xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 13

ศจีเดินมาส่งระพีหน้าบ้าน เจือจันทร์เดินเข้ามา
 
“จะกลับแล้วเหรอลูก”
“ครับคุณแม่ วันนี้ต้องขอโทษที ที่ผมรบกวนเสียดึกเลย”
“ไม่เป็นไร แล้วทำไมไม่ค้างที่นี่เลยล่ะ นี่มันก็ดึกแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร ผมกลับได้ครับ”
“ศจีก็บอกเขาแล้ว แต่เขาเกรงใจแม่ค่ะ”
“แม่ว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า ต่อไปแม่จะอนุญาตให้พีมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปอยู่อพาร์ตเม้นท์นั่นแล้ว เพราะอีกไม่นานก็จะตบจะแต่งกัน มันไม่มีอะไรเสียหายแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ขนข้าวของมาได้เลยนะพี”
“มันจะดีเหรอครับคุณแม่ ผมกลัวคนเขาจะครหาเอาได้”
“ในเมื่อเรารู้ดีว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ก็ไม่ต้องไปสนใจใครหรอก จะช้าจะเร็วก็ต้องมา สู้มาเสียเลยจะดีกว่า เราจะได้อุ่นใจ ที่จะมีผู้ชายมาดูแลไงลูก”
“นะคะพี มาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะคะ พีจะได้ไม่ต้องลำบากไง”
“ก็ได้ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
“จ้ะๆ ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
ศจีหันไปสบตาแม่ยิ้มปลื้ม

บนเตียงนอน ภูมิกับรามนรี ต่างนอนดูเชิงกัน เสียงโทรศัพท์ภูมิดังขึ้น โทรศัพท์วางอยู่บนหัวเตียงฝั่งที่รามนรีนอน
“ช่วยหยิบมาให้ผมทีสิ”
“เรื่องไร อยากรับก็มาหยิบเอาเองสิ”
“อย่าลืมสัญญา ว่าคุณจะทำตามที่ผมบอก”
รามนรีย่นจมูกเสียอารมณ์ ก่อนลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ยื่นให้ ภูมิขโมยหอมแก้มรามนรีหนึ่งฟอด
“ขอบใจนะจ๊ะ”
“อ๊าย ไอ้บ้า”
รามนรีหันขวับมองภูมิ เอาเรื่อง ภูมิทำไม่รู้ไม่ชี้ มองหน้าจอ เห็นภาพเดือนฉาย ภูมิทำท่าจุ๊ปาก
“อย่าเอ็ดไป เดือนฉายโทรมา”
รามนรีถอนใจ ก่อนจำใจนอนลงไป หันหลังให้ภูมิ ภูมิเดินมาอีกมุมของห้อง กดรับสาย รามนรีนอนฟังอยู่
“สวัสดีครับเดือน รู้ไหม ว่าเราใจตรงกันแค่ไหน ผมกำลังคิดถึงคุณ กำลังจะกดโทรหาคุณอยู่พอดีเลย”
รามนรีส่ายหน้า รับไม่ได้
“เห็นเงียบหายไป นึกว่าภูมิลืมเดือนไปเสียแล้ว”
“ผมไม่ได้หายไปไหน แต่บังเอิญช่วงนี้งานยุ่งมาก เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ผมไม่เคยลืมที่จะรักเดือนเลยนะครับ”
รามนรีทำหน้าเพลีย และเลี่ยนมาก
“ขอบคุณมากค่ะ ว่าแต่ตอนนี้ ใจภูมิเป็นยังไง ยังต้องการให้เดือนกลับไปหาอยู่ไหมคะ”
“แน่นอนที่สุดครับ เพราะทุกลมหายใจเข้าออกของผม เฝ้าแต่นับวันรอให้คุณเดือนกลับมา ยิ่งกลับมาวันนี้ พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”
เดือนฉายยิ้มดีใจ
“มาเลยได้ไหม พรุ่งนี้ผมจะได้บินไปรับด้วยตัวเองเลย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดือนก็ยังยืนยันด้วยเหตุผลเดิมๆ หวังว่าภูมิจะเข้าใจ”
ภูมิยิ้มดีใจ
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจและตามใจเดือน เรียนให้จบแล้วค่อยกลับมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมก็รอเจ้าสาวของผมได้ ไม่ต้องห่วง”
รามนรีทนฟังเรื่องโกหกต่อไปไม่ไหว รีบเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ ภูมิมองตาม ก่อนคุยกับเดือนฉายต่อ

กลางคืน ประกายฟ้าอาบน้ำอาบท่า ล้างหน้าล้างตาจนเสร็จ ใส่ชุดนอน เดินเซ็งเข้ามา ประกันเอ่ยถาม
“เสี่ยกลับไปแล้วเหรอลูก”
“กลับไปแล้วค่ะ กว่าจะกลับได้ พล่ามอะไรนักหนาก็ไม่รู้ หนูเบื่อมาก”
“อดทนเข้าไว้ ขืนทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขาเรียกเอาเงินห้าล้านคืนล่ะแย่เลย”
“แล้วจะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่ หนูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะคะแม่”
“เอาน่า ก็บอกแล้วไงว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“ใช่ ถ้าทางคุณภูมิเขายังไม่มีท่าทีที่ชัดเจน เราก็ทำอะไรกับเสี่ยอุดรไม่ได้ ไม่งั้นก็จะชวด ฉลู ขาล เถาะกันไปหมด”
“แต่เท่าที่ดูจากวันนี้ เขาก็มาทางเราหมดเลยนะคะ โดยเฉพาะพี่ภูมิ”
“หมดที่ไหน เห็นไหม อีนังคุณหญิงย่า ดูท่ามันทันคนจะตาย แล้วมันก็ถือหางนังนั่นชัดเจนมาก”
“ใช่ เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่จริงๆ”
“อย่าไปกลัว เพราะฟ้าจะทำทุกทาง ให้คุณย่าเทใจมาให้เราให้ได้ งั้นพรุ่งนี้เราไปหาเขากันดีไหมคะแม่ หนูจะรีบไปเร่งให้เกิดปฏิกิริยาไวๆ จะได้ไสหัวอีตาเสี่ยขี้หลีนี่ไปให้ไกลๆ เสียที”
“อย่าใจร้อน รอดูคุณสราญเขาก่อนดีกว่านะลูก ว่าจะเอายังไง”
“ก็ได้ค่ะ ว่าแต่ตอนนี้ แม่กับพ่อช่วยกันอีตาเสี่ยนั่น อย่าให้มันมาบ่อยนะคะ”
“ก็ได้ พ่อจะพยายาม แต่ไม่ว่าจะยังไงเราก็ต้องเลี้ยงไข้เสี่ยเขาเอาไว้ก่อน เพราะดูท่าเขารักและจริงจังกับลูกมากเลยนะ”
“นั่นแหละค่ะ คือสิ่งที่หนูกลัว”
“จะกลัวทำไม ในเมื่อเราก็พูดกันไว้หมดแล้วนี่”
“แล้วเขาจะคิดเหมือนเราไหม ดูเขามโนไปไกลมาก หนูกลัวว่าวันข้างหน้า มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหนูเสียมากว่า”

พวงศรีหันไปสบตาประกัน

ภูมินอนบนเตียง มองรามนรีเดินเข้ามาในห้อง
 
“ไปหนัก หรือไปเบามาเนี่ย”
“ฉันไปอ้วกมา”
ภูมิตกใจ กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง มองรามนรีห่วงใย เอามือแตะหน้าผาก
“คุณเป็นอะไร อาเจียน เอ๊ะ หรือว่าคุณแพ้ท้อง แต่คุณยังไม่เคยต้องมือชายใด แล้วผมก็ไม่เคยทำอะไรคุณ แล้วจะท้องได้ยังไง”
“หยุดมโนได้แล้ว ที่พูดมาผิดหมดทุกข้อเพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“อ้าว แล้วอ้วกทำไม”
“ก็ฉันทุเรศ ฉันทนไม่ไหว ในความเฮงซวย ห่วยแตกของผู้ชายอย่างคุณที่หลอกได้แม้กระทั่งคนที่ตัวเองบอกว่ารักมากอย่างคุณเดือนฉาย”
“ผมไม่ได้หลอก ก็แค่บอกไม่หมด แล้วมันผิดตรงไหน”
“ก็เหตุผลเดิมๆ คือเห็นแก่ตัว ไปให้ไกลฉันเลย ฉันจะนอน”
รามนรีล้มตัวนอนลง เอาผ้าห่มคลุมตัวไว้ เปิดช่องเล็กแอบมองภูมิ
“ไปก็ได้วะ”
ภูมิเดินหน้าหงิกออกไป ก่อนนึกได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ นึกสนุก เดินถอยหลังกลับมาหารามนรี
“เมื่อกี้ ผมลืมบอกไป”
รามนรีเปิดหน้ามามองรำคาญ
“อะไรอีกล่ะ”
“ที่ผมจูบคุณไปเมื่อกี้ มันก็หอมดีนะ”
รามนรีมองตาถลน ยกเท้าจะถีบ ภูมิวิ่งปรู๊ดหนีไปได้ทัน รามนรีใจสั่น หายใจแรง ทั้งแค้นทั้งเขิน

คืนนั้น ไผท นั่งอ่านสำนวนคดี ก่อนพักสายตาด้วยการหันไปมองภาพเดือนฉายที่แอบอัดใส่กรอบมาวางไว้ที่หัวเตียง ครุ่นคิดหน้าเครียด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขามองหน้าจอ ยิ้มปลื้ม
“ว่าไงครับ ว่าที่มหาบัณทิต”
“คงจะยังเป็นว่าที่ไปอีกนาน ว่าแต่ไททำอะไรอยู่คะ”
“นั่งอ่านสำนวนคดีอยู่ครับ แล้ววันนี้มีอะไรให้รับใช้ครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เมื่อกี้เดือนเพิ่งโทรไปคุยกับภูมิมา”
“เหรอครับ แล้วเขาว่าไง”
“ก็เหมือนเดิมของเขานั่นแหละค่ะ อยากให้กลับไปหาเขา”
“แล้วทำไมไม่บอกเรื่องนั้นไปเลย เขาจะได้ดีใจ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ แล้วตอนนี้เรื่องที่ส่งไป เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา รอแค่ให้ผ่านการพิจารณาจากบอร์ดของมหาวิทยาลัย”
“ผมดีใจด้วยนะครับ”
“แล้วช่วงรอผลการพิจารณา เดือนอาจจะไม่ค่อยมีเวลาได้โทรมาหานะคะ เพราะเดือนจะต้องสะสางงานทุกอย่างที่นี่ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนกลับ”
“ไม่เป็นไร ตั้งใจทำในสิ่งที่รักเถอะนะครับ”
“แล้วเดือนก็ยังหวังว่า กลับมาคราวนี้ ภูมิเขาคงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
“ผมก็คิดอย่างนั้นครับ”
“งั้นวันนี้ โทรมารายงานคุณไทแค่นี้นะคะ ไม่งั้นคงนอนไม่หลับแน่เลยค่ะ”
ไผทยิ้มดีใจที่เดือนฉายให้ความสำคัญ จนเคลิ้ม
“ผมก็เหมือนกัน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคุณเดือน ผมนอนหลับฝันดีทุกทีเลย”
เดือนฉายยิ้มสดใส รู้สึกแปลกๆ ในใจ
“โห ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ คุณกำลังทำให้เดือนรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่นางฟ้าใจดี ที่คอยถือคฑาดาว แล้วเสกเป่ามนต์ให้ทุกคนมีความสุข”
“คงจะใช่ เพราะคุณเดือนเป็นนางฟ้าในใจผมจริงๆ”
เดือนฉายรู้สึกร้อนวูบวาบใจหวิวกับคำพูดของไผทอย่างบอกไม่ถูก ไผทนึกได้รีบกลบเกลื่อน
“โดยเฉพาะเจ้าภูมิ”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ นอนหลับฝันดี แล้วเจอกันที่เมืองไทยค่ะ”
“แล้วผมจะรอ นะครับ”
ไผทกับเดือนฉาย ต่างยิ้มปลื้ม

วิรัชนอนหลับอยู่บนเตียง กองแก้วนอนลืมตาโพลงกระสับกระส่ายไปมา ครุ่นคิดหน้าเครียดกับปัญหาที่รุมเร้า วิรัชลืมตามามอง
“อ้าว นี่คุณยังไม่หลับอีกเหรอ”
“อ๋อ ยังค่ะ”
“วันนี้ผมว่าคุณดูแปลกไป ดูเครียดๆ ยังไงก็ไม่รู้ คุณมีอะไรในใจรึเปล่า”
“ก็มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“มีเรื่องอะไร แล้วผมพอจะช่วยได้รึเปล่า”
“ที่ผ่านมาคุณก็ช่วยมาเยอะแล้ว แล้วนี่ที่บ้านก็ยังจะโทรมาเรื่องเงินอีก ฉันก็ยิ่งเครียดยิ่งอึดอัดใจ ไม่อยากรบกวนคุณ”
“โธ่ เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร แล้วเขาจะเอาเท่าไหร่”
กองแก้วแอบยิ้มตาโต ก่อนหันมาทำหน้าเศร้า
“เขาจะเอาตั้งแสนหนึ่ง แก้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปหามาให้ วันก่อนที่หายไปก็กะว่าจะไปกู้นอกระบบ แต่พอเห็นดอกเบี้ยก็ไม่ไหว มันมากเกินไป แก้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้หนี้เขาได้ แก้วก็เลยกลุ้มใจมาก”
“เอาเถอะ ผมจะช่วยคุณเอง คิดเสียว่า เป็นการตอบแทนความดีที่คุณมีให้ผม”
“จริงเหรอคะ”
“อย่าลืมสิว่าเราเป็นผัวเมียกัน มีอะไรที่พอช่วยได้ผมก็ยินดี คุณจะได้สบายใจไง”
“ขอบคุณมากนะคะ คุณพี่ ที่ยังรักและเมตตาแก้วเสมอ”
วิรัชยิ้มปลื้มกอดกองแก้วไว้ กองแก้วยิ้มสะใจตาวาว

ตอนเช้า ที่บ้านย่า ทุกคนมาออกกำลังกายกันตามปกติ รามนรีนำทีมบริหารร่างกาย มีภูมิคอยทำตามอยู่ข้างๆ ภัทรเดินเข้ามายืนมอง ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหยิกตัวเอง แล้วเพ่งมองไป
“เฮ้ย นี่เราไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไปจริงๆ ด้วย”
ภัทรยืนกอดอก มองภูมิด้วยความแปลกใจ นิดเดินถือถาดกาแฟมาเสิร์ฟให้ภัทร ซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“กาแฟค่ะ คุณภัทร”
ภัทรละสายตาจากหนังสือพิมพ์ หันไปมอง
“อ้าว แล้วทำไมไม่ไปออกกำลังกายกับเขาล่ะ ไม่อยากสุขภาพดีกับเขารึไง”
“ก็อยากอยู่ แต่หนูไม่ชอบค่ะ”
“ตกลงเธอไม่ชอบอะไร ไม่ชอบออกกำลังกาย หรือไม่ชอบคน”
“ไม่ชอบคนสิคะ หนูคิดเหมือนคุณสราญ หนูไม่ชอบคุณเดือนฉาย”
“อ้าว แล้วเขาไปทำอะไรให้เธอไม่ชอบ ในเมื่อเขาก็เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ แต่หนูรู้สึกไม่ถูกชะตา หนูว่าเขาดูแปลกๆ ตอนเขามา หนูพยายามโทรหาคุณสราญ แต่ก็ไม่เคยรับสายและไม่เคยโทรกลับมาเลยค่ะ”
“ช่วงนั้นเขาคงจะยุ่งเรื่องงาน ก็คงจะลืมโทรกลับน่ะ ยังไงก็ขอบใจที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ เธอไปทำงานต่อเถอะนะ”
“ค่ะ”

ภัทรครุ่นคิด

ที่โต๊ะอาหาร รามนรีกำลังตักอาหารให้ทุกคน ภัทรเดินเข้ามา
 
“อรุณสวัสดิ์ ครับคุณแม่”
รามนรียกมือไหว้นอบน้อม ภัทรยิ้มให้รับไหว้
“สวัสดีจ้ะ”
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“เมื่อกี้เห็นภูมิออกกำลังกาย พ่อนึกว่าฝันไป ไม่น่าเชื่อว่าจะตื่นมาทำอย่างนี้ได้”
ย่าอมยิ้ม
“เดี๋ยวนี้เขาตื่นมาทุกเช้า มาเฝ้าเมีย อุ้ยไม่ใช่ มาออกกำลังกายทุกวัน”
“เป็นเรื่องที่น่าดีใจ สำหรับพวกนอนกินบ้านกินเมืองอย่างเจ้าภูมิ”
“ไม่ใช่แค่เจ้าภูมิ ยังมีเมียแกอีกคน ชอบทำตัวเป็นคุณนายตื่นสายตลอด”
“ก็จริงของคุณแม่”
“มาพ่อภัทร มากินข้าวต้มกุ้ง ฝีมือลูกสะใภ้หน่อย อร่อยมากๆ”
“หือ พูดสะน้ำย่อยออกเลยนะครับคุณแม่”
“พ่อครับ มานั่งใกล้ๆ ผมดีกว่า เพราะที่ผ่านมาผมคิดถึงคุณพ่อมาก”
“นึกว่าจะปากหวานแต่กับสาวๆ กับพ่อก็ไม่เบาเหมือนกันนะ”
รามนรีถือถ้วยข้าวต้มมาเสิร์ฟให้ภัทร
“ขอบใจมากนะหนู แล้วทำไมไม่ให้แม่บ้านทำให้ เรามีตั้งหลายคนนี่นา ไม่น่าให้หนูเดือน เขาต้องมาลำบากทำเองเลย”
“พอดีหนูชอบทำอาหารอยู่แล้ว ก็เลยไม่รู้สึกว่าลำบากอะไรเลยค่ะ”
“แม่เดือนเขาไม่เหมือนเมียแก ที่ไม่เอางานบ้านงานเรือน กลัวแต่ผิวจะหมอง ผมจะเหม็น ออกไปกินแต่ของนอกบ้าน เคยรู้บ้างไหมว่ามันอันตรายจะตายไป”
“โห คุณย่าว่าแม่ผมซะเสียเลย”
“นี่ยังน้อยไป แม่แกยังมีคดีกับฉันอีกเยอะไม่อยากจะพูด เอา กินได้แล้วกิน พูดมาก เดี๋ยวจะพาลเสียอารมณ์ แล้วกินไม่อร่อย”
ทุกคนกินอาหารกันอย่างชื่นมื่น จากนั้นย่าก็ไปนั่งที่มุมโปรดคุยกับภัทร
“ดูคุณแม่จะปลาบปลื้มกับหลานสะใภ้คนนี้จัง”
“ก็แน่นอนสิ เขาดีกับฉันนี่”
“แต่เขาเพิ่งจะมา คุณแม่จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาดี”
“นี่เจ้าภัทร ฉันแก่ปูนนี้ พอจะดูออกว่าใครมาร้ายมาดี แล้วทีแกกับสราญ ก็เพิ่งจะรู้จักแม่ประกายฟ้าประกายดินนั่น แล้วทำไมทำเป็นรักเสียนักหนา ดูโอเว่อร์กว่าฉันอีก”
“คุณแม่ก็น่าจะรู้นิสัยคุณสราญ ถ้าลงได้พอใจใครก็ชอบจะเชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา”
“จะชอบจะเชียร์ใครก็ไม่ดูโหงวเฮ้งบ้างเลย โดยเฉพาะยัยตัวแม่กับตัวพ่อ ออร่าร้าย มันเยอะมาก ยัยแม่เขา ชื่ออะไรน้า พวง พวง อ๋อแม่พวงหรีด”
บุญปลูกกับเภา ขำพรืด
“เขาชื่อพวงศรีครับคุณแม่ คนอะไร จะไปชื่อพวงหรีด”
“งั้นเหรอ แต่จะว่าไป เขาเหมาะกับชื่อพวงหรีด เพราะไปที่ไหนก็เศร้าที่นั่น”
“เห็นคุณสราญบอกว่าจะมากราบขอโทษ และเรียนปรึกษาคุณแม่เรื่องนี้”
“ถ้ามันกล้าก็มาสิ แหม ที่เมื่อวานล่ะทำเป็นเก่งใส่ฉัน”
“เขาก็แค่ตกใจ แล้วก็โมโหน่ะครับคุณแม่ อย่าไปถือสาเขาเลย”
“แกก็เป็นอย่างนี้ เอาแต่ยอมเขา ไม่เคยมีปากมีเสียง ใจดีจนเมียเสียคน”
ภัทรหลบตาต่ำ
“อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องก็หัดพูดหัดว่าเขาบ้าง มันจะเป็นไรไป รึกลัวว่าดอกพิกุลมันจะร่วงออกจากปาก
หะ”
“โห คุณแม่ ผมก็แค่ไม่อยากจะให้มีเรื่องวุ่นวาย กลัวคุณแม่จะไม่สบายใจก็เท่านั้นเอง”
“แล้วดูสิเนี่ย สายโด่งขนาดนี้ เมียแกก็ยังไม่ยุรยาตรลงมาเลย ไม่รู้จะนอกกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน”
ภัทรยืนก้มหน้าฟังแม่บ่น เวลาเดียวกันนั้น สราญจามสนั่น ลั่นห้องนอน
“อุ้ยตาย นี่แสดงว่าต้องมีใครเสน่หา แล้วบ่นหาฉันแน่ๆ ดูสิ เลยนอนยังไม่ถึง 8 ชั่วโมงเลย เดี๋ยวก็ได้หน้าเหี่ยวกันพอดี”
สราญเซ็ง รีบลุกไปมองกระจก สอดส่ายสายตาหาริ้วรอยบนใบหน้า

รามนรีทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ สราญเคาะประตู รามนรีเงี่ยหูฟัง สราญเปิดประตูเดินเข้ามา
“มอร์นิ่งค่ะคุณลูก”
สราญมองเตียงที่ว่างเปล่า กวาดตามองห้องที่ดูสะอาดสะอ้าน ไม่รกรุงรังเหมือนเมื่อก่อน
“เอ๊ะนี่แค่สิบโมงเอง เจ้าภูมิมันตื่นแล้วเหรอ แล้วเขาหายไปไหนของเขานะ”
รามนรีเปิดประตูห้องน้ำออกมา ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ตอนนี้คุณภูมิ เขาไปทำงานแล้วค่ะ”
สราญมองรามนรีหัวจรดเท้า แววตาไม่เป็นมิตร
“แก ถือดียังไง แล้วใครอนุญาตให้คนอย่างแก มาเรียกฉันว่าแม่ หะ”
“ก็คุณภูมิ บอกมาให้เรียกอย่างนี้นี่คะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่อนุญาต ก็เรียกอย่างอื่นก็ได้ ว่าแต่จะเอาอะไรดีล่ะคะ คุณป้า อาเจ่เจ๊ อาซิ้ม อาซ้อหรือ อาอึ้ม ดีคะ”
“อี๊ แกห้ามเรียกฉันเลยนะ เด็กบ้าอะไร ทำเสียอารมณ์จริงๆ เดี๋ยว รอเดี๋ยว รอให้สมองฉันตื่นมากกว่านี้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
สราญสะบัดหน้าเดินกระแทกเท้าออกไป รามนรีทำหน้าทะเล้น ล้อเลียน
“อี๊ เด็กบ้าอะไร ทำเสียอารมณ์จริงๆ”
รามนรียิ้มสะใจ

วิรัชนั่งคุยกับผสาน และจอสอยู่ที่บ้าน
“ช่วงนี้มีแต่คนมาลา พ่อระพีก็เพิ่งกลับไป แล้วพ่อผสานยังจะกลับไปอีก อย่างนี้พ่อก็เหงาแย่”
“ที่ผมต้องกลับ เพราะจะต้องรีบไปตามหาหนูเล็กเขานั่นแหละครับคุณพ่อ”
“เออ ก็ดี ช่วยกันคนละไม้ละมือ จะได้เจอตัวยัยหนูเล็กเสียที”
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
จอสยิ้มร่า ยื่นห่อของฝากให้วิรัช
“นายหัวสั่งให้ผมซื้อเหนียวไก่เจ้าดัง มาให้คุณพ่อด้วยนะครับ”
“ขอบใจมากนะ เออ วันหมั้นของพ่อระพี ถ้าพ่อผสานไม่ติดธุระอะไร พ่อขอเชิญด้วยนะ”
“สำหรับคุณพ่อผมยินดีไปทุกที่ และทำทุกอย่างเลยครับ ยังไงก็ขอให้คุณพ่อ รักและเมตตาผมอย่างนี้ไปนานๆ อย่าทิ้งผมนะครับ”
“หือ เห็นใจกันมาขนาดนี้ จะให้ทิ้งกันได้ยังไง มันไม่ใช่นิสัยของผมอยู่แล้ว”
“สมกับที่นายหัวของผม รักและเทิดทูนคุณพ่อจริงๆ”
“แล้วนี่น้าแก้วไปไหนล่ะครับ ตั้งแต่มา ผมยังไม่เห็นเลย”
“เห็นขับรถออกไปซื้อของ เดี๋ยวคงจะมา”
“เอ่อ คุณพ่อครับ เมื่อวันก่อนผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ผมจำได้ว่าเป็นคนแถวนี้”
“แล้วเขาชื่ออะไร เผื่อพ่อจะรู้จัก”
“ผมแค่เคยเห็น แต่ไม่รู้ชื่อ รู้แต่ว่าเขาไปมีชู้กับเด็กหนุ่มในโรงแรม”

“เหรอ เฮ้อ คนเราสมัยนี้ หาความซื่อสัตย์ให้กันไม่ได้เลย ว่าแต่พ่อผสานไปทำไมที่โรงแรม ถึงได้ไปเห็นเขา”

ผสานตกใจหน้าเหวอ ไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าวิรัชจะถาม จอสชิงตอบ
 
“ลูกค้านัดนายหัวไปคุยกันเรื่องยางพารา ที่นั่นครับ”
“ใช่ครับใช่ ลูกค้าจะซื้อยาง แถมยังสนใจปาล์มน้ำมันอีกด้วยนะครับ”
“เออ ดีๆ ได้สองเด้งเลย”
“ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน คุณพ่อจะได้พักผ่อน แล้วถ้าคุณพ่อได้ข่าวหนูเล็กก็อย่าลืมโทรหาผมบ้างนะครับ”
“แน่นอน เพราะว่าที่ลูกเขยพ่อ ก็มีแต่พ่อผสานนี่แหละ”
ผสานทำเป็นดีใจ มองซาบซึ้ง ก่อนโผเข้าไปกอด
“ผมก็รักคุณพ่อเหมือนพ่อแท้ๆ เหมือนกันครับ”
จอสยืนกอดอกมอง พึมพำเบาๆ
“โห นายหัวเรา ฝีมือการแสดงแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ สามารถเข้าชิงตุ๊กตาทอง ได้ทุกเวทีเลยนิ”

สราญนั่งหน้าหงิก หายใจแรงด้วยความโมโห ภัทรเดินเข้ามา
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ”
“ก็อีนังเด็กนั่นน่ะสิคะ”
“ทำไม เขามาหาเรื่องอะไรคุณ”
“เปล่า ฉันไปหาตาภูมิ แล้วไปเจอแม่นั่นอยู่ในห้อง”
“ก็เขาเป็นผัวเมียกัน มันแปลกตรงไหน”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ยอมรับ และไม่ต้องการให้แม่นั่น มาอยู่ในห้องลูกฉัน มาอยู่ร่วมบ้านกับฉันนี่”
“แล้วนาทีนี้มันจะเป็นไปได้ไหม แล้วเมื่อเช้าผมก็ลองไปหยั่งเชิงกับคุณแม่”
“แล้วเป็นไง คุณแม่ว่ายังไงคุณ”
“เขาก็รักของเขา คุณแม่รักเด็กคนนั้นมาก แถมยังยืนยันว่าเขาเป็นคนดี และดีกว่าเด็กของคุณ”
สราญยิ่งโมโห
“หือ อีนังเด็กนี่ มันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ นี่สงสัยมันต้องใช้จริตมารยา หรือไม่ก็ต้องใช้คุณไสย มาใส่คุณแม่แน่ๆ ถึงได้รักได้หลงมันได้ขนาดนั้น”
“หือ ช่างคิดนะคุณเนี่ย”
“แต่ไม่เป็นไร ยังไง ฉันก็ต้องหาวิธีจัดการกับมันให้ได้”
“ก็แล้วแต่คุณละ ผมไปล่ะ”
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ก็ไปคุยกับคนที่โทรมาเมื่อวานไง คนที่ช่วยไปลงทุนที่ลาวน่ะ”
“โอ๊ย ดีค่ะดี แต่วันนี้ฉันไม่ว่าง คุณรีบไปคุยกับเขาได้เลย เผื่อมีลู่ทางทำธุรกิจที่นั่น”
ภัทรแอบยิ้มดีใจ รีบเดินออกไป กลัวสราญเปลี่ยนใจ

ไผทนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ กดหาข้อมูล ภูมิเปิดประตู เดินยิ้มกริ่มเข้ามา
“ฉันล่ะเชื่อแกเลย เมื่อวานเจอแต่เรื่องหนักๆ แรงๆ ยังจะหน้าระรื่นอยู่ได้”
“ไม่ว่าเรื่องอะไร หนักแค่ไหน ก็ทำอะไรคนแข็งแกร่งอย่างฉันไม่ได้หรอก”
“เออ เอ็งเก่ง”
ภูมิเดินปรี่เข้ามาโอบไหล่ไผท
“เมื่อวาน หลังจากที่แม่ฉันอาละวาดจนวงแตก จากนั้นเราก็เคลียร์กัน แม่ฉันเข้าใจ แม่สั่งให้พาครอบครัวประกายฟ้าไปดินเนอร์ปลอบใจ ฉันเลยได้ไปเดทกับประกายฟ้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาโคตรน่ารักเลยว่ะ สวยใส เป็นกุลสตรีดีมากๆ”
“อืม แล้วไง”
“พอกลับมา ฉันโดนยัยคุณยาย ญาติผู้ใหญ่ของแก ไล่ตีจนหน้าแข้งบวมเป่ง”
“คงไปทำอะไรกวนทีน เขาอีกล่ะสิ”
“ฉันกวนทีนอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่จูบเขาเบาๆ”
ไผทมองภูมิหน้าเหวอ
“ก็อยากกวนประสาทฉันดีนักนี่ ก็เลยต้องสั่งสอนหน่อย”
“โห ทำกับเขาขนาดนี้ เขาไม่ตีแกยับเลยเหรอวะ”
ไผทรีบลุกเดินไปดูตามหน้าเนื้อตัว หน้าตาภูมิ
“ทีแรก ฉันก็เสียวอยู่เหมือนกันเพราะนางก็ฮึ่มใส่ แต่พอดีเดือนฉายเขาโทรเข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้ เลยรอดตัวไป ได้จูบฟรี คริคริ”
“ก็อย่าย่ามใจ ระวังตัวไว้ให้ดี ระวังจะน่วมฟรีได้เหมือนกัน และคราวนี้ฉันรับประกันได้ ว่าหน้าแข้งแกจะไม่แค่บวมเป่งอีกต่อไป เพราะมันจะหักเลย”
ภูมิไม่สนใจ ยิ้มหน้ามั่น
“ฉันอยู่กับยัยนี่มาตั้งนาน ฉันเริ่มจะรู้ทางแล้ว ว่าจะปราบพยศเขายังไง”
“หยุดเรื่องไร้สาระ แล้วกลับไปที่ห้องทำงานของแก แล้วห้ามดูเว็บโป๊เด็ดขาด”
“เฮ้ย อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวใครมาได้ยินเขา ฉันอายเขาตายเลย”
“คนอย่างแกมันอย่างหนา ไม่มีปัญหาเรื่องอายอยู่แล้วนี่ ขอร้อง กรุณาตรวจดูเอกสาร แล้วก็จรดปากกาเซ็น เหมียวเขาจะได้เอามาให้ฉันเสียที”
“ก็ได้ หือ ผู้ชายอะไรปากจัดมาก หรือว่าแกเป็นตุ๊ดวะ ถึงว่า ไม่ยอมหาเมียกับเขาเสียที แม้แต่แฟนก็ไม่มีอีก ถ้าแกจะเป็นก็ตามใจ แต่ห้ามคิดอะไรเกินเลยกับฉันโดยเด็ดขาด เพราะฉัน ไม่มีวันสับสนแน่”
ภูมิยักคิ้วหลิ่วตาใส่ไผท ไผทมองหมั่นไส้ หยิบทิชชู่ปาใส่

กองแก้วแกะห่อราดหน้าทะเลใส่จานให้วิรัช โทรศัพท์ของเธอวางอยู่ที่โต๊ะอาหารอีกมุม
“เมื่อกี้พ่อผสานเขามา เขายังถามหาคุณอยู่เลย”
กองแก้วมือไม้สั่น หันขวับไปมอง
“เหรอคะ แล้วเขาพูดอะไรไหม”
“พูดอะไร หมายความว่าไง”
“เปล่าๆ เห็นเขาถามหา ฉันก็นึกว่ามีอะไร แล้วเขามาทำไมอีกล่ะคะ”
“เขามาลากลับกรุงเทพ”
กองแก้วถอนใจโล่งอก ยิ้มออก
“เออ แต่เขาเล่าให้ฟัง ว่าไปเจอคนแถวนี้ แอบไปมีชู้กับผู้ชายในโรงแรม”
กองแก้วหุบยิ้มหน้าซีด มือไม้อ่อนหมดแรง พยายามทำใจดีสู้เสือ
“อ๋อค่ะ แล้วเขาบอกไหม ว่าใคร”
“เขาแค่เคยเห็นหน้า แต่ดันไม่รู้จักชื่อ เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร”
กองแก้วเอามือกุมหัวใจโล่งอก

ภูมิเดินสบายอารมณ์เข้ามานั่งที่โต๊ะทำงาน มองหน้าจอคอมพิวเตอร์เปรี้ยวปากอยากจะดูเว็บโป๊ ก่อนนั่งทำสมาธิหักห้ามใจ รุ้งใส่ชุดสวยรัดรูปสุดเซ็กซี่ โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง เคาะประตู ภูมิเห็นรุ้งถือแฟ้มเอกสาร เดินยิ้มร่าเข้ามาหา
“เอกสารเสนอเซ็นค่ะบอส”
ภูมิมองแฟ้มเอกสาร หน้าเหวอ
“หะ ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ที่ผ่านมา บอสแค่มาแล้วก็ไป ไม่ยอมเซ็นอะไรเลยนี่คะ รุ้งโทรตามก็บอกไม่ว่างตลอด”
“เออ ก็ได้ เดี๋ยววันนี้ผมจะเซ็นให้หมดเลย”
“ดีมากเลยค่ะบอส”
รุ้งส่งสายตาหวานเยิ้ม จงใจเทคแคร์ดูแลภูมิอย่างใกล้ชิด ภูมิพยายามหักห้ามใจ ไม่คิดอกุศลกับรุ้ง
“สมภารต้องไม่กินไก่วัด”
“บอสพูดอะไร ไก่อะไรเหรอคะ รุ้งได้ยินไม่ถนัดน่ะค่ะ”
“เปล่าครับเปล่า ผมก็แค่บ่นเบาๆ ว่าอยากกินซุปไก่ น่ะครับ”
ภูมิยิ้มแหย รุ้งดีใจ รีบเอาใจ
“เหรอคะ งั้นบอสรอแป๊บ เดี๋ยวรุ้งจะไปซื้อซุปไก่มาให้บอสนะคะ”

รุ้งรีบเดินออกไป

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 13 (ต่อ)

วิรัชนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน ดูไปบ่นไป
 
“คนเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรกันไป ทำไมผัวเมียไม่ค่อยซื่อสัตย์ต่อกันเลย เคยเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้มันมาเกิดขึ้นแถวนี้ ดูเขาไว้ ฉันหวังว่าแม่แก้ว คงจะไม่มีความคิดชั่วร้ายแบบนี้นะ”
กองแก้วยิ้มแหย รีบยืนยันหนักแน่น
“โอ๊ย อยู่กันมาตั้งขนาดนี้ คุณไว้ใจและหายห่วงได้เลย แก้วไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์กองแก้วดัง เธอหยิบไปดูหน้าจอ เห็นผสานโทรมา ตกใจ
“ใครโทรมาเหรอคุณ”
“ที่รีสอร์ทน่ะค่ะ ว่าไงจ๊ะ”
“สงสัยกำลังเล่นละครตบตาคนแก่ อยู่ล่ะสิ”
“ใช่ค่ะ”
“ออกมาพบผม ภายในยี่สิบนาที”
“อ๋อ บัญชีมีปัญหาอีกแล้วเหรอ เออ ได้ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
กองแก้วรีบกดวางสาย
“คุณคะ ฉันต้องรีบไปที่รีสอร์ท ฝ่ายบัญชีมีปัญหานิดหน่อยค่ะ”
“ให้ผมไปด้วยไหม จะได้ไปช่วยดู”
“ไม่ต้อง คุณพักผ่อนเถอะนะคะ ฉันจะได้รีบไปรีบมา”
กองแก้วรีบวิ่งหน้าตั้งออกไป

รามนรีทำความสะอาดบ้านภูมิ สราญเดินนวยนาดลงมาจากบันได มองหน้ารามนรี
“ฉันกำลังจะไปคุยกับคุณย่า เรื่องหล่อน”
“ค่ะ”
“และถ้าคุยกันรู้เรื่องและตกลงกันได้”
“ค่ะ”
“ก็ถึงเวลา ที่ตัวปลอมอย่างแก ต้องไปเตรียมเก็บข้าวของ แล้วก็ไสหัวไป ถูกต้องไหมคะ”
“ค่ะ”
“เพราะที่ผ่านมาฉันสั่งให้ลูกสะใภ้ตัวจริงอย่างหนูประกายฟ้า นิ่งเงียบ เพื่อรอเสียบตำแหน่งนี้ มันหมดเวลาของเห็บหมาอย่างหล่อน”
“ค่ะ”
“นี่หล่อนพูดเป็นอย่างเดียวรึไง หะ”
“เปล่าค่ะ แต่หนูว่าคุณนาย ก็ตองระวังเอาไว้บ้างนะคะ”
“ระวังอะไร”
“ก็ระวังคุณประกายฟ้า จะกลายเป็นเห็บหมาตัวใหญ่กว่าหนู น่ะสิคะ”
สราญโมโหจนตัวสั่น ชี้หน้ารามนรี
“แกมาว่าหนูประกายฟ้าเป็นเห็บหมาตัวใหญ่ได้ยังไง ฉันไม่ยอม”
รามนรีกับสราญ มองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ภูมิใช้ความพยายามอย่างหนัก นั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารกองพะเนินจนหมด
“เฮ้อ หมดเสียที ดูสิปวดมือไปหมดเลย”
ภูมิหมดแรงหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ บีบมือตัวเองไปมา มองไปที่โทรศัพท์ ก่อนกดสายภายในโทรออก

ภัทรแต่งตัวหล่อ ยืนมองกระจก สำรวจความเรียบร้อย หยิบน้ำหอมขึ้นมาฉีดที่ซอกคอ ก่อนมองกระจกยิ้มร่าอารมณ์ดี เดินออกไปที่ประตู หุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินเสียงสราญบ่นฉอดๆ โดยมีรามนรียืนนิ่งฟังอยู่
“มาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาต้องรู้เงาหัวตัวเองด้วย ไม่ใช่มาตีฝีปากเถียงฉันฉอดๆ อย่างนี้”
“หนูไม่ได้เถียง และยังไม่ได้พูดอะไรมากมายเลยนะคะ”
“แต่แกว่าหนูฟ้า ว่าที่สะใภ้คนดีของฉัน ทั้งๆ ที่แกไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา”
“แต่หนูพูดในฐานะภรรยาคุณภูมิ และหวังดีกับคนที่นี่นะคะ”
“แต่ฉันไม่ยอมรับ”
“แต่คุณนายต้องยอมรับความจริง ว่าคุณภูมิได้แต่งงานกับเดือนฉายแล้ว คุณนายเป็นผู้ใหญ่ ต้องให้ความเป็นธรรม และรับฟังอย่างมีเหตุผลด้วยค่ะ”
“ฉันไม่มีหน้าที่รับฟังใคร เพราะคนที่นี่มีหน้าที่ต้องรับฟังฉันคนเดียวเท่านั้น”
ภัทรเดินเข้ามา
“เอะอะอะไรกันคุณ”
“เอะอะอะไร ฉันกำลังสั่งสอนเด็กคนนี้ ให้รู้จักมีสัมมาคารวะต่างหาก”
“หนู มีอะไรก็ไปทำเถอะนะ เดี๋ยวทางนี้พ่อจัดการเอง”
สราญมองภัทรตาเขียวกัดกรามกรอด
“พ่องั้นเหรอ”

รามนรีสบตาภัทรแล้วรีบออกไป สราญกำมือแน่น หายใจแรงระงับอารมณ์ ก่อนหันมามองหน้าภัทรเอาเรื่อง

ภูมินั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เสียงเคาะประตูดัง เหมียวเปิดประตูเข้ามา
 
“มีอะไรให้รับใช้คะคุณภูมิ”
“ช่วยเอาเอกสารทั้งหมดนี่ไปให้เจ้านายไผทของเธอหน่อย เห็นมันบ่นอยากจะได้เสียเหลือเกิน”
“ค่ะใช่ ก็คุณไผทแกรอตรวจเอกสารมานานมากแล้วนี่คะ”
“หือ สมเป็นเลขา เหน็บเก่งเหมือนเจ้านายเลย”
เหมียวอมยิ้มมองภูมิ เสียงเคาะประตูดัง รุ้งเปิดประตู ถือกล่องซุปไก่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายื่นให้
“ซุปไก่มาแล้วค่ะคุณภูมิ ต้องขอโทษนะคะ ที่ให้รอนาน”
รุ้งหันไปเห็นเหมียว มองระแวง
“คุณภูมิให้เหมียวเข้ามาเหรอคะ”
เหมียวแอบเบ้ปากใส่
“ใช่ ผมเรียกให้มาเอาเอกสารไปให้เจ้านายเขาน่ะสิ”
“โถๆ คุณภูมิ ไม่เห็นต้องลำบากเลยนี่คะ รอรุ้งก็ได้ เดี๋ยวรุ้งจัดการให้เองค่ะ”
“ขอบใจมากนะ แต่บางที ผมก็อยากจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง”
รุ้งหลบตาหน้าเจื่อน
“งั้นเหมียวขอตัวก่อนนะคะคุณภูมิ”
“ขอบใจมากนะเหมียว”
เหมียวยิ้มให้ ก่อนเข้าไปหอบแฟ้ม แล้วเดินออกไป รุ้งยิ้มร่า อ้าปากจะพูดเพื่อเอาใจภูมิ แต่ไม่ทัน
“ขอบใจมากนะรุ้ง คุณเพิ่งมาเหนื่อยๆ กลับไปพักเถอะ ผมมีงานที่ต้องทำต่อ”
“ค่ะ”
รุ้งเดินเซ็งออกไป ภูมินั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม เพ้อถึงประกายฟ้า ก่อนมองไปที่มือถือ

สราญดึงหูภัทรเดินเข้ามา ก่อนเหวี่ยงไปที่โซฟา ภัทรกุมหูร้องโอดโอย
“โอ๊ย หูผมขาดแล้วมั้งเนี่ย”
“สมน้ำหน้า ทีเมื่อกี้ทำเป็นซ่า กล้าทำให้ฉันเสียพาวเวอร์ต่อหน้านังเด็กนั่น”
“คุณก็อย่าเยอะนักสิ รู้ตัวบ้างไหม ว่าคุณกำลังใช้พาวเวอร์พร่ำเพรื่อจนเกินไป มันเยอะเสียจนจะไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้คุณแล้ว”
“แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อฉันทำเพื่อปกป้องลูกฉัน ปกป้องครอบครัวเรา”
“ผมรู้ แต่คุณก็ควรจะทำอะไร ให้มันอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และมีเหตุผล”
“ทุกอย่างที่ฉันทำ ก็มีเหตุผลทั้งนั้น”
“แต่มันเป็นเหตุผลของคุณคนเดียว ไม่ใช่ของคนอื่น ผมอยากให้คุณลองหัดฟังคนอื่นเขาบ้าง ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วก็เลิกเอาแต่ใจตัวเองเสียที”
“ก็ฉันกำลังฟังคุณอยู่นี่ไง”
“คุณฟังแล้วต้องคิดตามไปด้วย ไม่ใช่ฟังแล้วผ่านเลยไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วผมกับลูก ก็จะไม่กล้าเข้าใกล้คุณ เราจะยิ่งห่างกันไปทุกที”
“อยากห่างก็ไปสิ ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ทุกคนทำตามที่ฉันสั่งก็จบ”
“สุดท้าย คุณก็ยังเป็นคุณ ไม่แม้แต่จะคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง คอยแต่จะให้คนอื่นเป็นฝ่ายปรับเข้าหาคุณอย่างเดียว”
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”
ภัทรมองสราญเหนื่อยหน่าย
“เดี๋ยวนี้คุณใช้น้ำหอมด้วยเหรอ”
ภัทรอึกอัก รีบกลบเกลื่อน
“อ้าว ผมก็ใส่ของผมเป็นประจำ แต่คุณไม่เคยสนใจเอง”
“อ๋อเหรอ แต่ก็ดี ออกไปคุยงานใส่ไว้บ้างก็ดี จะได้ดูมีรสนิยม แล้วนี่จะกลับกี่โมง”
“คงจะเย็นๆ แหละ แต่ถ้าเสร็จเร็วกว่านั้นผมจะรีบกลับละกัน”
“ได้ งั้นก็รีบไปเถอะ ฉันก็จะไปหาคุณแม่เหมือนกัน”
ภัทร์แอบถอนใจโล่งอก ก่อนหันไปมองสราญ วางสีหน้านิ่งและจริงจัง
“คุยกับคุณแม่ก็ใจเย็นๆ ละกัน ยังไงก็นึกถึงมรดกของเขาเข้าไว้ ผมว่ามันเป็นเหตุผลเดียว ที่จะทำไห้คุณอดทนอดกลั้นได้ดีที่สุด”
สราญพยักหน้า ภัทรรีบชิ่งออกไป

ประกายฟ้ายังนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เธอหงุดหงิดรำคาญ
“อ๊าย คนจะนอน จะโทรมาทำไมเนี่ย”
ประกายฟ้าเอาผ้าคลุมโปงไว้ เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ เธอเปิดผ้าห่มพรวดออกมา
“หรือว่า เป็นพี่ภูมิ”
ประกายฟ้ารีบคว้าโทรศัพท์มาดู เห็นภาพภูมิโชว์ที่หน้าจอ รีบกดรับมือไม้สั่น
“โห นึกว่าจะไม่ยอมรับสายพี่เสียแล้ว”
“ต้องขอโทษทีนะคะ บังเอิญฟ้าไหว้พระสวดมนต์ และกำลังทำสมาธิอยู่ ก็เลยรับช้าไปนิดน่ะค่ะ”
“น้องฟ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ หายากนะ ผู้หญิงยุคใหม่ที่ใฝ่ทางธรรมขนาดนี้”
“ก็นิดนึงน่ะค่ะ”
“บ่ายนี้ว่างไหม พี่อยากเจอ”
ประกายฟ้าดีใจมาก แต่วางฟอร์มหยิ่ง
“เหรอคะ”
“รู้ไหม ว่าพี่คิดถึงน้องฟ้ามากแค่ไหน ว่าแต่ฟ้าจะมีเวลาว่างพอที่จะออกมาพบพี่ได้ไหม”
“สำหรับพี่ภูมิ ฟ้าว่างเสมอค่ะ”
“งั้นเรามาเจอกันนะ”
“ด้วยความยินดี แล้วเจอกันค่ะ”
“ให้พี่ไปรับที่บ้านดีไหม”
“อย่าดีกว่าค่ะ ฟ้ากลัวพ่อจะดุเอา ให้เขาเป็นคนไปส่งเองดีกว่าค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ แล้วเจอกันนะครับ”
ภูมิกดวางสาย ประกายฟ้าจูบโทรศัพท์ด้วยความดีใจ

เหมียวเปิดประตูเดินออกมาจากห้องทำงานไผท รุ้งยืนกอดอกดักรออยู่
“มีอะไรเหรอ”
“เปล่า ฉันก็แค่ข้องใจ ว่าเธอเข้าไปหาคุณภูมิทำไม ตอนที่ฉันไม่อยู่”
“นึกว่าเรื่องอะไร”
“ฉันถาม ว่าเธอไปทำไม หรือว่าเธอจะลักไก่ฉัน จะแย่งคุณภูมิกับฉันใช่ไหม”
“นี่รุ้ง ฉันขอร้องให้เธอคิดก่อนพูด เพราะฉันไม่ใช่คนแบบเธอ”
“ทำไม คนอย่างฉันมันเป็นยังไง”
“ก็ใช้ไม่ได้น่ะสิ แล้วฉันก็มาทำงานหาเงินไม่ได้มาหาผัว หรือคิดจะจับคนรวย”
“นี่เธอกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
“มากกว่านี้ก็กล้า และฉันขอเตือนให้เธอเลิกมโนเรื่องคุณภูมิได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะยังไง มันก็เป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้เขามีเมียแล้ว เธอยิ่งต้องเลิกเพ้อเจ้อ แล้วเอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้มีค่ามีราคาจะดีกว่าไหม”
“อย่ามาชักใบให้เรือเสีย เพราะฉันจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ แน่”
“งั้นก็ตามใจ แต่อย่ามามองฉันในแง่ร้ายอีก ฉันไม่ชอบ”
เหมียวเดินออกไป รุ้งกำมือแน่นระงับอารมณ์

ประกันกับพวงศรี นั่งดูทีวีอยู่ ประกายฟ้าวิ่งร้องเสียงหลงเข้ามาด้วยความดีใจ
“แม่ พ่อ เหยื่อติดเบ็ดของเราเรียบร้อยแล้วนะคะ”
สะอิ้งยืนหลบแอบฟังอยู่อีกมุม
“เหยื่ออะไร เบ็ดอะไร ไหนเล่าให้แม่ฟังสิ”
“ก็พี่ภูมินะสิคะ พี่ภูมิโทรมานัดฟ้าแล้ว”
สะอิ้งครุ่นคิด ก่อนนิ่งฟังเขาคุยกันต่อ พวงศรีหน้าตื่นยิ้มดีใจ
“เหรอ ทำไมมันเร็วดีจัง”
“ก็นั่นน่ะสิคะ”
ประกันกวาดตามองไปทั่วบริเวณ
“เบาๆ”
“เบาทำไม มีอะไรเหรอคุณ”
“คุณลืมไปแล้วรึไง ว่าแม่สะอิ้งเป็นคนของเสี่ยอุดรเขา เดี๋ยวเขาเอาเรื่องนี้ไปรายงานเจ้านาย เราก็เจ๊งสิ”
“โธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร ฉันถามเขามาหมดแล้ว แม่สะอิ้งเขามาจากบริษัทแม่บ้าน ไม่ได้เป็นคนของเสี่ยอุดรซะหน่อย”
“คุณแน่ใจ”
“มือระดับนี้ แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีก”
สะอิ้งยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนรีบผละออกไป
“เดี๋ยวหนูรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะแม่”
“ไปเลยลูก ไปเลย แต่งตัวให้สวยสุดๆ ไปเลยนะ”
ประกายฟ้าเดินเข้ามาหอมแก้มแม่ พวงศรียิ้มปลื้ม
“เกิดเป็นคนสวยเลือกได้ ก็ดีอย่างนี้ จริงไหมคุณ”
“ก็ลูกเขาได้เชื้อผมไปเยอะนี่ ว่าแต่ นี่คงเป็นความรู้สึกลึกๆ ของคนขี้เหร่อย่างคุณล่ะสิ”
“ปากเสียมาก”

พวงศรีคว้าหมอนอิงมาฟาดใส่ประกันไม่ยั้ง

ผสานปรับเบาะหน้าเอนนอนอยู่ในรถ ที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เพื่อรอกองแก้ว
 
จอสมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นกองแก้วกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ตรงเข้ามา
“เหยื่อมาแล้วครับนายหัว”
“เหรอ เออ ดี เชื่องดี”
“เชื่องดี หรือหนีตาย เพราะกลัวผัวจับได้ว่ามีชู้กันแน่ครับนายหัว”
“มันชัวร์อยู่แล้ว ไอ้จอส”
ผสานกับจอส หันไปสบตา ก่อนหัวเราะร่าชอบใจ ผสานปรับเบาะขึ้นมานั่ง มองกองแก้ว ยิ้มร้าย

ย่านั่งถักนิตติ้งอยู่กับบุญปลูกและเภา
“ลายนี่มันสวยดี แต่ถักยากชะมัด แต่ไม่เป็นไร ใช้ความคิดเยอะๆ ฉันจะได้ไม่เป็นอัลไซเมอร์”
“จริงค่ะคุณท่าน”
“แต่เภาว่า แค่คิดเรื่องคุณภูมิกับคุณสราญ คุณท่านก็ไม่มีสิทธิ์เป็นอัลไซเมอร์แล้วล่ะค่ะ”
“เออ ก็เป็นไปได้นะ”
บุญปลูกกับเภาเห็นสราญเดินมากับนิด
“หือ อายุยืนจริงๆ เป็นหมื่นปี หมื่นๆ ปีมาก พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย”
ย่าละสายตาจากการถักนิตติ้ง หันไปมอง เห็นสราญยิ้มร่าเดินเข้ามา ยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณแม่ขา”
“ว่าไง วันนี้ลมอะไรหอบหล่อนมาถึงที่นี่ได้ล่ะแม่สราญ”
“หือ ไม่ต้องรอลมหอบหนูก็ต้องมาอยู่แล้วค่ะ เพราะวันนี้หนูอยากจะมากราบขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณแม่ และจะมาเรียนปรึกษาเรื่องตาภูมิด้วยค่ะ”
สราญปรายตามองเภากับบุญปลูก
“เหรอ งั้นก็เข้าไปคุยข้างในก็แล้วกัน”
ย่าวางนิตติ้ง เดินนำสราญออกไป บุญปลูกหันไปสบตาเภา ก่อนหันไปมองหน้านิด
“คอยดูเถอะ วันนี้คุณเดือนฉายจะต้องชะตาขาด และถูกเฉดหัวแน่ๆ”
รามนรีเดินเข้ามา
“เหรอ แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดล่ะ”
นิดมองรามนรี ตกใจ เภาไม่พอใจ
“งั้นแกกับฉัน มาพนันตบปากเลาะฟันกันดีไหมล่ะนังนิด”
“เรื่องอะไร ฉันไม่เล่นการพนัน”
“มุสามากเลยนังนี่ แล้วที่แกเล่นหวยใต้ดินอยู่ทุกงวด เขาไม่ได้เรียกว่าการพนันหรอกเหรอ”
“ไม่ เพราะเขาเรียกว่าหวยใต้ดิน ไม่เห็นมีคำว่าพนันตรงไหนเลย”
“อืม พูดหมูไปหมา พูดกาไปไก่ แล้วจะรู้เรื่องกันไหมเนี่ย หะ”
“ก็อย่ามาพูดกับฉันสิ”
นิดเดินกระแทกเท้า เชิดหน้าออกไป เภาโมโห
“ดูสิคะคุณเดือน ดูมัน มันน่าไหมล่ะ หือ อีคางคกขึ้นวอ”
“สมแล้วที่โดนตบ”
บุญปลูกระอา

ผสานกับจอส ยืนรอ เห็นกองแก้วขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด กองแก้วเดินเข้ามาหน้าตึง
“คุณทำอย่างนี้กับฉันทำไม คุณผสาน”
“ผมทำอะไร”
“คุณไปพูดเรื่องมีชู้กับคุณวิรัชทำไม”
“ผมพูด แล้วผมบอกเขาเหรอว่าเป็นคุณ”
“บอกหรือไม่ ก็ไม่น่าจะพูด คุณผสาน ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนอย่างนี้ ฉันมองคนผิดไป และมองคุณดีเกินไปจริงๆ”
“เราก็คงจะไม่ต่างกันนักหรอกน่า ผมว่าบางที คุณน้าอาจจะดีน้อยกว่าผมก็ได้”
“ตอนนี้คุณถือไพ่เหนือกว่าฉัน มีอะไรจะให้ทำก็รีบว่ามา”
“นี่คุณน้าอย่ามองผมเป็นตัวร้ายขนาดนั้น แล้วการที่เราจะทำงานด้วยกัน เราต้องเปิดใจและไว้ใจกัน เพราะต่อไปนี้เราจะมีแต่เรื่องผลประโยชน์ และผมก็รู้ว่าคุณน้าต้องการอะไร”
“คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“คุณน้ากำลังต้องการเงิน ต้องการเป็นอิสระจากตาแก่นั่นใช่ไหม”
กองแก้วหันขวับมองผสาน
“ผมรู้ทันหรอกน่า อย่ามาโกหกกันเลย”
“คุณผสาน ฉันขอร้อง คุณอย่าทำอย่างนี้กับฉันได้ไหม ฉันจะเป็นโรคประสาทตายอยู่แล้วเนี่ย จะให้ทำอะไรก็รีบบอกมาเสียที”
“แหม ผมก็แค่อยากจะลองใจดู ว่าคุณน้าจะยังรักษาสัญญากับผมอยู่ไหม และต่อไปนี้ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณน้าไม่สบายใจอีก จะได้ตั้งใจทำงาน”
“ขอบใจมากนะ และต่อไปขอให้เชื่อใจ ฉันจะตั้งใจทำงานให้คุณเต็มที่”
ผสานกับกองแก้ว พยักหน้ายิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

ย่านั่งสง่าหน้าเชิดในห้องรับแขก สราญมองยิ้มแหย หน้าจ๋อย
“มีอะไรจะปรึกษา ก็ว่ามาสิ”
“ค่ะ ค่ะ ก็เรื่องตาภูมิกับแม่นั่น”
ย่าปรายตามองไม่พอใจ
“อุ้ย แม่เดือนฉายน่ะค่ะ เราจะเอายังไงกันดีคะคุณแม่”
“จะเอายังไงได้อีก ในเมื่อเขาตบแต่งเป็นผัวเมียกันแล้ว”
“แต่คุณแม่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวหนูประกายฟ้า ในฐานะที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ คนของเราทำผิดกับเขา”
“แล้วเธอคิดว่าควรจะทำยังไง”
“หนูว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะ หนูทราบมาว่าแม่เดือนฉายเขาเป็นเด็กกำพร้า ในขณะที่หนูฟ้า เขามีครอบครัวและวงศ์วานว่านเครือที่ดีมีหน้ามีตา ที่สำคัญเขามีเจ้าคุณปู่เจ้าคุณย่า เห็นว่ามีเชื้อเจ้าด้วยนะคะ”
“แล้วไงต่อ”
“เราน่าจะคุยกับเด็กนั่น แล้วก็ให้เงินไปสักก้อนเพื่อแลกกับใบหย่า จะเอาอะไรกับเด็กกำพร้าไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นล่ะคะคุณแม่ แค่เห็นเงิน มันก็ตาโตแล้ว”
“ถึงเขาจะกำพร้า ไม่มีมีหัวนอนปลายเท้า แต่เนื้อแท้เขาก็เป็นคนดี และฉันก็ไม่คิดจะใช้เงินซื้อคน เพราะฉันเห็นเขาเป็นคน ไม่ใช่อย่างอื่น”
“แต่คุณแม่เพิ่งจะรู้จักเขาได้ไม่นาน จะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาเป็นคนดี คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกันคะ”
“ทีแม่ประกายฟ้าของหล่อนล่ะ ก็เพิ่งจะรู้จักได้ไม่นาน ทำไมถึงได้ไว้ใจเขานักล่ะ”
“ก็เขาเป็นคนดีนี่คะ และหนูก็อยากขอโอกาส ให้คุณแม่เปิดใจให้หนูประกายฟ้า จะได้รู้จักตัวตนของเขาไปพร้อมๆ กัน จะได้ไหมคะ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
สราญยิ้มดีใจ
“แต่”
“แต่ อะไรเหรอคะคุณแม่”
“หล่อนก็ต้องเปิดใจเรียนรู้แม่เดือนฉายไปพร้อมๆ กัน และเขาต้องอยู่ที่นี่ในฐานะหลานสะใภ้ฉัน จนกว่าจะได้บทสรุปที่ชัดเจน ว่าใครจะอยู่หรือจะไป”
สราญขัดใจ แต่จำใจยอมรับไปก่อน เพราะกลัวย่าโกรธ
“โอเคก็ได้ค่ะ คุณแม่”

ย่ากับสราญ ยิ้มมีเชิงให้กัน

ไผทนั่งทำงาน ภูมิเคาะประตูเปิดเข้ามา
 
“เฮ้ยไอ้ไท ฉันนัดประกายฟ้าได้แล้วนะโว้ย”
“ก็เรื่องของแก จะมาบอกฉันทำไม”
“บอก เพื่อให้แกรู้ว่า ความหล่อไม่เคยปรานีใคร โทรปุ๊บมาปั๊บ พอๆ กับรูดปื๊ดๆ เลยว่ะ”
“เออ ไอ้หล่อรูดปื๊ด”
“ว่าแต่แก อย่าไปเผลอเล่าให้เดือนเขาฟังล่ะ”
ไผทละสายตาจากเอกสาร หันมามองหน้าภูมิ
“แกก็เลิกเอาเรื่องไร้สาระมาเล่าให้ฉันฟังสิ หัดเห็นใจและเข้าใจฉันบ้าง ว่าฉันอยู่ในฐานะคนกลาง มันอึดอัดนะโว้ย”
“แล้วจะอึดอัดทำไม”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ชอบโกหกใคร โดยเฉพาะคนดีๆ อย่างคุณเดือนที่เขามีแต่ใจเพียวๆ ให้แก แต่แกนี่สิ ไม่ไหว สร้างเรื่องโกหกเขาไปเรื่อย”
“แหวะ เบื่อคนบ่น ไปดีกว่า”
“ทำอะไรกับใครเขาไว้ ก็ระวังไว้ให้ดีๆ ละกัน”
“ระวังอะไร”
“ก็เวรกรรมไง ระวังมันจะตามทันแกสักวัน”
“แล้วตัวเวรกรรมมันเป็นยังไง ฉันไม่เคยเห็นว่ะ”
“ก็กะล่อนเข้าไป แล้วสักวันแกก็จะรู้เอง”
ภูมิเดินหน้ากวนออกไป ไผทมองเพื่อนอย่างเหนื่อยใจ

รามนรีนั่งอยู่บนเตียง มองภาพแต่งงานกรอบแตกที่วางอยู่ด้านหน้า ครุ่นคิด ก่อนถอนใจ บรรจงดึงภาพนั้นออกมาจากกรอบ ม้วนเอายางรัด ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ที่แขวนอยู่ แล้วหยิบกรอบรูปที่แตกเดินออกไป สราญเดินหน้าหงิก เข้ามาที่หน้าประตู ยื่นมือไปจับประตูเปิดออก เห็นรามนรียืนอยู่พอดี
“ฉันไม่เข้าใจ ว่ายิ่งเกลียด ทำไมถึงได้ยิ่งเจอ”
รามนรีหลบตา ก่อนก้มหัวให้ เลี่ยงจะเดินออกไป สราญปรายตามองกรอบรูป
“แล้วนั่นอะไร”
“กรอบรูปที่แตก หนูจะเอามันไปทิ้งค่ะ”
“ทำยังไงฉันถึงจะเอาแกไปทิ้งเหมือนกรอบรูปนี่ได้นะ”
“คงจะยาก เพราะหนูเป็นคน ไม่ใช่กรอบรูปค่ะ”
สราญปรี๊ดแตก จะอ้าปากพูดต่อแต่ไม่ทัน เภาเดินเข้ามา
“คุณเดือนขา คุณท่านให้หานะคะ”
สราญรีบหุบปาก เดินอารมณ์เสียเข้าบ้านไป
“ได้เลยค่ะพี่เภา งั้นเราไปกันเลยนะคะ”
“นั่นมันกรอบรูปนี่นา จะเอาไปไหนคะ”
“เอาไปทิ้งค่ะ”
“เอาไปทิ้งทำไม มาค่ะ เดี๋ยวเภาเอาไปให้พี่หวินซ่อมให้นะ”
“อะไรที่มันแตกหักเสียหาย ก็ทิ้งมันไป อย่าเก็บไว้เลย คนไทยเขาถือนะคะ”
“อ๋อเหรอคะ งั้นทิ้งก็ได้ค่ะ”
รามนรียิ้มให้เภา

ประกายฟ้าใส่ชุดสวย แต่งหน้าฉ่ำ ประกันกับพวงศรี ยืนรอส่งลูกสาวขึ้นรถแท็กซี่ ประกันเปิดประตูรถ ให้ประกายฟ้าเข้าไปนั่ง
“ขอบคุณมากค่ะพ่อ”
“แล้วถ้าเสี่ยถามก็พูดให้ตรงกัน ว่าเจ้าคุณย่าส่งรถมารับ จะได้โกหกให้ตรงกัน”
“ค่ะแม่”
“แล้วถ้าอยากจะจบไวๆ ก็ต้องทำให้คุณภูมิเขารีบโอเคกับเรา เข้าใจนะลูก”
“เข้าใจที่สุดเลยค่ะ”
“โชคดีนะลูกนะ”
ประกายฟ้ายิ้มให้ ก่อนโบกมือลาพ่อกับแม่ รถแท็กซี่แล่นออกไป พลันประกายฟ้าก็เห็นรถเสี่ยอุดรแล่นสวนเข้ามา เธอรีบก้มหัวหลบวูบไปที่หลังเบาะ เสี่ยอุดรขับรถสวนเลยไป
“เกือบไปแล้วไหมเรา”
ประกายฟ้าหันหลังกลับไปมองรถเสี่ยอุดรที่เลี้ยวหายเข้าไปในบ้านตัวเอง ขณะที่ประกันกับพวงศรี กำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน เสียงแตรรถดัง ทั้งสองหันไปมอง หน้าเจื่อน เสียวสันหลังวาบ สะอิ้งวิ่งไปเปิดประตู
“คุณว่าเขาจะเห็นยัยฟ้าไหม”
“จะรู้ได้ยังไง ก็อยู่ด้วยกันที่นี่”
เสียงโทรศัพท์ประกันดัง
“ว่าไงลูก อ๋อ หนูหลบทัน เขาเลยไม่เห็นใช่ไหม ได้ๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก”
สะอิ้งจับประตู ยืนครุ่นคิดหน้าเครียด
“รอให้ชัวร์กว่านี้ แล้วค่อยบอกดีกว่า”
ประกันหันไปสบตาพวงศรี ก่อนหันไปมองเสี่ยอุดร

ภูมิเดินเล่นรอประกายฟ้าอยู่ในห้าง เสียงโทรศัพท์ดัง
“ว่าไงครับแม่”
“นี่แกอยู่ไหน”
“วันนี้ผมนัดน้องฟ้า ตอนนี้รอเขาอยู่ที่ห้าง กะว่าจะไปดูหนังกันครับคุณแม่”
“ดีมากลูก แต่วันนี้อย่าเพิ่งดูได้ไหม”
“ทำไมล่ะครับ”
“เย็นนี้ช่วยพาหนูฟ้ามาเร่งทำคะแนนกับคุณย่าก่อน”
“จะให้พาไปทำไม ก็รู้อยู่ว่าคุณย่าไม่ปลื้มฟ้า เดี๋ยวผมก็พลอยโดนคุณย่าด่าไปด้วย”
“แต่แม่คุยกับคุณย่าแล้ว และท่านก็จะยอมเปิดใจลองศึกษาหนูฟ้า ว่าดีกว่าอีนังเด็กกำพร้านั่นยังไง แกต้องพาหนูฟ้ามาที่นี่ เพราะนี่คือคำสั่งเข้าใจไหม”
ภูมิถอนใจส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนตาโตอึ้งมอง เมื่อเห็นภัทรกับสาวสวย ช่วยกันเลือกตู้เย็นอยู่
“ตาภูมิ ตาภูมิ ทำไมเงียบไป บอกแม่มาว่าเข้าใจไหม”
ภูมิสะดุ้ง ก่อนรีบรับปาก
“ครับ เข้าใจครับ งั้นผมขอสายคุณพ่อหน่อยสิครับ”
“วันนี้พ่อไม่อยู่หรอกลูก”
“อ้าว พ่อไปไหนเหรอครับ”
“พ่อเขาไปคุยธุรกิจกับเพื่อน เรื่องลงทุนที่ลาวน่ะ”
“อ๋อ เหรอครับ งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะครับคุณแม่”
“จ้ะจ้ะ อ้อ ก่อนไปพบคุณย่าพาหนูฟ้ามาพบแม่ก่อน มาเตี๊ยมกันก่อนนะ”
“ครับได้ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับคุณแม่”
ภูมิยืนอึ้งมองพ่อ ทำอะไรไม่ถูก

ประกันกับพวงศรีทำเป็นนั่งดูข่าว เสี่ยอุดรเดินเข้ามา ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณพ่อตา คุณแม่ยาย”
“โห วันนี้เรียกซะเต็มยศเลย”
“ในเมื่อทุกอย่างมันลงตัว ผมก็ไม่มีอะไรต้องกั๊กอีกแล้วนี่ครับ จริงไหมครับคุณแม่”
“ก็ดีค่ะดี”
“แล้วนี่หนูฟ้าอยู่ไหน หรือว่านอนไม่ตื่น”
“ต้องขอโทษที เพราะวันนี้เจ้าคุณย่าให้คนขับรถมารับน้องฟ้าให้ไปหาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“เห็นเขาบ่นว่าคิดถึงเสี่ยอยู่เหมือนกัน”
“เหรอครับ แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมฝากคุณแม่ช่วยบอกน้องฟ้า ว่าอีกไม่กี่วันรถเบนซ์สปอร์ตที่สั่งไว้ เขาจะเอามาให้แล้ว”
“อ๊ายเหรอคะ น้องฟ้าคงจะดีใจ แล้วแม่จะบอกน้องฟ้าให้นะคะ”
“งั้นวันนี้ผมขอตัวไปทำธุระก่อนดีกว่า วันหน้าค่อยมาใหม่”
“ขอบคุณมากนะคะเสี่ยที่เมตตาน้องฟ้าของเรา”
“ทำไงได้ ก็ผมรักเขาแล้วนี่ครับ”
ประกันเดินไปโอบไหล่เสี่ยอุดร พาเดินออกไปส่ง พวงศรีเบ้ปากใส่ ก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มเพ้อ
“โอ้ว ว้าว เบนซ์สปอร์ตของฉันกำลังจะมา”

ภัทรเปิดตู้เย็นให้น้องไนส์ดู ขณะช่วยกันเลือกซื้อ
“หลังนี้ก็ดีนะ สีสวยสดใส เหมือนน้องไนส์ไม่มีผิด”
“ปากหวานตลอดเลยนะคะคุณอา”
ภัทรยิ้มหวานมองน้องไนส์ตาเยิ้ม ก่อนมองเลยไป เห็นภูมิยืนกอดอกอยู่ด้านหลังน้องไนส์ หน้านิ่งก่อนเดินออกไป ภัทรเข่าอ่อนจนต้องเอามือจับตู้เย็นไว้ ไนส์มองตกใจรีบเข้าไปประคอง
“เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณอา หน้าซีดเชียว”
“อ๋อ เออบังเอิญเจอคนรู้จัก เดี๋ยวหนูรออยู่แถวนี้ อาขอตัวแป๊บนะ”

“ค่ะคุณอา”
 
จบตอนที่ 13
 
 
กำลังโหลดความคิดเห็น