ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 20
ท่ามกลางบรรยากาศคุ้งน้ำคลองบ้านแพ้ว เรือยนต์แล่นมาตามคลองอย่างช้าๆ เทพไท ดอกแก้ว ลำเจียก โดยสารมากับเรือ
ลำเจียกเหม่อมองวิวข้างทางด้วยอาการปลดปล่อย ดอกแก้วสบายใจที่เห็นลำเจียกดูผ่อนคลายลงบ้าง
เทพไทกับดอกแก้วต่างปะสายตากัน ต่างคนต่างหันมองไปทางอื่นแก้เก้อ
เรือแล่นผ่านคุ้งน้ำไป...
เรือยนต์จอดเทียบท่าน้ำหน้าบ้านดอกแก้ว โอ่งทองที่กำลังกวาดใต้ถุนบ้านอยู่ได้ยินเสียงเรือมาเทียบท่าก็หันมอง
"ใครมาขายอะไรอีกวะ บอกไม่ซื้อๆก็เทียวมาอยู่ได้"
โอ่งทองละมือกะจะตะโกนด่า แต่พอเห็นว่า คนที่ขึ้นมาที่ท่าน้ำเป็นดอกแก้ว ลำเจียกและเทพไท โอ่งทองดีใจ
"นังดอกแก้ว...เฮ้ย...!!! มาได้ยังไงเนี่ย"
ดอกแก้วหันมาที่โอ่งทองดีใจ
"พี่โอ่งทอง"
โอ่งทองวิ่งเข้ามาหา กอดดอกแก้ว
"ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน นี่เอ็งกลับมาอยู่ที่นี่เลยใช่ไหม"
"ไม่ใช่จ้ะ ฉันพาคุณลำเจียกมาพักฟื้นที่บ้านเราน่ะจ้ะ"
โอ่งทองมองดูลำเจียกที่ยืนเหม่อมองไปเรื่อยๆ โอ่งทองเห็นท่าทางแปลกๆก็กระซิบถาม
" เค้าเป็นบ้ารึไงวะ ดูเหม่อลอยพิก๊ล"
"ไม่หรอกจ้ะแค่ไม่ค่อยสบายน่ะ"
โอ่งทองหันมองอีก แล้วมองเลยไปเห็นเทพไทหิ้วกระเป๋าตามมา โอ่งทองจำได้
"อ้าว...พ่อคุณนั่นเอง"
เทพไทยิ้มรับ
"สวัสดีครับ"
โอ่งทองแปลกใจ
"ไปไงมาไง ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะเนี่ย นี่พี่โอ่งงงนะเนี่ย"
"ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะจ๊ะ ว่าแต่ แม่อยู่ไหมพี่"
โอ่งทองทำหน้าเบื่อหน่าย ชี้ไปบนเรือน
"อยู่โน่นน่ะ นั่งเป็นผีตายซากพล่ามอยู่บนเรือนแน่ะ เอ็งไปดูเอาเห่อะ"
ดอกแก้วมองตามที่โอ่งทองชี้ไปที่เรือน
ไหเหล้าขาวกลิ้งมาที่พื้นพร้อมเสียงแล่มนั่งก่นด่าดอกแก้ว
"อีลูกไม่รักดี ไม่ส่งเงินส่งทองมาให้ใช้บ้างเลย ได้ดิบได้ดีแล้วก็ทิ้งแม่มันเลยดูมันทำสิดู"
ดอกแก้วโผล่เข้ามาเห็นสภาพแม่ตกใจ แม่ดูซูบผอมเหม็นคลุ้งไปด้วยกินเหล้า
ดอกแก้วเข้ามา
"แม่"
แล่มตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นดอกแก้ว แต่แกล้งว่ากระทบลูก
"กะจะมาดูใจข้าใช่มั๊ย ข้ายังไม่ตายหรอกโว้ย"
"แม่จ๊ะฉันจะขอมาพักที่นี่สักพักหนึ่ง"
แล่มแปลกใจ
"มันเกิดอะไรขึ้นห๊ะนังดอกแก้ว ใครที่ไหนมันรังแกเอ็ง ข้าจะไปจัดการมันเอง"
ลำเจียกโผล่เข้ามาในบ้าน แล่มมองเห็นชี้หน้าด่า
"นี่เอ็งเอานังนี่มาเหยียบเรือนข้าทำไม"
ลำเจียกท่าทีเหม่อลอยไม่ได้ฟังที่แล่มพูด
"ว่าให้ยังทำหูทวนลมอีกแน่ะ ดูทำเข้า"
ลำเจียกไม่รับรู้ใดๆกับที่แล่มพูดเดินเหม่อๆไปนั่งลงที่มุมหนึ่งของบ้าน แล่มมองลำเจียกประหลาดใจดอกแก้วพยายามอธิบายแม่
"คุณลำเจียกไม่ค่อยสบาย ฉันก็เลยพาคุณลำเจียกมาพักฟื้นที่นี่นะจ้ะ"
เทพไทตามโอ่งทองเข้ามา แล่มมอง เทพไทสวัสดีแล่ม
"สวัสดีครับ"
แล่มมองเทพไทรับไหว้งั้นๆ
"นี่ขนกันมาหมดเรือนเลยรึไง"
"อ้าวป้าทำไมพูดจาทักทายแขกแบบนั้นล่ะ"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ นี่บ้านของข้า"
"ไม่เอาน่าพี่โอ่ง" ดอกแก้วเดินมาหาโอ่ง "ฉันวานพี่โอ่งช่วยจัดที่จัดทางให้คุณ ลำเจียกทีนะ"
"ก็ได้จ้า"
แล่มเดินเข้ามาหาดอกแก้ว แบมือขอเงินดอกแก้ว
"ข้าหิว ขอเงินหน่อย ข้าจะไปหาอะไรกิน"
ดอกแก้วเปิดกระเป๋าสตางค์ส่งให้ แล่มรีบควับหมับหยุดพร่ำ ดีใจรีบออกไปทันที ดอกแก้วมองดูแม่เศร้าใจ
สารภีชงยาใส่ในแก้วน้ำมะตูม แล้วคนๆ ให้ยาละลายลงไปในแก้ว แล้วหยิบขึ้นมาดู ยิ้มพอใจ
"ยานี่จะทำให้ฉันอยู่เหนือทุกคน"
สารภีเอายาใส่ถาด แล้วยกออกไปจากห้อง
ดอกแก้วเอาหมอนมาวางให้ที่เตียง โอ่งทองกำลังเช็ดโต๊ะหัวเตียงอยู่หันมาพูดกับดอกแก้ว
"เอ็งไม่น่าให้ตังค์ป้าแกไปเลย"
ดอกแก้วงง
"ทำไมเหรอจ๊ะพี่โอ่ง"
"โอย.....ได้เงินไปก็คงไม่พ้นวงถั่วโปหรอกแก้วเอ๋ย"
"นี่แม่ยังไม่เลิกเล่นอีกเหรอจ๊ะพี่"
"เอ็งรู้จักแม่เอ็งน้อยไปซะแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากบางกอกแม่เอ็งก็เข้าบ่อนทุกวี่ทุกวัน เสียมาทีก็เมามาที"
ดอกแก้วหน้าเศร้าลงทันที
"แม่สัญญากับคุณหลวงว่าจะไม่กลับมาเล่นการพนันอีก"
"คำสัญญา มันก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้นล่ะจะไปทำอะไรคนอย่างป้าแล่มได้"
ดอกแก้วเป็นห่วงแม่ที่ติดการพนัน
หลวงปกรณ์นั่งทำงานอยู่ภายในห้อง สร้อยทองเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา
"น้ำขิงร้อนๆ ค่ะคุณพี่"
"ขอบใจนะแม่สร้อย"
หลวงปกรณ์เงยหน้ายิ้มให้ แล้วทำงานต่อ สร้อยทองขยับเข้ามาใกล้ๆ จงใจวางแก้วน้ำไว้ใกล้มือ
"คุณพี่อย่านอนให้ดึกมากนักนะคะ อดนอนหลายคืนเดี๋ยวจะป่วย"
"เดี๋ยวอ่านเอกสารชุดนี้เสร็จฉันก็ว่าจะไปแล้วเหมือนกัน"
สร้อยทองดีใจ
"ถ้ายังไงคุณพี่แวะไปที่ห้องน้องก่อนนะคะ น้องเพิ่งปรุงน้ำมันนวดใหม่ เขาว่าสูตรนี้มันผ่อนคลายดีนัก คุณพี่จะได้หลับสบาย"
หลวงปกรณ์พยักหน้า สร้อยทองยิ้มมีความสุขที่จะได้เอาใจสามี
"งั้นน้องลงไปเตรียมของก่อนนะคะ"
สร้อยทองออกจากห้องหลวงปกรณ์อย่างอารมณ์ดี
สารภีเดินถือแก้วน้ำมาจากอีกด้านเห็นสร้อยทองที่หน้าห้องก็ยืนหลบจนสร้อยทองพ้นไปถึงเข้าห้อง
สารภีเดินยิ้มร่าเข้ามาหลวงปกรณ์พร้อมกับน้ำมะตูมในแก้ว
"สารภีต้มน้ำมะตูมร้อนๆ มาเผื่อคุณหลวงค่ะ ทานหน่อยนะคะ"
"บังเอิญจริง เมื่อกี้แม่สร้อยก็เพิ่งจะเอาน้ำขิงมาให้ เห็นทีวันนี้ฉันจะต้องปวดเบาคืนละหลายรอบเสียกระมัง"
สารภีมองไปเห็นน้ำขิงของสร้อยทองบนโต๊ะ แล้วนึกสังหรณ์ใจท่าทางของสร้อยทองเมื่อครู่
"ทานของสารภีก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็น" สารภีรีบเอาของตัวเองไปวางข้างๆ แล้วแกล้งผลักแก้วของสร้อยทองตกลงไป "อุ๊ยตาย"
แก้วน้ำของสร้อยทองตกแตกเพล้ง
สารภีหน้าเสีย
"สารภีขอโทษค่ะคุณหลวง สารภีไม่ได้ตั้งใจ"
สารภีรีบก้มลงจะเก็บเศษแก้ว หลวงปกรณ์ห้าม
"ไม่เป็นไรหรอก ไปเรียกใครมาเก็บเถอะ เดี๋ยวแก้วจะบาดมือเอา"
"สารภีเก็บเองดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณป้ารู้เข้าว่าคุณหลวงไม่ได้ทานน้ำแล้วจะเสียใจ"
สารภีรีบไปหยิบผ้ามากอบเศษแก้ว ท่าทางรู้สึกผิดจริงๆ หลวงปกรณ์สงสาร
"งั้นก็ตามใจนะ"
หลวงปกรณ์มองสารภีเก็บเศษแล้ว แล้วเผลอยกน้ำมะตูมขึ้นมาดื่ม
สารภีเหลือบมอง แล้วยิ้มร้าย
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 20 (ต่อ)
สร้อยทองนั่งพรมน้ำอบหอมกรุ่นรอรับคุณหลวง พอได้ยินเสียงประตูเปิดก็หันขวับอย่างดีใจ
"คุณพี่"
สร้อยทองชะงักค้าง สีหน้าผิดหวัง เพราะคนที่เข้ามากลายเป็นศรี
ศรีเจื่อนๆ สงสารสร้อยทอง
"ศรีเองเจ้าค่ะ"
สร้อยทองรีบปรับสีหน้าผิดหวัง เพราะไม่อยากดูเสียฟอร์ม ไม่ชอบให้คนเวทนา
"เอ็งไปดูคุณพี่ซิ ป่านนี้ยังทำงานไม่เสร็จอีกหรือ"
"เสร็จแล้วค่ะ แล้วก็...ออกไปแล้ว"
"ไปไหน"
ศรีทำหน้าอึกอัก ไม่อยากพูด
"ไป...ห้องคุณสารภีค่ะ"
สร้อยทองตกใจ ลืมตัวเอ็ดเสียงดัง
"เป็นไปได้ยังไง คุณพี่ควรจะมาหาข้า"
สร้อยทองรีบเข้ามาที่ห้องทำงาน แต่ไม่เห็นหลวงปกรณ์อยู่ในห้องแล้ว มีแต่แก้วน้ำวางอยู่แก้วหนึ่ง แต่ไม่ใช่แก้วที่สร้อยทองถือมา
สร้อยทองหยิบแก้วขึ้นมาดูงงๆ แล้วปลายตาเห็นที่ถังขยะ มีเศษแก้วน้ำกับผ้าขี้ริ้วทิ้งอยู่ในนั้น
สร้อยทองหยิบเศษก้นแก้วขึ้นมาดูเทียบกับแก้วอีกใบ แต่ทันใดก็สังเกตเห็นเศษลูกลำโพงแห้งๆ ติดอยู่ที่ก้นแก้ว
"นี่มัน..."
ดอกแก้วกับโอ่งช่วยกันยกอาหารมาวางลงบนเสื่อที่ปูรอ มีเทพไทกับลำเจียกนั่งอยู่
"กับข้าวร้อนๆมาแล้วจ้า"
ดอกแก้วจัดแจงตักข้าวใส่จานส่งให้เทพไท ลำเจียก โอ่งและตัวเอง
เทพไทมองหาแล่ม
"ไม่รอคุณป้าก่อนเหรอครับ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่โอ่งเก็บสำรับไว้ให้ป้าแล่มแล้ว แกไม่กลับมาง่ายๆหรอก ค่ะ กินเถอะค่ะ"
ดอกแก้วบอกกับลำเจียก
"คุณลำเจียกลองชิมแกงสายบัวดูนะคะ อร่อยสู้คุณทำได้ไหม"
ดอกแก้วตักแกงสายบัวให้ ลำเจียกยังมีอาการหงุดหงิดใส่ขยับจานข้าวหนี
"ฉันกินเองได้"
ลำเจียกดูไม่เป็นมิตรกับใครเลย ดอกแก้วแอบหนักใจ เทพไทมองเห็นความจริงใจของดอกแก้ว
ดอกแก้วพาลำเจียกเข้าห้อง โอ่งทองช่วยจัดการกางมุ้งให้ลำเจียก และจัดที่นอนกับพื้นให้กับดอกแก้ว ส่วนดอกแก้วเอาผ้าห่ม เสื่อกับหมอนออกมาให้กับเทพไทที่อยู่หน้าห้อง
" ต้องขอโทษด้วยนะคะ บ้านนี้มีห้องนอนเพียง2 ห้องคือห้องฉันกับห้องแม่ คุณเทพคงต้องนอนด้านนอก"
เทพไทรับอุปกรณ์การนอนมา
"ไม่เป็นไรที่ไหนก็นอนได้ทั้งนั้น"
เทพไทหันไปปูเสื่อนอนที่มุมนึง ดอกแก้วมองดูอย่างสงสาร
เทพไทนอนไม่ค่อยหลับเพราะยุงเยอะ เสียงตบยุงดังจนดอกแก้วที่นอนอยู่ในห้องกับลำเจียกได้ยิน เธอแง้มประตูห้องออกมามองเห็นเทพไทนอนตบยุงอยู่ จึงไปจุดยากันยุงมาวางให้เทพไท
เทพไทแกล้งหลับ ดอกแก้วเข้ามาดูใกล้ๆปัดยุงให้สักพักจนเห็นว่าไม่ค่อยมียุงแล้วจึงกลับเข้าห้องไป เทพไทลืมตาแอบมองยิ้มๆ
คืนเดียวกัน เจ๊กหลีกำลังดีดลูกคิดอยู่ เงยหน้าเห็นสร้อยทองเดินหน้าบึ้งเข้ามา
"ร้านปิดแล้วค้าบ อาคุณนาย"
สร้อยทองเสียงเกรี้ยว
"ฉันไม่ได้มาซื้อของ"
สร้อยทองเดินตรงมาที่หน้าเจ๊กหลี
"แปะจำผู้หญิงคนเมื่อวานที่รู้จักกับฉันได้ไหม"
เจ๊กหลีทำหน้าคิด แล้วพยักหน้า
"แม่คนนั้นมาซื้ออะไรจากแปะกันแน่"
"ก็ยาแก้ไอไง"
"เศษลูกลำโพงมันไม่ใช่ส่วนผสมยาแก้ไอ"
สร้อยทองวางเศษลูกลำโพงลงบนโต๊ะ เจ๊หลีผงะ
"แปะบอกมาตรงๆ แล้วฉันจะให้ค่าเปิดปากอย่างงาม"
สร้อยทองหยิบถุงเงินของหลวงปกรณ์ออกมา แล้วเทเงินลงบนโต๊ะ
เจ๊กหลีเห็นเงินตา โต พูดไม่ออก
"อ้า..."
สร้อยทองจ้องหน้า
"จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาฉันจะได้กลับ"
สร้อยทองทำท่าจะกอบเงินกลับคืน แต่เจ๊กหลีรีบรวบไว้
"อั๊วบอกก็ได้ อั๊วขายยาเสน่ห์ให้อี หลังจากซื้อหนแรกมันได้ผลดี อีก็เลยมาซื้ออีกเรื่อยๆ เพราะอั๊วบอกว่าต้องใช้ต่อเนื่องผัวจะได้รักได้หลง"
สร้อยทองนิ่งตะลึง คาดไม่ถึง
"อย่าโทษอั๊วเลย อั๊วมันก็คนทำมาค้าขาย ลูกค้าอยากได้อะไร อั๊วก็ต้องจัดให้"
สร้อยทองข่มความโกรธ
"มันซื้อไปกี่หนแล้ว"
"สองหน อ้อ แต่บ่าวบ้านลื้อก็เคยมาซื้อนะ อีที่ขาวๆ หมวยๆ รู้สึกจะชื่อมะลิหรือยังไงเนี่ย แต่ตอนนี้มันหายหน้าไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
เจ๊กหลีเล่าเป็นชุดพลางเก็บเงินใส่ถุงไว้ สร้อยทองสีหน้าโกรธมาก เมื่อรู้ว่าเจ๊กหลีนี่เองที่ขายยาเสน่ห์ให้พวกเมียน้อยเอามาใช้กับหลวงปกรณ์
สารภีเดินจัดผมเผ้าออกมาสูดอากาศหน้าตึก ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำกับหลวงปกรณ์
สารภีเปลี่ยนน้ำของสร้อยทองเป็นของตนแล้วให้หลวงปกรณ์กิน
สารภีลูบเนื้อตัวของตัวเองที่ต้องแปดเปื้อนเพราะพลีกายให้หลวงปกรณ์ด้วยความขยะแขยง ไม่รู้สึกผิด เพื่อแลกกับความมักใหญ่ใฝ่สูง
"ยาที่ให้คุณหลวงกินคงออกฤทธิ์กับแล้วใช่ไหมครับ คุณสารภีถึงลงมาเดินเล่นพักผ่อนได้"เสียงเชตดังเข้ามา
สารภีสังหรณ์ใจ ทำไก๋
"ยาอะไรของแก"
"ก็ยาที่คุณสารภีไปซื้อมาจากร้านขายยาที่ตลาดไงล่ะครับ"
"นี่แกตามไปแอบดูฉันเหรอ"
เชตยิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็คุณสารภีโกหกผมว่ามันเป็นญาติ ผมก็ต้องไปดูให้แน่ใจว่าญาติประสาอะไรเอายาเสน่ห์มาขายกันเอง"
สารภีอึ้ง เมื่อรู้ว่าเชตรู้ทันทุกอย่าง เปลี่ยนเป็นโกรธ
"แก !"
สารภีเงื้อมือจะตบ แต่เชตจับแขนไว้ ทำเสียงออดอ้อน
"ผมเสียใจจริงๆ ที่คุณสารภียังไม่ไว้ใจผมถึงได้ปิดบังเรื่องนี้ ทั้งที่เรามีความลับร่วมกันตั้งหลายอย่าง"
เชตพูดพลางลูบไล้ท่อนแขนของสารภี สารภีสะบัดออก
"ทำไมฉันต้องไว้ใจแก ในเมื่อแกมันก็เป็นแค่ขี้ข้า"
เชตเริ่มโกรธบ้าง
"แต่ขี้ข้าคนนี้ก็ทำให้คุณสารภีได้ทุกอย่าง คุณสารภีลืมไปแล้วหรือ"
"ฉันก็ไม่เคยให้แกทำอะไรเปล่าๆ เพราะฉันรู้ว่าขี้ข้าอย่างแกเห็นเงินก็กระดิกหางไม่ต่างจากหมาจรจัดเห็นเศษกระดูก อย่าคิดว่าตัวเองมีคุณค่าสำคัญมากไปกว่านั้น"
เชตแค้นใจ
"คุณสารภี"
"ฉันผิดเองที่ปล่อยให้แกลามปาม ถึงได้สำคัญตัวผิด ต่อไปนี้ อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉันอีก ไม่งั้นฉันจะทำให้แกไม่มีที่ซุกหัวนอนในบ้านนี้"
สารภีชี้หน้า แล้วเดินเชิดออกไป เชตมองตาม เจ็บใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 20 (ต่อ)
เจ๊กหลีนั่งนับเงินที่ขายวันนี้ แล้วหยิบถุงเงินที่มีอักษร ป. อันหมายถึง หลวงปกรณ์ออกมาเท นับเงินอย่างพอใจ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงประตูเหล็กด้านนอกโดนเขย่าโครมคราม
"ใครวะ"
เจ๊กหลีเงยหน้ามอง เห็นประตูเขย่าอย่างแรง
เจ๊กหลีตะโกน
"อั๊วปิดร้านแล้วโว้ย พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อ"
เจ๊กหลีนับเงินต่อ แต่เสียงประตูยังเขย่าไม่หยุด ดังน่ารำคาญ
เจ๊กหลีตะโกน
"อั๊วบอกว่าปิดร้านแล้ว ไม่ได้ยินหรือไงวะ"
เจ๊กหลีลุกพรวดออกไปดู แต่พอโผล่หน้าไปกลับไม่เห็นใครอยู่
"ไปไหนแล้ววะ หรือว่าไอ้เด็กมือบอนที่ไหน"
เจ๊กหลีเดินพ้นประตูหน้าร้านออกไปชะโงกมองตรงหัวมุมถนน ซึ่งห่างจากประตูร้าน ทำให้สร้อยทองแอบเข้าไป
"อย่าให้เจอเชียวนะโว้ย"
เจ๊กหลีบ่นๆ แล้วเดินกลับเข้าร้าน แล้วรีบปิดประตู ล็อกกุญแจ พอหันขวับมาก็ทำหน้าตกใจ
"ไอ้หยา ลื้อเข้ามาได้ยังไง"
เจ๊กหลีมองคนที่เดินเข้าหา แล้วเหลือบเห็นอาวุธที่มือ
"ล..ลื้อจะทำอะไรอั๊ว"
เจ๊กหลีถอยไปจนติดประตู ท่าทางหวาดกลัว ร่างนั้นย่างสามขุมเข้ามาหา
"อย่า..."
เจ๊กหลีร้องได้แค่นั้น ก็ถูกมีดพุ่งเข้าเสียบที่ท้องอย่างเร็วจนสะดุ้งเฮือก ตาเบิกค้าง แล้วค่อยๆ ทรุดฮวบลงขาดใจตาย กุญแจร้านที่กำอยู่หลุดมือกระเด็นไป
ร่างลึกลับค่อยๆ เอื้อมมือก้มลงใช้ผ้าเช็ดหน้าเก็บกุญแจ
เช้าวันใหม่ เทพไทตื่นลงมาจากบ้านเห็นโอ่งทองกำลังทำกับข้าว เขามองหาดอกแก้วแต่ไม่เห็น
"ดอกแก้วไม่อยู่เหรอครับ"
"ดอกแก้วออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ"
เทพไทสงสัย
"ไปไหนแต่เช้า"
"เมื่อกี้ก็ทำกับข้าวอยู่ด้วยกันพอเสร็จปุ๊ปก็ออกไปเลยไม่ทันได้ถามว่าจะไปไหน ... หรือว่าจะออกไปที่ทุ่งดอกไม้ก็ไม่รู้"
เทพไทได้ยินที่โอ่งพูดถึงทุ่งดอกไม้ ก็นึกถึง ทุ่งดอกซ่อนกลิ่น คิดได้ว่าเป็นทีเดียวที่ดอกแก้วชอบไป
" แต่เดี๋ยวมันคงกลับมาล่ะ ประเดี๋ยวคุณรับทานข้าวกับคุณลำเจียกไปก่อนแล้วกันนะคะ"
โอ่งหันมาแต่เทพไทหายไปซะแล้ว โอ่งยืนงง
"อะไรแว๊..ให้พูดคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน"
โอ่งทองหงุดหงิด
เช้าวันเดียวกัน สร้อยทองยืนใส่บาตรอยู่กับศรี สีหน้าสงบร่มเย็น แล้วพนมมือไหว้รับพรจากพระ ผ่าน... สร้อยทองกรวดน้ำที่ใต้ต้นไม้ แล้วส่งแก้วน้ำให้ศรี พลางสั่ง
"เดี๋ยวถ้าคุณพี่กับสารภีตื่นแล้วก็จัดโต๊ะของเช้าเลยนะ ไม่ต้องรอฉัน"
"คุณสร้อยไม่รับข้าวเช้าหรือคะ"
"ไม่ล่ะ ฉันว่าจะไปนั่งสมาธิในห้องพระเสียหน่อย อย่าให้ใครมากวน"
ศรีมองหน้าสร้อยทองที่ดูขรึมๆ
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณสร้อย ฝันร้ายหรือคะ"
สร้อยทองนิ่ง สีหน้านึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อคืน พูดเป็นนัยๆ
"ถ้ามันเป็นแค่ฝันร้ายก็ดีสิศรี"
สร้อยทองมองศรีเศร้าๆ แล้วเดินออกไป ศรีมองตามเจ้านายอย่างเป็นห่วง
พุดจีบไขกุญแจเข้ามาทางหลังร้าน ร้องตะโกนเรียก
"อาแปะ อั๊วมาแล้ว"
พุดจีบมองเข้าไปในร้าน เห็นไฟปิดมืด
"นี่ยังไม่เปิดร้านอีกเหรอจ๊ะ สายแล้วนะ"
พุดจีบเดินออกมาทางตู้ยาขายของ ชะโงกหน้ามองขึ้นไปชั้นสอง
"อาแปะ ตื่นหรือยังเนี่ย"
พุดจีบไม่ได้ยินเสียงเรียก เลยเปิดสวิทช์ไฟ แล้วชะงักมองไปที่บริเวณริมประตู เห็นร่างไร้วิญญาณของเจ๊กหลีนอนตายอยู่
"แอร๊ย... อาแปะ"
พุดจีบวิ่งถลาไปที่ศพเจ๊กหลี
"อาแปะ เป็นอะไรไป อาแปะ"
พุดจีบเขย่าตัวเจ๊กหลีอย่างตกใจ แล้วรู้สึกว่ามีหยดเลือดซึมออกมาจากลำตัว พอชักมือออกก็ตกใจ เห็นเลือดแดงเต็มมือ
"อาแปะ ไม่นะ ไม่จริง"
พุดจีบกอดเจ๊กหลีไว้ร้องไห้โฮ มือเจ๊กหลีที่กำถุงเงินไว้แน่นค่อยๆ คลายออก ปล่อยถุงเงินร่วงลงมาที่พื้น
พุดจีบได้ยินเสียงถุงเงินตกลงมาก็ก้มลงมอง แล้วหยิบขึ้นมาดู เห็นตัวอักษรป.ชัดเจน
ดอกแก้วเดินไปที่ทุ่งดอกซ่อนกลิ่นสีหน้าเศร้าเมื่อเห็นทุ่งซ่อนกลิ่นออกดอกขาวสะพรั่งไปทั่ว ดอกแก้วยิ้มมองเศร้าๆ เดินเอามือละดอกซ่อนกลิ่นไปเรื่อยจนมาหยุดนิ่งที่กลางทุ่งลงนั่งมองที่ดอกซ่อนกลิ่นตรงหน้า
"เจ้าเป็นเพียงแค่ดอกไม้ดอกเล็กๆเท่านั้นแต่ทำไมใครๆก็จำแต่สิ่งที่ไม่ดีของเจ้านะ"
"ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ดอกไม้เล็กๆแต่ก็มีคนมองเห็นคุณค่าของมันไม่ใช่เหรอครับ"
ดอกแก้วตกใจหันมาเห็นว่าเทพไทตามมา
"คุณเทพ"
เทพไทเดินเข้าไปใกล้ดอกแก้วจับดอกซ่อนกลิ่นที่อยู่ตรงหน้า
"ในสิ่งเดียวกันหากคนที่ชอบก็จะมองเห็นแต่ข้อดี แต่กับบางคนที่ไม่ชอบเค้าก็จะมองเห็นแต่ข้อเสียของมัน"
ดอกแก้วคิดตามที่เทพไทพูด นึกถึงตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้นี่ ดอกแก้วเศร้า
เทพไทดูดอกแก้วที่เศร้าหาเรื่องคุย
"ท่าทางคุณจะชอบที่นี่ มากนะครับ"
"ฉันโตมาพร้อมๆกับดอกไม้พวกนี้ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาอยู่ในที่ที่ฉันรักแห่งนี้ ฉันไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้กลับมาที่นี่อีก"
ดอกแก้วมองทุ่งดอกซ่อนกลิ่นดวงตาเศร้า เทพไทมองดอกแก้ว
"ถ้าเราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักแล้ว ทำไมเราไม่ยิ้มให้กับสิ่งเหล่านั้นล่ะ ถึงมันจะเป็นความสุขแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่มันก็จะเป็นความทรงจำที่ดีไปอีกนานแสนนานนะครับ"
เทพไทยิ้มให้ดอกแก้ว ดอกแก้วฟังคำที่เทพไทพูดมองที่ดอกไม้เผลอยิ้มตามที่เทพไทบอก
ดอกแก้วมองดอกไม้ยิ้มจนหันมาทางเทพไทที่มองดอกแก้วยิ้มอยู่สองคนยิ้มให้กัน
สองคนเดินตามทุ่งดอกซ่อนกลิ่น ดอกแก้วหยุดดมดอกไม้ เทพไทมองดอกแก้วเดินไป
เทพไทมาดมดอกไม้ที่ดอกแก้วดมเมื่อครู่ ดอกแก้วหันมามองเทพไทแก้เก้อหันไปทางอื่น เทพไทลงนั่งล้มตัวลงนอนท่ามกลางทุ่งซ่อนกลิ่น ดอกแก้วลงนั่งข้างๆสองคนชื่นชมกับดอกไม้ เทพไทหันมองดอกแก้วที่นั่งเหม่อมองที่ดอกไม้
"ถ้าเราได้อยู่ในที่ที่ไม่ต้องวุ่นวายกับใครๆแบบนี้ตลอดไปก็คงดีนะครับ"
ดอกแก้วพูดลอยๆ
"ในความเป็นจริงเราคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งคุณและฉันเราต่างก็มีภาระ มีหน้าที่ที่ต้องทำ อีกไม่กี่วันเราก็ต้องกลับไปอยู่ดี"
ดอกแก้วจะลุก เทพไทรีบดึงมือดอกแก้วไว้
"ดอกแก้ว...ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่กับคุณ คุณล่ะคิดเหมือนกันกับผมไหม"
ดอกแก้วอึ้งกับคำพูดของเทพไท
"ความสุขของฉันก็อยู่ที่นี่ไม่ต่างจากคุณหรอกค่ะ มันจะเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของฉันตลอดไปค่ะ"
เทพไทมองดูดอกแก้วที่ดูจะมีความรู้สึกไม่ต่างไปจากตัวเอง
สองคนสบตากันเผลอใจ เทพไทโน้มตัวเข้าหาดอกแก้ว จวนจะจูบกัน ดอกแก้วตัดใจผละออกแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยหาเหตุไปคุยเรื่องลำเจียก
"เอ่อ...ฉันว่าเรากลับกันเถอะค่ะ ป่านนี้คุณลำเจียกคงถามหาแย่แล้ว"
เทพไทเก้อๆ
"ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดถูกมั๊ยที่พาคุณลำเจียกมาที่นี่"
"ถ้าเธออยู่ที่นี่แล้วทำให้เธอมีความสุข ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างไปจากเธอหรอก"
ดอกแก้วยิ้มให้กับเทพไท
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 20 (ต่อ)
ดอกแก้วเทพไทเดินมาหยุดนั่งมองดูแม่น้ำไหลเอื่อยๆมองบรรยากาศรอบๆ เขานึกถึงภาพที่เจอดอกแก้วครั้งแรกที่สายน้ำแห่งนี้
เรือของดอกแก้วเข้าจอดตรงหน้าเทพไท.. เขาลดกล้องลง สบตากับดอกแก้วจริงๆ
" ถ่ายไปทำไมกันจ้ะ คนบ้านนอกไม่สวยไม่งามหรอก"
"สวยสิครับ สวยมากด้วย สวยที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา"
ดอกแก้วหน้าร้อนวาบ รีบหลบหน้าหลบตา
เทพไทละสายตาจากน้ำมามองหน้าดอกแก้ว
"ถ้าไม่มีแม่น้ำสายนี้ผมกับคุณคงไม่มีโอกาสได้เจอกัน"
สองคนพายเรืออยู่ในแม่น้ำเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของทั้งสองคนที่ลืมทุกทุกอย่างมีเพียงสองเราเท่านั้น
หลวงปกรณ์เดินออกมาส่งคุณพระที่หน้าห้องทำงาน มีสารภีเกาะแขนหลวงปกรณ์ตามออกมา
สร้อยทองกำลังจะขึ้นมาหาหลวงปกรณ์ เลยหยุดมอง
"ขอบใจนะคุณพระที่มาแจ้งข่าว ไปเรียนท่านเจ้าคุณได้เลยว่าผมจะรีบเดินทาง"
"ขอรับ ถ้าอย่างนั้นผมลา"
คุณพระไหว้หลวงปกรณ์กับสารภี แล้วหันมาเห็นสร้อยทองพอดี เลยไหว้สร้อยทองอีกคน ก่อนจะสวมหมวกออกไป
สร้อยทองมองตามแขก แล้วหันมาหาหลวงปกรณ์
"มีอะไรกันหรือคะคุณพี่ น้องได้ยินแว่วๆ ว่าคุณพี่จะเดินทาง"
"คุณหลวงจะต้องขึ้นเหนือค่ะคุณป้า สารภีไม่อยากให้ไปเลย ไม่ไปได้ไม่เหรอคะ"
"ไม่ได้หรอก ผู้ใหญ่ท่านเชิญมาทั้งที ฉันเองก็อยากไป ตอนนี้บ้านเมืองมันตึงเครียดไปหมด ต้องไปช่วยกันระดมความคิดหาทางออก"
"เรื่องอะไรหรือคะ"
"ท่านเจ้าคุณทหารขอให้ฉันขึ้นเหนือไปกับพวกทหารที่จะไปปฏิบัติการที่เชียงราย เพราะพวกผู้ใหญ่จะไปหารือเรื่องสงครามกันที่นั่น"
"ตายจริง ทำไมต้องไปไกลนักล่ะคะ"
"ท่านเจ้าคุณมีแผนจะติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่เดินทางผ่านประเทศจีน เพราะว่าเวลานี้ญี่ปุ่นอาจจะเพลี่ยงพล้ำแพ้สงคราม เราต้องรีบแสดงเจตจำนงต่อฝ่ายตรงข้ามว่าเราไม่ได้เต็มใจร่วมรบกับพวกอักษะ"
"เรื่องศึกสงคราม ฟังแล้วน้องใจคอไม่ดีเลย"
"หล่อนไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก จำไว้แค่ว่าพวกเราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยต้องย่อยยับเพราะการนี้เป็นแน่ ทุกคนจะต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมืองของเรา"
สารภีอ้อน
"คุณหลวงต้องไปจริงๆ ใช่ไหมคะ"
"ฉันก็เป็นลูกผู้ชายคนนึงที่รักชาติรักประเทศ เรื่องนี้เห็นจะนิ่งดูดายไม่ได้"
"งั้นน้องจะไปเตรียมข้าวของสำหรับเดินทางให้นะคะ"
"ไม่ต้องหรอกแม่สร้อย ให้สารภีเขาจัดการเถอะ เขานั่งฟังอยู่เมื่อกี้ รู้หมดแล้วว่าฉันต้องเอาอะไรไปบ้าง"
สารภียิ้มเอาใจ สร้อยทองหน้าชา เหมือนโดนฉีกหน้า
"สารภีจะเตรียมให้ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ก็อยากตามไปรับใช้ด้วยซะที่โน่นเลย"
"ไม่ต้องหรอก เอาเป็นว่าฉันฝากเธอดูแลคนทุกคนในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ เท่านั้นฉันก็อุ่นใจแล้วล่ะ"
หลวงปกรณ์พูดพลางลูบหัวสารภีอย่างเอ็นดู ราวกับไม่มีสร้อยทองอยู่ในห้อง
สร้อยทองกัดริมฝีปากน้ำตาคลอ ที่หลวงปกรณ์พะเน้าพะนอสารภีต่อหน้าต่อตา
สร้อยทองเดินเข้ามาในห้อง แล้วทรุดลงอย่างเครียดๆ มีศรีตามมามองอย่างไม่สบายใจ เพราะรู้ว่าสร้อยทองคงเจ็บมากที่หลวงปกรณ์ห่วงแต่สารภีคนเดียว
"คุณสร้อยขา"
สร้อยทองก้มหน้านิ่งสลด แต่แล้วก็เหมือนความอึดอัดใจระเบิดออกมา เลยกรีดเสียงร้องไห้ดังลั่น พร้อมกับกวาดข้าวของทิ้ง กระจัดกระจาย ศรีตกใจพยายามเข้าไปห้าม กอดสร้อยทองไว้
"ไม่เอานะคะคุณสร้อย"
สร้อยทองสะอึกสะอื้น
"ฉันเป็นใครเหรอศรี ฉันยังมีตัวตนอยู่ในบ้านนี้หรือเปล่า ทำไมคุณพี่ถึงได้ยกความสำคัญไปให้คนอื่น ฉันทำอะไรผิด" สร้อยทองร้องไห้โฮ
ศรีเศร้าตามสร้อยทอง พลอยน้ำตาไหลไปด้วย สองนายบ่าวกอดกันร้องไห้สะเทือนใจ
ฝ่ายสารภีนวดบ่ากับไหล่ให้หลวงปกรณ์ ขณะที่หลวงปกรณ์กำลังอ่านเอกสารทำงานในวันพรุ่งนี้
"ถ้าคุณหลวงไม่อยู่แล้ว สารภีคงจะเหงาแน่ๆ เลยค่ะ"
"คนอื่นก็อยู่กันออกเต็มบ้านจะเหงาอะไรกันสารภี"
สารภีตีหน้าเศร้า
"คนในบ้านนี้มีใครเขาสนใจสารภีกันคะ นอกจากนังพิศ ไม่มีคุณหลวงแล้ว สารภีก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว บางทีสารภีอาจจะไปอยู่กับพ่อแม่ซักพัก"
"เดินทางไกลตอนนี้มันอันตราย อย่าเพิ่งเลย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหล่อนเหงาๆ เบื่อๆ ก็ออกไปซื้อข้าวซื้อของให้เพลินใจ ฉันจะให้เงินไว้"
หลวงปกรณ์หันไปหยิบถุงเงินบนโต๊ะ เห็นตัวอักษรป.ชัดเจนมาส่งให้
สารภีทำเป็นรับมาอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็รีบเปิดดู แล้วชะงักเล็กน้อยเพราะเห็นเงินเยอะ
"พอหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่พอฉันจะให้อีก"
สารภีเงยหน้ามองหลวงปกรณ์ ยิ้มปลาบปลื้ม
"แค่นี้ ก็มากเหลือแล้วเกินแล้วค่ะคุณหลวง สารภีรักคุณหลวงที่สุดเลย"
สารภีโผเข้ากอดคุณหลวง หอมแก้มอ้อนๆ หลวงปกรณ์เขินๆ แต่ก็กอดตอบสารภีอย่างเอ็นดู
พุดจีบแต่งชุดดำ ถือกรอบรูปเจ๊กหลีเข้ามาในบ้าน เอารูปมาแขวนไว้ที่เพดาน เพื่อนบ้านเดินถืออัฐิมาส่งให้ พุดจีบรับมา
"ขอบใจนะจ๊ะป้า"
"เสียใจด้วยนะพุดจีบ แล้วนี่เอ็งจะทำยังไงกับร้าน"
"ก็คงต้องปิดแหละจ้ะ ฉันไม่รู้เรื่องตำรับยาจีนเท่าแปะ เดี๋ยวขายผิดขายถูกจะแย่เอา"
เพื่อนบ้านพยักหน้าอย่างเห็นใจ
"ขอให้เอ็งโชคดีก็แล้วกันนะพุดจีบ"
"จ้ะป้า ขอบใจนะจ๊ะ"
พุดจีบไหว้ลาเพื่อนบ้าน แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ พอนึกได้ก็เปิดลิ้นชักหยิบถุงเงินออกมามอง
"อาแปะไม่ต้องห่วงนะ ยังไงอาแปะก็จะต้องไม่ตายฟรี อั๊วจะต้องสืบให้ได้ว่าใครมันทำอาแปะ"
พุดจีบกำถุงเงินในมือ สีหน้ามุ่งมั่น
ลำเจียกนั่งซึมไม่พูดไม่จา
โอ่งทองถาม
"คุณจะกินข้าวเลยไหมคะ"
ลำเจียกนั่งเฉยไม่หือไม่อือ
"ปั๊ดโธ่..!! ไม่หือไม่อืออีโอ่งจะรู้ไหมว่ากินหรือไม่กินเนี่ย"
โอ่งทองจนปัญญา
"งั้นยังไม่ต้องกินแล้วกัน จะได้ย้อมผ้าต่อ..."
โอ่งเดินไปย้อมผ้าที่เตาต่อ
ขณะที่กำลังย้อมผ้าสีแดงอยู่ ลำเจียกเดินเข้ามาเห็นสีแดงที่โอ่งกำลังเอาผ้าลงไปย้อม
ลำเจียกเห็นเป็นสีเลือดตอนที่ตัวเองแท้งลูกแล้วเลือดไหลนองเต็มไปหมดลำเจียกร้องกรี๊ด !!!
"แอร๊ย ! ลูกๆ...ลูกแม่.. แอร๊ย"
โอ่งทองตกใจที่เห็นลำเจียกร้องกรี๊ดเสียงดังคุมอารมณ์ไม่อยู่คลั่ง
ดอกแก้วกับเทพไทกลับมาเห็นตกใจ เทพไทรีบวิ่งเข้าไปหาลำเจียก ที่ร้องกรี๊ดเสียงดังลั่น
"คุณน้า คุณน้าใจเย็นๆนะครับคุณน้า"
"พี่โอ่งเกิดอะไรขึ้น"
"ไม่รู้เหมือนกัน แกเข้ามาดูเห็นผ้าสีแดงเท่านั้นแหล่ะแกก็ร้องกรี๊ดเลย"
ดอกแก้วมองลำเจียกสงสารจับใจ โอ่งทองบ่นๆ
"ดูแลป้าแล่มยังไม่ยากเท่านี้เลย ถึงป้าแล่มจะเอาแต่ด่าก็ยังดีกว่าคนไม่พูดไม่จาแบบนี้นะ เดาใจไม่ออกไม่รู้คิดอะไรอยู่"
ดอกแก้วมองลำจียกเป็นห่วง
เวลากลางคืน หลวงปกรณ์ส่งกระเป๋าเอกสารให้เชตที่มายืนรอรับอยู่
"เอาเอกสารนี่ไปใส่รถเลยนะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบๆ ร้อนๆ"
เชตรับกระเป๋ามา แล้วถามสีหน้าลังเล
"เอ้อ คุณหลวงจะให้ผมไปเชียงรายด้วยใช่ไหมขอรับ"
"เปล่า พรุ่งนี้แกไปส่งฉันที่กรมก็พอ เดี๋ยวจะมีคนมารับ"
" ขอรับ"
"แกอยู่ทางนี้แหละดีแล้ว คอยรับใช้คุณสารภีเวลาเธอจะไปไหนมาไหน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ"
สารภีเดินเข้ามาหาหลวงปกรณ์ ปรายตามองเชตอย่างชิงชัง
"ต่อไปนี้สารภีจะให้นายเชิดมาขับรถแทน ให้มันไปรับใช้คุณป้าสร้อยทองเถอะค่ะ"
"ทำไมล่ะ ไหนว่าไอ้เชตมันขับรถดี หูตาไม่ฝ้าฟางเหมือนไอ้เชิด"
สารภีไม่ตอบ แต่มองเชตอย่างเชิดๆ เชตยิ้มรู้ทัน
"สงสัยผมจะตาหูดี มองเห็นอะไรๆ ที่ไม่ควรเห็นมากเกินไปน่ะครับ คุณสารภีเธอเลยไม่ชอบใจ"
สารภีชักสีหน้าใส่เชตทันที แต่หลวงปกรณ์ไม่ได้สังเกต
"หมายความว่ายังไง แกยิ่งพูดฉันก็ยิ่งงง"
"มันก็เพ้อเจ้อไปตามประสาคนพูดมากนั่นแหละค่ะ นี่แหละสารภีถึงได้เกลียดนัก คุณหลวงอย่าไปสนใจเลย ออกไปได้แล้ว"
เชตยิ้มยั่วใส่สารภี แล้วค้อมหัวออกไป สารภีมองตามเชต เจ็บใจ กลัวเชตปากมากแฉความลับ
เชตนอนเล่นอยู่ที่ห้อง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุบประตูโครมๆ เลยออกไปดู เห็นสารภียืนหน้าบึ้งอยู่
"แกต้องการอะไร ถึงไปพูดกับคุณหลวงแบบนั้น"
"เพราะผมรู้ว่าพูดแล้วคุณสารภีต้องมาหาผมถึงที่"
"คิดจะเป็นศัตรูกับฉันใช่ไหมไอ้เชต"
"เปล่าเลยนะครับ ผมแค่อยากเตือนให้คุณสารภีจำได้ว่าถ้าคุณจะเป็นศัตรูกับผมล่ะก็ มันไม่ง่ายหรอก เพราะผมมีความลับหลายอย่างที่จะพลิกชีวิตคุณได้เหมือนกัน"
สารภีเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ แต่แล้วก็มองเหยียด
"ขี้ปากคนชั้นต่ำอย่างแกเอาความลับฉันไปคาย คิดเหรอว่าคนเขาจะเชื่อ...ชั้นเป็นใคร แล้วแกเป็นใคร ชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างนะ"
"เงาของผมกับเงาของคุณมันก็ดำมืดไม่ต่างกันหรอกคุณสารภี"
เชตกระชากสารภีเข้ามาจูบด้วยความแค้น สารภีดิ้นๆ จนผลักเชตออกมาได้ แล้วตบฉาด 2 ทีซ้อน
"นี่คือสิ่งที่แกสมควรได้รับจากความไม่เจียมเนื้อเจียมตัว ! ถ้าคราวหน้าแกแตะฉันอีกแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะให้คุณหลวงจัดการกับแก"
สารภีอาฆาตแล้วรีบวิ่งออกไป เชตจับแก้มที่โดนตบด้วยความเจ็บใจ อยากจะเอาคืนสารภี
เช้ารุ่งขึ้น ทุกคนออกมาส่งหลวงปกรณ์ที่หน้าบ้าน สารภีเกาะแขนหลวงปกรณ์ไม่ห่าง
"ดูแลบ้านกันให้ดีๆ นะ"
"คุณพี่ถึงแล้ว โทรเลขมาบอกน้องด้วยนะคะ"
หลวงปกรณ์พยักหน้า แล้วหันไปเห็นสารภีรับผ้าเช็ดหน้ามาจากพิศ
"เป็นอะไรไปสารภี"
สารภีถือโอกาสโผเข้ากอดหลวงปกรณ์ ทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น
"สารภีจะสวดมนต์ขอพรพระให้คุ้มครองคุณหลวงทุกคืน คุณหลวงจะได้ปลอดภัยกลับมา"
"ขอบใจมาก เธอเองก็ดูแลทางนี้แทนฉันด้วยนะสารภี"
"ค่ะ คุณหลวง"
สารภีกอดหลวงปกรณ์แน่นแทบไม่ยอมปล่อย จนหลวงปกรณ์เขิน ต้องแกะมือสารภีออก
"ฉันไปนะทุกคน"
หลวงปกรณ์เดินไปขึ้นรถเชตที่รอเปิดประตูให้อยู่ ก่อนที่เชตจะขับรถออกไป
ทุกคนมองรถของหลวงปกรณ์ที่แล่นลับไปแล้วพากันแยกย้าย เหลือสารภีกับสร้อยทองยืนอยู่ด้วยกัน
สร้อยทองมองหน้าสารภีด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่สารภีฉีกยิ้มให้ ไม่สะทกสะท้าน
"คุณหลวงฝากให้สารภีดูแลบ้านนี้ เดี๋ยวสารภีจะไปสั่งงานบ่าวไพร่ให้เอง คุณป้าขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ"
สารภียิ้มเยาะ แล้วเดินเชิดจากไป สร้อยทองมองตาม กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ
อ่านต่อตอนที่ 21