xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 2

เช้าวันใหม่ หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ภาพข่าวของอรัญภัทร “กร่าง คากอง สมกับเป็นซุปตาร์ขาวีน”
วรรษชลนั่งอ่านข่าวในแท็ปเล็ตด้วยท่าทางไม่สบายใจ ดวงตากังวลเป็นห่วง โยธินเดินเข้ามา ทำท่าจะนั่งด้วย...แต่พอเห็นเพื่อนจ้องมองอ่านข่าวนางเอกสาวก็ชะงัก
“เมื่อวานนายก็มัวแต่สนใจยัยเอี๊ยม จนเราไม่ได้คุยกัน...แล้วนี่...นายยังมานั่งอ่านข่าวเค้าอีก” โยธินนั่งลงจ้องหน้า “เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า นายสนใจดารา”
“ไม่ได้สนใจดารา แต่สนใจเอี๊ยม ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันสนใจเค้าตั้งแต่แรกเห็น”
โยธินยิ้มแกมหัวเราะ งงๆ
“มันเป็นไปได้ยังไงวะ คนไม่สนใจโลกอย่างนาย จู่ๆจะสนใจดารา โดยเฉพาะดาราที่มีแต่ข่าววีนเหวี่ยงอย่างยัยเอี๊ยม”
วรรษชลหัวเราะหึ..หึ
“คงเป็นเพราะฉันอยู่ในป่านานไปมั้ง??...เลยรู้สึกว่า ต้องออกมาเจอโลกความเป็นจริงขึ้นมาบ้าง จะได้รู้....โลกไม่ได้สวย ทุกๆมุม โดยเฉพาะใจคน”
ท้ายเสียงของวรรษชลฟังดูขมขื่น

ที่กองถ่าย เป็นบรรยากาศการจัดการเตรียมงานกันอยู่ อรัญภัทรอเข้าฉาก ยืนอ่านIG อยู่ เห็นข้อความด่า - - ไปเช็กสมองบ้างนะ วันๆเอาแต่เหวี่ยงทีมงาน หรือว่าแม่ไม่รัก - ข้อความต่อไป - - แม่จะรักได้ยังไง แม่โกอินเตอร์ไปสวรรค์ตั้งนานแล้ว พ่อก็โกงเค้ามา รักแต่เมียใหม่ ,อีเอี๊ยม อีนิสัยไม่ดี อีหน้าฟอร์มาลีน
เธออ่านไปโกรธไป หน้าเขียวหน้าเหลือง บล็อก IG คนที่มาด่าอย่างรวดเร็ว เจ๊เต่าที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าแหยมองกังวล เธอเดินฉับๆออกมาจากบริเวณนั้น อารมณ์เสีย
เจ๊เต่ารีบวิ่งตามมา
“นี่..เจ้ว่า ยิ่งไปบล็อกไอจี คนเค้าจะยิ่งเกลียด ยิ่งด่าเอี๊ยมนะ”
“มันมีปากมีมือก็ให้มันด่าไป แต่อย่ามาด่าใน IG เอี๊ยม เพราะเอี๊ยมไม่ใช่คนบ้า ปัญญาอ่อนที่จะให้ใครที่ไหนไม่รู้ มาด่าด้วยถ้อยคำหยาบๆคายๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ยังมาด่าชาวบ้านเค้าอยู่ได้”
“ก็เค้าด่า..ตามข่าวที่มันออกมาไง”
ป้าไก่เดินเข้ามาในกอง อรัญภัทรตาวาว บอกเจ๊เต่าทันที
“จากนักข่าวสั่วๆที่มโนเขียนข่าวใช่มั้ยเจ๊”
พูดแค่นั้น เธอก็ก้าวฉับๆไปหาป้าไก่ทันที เจ๊เต่าได้แต่ร้องลั่นวิ่งตามไปรวดเร็ว

ป้าไก่เดินมาทักทายทีมงานหาข่าวตามประสา ด้านหลังมีช่างกล้องตามมา นางเอกสาวมาถึงก็
เดินมาเผชิญหน้ามองป้าไก่ ถามกวนๆทันที
“มาหาเรื่องอะไรอีกป้า”
ป้าไก่แหยๆ แต่ตอบแบบไม่กลัว
“ไม่ได้มาหาเรื่องค่ะ มาหาข่าว”
เธอยิ้มกวนๆ
“อ้อ!! หาข่าว เรื่องสมุนไพรไว้ใจหมอเส็ง แต่เรื่องเสือกเรื่องซวย เรื่องบัดซบ นี่หาจากป้าได้เลยใช่มั้ย”
ป้าไก่ผงะ “อี้”
ป้าไก่กวาดตามองตากล้อง ส่งซิกแนลให้ถ่าย ช่างกล้องยกกล้องขึ้นถ่ายอรัญภัทรทันที

นางเอกสาวถามอย่างนักเลง
“ป้าเขียนข่าวให้คนด่าเอี๊ยมทำไม”
“ก็ป้าเขียนตามความจริง...เมื่อวาน เอี๊ยมไม่ได้อยู่ถ่ายละครต่อไม่ใช่เหรอ”
“ก็ทีมงาน-ผู้จัด ผู้กำกับเค้ามีปัญหากันอยู่ เอี๊ยมจะถ่ายได้ยังไง เวลาเขียนข่าว ทำไมป้าไม่เขียนให้หมด ว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอเดินเข้าหา ถลึงตาใส่ “ทำไมชอบพาดหัวข่าวให้คนด่าเอี๊ยม”
ป้าไก่ผงะอีก “อี้!!”
อรัญภัทรหันไปเห็นตากล้อง “อยากถ่ายนักใช่มั้ยคะ??ได้ค่ะ” เธอลากมือป้าไก่ออกมา แล้วกอดไหล่เอาไว้ พูดยิ้มๆ “ถ่ายให้ชัดๆเลยค่า คนนี้แหละ...ชอบหางานให้เอี๊ยมโดนด่า คนแบบนี้ ต้องให้รางวัลค่ะ” เธอหันไปมองป้าไก่ “ถึงที่บ้านเอี๊ยมจะไม่ได้ขายโลง แต่เอี๊ยมช่วยได้ ตอนตายป้าจะเอาโลงแบบไหนคะ? ติดแอร์ ติดพัดลม โลงใส โลงกระจก โลงไม้สัก เอี๊ยมจัดให้ได้หมดเลย”
ผู้คน ทีมงานที่อยู่แถวนั้นฮือฮา แรว้งง เขมปัญฑากับเวฬุยา นักแสดงร่วมค่ายยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอกรีบเข้ามาหา เวฬุยากันป้าไก่เอาไว้ ขณะที่เขมปัญฑาดึงมือเอี๊ยมออก
“เอี๊ยม พอได้แล้ว หยุด!”
อรัญภัทรตวาด
“ไม่หยุด!! ฉันเป็นคนตรง พูดอะไรตรงๆ” เธอหันมาถลึงตาใส่เพื้นร่วมค่าย “ไม่เหมือนเธอ มีอะไรก็แอ๊บตลอด ยัยเขม”
เขมปัญฑาหน้าซีดเผือด เวฬุยาหันมา เถียง แบบนิ่งๆเหยียดๆ
“เธอต้องแยกให้ออกนะเอี๊ยม คนตรง คนแรง คนไม่มีมารยาทมันต่างกันยังไง เพราะฉันว่าสิ่งที่เธอทำ มันคือการกระทำของคนไม่มีอีคิว!”
ทั้งคู่ต่างถลึงตาใส่กันน่ากลัว ก่อนที่อรัญภัทรจะลอยหน้าลอยตาพูด
“อินดี้!!” เธอยิ้มเริ่ดๆเชิดๆท่าทางไม่แคร์

แฟนๆ ในสถานที่ต่างๆ ต่างอ่านข่าว จากนสพ. เว็บไซต์ โซเชี่ยลมีเดียต่างๆ - - “ เอี๊ยมแรง ฉาวไม่หยุด ฉะนักข่าวกลางกอง แถมกร่างใส่มะม่วง ด่าเขม แอ๊บ”!!

ณ คฤหาสน์อานนท์ ตอนกลางคืน ภายในห้อง พิมอ่านข่าวของเอี๊ยมด้วยความสะใจ ดวงตาเป็นประกายไม่หวังดี...

เวลาเดียวกัน เจ๊เต่าเปิดประตูเข้ามาในห้อง ท่าทางเซ็งๆเบื่อหน่อย เป็นจังหวะเดียวกับที่เขมปัญฑาและเวฬุยาหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องของตัวเอง เจ๊เต่าทำหน้าเหลอหลา ถามงงๆ
“จะไปไหนกันเหรอ”
“ไปพักผ่อนสมอง ไม่ไหว อยู่กับยายเอี๊ยมมีแต่เรื่องปวดหัว หนูอยู่ของหนูดีๆ กลายเป็นคนไม่ดีอีก” เวฬุยาว่า
“ก็เอี๊ยมมันเป็นคนแรง”
“แรงหรือแหล?? เอาให้แน่?! หนูไม่ไหวกับมันแล้ว อีกอย่าง พักกองด้วย หนูเลยจะไปทำธุระของหนูหน่อย”
เจ๊เต่าถามเสียงอ่อยๆ “เขมล่ะ?”
“เขมก็ว่าจะไปทำธุระเหมือนกันค่ะ”
“ไม่ได้เป็นแผนที่จะทิ้งเจ้ใช่มั๊ย”
เวฬุยายิ้มแหยๆ
“จะทิ้งได้ยังไงคะ?” เธอเดินไปจับมือเจ๊เต่า “ทุกวันนี้มีงานมีเงินก็เพราะเจ๊...ลำพัง หนูหางานเองไม่ได้หรอก”
เขมปัญฑาเข้าไปหาเจ๊เต่า พูดอ่อนหวาน “เขมก็เหมือนกันค่ะ”
เจ๊เต่ามองซึ้งใจ 2 นักแสดงในสังกัด เวฬุยายิ้มผละจากเจ๊เต่ามาคว้ากระเป๋าบอกต่อ
“แต่ขอหนูไปสงบสติอารมณ์หน่อย ไม่งั้นหนูประสาทเพราะยัยเอี๊ยมแน่ๆ”
“เขมไปทำธุระค่ะ ไม่ได้อยากหนีเอี๊ยม เหมือนมะม่วง” เธอยิ้มยั่วเย้า
เวฬุยายิ้มกวน
“งั้น...ขอให้เวเคชั่นของเธอ เจอยายเอี๊ยมนะจ้ะ เขมปัญฑา!”
สองสาวยิ้มให้กัน เจ๊เต่ายิ้มขำสองสาว ที่พูดถึงอรัญภัทร

เวลาต่อมา เวฬุยาขับรถมาตามถนนทางไปราชบุรีอย่างทอดอารมณ์ เธอสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแล้วค่อยๆปล่อยๆออกอย่างช้าๆ
“...นานๆทีจะได้มีโอกาสหนีจากโลกมายามาสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้ซะที อยู่กับธรรมชาติมันดีอย่างนี้นี่เอง ...ว่าแต่แถวนี้มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างนะ...” เธอคิดหาที่เที่ยวแล้วก็นึกขึ้นได้หันไปดูที่ไอแพดที่วางอยู่แล้วยิ้มเธอขับรถเข้าจอดข้างทาง หยิบไอแพดมาเปิดดูหาที่เที่ยว มีที่เที่ยวสองสามที่ แต่มะม่วงเห็น ชื่อไร่แทนรัก ประกาศขายไร่
“ไร่แทนรัก ... ขายเหรอ..ชื่อน่ารักจัง ลองไปดูดีกว่า”
เธอขับรถต่อไป

เธอมาตามทาง แต่หาทางเข้าไร่ไม่เจอ ครู่หนึ่ง เธอจอดถามทางกลุ่มชาวไร่ ที่อยู่ด้านหน้า
“โทษนะคะ...พอจะรู้จัก ไร่แทนรัก ไม๊คะ”
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่หันมาไม่ทันตอบ อนุรักษ์ก็แหวกกลุ่มชาวบ้านออกมา
“ครับ คุณขับตรงไปอีกเรื่อยๆก็จะเจอป้ายชื่อไร่อยู่ตรงทางเข้าไร่เลยครับ”
เธอยิ้มเป็นมิตร “ขอบคุณนะคะ” แล้วขับรถออกไป

เวฬุยาเดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์ ซึ่งมี logo “ไร่แทนรัก” เด่นเป็นสง่า กิ๊ก พนักงานสาวทักทาย
“สวัสดีค่า ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“ฉันมาตามที่ประกาศขายไร่น่ะค่ะ”
กิ๊กงง
“ขายไร่?? ที่นี่ไม่เคยประกาศขายไร่เลยค่ะ”
“แต่ฉันอ่านเจอนะคะ...นี่ไง”
เธอเอาไอแพดให้พนักงานดู กิ๊กเห็นข้อความ “ประกาศขายไร่แทนรัก บรรยากาศดี ร่มรื่น น่าอยู่ เจ้าของจำเป็นต้องขายด่วน” กิ๊กแกล้งทำหน้างง
“ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันไม่ทราบเรื่องเลย....งั้น....เชิญคุณรอที่ห้องรับแขกด้านในก่อนนะคะ...” กิ๊กผายมือไปทางด้านใน อธิบาย “ห้องจะอยู่ลึกหน่อย เดินไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอค่ะ ดิฉันจะไปเชิญผู้จัดการไร่มาพบกับคุณค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เวฬุยายิ้ม พนักงานเดินไป เธอเดินตามที่พนักงานบอก

แทนไทกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน มี logo ไร่แทนรัก ที่ข้างฝา
“ฉันกำลังทำงานอยู่ ห้ามให้ใครคนไหนมากวนฉันทั้งนั้น ถ้านายปล่อยใครเข้ามา ฉันจะหักเงินเดือนนาย โอเค้!”
แทนไทวางสายง่วนอยู่กับการทำงานต่อ

ฝ่ายเวฬุยามุ่งหน้าไปทางเดินที่พนักงานบอก เสียงโทรศัพท์ดัง เธอรับสาย
“คะเจ๊เต่า.... อะไรอยู่กรุงเทพฯตั้งนานไม่มีงาน บทจะมี ก็มีงานด่วนตอนนี้... ไม่ได้ค่ะเจ้ หนูมาดูที่ กลับไปค่อยคุยกันนะคะ” เจ๊เต่ายังไม่วางสาย เธอคุยต่อ หน้าตายุ่งยากใจ “ไม่ได้จริงๆค่ะ แค่นี้นะคะเจ๊”
เธอพูดพลางเดินเข้าไปในห้องที่ประตูเปิดอยู่ เห็นแทนไทกำลังเซ็นเอกสารที่โต๊ะ แล้วหันกลับมาพอดี สองคนปะทะกันอย่างแรง
“ว้าย! “ เธอตกใจไม่คาดคิด ล้มลงไปนั่งที่โซฟารับแขกในห้อง
แทนไทยิ้มหมิ่นขณะขยับร่างมาใกล้ ใช้สองมือคร่อมบนพนักโซฟาที่เธอนั่งอยู่แบบจงใจ
เวฬุยาตกใจมากหน้าเหวอเอ็ดเสียงดัง
“นี่คุณจะทำอะไร ออกไปนะ! เฮ้ย ไอ้บ้านี่... มาอยู่นี่ได้ไง”
“อ้าว... ตามมากัดผมถึงนี่เลยเหรอคุ๊ณ” แทนไททำหน้ากวนประสาท
“นี่นายหาว่าฉันเป็นหมาเหรอห๊ะ ไอ้ผู้ชายปากมอม”
“ผู้หญิงปากหมากับผู้ชายปากมอม ฟังดูก็เข้ากันดีนะ สงสัยว่าเราจะเป็นเนื้อคู่กันละมั้งคุณ” แทนไทเดินเข้ามา เธอชี้หน้า
“นี่หยุดเลยนะ นายจะทำอะไรน่ะ”
“ไม่ออก มีอะไรไม๊”
แทนไทพูดพลางก็ใช้เท้าเขี่ยประตูให้ปิด เธอมองยิ่งตกใจ ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนท่าทางกักขฬะขนาดนี้ เธอตกใจจะดันตัวขึ้น แต่แทนไทกลับก้มหน้าลงมาต่ำ เธฮตกใจร้องกรี๊ด ผลักแทนไทออกอย่างแรง จนเซผงะ เธอฉวยโอกาสลุกขึ้น จะเปิดประตูออกไปแต่แทนไทกลับคว้าร่างของเธอเอาไว้และดึงมา จนเธอเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอตกใจมาก หน้าซีด ปากสั่น ถามเสียงสั่น
“คุณจะทำอะไร”
แทนไทหัวเราะหมิ่นๆ “แหม!!ไม่น่าถาม...” แล้วจ้องตากวนประสาท “ มายั่วถึงที่ มันก็ต้องเจออย่างนี้แหละครับ”
แทนไททำท่าก้มหน้าลงมาจะจูบ เธอร้องกรี๊ดสุดเสียงตกใจสุดขีด ยกเท้าเตะผ่าหมากโดยอัตโนมัติ แทนไทร้องโอ๊ย ปล่อยมือ เปลี่ยนไปกุมเป้าแทน เธอคว้าแฟ้มเอกสารที่วางอยู่แถวนั้น ฟาดใส่ไม่ยั้งพลางด่า
“ไอ้ผู้ชายทุเรศ ฉวยโอกาสกับผู้หญิง อย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยแกไปง่ายๆ ฉันจะแจ้งตำรวจ โพสต์เฟซบุ๊กประจานแกเลยไอ้เลว”
ผู้จัดการไร่เปิดประตูเข้ามา เห็นแทนไทนั่งกุมเป้าอยู่ที่พื้น เวฬุยาฟาดเอาๆ เธอหันขวับไปมองผู้จัดการไร่ ชี้ไปที่แทนไทด้วยความโมโห
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้มันลวนลามฉัน จับมันส่งตำรวจด้วยนะคะผู้จัดการ ไม่งั้น ฉันไม่ยอม หนอย... ไอ้ ไอ้เจ้าของร้านต้นไม้กระจอก คิดจะมาซื้อไร่นี้ตัดหน้าฉันเหรอ ไม่มีวัน”
ผู้จัดการหน้าซีด “เอ่อ!”
เธอยิ่งโมโห
“อย่าบอกนะคะ....ว่าคุณจะปกป้องคนผิด ไปเรียกเจ้าของไร่มาเลยค่ะ เขาต้องเข้าข้างฉันอยู่แล้ว”
ผู้จัดการไร่รีบปฏิเสธ
“เปล่าครับเปล่า...แต่...แต่ว่า”
เธอสงสัย “อะไร”
“เอ่อ...ก็ผู้ชายเฮงซวยที่คุณกำลังทุบพั๊วะๆๆๆอยู่นั่นละครับ คือ เจ้าของที่นี่ครับ”
เวฬุยาอ้าปากหวอ หันไปมอง แทนไทค่อยๆลุกขึ้นมายืนจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง

อ่านต่อหน้าที่ 2


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปราชญ์นอนเอกเขนกบนเตียง พร้อมทำงานกับโน้ตบุ๊กไปด้วย เห็นรถหรูในโชว์รูมของปราชญ์ แต่ดูเหมือนปราชญ์จะไม่มีสมาธิจะทำงาน ภาพที่เขาปล้ำเขมปัญฑา เร้องไห้ เนื้อตัวสั่นดูไร้เดียงสา เขาไม่สบายใจ ได้แต่ถามตัวเองในใจ

“นี่เราทำอะไรลงไปวะ”

ปราชญ์เดินหน้าตาหงุดหงิดมานั่งที่โต๊ะอาหาร ป้าสายนำอาหารมาเสิร์ฟ ป้าสายเหมือนจะคุยอะไรแต่ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด
“คุณปราชญ์คะ คือ...”
“ป้าสายมีอะไรเหรอครับ”
“คือ...เรื่องเมื่อวันก่อน...ป้าไม่เชื่อหรอกนะค่ะว่าคุณปราชญ์จะทำอะไรคุณเขมจริงๆ”
“ผู้หญิงพรรค์นั้น แค่เห็นเงินทุกอย่างต้องง่ายอยู่แล้ว ป้าสายบอกคุณพ่อไปเลยนะครับ ว่าผมกับเค้ามีอะไรกันแล้ว”
“ป้าพูดไม่ได้หรอกค่ะ ป้าไม่เชื่อว่าคุณปราชญ์จะทำอะไรแบบนั้นทำจริงๆหรอก” ป้าสายยิ้มขำเดินออกไป ปราชญ์อาย ร้องเรียก
“ป้าสาย..ป้าสาย”

ปราชญ์เดินรี่สาวเท้าตามป้าสายที่อมยิ้มกลับเข้าไปในครัว
“ป้าสายๆๆ”
ป้าสายยิ้มยั่ว “คะ”
“ยังไงป้าสายต้องบอกพ่อนะ....ว่าผู้หญิงคนนั้นกับผม” ปราชญ์พูดยังไม่ทันจบ
“ไม่บอกค่ะ”
ปราชญ์ขัดใจ “ป้าสาย”
“คุณเขมเป็นคนดี น่ารัก ป้าไม่ทำให้เธอเสื่อมเสียเพราะอารมณ์ชั่ววูบของคุณปราชญ์หรอกค่ะ”
“ป้าพูดยังกับรู้จักผู้หญิงคนนั้นดี”
“ก็ไม่ดีมากหรอกค่ะ แต่เท่าที่รู้ คุณเขมเธอไม่ได้เป็นนางร้ายแบบในจอทีวี เท่าที่เคยอ่านข่าว เธอเรียบร้อยน่ารักนะคะ เค้าว่ากตัญญูด้วย”
“ดาราก็สร้างภาพกันทั้งนั้นแหละ”
“ต่อให้สร้างภาพยังไง ก็คงสร้างไม่ได้ตลอดหรอกค่ะ คุณปราชญ์ใช้อารมณ์ชั่ววูบในการตัดสินใคร เพราะไม่งั้น...วันใดวันหนึ่ง คุณปราชญ์เองนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียใจเอง”
“จะเสียใจได้ยังไง”
“ก็คุณเขมไม่ใช่ผู้หญิงที่ท่านจะแต่งงานด้วยนี่คะ”
ปราชญ์ตกใจ “หา!”
“คนที่จะแต่งงานกับท่าน คือคุณช้องนาง น้าคุณเขมต่างหากล่ะค่ะ นี่ดีนะคะที่คุณเขมเธอไม่ใช่ดาราที่ชอบเป็นข่าว ไม่งั้นคุณปราชญ์เจอข้อหาหนักแล้วล่ะค่ะ”
ปราชญ์งง ขณะที่ป้าสายพูดไปเรื่อยๆ
“ดีไม่ดี...เจอผู้หญิงน้องๆปลิงมาเกาะ คุณปราชญ์ดิ้นไม่หลุดแน่ๆ เฮ้อ!แต่น่าสงสารคุณเขม เจอคุณปราชญ์รังแกขนาดนั้น ป่านนี้ขวัญหนีดีฝ่อไปหมดแล้ว”
ป้าสายเดินไป ปราชญ์หน้าเครียด รู้สึกผิดอย่างมากๆๆ

ภายในไร่แทนรัก อีกมุมหนึ่ง พ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงกำลังเดินดูไร่อยู่ด้วยอารมณ์ชื่นมื่นมีความสุขพนักงานไร่วิ่งมาหน้าตาตื่น
“พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงคะ”
แม่เลี้ยงงุนงง
“อะไรจ้ะอะไร”
พนักงานหน้าตาเลิ่กลั่กละล่ำละลัก
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”

เวฬุยากับแทนไทยืนเผชิญหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร พนักงานของไร่ โผล่หน้ามาแอบมองแบบแอบๆหลบๆ อยากรู้ก็อยากรู้ กลัวแทนไทก็กลัว เธอเชิดหน้าเอาเรื่อง
“แล้วไง เป็นเจ้าของไร่แล้วทำตัวเป็นไอ้บ้าหื่นกาม เที่ยวปล้ำใครก็ได้งั้นเหรอ” เธอมองตั้งแต่หัวจรดเท้าดวงตาเหยียดหยาม “อ๋อ! ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าของไร่มีตรรกะแปลกประหลาด โอเค้! ถ้าเจ้าของทำได้...แขกก็ทำได้เหมือนกัน!”
พูดจบ เธอก็คว้าไม้กอล์ฟของแทนไทที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาจะฟาด ทุกคนร้องลั่น
พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงเดินมาถึงพอดีร้องลั่น “อย่า!”
เวฬุยาหันไปมอง แทนไทฉวยจังหวะนั้นกระโจนรวบตัวเธอกับไม้กอล์ฟเอาไว้ เธอร้องลั่น ทั้งถองทั้งศอก
“ปล่อยนะ จนขนาดนี้ยังจะหื่นอีก ไอ้บ้า!” เธอเอาศอกถองท้องแทนไทอย่างแรง
เขาร้องลั่น “โอ๊ย!” ปล่อยมือจากเธอโดยอัตโนมัติ
เธอหยิบไม้กอล์ฟขึ้นมาใหม่ จะฟาด แม่เลี้ยงร้องลั่น
“อย่าหนู!”
เวฬุยาหันไปมองแม่เลี้ยง แทนไทรีบกระชากไม้กอล์ฟมาถือไว้เองแบบกลัวใจ
แม่เลี้ยงน้ำเสียงอ่อนโยน เกรงใจ รู้สึกผิด
“ถ้าตาแทนทำอะไรที่ไม่สมควร ฉันขอโทษ”
เธอมองแม่เลี้ยงแววตาอ่อนลงแบบรู้เด็กรู้ผู้ใหญ่
“หนูเข้าใจนะคะ ว่าคุณยายรักคนของคุณยาย แต่มันเป็นการให้ท้ายที่ผิดมากนะคะ ที่ลูกหลานทำผิด แล้วผู้ใหญ่ต้องตามมาขอโทษ” เธอหันขวับมามองแทนไทอย่างเอาเรื่อง “โดยที่ต้นเหตุยังไม่สำนึกเลย เออ....ถ้าเด็กจะไม่ว่าหรอก แต่นี่ แก่แล้วยังเที่ยวมาทำหื่นเรี่ยราด ทุเรศ!”
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เธอกระชากไม้กอล์ฟจากมือแทนไท แล้วฟาดใส่อย่างแรงโดยอัตโนมัติ แทนไทยกมือขึ้นกัน ไม้กอล์ฟถูกมืออย่างแรงและหล่นลงถูกหน้าแข้ง ร้องลั่น
“โอ๊ย!!ๆ”
ทุกคนตกใจ คาดไม่ถึง ส่วนเวฬุยาสะบัดหน้าเดินออกไป ไม่แคร์ ทุกคนเหวอ
แทนไทเหวอ ทั้งอายปนโกรธ “เธอ...เธอ” เขาจะตามไป แต่ก็เจ็บทั้งมือทั้งขากระเผลกได้ แต่ร้องลั่นหน้าเหยเก “โอ๊ยๆ”
พ่อเลี้ยงเสียงเข้ม “หยุด!”
แทนไทหยุดหันมามอง พ่อเลี้ยงว่า
“ถูกด่าขนาดนี้แล้ว ยังไม่สำนึกอีก”
แทนไทเถียง ชี้มือไปทางมะม่วง
“ก็ผู้หญิงคนนั้นเค้าทำผม”
“แล้วมันเรื่องอะไร แทนถึงได้ไปทำหื่นใส่เค้า จนเค้าด่ามาถึงปู่ถึงย่า”
แทนไทเสียงดัง เข้มไม่ยอม
“มารยาเท่านั้นครับคุณย่า มารยา”
“ใครมารยา ย่าไม่รู้หรอกน่ะ แต่ผู้หญิงคนเมื่อกี้ ย่าว่าเค้าไม่ได้มารยา เพราะถ้าเค้ามารยา ป่านนี้ ระดับเค้าแต่งงานกับไฮโซ คนรวย นั่งนับแบงค์สบายไปแล้ว”
แทนไทไม่เชื่อ
“คุณย่าไม่รู้จักเค้า ไปการันตีเค้าได้ยังไง”
“รู้จักสิ...เพราะเขาคือ มะม่วง ดาราที่ได้ขึ้นชื่อว่า เกลียดผู้ชายเลยล่ะ”
แทนไททำหน้างง

เวฬุยาเดินกลับมาที่รถอย่างหงุดหงิด
“ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว ไอ้คนบ้า อร้าย...ทำไมฉันถึงได้ซวยอย่างนี้นะ กะจะหนีความวุ่นวายมาเที่ยวให้สบายอารมณ์ แต่ดันมาเจอไอ้หมาปากมอมที่นี่” เธอหันกลับไปมองดูที่รีสอร์ท “ชาตินี้เราอย่าได้กลับมาเจอกันอีกเลย ไอ้คนบ้าเอ้ย...”
เสียงแม่เลี้ยงอธิบาย...
“ย่าชอบดูละคร เลยรู้จักเค้า มะม่วงเข้าวงการมานานหลายปีแล้วล่ะ แต่ข่าวคราวเรื่องผู้ชายไม่มีเลย แล้วยังมีข่าวซุบซิบอีกว่า เค้าเกลียดการเป็นข่าวกับผู้ชายมากที่สุด”

แม่เลี้ยงนั่งทายาให้แทนไทอยู่ เถียงแบบหัวเสีย
“ถ้าเกลียดผู้ชาย แล้วจะมาให้ท่าผมถึงในห้องทำไม”
แม่เลี้ยงทำท่าหัวใจจะวาย “โอ๊ยย!” แล้วทำท่าตีหลาน แต่ไม่กล้าให้โดนแรง กลัวหลานเจ็บ “..นี่แนะ นี่แนะทำไมปากจัดอย่างนี้”
แทนไททำท่าหลบ
“โอ๊ยๆๆก็มันจริงมั้ยล่ะครับคุณย่า...ผมสั่งห้ามพนักงานแล้วนะครับ ไม่ให้เข้าไปหาแล้วยังจะมาอ้าง ว่ามีประกาศขายไร่ คนอย่างผมเหรอจะประกาศขายไร่ ข้ออ้างเข้าหาผมชัดๆ เฮอะ”
ผู้จัดการเดินเจี๋ยมเจี้ยมเข้ามาหา
“แต่..ผมตรวจดูแล้ว มีประกาศขายไร่จริงๆนะครับ”
ผูจัดการยื่นไอแพดให้ แทนไททำหน้างงๆ รับมาดู อ่าน
“ประกาศขายไร่แทนรัก ราคาถูก เจ้าของเลิกกิจการ จะไปบวช ปรับสันดาน”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอึ้ง ผู้จัดการรีบเดินถอยออกไปอย่างรู้งาน พ่อเลี้ยงว่า
“ลองเล่นกันแรงขนาดนี้...ปู่ว่าต้องเป็นผู้หญิงในสต๊อกที่แกทำเค้าเสียใจแหงๆนายแทน เค้าถึงได้แค้นฝังหุ่น แกล้งกันขนาดนี้”
“โทษหนูมะม่วงไม่ได้หรอก...ต้องโทษแกคนเดียว ที่มักง่าย ทำอะไรไม่เข้าท่า ให้เค้าด่ามาถึงปู่ถึงย่าได้ เฮ้อ!”
“คุณย่าเชื่อผมสิ...มารยาผู้หญิงมี 108 นี่ก็เป็นแค่มารยานึงที่ทำให้พวกเราสนใจเค้า”
“พวกเรา หรือแกคนเดียว”
แทนไเหวอไป... แม่เลี้ยงว่า
“ถ้าไม่สนใจ แกก็คงจะไม่หงุดหงิดงุ่นง่านถึงเค้าขนาดนี้หรอกใช่มั้ย”
“ก็แค่อยากเอาชนะ”
พ่อเลี้ยขำๆ
“ระวังจะแพ้ใจตัวเองนะหลาน เพราะปู่ดู..ปู่รู้...หนูมะม่วงไม่เหมือนผู้หญิงที่แกเคยเจอมาแน่นอน”
แม่เลี้ยงยิ้มๆ
“อยากลองก็ได้...จากเจอไม้กอล์ฟ อาจจะเปลี่ยนเป็นเจอไม้หน้าสามแทน”
พ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงยิ้ม แทนไทยิ่งหัวเสีย รู้สึกเหมือนเสียฟอร์ม!!

เวฬุยาขับรถออกมาตามทาง อยู่ๆรถก็ดับ เธอพยายามสตาร์ทแต่ ไม่ติด
“..ซวย ...ซวย ซับซวยซ้อน จริงๆ...ติด สิ”
ไม่ทันคาดคิด อนุรักษ์ โผล่มาตรงหน้าต่าง
“รถเสียเหรอครับ”
“อุ้ย.....คะ เป็นอะไรไม่รู้”
เธอเดินลงมา
“รถใหม่ๆอย่างนี้ไม่น่าเสียนะครับ...คุณช่วยเปิดกระโปรงหน่อย ครับ”
“เห้ย...ไอ้บ้ากาม อีกแล้วเหรอนี่ ไปเลย”
“โทษทีครับ...ผมหมายถึงกระโปรงรถ”
เธอค่อยสงบ ดูเขินๆไปเปิดกระโปรงรถ อนุรักษ์ ก้มดูแปปเดียว
“น่าจะเพราะสายแบตนะครับ...มันหลุด...ลองสตาร์ทอีกทีครับ”
เธอทำตาม รถติดแล้ว
“ขอบคุณมากเลยนะค่ะ...ถ้าไม่ได้คุณ ฉันตายแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขับรถหมั่นตรวจเครื่องหน่อย ก็ดีนะครับ”
“คะคะ..ไปนะคะ”
“โชคดีครับ”
มะม่วงขับรถไป อนุรักษ์ มองตาม แต่ไม่ได้คิดอะไร

ปราชญ์เดินกลับเข้ามาในห้อง คว้าซองยาขึ้นมาดู ก่อนเดินเร็วๆไปคว้ามือถือขึ้นมา
ปราชญ์บอกปลายสาย
“หมอ...ฉันอยากให้ช่วยดูยาอะไรให้หน่อย...พอจะว่างเจอกันมั้ย”
ปราชญ์ก็ไม่รู้ คือยาอะไร

เวลากลางคืน เจ๊เต่าจอดรถ เดินลงมา ก่อนจะเดินเข้าคอนโด เห็นเวฬุยานั่งอ่านนิตยสารอยู่ตรงล็อบบี้คอนโด เจ๊เต่าเดินมาหาถามด้วยความแปลกใจ
“ไหนบอกจะไปดูที่ที่เชียงราย ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ”
“เจอผู้ชายหื่นน่ะเจ๊”
เจ๊เต่ารีบเข้ามานั่งข้างๆแบบห่วงมาก
“เอ้า! ทำไมโชคไม่ดีอย่างนั้นล่ะ”
“นั่นสิ! ซวยชะมัดเลย ประสาท อยู่ๆก็หาว่าหนูไปให้ท่าเค้าถึงที่”
“สงสัย...เค้าคงเจอผู้หญิงไปให้ท่าเค้าบ่อยมั้ง”
“เจ๊!!”
“นี่อย่าเพิ่งโกรธ...เจ้ไม่ได้ว่าหนู แค่คาดเดา หนูก็เห็นผู้หญิงสมัยนี้ร้ายจะตาย บางคนให้ท่า กระโจนเข้าหาผู้ชาย จนผู้ชายกลัว พูดก็พูดเถอะ บางคนหน้าไม่อาย จนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงแล้ว”
เธอคิดตาม สีหน้าอ่อนลง ได้แต่ถอนหายใจ เจ๊เต่าว่า
“นี่เจ้ว่า ไม่ต้องอารมณ์เสียหรอก...ลืมๆมันซะ ชาตินี้หนูคงไม่โชคร้าย เจอกับเค้าซ้ำสองหรอก”
เธอได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆเซ็งมากบอก
“จะพยายามนะเจ๊ แต่ถ้าหนูเจอมันอีก รับรองมันได้ตายคาเท้าหนูแน่”
“อึ๋ย!!” เจ๊เต่าทำท่าสยอง มะม่วงไม่เคยกร้าวขนาดนี้
ทางด้านหลัง ป้าไก่นั่งทำงานอยู่ ได้ยินทุกอย่าง แต่เจ๊เต่ากับเวฬุยาไม่เห็น เจ๊เต่าว่า
“เจ๊ว่าเราขึ้นห้องกันดีกว่า ป่ะ !เพราะถ้าข่าวนี้หลุดออกไป หนูนั่นแหละจะเละคา
เท้านักข่าว ข่าวคาวๆอย่างนี้ไม่รอดหรอก” เจ๊เต่าพาเธอลุกเดินออกไป
ป้าไก่ยิ้มกระหยิ่มพูดในใจ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ข่าวมันลอยมาถึงหูฉันเอง”
ป้าไก่หันไปมองมะม่วงกับเจ๊เต่า พอเห็นสองคนเดินลับหายไปก็ยกมือถือขึ้น
“ช่วยเช็กให้หน่อยสิ”
อ่านต่อหน้าที่ 3


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 2 (ต่อ)

โชว์รูมรถซูเปอร์คาร์ ปราชญ์ยืนนิ่งท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ เสียงหมอ เพื่อนของปราชญ์ดังก้อง
“ยาพวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มอาการรักษาโรคอัลไซเมอร์ มีทั้งยาควบคุมจิตใจให้สงบ ไม่ก้าวร้าว แล้วก็แก้อาการเกร็งในกลุ่มพากินสัน ว่าแต่...ยาของใคร”
“เปล่าๆไม่มีอะไร”
ปราชญ์หน้าเคร่ง คิดหนัก
“เค้าเป็นอะไร ทำไมต้องมีพกยาอัลไซเมอร์”
พาทีเดินมา พร้อมแฟ้มงานในมือ
“คุณปราชญ์ครับ”
ปราชญ์รู้สึกตัว
“ว่าไงพาที”
“โปรเจ็คงาน Super car &Import car show เรียบร้อยแล้วครับ” พาทีพูดพลางยื่นแฟ้มให้
ปราชญ์รับมา
“ขอบคุณมาก”
“งั้นเดี๋ยวผมแจ้งวันประชุมไปทางเลขาท่านธาริชนะครับ”
“ไม่เป็นไร คุณพ่อยังไม่กลับ ไว้คุณพ่อกลับมาเมื่อไหร่ ผมจะแจ้งให้ทราบอีกที”
“ครับ”
ปราชญ์พลิกดูแฟ้มในมือ เห็นขั้นตอนโปรเจ็คภายในงานและมีหัวข้อที่เกี่ยวกับการนำเสนอพรีเซนเตอร์ที่จะมาร่วมในวันงาน ปราชญ์นึกไปถึงคำพูดของป้าสายว่า เขมปัญฑาไม่ใช่ภรรยาใหม่ เป็นคนดี ปราชญ์ครุ่นคิด สับสน อยากรู้ พาทีเห็นปราชญ์ยืนมองแฟ้มนิ่ง ก็กลัวมีปัญหารีบเดินเข้ามา ถามอย่างเกรงใจ
“คุณปราชญ์มีอะไรสงสัยหรือเปล่าครับ”
“เปล่า...พอดีผมกำลังนึกว่าจะเชิญใครมางานของเราบ้าง”
“ก็ที่ทีมงานคุยกันไว้คร่าวๆก็คงจะเป็นนักแสดงชื่อดัง แล้วก็เซเล็บน่ะครับ แต่จะเป็นใครบ้าง ในวันประชุม จะเสนอรายชื่อให้คุณปราชญ์พิจารณาอีกที”
ปราชญ์พยักหน้ารับรู้ “อืม!!” ก่อนทำทีเป็นถามๆ “แล้วดาราที่ชื่อเขมอะไรนั่นล่ะ”

พาทีทำท่านึก
“เขม...เขมปัญฑา”
“เค้าเป็นยังไงมั่ง”
“ก็สวยดีนะครับ คนที่เคยทำงานด้วยบอกว่าน่ารัก ไม่เรื่องมาก ตัวจริงกับในละครไม่เหมือนกันเลย”
“ผมอยากได้เบอร์ติดต่อเค้าพอจะหาให้ได้มั้ยครับ”
พาทีมองปราชญ์แปลกๆ ที่ผ่านมาปราชญ์ไม่เคยสนใจใคร

คอนโดฯ เจ๊เต่านั่งเบื่อ บ่นตามประสา
“เฮ้อ!เซ็ง นั่งกัดเล็บจนจะกุดไปหมดทั้งนิ้วเท้านิ้วมือแล้ว ยังไม่มีใครโทรฯมาเลย”
เสียงมือถือดังลั่น เจ๊เต่าสะดุ้งเฮือกรีบรับสาย
“สวัสดีค่ะ....ติดต่อเรื่องอะไรคะ ....ขอคิวน้องเขม” เจ๊เต่าตาเหลือกดีใจก่อนปฏิเสธ “ขอเจ๊ดูคิวแป๊บค่ะ” นางทำทีเป็นดู คิวงานที่ว่างเปล่า แต่บอก “คิวไม่ว่างเลยค่ะ เต็มเหยียดไปถึงเดือนหน้าเลย ต้องการวันไหนคะ? เดี๋ยวเจ้ดูคิวให้..เผื่อจะแทรกได้” นางฟัง แล้วทำตาโตตกใจ “วันนี้!! ได้ๆค่ะ นี่ถ้าไม่รักกันจริง ไม่แทรกคิวให้นะคะเนี่ย ขอบคุณมากๆค่ะ”
เจ๊เต่าวางสายทำท่าดี๊ด๊าสุดๆ
“เจ้ไม่อยากตายแล้ว 555555” เจ๊เต่าทำท่ากังวลกดมือถือทันที “เขมอยู่ที่ไหน คืนนี้มีงานด่วน ไปกับเจ๊ะ สวยๆเลยนะ เอาให้เป๊ะเวอร์ไปเลย”

ตอนกลางคืน ปราชญ์มาด้อมๆมองๆแถวหน้าบ้านยายของเขมปัญฑา มองเข้าไปในบ้านเงียบ เหมือนไม่มีคนอยู่
เสียงป้าสายดังก้อง
“ป้าก็ไม่เคยไปบ้านคุณช้องนางหรอกนะคะ แต่เคยคุยกับคนขับรถ เค้าเคยไปส่งคุณช้องนางที่บ้าน แล้วป้าก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน คุณเขมจะอยู่บ้านหลังเดียวกับคุณช้องนางรึเปล่า”
“หรือไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้”
ปราชญ์ทำท่าจะผละไปแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเขมปัญฑาในชุดราตรีแลดูเซ็กซี่ถอดแบบออกจากมาดนางร้ายในละครเดินออกมาจากด้านใน เป๊ะเวอร์อย่างที่เจ๊เต่าบอก ปราชญ์เห็นและรีบหลบมุมแอบมองทันที รถเจ๊เต่ามาจอดที่หน้าบ้าน เขมปัญฑาเดินไปที่รถ เจ๊เต่าทำท่าแมนๆเพื่อแกล้งเธอ ก้าวลงมาเปิดประตูให้เขม เขมปัญฑายิ้มให้ขำๆ ปราชญ์เขม่นตามองอย่างไม่พอใจ พอเธอก้าวขึ้นรถไปนั่งข้างเจ้เต่า รถก็วิ่งออกไปทันที
ปราชญ์ออกมาจากที่ซ่อนมองตามไม่พอใจ
“นี่เหรอคนดี เรียบร้อยของป้าสาย ตกดึกก็มีคนมารับ ถ้าคิดจะสูบเลือดพ่อฉันทั้งน้าทั้งหลานล่ะน่าดู”ปราชญ์พูดอย่างหัวเสีย กระแทกเท้าเดินขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เจ้เต่าพาเขมปัญฑาเดินเข้าโรงแรม กระซิบว่า
“ปกติเจ๊ก็ไม่เคยรับหรอกนะงานกินข้าวอะไรแบบนี้ แต่ช่วงนี้เจ๊เห็นว่าเขมต้องการเงิน อีกอย่างเจ๊มาด้วย ยังไงก็ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่คราวหลัง เขมไม่เอานะคะเจ๊....เกิดมีข่าวออกไปมันแลดูไม่ดี”
“ครั้งนี้ไม่มีอะไรหรอก....คนที่นัดเป็นผู้หญิง”
เจ๊เต่ายิ้ม เขมปัญฑาก็ยิ้มอย่างโล่งใจ

โรงแรมด้านใน พาทีกับดาริกา ทีมงานของปราชญ์นั่งอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เธอและเจ๊เต่าเดิน
เข้าไป พาทีและดาริกาก็ลุกขึ้นมาดูแลเทคแคร์อย่างดี พาทีบอก
“ขอโทษนะครับ ที่รบกวนเวลาอย่างกะทันหัน”
“ยินดีค่ะ แต่ว่า...” นางหัวเราะแหะๆ “น้องวิ่งรอกงานมาทั้งวัน ไม่มีเวลาแต่งตัวเลย เลยดูโทรมๆไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
เขมปัญฑายิ้มแห้งๆ พาทีกับดาริการีบบอก
“โอ๋ย! แค่นี้ก็สวยอย่างมากๆ สวยอย่างที่สุดแล้วค่ะ”
“ว่าแต่...มีอะไรให้น้องรับใช้คะ”
“คุณปราชญ์ สัตยาวาน อยากจะเชิญคุณเขมมาร่วมงาน Super car &Import car show ครับ”
เขมปัญฑายิ้ม เพราะไม่รู้ว่าคนที่เธอเจอชื่อ ปราชญ์ “ยินดีค่ะ”
เจ๊เต่าทำหน้างง สงสัยสุดขีด
“งั้นก็ ตามนั้นค่ะ..” ดาริกาจะเดินจากไป
“ตามนั้น...คือ”
“ก็ตามตกลงไงค่ะ”
“แล้วที่เรียกให้เรามา....คือ”
“ขอโทษทีครับ...ก็แค่อยากดูตัวนะครับ”
“อ๋อ คะคะ”
“ค่า สวัสดีค่ะ”
2 คนเดินจากไปแล้ว
เจ๊เต่าบอก
“ดูตัวอย่างเดียว........กิจกรรม คนรวย”

สองคนเดินออกมาที่หน้าโรงแรม เจ๊เต่ามองซ้ายมองขวากระซิบถามเธอ
“นี่! เขมรู้จัก คุณปราชญ์ สัตยวานอะไรนั่นมั้ย”
“ไม่นะเจ้...แต่นามสกุลเหมือนคุ้นๆยังไงไม่รู้”
“ไอ้นามสกุล ก็คงเป็นไฮโซซักคน ที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆนั่นแหละ แต่เจ๊ว่ามันแปลกๆ เพราะไอ้งานเซเล็บ เปิดตัวรถซูเปอร์คาร์ปกติ เค้าไม่...”
เขมปัญฑาต่อ “เชิญนางร้ายอย่างเขมไปหรอกใช่มั้ย”
เจ๊เต่ารีบบอก
“ใช่!! แต่เจ๊ไม่ได้ว่าเขมไม่ดีนะ เพียงแต่ เราไม่น่าจะอยู่ในกลุ่มทาร์เก็ตของพวกเค้าน่ะ เจ๊ก็เลยแอบคิด....”
“อะไรคะเจ๊”
“เค้าต้องรู้จัก สนใจ หรือว่าอยากจะรู้จัก ทำความรู้จักกับเขมรึเปล่า??ถึงได้เจาะจงเชิญเขมโดยเฉพาะน่ะ ถ้าเค้าสนใจจริงๆ...ก็น่าสนนะ ท่าทางจะรวยเวอร์”
“จะรวยหรือจน ตอนนี้เขมก็ไม่สนใจหรอกค่ะ บอกตรงๆ เขมกลัวผู้ชาย”
พูดจบเขมปัญฑาก็เดินลิ่วไป เจ๊เต่ารีบวิ่งตาม
“ใจเย็นก่อนสิเขม เจ้แค่สมมุติ แค่สุมมติ”

เวลากลางคืน ที่ร้านอาหารเก๋ๆ ทางด้านใน ป้าไก่มองพิมพิชชาอย่างสนใจ ขณะที่พิมพิชชานั่งแอ๊บหน้านางเอกพูดเสียงอ่อย
“ขอโทษป้าไก่นะคะ..ที่รบกวน”
ป้าไก่ทำหน้าดุ
“เรื่องรบกวนไม่มีปัญหา ...แต่ที่เรียกป้ามีปัญหาแน่ค่ะ”
พิมพิชชาหน้าซีดเผือด ป้าไก่หัวเราะคิกคักพลางว่า
“ อู้ยย!พูดเล่นค่ะ เชิญเรียกป้าได้ตามสบาย คนทั้งวงการเค้าก็เรียกป้าตามหนังหน้านั่นแหละค่ะ คุณพิมมีอะไรจะให้ป้ารับใช้เมาท์มาเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องเมาท์อะไรหรอกนะคะ” เธอตีหน้าเศร้ามากกว่าเดิม “เป็นเรื่องของหนูเอี๊ยมน่ะค่ะ ป้าไก่ทราบใช่มั้ยคะเรื่องที่หนูเอี๊ยมไม่กลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว
พิมพิชชาแอ๊บหน้าเศร้า แต่ตาปาระเบิดเต็มที่ ป้าไก่หูผึ่ง

ภายในห้าง มีงานอีเวนท์ สามสาวในสังกัดของเจ๊เต่า ยืนอยู่หน้า Backdrop ของงาน แต่ละคนหน้าตายิ้มแย้มท่ามกลางไมค์รวมจากนักข่าวเป็นสิบๆ นักข่าวถาม
นักข่าว1ถาม
“เรื่องที่ทะเลาะกับป้าไก่เป็นยังไงบ้าง ตกลงเคลียร์กันรึยังคะ”
อรัญภัทรยิ้มอารมณ์ดี
“ไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ เลยไม่ได้เคลียร์อะไร”
“งั้นที่มีคนเมาท์ว่า เอี๊ยมกับป้าไก่ ทะเลาะกันเพื่อสร้างกระแสก็เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยคะ”
นางเอกสาวหัวเราะ
“ไม่ได้จบวิศวะไฟฟ้าค่ะ สร้างกระแสไม่เป็น อีกอย่าง ระดับเอี๊ยม ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกับใคร” เธอยิ้มหวานมองนักข่าว “แค่ขยับตัวพี่ๆก็มากันเต็มหมดแล้ว ใช่มั้ยคะ”
เวฬุยาที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าตึง คำตอบอรัญภัทรหลงตัวเอง และแสดงให้รู้ว่าความดังอยู่เหนือกว่าเธอ นักข่าวยิ้ม ชอบใจกับรอยยิ้มหวานๆอารมณ์ดีของนางเอกสาว ก่อนที่นักข่าวจะถามต่อ
นักข่าว2 “แล้วกับมะม่วง ที่วันนั้นทะเลาะกัน”
เวฬุยายืนหน้าอึนๆ เพราะทุกคนพุ่งความสนใจไปที่อรัญภัทรที่กอดเวฬุยาไว้
“ก็คุยกัน อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน เนาะ เราอยู่สังกัดเดียวกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน หรือว่ามีปัญหาอะไรกันค่ะ”
“จริงหรือเปล่าคะมะม่วง”
ป้าไก่มองเวฬุยา ลุ้นเหลือเกินเพราะเวฬุยาเป็นคนตรงมากกว่า
เธอมองเอี๊ยมก่อน ยิ้มนิ่งๆบอกนักข่าว
“ก็...อย่างที่พี่ๆเห็นล่ะคะ”
นักข่าวฮือฮากับคำตอบกำกวม
“ตอบชัดๆสิคะน้องมะม่วง เพราะที่พี่ๆเห็น เดี๋ยวน้องก็ดีกัน เดี๋ยวน้องก็ตีกัน ดีกัน...ตีกัน จนเหมือนสร้างกระแส”
“ก็เหมือนที่เอี๊ยมว่าน่ะค่ะ ไม่ได้จบวิศวะไฟฟ้ามา สร้างกระแสไม่เป็น แต่เรื่องเดี๋ยวดี เดี๋ยวตี คนอยู่ด้วยกัน มันก็ต้องทะเลาะกันมั่ง ดีกันมั่ง เป็นเรื่องธรรมดา”
นักข่าว3 ถาม“ตกลงไม่ได้ทะเลาะกัน”
เธอยิ้มนิ่งๆ ตอบไม่ตรงเหมือนเดิม “ก็ยังอยู่สังกัดเดียวกันค่ะ”
นักข่าวทำหน้าเซ็ง ไม่ได้คำตอบ ไม่มีข่าวอะไรมาเพิ่ม เขมปัญฑายิ้มหวานตามนิสัยบอก
“แล้วก็จะอยู่สังกัดเดียวกันตลอดไปค่ะ เพราะเราสัญญากับเจ๊เต่าเอาไว้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เราจะไม่ทิ้งกันค่ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 4


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 2 (ต่อ)
เจ๊เต่ายิ้มปลื้มใจกับคำตอบของเขมปัญฑา นักข่าวถ่ายรูป สามคนกอดกันโดยที่เขมปัญฑายืน

คั่นกลางระหว่างอรัญภัทรกับเวฬุยา เ
อรัญภัทรเรียกเจ๊เต่า
“มาเจ้เต่า...ถ่ายรูปด้วยกัน”
เจ๊เต่าที่ยืนรออยู่รีบเดินเข้ามาถ่ายรูป อรัญภัทรพูดขำๆตามประสาคนเฮฮา
“ปรองดองค่ะปรองดอง” ทุกคนโพสท่าถ่ายรูป
เวฬุยาแอบเผลอมองค้อนอรัญภัทร การกระทำของอรัญภัทรเหมือนเป็นการแย่งซีนทุกอย่าง
เพราะนางเอกสาวดังสุด นักข่าวรุมถ่ายรูปสามคน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันเดินออกมา
นักข่าวคนหนึ่งวิ่งตามมา
นักข่าว4 บอก“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว”
สามสาวและเจ๊เต่าต่างมองงง ! นักข่าวชูแท็บเล็ตขึ้น
“น้องเอี๊ยมอ่านข่าวนี้รึยัง.. นางเอกชื่อเล่นอ. ชื่อจริงอ. ไม่กลับบ้านมาเป็นเดือน แล้วก็ยังทิ้งพ่อ เหตุหลงผู้ชาย”
อรัญภัทรคว้าแท็ปเล็ตจากนักข่าวทันที ก้มหน้าอ่าน เห็นหัวข้อข่าวบันเทิงพาดหัว “นางเอกชื่อเล่นอ.ชื่อจริงอ.ไม่กลับบ้านเป็นเดือน ทิ้งพ่อ เหตุหลงผู้ชาย” พร้อมกับมีภาพประกอบเป็นเงาดำๆแต่เค้าโครงของเธอ ชนิดใครดูก็รู้ว่าเป็นเธอ
อรัญภัทรปริ๊ดแตกแทบจะเขวี้ยงแท็บเล็ตทิ้ง นักข่าวรีบถลามาคว้าแท็บเล็ตของตัวเองคืน
เธอพูดอย่างโมโห
“นางเอกชื่อเล่นอ. ชื่อจริงอ.จะย่อทำไมเนี่ย??ไม่เขียนไปเลยล่ะว่า...”
เจ๊เต่ากรอกตาทำท่าคิดก่อนโพล่งออกมา “เอี๊ยม อรัญภัทร” นางมองหน้านางเอกในสังกัดนึกได้ “ว้าย! เจ๊...ขอโทษ” นางรีบเอามืออุดปากตัวเอง
“ใคร?ใครเขียนข่าว” เธอกวาดตามองนักข่าว ถามฟิวส์ขาด “นังป้าไก่อีกแล้วใช่มั้ย”
ทุกคนเงียบกริ๊บ ในขณะที่มือก็กดชัตเตอร์กันรัว

อรัญภัทรเดินฉับๆๆออกมาจากงาน โดยมีเจ๊เต่า และเวฬุยาและเขมปัญฑาวิ่งตามกันมาพร้อมนักข่าว
“เดี๋ยว เอี๋ยม เดี๋ยว”
เวฬุยาวิ่งมาขวางหน้าแบบเป็นห่วงจริงๆ แต่พูดจาห้วนตามนิสัย
“เธอกำลังทำให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลงอีกแล้วนะ”
อรัญภัทรยียวนไม่ยี่หระ “so what บอกแล้วไงว่า อินดี้ ไม่ว่าฉันจะขยับตัวทำอะไร ทุกคนก็หาว่าฉันสร้างกระแสอยู่แล้วนี่”
ป้าไก่เดินอารมณ์ดีเข้ามา เธอหันไปเห็น โพล่งทันที
“ตบนักข่าวปากหมาอีกหน่อย มันจะเป็นไรไป”
ป้าไก่หน้าเหลอหลา ถามทุกคน
“ไม่เกี่ยวกับป้าใช่มั้ยคะ”
เธอถลันเข้ามา
“เกี่ยว...ก็ป้าน่ะแหละ ไก่ปากหมา”
“แอร้ย ไก่ปากหมา นี่ อีเจี๊ยบเลียบด่วนมังคะ ไม่ใช่ป้า”

เธอตะคอก
“ป้านั่นแหละ ก็หัวหนังสือป้า คอลัมน์ของป้า” เธอชี้หน้า “ป้าด่าเอี๊ยมได้ยังไง”
นักข่าวที่ตามมาถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ ป้าไก่รีบบอก
“น้องเอี๊ยมขา..ใจเย็นๆค่ะ ป้าไม่ได้ใส่ตีไข่ เมาท์มอยอะไรน้องเอี๊ยมเลยนะคะ แต่ข่าวที่ลง คุณพิมเป็นคนบอกป้าเอง”
นางเอกสาวหรี่ตา
“ยัยป้าชะนีหน้าเหี่ยวนะเหรอ”
นักข่าวทุกคนแทบจะร้อง “โอ้ว” เธอแรงมากก เจ๊เต่าหน้าแหย เพื่อนร่วมสังกัดได้แต่ส่ายหน้าระอา เวฬุยาหันไปกระซิบเขมปัญฑา
“คุมตัวเองไม่ได้อีกแล้วยัยเอี๊ยม”
เขมปัญฑาถอนหายใจ ขณะที่อรัญภัทรถามป้าไก่
“มันบอกป้าว่ายังไง”
เธอจ้องหน้า ป้าไก่กลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ก่อนยื่นมือถือให้ เธอรับมาดูเป็นคลิปที่ป้าไก่ถ่ายไว้

ในร้านอาหาร พิมพิชชาบอกป้าไก่ด้วยท่าทางนางเอ๊ก นางเอก ยิ่งรู้ว่า ป้าไก่ยกมือถือถ่ายคลิปเอาไว้ก็ยิ่งนางเอก
“ตอนนี้...ท่านอานนท์ไม่สบายมาก ท่านตรอมใจน่ะค่ะที่คุณเอี๊ยมไม่ยอมกลับบ้านซักทีน่ะค่ะ”
“ทำไม...คุณเอี๊ยมถึงไม่กลับบ้านล่ะคะ”
พิมพิชชาแสร้งถอนใจ
“ก็...เฮ้อ!พูดไปมันก็ไม่ดี แต่พิมจำเป็นต้องพูดนะคะ...ท่านอานนท์สงสัย ว่าคุณเอี๊ยมอยู่กับแฟนน่ะคะ”
ในมือถือ พิมพิชชามีท่าทางอึดอัดไม่สบายใจ ไม่อยากพูดมากๆ แต่พูดพรวดๆ

เมื่อนางเอกสาวดูคลิป มือไม้สั่น ก่อนจะด่าออกมา
“นังพิม นังสะตอ”
ทุกคนฮือฮา เจ๊เต่าหน้าแหย ตาเหลือกมองนักข่าว ก่อนจะรีบบอก
“ท่องไว้ลูกเราเป็นนางเอก พูดจายังงี้ไม่ด๊าย!”
“ก็มัน......ตอ.....” เธอหยุดไว้
“ไอ้ตอ อะไรนั้น...แปลว่า...ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ งั้นน้องเอี๊ยมแก้ข่าวมาเลยค่ะ ป้าจะเขียนตามที่น้องเอี๊ยมบอกทู้กอย่าง”
เวฬุยาเหน็บเนียนๆ
“เต้าข่าวเอง แก้ข่าวเอง ได้เงินหมดทุกทางเลยนะป้า”
ป้าไก่ยิ้มลืมตัว “ค่ะ” เมื่อนึกได้ทำหน้าเคร่ง “อุ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะน้องมะม่วง ป้ามีจรรยาบรรณพอค่ะ ถ้าคุณพิมเต้าข่าว ใส่ร้ายน้องเอี๊ยมจริงๆ ป้าจะแฉ!! แฉให้หมดไปเลยว่า ความจริงแล้ว คุณพิมน่ะแหละ เป็นเมียน้อยแย่งสามีคนอื่น ทำให้ครอบครัวน้องเอี๊ยมแตกแยก”
จังหวะนั้น พิมพิชชาเดินควงแขนมากับอานนท์ อรัญภัทรมองตะลึง เจ๊เต่าสะกิดป้าไก่หันไปเห็น
“ท่านอานนท์ คุณพิม!” ป้าไก่รีบถลาไปหาทันทีแล้วย่อตัวลง ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะท่าน สวัสดีค่ะคุณพิม”
อานนท์กับพิมยกมือรับไหว้ป้าไก่ เธอมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด อานนท์มอง เดินเข้ามาหาลูกสาว
“อ่านข่าวแล้วใช่มั้ย”

เธอเชิดหน้าไม่ยอม
“ถึงไม่อ่าน ข่าวเน่าๆจากปากเน่าๆ ยังไงมันก็ลอยมาถึงหูเอี๊ยมอยู่แล้วค่ะ”
“หูเน่าๆของแกด้วยสินะ ถึงฟังแล้วคิดไม่ได้ ว่าใครเค้าหวังดียังไง”
เจ๊เต่าและเพื่อนร่วมสังกัดมองเธออย่างเห็นใจ ขณะที่เธอเชิดหน้าขึ้น พิมพิชชาออดอ้อน แตะมืออานนท์ทำท่าติง แต่รีบว่า
“ท่านคะ...ที่นี่มีแต่นักข่าว” ปากบอก แต่ทั้งหน้าทั้งตัว พยายามเอียงเข้าหากล้องสุดฤทธิ์ “มีเรื่องอะไรกลับไปคุยที่บ้านนะคะ”
“คุยที่บ้านได้ยังไง ยัยเอี๊ยมมันไม่ยอมกลับบ้านซักที”
ป้าไก่ตาโต
“งั้นที่คุณพิมบอกก็เป็นเรื่องจริงทุกอย่างสิคะ” ป้าไก่แอบป้องปากยิ้ม “โฮ๊ะๆๆ”
ไม่ใช่เฉพาะป้าไก่ นักข่าวที่ได้ยินต่างก็ฮือฮา
“คุณพ่อก็รู้นี่คะ...ทำไมเอี๊ยมถึงไม่กลับบ้าน” เธอปรายตามองแม่เลี้ยงอย่างเอาเรื่อง
พิมพิชชาแบ๊วตาใส
“ถ้าเรื่องที่ท่านสงสัยเป็นจริง...พิมว่า...คุณเอี๊ยมน่าจะเลือกคุณพ่อมากกว่าผู้ชายนะคะ ท่านคะ...พิมไม่อยากเป็นข่าว...เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” พิมพิชชายิ้มหวานกับนักข่าว “อย่าลงข่าวนะคะ..พี่ขอ”
พิมพิชชากอดแขนอานนท์เดินเข้าไปข้างใน อรัญภัทรสบถ
“อย่าลงข่าวกรอบเล็ก ลงกรอบใหญ่ๆสิไม่ว่า” นางเอกสาวเบ้ปากหน้าร้าย
ป้าไก่ยิ้มแป้น
“งั้นเดี๋ยวป้าลงกรอบใหญ่ๆให้ค่ะ”
เจ๊เต่ามองฉุนป้าไก่
“นังคุณ ไก่ !! ออกตัวแรงนะคะ เห็น เจอหน้าคุณพิมแทบจะก้มลงกราบแทบเท้า นี่ถ้าเลียทั้งตัวได้ คงทำไปแล้วใช่ไม๊คะ”
“แรว้ง!!! อ่ะ”
เวฬุยาหัวเราะขำ
“โดนด่า เขาเหน็บแนมขนาดนี้ เป็นฉัน ไปจากตรงนี้แล้วนะคะ”
ป้าไก่ ค้อนเดินจากไป
เขมปัญฑาอมยิ้มขำๆ พูดหวานๆตามนิสัย
“ท่าทางป้าไก่จะจุก นะคะ”
อรัญภัทรมองตามพ่อกับแม่เลี้ยงน้ำตาคลอ เจ็บช้ำ ขมขื่น ก่อนสะบัดหน้าเดินไป กลุ่มผู้คนที่มุงดูเมาท์กันกระจาย
“แกว่า เค้าเตรี๊ยมกันป่าววะ”
“ไม่รู้ว่ะ...ดาราเซเล็บทุกวันนี้ชอบสร้างกระแส เรื่องไหนจริง เรื่องไหนปลอม คงต้องดูกันยาวๆ”
“อย่างว่า วงการมายานี่เนาะ ยาวไปๆๆ”
ผู้คนมองตาม เรื่องราวของดารา ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เวลาต่อเนื่องมา พิมพิชชาพาอานนท์มานั่งยังห้องอาหารบอกอ่อนหวาน
“ท่านอย่าคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย อย่าเครียด พิมเป็นห่วง”
อานนท์จับมือเมียบีบเบาๆยิ้มอ่อน “จ้ะ”
“เดี๋ยวพิมสั่งเครื่องดื่มให้นะคะ” เธอดึงมือออกเนียนๆก่อนหยิบเมนูบอกพนักงาน “ขอชาเหมือนเดิม เท่านี้ค่ะ” พนักงานเดินไป
“แล้วพิมไม่สั่งอะไรเหรอ”
พิมพิชชายิ้ม
“ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ....พิมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
พิมพิชชายิ้มหวานคว้ากระเป๋าเดินออกไป อานนท์ไม่ได้สนใจมองตาม เธอยิ้มมีแผน

พิมพิชชาเดินเลี่ยงออกมา กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา
“รู้ใช่มั้ยคะป้า ว่าจะต้องเขียนข่าวยังไง เอาให้แซ่บกว่าวันที่ป้าถ่ายคลิปพิมนะคะ... แล้วเงิน จะจ่ายตามความแซ่บของข่าวค่ะ”
พิมพิชชากดสายป้าไก่ยิ้มร้าย ก่อนจะกดมือถือหมายเลขใหม่ขึ้นโทร.

วรรษชลกำลังวาดภาพ แก็สโทรทริชส์ (Gastrotrich ) อยู่ในห้องในคอนโดฯ มุมที่คล้ายๆสตูดิโอส่วนตัว เสียงมือถือดัง
วรรษมองสายที่เข้ามา คิ้วขมวดไม่รู้จัก
“สวัสดีครับ”
พิมพิชชาในห้องน้ำ บีบน้ำหูน้ำตาร่วง
“วรรษคะ”
“พิม”
“ช่วยพิมด้วยค่ะวรรษ พิมทนไม่ไหวอีกแล้ว....คุณเอี๊ยมดูถูก ข่มเหงจิตใจพิมสารพัด”
วรรษชลออกแนวรำคาญระอา
“ละครน่าพิม”
“ไม่ใช่ละครค่ะ มันคือเรื่องจริง..แล้วพิมก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว”
“ทนไม่ไหว คุณก็เลิกกับเค้าสิ”
“ถ้าพิมเลิกกับเค้า...เราจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ใช่มั้ยคะ วรรษ”
วรรษชลไม่ทันตอบ เสียงพิธีกรจากจอทีวีที่เปิดค้างเอาไว้ก็ดังขึ้นมา
“แวดวงบันเทิง มีเรื่องแซ่บ ให้ขาเมาท์ได้เมาท์กันกระจาย เมื่อนางเอกซุปตาร์ขาวีน เอี๊ยม อรัญภัทร ปะฉะดะ กับภรรยาใหม่ของพ่อ กลางงานอีเวนท์”
วรรษชลหันไปจ้องมองภาพข่าวตาไม่กะพริบ สายตาเป็นห่วงอรัญภัทรจนลืมพิมพิชาไปเลย จนรู้ตัวว่าพูดคนเดียว
“วรรษคะ..วรรษ”
พิมพิชชาหน้ามุ่ย หน้าเสียเมื่อสายถูกตัดไป

บนถนน วรรษชลขับรถด้วยท่าทางร้อนใจ ไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงอรัญภัทร
“เธอจะไหวมั้ย ดญ.แก็สโทรทริชส์ ”
อ่านต่อตอนที่ 3

กำลังโหลดความคิดเห็น