ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 32
สร้อยทองปรี้ดขึ้นมาอีกรอบ ลุกขึ้นชี้หน้าตวาด
"อย่ามากล่าวหาว่าฉัน คุณพี่ต่างหากที่รู้ตัวได้แล้วว่าทำอะไรลงไปบ้าง ทำอะไรกับชีวิตอิชั้นกับลูกบ้าง"
"สร้อยทอง!"
สร้อยทองเกรี้ยวกราด แต่สายตาพลันไปเห็นจดหมายพุดจีบที่ตกอยู่ที่พื้นห้อง สร้อยทองเก็บจดหมายขึ้นมาอ่าน แล้วรู้ความสีหน้าโกรธขึ้นทันที
"คืนนี้ เรื่องทุกเรื่องที่คุณพี่ก่อเอาไว้ มันจะจบลง ทุกชีวิต ทุกคน จะได้รับการชดใช้อย่างสาสมด้วยชีวิต"
คุณหลวงพยายามรั้งจับมือไว้ แต่สร้อยทองหุนหันเหมือนคนเสียสติ คุณหลวงพยามเหนี่ยวรั้งจับมือจนสุดปลายมือ แต่ไม่สามารถหยุดได้ สร้อยทองหันมามองคุณหลวงครั้งสุดท้ายก่อนออกไป
"สร้อยทอง สร้อยทอง อย่า"
คุณหลวงมองเห็นจดหมายที่สร้อยทองทิ้งไว้ที่พื้น มองอย่างแปลกใจว่าเนื้อความคืออะไร
ลำเจียกในห้อง เอาพระองค์เล็กวางในพาน มองนิ่ง มีรอยยิ้มขึ้นมาเป็นครั้งแรกหลังจากการสูญเสียครั้งที่ผ่านมา นั่งใช้ความคิดได้สักครู่ ก็ได้ยินเสียงคุณหลวงร้องเรียกสร้อยทองอย่างน่าสงสาร จึงรู้ได้ทันทีว่า คืนนี้คงจะเป็นคืนที่สร้อยทองลงมือครั้งสำคัญเป็นแน่ พยายามรวบสติขวัญกำลังของตนกลับมา...
ดอกแก้วพยายามช่วยปลุกพุดจีบที่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นแล้ว พุดจีบมองหน้าดอกแก้ว แล้วที่ด้านหลังดอกแก้ว นายคงที่เพิ่งฟื้นจากหลุม มุ่งมาที่ดอกแก้ว พุดจีบรีบตะโกนร้องบอกดอกแก้ว
"คุณดอกแก้วระวังข้างหลัง"
พุดจีบรีบลุกตัวอย่างเร็ว เพื่อให้ดอกแก้วกระเด็นออกไปและตัวพุดจีบเข้าไปกันคมพลั่วของนายคงแทน ดอกแก้วตั้งหลักได้ เห็นภาพพุดจีบโดนทำร้าย ถูกตีเข้าที่กลางหลังอย่างจัง ดอกแก้วร้องตะโกนเสียงหลง
"พุดจีบ"
นายคงยังไม่ยอมลามือ หมายจะฆ่าให้ตาย ง้างมือสูงเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่พุดจีบหันกลับมารับพลั่วไว้ทัน คงดันแรงกับพุดจีบ แล้วพยามจะง้างขึ้นฟาดอีกครั้ง แต่กลับถูกดอกแก้วตีหน้าหงายด้วยท่อนไม้ใหญ่ กำลังจะตกหลุม พุดจีบได้สติ พุ่งชนนายคงล้มลอยลงหลุมไป แต่โชคร้ายที่ในหลุมมีไม้แหลมปักตั้งอยู่ นายคงล้มลงโดนไม้เสียบอกทะลุหลังตายคาที่ ทั้งสองเห็นคนตายต่อหน้าครั้งแรกตกใจสุดขีด ดอกแก้วรีบวิ่งไปพยุงตัวพุดจีบขึ้นมา
ที่ห้องคุณหลวง เทพไทผ่านมาได้ยินเสียงพ่อร้องขอความช่วยเหลือ เทพไทเห็นสภาพพ่อกองอยู่ที่พื้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปพยุงพ่อไว้
"เทพ พาพ่อไป"
"ไปไหนครับ"
"แม่แก"
"คุณแม่ทำไมเหรอครับ"
"ไม่มีเวลาแล้วพ่อเทพ รีบพาพ่อไป"
เทพไทอึ้งงง แต่รับรู้ได้ว่าบ้านนพรัตน์กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
ฟ้าโครมคืน เสียงฟ้าผ่าดังก้อง ดอกแก้วพยายามพยุงพุดจีบขึ้นมา แต่ก็ลื่นไถลตลอด แต่พอทั้งสองคนขึ้นมาได้ก็หอบพักใหญ่ จนเงยหน้าขึ้น เห็นสร้อยทองยืนขวางตระหง่านอยู่อย่างน่าเกรงขาม ดอกแก้วเห็นเป็นสร้อยทองเลยดีใจ ร้องเรียกเสียงหลง
"คุณพี่สร้อยทอง"
พุดจีบเห็นเป็นสร้อยทองถึงกับตกใจ พยายามบอกดอกแก้วว่าสร้อยทองทองแหละตัวการทั้งหมด แต่ดอกแก้วไม่ได้เอะใจ กลับรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ
"คุณพี่ค่ะ ทุกคนในบ้านถูกฝังอยู่ที่นี่ค่ะ แม่มะลิ อึ่ง นายไหล แม่ศรี คุณสารภี นายคงเป็นคนฆ่าทุกคนที่นี่ค่ะ"
สร้อยทองตีหน้าซื่อใส่ทันที โดยแม้แต่พุดจีบยังอึ้งแปลกใจ
"เธอไม่เป็นไรใช่ไหมดอกแก้ว ฉันอดห่วงเธอไม่ได้ กลัวจะมีอันตราย ฉันคิดอยู่แล้วว่านายคงมันต้องเป็นคนทำ แต่คงต้องมีใครอยู่เบื้องหลังคอยถือท้ายมัน"
สร้อยทองจับแขนดอกแก้วอย่างห่วงใย พุดจีบยังลังเลว่าตกลงยังไงกันแน่
"ดอกแก้วเธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รีบขึ้นเรือนเถอะ อยู่ที่นี่มันอันตรายเกินไป"
ดอกแก้วยังไม่อาจคลายความสงสัยลงได้ รีบท้วงทันที
"แต่เราต้องรู้ให้ได้ค่ะ ว่าใครที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง ไม่แน่นะค่ะพี่สร้อยทอง บางทีมันอาจจะแฝงตัวอยู่บนเรือนเราก็ได้ คุณพี่ต้องระวังตัวนะค่ะ"
สร้อยทองบีบกระฉับแขนดอกแก้วแน่นขึ้นจนดอกแก้วรู้สึกได้
" โอ้ย คุณพี่สร้อยแก้วเจ็บค่ะ"
ดอกแก้วตกใจเมื่อมองที่สีหน้าของสร้อยทองที่เริ่มเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พุดจีบเองก็เริ่มขยับตัว เหมือนรู้อะไรบางอย่างแล้ว
"เจ็บเหรอ...แค่นี้เจ็บเหรอ"
"เจ็บค่ะ คุณพี่สร้อยทอง"
"ถ้าแค่นี้แกเรียกเจ็บ แล้วความรู้สึกของฉันแกจะเรียกว่าอะไร"
ดอกแก้วตกใจกับการเปลี่ยนโฉมหน้าของสร้อยทอง พุดจีบตกใจ เพ่งมองดูเหตุการณ์ ดอกแก้วยังงงไม่เข้าใจใดๆ
"คุณพี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ใครเจ็บปวด ใครทำอะไรคุณพี่เหรอค่ะ"
สร้อยทองยิ่งเปลี่ยนอารมณ์ร้ายกาจขึ้นมา จนดอกแก้วรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่สร้อยทองที่เธอเคยรู้จัก
" นี่แกยังมาตีหน้าซื่อไร้เดียงสาอีกเหรออีดอกแก้ว"
ดอกแก้วตกใจกับอารมณ์พูดของสร้อยทองที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พุดจีบตกใจด้วยเช่นกันดอกแก้วพยายามทำใจดีสู้เสือ
"เออ..เออ คุณพี่สร้อยทอง คือปล่อยแขนดอกแก้วก่อนเถอะค่ะ ดอกแก้วอยากขึ้นไปบนเรือนแล้วค่ะ นะค่ะ"
ดอกแก้วพยายามจะรีบเดินหนีออก แต่สร้อยทองฉุดกระชากกลับมาทันที พุดจีบเห็นท่าไม่ดี พยายามจะมาช่วยดอกแก้ว กลับถูกสร้อยทองชี้หน้าตวาดลั่น
"หยุดเลยน่ะ อีพุดจีบ อย่าคิดแม้แต่ขยับมาจับตัวกู"
พุดจีบถึงกับอึ้ง ยอมถอยหลังกลับ แต่ยังมิวายมองหยั่งเชิง สร้อยทองหันมาใส่ดอกแก้วต่อ
" อีดอกแก้ว แกรู้ไหม ว่าใครเป็นคนฆ่าพวกมันทั้งหมด แล้วเอามาฝั่งใต้ดงดอกซ่อนกลิ่นของแกนี่ คิดไม่ถึงละสิ ฉันต้องขอบใจแกนะ ที่ช่วยปลูกดอกซ่อนกลิ่น ช่วยให้ฉันได้ซ่อนไอ้ชั่วอีชู้เหล่านี้ กลิ่นดอกไม้ของแก ช่วยกลบกลิ่นเน่าเฟะของพวกมัน จนไม่มีใครในบ้านนพรัตน์ล่วงรู้เลยว่าฉันฝังพวกมันไว้ที่นี่"
ดอกแก้วหันไปมองศพทุกศพ แล้วหันมาที่สร้อยทองอย่างตกใจ ไม่เชื่อว่า สร้อยทองคือคนทำทั้งหมด
"ตกใจใช่ไหมล่ะ แกคงไม่เชื่อสินะ แน่ละ ใครจะคิดละว่า คุณสร้อยทองแห่งบ้านนพรัตน์จะทำเรื่องแบบนี้ได้"
ดอกแก้วพยายามพูดเพื่อให้สร้อยทองสงบลง
"คุณพี่สร้อย มัน..มัน ไม่จริงหรอกใช่ไหมค่ะ.ปล่อยแก้วไปเถอะค่ะ"
"แกมีหน้ามาขอร้องฉันอีกเหรอ ไม่ใช่เพราะแกกับพวกมันเหรอที่ทำให้คุณพี่หัวปั่นหลงจนโงหัวไม่ขึ้น"
"คุณพี่สร้อยทองค่ะ ฟังแก้วก่อน คือแก้วกับคุณหลวง เราสองคนมิได้..."
"แกจะพูดอะไรก็สายไปซะแล้ว คืนนี้ทุกอย่างจะต้องปิดฉากลง พวกแกทุกคนต้องชดใช้กรรมที่แกก่อไว้กับฉัน อย่างสาสม"
พุดจีบตกใจ คิดว่าสร้อยทองเอาจริงแน่ ดอกแก้วสะบัดหลุดจากสร้อยทองหมายจะวิ่งหนี แต่ถูกกระชากผมกลับมา พุดจีบเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งเข้าไปหมายจะช่วยดอกแก้ว แต่พลาดท่าถูกสร้อยทองผลักตกหลุมอีกครั้ง หัวกระแทกตอไม้สลบลงทันที
"พุดจีบ!"
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 32 (ต่อ)
ดอกแก้วหันกลับมา ถูกสร้อยทองที่หยิบหินก้อนใหญ่ที่พื้นตบเข้าที่ขมับ เลือดออกแดงฉานที่ข้างกกหู จนดอกแก้วล้มลงกับพื้น สร้อยทองคว้าพลั่วของนายคงมา หมายจะฟันที่ดอกแก้ว ในขณะที่ดอกแก้วกำลังถอยๆๆ สร้อยทองก็ยกพลั่วของนายคงขึ้น ง้างมือจะฟันที่ดอกแก้ว ดอกแก้วป้องปิด แต่ที่สร้อยทองที่กำลังง้างมือสูง กับนิ่งไป เพราะที่ท้องของสร้อยทองมีมีดด้ามหนึ่งแทงทะลุมาจากด้านหลัง ลำเจียกเป็นคนแทง สร้อยทองค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น สีหน้าลำเจียกตกใจ ปากสั่น มือสั่น น้ำตาเออท่วมตา ค่อยๆ แทงมีดซ้ำจนลึกลงไปอีกอย่างช้าๆ ดอกแก้วและพุดจีบที่เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจกับภาพที่เห็น ดอกแก้วร้องเรียกลำเจียก
"คุณลำเจียก"
ลำเจียกเนื้อตัวยังสั่น ค่อยๆ ถอยหลังออกไปจากสร้อยทองที่ยังชาทั้งตัวกับบาดแผลที่ถูกแทง
"ลำ..เจียก"
ลำเจียกร้องไห้มองดูมือเปื้อนเลือดอย่างหวดกลัว สร้อยทองค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น
เทพไทพยุงคุณหลวงปกรณ์มาถึงทันเห็นสร้อยทองล้มลง ทั้งสองตกใจ รีบดิ่งมาหาสร้อยทอง
"แม่สร้อย แม่สร้อย"
"คุณแม่ คุณแม่"
เทพไทรีบลงรวบสร้อยทองขึ้นมา หลวงปกรณ์นั่งลงข้างกัน รีบรับสร้อยทองมาไว้ที่ตักอย่างห่วงใยสุดซึ้ง สร้อยทองมองเห็นเป็นคุณหลวงและลูกชายมาก็ดีใจ ค่อยๆ ฝืนยิ้มให้ ทั้งที่เริ่มเจ็บปวดจากบาดแผล
"คุณพี่"
หลวงปกรณ์กอดสร้อยแนบแน่นขึ้น มือจับที่มือสร้อยที่กุมท้องอยู่ ปกรณ์เห็นเป็นเลือดก็ตกใจ แต่พยายามทำเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
"แม่สร้อย แม่สร้อยของฉัน"
หลวงปกรณ์ฝืนยิ้มเรียกเมียรัก ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ สร้อยทองมองผัวรัก ค่อยๆ เอามือลูบหน้าหลวงปกรณ์อย่างแผ่วเบา
"คุณพี่..คุณพี่กอดอิชั้น ยังยิ้มให้อิชั้น คุณพี่ไม่โกรธ ไม่เกลียดอิชั้นเหรอเจ้าค่ะ"
หลวงปกรณ์ค่อยๆ เอามือลูบใบหน้าสร้อยอย่างวันวาน
"แม่สร้อยก็รู้ ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดโกรธ เกลียด แม่สร้อยเลย"
"คุณพี่เมตตาอิชั้น ดูแลอิชั้นอย่างดี อย่างที่เคยสัญญาไว้จริงๆ ตั้งแต่วันที่เราแต่งงานกัน จนกระทั่งวันนี้ คุณพี่ไม่เคยเปลี่ยน"
" แม่สร้อยก็รู้ดี แม่สร้อยคือเมียของฉัน เธอเป็นเมียของพี่ สร้อยทอง และก็เป็นจริงเช่นนั้นมาตลอด"
" อิชั้นผิดเอง ผิดที่อิชั้นคนเดียว"
"อย่าพูดอย่างนั้นอีกเลยแม่สร้อย ถ้าแม่สร้อยผิด ฉันคงตกหลุมนรกมากกว่าหลายขุมเป็นนัก"
สร้อยทองมองคุณหลวงอย่างสุดรัก สุดหัวใจ สร้อยทองเห็นลำเจียกที่ยืนตัวสั่นร้องไห้อยู่ไม่ไกล
"แม่ลำเจียก ฉันกับเธอ ชาติหน้าคงชดใช้กรรมให้เธอไม่หมด...กับสิ่งที่ฉันทำกับเธอไว้ทั้งหมด"
ทั้งสร้อยทอง และลำเจียก ต่างนึกเหตุการณ์ที่กระทำต่อกันมาทั้งหมด
... สร้อยทองปรุงยา ... ลำเจียกกินยา ... ลำเจียกโดนเรื่องแหวน ... ลำเจียกโดนขัง ... สร้อยทองฆ่าลูกลำเจียกในหลุม ... ลำเจียกเป็นบ้า
สร้อยทองน้ำตาไหล มองลำเจียกอย่างรู้สึกผิด ลำเจียกมองสร้อยทองอย่างอโหสิกรรม สร้อยทองละสายตามามองที่คุณหลวง คุณหลวงรับรู้เรื่องราวที่สร้อยทองทำต่อลำเจียก แต่ก็พร้อมให้อภัย สร้อยทองมองไปเห็นดอกแก้ว เรียกชื่อดอกแก้ว
"ดอกแก้ว"
หลวงปกรณ์มองหน้าเมียรักและมองไปที่ดอกแก้วอย่างสงสารเวทนา ที่ต้องปกป้องดอกแก้วมาตลอดเพื่อให้เธอปลอดภัยจากแรงริษยาของคนในบ้าน หลวงปกรณ์มองหน้าสร้อย
คืนนั้น .... หลวงปกรณ์ราชกิจกับดอกแก้วมีสัญญาต่อกัน แต่สร้อยทองเข้าใจผิด จนคิดแผนที่จำกระทำต่อกัน
สร้อยทองมองดอกแก้วอย่างขอโทษที่เข้าใจผิดมาตลอด
"ฉันขอโทษ"
เทพไทที่ได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจึงได้ล่วงรู้ว่า ที่แท้ดอกแก้วไม่มีอะไรกับคุณหลวงปกรณ์เลย เทพไทมองไปที่ดอกแก้ว ดอกแก้วและเทพไทหันมามองหน้ากัน ดอกแก้วร้องไห้กับเรื่องที่ผ่านมา รู้สึกสงสารที่ทำให้สร้อยทองคิดมากจนคิดร้ายกับตนมาตลอด ดอกแก้วยกมือไหว้อย่างจริงใจ แล้วเอ่ยต่อ
"ไม่ค่ะ คุณสร้อยทอง ไม่ค่ะ"
"อโหสิกรรมให้ฉันนะ แม่ดอกแก้ว"
ดอกแก้วมองสร้อยทอง แล้วร้องไห้สงสารชะตาของสร้อยทอง สร้อยทองมองดูเทพไท พูดกับเทพเพื่อสั่งลา
"เทพ แม่รักลูกมากนะลูก รักมากที่สุด"
"ครับแม่"
เทพจับมือแม่ไว้แน่น ร้องไห้ สร้อยทองยิ้มสั่งลา สร้อยทองมองไปที่หลวงปกรณ์
"ลาก่อนนะค่ะคุณพี่ ชาตินี้น้องไม่มีบุญได้รับใช้ น้องกราบลา"
สร้อยทองค่อยๆ เอามือยกขึ้นประนม คุณหลวงรีบคว้าจับไว้แน่น สองคนมองหน้ากัน สร้อยๆค่อยๆ ปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมาอย่างแผ่วเบา มือที่ประนมจับอยู่ค่อยๆ ร่วงลง หลวงปกรณ์ตกใจ ใจแทบสลาย ไม่มีคำพูดหรือการฟูมฟายจากคุณหลวงที่ก้มลงกอดสร้อยทองแนบแน่น
ทุกคนอยู่ท่ามกลางสวนดอกซ่อนกลิ่นที่ยังคงส่งกลิ่นหอมอบอวลกลบกลิ่นเน่าเหม็นของบ้านนพรัตน์หลังนี้
ผ่านเวลา 7 วัน ทุกคนยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ยามเช้า ... ดอกแก้วเดินขึ้นบนศาลาริมน้ำ ที่ร่มรื่น เย็นสบาย มองสายน้ำเหม่อเหมือนว่าจะพยายามจดจำทุกเรื่องราวที่ผ่านสายน้ำสายนี้ เทพไท เดินขึ้นมาบนศาลาเงียบๆ
"คุณว่า แม่น้ำสายนี้จะไหลไปถึงบ้านแพ้วไหมครับ"
ดอกแก้วหลุดจากภวังค์ หันไปเห็นเป็นเทพไท
" คุณเทพ…ถึงสิค่ะ ถ้าคุณเทพเคยบอกว่ามันมาถึงพระนครได้ มันก็คงไหลย้อนกลับไปถึงบ้านแพ้วได้เช่นกันไม่ใช่เหรอค่ะ"
"แต่ทวนสายน้ำขึ้นไปแบบนั้น คงจะเหนื่อย"
"ถ้ามันจำเป็นต้องทวน แม้ว่ามันจะต้องเหนื่อย เจ็บปางตาย มันก็คงเป็นสิ่งที่แก้วเลือกจะทำ"
เทพไทรับรู้ได้ถึงความแน่วแน่ตัดสินใจของดอกแก้วทันที
"คุณยืนมองแม่น้ำสายนี้ เหมือนว่ากำลังจะสั่งลา"
" แก้วแค่อยากจะเก็บทุกความทรงจำที่เกิดขึ้นที่นี่เอาไว้"
แต่แล้วจู่ๆ เทพไทก็เอ่ยคำ ที่ใครๆ คาดคิดไม่ถึง เพื่อยืนยันความรู้สึกสุดท้ายของตัวเองต่อดอกแก้ว
"หนีไปกับผม ไปอยู่ด้วยกันไปที่ไหนก็ได้ ไปในที่ๆ ไม่มีใครรู้จักเราสองคน เราจะไม่ยุ่งกับใครอีก โลกจะมีแค่เราสองคนเท่านั้น"
" ต่อให้เราหนีไปไกลเพียงใด เราก็ไม่มีวันหนีในสิ่งที่เราจะทำวันนี้พ้นหรอกค่ะ"
"พ้นสิ ดอกแก้ว ในเมื่อคุณมีอิสระแล้ว"
" ฉันมีอิสระ อิสระที่จะรักคุณได้เต็มเปี่ยมหัวใจ ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันอิสระนั้นมันก็ยังคงอยู่กับฉันจนถึงวันนี้..แต่คุณเทพ..คุณมีคุณรัศมีดารา และนั่นเป็นสิ่งที่มันต้องเป็นอย่าให้ใครต้องเสียใจในสิ่งที่เราร่วมทำร่วมก่อกันเลย ทำในสิ่งที่เราต้องทำเถอะนะคะ"
"แต่ถ้าหากฉันไม่สนใจใครๆเล่า"
"แต่เราอยู่บนโลกความเป็นจริงนะคะ ลืมดอกแก้วดอกนี้ซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคุณรัศมีดารา ผู้หญิงที่คู่ที่ควรที่สุด..ขอให้คุณเป็นคุณเทพไทแห่งบ้านนพรัตน์ ในแบบที่ฉันที่ภูมิใจเถอะนะคะ"
" ดอกแก้ว!"
" รับปากฉันสิค่ะ รับปากแก้ว"
เทพไทยังยืนนิ่งไม่ตอบ
"รับปากซิค่ะ"
เทพไทร้องไห้ออกมา พร้อมกับรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยที่เสมือนยอมรับในคำมั่นนั้นแล้ว ทั้งสองยืนมองกันนิ่ง เหมือนจะจำภาพดีๆ ระหว่างกันครั้งสุดท้ายของชีวิต
ดอกแก้วจัดเสื้อผ้าชุดสุดท้ายถูกวางลงในกระเป๋าเดินทาง และถูกปิดลง เข็มที่นั่งมองอย่างเศร้าสร้อย เอี้ยงค่อยๆ เอ่ยถามดอกแก้ว
คนใช้1 ถาม
"ไม่ไปไม่ได้เหรอค่ะคุณดอกแก้ว อยู่ด้วยกันที่นี่แหละบ้านนี้ยิ่งเงียบ เมื่อสิ้นบุญคุณสร้อยทองเธอไป"
"ฉันเองก็คงคิดถึงทุกคนที่นี่มาก มันมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่บ้านนพรัตน์หลังนี้ฉันจะจดจำทุกความรู้สึก ไม่มีวันลืม"
เข็มบอก
"แต่ยังไงก็ยังอยากให้คุณดอกแก้วอยู่ที่นี่ด้วยกันอยู่ดี"
ดอกแก้วเห็นเข็มซึมเศร้าลงไป ก็เดินไปจับมือให้กำลังใจกัน
"เข็มจ๊ะ บ้านแพ้วกับพระนคร ไม่ได้ไกลกันมากนะ ว่างเมื่อไร ก็แวะไปหาฉันที่บ้านแพ้วได้รับรองฉันจะทำขนมเลี้ยงเต็มที่เลย"
ทุกคนยิ้มให้กันบนความสัมพันธ์ที่งดงามเช่นเดิม พุดจีบรีบตารีตาเหลือกมาในห้อง
" คุณดอกแก้ว เห็นในครัวคุยกันโขมงว่าแคุณจะกลับบ้านแพ้ววันนี้แล้ว"
"ใช่จ๊ะ"
ดอกแก้วเดินเข้าหาพุดจีบ
"อ้าว แล้วคุณดอกแก้วไม่อยู่ แล้วพุดจีบจะอยู่กับใครจ๊ะ งั้นคุณดอกแก้วพาพุดจีบไปอยู่ที่บ้านแพ้วด้วยนะ"
"พุดจีบอยู่ที่นี่ดีแล้วละ ฉันก็จะได้หายห่วง อยู่ปรนนิบัติคุณหลวงกับคุณลำเจียกให้ดี เพราะพวกคุณๆ ก็ไม่มีใคร ฉันคงต้องฝากเธอด้วยนะ"
พุดจีบผิดหวังแต่ก็ยอมรับปาก
"จ๊ะ"
พุดจีบค่อยๆ ยิ้มออกมา ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยมิตรภาพที่จะคงยั่งยืนตลอดไป
หลวงปกรณ์นั่งบนรถเข็นมองเหม่อคนเดียว คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงชีวิต ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าทุกอย่างล้วนตนเองเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ลำเจียกเดินเข้ามาอย่างปกติ ถือแก้วน้ำชามาให้หลวงปกรณ์ แล้วนั่งลงข้างๆด้วยอารมณ์ยังเศร้าอยู่จากทุกเหตุการณ์ อีกทั้งการเป็นต้นเหตุให้สร้อยทองตาย
"เสร็จงานศพคุณพี่สร้อยทองแล้ว อิชั้นให้บ่าวเก็บกวาดห้องคุณพี่สร้อยทองให้คงอยู่ไว้แบบนั้นตามที่คุณพี่สั่งอยู่"
หลวงปกรณ์เศร้าลงทันที)
"ขอบใจเธอมากที่เป็นธุระให้ทุกอย่างให้...ถ้าบ้านนี้ไม่มีเธออีกคน มันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"
ลำเจียกได้แต่ยิ้มรับ หลวงปกรณ์มองหาดอกแก้ว เพราะไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว ลำเจียกเห็นเลยตัดบทให้
"แม่ดอกแก้วมาหาอิชั้นที่เรือนแต่เช้า บอกว่าจะขอกลับไปบ้านแพ้วสายๆ วันนี้เลย"
หลวงปกรณ์ฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว เพราะคิดอยู่แล้วว่าดอกแก้วจะตัดสินใจอะไร และเคารพในสิ่งนั้นเสมอ
" อิชั้นอดใจหายไม่ได้ มันรู้สึกได้ว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าเธอ....อิชั้น ทำผิดกับดอกแก้วไว้มากจริงๆ ค่ะ...แต่เธอกลับไม่เคยถือโทษโกรธอิชั้นเลยสักนิด คิดย้อนกลับไปก็ได้แต่ละอายใจในสิ่งที่ทำเอาไว้กับแม่ดอกแก้ว"
"ถ้าเธอรู้จักนิสัยแม่ดอกแก้วดี ว่าเขาเป็นคนยังไง เธอก็ควรสบายใจได้ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว"
ลำเจียกพยักหน้าเข้าใจ
"ค่ะ คุณพี่"
ลำเจียกรู้สึกสบายใจขึ้น กำลังลุกเดินออกไป แต่ต้องสะดุดที่คำพูดคุณหลวงที่เอ่ย
"ตั้งแต่วันนี้ เธอก็ย้ายจากเรือนคุณย่ามาอยู่ที่ห้องของฉันเลยละกันนะ แม่ลำเจียก"
ลำเจียกหันมาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ดีใจ น้ำตาคลอ
"ต่อไปนี้ บ้านนพรัตน์ ก็จะได้เป็นบ้าน เหมือนบ้านของคนอื่นๆ เขาสักที"
ลำเจียกเดินกลับมาคุกเข่าข้างคุณหลวงร้องไห้ น้ำตาไหล ก้มลงกราบคุณหลวง คุณหลวงเอามือลูบหัวอย่างเข้าใจความรู้สึกทั้งหมด
ในห้องเทพไท รัศมีดาราจัดวางรูปสร้อยทอง และวางรูปคู่ของรัศมีดารากับเทพไท แล้วยืนมองเหม่อ เพราะรับรู้ความรู้สึกลึกๆ ของเทพต่อดอกแก้วดี เทพไท เข้ามาเห็นรัศมีดาราที่ยืนหันหลังให้ เทพไทสับสนในใจที่ต้องสู้กับความรู้สึกตัวเอง และค่อยๆ เปิดใจเดินเข้ากอดด้านหลังรัศมีดารา "พี่เทพจะรับอาหารเช้าเลยไหมค่ะ"
ขอบคุณนะครับ น้องรัศมีที่อยู่ข้างพี่.... และเข้าใจพี่"
รัศมีดาราเข้าใจในมุมที่เทพไทพยายามจะพูด
"ค่ะ รัศมีเข้าใจพี่เทพเสมอ เพราะรัศมีคือหญิงที่เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของนายแพทย์เทพไท ราชกิจ มันจะเป็นเช่นนั้น และไม่มีอะไรมาเปลี่ยนมันได้ พี่เทพก็คงรู้"
เทพไทถึงกับจุกอยู่ถึงลำคอ เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี กับสิ่งที่รัศมีพยายามอธิบายเป็นคำพูดให้เขาเข้าใจ
"พี่เข้าใจดีรัศมีดารา พี่จะไม่มีวันยอมให้เหตุการณ์แบบที่เกิดมาตลอดชีวิตของพี่เกิดขึ้นกับชีวิตใครอีก ... ชีวิตรักของเรามันจะเป็นเช่นนั้นเหมือนที่เธอพูด และมันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้ดั่งที่เธอบอก"
เทพไทดึงรัศมีดาราเข้ามากอด และค่อยๆ ตัดสินใจกอดเธอแน่นขึ้น ยิ้ม เปิดใจรับรัศมีดาราเข้ามาในชีวิต
ยามสาย ดอกแก้วถือกระเป๋าเสื้อผ้าและกระถางต้นดอกซ่อนกลิ่นเดินไปที่ศาลาริมน้ำเพื่อรอเรือกลับบ้านแพ้ว ระหว่างเดินไปศาลา ดอกแก้วรู้สึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาชีวิตหนึ่ง เมื่อมองไปยังบ้าน ดอกแก้วเห็นคุณหลวงปกรณ์ที่ถูกลำเจียกเข็นรถเข็นมาให้ ยืนที่บนระเบียงห้องนอนใหญ่ ทั้งสองหันมาเห็นดอกแก้ว ยิ้มให้กันบนความเข้าใจและปรารถนาที่ดีต่อกัน
ดอกแก้วมองคุณหลวงด้วยความสำนึกในบุญคุณอย่างสุดซึ้ง มองที่คุณลำเจียกอย่างเคารพ ลำเจียกก็ยิ้มตอบดอกแก้ว เสมือนอยากจะบอกดอกแก้วว่า “ฉันขอบใจเธอมาก” ดอกแก้วยิ้มตอบพลันเห็นเทพไทที่เดินออกมาที่ด้านล่างพอดี สองคนสบตายิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่เห็นคนที่รักมีความสุข แต่พลันมือของรัศมีดาราก็เข้ามาจับแขนของเทพไทไว้ เทพเห็นเป็นรัศมีดาราเลยยิ้มให้รัศมีแล้วทั้งคู่มองดอกแก้ว
รัศมีดารามองดอกแก้วยิ้มให้อย่างหญิงเข้าใจอกหญิง และหวงของที่ตัวเองรักไม่ต่างกัน
เรือมาเทียบถึงท่า ดอกแก้วมองทุกคนในบ้านนพรัตน์ครั้งสุดท้าย น้ำตาไหลรินออกมา ดอกแก้วจำใจขึ้นเรือจากไปคนเดียวพร้อมกับดอกซ่อนกลิ่นต้นเดิมที่เคยนำมา
ยามเย็น ท้องฟ้าที่สวยงาม ดอกแก้วเดินถือกระถางดอกซ่อนกลิ่นกลับเข้ามาที่ทุ่งดอกไม้
"ดอกไม้บางดอกก็คงเหมาะสำหรับที่บางที่ ชีวิตคนเราก็คงไม่ต่างกัน คนบางคน คง เหมาะกับที่บางที่เพียงเท่านั้น... สำหรับฉันมันคือที่แห่งนี้"
ดอกแก้วปลูกดอกซ่อนกลิ่นลงดิน พรวนดินจนเสร็จ
ดอกแก้วมองดอกซ่อนกลิ่นที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาแห่งความเศร้า
"เจ้าซ่อนกลิ่นจ๊ะ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากฉันหรอกนะรู้ไหม...ถึงแม้เจ้าจะสวยงาม สักเพียงใด.. เจ้าก็เป็นเพียงดอกไม้ต้องห้ามสำหรับบางคนอยู่ ดี"
จบบริบูรณ์