เพลิงพ่าย ตอนที่ 9
ผ่านเวลา ...วุฒิกลับมาบ้าน เพ็ญโพยม สังเกตเห็นหน้าลูกชายดูเหนื่อยๆ
"อ้าว...วุฒิ ทำไมกลับดึกจัง ช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าลูก หน้าตาไม่สดชื่นเลย เรื่องงานเหรอ"
วุฒินิ่งไม่ตอบ เพ็ญโพยมเดาสีหน้าลูกออก
"แบบนี้ไม่ใช่เรื่องงานแน่ๆ มีเรื่องอะไรเหรอลูก"
วุฒินั่งลง ลูบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน
"ลดากำลังจะหนีผมไป"
เพ็ญโพยมแปลกใจ นั่งลงข้างวุฒิ
"หนีไปไหน หนูลดาจะหนีไปไหน"
"ไปเรียนต่ออังกฤษครับ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ลดาจะต้องหนีตัวเอง หนีผม แล้วก็หนีคนทั้งโลกไป เพื่อฬุรีย์เพียงคนเดียว"
"เฮ้อ... หนูลดารักน้องมากยิ่งกว่าตัวเอง พ่อแม่เขาสอนมาอย่างนั้น เขาตัดสินใจแล้ว แกก็รออีกหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งโวยวายนักเลยลูกไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะวุฒิ"
"ผมรู้...รู้ครับคุณแม่ว่าผมไม่มีสิทธิ์ค้าน แต่ผมเสียใจที่ลดาไม่แคร์ความรู้สึกของผมบ้างเลย"
"ลูกหาทางบินตามไอลดาไปก็ได้นี่นา"
"คนอย่างลดาน่ะครับ ถ้าตั้งใจหนีแล้วตามไปก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งจะทำให้ลดาหนีน่ะไม่ว่า"
พูดจบวุฒิก็เดินโผเผขึ้นห้องไป เพ็ญโพยมมองตามอย่างสงสารลูก
ไอลดานอนซมอยู่บนเตียง มณไฑมาดูอาการ วัดไข้แล้วก็จับชีพจร พอวัดไข้เสร็จ มณไฑก็หยิบปรอทมาดู สีหน้าหนักใจ
"ไข้สูงเหมือนกันนะเนี่ย"
มณไฑหันไปจะจัดยาให้ไอลดา แต่เสียงเพ้อด้วยพิษไข้ของไอลดาดังขึ้น
"พี่วุฒิ"
มณไฑหันไปดูไอลดา
"ลดาขอโทษ...ขอโทษ พี่วุฒิ"
มณไฑสงสารไอลดา รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นไปที่กระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หา
"ฮัลโหล...คุณวุฒิครับ"
เวฬุรีย์หยิบหนังสือมาอ่านบนที่นอน แต่อ่านไปได้สักพักก็เบื่อ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ก็ไม่มีข้อความหรือใครโทร.มา เลยวางลงเซ็งๆ
"น่าเบื่อ..."
เวฬุรีย์คว้าหมอนมาปาทิ้งเหมือนเด็กที่โดนขัดใจ
สักพักโทรศัพท์ดังขึ้น เวฬุรีย์รีบพุ่งไปรับส่งเสียงสดใส
"ฮัลโหล"
"โห รับไวจังคุณฬุรีย์"
เวฬุรีย์นิ่วหน้า แต่ยังดีใจอยู่
"ใครคะ"
"โธ่...ลืมซะแล้วเหรอ ผมเอง ธมไงครับ"
เวฬุรีย์ผิดหวังนิดหน่อยที่เป็นธม
"ว่าไงคะ"
"ไม่ว่าไงครับ"
"อย่ามากวน ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ"
"แต่รับไวขนาดนี้เหมือนรอสายใครอยู่เหรอครับ"
เวฬุรีย์เริ่มหงุดหงิดที่ธมรู้
"ไม่มีอะไรใช่ไหม แค่นี้นะ..."
"เดี๋ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งวาง คือผมจะมาชวนไปเที่ยว"
เวฬุรีย์ได้ยินคำว่าไปเที่ยว เลยหยุดฟัง
"เที่ยวเหรอ"
"ใช่ ที่ที่ไปวันนั้นไงครับ อยากไปไหม"
เวฬุรีย์เริ่มสนใจ ธมรีบย้ำ
"ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าคุณเบื่อ ถ้าเบื่อก็ออกไปสนุกกันดีกว่า"
เวฬุรีย์ครุ่นคิด
ธมยิ้มกริ่มวางสายจากเวฬุรีย์ ดารินเดินเข้ามากอดคอธม หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปคู่กับธม
ธมตกใจ ดารินหัวเราะคิก คู่นี้ ต่อหน้าสายตาคนนอก เขาและเธอคือพี่น้องกัน แต่ความจริงทั้งคู่เป็นผัวเมียที่ประกอบมิจฉาชีพ
"ทำอะไรน่ะ"
"เซลฟี่"
"ไม่ใช่เวลาเล่นนะ"
"รู้น่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเป็นไง ไปไหม"
"เล่นตัวนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็..." ธมยักไหล่
"จริงเหรอ ง่ายขนาดนั้นเลย"
"บอกแล้วไงว่าหลอกไม่ยาก แต่ต้องใจเย็นๆ"
ดารินเดินมานั่งข้างๆธม
"แล้วเอาไงต่อ ทำตามแผนเลยไหม"
"คุยไว้ยังไงก็ตามนั้นวันนี้น่าจะสนุก ชอบเซลฟี่นักไม่ใช่เหรอ ถ่ายไว้ให้เยอะๆล่ะ บันทึกช่วงเวลาดีๆที่จะเกิดขึ้นกันหน่อย"
"ได้...จะถ่ายให้หมดเลย คิกๆ"
ดารินหัวเราะ ลุกออกไป ธมยิ้มเจ้าเล่ห์
เสียงโทรศัพท์บ้านวิเศษมฆวันดังลั่น ออมวิ่งออกมาจากครัวรีบมารับ
"สวัสดีค่ะ บ้านวิเศษมฆวันค่ะ"
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า
"สวัสดีค่ะ ญาติของคุณหมอมฆวันกับคุณนวลนภาหรือเปล่าคะ มีเรื่องด่วนมากแจ้งให้ทราบค่ะ"
ออมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
"เรื่องอะไรเหรอคะ"
ออมถือโทรศัพท์ไร้สายวิ่งหน้าตาตื่นมาที่หน้าห้องเวฬุรีย์ เคาะประตูเรียกรัวๆ เสียงสั่น
"คุณฬุรีย์คะ มีเรื่องด่วนค่ะ ออกมารับโทรศัพท์หน่อยนะคะ"
เวฬุรีย์อยู่ในห้อง กำลังเลือกเสื้อผ้า หมุนตัวไปมาหน้ากระจก ฬุรีย์รำคาญเสียงออม ตะโกนตอบไป
"เรื่องอะไร"
"โรงพยาบาลโทรมาค่ะ ขอคุยกับญาติคุณหมอ"
"ไปเรียกลดาหรือใครก็ได้มารับสิ ฉันกำลังยุ่ง"
"ออกมาเถอะนะคะ เรื่องสำคัญมากจริงๆ นะคะ จากโรงพยา..."
"พูดไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่าไม่ว่าง"
ออมเคาะประตูต่อ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ออมกลุ้มใจ ทำอะไรไม่ถูก
ออมมาที่ห้องไอลดา เห็นมณไฑเดินออกมาพอดี มณไฑแปลกใจ
"คุณหมอ คุณลดาล่ะคะ"
"ลดาเป็นไข้น่ะ กินยาแล้วก็หลับไปแล้ว"
ออมเริ่มกัดเล็บหน้าเครียด
"ทำไงดี ทำไงดี ฮือๆ"
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าออม"
"มีโทรศัพท์มาค่ะ เรื่องคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง ด่วนมาก"
"เดี๋ยวฉันรับเอง"
มณไฑเดินนำออมไป ออมรีบวิ่งตาม
มณไฑรับสายที่โทร.มา
"สวัสดีครับ" หลังจากมณไฑฟัแล้วก็ตกใจ ช็อคกับเรื่องที่ได้ยิน "อะไรนะครับ... แล้วอาการเป็นยังไงบ้างครับ" มณไฑหน้าซีดบอก "ครับๆ เดี๋ยวผมจะรีบไป ขอบคุณมาก"
มณไฑวางสายไปอึ้งๆ สักพัก แล้วหันไปทางออมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ทางโรงพยาบาลว่ายังไงบ้างคะคุณหมอ"
วุฒิเดินเข้ามาพอดี
"สวัสดีครับ" วุฒิมองหน้ามณไฑ "มีอะไรรึเปล่าครับ"
มณไฑกลืนน้ำลาย พยายามเล่าออกมาอย่างยากลำบาก
"เมื่อกี้ผมรับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล"
"ใครอยู่โรงพยาบาลเหรอครับ"
"อาจารย์หมอมฆวัน กับอาจารย์นวลนภา...ประสบอุบัติเหตุครับ"
วุฒิตกใจมาก พยายามตั้งสติ ถามมณไฑ
"ทั้งคู่เป็นยังไงบ้างครับ"
มณไฑหน้าเศร้าลงอีก
"อาจารย์มฆวันยังโคม่า แต่อาจารย์นภา เสียชีวิตแล้วครับ"
วุฒิหน้าซีด ทำอะไรไม่ถูก หันไปบอกมณไฑ
"คุณหมออย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับลดานะครับ ถ้าลดารู้...."
มณไฑพยักหน้า
"ผมเข้าใจ"
ทั้งคู่มองหน้ากัน ทั้งลำบากใจ ทั้งตกใจจนไม่รู้จะทำยังไง
วุฒิค่อยๆเปิดประตูเข้ามาในห้อ ไอลดาหลับอยู่เพราะเป็นไข้ วุฒิเดินเข้าไปนั่งข้าง จับมือไอลดาไว้
"ไม่เป็นไรนะลดา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่อยู่กับลดาเสมอนะ"
วุฒิลูบผมไอลดา น้ำตาไหลอย่างสงสารไอลดาและเศร้ากับข่าวที่เกิดขึ้น
วุฒิกับมณไฑยืนคุยกันหน้าเครียด
"แล้วเราจะบอกฬุรีย์ยังไงดีครับ"
เวฬุรีย์แต่งตัวสวยเตรียมออกไปข้างนอกลงมาจากห้องพอดี เวฬุรีย์เห็นวุฒิ ดีใจรีบเข้าไปหา
"พี่วุฒิ"
วุฒิหน้าเหวอ หันไปเจอฬุรีย์ เขามองหน้ามณไฑ ทั้งคู่ทำท่าอึกอัก
มณไฑ เหมือนจะบอกอะไรแต่ไม่กล้าพูด เวฬุรีย์สังเกตเห็น
"พี่ไฑ พี่วุฒิ เป็นอะไรกันคะ"
เวฬุรีย์ขัดใจที่มณไฑทำท่าแบบนั้น เลยถาม
"ทำไมทำหน้าตกใจที่เห็นฬุรีย์คะ"
"ไม่ใช่"
"แล้วพวกพี่เป็นอะไรคะ"
วุฒิพยักหน้าให้ มณไฑเข้าไปจับไหล่ฬุรีย์ บอกเสียงสั่น
"ฬุรีย์ ทำใจดีๆ ไว้นะ"
"มีอะไรก็พูดมาสิคะพี่ไท"
มณไฑบีบไหล่ฬุรีย์แน่นขึ้น
"อาจารย์หมอกับอาจารย์ภาประสบอุบัติเหตุ"
เวฬุรีย์ตกใจสะบัดตัวมณไฑออก
"ไม่จริง!"
"โรงพยาบาลโทรมาบอกพี่เมื่อกี้" มณไฑบอก
"พ่อแม่ฬุรีย์ล่ะ เป็นยังไงบ้าง"
เวฬุรีย์พุ่งไปเขย่าตัวมณไฑที่พูดไม่ออก วุฒิตัดสินใจพูดออกมา
"คุณอาหมอยังไม่ได้สติ แต่คุณอานวลนภา…เสียแล้ว"
มณไฑหันไปทางอื่น น้ำตาเริ่มไหล เวฬุรีย์รับไม่ได้ โวยวายเสียงดัง
"ไม่จริง แม่ยังไม่ตาย! แม่ยังไม่ตาย นี่มันแค่ฝันร้ายใช่ไหม ไม่จริง"
เวฬุรีย์หมดแรงร้องไห้โฮเข้าไปกอดวุฒิ วุฒิกอดเวฬุรีย์ทั้งน้ำตา มณไฑมองสงสารเวฬุรีย์จับใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
เพลิงพ่าย ตอนที่ 9 (ต่อ)
กลางคืน ไอลดานอนหลับอยู่ในห้อง ท่าทางกระสับกระส่าย ลูกบิดห้องนอนค่อยๆ ถูกบิด ประตูถูกเปิดออก เงาดำของมฆวันเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เรียกเสียงแหบแห้ง
"ลดา...ลดา"
ไอลดาสะดุ้งตื่นขึ้นมา สีหน้าตกใจสุดขีด
"คุณพ่อ... คุณพ่อทำไมถึงเป็นแบบนี้คะ"
มฆวันเลือดเต็มตัว
"ลดาช่วยพ่อกับแม่ด้วย ช่วยด้วย"
"คุณพ่อเป็นอะไรไปคะ เกิดอะไรขึ้น"
"พ่อ...พ่อ...เจ็บมาก เจ็บมากลูก...ลดา"
แล้วมฆวันก็เริ่มไม่ไหว ทรุดลงไป
ไอลดารีบลุกขึ้น มองไปที่พื้น แต่ปรากฏว่ามฆวันหายไปแล้ว ไอลดาพยายามไขว่คว้า
"คุณพ่อ...คุณพ่อ"
ไอลดาสะดุงตื่นขึ้นมา กำผ้าปูที่นอนแน่น ร้องไห้โฮ
"คุณพ่อ"
วุฒิรีบเข้ามาดู
"ลดาเป็นอะไร"
ไอลดาโผเข้ากอดวุฒิแน่น วุฒิค่อยๆลูบหัวปลอบ
"ลดาฝันร้าย...ลดาเห็นคุณพ่อมีแต่เลือดเต็มตัวไปหมดเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกลดา มันก็แค่ฝัน...แค่ฝันเท่านั้นนะ"
"ลดาอยากโทร.หาพวกท่าน ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง"
ไอลดามองหาโทรศัพท์ แต่วุฒิห้ามไว้
"อย่าเพิ่งเลยลดา นี่ก็ค่ำแล้ว ท่านอาจจะหลับไปแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทร.ดีกว่านะ"
ไอลดาพยักหน้าเพลียๆ
"ลดาหิวไหม เดี๋ยวพี่จะให้ออมเอาอะไรมาให้กิน"
ไอลดาพยักหน้าอีกครั้ง วุฒิมองไอลดาสีหน้าลำบากใจ
ภายในบ้าน เวลาต่อมา มณไฑนั่งคุยกับเวฬุรีย์หน้าเครียด
"ฬุรีย์อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับลดานะ"
เวฬุรีย์รู้สึกขัดใจนิดหน่อย
"ถ้าฬุรีย์ช่วยปิดวันนี้ สักวันลดาก็รู้อยู่ดี"
"ลดากำลังไม่สบาย พี่ไม่อยากให้ลดาทรุดไปอีกคน นะครับ พี่ขอร้อง"
เวฬุรีย์พยักหน้า
"งั้นก็ได้ค่ะ"
"ขอบคุณฬุรีย์มากนะ"
"แล้วเรื่องคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ จะจัดการยังไงต่อดี"
"เดี๋ยวพี่จะพาเราไปรับศพคุณแม่ที่โรงพยาบาล แล้วก็เยี่ยมอาจารย์หมอด้วย เราไปกันเลยดีกว่า"
มณไฑกำลังจะลุก เวฬุรีย์คิดอะไรบางอย่าง สงสัย ดึงมณไฑไว้
"พี่ไทคะ ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุวันนี้ กำหนดกลับของคุณพ่อคุณแม่มันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ"
มณไฑอึกอัก
"ใช่ พรุ่งนี้"
"แล้วทำไมถึงรีบกลับก่อน"
"พี่เป็นคน...โทร.ไปบอกอาจารย์เรื่องลดาป่วย"
"คุณพ่อคุณแม่เลยต้องกลับมาใช่ไหมคะ"
"พี่ขอโทษ"
มณไฑพยักหน้า ไม่กล้าสบตา เวฬุรีย์สีหน้าเจ็บใจไอลดา
"ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลยจริงๆ"
ธมกับดารินนั่งรอเวฬุรีย์อยู่ด้านในผับ ธมสั่งอาหารเครื่องดื่มมาเต็มโต๊ะ แต่เวฬุรีย์ยังไม่มา
ดารินเริ่มชะเง้อคอมอง ธมมองนาฬิกา ดารินหันมาพูดเหวี่ยงๆ
"ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาล่ะ ไหนบอกนัดดิบดี"
"คุณหนูขนาดนั้น คงหลบที่บ้านยากมั้ง"
"นี่อย่าโมโหได้ไหม โทร.ตามเดี๋ยวนี้แหละ"
ธมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเวฬุรีย์ แต่ไม่มีคนรับสาย
"ไม่รับ"
"นั่นไง ว่าแล้ว ไหนบอกหลอกง่ายไง ไม่ใช่มันรู้ชิ่งเราไปแล้วเหรอ"
"ก็ยัยนั่นรับปากแล้วนี่หว่า ใครจะรู้ว่าจะเบี้ยว"
"ไม่ได้เรื่อง อยากปล่อยนังปลาฉลามลงทะเลเอง สมใจไหมล่ะ"
ธมหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มแก้เซ็ง ดารินเมินไปทางอื่นเซ็งพอกัน
มณไฑพาเวฬุรีย์มาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมมฆวันกับหมอเจ้าของไข้
"ตอนนี้คนไข้มีอาการสมองบวมนะครับ แล้วก็ยังไม่ได้สติ เพราะถูกกระแทกที่ศีรษะอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุ หมอจะดูอาการอีกสักพักก่อน"
"มีโอกาสพบเลือดคั่ง หรือต้องผ่าตัดไหมครับ"
"ก็เป็นไปได้ครับ ต้องรอผลสแกนออกมาก่อน แต่ญาติคนไข้อย่าเพิ่งเครียดนะครับ ทางเราจะรักษาอย่างเต็มที่"
หมอกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เวฬุรีย์หน้าเศร้า ร้องไห้
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยพี่ไท...ทำไม"
"คุณหมอบอกจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะ"
เวฬุรีย์พยักหน้าเศร้าๆ
ไอลดานั่งอยู่บนเตียง วุฒินั่งป้อนข้าวต้มให้ ไอลดากินไม่ค่อยลง
"ลดาไม่อยากกินแล้วล่ะค่ะ กินอะไรไม่ค่อยลงเลย"
"งั้นอีกคำเดียวก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอายาให้ ลดาต้องกินยานะ"
ไอลดาพยักหน้า วุฒิป้อนข้าวต้มให้อีกคำ ก่อนจะลุกไปหยิบยามาให้ ไอลดามองวุฒิอย่างรู้สึกผิดที่ต้องมาดูแลตัวเอง วุฒิเดินกลับมา
"กินก่อนนะ แล้วก็พักผ่อนซะ จะได้หายไวๆ"
ไอลดาทำท่าไม่อยากกินอีก วุฒิเลยจับมือแล้ววางยาลงไป
"ถ้าไม่กินจะหายได้ยังไง"
วุฒิทำหน้าดุใส่ ไอลดาถึงยอมกิน วุฒิก้มลง ยื่นมือไปจับหน้าผากไอลดา
"ตัวไม่ค่อยร้อนแล้วนี่ นอนพักอีกซักวันคงหาย ดีมากคนเก่ง"
วุฒิเอามือออก ไอลดาเห็นหน้าวุฒิใกล้มาเลยเขิน หันหน้าหนีวุฒิรู้ตัวเลยถอยออกมา
"ลดาพักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว"
วุฒิจะเดินออกจากห้อง ไอลดามองตามเหม่อๆคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเรียกวุฒิ
"พี่วุฒิคะ"
วุฒิหันมา
"ครับ"
ไอลดาพูดเสียงเบา
"ลดา...ขอโทษนะคะ"
"เรื่องอะไรเหรอ"
"เรื่องที่ลดา...จะไปเรียนต่อ"
วุฒิเดินกลับมาหาไอลดา ลูบหัวยิ้มๆ
"ขอโทษทำไม พี่ไม่เห็นจะโกรธเราเลย"
ไอลดาแปลกใจ
"พี่วุฒิ...ไม่โกรธเลยเหรอคะ"
"ไม่เลย พี่เข้าใจ เข้าใจดีทุกอย่าง"
"ทำไมล่ะคะ"
"เราอาจจะคบกัน แต่เราก็มีชีวิตของเราเอง พี่ไม่อยากผูกมัดลดา ทั้งที่ลดายังไม่พร้อม ลดายังมีเวลามีสิทธิ์เลือกที่จะทำอะไรมากมายในชีวิตนะ"
"ขอบคุณค่ะพี่วุฒิ"
สีหน้าวุฒิเศร้าลง ก่อนจะจับมือไอลดาขึ้นมา
"อะไรที่ลดาทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ ชีวิตคนเรามันแน่นอนเสียเมื่อไหร่ จริงไหม"
ไอลดารู้สึกวุฒิพูดแปลกๆ
"พี่วุฒิพูดเหมือนมีเรื่องเศร้าอะไรแบบนั้นเลยนะคะ"
วุฒินึกขึ้นได้รีบทำเป็นยิ้ม ช่วยจัดแจงห่มผ้าห่มให้ไอลดา
"พี่แค่พูดไปตามเหตุการณ์จ้ะ นอนพักเถอะ"
วุฒิเดินออกจากห้องไป ไอลดามองตามยังสงสัยอยู่
ออมนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในครัว ลอร่าก็ด้วย บุญปลูกนั่งหน้าเศร้าไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร
"นี่ พวกแก ร้องในนี้ได้ แต่อย่าไปร้องให้คุณลดาเห็นเด็ดขาดนะ" บุญปลูกบอก
ออมกับลอร่าพยักหน้า ออมพูดไปสะอื้นไป
"ฉัน....ฮึก ฉันรู้คนแรกนะป้า...ฮื"
"ฉันรู้ เราๆน่ะผูกพันกับคุณทั้งคู่ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ....ไม่น่าเลยจริงๆ"
"ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย อะไรๆกำลังจะดีแล้วเชียว"
บุญปลูกตบไหล่ ออมกับลอร่าปลอบใจ
"เขาถึงบอกไงว่าเวลาความสุขมันสั้น อยากทำอะไร อยากดูแลใครให้ทำวันนี้ พรุ่งนี้มันก็สายแล้ว"
"ถ้าฉันรู้ว่ารับสายนั้นแล้วจะเจอข่าวร้ายนะ ฉันไม่รับดีกว่า"
ลอร่าหันขวับมาทางออม
"แกไม่รับ เขาก็ต้องโทร.มาจนมีคนรับอยู่ดี อย่าพูดโง่ๆ"
"นี่ เขากำลังเศร้าแกยังมีหน้าจะหาเรื่องฉันอีกเหรอ"
"ก็แกพูดไม่คิด ยังกับว่าจะเรียกคุณผู้หญิงให้ฟื้นได้งั้นแหละ"
"นังลอร่า นังปากเสีย ถ้าคุณๆ ได้ยินจะรู้สึกยังไง"
"อ้าว ก็ฉันคิดอย่างนี้จริงๆนี้"
"อยากโดนตบทั้งน้ำตาไหม หนอย"
ออมทำหน้าจะพุ่งไปตบจริง บุญปลูกขวางไว้ ตะโกนลั่น
"หยุดทั้งคู่นั่นแหละ! มันใช่เวลาทะเลาะกันไหมฮะ"
ออมนั่งลงเซ็งๆ บุญปลูกกลุ้ม
เวฬุรีย์กลับมาจากโรงพยาบาล กำลังจะกลับไปที่ห้องผ่านหน้าห้องไอลดา วุฒิเปิดประตูออกมาจาพอดี
"ฬุรีย์..."
เวฬุรีย์ไม่พูดอะไร แต่โผเข้าไปกอดวุฒิแล้วร้องไห้โฮ
"ไปหาคุณพ่อคุณแม่มาแล้วใช่ไหม"
เวฬุรีย์ยิ่งกอดวุฒแน่น คร่ำครวญหนัก
"แม่ไม่อยู่กับฬุรีย์แล้วพี่วุฒิ แม่ไม่อยู่แล้ว...ฮือ"
วุฒิค่อยๆลูบผมเวฬุรีย์ปลอบใจ สงสารฬุรีย์ขึ้นมา
"มีแม่คนเดียวที่รักฬุรีย์ ฬุรีย์ไม่เหลือใครแล้ว"
"ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไร"
วุฒิกอดเวฬุรีย์ตอบ ฬุรีย์ซบกับวุฒิอย่างรู้สึกอบอุ่นใจ
คืนเดียวกัน ดารินเอาแต่อ่านอะไรสักอย่างในไอแพดมาสักพัก ธมเห็นแล้วหงุดหงิด
"อ่านอะไรน่ะ"
"ข่าวไง"
"มีอะไรน่าสนใจเหรอ เห็นอ่านอยู่นั่น"
ดารินเดินมายื่นให้ธมดู
"ลองอ่านดูสิ"
ธมเลื่อนหน้าจอไอแพดเห็นข่าว “ศัลยแพทย์ชื่อดังรถคว่ำพร้อมภรรยา”
"ภรรยาเสียชีวิตคาที่..." ธมมองดาริน "แล้วยังไง น่าสนใจตรงไหน เธอรู้จักเหรอ"
ดารินยิ้มชี้ให้ธมดูรูปหนึ่งในนั้น
"ดูผู้หญิงในรูปนี้สิ"
ธมมองที่รูปนั้น ถึงกับตะลึง
"นี่มัน..."
"เขาบรรยายว่าเป็นลูกสาวที่ไปรับศพ ใช่ยัยฬุรีย์นั่นรึเปล่า"
ธมมองรูปอีกครั้งไม่อยากเชื่อ
"ใช่...ใช่จริงๆ เป็นลูกสาวหมอเจ้าของโพลีคลินิกใหญ่ซะด้วย"
"งั้นแสดงว่าต้องรวยไม่ธรรมดาแน่ๆ เอ...ธม เขากำลังเจอเรื่องเศร้าอยู่นี่นะ เธอไม่อยากปลอบใจเขาหน่อยเหรอ"
ดารินยิ้มเจ้าเล่ห์ ธมมองหน้าก็รู้ทันทีว่ามีแผนในใจอีกแล้วแน่ๆ
ไอลดานอนอยู่ที่ห้องได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้ รู้ทันทีว่าเป็นเสียงเวฬุรีย์
"ฬุรีย์…"
ไอลดาเป็นห่วงน้องเลยรีบลุกไปดูจนเซเกือบหน้ามืดแต่ก็ฝืนใจเดินไป พอเปิดประตูออกก็เจอวุฒิกับเวฬุรีย์กอดกันอยู่
วุฒิตกใจรีบปล่อยเวฬุรีย์ ไอลดามองสงสัย
"ขอโทษค่ะ"
"ลดา ขอโทษทำไม"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีลดาได้ยินเสียงฬุรีย์ร้องไห้เลยออกมาดูแค่นั้น"
เวฬุรีย์ปาดน้ำตาเกาะแขนวุฒิแน่นเหมือนเดิม ไอลดาถามฬุรีย์อย่างเป็นห่วง
"ฬุรีย์เป็นอะไร มีอะไรบอกพี่ได้นะ"
เวฬุรีย์สบตากับวุฒิ แล้วมองลดาพลางส่ายหน้า
"ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่หกล้มแล้วพี่วุฒิประคองขึ้นมา...แค่นั้นเอง"
ไอลดารู้สึกแปลกๆ แต่ก็เป็นห่วง
"แล้วฬุรีย์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"เจ็บเท้านิดหน่อย"
"ฬุรีย์ไม่เป็นอะไรมากจ้ะลดา เดี๋ยวพี่พาไปทายาเอง ลดากลับไปพักผ่อนเถอะ"
ไอลดายังสงสัย แต่ก็ไม่อยากคาดคั้น
"อ๋อค่ะ"
ไอลดากลับเข้าไปในห้อง วุฒิมองตามเป็นห่วงไอลดา เวฬุรีย์มองตามอย่างหมั่นไส้
เช้าวันใหม่ ท่ามกลางความหดหู่เงียบงันของบ้านวิเศษมฆวัน ลอร่าที่มีทั้งผ้ายันต์และของขลังกันผีเดินถือสํารับอาหารของเวฬุรีย์เข้ามาในบ้านด้วยความหวาดกลัวผีเจ้านาย มีป้าบุญปลูกถือถาดยา ออมยกสํารับของไอลดาตามเข้ามาด้วยความโศกเศร้า
จู่ๆลอร่าก็ร้องเห็นผีกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจสุดขีด บุญปลูกใช้ฝ่ามือเคาะกระโหลกเพื่อเรียกสติ
"ผีที่ไหนกัน นั่นรูปคุณผู้หญิง แล้วก็ตั้งอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้ว กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง เดี๋ยวคุณหนูก็รู้จนได้"
" รู้อะไรเหรอจ๊ะ"
ทุกคนตกใจทําอะไรไม่ถูก ไอลดามองลอร่าที่มีผ้ายันต์ของขลังด้วยความสงสัย บุญปลูกรีบแก้ไขสถานการณ์
"เออ..รู้ว่านังลอร่ามันกลัวผี แต่ดันชอบดูหนังผีซะจริง ดูจนเลอะเทอะไปหมด"
บุญปลูกมองขู่ลอร่า อย่าหลุดเผลอให้ไอลดารู้เด็ดขาด เธอรู้สึกแปลกๆกับอากัปกริยาของทั้งสามคน
บุญปลูกถาม
"แล้วคุณหนูลงมาทําไมคะ ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ไปนังออม"
"ลดาเบื่อจะแย่แล้ว อยากออกไปเดินเล่นรับลมบ้าง"
"โอ๊ย ไม่ได้นะคะ ร่างกายคุณหนูไม่แข็งแรงอยู่แล้ว เกิดเป็นไข้ขึ้นมาอีกจะแย่ คุณวุฒิเอาตายแน่ๆค่ะ" ออมบอก
"เธอกําชับมาน่ะค่ะ ใช่ไหมพวกเรา"
บุญปลูกมองทั้งสองให้คล้อยตาม ลอร่าก็พยักพเยิดไปตามเรื่อง
ไอลดารู้สึกอบอุ่นใจในความห่วงใยของวุฒิ
บุญปลูกเข้าประคอง
"ไปค่ะ เดี๋ยวป้าพาขึ้นไปนะคะ ทานข้าวแล้วจะได้ทานยา"
บุญปลูกพาไอลดาขึ้นบันไดไปห้อง ออมตาม ลอร่าก็นําสํารับไปที่ห้องเวฬุรีย์เช่นกัน
เธอเดินผ่านกลุ่มไอลดาไปที่บานประตูห้องเวฬุรีย์ ค่อยๆเปิดแง้มไว้
อ่านต่อหน้าที่ 3
เพลิงพ่าย ตอนที่ 9 (ต่อ)
ธมนุ่งผ้าขนหนูเพิ่งอาบนํ้าเสร็จ ผิวปากอารมณ์ดีอยู่หน้ากระจก บรรจงประทินร่างกายและผิวหน้าแบบหนุ่มสําอางอยู่หน้ากระจก
ดารินงัวเงียอยู่ใต้ผ้าห่ม มองธมด้วยความแปลกใจ
"ตัว แต่งตัวจะไปไหนแต่เช้า"
"อ๋อ ก็ว่าจะไปตักบาตรทําบุญซะหน่อย"
"ทุเรศ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เดินผ่านขอทานไม่เคยเห็นกระเด็นสักสลึง" ดารินว่า
"แต่คราวนี้มันต้องเอาฤกษ์เอาชัยหน่อยซี่ ถ้าเธออยากจะเป็นเศรษฐีสุขสบายอย่างคุณนาย ไป.. ไปอาบนํ้าอาบท่า ออกไปทํางานที่เรารักกันเถอะ"
"รักกะผีอะไร นึกว่าฉันชอบนักเหรอ ที่ผัวตัวเองมีอาชีพหลอกผู้หญิง บางทีก็ล่อ...ด้วย"
"แหม...ตัวก็ มันคืองาน ไหนบอกไม่หึงไง แม่นกต่อคนเก่งของฉัน"
"คราวนี้ ตัวต้องเอาให้อยู่หมัดเลยนะ ดูจากข่าวเมื่อคืนอีนั่นมันลูกเศรษฐีชัดๆ"
"เหยื่อรายนี้ฉันมั่นใจ ท่าทางมันจะหลอกง่าย"
"นั่นนะซิ sheขี้โมโห เอาแต่ใจ แถมยังปากร้าย มิน่า ถึงไม่ค่อยมีเพื่อน"
"ไป ออกไปหาข้อมูลกันว่ามันมีพี่มีน้อง มีสมบัติพัสถานมากเท่าไร แล้วตัวก็รีบไปเช็คด้วยว่า วัดไหน รดนํ้ากี่โมง"
"งั้นขอเวลา เค้าอาบนํ้าก่อนนะคะ คุณ.. ผู้ชาย"
"เร็วๆหน่อยก็ดีนะครับ คุณ...ผู้หญิง"
ดารินคว้าผ้าเช็ดตัวออกไป
ธมยิ้มกริ่มฝันถึงเงินทองที่รออยู่ข้างหน้า
บุญปลูกและออมรีบเดินออกจากห้องไอลดา เพราะกลัวจะถูกถามแล้วเผลอหลุดเรื่องนวลนภาตาย ทั้งสงสารและลําบากใจ แต่ทั้งคู่ต้องชะงักอยู่หน้าประตูเพราะเวฬุรีย์เรียก
"ป้าปลูก"
"ขา..คุณหนู"
เวฬุรีย์เดินปั้นหน้าเศร้าเข้ามา
"ระหว่างนี้ ฉันคงทําอะไรไม่ถูก ลดาก็มาป่วย"
ภายในห้อง ไอลดาชะงักเพราะแว่วๆเสียงเวฬุรีย์พูดถึง ค่อยๆขยับเข้ามาฟังให้ชัดๆที่ประตู
"คงต้องเป็นป้าปลูกกับพวกเราที่ต้องจัดการของที่ต้องใช้เกี่ยวกับ..."
เวฬุรีย์แอบถอนใจมีชําเลืองไปทางประตูเล็กน้อย
"คุณแม่ ช่วยกันเอาไปที่วัดให้เรียบร้อยด้วยนะ"
ไอลดาทั้งประหลาดใจสงสัย เวฬุรีย์พูดถึงอะไร ถ้าเปิดออกไปถามเลย ก็จะรู้ว่าแอบฟัง เลยลังเล
"ค่ะ คุณหนู"
กลุ่มแม่บ้านกําลังจะไป ประตูห้องไอลดายังไม่เปิด
เวฬุรีย์จึงใช้แผนสอง รีบเรียกบุญปลูกไว้ ทุกคนชะงัก
"เดี๋ยว..ป้า แล้วดูแลเรื่องของว่างทันใช่ไหม ผู้หลักผู้ใหญ่น่าจะมากันเยอะ งานคุณแม่วันแรกด้วย ฝากป้าดูแลด้วยนะ"
ไอลดายิ่งร้อนรนทนไม่ไหวว่า เวฬุรีย์พูดถึงอะไรกันแน่ ใจสั่นรัว
"ค่ะ คุณหนู"
บุญปลูกเริ่มรู้สึกกลัวว่าไอลดาจะรู้เรื่อง เวฬุรีย์ก็เริ่มหงุดหงิดที่ไอลดายังไม่ออกมาอย่างที่คิดไว้
บุญปลูกจะเดินลง ถูกเรียกเป็นครั้งที่สาม
"ถ้านักข่าวหรือเพื่อนคุณพ่อคุณแม่โทร.เข้ามาถาม ก็บอกเค้ารดนํ้าคุณแม่ตอนบ่ายสาม ชื่อวัดจํากันได้ใช่ไหม"
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักออกมาอย่างที่เวฬุรีย์คาดไว้ ไอลดาหน้าซีดตื่นตระหนก
"ทําไมต้องรดนํ้าคุณแม่ ทําไมจะต้องไปที่วัด มันคืออะไร"
ไอลดามองมองหน้าทุกคนไปมา รอฟังคําตอบ แต่ทุกคนกลับเงียบ แต่ละคนมีพิรุธ ไอลดาเชื่อแน่ว่าต้องมีเรื่องปกปิด ไอลดามองไปที่บุญปลูก
"ป้าปลูก"
บุญปลูกพูดโดยไม่มองหน้าไอลดา แล้วรีบเลี่ยงไป ออม ลอร่ารีบตามไปติดๆ
"เออ...ป้าขอตัวไปเตรียมของก่อนนะคะ"
ไอลดาเหมือนจะขาดใจ เหนื่อยหอบ หัวใจเต้นรัว เวฬุรีย์เนํ้าตาเอ่อล้นออกมาด้วยความคับแค้นที่ไอลดาเป็นสาเหตุการตายของแม่!
"ฬุรีย์ จะไม่ยอมบอกพี่ใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเรา คุณแม่เป็นอะไร"
ไม่มีคําพูดใดๆออกมาเหมือนเดิม สายตามองกลับไอลดาด้วยความเกลียดชัง
ไอลดารู้ว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ จึงรีบกลับเข้าไปในห้อง หยิบโทรศัพท์มือสั่น โทร.หานวลนภา แต่ไม่มีสัญญาณทั้งของพ่อและแม่ ไอลดาเริ่มครองสติไม่อยู่
เวฬุรีย์รีบซํ้าย้ำความผิดให้ไอลดา เพื่อให้รู้สึกผิดที่เป็นคนฆ่าพ่อกับแม่
"โทร.เลย โทร.ให้ตายคุณแม่ก็ไม่มีวันรับสายแกได้หรอก"
ไอลดามือเกร็ง โทรศัพท์หลุดมือ ช็อกกับเรื่องไม่คาดฝัน
"ไม่จริงใช่ไหมฬุรีย์ บอกพี่เถอะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม"
"ใช่ คุณพ่อคุณแม่คงไม่เป็นอะไร ถ้าไม่รีบกลับมาดูแกสําออยทําดัดจริตป่วยหนักให้คนนั้นคนนี้มาสนใจ ท่านทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุ คุณแม่ตายคาที่ ส่วนคุณพ่อบาดเจ็บสาหัสอาการโคม่าอยู่ไอซียู แก..อีลดา อีฆาตกร อีฆาตกร แกทำให้แม่ตาย แกทำให้แม่ตาย!"
ไอลดาช็อกจิตหลุดด้วยความเสียใจ รับรู้แค่เสียงเวฬุรีย์ที่พูดกรอกหู ร่างไอลดาค่อยๆเอนลงเหมือนท่อนไม้ล้ม
ขณะที่ร่างกําลังจะแตะพื้น สองมือของวุฒิก็เข้ามาช้อนรับไอลดาได้ทันพอดี ไอลดาสลบอยู่ในอ้อมกอดของวุฒิ
เวฬุรีย์อารมณ์พลุ่งพล่าน เจ็บใจที่แม้แต่ครั้งนี้วุฒิยังคอยปกป้องดูแลไอลดาอีก ทั้งความริษยาและความเสียใจ ที่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในชีวิตคือแม่ได้ตายไปแล้ว วุฒิคือสิ่งเดียวที่เวฬุรีย์เหลืออยู่และต้องเอามายึดครองให้ได้
ไอลดาถูกส่งมารักษาตัวที่คลินิก เธอนอนพักฟื้น โดยมีวุฒินั่งเฝ้าข้างๆ เธอขยับตัว ค่อยๆลืมตาขึ้น วุฒิรีบเข้าไปดู
"ลดา เป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม"
วุฒิประคองไอลดาให้ลุกขึ้น ไอลดานั่งเหม่อก่อนจะหันไปมองหน้าวุฒิ แล้วก็เริ่มร้องไห้ออกมา
"ลดา"
"คุณแม่ คุณแม่เสียแล้วใช่ไหมคะ"
วุฒิพูดไม่ออก จับมือไอลดาไว้
"ลดารู้แล้วเหรอ"
ไอลดาพยักหน้า
"ลดาบังเอิญได้ยินที่ฬุรีย์กับลอร่าคุยกัน"
วุฒิอึ้งไป รู้สึกผิดที่ไม่บอกไอลดา
"ทำไมไม่มีคนบอกลดาเลย ทำไมคะ"
"ฟังพี่นะ ลดากำลังไม่สบาย ไม่มีใครอยากให้ลดาเป็นอะไรไปอีกคน"
ไอลดาไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ วุฒิลูบหัวไอลดา
"มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ลดาต้องเข้มแข็งนะ จะได้ดูแลครอบครัวแทนคุณแม่"
ไอลดาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก วุฒิได้แต่ลูบหลังปลอบใจ
"พี่วุฒิคะ ลดาขอร้องอะไรอย่างนึงได้ไหม"
"ว่าไงจ๊ะ"
"ช่วยพาลดาไปเยี่ยมคุณพ่อได้ไหมคะ ลดาขอร้อง"
"แต่ลดากำลังไม่สบาย"
"ลดาค่อยยังชั่วแล้ว ลดาอยากเจอคุณพ่อ พาลดาไปหน่อยเถอะค่ะ...นะคะ"
วุฒิมองไอลดาสีหน้าลำบากใจ
ภายในโรงพยาบาล ไอลดากับวุฒิเข้ามาในห้องพักของมฆวัน เห็นมฆวันนอนไม่ได้สติ ไอลดาน้ำตาซึม
ไอลดากับวุฒิเข้ามายืนข้างเตียงมฆวัน
"พ่อคะ…พ่อเจ็บไหม"
ไอลดาจับมือมฆวัน
"พ่อต้องฟื้น ต้องกลับมาดูแลคลินิกนะคะ คุณพ่อเก่งที่สุด…คุณพ่อต้องแข็งแรงเหมือนเดิมนะคะ คุณพ่อขา"
ไอลดามองมฆวันในสภาพนั้นก็ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมาเพราะสงสารพ่อ วุฒิลูบหลังไอลดาอย่างปลอบโยน แต่จู่ๆ มฆวันก็ค่อยๆ ขยับตัว ไอลดาชะงักมอง
"คุณพ่อ"
"คุณอาหมอรู้สึกตัวแล้ว"
มฆวันลืมตาขึ้นมา มองไปที่ไอลดา เธอปาดน้ำตา ยิ้มดีใจ
"คุณพ่อ! คุณพ่อฟื้นแล้ว"
ไอลดามองหน้าวุฒิอย่างดีใจ ไอลดาจับตามตัวมฆวัน พยายามถามอาการ
"คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ"
"เดี๋ยวพี่กดเรียกพยาบาล"
วุฒิรีบไปกดปุ่มเรียกพยาบาล มฆวันมองไอลดาอย่างเหม่อลอยคล้ายคนไม่ได้สติ ไอลดาพยายามเรียกมฆวัน
"คุณพ่อคะ คุณพ่อ…คุณพ่อ คุณพ่อได้ยินลดาใช่ไหมคะ"
ไม่มีการตอบรับใดๆจากมฆวัน ไอลดาสีหน้าไม่ดี
อ่านต่อหน้าที่ 4
เพลิงพ่าย ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไอลดากลับมานอนพักในห้องของคลินิก มณไฑเข้ามาตรวจร่างกาย พยายามพูดให้ไอลดารู้สึกดีขึ้น
"ตั้งสติไว้นะลดา เดี๋ยวอะไรมันก็ดีขึ้นเอง"
ไอลดาถอนหายใจ
"ขอบคุณค่ะหมอไฑ แต่ลดาอยากให้ช่วยอะไรสักอย่างได้ไหม"
"อะไรครับ"
"ลดาอยากให้ไข้บ้าๆนี่มันหายไปซะที หมอมีวิธีไหม จะฉีดยาหรืออะไรก็ได้"
"ลดาควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็ไม่เครียด ไข้ถึงจะหายสนิท ตอนนี้ลดาร่างกายอ่อนแอมากนะรู้ไหม"
ไอลดาหันไปทางมณไฑพูดเสียงจริงจัง
"ลดาขอร้องนะคะ ถ้าลดายังเป็นแบบนี้จะทำอะไรก็ไม่ได้ ลดาอยากดูแลพ่อ อยากจัดการเรื่องศพคุณแม่ให้เรียบร้อย ลดาขอร้องนะคะ"
มณไฑลำบากใจ แต่ก็สงสารไอลดา
"เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ลดาจะทำอะไรให้ท่านได้ ช่วยลดาเถอะนะคะ"
มณไฑชั่งใจนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้า ไอลดายิ้มให้มณไฑทั้งๆที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ไอลดาเดินเข้ามาที่บ้าน ท่าทางซึมๆ เวฬุรีย์นั่งอยู่แถวนั้นพอดี เห็นเข้าเลยลุกไปหา
"ลดา"
"หือ…ว่าไงจ๊ะฬุรีย์"
"คุณพ่อเป็นไงบ้าง ฟื้นรึยัง"
ไอลดาอึกอัก เวฬุรีย์พยายามคาดคั้น
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น คุณพ่อเป็นอะไร"
"คุณพ่อ…ฟื้นแล้วจ้ะ แต่…"
"แต่อะไร"
"ท่านจำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็...ขยับตัวไม่ได้อาจจะเป็นอาการของ...อัมพาต"
เวฬุรีย์ตกใจ เข้าไปจับตัวไอลดาโวยวายใส่
"เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
ไอลดาส่ายหัวน้ำตาคลอ เวฬุรีย์ยิ่งโวยวาย
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้! จะเกิดเรื่องไปถึงไหนกัน ฉันเพิ่งผ่าตัดหายนะ เรากำลังจะมีความสุขกันไม่ใช่เหรอ ทำไมๆๆ"
ไอลดาน้ำตาไหล เวฬุรีย์ร้องไห้โมโหผลักไอลดาจนเซ
"เพราะเธอ เธอคนเดียว ถ้าเธอไม่ป่วย พ่อแม่คงไม่ต้องกลับมา แม่คงไม่ตาย พ่อก็ไม่ต้องมานอนสภาพนี้ เธอมันตัวซวย ไอลดา เธอมันตัวซวย!"
ไอลดาร้องไห้ พูดไม่ออก
"พี่ขอโทษ…ฬุรีย์"
"พูดเป็นแต่ขอโทษรึไง เธอจะทำอะไรได้ พูดไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น"
เวฬุรีย์ร้องไห้ ไอลดาสะอื้นหนัก
"พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ"
เวฬุรีย์เดินออกไป ทิ้งให้ไอลดาร้องไห้อยู่คนเดียว
ท่ามกลางบรรยากาศอันโศกเศร้าในงานศพของนวลนภา บรรดาเพื่อนๆที่อยู่ในวัยเดียวกับนวลนภา ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาเริ่มทยอยกันเข้าศาลา มีไอลดากับมนไฑยืนต้อนรับอยู่ ส่วนบุญปลูก ลอร่า ออมช่วยกันบริการแขก
วุฒิ คุณหญิงเพ็ญโพยม และพลตรีทวีวัชรมาถึง ไอลดาพาทั้งหมดไปที่ศพนวลนภา /เวฬุรีย์นั่งอยู่ตรงที่รดนํ้า ไม่ได้ช่วยใครทําอะไร
"เสียใจด้วยนะลูก" ทวีวัชรบอก
เพ็ญโพยมบอก
"โถ..แม่คุณ ต้องมาเสียแม่กระทันหันแบบนี้ ตัวเองก็ป่วย ตาวุฒิดูแลหนูลดาเถอะ แม่กับพ่อดูแลตัวเองได้"
"นี่ขนาดไม่สบาย ยังต้องคอยรับแขก พักบ้างเถอะ"
"นั่นนะสิ แล้ว..."
เพ็ญโพยมมองมาทางเวฬุรีย์ ไม่เห็นขยับเขยื้อนทําอะไร
เวฬุรีย์ใช้หางตาเหลือบมองด้วยความริษยาที่เห็นครอบครัววุฒิปฏิบัติต่อไอลดาเช่นนั้น แถมถูกกริยาของเพ็ญโพยมมองอย่างเสียดสี
"เชิญคุณลุงคุณป้านั่งก่อนนะคะ"
"ไม่เป็นไรจ๊ะ วุฒิอยู่ช่วยหนูลดาเถอะ"
"ครับคุณแม่"
วุฒิประคองไอลดาออกไปรับแขก เพ็ญโพยมมองด้วยความชื่นชม
เวฬุรีย์มองดูด้วยความหมั่นไส้หาทางเอาชนะ
"แหม...เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ"
ไอลดาเกิดหน้ามืดเพราะพักผ่อนน้อย ทรุดยืนแทบไม่อยู่เลยขอตัวไปล้างหน้าล้างตา
"ลดานั่งพักก่อนดีไหมครับ ทางนี้พี่ดูแทนให้"
"ไม่เป็นค่ะ ลดาขอตัวเข้าห้องนํ้าสักครู่นะคะ เดี๋ยวคงจะดีขึ้น"
วุฒิมองตามไปด้วยความเป็นห่วง
"กระแดะจริงๆอีนี่ ทำเป็นสําออยออเซาะผู้ชาย แถมเรียกคะแนนพ่อกับแม่พี่วุฒิอีก"
เวฬุรีย์ลุกออกตามไอลดาไป
ไอลดาแข็งใจเดินไปล้างหน้า เกิดอาการวิงเวียนคลื่นไส้ หน้ามืดทรุดไปพิงกําแพง มีมือเข้ามาพยุงไว้
"ลดาไม่เป็นไรค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อย ล้างหน้าเดี๋ยวก็หาย พี่วุฒิเข้าไปในงานเถอะค่ะ"
"เมื่อไรแกจะเลิกทําสําออยหลอกผู้ชายซะที จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าพี่วุฒิ..เป็นของฉัน อยู่ให้ห่างจากพี่วุฒิซะ"
"พี่ก็พยายามแล้ว"
"แกหลอกล่อให้พี่วุฒิตามมาใช่ไหม ฉันรู้ทันแกหรอก อีหน้าด้าน อีพี่ทรยศ!"
เวฬุรีย์ผลักไอลดาล้มลงไปกองกับพื้น เวฬุรีย์ตามจะซํ้า
"โอ๊ย...พี่เจ็บนะฬุรีย์"
"เจ็บสิดี..ทีหน้าทีหลังจะทําอะไร นึกถึงใจฉันบ้าง ถ้าขืนกระแดะมายุ่งกับพี่วุฒิอีก แกโดนแบบนี้แน่"
เวฬุรีย์เงื้อมือจะตบ
"หยุดนะฬุรีย์"
ฬุรีย์ตกใจ
"เออ..คือ..ฬุรีย์จะเข้าไปช่วยลดา เห็นว่าเป็นลม ทําไมต้องทําเสียงดัง ดุฬุรีย์ด้วยล่ะคะ"
วุฒิเข้ามาหาลดาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้เวฬุรีย์ยืนเจ็บแค้นซํ้าเหมือนเดิม
ในศาลา แขกเริ่มหนาตาขึ้น ต่างทยอยไปรดนํ้าศพ เวฬุรีย์ซึ่งมีหน้าที่คอยตักนํ้าส่งให้กับแขกหายไป เพ็ญโพยม จึงวานให้คนอื่นไปช่วยทำแทน
"ดูสิคุณ แขกมากันเยอะแล้ว มีแต่คนใช้คอยต้อนรับ แล้วหนูฬุรีย์หายไปไหน"
"เราควรต้องทําอะไรสักอย่างแล้ว ถือซะว่าช่วยว่าที่ลูกสะใภ้ของเรา" เวฬุรีย์เข้ามาได้ยินก็ชะงัก
"ช่วยหนูลดาก็เหมือนช่วยลูกเรานั่นแหละคุณ"
เพ็ญโพยมเดินไปหาพนักงานคลินิกที่คุ้นเคยกันเพราะไปดึงหน้าบ่อยๆ
"หนูจ๊ะ ฉันวานไปช่วยตักนํ้าส่งให้แขกทีเถอะ ทางนี้เดี๋ยวฉันรับแขกแทนให้เอง"
"ได้ค่ะคุณหญิง อ้าว..คุณฬุรีย์ไปไหนล่ะคะ"
"ก็นั่นนะสิ ไม่เคยเห็นหยิบจับทําอะไรเลย เห็นคอยสร้างแต่ปัญหา ผิดกับหนูลดาว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน นี่ขนาดป่วยแทบจะยืนไม่อยู่ ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันทํานั่นนี่โน้น โธ่...งน่ารัก ทั้งน่าสงสาร"
"เออ..เดี๋ยวหนูขอตัวไปดูแขกก่อนนะคะ"
"เห็นไหม นี่ขนาดเป็นคนอื่นแท้ๆ ยังใส่ใจกันขนาดนี้ แต่นังตัวดี..."
"นี่คุณ..คนกําลังโศกเศร้าเสียใจ คงไม่มีแก่ใจจะทําอะไรหรอกมั้ง"
เพ็ญโพยมไม่ทันสังเกตว่า เวฬุรีย์อยู่ด้านหลังเพราะมัวแต่เม้าท์ เวฬุรีย์โมโหแต่พยายามอดกลั้นเพราะเห็นเป็นแม่คนที่ตนรัก
"คราวนี้ฉันจะคอยดู คุณนวลไม่อยู่แล้วก็ไม่มีคนคอยให้ท้าย ฤทธิ์เยอะนักแม่คนนี้ มีอย่างที่ไหน ทํามาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของลูกเรา ทุเรศ"
ทวีวัชรอึดอัดอยากให้เพ็ญโพยมหยุดพูด อายคนเพราะเพ็ญโพยมพูดไปรับแขกไป
"นี่ขนาดแม่ที่เขาบอกว่ารักมากที่สุดตายนะ ก็ไม่เห็นจะเสียใจเลย ผิดปากฉันไหมล่ะ ว่าหน้า..ซ่อมได้ แต่ใจไม่มีทาง! แล้วนี่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้"
เวฬุรีย์มองเพ็ญโพยมอาฆาตสุดทนในคําแดกดัน เห็นลอร่ากําลังถือกาแฟร้อนเสิร์ฟแขกอยู่ไม่ห่างจึงโบกมือให้ลอร่ามาหา แล้วหยิบกาแฟทั้งถาดมาเสิร์ฟเอง
เวฬุรีย์เดินไปหาเพ็ญโพยมที่กําลังเม้าท์ด่าตัวเองอยู่ ทําฟอร์มมาเสิร์ฟเหมือนไม่รู้อะไร แต่เพ็ญโพยมตกใจ เวฬุรีย์ก็เลยแกล้งตกใจไปด้วย ถือโอกาสเอากาแฟร้อนๆราดหัว เพ็ญโพยมทั้งร้อนทั้งโกรธ
เหตุการณ์โกลาหลก็เกิดขึ้นลุกลามเกินคาด
อ่านต่อตอนที่ 10