ห้องหุ่น ตอนที่ 1
พระจันทร์กลมโตในคืนวันเพ็ญ เมฆดำค่อยๆเคลื่อนตัวทับดวงจันทร์ ...
ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อปี พ.ศ.2495 บริเวณทางเดินในมหาวิทยาลัย ท่าน
เจ้าคุณนรบดินทร์เคลื่อนตัวไปตามทางเดินอย่างช้าๆ เสียงไม้ตะพดกระแทกพื้นเป็นจังหวะๆ ลดเลี้ยวผ่านตึกทะมึนของคณะฯ ในยามค่ำ
เสียงนกกลางคืนบินพรึบพรับ บางตัวส่งเสียงร้อง ฟังดูช่างวังเวง
แสงไฟนวลสาดออกมาจากใต้ตึก เจ้าคุณอยู่ด้านหลังเดช สัตยาภาที่กำลังง่วนอยู่กับหุ่นที่เริ่มเห็นเค้าร่างเป็นเจ้าคุณ
เจ้าคุณเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ เดชชะงักหันขวับกลับมาอย่างตกใจ แล้วค่อยยิ้มออก เดชยกมือไหว้
"สวัสดีครับท่านเจ้าคุณ"
เจ้าคุณพยักหน้ารับ "ไหว้พระเถอะพ่อเดช" เจ้าคุณเข้าไปมองหุ่นตัวเองอย่างสนใจ"ผ่านมาแถวนี้เลยแวะเข้ามาดู เมื่อไรจะเสร็จล่ะ"
"อีกสักพักครับท่าน ตอนนี้อยู่ในขั้นตกแต่งเก็บรายละเอียดต่างๆ"
เจ้าคุณแตะหุ่นอย่างพอใจ "หวังว่าจะเสร็จทันงานวันเกิดฉันนะ"
"ทันแน่นอนครับ" เดชรับปาก
"ดี..ฉันจะเอาไปตั้งโชว์ในงาน ไอ้พวกลูกหลานปากอัปมงคลที่มันงมงาย หาว่าถ้าปั้นหุ่นแทนตัวแล้วจะต้องมีอันเป็นไป มันจะได้หุบปากกันเสียที"
เจ้าคุณชะงัก เห็นเก้าอี้โยกอยู่มุมหนึ่ง
"อ้อ..เขาเอาเก้าอี้มาส่งให้แล้วรึ"
"ครับผม..เพิ่งมาถึงวันนี้เอง"
เจ้าคุณเดินไปที่เก้าอี้โยก ลงนั่งแล้วลองโยกช้าๆ
"เออ..แบบนี้ล่ะแหมเหมาะดีเหลือเกิน หุ่นตัวฉันต้องนั่งเก้าอี้โยกอย่างนี้ มันสบายดี ฉันชอบฮ่ะๆๆ"
เจ้าคุณหัวเราะเสียงดังไปพร้อมๆกับเสียงเก้าอี้โยก เดชมองยิ้มๆ เป็นเวลาเดียวกับที่นกแสกบินมาเกาะกิ่งไม้ร้องเสียงดัง แล้วบินผ่านหลังคาตึกไป...
เวลายาวนานต่อเนื่องมา เดชตั้งอกตั้งใจเก็บรายละเอียดต่างๆของหุ่นท่านเจ้าคุณ เช่นการทำผิว รอยย่น เส้นเอ็น เส้นเลือด จนถึงขั้นตอนที่เดชกำลังใช้สว่านเจาะรูเล็กๆด้านหลังหัวหุ่น ใช้เข็มปลายส้อมติดเส้นผมทีละเส้นติดลงในรูที่เจาะไว้ แล้วลงสีน้ำมันบนลำตัวหุ่นเป็นชั้นๆซ้อนกัน จนหุ่นนั้นเหมือนจริงมาก เดชลงรายละเอียดฝ้า กระ ฯลฯ บนหุ่นนั้น จนกระทั่งถึงขั้นตอนติดกระดุมเสื้อไล่เรียงจนถึงเม็ดสุดท้าย จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วใส่ไม้ตะพดลงไปในมือหุ่น
เดช สัตยาภายืนมองหุ่นท่านเจ้าคุณซึ่งนั่งบนเก้าอี้โยกถือไม้ตะพด เป็นอันสร็จสมบูรณ์ เดชยิ้มอย่างพอใจพึมพำ "สมบูรณ์แบบที่สุด..หุ่นท่านเจ้าคุณนรบดินทร์"
ท้องฟ้ายามโพล้เพล้ เป็นสีผีตากผ้าอ้อม อีกาฝูงใหญ่บินผ่านไป หุ่นท่านเจ้าคุณเคลื่อนไหวช้าๆเพราะคนงานกำลังช่วยกันยกหุ่น พร้อมเก้าอี้โยก เพื่อข้ามถนนในมหาวิทยาลัย นำหุ่นมาตั้งไว้อีกด้าน
รอที่จะเอาขึ้นรถ รั
บริเวณหน้าตึกคณะฯ ท่านเจ้าคุณนรบดินทร์ยื่นซองน้ำตาลปึกใหญ่ให้เดช
"เอ้านี่ค่าจ้างปั้นหุ่นของฉัน พ่อเดช"
เดชยกมือไหว้ รับซองมา "ขอบคุณครับ"
"ขอบใจจริงๆที่ปั้นได้เสร็จทันงานวันเกิดฉันพรุ่งนี้ คอยดูนะทุกคนจะต้องตะลึงแน่ๆ"
"ผมก็ต้องขอบพระคุณท่านที่กรุณาไว้ใจให้ผมปั้นหุ่นให้"
"เฮ้ยกรุณงกรุณาอะไร..ก็พ่อเดชน่ะมีฝีมือที่น่าทึ่งมาก คอยดูนะต่อไปเธอจะต้องเป็นนักปั้นหุ่นมือทองที่ใครๆต้องยอมรับ"
"สมพรปากครับท่าน"
"ฉันไปก่อนล่ะ"
"ครับ"
เดชไหว้ ยืนมองท่านเจ้าคุณหันหลังเดินไปได้สี่ห้าก้าว ก็ตกใจเมื่อเห็นว่า ท่านเจ้าคุณไม่มีหัว ครั้นขยี้ตาแล้วเพ่งมองใหม่ ก็เห็นท่านเจ้าคุณครบสามสิบสอง เป็นปกติ หัวยังตั้งอยู่ที่คอ...
เดชถอนใจโล่งอกพึมพำ
"สงสัยเราจะอดนอนมากไป"
เดชหันกลับเดินไป คนขับรถส่งของขับรถมาตามถนนในมหาวิทยาลัย สะบัดหัว
ให้หายง่วง หน้ารถส่ายไปมา คนขับหลับในหน้ารถแฉลบมาด้านซ้าย เห็นหุ่นเจ้าคุณอยู่ริมถนน คนขับตกใจคิดว่าคน รีบหักหลบมาด้านขวา เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าคุณนรบดินทร์ก้าวลงมาจากทางเท้าจะข้ามไปที่หุ่น รถพุ่งเข้าหาเจ้าคุณเต็มแรง เดชชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถเบรกดังลั่นก่อนเสียงพลั่กสนั่น เดชหันกลับมา ตกตะลึง กับเหตุการณ์ตรงหน้า
ร่างเจ้าคุณกลิ้งลงมาจากหน้าหม้อรถ กลิ้งไปหยุดอยู่แทบเท้าหุ่นตาเหลือกค้าง เลือดกระเด็นสาดไปที่ตัวหุ่นน่าสยดสยอง
เดชตะโกนสะท้อนก้อ "ท่านเจ้าคุณ!"
20 ปีต่อมา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปี พ.ศ.2515
ภายในมหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคน อยู่ในอิริยาบถต่างๆ บ้างก็อยู่เป็นกลุ่ม บางเดินเรื่อยๆคุยกัน อัมรา นักศึกษาปี1 เดินอย่างเร่งรีบ พลางดูนาฬิกาข้อมือบ่อยๆ
"อัมรา..อัมรา"
เธอมองไปฝั่งตรงข้าม เห็นนุชนารถโบกมือตะโกนเร่ง
"เร็วเข้าอัมรา"
อัมรารีบก้าวลงจากทางเท้า จะข้ามถนนในมหาวิทยาลัยไปหานุชนารถ เสียงแตรรถดังลั่น
อัมราหันไปมอง ตกใจยืนตะลึง เห็นรถพุ่งเข้าหาเธอ จังหวะนั้นเองที่สันติพุ่งเข้ามากระชากตัวเธอให้พ้นจากรัศมีรถอย่างหวุดหวิด เธออยู่ในอ้อมกอด สันติจ้องมองอย่างตะลึง แล้วปล่อยตัว พูดอ่อนโยน
"ถึงจะอยู่ในมหา’ลัยก็ต้องระวัง อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่นะครับ"
สันติยิ้มให้ก่อนเดินจากไป อัมราอึ้งๆ มองตาม นุชนารถวิ่งเข้ามาจับตัวอย่างตื่นเต้น
"เป็นอะไรหรือเปล่าอัม..โอ๊ยตกใจหมดเลย"
อัมราได้สติ "ไม่..อัมไม่เป็นอะไร โชคดีที่... ผู้ชายคนนั้นช่วยอัมไว้"
อัมรามองหา นุชนารถมองตาม แต่ไม่มีสันติแล้ว
"ใครนะหน้าตาท่าทางดี๊ดีนะ"
อัมราส่ายหน้า
"ไม่รู้สิ..อัมยังไม่ทันได้ขอบคุณด้วยซ้ำ"
"มัวแต่ตะลึงในความหล่อละซี้" นุชนารถแซว
"บ้าน่านุช อัมตกใจต่างหาก ไปเถอะเดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก"
อัมราดึงแขนนุชนารถ สองคนรีบพากันเดินไปตึกคณะฯ
อาทรกับจุฑาเดินเข้าไปในห้องปั้นหุ่น ผ่านโครงดินเหนียว ที่ปั้นรูปต่างๆ เรื่อยเข้าไป
ถึงด้านหลัง... สันตินั่งวาดภาพจุฑาอยู่
"โอโหสวยจังเลย"
สันติหันกลับมายิ้มให้สองคน จุฑาตื่นเต้นเข้าไปดูภาพ อาทรมองพูดเรียบๆ
"ไม่เห็นจะสวยตรงไหน"
จุฑาไม่พอใจ
"สวยจะตาย นายนี่ตาไม่มีแววซะเลย"
"ต้องพูดว่าเหมือนไม่ใช่สวย เพราะคนเป็นแบบไม่สวย"
จุฑาโมโห หันมาจะเล่นงานอาทร สันติขำๆทั้งคู่ รีบห้าม
"สองคนนี่เป็นยังไงนะ ทะเลาะกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีห้า ทำตัวเป็นเด็กๆกันอยู่ได้ อายรุ่นน้องบ้างสิ"
"ก็นายออยชอบกวนจุ๊บนี่นา"
อาทรหัวเราะขำ ก่อนหันไปพูดกับสันติ
"ฉันว่านายน่าจะเรียนเอกวาดรูปมากกว่าปั้นนะ"
สันติตกแต่งรูปอีกนิดหน่อย
"วาดเป็นงานหารายได้เรียนหนังสือ แต่ใจฉันชอบการปั้นมากกว่า"
สันติดึงรูปออกจากเฟรม ส่งให้จุฑา "เอ้าจุ๊บ เสร็จแล้ว"
จุฑารับมามองพิจารณาปลื้มสุดๆ
"ขอบใจมากนะอาร์ต"
"อย่ามัวแต่ปลื้มอยู่เลย ท้องร้องจ๊อกๆแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ" อาทรบอก
สันติพยักหน้ารีบเก็บอุปกรณ์ อาทรช่วยแข็งขัน จุ๊บเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปตัวเอง
เวลาต่อเนื่องมา อัมรากับนุชนารถเดินมาทางด้านหนึ่งของโรงอาหาร นุชนารถชะงักรีบสะกิดเพื่อนทันที พลางพยักเพยิดไปข้างหน้า อัมรามองตาม เห็นสันติ อาทร จุฑาเดินคุยกันมาจากอีกด้าน
นุชนารถกระซิบอย่างตื่นเต้น
"ผู้ชายคนที่ช่วยอัมไง"
อัมรามอง อาทรเห็นอัมราพอดี ดีใจรีบเดินนำมาทัก
"อ้าว...น้องอัม"
สันติ จุฑาตามมาสมทบ อาทรรีบแนะนำ
"น้องอัม น้องนุชรู้จักเพื่อนพี่หน่อยครับ นี่พี่อาร์ตกับพี่จุ๊บ อาร์ต จุ๊บนี่น้องใหม่คณะเรา"
อัมรากับนุชนารถรีบยิ้มให้สองคน สันติยิ้มๆ
"เจอกันอีกแล้วนะครับ"
จุฑามองอย่างไม่พอใจ เพราะหลงรักในตัวสันติ
"อาร์ตรู้จักน้องใหม่ด้วยเหรอ"
อัมรารีบอธิบาย
"เมื่อเช้าอัมซุ่มซ่ามน่ะค่ะ โชคดีได้พี่อาร์ตช่วยไว้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"จะมาทานข้าวกันใช่มั้ย งั้นไปด้วยกันเลย มื้อนี้เป็นเจ้ามือเอง"
"ดีเลย เอาร้านแซ่บๆนะคะพี่ออย" นุชนารถบอกอาทร
"ได้เลยครับ มา .. ตามพี่มา"
อาทรเดินนำไป นุชนารถตามติดๆ จุฑาบรีบคว้ามือสันติดึงไป ไม่สนใจอัมรา
"ไปเร็วอาร์ตเดี๋ยวคิวยาว"
สันติมองอัมราอย่างเป็นห่วง แต่จำต้องตามแรงจุฑาไป อัมรานิ่งๆ ไม่แสดงอาการอะไรเดินตามไปเงียบๆ
ทั้งห้าคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ของมหาวิทยาลัย อัมรามองรอบๆพอใจ
"ร่มรื่นดีจังคะ"
อาทรบอก
"พวกพี่ชอบมานั่งอ่านหนังสือกันที่นี่ เป็นโต๊ะประจำเลย ถ้าน้องอัมชอบก็มานั่งได้เลยนะครับ"
จุฑาไม่ค่อยพอใจ
"ไหนว่าจะให้เป็นที่ของเราสามคนไงออย"
"อย่างกไปหน่อยเลยน่าจุ๊บ เดี๋ยวพวกเราก็จบแล้วถือว่าส่งมอบให้น้องๆก็แล้วกัน หรือจบแล้วจะยกโต๊ะกลับบ้านไปด้วยล่ะ" อาทรว่า
จุฑาหน้างอ สะบัดลุกขึ้นไปดื้อๆ อัมราไม่สบายใจ
"พี่จุ๊บคงไม่พอใจมั้งคะ"
อาทรหัวเราะ สันติรีบอธิบาย
"ไม่มีอะไรหรอกครับสองคนนี่เค้าชอบแหย่กัน อะไรที่จุ๊บไม่ชอบนายออยก็จะทำ ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา"
อาทรไม่สนคุยกับอัมราต่อ
"วันนี้กลับยังไงครับ กลับกับพี่มั้ย"
"เดี๋ยวรถที่บ้านมารับค่ะ"
สันติทำท่านึกได้ รีบลุกขึ้น
"ลืมไปเลยว่าต้องรีบกลับ"
นุชนารถแซว
"สงสัยคุณพ่อคุณแม่พี่อาร์ตจะหวงลูกชายนะคะ"
"คุณพ่อคุณแม่พี่เสียนานแล้วครับ พี่อยู่กับหลวงตา"
"คุณตาพี่อาร์ตเป็นคุณหลวงเหรอคะ"
สันตินิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตอบชัดเจน
"หลวงตาเป็นพระครับ พี่อยู่ที่วัดกับหลวงตา พี่เป็นเด็กวัด"
อัมราอึ้ง สันติหันไปทางอาทรกับจุฑา
"กลับก่อนนะออย เย็นนี้หลวงตารับนิมนต์ไปเจิมร้าน ฉันต้องไปด้วย"
"ได้แล้วอย่าลืมคืนนี้ล่ะ"
สันติพยักหน้า หันมามองอัมรากับนุชนารถ
"พี่ไปก่อนนะครับ"
สันติรีบเดินไป อัมรามองตาม เผลอพูดออกมา
"แบบนี้พี่อาร์ตก็คงลำบากแย่สิคะ"
"ก็คงงั้นแต่ไอ้หมอนี่มันสู้ชีวิตน่าดู ไม่เคยปริปากบ่นให้ใครฟังเลย แถมไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครด้วยนะ พี่ละนับถือจริงๆ" อาทรบอก
อัมราสีหน้าชื่นชม
รถของเดชขับเข้ามาจอดรอใกล้ประตูทางออกของมหาวิทยาลัย ภายในรถ พรรณราย พี่สาวของอัมราอยู่ในชุดมหาวิทยาลัยเอกชน นั่งอยู่ทางด้านหลัง ท่าทางหงุดหงิด ชะเง้อมองไปด้านนอกแล้วบ่นดังๆ ตามประสาคนเอาแต่ใจ
"ชักช้าจริงๆยัยอัมเนี่ย ดูสิคนอื่นเขาออกกันมาหมดแล้ว มัวทำอะไรอยู่ได้"
น้าทวนออกความเห็นอย่างเกรงๆ
"คุณหนูอัมราบอกให้มารับบ่ายสองนี่อีกตั้งสิบนาทีนะครับ"
พรรณรายตวาดแว้ด
"เอ๊ะก็ฉันรีบนี่ คืนนี้มีงานวันเกิดคุณแม่ ฉันอยากจะรีบกลับไปเตรียมตัว ไม่รู้ล่ะอีกห้านาทีไม่มา ฉันกลับก่อนจริงๆด้วย"
พรรณรายหันไปมองด้านหลัง ชะงักเมื่อเห็นสันติเดินเร็วๆมา พรรณรายสีหน้าพอใจมาก
พอสันติเดินมาใกล้รถ พรรณรายเปิดประตูลงไปทันที สันติชะงักหยุดเดินทันที พรรณรายทำตกใจ
"อุ๊ย..ขอโทษค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
สันติจะเดินต่อ พรรณรายขวางไว้
"เดี๋ยวค่ะ..ขอโทษนะคะคณะที่เรียนวาดรูปอยู่ตรงไหนคะ"
"อ๋อคณะจิตรกรรมและประติมากรรม" สันติหันไปชี้ด้านหลัง "เดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวขวาก็ถึงแล้วครับ"
"อ๋อ..."
พรรณรายยังยืนขวาง รีบอธิบายต่อ "คือฉันจะมารับน้องนะคะ"
"ครับ..เอ้อผมขอตัวก่อน"
พรรณรายจำใจหลบเปิดทางให้ สันติรีบเดินเร็วๆไป พรรณรายมองตาม เห็นรถเมล์วิ่งผ่านหน้า
มหาวิทยาลัย สันติรีบวิ่งออกประตูไป ตามทันรถเมล์จอดป้าย สัแล้วกระโดดขึ้นรถเมล์ทันที
พรรณรายทำหน้าเสียดาย พึมพำ
"หล่อดี..แต่จนแบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว"
"พี่พรรณคะ"
พรรณรายหันกลับมา อัมราวิ่งมาถึงพอดี พรรณรายชักสีหน้าใส่
"พี่มารอเธอตั้งนานแล้วนะ"
อัมรากอดแขนประจบพี่สาว
"นี่อัมก็รีบวิ่งมาเลยนะคะ อย่าโมโห ไปเร็วขึ้นรถเถอะค่ะนะคะ"
พรรณรายหน้าบึ้ง อัมราทำหน้าสลด อ้อนอีก
"นะคะพี่พรรณคนสวยของอัม"
พรรณรายยิ้มออก
"ก็ได้"
อัมรารีบเปิดประตูให้พรรณรายขึ้นไปนั่ง แล้วขึ้นตามไป รถแล่นออกจากมหาวิทยาลัยไป
บริเวณสนามหน้าบ้านเดช สัตยาภา เป็นที่จัดงานเลี้ยง มีโต๊ะและเก้าอี้จัดเป็นชุดๆ
เสียงเพลงเบาๆคลออยู่ พรรณรายกับอัมรา ยืนอยู่ตรงโต๊ะยาวซึ่งวางอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ต่างช่วยกันตักอาหารใส่จาน
เดชกับอารีย์ ผู้เป็นแม่ของอัมรากำลังนั่งคุยอยู่กับดำเกิง บุญเรือน ส่วนแขกอื่นๆนั่งอยู่ตามโต๊ะดื่มกินตามอัธยาศัย
ผอบถือกล่องของขวัญเข้ามาในงานกับพงษ์ ซึ่งเป็นลูกชาย พงษ์มองรอบๆบ้านอย่างตื่นตาพลางกระซิบ
"โอโหบ้านช่องใหญ่โตไม่เบาเลยนะแม่"
"ก็ใช่นะสิ..แม่ถึงเรียกให้แกมาไง ถ้าได้ดองกับคุณเดชเราจะได้สบายไปทั้งชาติ"
ผอบพยักเพยิดไปที่พรรณรายกับอัมรา
"โน่นไงเป้าหมายของแก ลูกสาวสองคนของคุณเดช คนไหนก็ได้ แกต้องจีบให้ติดสักคน เข้าใจมั้ย"
พงษ์มองตาม ตาลุก
"ว้าวสวยทั้งคู่เลยแม่..แบบนี้รับรองไอ้พงษ์จัดเต็ม แม่ไม่ต้องห่วง"
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างหมายมาด พากันเดินต่อ ลูกบอลพุ่งเข้าใส่หลังพงษ์อย่างแรง
"โอ๊ย...อะไรวะ"
พงษ์มองลูกบอลที่กลิ้งอยู่ที่พื้น พงษ์เห็นหุ่นเด็กเคลื่อนวูบเข้าไปในเงามืด
"ไอ้เด็กเวร"
พงษ์ก้าวเท้าจะไปเล่นงาน ผอบดึงแขนลูกชายไว้ พลางกระซิบ
"ช่างเถอะ...อย่าทำเสียเรื่องน่า"
พงษ์ชะงัก ผอบดึงพงษ์เข้างานไป หุ่นเด็กเคลื่อนออกมาจ้องถมึงไปที่สองแม่ลูก สายตาน่ากลัว
พรรณรายกับอัมราเดินถือจานอาหารมาที่โต๊ะ เดชกับอารีย์ บุญเรือนและดำเกิงกำลัง
ฟังผอบเล่าอย่างออกรส อ๊อด น้องชายอัมรานั่งกินอาหารไม่สนใจใคร ผอบปรายตามองพรรณรายกับอัมรา
ผอบเสียงดังขึ้น
"อุ๊ยตาพงษ์เรียนเก่งมากค่ะ จบตรีปุ๊บก็ว่าจะให้ต่อปริญญาโทเลย"
พรรณรายกับอัมราวางจานอาหารบนโต๊ะ ยกมือไหว้ผอบ ผอบรับไหว้ยิ้มแย้ม
"สวัสดีจ้ะหนู ป้าขอแนะนำหน่อยนะ นี่พงษ์ลูกชายป้า พงษ์นี่น้องพรรณรายกับน้องอัมราจ้ะ"
อัมรายกมือไหว้ พงษ์รีบรับไหว้และเลยมาจะรับไหว้ทางพรรณราย แต่ต้องอึ้ง
"สวัสดีค่ะ" พรรณรายมองหา "ทำไมไม่เห็นพี่ออยเลยละคะ"
"อ๋อตาออยเขารอเพื่อนจ้ะเห็นว่าสนใจเรื่องหุ่นของคุณเดช ตาออยเลยชวนมางานนี้ด้วย" บุญเรือนว่า แล้วถามเดช "ตาออยว่าขออนุญาตคุณเดชแล้วใช่มั้ยคะ"
"ครับ..ออยบอกผมแล้ว อ้าวนั่นไงพูดถึงก็มาพอดี"
เดชมองไปด้านหลังบุญเรือนเห็นอาทรเดินมา สันติตามมาทางด้านหลัง ทุกคนหันไปมอง อาทรก้าวเข้ามายกมือไหว้ เดช และอารีย์
"สวัสดีครับคุณอาเดช คุณอาอารีย์"
เดชกับอารีย์รับไหว้ยิ้มแย้ม
"ผมขอแนะนำสันติหรืออาร์ตเรียนอยู่คณะเดียวกันครับ"
อาทรเบี่ยงตัวให้สันติก้าวเข้ามา สันติยกมือไหว้เดชกับอารีย์ และหันไปไหว้บุญเรือนกับดำเกิงและผอบ
สันติหันมาชะงักเห็นอัมรามองอยู่ก่อนแล้ว อัมราทักอย่างดีใจ
"พี่อาร์ต"
เดชมองอย่างแปลกใจ อัมรารีบอธิบาย
"เมื่อเช้าอัมข้ามถนนในมหา’ลัยเกือบโดนรถชน โชคดีที่ได้พี่อาร์ตช่วยไว้ค่ะ"
"อ๋อ..ขอบใจมากนะ" เดชบอก
สันติมองเลยไปที่พรรณรายจำได้ ยิ้มให้ แต่พรรณรายทำเมินเหมือนไม่รู้จัก สันติแปลกใจ แต่ก็รีบตอบเดช
"ไม่เป็นไรครับ ออยบอกว่าหุ่นที่คุณอาปั้นเหมือนคนจริงๆจนแยกแทบไม่ออกเลยครับ ผมเลยอยากขออนุญาตมาดูเป็นความรู้หวังว่าคุณอาคงไม่รังเกียจ"
"ได้สิ..ที่จริงพวกเราก็ศิษย์ที่เดียวกันทั้งนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล"
"ขอบคุณมากครับ"
อารีย์ขัดขึ้น
"แต่ก่อนจะไปชมห้องหุ่นให้เด็กๆไปทานอาหารกันก่อนดีมั้ยคะ เอ้าเชิญจ้ะไปยัยพรรณยัยอัมพาพี่ๆไปตักอาหารเถอะลูก"
พรรณรายรีบเข้ามาเกาะแขนอาทรดึงตัวไปไม่สนใจใคร เดชมองขมวดคิ้วไม่พอใจ อัมรายิ้มกับสันติก่อนเดินนำไป
สันติตามห่างๆอย่างสุภาพ ผอบมองหน้าลูกชาย พงษ์พยักหน้าเป็นเชิงตอบว่ารู้แล้ว
ห้องหุ่น ตอนที่ 1 (ต่อ)
พรรณรายช่วยตักอาหารใส่จานให้อาทร อัมราส่งจานให้สันติ
"ขอบคุณครับ นึกไม่ถึงเลยว่าน้องอัมจะเป็นลูกคุณอาเดช นายออยอุบเงียบไม่บอกสักคำ"
"ทำไมคะ ถ้ารู้ว่าเป็นบ้านอัมแล้วพี่อาร์ตจะไม่มาเหรอคะ"
สันติยังไม่ทันตอบ พงษ์เข้ามาข้างอัมรา
"เอ้อ... ขอโทษนะครับน้องอัมรา"
"คะ"
"คือพี่อยากไปห้องน้ำ รบกวนน้องอัมราช่วยพาพี่ไปหน่อยได้มั้ยครับ"
"อ๋อได้ค่ะ..ทางนี้ค่ะ"
อัมรายิ้มให้สันติก่อนเดินนำ พงษ์ปรายตามองสันติทำท่าประมาณของข้าอย่ามายุ่ง แล้วตามอัมราไป สันติมองตามก่อนส่ายหน้าไม่สน สันติตักอาหารต่อ
อัมราเดินนำพงษ์มาหยุดตรงประตู ชี้มือไปด้านหลัง
"ห้องน้ำอยู่ขวามือค่ะ"
อัมราจะไป พงษ์คว้าข้อมือทันทีทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่
"เดี๋ยวสิครับน้องอัมรา"
อัมราตกใจดึงมือออก แต่พงษ์ยังยึดไว้
"เอ๊ะ..พี่พงษ์จะทำอะไร"
"พี่พงษ์ไม่ทำอะไรหรอกครับ แต่พี่อยากคุยกับน้องอัมราตามลำพัง"
อัมราดึงมือออกจนได้
"แต่อัมว่าไม่เหมาะค่ะ อัมขอตัวก่อน"
อัมรารีบเดินหนีไป พงษ์จะตามแต่ต้องชะงัก เมื่อไม้ตะพดยื่นเข้ามาขวางหน้าไว้
พงษ์งงๆ หันไป ชะงัก หุ่นท่านเจ้าคุณนรบดินทร์เป็นคนยื่นไม้ตะพด เจ้าคุณลดไม้ตะพดลง เสียงพูดน่ากลัว
"อย่ามาทำรุ่มร่ามที่นี่ ฉันไม่ชอบ"
พงษ์ท่าทางกวนๆ
"ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่จับมือสมัยนี้ไม่มีใครเขาถือแล้วละครับ"
เจ้าคุณเสียงเข้มดุมาก
"แต่กับลูกหลานบ้านนี้ฉันถือ อย่าให้ฉันเห็นอีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
เจ้าคุณจ้องหน้าพงษ์น่ากลัวท่าทางเอาจริง พงษ์อึ้ง รีบไหว้เจ้าคุณ ก้มหน้าพูด
"ผมขอโทษครับคุณปู่"
พงษ์เงยหน้าขึ้น พงษ์ชะงัก แปลกใจ ที่เดิม... ไม่มีเจ้าคุณแล้ว
พงษ์ชะเง้อมองไปทั่วๆ ไม่มีใครเลย พงษ์งงๆ
"หายไปไหนเร็วจังแหะ"
พงษ์แปลกใจ
เวลาต่อมา สันติมองหุ่นแต่ละตัว ...หุ่นเจ้าคุณ/หุ่นทับ/หุ่นนางรำ/หุ่นนางพยาบาล/หุ่นชาวนา/หุ่นเด็ก/หุ่นนักยิงธนู สันติสีหน้าทึ่งมาก พึมพำ
"เหมือนมาก เหมือนคนจริงๆ"
เดชเข้ามายืนมองหุ่นข้างๆสันติ สันติถาม
"ทำยังไงผมถึงจะปั้นหุ่นได้อย่างคุณอาครับ"
"ปั้นเขาด้วยจิตวิญญาณสิ"
สันติงง
"ผมไม่เข้าใจ"
"ในเวลาที่อาปั้น อาไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นหุ่น แต่อาคิดว่าเขามีชีวิตจิตใจ อาใส่ความรู้สึกตรงนี้ลงไปทุกครั้ง อาจะพูดคุยกับเขาเหมือนเราสื่อสารกันได้"
สันติทำหน้างงมากขึ้น เดชหัวเราะ
"เธอคงคิดว่าอาบ้าที่พูดคุยกับหุ่น"
"ไม่ครับ..ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจแล้ว ผมจะลองทำตามที่คุณอาแนะนำ"
"เห็นออยว่าพวกเธอกำลังจะส่งผลงานเข้าประกวด"
"ครับเป็นการแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนของมหา’ลัย"
"ถ้ามีอะไรที่อาจะช่วยได้ก็บอกนะ"
สันติตื่นเต้น
"จริงเหรอครับ เอ้อ... แต่จะรบกวนเวลาทำงานของคุณอามากไป"
"ไม่หรอก อาไม่ได้ปั้นหุ่นมาตั้งนานแล้ว"
"อ้าวทำไมละครับ"
เดชนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตบบ่าสันติเบาๆ
"เราออกไปกันเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงรออยู่"
เดชเดินนำไป สันติแปลกใจแต่ก็เดินตามไป พอเดชพ้นประตู สันติกำลังจะออกตาม เสียงเหมือนเก้าอี้โยก สันติชะงักหันกลับมามองไปที่หุ่นท่านเจ้าคุณ แต่ทุกอย่างปกติ สันติเดินออกประตูไป
ประตูปิด ภายในห้อง... เก้าอี้ เริ่มโยกไปมาอย่างช้าๆ
เวลาต่อมา ภายในบ้านผอบ เธอทิ้งตัวลงนั่งหยิบหนังสือบนโต๊ะพัดแรงๆให้ตัวเอง
"โอ๊ยร้อน..ร้อน"
ผอบปลดสร้อยคอ สร้อยข้อมือออก โยนลงบนโต๊ะค่อนข้างแรง
"ไอ้ของปลอมพวกนี้เวลาเหงื่อออกมันคันจริงๆ"
พงษ์มองไปที่พัดลมเก่าซึ่งติดอยู่บนเพดาน
"ทำไมไม่เปิดพัดลมละแม่"
"เปิดเข้าไปไหวเหรอ ค่าไฟเดือนที่แล้วแม่ก็ยังไม่ได้ไปจ่ายเลย ถ้าโดนเค้ามาตัดไฟละก็อายชาวบ้านตาย"
ผอบนึกได้ รีบถาม
"แม่เห็นแกพายัยคนน้องเข้าไปในบ้าน เป็นไงบ้างล่ะ"
พงษ์เซ็ง
"ก็เกือบได้เรื่อง ถ้าไม่มีตาแก่บ้านั่นมาขวางซะก่อน"
"ตาแก่ไหน"
"สงสัยเป็นตาหรือไม่ก็ปู่น้องอัมรามั้งแม่ ท่าทางหวงหลานน่าดู ผมเลยต้องถอยก่อน โอ๊ยร้อนจริงๆ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ"
พงษ์รีบลุกไป ผอบงงๆพึมพำ
"ตา..ปู่..เจ้าพงษ์มันพูดถึงใครที่บ้านนั้น มีแค่คุณเดชกับเมียแล้วก็ลูกๆสามคนแค่นั้นนี่นา"
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านเดช อารีย์นั่งคุยอยู่กับเดช
"จัดงานแบบนี้รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันนะคะ"
อารีย์ดมยาดม เดชมองเป็นห่วง
"เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
อารีย์หัวเราะ
"เปล่าค่ะสงสัยจะแก่แล้วมั้ง"
พรรณรายกับอัมราเข้ามาสมทบ อารีย์รีบถาม
"ออยกลับไปแล้วเหรอจ้ะ"
"ค่ะ แหมพรรณชวนให้อยู่ต่ออีกหน่อยก็ไม่ยอม พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด"
เดชเสียงเข้ม
"พูดถึงตาออย พ่ออยากเตือนลูกหน่อยนะพรรณราย ถึงจะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนี้ต่างคนต่างโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ไอ้การถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายมันดูไม่เหมาะ"
พรรณรายทำหน้าเบื่อ แกล้งถอนใจดังๆ
"คุณพ่อนี่หัวโบราณจัง"
เดชเสียงดุ
"อะไรนะ"
อารีย์รีบขัดขึ้น
"ยัยพรรณคงไม่คิดอะไรหรอกค่ะ คงเห็นตาออยเหมือนพี่ชายใช่มั้ยลูก"
อารีย์มองปรามให้พรรณรายตอบ แต่พรรณรายไม่สนลุกพรวด
"พรรณไปอาบน้ำดีกว่า"
พรรณรายเดินไปหน้าตาเฉย เดชจะเรียก อารีย์แตะแขนมองขอร้อง เดชโมโห
"เธอก็เป็นแบบนี้ทุกที ให้ท้ายจนยัยพรรณจะเสียคนอยู่แล้ว เป็นลูกผู้หญิงทำท่าทำทางสนใจผู้ชายจนออกนอกหน้า คนอื่นเขาจะดูถูกเอา"
อัมราเข้ามานั่งใกล้ๆพ่อ
"คุณพ่ออย่าโมโหเลยนะคะ เรื่องพี่ออยเดี๋ยวอัมจะคุยกับพี่พรรณให้เอง แต่อัมเชื่อว่าพี่พรรณไม่ได้คิดอะไรกับพี่ออยหรอกค่ะ"
เดชนิ่งแต่หน้ายังโกรธอยู่
คืนนั้น ในห้องนอน พรรณรายหันมาตอบอัมราเสียงดัง
"พี่คิด..พี่ชอบพี่ออย"
อัมราตกใจ
"พูดอะไรแบบนั้นค่ะ"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ นี่มันยุคไหนแล้ว คุณพ่อนะหัวโบราณเกินไป"
อัมราอึ้ง พรรณรายเข้ามานั่งใกล้ๆ
"แต่จะพูดไป พี่ก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ ถ้าเจอใครที่ดีกว่าพี่ออย พี่ก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้"
"พี่พรรณ..เรายังเด็กอยู่นะคะ อัมว่าตอนนี้เราน่าจะสนใจเรื่องเรียนก่อนดีกว่า"
พรรณรายชักรำคาญ
"ฉันไม่ใช่ลูกคุณพ่ออย่างเธอนี่"
"ทำไมพูดอย่างนั้นละคะพี่พรรณ ก็ลูกคุณพ่อเหมือนกัน ถ้าคุณพ่อได้ยินจะเสียใจ"
"แล้วที่คุณพ่อชอบว่าพี่ล่ะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่จะเสียใจ คุณพ่อน่ะลำเอียง"
"พี่พรรณ"
"ก็จริงนี่"
พรรณรายลุกไปหยิบกล่องนาฬิกาบนโต๊ะมายื่นตรงหน้าอัมรา
"เห็นมั้ยคุณพ่อให้แต่เธอไม่ให้พี่"
อัมราพูดเกรงๆ
"นาฬิกานี่คุณพ่อให้อัมเพราะอัมสอบเข้ามหา’ลัยได้นี่คะ"
"ถึงพี่สอบไม่ได้ ถ้าคุณพ่อไม่ลำเอียงก็ต้องให้พี่ด้วยสิ"
"แต่คุณแม่ก็ให้กระเป๋าสตางค์พี่พรรณ"
"พี่ไม่ได้อยากได้กระเป๋า พี่อยากได้นาฬิกาใหม่เหมือนกัน"
พรรณเอานาฬิกาไปวางแรงๆบนโต๊ะ
"พี่ไม่รักคุณพ่อ พี่รักคุณแม่มากกว่า"
"พี่พรรณอย่าพูดแบบนี้เลยนะคะ คุณพ่อ..."
พรรณรายตวาด
"พอแล้วไม่อยากฟัง"
พรรณรายขึ้นเตียงจะนอนแล้วนึกได้หันมาถาม
"เธอสนใจนายอาร์ตนั่นเหรอ"
อัมราตกใจ
"เปล่านะคะ ทำไมพี่พรรณถามแบบนี้"
"ไม่สนใจก็ดีแล้ว ถึงจะหน้าตาดีแต่จน สนไปก็เท่านั้น"
อัมราแปลกใจ
"พี่พรรณรู้ได้ไงคะ"
"ก็วันนี้พี่เห็นตอนไปรับเธอ ยังขึ้นรถเมล์ต๊อกต๋อยอยู่เลย ไม่รู้เป็นเพื่อนพี่ออยได้ยังไง"
"พี่ออยบอกว่าพี่อาร์ตเป็นคนดีค่ะ ถึงจะเป็นเด็กวัดแต่ก็มีมานะหนักเอาเบาสู้"
พรรณรายทำท่ารังเกียจมากขึ้น
"เด็กวัดเหรอยี้..."
อัมราทำท่าจะอธิบายต่อ พรรณรีบห้าม
"พอๆๆพี่ไม่อยากฟังเรื่องนายคนนี้แล้วนอนดีกว่า"
พรรณล้มตัวนอนหลับ อัมราถอนใจ
เช้าวันใหม่ บนศาลาของวัดเก่าๆแห่งหนึ่ง หลวงตาฉันอาหารเช้าเสร็จ สันติประเคนน้ำ
แล้วช่วยเก็บถ้วย จานใส่ถาด ส่งต่อให้เด็กวัดคนอื่นๆเอาออกไป เขายกมือไหว้หลวงตา
"ผมไปเรียนก่อนนะครับ"
สันติจะลุกไป หลวงตาเรียกไว้
"เดี๋ยว"
หลวงตาฉันน้ำเสร็จ หันไปหยิบย่ามมาล้วงหยิบเงินมาส่งให้ สันติไม่รับ
"ไม่ต้องหรอกครับหลวงตา ผมยังมีเงินอยู่ครับ"
"จะมีได้ไง หลวงตาให้ไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ป่านนี้ก็คงจะหมดแล้ว"
"ผมเพิ่งได้เงินจากที่วาดรูปขายน่ะครับ คงพอใช้ถึงสิ้นเดือน หลวงตาเก็บเงินนี่ไว้ให้น้องๆคนอื่นเถอะครับ"
หลวงตามองสันติอย่างเป็นห่วง
"อย่ามัวแต่เอาเวลาไปทำงานพิเศษ นี่ปีสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือหนังหานะ"
"หลวงตาไม่ต้องห่วงครับ ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้หลวงตาผิดหวังเป็นอันขาด ผมไปเรียนก่อนนะครับ"
หลวงตาพยักหน้า สันติไหว้แล้วออกไป หลวงตามองตามอย่างภูมิใจมาก
ในห้องนอน อัมราแต่งตัวเรียบร้อย ยืนหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
อัมราชะงักมองกล่องนาฬิกาบนโต๊ะ นึกถึงตอนที่พรรณรายลุกไปหยิบกล่องนาฬิกาบนโต๊ะมายื่นตรงหน้าอัมรา
"เห็นมั้ยคุณพ่อให้แต่เธอไม่ให้พี่"
อัมราพูดเกรงๆ
"นาฬิกานี่คุณพ่อให้อัมเพราะอัมสอบเข้ามหา’ลัยได้นี่คะ"
"ถึงพี่สอบไม่ได้ถ้าคุณพ่อไม่ลำเอียงก็ต้องให้พี่ด้วยสิ"
"แต่คุณแม่ก็ให้กระเป๋าสตางค์พี่พรรณ"
"พี่ไม่ได้อยากได้กระเป๋าพี่อยากได้นาฬิกาใหม่เหมือนกัน"
อัมราครุ่นคิด ก่อนหยิบกล่องนาฬิกาเดินออกจากห้องไป
อัมราเดินออกมาจากบ้าน เห็นพรรณรายนั่งกินขนมไปอ่านหนังสือแฟชั่นไป อัมราเข้ามานั่งตรงข้าม วางกล่องนาฬิกาให้ตรงหน้า พรรณรายชะงัก
"อะไร"
"นาฬิกาไงคะอัมให้พี่พรรณค่ะ"
พรรณรายไม่พอใจ
"ให้ทำไม"
"ก็พี่พรรณอยากได้ อัมยังไม่ได้ใส่เลยนะคะ เพราะเรือนเก่าของอัมยังดีอยู่ วางไว้เฉยๆให้พี่พรรณเอาไปใส่ดีกว่า"
พรรณรายไม่พอใจกำลังจะปฏิเสธพอดีเห็นเดชเดินตรงมา พรรณยิ้มมีเลศนัย พูดดีใจ
"จริงเหรอ"
"จริงสิคะ"
"ถ้าให้พี่พี่จะทำอะไรกับนาฬิกาเรือนนี้ก็ได้นะ"
"ค่ะแล้วแต่พี่พรรณเลยอัมยกให้"
พรรณรายพยักหน้าหยิบนาฬิกาออกมาจากกล่อง ยกขึ้นสูงมองพิจารณาก่อนจะปล่อยให้
หลุดมือหน้าตาเฉย หน้าปัดนาฬิกาแตกกระจาย อัมราตกใจ พรรณรายยิ้มสะใจ เดชตะลึง
เดชจะตีพรรณราย อารีย์พยายามห้าม อัมราโอบอ๊อดไว้มองอย่างตกใจ
"หลีกไปอารีย์"
"ฉันขอเถอะค่ะพี่เดช ค่อยๆพูดกันก็ได้ยัยพรรณคงไม่ได้ตั้งใจทำนาฬิกาตกแตกหรอกค่ะ"
พรรณรายขัดขึ้นไม่สะท้าน
"พรรณตั้งใจค่ะคุณแม่"
ทุกคนอึ้ง เดชโมโหกว่าเดิม
"ได้ยินชัดหรือยัง เธอเลิกเข้าข้างคนผิดเสียที"
"แต่พรรณไม่ได้ทำอะไรผิด"
"อะไรนะ เราแกล้งทำนาฬิกาน้องแตกยังว่าไม่ผิดอีกเหรอ"
"ทำไมพรรณต้องแกล้ง นาฬิกาเรือนนั้นเป็นของพรรณ ยัยอัมให้พรรณแล้วไม่เชื่อคุณพ่อก็ถามยัยอัมดู"
เดชหันไปมองอัมรา อัมราพยักหน้า พรรณรายพูดต่ออย่างสะใจ
"เพราะฉะนั้นพรรณจะทำยังไงกับมันก็ได้"
ทุกคนมองพรรณรายอย่างคาดไม่ถึง
"แย่มากพรรณราย ลูกทำแบบนี้ได้ยังไง น้องอุตส่าห์เสียสละของให้ แต่กลับทำลายเพราะความอิจฉา"
"พรรณไม่ได้อิจฉา แต่คุณพ่อต่างหากที่ลำเอียงให้นาฬิกายัยอัมคนเดียว"
"พ่อให้ของน้องเพราะน้องตั้งใจเรียนแต่พรรณขี้เกียจ หนังสือไม่เคยอ่านจะสอบติดได้ยังไง"
พรรณรายแว้ดขึ้นมาทันควัน
"เลิกเอาพรรณไปเปรียบกับยัยอัมสักทีเถอะค่ะ"
เดชโมโห "เอ๊ะพรรณรายทำไมทำกิริยาแบบนี้ นิสัยเสียใหญ่แล้ว"
"ใช่สิค่ะพรรณนะมันไม่มีอะไรดีซักอย่าง เรียนก็ไม่เก่งนิสัยก็ไม่ดี เชิญคุณพ่อคุณแม่ชื่นชมอัมราคนเก่งเสียให้พอเถอะค่ะ... แล้วเธอก็ไม่ต้องมาทำตัวเป็นนางเอกผู้แสนดี ยอมเสียสละโน่นนี่ให้ฉัน เพราะฉันไม่อยากได้"
พรรณรายกระทืบเท้าออกไป เดชตวาด
"พรรณรายกลับมาเดี๋ยวนี้นะ"
เดชจะตาม แต่อารีย์ซวนเซ อัมราร้องตกใจ
"คุณแม่"
เดชรีบหันมาประคองอารีย์ อารีย์หลับตา "อารีย์" ก่อนบอกกับอัมรา "ไปบอกชิ้นชงยาหอมให้แม่หน่อย พ่อจะพาแม่ไปพักที่ห้อง"
"ค่ะ"
อัมราวิ่งไป เดชประคองอารีย์ขึ้นชั้นบน อ๊อดตามติดๆอย่างตกใจ
ห้องหุ่น ตอนที่ 1 (ต่อ)
พรรณรายเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในห้องหุ่นยืนอยู่ตรงกลางห้องอย่างไม่พอใจมาก
"เกลียดๆๆๆเกลียดคุณพ่อ เกลียดยัยอัมรา"
พรรณรายมองไปที่หุ่นทุกตัวตะโกนใส่
"มองทำไม..เกลียดพวกแกด้วยไอ้หุ่นบ้า"
พรรณรายกำมือโมโห หน้าตาบูดบึ้ง เสียงเก้าอี้โยก พรรณรายชะงักหันไปมอง ตกใจ เห็นหุ่นเจ้าคุณนรบดินทร์โยกเก้าอี้ หุ่นตัวอื่นต่างมีชีวิตค่อยๆก้าวลงจากแท่นที่ยืน
หุ่นทุกตัวตรงเข้ามาหาพรรณรายอย่างช้าๆ พูดเยือกเย็นพร้อมๆกันซ้ำๆ
"พรรณรายอย่าแกล้งอัมรา..พรรณรายอย่าแกล้งอัมรา"
พรรณรายตกใจสุดขีดร้องเสียงดังมาก
"ไม่"
พรรณรายลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างตกใจในห้องนอน
"ไม่..."
พรรณรายชะงักเหงื่อเต็มตัว มองรอบๆห้องนอนตัวเองหายใจหอบๆ
"โธ่เอ๊ยฝันไปนะเอง...เฮ้อ"
พรรณรายมองไปข้างๆ เห็นอัมรานอนหลับสนิทอยู่ เลยถอนใจโล่งอก ล้มตัวนอนอย่างเดิม
ในซอยยาว มีร้านถูกแบ่งเป็นที่เล็กๆ เรียงกันเป็นแถวสองข้าง คนค่อนข้างพลุกพล่าน
อัมราเดินสะพายกระเป๋ามองหาร้านนาฬิกา ขโมยเดินมาชนอัมราอย่างแรงแล้วรีบขอโทษ
"โอ๊ะขอโทษครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่คะแถวนี้มีร้านซ่อมนาฬิกาบ้างมั้ยคะ"
"อ๋อมีสิ ร้านนั่นไง"
ขโมยชี้ไปด้านหลัง อัมราหันไปมอง ขโมยใช้ความว่องไวล้วงกระเป๋าเงินไป แล้วรีบเดินหนี
อัมราจะหันมาขอบคุณ
"ขอบคุณค่ะอ้าว..."
ขโมยเดินไปแล้ว อัมราเลยเดินไปร้านซ่อมนาฬิกาพอดี อัมราเข้าไป
ขโมยรีบวิ่งมาหลบมุมอยู่ไม่ไกล มองกระเป๋าเงินใบเล็กในมือ แล้วเปิดกำลังจะหยิบเงิน มีดาบจิ้มมาที่กระเป๋าเงิน ขโมยตกใจเงยมอง
หุ่นทับจ้องน่ากลัว เสียงดุดัน
"เอาไปคืนเจ้าของเดี๋ยวนี้"
"กะแกเป็นใคร"
หุ่นทับเลื่อนดาบมาจ่อที่คอหอยขโมย สำทับอีกครั้ง
"ถ้ายังไม่อยากตายโหงก็เอาไปคืนเจ้าของเดี๋ยวนี้"
ขโมยอึ้งๆสีหน้าหวาดเสียว
ภายในร้านนาฬิกา อัมราเดินออกมาเจอสันติ
"พี่อาร์ต มาซื้อของเหรอคะ"
"เปล่าครับ พี่เห็นน้องอัมมาทางนี้เลยรีบตามมาเตือน"
อัมรางง
"มาเตือน"
"มาเดินแถวนี้ต้องระวังพวกวิ่งราวกระเป๋ามีเยอะครับ"
อัมรายิ้มขยับกระเป๋าสะพายให้ดู
"ขอบคุณค่ะ แต่กระเป๋าอัมยังอยู่ดีค่ะ"
อัมราชะงักนึกอะไรได้"เอ๊ะ..."
"อะไรครับ"
อัมรารีบเปิดกระเป๋าสะพาย หน้าเสีย
"กระเป๋าเงินของอัมหายไปแล้วค่ะ"
ขโมยเลิ่กลั่กวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่นๆยื่นกระเป๋าให้
"คุณ..ทำกระเป๋าตกไว้ครับ"
อัมรารับมางงๆ ขโมยจะไป สันติเรียกไว้
"เดี๋ยว"
ขโมยไม่สนรีบวิ่งไป สันติจะตาม
"ทำไมคะพี่อาร์ต"
"พี่สงสัยว่านายคนนี้จะเป็นขโมย"
อัมรารีบเปิดกระเป๋าเงิน
"แต่เงินอัมก็อยู่ครบนี่คะ ถ้าเขาขโมยไปจะเอามาคืนทำไม สงสัยอัมอาจจะทำตกเองก็ได้ค่ะ"
สันติอึ้ง มองตามขโมยเห็นแค่หลังไวๆ สันติมีสีหน้าสงสัย
บริเวณหน้าตึกคณะ สันติ อัมรา นุชนารถเดินมาด้วยกัน
"ยังไงพี่ฝากเรียนคุณอาเดชด้วยนะครับว่า วันเสาร์นี้พี่จะขออนุญาตไปพบเพื่อขอคำแนะนำเรื่องงานที่จะส่งประกวด"
"ได้ค่ะ อัมจะบอกคุณพ่อให้"
นุชนารถถาม
"พี่อาร์ตทำงานนี้กับพี่ออยสองคนเหรอคะ"
"อาร์ต"
สันติ อัมรา นุชนารถหันไปมอง เห็นจุฑาเดินออกมาจากตึกคณะฯ โบกมือให้สันติ
"สามครับ" สันติบอก
จุฑาเข้ามาสมทบ สันติรีบบอก
"จุ๊บก็รวมอยู่ในกลุ่มด้วยครับ"
อัมรารีบยิ้มให้
"สวัสดีค่ะพี่จุ๊บ"
จุฑาเฉยๆ อัมราอึ้ง นุชนารถมองอย่างไม่พอใจ สันติรีบบอก
"จุ๊บรู้มั้ยน้องอัมราเป็นลูกสาวคุณอาเดชที่อาร์ตเล่าให้ฟัง"
จุฑาประชด
"โลกมันกลมจริงๆนะ"
จุฑาคว้าแขนอาร์ตอย่างสนิทสนม พูดยิ้มๆกับอัมราและนุชนารถ
"ขอตัวอาร์ตก่อนนะ พอดีมีธุระสำคัญ"
สันติหันมาถาม
"มีอะไรเหรอจุ๊บ"
จุ๊บแกล้งขยับเข้าไปใกล้กระซิบข้างหู ให้ได้ยินแค่สันติ
"คณะจะจัดประกวดปั้นหุ่น"
สันติท่าทางตื่นเต้นรีบหันมาบอกอัมรา
"พี่ขอตัวก่อนนะครับ ไปจุ๊บ"
สันติคว้าแขนจุฑาพากันวิ่งออกไป จุฑาหันมามองเย้ยอัมรา เธออึ้ง นุชนารถพูดขึ้นลอยๆ
"น่าเสียดายจังแหะ นึกว่าโสดดูท่าทางสนิทสนมกันแบบนี้ต้องเป็นแฟนกันแน่ๆเลย ว่ามั้ยอัม"
เงียบ นุชนารถหันมามองเห็นอัมรายังยืนมองตามสันติกับจุฑาไป นุชนารถแหย่
"เสียดายเหมือนกันใช่ม่ะ"
"บ้าพูดอะไร ไปเข้าเรียนได้แล้ว"
อัมราเดินนำไป นุชนารถรีบตามติดๆ
เดชกำลังทำความสะอาดดาบทับอยู่ในห้องหุ่น เดชมองอย่างแปลกใจ พลางพึมพำ
"เพิ่งเช็ดไปเมื่อวานทำไมมีฝุ่นอีกแล้ว"
เดชเงยหน้ามองทับ แล้วยิ้มให้
"แอบออกไปเที่ยวไหนมาหรือเปล่าครับคุณทับ"
หุ่นทับแม้จะหน้านิ่ง แต่ก็เหมือนมีรอยยิ้มนิดๆ อารีย์ถือกาแฟเข้ามาส่ายหน้าขำๆ
"คุยกับหุ่นอีกแล้ว"
เดชรีบเดินเข้ามาหาอารีย์
"ลงมาทำไม เธอหายแล้วเหรอ"
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย..พี่เดชค่ะ ฉันอยากคุยกับพี่เรื่องพรรณราย"
เดชมองเป็นเชิงถาม อารีย์พูดต่อ
"เมื่อวานพี่เดชว่ายัยพรรณแรงไปนะคะ"
"เธอก็เป็นแบบนี้ทุกที คอยตามใจคอยให้ท้ายจนยัยพรรณจะเสียคนอยู่แล้ว"
"พี่เดชก็รู้ว่าที่ฉันตามใจยัยพรรณเพราะอะไร"
เดชอึ้ง อารีย์ลูบแขนพูดอ่อนโยน
"ยัยพรรณนะเป็นเด็กน่าสงสาร แกโดดเดี่ยวตั้งแต่เด็กๆ พี่เดชก็มัวแต่ปั้นหุ่น ที่แกดื้อแบบนี้ก็เพราะไม่มีใครสนใจแก เราต้องค่อยๆตะล่อม เด็กแบบยัยพรรณใช้ไม้แข็งไม่ได้หรอกค่ะ"
"พี่ก็เห็นเธอใช้ไม้อ่อนมาตั้งหลายปีแล้วก็ยังไม่เห็นนิสัยจะดีขึ้นเลย พูดตรงๆนะนับวันนิสัยจะยิ่งเหมือน..."
อารีย์ตัดบททันควัน
"พี่เดช"
เดชชะงัก
"พรรณรายเป็นลูกฉัน เราเคยคุยกันแล้วนะคะว่า จะไม่พูดถึงอีก"
อารีย์ออกไปจากห้องหุ่นอย่างไม่พอใจ เดชนั่งนิ่งถอนใจกลุ้มๆ
เวลากลางคืน พิไลในสภาพโทรมๆ เข้ามาในบ้านเก่าๆอย่างเหนื่อยล้า
เห็นเทิดกินเหล้าอยู่กลางห้อง พิไลโกรธถลาเข้าไปคว้าแก้วเหล้าวิ่งไปเททิ้งที่หน้าต่าง
"นี่..ทิ้งซะให้หมด กินอยู่ได้ทั้งวัน"
เทิดเมามากแล้วโวยวาย
"นังพิไลแกทำอะไรวะ"
พิไลมาคว้าขวดอีก
"ก็ทิ้งไอ้น้ำเวรนี่ไง วันๆเอาแต่กินเหล้าไม่ช่วยฉันทำมาหากินบ้างเลย"
พิไลถือขวดเหล้าไป เทิดลุกตามคว้ามือไว้ได้
"นังบ้านี่ ของดีๆแกจะเอาไปทิ้งทำไม เอามา"
"ฉันไม่ให้"
สองคนแย่งกัน เทิดฉุนตบพิไลล้มลง ขวดเหล้ากระเด็นแตก เทิดยิ่งโมโห
"อีบ้าเอ๊ย..."
เทิดตรงเข้าไปกระชากผมพิไล
"แกทำบ้าอะไร เหล้ากูหกหมดแล้วเห็นมั้ย"
"โอ๊ย..ก็ดีแล้วนี่ แกจะได้เลิกกิน มาช่วยฉันทำมาหากินบ้าง ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
เทิดตบพิไลคว่ำไปอีก เงินหลุดกระจายออกมาจากตัวพิไล เทิดตาลุกกระโดดเข้าคว้าเงิน
"เงิน..ฮ่ะๆๆไม่เป็นไร กูไปซื้อใหม่ก็ได้"
เทิดลุกจะไป พิไลรีบกระโดดเข้ายื้อแย่ง
"อย่านะ..นั่นมันต้นทุนขายของของฉัน"
"ปล่อยกู"
พิไลร้องไห้อ้อนวอน
"พี่..ฉันขอร้องล่ะ ถ้าพี่เอาไปซื้อเหล้า ฉันจะเอาที่ไหนไปต่อทุนขายของล่ะ ฉันไหว้ละนะ"
พิไลยกมือไหว้จริงๆ เทิดไม่สน
"เรื่องของแก"
เทิดจะไป พิไลกางแขนขวางไว้
"ไม่ฉันไม่ให้ไป เอาเงินฉันคืนมาก่อน โธ่ทำไมพี่ทำกับฉันอย่างนี้ ฉันอุตส่าห์หนีตามพี่มา"
"ถุย..มาทวงบุญคุณเหรอ แกมันนังกากี ทิ้งผัวทิ้งลูกมากับกูเอง"
เทิดผลักพิไลกระเด็น จะออกไป แต่หันมาพูด
"ผัวเก่าแกนั่งไง ไปขอมันสิ เดี๋ยวนี้มันรวยไม่ใช่เหรอ ขอมาเยอะๆนะเผื่อกูด้วย ฮ่ะๆๆ"
เทิดออกไปแล้ว พิไลนั่งร้องไห้หมดอาลัยแล้วนึกอะไรได้ สีหน้าตัดสินใจเด็ดขาด
คืนเดียวกันต่อมา พิไลแอบดูอยู่ที่ประตูรั้วเห็นบ้านใหญ่โตของเดช พิไลท่าทางลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจไปกดกริ่ง พิไลรอ... ไม่มีที่ท่าว่าจะมีใครมาเปิด พิไลชะงัก เมื่อเห็นหุ่นเด็กชายเดินอยู่ที่สนาม พิไลตะโกนเรียก
"หนู..หนูจ๋า..หนู"
หุ่นเด็กค่อยหันมามองนิ่งๆ พิไลกวักมืออีก
"หนูมานี่หน่อยเร็ว"
หุ่นเด็กเดินช้าๆมาที่ประตู พิไลยิ้มแย้ม
"หนูคงเป็นลูกพี่เดช"
หุ่นเด็กไม่ตอบ
"ฉันเป็นเอ้อ... เป็นเพื่อนเก่าของพ่อหนูจ้ะ ช่วยเปิดประตูให้ทีสิ"
หุ่นเด็กบอก "กลับไป"
พิไลชะงัก หุ่นเด็กมองหน้าบึ้งบอกเสียงดัง "กลับไป"
พิไลชักโมโห
"เอ๊ะเป็นเด็กเป็นเล็ก ทำไมพูดจากับผู้ใหญ่แบบนี้ล่ะ"
จู่ๆลมพัดแรงมากเหมือนจะมีพายุ พิไลขัดใจมองท้องฟ้าเห็นเมฆดำทะมึนเคลื่อนบังดวงจันทร์
ลมแรงมากขึ้น พิไลหันมองซ้ายขวา หันกลับมา
"เปิดประตูให้ฉันเร็ว..อ้าว"
พิไลงงไม่มีหุ่นเด็กตรงหน้าแล้ว พิไลโมโห
"ไอ้เด็กบ้า..ไปไหนแล้ว"
ลมแรงมากขึ้นทุกที บรรยากาศเยือกเย็น
"จะต้องมามีพายุอะไรตอนนี้ด้วยวะ"
พิไลมองเข้าไปในบ้านเห็นไฟดับลง เสียงหมาหอนโหยหวนขึ้น พิไลสะดุ้งตกใจ
"ไอ้หมาบ้า...จะหอนทำไมเนี่ย"
พิไลมองรอบๆตัวสีหน้าหวาดๆ เลิ่กลั่กๆก่อนตัดสินใจวิ่งหนีไป
วันใหม่ ในห้องเรียนของมหาลัยศิลปากร เดชยืนอยู่หน้าห้องกับอาจารย์ประกอบ
"นับเป็นโชคดีของคณะเรา ที่ได้รับเกียรติจากคุณเดช สัตยาภา นักปั้นมือทองของประเทศ มาเป็นอาจารย์พิเศษช่วยดูแลโครงการที่มหา’ลัยจัดประกวดขึ้น ... เชิญคุณเดชพูดอะไรกับนักศึกษาหน่อยครับ"
นักศึกษาพากันปรบมือ สันติหันไปยิ้มกับอาทรอย่างดีใจ จุฑากระซิบบอกสันติ
"คนนี่นะเหรอที่อาร์ตเล่าให้จุ๊บฟัง"
"ใช่ นี่ล่ะคุณอาเดชที่ปั้นหุ่นได้เหมือนคนมากๆ"
จุฑามองเดชอย่างทึ่งๆ
"ผมดีใจมากที่ได้มาร่วมงานกับนักศึกษาทุกคน อย่าคิดว่าผมเป็นอาจารย์เลยนะครับ คิดว่าเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งก็แล้วกัน มีอะไรที่อยากรู้ก็ถามได้เลย"
นักศึกษาพากันปรบมืออีกครั้ง จุฑายกมือ
"ได้ยินว่าอาจารย์ปั้นหุ่นได้เหมือนกับคนจริงๆ มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ"
"ผมปั้นหุ่นทุกตัวด้วยใจ ผมไม่เคยคิดว่าเขาเป็นแค่หุ่น แต่ผมคิดว่าเขาคือคนที่มีเลือดเนื้อและวิญญาณ"
สีหน้าเดชมีความรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
จุฑาและนักศึกษาทุกคนมองเดชอย่างทึ่งๆ สันติมองอย่างศรัทธาในตัวเดชมาก
ภายในห้องปั้นหุ่น เดชกำลังปั้นแจกันอย่างชำนาญมากๆ บรรดาเหล่านักศึกษา
รวมถึงสันติ อาทร จุฑาต่างล้อมดูกันอย่างทึ่งๆ กระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น
อัมรากับนุชนารถวิ่งมาแอบดูอยู่ที่หน้าห้อง
"คุณพ่ออัมเก่งจังเลยนะปั้นเหมือนมากๆเลย"
อัมรายิ้มภูมิใจ
"นี่แค่ของง่ายๆนะ ถ้าปั้นคน คุณพ่อยิ่งปั้นเหมือนจนแทบแยกไม่ออกเลยล่ะว่า คนหรือหุ่น"
"เหรอ วันหลังนุชต้องขอไปดูห้องหุ่นในบ้านอัมบ้างแล้วล่ะ"
"ได้สิ..แต่ตอนนี้เราสองคนรีบไปเรียนกันก่อนดีกว่า"
อัมรากับนุชนารถจูงมือกันรีบวิ่งกลับไป ภายในห้อง เดชปั้นแจกันเสร็จเรียบร้อย สันติ กับทุกๆคนพากันปรบมือชื่นชม
เวลาต่อมา เดชเดินออกมาจากใต้ตึกคณะฯจะไปขึ้นรถ
"อาจารย์เดชครับ"
เดชชะงักหันไปมอง สันติ อาทร จุฑาวิ่งตามมาถึงพอดี เดชยิ้ม
"เรียกอาอย่างเดิมก็ได้ ไม่ต้องเรียกอาจารย์หรอก"
"ขอบคุณครับคุณอา ผมดีใจจริงๆที่คุณอามาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการประกวดปั้นหุ่นครั้งนี้"
"อาก็ดีใจ"
เดชมองเลยไปที่จุฑา อาทรรีบแนะนำ
"นี่จุ๊บเพื่อนอีกคนที่ร่วมมือกันทำผลงานเข้าประกวดครับ"
จุฑารีบไหว้ เดชรับไหว้แล้วยิ้มให้ จุฑารีบพูด
"อาร์ตเพิ่งมาเล่าให้จุ๊บฟังเรื่องห้องหุ่นเมื่อวันก่อนเองค่ะ จุ๊บยังอยากจะขออนุญาตไปดูบ้างเลย"
"เอาสิ" เดชบอก
จุฑาดีใจ
"จริงเหรอค่ะ ขอบคุณค่ะ"
"อาทิตย์นี้ดีมั้ยล่ะจะได้คุยเรื่องการประกวดกันด้วย"
ทั้งสามมองหน้าเดชอย่างดีใจ พร้อมใจกันยกมือไหว้
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ"
เดชมองสามคนยิ้มให้อย่างใจดี
ตอนเย็น อัมราถือถุงใส่ขนมเดินคุยมากับอารีย์มาถึงรั้วหน้าบ้านบุญเรือน
"คุณป้าต้องดีใจแน่เลยค่ะที่คุณแม่ซื้อขนมร้านอร่อยนี่มาฝาก"
"จ้ะ ขนมร้านนี่เค้ามีชื่อมาก ถ้าไปพาหุรัดแล้วไม่ได้ซื้อติดมือกลับมาก็เหมือนไม่ได้ไป คุณป้าเองก็เหมือนกันไปทีไรก็ต้องซื้อมาฝากแม่ทุกครั้ง"
"คุณแม่กับคุณป้าเนี่ยเหมือนเป็นญาติกันมากกว่าเพื่อนบ้านนะคะ"
"ใช่จ้ะ จำไว้นะลูก ใครมีน้ำใจกับเรา เราก็ต้องมีน้ำใจตอบ"
อารีย์กับอัมราตกใจที่จู่ๆประตูเล็กถูกเปิดออกมาค่อนข้างแรง ผอบโผล่ออกมาหงุดหงิด
"เค็มยิ่งกว่าเกลือซะอีก อุ๊ย..."
ผอบก็ตกใจ ที่เห็นสองแม่ลูก มองอย่างคาดไม่ถึง อารีย์รีบทักยิ้มแย้ม
"อ้าวคุณผอบสวัสดีค่ะ"
อัมรารีบยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
ผอบรีบปรับเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มผอบ
"อุ๊ย สวัสดีค้า จะมาหาคุณพี่บุญเรือนเหรอคะ"
"ค่ะ..คุณผอบก็มาเยี่ยมคุณพี่เหมือนกันหรือคะ"
"อ๋อค้า..คือ..เอ้อดิฉันอ๋อจะไปเที่ยวทะเลนะคะ เลยมาถามว่าคุณพี่บุญเรือนอยากได้อะไรบ้างหรือเปล่าจะได้ซื้อมาฝาก"
อารีย์พยักหน้าเข้าใจ ผอบเข้ามาจับตัวอัมราอย่างเอ็นดู
"จริงสิ ..พี่พงษ์เค้าก็ว่าจะซื้อของฝากมาให้หนูอัมราด้วยนะจ้ะ แหม ดีจังที่เจอตัวพอดี หนูอยากได้อะไรบอกป้ามาได้เลยนะ"
"ขอบคุณค่ะ แต่อัมไม่อยากได้อะไรเลยค่ะ"
"แหมไม่ต้องเกรงใจนะของนิดหน่อยแค่นี้สบายมากจ้ะ ป้าเองก็เอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยนะ"
"ขอบคุณมากค่ะแต่เห็นจะไม่รบกวน ถ้ายังไงดิฉันขอตัวเข้าไปพบคุณพี่บุญเรือนก่อนนะคะ"
อารีย์รีบยกมือไหว้ตัดบท อัมราไหว้ตาม ผอบรับไหว้มองสองแม่ลูกที่เดินเข้าไปอย่างหมายมาด
ห้องหุ่น ตอนที่ 1 (ต่อ)
เย็นวันเดียวกัน ในห้องนั่งเล่น
พงษ์นอนกระดิกเท้าฟังเพลงอ่านหนังสือดาราอย่างเพลิดเพลิน ผอบเข้ามากระชากหนังสือออกไป
"สบายใจจริงนะแก"
พงษ์ลุกขึ้นนั่งมองแม่รำคาญ
"อารมณ์เสียอะไรมาอีกล่ะแม่"
"ก็นังบุญเรือนนะสิ เค็มชะมัด"
"อย่าบอกนะ ว่าแม่ไปยืมเงินเค้าอีก"
"ถ้าไม่ยืมแล้ว แกกะฉันจะเอาที่ไหนกินเข้าไปล่ะ"
พงษ์รีบแบมือ
"งั้นก็แบ่งผมมั้งสิ อยู่แต่บ้านเบื่อจะตาย ผมจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตากะเค้าบ้าง"
"ได้มาซะที่ไหนล่ะ มันว่าของเก่าก็ยังไม่หมด ดอกมันก็ไม่ได้คิด ถ้าจะยืมใหม่ก็ต้องใช้ของเก่าให้หมดซะก่อน ชะอีเกลือ..อย่าให้ฉันรวยขึ้นมาบ้างก็แล้วกัน"
พงษ์เซ็ง ผอบนึกได้
"เออแม่เจอคุณอารีย์กับลูกสาวด้วย ทำไมแกไม่รีบๆจีบนังเด็กสองคนนั่นให้ติดล่ะ คนไหนก็ได้ พ่อแม่มันรวยซะขนาดนั้น แกกะแม่จะได้สบายไง"
"แม่ก็หาเงินมาให้ผมสิ ไม่มีเงินสักบาทจะไปจีบเค้าได้ไง จะตกปลาตัวโตทั้งที่มันก็ต้องใช้เหยื่อที่ดูดีหน่อย ไม่ใช่เหรอแม่"
"ก็จริงของแก เดี๋ยวนะขอแม่คิดหน่อยว่าจะไปยืมใครได้อีก"
ผอบคิดหนัก
วันใหม่ จุฑาสะพายย่ามไล่ดูหุ่นแต่ละตัวในห้องหุ่น บ้านเดช อย่างทึ่งๆ
"เหมือนคนมากๆเลยค่ะคุณอา"
เดชยิ้ม ยืนอยู่กับสันติ
"เชื่อหรือยังว่าอาร์ตไม่ได้พูดเกินความจริงเลย" สันติบอก
จุฑาวางย่ามไว้ที่โต๊ะ เดินไปที่หุ่นเด็กแตะตัวอย่างสนใจ
"หล่อจัง...เด็กคนนี้คุณอาปั้นนานหรือยังคะ"
เดชนึก
"สิบกว่าปีได้แล้วล่ะ"
"งั้นป่านนี้ก็คงโตเป็นหนุ่มแล้วสิคะ หน้าตาคงหล่อมากนะคะ ขนาดเป็นเด็กยังหล่อขนาดนี้"
เดชสีหน้าเศร้าทันที
"น้าเองก็ไม่รู้"
จุฑากับสันติแปลกใจ เดชมองไปที่หุ่นเด็ก พลางนึก...
ริมน้ำในวันหนึ่ง พีทเตะลูกบอลเล่นกับพ่อ พ่อเหนื่อยวิ่งเข้าไปหาแม่ที่นั่งเตรียมของกินอยู่บนเสื่อ พีทเตะลูกบอลเล่นต่อ ลูกบอลกระเด็นตกน้ำ พีทวิ่งตามไปเก็บ ตกน้ำไป พีทตะเกียกตะกาย
ก่อนจมหาย พ่อแม่หันไปเห็นตกใจวิ่งไปร้องตะโกนเรียกลูก พ่อกระโดดลงไปช่วย
"ถึงพ่อน้องพีทจะช่วยขึ้นมาได้ แต่ก็ยื้อชีวิตน้องพีทไว้ไม่ทัน"
เดชมองหุ่นน้องพีทอย่างเศร้าๆ
"น้องพีทตายหลังจากที่อาปั้นหุ่นตัวน้องเสร็จแค่วันเดียว"
ทั้งคู่อึ้ง สันติรีบเปลี่ยนเรื่องเดินไปที่หุ่นทับ
"แต่ผมชอบหุ่นนักดาบนี่มากกว่าครับ คนนี้คงยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ยครับ"
เดชเดินไปยืนหน้าหุ่นทับ
"คุณทับเป็นนักแสดง เขาอยากให้อาปั้นหุ่นตัวเขาในบทบาทที่เขาเล่นเป็นนายจันทร์หนวดเขี้ยว"
คืนหนึ่งในซอยเปลี่ยว ทับเดินดุ่มๆ ...
"คืนนั้นคุณทับแวะมาดูหุ่นที่อาปั้นเสร็จ เขาตื่นเต้นชื่นชมหุ่นตัวเองอยู่จนดึกจึงกลับบ้าน"
ในซอยเปลี่ยวนั้น กลุ่มขโมยรุมเข้ามาล้อมทับไว้
"ส่งของมีค่ามาให้หมด ขัดขืนตาย"
ทับไม่กลัว ตะโกนท้า
"ไอ้พวกมารสังคม ไม่รู้จักทำมาหากิน ฉันไม่ให้พวกแกหรอก อยากได้ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน"
ขโมยพุ่งเข้าใส่ ทับสู้ยิบตา เอาชนะขโมยได้ทุกคน ทับปัดมือชี้หน้า
"ฉันจะให้โอกาสพวกแกกลับตัว ไปทำมาหากินอย่างสุจริตกันซะไป"
ทับหันหลังจะเดินไป ขโมยคนหนึ่งกระชากมีดออกมา วิ่งเข้าแทงทับทางด้านหลัง ทับสะดุ้ง สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด ขโมยแทงไม่นับ ทับล้มลง ตาเหลือกค้าง น่ากลัว
สันติมองหุ่นทับอย่างนับถือ
"คุณทับตายเพราะเป็นคนดีอยากจะให้โอกาสคนอื่นแท้ๆ"
เดชพยักหน้า "ใช่"
จุฑาฟังแล้วเริ่มหน้าเสีย มองหุ่นนางรำ
"แล้วหุ่นนางรำนี่ละคะ"
"คุณสมศรีเป็นคุณครูที่สอนรำไทยให้พรรณรายกับอัมราตอนเด็กๆ"
คืนนั้น บนเวทีในโรงละคร เสียงเพลงไทยเดิมดังขึ้น สมศรีพร้อมนางรำคนอื่นๆออกมา ทั้งหมดรำอย่างสวยงาม
"คุณสมศรีเป็นนางรำที่เป็นดาวเด่นมาก เธอออกงานเกือบทุกวัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับเธอ"
สมศรีรำจบ นางรำแยกย้ายกันเข้าหลังเวที สมศรีก็เช่นกัน แต่มีคนดูวิ่งเข้าไปเพื่อจะให้ดอกไม้กับเธอ
สมศรีหยุดรับ พอหันกลับจะเข้าหลังเวที เสียงครืดคราดดังสนั่น ฉากเวทีด้านหลังล้มลงมาทับร่างสมศรี
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ร่างของสมศรีสั่นระริกก่อนสิ้นใจอย่างน่าสยดสยอง
สันติกับจุฑามองหน้ากันอึ้งๆ ร่างของหุ่นทุกตัวตายหมด เดชเดินไปที่หุ่นชาวนา ลูบคลำอย่างผูกพัน
"ลุงทวนเป็นเพื่อนบ้านเก่าที่อานับถือมาก แกเป็นคนมีน้ำใจทุกคนรักและนับถือแกเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง"
เย็นวันหนึ่ง ลุงทวนเดินมากลางทุ่งนา ในมือถือปิ่นโตมาด้วย
"เย็นวันนั้นลุงทวนกำลังจะเอาข้าวมาฝากอา แกเห็นว่าอาปั้นหุ่นจนไม่เป็นอันกินข้าวกินปลา แกบ่นว่าให้อารู้จักดูแลตัวเองบ้าง"
ลุงทวนเดินมาเรื่อยๆ รู้สึกปิดปกติ ลุงทวนหันกลับมาเห็นตัวงูที่จู่โจมเข้าใส่ ลุงทวนล้มลงนอนตาย ตายังค้างจ้องมองงูที่เลื้อยหนีไป
"ไม่นึกเลยว่าแกจะมาด่วนจากไปเร็วแบบนั้น"
สันติกับจุฑาฟังเรื่องราวพลอยเศร้าไปด้วย เดชเดินไปที่หุ่นนางพยาบาล
"ส่วนคุณนวลเป็นนางพยาบาลที่ช่วยทำคลอดพรรณราย คืนนั้นเธอออกเวรแล้วด้วยซ้ำ"
คืนนั้น เกิดมีคนไข้คลุ้มคลั่งจะกระโดดระเบียงโรงพยาบาล เหล่านางพยาบาลและเจ้าหน้าที่พากันร้องห้าม นวล หรือชื่อจริงว่า พรรณีแหวกคนเข้ามา
คนไข้ตะโกน "ออกไปอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันอยากตาย อยากตาย"
"ใจเย็นๆนะคะคุณ มีอะไรบอกฉันสิคะถ้าฉันช่วยคุณได้ฉันจะช่วย " นวลว่า
คนไข้ลังเล "จริงเหรอ"
"จริงค่ะ ฉันรับปาก..นะคะใจเย็นๆ ลงมาจากระเบียงก่อน แล้วมานั่งคุยกันนะคะ"
คนไข้คิดหนัก นวลค่อยๆเข้าไปหา ยิ้มอ่อนโยน ยื่นมือออกไป
"จับมือฉันสิค่ะ แล้วเข้ามาคุยกัน ฉันจะช่วยคุณทุกอย่างเลย นะคะ"
คนไข้ค่อยๆยื่นมือมา นวลยื่นมือไป คนไข้ทำท่าสงบ นวลเข้าไปใกล้
"ดีค่ะ คุณเก่งมาก เราเป็นเพื่อนกันนะคะ"
อย่างไม่คาดคิดคนไข้กลับคลุ้มคลั่งขึ้นมา ผลักนวลแล้ววิ่งแหวกคนหนีไป นวลคว้าง เสียหลัก ร้องตกใจ "ว้าย"
ร่างนางพยาบาลพรรณีลอยละลิ่วตกระเบียงลงมา นอนจมกองเลือด
หุ่นนางพยาบาลยืนสงบอยู่ในห้องหุ่น ทุกคนต่างยืนนิ่ง
สันติพึมพำ "ทำไมคนดีๆถึงต้องตายกันหมด"
"นั่นสิ น้าว่ามันไม่ยุติธรรมเลยนะ"
จุฑามองไปที่หุ่นนักยิงธนู
"หวังว่าคนที่แบบหุ่นนักยิงธนูคงไม่เหมือนคนอื่นๆนะคะ คุณอา"
เดชยิ้มเหมือนเยาะโชคชะตา ก่อนเดินที่ยืนตรงหน้าหุ่นนักยิงธนู
"คุณทวีศักดิ์นักยิงธนูทีมชาติ เขาทำชื่อเสียงให้ประเทศอย่างมากมาย มีแต่คนรักเขา"
สันติกับจุฑายิ้มออกมาได้ คิดว่า ทวีศักดิ์คงยังไม่ตาย
ณ บริเวณสนามซ้อมยิงธนู ทวีศักดิ์ซ้อมยิง ธนูทุกลูกเข้าเป้าอย่างแม่นยำ เพื่อนๆเข้ามาชื่นชม
แล้วที่ลานจอดรถ ขณะที่ทวีศักดิ์สะพายกระเป๋าใส่คันธนู เดินมาที่รถ กำลังจะเปิดประตูรถ
มือปืนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดยิง ทวีศักดิ์ล้มตายอยู่บนหน้าหม้อรถ
สันติกับจุฑาอึ้งผิดหวัง สันติไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ทำไมต้องฆ่าคุณทวีศักดิ์ด้วยครับ"
"คุณทวีศักดิ์คงไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า เลยโดนสั่งเก็บ เช้าวันนั้นเขาเพิ่งมาดูหุ่นตัวเอง อาไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับไปตาย"
เดชเดินไปที่หุ่นเจ้าคุณ ทรุดลงนั่งตรงหน้า
"ท่านเจ้าคุณนรบดินทร์ ท่านเป็นคนแรกที่ให้โอกาสน้า แต่ท่านก็มาเสียชีวิตในวันที่มารับหุ่นตัวท่าน"
เดชนึกย้อนถึงตอนที่เจ้าคุณก้าวลงมาจากทางเท้าจะข้ามไปที่หุ่น รถพุ่งเข้าหาเต็มแรง เดชชะงัก ได้ยินเสียงรถเบรกดังลั่นก่อนเสียงพลั่กสนั่น เดชหันกลับมา ตะลึง เห็นร่างเจ้าคุณกลิ้งลงมาจากหน้าหม้อรถ กลิ้งไปหยุดอยู่แทบเท้าหุ่น ตาเหลือกค้าง เลือดกระเด็นสาดไปที่ตัวหุ่นน่าสยดสยอง
ทั้งสองอึ้ง จุฑาถามอย่างหวาดๆ
"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความทุกคนที่เป็นแบบให้คุณอาปั้นตายหมดเหรอคะ"
เดชลุกขึ้นหันมา "ใช่"
สันติกับจุฑาเงียบไป ต่างมองหุ่นแต่ละตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ จุฑาออกแนวหวาด
พรรณรายกำลังเตรียมอาหารกลางวัน อารีย์เข้ามามองอย่างแปลกใจ
"ตายจริงวันนี้สงสัยฝนจะตก ลูกสาวแม่เข้าครัวได้"
พรรณรายหันมายิ้ม แกล้งทำงอน
"แหมคุณแม่ก็ พูดแบบนี้ใครได้ยินพรรณเสียหมดนะคะ"
อารีย์หัวเราะมองทั่วห้อง
"ชิ้นไปไหนละจ้ะ"
"พรรณใช้ให้ไปซื้อโซดาค่ะ พรรณจะเอามาใส่น้ำหวานให้พี่ออย พี่ออยชอบทานน้ำแดงโซดา"
อารีย์มองคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด
"เรื่องตาออย แม่อยากจะเตือนพรรณหน่อย"
พรรณรายชะงักหน้าตึง
"หึนี่คุณพ่อคงให้คุณแม่มาพูดใช่มั้ยคะ พรรณไม่เห็นเข้าใจเลย คุณพ่อเป็นคนพูดเองว่าพี่ออยเป็นคนดี แล้วพอพรรณคบกับพี่ออยก็กลับมาห้าม"
อารีย์รีบอธิบาย
"พ่อกับแม่ไม่ได้ห้ามพรรณคบกับออย"
"จริงเหรอคะ"
"จริงสิจ้ะ..พ่อกับแม่ก็ยังรู้สึกว่าออยเป็นคนดีเหมือนเดิม แต่ที่คุณพ่อเตือนก็เพราะลูกเป็นผู้หญิง การแสดงออกมากเกินไป มันจะดูไม่งามแค่นั้นเองจ้ะ"
"ถ้างั้นก็หมายความว่าพรรณคบกับพี่ออยได้ใช่มั้ยคะ"
"ได้สิจ้ะ แต่ต้องให้เหมาะสมไม่น่าเกลียด เพราะลูกทั้งสองคนก็ยังเรียนหนังสืออยู่ พรรณเข้าใจใช่มั้ยลูก"
"เข้าใจค่ะถ้าคุณพ่อพูดอย่างคุณแม่พรรณก็คงเข้าใจไปตั้งนานแล้ว"
อารีย์หัวเราะ เลียบเคียงถาม
"ว่าแต่พรรณชอบพี่ออยเขามากเหรอจ้ะ"
พรรณรายคิดก่อนตอบหน้าตาเฉย
"ตอนนี้ก็ชอบนะคะ แต่ก็ไม่แน่ ต่อไปถ้าพรรณเจอใครที่ดีกว่าพี่ออยพรรณก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้"
เสียงกริ่งประตูบ้านดัง พรรณตื่นเต้น
"สงสัยพี่ออยมาแล้วพรรณไปเปิดประตูก่อนนะคะ"
พรรณรายรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้อารีย์มองตามอย่างอึ้งๆ
เดช นำสันติ อาทร จุฑามานั่งที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน
"นั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่านะลมเย็นดี"
พรรณรายกับอัมราช่วยกันถือถาดใส่น้ำหวาน กับจานขนมมาวาง
"ทานขนมกับน้ำหวานก่อนนะคะ" อัมราบอก
"ดีเลยลูก จะได้รองท้องกันก่อน"
อัมราช่วยลำเลียงให้ทุกคน เริ่มตั้งแต่เดช แต่พรรณรายหยิบแก้วน้ำหวานกับขนม
ไปวางตรงหน้าอาทรคนเดียว แล้วนั่งลงคุยหน้าตาเฉย
"น้ำแดงใส่โซดาที่พี่ออยชอบไงคะ พรรณทำเองกับมือเลยน้า"
"ขอบใจจ้ะ"
เดชหน้าตึง เสียงแข็ง
"พรรณช่วยน้องจัดของว่างก่อนสิ อาร์ตกับจุ๊บยังไม่ได้เลย"
พรรณรายรู้ว่าเดชแกล้งใช้ แต่ไม่กล้าออกฤทธิ์ กระแทกเสียงใส่
"ค่ะคุณพ่อ"
พรรณรายลุกมาช่วยหยิบน้ำหวานให้จุฑา อัมราลำเลียงของมาถึงสันติ สันติยิ้มให้พึมพำ
"ขอบคุณครับ"
อัมรายิ้มตอบ จุฑาลอบมองสองคนอย่างสนใจ อัมราถอยออกไป
"คุยกันไปทานกันไป ตามสบายนะ"
จุฑาหันมาข้างๆตัวทำหน้างงๆ "เอ๊ะ"
เดชถาม "มีอะไรเหรอ"
"ย่ามของจุ๊บนะคะ อ๋อ... สงสัยจุ๊บคงลืมไว้ในห้องหุ่น เอ้อ...จุ๊บขออนุญาตไปเอาย่ามก่อนนะคะ"
เดชพยักหน้า จุฑาลุกเดินไปอย่างรวดเร็ว เดช สันติ อาทรคุยกันไปพลางๆ
ย่ามจุฑากำลังโดน "พีท" หุ่นเด็กรื้อค้นของในย่ามอย่างซุกซน เสียงประตูเปิดดังกริก พีทหันไปมองอย่างตกใจ ประตูถูกเปิดเข้ามา จุฑาเดินเข้ามารีบลงบันไดไปที่ห้องหุ่น จุฑาเดินเร็วๆไปที่โต๊ะมุมห้อง แปลกใจ ที่โต๊ะว่างเปล่าไม่มีย่าม
"เอ๊ะ..ก็เราวางไว้ตรงโต๊ะนี้นี่นา"
จุฑากวาดตามองไปทั่ว อึ้ง ประหลาดใจมากที่เห็นย่ามอยู่ที่พื้นปลายเท้าพีท เธอพึมพำ "ใครเอาไปวางไว้ตรงนั้น"
จุฑาลังเล มองหุ่นทีละตัวอย่างหวาดๆ ในบรรยากาศหลอนๆแล้วข่มความกลัว เดินช้าๆ
ไปที่พีท มองหุ่นเด็กที่ยังคงรูปปกติ ก่อนถอนใจเฮือกใหญ่
"บ้าน่าไอ้จุ๊บ คิดมากไปได้"
จุฑาก้มลงหยิบย่ามขึ้นมา รีบเดินเร็วๆกลับขึ้นบันไดไปข้างบน เสียงประตูปิด หุ่นเด็ก
หันหน้าไปมอง ยิ้มอย่างซุกซน
ทางด้านอัมรากำลังจัดโต๊ะอาหารก็ชะงัก สายตาเหลือบมองออกไปที่โต๊ะหน้าบ้านเห็น สันติกำลังคุยกับจุฑาอย่างสนิทสนม เดชคุยกับอาทรอยู่ อัมราถอนใจ
"ถึงกับถอนใจเชียวเหรอ ยัยอัม"
อัมราสะดุ้ง
"พี่พรรณ"
พรรณรายยกถาดใส่อาหารเข้ามา วางถาดลงบนโต๊ะตามองไปที่สันติกับจุฑา
"เธอชอบนายอาร์ตนั่นใช่มั้ย"
อัมราตกใจ
"พี่พรรณทำไมพูดแบบนั้นคะ อัมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย"
พรรณรายจ้องหน้า
"จริงเหรอ"
"จริงสิคะ อัมรู้สึกกับพี่อาร์ตเหมือนพี่ชายคนหนึ่งแค่นั้นเอง"
"ก็ดี..เพราะถ้าเธอชอบนายอาร์ตนั่น พี่ว่าเธอนะโง่"
"ทำไมคะพี่อาร์ตก็เป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง อัมว่าพี่เค้าดีพอๆกับพี่ออยเลย"
"ดีแต่จน เป็นแค่เด็กวัด อาศัยพระอยู่ เธออย่าไปสนใจนะดีที่สุด ดูอย่างพี่สิ พอรู้ว่าจนนะ สองตาพี่ยังไม่มองเลย"
พรรณรายเดินไป อัมรามองอย่างแปลกใจพึมพำ
"พี่พรรณพูดเหมือนกับว่าเคยสนใจพี่อาร์ตอย่างนั้นล่ะ..แปลกจัง"
อัมราถือแก้วน้ำมานั่งดื่มเงียบๆที่โต๊ะสนาม สีหน้าครุ่นคิด สันติเข้ามายืนใกล้ๆ
"พี่ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ"
อัมราเงยหน้ามอง
"พี่อาร์ต เชิญค่ะ"
สันตินั่งตรงข้าม
"น้องอัมทานน้อยจัง อิ่มแล้วเหรอครับ ออยกับน้องพรรณรายยังทานกันอยู่เลย"
สันติมองไปที่โต๊ะอาหารในบ้าน อัมรามองตาม เห็นพรรณรายยังนั่งคุยนั่งทานอาหารอยู่กับอาทรอย่างเพลิดเพลิน
"อัมอิ่มแล้วค่ะ..เป็นไงบ้างคะมาคุยกับคุณพ่อวันนี้"
"ดีมากเลยครับ พี่ได้ไอเดียดีๆจากการแนะนำของคุณอาตั้งหลายอย่างกลับไปนี่เราสามคนคงเริ่มลงมือทำงานกันได้แล้ว"
"เหรอคะ อัมดีใจด้วยจริงๆ ถ้ามีอะไรที่อัมช่วยได้ พี่อาร์ตบอกได้เลยนะคะอัมเต็มใจช่วยค่ะ"
สันติมองอัมราอย่างประทับใจ
"ขอบคุณมากครับ"
สองคนมองหน้ากันอย่างรู้สึกดีๆ จุฑายืนมองอย่างไม่ค่อยพอใจ
รีบเดินเข้ามานั่งใกล้สันติ จับบ่าสันติแสดงความสนิทสนม
"มานั่งอยู่นี่เอง เอออาร์ตผลไม้น่ากินมากเลย ช่วยตักให้จุ๊บหน่อยได้มั้ย"
สันติกุลีกุจอลุกขึ้น
"ได้สิ... น้องอัมรับผลไม้ด้วยนะครับพี่จะตักมาเผื่อ"
จุ๊บแอบมองไม่พอใจ
"ขอบคุณค่ะ"
สันติยิ้มรีบเดินไป จุฑารีบพูด
"อาร์ตเขาน่ารักอย่างนี้แหละค่ะ เป็นสุภาพบุรุษกับทุกคน น้องอัมเชื่อมั้ยคะ เพราะเขาน่ารักแบบนี้ทำให้เพื่อนผู้หญิงบางคนคิดว่าอาร์ตไปชอบเค้า พี่ละขำกันแทบตาย"
"เหรอคะ"
"ค่ะแต่อาร์ตเขาไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ ส่วนมากผู้หญิงชอบคิดกันไปเอง ผู้หญิงสมัยนี้ก็แปลกนะคะ ใครดีด้วยหน่อยก็ทึกทักว่าเขาชอบ"
อัมราอึ้งๆไป จุฑาเปลี่ยนเรื่อง
"อาหารอร่อยจังคะ ฝีมือน้องอัมหรือเปล่าคะ"
"ขอบคุณค่ะ ฝีมือคุณแม่นะคะ"
"แต่รสเผ็ดไปหน่อย คืออารต์เค้าไม่ค่อยทานเผ็ดนะคะ"
"อ๋อ"
"แต่อาร์ตเค้าก็เป็นคนทานอะไรง่ายๆนะคะ เวลาไปที่บ้านพี่แค่เจียวไข่ร้อนๆให้อาร์ตก็ทานข้าวตั้งสองจานแล้วละคะ"
"เอ้อดูท่าทางพี่อาร์ตกับพี่จุ๊บจะสนิทกันมากนะคะ"
"ค่ะเราสนิทกันมาก ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วค่ะ วันหยุดถ้าอาร์ตไม่มีธุระอะไรเค้าก็ชอบไปนั่งอ่านหนังสือหรือปั้นอะไรกันที่บ้านพี่นะคะ"
อัมราพยักหน้า สันติเข้ามา วางจานผลไม้เล็กๆสองจานบนโต๊ะ
"มาแล้วครับผลไม้"
อัมราลุกขึ้นพูดเรียบๆ
"ตายจริง อัมลืมเอากาแฟไปให้คุณพ่อ คือคุณพ่อต้องดื่มกาแฟหลังอาหารนะคะ อัมขอตัวก่อนนะคะ"
อัมรารีบออกไป สันติมองตามอย่างงงๆ จุฑาแอบยิ้มสมใจใช้ส้อมจะจิ้มผลไม้ในจาน
แต่มือจุฑากลับเลื่อนไปเหมือนถูกผลัก จิ้มส้อมลงกับโต๊ะแทน มองไปข้างๆก็ไม่มีใคร เธอกระพริบตาปริบๆ มือถือส้อมยกค้างอยู่ สันติหันมามอง
"ทำไมไม่กินละจุ๊บ"
"อ๋อ เอ้อกินสิ"
จุฑาตัดสินใจจิ้มอีกครั้ง ก็จิ้มผลไม้ได้ตามปกติ เลยทำหน้างงๆ แล้วมองไปรอบๆอีกครั้ง ไม่มีอะไร แต่ออกจะประหลาดใจไม่น้อย
บนโต๊ะอาหาร พรรณรายพยายามอ้อนอาทร
"น่านะคะพี่ออย พรรณอยากไปช้อปปิ้ง พี่ออยพาพรรณไปหน่อยนะคะ"
"พี่ต้องเรียนจ้ะ"
"วันหยุดก็ได้ค่ะ"
"วันหยุดพี่ก็ต้องทำโครงงานประกวดปั้นหุ่นพี่ไม่มีเวลาจริงๆ ทำไมพรรณไม่ไปกับคุณน้าอารีย์หรือน้องอัมล่ะ"
"ไปกับคุณแม่กับยัยอัมน่าเบื่อจะตาย จะซื้ออะไรที่แพงๆคุณแม่ก็บ่น ยัยอัมก็เหมือนกัน บ่นพรรณยังกับตัวเองเป็นพี่แหนะค่ะ"
"แต่พี่ว่าที่คุณน้าอารีย์กับน้องอัมพูดก็ถูกนะ พรรณยังเป็นนักศึกษาอยู่เลยจะใช้ของแพงๆไปทำไมกัน"
"เพื่อนๆพรรณเขาก็ใช้กันทั้งนั้น กระเป๋า รองเท้าคู่ละตั้งหลายร้อยไม่ใช่พรรณใช้คนเดียวที่ไหนละคะ"
"พี่ว่าเราไม่ควรตามคนอื่นในทางที่ผิด คุณแม่พี่สอนเสมอว่า เงินทองเป็นของหายาก ถึงเราจะมีในวันนี้ แต่ถ้าเราฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเราก็อาจจะกลายเป็นยาจกได้ในวันข้างหน้า"
พรรณรายแอบเซ็ง อาทรสอนต่อ
"พี่ว่าพรรณต้องรู้จักประหยัดไว้จะดีกว่านะครับ เชื่อพี่เถอะ"
พรรณรายถอนใจ เบื่อมาก
คืนนั้น สันติเดินมาในซอยกับจุฑา ระหว่างที่เดินมา จุฑามีท่าทางแปลกๆมองไปข้างหลังบ่อยๆ
จนมาถึงหน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านไม้ธรรมดาๆ รั้วบ้านโปร่งๆมองเห็นตัวบ้านได้
"อาร์ตส่งจุ๊บแค่นี้นะ"
สันติจะไป จุฑาดึงแขนไว้
"เดี๋ยวสิอาร์ต"
"มีอะไรเหรอ"
จุฑาลังเล แล้วตัดสินใจพูด
"คือ..จุ๊บรู้สึกแปลกๆนะ"
"อะไรที่ว่าแปลก"
เสียงหมาหอนขึ้นมาอย่างโหยหวน จุฑาสะดุ้งวาบ
"ในห้องหุ่นของคุณอาเดชน่ะ"
"ทำไม"
"วันนี้ตอนจุ๊บเข้าไปเอาย่าม อยู่ๆย่ามของจุ๊บก็ย้ายที่ไปซะเฉยๆ จุ๊บจำได้นะว่า วางเอาไว้ที่โต๊ะแต่ตอนเข้าไปมันไปอยู่ที่..."
"ที่ไหน"
"ที่หุ่นน้องพีท"
สันติหัวเราะ
"โธ่เอ๊ยจุ๊บ นี่จุ๊บกำลังจะบอกว่าโดนผีหุ่นหลอกงั้นสิ"
"แล้วอาร์ตคิดว่ามันคืออะไรล่ะ แถมตอนที่จะกินผลไม้ จุ๊บก็สึกเหมือนมีใครผลักแขนจุ๊บ"
สันติขำส่ายหัว จุ๊บเขย่าแขนสันติจริงจัง
"จุ๊บพูดจริงนะ ขากลับมานี่จุ๊บก็รู้สึกเหมือนมีคนตามเรามาตลอดเลย"
พีทปรากฏร่างขึ้นข้างๆและแหงนมองจุฑาอยู่
ภายในบ้าน น้ามนกำลังถีบจักร เย็บผ้า มีแบบหุ่นอยู่ข้างๆ น้ามนชะงักมองออกไปหน้าบ้าน แล้วพึมพำ
"อ้อจุ๊บกลับมาแล้ว"
น้ามนชะงักเพ่งมอง
"เอ๊ะพาเด็กที่ไหนมาด้วย"
สันติส่ายหน้า
"จุ๊บฟังนะ อาร์ตเข้าใจความรู้สึกจุ๊บ พอจุ๊บรู้ว่าหุ่นทั้งหมดตายจุ๊บก็เลยหลอน"
"ไม่นะอาร์ต จุ๊บไม่ได้หลอนแต่จุ๊บรู้สึกจริงๆ"
จุฑามองรอบๆท่าทางหวาด
"ขนาดตอนเนี้ย จุ๊บยังรู้สึกเหมือนไม่ได้มีเราอยู่สองคนเลยนะ"
"ไม่มีอะไรหรอก เชื่ออาร์ตสินะ หรือถ้าจะมีอะไรจริง พวกเขาก็คงไม่ทำอะไรเราหรอก เพราะเราไม่ได้คิดทำอะไรไม่ดีนี่จริงมั้ย"
สันติพูดจริงจังจนจุ๊บถึงกับอึ้ง เด็กพีทรู้สึกว่า มีคนมอง เลยหันไปมองที่ตัวบ้าน เห็นน้ามนมายืนที่หน้าต่างมองอยู่ พีทยิ้มให้อย่างเยือกเย็น
เวลาถัดมาเล็กน้อย จุฑาอดรองเท้าเข้าบ้าน โยนย่ามไว้ที่เก้าอี้รับแขก นั่งลงแรงๆสีหน้ายังครุ่นคิด น้ามนเดินออกมา เปิดตู้เย็นรินน้ำ
"ทำไมไม่ชวนอาร์ตเข้าบ้านก่อนล่ะจุ๊บ"
"อาร์ตเค้ารีบกลับค่ะ เดี๋ยวรถเมล์หมด"
"อ๋อ..แล้ววันนี้พาเด็กที่ไหนมาด้วยล่ะ น้องอาร์ตเหรอ"
จุฑาชะงักทันที
"เด็ก..เด็กที่ไหนคะ"
"ก็น้าเห็นยืนอยู่ข้างๆจุ๊บนะ"
จุฑาหน้าตาตื่น
"น้ามนเห็นเด็กยืนอยู่ข้างๆจุ๊บเหรอคะ"
น้ามนกินน้ำก่อนตอบ
"ใช่จ้ะ..น้ายังไปมองที่หน้าต่างเลย"
จุฑาหน้าซีด
"หน้าตาเด็กเป็นยังไงคะ"
"น้าจะไปเห็นขนาดนั้นได้ยังไง ยืนอยู่ตั้งไกลแค่เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายแค่นั้นเอง"
จุฑาพึมพำ "เด็กผู้ชาย"
จุฑาซีดกว่าเดิม จนมนทัก
"เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดจัง"
จุฑาลูบหน้า "เปล่า..เปล่าคะ"
มนพยักหน้าเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน พูดไปด้วย
"น้าไปนอนก่อนนะ วันนี้เหนื่อยจัง นั่งเย็บผ้าทั้งวันนัดลูกค้าไว้พรุ่งนี้เฮ้อ.."
จุฑามองซ้ายขวา รู้สึกหลอนๆ รีบคว้าย่าม วิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว ท่าทางหวาดกลัว
จบตอนที่ 1