มงกุฎริษยา ตอนที่ 13
ในเวลาเดียวกัน ฟ้าเดินตรงไปหาแพรวแพร ถามคาดคั้นเรื่องที่จะจัดการดาว
“จะเริ่มลงมือได้หรือยังคะ”
แพรวแพรรำคาญ “รอก่อนได้ไหม”
“จะรอจนมันเข้ารอบเลยไหมคะ”
“นี่นังฟ้า” แพรวแพรโกรธ
ลีน่าเดินเข้ามาใกล้ๆ ยิ้มร้ายรู้ทันสองสาว
“ใจเย็นค่ะ อย่าเพิ่งแตกคอกันเองสิคะ เดี๋ยวเสียแผนหมด”
“พี่ลีน่า”
“มีลีน่ามาช่วยแบบนี้ จะวางใจได้หรือยัง”
เกรซเดินมาเห็นว่าสามสาวเม้าท์อยู่ไม่ยอมซ้อม ก็เอ็ดเอา
“คุยอะไรกัน ตั้งใจฝึกหรือเปล่า ไหน ทำให้ดูซิ”
ฟ้า แพรวแพร ลีน่า ยืนเรียงกันแล้วเดินให้เกรซดู
เกรซพิจารณาดูฟ้า เห็นมีกริยาอ่อนช้อย สวยงาม ก็ดูเบอร์ฟ้า
“ใช้ได้นี่ ทำต่อไปซิ”
เกรซมองแล้วก็จดโน้ตในไอแพดอย่างสนใจ
อีกมุมในห้องประชุม ปรางค์ รุ้งลาวัลย์ จอย ดอกแค ซ้อมเดินกันอยู่ สี่คนเดินนวยนาดไปยังเก้าอี้ที่ตั้งเรียงกัน 4 ตัว เตรียมจะลงนั่ง แต่กลับโดนสุนทรีย์ และนรีเดินมาชิงนั่งก่อน
รุ้งลาวัลย์แค้น “ไม่มีปัญญาหาที่สิงสถิตหรือไง”
สุนทรีย์ไม่สน “มี ก็ตรงนี้ไง”
นรีเย้ยว่า “เชิญร่อนเร่ต่อไปนะจ๊ะ”
ดอกแคโกรธจัด “ก็พวกฉันจองก่อน”
ปรางค์บอกกับดอกแคว่า “เจ๊พอ ไปเถอะ”
สุนทรีย์ชอบใจ “นี่ ต้องพูดง่ายแบบนี้”
ดอกแคโกรธ “ปรางค์”
“บอกให้ไปไง”
ปรางค์จับดอกแค รุ้งลาวัลย์ และจอย มายืนเรียงด้านหลังตัวเอง
รุ้งลาวัลย์ไม่พอใจ “แกจะยอมมันเหรอ”
“ไม่ได้ยอม” ปรางค์บอก
ดอกแคงง “แล้วทำไมต้องให้เราออกมาด้วย”
“ฉันจะถีบมันสะดวกๆ ไง”
ขาดคำปรางค์ถีบสุนทรีย์ กับนรีตกจากเก้าอี้ไปทั้งคู่
สองสาวร้อง “ว้าย” สุดเสียง ลงไปกองก้นจ้ำเบ้า
แนตตี้เดินเข้ามา แต่เห็นไม่ถนัด เพราะมีรุ้งลาวัลย์ ดอกแค และจอย บังสองคนอยู่
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นคะ”
ปรางค์รีบบอก “เขานั่งไม่ระวังน่ะค่ะ เลยตกเก้าอี้”
สุนทรีย์ กับนรีมองมาตาขุ่นขวาง โกรธถึงขีดสุด
ฝ่ายชัชชนม์เดินเข้ามาในห้องประชุม มองไปทางดาวที่ซ้อมอยู่กับชมพู่
พุฒิพัฒน์หันมาเห็นพอดี นึกว่าชัชชนม์มองชมพู่ จึงรีบเดินเข้าไปเอาเรื่อง
“มาทำไม ยังไม่ถึงหน้าที่ของนาย”
“ฉันก็มาดูคนแข่ง เอาไปเตรียมทำงานน่ะสิ ทำไม คิดว่าฉันมาที่นี่ทำไมเหรอ”
“ก็ขอให้มาทำงานอย่างที่ว่าจริงๆแล้วกัน”
“แกไม่ต้องห่วงหรอก เพราะยังไง แกก็ชนะฉันแล้ว”
ชัชชนม์เดินหนีออกไป พุฒิพัฒน์มองตามงงๆ
เกรซเดินเข้ามาด้านหน้า พูดกับสาวงามที่นั่งเรียงกันอยู่ในห้องประชุม
“เมื่อวานเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย ต่อไปนี้ จะทำอะไร ก็ต้องรู้จักฟัง และสังเกตให้ดี นี่โชคดีว่าไม่มีใครเป็นอันตราย และวันนี้ก็จะเป็นวันที่ทุกคนจะได้ใช้สิ่งที่เรียนมาเพื่อทำการทดสอบ นั่นก็คือ ทุกคนจะได้แสดงฝีมือในการเข้าครัว”
สาวๆ ฮือฮา เกรซสรุปตอนท้ายว่า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องรสชาติ หรือหน้าตาของอาหาร เรามีวิธีทำให้หมดแล้ว หลังจากนั้น ทุกคนจะต้องออกมานำเสนออาหารของตัวเอง สิ่งที่กรรมการจะตัดสินก็คือ บุคลิกภาพแต่ละคน ในการทำกิจกรรมนี้ค่ะ”
แพรวแพร ลีน่า ฟ้า แอบเดินเข้ามาที่สวน เห็นทีมงานจัดตั้งโต๊ะทำอาหารเรียงกันหลายโต๊ะ
“เขายังไม่เริ่มเลยนี่คะ ทำไมต้องรีบมาก่อนด้วยล่ะ” ฟ้างง
“ก็รีบมาทำตามแผนกำจัดนังดาวไง”
“จะลงมืองานนี้เลยเหรอ” ลีน่าถามย้ำ
“ตอนนี้แหละเหมาะสุดละ ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด แถมอุปกรณ์ก็เหมาะจะเกิดอุบัติเหตุซะด้วย”
ฟ้ามองไปยังโต๊ะทำอาหาร พบว่ามีถังแก๊สปิกนิกอยู่ทุกโต๊ะ แล้วหันมาสบตารู้กันกับแพรวแพรและลีน่า
เมซี่นั่งเล่นมือถืออยู่ มีวิคกี้นั่งอยู่ด้วย พุฒิพัฒน์เดินผ่านมาทางนี้ เมซี่เห็นยิ้มทัก
“ไฮ คุณพุฒิ”
“เขาเรียกรวมแล้ว ทำไมยังมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”
“น้องเมซี่เหนื่อยน่ะค่ะ” วิคกี้ตอบแทน
“การแข่งขันก็ต้องเหนื่อยสิครับ ถ้าไม่อยากเหนื่อย ก็กลับบ้านไป”
“You’re so rude นี่เมซี่ให้เกียรติมาแข่งที่นี่ ควรจะ Treat เมซี่ ให้ดีกว่านี้นะคะ”
“ขอโทษครับ แต่ผมจะให้เกียรติกับคนที่มีเกียรติพอเท่านั้น ถ้าไม่อยากร่วมกิจกรรมแล้ว จะกลับบ้านไปก็ได้นะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
พุฒิพัฒน์เดินออกไปเลย
“วาจาสามหาว เรื่องนี้ต้องถึงคุณธีรนัยแน่”
วิคกี้โกรธจัดหยิบมือถือขึ้นมา เมซี่จับมือวิคกี้ห้ามไว้
“ไม่ต้อง โหดๆแบบนี้แหละ หนูชอบ”
“นังเม” กะเทยวัยทองไม่พอใจ
เมซี่ไม่สน มองตามพุฒิพัฒน์ไปอย่างพึงพอใจ ชอบใจที่ถูกเขาท้าทาย
สาวๆ เดินเข้ามาประจำที่โต๊ะตัวเองในสวนสวยที่เจ้าหน้ากองประกวดจัดไว้ให้
“ตอนนี้ให้น้องๆ ลองเช็คอุปกรณ์ให้เรียบร้อยนะคะ ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานรึเปล่า”
ดาวคู่กับภา มองดูโต๊ะตัวเอง ฟ้าแอบเหล่ดาวเป็นระยะ
“ทำไมโต๊ะเรามันเลอะๆ อะไรเนี่ย เช็ดเตาหน่อยไหม” ดาวว่า
ชมพู่ได้ยินดาวพูดก็หันไปดู มองไปที่เตาของกลุ่มดาว เห็นคราบน้ำมันไหลอยู่ตามถัง
“ให้เช็คเตาหรอ ได้ๆ”
“ไม่ใช่เช็ค เช็ด” ดาวบอก
“นี่ไง จะเช็คให้”
ขณะที่ภาเอื้อมมือไปจุดเตา
ชมพู่ร้องขึ้น “เดี๋ยวก่อน”
แต่ไม่ทันไฟที่เตาลุกพรึ่บขึ้นมา เปลวไฟติดไปตามทางน้ำมัน ลุกลามมาถึงโต๊ะที่กองผ้าที่วางอยู่หน้าดาว ไฟลุกโชนขึ้นมาต่อหน้าดาว จนดาวตกใจล้มลง ชมพู่เข้ามาดึงตัวดาวออกไป ภาได้แต่ยืนช็อกทำไรไม่ถูก
เหล่าสาวงามที่อยู่รอบๆ ร้องกรี๊ด วี้ดว้าย พากันถอยกรูออกไปจ้าละหวั่น
แนตตี้พร้อมทีมงานวิ่งเข้ามาพอดี
“ไฟไหม้ ช่วยด้วย”
ชมพู่ถอดผ้ากันเปื้อนตัวเองออกมาราดน้ำใส่ผ้าแล้วตบดับไฟ ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ มองย่างหวาดหวั่น
ชัชชนม์วิ่งเข้ามาช่วยชมพู่ดับไฟจนมอด เหล่านางงามทุกคนปรบมือให้ชมพู่
ฟ้า แพรวแพร และ ลีน่า มองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์
ภายในในห้องพยาบาลดาวนั่งให้เจ้าหน้าที่ช่วยทายาที่แขน เป็นแผลจากที่ดาวล้ม ชัชชนม์เดินเข้ามาหา
“ดาว เป็นไรหรือเปล่า”
“คุณไม่ต้องเข้ามาในนี้ก็ได้นะ”
เจ้าหน้าที่ทาเสร็จก็เดินออกไป
“ก็แค่อยากให้แน่ใจ ว่าดาวไม่เป็นไรมาก”
“ช้ำนิดหน่อย ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ”
ดาวจะลุกออกไป
“ดาว เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีกอ่ะ คุณเลิกมองหน้าฉันด้วยสายตานี้ซะทีได้ไหม”
“สายตาแบบไหน”
“ก็แบบที่รู้สึกผิดตลอดเวลาไง บอกแล้วใช่ไหมว่าฉันโอเค”
“ไม่ใช่ดาว ผมเป็นห่วงต่างหาก”
ดาวชะงักไปสักพัก “เหรอ อืม ไม่รู้สิ ไม่ค่อยมีคนมาห่วงฉันมั้ง เลยไม่รู้ว่าสายตามันเป็นยังไง”
“ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
ดาวมองฉงน “ยังไรเหรอคะ”
“ก็อยู่ๆ น้ำมันจากไหนไม่รู้มาหกเลอะเตาคุณเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่น้ำมันบนโต๊ะคุณก็ยังมีอยู่เต็มขวด”
“แปลว่าต้องมีคนอื่นเอามาราดไว้”
ดาวเริ่มระแวงสงสัย
ฟากพุฒิพัฒน์ ขจีนุช เกรซ นั่งอยู่ที่โต๊ะ ในห้องประชุมใหญ่ สักครู่หนึ่งแนตตี้จึงเข้ามาในห้อง เกรซหันไปถาม
“เป็นยังไงบ้าง”
“เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบตรงบริเวณนั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ พบว่ามีน้ำมันหกอยู่แถวนั้น เลยเป็นเชื้อเพลิงลุกลามไปน่ะค่ะ”
ขจีนุชตกใจ “ตายจริง เกิดเรื่องสะเพร่าแบบนี้ได้ยังไง”
แนตตี้หน้าเสีย “ขอโทษด้วยค่ะ ต่อไปนี้ดิฉันจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนเริ่มกิจกรรมทุกครั้ง ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก”
“เอาล่ะครับตอนนี้เราคงทดสอบอะไรไม่ทันแล้ว คงต้องพิจารณาคัดเลือกจากช่วงเวิร์คช็อปแทน”
“งั้นเริ่มเลยนะคะ แนตตี้เปิดภาพผู้สมัครขึ้นบนจอซิ” เกรซบอก
ขจีนุชขัดขึ้น “เดี๋ยวก่อน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นชัชชนม์ที่เปิดเดินเข้ามาในห้อง
“เชิญนั่ง” ขจีนุชหันไปมองหน้าทุกคน “เราควรได้ฟังความเห็นของผู้กำกับรายการด้วย ว่าคนที่เข้ารอบไป จะทำให้รายการน่าสนใจได้จริงหรือเปล่า ฉันก็เลยเชิญคุณชัชชนม์เข้ามาร่วมตัดสินด้วยค่ะ”
ชัชชนม์นั่งลง พุฒิพัฒน์พยายามเก็บอาการไม่พอใจเอาไว้
“เริ่มได้เลย แนตตี้”
รูปสางงามถูกฉายขึ้นจอ ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เริ่มจากเมซี่ ตามด้วยปุ้ม และมาถึงลีน่า ทุกคนคอมเมนต์กันไป
ทันทีที่รูปชมพู่ ถูกฉายขึ้นจอ พุฒิพัฒน์ให้ความสนใจอย่างมาก จนชัชชนม์มองเขม่น
“น้องคนนี้ที่เข้าไปช่วยเพื่อน ตอนที่เกิดเหตุไฟไหม้ไงคะ” แนตตี้บอก
“หาคนที่เก่งแล้วกล้าแบบนี่ไม่ได้ง่ายๆ นะครับ ผมว่าน่าสนใจเลยละ”
ขจีนุชมองพุฒิพัฒน์ เป็นเชิงปรามว่าอย่าออกนอกหน้ามาก
“ดูเขาคล่องแคล่ว สมาร์ทดีนะคะ ไม่เหมือนคนอื่นๆ เลย”
คำชมของแนตตี้ ทำเอาพุฒิพัฒน์ยิ้มหน้าบาน
ขจีนุชหันมาทางชัชชนม์ “ชัชชนม์ว่ายังไง”
“เขาดูเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ครับ แต่จะแตกต่างจากคนอื่นไหม ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน” ชัชชนม์ว่า
“ถ้าคิดว่าบุคลิกโดดเด่นเข้าตาละก็ ดิฉันก็ไม่ขัดค่ะ”
พุฒิพัฒน์ดีใจยิ้มแก้มแทบแตก
เมซี่ วิคกี้ นั่งแกร่วอยู่แถวทางเดินหน้าห้องประชุม จนเห็นเจ้าหน้าที่เดินมาส่งชมพู่ หลังจากทำแผลพันมือเสร็จ
“ขอบคุณมากนะคะ”
เจ้าหน้าที่เดินกลับไป
เมซี่มองค้อนชมพู่ แล้วหันมาทางวิคกี้ “แหวะ ทำตัวเป็นฮีโร่”
“โง่หรือโง่ก็ไม่รู้ ไม่กลัวเสียโฉมหรือไงกัน”
“คิดว่าทำแบบนี้จะเรียกความสนใจจากคนอื่นได้มั้ง”
“โอ๊ย ประกวดนางงามนะจ๊ะ ไม่ใช่ประกวดกู้ภัย ใครเขาจะสนใจ”
จู่ๆ ระหว่างนั้น พุฒิพัฒน์ก็เข้ามาดึงตัวชมพู่ลากแขนพาเข้าไปในห้องหนึ่ง ตรงทางเข้าหลังเวที
“ว้าย นั่นอะไร” วิคกี้ตกใจ คาดไม่ถึง
“เห็นแบบที่เมซี่เห็นใช่ไหมคะ”
วิคกี้ กับเมซี่มองหน้ากัน ก่อนจะพากันวิ่งตามเข้าห้องนั้น แต่พบว่าห้องล็อก
เมซี่เงยหน้ามองไปมีป้ายเขียนว่า ทางเข้าหลังเวที แล้วยิ้มร้ายนางได้ไอเดียชั่วบางอย่าง
พุฒิพัฒน์พาชมพู่หลบมาอยู่ด้านหลังเวทีห้องประชุมใหญ่ ติดกับม่านบนเวที ชมพู่ฮึดฮัดไม่พอใจ
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
“ก็เธอบอกเองว่ากลัวคนเห็นเราคุยกัน”
“ฉันหมายถึง เราไม่ต้องมาคุยกันเลยต่างหาก”
“เอ้า ก็คนมันอยากคุย ไหนดูมือซิ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่พองนิดหน่อยเอง”
“มือด้านแบบเธอ คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ จริงๆ แหละ แต่ก็ต้องไปหาหมอ ให้เขาตรวจละเอียดๆ นะ เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเข้าบ้านไปแล้วจะลำบาก”
“เข้าบ้านแล้วลำบากยังไง ดีซะอีกมีพี่เลม่อนดูแล”
“แต่เข้าบ้าน Perfect house ไม่มีพี่เลม่อนนะ”
ชมพู่ร้อง “ห๊ะ”
ฝ่ายเมซี่เดินมาที่มุมห้องประชุม มาเปิดกล่องควบคุมไฟในห้องประชุม เมซี่มองหาปุ่มเปิดม่าน
วิคกี้หงุดหงิด “ไฟมันสว่างอยู่แล้ว จะเอาอะไรอีก”
“ก็จะให้มันสว่างไปถึงหลังเวทีเลยไงล่ะคะ”
ที่หลังเวทีห้องประชุมใหญ่ พุฒิพัฒน์ยืนคุยกับชมพู่อยู่บริเวณนั้น
“ก็คนที่ผ่านเข้ารอบต่อไป เขาต้องไปทดสอบต่อในบ้าน Perfect house ไง”
“รู้แล้ว แต่ฉันเข้าบ้าน นี่ฉัน...”
“ใช่ ยินดีด้วยนะ”
ชมพู่กรี๊ดดีใจสุดชีวิต “อ๊าย”
เมซี่กดปุ่มเปิดม่านห้องประชุม ม่านค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็น ชมพู่ กับพุฒิพัฒน์ยืนคุยกันอยู่อย่างสนิมสนม ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องประชุมยกเว้นสาวงามค่ายป้าดวงเดือนมองภาพนั้นอย่างงงๆ
เมซี่ยิ้มสะใจที่ความลับชมพู่ถูกเผยออกมาจนได้
เกรซเดินมาพร้อมกับแนตตี้เห็นภาพเช่นกัน
เมซี่บอกกับวิคกี้ว่า “กรรมการมายืนกุกกิกกับนางงามแบบนี้”
วิคกี้แก้ให้ว่า “กุ๊กกิ๊ก”
“นั่นแหละ เรื่องไม่ซวยแน่”
วิคกี้รีบช้อนแก้ “สวย”
เมซี่รำคาญ “เออๆ”
เกรซยืนกอดอกมองพุฒิพัฒน์กับชมพู่อย่างไม่พอใจ
ชมพูนุชนั่งจ๋อยอย่างคนรู้สึกผิดอยู่ในห้องกรรมการ
“รู้ใช่ไหม ว่าทำไมเธอถึงต้องมานั่งอยู่ตรงนี้”
“ค่ะ แต่ หนูกับคุณพุฒิไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสียจริงๆนะคะ เราแค่คุยกันเรื่องอุบัติเหตุเฉยๆ แล้วหนูก็...”
ขจีนุชสวนขึ้นว่า “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเธอกับลูกชายฉันมีอะไรกัน”
ชมพู่อึ้ง
แนตตี้กันพุฒิพัฒน์ ไม่ให้เข้าไปในห้องกรรมการ
“ทำไมจะเข้าไปไม่ได้ ผมก็เป็นกรรมการเหมือนกัน”
เกรซเดินเข้ามาพอดี
“เพราะคุณกำลังทำให้กองประกวดเดือดร้อนไงคะ”
“คุณเกรซครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ชมพู่เขาเป็นเลขาเก่าของผม ผมเป็นห่วงเขา เลยเข้าไปพูดคุยเฉยๆ เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะครับ”
“แต่ดูจากสถานที่ที่คุณสองคนเข้าไปคุยกัน จะให้คิดว่าพวกคุณบริสุทธิ์ใจได้เหรอคะ”
“ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าผมรู้จักกับชมพู่ ก็เท่านั้นเอง”
“ไม่มีใครเชื่อหรอกนะคะ”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ”
เกรซถอนหายใจเซ็งๆ เชื่อคำพูดพุฒิพัฒน์
เกรซหันไปบอกกับแนตตี้ว่า “เข้าไปบอกผู้เข้าประกวดว่าชมพู่เดินหลงเข้าไปหลังเวที แล้วคุณพุฒิเข้าไปตามชมพู่เฉยๆ”
แนตตี้พยักหน้ารับคำแล้วเดินออกไป
“ขอบคุณครับคุณเกรซ”
“ก็ขอเรื่องนี้จะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วกัน ส่วนคุณขจีนุชจะตัดสินใจยังไง ดิฉันก็ไม่ทราบนะคะ”
สีหน้าพุฒิพัฒน์เครียดจัด ไม่สบายใจมากๆ
ด้านชมพู่ ถูก ขจีนุช กำลังถามคาดคั้นอยู่ในห้องพักกรรมการและทีมงานกองประกวด
“เธอกับพุฒิมีอะไรกัน มากกว่าแค่เจ้านายกับเลขาใช่ไหม”
ชมพู่รับว่า “ค่ะ” ทำเอาขจีนุชอึ้งไป
ชมพู่จึงรีบอธิบายต่อว่า “เขาเป็นผู้มีพระคุณของหนูค่ะ คุณพุฒิช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพ่อหนูอยู่ ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นค่ะ”
น้ำเสียงขจีนุชเจือความดูแคลน “นึกแล้ว ว่าไม่พ้นเรื่องเงิน”
“แต่หนูไม่ได้คิดจะเอาไปฟรีๆ นะคะ ถ้าหนูมีเมื่อไร หนูจะคืนเงินคุณพุฒิทุกบาททุกสตางค์เลย”
ขจีนุชเหน็บ “คืนเป็นเงิน หรือคืนด้วยอย่างอื่นกันแน่ ฉันเห็นมานักต่อนักละ”
“แต่คุณเพิ่งรู้จักหนู เร็วไปหน่อยมั้งคะ ที่จะตัดสินกันแบบนี้”
“ได้ งั้นฉันจะรอดูละกัน พิสูจน์ให้ได้ล่ะ ว่าเธอกับพุฒิจะไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอจะต้องออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน และเวทีนี้ ทันที หมดเรื่องละ ไปได้”
รอจนชมพู่ไหว้ขจีนุช แล้วเดินลับกายออกไป วิคกี้จึงเดินออกมาจากมุมห้อง
“ได้ยินแล้วนะคะคุณวิคกี้ ว่าเด็กสองคนนั้นเขาไม่มีอะไรกันจริงๆ”
“แต่น้องเมซี่ไม่สบายใจค่ะ ยังไงแกก็รู้สึกว่าการแข่งมันไม่โปร่งใส”
“ดิฉันรับรองค่ะ ว่าการตัดสินจะเป็นไปตามกฎกติกาแน่ๆ”
“แต่น้องเมซี่แกยืนยันนะคะ ว่าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในการประกวดนี้ ดิฉันคงไม่ต้องย้ำนะคะ ว่าถ้าน้องเมซี่ต้องการอะไร คุณธีรนัยก็คงต้องการอย่างนั้นเช่นกัน ช่วยทำให้น้องสบายใจด้วยนะคะ”
วิคกี้ยิ้มเยือกเย็นใส่ ขจีนุชหนักใจ
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ในเวลาต่อมา สาวๆ ทยอยเดินเข้ามานั่งในห้องประชุม ขจีนุชนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างเวที เกรซนั่งถัดจากขจีนุชไป
“เกรซ ฉันขอขึ้นไปประกาศรายชื่อคนผ่านเข้ารอบเองนะ”
เกรซรับคำงงๆ “ได้ค่ะ”
แนตตี้ขึ้นไปดำเนินรายการบนเวที
“แล้วก็มาถึงเวลาที่ทุกคนตั้งตารอมาทั้งวันแล้วนะคะ เราจะได้รู้กันแล้วว่าใครจะได้ผ่านเข้ารอบ 12 คน เข้าใกล้ตำแหน่ง Miss Perfect Thailand เข้าไปอีก 1 ก้าว ขอเชิญคุณขจีนุชค่ะ”
ขจีนุชเดินไปที่โพเดียม
“และผู้ที่ได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ได้แก่ หมายเลข 1 นางสาว เมสินี พรรณวดี โรเบิร์ตค่ะ”
เมซี่เดินเชิดหยิ่ง จิกตาด้วยความสะใจ ผ่านหน้าทุกคนขึ้นเวทีไป ปรางค์ ดอกแคมองหน้ากันเอือมๆ
“คนต่อไป หมายเลข 17 นางสาวคะนึงนิจ ภาวนากิจ”
ขนมลุกขึ้นกระโดดดีใจเล็กน้อย จนหน้าอกขนาดใหญ่เด้งขึ้นลง จอยมองหน้ารุ้ง แล้วทำมือแทนหน้าอกขนาดใหญ่
“หมายเลขต่อไป หมายเลข 3 นางสาว ลลิตา จรูญจิต”
ลีน่าลุกขึ้นยิ้มมาดมั่นเดินขึ้นเวที
ปรางค์ ดอกแค จอย รุ้งลาวัลย์ มองตามอย่างไม่ยินดี ลีน่ายิ้มเยาะดาว แต่ดาวทำเป็นมองไม่เห็น
“หมายเลข 2 นางสาวปทุมเกสร เด่นจันทร์ดวง”
ปุ้มกำโกศแม่อยู่ จูบที่โกศแม่แล้วเดินไป
“หมายเลข 13 นางสาวปรางค์ทิพย์ ทิพยฤกษ์”
จอยหันไปยินดีกับปรางค์ รุ้งลาวัลย์มองที่เบอร์ 12 ของตัวเอง แล้วมองเบอร์ 11 ของสุนทรีย์อย่างใจหาย
“หมายเลข 12 นางสาวรุ้งลาวัลย์ เจริญมงคล”
รุ้งลาวัลย์ได้ยินชื่อตัวเองก็อึ้งไป จูบเบอร์ 12 ของตัวเองรัวๆ แล้วสะบัดเบอร์ใส่หน้าสุนทรีย์ เดินขึ้นเวทีอย่างดีใจ
“หมายเลข 9 นางสาว แพรวแพร อำไพเรือง”
แพรวแพรยิ้มกว้างเดินนวยนาดขึ้นไป ฟ้ามองด้วยความอิจฉา
“หมายเลข 10 นางสาวเขมิกา สังวาลสร้อย”
เขียดบ๊ายบาย พลางจับมือเพื่อนๆ เกือบจะทุกคนที่เดินผ่าน ให้กำลังใจทุกคนอย่างร่าเริง
“เร็วด้วยค่ะ หมายเลขต่อไป หมายเลข 8 นางสาวดาวิกาแก้ว แววจินดา”
ฟ้าชักสีหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรง ดาวจงใจเดินอ้อมผ่านหน้าฟ้ามายิ้มเยาะให้ ฟ้าหลับตาลงภาวนาในใจขอให้ได้เข้ารอบ ชัชชนม์มองไปที่ดาว ยิ้มอย่างยินดี
“หมายเลข 14 นางสาวเจนจิรา นาทองคำ”
จอยอึ้ง ปรางค์ยิ้มยินดีอย่างจริงใจ จอยเดินขึ้นไป
ขจีนุชประกาศต่อ “หมายเลข 15 นางสาวฟ้ารุ่ง นุ้ยคำ”
ฟ้าลืมตาขึ้น แล้วมองพุ่งไปที่ดาว ดาวเก็บอาการไว้ ฟ้าลุกแล้วเดินไปดีใจจนน้ำตาไหล แต่ก็ยังคงบุคลิกที่สง่างามไว้
“และหมายเลขสุดท้าย”
พุฒิพัฒน์หันไปยิ้มให้ชมพู่ ซึ่งเริ่มออกอาการตื่นเต้น ขจีนุชมองที่โพย เห็นชัดว่าอันดับที่ 12 เป็นหมายเลข 5 นางสาวชมพูนุช สุดสว่างศรี
“หมายเลข 7 นางสาวนารีรัตน์ จรัสประกาย”
นรีลุกขึ้นร้องกรี๊ดด้วยความดีใจ ขจีนุชกลุ้มใจที่เป็นคนเลือกนรีเข้ารอบแทนชมพู่
พุฒิพัฒน์งงคาที่ หันมามองเกรซที่ก็งงอยู่เหมือนกัน
ชมพู่เองก็งุนงงกับสิ่งที่เกิด ปรางค์จับมือชมพู่ให้กำลังใจ
บรรยากาศในห้องประชุมมาคุ จากผลที่ประกาศออกมา ทำให้พุฒิพัฒน์เสียหน้าและโกรธจัด ส่วน ขจีนุช เกรซ และแน็ตตี้ต่างพยายามทำตัวนิ่งๆ
“บอกผมมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็สรุปผลกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าผู้เข้ารอบ 12 คนมีใครบ้าง”
“ผลการคัดเลือกไม่ได้จบอยู่แค่ที่เรา 3 คนหรอกค่ะคุณพุฒิ” เกรซบอกด้วยท่าทีอึดอัด
“อะไรนะครับ”
“คนที่จะเข้ารอบสุดท้าย ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของเวที เพราะฉะนั้นจะต้องได้รับความเห็นว่าเหมาะสมจากทุกฝ่ายแล้ว จะได้ไม่เกิดปัญหากันทีหลัง” เกรซว่า
“ใครจะมามีสิทธิ์ตัดสินนอกเหนือจากเรา 3 คนอีกครับ” ผอ.หนุ่มไม่เชื่อ
ขจีนุชบอกว่า “คุณธีรนัย ไงพุฒิ”
“คุณธีรนัย เขาเป็นแค่สปอนเซอร์นะครับแม่”
“เขาเป็นถึงสปอนเซอร์ต่างหาก บริษัทสุขสิริของคุณธีรนัยเป็นสปอนเซอร์หลักมิสเพอร์เฟ็กต์มาตลอด เราจะไม่ฟังเสียงเขาได้เหรอ”
พุฒิพัฒน์พาล “แปลว่าเงินของสปอนเซอร์ซื้อตำแหน่งมิสเพอร์เฟ็กต์ได้สินะครับ”
เกรซไม่พอใจ “คุณพุฒิพูดเกินไปแล้วค่ะ ตราบได้ที่ดิฉันยังเป็นผู้จัดการกองประกวด ทุกอย่างจะเป็นไปตามกติกาค่ะ”
พุฒิพัฒน์ตอบเกรซ แต่จดสายตามองไปยังมารดา
“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะครับ”
กลับถึงบ้านป้าดวงเดือน ชมพู่กับจอยนั่งปรับทุกข์กันอยู่ที่สวนหลังบ้าน
“ไม่เป็นไรนะพู่ ปีหน้าไว้ประกวดใหม่ก็ได้ แล้วนี่พู่กะว่าจะทำอะไรต่อ”
“ไม่รู้สิ”
“อ้าว ทำไมไม่กลับบ้านไปหาพ่อ”
“พ่อฉันป่วยอยู่โรงพยาบาล ถ้ากลับบ้านตอนนี้คงไม่มีทางหาเงินไปจ่ายค่าหมอ”
“เออจริง ลืมไปเลย งั้นพู่ก็อยู่ทำงานกับคุณพุฒิต่อสิ”
“คงไม่ได้แล้วละ”
“ทำไมล่ะ คุณพุฒิเขาดูชอบเธอนะ”
ชมพู่หวนนึกถึงเหตุการณ์ตอน ถูก ขจีนุช ถามคาดคั้นซักฟอกอยู่ในห้องพักกรรมการ
“เธอกับพุฒิมีอะไรกัน มากกว่าแค่เจ้านายกับเลขาใช่ไหม”
ชมพู่รับว่า “ค่ะ” ทำเอาขจีนุชอึ้งไป
ชมพู่จึงรีบอธิบายต่อว่า “เขาเป็นผู้มีพระคุณของหนูค่ะ คุณพุฒิช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลของพ่อหนูอยู่ ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นค่ะ”
น้ำเสียงขจีนุชเจือความดูแคลน “นึกแล้ว ว่าไม่พ้นเรื่องเงิน”
“แต่หนูไม่ได้คิดจะเอาไปฟรีๆ นะคะ ถ้าหนูมีเมื่อไร หนูจะคืนเงินคุณพุฒิทุกบาททุกสตางค์เลย”
ขจีนุชเหน็บ “คืนเป็นเงิน หรือคืนด้วยอย่างอื่นกันแน่ ฉันเห็นมานักต่อนักละ”
“แต่คุณเพิ่งรู้จักหนู เร็วไปหน่อยมั้งคะ ที่จะตัดสินกันแบบนี้”
ชมพู่กลุ้มใจไม่รู้จะทำไง ระหว่างรุ้งลาวัลย์เดินเข้ามาหาเปิดปากเหน็บแนมชมพู่
“มานั่งปรับทุกข์กันอยู่นี่เอง พวกนางงามตกรอบ”
“พี่รุ้งพูดอย่างกับตัวเองไม่เคยตกรอบอย่างนั้นแหละ” จอยแขวะคืน
“ไม่เคยจ้ะ อย่างน้อยฉันก็ต้องเข้า 1 ใน 3”
จอยหมั่นไส้โต้ไม่เลิก “เวทีนี้อย่าตกรอบมั่งละกัน ตกเมื่อไหร่ จอยจะเรียกพี่รุ้งว่าพวกตกรอบมั่ง”
“อีจอย”
ชมพู่ห้าม “พอเถอะน่า รุ้ง เธอมีอะไร อย่าบอกนะว่าแค่จะมาหาเรื่อง”
“ป้าให้มาตาม”
รุ้งลาวัลย์เดินสะบัดบ๊อบจากไป
ชมพู่ กะ จอย เดินเข้ามา พบว่าพุฒิพัฒน์และทุกคนนั่งรออยู่ในห้องรับแขก ดวงเดือน กับ เลม่อนอารมณ์เสียที่สาวงามตัวเก็งอย่างชมพู่ไม่เข้ารอบสุดท้าย รุ้งลาวัลย์นั่งตะไบเล็บอารมณ์ดีอยู่มุมห้อง ดอกแคเป็นห่วงความรู้สึกชมพู่และจอย พุฒิพัฒน์รู้สึกผิดเอามากๆ ที่ตนเป็นสาเหตุ
“พู่ ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้”
“ก็ไม่มีใครคิดทั้งนั้นแหละ”
“คุณพุฒิคะ ป้ายอมรับการตัดสินของกรรมการนะคะ แต่ป้าก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมคนที่หน้าไม่ได้โดดเด่นอะไรกลับเข้าไปตั้งหลายคน”
เลม่อนเสริมว่า “โดยเฉพาะยัยคนสุดท้าย เจ๊แทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามียัยคนนี้เข้าประกวด หนูชมพู่โดดเด่นกว่าตั้งเยอะ สื่อก็จับตามอง แฟนคลับก็มีท่วมท้นล้นหลาม แต่ทำไมไม่ติด 12 คน คาใจจริงๆ เลย”
พุฒิพัฒน์พูดไม่ออก ไม่อยากจะบอกความจริงว่าโดนสปอนเซอร์เปลี่ยน ชมพู่ลอบมองอาการพุฒิพัฒน์ สุดท้ายเอ่ยขึ้น
“พุฒิ นายรู้รึเปล่าว่าคุณขจีนุช เขาเรียกฉันเข้าไปคุยส่วนตัวด้วยนะ”
“คุยเรื่องอะไร เขาพูดอะไรกับเธอ”
“เขาบอกว่าไม่ชอบเห็นฉันใกล้ชิดนาย แล้วก็ห้ามฉันยุ่งกับนายอีก”
เลม่อนโวยวาย “ใช่แน่ๆ ที่ชมพู่ไม่เข้ารอบ เพราะเรื่องนี้แน่ๆ”
“ผมไม่รู้เรื่องเลยนะครับ แต่ถ้ามันเป็นเพราะผมจริงๆ ผมก็...”
จอยสวนออกมา “คุณต้องรับผิดชอบ”
ดวงเดือนปราม “จอย! พูดอย่างนั้นได้ยังไง”
“คนมันจะไม่ได้ ทำยังไงมันก็ไม่ได้ ไม่ต้องโทษนู่นโทษนี่หรอก” รุ้งลาวัลย์สอด
ดวงเดือนปราม “รุ้ง ถ้าหนูไม่พูด หนูจะดูสวยมากเลยจ้ะ”
บรรยากาศอึมครึมตึงเครียด ทุกคนเงียบงันกันไป
“แต่มันก็พอมีวิธีที่จะทำให้พู่ได้เข้ารอบ 12 คนอยู่นะครับ”
คำพูดของพุฒิพัฒน์ เรียกความสนใจจากทุกคนขึ้นมาได้
“อย่าเลยค่ะคุณพุฒิ เอาไว้สมัครใหม่ปีหน้าก็ได้ค่ะ ป้าไม่อยากจะโกงใคร”
“ไม่ได้โกงครับ กติกาบอกไว้ว่า ถ้าผู้เข้ารอบมีคนใดคนหนึ่งถอนตัว ถูกปลด หรือว่ามีเหตุให้ประกวดต่อไม่ได้ คนที่เป็นตัวสำรองก็จะได้ประกวดแทนครับ”
เหมือนทุกคนมีความหวังขึ้นมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีใครออกมั้ย
ทางด้านฟ้าใช้โทรศัพท์บ้านเปรมจิตโทร.หาแม่ที่เพชรบุรี
“แม่ ฟ้าทำได้แล้วนะ ฟ้าเข้ารอบ 12 คนมิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์แล้ว... แม่! นี่แม่ว่าฟ้าทำไม ฟ้าอุตส่าห์เข้ารอบแล้วนะ...แม่คอยดูแล้วกัน แม่จะไม่ผิดหวังอีกแน่นอน...ฟ้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้มงกุฎเป็นของฟ้า”
ขณะที่ฟ้าวางสายลง แพรวแพรก็ยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่มาให้
“อะนี่ ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีโทรศัพท์ไม่ได้ใช้อยู่เครื่องนึง ฉันยกให้ก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องแอบมาใช้โทรศัพท์บ้านอีก”
ฟ้ารับมา “ขอบคุณนะคะ จะว่าไปพี่แพรวก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่”
ลีน่าเข้ามาเห็นพอดี อดแขวะไม่ได้
“เป็นคนดีก็เฉพาะกับคนที่ทำประโยชน์ให้เท่านั้นแหละ”
“เงียบปากเถอะลีน่า”
“เปล่า ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ใครๆ เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ฉันเห็นมาเยอะแล้ว” ลีน่าบอก
“ในกองประกวดมีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด เราไม่รู้ว่าใครจะมากัดเราเมื่อไหร่ พวกเรามันก็นางงามค่ายเดียวกัน ผูกมิตรกันไว้ดีกว่า จริงมั้ย”
แพรวแพรยื่นมือไป ฟ้ายื่นมาจับเป็นการให้สัญญา พอแพรวแพรยื่นมือไปหาลีน่า แต่ลีน่ากลับเดินมา ปัดมืออีกฝ่ายออก
“แต่สำหรับฉัน มันไม่จำเป็น ฉันไม่อยากยุ่งกับใครทั้งนั้น แล้วใครก็อย่ามายุ่งกับฉันเป็นพอ”
ลีน่าเดินเชิดออกไป
“ช่างเขาเถอะฟ้า เอาเป็นว่าเราเป็นพันธมิตรกันแล้วนะ”
“ค่ะ ตราบเท่าที่พี่แพรวช่วยเหลือฟ้า ฟ้าก็จะไม่บอกเรื่องครอบครัวที่น่ารักของพี่แพรวให้ใครรู้”
แพรวแพรเจ็บใจที่กลายมาเป็นเบี้ยล่างฟ้า แต่ก็ต้องฝืนยิ้มให้
ดอกแคเปิดเฟซบุ๊ค ส่องเฟซพวกที่เข้ารอบกะหาข้อมูลฉาวโฉ่ มีดวงเดือน เลม่อน และ จอยยืนดูอยู่ด้วย
“เป็นไง มีใครมีประวัติเสื่อมเสียบ้างมั้ย”
“ไม่มีเลยค่ะป้า แต่ละคนนี่เพิ่งสมัครเฟซบุ๊คใหม่ทั้งนั้นเลย คงรู้ตัวว่าจะโดนสืบเลยลบอันเก่าทิ้งหมด”
“สันหลังหวะกันทั้งนั้น แล้วทีนี้จะเอาไปแฉนักข่าวล่ะ” เลม่อนหงุดหงิด
“ไม่ยุติธรรมเลย คนที่ไม่ควรได้เข้าแต่ดันได้เข้า ดูอย่างแพรวแพรซิ มีลูกมีผัวอยู่ทนโท่”
เลม่อนจุ๊ปากใส่ จอยตกใจที่หลุดปาก
ดวงเดือนหู่ผึ่ง “แกว่าอะไรนะนังจอย”
จอยอึกอัก “เอ่อ...”
ดวงเดือนตคาดคั้น “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ จอย”
จอย กะ เลม่อนมองหน้ากัน ไม่อยากบอก
ดวงเดือนเสียงเขียวใส่ “เลม่อน”
“เอ่อ...เราไปสืบรู้มาว่านังแพรวนางมีลูกมีผัวแล้วน่ะค่ะ” เลม่อนสารภาพ
“เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่รีบบอกหานังเลม่อน”
เลม่อนจ๋อยสนิท “คือ...เลม่อนสงสารลูกนางน่ะค่ะ ก็เลยสัญญาไปแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร...เลม่อนรักเด็กน่ะค่ะ” พูดแล้วกะเทยผิวหมึกบึกบึนถึงกับน้ำตาซึม
ดวงเดือนคิดหนักว่าจะเอายังไงดี
อ่านต่อหน้า 3
มงกุฎริษยา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ฝ่ายแพรวแพรนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อยู่บนเตียงนอนดูการ์ดที่ลูกสาวทำให้ พลางกดสายโทรศัพท์หาผัว
รอจนฤทธิ์รับสาย
“ฮัลโหลแพรว”
“ฤทธิ์ ขอสายลูกหน่อยสิ”
“แป๊บนึงนะ พิงกี้ แม่โทรมาลูก”
“ฮัลโหล” เสียงพิงกี้ดังลอดมาทางสาย
“พิงกี้ หนูเห็นข่าวแม่เข้ารอบ 12 คนรึยังคะ”
“เห็นแล้วค่ะ แม่สวยมากเลยค่ะ สวยที่สุดเลยด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็แม่เป็นแม่ของลูกนี่”
“แม่ต้องชนะให้ได้นะคะ”
“จ้ะ ถ้าแม่ชนะ แม่จะเอามงกุฎไปสวมให้ลูกคนแรกเลย เพราะการ์ดอวยพรของลูกจะทำให้แม่ชนะจ้ะ”
ฟ้าเข้ามาทันได้ยินพอดี
“มั่นใจเหรอคะว่าจะชนะ”
“แค่นี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่โทรไปใหม่ หลับฝันดีนะคะ”
แพรวแพรวางสาย
“พี่แพรวก็รู้ว่าคนมีลูกมีผัวแล้วเป็นมิสเพอร์เฟ็กต์ไม่ได้”
“ก็ถ้าไม่มีใครพูด ก็ไม่มีใครรู้”
“ก็ฟ้าอยากเป็นมิสเพอร์เฟ็กต์เหมือนกันนี่คะ ถ้าพี่แพรวชนะจริงๆ ฟ้าก็คงต้องพูด”
แพรวโกรธ “ฟ้า”
“ถ้าไม่อยากให้ชีวิตพัง เป็นแค่รองก็พอนะคะ ส่วนตำแหน่งชนะเลิศ ฟ้าขอ กู๊ด ไนท์ ค่ะ”
ฟ้านอนลงบนเตียง แพรวแพรเห็นรอยแผลเป็นที่น่อง ก็เอ่ยขึ้นว่า
“แต่พี่ว่า คนที่เป็นแผลเป็นที่น่อง ก็เป็นมิสเพอร์เฟ็กต์ยากอยู่เหมือนกันนะ”
ฟ้าลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าแพรวแพร อีกฝ่ายล้มตัวลงนอน
“good night จ้ะ”
ฟ้ามองแพรวแพรอย่างโกรธแค้นสุดจะประมาณ
เช้าวันถัดมา 12 สาวที่เข้ารอบ ยืนโพสเรียงหน้ากระดานตามหมายเลข มีเบอร์ติดข้อมือ แต่ละคนทยอยเดินออกมาแนะนำตัวพ้อมสัดส่วนกับกล้องที่ตั้งอยู่ เกรซ กับ แนตตี้ยืนดู
“สวัสดีค่ะ MP 1 ฟ้า นางสาวฟ้ารุ้ง นุ้ยคำ...”
ตามด้วยรุ้งลาวัลย์ “สวัสดีค่ะ MP 2 รุ้ง นางสาวรุ้งลาวัลย์ เจริญมงคล...”
“สวัสดีค่ะ MP 3 น้องปุ้ม นางสาวปทุมเกสร เด่นจันทร์ดวง...”
“สวัสดีค่ะ NP 4 ดาว นางสาว ดาวิกาแก้ว แววจินดา...”
“สวัสดีค่ะ MP 5 ลีน่า นางสาวลลิตา จรูญจิต...”
“สวัสดีค่ะ MP 6 น้องขนม นางสาวคะนึงนิจ ภาวนากิจ...”
“สวัสดีค่ะ MP 7 จอย นางสาวเจนจิรา นาทองคำ...”
“สวัสดีค่ะ MP 8 นรี นางสาวนารีรัตน์ จรัสประกาย...”
“สวัสดีค่ะ MP 9 ปราง นางสาวปรางทิพย์ ทิพยฤกษ์...”
“สวัสดีค่ะ MP 10 แพรว นางสาวแพรวแพร อำไพเรือง...”
เมซี่แนะนำตัวด้วยสำเนียงพูดไทยไม่ชัดตามเคย
“สวัสดีค่ะ MP 11 เมซี่ นางสาวเมสินี พรรณวดี โรเบิร์ต...”
ปิดท้ายด้วยเขียด “สวัสดีค่ะ MP 12 หญิงเขียด นางสาวเขมิกา สังวาลสร้อย...”
ตอนสุดท้ายสาวๆ พูดพร้อมกันว่า “พวกเราผู้เข้าประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ สองพันสิบหก ร่วมเป็นกำลังและร่วมโหวตให้พวกเราด้วยนะค้า”
ทุกคนยิ้มจิกกล้องสู้ตาย
เกรซเอ่ยคอมเมนต์สาวงามแต่ละนางขึ้นว่า “ฟ้า เสียงเธอเบาแล้วก็บางเกินไป ต้องหนักแน่นกว่านี้นะ รุ้ง ไม่ต้องทำเสียงสูงเสียงต่ำ โหนไปโหนมา มันเหมือนพริตตี้ ปุ้ม น้ำเสียงดีมาก ไม่ผิดหวังเลยที่เป็นลูกสาวราชินีลูกทุ่ง ดาว เสียงฉะฉานและหนักแน่นดีมาก ฟ้าเธอดูดาวเป็นตัวอย่างนะ”
ฟ้าหน้าเจื่อนไป “ค่ะ”
เกรซเสริมว่า “ขนม เวลาไหว้ มือยกขึ้นสูงหน่อยแล้วก็ให้แขนชิดติดลำตัว”
ขนมยกมือพนมให้ดู แต่แขนติดนม “เอ่อ... มันติดอ่ะค่ะ”
เกรซเซ็ง “ได้เท่าไหนก็เท่านั้นละกัน”
“จอย เวลาเดินออกมาให้กระฉับกระเฉงหน่อย ทำเหมือนคนเป็นโรค นรี เธอเดินบิดเกินไป เหมือนกะเทย ปรางค์ เดินเหมือนจะไปตีใคร เอาให้มันอ่อนหวานหน่อย แพรว ดูคล่องดีนะ สมกับที่เป็นนางงามเดินสาย” เกรซมองมายังเมซี่ “เมซี่ ฉันไม่สนว่าเธอจะมาจากประเทศไหน แต่นี่การประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ ช่วยไปฝึกพูดไทยให้ชัดด้วย เขียด เวลายิ้ม ให้ยิ้มแต่พอดี ไม่ใช่ฉีกไปถึงรูหูแบบนั้น ทุกคนซ้อมกันจนกว่าจะคล่อง ถึงเวลาออกอากาศเมื่อไหร่ฉันจะให้คนมาตาม แนตตี้ ฝากดูด้วย”
“ค่ะคุณเกรซ”
เกรซออกไป
“น้องคะได้รับคำคอมเม้นต์แล้วก็เอาไปปรับปรุงด้วยนะคะ ใครนึกไม่ออกว่าทำยังไงถึงจะสวยสง่า ดูพี่นี่ค่ะ”
แนตตี้ยืนโพส แล้วออกเดินไปข้างหน้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉัน น้องแนตตี้ นางสาว นัฐริตี ปรีดามโนรมย์ ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม สัดส่วน 36 22 36 คำขวัญประจำใจ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะไม่เกิดก็ไม่ได้ ขอบคุณค่า...เข้าใจมั้ยคะเด็กๆ”
12 สาวมองอึ้งๆ เออ ออ ตอบว่าเข้าใจค่ะ
แนตตี้ดีมาก...แยกย้ายกันไปซ้อมของใครของมัน แล้วอีก 10 นาทีมารวมตัวกันนะคะ ซ้อมอีกสักรอบ 2 รอบก็คงได้เวลาออนแอร์พอดี อย่าไปไหนไกลนะ
สาวๆ รับคำแล้วแยกย้ายไป
สาวๆ แยกมุมกันไปฝึกซ้อม ฟ้าเดินมาตรงตู้กดน้ำ เพื่อกดน้ำดื่ม ดาวเดินเข้ามาหา
“กินน้ำเย็น เดี๋ยวเสียงก็ยิ่งแหบหรอก”
ฟ้ายิ้มเยาะเชือดเฉือน “ขอบใจนะที่เตือน แต่ฉันไม่ได้ถาม”
“คุณเกรซเขาเห็นว่าเธอเสียงเบา ก็เลยให้ฉันมาสอน”
“จะไปสอนใครก็ไปเถอะ แต่ไม่ต้องมาสอนฉัน”
“ก็เป็นซะอย่างเนี้ย ถึงไม่เคยพัฒนาซะที”
“แล้วแกเก่งมาจากไหน ถึงเที่ยวมาสอนคนอื่น”
“ก็ไม่รู้สินะ ทั้งๆ ฉันที่ก็ไม่เคยเรียน ไม่เคยซ้อม แต่ฉันก็เข้ารอบมาได้ แกคิดว่าไงล่ะ ส่วนแกซ้อมแทบเป็นแทบตาย แต่ดูเหมือนจะด้อยกว่าฉันซะอีก”
“งั้นก็คอยดูละกัน ว่าใครจะด้อยใครจะเด่น”
“ไม่ต้องห่วงหรอก การประกวดครั้งนี้ฉันยังอยู่ไปอีกนาน สู้ๆ นะฟ้า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นแหละ” ดาวหัวเราะเยาะแล้วเดินออกไป
ฟ้าโกรธขยำแก้วพลาสติกจนแหลกคามือ
ตรงมุมเก็บกระเป๋าของผู้เข้าประกวด มีกระเป๋าสาวๆ วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะ
แพรวแพรหยิบลิปสติกมาเติมปาก แล้วหยิบการ์ดที่ลูกสาวทำให้มาดูเพิ่มแรงใจ ยิ้มแล้วเก็บการ์ดใส่กระเป๋าเดินออกไป
มีมือใครคนหนึ่งเดินมาเปิดกระเป๋าแพรวแพร แล้วหยิบการ์ดไป
สาวๆ กลับเข้ามาในห้อง แต่ละนางมีของยึดเหนี่ยวให้กำลังใจตัวเองมาด้วย ปุ้มถือโกศอัฐิแม่ เขียดถือแผงใส่แปรงแต่งหน้า ภาถือตุ๊กตาเทพน่ารัก ขนมถือกล่องซิลิโคนชนิดแปะ ส่วนฟ้าสร้างภาพถือหนังสือสวดมนต์
“เด็กๆ คะ ใครมีเครื่องรางของขลัง หรือว่าสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจระหว่างการประกวดให้เอามาใส่ที่รถเข็นนี่เลยนะคะ เดี๋ยวในรายการพี่จะสัมภาษณ์ว่าของใครเป็นอะไรมั่ง ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะเอาคนที่มี”
ทีมงานเข็นรถไปรับของจากสาวๆ แนตตี้ตรวจดู
“เสร็จแล้วก็เข้าแถวเลย โอเค หน้าเชิดสวยงามตามระเบียบสื่อมวลชนเยอะนะคะ เดินตามพี่มาเลยค่ะ”
แนตตี้เดินนำออกไป สาวๆ เดินตามเป็นแถว
อ่านต่อหน้า 4
มงกุฎริษยา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ดวงเดือน เลม่อน และดอกแคเดินเร็วรี่เข้ามาในสตูดิโอ ดอกแคเดินช้ากว่าคนอื่น
“เร็วๆ สินังดอกแค เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี”
เลม่อนเปิดประตูเข้าไป ดวงเดือน ดอกแคตาม
ดวงเดือน เลม่อน และดอกแคเข้ามาในสตูดิโอ ยืนอยู่แถวหน้าประตู ส่วนในสตูฯ สาวงามทั้ง 12 กำลังแนะนำตัว แนตตี้เป็นพิธีกร พุฒิพัฒน์ ขจีนุช และ เกรซ ยืนดูอยู่มุมหนึ่ง มีช่างภาพถ่ายรูปไปด้วย
สาวๆ แนะนำตัวจนครบ แล้วประสานเสียงตอนท้าย “พวกเราผู้เข้าประกวดมิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ สองพันสิบหก ร่วมเป็นกำลังและร่วมโหวตให้พวกเราด้วยนะค้า”
“ยินดีต้อนรับสู่รายการ อินไซด์ มิสเพอร์เฟ็กต์ไทยแลนด์ สองพันสิบหก ดิฉันแนตตี้ นัฐริตี ปรีดามโนรมย์ จะพาทุกท่านมาเจาะเบื้องลึกเบื้องหลังขาอ่อนของสาวๆ ทั้ง 12 ท่าน หาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากที่นี่ที่เดียวค่ะ”
เวลาผ่านไป สาวๆ นั่งเรียงแถว ให้แนตตี้ซึ่งเป็นพิธีกรสัมภาษณ์เรื่องสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ปุ้มถือโกศ พรีเซนต์อยู่
“ที่ปุ้มต้องเชิญโกศของคุณแม่มาด้วยก็เพราะว่า คุณแม่คือคนที่คอยส่งเสริมให้ปุ้มตามหาฝัน การที่มีแม่อยู่ข้างๆ ก็ทำให้ปุ้มอุ่นใจและมีกำลังใจในการประกวดค่ะ”
“เป็นลูกที่น่ารักมากเลยนะคะ เรามาดูชิ้นต่อไปกันค่ะ”
แนตตี้หยิบแผงแปรงแต่งหน้าออกมา
“ชิ้นต่อมานะคะ อะไรคะเนี่ย คงจะเป็นอุปกรณ์การแต่งหน้าประจำตัว ของใครคะ”
เขียดยกมือ “ของหญิงเขียดเองค่ะ”
“นี่หญิงเขียดอนามัยจัดถึงกับต้องพกแปรงแต่งหน้ามาเองเลยเหรคะ”
“ไม่ใช่แปรงแต่งหน้าหรอกค่ะ”
“อ้าว งั้นขอพี่เปิดดูหน่อยนะคะว่าเป็นอะไร”
พอแนตตี้เปิดออกมา เห็นเป็นปลัดขิกขนาดต่างๆ เสียบอยู่เป็นแผง
“อุแม่เจ้า! ทำไมมันเยอะแยะอย่างนี้ล่ะคะ อันเดียวไม่พอเหรอ”
“ของหลายๆ อาจารย์น่ะค่ะ ท่านจะได้ช่วยๆ กัน”
“ของอาจารย์คนไหนใหญ่สุด เอ๊ย ขลังสุดคะ”
เกรซจะเป็นลม ส่งซิกให้แนตตี้เลิกเล่น
“โอเค ผ่านไปนะคะ เรามาดูชิ้นต่อมา”
แนตตี้หยิบการ์ดของแพรวแพรมาจากรถเข็น แพรวแพรเห็นก็ตกใจมาก
“เป็นการ์ดอวยพรนะคะ มีรูปน่ารักๆ ด้วย เขียนว่า ขอให้แม่ได้มงกุฎ กลับมาอยู่ด้วยกันไวๆ” แนตตี้ชะงัก “เอ๊ะ แม่ หมายความว่ายังไง การ์ดนี่ของใครคะ”
สาวๆ งงๆ ไม่มีใครยอมรับ ดอกแคทำหน้านิ่งๆ
“อ้าว ตกลงไม่มีของใครเหรอ” แนตตี้หันไปถามทีมงาน “ทีมงานคะ อันนี้ของใครคะ”
ทีมงาน 1 ดูโพยแล้วบอกว่า “ของเบอร์10 น้องแพรวแพรค่ะ”
แพรวแพรปฏิเสธเสียงหลง “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ของแพรว”
เมซี่สอดขึ้น “แต่เมซี่ก็เคยเห็นแพรวหยิบขึ้นมาดูนะคะ”
“รุ้งก็เคยเห็นค่ะ การ์ดนี่เป็นของแพรวจริงๆ นะคะ” จริงๆ รุ้งลาวัลย์ไม่รู้แต่อยากแกล้ง
“ว่ายังไงคะน้องแพรว ตกลงของน้องแพรวจริงๆ ใช่มั้ย แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงเรียกหนูว่าแม่ล่ะคะ”
ถูกแนตตี้คาดคั้น แพรวแพรรีบคิดหาทางออก
“ค่ะ การ์ดใบนี้เป็นของแพรวเองค่ะ”
ทุกคนงงทั้งแถบ
“แต่เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกแพรวค่ะ เป็นแค่หลาน แม่ของเขาเสียก็เลยเรียกแพรวว่าแม่ค่ะ”
“อ๋อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง บอกหน่อยสิคะว่าคนในรูปมีใครบ้าง”
แนตตี้ส่งการ์ดให้ แพรวแพรรับมา คิดหาคำพูด แต่จู่ๆ ฤทธิ์ก็อุ้มพิงกี้เปิดประตูผลัวะเดินดุ่มเข้ามา
“อีแพรว มึงออกมาเดี๋ยวนี้”
ทุกคนตกใจ เหวอ แพรวแพรหน้าซีดเผือด นักข่าวเก็บภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้
“มึงจะออกมาดีๆ หรือจะให้กูเข้าไปลากมึงออกมา”
“คัต” เกรซร้องลั่นสตูฯ เดินไปหาฤทธิ์ “คุณคะ ขอเชิญออกไปข้างนอกค่ะ” ผอ.กองประกวดหันไปเรียกทีมงาน “ทีมงานคะ”
“ผมออกไปแน่ แต่ผมต้องเอาเมียผมไปด้วย”
ฤทธิ์วางพิงกี้ลงแล้วเข้าไปในฉาก จับแขนแพรวแพรลากไป แพรวแพรขัดขืนสุดชีวิต
“ปล่อยนะ ฉันไม่รู้จักคุณ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
“มึงก็ลืมลูกลืมผัวแล้วเหรออีแพรว”
ทีมงานเข้าไปช่วยกันจับฤทธิ์ออก แต่ฤทธิ์จับแขนแพรวแพรแน่น พิงกี้ร้องไห้เข้าไปกอดแม่
แพรวแพรสะบัดสุดแรง จนการ์ดตกลงพื้น คนเหยียบย่ำการ์ดไปมา
เหตุการณ์ชุลมุน พิงกี้ก้มลงเก็บการ์ด แต่มีเท้าใครสักคนเหยีบการ์ด ขยี้ๆ อยู่ เด็กหญิงพยายามดึง แต่ด้วยความชุลมุน เท้าใครสักคนเตะไปโดนพิงกี้จนล้ม กลิ้งไปหัวโขกพื้นอย่างแรง ในมือพิงกี้ถือการ์ดไม่ปล่อย
แพรวแพรเห็นก็ตกใจ
“ลูก”
พร้อมกันนั้นแพรวแพรสะบัดผัวออกแล้วรีบไปประคองลูกสาว ฤทธิ์ยืนดูอยู่ รู้สึกผิดที่ทำลูกเจ็บ
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บรึเปล่า แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษ”
“ไม่เจ็บค่ะ แม่กลับไปประกวดต่อนะคะ”
แพรวแพรกอดพิงกี้ร้องไห้ รู้ตัวว่าหมดสิทธิ์แน่แล้ว หอมที่หัวลูก
“แพรว บอกฉันมาตามตรง นี่ลูกกับสามีเธอใช่มั้ย” เกรซถามเสียงดัง
แพรวแพรพยักหน้ารับอย่างยอมจำนน
“เธอก็รู้กติกาดี คงไม่ต้องรอให้ฉันไล่หรอกนะ”
พิงกี้ลุกไปเกาะกระโปรงเกรซ
“คุณป้าขา ให้แม่หนูประกวดต่อนะคะ ถ้าแม่หนูชนะเมื่อไหร่ แม่ก็จะได้กลับบ้าน นะคะ...นะคะ”
พอไม่ได้ผลพิงกี้เดินไปเกาะขจีนุชอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
“ให้แม่หนูประกวดต่อนะคะ อย่าไล่แม่หนูเลยนะคะ นะคะคุณป้า”
แพรวแพรเดินเข้าไปหาพิงกี้
“ลูกอยากให้แม่กลับบ้านใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
แพรวแพรแกะเบอร์ที่ข้อมือทิ้งลงกับพื้น “งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะลูก”
จากนั้นแพรวพรจูงมือลูกสาวเดินออกประตูไป ฤทธิ์สงบลงบ้างแล้วเดินตามมา ทุกคนในสตูมองตามอย่างคาดไม่ถึง นักข่าวถ่ายรูปรัวๆ เก็นช็อตเด็ดข่าวใหญ่ ก่อนจะออกประตู แพรวแพรหยุดกึก
“ฤทธิ์ ฝากลูกหน่อย”
แพรวแพรหันกลับมา เดินอาดๆ เข้าไปหาแล้วตบฟ้าเปรี้ยงจนหน้าหัน ไม่เท่านั้นยังจิกหัวฟ้าเหวี่ยงล้มลงคาพื้น แล้วขึ้นคร่อมตบไม่ยั้ง เพื่อนนางงามและทีมงานเข้าห้าม ฟ้าได้แต่ร้องไห้ปัดป้องไปมา
แพรวแพรกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ทีมงานดึงตัวออกไปได้ แต่แพรวแพรจิกถุงน่องฟ้าแล้วดึงออกจนขาดติดมือไปด้วยเพื่อประจาน ฟ้าตกใจรีบเอาขาบังรอยแผลเป็น
ขนาดว่าโดนหิ้วออกไป แพรวแพรยังไม่วายขอด่าฟ้าทิ้งท้าย
“อีใจคด อีทรยศ อีตอแหล”
ฟ้าเอาแต่ร้องไห้โฮๆ เป็นที่น่าเวทนา ทุกคนตะลึงตะไลกับเหตุการณ์นี้ไม่หาย
อ่านต่อตอนที่ 14