xs
xsm
sm
md
lg

มงกุฎริษยา ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มงกุฎริษยา ตอนที่ 3

ชัชชนม์นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องโถงบ้านเช่า ดนัยนั่งอยู่ข้างๆ กัน กำลังโทร.ยกเลิกทีมงานกองถ่ายเรื่อยจนมาถึงพิธีกรสาว

“น้องหญิงจ๋า พี่ขอโทษจริงๆ จ้ะ พี่ก็ไม่อยากยกเลิกกองหรอกแต่มันเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ ชดใช้เหรอ... ชดใช้อะไรล่ะ พี่ไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ เหลือแต่ตัวกับหัวใจนี่แหละ” ดนัยฟังหญิงด่าเป็นชุด “จ้ะๆ เดี๋ยวพี่คุยกับไอ้ชัชมันให้นะ” แล้วจึงวางสายไป
“เค้าว่าไงวะ”
“น้องหญิงบอกว่า ถึงเรายกเลิกกอง เราก็ต้องจ่ายค่าตัวให้เค้าเต็มราคา เพราะเค้าเสียงานอื่นไปแล้ว”
“แล้วพี่รถตู้ว่าไง”
“พี่รถตู้ยังพอคุยกันได้ แต่เค้าบอกให้เราโอนค่าน้ำมันที่ค้างไว้ให้เค้าวันนี้เลย ชัช แกต้องเอากล้องไปขายแล้วล่ะว่ะ”
“ไอ้บ้า ถ้าไม่มีกล้องก็ยิ่งทำงานไม่ได้สิวะ นี่มันเครื่องมือทำมาหากินนะเว้ย นี่มันไม่มีทางอื่นเลยเหรอวะเนี่ย”
“มี อยู่ที่ว่าแกจะยอมรึเปล่า”
คำพูดของดนัย ทำให้ชัชชนม์คิดถึงขจีนุชขึ้นมาทันที

ขณะที่คุณหญิงขจีนุชนั่งตรวจงานอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงาน ก็มีเสียงเคาะประตู แล้วเห็นอรเปิดเข้ามา
“คุณขจีนุชคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
“ไม่ได้นัดไว้นี่”
“ค่ะ แต่...” อรจะบอกว่าเป็นชัชชนม์ แต่ถูกขจีนุชตัดบทเสียก่อน
“ไปบอกว่าเดี๋ยวชั้นต้องมีประชุม ให้มาวันหลัง”
“ค่ะ”
พออรจะออกไป ขจีนุชจึงถามว่า “เดี๋ยว เขาเป็นใคร”
“คุณชัชชนม์ค่ะ”
ขจีนุชนิ่งงันไป

ชัชชนม์นั่งหน้าเครียดอยู่ตรงโซฟาล็อบบี้ช่องอินฟินิตี้ ดนัยถือกระเป๋าโน้ตบุคข้างๆ ตัว
“เราจะมาทำงานนะเว้ย ไม่ได้จะมาถูกฆ่า ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิวะ”
จู่ๆ ชัชชนม์ลุกพรวดขึ้น
“อ้าวเฮ้ย จะไปไหน”
“ชั้นว่าชั้นไม่ทำแล้วดีกว่า ชั้นไม่อยากจะง้อเค้า”
ชัชชนม์จะเดินออกไป ดนัยกระโจนไปกันไว้
“ไอ้บ้า มาถึงนี่แล้วยังจะเปลี่ยนใจอีก”
“ก็ชั้นไม่อยาก...”
ชัชชนม์พูดไม่ทันจบคำ เสียงเรียกของขจีนุชดังขัดขึ้น “ชัช”
สองหนุ่มหันไปทางเสียง เห็นขจีนุชออกจากลิฟต์มารับเอง มีอรยืนอยู่ข้างๆ

ถัดมาไม่นาน ขจีนุชนั่งอยู่ตรงหน้าสองหนุ่มในห้องทำงานหรูหรา ชัชชนม์นั่งนิ่ง ไม่ยอมสบตาขจีนุช ดนัยกระตือรือร้นมาก ขจีนุชดีใจที่ได้เจอชัชชนม์
“ขอบใจเธอ 2 คนมากนะ ที่เปลี่ยนใจกลับมารับงาน Miss Perfect Thailand ชั้นก็ยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับชัตเตอร์สตูดิโอ”
“พวกเราก็ดีใจครับที่ได้ทำงานกับช่องอินฟินิตี้ ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะครับที่จะได้เข้ามาทำงานกับช่องใหญ่แบบนี้แล้วก็ได้ทำงานใหญ่ด้วย ใช่มั้ยชัช”
ชัชชนม์เอาแต่นั่งนิ่ง เหมือนไม่ได้ฟัง จนดนัยต้องสะกิด “ชัช”
“อืม” ชัชชนม์เพียงพยักหน้า
ดนัยเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงและท่าทีเกรงใจมาก “คุณขจีนุชครับ อย่าหาว่าพวกผมงู้นงี้เลยนะครับ เรื่องค่าตัวของพวกผม...”
“เรียกมาได้เต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะชั้นก็จะใช้งานพวกเธอเต็มที่เหมือนกัน”
“ครับผม ขอบคุณมากครับ”
“ชัช ชั้นมอบหน้าที่ให้เธอเป็นผู้กำกับภาพในรายการนี้ ถ้าอยากได้อะไรก็บอกเลขาอรได้เลยนะ แล้วเธอก็สามารถใช้อุปกรณ์ของสถานีได้ทั้งหมดเลย ให้คิดซะว่านี่คือบริษัทของเธอ”
ชัชชนม์รู้สึกอึดอัดมากขึ้น ดนัยสังเกตเห็นบรรยากาศบางอย่าง
“เอ่อ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ เชิญคุยกันไปก่อนเลยครับ”
ดนัยขยับลุก ชัชชนม์จับข้อมือเขาไว้ พูดกับขจีนุชโดยไม่มองหน้า
“ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วใช่มั้ยครับ งั้นพวกผมขอตัวนะครับ”
“ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเลย จะกลับได้ไง” ดนัยท้วง
“เรื่องรายละเอียด เดี๋ยวผมโทร.มาคุยกับเลขาก็แล้วกันครับ สวัสดีครับ”
ชัชชนม์ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย ดนัยเสียหน้า รีบเก็บกระเป๋าโน้ตบุค”
“เดี๋ยวผมหาเวลาพาชัชมันมาคุยด้วยใหม่นะครับ ลาล่ะครับ สวัสดีครับ”
ดนัยรีบตามชัชชนม์ออกไป
ขจีนุชเสียใจที่ชัชชนม์ไม่ยอมคุยด้วย แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยในที่สุดก็ได้ทำงานร่วมกัน

ถนนในย่านแหล่งบันเทิงในตัวเมืองเพชรบุรียามค่ำคืน คึกคักไปด้วยนักท่องราตรี ผู้หลงใหลแสงสีอันเย้ายวน บาร์เหล้านั่งดริ้งค์ของเอบีก็อยู่ในบริเวณนี้

ชมพู่ยืนประหม่าอยู่หลังร้าน ปูเป้ สาวใหญ่นั่งดริ้งค์วัยราว 35 ปี กับซูกัส สาวนั่งดริ้งค์วัยรุ่น กำลังช่วยกันเลือกชุดทำงานที่แขวนอยู่บนราวหลายตัว มีเอบียืนคุม ปูเป้หยิบมาตัวหนึ่งไม่โป๊มากนัก ลองเอามาทาบตัวชมพู่
“อะ ตัวนี้ละกัน”
“เอาที่มันแหวก แหกๆ หน่อยสินังปูเป้” เอบีแหวใส่
“มันต้องอย่างนี้แหละ แหวกหมดแขกก็ยืนยิ้มดูฟรีอยู่หน้าร้านไม่เข้ามาสิ มันต้องวับๆแวมๆ แขกถึงจะอยากเข้ามาแหวกให้ดูถึงข้างใน”
ปูเป้ทำท่าแหวกชุดแล้วหัวเราะคิกคักกับซูกัส
“งั้นรีบๆ ช่วยกันแต่ง แขกเริ่มมาแล้ว นังซูกัส แต่งหน้าให้นางด้วยล่ะ ซีดเป็นผีจมน้ำเลย” เอบีกำชับ
“ค่ะ เจ๊” ซูกัสรับคำ
พอเอบีเดินบิดตูดออกไป ซูกัสจึงหันมาหาชมพู่
“อ้าว จะยืนอยู่ทำไม เปลี่ยนชุดสิ”
“ห้องน้ำอยู่ไหนคะ”
“ทำงานแบบนี้เหนียมอายไม่ได้นะคะ เปลี่ยนตรงนี้แหละ พี่ปูเป้ ช่วยกัน”
ปูเป้ กับซูกัสช่วยกันถอดชุดชมพู่ออก แล้วสวมชุดใหม่ใส่ให้
“เออ พอดีเลยว่ะ ดีนะที่นังบัวมันทิ้งไว้ให้”
“อ้าว แล้วเค้าไม่ทำงานที่นี่แล้วเหรอคะ” ชมพู่แปลกใจ
“พี่บัวเค้าได้ดีมีผัวฝรั่ง บินไปอยู่นอร์เวย์นู่นแล้วค่า เธอก็รีบหาให้ได้สักคนเร็วๆ จะได้สบายเร็วๆ แต่เตือนไว้ก่อนนะ อย่ามาแย่งคนเดียวกับชั้นเด็ดขาด มีเรื่องแน่” ซูกัสว่า
“นังซูกัส ของแบบนี้มันอยู่ที่บุญหมีบารมีแรดย่ะ ดูอย่างชั้นซิอยู่มาสิบกว่าปีไม่เห็นจะได้สักคน”
“ก็พี่เลือกมากเอง ช่วยไม่ได้ ไปเถอะชมพู่ ชั้นแต่งหน้าให้”
ซูกัสจูงมือชมพู่ออกไป

เอบียืนเรียกแขกอยู่หน้าร้าน นักท่องราตรีเดินขวักไขว่ พุฒิพัฒน์เดินทอดอารมณ์ ดูโน่นดูนี่มา เอบีเห็นหนุ่มหล่อก็ปราดเข้าไปเกาะแขน ตอแหลเรียกลูกค้าไทยปนฝรั่ง
“ฮัลโหล มิสเตอร์ วู้ด ยู ไลค์ ซัม ดริ้งค์ ออร์ ซั่ม มี๊”
“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
เอบียิ้ม “อ้าว คนไทยเหรอเนี่ย นึกว่าหนุ่มไต้หวัน แวะร้านเจ๊ก่อนสิคะ วันนี้มีเด็กมาใหม่ด้วยนะ สดซิงไม่ติงนังค่ะ”
“ขอโทษครับ ผมแค่มาเดินเล่น”
เสียงซูกัสเรียกดังมาจากด้านในร้าน “เจ๊ เสร็จแล้ว”
พุฒิพัฒน์กับเอบีมองไปในร้าน เห็นซูกัสกับปูเป้ พาชมพู่ที่แต่งตัวแต่งหน้าเป็นสาวดริ้งค์ออกมา ชมพู่เดินเหนียมๆ ด้วยความอาย
“เออเริด มานี่เลยมานี่” เอบีลากแขนชมพู่มาโชว์พุฒิพัฒน์ “คนนี้ชื่อน้องชมพู่ค่ะ มาทำงานวันแรกเลย” แม่เล้าเมืองเพชรกระซิบบอกเบาๆ “เจ๊ให้น้องประเดิมเปิดซิงคนแรกเลยนะคะ”
ชมพู่เห็นพุฒิพัฒน์ก็จำได้ เธอตกใจรีบหันหลังหลบหน้าหลบตาพัลวัน
พุฒิพัฒน์เองก็เห็นชมพู่ และจำได้ เขายิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ ถึงตาที่ตัวเองจะได้แกล้งคืนแล้ว
“อ้าว หันหน้าให้พี่เค้าดูสิ” ปูเป้บอก
“หนูปวดฉี่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ขอเบียร์ขวดนึงครับ แล้วก็ขอ...น้องชมพู่มานั่งคุยเป็นเพื่อนด้วย”
ชมพู่หันขวับไปมองพุฒิพัฒน์ตาขวาง ชายหนุ่มยักคิ้วยียวน แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ

ร้านเก็บเรียบร้อยแล้ว เฮียไช้กำลังนับเงิน แล้วส่งให้ฟ้ากับดาว
“อ่ะนี่ คนละ 300 ร้อย ตามนโยบายค่าแรงขั้นต่ำเป๊ะเลย” ทั้ง 2 ดีใจ ไหว้แล้วรับมา เฮียหันไปหยิบถุงของใช้ที่ซื้อมาให้ “แล้วก็นี่สบู่ยาสีฟันผ้าเช็ดตัว ไปใช้ห้องน้ำของตลาดได้เลย อยู่ข้างหลังนี่แหละ”
เฮียจูงมือดาวไปดูมุมหนึ่งด้านในของร้าน ซึ่งจัดเป็นที่นอน มีฟูกวางกะพื้นและกางมุ้งเรียบร้อย
“แล้วก็ เฮียจัดที่นอนไว้ให้แล้ว พวกเธอ 2 คนนอนกันตรงนี้นะ ปลอดภัยไร้กังวล”
“ขอบคุณมากเลยค่ะเฮีย พวกเราโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอคนใจดีอย่างเฮีย”
“เฮียก็โชคดีที่ได้เจอเด็กสาวน่ารักอย่างพวกเธอ เฮียหมายถึงทำงานเก่งอะนะ”
“ค่ะ เฮียเมตตาพวกหนูขนาดนี้ พวกหนูก็จะตั้งใจทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ” ฟ้ายิ้มหวาน
“ดีๆๆ แล้วก็ทำงานอยู่กับเฮียไปนานๆ นะ ไม่ใช่แป๊บๆ ออก เหมือนไอ้พวกคนก่อนๆ”
ฟ้า กะ ดาวมองหน้ากัน เพราะกะว่าจะอยู่ทำงานแค่ไม่กี่วัน
“ค่ะ เฮีย” สองสาวรับคำ
“งั้นก็ไปอาบน้ำได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่”
“ค่ะ เฮีย ขอบคุณมากนะคะ” ฟ้าซาบซึ้ง
เฮียเดินออกไป แล้วหยุดมอง 2 สาวด้วยหางตา ในแววตาอันเจ้าเล่ห์

ฝ่ายพุฒิพัฒน์นั่งดื่มเบียร์อยู่ในร้านเอบี ชมพู่นั่งอยู่ด้วย สีหน้าบูดบึ้งไม่รับแขก ซูกัสอยู่กับแขกอีกโต๊ะ ส่วน เอบี กะ ปูเป้จับแขกกันอยู่หน้าร้าน
“ก่อนที่เค้าจะให้เธอมาทำงาน เค้าไม่ได้สอนเหรอว่าเวลาอยู่กับแขกให้ทำหน้ายังไง”
“แล้วนายอยากให้ชั้นทำหน้ายังไงล่ะ”
พุฒิพัฒน์ดันแก้วเหล้าให้ชมพู่
“ดื่มซะ เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น”
“ชั้นไม่ดื่ม”
“เป็นเด็กดริ้งค์ แต่ไม่ดื่มเนี่ยนะ แล้วจะได้ค่าดริ้งค์เท่าไหร่เนี่ย”
นอกจากไม่ยอมดื่ม ชมพู่ยังหยิบแก้วเหล้าของเขาและขอเธอมาเททิ้งใส่ถังน้ำแข็งบนโต๊ะ แล้วหันไปสั่งดริ้งค์
“เจ๊คะ แขกสั่งอีก 2 ดริ้งค์ค่ะ”
“ได้เลยคร่า”
เอบีดี๊ด๊า รีบบิดตูดเข้าไปเอาดริ้งค์ตรงเค้าน์เตอร์ทันที
“ชั้นว่าชั้นชักจะไม่อยากแค่นั่งดริ้งค์เฉยๆ แล้วล่ะสิ”
“แล้วนายจะทำอะไร ลุกขึ้นเต้นเหรอ เอาสิ แต่ชั้นเต้นไม่เป็นนะ”
เอบีเอาเหล้าเข้ามาเสิร์ฟ 2 แก้ว
“เจ๊ครับ ถ้าผมจะพาน้องชมพู่ออกไป ต้องจ่ายเท่าไหร่”
“จ่ายเจ๊ 500 ค่ะ ที่เหลือไปตกลงกับน้องเค้าเอง”
“โอเคครับ”
พุฒิพัฒน์ควักตังค์จ่ายให้เอบีอย่างรวดเร็ว ประมาณ 2,000 กะเทยแม่เล้าตาโต
ชมพู่งง “นายจะพาไปไหน”
“โรงแรมชั้นไง”
ชมพู่หันควับไปมองเอบี “เจ๊”

เอบีลากแขนชมพู่เข้ามาหลังร้าน ปูเป้ กับซูกัสตามมาด้วย
“เจ๊ หนูแค่มานั่งดริ้งค์ หนูไม่ได้มาขายตัว”
“นังโง่ เงินน่ะไม่เอาเหรอ ทำๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ชิน” เอบีว่า
ชมพู่ไม่ยอมท่าเดียว “ถึงหนูจะจน แต่หนูก็มีศักดิ์ศรีนะ เงินซื้อหนูไม่ได้หรอก”
“เออ งั้นแกก็เอาศักดิ์ศรีไปจ่ายค่าหมอให้พ่อแกแล้วกัน ดัดจริตนัก แกควรจะเอาศักด์ศรีทิ้งไว้ที่บ้านตั้งแต่ก่อนจะมานั่งดริ้งค์แล้ว” เอบีโมโห
ปูเป้แทรกขึ้น “เจ๊ ใจเย็นๆ เด็กมันยังไม่เคย น้องพู่ หนูไม่ต้องกลัว พี่มีวิธีที่หนูจะไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว พวกพี่ใช้เป็นประจำ ซูกัส เอาออกมาซิ”
ซูกัสควักซองยานอนหลับชนิดผงออกมายื่นให้ ชมพู่งงๆ
“อะไร”
“ยานอนหลับ”
ชมพู่มองซองยาในมือสีหน้าเครียด

ขณะเดียวกัน ชัชชนม์กำลังเตรียม ตรวจเช็ค กล้อง และอุปกรณ์ถ่ายทำงาน ส่วนดนัยคุยโทรศัพท์หน้าเครียดอยู่
“ขอโทษด้วยนะครับคุณขจีนุช ที่ผมต้องโทร.มารบกวนตอนดึก คือพอจะเป็นไปได้มั้ยครับ ถ้าผมจะขอเบิกเงินล่วงหน้าซักงวดนึงก่อน คือพรุ่งนี้ผมมีออกกอง แต่เราหมุนเงินกันไม่ทันน่ะครับ”

คุณหญิงขจีนุชคุยสายกับดนัยอยู่ที่ห้องโถงภายในคฤหาสน์หรูหราโทรศัพท์
“ได้สิดนัย แต่ว่าเร่งด่วนขนาดนี้ คงต้องมาเอาเงินสดที่บ้านชั้นแล้วล่ะ มาได้มั้ย...ดีจ้ะ งั้น...อย่าลืมพาชัชเค้ามาด้วยนะ ...จ้ะ ชั้นจะรอนะ”
ขจีนุชพรายยิ้ม ดีใจจะได้เจอชัชชนม์
“ได้เลยคราบ ขอบคุณมากๆ นะครับคุณขจีนุช” ดนัยวางสาย “เฮ้ย ไอ้ชัช เราจะมีเงินไปจ่ายค่าตัวน้องหญิงกับค่ารถตู้แล้วเว้ย”
“ก็ดี”
“แต่ว่าเราต้องไปรับเงินสดที่บ้านคุณขจีนุชนะ”
ชัชชนม์หยิบกุญแจรถบนโต๊ะ โยนไปให้ ดนัยรับแทบไม่ทัน
“เฮ้ย ไปด้วยกันดิวะ”
“แค่ไปเอาเงิน ทำไมต้องไปกัน 2 คน”
“ก็... คุณขจีนุชเค้าบอกว่า...เค้าอยากให้แกไปด้วย”
“ไม่ไปเว้ย”
ดนัยอ้อนวอน พูดด้วยเหตุผล “ไอ้ชัช เห็นแกงานของเราหน่อยดิวะ เรื่องส่วนตัวน่ะเก็บไว้ก่อน ถ้าแกไม่ไปพรุ่งนี้เราก็ไม่ได้ออกกองนะเว้ย”
ชัชชนม์เซ็ง คว้ากุญแจรถมาจากดนัย แล้วเดินนำออกไป

ฝ่าย ฟ้า กับ ดาว เพิ่งอาบน้ำเสร็จ สองสาวสวมกระโจมอกเดินออกมาจากห้องน้ำรวมหลังตลาด
“ไม่ได้อาบน้ำมาตั้ง 2 วัน พอได้อาบแล้วก็สดชื้นสดชื่นเนอะดาว”
“นี่ฟ้า ตอนที่เราอาบน้ำ แกรู้สึกมีอะไรแปลกๆ รึเปล่า”
“แปลกๆ อะไร”
“ชั้นรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองเราอยู่”
“บ้าเหรอดาว พูดอะไรชั้นยิ่งกลัวๆ อยู่”
“ชั้นรู้สึกจริงๆ นะ”
“แล้วใครล่ะ คนหรือผี”
มีเสียงดังก๊อกแก๊ก มาจากหลังห้องน้ำ ดาวจุ๊ปากให้ฟ้าเงียบ แล้วย่องไปดู
ฟ้ากลัว “ดาว อย่าไปดูเลย เรารับกลับเถอะ”
ดาวจุ๊ปากอีก แล้วเข้าไปใกล้ๆ เห็นเฮียไช้วิ่งหนีไปอีกทางเห็นหลังไวๆ
“เฮ้ย นั่นไง”
ดาวจะตามไปเอาเรื่อง ฟ้าดึงไว้
“อย่าไปเลยดาว! วิ่งตามไปเดี๋ยวก็ผ้าหลุดหรอก”
“แล้วถ้าคืนนี้มันกลับมาหาเราอีกล่ะ”
“งั้นเรารีบกลับเข้าร้านเหอะ ปลอดภัยกว่า”
ดาวตะโกนด่าเจ็บใจ “ไอ้พวกโรคจิต”

ประตูห้องเปิดเข้าไป พุฒิพัฒน์เดินเซท่าทางกรึ่มๆ นำชมพู่เข้ามาในห้องพักของโรงแรมกหรู ชมพู่ทำใจดีสู้เสือ
“นั่งสิ”
ชมพู่ลงนั่งตรงโซฟารับรองแขก
“ใครเค้านั่งตรงนั้นกันเล่า”
พุฒิพัฒน์ไปจับตัวชมพู่ให้มานั่งลงบนเตียง แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมา
“สักขวดมั้ย”
ชมพู่ส่ายหน้า
“ลืมไป เธอเป็นสาวนั่งดริ้งค์ที่ไม่ดริ้งค์”
พุฒิพัฒน์กระดกดื่มแล้ววางขวดไว้ พูดยียวน
“เดี๋ยวมานะจ๊ะ ที่รัก”
รอจนพุฒิพัฒน์เข้าห้องน้ำไป ชมพู่รีบหยิบซองยานอนหลับออกมา ฉีกมุมซองแล้วเทยาลงในขวดเบียร์เขย่าขวดเล็กน้อย
เสียงกดชักโครกดัง ชมพู่รีบเก็บซองยา แต่ดันหามุมซองที่ฉีกไม่เจอ ไม่รู้ตกไปไหน เสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมา ชมพู่รีบกลับไปนั่งที่เดิม
พุฒิพุฒน์คว้าขวดเบียร์กระดกดื่มไปนั่งข้างๆ ชมพู่
“คิดยังไง เธอถึงมาทำงานนี้”
“พ่อชั้นป่วย ต้องหาเงินไปผ่าตัด”
พุฒิพัฒน์ไม่เชื่อ “อีกแล้วเหรอ ผู้หญิงแบบเธอก็ต้องเจอเรื่องเศร้าๆ อย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ ถ้าจะแต่งเรื่องเรียกร้องความสงสารก็เอาที่ใหม่ๆ หน่อยสิ”
“คนรวยอย่างนาย ไม่เข้าใจหรอกว่าความลำบากมันเป็นยังไง คิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องแต่งที่มีอยู่แต่ในละคร นายไม่รู้หรอกว่าชีวิตจริงของบางคนมันเศร้ายิ่งกว่าละครซะอีก”
พุฒิพัฒน์สะท้อนใจมองหน้าชมพู่อย่างจริงจัง เพราะชีวิตครอบครัวเขาก็ดราม่ามาก “แล้วเธอรู้ได้ยังไง ว่าคนรวยไม่มีเรื่องเศร้า”
“ก็ดูอย่างนายสิ มาเที่ยวต่างจังหวัดได้ตั้ง 3-4 วันแล้ว ไม่เห็นต้องทำงานอะไรเลย โตป่านนี้แล้วยังไม่มีความรับผิดชอบอะไรสักอย่าง พ่อแม่นายก็คงเป็นมหาเศรษฐีที่เลี้ยงลูกด้วยเงิน นายเลยคิดว่าทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงิน ถ้าจะว่าก็ต้องว่าที่พ่อแม่นายนั่นแหละ”
พุฒิพัฒน์จับไหล่ชมพู่กดลงบนเตียง
“เธอไม่รู้จักครอบครัวชั้น เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าพ่อแม่ชั้น แล้วถ้าชั้นจะซื้อเธอด้วยเงิน นั่นก็เพราะว่าเธอยอมขายให้ฉันเองต่างหาก”
ด้วยความเมาพุฒิพัฒน์ซุกไซร้ใบหน้าลงบนหน้าชมพู่ ซึ่งตกใจดิ้นหนีพัลวัน
“ปล่อยนะ”
พุฒิพัฒน์ปล้ำไม่หยุด ชมพู่เริ่มรู้สึกคับแค้นใจ อดสูชีวิตตัวเอง น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา พุฒิพัฒน์เห็นน้ำตาก็ชะงัก หยุดมอง แต่แล้วจู่ๆ พุฒิพัฒน์ก็หมดสติล้มพับไป ชมพู่ตกใจรีบผลักร่างเขาออกทันที
ชมพู่ถอยออกมา ปาดน้ำตา ยังตกใจไม่หาย

ชัชชนม์ขับรถเข้ามาในอาณาบริเวณบ้านขจีนุช เห็นความใหญ่โต โอ่อ่า ดนัยตื่นตาสุดๆ
“เชดดด นี่บ้านหรืออะไรวะเนี่ย เทียบกับบ้านที่เราอยู่กลายเป็นห้องเก็บของไปเลยอ่ะ”
“อย่าพูดมากได้มั้ยวะ”
ชัชชนม์จอดรถที่หน้าตึก ขจีนุชยืนรอรับอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สองหนุ่มลงจากรถไหว้ทัก
“สวัสดีครับคุณขจีนุช บ้านสวยจังเลยนะครับ”
“ขอบใจจ้ะ เข้าข้างในก่อนสิ”
ชัชชนม์หลบตาขจีนุชตลอดเวลา

ขจีนุชเดินนำมาที่ห้องอาหาร สองหนุ่มเดินตาม บนโต๊ะอาหารมีชามใส่ขนมรวมมิตรใบใหญ่ และชามใส่น้ำแข็งป่นอีกใบ ส้ม สาวใช้ตักขนมจากชามใหญ่ใส่ถ้วยเล็ก 3 ถ้วย เสร็จแล้วก็ออกไป
“ทานของว่างกันก่อนนะ นี่ขนมรวมมิตรเจ้าอร่อยที่สุดเลย”
ชัชชนม์ เห็นขนมแล้วชะงัก ความทรงจำตอนวัยเด็กราว 6 ขวบ ตักขนมรวมมิตรกินที่บ้านชาติ ผู้เป็นพ่อผุดซ้อนขึ้นมาแว่บหนึ่ง
ดนัยยิ้มย่อง “น่ากินจังเลยครับ ดึกๆ อย่างนี้ได้ของหวานๆ เย็นชื่นใจมันดีจริงๆ นะครับ”
ขจีนุช กับดนัยลงนั่งแล้ว แต่ชัชชนม์ยังไม่ยอมนั่ง เอาแต่จ้องมองขนมอยู่
“อ้าว นั่งสิวะไอ้ชัช”
ชัชชนม์รู้สึกตัว ค่อยๆ นั่งลง
“งั้นผมขอลองชิมเลยนะครับ”
ดนัยตักชิม สีหน้าปลื้มอร่อยลืมโลกมาก
“หอมแล้วก็หวานมากเลยครับ”
“งั้นก็กินเยอะๆ เลย ในครัวยังมีอีก ชัช กินสิจ๊ะ”
“ผมไม่หิว”
“ใครเค้ากินขนมเพราะหิวกันเล่า เค้ากินเพราะมันอร่อย ลองชิมสิ”
ชัชชนม์ยังเอาแต่จ้องถ้วยขนมไม่ยอมกิน
“นี่เป็นขนมที่ชัชชอบไม่ใช่เหรอ” ขจีนุชบอก
ชัชชนม์สะอึกอึ้ง ดนัยเห็นหน้าเพื่อน ก็รู้ตัวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“เอ่อ ผมลืมของไว้ที่รถ เดี๋ยวผมไปเอาแป๊บนึงนะครับ”
ดนัยตักกินอีก 2 คำ แล้วรีบออกไป
ขจีนุชลุกไปตักขนม เลือกแต่ขนุนใส่ในถ้วยของชัชชนม์ แตะบ่าเขาแล้วบอกเสียงอ่อนโยน
“แม่จำได้ว่าลูกชอบกินขนุน แม่เลยสั่งให้เค้าใส่มาเยอะเป็นพิเศษ เพื่อชัชเลยนะลูก”
ที่แท้คุณหญิงขจีนุช คือมารดาของชัชชนม์ ที่ทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเด็ก

ภาพจำในตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผุดขึ้นมาในห้วงคิดของชัชชนม์
เวลานั้นขจีนุชเทขนมรวมมิตรออกจากถุงใส่ถ้วย 2 ใบ
เด็กชายชัชชนม์ วัย 6 ขวบ นั่งจ้องขนมตาเขม็ง เมื่อแม่เลื่อนถ้วยมาให้ ชัชชนม์ก็ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย
“แม่ครับ ไอ้เหลืองๆ นี่เรียกอะไร”
“ขนุนจ้ะ”
“อร่อยดี ชัชชอบ”
ชัชชนม์ตักควานหาขนุนในถ้วยอีก แต่ไม่มีแล้ว
“มันหมดแล้วครับแม่”
“เค้าให้มาแค่ชิ้นเดียวแหละลูก”
ขจีนุชตักขนุนจากอีกถ้วยหนึ่งให้ลูก
“นี่จ้ะ”
ชัชชนม์ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย ยิ้มให้แม่
ขจีนุชเห็นลูกทานอย่างเอร็ดอร่อยก็ยิ้มชื่นสุขใจ

ชัชชนม์ดึงตัวเองออกมาจากเรื่องราวปวดร้าวในอดีต ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

พุฒิพัฒน์นอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องพัก ส่วนชมพู่กำลังคุยโทรศัพท์กับปูเป้
“เอางั้นเลยเหรอพี่ปูเป้ แล้วเค้าจะไม่รู้เลยเหรอว่าเป็นการจัดฉาก ค่ะๆ หนูจะลองดู”
ชมพู่วางสาย หันมามองพุฒิพัฒน์แล้วรวบรวมความกล้า ทำตามที่ปูเป้สั่งทุกขั้นตอน
เริ่มจาก จัดการปลดกระดุมทีละเม็ด แต่ถอดออกด้วยความยากลำบาก เพราะพุฒิพัฒน์ตัวหนัก อีตอนจะถอดแขนเสื้อออก ก็ทุลักทะเลต้องจับตัวพลิกไปพลิกมาหลายที จังหวะหนึ่งร่างพุฒิพัฒน์ล้มมาทับตัวเธอ ชมพู่รีบถอย
ถอดเสื้อเสร็จก็มาถึงกางเกง ชมพู่ทำใจสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หลายที ก่อนจะจัดการถอดเข็มขัด ปลดตะขอ แล้วค่อยๆ ดึงกางเกงออก ชมพู่ต้องเบือนหน้าหนีไม่กล้ามอง โยนกางเกงทิ้งลงพื้น
ชิ้นสุดท้าย ต้องถอดกางเกงในสีดำตัวจิ๋ว ชมพู่หน้าแดง ตัวร้อนผ่าว สาวนั่งดริ้งค์มือใหม่หลับตาปี๋ กลั้นใจสุดแรง แล้วจับขอบกางเกงในรูดลงมาตามขาอย่างขยะแขยง ถอดเสร็จก็รีบเหวี่ยงทิ้งไปไกลๆ
ชมพู่พักหายใจหายคอ ไม่กล้าหันไปมองร่างเปลือยเปล่าขาวโอโม่ของพุฒิพัฒน์อีกเลย
ดึงสติกลับมาได้ ชมพู่หยิบซองถุงยางออกมาจากในกระเป๋า ฉีกซองคลี่ถุงยางออกถุยถ่มน้ำลายใส่ในถุงยาง ตามที่ปูเป้สอน แล้วโยนลงพื้น เช็ดมือเช็ดไม้กับเสื้ออย่างแรง
ปฏิบัติการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พอทุกอย่างเสร็จสิ้นสาวเจ้าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“นี่ชั้นมาถึงจุดนี้ได้ยังไงเนี่ย”
ชมพู่ก้มหยิบกระเป๋าตังค์ในกางเกงพุฒิพัฒน์ หยิบเงินออกมาเป็นแบงค์พันกับแบงค์ร้อย ชมพู่หยิบไปแค่ 3 พัน ที่เหลือก็ใส่คืนกระเป๋า โดยนึกสนุก แสร้งทำเป็นถาม
“นี่ค่าตัวชั้นใช่มั้ย อืม งั้นชั้นไปละนะ”
ชมพู่วางกระเป๋าตังค์พุฒิพัฒน์คืนในกางเกง คว้ากระเป๋าตัวเอง แล้วรีบเผ่นออกห้องไปทันที ทิ้งพุฒิพัฒน์ให้นอนหมดสติโดยไม่รู้เรื่องราวใดๆ ไว้ลำพัง




มงกุฎริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ส่วนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในตลาดน้ำดำเนินสะดวก คืนเดียวกัน

สองสาวใส่ชุดนอนราคาถูกที่เฮียไช้ซื้อมาให้ นอนอยู่ในมุ้งยังไม่หลับดีนัก แต่แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมาที่หน้าห้อง ดาวลืมตาตื่นทันที ถามฟ้าเสียงเบาว่า
“ฟ้า ได้ยินเสียงอะไรมั้ย”
“เสียงคนเดิน”
ดาวเหลียวไปเห็นเงาคนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ มุ้ง ดาวตลบมุ้งขึ้นโดยเร็ว ควักมีดปลายแหลมชี้ไปเฮียไช้ ซึ่งตกใจสุดขีด ผงะถอยหลังหนี
ดาวเห็นหน้าไม่ถนัด ตะคอกถาม “ใคร”
เฮียร้องเสียงหลง “เฮ้ยๆๆๆ เฮียเอง อย่าแทง...อย่าแทง”
“เฮีย มาทำอะไรเนี่ย” ดาวแกล้งถาม
“เอ่อ เฮียก็แค่จะมาดูว่าขาดเหลืออะไรมั้ย นอนสบายกันดีรึเปล่า”
“แล้วทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง หนูก็นึกว่าไอ้โรคจิตที่แอบดูอาบน้ำเมื่อกี้”
เฮียตาเหลือก “หา โรคจิตที่ไหนไม่มีหรอก ตาฝาดแล้ว”
“ไม่ฝาดนะเฮีย เราเห็นกัน 2 คนเลย” ฟ้ายืนยัน
เฮียจนมุม “เหรอๆ แต่ในร้านนี้ไม่มีหรอก ปลอดถัย นอนเถอะๆ ไม่มีอะไรแล้ว”
“เฮีย หนูขอยืมมีดไว้ป้องกันตัวหน่อยนะ ถ้าเผื่อมีไอ้โรคจิตมาจริงๆ หนูจะได้กระซวกไส้มัน” ดาวจงใจพูดขู่
เฮียเสียววาบ “อะ เอาเลยจ้ะหนู เฮียไปนอนนะ”
เฮียรีบออกไป ฟ้า กะ ดาว นอนต่อ
“ผู้หญิงอะไรวะ ดุฉิบหาย ไม่เอาด้วยแล้ว”

อีกฟาก ชัชชนม์กินขนมจนหมดถ้วย ขจีนุชนั่งมองอย่างเอ็นดู
“อีกถ้วยมั้ยลูก มาแม่ตักให้”
“ไม่แล้วครับ ขอบคุณ”
“ลูกยังไม่หายโกรธแม่เหรอชัช”
“เปล่าครับ”
“แล้วทำไมลูกถึง...”
ชัชชนม์ตัดบท “คุณขจีนุชครับ ที่ผมมาวันนี้ ผมมาคุยเรื่องงานครับ”
“ชัช เพราะแม่รักชัชกับพ่อมากนะ แม่ถึง...”
ขจีนุชจะบอกเหตุผลที่ต้องทิ้งลูกกับสามีมา แต่ชัชชนม์ขัดขึ้น
“ถ้าคุณไม่คุยธุระ ผมกลับนะครับ”
ชัชชนม์ลุกพรวดเดินออกจากห้องอาหารไปโดยเร็ว ไม่ฟังเสียงผู้เป็นมารดาที่ร้องตาม
“ชัช”
ขจีนุชกลุ้มใจเหลือเกิน

ขณะที่ดนัยนั่งกินขนมหวานอยู่ที่โต๊ะสนามหน้าตึกใหญ่ พอเห็นชัชขนม์เดินเร็วรี่ออกมา ก็วางถ้วย รีบเดินไปถาม
“ไอ้ชัช เป็นไงมั่งวะ”
ชัชชนม์ไม่ตอบ ขึ้นรถปิดประตูเฉยเลย ดนัยมองฉงน
“อะไรของมันวะ”
ขจีนุชถือซองเงินตามออกมา
“ดนัย นี่จ้ะเงินล่วงหน้า”
“ขอบคุณคราบ เอ่อ แล้วเรื่องไอ้ชัช”
ขจีนุชถอนใจ “เค้าคงยังไม่หายโกรธ แต่ไม่เป็นไร สักวันเค้าจะเข้าใจเอง”
“งั้นผมลานะครับ” ดนัยไหว้ลาขจีนุช “อ้อ ขนมอร่อยมากเลยครับ วันหลังผมจะพาชัชมากินใหม่นะครับ”
ดนัยรีบขึ้นรถ ชัชชนม์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ขจีนุชมองตามอย่างกลัดกลุ้ม

แสงแดดยามเช้า สาดเข้ามาในห้องพักหรูหรา พุฒิพัฒน์ยังคงหลับอยู่ สักครู่จึงค่อยๆ ลืมตาตื่น ด้วยท่าทีงุนงง ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองสภาพตัวเองงงๆ พอมองไปรอบๆ เห็นเสื้อผ้าเกลื่อนห้อง พุฒิพัฒน์คว้าผ้าขนหนูมานุ่ง เก็บเสื้อผ้าที่พื้น โยนไปกองบนเก้าอี้
ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดนับดูคร่าวๆ รู้ว่าเงินหายไป แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ว่าเกิดอะไรขึ้น
พุฒิพัฒน์มองไปมุมหนึ่ง เห็นซองถุงยาง และถุงยางตกอยู่ที่พื้น เขาลงนั่งยองๆ เก็บมาดู หนุ่มรูปงามนิ่งนึกว่าเขาใช้ไปตอนไหน กระทั่งเห็นซองยาถ่าย จึงเก็บมาเทียบดูกับซองถุงยาง แต่เป็นคนละสีและไม่เข้ากัน
จังหวะนี้ พุฒิพัฒน์เอะใจนึกสงสัย เขาใช้กล้องมือถือถ่ายรูปซองยา ส่งไลน์ให้เพื่อนชื่อ แว่น แล้วโทร.ถาม
“ไอ้แว่น ช่วยดูหน่อยดิ ว่านี่มันซองอะไร ใช่ซองยารึเปล่า”
“น่าจะเป็นซองยานอนหลับชนิดผง แกไปเอามาจากไหน”
“แกแน่ใจนะ”
“ชั้นขายยามา 10 ปีแล้วนะโว้ย มองปราดเดียวก็รู้แล้ว ตกลงแกไปเอามาจากไหนวะ อย่าบอกนะว่าโดนสาวมอม 555”
พุฒิพัฒน์คุมแค้น โกรธสุดจะประมาณ

“ยัยตัวแสบ”




มงกุฎริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ตลาดน้ำยามเช้ายังไม่คึกคัก ไม่ค่อยมีคนมากนัก เฮียไช้ส่งถุงก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่ให้ดาวกับฟ้า

“หนูดาวหนูฟ้าเอาไปส่งให้หน่อย ยายแกแก่แล้วออกมาจากบ้านไม่ได้”
“ได้ค่ะ แล้วบ้านยายแกอยู่ไหนคะ” ดาวถาม
“อยู่ท้ายตลาดนู่น หนูพายเรือไปนะ ไวกว่านั่งรถ”
“อุ๊ย เราเคยพายกันแต่ในท้องร่อง คลองใหญ่ๆ เรือเยอะๆ อย่างนี้กลัวชนกับคนอื่นเค้าอะค่ะ” ฟ้ากังวล
“กลัวอะไรล่ะฟ้า ชั้นพายเอง ไปเร็ว”
ดาว กะ ฟ้าพากันออกไป เฮียร้องตามหลัง
“รีบไปรีบมานะ”

พอสายมาอีกหน่อย บรรยากาศตลาดน้ำเริ่มคึกคัก ผู้คนวุ่นวายได้ที่ ทั้งบรรดา พ่อค้า แม่ค้า และนักท่องเที่ยว มากมาย
ชัชชนม์ กับ ดนัย และ หญิง กำลังถ่ายทำรายการอยู่บนเรือ มีคนเรือคอยพายให้ ชัชชนม์ถ่ายพิธีกร ส่วนดนัยเก็บบรรยากาศโดยรอบเพื่อใช้อินเสิร์ช

“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว วู้วววว สวัสดีค่า พาเที่ยวเฟี้ยวเงาะ วันนี้ หญิงพาเพื่อนๆ มาแจวมาแจวจ้ำจึกกันที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีค่า นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่หญิงได้มีโอกาสมาที่นี่ ถือว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศการชอปปิ้งนะคะ เราไปดูกันเลยค่ะว่าเค้ามีอะไรขายกันบ้าง”
“คัต! โอเค ไอ้นัยเก็บอินเสิร์ชไว้เยอะๆ นะเว้ย พวกอาหาร พวกผลไม้”
ชัชชนม์หันไป พบว่าดนัยกำลังถ่ายส่องสาวๆ อยู่ จึงเบิ้ดกะโหลกเข้าให้
“ไอ้นี่ถ่ายแต่สาว”
“มันก็ต้องเก็บบรรยากาศสวยๆ งามๆ มั่งดิวะ คนเค้าถึงอยากจะมา”
“ถ่ายอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่ถ่ายแต่คน”
ชัชชนม์ถ่ายภาพเงาสะท้อนในน้ำ มุมกล้องเท่ อารมณ์ติสต์ๆ
ส่วนดนัยยังคงถ่ายไปเรื่อยๆ มองจากเลนส์กล้องดนัย เห็นดาวพายเรือมากับฟ้า ดนัยตื่นเต้น ดี๊ด๊าสุดๆ
“เฮ้ยๆๆ ไอ้ชัช โคตรสวยเลยอะ”
“ชั้นบอกให้พอได้แล้ว”
“ดูก่อนสิวะ”
“ไม่ดูเว้ย”
เรือที่ดาวพายมากับฟ้า ลอยมาเทียบข้างๆ ชัชชนม์เห็นเงาสองสาวสะท้อนในน้ำก่อน จึงเงยหน้าขึ้นมาดูช้าๆ แล้วต้องมองตาค้าง
หญิงมองหมั่นไส้ “แหม...หื่นพอกันเลย 2 คนเนี่ย”
“คุณคนสวยคราบ โบกมือหน่อยคราบ” ดนัยบอกสองสาวไปถ่ายไป
ฟ้าเขินอาย ดาวยิ้มแฉ่งเผลอตัวโบกมือใหญ่โดยไม่ทันระวัง เรือจึงลอยไปชนกับเรือลำข้างหน้าอย่างแรง ฟ้ากะดาวตกใจ เรือโคลงเคลงไปมาแล้วล่มลง สองสาวร้องกรี๊ดหล่นตูมในในน้ำ ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวหันมามองเป็นตาเดียว ดนัยถ่ายเหตุการณ์ไว้ตลอด
ดาวทะลึ่งพรวดขึ้นมาเกาะเรือได้ สอดตามองหาฟ้าร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง
“ฟ้า...ฟ้า”
ชัชชนม์ตัดสินใจกระโจนลงน้ำไปช่วยดาว สองคนดำน้ำหาฟ้าด้วยกัน
ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ชัชชนม์ก็โผล่พรวดขึ้นมา ลากร่างไร้สติของฟ้ามาด้วย เขารีบว่ายพาเธอขึ้นฝั่งโดยเร็ว ดาวรีบตามขึ้นไปเป็นห่วงฟ้าจับใจ

ฟ้าซึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงบริเวณท่าเรือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ค่อยๆ ขยับตัวฟื้นคืนสติ แต่ทุกอย่างในสายตาของเธอยังดูเบลอๆ ไปหมด ดาว กับ ชัชชนม์ ลุ้นดูอาการอยู่ข้างๆ ทั้งคู่เนื้อตัวเปียกปอน

ฟ้าได้ยินเสียงของดาวที่ร้องเรียก ฟังก้องกังวาน อู้อี้ๆ
“ฟ้า ฟ้า”
ฟ้าค่อยๆ ได้สติ ทุกอย่างในสายตาเธอเริ่มชัดเจนขึ้น เสียงของดาวที่ได้ยินก็เป็นปกติแล้ว
“ฟ้า เป็นไงบ้างฟ้า”
ดาวดีใจ ประคองร่างฟ้าให้ลุกขึ้น ฟ้ายังคงสำลักน้ำอยู่อีกเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฟ้าไว้” ดาวเยื้อนยิ้มขอบคุณชัชชนม์
“ไม่เป็นไรครับ” ชัชชนม์ยิ้มตอบ แล้วหันมาถามฟ้า “โอเคแล้วใช่ไหมครับ”
ฟ้าพยักหน้า ยิ้มบางๆ ให้ชัชชนม์ ด้วยท่าทีขวยเขินนิดๆ
ดนัยพูดสอดขึ้น “อ้าว อุตส่าห์ซ้อมผายปอดนะเนี่ย แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมช่วย”
ชัชชนม์เอ็ด “ไอ้นัย”
“ล้อเล่นน่า ขำๆ น่ะครับ ผมไม่ฉวยโอกาสกับคนจมน้ำหรอก แต่ถ้าคนที่ไม่ได้จมก็ไม่แน่นะ”
ดนัยยิ้มกับฟ้า แล้วหันมาหลิ่วตาให้ดาวอีก ดาวกลอกตาเซ็ง
“นี่ก็ล้อเล่นคราบ”
ชัชชนม์ดุเอา “จะเล่นก็ให้เกียรติผู้หญิงเขาหน่อยไหม” ชายหนุ่มหันมามองฟ้ากับดาว ”ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ แต่เราต้องรีบไปแล้ว ไปเหอะฟ้า”
ดาวพยุงฟ้าออกไป ฟ้าเหล่มองชัชอีกครั้ง ดาวเห็นฟ้ามองชัช
ดนัยมองดาวอย่างอาวรณ์ แล้วนึกแผนบางอย่างได้
“เฮ้ย ชัช ปวดฉี่ว่ะ เดี๋ยวมานะ”
“ไอ้นัย เดี๋ยว”
ดนัยเดินลิ่วๆ หนีไปแล้ว

อีกฟากหนึ่ง พุฒิพัฒน์เดินดุ่มๆ มาหยุดที่หน้าร้านเอบี ชายหนุ่มทุบประตูเสียงดังโครมคราม
“โอ้ย มาแล้วๆ มีอะไร”
ปูเป้เปิดประตูออกมาดูในสภาพหน้าสด ผมยุ่งฟู เพราะเพิ่งตื่น พุฒิพัฒน์เห็นสภาพก็ตกใจ
ปูเป้จำเขาได้ “อ้าว นี่คุณคนที่อ๊อฟนังชมพู่ไปเมื่อคืนนี่”
“ป้าจำผมได้”
ปูเป้ค้อนควัก “ตีปากเลย พี่ก็พอไหม”
“ครับ พี่ แล้วพี่พอจะรู้ไหมครับว่าชมพู่อยู่ไหน ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา”
“เรื่องอะไรคะ”
ปูเป้นึกขึ้นมาได้ว่าตนเป็นคนวางแผนสั่งให้ซูกัสเอายานอนหลับให้ชมพู่ และบอกขั้นตอนมอมยาพุฒิพัฒน์อีกด้วย
โดยเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากพุฒิพัฒน์แกล้งออฟชมพู่ออกไปด้วย ปูเป้สั่งซูกัสว่า
“ซูกัส เอาออกมาซิ”
ซูกัสควักซองยานอนหลับชนิดผงออกมายื่นให้ ชมพู่มองงงๆ
“อะไร”
“ยานอนหลับ”

นึกขึ้นมาแล้ว ปูเป้ใจหล่นวูบ หน้าเสียนึกว่าชายหนุ่มมาเอาเรื่อง รีบปฏิเสธโดยเร็ว
“เอ่อ ไม่รู้จ้ะไม่สนิท โอ้ย ฉันต้องรีบไปแล้ว คุณกลับไปเถอะ”
ปูเป้จะปิดประตู พุฒิพัฒน์ควักแบงค์ 500 มากันประตูไม่ให้ปิด ปูเป้ตาโตเปิดประตูออกหยิบแบงค์ 500 หมับ แต่ยังไว้เชิง
“บอกมาก่อนสิ ว่าเรื่องอะไร”
“เมื่อคืนชมพู่เขาดูแลผมดีมาก เลยอยากมาให้รางวัลเพิ่มน่ะครับ”
ปูเป้มองเหล่ ไม่เชื่อนัก “หา นังชมพู่เนี่ยนะ”
“ขอที่อยู่ชมพู่ได้ไหมครับ”
ปูเป้ลังเล

สุดท้ายปูเป้ใจอ่อน ยอมจดที่อยู่บ้านชมพู่ให้ ซึ่งกระดาษนั้นอยู่ในมือผอ.ช่องอินฟินิตี้ ที่เดินหาจนมาเจอบ้านชมพู่ พุฒพัฒน์มองขึ้นไป เห็นชมพู่กำลังสะบัดผ้าตากที่ขอบหน้าต่าง
“ยัยตัวแสบ หนีไม่รอดแน่”

พุฒิพัฒน์แอบย่องขึ้นบันไดมา เดินผ่านนอกชานไปแอบดูประตูห้องหนึ่ง กะจะเอาเรื่องชมพู่เต็มที่ แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อมองผ่านประตูเข้าไปเห็นชมพู่กำลังเช็ดตัวให้แช่มอยู่
“พ่ออดทนก่อนนะอีกแค่ 2-3 วันนี่แหละ แล้วพ่อก็จะได้ไปหาหมอละนะ”
พุฒิพัฒน์เห็นดังนั้น จึงรู้ว่าชมพู่พูดความจริงมาตลอด เลยจะกลับ แต่คิดบางอย่างได้ จึงเดินกลับไปที่ประตูอีกที หยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายชมพู่ไว้
แต่แล้วเสียงสร้อยดังมาจากทางบันไดเรือน
“ไอ้โรคจิต ทำอะไรน่ะ”
พุฒิพัฒน์สะดุ้ง รีบเก็บมือถือ ชมพู่ได้ยินเสียงสร้อยก็ตกใจ หันมาทางประตูเจอพุฒิพัฒน์ ต่างฝ่ายต่างชะงักงัน

ทางด้าน ฟ้า กะ ดาวเปลี่ยนชุดใหม่ เดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว พร้อมก๋วยเตี๋ยวถุงใหม่
“ดีนะที่เฮียไม่หักเงินพวกเรา”
“แหม ก็เราตัวเปียกซกซะขนาดนั้น”
“เฮียใจดีเนอะ สงสารเราด้วย”
“เพราะเสื้อมันเปียกแนบเนื้อเราต่างหาก เฮียเลยดูเพลิน ลืมด่าเราไง”
“ดาว มองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่า” ฟ้าท้วง
“แล้วที่เราต้องเร่ร่อนมาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือไง ผู้ชายมันก็เหมือนๆ กันแหละฟ้า”
ฟ้าคิดถึงชัชชนม์ แล้วออกอาการอ้ำอึ้ง “ไม่ทุกคนมั้ง”
จู่ๆ ดนัยโผล่หน้าทะเล้นเข้ามาหาสองสาว
“ผู้ชายดีๆ ก็มีนะครับ”
“อุ๊ย นี่” ฟ้าตกใจ
“ผมชื่อดนัยครับ ขอโทษนะครับที่พูดเล่นแรงไป ต้องไปส่งก๋วยเตี๋ยวใช่ไหม ผมพายเรือไปส่ง เป็นการไถ่โทษนะ” ดนัยมองดาวแล้วยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราไม่พายเรือไปแล้ว เดี๋ยวอ้อมไปอีกทางมันไกลไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ”
“พอดีเลยครับผมมีรถตู้”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ” ฟ้าบอก
“เกรงใจทำไม ยินดีมากๆเลยครับ เดี๋ยวจะหาว่าคนกรุงเทพฯนิสัยไม่ดี จริงๆผมแค่อยากเป็นเพื่อนพวกคุณน่ะครับ ให้ผมไปส่งนะ”
พอได้ยินคำว่ากรุงเทพฯ ดาวก็ได้เกิดไอเดีย ยื่นถุงก๋วยเตี๋ยวให้ดนัย
“พวกคุณมาจากกรุงเทพฯ เหรอคะ”
“ครับ เรามาถ่ายรายการ พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพฯแล้ว รีบเป็นเพื่อนกันซะตอนที่ยังมีโอกาสดีกว่าเนอะ”
“ก็ได้ค่ะ”
ดนัยยิ้มแฉ่งรับถุงก๋วยเตี๋ยวมา ฟ้างงที่ดาวตอบตกลงง่ายๆ
“ให้ไปส่งที่ไหนครับ”
“กรุงเทพฯ ค่ะ”
ดนัยชะงัก มองดาวงงๆ ฟ้าเหลียวขวับมาที่ดาว งงเช่นกัน

ฝ่ายสร้อยในสภาพหน้าตายังฟกช้ำจากการถูกเสี่ยชูชัยสั่งสอน โผเข้ามาตีพุฒิพัฒน์ตรงประตูห้อง
“ไอ้โรคจิต ออกไปเลยนะ ไป”
ชมพู่รีบเข้ามาห้าม
“แม่! พอแล้วแม่ นี่มันอะไรกัน”
“ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ...” พุฒิพัฒน์พยายามอธิบาย
สร้อยไม่เชื่อ “มาแอบถ่ายคนอื่นแบบนี้ ไม่โรคจิตแล้วเป็นโรคอะไร”
“นี่นายหาบ้านฉันเจอได้ยังไง”
“แกรู้จักมันเหรอ” สร้อยแปลกใจ
“เขาเป็นลูกค้า” ชมพู่นึกได้ว่าไม่ควรพูดให้พ่อได้ยิน “เอ่อ ลูกค้าที่มาซื้อตาลอ่ะ”
“ห๊ะ ใครคือตาล เธอชื่อชมพู่ไม่ใช่เหรอ” พุฒิพัฒน์งงใหญ่
ชมพู่พยายามส่งซิกให้พุฒิพัฒน์เงียบ แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจ
“เอ๊ะ อีพู่ เอาไงกันแน่ ลูกค้าอะไร” สร้อยนึกขึ้นได้หัวเราะคิก “อ๋อ... ลูกค้ามาซื้อตาล ตาลเฉาะ”
“ไม่ใช่นะแม่”
“นี่แกเห็นบ้านเป็นซ่องเหรออีพู่! เอาผู้ชายมาลงที่บ้านอย่างเงี้ย”
ชมพู่ตกใจ เหลือบมองไปดูพ่อแล้วรีบปิดประตูห้องนอนทันที
“ขนาดฉันทำมาค่อนชีวิตยังไม่กล้า นี่แกไปทำแค่วันเดียวไวเชียวนะ”
“นี่ตกลงเธอเพิ่งทำงานวันแรกจริงๆ เหรอ”
สร้อยตอบแทน “ก็ใช่น่ะสิ มันอยากได้เงินง่ายงานสบาย ก็เลยเปลี่ยนอาชีพจากขายตาลเป็นลูกๆ มาขายตาลเป็นกลีบๆ”
ชมพู่ตกใจที่สร้อยพูดจาลามกกลัวพ่อไม่สบายใจ เหลียวไปดูเห็นแช่มมองออกมาดูอยู่ ชมพู่รีบปิดประตูห้องนอนทันที
“ผมมีธุระจะคุยกับชมพู่เฉยๆ”
สร้อยค้อนควักด้วยความหมั่นไส้ “แหม คุยธุระ ไม่ต้องใช้คำพูดดีหรอก อยากก็บอกว่าอยาก”
“ขอโทษนะครับ”
ชมพู่รีบแทรกขึ้น
“พอได้แล้ว มานี่”
แล้วดึงพุฒิพัฒน์ลงเรือนไป สร้อยตะโกนไล่หลัง
“เออ! ไปทำที่อื่นไป๊”

สองคนคุยกันอยู่ใต้ถุนเรือน
“มาหาฉันมีอะไร”
“ถามได้ ก็ตื่นมาไม่เจอเธอ ฉันก็ต้องมาตามสิ”
“จะต้องให้ฉันอยู่รอนายตื่นหรือไง”
“ก็ควรอยู่จนกว่าฉันจะจ่ายเงินเธอด้วยมือของฉันเอง ไม่ใช่ขโมยมาเองอย่างนี้”
“ขโมยอะไร ก็ค่าจ้างฉัน 3,000 ฉันก็เอามาแค่นั้น ไม่ได้ขโมยสักหน่อย”
“แต่ค่าจ้าง มันต้องได้หลังจากงานเสร็จ”
ชมพู่เสียววูบ พูดไม่เต็มปากเต็มคำ “ก็ทำเสร็จแล้วไง”
“ห๊ะ”
“ทำแล้ว! ทำที่ตกลงหมดทุกอย่างแล้ว! แต่นายเมาหลับไปเองอ่ะ”
พุฒิพัฒน์แกล้งเป็นโง่ “นี่แปลว่าเราสองคนได้...”
ชมพู่ตัดบท “ก็เออไงงงง ทีนี้เราก็ไม่ติดค้างอะไรกันแล้วนะ”
“เดี๋ยว”
ขมพู่มองฉงน “อะไร”
“เอ่อ” พุฒพัฒน์นึกเป็นห่วงชมพู่ “พ่อเธอป่วยอยู่เหรอ”
ชมพู่มองเหล่ “มาไม้ไหนอีก”
พุฒิพัฒน์ชักฉุน “นี่เธอเห็นฉันเลวมาก ห่วงใครไม่เป็นเลยใช่ไหม”
ชมพู่ได้ยินคำว่าห่วงก็ชะงัก มองหน้าพุฒิพัฒน์เขินๆ แต่แล้วกลับโวยวายใส่ เพื่อกลบเกลื่อน
“ลูกเศรษฐีอย่างนาย ห่วงก็แต่ตัวเองเท่านั้นแหละ”
“นี่”
“เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว นายกลับไปได้ละ แล้วก็หวังว่าคงจะไม่ต้องมาเจอกันอีกนะ”
ชมพู่รีบหนีขึ้นบ้านไป พุฒิพัฒน์ได้แต่มองด้วยสีหน้าครุ่นคิด

คืนนั้น ปูเป้ และ ซูกัสกำลังดูประกาศประกวดเทพีเมืองเพชรในมือถือ
“น่าลองเหมือนกันนะนังซูกัส” ปูเป้ว่า
“ใช่พี่ หนูว่าชมพู่มันก็มีแววอยู่นะ”
ชมพู่เดินหน้ามุ่ยเข้ามาท่าทีเซ็งๆ สองสาวเห็นรีบตรงมาจับหน้าชมพู่บิดไปมาพินิจความงาม
“ทำหน้าดีๆ ซินังชมพู่” ปูเป้สั่ง
“ทำไรอ่ะพี่” ชมพู่งง
“แกอยากได้เงินก้อนไหม”
ชมพู่ฉุน นึกว่าเป็นเรื่องขายตัว รีบปัดมือปูเป้ที่จับหน้าตัวเองออกทันที
“แค่คืนเดียว รับรองได้เงินเยอะกว่าทำงานที่นี่ทั้งเดือนอีก เอามะเอามะ”
“บอกแล้วไง หนูมาแทนแม่เขาเฉยๆ ไม่ได้จะทำจริงจังซะหน่อย”
“โอ้ย อะไร ฉันหมายถึงนี่”
ปูเป้ชูมือถือให้ชมพู่ดู เป็นประกาศรับสมัครเทพีเมืองเพชร ชมพู่เห็นก็งง
“เทพีเมืองเพชร”
“หน้าตาเราน่ะได้อยู่นะ” ซูกัสบอก
“หนูทำไม่เป็นหรอกพี่”
“มันไม่ยากหรอก เดี๋ยวพวกเราช่วยเอง แล้วดูนี่”
พลางซูกัสขยายหน้าจอมือถือให้เห็น จำนวนเงินรางวัลชัดๆ 50,000 บาท
“ห้าหมื่นเชียวนะแก สนใจมั้ยล่ะ” ปูเป้บอก
“ห้าหมื่น” ชมพูลังเล “แต่อย่างหนู จะไปชนะพวกนางงามมืออาชีพได้ไงล่ะพี่”
“ได้สิ แค่ขัดผิว หมักผม ทำเล็บ อบไอน้ำ พอกสมุนไพร...” ซูกัสสาธยาย
ชมพู่ขัดขึ้น “เอ่อ งานมันคืนพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
“งั้นแค่โบ๊ะแป้งให้ทั่วตัว จบ”
“ไม่ใช่ค่ะ คืนพรุ่งนี้หนูต้องมาทำงานนะคะ เจ๊เอบีจะให้ไปเหรอ”
เสียงเอบีแหลมเข้ามา “ไม่ให้”
ทุกคนหันไปทางเสียงหน้าร้านด้วยสีหน้าตกใจ
“ห้ามไปเด็ดขาด ห้ามไปประกวดอะไรทั้งสิ้น”
ทุกคนหน้าเสีย เอบีพูดต่อ “...ถ้าไม่มีเจ๊”
ชมพู่งง “อะไรนะคะ”
“เจ๊ฝันอยากเป็นพี่เลี้ยงนางงามมานานแล้ว อยู่เบื้องหลังผู้ชนะเลิศ มานี่นังชมพู่ แกต้องได้ที่ 1 แน่นอน เจ๊จะปั้นแกเอง”
ชมพู่มองตัวเลขรางวัล 50,000 บาท ในมือถืออย่างมีความหวัง
จู่ๆ เอบีก็ร้องกรี๊ดดีดดิ้น “แอร๊ย แล้วจะแบ่งเปอร์เซ็นต์รางวัลให้เจ๊ยังไงเนี่ย”
ปูเป้ กะ ซูกัส ส่ายหัวเอือมระอาจริตกะเทย

ฟาก ดาว และ ฟ้า นั่งล้างจานกันอยู่ลานข้างร้าน ฟ้าสาวโลกสวย คิดมากตามประสา
“ดาว เราไปกวนคุณดนัยเขาแบบนั้น มันไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ”
“มันก็ได้ประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่ายน่ะแหละ เราได้ไปถึงบ้านคุณเปรมจิตเลย ไม่ต้องไปงมหาทางในกรุงเทพฯ”
“อ้าว แล้วคุณดนัยเขาจะได้อะไรล่ะ”
“ได้แทะโลมเราไปตลอดทางไง” ดาวว่า
“ดาว” ฟ้าติง
“คนพวกนั้นน่ะ ถ้าเขาไม่หวังอะไรจากเรา เขาก็ไม่มาช่วยเราหรอก”
ฟ้างง “หวังอะไร”
“ก็ตัวเราไง!ฟ้าจำไว้เลยนะ ที่กรุงเทพฯ เราจะต้องเจอพวกฉวยโอกาสอีกเยอะ”
ฟ้าหน้าสลดลง “ดาว ฉันไม่อยากไปกรุงเทพฯ แล้วอ่ะ มันเริ่มน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ใช่ กรุงเทพน มันไม่ใช่ที่ๆดีที่สุด แต่มันคือที่ๆจะทำให้ความฝันของฟ้าเป็นจริงนะ ชีวิตเราสองคนจะสบายขึ้น อยู่บ้านนอกไปจนตาย ก็ไม่มีทางได้หรอก”
“แต่”
“ฟ้าไม่ต้องกลัว ไม่ว่าเราต้องเจออะไรที่นั่น เราก็จะเจอมันด้วยกัน ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอแน่นอน”
ดาวเอื้อมมือไปจับมือของฟ้าที่กำลังล้างจานในกาละมัง ฟ้ายิ้มอิงซบไหล่ดาว รู้สึกอุ่นใจมาก
“ฉันว่าเพื่อนคุณดนัยเขาน่าจะใจดีกับเรานะ”

ดูเหมือนสองสาวจะคิดผิดถนัด เพราะเวลานี้ชัชชนม์กำลังหน้าตึงเปรี๊ยะ ปฏิเสธดนัยที่เดินตามงอนง้อ ขณะที่ด้านหลังทีมงานกำลังเก็บของขึ้นรถ
“ไม่ได้เว้ย! ของก็แทบจะไม่มีที่ไว้แล้ว จะเอาคนขึ้นมาอีกได้ไง”
“เฮ้ย มีน้ำใจหน่อยดิวะ น้องตัวเล็กๆ 2 คน ไม่กินที่หรอก”
“ตัวเล็กๆ สเปคแกอ่ะดิ นี่จะต้องหิ้วผู้หญิงมาให้ได้ทุกจังหวัดเลยใช่ไหม”
“คนนี้ฉันชอบจริงนะ แก่นเซี้ยว เปรี้ยวซ่า ฉลาด โห...แม่ของลูกอ่ะ” ดนัยเพ้อถึงดาว
“ก็เห็นแม่ของลูกทุกคนอะ นี่ เขาเป็นใคร มิจฉาชีพหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไอ้ชัช ผู้หญิงตัวแค่นั้นจะมาทำไรเราวะ เลิกคิดว่าผู้หญิงมีแต่จะคอยมาหาผลประโยชน์จากเราได้ไหม”
จู่ๆ ฟ้า กะ ดาว วิ่งเข้ามาหาสองหนุ่มพร้อมกับย่ามใส่ของใบย่อมๆ
“มาแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพวกเรา”
ดนัยสวมรอยมัดมือชกทันที “ไอ้ชัชมันยินดีอยู่แล้วครับ กระเป๋าอยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมเอาไปเก็บในรถให้”
ชัชชนม์เซ็งโครตๆ
ดาว ยื่นย่ามให้ดนัย หนุ่มกะล่อนมองงงๆ
“พวกเรามีแค่นี้แหละค่ะ” ฟ้าบอก
ดาวเสริม “ถ้าไม่ได้พวกคุณ เราคงต้องทำงานอยู่ที่นี่อีกนานเลยค่ะ”
“ขอบคุณจริงๆ นะคะ”
ชัชชนม์เห็นสายตาฟ้ากับดาวที่มุ่งมั่น ก็เริ่มใจอ่อน “แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนล่ะ”
ดนัยยิ้มสมใจที่เพื่อนใจอ่อน เดินเอาย่ามของสองสาวไปเก็บ
ดาวยื่นนามบัตรเปรมจิตให้ชัชชนม์ทันที
“ที่นี่ค่ะ”
ชัชชนม์อ่าน “ค่ายนางงามเปรมจิต” แล้วเงยหน้ามาถาม “อยากเป็นนางงามเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
ฟ้ามองหน้าดาวงงๆ ไม่ต่างจากชัชชนม์
“แต่พวกเราเป็นนางงามค่ะ”

วันถัดมา ตั้งแต่เช้ายันเย็น
บาร์เหล้าของเอบี แปรสภาพเป็นค่ายนางงามย่อมๆ เอบี และ สาวๆ ในบาร์ ช่วยกันรุมขัดตัวชมพู่ที่ใส่กระโจมอกกันอย่างวุ่นวาย พอเสร็จถึงคิวปูเป้มาสอนเดินนวยนาดแบบนางงาม ชมพู่พยายามเดิน แต่ขาดันขวิดกัน
เอบีสอนไหว้ โดยไหว้ให้ดู ก้มลงต่ำมาก ปูเป้ กะ ซูกัส หันมาบุ้ยใบ้บอกชมพู่ ส่งซิกว่าแบบนี้ไม่ใช่
ชมพู่ไหว้ชดช้อยสวยงาม ทุกคนปรบมือชื่นชม พอดูนาฬิกาชมพู่นึกขึ้นได้ว่าต้องไปดูพ่อ รีบไหว้ลวกๆแล้ววิ่งออกไปทุกคนงง
เมื่อป้อนข้าวพ่อเสร็จ ชมพู่รีบวิ่งกลับมาที่ร้าน ทุกคนยืนเรียงหน้ากระดานเท้าสะเอวรออยู่ ชมพู่ไหว้ขอโทษ
ถัดจากนั้น ปูเป้ และ ซูกัส เปิดคลิปประกวดนางงามเวทีต่างๆ ให้ ชมพู่ ดู และคอยสอนการเดิน
ชมพู่ต้องกลับบ้านไปเช็ดตัวให้พ่ออีก แล้วจึงกลับมาฝึกเดินต่อ และค่อยๆ เดินดีขึ้น ไหว้สวยขึ้น
ได้เวลาให้ยา ชมพู่กลับมาป้อนยาให้พ่อ มองพ่ออย่างมีความหวัง
“หนูจะหาเงินให้พ่อไปหาหมอให้ได้จ้ะ”
กลับมาที่บาร์รอบนี้ ชมพู่หัดยิ้ม โบกมือ สามพี่เลี้ยง เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ดูผลงานด้วยความพอใจ หันมายิ้มให้กัน
ชมพู่มองไปข้างหน้าอย่างประหม่า เบื้องหน้าชมพู่คือ ปูเป้ ซูกัส ถือชุดไทยสวยงาม
“นี่ฉันลงทุนเช่าชุดที่ดีที่สุดของร้านมาให้เธอเลยนะ อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ” เอบีบอก
ปูเป้แอบกระซิบ “แกหมายถึง อย่าพลาดเงินรางวัลน่ะ”
“นังนี่ ได้ยิน เอาล่ะ ถึงเวลาละ ลุย”
ปูเป้ ซูกัส เอบี เดินเข้าไปมะรุมมะตุ้มชมพู่

เย็นวันนี้ พุฒิพัฒน์กึ่งนั่งกึ่งนอนทำงานอยู่บนเตียง มีโน้ตบุ๊กอยู่บนตัก สีหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียด สักพักปิดคอมวางไว้ที่ข้างๆ ตัว พักสายตา
พุฒิพัฒน์มองไปยังมือถือ ที่วางอยู่ข้างตัว ตัดสินใจหยิบมาเปิดดูรูปในอัลบั้มที่แอบถ่ายชมพู่ตอนดูแลพ่อไว้
ชายหนุ่มมองไปที่นาฬิกา เป็นเวลา 18.30
พุฒิพัฒน์ลุกจากเตียง คว้ากุญแจรถออกจากห้องพักไป

พุฒิพัฒน์ตรงเข้ามาที่บาร์เอบี เจอแต่สาวบริการรุ่นใหญ่วัยกลางคน นั่งเหงาหงอยกันอยู่ 3 คน ชายหนุ่มตรงเข้าไปถาม แก้ว สาวบริการที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ขอโทษครับ ชมพู่อยู่ไหมครับ”
“ชมพู่ไหนอ่ะ พี่ไม่รู้จัก นี่มาทำแทนเขาเฉยๆ”
“แล้วพนักงานประจำคนอื่นอยู่ไหนกันเหรอครับ”
“เขายกขบวนกันไปดูประกวดนางงามกันน่ะ”
“ประกวดนางงาม”

พุฒิพัฒน์ฉงนฉงาย ว่าชมพู่ไปงานประกวดกับคนอื่นๆ ด้วยทำไม




มงกุฎริษยา ตอนที่ 3 (ต่อ)

รถชัชชนม์แล่นมาจอดบ้านเปรมจิต ชัชชันม์ กับ ดนัย ลงมาก่อน ดาว กับ ฟ้า ตามหลัง ดนัยกุลีกุจอไปเอากระเป๋ามาให้สองสาว ดาวและฟ้าไหว้ขอบคุณ

“ขอบคุณพวกคุณมากๆ นะคะ” ฟ้ายิ้มหวาน
“ยินดีมากครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อมาได้เลยนะครับ เอ่อ มีไลน์ไหมฮะ” ดนัยป้อ
“ไลน์มันเล่นผ่านโทรศัพท์สาธารณะได้ไหมล่ะคะ” ดาวประชด
ฟ้าอธิบาย “คือพวกเราไม่มีมือถือกันหรอกค่ะ”
“เอ่อ... งั้นเอานามบัตรผมไปก่อน”
ดนัยเปิดกระเป๋าตังค์ แต่ไม่เจอนามบัตร
“อ้าว เฮ้ย”
ดนัยหันมาสะกิดชัชชนม์ขอ ชัชชนม์จึงหยิบนามบัตรตัวเองส่งให้ดาว
“เอาเบอร์ไอ้ชัชไปก่อนนะครับ ผมอยู่บ้านเดียวกับมัน โทร.หาไอ้ชัชก็ได้”
ฟ้าลอบยิ้ม ดีใจที่ได้เบอร์ติดต่อชัชชนม์ แต่ดาวไม่ยอมรับ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คงไม่กล้ารบกวนพวกคุณแล้วล่ะ”
ฟ้ารีบหยิบมาจากชัชชนม์
“แต่ขอเก็บไว้เผื่อพวกคุณมีอะไรจะให้เราสองคนช่วยเป็นการตอบละกันนะคะ ไว้เรามีมือถือแล้ว จะติดต่อกลับไปค่ะ”
ดนัยยิ้มแฉ่ง ดาวมองฟ้าเป็นเชิงตำหนิ
“งั้นเรากลับก่อนนะครับ โชคดีครับ”
สองหนุ่มขึ้นรถ ฟ้ามองตามชัชชนม์ไม่ละสายตา จนกระทั่งรถขับออกไป
“พอแล้ว” ดาวแหย่
“อะไร ก็เขาช่วยเรา เราก็ต้องตอบแทนเขาสิ”
“เขานี่หมายถึงคุณชัชใช่ไหม ดูออกหรอกนะ”
“รีบเข้าไปกันเถอะน่า”
ฟ้าตัดบท เดินมาหน้าประตูบ้านจะกดกริ่ง แต่ชะงัก
“เอาจริงๆเหรอดาว”
ดาวหัวเราะขำ “ฟ้า อีกนิดเดียวฝันเราก็เป็นจริงแล้ว แค่กดปุ่มนี้ปุ่มเดียวนี่แหละ”
ฟ้าหายใจเข้า เอื้อมมือไปกดกริ่ง

เสียงกริ่งดัง พร้อมๆ กับที่ถังขยะหน้าบ้านล้มลงกลิ้งมาหยุดต่อหน้าดาวและฟ้า
สองสาวตกใจร้อง “ว้าย”
พอหันไปมอง เจอแพรวแพรยืนหน้าบอกบุญไม่รับจ้องอยู่
“โทษที ฉันไม่ทันระวัง ถอยหน่อยได้ไหม จะเข้าบ้าน”
ฟ้าจำได้ “พี่แพรวแพรใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ หนูกับเพื่อนจะมาสมัครเป็นนางงามค่ะ”
แพรวแพร มองเขม่นไม่สบอารมณ์ กำลังจะไล่ทั้งสองคนไป แต่อาโปออกมาก่อน
“มาหาใครค้า”
ดาว ฟ้า หันไปหา อาโปยิ้มแป้น

อีกฟากหนึ่งสาวงามทั้งหลายเดินขึ้นมาเปิดตัวบนเวทีประกวดนางสาวเพชรบุรี ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณริมชายหาดชะอำ สาวๆ จากบาร์เอบีอยู่หน้าเวที ชี้ชวนกันดูชมพู่
“เฮ้ย นั่นไง นังพู่” ปูเป้ชี้ไป
ซูกัสบอก “โนค่ะ ไม่ใช่”
เอบียิ้มบอกอย่างมั่นใจ “ชมพูนุช สุดสว่างศรี จ้ะ”
สามพี่เลี้ยงมองชมพู่อย่างชื่นชม เพราะคืนนี้ชมพู่สวยเด่นงดงามมาก
ชมพู่เดินยิ้ม หยุดมองไปยังคนดูข้างหน้าตัวเอง เห็น เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ปรบมือโห่ร้องเชียร์อยู่ข้างล่าง
บรรยากาศพาไป ชมพู่มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้

ทางด้านสองสาวจากบ้านตาลชุม เดินตัวลีบตามอาโปเข้ามาในห้องรับแขกบ้านเปรมจิต
“ตามพี่อาโปมาทางนี้เลยค่ะ”
ทั้งคู่เหลียวมองไปรอบๆ บ้านอย่างตื่นตา ตื่นใจ ในความโอ่โถง
“ปกติเจ๊แกไม่ได้ให้นามบัตรใครง่ายๆ นะ ต้องสวยจริงๆ ถึงจะได้ รอแป๊บนึงนะ พี่ไปตามเจ๊ให้ เจ๊ต้องดีใจแน่ๆ เลยที่หนูๆ จะมาอยู่ที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ”
ดาว กับ ฟ้า ยิ้มดีใจ อาโปเดินไปด้านในเพื่อขึ้นไปตามเปรมจิต แพรแพรวรีบทะยานมาดึงอาโปไว้
“รู้ไหมว่าสองคนนี้จะมาทำอะไร”
“ก็มาสมัครเป็นนางงามไง”
“ไม่ใช่”
อาโปงง แพรวแพรมองอาโปอย่างจริงจัง มีแผนร้ายในใจ

อีกฟาก พุฒิพัฒน์ลงรถ เดินคุยโทรศัพท์เข้ามาหยุดยืนมองจากมุมด้านข้างเวทีประกวด
“เออ ติดงานจริงๆ”
เสียงจากปลายสายดังออกมาว่า “ประกวดนางงามเนี่ยนะ เออ อยู่แป๊บเดียวแหละ เดี๋ยวตามไป”
พุฒิพัฒน์เห็นชมพู่บนเวที ก็ตะลึงในความสวย
“แค่นี้ก่อนนะ”
“นอกจากผู้ชนะจะได้เงินรางวัลและของรางวัลมากมายแล้ว ยังมีรางวัลใหญ่ที่สาวงามทุกคนใฝ่ปอง นั่นก็คือ การได้เซ็นสัญญา เป็นตัวแทนนางงามจากบ้านดวงเดือนพี่เลี้ยงนางงามอันดับหนึ่งของประเทศ เข้าประกวด Miss Perfect Thailand อีกด้วย”
คนดูด้านล่างปรบมือชอบใจ ดวงเดือน ลุกขึ้นไหว้รับ เลม่อนที่นั่งเป็นกรรมการอยู่ข้างดวงเดือน ปรบมืออวยรัวๆ
ชมพู่ได้ยินดังนั้นก็อึ้ง หุบยิ้มทันที มองไปยังกลุ่มเอบี ที่ยืนเชียร์ให้กำลังใจอยู่ด้านล่าง พยายามส่งซิกถามพวกเอบี ว่าทำไมไม่บอกว่า ถ้าได้ตำแหน่งต้องไปประกวด Miss Perfect Thailand
เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ไม่รู้เรื่อง โบกไม้โบกมือให้กำลังใจ ทุกนางบอกให้ชมพู่ฉีกยิ้มไว้ ชมพู่เริ่มกังวล แต่ต้องฝืนยิ้ม
พุฒิพัฒน์ยืนดูอยู่ ได้ยินที่พิธีกรประกาศ ก็ยิ้มหล่อร้ายออกมา

“คนชนะได้ไปประกวด Miss perfectThailand ด้วยเหรอ ชักสนุกละสิ”
 
อ่านต่อตอนที่ 3



กำลังโหลดความคิดเห็น