เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 1
มองจากท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือถนนเส้นหนึ่งย่านเยาวราชลงมา เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้า โส่ย ที่กำลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้น ชายที่ยืนจับบุหรี่ที่อยู่ในมือขึ้นมาสูบแล้วพ่นควันฉุย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายไม่มีอารมณ์
"ลื้อจะไปไหน"
"อั๊ว ปล่อยอั๊วไปเถอะนายใหญ่ อั๊วขอร้อง" โส่ยกลัว
โส่ยนั่งเอาหัวคำนับพื้นปลกๆ ขอความเมตตาด้วยความกลัว
ชายที่ยืนหันหลังพลิกตัวหันมา พบว่าเขาคือ เล้ง นั่นเอง
เล้งสั่งลูกน้องเรียบๆ เหมือนสั่งให้เผาปลาเผากุ้งกระนั้น
"เผามันอย่าให้เหลือซาก"
สั่งเสร็จเล้งก็เดินจากไป สมุน 5 คนเดินสวนเข้าไปหาโส่ยที่กำลังจะวิ่งหนี สมุนเล้งทั้ง 5 รุมอัดโส่ยชนิดนับไม่ทัน
ระหว่างนี้ ล้อรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาตามถนนเส้นนั้นแล้วเบรคเอี๊ยด
จิว นั่งอยู่ที่นั่งคนขับรถคันนั้น รายงานคนที่นั่งด้านหลัง
"นักเลงตีกันครับเฮีย"
เฉียง มองผ่านกระจกด้านข้างแล้วหันมาทางที่นั่งด้านหลัง
"ดูเหมือนจะ ห้ารุมหนึ่งครับ"
ผู้ชายที่นั่งด้านหลังซึ่งใส่เสื้อสูทก้าวลงจากรถ เขาปิดประตูแล้วเดินมุ่งตรงไปที่กลุ่มซึ่งกำลังตีกัน
โดยมีเฉียงและจิวเดินตามหลัง
โส่ยถูกอัดจนน่วมและเหวี่ยงกระเด็นมานอนอยู่แทบเท้าชายในชุดสูทที่เพิ่งก้าวเข้ามา
ชายในชุดสูทก็คือ ธาม ธราธร
"ไม่หมาหมู่ไปหน่อยเหรอ ห้ารุมหนึ่ง" ธามถาม
"ลื้อเป็นใคร" สมุนเล้งถามกลับ
"ซ้อมกันเลือดอาบขนาดนี้ น่าจะพอใจแล้วนะ" ธามว่า
ธามพยักพเยิดให้เฉียงกับจิวดึงโส่ยขึ้นมา แล้วทั้งหมดก็จะเดินกลับไปที่รถ
สมุนเล้งคนหนึ่งกระโดดถีบหลังธามจนเขาเซมาข้างหน้าเล็กน้อย ธามเหลือบดูรอยรองเท้าที่เปื้อนไหล่ เฉียงกับจิวขยับจะไปเล่นงานสมุนเล้ง
ธามสั่ง "ไม่ต้อง"
ธามถอดสูทให้จิวแบบชิวๆ ก่อนจะตวัดสันมือใส่ก้านคอสมุนคนนั้นหงายหลังกระแทกพื้นอย่างเร็ว สมุนที่เหลืออีก 4คนเข้ามารุมธาม
ตอนแรกก็สู้กันด้วยมือเปล่าแต่พอรู้ว่าสู้ธามไม่ได้ ทั้ง 5 คนก็งัดอาวุธออกมาจากตัวซึ่งมีทั้งมีด และปืน สมุนคนหนึ่งใช้มีดสั้นปาดผ่านแขนธามซึ่งยืนหันหลังให้จนเลือดซิป
ธามเดือดที่โดนลอบกัดจากข้างหลัง ชายหนุ่มงัดกรรไกรเล็กที่พกติดตัวแล้วดึงออกเป็น 2 ข้างในท่าเตรียมพร้อม เฉียงกับจิวทนไม่ไหวจึงกระโดดเข้ามาช่วยธามจนสมุนทั้งหมดลงไปกองกับพื้น
สมุนคนหนึ่งซึ่งนอนพะงาบๆ ที่พื้นไม่ยอมแพ้จึงแอบยกปืนยิงธามทางด้านหลัง ธามเหวี่ยงกรรไกรปักเข้ากลางมือสมุนคนนั้นจนปืนหลุดจากมือและหัวฟาดพื้นแบบไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เมื่อจัดการกับทุกคนเสร็จ ธาม เฉียง และจิวก็หันมามองโส่ย โส่ยมองไปทางตึกเก่าที่อยู่ด้านหลังทุกคนแล้วร้องลั่น
"ไฟ มันเผาบ้านอั๊ว ลูกสาวอั๊วอยู่ในนั้น"
ธาม เฉียง และจิวหันไปมองเปลวเพลิงที่อยู่ด้านหลัง
ธาม เฉียง และจิววิ่งเข้าที่หน้าบ้าน ตามมาด้วยโส่ย
โส่ยคุกเข่าพร้อมกับประสานมือขอร้องธามเหมือนไหว้เจ้า "ช่วยลูกอั๊วด้วย ช่วยด้วย"
"อันตรายเกินไปเฮีย" เฉียงบอก
"ฉันไม่ยอมให้ใครถูกไฟคลอกตายอีก เป็นอันขาด" ธามบอก
ธามวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
เฉียงกับจิวร้องลั่น "เฮีย"
ธามวิ่งผ่าเปลวเพลิงเข้ามา ควันที่พวยพุ่งทำให้เขามองหาเด็กหญิงไม่ถนัด ชายหนุ่มได้แต่จับที่มาของเสียงแล้ววิ่งหาจนเจอ ธามตกใจเมื่อเห็น ไน้ เด็กหญิงลูกสาวโส่ยนั่งไอ สำลักควัน คุดคู้อยู่ท่ามกลางไฟที่ลามติดที่นอนหมอนมุ้งจนใกล้เด็กน้อยเข้าไปทุกขณะ
ธามหันซ้ายหันขวา สุดท้ายธามก็กระชากเสื้อเชิร์ตตัวเองขาด เม็ดกระดุมกระจาย แล้วเทน้ำเปล่าที่อยู่ในขวดซึ่งวางอยู่แถวนั้นรดเสื้อจนเปียกชุ่ม ก่อนจะวิ่งผ่าเปลวเพลิงเข้าไปหาไน้
ธามเอาเสื้อเชิร์ตตัวเองที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำห่อตัวเด็กแล้วอุ้มเด็กวิ่งหาทางออกที่เต็มไปด้วยควันและเปลวเพลิงซึ่งพุ่งมาจากทุกทิศทาง แต่วิ่งไปทางไหนก็เจอเปลวเพลิงไล่หลังดักหน้าอยู่อย่างนั้น
เฉียง จิว และโส่ยที่อยู่ด้านนอกชะเง้อมองเข้าไปด้านในด้วยใจร้อนรุ่ม ชาวบ้านตะโกนร้องให้ช่วยกันดับไฟ
"อั๊วรอไม่ไหวแล้ว" จิวบอก
จิวจะพุ่งเข้าไปในบ้านแต่เฉียงดึงมือไว้แล้วพยักพเยิดให้จิวมองไปที่บ้าน
รอยสักรูปกระทิงทะยานเต็มแผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้งของธาม ร่างของธามขยับขึ้นลงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ธามอุ้มเด็กฝ่าเปลวเพลิงออกมาอย่างทรงพลัง
เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนฉลองชัยให้วีรกรรมของธาม
"เข้าวันสารทจีนแล้ว" เฉียงบอก
ธามอุ้มเด็กท่ามกลางไฟที่ลุกโชน
เจ้าหน้าที่ศาลเจ้าและชาวบ้านทั้งคนไทยคนจีนช่วยกันจัดเตรียมของไหว้ ของบริจาคในพิธีทิ้งกระจาดและสถานที่สำหรับประกอบพิธีในวันสารทจีน แสงสีทองจากเปลวเทียนด้านในศาลเจ้าดูยิ่งใหญ่ วันสารทจีน ปีพ.ศ.2500 ณ ศาลเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ยเริ่มขึ้นแล้ว เสียงสวดขอพรเป็นภาษาจีนของซินแสง้วงดัง ออกมา
เครื่องเซ่นไหว้บูชาเทพเจ้าตั้งวางเรียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยความขรึมขลัง
ซินแสง้วงนั่งคลุกเข่า ในมือถือธูปเซ่นไหว้สวดมนต์บูชาองค์เทพเจ้าต่างๆ อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
รูปถ่ายของตั้งเช็งเอี๊ยงและหลิวเจียหลินบนโต๊ะจัดวางเครื่องเซ่นไหว้ตามประเพณีจีนชุดใหญ่อลังการ
ธามในชุดสูทนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นกลางลาน ธามถือธูปในมือจ้องมองภาพถ่ายชายหญิงคู่นั้นนิ่ง น้ำตาคลอ
"ผมจะกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลกลับคืนมาให้ได้" ธามบอก
เฉียงถือหมวกเดินเข้ามายืนด้านหลังธาม
"ได้เวลาแล้วครับเฮีย"
ธามลุกขึ้นยืนแล้วก็ปักธูปลงในกระถางเพื่อคารวะหญิงชายในรูป เฉียงยื่นหมวกให้ธาม ธามสวมหมวกก่อนจะหันมามองเฉียงด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อมแล้วเช่นกัน
รถของธามแล่นเข้ามาจอดหน้าศาลเจ้า ผู้คนเดินถือของเซ่นไหว้เข้าไปด้านใน จิวลงจากรถมาแล้วเปิดประตูให้ธามที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง เฉียงก้าวตามลงมา ทั้งคู่จะเดินประกบธาม
ธามยกมือห้าม "ไม่ต้องวันนี้วันมงคล กลับไปเตรียมบัญชีอาปาให้พร้อมก่อนเดินทาง"
เฉียงกับจิวหันมาสบตากัน ธามผละจากทั้งคู่มาเจอซินแสง้วง ชายหนุ่มถอดหมวกก่อนจะยิ้มให้ซินแสแล้วก้มหัวให้อย่างนอบน้อม
"ซินแส"
ซินแสง้วงยืนมองธาม เขายิ้มก่อนจะพูดแฝงนัยยะบางอย่าง
"คนเราเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน 7 ปีก่อนกับวันนี้ย่อมต่างกัน วันนี้อาธามงามสง่า มีพลัง สมกับที่จะขึ้นเป็นผู้นำ"
"ขอบคุณครับซินแส"
ซินแสง้วงยิ้มแล้วตบไหล่ธามเบาๆ ราวกับไม่ได้รู้จักชายหนุ่มคนนี้แค่ 7 ปี แต่คล้ายรู้จักนานกว่านั้น
ทรงกลด ภรพ และคณินขยับเข้ามาพร้อมๆกัน ทรงกลดยื่นมือให้ธามเชคแฮนด์ก่อนใคร ตามด้วยภรพและคณินตามลำดับ
"ยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับคุณธาม" ทรงกลดบอก
ภรพจับมือธามต่อ "ขอต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของเราครับ"
คณินเข้ามาจับมือเป็นคนสุดท้าย "ชมรมคนหน้าหล่อมีสมาชิกเพิ่มอีกคนแล้ว สาวๆคงดีใจ ยินดีด้วยครับคุณธาม"
"ขอบคุณครับ แต่อาปายังไม่แต่งตั้งใครเป็นทางการ ตำแหน่งอาจจะเป็นของคนที่เหมาะสมกว่าผมก็ได้" ธามบอก
เสี่ยเล้งเดินส่งเสียงเข้ามาก่อนตัว ทุกคนหันไปมอง
"ไม่มีพ่อคนไหนมองข้ามลูกตัวเองได้หรอก เฉินอี่เสียงต้องมอบตำแหน่งให้ลื้ออยู่แล้ว ถึงลื้อจะเข้ามาช่วยงานป๊าลื้อที่นี่ไม่กี่ปี แต่ทองหย่งจินก็รุ่งเรืองขึ้นมาก ไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งกระทิงเท่าลื้อแล้วล่ะ อาธาม ยินดีล่วงหน้าด้วยนะ หลานชาย" เล้งว่า
เล้งยื่นมือไปเชคแฮนด์ธาม ธามยิ้มให้แต่แววตาแอบกร้าว ทุกคนยิ้มแสดงความเป็นมิตรกัน
เล้งพยักหน้าให้ทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปในศาลเจ้า ธามมองเล้งแล้วก้าวตามออกมาก้าวหนึ่งก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วผิวปากเป็นเพลง MengZhongRen
ภรพ ทรงกลด และคณินจะขยับตัวเข้าไปในศาลเจ้า ทุกคนชะงักเมื่อจับเสียงผิวปากของธามได้ถนัดถนี่เพราะรู้ดีว่าเพลงนี้เป็นเพลงประจำตัวของใคร ทุกคนหันมาสบตากันแล้วหันไปมองธามที่ยืนผิวปากอยู่
เกี๊ยง เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครช่วยงาน ชาวบ้านมารับของทิ้งกระจาด กลุ่มชาวบ้านที่ต่างเบียดเสียดเข้ามารับของบริจาคไปที่ธาม ภรพ ทรงกลด คณิน เล้ง สุง ตง เซี๊ยะ เต็กไช้ ยืนแจกของอยู่กับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร สักครู่เถ้าแก่สุงหันมาพูดกับทุกคน
"เดี๋ยวให้พวกหนุ่มๆเขาแจกกันไป เชิญพวกเราเข้าไปพักผ่อนก่อน งิ้วจะเริ่มแล้วเชิญๆๆ"
ตง เซี๊ยะ เต็ก ไช้ และเล้งขยับเดินตามเถ้าแก่สุง
เกี๊ยงเดินเข้ามาหาเล้ง
เล้งเหล่เกี๊ยงแล้วหันไปบอกทุกคน "เดี๋ยวอั๊วตามไป"
เล้งยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินเลี่ยงออกมากับเกี๊ยงอีกทาง ในขณะที่เพื่อนๆแอบมองธาม ธามกลับจับตามองเล้งที่เดินไปกับเกี๊ยงด้วยสายตาคมปลาบ
เล้งเดินแทรกคนที่เบียดกันเข้าไปรับของบริจาคออกมากับเกี๊ยง
"ว่าไง" เล้งถาม
"เรียบร้อยครับนายใหญ่ 11โมงตรง" เกี๊ยงบอก
เล้งพยักหน้ายิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกความบ้าอำนาจ ทะเยอทะยาน และโรคจิต
งิ้วบนเวทีกำลังแสดงอย่างออกรส กลุ่มหัวหน้าแก๊งอาวุโสอันได้แก่ สุง ตง เซี๊ยะ เต็ก ไช้ เล้ง นั่งอยู่บริเวณแถววีไอพีด้านหน้า เล้งเหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลา 10.50 น.
เล้งออกปากกับแก๊งอาวุโส "อั๊วขอตัวเดี๋ยวนะ"
เล้งขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เล้งเดินจ้ำออกมา ธามซึ่งกำลังแจกของอยู่กับเพื่อนๆหันไปเห็นก็มองตาม แล้วพูดกับทรงกลดที่ยืนอยู่ข้างๆ
"ขอตัวสักครู่นะครับ"
ธามรีบเดินไป ทรงกลดมองตามแล้วหันไปสบตากับเพื่อนๆ
เล้งเดินจ้ำออกมาโดยมีธามเดินจ้ำตามหลัง
ธามเรียกเล้งไว้ "เดี๋ยวครับเสี่ย"
เล้งชะงักแล้วหันมามอง
"จะกลับแล้วหรือครับ" ธามถาม
"อาธามมีอะไรรึเปล่า" เล้งถามกลับ
"ผมลืมไปว่าอาปาฝากของขวัญมาให้เสี่ย กำชับว่าส่งให้ถึงมือเสี่ยให้ได้"
ธามล้วงหยิบของจากกระเป๋าเสื้อสูท
เหตุการณ์ในอดีต ธามหยิบไฟแช็กZIPPO รุ่น The Furniture Club Of America ที่ผลิตในปี1949 และมีสภาพบิดงอและมีเขม่าดำจับขึ้นมาดู เฉินอี่เสียงในวัย60 พูดกับธามด้วยน้ำเสียงของคนที่มีพลังและอำนาจ
"หลังจากที่อั๊วส่งลื้อเข้าโรงพยาบาล อั๊วกลับไปดูที่บ้านลื้ออีกครั้ง ไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากไอ้นี่"
ธามหมุนซากไฟแช็กดูแล้วก็กัดฟันกรอด
"ไฟแช็กที่ใช้เผาบ้านอั๊วใช่มั้ยอาปา อาปารู้ใช่มั้ยว่าใครลงมือ"
"อั๊วรู้แต่ว่าไฟแช็กนี่เป็นของอาเล้ง อีไปที่บ้านลื้อแน่นอน"
สามปีก่อน เฉินอี่เสียงในวัย 57 ยืนอยู่ริมถนน เขาหยิบบุหรี่หรือซิการ์ขึ้นมาจุดไฟแช็ค แต่ปรากฏว่าจุดไม่ติดจึงหันซ้ายหันขวาเพื่อจะขอยืมไม้ขีดจากคนขับรถ แต่แล้วก็เห็นเล้ง เดินนำซ้ง ซึ่งหิ้วแกลลอนน้ำมันตามหลังมา
เฉินอี่เสียงทักอย่างแปลกใจที่จู่ๆมาเจอเล้งที่ภูเก็ต "อาเล้ง"
เล้งชะงักแล้วก็หน้าเจื่อนไปที่เห็นเฉินอี่เสียง แล้วเขาก็กลบเกลื่อนได้ทันที
"เฮียเฉิน..มาเที่ยวหรือครับ" เล้งทำเป็นทัก
เฉินอี่เสียงพยักหน้า "กำลังจะกลับ แต่รถยางแตก รอช่างอยู่ แล้วลื้อ"
เฉินอี่เสียงมองแกลลอนน้ำมันในมือซ้ง
"น้ำมันรถอั๊วดันหมดพอดี" เล้งบอก
เฉินอี่เสียงพยักหน้าให้แล้วพยายามจุดซิการ์สูบ แต่ก็จุดไม่ติด เล้งหยิบไฟแช็ค ZIPPO อันใหม่เอี่ยมของตัวเองขึ้นมาจุดซิการ์ให้เฉินอี่เสียง
เฉินอี่เสียงมองไฟแช็ค "สวยดี..อั๊วไม่เคยเห็น"
“Zippo The Furniture Club Of America ครับเฮีย ออกใหม่ อั๊วเพิ่งได้มา" เล้งบอก
เฉินอี่เสียงเล่าถึเหตุการณ์ในอดีตแล้วก็พูดต่อ "ในเมื่อมันให้สิ่งนี้กับลื้อ ลื้อก็จงให้สิ่งนี้กับมัน ถึงจะสาสมกัน"
เฉินอี่เสียงยื่นไฟแช็ก ZIPPO The Furniture Club Of America อันใหม่ให้ธาม
เล้งหยิบไฟแช็กออกจากกล่องกระดาษเล็กๆขึ้นมาพลิกดู ธามมองเล้งด้วยสายตาพิฆาต
“ZIPPO The Furniture Club Of America ครับ" ธามพูด
"ฝากขอบคุณอาปาลื้อด้วยที่นึกถึงอั๊ว" เล้งว่า
ธามพยักหน้าและยิ้มให้เล้ง เล้งมองธาม
"ถ้าอาธียังอยู่ ลื้อคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ นึกแล้วยังเสียใจไม่หาย เฮียเช็งทำธุรกิจปากกัดตีนถีบมาด้วยกันกับอั๊ว ต้องมาตายแทบจะยกครัวแบบนี้" เล้งว่า
"แต่ผมกับแก๊งกระทิงยังอยู่ครับ ถึงผมจะไปอยู่กับอาปาเฉินที่เซี่ยงไฮ้ แต่ทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นลูกอาปาเช็ง ผมต้องสานต่อธุรกิจให้อาปาอยู่แล้ว" ธามบอก
เล้งยิ้ม "ดีมากหลานชาย รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะ เฮียเฉินก็อายุมากแล้ว เหลือแต่ลื้อที่ยังหนุ่มแน่นอยู่คนเดียว"
"ขอบคุณในความเมตตาของเสี่ย แต่ผมคง" ธามมองตาเล้งนิ่งแล้วก็ยิ้มเย็น "ไม่ตายง่ายๆ"
ธามก้มหัวให้เล้งนิดหนึ่งก่อนจะเดินกลับไปยังมุมทิ้งกระจาด ภรพ คณิน ทรงกลด และหงส์ยืนแจกของอยู่
เล้งมองตามหลังธามไป "ง่าย ไม่ง่าย เดี๋ยวก็รู้"
เล้งก้มมองนาฬิกา เขาเห็นหน้าปัดบอกเวลา 10.59 น.
ธามเดินฝ่าฝูงชนกลับมาที่เวทีเจอกับหงส์ซึ่งแจกของอยู่บนเวทีกับทรงกลด ภรพ และ
คณิน ทั้งคู่หันมาสบตายิ้มให้กัน
"สบายดีนะครับคุณหงส์" ธามทัก
"ค่ะ คุณธามมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" หงส์ถาม
"เมื่อคืนครับ"
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน เข็มนาฬิกาของเล้งก็เคลื่อนถอยหลังจาก 8-7-6-5-4-3
ธามกับหงส์คุยกันเสร็จก็หันไปแจกของต่อ ธามหันไปหยิบถุงข้าวสาร
หน้าปัดนาฬิกาเล้งเหลือเวลา 2 วินาที
ธามหยิบถุงข้าวสารหันกลับมา
หน้าปัดนาฬิกาเหลืออีก 1 วินาทีจะ 11.00น.
ธามกำลังส่งถุงข้าวให้ผู้หญิงที่อยู่ด้านล่าง เสียงลูกปืนนัดแรกดังขึ้นและทะลุถุงข้าวผ่านหน้าธามไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ข้าวสารพุ่งทะลักออกจากถุง
ธาม ภรพ ทรงกลด และคณินหันมาสบตากันพร้อมชักปืนออกมาจากเอวอย่างเร็วทั้งหมดยืนหันหลังชนกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วทุกคนก็ยิงกราดไปที่กลุ่มมือปืนซึ่งแฝงตัวมากับชาวบ้าน จังหวะที่ยิงสู้ ธามหันมาเห็นหงส์ยืนหน้าตื่นอยู่ท่ามกลางดงปืน
ธามหลุดแสดงความห่วงใยอย่างคุ้นเคยออกมา "อาหงส์"
ธามรวบตัวหงส์มากอดแน่น โดยเอาตัวเองบังหญิงสาวไว้ หงส์ซุกตัวกับอกธามด้วยความกลัว และตกใจ เล้งยืนมองความโกลาหลเห็นผู้คนหนีตายอลหม่านอย่างพอใจ ก่อนจะพลิกตัวหันไปแล้วเดินชิวๆออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การยิงสู้กันระหว่างจตุรเทพบนเวทีกับมือปืนที่แฝงตัวอยู่กับชาวบ้านทางด้านล่างและโผล่มาตามหลังคาตึกเป็นไปอย่างโหดและบ้าดีเดือด
หงส์ตั้งสติได้ก็นึกถึงสุง
"อาปา หงส์จะไปหาอาปากับเฮียฉาง"
หงส์วิ่งออกไปทันที
ธามร้องห้าม "อาหงส์"
ธามหันไปเห็นมือปืนที่แฝงตัวอยู่บนหลังคาศาลเจ้ากำลังเล็งปืนมาที่หงส์และเหนี่ยวไก ธามพุ่งไปรวบตัวหงส์พาลงนอนกับพื้น แล้วเอี้ยวตัวหันไปยิงมือปืนจนล้มลง ธามลุกขึ้นดึงหงส์ขึ้นมา ก่อนจะโอบเอวเอาตัวกันหญิงสาว
แล้วพาวิ่งมุ่งหน้าไปที่โรงงิ้วทันที
ธามพาหงส์วิ่งเข้ามาในโรงงิ้ว หงส์ตะโกนเรียกสุง ผู้คนยังวิ่งกันชุลมุนผ่านหน้าไปมา
"อาปา อาปา อาปา" หงส์เรียก
หงส์วิ่งหาพ่อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในขณะที่ธามก็ช่วยมองหาแล้วคอยกราดปืนคุ้มกันหญิงสาวไว้ ฉางซึ่งกำลังมองหาน้องหันมาเห็นหงส์เข้าพอดี
"อาหงส์"
หงส์หันมาเห็น "เฮีย"
สองพี่น้องวิ่งมากอดกันด้วยความดีใจ
"อาปาล่ะเฮีย อาปาอยู่ไหน" หงส์ถาม
"ลูกน้องอาเจ็กตงกับอาเจ็กเซี๊ยะพาอาปากับผู้ใหญ่ออกไป ปลอดภัยทุกคนแล้ว" ฉางว่า
"ถ้างั้นคุณหงส์อยู่กับคุณฉางนะครับ ผมจะออกไปช่วยเพื่อนๆก่อน" ธามบอก
"ระวังตัวนะคะคุณธาม"
ธามพยักหน้าให้หงส์กับฉางก่อนจะวิ่งออกไป
ผู้คนยังวิ่งหนีตายกันวุ่นวาย บางคนหมอบกับพื้น บางคู่กอดกันแน่น ธามวิ่งฝ่าฝูงคนออกมาในขณะที่ลูกปืนก็ดังตามหลังธามมาเป็นระยะ เสียงหวีดร้องดังระงม ธามวิ่งหลบคมกระสุนพร้อมกับยิงสวนกลับจนกระสุนหมด
แต่ยิ่งหลบธามก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมือปืนกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่าตนเอง ธามหลบเข้ามาที่มุมตึกด้านหนึ่งที่อยู่ในศาลเจ้า ชายหนุ่มหันมาเห็นไม้โยงสำหรับจุดปะทัดพาดอยู่กับผนังตึก ธามนิ่งคิด
แขนเสื้อสูทของธามค่อยๆโผล่ออกมา ฮกกับฮั้วโผล่ออกมาจากที่ซ่อนคนละฝั่ง ทั้งคู่เล็งปืนไปที่สูทแล้วลั่นไก
เสื้อสูทที่ธามเอาไม้โยงประทัดสอดแล้วยื่นออกไปเป็นรูกระสุนวิ่งผ่านพรุนไปทั้งตัว ธามแน่ใจแล้วว่าเป้าหมายของมือปืนคือตัวเขาเอง ฮั้วกับฮกวิ่งออกมาจากมุมของตัวเองเพื่อมายิงธามซ้ำอีก ธามเอาไม้โยงประทัดฟาดใส่มือฮั้วจนปืนกระเด็นหลุดมือ แล้วใช้ไม้กระแทกเข้าที่ท้องฮั้วตัวงอก่อนจะหมุนตัวจระเข้ฟาดหางใส่ก้านคอฮกจนเซหน้าทิ่มไปกับพื้น
ฮั้วหยิบปืนที่ตกพื้นขึ้นมายิงธาม ธามเทคตัวตีลังกาหลบกระสุนแล้วเตะข้อมือฮกที่กำลังยันตัวลุกจากพื้น ปืนในมือฮกกระเด็นลอยกลางอากาศ ธามเทคตัวกลางอากาศ เขาคว้าปืนฮกแล้วยิงใส่ฮั้วที่แขน
ฮั้วยิงกลับแต่ธามลากฮกมาเป็นโล่กันกระสุน กระสุนจากปืนฮั้วเจาะเข้าที่ไหล่ฮก ธามถีบฮกเซไปปะทะฮั้ว จนล้มคว่ำไปกับพื้นทั้งคู่ ธามถือปืนฮกวิ่งไป
ธามวิ่งเลาะมุมตึกมา มือปืนสองคนที่วิ่งมาจากอีกมุมวิ่งไล่ธามพร้อมกับยิงใส่ ธามวิ่งหลบเข้ามุมตึกแล้วยิงสวนกลับ กระสุนโดนมือปืนคนหนึ่งล้มลง ธามวิ่งหนีออกมาอีกทางหันซ้ายขวามองหาทางหนีทีไล่ มือปืนอีกคนโผล่มาทางด้านหลังธามพร้อมกับเล็งปืนมาที่ชายหนุ่ม
มือปืนอีกคนลั่นไกเตรียมยิง แต่ถูกจิวและเฉียงที่โผล่มาจากอีกมุมยิงสวนกลับเสียก่อน ธามหันไปมองด้วยความแค้นจัดที่โดนลอบกัด เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัดจากมือปืนคนอื่นๆ จิวกับเฉียงประกบธามยิงสกัดฝ่าดงกระสุนออกมาทั้งหมดเตรียมจะวิ่งเลาะมุมตึกออกไปทางซ้าย หางตาของธามเห็นอะไรบางอย่างทางด้านขวา
ธามบอกกับเฉียงและจิว "เดี๋ยว"
เฉียงกับจิวหันไปมองตามสายตาธาม
ทั้งคู่เห็นเล้งวิ่งลัดเลาะออกมาจากตึกทางด้านขวา
เล้งชะเง้อไปทางด้านหลังดูว่ามีใครตามมารึเปล่า เสียงปืนยังคงดังเป็นระยะๆ สักครู่เล้งก็หันมาแล้วชะงักเมื่อเห็นธามวิ่งถือปืนเข้าเฟรมมาพร้อมกับเฉียงและจิว
"ไปด้วยกันครับเสี่ย อาเฉียงกับอาจิวจะยิงป้องกันให้"
เล้งพยักหน้าอย่างเนียน แล้วกวาดตามองไปรอบบริเวณเหมือนจะส่งสัญญาณเป็นนัยๆให้ใครที่ซุ้มอยู่แถวนั้นรู้ จู่ๆลูกกระสุนก็ลั่นเปรี้ยงมาจากทางด้านหลัง ธามดึงเล้งหลบกระสุนที่แล่นเฉียดกะโหลกไป เล้งหน้าซีด ธามดึงเล้งวิ่งหนีออกมาโดยมีจิวกับเฉียงยิงคุ้มกันให้
เฉียงกับจิวยิงป้องกันให้ธามกับเล้งออกมาจนถึงถนนใหญ่อย่างกับนัดเวลากันไว้ เกี๊ยงขับรถมาจอดรับเล้งที่ข้างถนนพอดี เล้งหันมาหาธาม
"ไอ้พวกนั้นคงไม่ตามมาแล้ว" เล้งบอก
"พวกนั้น พวกไหน เสี่ยรู้มั้ยครับ" ธามถาม
"อั๊วไม่รู้ แต่มันต้องการเก็บเราทั้งหมดแน่ ไม่งั้นไม่รอให้เรามารวมตัวกันอย่างนี้"
ธามด่าแดก "หมาลอบกัด"
"ส่งอั๊วแค่นี้ล่ะ" เล้งพูดกับเกี๊ยง "อาเกี๊ยง ลื้อขอบคุณอาธามสิ อาธามช่วยชีวิตอั๊วไว้"
เกี๊ยงก้มหัวให้ธาม
เล้งจับไหล่ธามแล้วพูดชื่นชม "แก๊งกระทิงมีผู้นำที่มีน้ำใจและแข็งแกร่งจริงๆ"
"ขอบคุณครับเสี่ย"
ธามก้มหัวให้เล้งนิดหนึ่ง เล้งพยักหน้ายิ้มให้ก่อนจะขึ้นรถหน้านิ่ง เกี๊ยงขับออกไป
ธามค่อยๆคลายยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นมองตามรถเล้งไปอย่างเอาเรื่องในขณะที่จิวทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจอารมณ์ของเจ้านาย
เฉียงยืนพิงประตูพร้อมกับเอามือไล้กำไลข้อเท้าเด็กซึ่งเป็นองลูกเฉียงที่เมืองจีนที่ให้เฉียงพกติดตัวตลอดเวลา ในขณะที่จิวเดินใช้ความคิดไปมาอย่างหงุดหงิด
"อั๊วไม่เข้าใจจริงๆ เฮียช่วยมันไว้ทำไม" จิวหงุดหงิด
"เฮียคงรู้ว่าดึงเสี่ยเล้งมาไว้กับตัว แล้วจะปลอดภัย"
"แสดงว่าเฮียแน่ใจว่ามันเป็นตัวก่อเรื่อง แล้วทำไมต้องช่วย ปล่อยให้มันถูกยิง ถึงไม่ตายก็เจ็บ น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ"
ธามเดินเข้าเฟรมออกมาที่ประตูด้วยเสื้อผ้าลำลองชุดใหม่
"บางครั้งคนเราก็ต้องซ่อนความแค้นไว้ใต้รอยยิ้มที่เป็นมิตร ให้ศัตรูเห็นเราในที่สว่าง เราจะกลายเป็นเป้านิ่งพวกมัน" ธามบอกลูกน้อง
ธามเดินไปที่รถ เฉียงเปิดประตูด้านหลังให้ธามแล้วเดินมานั่งหน้าข้างจิว จิวขับรถแล่นออกจากบ้านธาม
เล้งใช้หลังมือตบเกี๊ยงเต็มแรงจนหน้าหัน
"ถ้าไอ้ธามไม่ดึงอั๊วออกมา ป่านนี้อั๊วคงนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาล"
"คนของเราคงไม่คิดว่า พวกมันจะเอานายใหญ่เป็นโล่กันกระสุน" เกี๊ยงว่า
"กุดหัวมันได้ทั้งตระกูล นึกว่าแก๊งกระทิงจะสูญพันธุ์ เฉินอี่เสียงมันยังส่งไอ้ธามมาเป็นหนามยอกอกอั๊วอีก ไอ้นี่มันแสบเหมือนอาเช็งพ่อมัน แล้วคนอื่นล่ะ"
"ไอ้ทรงกลดกับภรพรอดไปได้ครับ ส่วนไอ้คิมหายตัวไป"
ซ้งนั่งนิ่งอยู่อีกมุม
"ที่ตายคืออาฉาง"
"ดี ไม่เสียเที่ยว" เล้งหัวเราะหึ หึ "ลูกชายคนเดียวถูกยิงตาย เถ้าแก่สุงมันคงตรอมใจตายตามไม่ช้า แล้วไอ้ฮกไอ้ฮั้วล่ะ"
"ถูกไอ้ธามยิง นอนเย็บแผลอยู่ที่โรงพยาบาลครับนายใหญ่" ซ้งว่า
"ลากมันออกมา อั๊วมีงานให้ทำ" เล้งเปรยถึงธาม "มันด่าอั๊วว่าหมาลอบกัด อั๊วก็จะลอบกัดมันให้จมเขี้ยว"
เล้งแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวออกมาเต็มใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมนั้น
อ่านต่อหน้า 2
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 1 (ต่อ)
รอยสักรูปกระทิงกลางแผ่นหลังซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของธามขยับขึ้นลงเหมือนถูกกระตุ้นเต็มที่
ธามกับเฉียงสวมกางเกงสีขาวครึ่งท่อนโชว์แผ่นอกเห็นกล้ามเป็นมัดๆวิ่งเข้ามาสู้กันด้วยมือเปล่า เฉินอี่เสียงยืนมองทั้งคู่อยู่ไม่ไกล ข้างๆ เฉินอี่เสียงมีไม้พลองกับดาบปักอยู่อย่างละคู่
ธามและเฉียงผลัดกันเป็นฝ่ายรุกและตั้งรับ เฉินอี่เสียงพูดกับทั้งคู่ด้วยเสียงอันก้องกังวานและมีพลัง
"ถ้ามองว่ามือเปล่าคือมือเปล่า มันก็คือมือเปล่า แต่ถ้ามองเห็นว่ามันคือมีดที่ทั้งแหลมและคม มันก็แทงทะลุเข้าไปถึงหัวใจของศัตรู"
ธามรับการรุกของเฉียง
เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2493 ย้อนกลับมา ณ ชายหาดแห่งหนึ่งที่ภูเก็ตซึ่งยาวสุดลูกหูลูกตา ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเลียบมาตามชายหาดอันแสนสงบ ในมือชายผู้นั้นประคองช่อดอกลั่นทมมาด้วยอย่างทะนุถนอม
แล้วจู่ๆช่อดอกไม้ก็ร่วงหลุดจากมือ ชายคนนั้นซึ่งก็คือชลธีก้มลงไปเก็บดอกไม้ขึ้นมา
ที่เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน ในปี พ.ศ. 2500 ผู้หญิงคนหนึ่งที่กระโดดไปตามตอไม้สูงๆต่ำๆ ซึ่งตั้งสับหว่างลดหลั่นกันไปเป็นแนวยาวเพื่อฝึกกำลังขาและความคล่องตัว พ้งในวัย 60 ที่บริเวณหน้าด้านซ้ายถูกของมีคมบากหน้าเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่กำลังยืนดูการฝึก
เมื่อถึงสุดปลายทางก็มีไม้ไผ่เหลาปลายแหลมพุ่งซัดใส่หญิงสาวราวหอก ในขณะที่หญิงสาวเทคตัวตีลังกาหลบไม้เหล่านั้นได้ทันท่วงทีและหันมา หญิงคนนั้นคือ เพ็ญนภาหรือย่าหยา เพ็ญนภายืนหอบ ในสภาพเหงื่อเม็ดเป้งผุดเต็มหน้า เธอมีแววตาดุดันและแกร่งกล้า
ที่ภูเก็ตปี พ.ศ. 2493สายน้ำจากฝักบัวพรั่งพรูลงบนเรือนผมดำเป็นมันยาวประบ่า เผยให้เห็นหลังอันเปลือยเปล่าของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นยืนก้มหน้านิ่งให้น้ำรดใส่ตัวสักครู่ ใบหน้าของเธอซีดเซียว ขอบตาแดงช้ำ ริมฝีปากสั่นระริกของ เธอคือจันทร์ชมพู ผู้หญิงที่หน้าเหมือนย่าหยาแต่ต่างกันที่ เด็กกว่า ผมสั้นกว่า และที่ทำให้ดูต่างจากย่าหยาที่สุดก็คือแววตาที่ดูตื่นกลัวตลอดเวลาของเธอ
ธามหยิบไม้พลองกระชับในมือ ตาจ้องอยู่ที่เฉียงที่มีไม้พลองอยู่ในมือแล้วเช่นกัน
"การต่อสู้จะแพ้หรือชนะอยู่ที่ใจว่านิ่งพอหรือไม่ สมาธิ ใจ กาย ต้องผสานเป็นหนึ่งเดียวถึงจะล้มศัตรูได้" เฉินอี้เสี่ยวว่า
ธามไล่ฟาดไม้พลองใส่เฉียงระบายอารมณ์แค้นเมื่อนึกถึงจันทร์ชมพู
ชลธีถือช่อดอกลั่นทมวิ่งขึ้นมาบนบ้านพักตากอากาศ ชายหนุ่มร้องทักจันทร์ชมพูซึ่งสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและกำลังเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ พร้อมกับส่งช่อดอกไม้ให้เขาอย่างเริงร่า จันทร์ชมพูถึงกับน้ำตาร่วง หญิงสาวโผเข้าไปกอดชลธีแน่น
"พี่ธีรู้ไว้นะคะ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน จันทร์รักพี่ธีคนเดียว"
ชลธีกระซิบตอบ "พี่รักจันทร์จ้ะ"
สิ้นเสียงชลธี เสียงปืนก็ดังลั่น 1 นัด
ชลธีสะดุ้งเฮือกพร้อมกับตาเบิกโพลง
ย่าหยาใช้ปืนยิงเป้าบินกลางอากาศด้วยมือที่นิ่ง หน้านิ่ง และใจนิ่ง
ธามนึกถึงภาพชลธีถูกยิงแล้วแค้นจัดจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เขาเอาไม้พลองฟาดใส่เฉียงไม่ยั้ง
เฉียงหลบวืดไปมา ไม้พลองหักกระเด็นเป็น 2 ท่อน ธามหยิบดาบขึ้นมาพร้อมเฉียงแล้วกระโจนใส่เฉียงราวกับกระทิงเปลี่ยว เฉียงตั้งรับอารมณ์ธามแทบไม่ทันแต่ก็ฮึดกลับมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง สุดท้ายเฉียงก็ถูกธามไล่จนหลังชนฝา เฉียงเตะดาบจากมือธามลอยขึ้นกลางอากาศ แล้ววิ่งฉากออกมา
เฉินอี่เสียงพูดด้วยเสียงก้องกังวาน "เหนืออื่นใดคืออารมณ์"
ธามกระโดดคว้าดาบม้วนตัวมาดักหน้า เขาตวัดปลายดาบจ่อไปที่คอเฉียงแบบพร้อมจะปาดกระเดือกทุกเมื่อ แต่ธามหยุดไว้แค่นั้น เหงื่อผุดเต็มหน้าเฉียง เขาหายใจไม่ทั่วท้องเพราะสยองที่เห็นปลายโลหะคมปลาบอยู่ห่างคอตัวเองไม่ถึงกระเบียด เฉินอี่เสียงเดินมาหาธาม
"ระงับอารมณ์ตัวเองได้ ชนะศัตรูได้"
ธามหอบตัวโยน เขาเกือบยั้งใจและยั้งมือเอาไว้ไม่ทัน
ย่าหยาเก็บเสื้อผ้าที่พับแล้วลงกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งกล่องเครื่องมือที่ประกอบไปด้วยสะดึง ไหมปักผ้า เข็มและกรรไกร พ้งเดินกะเผลกเข้ามาหาหญิงสาว
"อย่าลืมว่าลื้อต้องกลับไปทำอะไรที่เมืองไทย" พ้งบอก
"หยาไม่เคยลืม ไม่มีวันลืม คนที่ทำกับพ่อแม่กับจันทร์ชมพู มันต้องชดใช้"
ย่าหยาหน้านิ่ง และแววตาแข็งกร้าว
เฉินอี่เสียงย้ำกับธาม
"ถึงเวลาที่ลื้อต้องแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษแล้วอาธาม เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลตั้งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้"
เฉินอี่เสียงยื่นกรรไกร 2 ขาที่สลักด้ามเป็นรูปกระทิงซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของหัวหน้าแก๊งกระทิงให้
"อั๊วตั้งลื้อให้เป็นหัวหน้าแก๊งกระทิงคนต่อไป"
ธามคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะรับกรรไกรมาไว้กับตัว
ธามพูดเสียงเข้ม "ตั้งเช็งเอี๊ยง กับเมียของเขาจะไม่ตายฟรี ผมสาบาน"
เฉินอี่เสียงหยิบหยกเล็กๆออกมาจากเสื้อ
"หยกสลักเทพตั่วเหล่าเอี๊ย ขุนพลแห่งสวรรค์เทพประจำธาตุน้ำ ช่วยป้องกันไฟ"
ธามรับหยกแกะสลักนั้นมาถือในมือ
"อั๊วให้ลื้อไว้เตือนสติ อย่ายอมให้ไฟที่ไหนเผาลื้อได้อีก แม้แต่ไฟในใจลื้อเอง" เฉินอี่เสียงบอก
ธามคิดถึงอดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ชลธี ตะโกนเข้าไปในบ้านเสียงดังราวกับจะขาดใจตายตรงนั้น
"อาปาอาม้า"
ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังกระหึ่มพร้อมกับเปลวไฟลุกโชนตรงหน้า
ชลธีหันกลับมาในจังหวะที่ไฟอีกลูกพุ่งใส่หน้าเขา ชายหนุ่มร้องราวสัตว์ป่าที่ถูกไฟคลอก
"อ๊าก"
เหตุการณ์ปัจจุบัน ธามน้ำตารื้น เขากัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวด
"ครับ อาปา"
เฉียงเดินสีหน้าไม่ดีเข้ามาในห้อง
"ขออนุญาตครับ เฮียฟงโทรมาบอกว่า ร้านทองหย่งจินสาขา 2 โดนปล้นครับ"
เฉินอี่เสียงหันมาหาธาม "ลื้อต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะหัวหน้าแก๊งกระทิงแล้ว อาธาม"
ธามหน้านิ่ง ดวงตาวาววับ
ย่าหยาสวมแว่นดำ เข็นรถใส่กระเป๋าเดินทางออกมาจากสนามบินดอนเมือง พอย่าหยาเดินไป เฉียงก็เดินออกมา ตามด้วยธาม
จิวขับรถเข้ามาจอดแล้วลงจากรถมาเปิดประตูรอธาม ธามเดินเข้ามาพร้อมเฉียง
"มันได้อะไรไปบ้าง" ธามถาม
"ทองแท่งกับทองรูปพรรณบางส่วนครับ ดีที่ส่วนใหญ่เราใส่เซฟไว้ แต่ร้านโดนทุบเสียหาย" จิวบอก
ธามพยักหน้ารับรู้ก่อนจะลงนั่งในรถ เฉียงนั่งด้านหน้า ในขณะที่จิวกลับไปประจำที่คนขับและขับรถออกไป ธามถอดแว่นกันแดดออก หางตาของเขาเหมือนเห็นอะไรที่กระจกข้างจึงหันไปมอง ธามเห็นคนขับแท็กซี่กำลังปิดกระโปรงท้ายทำให้เห็นย่าหยายืนอยู่ข้างคนขับแท๊กซี่ ธามตกตะลึง
ธามเปรยเบาๆ "จันทร์ชมพู" ธามตะโกนสั่งจิว "จอด"
จิวเบรกรถ ธามเปิดประตูแล้วจ้ำลงจากรถทันที
ย่าหยาขยับจะขึ้นแท๊กซี่ ธามปราดเข้ามากระชากแขนย่าหยา แรงกระชากทำให้ย่าหยาถึงกับตัวหมุนจนหันมาหาธาม ย่าหยาตะลึงจนตัวชา หญิงสาวถอดแว่นกันแดดออกเพราะอยากเห็นหน้าธามชัดๆ
"จันทร์ชมพู" ธามเรียก
น้ำเสียงและกริยาท่าทางของผู้ชายตรงหน้าต่างจากชลธี นั่นทำให้หญิงสาวคลายความประหม่าไปได้บ้าง
ย่าหยาพูดเสียงแข็ง "ใคร จันทร์ชมพู"
ธามจับมือหญิงสาวบีบแน่น "ยังจะกล้าตีหน้าซื่ออีก"
ย่าหยาเข้ม "คุณทักคนผิดแล้ว"
ธามอึ้ง ผู้หญิงคนนี้หน้าตาเหมือนคนที่เขาเคยยิ่งกว่ารู้จัก แต่น้ำเสียง กิริยา และแววตาต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"เธอเป็นใคร"
ย่าหยาสะบัดมือหนี "ฉันต้องบอกคนแปลกหน้ามั้ยว่า ฉันเป็นใคร"
ธามอึ้งกิมกี่อีกครั้ง ชายหนุ่มปล่อยมือหญิงสาวก่อนจะเดินหน้านิ่วออกมา
ธามเดินคิ้วขมวดตรงมาที่รถ ย่าหยาเดินจ้ำตามมาพลางหาเหตุผลเพื่อที่จะได้คุย ได้มองหน้าและแววตาผู้ชายที่เพิ่งเดินจากมาชัดๆอีกครั้ง
ย่าหยาเรียกไว้ "เดี๋ยว"
ธามชะงักแล้วหันไปหา ย่าหยาจ้องตาผู้ชายตรงหน้าเธอเขม็งเหมือนจะมองหาความอ่อนโยนที่เธอเคยเห็นแต่กลับเจอแต่ความแข็งกระด้าง
"ทักคนผิดแล้วทำไมไม่ขอโทษ คุณทำฉันเจ็บนะ"
ธามเหล่มองรอยแดงเป็นปื้นที่แขนหญิงสาวข้างที่เขากระชากเมื่อครู่แล้วยืนนิ่ง
"ทีหลังก็ดูซะให้ดีก่อนสิ ไม่ใช่ไปฉุดกระชากใคร แล้วต้องให้เขาตามมาทวงคำขอโทษแบบนี้ ถ้าแค่พูดว่า ขอโทษ ทักผิดคน มันยากเกินไปอะนะ"
ย่าหยาด่าเสร็จจะเดินกลับ
"ไม่ยาก"
พูดจบธามก็กระชากแขนย่าหยาให้หมุนกลับมาหาเขาอีกครั้งและโดยไม่มีใครคาดคิด ชายหนุ่มก้มลงประกบปากจูบย่าหยาด้วยความรวดเร็ว ย่าหยาตะลึงแทบลืมหายใจ หญิงสาวเพิ่งตระหนักว่ารสจูบของผู้ชายคนนี้กับชลธีต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฉียงกับจิวที่ยืนอยู่ข้างรถถึงกับหงายเงิบ
ธามถอนตัวออกมาแล้วพูดกวนๆ "ขอโทษ จูบผิดคน"
ย่าหยาตบหน้าธามอย่างแรงจนธามหน้าหัน
"อย่าทำกับผู้หญิงที่คุณไม่รู้จักอย่างนี้อีก" ย่าหยาว่า
ย่าหยาพูดจบก็เดินหน้าตึงกลับไปที่รถแท็กซี่
เฉียงกับจิววิ่งมาหาธาม
"รู้จักกันเหรอเฮีย" เฉียงถาม
จิวฉุนแทนเจ้านาย "ตามมั้ยเฮีย"
"ไม่ต้อง งานสำคัญกว่า"
ธามขยับเดินต่อ แต่แล้วก็ชะงักหันไปมองรถแท็กซี่เรโนลล์ที่กำลังเคลื่อนออกไป
ธามพูดกับเฉียง "จดทะเบียนรถไว้ ให้อาฟงสืบว่าคนขับไปส่งผู้หญิงคนนั้นที่ไหน"
สั่งเสร็จธามก็เดินไปขึ้นรถ โดยที่เฉียงหยิบปากกาซึ่งเหน็บไว้ในเสื้อขึ้นมาจดเลขทะเบียนแท็กซี่บนฝ่ามือ
บริเวณปลายแท่งสูบฝิ่นควันขึ้นฉุย เล้งผละออกจากที่สูบฝิ่นเหมือนเพิ่งสูบไปเต็มฟืดก่อนจะหงายตัวนอนตาลอยเคลิ้ม สักพัก เกี๊ยงก็เดินเข้ามา
"นักข่าวพร้อม ทุกอย่างพร้อมครับนายใหญ่"
เล้งนอนตาลอยอย่างอารมณ์ดี
ธามกำลังคุยกับตำรวจ 1 นาย ส่วนที่เหลืออีก 2 นาย ช่วยกันกั้นบริเวณรอบร้าน และบันทึกความเสียหายเพื่อกันเป็นวัตถุพยาน ด้านในตู้กระจกโชว์ทองถูกทุบแตกกระจาย
"ไม่ต้องห่วงนะครับคุณธาม เราจะเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดครับขอตัวก่อนนะครับ"
"ขอบคุณมากครับ"
ตำรวจเดินออกไป เฉียงกับจิวขยับเข้าไปหาธาม
จิวเลือดร้อน "ไม่ต้องรอตำรวจหรอกเฮีย ไปจัดการมันเลย หลักฐานพร้อมแล้ว"
ธามยกมือห้าม "ใจเย็น อาจิว"
เล้งเดินเข้ามาพร้อมเกี๊ยง
"โชคไม่ดีเลยนะอาธาม อั๊วเสียใจด้วย" เล้งบอก
ธามยังไม่ทันตอบกลับอะไร จู่ๆนักข่าว 4-5 คนก็กรูเข้ามาสัมภาษณ์
"คุณธามกลับจากเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่คะ"
"ทราบข่าวก็มาเลยครับ" ธามตอบ
"คิดว่าใครเป็นคนลงมือ เป็นเรื่องขัดแย้งทางธุรกิจหรือเปล่าครับ"
"ไม่ใช่หรอกครับ คนในวงการค้าทองรักและเกื้อกูลกัน" ธามมองเล้ง
เล้งรีบบอก "ใช่ ตอนรู้ข่าวทีแรกผมตกใจมาก"
"หรือจะเป็นมือที่สามสร้างสถานการณ์ให้ผิดใจกันครับ" นักข่าวถามต่อ
"มือที่สามไม่ทำให้ความเชื่อใจที่เรามีต่อกันคลอนแคลนได้ครับ น่าจะเป็นฝีมือพวกโจรกระจอกมากกว่า ถ้าเป็นพวกนี้ ร้านทองเจ้าอื่นก็ต้องระวังให้ดี" ธามว่าแดก
"ใช่ เราต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่ให้มันทำอย่างนี้กับใครอีก" เล้งพูดเสริม
"เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ ขอถ่ายรูปร่วมกันหน่อยนะครับ" นักข่าวบอก
เล้งชิงสร้างภาพด้วยการส่งมือให้ธาม ธามส่งมือไปจับมือเล้งแบบผนึกกำลังแล้วยิ้มให้กล้องชนิดไม่มีใครยอมใคร สักครู่ ธามก็ขอตัวออกมา
ธามพูดกับนักข่าว "ผมมีธุระสำคัญ ต้องขอตัวก่อน" ธามพูดกับเล้ง "ขอตัวนะครับเสี่ย"
เล้งยิ้มแล้วก็โอบธาม ธามเดินออกมาในขณะที่นักข่าวสัมภาษณ์เล้งต่อกรณีถูกลอบยิงที่ศาลเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย ธามถามเฉียงและจิวที่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"หลักฐานอยู่ไหน"
ณ โรงแรมหมู่ตัน พนักงานส่งกุญแจห้องพักให้ย่าหยา
"มีคนจองห้องพักไว้ให้แล้วค่ะ"
"ขอบใจจ้ะ"
ย่าหยารับกุญแจห้องมา
ย่าหยาวางกระเป๋าเดินทางลงบนเตียง เธอไม่สนใจรื้อของในกระเป๋าแต่กลับมองไปรอบๆห้องเหมือนต้องการหาอะไรบางอย่าง ย่าหยาเปิดตู้เสื้อผ้า เปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก้มดูใต้เตียงก่อนจะลากกล่องที่ซ่อนอยู่ออกมาเปิดดู ข้างในมีปืนสั้นและ มีดพกแบบต่างๆ พร้อมชุดดำพรางตัวอยู่ในกล่อง
ย่าหยามองหาที่ซ่อนอาวุธเหล่านั้นก่อนจะมองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน
ฮกกับฮั้วถูกจับมัดมือไพล่หลังเข้าด้วยกัน ธามขยับเข้าไปยืนเผชิญหน้า
"เราจับไอ้ 2 คนนี้ได้พร้อมของกลาง" จิวบอก
ธามจำหน้าได้ "ถูกยิงขนาดนี้ยังไม่วายก่อเรื่องชั่วๆ"
"คนของเสี่ยเล้ง" เฉียงบอก
"ไม่เกี่ยวกับเสี่ย" ฮกว่า
ธามกระชากคอเสื้อฮกแล้วตะคอกใส่ "งั้นเกี่ยวกับใคร"
ธามต่อยปากฮกเปรี้ยงจนเลือดทะลักมุมปากแล้วหันไปสั่งจิว
"ทำให้มันเปิดปาก ใครสั่งมัน"
จิวกับเฉียงเข้าไปอัดฮกกับฮั้วตุ้บตั้บ ธามยืนมองนิ่ง
ย่าหยาซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขยับฝ้าเพดานปิด เธอกระโดดลงจากหลังตู้เสื้อผ้าแล้วเดินไปหยิบกุญแจห้องที่โต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ฮกกับฮั้วสลบในสภาพคอพับอิงกัน ทั้งสองสะดุ้งร้องเสียงหลงเมื่อถูกจิวเอาน้ำเกลือสาดใส่แผลตามตัว ธามขยับเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมควงมีดพับในมือ สักครู่จึงขยับหมุนเปิดใบมีดคมกริบขึ้นมา
"คมแบบนี้ ปาดลูกกระเดือกคนคงไม่ยาก" ธามบอก
คมมีดวาววับ ฮกกับฮั้วกลืนน้ำลายเฮือก
"จะยอมตายเพื่อเสี่ยเล้งวันนี้เดี๋ยวนี้ หรืออยากมีชีวิตรอดกลับไป" ธามถาม
"ไว้ชีวิตอั้วด้วยเถอะ อั๊วมีลูกเมียต้องเลี้ยงดู อั๊วไม่อยากตาย" ฮกละลักละล่ำ
"อั๊วกับเฮียไม่ได้ตั้งใจ อั๊วเป็นลูกน้อง ถ้าอั๊วไม่ทำ เสี่ยเล้งฆ่าเราสองคนแน่" ฮั้วกลัว
ธามยิ้มเหยียด "เสี่ยเล้ง"
ฮั้วตกใจที่เผลอพูดชื่อเล้งออกไป ธามขยับมีดมาจ่อที่คอหอยของฮั้ว ฮกกับฮั้วกลัวจนลืมหายใจ ทั้งสองกลัวตายจนปากคอสั่น ธามขยับใบมีดผ่านคอฮั้วแล้วเลื่อนลงไปที่เชือกซึ่งมัดทั้งคู่ก่อนจะออกแรงตัดเชือกจนขาด
ฮกกับฮั้วถอนใจโล่งอกกับความตายซึ่งผ่านพ้นไปและอิสระซึ่งได้มาในชั่วพริบตาจากเชือกที่ขาดออกจากกัน
จิวไม่เข้าใจ "เฮีย ปล่อยมันทำไม"
ฮกกับฮั้วรีบคุกเข่าก้มลงคำนับธามนับครั้งไม่ถ้วน
"ขอบคุณที่ไว้ชีวิตเราสองคนพี่น้อง ขอบคุณ"
เฉียงเตือน "เฮีย"
ฮกกับฮั้วกลัวธามเปลี่ยนใจจึงรีบประคองกันลุกขึ้นแล้วพากันเดินเซออกมา
ธามเรียกไว้ "เดี๋ยว"
ฮกกับฮั้วชะงักกึกแล้วก็ขนหัวลุก ทั้งสองคิดว่าธามคงเปลี่ยนใจ และพวกเขาคงตายแน่แล้ว
"รอดจากแก๊งกระทิง แต่ไม่มีทองไปให้มัน มันฆ่าปิดปากลื้อแน่"
ฮกกับฮั้วหันมามองธามหน้าซีด
"อาจิว เอาทองที่มันปล้นให้มันไปส่วนหนึ่ง"
จิวไม่อยากเชื่อหูตัวเอง "เฮีย"
ธามพูดกับฮกและฮั้ว "เอาไปต่อลมหายใจ แล้วอย่าลืมว่า ลมหายใจนี้เป็นของแก๊งกระทิง"
กลางดึก ภัตตาคารฉั่วเทียนเหลาปิดร้านแล้ว มียามนั่งเฝ้าอยู่ ย่าหยาเดินมากวาดตามองไปรอบๆ ภัตตาคาร เมื่อเห็นยามมองมาด้วยความแปลกใจ ย่าหยาจึงเดินเลี่ยงออกมา
ย่าหยาเดินเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมกับซึมซับบรรยากาศรอบข้าง
“7 ปี เปลี่ยนไปเยอะเลย"
แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
ย่าหยาวิ่งตามหาที่มาของเสียง เธอวิ่งหาจนมาเจอต้นตอก็คือหยกมณีที่กำลังถีบโจรล้มแล้วยื้อกระเป๋าสะพายของตัวเองมาจากโจรอีกคน โจรที่ถูกถีบลุกจากพื้นอย่างโมโหก่อนจะตรงเข้าไปกระชากผมหยกมณี โจรคนที่สองกระชากกระเป๋ามาได้ก็ง้างหมัดทำท่าจะชกหยกมณีเข้าที่ท้อง ย่าหยากระโดดถีบโจรคนที่สองจนตัวลอย โจรคนแรกปล่อยผมหยกมณีแล้วตรงเข้ามาเอาสันมือฟาดย่าหยา ย่าหยาหลบแล้วคว้ากระเป๋าหยกมณีซึ่งหล่นอยู่ที่พื้นโยนคืนให้
"หนีไป" ย่าหยาบอก
โจรคนที่สองเข้ามาชกย่าหยา หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบแล้วตะโกนบอกหยกมณีอีกครั้ง
"หนี เร็ว"
หยกมณีพยักหน้างึกๆ เธอกอดกระเป๋าวิ่งตัวสั่นเป็นนกตื่นออกไป โจรคนแรกจะตามหยกมณี แต่ถูกย่าหยากระโดดเตะก้านคอจนล้มหน้าทิ่มกระแทกพื้น เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นโจรคนที่สองชักมีดออกมาจ้วง ย่าหยาบิดมือแล้วหักแขนโจรคนที่สองไพล่หลังก่อนจะซัดศอกใส่จนเซไปกระแทกผนังตึก
โจรคนแรกจะชกย่าหยา ย่าหยาเบี่ยงหลบแล้วเหมือนจะวิ่งหนีแต่เปล่า ย่าหยาหันกลับมากระโดดเทคตัวสลับขาเตะเข้าปลายคางโจรคนแรกจนสลบแทบเท้า โจรคนที่สองเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีไป
ย่าหยาวิ่งตามไม่ลดละ
หยกมณีวิ่งหอบกระเป๋าหนีผ่านมาทางภัตตาคารแต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ เธอวิ่งเข้าไปดึงมือยามที่เฝ้าอยู่หน้าร้านออกมา
"จะไปไหนเจ๊หยก" ยามถาม
"เออน่า อย่าเพิ่งถาม ไปช่วยกันก่อน" หยกมณีบอก
หยกมณีดึงยามให้วิ่งไป
โจรคนที่สองวิ่งหน้าเริ่ดมาตามซอย ย่าหยาวิ่งตามหลังมา สุดท้ายย่าหยาวิ่งเข้าซอยด้านข้างแล้วหลบออกไปอีกทาง
โจรคนที่สองวิ่งมา สักครู่เขาก็หันไปมองด้านหลังแล้วก็ไม่เห็นย่าหยาวิ่งตามมาก็ถอนใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อหันกลับมาจะวิ่งต่อก็ต้องหน้าถอดสี เมื่อเห็นย่าหยากระโดดลงมาจากระเบียงดักหน้าเขาไว้พอดี
"ทำชั่วแล้วกลัวตายงั้นเหรอ" ย่าหยาว่า
โจรจนมุมจึงชกย่าหยาซ้ายขวา ย่าหยาโยกตัวหลบว่องไวแถมชกกลับจนโจรหน้าหงาย แต่ก็ยังอาศัยจังหวะคลานลอดใต้โต๊ะไปโผล่อีกด้านก่อนจะวิ่งหนีออกไปที่ถนน ย่าหยาตามไปกระชากเสื้อ ทั้งคู่ยื้อกันหมุนเป็นวงกลมไปมา ย่าหยาสุดจะทนจึงขัดขาโจรแล้วทุ่มออกไปที่ถนน
ร่างโจรคนที่สองลอยละล่องมาหล่นตรงหน้ารถธาม จิวเบรกรถดังเอี๊ยด ธามซึ่งนั่งทางด้านหลังหันไปมองข้างรถก็เห็นย่าหยายืนอยู่ริมฟุตบาท ทั้งคู่สบตากันอย่างจำกันได้ ย่าหยาวิ่งหนีออกไป
"อาเฉียง ลงไปดูคนเจ็บ" ธามสั่ง
เฉียงพยักหน้าแล้วลงจากรถพร้อมธาม เฉียงกับจิวลงไปดูโจร ในขณะที่ธามวิ่งตามย่าหยาไป
ย่าหยาวิ่ง โดยมีธามวิ่งตามหลัง
"ไอ้บ้าเอ๊ย" ย่าหยาว่า
ธามวิ่งไล่ตามย่าหยามาตามตรอกซอยแคบๆ
ธามเร่งสปีดตามย่าหยาจนถึงจังหวะที่เกือบจะคว้าตัวหญิงสาวได้อยู่แล้ว แต่หยกมณีกับยามซึ่งวิ่งมาจากอีกด้านเรียกไว้ซะก่อน
"เฮียกระทิง"
ธามชะงักแล้วหันมามองหยกมณี เมื่อหันกลับไปหาย่าหยาอีกครั้งก็พบว่าซอยทั้งซอยว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของย่าหยา ธามเจ็บใจ
จิวผลักโจรคนแรกที่จับได้เข้าไปรวมกับโจรคนที่สอง หยกมณีถลาเข้าไปชี้ตัวอย่างแค้นใจ
"ไอ้ 2 คนนี้ล่ะเฮียที่มันฉกกระเป๋า แล้วทำร้ายหยก"
"ไม่ใช่ 3” ธามบอก
“2 ค่ะ" หยกมณียืนยัน
"แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะ"
อ๋อ..ผู้หญิงคนนั้นเขามาช่วยหยก" หยกมณีนึกได้ "เออ จริงสิ หายไปไหนแล้ว เจ็บตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ ยังไม่ได้ขอบคุณเลย"
ธามนิ่งคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ ที่สำคัญทำไมหน้าเหมือน จันทร์ชมพู มาก
เฉียงกับจิวนั่งดื่มน้ำชาไปคุยกันไปอยู่ที่บ้านธาม เฉียงเอากำไลข้อเท้าลูกขึ้นมาดูเช่นเคย
"อั๊วไม่อยากจะเชื่อ เฮียไปไว้ใจไอ้ฮกไอ้ฮั้วได้ยังไง ไอ้2ตัวนั่นมันงูพิษชัดๆ คนไทยเขาว่าตีงูต้องตีให้ตาย ไม่งั้นมันจะแว้งกัดเราได้" จิวว่า
"เฮียผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ อาจิว เฮียรู้น่าว่าควรช่วยใครเพื่ออะไร ลื้อไม่เคยได้ยินเรื่องราชสีห์กับหนูเหรอ"
ธามเปลี่ยนชุดนอนลงมาจากข้างบน
"ค้างนี่หรือเปล่า" ธามถาม
"จะกลับอยู่เดี๋ยวนี้ครับเฮีย"
"งานพรุ่งนี้นัดคนของเราเรียบร้อยแล้ว" ธามบอก
"ครับ" จิวรับคำ
เฉียงลุกจากเก้าอี้พร้อมจิว ธามจะเดินไปที่ห้องทำงานแต่แล้วก็ชะงักหันกลับมา
"ลื้อจำผู้หญิงที่สนามบินได้ใช่มั้ย" ธามถามขึ้น
ทั้งคู่พยักหน้า
"ตามตัวให้เจอ สืบมาให้ได้ว่าเป็นใคร มาจากไหน" ธามสั่ง
ทั้งคู่รับคำ "ครับ"
เฉียงเดินออกมาพร้อมจิว
ย่าหยาใส่ชุดนอนนั่งเขียนจดหมายถึงพ้ง
"หยาเข้าพักที่โรงแรมและเจอของที่อาปาส่งมาล่วงหน้าแล้วค่ะ ขอบคุณอาปาที่จัดเตรียมและวางแผนทุกอย่างเป็นอย่างดี หยาไปสำรวจที่ฉั่วเทียนเหลามาแล้ว พรุ่งนี้หยาจะไปสมัครงานที่นั่น ถ้าโชคเข้าข้าง เราคงจัดการทุกอย่างได้เร็วขึ้น รักและเคารพอาปาที่สุด ย่าหยา"
ย่าหยาพับจดหมายใส่ซองที่จ่าหน้าถึงพ้งที่เซี่ยงไฮ้ไว้เรียบร้อยแล้ว สักครู่หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบนาฬิกาพก pocket watch ขึ้นมาแล้วค่อยๆเปิดดู ที่นาฬิกามีรูปชลธีกับจันทร์ชมพูเคลือบอยู่ด้านในฝาปิดด้านหนึ่ง
"หยารู้ว่าพี่ธีรักจันทร์มาก แต่หยากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เราจะได้เจอกันมั้ยคะ พี่ธี"
ธามพลิกดูไฟแช็กZIPPO ที่บิดงอและเต็มไปด้วยเขม่าดำ ก่อนจะเงยหน้ามองเงาตัวเองในกระจกแล้วพูดกับตัวเองด้วยแววตาแข็งกร้าว
"ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะแก้แค้นให้นาย ชลธี"
อ่านต่อหน้า 3
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 1 (ต่อ)
เช้าวันนี้ เล้งจิบชาจีนอยู่ที่โต๊ะ ฮกกับฮั้วนั่งละล่ำละลักปากคอสั่นอยู่ที่พื้น ตามตัวของทั้งสองมีผ้าก็อชพันแผล บนโต๊ะชามีถุงด้ายดิบใส่ทองแท่งและทองรูปพรรณวางอยู่
"อั๊ว ไปกบดานที่บางซื่อตามที่เสี่ยสั่ง แต่ ระหว่างทางโดนโจรแก๊งอื่นปล้นตลบหลังมัน เอ่อ ได้ทองไปบางส่วน" ฮกบอก
"ไม่ใช่ลื้อ 2 คน ฮุบทองไว้เอง" เกี๊ยงพูดดักคอ
"แล้วก็แกล้งตีกันจนเกือบตายงั้นเหรอ" ฮั้วว่า
"เราจะทำอย่างนั้นทำไม ต่อให้ตีกันตายแต่ถ้าเสี่ยไม่เชื่อ เราสองคนก็ตายอยู่ดี" ฮกบอก
ซ้งนั่งกัดเล็บอยู่ในมุมของตัวเอง
"ทำงานไม่สำเร็จ ยังไงก็สมควรตาย"
ฮกกับฮั้วหันมามองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ เล้งหยิบบุหรี่มาจุดด้วยไฟแช็ก ZIPPO ที่ธามให้มา
"หรือจะเป็นฝีมือไอ้ธาม" เกี๊ยงเปรยขึ้น
"อั๊วรุ่นอามัน มันไม่กล้าลองดีกับอั๊วหรอก เรื่องนี้เป็นได้สองอย่าง ลื้อสองคนโดนปล้นจริงๆ หรือไม่..ลื้อก็แต่งเรื่องโกหกอั๊ว" เล้งพูดกับฮั้วและฮก ด้วยเสียงเยือกเย็น "อย่าให้รู้ว่าลื้อสองคนหักหลังอั้วก็แล้วกัน"
พูดจบเล้งก็พ่นควันบุหรี่ใส่ทั้งคู่ แล้วเอาปลายบุหรี่จี้ใส่แขนฮก ฮกร้องจ๊าก ฮั้วกลืนน้ำลายเอือก
เล้งยิ้มโรคจิตโดยไม่ยอมปล่อยบุหรี่จากแขนฮกแถมขยี้ซ้ำอีกต่างหาก
ย่าหยายิ้มหวาน สุ่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้าม
"หนูชื่อเพ็ญนภา เรียกสั้นๆว่าย่าหยาก็ได้ค่ะ"
"อายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ไหน จบชั้นอะไร พูดภาษาจีนได้มั้ย เอาใจคนเป็นรึเปล่า" สุ่ยถาม
"อายุ 22 ค่ะ บ้านอยู่ธนบุรี แต่ย้ายมาอยู่แถวนี้ค่ะ หนูจบชั้นมัธยม5 พูดภาษาจีนได้ ชอบเอาใจคนที่สุดค่ะ"
"หลบกระสุนเป็น" สุ่ยโพล่งออกมา
ย่าหยางง "คะ"
"อยู่ที่นี่ ต้องรู้จักระวังตัวเพราะมีคนไม่ถูกกันเยอะ วันดีคืนดีไม่รู้จะไปตีกันที่ไหน ก็ยกมาตีกันที่นี่ จะอยู่นี่ต้องเอาตัวให้รอด"
"หนูเอาตัวรอดได้แน่ค่ะ"
สุ่ยยิ้มมีเมตตา "ลื้อนี่หน่วยก้านดีนะ หน้าตาหมดจด สวยขนาดนี้ เรียกลูกค้าได้เยอะ"
ย่าหยาปลื้มปริ่มและยิ้มหน้าบาน "หนูเริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ"
"ปีนี้ลูกน้องอั๊วล้นร้านแล้ว ปีหน้ามาถามอีกทีนะ"
ย่าหยาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ณ ร้านทองเล่งเฮงมีนักเลงคุมร้าน 1 คนอยู่ด้านหน้า ในร้านมีพนักงานขาย 2 คนกำลังหยิบทองให้คู่สามีภรรยาและชาวบ้านอีก 2 คนดู อาแปะสวมหมวกเจ๊กหาบก๋วยเตี๋ยวแคะเดินผ่านหน้าร้าน นักเลงหันมาเห็นแปะก็ตะโกนเรียก
"แปะ ก๋วยเตี๋ยวชาม"
แปะวางหาบ ทีแท้แปะคนนั้นก็คือ จิวติดหนวดเคราสีขาวที่เงยหน้ามองนักเลงคุมร้าน
"ล่าย ล่าย"
ย่าหยาเดินใช้ความคิดอย่างหนักออกมาจากภัตตาคาร หญิงสาวถอนใจเฮือกก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง สมองของเธอสั่งงานวุ่นวายว่าจะทำยังไงถึงจะได้ทำงานที่นี่ หยกมณีเดินมองกระจกในตลับแป้งและตบแป้งมาตามทาง เมื่อย่าหยาหันกลับมา ทั้งคู่เลยชนกันโครม
หยกมณีร้อง "ว้าย"
"ขอโทษค่ะ" ย่าหยาบอก
ย่าหยาช่วยเก็บกระเป๋าสะพายที่ตกกับพื้นแล้วเอะใจเหมือนเคยเห็นหยกมณีที่ไหน ย่าหยาหันมามองหยกมณี ทั้งคู่จ้องหน้ากัน
"เธอ เธอคือคนที่ช่วยฉันเมื่อคืนใช่มั้ย"
ย่าหยาพยักหน้าด้วยความงงที่เจอหยกมณีโดยบังเอิญ
หยกมณีจับมือย่าหยาด้วยความดีใจ "ขอบคุณมากนะ นึกว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้ขอบคุณซะแล้ว ถ้าเธอไม่ช่วย ฉันคงถูกไอ้สองคนนั่นฆ่าตายแน่ๆ แล้ว มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ"
"สมัครงานค่ะ แต่ เขาไม่รับ" ย่าหยาบอก
"ไปสมัครที่ไหน" หยกมณีถาม
ย่าหยาหันไปมองฉั่วเทียนเหลา หยกมณีหันไปมองตามแล้วยิ้ม
"อยากทำก็ต้องได้ทำสิ"
"คุณช่วยฉันได้เหรอคะ"
หยกมณียักคิ้วให้ "ที่นี่ใครใหญ่ ให้มันรู้ซะบ้าง"
หยกมณีดึงมือย่าหยาเดินเข้าไปในภัตตาคารด้วยความมั่นใจในความเป็นขาใหญ่ของตัวเอง
นักเลงคุมร้านทองเล่งเฮงกำลังเลื่อนประตูเหล็กปิดร้าน พนักงานขาย 2 คน รวมทั้งลูกค้า 4 คน หันมามอง
"ปิดประตูทำไมวะ ลูกค้ายังซื้อไม่เสร็จ" พนักงานว่า
นักเลงหันมาทำให้เห็นว่าเป็นจิวที่ยังติดหนวดเคราขาว แต่ใส่เสื้อผ้าของนักเลงคุมร้านทั้งชุด
"ไม่เสร็จก็ไม่ต้องซื้อ" จิวบอก
พูดจบจิวก็ชักปืนออกจากเอวพร้อมๆ กับลูกค้าทั้ง 4 คนที่ต่างก็ดึงอาวุธปืนออกจากที่ซ่อนของตัวเอง ในเสื้อ ในกระเป๋าสะพาย หรือแม้แต่ตะกร้าใส่กับข้าว ทุกคนหันปลายกระบอกปืนไปที่พนักงานขาย
พนักงานขายช็อกสนิทแล้วรีบยกมือขึ้น
จิวสั่งลูกน้องทั้ง 4 คน "กวาดให้หมด"
ทั้งหมดกระโดดข้ามตู้โชว์ทองด้านหน้าเข้าไปด้านใน ผู้หญิงจัดการเอาผ้ามัดมือมัดปากพนักงานขาย ผู้ชายเข้าไปทุบตู้ใส่ทอง ผู้ชายคนหนึ่งเอาป้ายมาแขวนหน้าร้าน เมื่อหันมาทำให้เห็นว่าเขาคือ เฉียง นั่นเอง
เฉียงเอามือล้วงกระเป๋าเดินออกมาอย่างสบายอารมณ์ ป้ายที่เขามาแขวนเขียนว่า "ปิดครึ่งวัน"
สุ่ยส่ายหน้าเหมือนรับไม่ได้ ย่าหยายืนหน้าไมโครโฟนร้องเพลงจีนอะไรสักเพลงอย่างแต่ผิดคีย์ มากๆ หยกมณียืนทำหน้าเหมือนปวดท้องอยู่ข้างๆ
สุ่ยรีบบอก "พอๆๆๆ หน้าสวยซะเปล่า แต่ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง อย่างนี้จะเอามาเป็นนักร้องได้ยังไง เลิกฝันเลยอาหยก"
"น่าแจ้ ให้โอกาสเด็กมันอีกสักครั้งน่า เพลงนี้อาจจะไม่ถนัด เสียงสูงต่ำมันเยอะ ยากนะแจ้" หยกมณีพูดกับย่าหยา "เอ้า ไหนลองร้องเพลงที่เธอถนัดมาสักเพลงซิ เพลงที่ร้องแล้วแบบว่า พาคนฟังขึ้นสวรรค์ได้เลยน่ะ"
ย่าหยาอึ้งเพราะคิดถึงเรื่องราวในอดีต
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ชลธีแอบยิ้มในขณะฟังเพลง Meng Zhong Ren ที่จันทร์ชมพูพยายามร้อง แต่ร้องยังไงก็ผิดคีย์และเสียงหลงอยู่ดี สักครู่ ชลธีก็กลั้นไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา จันทร์ชมพูหยุดร้องทันทีแล้วงอนเล็กๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดู
"พี่ธีนะ จันทร์ไม่ร้องแล้ว"
"พี่ล้อเล่นน่า จันทร์ซ้อมบ่อยๆ เดี๋ยวก็ร้องได้เอง ไม่ยากหรอก"
แล้วชลธีก็ร้องเพลง Meng Zhong Ren ให้จันทร์ชมพูฟังด้วยความอิน
“yue se na yang mo hu
da di long shang ye wu
wo de meng zhong de ren er ya
ni zai he chu”
เสียงชลธีดังซ้อนเข้ากับเสียงร้องของย่าหยาที่ยังคงร้องอย่างผิดคีย์เพราะไม่มั่นใจและปวดใจกับภาพในอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“yuan ting hai chao qi fu
song feng zheng zai ai su
wo de meng zhong de ren er ya
ni zai he chu
mei you qiang wei de chun tian
hao xiang shu qin duan le xian”
สุ่ยส่ายหน้าไปมา ในขณะที่หยกมณีทำหน้าเหมือนปวดขี้แต่ขี้ไม่ออก
สุ่ยเอามือปิดหูแล้วตะโกนลั่น "หยุด อั๊วทนไม่ไหวแล้ว ลื้อร้องเพลงหรือขอส่วนบุญห๊า"
"หยกขอเวลาสักวันสองวันนะแจ้ รับรองจะฝึกให้แขกถามหาเลย" หยกมณีบอก
"ลื้อก็รู้นะอาหยก คนจะร้องเพลงเพราะมันเป็นพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมา ไม่ใช่ฝึกกันวันสองวันแล้วจะร้องได้ เสียเวลาทำมาหากินจริงๆ" สุ่ยเดินออกไปทันที
หยกมณีพยายามเรียก "เดี๋ยวก่อนแจ้ แจ้สุ่ย"
หยกมณีหันมามองย่าหยา ย่าหยาหมดหวัง
โทรศัพท์ที่บ้านเล้งดังขึ้น ซ้งนั่งกัดเล็บอยู่ที่มุมประจำของตัวเอง เกี๊ยงเดินมายืนมอง
"โทรศัพท์ดัง ทำไมลื้อไม่รับ" เกี๊ยงถาม
ซ้งพูดโดยไม่มองหน้า "คนที่จะสั่งให้อั๊วทำอะไรคือนายใหญ่คนเดียว"
เกี๊ยงไม่พอใจแต่ก็เป็นฝ่ายรับโทรศัพท์เอง เล้งซึ่งอยู่ในชุดไว้ทุกข์สีขาวเดินลงมาจากข้างบน
"ฮัลโหล บ้านเสี่ยเล้งครับ อ้อ ครับ ได้ครับ ที่ไหนนะครับ ครับ ขอบคุณครับ"
"ใคร" เล้งถาม
"ลูกค้าครับ มารอเจรจาซื้อทองกับนายใหญ่ ท่าทางกระเป๋าหนัก" เกี๊ยงบอก
เล้งถามต่อ "ที่ไหน"
ธามใส่สูทสีขาวนวลเดินออกมาจากบ้าน เฉียงส่งหมวกเข้ากับสีชุดสูทให้ธาม
"เรียบร้อยครับเฮีย"
ธามยิ้มมุมปากนิดหนึ่งก่อนจะสวมหมวกแล้วเดินไป เฉียงเดินตาม
เล้งกับเกี๊ยงเดินไปยืนหน้าร้านทองเล่งเฮง ทั้งคู่มองป้าย “ปิดครึ่งวัน” แขวนอยู่หน้าร้านแล้วก็หันมามองหน้ากัน
นักเลงคุมร้านในชุดอาแปะขายก๋วยเตี๋ยวแคะที่กำลังนอนสลบไสลถูกเกี๊ยงกระชากตัวขึ้นมา นักเลงคุมร้านค่อยๆลืมตางัวเงียมองเกี๊ยงอย่างงงๆ
และยิ่งหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเล้งยืนจ้องอยู่อีกมุม
นักเลงคุมร้านทองถูกเกี๊ยงเหวี่ยงไปกองกับพนักงานขายทอง 2 คนซึ่งถูกมัดมือมัดปากมัดขาด้วยผ้าที่มุมห้อง เกี๊ยงตามเข้าไปแก้มัดผ้าที่ปิดปากพนักงานขายทองทั้งคู่
"อั๊วไม่รู้เรื่องจริงๆนะครับเสี่ยว่าทองเราถูกปล้นไปได้ยังไง"
"นายใหญ่ให้ลื้อมาเฝ้าร้าน ลื้อยังมีหน้ามาพูดว่าลื้อไม่รู้งั้นเหรอ" เกี๊ยงว่า
"อั๊วไม่รู้จริงๆ อั๊วไม่ได้เป็นสายให้พวกมันนะเฮีย มัน ไอ้แปะขายก๋วยเตี๋ยวนั่น ต้องเป็นมันแน่ๆที่วางยาอั๊ว"
"ไอ้แปะนั่นมันให้ลูกน้องมันแฝงตัวเป็นลูกค้า พอสบโอกาสมันก็ปิดร้านปล้น" พนักงานร้านบอก
"ลื้อเห็นหน้ามันรึเปล่า รู้มั้ยมันเป็นคนของใคร" เกี๊ยงถาม
"อั๊วไม่เคยเห็นหน้า แต่ไอ้แปะที่เป็นหัวหน้า มัน..ใส่ชุดของลื้อ" พนักงานชี้ไปที่นักเลง
"อั๊วไม่รู้เรื่อง อั๊วไม่เคยรู้จักมัน"
เล้งชักปืนออกมาจากสูทขาวสะอาดแล้วยิงใส่แสกหน้านักเลงจนเลือดกระเด็นใส่หน้าพนักงานที่ซัดทอด พนักงาน 2 คน ช็อกจนตัวสั่นเพราะกลัวตาย
"รู้จักหรือไม่รู้จักอั๊วไม่รู้ ลื้อปล่อยให้มันมาหยามอั๊วถึงถิ่น ลื้อสมควรตาย" เล้งพูดกับพนักงานสองคน "มันตายเพราะโดนพวกที่มาปล้นยิง ลื้อเข้าใจใช่มั้ย"
พนักงานสองคนรีบพยักหน้ารับรู้ในสภาพตัวสั่นงันงก
"เกิดเรื่องอย่างนี้แล้วนายใหญ่จะไปงานอาฉางมั้ยครับ"
"ไป อั๊วอยากไปดูหน้าไอ้แก่สุงว่าตรอมใจใกล้ตายรึยัง ถ้ามันตายตำแหน่งนายกสมาคมก็ต้องเป็นของอั๊ว ถึงเวลานั้น เรื่องโดนปล้นวันนี้ มันก็เรื่องเล็ก"
เล้งขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะเดินออกมา เกี๊ยงเดินตาม พนักงาน 2 คน ยังช็อกสติแตกกับศพเพื่อนอยู่
หงส์ ในชุดไว้ทุกข์นั่งซึมอยู่มุมหนึ่งของบ้าน หญิงสาวน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงพี่ชายที่ถูกคนร้ายยิงตายต่อหน้าต่อตา สักครู่ก็มีมือหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอ
หงส์เงยหน้าขึ้นมามอง "คุณธาม"
"ผมเสียใจด้วยครับ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขนาดนี้"
หงส์พยักหน้าแล้วรับผ้าเช็ดหน้าธามมาซับน้ำตา
"ขอโทษที่มาแสดงความเสียใจช้าไป ผมเพิ่งกลับจากเซี่ยงไฮ้น่ะครับ"
"แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ คุณธามคงวุ่นวายอยู่กับ ร้านทองที่โดนปล้น แต่ยังมีน้ำใจแวะมา"
"ไม่มาไม่ได้ครับ อาฉางก็เพื่อนผม ส่วนคุณหงส์เป็นยิ่งกว่าน้องสาว ผมรู้ว่าคุณทุกข์ใจแค่ไหน วันที่คุณร้องไห้ ผมอยากอยู่ข้างคุณ"
หงส์ที่กำลังซับน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองธามด้วยความแปลกใจว่าธามเพิ่งไปๆมาๆที่เยาวราชได้ไม่นาน ถึงจะเป็นพี่ชายฝาแฝดของชลธีแต่ก็พูดกับเธอแทบนับครั้งได้ แต่ทำไมครั้งนี้ธามถึงพูดกับเธอเหมือนชลธี พี่ชายที่เธอสนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าอาฉางพี่ชายจริงๆด้วยซ้ำ
ธามยิ้มให้หงส์ด้วยความเอ็นดู "ไม่ร้องไห้แล้วนะเด็กดี ถ้าหยุดร้องเฮียจะเสกของโปรดให้"
หงส์ชะงักกึก ธามหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือหงส์มาคลี่แล้วโบกสะบัดไปมาเหมือนกำลังเล่นกล หงส์เบิกตากว้าง เพราะคุ้นเคยกับคำพูดและการกระทำแบบนี้เหลือเกิน
15 ปีก่อน เด็กหญิงหงส์ร้องไห้ขี้มูกน้ำตากรัง ชลธียื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้หงส์
"พวกเฮียวิ่งเล่นกันได้ ทำไมหงส์เล่นกับพวกเฮียไม่ได้ ทำไมอาปาต้องตีหงส์อาปาไม่รักหงส์" หงส์เอาผ้าเช็ดหน้าชลธีเช็ดน้ำตา
"ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกหงส์ อาแปะสุงคงไม่อยากให้หงส์มาวิ่งหกล้มหกลุกกับพวกเฮีย" ชลธีว่า
หงส์ยิ่งร้องไห้ไม่หยุด
"ไม่ร้องไห้แล้วนะเด็กดี ถ้าหยุดร้องเฮียจะเสกของโปรดให้"
ว่าแล้วชลธีก็ดึงผ้าเช็ดหน้าจากมือหงส์มาคลี่แล้วโบกสะบัดไปมาเหมือนกำลังเล่นกล หงส์มองผ้าเช็ดหน้าที่โบกสะบัดอยู่ตรงหน้า
เหตุการณ์ปัจจุบัน ผ้าเช็ดหน้าโบกสะบัด หงส์ในวัย 22 ปีใจเต้นตึกตัก ธามสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปทางด้านหลังตัวเอง
หงส์หายใจถี่ด้วยความตื่นเต้นกับการค้นพบอะไรบางอย่าง
เมื่อ 15 ปีก่อน เด็กหญิงหงส์เบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นว่าชลธีจะทำอะไร ชลธีสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปทางด้านหลังแล้วดึงเอาหงส์ที่ทำจากน้ำตาลปั้นเกาะอยู่บนปลายไม้ออกมา หงส์ยิ้มดีใจแล้วก็หยุดสะอื้นได้ทันที
เหตุการณ์ปัจจุบัน ธามดึงหงส์ที่ทำจากน้ำตาลปั้นออกมาจากด้านหลังตัวเองแล้วยื่นให้หงส์ หงส์รับของจากธาม แล้วก็น้ำตารื้น เธอค้นพบความจริงแต่รูปลักษณ์ภายนอกและลักษณะนิสัยซึ่งไม่เหมือนกันทำให้หญิงสาวไม่มั่นใจ ธามรู้ว่าหงส์แคลงใจจึงยิ้มให้หญิงสาวอย่างอบอุ่นพร้อมทบทวนวันคืนเก่าๆ
"เล่นตังเตกันมั้ย" ธามชวน
หงส์อึ้งและพยายามบังคับใจที่เต้นแรงและปากคอไม่ให้สั่น
"เฮียฉาง เฮียภรพ เฮียทรงกลด เฮียคณินไม่ให้หงส์เล่น"
15 ปีก่อน เฮียทั้งหลายยืนเรียงแถวหน้ากระดานหน้าเด็กหญิงหงส์
"ไม่ได้นะอาหงส์ เดี๋ยวป๊ามาเห็นจะโดนดุเอา"
"หงส์ไปหัดทำกับข้าวกับซิ่มเจียหลินดีกว่า นะ นะ"
"เฮียอยากกินเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วฝีมือหงส์ นะ นะ" คณินบอก
หงส์ร้องไห้ "ไม่เอา หงส์จะเล่นตังเตกับเฮีย ให้หงส์เล่นด้วย นะ นะ"
"หงส์เล่นทีไรล้มเข่าแตก กลับไปก็โดนอาแปะตีซ้ำ พวกเฮียไม่อยากให้หงส์โดนตีอีก" ทรงกลด อ้างกติกา "นี่ก็ครบแล้วด้วย 4 คน"
หงส์ร้องไห้โฮ ชลธีออกจากแถวเข้ามากอดปลอบน้องแล้วพูดกับเพื่อนๆ
"ให้หงส์เล่นด้วยเถอะน่า" ชลธีมีท่าทางแข็งขัน "คราวนี้ไม่หกล้ม ไม่เกิน 4 คนด้วย รับรอง"
เพื่อนๆหันมามองหน้ากันเพราะไม่หกล้มก็พอรับฟังได้ แต่ไม่เกิน 4 คน คืออะไร
เพื่อนแต่ละคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ชลธีเอาหงส์ขี่หลังแล้วกระโดดไปตามช่องตารางที่ขีดไว้ หงส์หัวเราะสนุกสนานขณะอยู่บนหลังชลธี ในขณะที่ชลธีเองก็หัวเราะมีความสุขที่เห็นน้องมีความสุข
ธามยิ้มให้หงส์ด้วยสายตาเอ็นดูเชิงหยอกล้อนิดๆ
"ตอนนี้เฮียคงเอาหงส์ขึ้นหลังไม่ไหวแล้ว" ธามบอก
หงส์ร้องไห้น้ำตาไหลพรากซึ่งเป็นน้ำตาแห่งความปิติและตื้นตัน
"เฮีย เฮียธะ"
ก่อนที่หงส์จะหลุดพูดชื่อชลธีออกมา ธามก็เอามือแตะปากห้ามหงส์ไว้
"อย่าเพิ่งพูดอะไรนะหงส์"
หงส์แปลกใจ "ทำไมล่ะเฮีย"
"ยังไม่ถึงเวลา ที่เฮียมาวันนี้เพราะอยากให้หงส์รู้ว่าหงส์ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แค่นั้น"
"แล้ว เมื่อ 7 ปีก่อน เฮียหายไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่ส่งข่าวให้ใครรู้บ้าง"
"ไม่ต้องสนใจหรอกนะ ขอแค่หงส์รู้ว่า ตอนนี้พี่ชายคนนี้กลับมาอยู่ข้างๆหงส์ก็พอ"
หงส์มองธามอย่างสำรวจตรวจตรา ถึงรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปแต่แววตาคู่นั้นยังอบอุ่นเหมือนเดิม หญิงสาวมั่นใจ ตื้นตันใจและเชื่อเต็มหัวใจว่าพี่ชายที่เธอรักยังมีชีวิตอยู่
"เฮีย"
หงส์ถลาเข้ามากอดธาม ในขณะที่ธามก็กอดหงส์แน่น
เต็กกับไช้ยืนคุยกันหน้าบริเวณงานที่จัดในวัด แขกเริ่มเข้ามาในงาน หงส์พาธามเดินเข้ามา เต็กหันมาเห็นทั้งคู่
"ผมเสียใจด้วยนะครับอาเจ็ก แล้วอาแปะสุงล่ะครับ" ธามถาม
"นั่งอยู่กับอาฉางนั่นล่ะ ไม่พูดไม่จากับใคร ลื้อเข้าไปสิ" เด็กบอก
ธามขยับจะเข้าไปในงาน แต่เห็นเล้งเดินเข้ามาซะก่อน
ไช้พูดกับเล้ง "อาเล้ง อุตส่าห์มา ได้ข่าวว่าร้านทองลื้อเพิ่งโดนปล้นไม่ใช่เหรอ"
ธามพูดหน้าตายเหมือนเพิ่งรู้ "ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"
"ตอนสายๆ" เล้งบอก
"ทำไมพวกมันถึงได้กล้าขนาดนี้ ปล้นกันกลางวันแสกๆ"
"นั่นสิ" ไช้ว่า "มันเป็นพวกไหนกันแน่วะ ใช่พวกเดียวกับที่ปล้นอาธามรึเปล่า"
"นึกอยู่แล้วว่าพวกมันต้องปล้นร้านอื่นอีก ไอ้พวกลอบกัด" ธามไม่พอใจ
"โจรกระจอก" เล้งว่า
"แหงล่ะครับ โจรมืออาชีพที่ไหนมันจะกล้าหยามเสี่ยได้ขนาดนี้ จะมีก็แต่พวกโจรกระจอกเท่านั้น ที่ไม่รู้ว่าเสี่ยเล้งเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน"
คำพูดแดกดันของธามทำให้เล้งเจ็บไปถึงเซี่ยงจี๊แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่กัดฟันกรอด
อ่านต่อหน้า 4
เลือดมังกร : กระทิง ตอนที่ 1 (ต่อ)
หยกมณียื่นถุงกระดาษโชคดีซึ่งมีชุดพนักงานเสิร์ฟอยู่ข้างในให้ย่าหยา
"ขอโทษด้วยนะ ที่ช่วยเธอได้แค่นี้" หยกมณีบอก
ย่าหยายกมือไหว้ "แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหยก ขอบคุณจริงๆ"
ย่าหยาจับมือหยกมณีด้วยความซาบซึ้งใจ หยกมณีแตะมือย่าหยาเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู เพราะรู้สึกถูกชะตา
พนักงานเสิร์ฟสาวสวย 3 คนกำลังแต่งหน้าที่กระจกและเม้าท์มอยกันไป
"นี่พวกหล่อนเห็นพนักงานใหม่ที่แจ้สุ่ยรับเข้าทำงานรึเปล่า"
"เห็นแวบๆ หน้าค๊มคม คิ้วเข้ม ตาโต จมูกโด่ง มันยาวเป็นมัน หุ่นงี้เช้งกะเด๊ะ"
"นักร้องใหม่แหงๆ ไหนแจ้สุ่ยว่านักร้องเต็มแล้วไง"
"คงเห็นว่าทั้งสาวทั้งสวยมั้ง ต้องคว้าไว้ก่อน ทีนี้พวกนักร้องเก่าๆคงต้องระวังให้ดี ไม่งั้นดาวรุ่งดวงใหม่ขึ้นมาทาบรัศมีเอาง่ายๆ จริงมั้ยจ๊ะ โบตั๋น"
พนักงาน 2-3 มองตามพนักงานไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องก็เห็น โบตั๋น กำลังทาปากสีแดงแป๊ดที่กระจก โบตั๋นชะงักนิดหนึ่งก่อนตอบอย่างไม่ยี่หระ
"สวยแล้วร้องเพลงเพราะรึเปล่า เรื่องร้องเพลงฉันยอมเป็นรองแค่แจ้หยกเท่านั้น
พนักงานคนหนึ่งพูด "เสียงสู้ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ความสวยสูสี ระวังเฮียกระทิงให้ดีก็แล้วกัน โดนแม่นั่นฉกไปไม่รู้ด้วยนะ"
โบตั๋นปิดลิปสติกแล้วชักสีหน้าไม่พอใจ "เฮียกระทิงไม่ใช่ผู้ชายโลเล"
"แต่ถ้าแม่นั่นโปรยเสน่ห์ ทำจริตจะก้านใส่ล่ะ" พนักงานอีกคนถาม
โบตั๋นไม่พอใจนิดๆ "แม่นั่นน่ะใคร ชื่ออะไร"
ย่าหยาในชุดฟอร์มกี่เพ้าแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วโผล่ออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
"ฉันชื่อย่าหยาค่ะ เรียกสั้นๆว่าหยาก็ได้ ขอแก้ข่าวนิดนะคะ 1.ฉันไม่ได้เป็นนักร้องเพราะนักร้องต้องมีพรสวรรค์แต่ฉันไม่มี 2.ฉันโปรยเสน่ห์ไม่เป็น 3.ฉันไม่ชอบฉกใครและ4.ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟธรรมดา ยังไงก็ขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ"
ย่าหยายิ้มแล้วโค้งฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนอย่างสุภาพ ทุกคนอึ้งและเหล่กันไปมา ทุกคนต่างก็หน้าแตกกันถ้วนหน้า
หยกมณีร้องเพลงอยู่บนเวที สักครู่คุณนายก็โปรยยิ้มหวานเมื่อเห็นธามกับเฉียงเดินเข้ามานั่งโต๊ะประจำในร้าน สาวเสิร์ฟแย่งกันเอาผ้าเย็นมาให้ธามกับเฉียงที่โต๊ะ
ธามเช็ดมือไปพูดไป "เอาน้ำชากับติ่มซำ"
สาวเสิร์ฟเดินออกไปสวนกับหยกมณีซึ่งร้องเพลงจบแล้วรีบลงจากเวทีมานัวเนียธาม
"มาแต่วันเลยนะเฮียกระทิง คิดถึงหยกล่ะสิ"
ธามแซวถึงอาอัน คู่รักของหยกมณี "คิดถึงได้เหรอ คนมีเจ้าของแล้ว"
หยกมณีแอบบิดเสื้อสูทธามแบบทำเขิน "ร้ายนักนะ"
"เฮียฟงนัดมาคุย ธุระน่ะ" ธามหันมาเห็นฟง "นั่นไง"
ฟง เดินเข้ามาหาธาม
"เรโนลต์ (คำใช้เรียกแท็กซี่ในสมัยนั้น) เลขทะเบียนที่อาเฉียงจดมา มาส่งผู้หญิงแถวนี้ครับโอเดียนราม่า"
ธามพยักหน้าแล้วนิ่งคิด
ย่าหยาถือถาดข้าวผัดปูมาเสิร์ฟโต๊ะถัดจากธามไปทางด้านหลัง 2 โต๊ะ
หยกมณีสอดรู้สอดเห็นจึงถามจี้ "ผู้หญิงที่ไหนอยู่แถวโอเดียนราม่า ใครคะเฮีย" หยกมณีเหลือบเห็นย่าหยา "อ้าว หยามาพอดีเลย มารู้จักเฮียกระทิงไว้"
ย่าหยาหันมามองที่โต๊ะธามซึ่งเห็นเพียงด้านหลังชายหนุ่ม ธามกับเฉียงกำลังจะหันไปมองหญิงสาวซึ่งอยู่ทางด้านหลัง แต่จิวเดินเข้ามาตัดบทเสียก่อน
"ของมาแล้วครับเฮีย"
ธามพยักหน้าแล้วลุกขึ้นพร้อมเฉียง ขณะที่พนักงานเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาและติ่มซำ
"เฮียฟงจัดการก็แล้วกัน"
"อะไรกัน จะกลับแล้วเหรอคะ งั้นหยกไปส่งนะ"
หยกควงแขนธามออกมาพร้อมเฉียงกับจิว ฟงลงนั่งจัดการกับติ่มซำที่เพิ่งมาเสิร์ฟ ย่าหยามองกลุ่มผู้ชายที่เดินออกไปอย่างไม่สนใจ เธอเดินไปรับออเดอร์จากอีกโต๊ะที่สั่งอาหารเพิ่ม
โบตั๋นเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเตรียมขึ้นไปร้องเพลง พอเห็นธามเธอก็ดีใจ
"เฮียกระทิง"
ธามชะงักแล้วหันมามองหญิงสาว โบตั๋นวิ่งมาหา
หยกมณีปล่อยมือที่ควงแขนธาม "ตัวจริงมาแล้ว"
โบตั๋นโผกอดธามแน่น "มานานแล้วเหรอคะ โบตั๋นไม่รู้ว่าเฮียมา"
เสี่ยซ่งเดินเข้ามากับเพื่อน3 คนและลูกน้องอีก 2 คน
"อ้าว อาธาม"
"เสี่ยซ่ง มาฟังเพลงเหรอครับ" ธามถาม
"วันเกิดอั๊ว เลยพาเพื่อนมาฉลองนิดหน่อย ลื้อรีบไปไหนรึเปล่า อยู่ฉลองกันก่อนสิ" ซ่งบอก
"ต้องขอโทษจริงๆ ผมติดธุระสำคัญ เดี๋ยวผมให้คนส่งของขวัญไปให้ที่ร้าน ขอให้เสี่ยมีสุขภาพดี เฮงๆๆทั้งปีนะครับ"
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน อาแปะกับอาม่าเดินจูงหลานเล็กๆ 2 คนเข้ามาในร้าน
"ขอบใจนะ" ซ่งบอก
ซ่งกับคณะเดินไป ธามหันมาบอกโบตั๋น
"แล้วเจอกัน"
พูดจบ ธามก็เชยคางโบตั๋นแล้วก้มลงหอมแก้มอย่างเท่และมีเสน่ห์มาก เฉียงยืนมองนิ่ง ย่าหยาซึ่งรับออเดอร์จากลูกค้าและกำลังเดินกลับครัวก็ต้องตกใจเมื่อผ่านกลุ่มสาวเสิร์ฟที่ยืนกรี๊ดธามอยู่มุมหนึ่ง
"อ๊าย เฮียกระทิง"
ย่าหยาหันไปมองตามสายตาและเสียงกรี๊ดของสาวๆ ซึ่งทั้งคู่ต้องเห็นกันแน่เพราะต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากันตรงๆ ในขณะที่เฉียงยืนหันหลังให้หญิงสาว แต่ขณะที่ย่าหยาหันมา ธามก็ถอนตัวจากโบตั๋นแล้วพลิกตัวเดินออกไปจากร้าน ย่าหยาเห็นเพียงด้านหลังของเฮียกระทิงที่สาวๆกรี๊ด และด้านหลังของเฉียงและจิวที่เดินตามกันออกไป
จิววางถุงผ้าดิบใส่ทองที่ปล้นมาได้ลงบนโต๊ะบิลเลียด ธามซึ่งเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์กำลังเอาชอล์คเช็ดหัวไม้คิว
"แบ่งเท่าที่มันเอาไปจากเรา หลอมเป็นทองแท่ง ตีตราร้านแล้วส่งกลับเข้าบัญชี" ธามบอก
"ไม่คิดดอกมันหน่อยหรือเฮีย" จิวถาม
"ไม่ เอาไว้ทบต้นทบดอกทีเดียวเมื่อถึงเวลา"
"แล้วที่เหลือล่ะครับ" เฉียงถาม
"หลอมเป็นทองแท่ง ไม่ต้องตีตรา เอาไปบริจาคให้การกุศลทั้งหมด"
"ครับ เฮีย"
จิวหิ้วถุงทองออกไป
เฉียงแอบแซว "เป็นแค่เฮียกระทิง สาวๆก็หลงรักจะแย่แล้ว ถ้าต้องสวมบทโรบินฮู้ดจอมโจรเพื่อคนยากอีกล่ะก็ หัวกระไดไม่แห้งแน่ครับเฮีย"
ธามยิ้มขำ "ลื้อรู้สุภาษิตไทยเยอะไปแล้ว"
เฉียงยิ้มให้ธาม ในขณะที่ธามแทงลูกบิลเลียดลงหลุมอย่างอารมณ์ดี
หยกมณีประกาศบนเวที
"และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเสี่ยซ่ง หยกจึงขออนุญาตเรียนเชิญทุกท่านในที่นี้ ดื่มอวยพรให้กับเสี่ยซ่งด้วยค่ะ"
นักดนตรีบรรเลงเพลง โบตั๋นขยับมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ที่ไมโครโฟน ย่าหยาถือถาดใส่เค้กซึ่งจุดเทียนปักเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาเซอร์ไพร์ส หญิงสาวส่งเค้กให้ซ่งเป่า ลูกน้องซ่งถ่ายรูปให้เสี่ย โดยมีหยกมณีคลอเคลียราวกับเป็นเมียยังไงยังงั้น เพลงจบ โบตั๋นอวยพรซ่ง
"ขอให้เสี่ยมีสุขภาพแข็งแรง มีแรงมาเที่ยวฉั่วเทียนเหลาทุกคืนนะคะ"
ทุกคนปรบมือ
ย่าหยาตัดแบ่งเค้กให้เสี่ยซ่ง ลูกน้องเสี่ยตามถ่ายรูปในระหว่างที่ย่าหยายื่นจานเค้กให้เสี่ย ทันใดนั้นก็มีมือมาจับก้นย่าหยาบีบเมามัน ย่าหยาชักสีหน้าแล้วหันขวับกลับไปมอง เธอเห็นฟง เดินผ่านเธอไปอย่างมีพิรุธ
ย่าหยาตะโกนตามหลัง "ทำอย่างนี้ได้ยังไงหา"
หญิงสาวกระโจนตามมาผลักฟงจนหัวทิ่ม
ย่าหยาวิ่งตาม เจ้าภาพพากันอึ้งทั้งโต๊ะ รวมทั้งโต๊ะอาแปะ อาม่าและหลานๆซึ่งนั่งอยู่ติดกัน
อาฟงพยายามยันตัวเองขึ้นจากพื้น โดยมีย่าหยาตามมาด้วยความโมโห
"ลื้อผลักอั๊วทำไมวะ" ฟงถาม
"ก็คุณมาจับก้นฉันทำไมล่ะ" ย่าหยาว่า
ผู้คนในร้านหันมามองฟง ฟงทั้งหน้าชาทั้งอับอาย หยกมณีกับโบตั๋นวิ่งเข้ามา
"ลื้อพูดให้ดีนะ ใครไปจับก้นลื้อ" ฟงว่า
"ใจเย็นๆน่าหยา" หยกมณีบอก "คงเป็นการเข้าใจผิดกันน่ะ คือ อาฟงเขา"
ย่าหยาสวน "ไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะ ในเมื่อมีเขาคนเดียวที่เดินผ่านหยา ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร"
"ซี้ซั้วต่า อั๊วจะรีบไป"
ฟงว่าแล้วจะเดินออก ย่าหยาไม่ยอมจึงเดินมาดักหน้า
"คุณต้องขอโทษฉันก่อน ถึงฉันจะเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้นะ"
"จะหาเรื่องกันรึไงวะ อยากหาลูกค้าทำไมไม่บอกกันดีๆห๊า นางผู้หญิงหยำฉ่า"
สิ้นสุดคำพูดฟง หมัดหนักๆของย่าหยาก็กระแทกเข้าที่ปากเขา ส่งผลให้ฟงเลือดกำเดาทะลักทันตา
หยกมณีตกใจ "อ๊ายหยา"
"ลื้อรู้มั้ยว่าอั๊วเป็นใคร" ฟงโกรธ
ฟงเลือดขึ้นหน้าจึงผลักย่าหยากระเด็น ย่าหยาลุกขึ้นมาอารมณ์เดือดปุดๆ
"ก็ไอ้โรคจิตชอบจับก้นผู้หญิงไง"
ไม่พูดเปล่า ย่าหยายันฟงเต็มแรงจนฟงกระเด็นไปกระแทกบานประตูที่เปิดอยู่ ฟงง้างหมัดปรี่เข้ามาหาย่าหยาด้วยความโมโห
โบตั๋นร้องห้าม "อย่าค่ะ เฮียฟง"
ย่าหยาเบี่ยงตัวหลบแล้วถีบฟงจนกระเด็นออกไปนอกร้าน
แม่ค้าขนมเบื้องร้องวี๊ดว้ายเมื่อฟงหน้าทิ่มลงมาบนหน้าตักเธอ ย่าหยาตามมาชี้หน้าด่า
"ไอ้ลามก โรคจิต จับก้นผู้หญิงแล้วยังมีหน้ามาทำร้ายเขาอีก"
หยกมณีวิ่งตามออกมา
"ใครจับก้นลื้อ นังผู้หญิงหยำฉ่า" ฟงว่า
"หยำฉ่าเหรอ"
ย่าหยากระโดดถีบปากฟงจนฟงหมุนติ้วผ่านหน้าโบตั๋นซึ่งพาสุ่ยวิ่งออกมา ทั้งคู่อ้าปากค้าง แล้วฟงก็ทรุดหน้าคว่ำลงไปบนกระทะเกาลัดร้อนๆ ที่พ่อค้ากำลังคั่วอยู่อีกฝั่งของฟุตบาท
ฟงเอามือปิดหน้าร้องเหมือนถูกเชือด "อ๊าก"
สุ่ย โบตั๋น และหยกมณีเอามือปิดปาก ผู้คนที่เดินผ่านไปมารวมทั้งลูกค้าในร้านที่วิ่งออกมาดูต่างพากันตะลึง ย่าหยายืนมองฟงนิ่งไม่สะทกสะท้าน
ธามกับเฉียงเดินดูลูกค้าที่เข้ามาเล่นบิลเลียด ธามทักทายลูกค้าอย่างเป็นกันเอง สักครู่ จิวก็เดินจ้ำเข้ามามองหาทั้งคู่
เฉียงหันมาเห็น "มีอะไรอาจิว เรื่องที่เฮียให้ไปทำ"
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหา แต่มันมีอีกเรื่องที่มีปัญหา"
"อะไร" เฉียงถาม
"เฮียฟงถูกทำร้ายบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล" จิวบอก
ธามที่กำลังคุยกับลูกค้าชะงักแล้วหันมามองจิว
สุ่ยโกรธจัดจึงเข้ามาต่อว่าย่าหยา
"ลื้อรู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป ทำงานวันแรกก็ได้เรื่องเลย"
"หยาทราบค่ะว่าเขาเป็นลูกค้า แต่เขาทำมือไวกับหยาแล้วยังมาโบ้ยความผิดให้หยา หาว่าหยาเป็นผู้หญิงหากินอีก หยาทนไม่ไหวจริงๆ หยาขอโทษค่ะ"
"มาขอโทษอะไรอั๊ว ลื้อต้องไปขอโทษอาฟงเขา" สุ่ยว่า
"หยาทำผิดต่อคุณสุ่ย ไม่ได้ทำผิดกับหมอนั่น ถ้าหยาต้องขอโทษ หยาขออนุญาตขอโทษคุณสุ่ยคนเดียว"
"ลื้อกล้าพูดแบบนี้เพราะลื้อไม่รู้ว่า อาฟงเป็นใคร"
หยกมณีซึ่งยืนอยู่อีกมุมพูดขึ้นด้วยความหนักใจ
"มีเรื่องกับใครไม่มี ดันไปมีเรื่องกับคนของเฮียกระทิง หยาเอ๊ย"
ย่าหยาอึ้ง คิดสยองในใจว่าเฮียกระทิงก็คือผู้ชายที่เธอเห็นเพียงแค่ด้านหลังคนนั้นน่ะหรือ
ธามขึ้นบันไดตึงๆๆ โดยทิ้งน้ำหนักเท้าเท่ากับอารมณ์ที่กำลังมาคุ เฉียงกับจิวเดินตามหลัง ธามพูดด้วยหน้าตาดุดัน
"นักเลงที่ไหน มันไม่รู้เหรอว่าเฮียฟงเป็นคนของใคร"
"คงไม่รู้มั้งเฮีย เห็นว่าเพิ่งเข้ามาทำงานที่ฉั่วเทียนเหลา" จิวว่า
"มันเป็นใคร" ธามถาม
"พนักงานเสิร์ฟ ชื่อ ย่าหยา" จิวบอก
ธามชะงักแล้วหันมาถามลูกน้องอย่างงงๆ "ผู้หญิง"
ย่าหยาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นอ้อนวอนสุ่ย
"ขอความกรุณาเถอะค่ะคุณสุ่ย อย่าไล่หยาออกเลยนะคะ"
"การไล่ออกนั่นล่ะคือความกรุณาที่สุดแล้ว ลื้อรีบไปเก็บข้าวของแล้วออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หนีไปก่อนที่เฮียกระทิงจะกลับมาเล่นงานลื้อ"
"จริงด้วยหยา" หยกมณีบอก
"เขาจะทำอะไรหยา ในเมื่อลูกน้องเขาเป็นฝ่ายผิด" ย่าหยาว่า
"จะผิดหรือถูก เฮียฟงก็ได้ชื่อว่าเป็นคนของเฮียกระทิง เวลาดี เฮียกระทิงดีใจหาย แต่ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ ตัวใครตัวมัน"
"มัวแต่พูดกันอยู่นั่นล่ะ อาหยก ลื้อรีบพาอาหยาหนีไปก่อน อั๊วไม่อยากมีเรื่องกับเฮียกระทิง เข้าใจมั้ย ไป รีบไป" สุ่ยโบกไม้โบกมือให้รีบไป
ย่าหยาละล้าละลังเหมือนจะกลับไปขอร้องสุ่ย แต่หยกมณีดึงตัวออกมา ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สุ่ยรับโทรศัพท์
"ฮัลโหล" สุ่ยสะอึกหน้าถอดสีเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย "อ๋อ ค่าเฮีย"
สุ่ยหันไปมองย่าหยา หยกมณีลากย่าหยาพ้นห้องไปพอดี
ย่าหยาหิ้วถุงกระดาษที่พิมพ์ชื่อภัตตาคารฉั่วเทียนเหลาด้านในเป็นกล่องอาหารออกมาจากครัว ย่าหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สุ่ยยื่นแผนที่และที่อยู่ให้
"เอาไปส่งคุณธาม ธราธร ตามแผนที่นี้นะ" สุ่ยลังเลเพราะกลัวย่าหยาถูกเก็บ "ไปถูกรึเปล่า ถ้าไม่ถูก เดี๋ยวให้คนอื่นไปแทน" สุ่ยทำท่าจะเรียกพนักงานคนอื่น
ย่าหยาจับมือสุ่ยไว้ "ไม่เป็นไรค่ะ คุณสุ่ยอุตส่าห์ใจดีเรียกหยากลับมาทำงาน เรื่องแค่นี้ถ้าหยาทำไม่ได้ หยายอมให้คุณสุ่ยไล่ออกอีกรอบค่ะ"
ย่าหยายิ้มอย่างมุ่งมั่นก่อนจะหิ้วถุงอาหารเดินไป หยกมณีโผล่ออกมาจากที่ซ่อนหลังเสาแล้วเข้ามายืนข้างสุ่ย
สุ่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เฮียกระทิงโทรมาเอง ถ้าไม่ไป คงไม่รอด"
"แต่ ไปแล้วจะรอดมั้ย"
ผู้หญิงทั้งสองหันมาสบตากันแล้วถอนใจอย่างเพลียๆ
ย่าหยาหิ้วถุงอาหารเปิดประตูโรงบิลเลียดเข้ามา เธอเห็นโรงบิลเลียดเต็มไปด้วยผู้ชายที่ท่าทางไม่เป็นจิ๊กโก๋ นักเลง หรือไม่ก็อันธพาลที่กำลังแทงบิลเลียดกันอย่างสนุกสนาน ผู้ชายคนหนึ่งหันมามองย่าหยา หลังจากนั้นคนที่ 2 3 4 แล 5 ก็มองตาม จนสุดท้ายหญิงสาวกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน ที่มองมาด้วยความแปลกใจ
ย่าหยาเอ่ยถาม "เอ่อ คุณธาม ธราธร อยู่ที่นี่ใช่มั้ยคะ"
"เฮียอยู่ข้างบน" ลูกน้องของธามคนหนึ่งบอก
ย่าหยายิ้มแทนคำขอบคุณก่อนจะถือถุงอาหารเดินขึ้นไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้น จิวเปิดประตูแล้วก็อึ้งที่เห็นผู้หญิงที่สนามบินมาส่งของ ย่าหยาถือถุงอาหารเดินเข้ามา
"ฉันเอาอาหารมาส่งคุณธามค่ะ"
ธามซึ่งหันหลังให้ย่าหยาและกำลังจะแทงลูกบิลเลียดลงหลุมชะงัก ในขณะที่เฉียงซึ่งยืนตรงข้ามธามเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็อึ้งเหมือนกัน
"ไม่ทราบว่าท่านไหนคือคุณธามคะ" ย่าหยาถาม ทุกคนเงียบ "คุณธาม ธราธร"
ผู้ชาย 3 คนยังคงเงียบ
ย่าหยาพูดเป็นภาษาจีน "ตี่เตี่ยงเหม่ยจ้อ ธาม ใครคือคุณธาม ธราธรคะ"
ธามหันมามองย่าหยา ชายหนุ่มแปลกใจที่พบว่าเธอคือผู้หญิงที่เขากำลังตามหาตัว ย่าหยาเองก็อึ้งที่ต้องมาเจอผู้ชายที่เป็นฝาแฝดชลธี
"ไม่คิดว่าเป็นเธอ แต่เป็นเธอก็ไม่แปลกใจ" ธามเรียกเสียงดัง "เฮียฟง"
ฟงพันผ้าก็อชที่หน้า มีรอยทายาที่ปากซึ่งเจ่อเป็นนกเงือกเดินออกมา
"ผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ยที่ทำร้ายเฮีย" ธามถาม
"ครับ" ฟงตอบ
"ฉันไม่อยากเอาเรื่องผู้หญิง ขอโทษเฮียฟงซะ" ธามสั่ง
"ทำไมฉันต้องขอโทษ ในเมื่อเขามาลวนลามฉันก่อน"
ฟงเดือด เขาอ้าปากเถียงแต่ก็เจ็บแผล "อั๊วบอกอั๊วไม่ได้ทำ ลื้อนี่พูดไม่รู้เรื่อง"
"ไม่ได้ทำแล้วหมาตัวไหนจับก้นฉัน" ย่าหยาฉุน
"พูดจาให้มันดีๆหน่อย" ธามบอก
"คนไม่รู้จักคิด มันผิดอะไรกับหมา"
ธามขึ้นเสียงบ้าง "ฉันทำงานกับเฮียฟงมาหลายปี เขาไม่มีนิสัยหมาๆอย่างที่เธอว่า แน่ ขอโทษเฮียฟงซะ เรื่องจะได้จบง่ายๆ"
ย่าหยายิ้มเหยียด "พวกเดียวกันก็เข้าข้างกัน" ย่าหยาขยับไปเผชิญหน้าธาม "ฉันไม่ขอโทษ แน่จริงก็ไปตามหัวหน้าแก๊งมาเลยสิ นายเฮียกระทิงอะไรนั่นน่ะ จะได้รู้กันไปเลยว่าแก๊งกระทิงดีแต่ลวนลามผู้หญิงจริงหรือเปล่า"
"จะให้ไปตามที่ไหน ก็คนที่ยืนตรงหน้าเธอไง เฮียกระทิง" เฉียงบอก
ย่าหยาตัวชาวาบ ใจหายวูบที่รู้ว่าธาม ธราธรกับเฮียกระทิงก็คือคนคนเดียวกัน
"ฉันให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษเฮียฟงเดี๋ยวนี้"
ย่าหยาจ้องหน้าธามก่อนจะวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะบิลเลียด แล้วเปิดประตูออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เฉียงกับจิวจะขยับตามแต่ธามยกมือห้ามด้วยสีหน้านิ่ง
ย่าหยาหันไปมองประตูชั้นบนแล้วรีบวิ่งลงบันได เธอผลักประตูโรงบิลเลียดออกไปแต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นธาม ธราธรยืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตู
"อยากรู้ใช่มั้ยว่าเฮียกระทิงชอบลวนลามผู้หญิงจริงรึเปล่า"
พูดจบชายหนุ่มก็ดันหญิงสาวกลับเข้าไปข้างใน แล้วประกาศกับทุกคนในห้องนั้น
"ขอความกรุณาทุกคนออกไปก่อนได้มั้ยครับ ผมขอเคลียร์ปัญหาหัวใจกับคนรักผมหน่อย" ธามไม่พูดเปล่าแต่เอามือกอดเอวย่าหยาดึงเข้าหาตัวเองหมับ "พรุ่งนี้ชดเชยให้ทุกคนมาเล่นที่นี่ฟรี โอเคนะครับ"
ลูกค้าเฮและเป่าปากกระดี๊กระด๊าก่อนจะพากันเดินออกไปจนเกลี้ยงห้อง
ย่าหยาดันตัวธามออก "คุณจะทำอะไร"
"ลวนลาม" ธามตอบ
ธามก้มลงจะจูบย่าหยาโดยเร็ว ย่าหยาเบี่ยงหลบแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที
ธามตามมากระชากมือแล้วลากย่าหยาไปที่โต๊ะบิลเลียด ก่อนจะกอดเธอไว้แน่น ย่าหยาไม่ยอมง่ายๆ เธอปัดป้องเมื่อธามจะสัมผัสไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย บทรักของธามเลยเถิดไปถึงการฉุดกระชากลากถู สุดท้ายย่าหยาก็โดนธามรุกหนักจนตัวเอนราบไปกับโต๊ะบิลเลียด
"ฤทธิ์เยอะ"
ธามยัวะ จัดการย่าหยาด้วยสายตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีด
ย่าหยาหายใจหอบทำท่าเหมือนหมดแรง ธามไม่รีรอ เขาก้มหน้าลงมาจะจูบหญิงสาวแต่แล้วเขาก็เห็นหน้าย่าหยากลายเป็นจันทร์ชมพูที่กำลังส่งยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสาให้เขา ธามหลับตาแล้วพยายามตัดความสับสนออกไปจากใจ
"เธอเป็นใคร" ธามถาม
ย่าหยาพยายามบิดตัวบิดหน้าหนี
"เป็นใครกันแน่" ธามถามย้ำ
ย่าหยาก้มลงกัดแขนธาม ธามกัดฟันกรอดแล้วกระชากแขนออกมาจากปากย่าหยา ชายหนุ่มโกรธจัดล็อคตัวหญิงสาวหนีบแน่นยิ่งกว่าก้ามปูแล้วก้มลงจูบอย่างดูดดื่มรุนแรง ย่าหยาทานแรงธามไม่ไหว เธอดูเหมือนสงบลง แต่เพียงครู่เดียวธามก็ร้องโอดโอย เมื่อย่าหยาเอามือควานหาลูกบิลเลียดจนเจอและหยิบมันขึ้นมาทุบใส่ขมับธามสุดแรงจนเลือดสีแดงไหลทะลัก
ธามร้องลั่น "โอ้ย"
ธามเอามือกุมหัว ในขณะที่ย่าหยาผลักธามไปชนเก้าอี้ล้มระเนระนาด ก่อนจะใส่ตีนแมวเผ่นแน่บออกไป เฉียงกับจิววิ่งลงมาจากห้องข้างบน
"เฮีย"
"ตามผู้หญิงคนนั้นกลับมา" ธามสั่ง
เฉียงกับจิวรีบวิ่งออกไป ธามเจ็บใจตัวเองที่เผลอใจกับผู้หญิงซึ่งเผลอทีไรเป็นได้เรื่องทุกที
ย่าหยาวิ่งแน่บมาตามซอย เฉียงกับจิววิ่งไล่หลังมา
ย่าหยายังคงวิ่งนำ 2 หนุ่มมาจนผ่านซอยย่อยทางซ้าย เฉียงหันมาพยักหน้าให้จิว แล้ววิ่งแยกไปทางซอยย่อย ในขณะที่จิวยังคงวิ่งตามย่าหยาไปทางเดิม
ย่าหยาเตะเข่งขยะที่วางอยู่หน้าตึกแถวลอยขึ้นแล้วส่งด้วยปลายเท้าจนเข่งลอยละล่องไปครอบหัวจิว จิวฟึดฟัดดึงเข่งออกจากหัวซึ่งก็เสียจังหวะไล่ตามย่าหยาไปมาก
ย่าหยาวิ่งหัวเราะจิวเข้ามาอีกซอย แล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นเฉียงโผล่จากอีกซอยมาดักหน้า เฉียงย่างสามขุมเข้ามาหาย่าหยา ย่าหยาหันหลังกลับแล้ววิ่งเลี้ยวออกไปอีกทาง
ย่าหยาวิ่งมาตามทางแล้วเลี้ยวเข้าซอยย่อย โดยมีเฉียงและจิวซึ่งวิ่งโผล่มาจากอีกซอยไล่ตามหลัง
เมื่อเลี้ยวเข้าซอยย่อยมาแล้ว หญิงสาวก็แทบผงะเมื่อเห็นว่าซอยนั้นเป็นซอยตัน ย่าหยาหันกลับไปมองด้านหลังก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเฉียงกับจิววิ่งไล่ตามใกล้เข้ามาทุกที
เฉียงกับจิววิ่งมาถึงปากซอย ทั้งคู่เลี้ยวเข้าซอยย่อยตามย่าหยาแล้วก็พบว่าซอยตันนั้นว่างเปล่า มีแต่ตึกแถวโบราณขนาบสองข้าง เฉียงกับจิวกวาดตามองตามจุดต่างๆ แต่ไม่มีแม้เงาย่าหยา ทั้งคู่มองไปที่กำแพงที่กั้นซอยแล้วสบตากัน
"กระโดดข้ามกำแพงไปแล้ว" จิวพูดขึ้น
เฉียงกับจิวเจ็บใจและจะเดินกลับออกมา แต่แล้วเฉียงก็ชะงักกึก
"เดี๋ยว"
เฉียงเงยหน้าขึ้นมองชายคาตึกหลังหนึ่ง แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครแฝงกายอยู่ตรงนั้น นอกจากจิ้งจกที่เกาะอยู่ตรงชายคา สูงขึ้นไป ย่าหยานอนเอาตัวแนบกับชายคาด้านบนในสภาพเหงื่อแตกพลั่ก ในขณะที่เฉียงกับจิวละสายตาจากชายคาแล้วพากันเดินออกไป
ย่าหยาวิ่งกระหืดกระหอบกลับเข้ามาในโรงแรม แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมีมือเอื้อมมาแตะไหล่ ย่าหยากลั้นใจหันไปมองด้านหลัง
"คุณหยก" ย่าหยาถอนหายใจโล่งอก
"ที่นี่ไม่ปลอดภัย ขึ้นไปคุยบนห้อง"
ย่าหยาพยักหน้าแล้วกวาดตามองซ้ายขวาก่อนจะพาหยกมณีเดินจากไป
เฉียงเอาผ้าก็อชปิดแผลแตกที่ทาทิงเจอร์ไอโอดีนเรียบร้อยแล้วให้ธาม
"เราสองคนต้องขอโทษด้วยครับเฮีย ผู้หญิงคนนั้นไวจริงๆ" เฉียงบอก
"พรุ่งนี้อั๊วจะไปจับตัวแม่นั่นจากฉั่วเทียนเหลาแต่เช้า ไม่ให้หลุดมือไปได้อีก" จิวบอก
"ถ้าเขาหนีไป ไม่กลับมาทำงานล่ะ มีเรื่องขนาดนี้อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายที่ไหนก็ไม่กล้ากลับมา" เฉียงว่า
"ถึงไม่กลับ อั๊วก็ต้องตามตัวให้เจอ อั๊วไม่ยอมให้เฮียเจ็บตัวฟรีหรอก"
ธามนิ่งเพราะกำลังประมวลความคิด
หยกมณีลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากตู้
"เอาเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเร็วเข้า" หยกมณีบอก
"หยาไปไหนไม่ได้ค่ะคุณหยก หยาต้องรอใครคนนึงอยู่ที่นี่"
"บอกมาเธอรอใคร เดี๋ยวฉันจะบอกเขาให้เอง ตอนนี้หนีไปอยู่ที่อื่นก่อน"
"หยาไปไม่ได้จริงๆค่ะคุณหยก"
"ทำไมล่ะ เธอรู้มั้ยเมื่อกี้อาเฉียงกับอาจิวไปหาฉันถึงบ้าน ถามฉันว่าเธอพักอยู่ที่ไหน ฉันเลยเดาว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ คิดว่าเธอขอโทษอาฟงแล้วเรื่องจะจบซะอีก"
"หย่าไม่ได้ขอโทษ เพราะหยาไม่ผิด แต่ ที่ลูกน้องเขาโกรธคงเพราะหยา เอาลูกบิลเลียดทุบหัวเอ่อ เฮียกระทิงน่ะค่ะ"
"อ๊ายหยา ซี้เลี้ยว เฮียกระทิงกับลูกน้องไม่ให้อภัยเธอแน่ รีบหนีไปเดี๋ยวนี้เลย มีเงินรึเปล่า ไม่มีบอก จะให้ยืม"
ย่าหยาซาบซึ้งใจ "ขอบคุณมากนะคะ แต่หยาจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น"
หยกมณีทรุดนั่งด้วยความเหนื่อยใจ "งั้นเธอต้องอยู่แต่ในห้อง เดี๋ยวฉันจะให้เด็กที่ร้านเอาข้าวมาส่ง
รอสัก3-4วันให้เฮียกระทิงใจเย็นก่อน แล้วฉันจะช่วยพูดไม่ให้เขาเอาเรื่องเธอ"
"ขอบคุณคุณหยกนะคะที่กรุณา แต่หยาอยู่เฉยๆไม่ได้ค่ะ หยาจะไปทำงานที่ฉั่วเทียนเหลาเหมือนเดิม"
หยกมณีได้แต่เก๊กซิม
เล้งกับเกี๊ยงคุยกันอยู่มุมหนึ่ง
"หลังกลับจากงานศพอาฉาง ไอ้ธามมันก็ฝั่งตัวอยู่ที่โรงบิลเลียด ไม่ได้ออกไปไหนครับนายใหญ่" เกี๊ยงว่า
"จับตามันไว้ให้ดี ถึงมันจะไปอยู่กับเฉินอี่เสียงตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางที่นี่ แต่มันนิ่ง เหี้ยม ไม่เหมือนอาธี ต้องระวังให้ดี แล้วหลานอาซ้งล่ะ ได้เรื่องมั้ย" เล้งถาม
"อีกำลังทำงานให้เราอยู่ครับ" เกี๊ยงบอก
เล้งพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินเข้าไปทักทายนักพนันที่หลั่งไหลเข้ามาเล่นพนันในบ่อนตัวเอง โดยมีเกี๊ยงเดินตาม
เฉียงถือถาดน้ำใบบัวบกมาเสิร์ฟธาม
"ฉันสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนของเสี่ยเล้ง ดูจากความคล่องตัวและทักษะการต่อสู้ ได้รับการฝึกมาอย่างดี"
"เป็นไปได้ครับ ผู้หญิงธรรมดาคงหนีผมกับอาจิวไม่ได้ ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นรู้จักตรอกซอกซอยแถวนี้ดี" จิวบอก
"ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่หนีและกลับมาทำงานที่เดิมแน่" ธามว่า
"ทำไมเฮียมั่นใจ"
"ถ้าเสี่ยเล้งส่งมาจริง มันก็มีฉั่วเทียนเหลาที่เดียว ที่เขาจะเจอฉันได้โดยไม่มีใครสงสัย"
"เฮียสั่งมาเลยครับจะให้ทำยังไง"
"สืบประวัติผู้หญิงที่ชื่อย่าหยามาให้ละเอียด ขุดรากถอนโคนมาให้หมดทั้งตระกูล ดูซิว่าเป็นญาติ หรือจริงๆแล้วไม่ใช่ญาติ แต่เป็นคนคนเดียวกับผู้หญิงที่ชื่อจันทร์ชมพู"
เฉียงหันไปมองธาม เขาเห็นดวงตาของธามเป็นประกายวาววับเมื่อพูดถึงจันทร์ชมพู ธามดูเคร่งขรึม เอาจริง และน่ากลัว
ฝ่ายย่าหยาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินมาเช็ดผมที่กระจก ก่อนจะเอามือแตะริมฝีปากเพราะรู้สึกเจ็บ เธอเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆตามเรียวแขนและข้อมือ
ย่าหยาก่นด่า "ปากหนัก ตัวหนัก มือหนัก แรงหนักยังกับควาย ไอ้เฮียกระทิงเอ๊ย"
ธามถือไฟแช็ก ZIPPO ที่บิดงออันเดิมขึ้นมาดู เขาหันไปมองรูปพ่อกับแม่แล้วก็น้ำตารื้นอย่างขมขื่นใจก่อนจะกัดฟันเก็บไฟแช็กลงลิ้นชัก แล้วเขาก็สัมผัสกับอะไรบางอย่างในลิ้นชัก บางอย่างที่ทำให้ธามชะงักกึก ชายหนุ่มค่อยๆดึงสิ่งนั้นออกมาอย่างทะนุถนอม มันคือผ้าเช็ดหน้าสีขาว
ธามค่อยๆคลี่ผ้าเช็ดหน้าออก ผ้าสีขาวผืนนั้นปักเป็นลายเป็ดแมนดาริน 2 ตัว ใกล้กับตัวอักษรจีนที่ปักคำว่า 大海 (dahai ทะเล)
เฉียงถือสมุดรายรับรายจ่ายเข้ามาในห้อง
"ขอโทษครับเฮีย ผมตรวจบัญชีรับจ่ายของโรงบิลเลียดเสร็จแล้วครับ"
ธามรับสมุดบัญชีมา
"ขอบใจนะ"
เฉียงมองอย่างเข้าใจ "เฮียคง คิดถึงผู้หญิงคนนั้น"
"ถ้าไม่มีเธอ เมื่อ 4 ปีก่อน ฉันคงถูกนักเลงที่เซี่ยงไฮ้รุมแทงตาย"
"เฮียน่าจะได้รู้จักเธอนะครับ หรือแค่ เห็นหน้ากันก็ยังดี"
"ถึงไม่ได้เห็นหน้า แต่ฉันก็หวังว่า สักวันฉันจะได้รู้จักและขอบคุณผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวฉันเอง"
"เสียดาย เธออยู่เซี่ยงไฮ้ แต่เฮียอยู่นี่"
"คนจะเจอกัน ยังไงมันก็ได้เจอ"
พูดจบธามก็มองลวดลายบนผ้าเช็ดหน้าในมือ
เหตุการณ์ในอดีต ย่าหยากำลังปักผ้าบนสะดึง ผ้าที่มีลวดลายและตัวหนังสือแบบเดียวกับธามเป๊ะ
ย่าหยาเปรยหน้าเปื้อนยิ้ม "เสร็จแล้ว หยาจะส่งให้พี่ธีนะคะ"
ย่าหยาก้มหน้าก้มตาปักผ้าในมืออย่างอิ่มเอมใจ
จบตอนที่ 1