ม้านั่งริมรั้วหน้าบ้าน หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพในนั้น เห็นเป็นรูปเธอนอนซบอกแกร่งของชัชชนม์ที่นอนหลับอยู่
“ดาวน่ะไม่คิดอะไรหรอก แต่ฟ้าเนี่ยสิ”
ดาวยิ้มร้ายสะใจออกมาเต็มหน้าสวย
ขณะเดียวกัน ที่โถงช่องอินฟินิตี้ ทีมดวงเดือนกับทีมเปรมจิตยืนให้สื่อถ่ายรูปกันอยู่คนละฝั่ง นักข่าวเผือก 1 เอ่ยขึ้นว่า
“คุณดวงเดือน คุณเปรมจิตครับ รบกวนเข้ามายืนชิดกันหน่อยได้มั้ยครับ จะได้สัมภาษณ์ทีเดียวเลย”
ดวงเดือน กับ เปรมจิต ชะงัก ต่างฝ่ายเก็บอาการว่าไม่อยากรวมตัว เพราะจะหมองไม่เด่นพอ
วินาทีนั้นเอง ดวงเดือนคิดปราดเดียว ฉวยโอกาสเรียกคะแนนสร้างภาพแสนดี
“ได้สิคะ น้องเปรมจิตเชิญด้านนี้เลยค่ะ”
เปรมจิตเสียที ที่จะต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา สาวๆ ทีมดวงเดือนขยับบล็อกกิ้ง เว้นที่ให้
คิตตี้หยุดหงิดกระซิบถามเปรมจิตว่า “เจ๊ ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายไปหามัน มันสิต้องมาหาเรา”
นักข่าวเห็นฝ่ายเปรมจิตไม่ยอมไป ก็รบเร้า เสียงเซ็งแซ่
“นะคะ คุณเปรมจิต จะได้ไม่เสียเวลา” / “เชิญหน่อยนะครับเจ๊เปรม”
เปรมจิตจำใจเดินฉีกยิ้มนำทีมเข้าไปหาดวงเดือน
ดวงเดือนยิ้มเชือดเฉือนมาให้เปรมจิตก่อน เปรมจิตยิ้มตอบพลางยกมือไหว้ ดวงเดือนรับไหว้สร้างภาพ
ทั้ง 2 ค่ายจัดบล็อกกิ้งแบ่งฝั่งกันชัดเจนค่ายใครค่ายมัน
นักข่าว เผือก 1 เริ่มยิงคำถามแรก “ไม่ทราบว่าปีนี้ทั้ง 2 ค่ายมีการเตรียมตัวสำหรับการประกวดมิสเพอเฟคไทยแลนด์สองพันสิบห้าอย่างไรบ้างคะ
เปรมจิตชิงตอบก่อนว่า
“เด็กๆ ที่ดิฉันเลือกมา ทุกคนล้วนดีพร้อมกันอยู่แล้วค่ะ ก็เลยไม่ต้องมาเหนื่อยเตรียมตัวอะไรมากมายเหมือนคนอื่นที่ต้องขุดแล้วขุดอีก บางคนขุดแทบตายแต่ขุดไม่ขึ้นก็มีนะคะ แต่ดูเด็กๆของดิฉันสิคะ เป๊ะมาตั้งแต่เกิดค่ะ”
ช่างภาพถ่ายเด็กค่ายเปรมจิตรัวๆ
“แล้วของทางค่ายคุณดวงเดือนล่ะคะ” นักข่าวเผือก 2 ถาม
“ดิฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต้องมีการพัฒนาค่ะ เด็กๆของดิฉันแต่เดิมก็เป็นเพชรกันอยู่แล้ว แต่ดิฉันมีหน้าที่หาเหลี่ยมหามุม เจียระไนให้เพชรแต่ละเม็ดส่องประกายเพิ่มคุณค่าขึ้นให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมาสมัครวันนี้ พวกเราฟิตซ้อมเก็บตัวมาอย่างดีเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมาเจออะไรที่นี่บ้าง ความประมาทเป็นหนทางแห่งหายนะนะคะ”
เปรมจิตรู้ว่าโดนดวงเดือนแขวะ แต่ก็กัดฟันยิ้ม
นักข่าว 3 ถามเปรมจิตว่า “แล้วแต่ละค่ายมีใครเป็นตัวเต็งบ้างรึเปล่าครับ”
เปรมจิตดึงแพรวออกมา
“คนนี้ค่ะ น้องแพรวแพร ดาวเด่นของค่ายเปรมจิต”
นักข่าวเผือก 1 จำได้ “นี่น้องแพรวแพรที่เป็นนางงามเดินสายประกวดใช่มั้ยคะ”
เปรมจิต กับ แพรวแพรหน้าเสียนิดๆ แต่รีบยิ้มกลบ เก็บอาการ
“ที่น้องต้องเดินสายประกวดเพราะว่าน้องต้องหาเลี้ยงครอบครัวค่ะ” เปรมจิตหันไปถามลูกสาว “หนูมีน้องต้องส่งเสียกี่คนนะลูก”
แพรวแพรตีหน้าเศร้า “2 ค่ะ”
“ดูสิคะ มีน้องที่ต้องส่งเสียตั้ง 2 คน ไหนจะพ่อแม่ที่แก่เฒ่าอีก น้องก็เลยต้องใช้ความสวยและความสามารถในการหาเลี้ยงครอบครัวค่ะ ถือว่าเป็นลูกกตัญญูตัวอย่างเลยนะคะ”
จบคำพูดเปรมจิต คิตตี้นำปรบมือ นักข่าวบ้าจี้ปรบมือตาม แพรวแพรบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสาร พลางไหว้ขอบคุณ
นักข่าวเผือก 2 ถามป้าดวงเดือนขึ้นว่า “แล้วค่ายดวงเดือนล่ะคะ มีดาวเด่นบ้างรึเปล่า”
“เด็กๆ ทุกคนของค่ายดิฉัน ล้วนได้รับการคัดสรรและเคี่ยวเข็ญมาอย่างดีค่ะ ทุกคนมีคุณค่าเท่ากันและดิฉันก็ให้ความสำคัญกับเด็กทุกคนเท่ากันเพราะฉะนั้นจึงไม่มีดาวเด่นค่ะ”
เปรมจิตกับคิตตี้ลอบเบะปาก
“แต่ก็ขอแนะนำน้องชมพู่นะคะ” ดวงเดือนดึงชมพู่ออกมา “เธอเป็นเด็กใหม่ของค่าย ดีกรีเป็นถึงเทพีเมืองเพชร เข้ามาเก็บตัวกับทางค่ายเพื่อมาประกวดงานนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ขอฝากน้องด้วยนะคะ”
นักข่าวถ่ายภาพชมพู่รัวๆ
ฟ้ามองด้วยความอิจฉาที่ชมพู่ได้รับการโปรโมทจากปากเจ้าของค่าย
ในความคึกคักนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องเอื้อนเหมือนสำเนียงเพลงแขกดังขึ้นมา เป็นอินโทรเพลง I don’t care ของ อลิซ อาร์สยาม
“ฮ้า....”
ทุกคนสนใจ เหลียวมองหาต้นเสียง
จนสุดท้ายเห็นคนกำลังมุงดู ยกมือถือถ่ายคลิปใครคนหนึ่งอยู่ นักข่าวเผือกปลีกตัวหนีจาก 2 ค่ายใหญ่ ไปที่กลุ่มไทมุง
“ใครน่ะ เสียงดีจัง”
ทั้งดวงเดือน และเปรมจิตหงุดหงิดที่นักข่าวช่างภาพหนีไป
นักข่าวกรูกันเข้าไปอีกมุม แหวกคนที่มุงอยู่ออก จนเห็นเป็น ปุ้ม หรือ ปทุมเกสร เด่นจันทร์ดวง สาวสวยหน้าใสซื่อ กำลังร้องเพลงเอื้อนโชว์ลูกคออยู่ ปุ้มเป็นคนโก๊ะๆ ใสๆ แต่พอได้ร้องเพลง และเต้น สาวเข้าจะมาเต็ม
“นี่น้องปุ้ม ลูกสาวศรีเพ็ญ เด่นจันทร์ดวง ศิลปินแห่งชาติสาขาลูกทุ่งนี่” นักข่าวเผือก 1 ผู้รอบรู้บอกเพื่อนๆ นักเผือก
บรรดานักข่าวตั้งกล้องถ่าย ปุ้มเริ่มร้องและเต้นโชว์จัดเต็ม คนที่มุงดูถ่ายคลิป
“โอ๊ยอะไรจะเกิด ห้ามไม่ได้ถ้ามันจะเกิด จะดีจะร้ายก็ช่างมันเถิด จะไม่คบก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่รักก็เลิกกันไป รั้งให้เสียเวลาทำไม ไม่เห็นจะเป็นอะไร I don’t care”
ผู้คนปรบมือชื่นชมเซ็งแซ่ ปุ้มยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม
นักข่าวเผือก 1 ยิงคำถาม “น้องปุ้มครับ คิดยังไงถึงมาประกวดในปีนี้ครับ
“ปุ้มก็แค่อยากทำตามความฝันของปุ้มเท่านั้นเองน่ะค่ะ คุณแม่เคยบอกว่าถ้าเรามีฝันเราก็ต้องตามไปให้ถึงที่สุด เหมือนที่คุณแม่อยากเป็นนักร้อง ท่านเลยตระเวนไปประกวดตามเวทีต่างๆ แล้วท่านก็ได้เป็นนักร้อง จวบจนสิ้นชีวิตของท่านน่ะค่ะ”
นักข่าวเผือก 2 ซัก “แล้วในฐานะที่เป็นลูกสาวศิลปินแห่งชาติสาขาเพลงลูกทุ่ง คิดว่าจะเอาจุดนี้มาช่วยในการประกวดได้อย่างไรบ้างคะ”
“ก็ช่วยได้มากเลยค่ะ”
พลางปุ้มล้วงลงไปในกระเป๋าสะพาย หยิบโกศบรรจุอัฐิเล็กๆ ขึ้นมาโชว์
“ปุ้มก็แค่พกคุณแม่ติดตัว ให้ท่านอยู่ใกล้ๆ คอยเป็นกำลังใจให้ค่ะ”
ช่างภาพนักข่าวถ่ายรูปรัวๆ
คิตตี้กับเปรมจิตเดินเข้ามาหยุดมองประเมินอยู่มุมหนึ่ง
“ลูกสาวราชินีลูกทุ่งมาลงประกวดด้วยแบบนี้ มันก็แย่งซีนเราเรียบเลยสิคะ”
”แต่ดูจากท่าทาง ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะ” เปรมจิตว่า
ปุ้มยิ้มใสซื่อปนโก๊ะ
ชมพู่เดินมองหาเพื่อน จนเจอฟ้าเดินปรี่เข้ามาหาอย่างดีใจเช่นกัน
“พู่”
“ฟ้า วันนี้แกสวยมาก เกือบจำไม่ได้แน่ะ อ้าว แล้วดาวล่ะ ฉันมองตั้งนานไม่เห็นเลย”
“ดาวเขาโดนไล่ออกจากบ้านไปแล้ว” ฟ้าบอกหน้าตาเฉย
ชมพู่ตกใจ “อะไรนะ ไล่ออกจากบ้าน เกิดอะไรขึ้น”
ดาวเดินเข้ามาพร้อมกับชัชชนม์ ทันได้ยินที่สองสาวคุยกันพอดี
“โดนหมามันลอบกัดน่ะพู่”
ชมพู่ดีใจที่ได้เจอดาว ฟ้ามองตาขวางไม่พอใจดาวมาพร้อมชัชชนม์
“ดาว...ชัช”
ชัชชนม์เห็นชมพู่ก็เลี่ยง ไม่อยากยุ่งด้วย
“ผมขอตัวนะครับ”
ชมพู่รั้งไว้ “อยู่คุยกันก่อนสิคะ”
“ขอโทษทีครับ ผมมีงานต้องเคลียร์ เอาไว้วันหลังนะครับ”
ชัชชนม์เลี่ยงออกไปเลย ชมพู่งงๆ ในท่าทีแปลกไปของเขา
“เป็นไงบ้างดาว แกโดนไล่ออกจากบ้านเหรอ เล่าให้ฟังซิเกิดอะไรขึ้น” ชมพู่ซักใหญ่
“อย่ารู้เลยพู่ ถ้าฉันเล่าให้ฟังแกคงจะรับไม่ได้ ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว ไปขออาศัยบ้านชัชเค้าอยู่น่ะ” ดาวว่า
“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาล่ะ คิดว่าจะไม่มาแล้วซะอีก” ฟ้าแขวะ
“เมื่อคืนนอนดึก ก็เลยตื่นสาย”
“แล้วแกจะอยู่บ้านชัชเค้าไปตลอดเหรอ”
ชมพู่ไม่ทันได้ฟังคำตอบ เลม่อนเดินเข้ามาร้องเรียกเสียงขุ่น
“ชมพู่ มานี่เดี๋ยวนี้”
“ฉันไปก่อนนะแก แล้วเจอกันนะ”
เลม่อนลากชมพู่ไปพลางบ่น
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามไปยุ่งกับเด็กบ้านนั้น”
ฟ้าทำท่าจะเดินหนี ถูกดาวขวางทาง
“อยากรู้มั้ยว่าทำไมเมื่อคืนฉันถึงนอนดึก”
“ไม่อยาก”
ฟ้าเดินหนี ดาวคว้าแขนไว้
“แต่แกต้องรู้”
ดาวเปิดรูปที่นอนซบอกชัชชนม์ให้ดู ฟ้าโกรธจนตัวสั่น
“อีดาว”
ฟ้าบันดาลโทสะเงื้อมือจะตบ แต่ดาวตั้งรับยกมือจับไว้ทัน
“ฉันไม่ยอมให้แกตบง่ายๆ เหมือนพู่หรอกนะ”
ดาวผลักฟ้าออกไปสุดแรงอย่างรังเกียจ
“ถ้าอยากจะตบฉัน เอาไว้ไปเจอกันในกองประกวด ถ้าแกได้เข้ารอบนะ”
ดาวเหยียดยิ้มให้ฟ้าแล้วเดินออกไป
ฟ้าทรุดตัวลงนั่ง พอเห็นแผลที่น่อง แม้จะกลบด้วยรองพื้นแล้ว แต่ก็ยังเห็นรางๆ ฟ้ายิ่งประสาทเสีย ยกสองมือปิดหู ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
อ่านต่อตอนที่ 12