ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 19
เทพไทลงมาเอาเอกสารการแพทย์ที่รถ เห็นพวกบ่าวทำงานอยู่แถวนั้นช่วยกันตัดต้นไม้รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ พวกบ่าววิ่งมากระซิบกระซาบกัน บางคนทิ้งงานตามเพื่อนไปเป็นกลุ่ม บางคนดูลุกลี้ลุกลน
เทพไทมองตามสงสัยว่าพวกบ่าวไปไหนกัน
เอี้ยง หมอน เข็ม และพวกบ่าวช่วยกันห้ามลำเจียกที่พยายามเค้นคอดอกแก้วอยู่
"คุณลำเจียกเจ้าขา ปล่อยเถอะค่ะ" หมอนบอก
"นี่คุณแก้วนะเจ้าคะคุณลำเจียก" เข็มว่า
"มันจะฆ่าลูกฉันๆ"
ลำเจียกบีบคอดอกแก้วไม่ยอมปล่อย สามคนพยายามช่วยกันแยก แต่ยังไม่สำเร็จ เอี้ยงหันไปเห็นตุ๊กตาหล่นอยู่มุมห้อง รีบคว้าหยิบขึ้นมาส่งให้
"ลูกคุณลำเจียกอยู่นี่ไงค่ะ ไม่มีใครทำอะไรเลยเห็นไหมคะ"
ลำเจียกชะงัก หันไปเห็นตุ๊กตาในมือเอี้ยง ชะงัก รีบคว้า
"ลูก"
หมอนกับเข็มช่วยกันเข้าไปพยุงดอกแก้ว ขณะที่ลำเจียกกำลังอุ้มชูลูกอยู่ด้วยความหวงแหน
ลำเจียกหันมาหาดอกแก้
"เธอ...เธอไม่ได้ฆ่าลูกฉัน"
"เปล่านะคะคุณพี่ แก้วแค่เอาอาหารมาให้คุณพี่กับหลานเท่านั้นเองค่ะ"
ลำเจียกกอดตุ๊กตาไว้ สีหน้าอ่อนลง แต่สายตายังระแวงหน่อยๆ แล้วเซจะนั่งลง เอี้ยงรีบประคอง
ด้านนอกเรือน พวกบ่าวยืนชะเง้ออยู่ด้านหลัง พิศพยายามจะแทรก สอดรู้สอดเห็น
"อย่าบังข้าสิโว้ย ถอยหน่อย !"
"มีอะไรกัน"
พวกบ่าวสะดุ้งหันไป เห็นเทพไทยืนอยู่ ต่างรีบถอยกรูดหลบ
"ฉันถามว่ามีอะไร มามุงดูกันทำไมที่นี่"
"ก็คุณลำเจียกน่ะสิเจ้าคะ" พิศว่า
"คุณน้าทำไม"
เทพไทแหวกพวกบ่าวเข้าไปในเรือนทันที
เทพไทเดินขึ้นเรือนคุณย่ามา ลำเจียกกำลังนั่งร้องไห้ซบอกดอกแก้ว
"ฉันกลัว...กลัวเหลือเกิน กลัวคนจะมาฆ่าตาหนูของฉัน"
"ไม่มีคนคิดร้ายอย่างนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้คุณพี่อยู่ที่บ้านเราแล้ว ผู้คนออกจะแน่นหนา ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรตาหนูได้แน่ๆ ค่ะ"
ลำเจียกจับมือดอกแก้ว พึมพำซ้ำๆ
"เธออย่าทิ้งฉันนะ อย่าทิ้งฉันไปนะ"
"ค่ะ แก้วจะไม่ทิ้งคุณพี่"
ลำเจียกยิ้มออก จับมือดอกแก้วบีบแน่น
"สัญญานะ สัญญา"
"แก้วสัญญาค่ะ"
ลำเจียกดีใจ รีบส่งตุ๊กตาให้ คะยั้นคะยอให้อุ้ม
"ลูก อุ้ม อุ้มลูกฉัน"
ดอกแก้วรับตุ๊กตามาอุ้มเอาใจลำเจียก ลำเจียกมองลูกเอ็นดู หยิกแก้มเล่นกับลูก ท่าทางสบายใจขึ้นมาก เทพไทมองลำเจียกด้วยความสงสาร
เทพไทเดินคุยกับดอกแก้วมาตามทางใกล้แปลงซ่อนกลิ่น
"คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าคุณน้าจะยอมรับโลกแห่งความจริงได้ เวลานี้เราทำได้แค่เออออตามท่านไปก่อน"
"ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ถึงไม่วางใจให้คนอื่นดูแลคุณพี่ลำเจียก กลัวว่าจะพูดอะไรขัดใจเธอเข้า"
"การดูแลคนป่วยทางจิตเป็นภาระหนัก ถ้าคุณไม่ไหวก็บอกผมได้ ผมจะให้พยาบาลมาช่วย"
"แก้วทำได้ค่ะ ตอนนี้คุณลำเจียกก็เริ่มไว้ใจแก้วแล้ว คงจะดูแลกันได้ไม่ยาก"
"งั้นก็ตามใจ"
"แล้วคุณเทพได้ข่าวเรื่องอึ่งบ้างไหมคะ"
เทพไทส่ายหน้า
"ไม่ได้ข่าวเลย เรื่องนี้ผมก็ยังแปลกใจอยู่ ทำไมอึ่งถึงได้หายตัวไปเฉยๆ"
เทพไทกับดอกแก้วเดินคุยกันต่อ ที่ดอกซ่อนกลิ่น เห็นคราบสีแดงๆ ซุกแทรกอยู่ที่โคนดอก เหมือนถูกล้างออกไม่หมด แต่เป็นจุดที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
ภายในเรือนรับรอง เวลากลางคืน สารภีสีหน้าสะใจ หลังจากฟังเรื่องจากพิศ
"ทำไมแกไม่รีบมาตามฉัน ฉันอยากจะไปดูอีบ้าลำเจียกมันบีบคอนังดอกแก้วด้วยตาฉันเอง"
"แหม ก็ตอนนั้นมันฉุกละหุกนี่คะ พิศกลัวว่าผละไปแล้วจะไม่ได้เห็นของดี"
"แล้วแกเห็นอะไรบ้าง"
"นังคุณลำเจียกบีบคอนังคุณดอกแก้วจนเกือบตาย แต่พอมันเห็นตุ๊กตาที่เป็นลูกมันเท่านั้นเอง มันก็หยุด รีบโผไปกอดลูก ท่าทางดีใจอย่างกับเด็กได้ของเล่น"
"ซักวันฉันจะเอาไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นไปเผาไฟ ดูซิว่ามันจะอกแตกตายไหม"
"อุ๊ย อย่านะคะคุณสารภี แบบนั้นคนจะยิ่งสงสารมัน ปล่อยให้มันบ้าไปแบบนี้จะดีกว่าค่ะ"
"เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้มันดูน่าสงสาร เดี๋ยวคุณหลวงก็ใจอ่อนเหมือนเมื่อบ่ายนี้อีก"
สารภีสีหน้ามีแผนร้าย
"ฉันจะทำให้มันบ้าหนักขึ้นๆ เอาให้คุณหลวงรังเกียจจนไม่อยากเห็นมันอยู่ในสายตานั่นแหละดี"
เช้าวันใหม่ สร้อยทองกับศรีเดินขึ้นบันไดมา เข็มและบ่าวไพร่กำลังขนข้าวของลำเจียกออกจากห้อง บางส่วนก็ขนของสารภีเข้ามา
"นี่เอ็งทำอะไรกันนังเข็ม" ศรีถาม
"จัดห้องให้คุณสารภีน่ะสิป้า เธอจะมาอยู่ห้องคุณลำเจียก"
"อะไรกัน ใครอนุญาต"
"คุณหลวงเป็นคนอนุญาตค่ะ"
สร้อยทองกับศรีหันขวับไป เห็นสารภีกับพิศเดินตามขึ้นมาท่าทางอวดดี
"สารภีเห็นว่าห้องคุณพี่ลำเจียกว่างอยู่ เพราะเธอลงไปอยู่เรือนเล็ก ก็เลยขอขึ้นมาอยู่บนนี้ จะได้รับใช้คุณหลวงได้ถนัด"
"ฮึ แต่ก่อนหล่อนอยู่เรือนรับรองเดินเป็นสิบก้าว ก็ยังขึ้นมารับใช้คุณพี่ได้ไม่ติดขัดไม่ใช่หรือ"
"ก็สารภีไม่อยากเสียแรงเดินไปเดินมาไงล่ะคะ เก็บแรงไว้ รับใช้คุณหลวงไม่ดีกว่าหรือคะ"
สารภีพูดเล่นลิ้น พิศหัวเราะกิ๊กแบบเก็ตมุกสัปดนของสารภี
สร้อยทองเสียงเข้ม
"ปกติแล้วคุณพี่จะสั่งให้ขึ้นมาบนตึกต้องขออนุญาตฉันก่อน"
"แหม คุณหลวงเธอก็อาจจะลืมมั่งอะไรมั่ง จริงไหมคะคุณสารภี" พิศว่า
"หรือถ้าไม่ลืม ก็คงไม่เห็นความจำเป็นต้องบอก เพราะยังไงบ้านนี้ก็เป็นบ้านของคุณหลวง ได้ยินคุณหลวงท่านย้ำอยู่ตั้งหลายครั้ง ไม่ยักมีใครจำ" สารภีหัวเราะเยาะ
สร้อยทองหน้าชา แต่สารภีทำท่าไม่สนใจ หันไปสั่งพิศ
"แกไปคุมอีพวกขนเตียงที่เรือนรับรองซิ นังพิศ บอกให้มันยกมาดีๆ อย่าให้เสียหาย เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะพาคุณหลวงมาฉลองเตียงใหม่"
"เจ้าค่ะ"
พิศรีบลงไปข้างล่าง สารภีเดินนวยนาดเข้าไปสั่งงานในห้อง เรียกบ่าวไพร่เอะอะ
สร้อยทองกัดฟันกรอด กำมือแน่น อยากจะเข้าไปตบให้หายแค้น ได้แต่เก็บกดไว้
ส่วนดอกแก้วประคองลำเจียกที่เดินกอดตุ๊กตากล่อมไปมา พยายามชี้ชวนให้ดูดอกไม้
ลำเจียกเหลือบมองดอกไม้แว่บเดียวแล้วก็หันมาเล่นกับตุ๊กตาต่อ
"คุณพี่เมื่อยหรือยังคะ นั่งพักก่อนดีไหม"
ลำเจียกมองไปที่เก้าอี้แล้วพยักหน้า
"ดีๆ ลูกฉันหิว"
"หิวเหรอคะ งั้นเดี๋ยวแก้วไปเอาขนมมาให้รับประทานนะคะ"
"เอานมด้วยยนะ นม"
ดอกแก้วพยักหน้ารับตามใจ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้ลำเจียกนั่งคนเดียว
ลำเจียกนั่งเล่นตุ๊กตา โยกตัวกล่อมลูก พึมพำเสียงกล่อมเด็กเบาๆ
สารภียืนมองอยู่ที่หน้าต่าง เห็นลำเจียกนั่งเล่นกับลูกก็เกิดความคิดร้ายกาจ พิศเปิดประตูเข้ามารายงาน
"คุณหลวงแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะคุณสารภี กำลังจะลงไปข้างล่าง"
สารภีมองลำเจียกอย่างมีแผน
"แกไปถ่วงเวลาไว้ก่อน"
"เอ๊ะ ทำไมล่ะคะ"
"ไปเถอะน่ะ ทำยังไงก็ได้อย่าเพิ่งให้คุณหลวงออกมาหน้าบ้าน จนกว่าฉันจะเรียก"
สารภียิ้มเจ้าเล่ห์แล้วรีบออกจากห้องไป พิศมองตาม งง
ลำเจียกนั่งเล่นกับลูกอยู่ที่ม้านั่ง สารภีทำเป็นเดินยิ้มเข้าไปหา
"ทำอะไรอยู่คะคุณน้าลำเจียก"
ลำเจียกสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นสารภีก็ชะงัก จำได้ว่าคนนี้ไม่ดี รีบขยับหนี
แต่สารภีจับแขน
"จะไปไหนคะ แม่ดอกแก้วเขาให้สารภีมานั่งคุยเป็นเพื่อนกับคุณน้า เดี๋ยวเขามา"
ลำเจียกชะงัก พอสารภีอ้างชื่อดอกแก้ว แต่ยังไม่ไว้ใจสารภี ผินหลังให้ นั่งกล่อมลูกต่อ
สารภีมองอย่างสมเพช แล้วยื่นหน้าเข้าไปดู
"ลูกคุณน้าชื่ออะไรคะเนี่ย"
ลำเจียกเหลือบมองสารภี แล้วตอบห้วนๆ
"ตาหนู"
"ตัวเล็กนิดเดียว ขอสารภีลองอุ้มดูหน่อยได้ไหมคะ"
ลำเจียกสะดุ้งรีบส่ายหน้า แล้วหันหนี สารภีลุกไปดักหน้าไว้ แล้วกระชากตุ๊กตามาจากมือ
"ให้สารภีอุ้มเถอะค่ะ"
ลำเจียกตกใจพยายามจะแย่งคืน สารภีเป็นฝ่ายเดินหนีบ้าง แล้วทำเป็นชื่นชมตุ๊กตา
"ต๊าย หน้าตาน่าเกลียดน่าชังสมกับเป็นลูกของนายไหล"
ลำเจียกได้ยินชื่อนายไหลก็ชะงักกึก
"เธอว่าไงนะ"
"ก็นายไหล ไอ้เจ๊กลากรถน้าไงคะ เลอะเลือนจนจำชู้รักของตัวเองไม่ได้เชียวหรือนี่" สารภีแสยะยิ้ม
"นายไหล...นายไหล" ลำเจียกพึมพำ คิดแล้วนึกแว่บออกมาได้ "นายไหล ! นายไหล ! นายไหลอยู่ไหนแกรู้ใช่ไหม"
ลำเจียกโผเข้าจับไหล่สารภีเขย่า ถามอย่างลนลานตื่นเต้น
"นายไหลอยู่ที่ไหน บอกมาๆๆ แกบอกฉันมา" สารภีพูดซ้ำเขย่าแรงขึ้น ถลึงตา
สารภีเห็นท่าทางลำเจียกคลั่ง เริ่มกลัว
"โอ๊ย ฉันไม่รู้ ปล่อยนะ"
ลำเจียกยังพูดซ้ำๆ เขย่าตัวสารภีจนหัวคลอน สารภีรีบตะโกน
"ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ใครก็ได้ช่วยที"
สารภีร้องโวยวายแล้วชะโงกหน้ามองไปที่บ้านใหญ่ เห็นหลวงปกรณ์กับพิศรีบออกมา
สารภีรีบปาตุ๊กตาลงพื้น แล้วร้องดังขึ้น ลำเจียกเห็นลูกตกพื้นก็ยิ่งโกรธ
"ตาหนู ! " สารภีรีบก้มลงเก็บ "แกทำลูกฉัน อีแม่มดๆๆๆ"
ลำเจียกพุ่งเข้าใส่สารภีด้วยความแค้น สารภีร้องวี๊ดว้ายทำเป็นล้มลง ลำเจียกพุ่งเข้าบีบคอ
หลวงปกรณ์ พิศรีบวิ่งเข้ามา เห็นภาพสารภีถูกทำร้ายกับตา
"ว้าย ตายแล้ว" พิศสวมบททันที
"แม่ลำเจียก หยุดนะ"
พิศกับหลวงปกรณ์ช่วยกันเข้าไปดึงลำเจียก สารภีร้องโวยวายดูน่าสงสาร
"ปล่อยมือแม่ลำเจียก ปล่อย"
หลวงปกรณ์ออกแรงเหวี่ยงลำเจียกกระเด็นไป ลำเจียกร้องไห้โฮเหมือนเด็ก ดอกแก้วเข้ามาเห็นพอดี รีบเข้าไปประคอง
"คุณพี่ลำเจียก"
ดอกแก้วประคองลำเจียกไว้แล้วมองทุกคนอย่างงงๆ สารภีรีบโผเข้ากอดหลวงปกรณ์ ร้องไห้
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
"คุณน้าลำเจียกจะฆ่าฉัน อยู่ๆ ก็เขามาบีบคอฉันแล้วก็ถามหานายไหลๆๆ ฉันบอกไม่รู้ก็ไม่ฟัง หาว่าฉันเอานายไหลไปซ่อน" สารภีร้องไห้สะอึกสะอื้น
"จริงเหรอสารภี"
"จริงค่ะ คุณน้าถามหาแต่นายไหล ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาถามหากับสารภีด้วย"
"นี่เป็นบ้าขนาดนี้ยังจะคร่ำครวญถึงไอ้ชายชู้อีกเหรอแม่ลำเจียก"
หลวงปกรณ์สาวเท้าเข้าหาลำเจียก ดอกแก้วรีบกันไว้
"อย่านะคะคุณหลวง คุณพี่ไม่รู้ตัวหรอกคะ"
"ไม่รู้ตัวแต่ยังกล้าพูดถึงมัน ก็แสดงว่าหัวใจแม่ลำเจียกมีแต่มัน เธอจะให้ฉันคิดยังไงไปได้อีกดอกแก้ว "
"คุณพี่ยังไม่สติ ก็คงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีเจตนาหรอกค่ะ"
หลวงปกรณ์มองลำเจียกที่เอาแต่กอดลูก สะอื้นเบาๆ
"ในเมื่อเธอดึงดันที่จะเอาแม่ลำเจียกมาดูแล ก็ไม่ควรจะปล่อยให้คลาดสายตา"
"แก้วแค่ออกไปเอาของว่างมาให้คุณพี่เท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่อง แก้วกราบขอโทษคุณสารภีด้วยนะคะ"
ดอกแก้วยกมือไหว้ สารภีเชิดหนีไม่มอง ดอกแก้วเลยกระซิบลำเจียก
"คุณพี่ กราบขอโทษคุณหลวงกับคุณสารภีนะคะ คุณพี่ไม่ได้เจตนาใช่ไหมคะ"
ดอกแก้วจับมือลำเจียกก้มลงไหว้ ลำเจียกทำตามอย่างไม่รู้ประสา
หลวงปกรณ์หงุดหงิด เลยไม่รับไหว้แล้วเดินหนีไป สารภีกับพิศเดินตามไปติดๆ
ดอกแก้วมองตามทั้งสามไปอย่างกลุ้มๆ แล้วหันมาปลอบลำเจียกต่อ
ดอกแก้วประคองลำเจียกเข้ามานั่งที่เรือน ลำเจียกยังเอาใจใส่อยู่กับตุ๊กตา พยายามปัดฝุ่นที่ตุ๊กตา แล้วจูบหอมอย่างรักใคร่ทนุถนอม
ดอกแก้วน้ำตาไหลออกมาอย่างเวทนา เอี้ยงเข้าเรือนมา
"คุณดอกแก้ว"
ดอกแก้วรีบปาดน้ำตา แล้วหันไปสั่ง
"ฝากเอี้ยงดูคุณลำเจียกด้วยนะจ๊ะ"
ดอกแก้วรีบลงจากเรือนไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 19 (ต่อ)
หลวงปกรณ์นั่งอยู่กับสารภี มองดูดอกแก้วทีขึ้นมาหา
"มีเรื่องอะไรจะคุยหรือดอกแก้ว"
"แก้วอยากจะเรียนขอความกรุณาคุณหลวง ให้เมตตาคุณพี่ลำเจียก อย่าแสดงกริยาร้ายๆ หรือต่อว่าใส่เธอแรงๆ ได้ไหมคะ คุณเทพไทบอกว่าจิตใจคุณพี่ยังเปราะบางอยู่มาก"
"ฉันก็ไม่ได้คิดร้ายกับแม่ลำเจียก ถ้าเขาไม่ก่อเรื่องขึ้นก่อน"
"แทนที่เธอจะมาสั่ง่ให้คุณหลวงทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่เก็บคุณน้าไว้ในเรือน ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน ไม่เจอคนซะก็ไม่มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ"
"แต่คุณพี่ลำเจียกต้องได้มาสูดอากาศบ้าง"
"งั้นฉันก็คงต้องเก็บเนื้อเก็บตัวเสียเอง จะได้ไม่เดือดร้อนสินะ"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ทุกคนในบ้านเคยอยู่มายังไงก็อยู่กันไปแบบนั้น แก้วขอแค่ให้ทุกคนปฏิบัติกับคุณลำเจียกอย่างระมัดระวังก็พอ เธอจะหายเป็นปกติได้ก็ต่อเมื่อทุกคนช่วยให้นำทางให้เธอกลับมานะคะ"
หลวงปกรณ์นึกถึงลำเจียก ใจอ่อน
"ฉันจะพยายามก็แล้วกัน"
"ขอบคุณค่ะคุณหลวง"
ดอกแก้วไหว้หลวงปกรณ์ แต่สารภีสะบัดหน้า อย่างไม่พอใจที่คุณหลวงใจอ่อนอีกแล้ว
สารภีถือกระเป๋าเดินหน้าบึ้งออกมาที่หน้าบ้าน เชตกำลังถูรถหันมาเห็น
"คุณสารภีทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ โกรธใครมา"
"โกรธมันทุกคนนั่นแหละ คนบ้านนี้มีแต่คนบ้ากับคนโง่ แกทนอยู่ได้ยังไง"
"แหม ก็เพื่อเงินสิครับ เหมือนคุณสารภียังไงล่ะ"
เชตยิ้มเจ้าเล่ห์รู้ทัน สารภีสะบัดหน้าค้อน
"รู้ดีนักนะแก ใช่ ฉันอยู่เพื่อเงิน ! เพราะฉะนั้นฉันก็จะเอาเงินมาหาความสุขให้ฉัน เอารถออก"
เชตยิ้มกริ่ม ดีใจที่ได้ไปกับสารภีอีกแล้ว รีบเปิดประตูรถให้สารภีนั่ง
สารภีเดินเที่ยวตลาด จับจ่ายซื้อของ เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ผ่านเวลามาเห็นถือของพะรุงพะรัง สารภียกให้เชต
"แกเอาไปเก็บที่รถก่อนไป ฉันต้องซื้ออีกหลายอย่าง"
เชตถือถุงจะแยกไป สารภีจะเดินต่อ แล้วเกือบชนกับชายแก่ที่เดินผ่านมา
"เดินดีๆ สิตาแก่"
สารภีตวาดแว้ด แล้วชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเจ๊กหลี
"เฮ้ย อาหมวย ลื้อนี่เอง"
เชตได้ยินเสียงเจ๊กหลีก็หันไปมอง เห็นสารภีคุยกับเจ๊กหลีอยู่ เลยเปลี่ยนใจยังไม่เดินไปรถ แต่ย่องกลับมาแอบฟัง
"เดี๋ยวนี้ไม่เห็นไปที่ร้านเลยนา ยาใช้ได้ผลดีล่ะสิท่า ฮ่าๆๆ"
"อย่าเอะอะได้ไหมแปะ ฉันอายเขา"
"ฮ่าๆๆ อั๊วเข้าใจ ลื้อมันยังสาวยังแส้ ใครรู้ว่าใช้เสน่ห์ยาแฝดมันคงขำกันพิลึก"
เชตแอบได้ยินพอดี ตาโตตกใจ สารภียิ่งโมโห
"ฉันไม่คุยด้วยแล้ว"
"เดี๋ยวๆ ลื้อต้องรู้ไว้อย่างนึงนาว่าฤทธิ์ของยามันมีอายุ ลื้อลงมือใช้งานแล้วก็ต้องใช้ให้มันต่อเนื่อง ห้ามหยุดเด็ดขาด ไม่งั้นทุกอย่างจะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ"
สารภีตกใจ
"ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ใช่ อั๊วรู้ว่าลื้อกำลังขึ้นหม้อ ดูจากท่าทางเนื้อตัวของลื้อ แต่ถ้าลื้อไม่หมั่นไปต่อยาล่ะก็ ระวังจากขึ้นหม้อจะกลายเป็นตกเหว อั๊วเตือนไว้แค่นี้แหละ"
เจ๊กหลีพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้สารภีอึ้ง เชตยังคงซ่อนตัวแอบดูสารภีอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าสารภีจะใช้ยาเสน่ห์
สร้อยทองคุยกับเทพไท ท่าทางตกใจ
"อะไรนะลูก เทพต้องไปต่างจังหวัดอีกแล้วหรือ"
"ครับคุณแม่ ตอนนี้ทางใต้โดนระเบิดหนัก โรงพยาบาลก็เสียหาย พวกหมอและอุปกรณ์การแพทย์ก็เลยขาดแคลน ผมต้องลงไปช่วย"
"แม่เห็นเทพเครียดมาหลายวัน เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าจ๊ะ"
"ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้ห่วงเรื่องที่ต้องเสี่ยงภัยลงไปช่วยคน ผมเต็มใจ แต่ห่วงคุณน้าลำเจียกมากกว่า"
"แม่ลำเจียกกลับมาอยู่บ้านแล้ว อาการก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือลูก"
"มันก็คงต้องใช้เวลาครับคุณแม่ เพราะการเยียวยาทางจิตใจยากกว่าร่างกาย ผมกลัวว่าดอกแก้วจะไม่ไหว"
สร้อยทองดักคอ
"ที่แท้ลูกก็ห่วงแม่ดอกแก้ว"
เทพไทร้อนตัว รีบแก้
"ผมห่วงคุณน้าลำเจียกนั่นแหละครับ ยังไงต้องฝากคุณแม่ช่วยดูอยู่ห่างๆ อีกแรง คุณน้าลำเจียกไม่ได้ป่วยจนไม่มีทางรักษา แต่จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด"
สร้อยทองทำสายตาคมกริบใส่เทพไท เหมือนจะหยั่งเชิงไปถึงความรู้สึก แต่แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ แม่จะช่วยดอกแก้วเอง แม่ก็อยากให้แม่ลำเจียกหายเป็นปกติเหมือนกัน เทพไปทำหน้าที่ของเทพเถอะ ไม่ต้องกังวลทางนี้"
เทพไทยิ้มดีใจ กอดสร้อยทองเป็นการขอบคุณ
เชตจอดรถที่หน้าบ้าน แล้วหยิบของที่ซื้อส่งให้ สารภียื่นเงินให้
"ฉันให้เป็นค่าจ้างถือของ"
"ขอบพระคุณครับ"
เชตรับเงินมาจูบ แล้วรีบเก็บใส่กระเป๋า สารภีทิ้งค้อนแล้วจะขึ้นตึก
"เดี๋ยวครับคุณสารภี"
สารภีหยุดเดิน หันกลับมา
"ผู้ชายแก่ๆ ที่เข้ามาทักคุณสารภีที่ตลาดคือใครเหรอครับ"
"แกเห็นเหรอ"
"ผมกำลังเดินไปที่รถ แต่ได้ยินเสียงเอะอะเลยหันมาเห็นพอดี ทีแรกนึกว่ามันจะมาทำร้ายคุณ แต่พอเห็นคุณยืนคุยด้วยดีๆ ผมก็เลยวางใจ ตกลงว่าคนรู้จักกันหรือครับ"
สารภีอึกอัก ไม่อยากเปิดเผยเรื่องใช้ยาเสน่ห์
"ญาติของคุณพ่อน่ะ เขามาถามหาพ่อกับแม่ฉัน ก็เลยคุยกันนาน"
สารภีตอบปัดๆ แล้วรีบเดินหนีเข้าตึก เชตมองตามแล้วแค่นยิ้ม
"ญาติฝ่ายไหนวะ ถึงได้แนะนำให้ใช้เสน่ห์ยาแฝดจับผู้ชาย หึๆๆ"
ในเรือน ดอกแก้วหวีผมให้ลำเจียกที่นั่งเหม่อลอย
"เสร็จแล้วค่ะคุณพี่ลำเจียก"
ดอกแก้วส่งกระจกให้ลำเจียกดู ลำเจียกส่องดูเงาตัวเองในกระจก เหมือนคนแปลกหน้าแว่บแรก แต่ก็เริ่มมีท่าทางพอใจ จับผมตัวเองเล่น
"คุณพี่ลำเจียกชอบไหมคะ"
ลำเจียกมองตัวเองในกระจก พยักหน้า
"งั้นเข้านอนกันดีกว่านะคะ ตาหนูง่วงแล้ว"
ดอกแก้วเอาตุ๊กตามาให้ ลำเจียกรับตุ๊กตามาอุ้มอย่างแสนรัก แล้วพยักหน้าว่าง่าย ยอมให้ดอกแก้วพาไปนอนที่เตียง
ลำเจียกนอนกอดตุ๊กตา ร้องเพลงกล่อมเด็กหงุงหงิง โดยมีดอกแก้วเฝ้ามองอย่างเอ็นดู แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ
ผ่านเวลาหลายวัน ดอกแก้วป้อนข้าวลำเจียกที่เอาแต่เล่นตุ๊กตา ลำเจียกหันมากินแล้วเอา ขนมป้อนตุ๊กตาบ้าง ดอกแก้วพยายามอดทนให้ลำเจียกกินข้าวให้หมด
ดอกแก้วพาลำเจียกเดินเล่นดูดอกไม้ ลำเจียกเพลิดเพลิน เด็ดดอกไม้มาให้ตุ๊กตาดม
ดอกแก้วพาลำเจียกเดินดูบ้านนพรัตน์ ชี้ชวนให้ลำเจียกรำลึกความหลัง ลำเจียกยังมองด้วยสายตาว่างเปล่า
ลำเจียกกินยาอย่างว่าง่ายโดยมีดอกแก้วคอยดู ดอกแก้วยิ้มดีใจที่ลำเจียกดีขึ้นเรื่อยๆ
วันใหม่ เทพไทพารัศมีดารามาเดินเล่นที่สวน
"รัศมีเห็นพี่เทพแข็งแรงแบบนี้ก็สบายใจค่ะ"
"ต้องขอบคุณน้องรัศมีด้วยที่ช่วยดูแลพี่"
"เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่คะ ยามเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องดูแลกัน"
"ยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณ แล้วถ้ามีโอกาสพี่ก็จะหาทางตอบแทนน้ำใจของน้องรัศมีให้ได้"
รัศมีดารายิ้มเขิน ไม่กล้าสู้สายตาเทพไท พอดีกับที่เหลือบไปเห็นดอกแก้วเดินมา
"คุณดอกแก้ว"
ดอกแก้วเห็นทั้งคู่ก็หน้าเจื่อน ยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะ"
"คุณน้าลำเจียกล่ะคะ"
"กำลังพักผ่อนอยู่ค่ะ แก้วเลยหลบมาเตรียมอาหารให้"
"เสียดายจัง รัศมีว่าจะแวะไปเยี่ยมซักหน่อย"
"เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ค่ะ แก้วขอตัวนะคะ"
ดอกแก้วยิ้มสุภาพให้รัศมีดาราแล้วเดินเลี่ยงไป เทพไทมองตามดอกแก้วอย่างคิดถึง อยากอยู่ใกล้
ดอกแก้วเข้าครัวมาเตรียมอาหารให้สารภี ได้ยินเสียงคนเดินมาก็ร้องบอกเพราะคิดว่าเป็นเอี้ยง
"เอี้ยงจ๊ะ ช่วยจัดถ้วยชามใส่ถาดให้คุณพี่ลำเจียกที เดี๋ยวฉันอุ่นข้าวต้มประเดี๋ยว"
ดอกแก้วง่วนอยู่หน้าเตา พอหันมาก็เห็นว่าเป็นสารภี
"อ้าว คุณสารภี"
สารภีแสยะยิ้
"ฉันช่วยก็ได้นะ"
ดอกแก้วไม่กล้าให้สารภีช่วย เลยเลี่ยงไปหยิบถาดอาหารจัดเอง
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"ไม่ไว้ใจฉันเหรอ ไหนเธอบอกว่าเราทุกคนในบ้านต้องช่วยกันดูแลคุณน้าลำเจียกยังไงล่ะ"
"แก้วไม่รบกวนคุณสารภีหรอกค่ะ"
"งั้นก็ตามใจ"
สารภีจะเดินเชิดออกไป แต่แกล้งเตร่ไปที่เตา เห็นข้าวต้มในหม้อเริ่มมีควันออก
"อุ๊ย ข้าวต้มร้อนแล้วนี่ ทานได้แล้วล่ะมั้ง"
ดอกแก้วรีบยกถาดมาจะตักใส่ แต่อยู่ๆ สารภีก็คว่ำหม้อข้าวต้มลงพื้น
"ว้าย"
"คุณสารภี"
"ตายแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ หกหมดเลย"
"แต่พี่เห็นว่าเธอตั้งใจ"
สารภีกับดอกแก้วหันไป เทพไทเดินเข้ามาเร็วๆ
"พี่เทพมองสารภีในแง่ร้ายเกินไปนะคะ"
"เพราะเธอมีแต่แง่ที่ร้ายกาจให้มองไงล่ะสารภี"
"พี่เทพ"
"ผู้หญิงอย่างเธอ ไม่เคยมีเมตตาจิตให้กับคนดีๆ อย่างดอกแก้ว แล้วคนป่วยอย่างคุณน้าลำเจียก เธอจะมาทำดีด้วยเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอยากกลั่นแกล้ง"
"พี่เทพ เสียแรงที่รู้จักกันมานาน ทำไมถึงใส่ร้ายสารภีแบบนี้" สารภีบีบน้ำตา
"เพราะพี่รู้จักเธอมานานน่ะสิ ถึงได้รู้นิสัยใจคอเธอดีกว่าใคร ออกไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ อย่าให้พี่ต้องเรียนคุณพ่อว่าเธอมาเกะกะระรานได้แม้กระทั้งคนป่วยอย่างคุณน้าลำเจียก"
สารภีน้ำตาคลอ น้อยใจเทพไทที่ไม่มี่เยื่อใยเลย
เทพไทตวาด
"ออกไป"
สารภีเจ็บใจ แต่ก็กลัวเทพไท กระแทกเท้าออกไป
ดอกแก้วมองตามสารภีแล้วถอนใจ ก้มลงเก็บหม้อข้าวต้ม
"ข้าวต้มหกหมดเลย"
"เดี๋ยวผมจะช่วยทำให้ใหม่ ต้องเตรียมอะไรบ้าง"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ แก้วทำเองดีกว่า"
"ดอกแก้ว ผมบอกแล้วไงว่าเราต้องช่วยกันดูแลคุณน้า"
"แต่คุณรัศมีดารารอคุณเทพอยู่นะคะ ถ้าเธอมาพบว่าคุณขลุกอยู่ในครัว เธอจะคิดว่าคุณไม่เต็มใจต้อนรับเธอนะคะ"
เทพไทอึ้งไป ดอกแก้วถือโอกาสดึงหม้อออกมาจากมือ
"เดี๋ยวแก้วจัดการเรื่องนี้เองค่ะ"
ดอกแก้วลุกไปเตรียมทำข้าวต้มใหม่ เทพไทถอนใจ แต่ก็จำต้องออกไปจากครัว พอเทพไทออกไป ดอกแก้วก็ค่อยๆ หันกลับมามองตามอย่างเศร้าใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 19 (ต่อ)
สร้อยทองกับศรีเดินลงมาที่ห้องรับแขก เห็นรัศมีดารานั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลา ก็รีบเข้ามาหา
"คุณรัศมี ทำไมถึงมานั่งอยู่คนเดียวล่ะคะ ตาเทพไปไหนทำไมไม่มาต้อนรับ"
"พี่เทพไปช่วยคุณดอกแก้วเตรียมอาหารให้คุณน้าลำเจียกค่ะ"
สร้อยทองอึ้ง เมื่อรู้ว่าเทพไทกำลังอยู่กับดอกแก้ว
"ตายจริง ทำไมถึงไร้มารยาทขนาดนี้นะลูก ศรี แกไปตามคุณเทพมาเร็วๆ ปล่อยให้คุณรัศมีมานั่งรออยู่ได้ยังไง"
ศรีขยับจะไป แต่เห็นเทพไทเดินออกมาพอดี
"ผมเข้าไปดูอาหารที่คุณดอกแก้วเตรียมว่า เหมาะสมกับคนป่วยหรือเปล่าเท่านั้นแหละครับ คุณแม่"
"แต่ยังไงลูกก็ไม่ควรทิ้งแขกให้นั่งเก้อ แม่ดอกแก้วเขาดูแลของเขามาตั้งหลายวันแล้ว เทพไม่ต้องไปห่วงหรอกจ้ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รัศมีเองก็ไม่ได้มีธุระอะไร"
"งั้นก็พอดีเลย ตาเทพก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือลูก พาน้องออกไปรับประทานอาหารข้างนอกดีไหมจ๊ะ จะได้เปิดหูเปิดตา"
สร้อยทองสบตากับเทพไทเป็นเชิงสั่ง เทพไทไม่อยากไปแต่ก็เห็นสีหน้ารัศมียินดี เลยต้องรับคำ
"ได้ครับคุณแม่ เชิญครับน้องรัศมี"
เทพไทลุกพารัศมีออกไป สร้อยทองมองตามอย่างพอใจที่กีดกันให้เทพไทอยู่ห่างๆ ดอกแก้วได้
เทพไทพารัศมีออกมานอกบ้าน เดินมาที่รถจอดอยู่ เปิดประตูให้อย่างเอาใจ แล้วขับรถออกไป
ทุกอย่างอยู่ในสายตาสารภีที่เจ็บใจ แอบมองอยู่ตรงแนวต้นไม้
"อีนังรัศมีดารา แกจะเป็นมารหัวใจฉันไปถึงไหน"
สารภีเด็ดดอกไม้มาฉีกทึ้งด้วยความโกรธระบายอารมณ์
"ดอกไม้ มันทำผิดอะไรเหรอครับคุณสารภี ถึงไปขยี้ขยำมันแบบนั้น ระวังตาคงแกจะด่าเอานะครับ"
"มันเป็นใบ้ จะมีปัญญาด่าอะไรฉัน"
เชตหัวเราะชอบใจ
"ผมล้อเล่น เห็นคุณสารภีอารมณ์ไม่ดี ก็เลยมาชวนคุย"
สารภีมองค้อนเชต
สารภีพูดอย่างตัดพ้อคนทั้งบ้าน ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้ง
"ก็มีแต่แกนี่แหละมั้งที่สนใจว่าฉันรู้สึกยังไง"
"ใครไม่สนก็ช่างหัวมันสิครับ คุณสารภีอย่าไปเก็บมาเป็นอารมณ์ ตอนนี้คุณมีฐานะเหนือกว่าใครๆ ในบ้าน คุณควรจะกดหัวพวกมันให้เป็นทุกข์เพราะคุณ ไม่ใช่ต้องเป็นฝ่ายทุกข์เสียเอง"
สารภีนิ่งคิด แล้วหันมองเชต เห็นเชตยิ้มเจ้าเล่ห์แบบรู้ทัน
"แกนี่รู้มากจริงๆ นะ ฉันชักไม่ไว้ใจแกซะแล้วสิ"
สารภีเดินเชิดจากไป เชตมองตามยิ้มหยัน
ดอกแก้วนั่งรวดน้ำพรวนดินที่แปลงดอกซ่อนกลิ่น เห็นรถของเทพไทแล่นออกไป เห็นรัศมีกำลังพูดคุยกับเทพไทยิ้มแย้ม ดูมีความสุข
ดอกแก้วมองตามรถไปจนสุดสายตา แล้วก็รีบตัดใจ ก้มหน้าพรวนดินต้นไม้เหมือนเดิม ไม่อยากคิดถึงเทพไท
บนตึกใหญ่ สร้อยทองมองดูอากัปกริยาของดอกแก้วอยู่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เทพไทขับรถพารัศมีดาราออกมานอกบ้าน ด้วยท่าทางนิ่งขรึม รัศมีดาราลอบมองเทพไทอย่างปลื้มๆ
"น้องรัศมีอยากทานอะไรครับ"
"อะไรง่ายๆ แถวนี้ก็ได้ค่ะ พี่เทพจะได้ไม่ต้องขับรถไกล"
"แถวนี้มีแต่ตลาด อาหารอาจจะไม่ถูกปากน้องรัศมี"
"ดีเลยค่ะ รัศมีอยากทานอะไรที่ไม่เคยทาน"
รัศมีดาราหันไปยิ้มกับเทพไทอย่างแจ่มใส
เทพไทกับรัศมีอยู่ที่นั่งม้านั่งกินก๋วยเตี๋ยวหาบแบบจีน ท่าทางเอร็ดอร่อย เทพไทแปลกใจที่เห็นรัศมีดารานั่งกินอย่างเพลิดเพลิน ไม่มีท่าทางรังเกียจ
"พี่เทพมองหน้ารัศมีทำไมคะ มีอะไรติดแก้มอยู่หรือเปล่า"
"เปล่า พี่แค่แปลกตา ไม่นึกว่าหม่อมหลวงรัศมีดาราจะกล้ามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนน"
รัศมีดาราเขิน
"รัศมีอยากทานแบบนี้มาตั้งนานแล้วค่ะ แต่ไม่รู้จะชวนใคร ถ้าบอกคุณพ่อคุณแม่คงจะโดนเอ็ด"
เทพไทยิ้มเอ็นดู
"แบบนี้พี่จะโดนเอ็ดไปด้วยหรือเปล่า"
"ไม่โดนหรอกค่ะ เพราะรัศมีจะไม่บอกใคร แต่พี่เทพต้องสัญญาว่าจะพารัศมีกลับมาทานอีกนะคะ"
"ได้สิครับ ด้วยความยินดี"
รัศมียิ่งปลื้มที่เทพไทใจดี กินก๋วยเตี๋ยวต่อ เห็นตลาดผู้คนพลุกพล่านไปมา แม่ค้าน้ำตาลสดหาบน้ำตาลข้ามถนนมา ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
"น้ำตาลสดจ้า น้ำตาลสดหอมๆ หวานๆ มาแล้วจ้า"
เทพไทได้ยินเสียงก็หันขวับไปมองทันทีอย่างคุ้นหู ภาพแม่ค้าเลือนเป็นภาพที่เทพไทเคยได้พบ
ดอกแก้วครั้งแรกที่เขาแอบถ่ายรูปในบริเวณตลาดน้ำ
แม่ค้าตรงหน้ากลายเป็นดอกแก้วที่หิ้วน้ำตาลสดตรงมาหา ส่งเสียงเจื้อยแจ้วหวาน
"รับน้ำตาลสดไหมคะ จากบ้านแพ้วแท้ๆ หอมหวานอร่อยแน่ๆ จ้ะ"
เทพไทอึ้งๆ เหมือนกึ่งฝัน เห็นดอกแก้วยิ้มรอคำตอบ
"พี่เทพคะ พี่เทพ"
รัศมีดาราเรียกเทพไทอยู่นาน จนเขาสะดุ้งได้สติ
"จะรับน้ำตาลสดเหรอคะ"
เทพไททำหน้างงๆ แล้วหันไปมองแม่ค้า ตอนนี้กลายเป็นแม่ค้าคนเดิม ไม่ใช่ดอกแก้ว !
"พี่เทพจ้องหาบน้ำตาลแล้วก็เหม่อ แม่ค้าถามก็ไม่ตอบ"
"อ๋อ เอ้อ ใช่ครับ ขอโทษที ...เอาสองกระบอกครับ"
เทพไทรีบจ่ายเงินซื้อจากแม่ค้า แล้วเผื่อแผ่ให้รัศมีดาราด้วย
รัศมีดารารับกระบอกน้ำตาลมาจากเทพไท อมยิ้มขำท่าทางเปิ่นๆ ของเทพไท ขณะที่เทพไทเจื่อนๆ ที่ใจลอยไปถึงดอกแก้ว
หลวงปกรณ์ลุกขึ้นเดินไปยืนครุ่นคิดริมหน้าต่างในเวลากลางคืน
"หล่อนจะให้เจ้าเทพแต่งงานหรือ"
"ใช่ค่ะ ตาเทพคบหากับคุณรัศมีมาพอสมควรแล้ว น้องเกรงใจครอบครัวเธอ จับคู่ให้แต่งงานกันซะ จะได้ไม่มีใครครหาว่าเราพาลูกสาวเขาเทียวไปเทียวมา"
"คุณชายกับคุณหญิง พ่อแม่ของคุณรัศมีดาราเป็นมีชาติตระกูล ฐานะก็เพียบพร้อม ถ้าจะมาเป็นสะใภ้ฉันก็เห็นว่าดี"
สร้อยทองยิ้มปลื้ม
"ตกลงว่าคุณพี่เห็นด้วยนะคะ"
"ก็ถ้าเธอกับเจ้าเทพไม่ขัดข้อง ฉันจะไปขัดขวางได้ยังไง จะต้องไปพูดจาสู่ขอกันเมื่อไรก็บอกมาแล้วกัน"
" น้องตั้งใจไว้ว่าหลังจากตาเทพกลับจากราชการทางใต้ น่าจะเหมาะที่สุดค่ะ"
"รีบร้อนอย่างนั้นเชียวหรือ"
"คุณป้าคงกลัวว่าจะมีมือดีฉกสะใภ้ชั้นสูงไปก่อนมั้งคะ ถึงรีบเร่งไปจองตัวไว้ ทั้งที่ยามศึกสงครามแบบนี้ ไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะจัดงานมงคลกัน" สารภีว่า
สารภีเข้ามาในห้อง ยิ้มเยาะสร้อยทอง
"ที่จริงแล้ว คุณรัศมีดาราเธออยู่มาได้จนป่านนี้ ก็น่าจะแสดงว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนต้องการ ปล่อยให้รอไปซักหน่อยให้สงครามสงบก็คงไม่เป็นไรกระมัง"
สร้อยทองหน้าตึง แล้วมองค้อนสารภี
"ว่าไม่ได้หรอกจ้ะ ถึงคุณรัศมีดาราเธอจะไม่มีผู้ชายอื่นมาเกาะแกะ แต่ลูกชายฉันก็เนื้อหอม มีผู้หญิงคอยชายตามองทั้งชั้นสูงชั้นต่ำ ขืนทำชะล่าใจ เดี๋ยวจะได้ผู้หญิงกาลกิณีมาเป็นสะใภ้เสียก่อน"
สร้อยทองปรายตามองสารภี
" เท่าที่มีอยู่ในบ้านคนนึงก็เหลือทนแล้ว อย่าได้มีมาเพิ่มเลย"
สารภีกระชากเสียง
"คุณป้าหมายถึงใครคะ"
"ใครมันร้อนตัวฉันก็ว่าคนนั้น"
"คุณหลวงฟังซิคะ คุณป้าแดกดันสารภี"
"ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อ ฉันแค่พูดว่าใครร้อนตัวก็มันนั่นแหละกาลกิณี เธอร้อนตัวหรือ"
สารภีถลันเข้าหาเหมือนจะตบ แต่จริงๆ ไม่กล้า เลยแต่ได้กรี๊ด
"พอได้แล้ว ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปข้างนอก ฉันจะพักผ่อน"
หลวงปกรณ์ล้มตัวลงนอนอ่านหนังสือบนเตียง ไม่อยากสนใจ
สร้อยทองยิ้มเยาะสารภีแล้วเดินออกไป สารภียืนเคว้งหันมาจะฟ้องหลวงปกรณ์
"คุณหลวงคะ"
"ออกไปสารภี ฉันเหนื่อยกับงานมาทังวันแล้ว อย่าเอาเรื่องโง่ๆ มากวนใจฉันอีกเลย ขอร้องเถอะ"
หลวงปกรณ์สวมแว่นอ่านหนังสือ ไม่สนใจ สารภีเจ็บใจกระทืบเท้าออกไป
ภายในห้อง สารภีฉีกทึ้งหมอนระบายอารมณ์จนนุ่นกระจัดกระจาย พิศไอแค่กๆ เพราะสำลักปุยนุ่น รีบเข้าไปห้าม
"พอเถอะค่ะคุณสารภี พิศหายใจไม่ออก ทำอย่างนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ"
"ก็ฉันแค้นนี่ อีแก่สร้อยทองมันด่าฉัน แต่คุณหลวงไม่ยักปกป้องฉัน แถมยังทำท่ารำคาญฉันอีก"
"หรือว่าฤทธิ์ยาเสน่ห์มันจะหมดแล้วจริงๆ คะคุณสารภี"
"แกว่าอะไรนะ"
"ก็คุณสารภีบอกว่าไอ้เจ๊กหลีมันบอกไม่ใช่เหรอว่าต้องหมั่นต่อยาบ่อยๆ ถ้าจะให้ได้ผลดี ตอนนี้คุณหลวงเริ่มเฉยชากับคุณ แปลว่าฤทธิ์ยามันอ่อนลงหรือเปล่าคะ"
สารภีนิ่งคิด หรือจะเป็นอย่างที่เจ๊กหลีบอก ไม่สบายใจขึ้นมาทันที
ดอกแก้วออกมาจากเรือน มีผ้าคลุมไหล่ เตรียมจะออกไปนอกบ้าน แต่เห็นเทพไทยืนรออยู่
"คุณเทพไท"
"กำลังจะไปเรือนคุณย่าหรือดอกแก้ว"
"ค่ะ คุณลำเจียกรออยู่"
"ให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะ ผมอยากไปเยี่ยมคุณน้า"
ดอกแก้วทำท่าจะบ่ายเบี่ยง แต่ก็เปลี่ยนใจ พยักหน้า
เทพไทชะโงกดูลำเจียกที่นอนหลับสนิท กอดตุ๊กตาด้วยความสบายใจ เทพไทค่อยๆ ผละออกมา ไม่อยากส่งเสียงดังรบกวน ดอกแก้วเดินตามออกมาคุย
"คุณลำเจียกอาการดีขึ้นมากค่ะ เมื่อก่อนเธอจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาโวยวายเพราะฝันร้าย แต่เดี๋ยวนี้ก็หลับยาวได้ตลอดทั้งคืน พอตอนเช้าก็อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดเหมือนก่อน"
"แสดงว่าสุขภาพจิตของคุณน้าดีขึ้นมาก"
"แต่เธอก็ยังจำแก้วหรือใครไม่ได้เลย"
"ต้องใช้เวลาอีกซักระยะนึง ถ้าคุณน้าอารมณ์ดี คุณก็คอยบอกเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟัง สมองของท่านจะค่อยๆ รับรู้แล้วก็ประมวลกับความทรงจำเก่าๆ ขึ้นมาได้เอง"
ดอกแก้วพยักหน้ารับทราบ
"ยังไงผมคงต้องฝากคุณด้วย เพราะผมจะไม่อยู่อีกหลายวัน"
ดอกแก้วใจหาย หลุดปาก
"คุณเทพจะไปไหนคะ"
"ผมต้องไปราชการที่หัวเมืองทางใต้"
"แต่เขาว่าแถบหัวเมือง มีระเบิดกันหนักยิ่งกว่าในพระนคร จะปลอดภัยหรือคะ"
"เป็นห่วงผมเหรอดอกแก้ว"
ดอกแก้วชะงัก หลบตาเทพไท
"ตอบผมสิ ถ้าคุณบอกว่าเป็นห่วง ผมอาจจะเปลี่ยนใจไม่ไป"
ดอกแก้วเมินหน้าหนี สีหน้าสับสน ลึกๆ ก็เป็นห่วงเทพไทจริงๆ แต่แสดงออกไม่ได้ เพราะรู้ว่าไม่ควร
"ใช่ค่ะ แก้วเป็นห่วง"
เทพไทยิ้มออกมาอย่างดีใจ ดอกแก้วกลั้นใจพูดต่อ
"แต่เป็นห่วงคุณรัศมีดารา ถ้าเธอทราบว่าคุณเทพจะต้องไปเสี่ยงอันตราย เธอคงจะไม่สบายใจ"
เทพไทหน้าเสีย ยิ้มไม่ออกทันที
"เท่านั้นเองเหรอ คุณห่วงคนอื่น แต่ไม่ห่วงผม"
"แก้วรู้ว่าคุณเทพจะเอาตัวรอดได้ เพราะคนดียังไงพระก็ต้องคุ้มครอง แต่คนที่เฝ้ารออยู่ทางนี้อย่างคุณรัศมีดารา เธอคงจะทุกข์ใจมาก ยังไงก่อนจะเดินทาง คุณเทพไทควรจะไปบอกลาเธอนะคะ"
เทพไทเม้มปากแน่นอย่างน้อยใจ ที่ดอกแก้วดูไม่มีเยื่อใยเลย
"ขอบคุณที่เตือนนะดอกแก้วว่าน้องรัศมีคือคนที่ผมควรใส่ใจความรู้สึกมากที่สุด ไม่ใช่แม่เลี้ยงอย่างคุณ"
เทพไทหันหลังเดินออกไปทันที ดอกแก้วมองตามด้วยความเศร้า อยากจะวิ่งไปรั้งตัวเทพไทไว้ แต่ก็ทำไม่ได้
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 19 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ หม่อมราชวงศ์ดุจเดือนให้เด็กยกน้ำชากับของว่างมาต้อนรับสร้อยทองอย่างเป็นมิตร
"เห็นรัศมีบอกว่าตาเทพไทจะไปต่างจังหวัดหรือคะ"
"ใช่ค่ะคุณหญิง แต่หลังจากกลับมาแล้ว ดิฉันก็ตั้งใจว่าจะพาตาเทพมากราบคุณหญิงกับคุณชาย"
"เอ๊ะ เนื่องในโอกาสพิเศษอะไรคะ"
สร้อยทองยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ก็ในโอกาสที่ดิฉันกับคุณหลวงจะมาทาบทามสู่ขอคุณรัศมีให้ตาเทพ"
คุณหญิงดุจเดือนอึ้งๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างขวยๆ
"อย่าหาว่าดิฉันเร่งรัดเลยนะคะคุณหญิง ตาเทพกับคุณรัศมีไปมาหาสู่กันมานานแล้ว คนภายนอกเองก็รับรู้ น่าจะถึงเวลาเสียทีที่จะให้พวกแกได้ร่วมชีวิตกัน พ่อแม่อย่างเราจะได้หมดห่วงกังวล คุณหญิงคิดว่างั้นไหมคะ"
"ดิฉันก็เห็นเหมือนคุณสร้อยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องแล้วแต่รัศมี ถ้าแกไม่ขัดข้องอะไร ดิฉันกับคุณชายก็คงยินดีที่จะได้ตาเทพมาเป็นลูกชายอีกคน"
สร้อยทองยิ้มแย้มพอใจที่การเจรจาเป็นไปด้วยดี
วันเดียวกัน เชตจอดรถที่ตลาด สารภีลงไปซื้อของ แต่พอจะตามไป สารภีก็หันมาห้าม
"วันนี้แกไม่ต้องตามฉันไปไอ้เชต"
"อ้าว ทำไมล่ะครับ แล้วใครจะช่วยคุณสารภีถือของ"
สารภีหลุกหลิก มีพิรุธ
"วันนี้ฉันซื้ออะไรไม่มากหรอก แกรอที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันมา"
สารภีรีบเดินออกไป เชตมองตามสงสัย
"อีแบบนี้ คงไม่ได้มาซื้อเสื้อผ้าใส่แน่ๆ"
เชตมองตามแล้วยิ้มร้าย ก่อนจะรีบตามสารภีไปห่างๆ
สารภีเดินเข้าไปในตลาด เชตเดินตามมาห่างๆ แต่พยายามไม่ให้สารภีคลาดสายตา สารภีเดินเรื่อยๆ มองดูป้ายถนน อย่างไม่แน่ใจแล้วเดินต่อไป เชตสะกดรอยตามไปติดๆ
เชตย่องสะกดรอยตามสารภีมาจนถึงมุมหนึ่ง เห็นสารภีเดินเร็วๆ มาถึงหน้าร้านเจ๊กหลี แล้วรีบหันซ้ายขวากลัวคนเห็น เชตรีบหลบ
สารภีมองจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นก็รีบเข้าไปในร้าน เชตแอบชะโงกหน้ามองป้ายร้าน ถึงรู้ว่าเป็นร้านขายยา
"อย่างนี้เองถึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ"
เชตจะย่องไป แต่แล้วก็ชะงักเพราะเห็นอีกฟากถนน สร้อยทองเดินมากับเชิด
สร้อยทองกำลังจะข้ามถนนมาที่ร้าน เลยส่งถุงข้าวของที่ซื้อมาให้เชิด
"เอาของไปเก็บที่รถเสียก่อน เดี๋ยวฉันแวะไปดูพวงมาลัยตรงหัวมุมถนนนี้แล้วจะตามไป"
"ขอรับ"
เชิดหิ้วถุงไป สร้อยทองจะเดินต่อ แต่สายตาเหลือบไปเห็นสารภีในร้านขายยาก็ชะงักมองให้แน่ใจ
เจ๊กหลีลูบเครามองสารภีอย่างกระหยิ่ม สารภีดูอายๆ เชิดๆ
"อั๊วนึกแล้วว่าลื้อต้องรีบมา"
"ก็ฉันไม่ร้อนใจน่ะสิ ตอนนี้ยาเสน่ห์ของแปะมันทำท่าจะหมดฤทธิ์แล้วจริงๆ"
"ก็ลื้อปล่อยให้เนิ่นนานเองนี่นา"
"เอาเถอะน่า รีบจัดชุดใหม่มาให้ฉันเร็วๆ ฉันไม่มีเวลามาก"
เจ๊กหลียิ้มกริ่ม
"ไม่ต้องห่วง อั๊วเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว"
เจ๊กหลีเปิดตู้ลิ้นชัก ส่งห่อยาให้ สารภีรับมาเปิดดูให้แน่ใจ
"เท่าไร"
เจ๊กหลีหยิบลูกคิดมาดีดๆ แล้วยื่นให้ดูยิ้มๆ
"แพงกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะมันใช้วัตถุดิบอย่างดี"
สารภีค้อน รู้ว่าโดนโขกราคา แต่ก็ควักเงินจ่ายให้ เจ๊กหลีรับเงินมา หัวเราะพอใจ
"มันต้องลูกค้าอย่างลื้อสิอั๊วชอบ ไม่ต่อซักคำ ฮ่าๆ"
"แม่สารภี"
เจ๊กหลีกับสารภีหันไปมอง เห็นสร้อยทองเข้ามาพอดี สารภีรีบเก็บห่อยาใส่กระเป๋า
"มาซื้อยาอะไรหรือ"
สร้อยทองเดินเข้ามาถึงตัว สารภีรีบทำหน้าเหรอหรา ยิ้มกลบเกลื่อน
"คุณป้า แหม บังเอิญจังเลยนะคะ"
"ฉันถามว่าหล่อนมาซื้อยาอะไร ป่วยเป็นอะไรทำไมไม่บอก ฉันเองก็มียาแผนโบราณอยู่"
สารภีอึกอัก สบตาเจ๊กหลี เจ๊กหลีรู้ว่าไม่ควรเปิดเผยความลับลูกค้า รีบเล่นละคร
"ลื้อจะเอายาแก้ไอใช่ไหม เดี๋ยวนะ"
เจ๊กหลีทำท่าทางงกๆ เงิ่นๆ หันไปเรียกเด็กในร้าน
"อาพุดจีบ อาพุดจีบเอ๊ย ขอยาแก้ให้ลูกค้าขวดนึง"
"จ้ะ อาแปะ"
พุดจีบขานรับแล้วออกมาจากหลังร้าน ตรงไปที่ตู้ยาอย่างคล่องแคล่ว
"นี่จ้ะยาแก้ไอ ใครจะรับจ๊ะ"
สารภีรีบแถไปหา ดึงยาแก้ไอมาเหมือนกระชาก
"เอ่อ ของฉัน ขอบใจนะ... สารภีออกไปตากน้ำค้างเมื่อคืนน่ะค่ะ ก็เลยไอจนคอแห้ง ได้ยาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
สารภีรีบออกจากร้านไปอย่างลุกลี้ลุกลน
สร้อยทองมองตามสารภีด้วยความแปลกใจ แล้วหันกลับมาหาเจ๊กหลีที่รีบหลบตา คว้าเงินของสารภีหนีเข้าไปหลังร้าน สร้อยทองยิ่งแปลกใจท่าทางของทั้งสองคน
เชตดูลาดเลาอยู่นอกร้าน พอเห็นสร้อยทองหันหลังให้ ก็รีบวิ่งตามสารภีไป
สารภีรีบเข้าห้องปิดประตู หยิบห่อยาออกมา พิศตามมาดูอย่างสนใจ
"ได้มาแล้วหรือคะ"
"เออสิ แต่เกือบไม่รอด อยู่ๆ นังแก่สร้อยทองมันก็โผล่ไปที่ร้าน"
"แล้วมันรู้หรือเปล่าคะว่าคุณสารภีซื้อยานี่มา"
"มันคงจะสงสัยอยู่ แต่ไม่ทันได้เห็น"
"งั้นคุณสารภีก็รีบใช้ยานี่เลยค่ะ กล่อมคุณหลวงให้มาอยู่ข้างเราเหมือนเดิม มันอยากจะสงสัยอะไรก็ให้สงสัยไป เมื่อไรที่คุณมีคุณหลวงปกป้องซะอย่าง คำพูดเมียแก่อย่างมันก็ไม่มีความหมาย"
สารภีคิดตามพิศ แล้วยิ้มชั่วร้าย
คืนนั้น สร้อยทองนั่งครุ่นคิดถึงท่าทางแปลกๆ ของสารภี
"สารภีออกไปตากน้ำค้างเมื่อคืนน่ะค่ะ ก็เลยไอจนคอแห้ง ได้ยาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
สารภีรีบออกจากร้านไปอย่างลุกลี้ลุกลน
สร้อยทองมองตามสารภีด้วยความแปลกใจ แล้วหันกลับมาหาเจ๊กหลีที่รีบหลบตา คว้าเงินของสารภีหนีเข้าไปหลังร้าน สร้อยทองยิ่งแปลกใจท่าทางของทั้งสองคน
สร้อยทองขมวดคิ้วสงสัย คาใจกับท่าทางของสารภี
"มันต้องมีอะไรแน่ๆ"
สร้อยทองพึมพำแล้วได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา ศรีคลานเข้ามารายงาน
"คุณดอกแก้วมาขอพบคุณสร้อยเจ้าค่ะ"
สร้อยทองทำหน้าแปลกใจ ที่ดอกแก้วมาหาตอนกลางดึก
สร้อยทองลงนั่งที่เก้าอี้รับแขก ดอกแก้วนั่งที่พื้น
"มีอะไรรึแม่ดอกแก้ว"
"แก้วจะมาขออนุญาตคุณพี่พาคุณลำเจียกไปบ้านของแก้วที่อัมพวาค่ะ"
สร้อยทองแปลกใจ
"จะไปทำไมกันตั้งไกล"
เทพไทเดินผ่านมาเห็นดอกแก้วอยู่กับสร้อยทอง สองคน เทพไทได้ยินที่ดอกแก้วพูดพอดี
"แก้วอยากพาคุณลำเจียกไปรักษาอาการเหม่อลอยที่บ้านอัมพวาค่ะ เปลี่ยนสถานที่บ้างคุณลำเจียกอาจจะดีขึ้นนะคะ"
สร้อยทองแอบหมั่นไส้ในใจ แต่ก็แสร้งพูดจาห่วงใย
"ถ้าหล่อนคิดว่าดีกว่าอยู่ที่นี่ฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ"
"พรุ่งนี้เช้าค่ะ"
"อืม ฉันจะให้นายเชิดไปส่งที่ท่าเรือแล้วกันนะ"
เทพไทพรวดเข้ามา
"จะเดินทางไกลไปกับคนป่วยสองคนได้อย่างไรกัน เกิดคุณน้าช็อกขึ้นมาเธอจะทำอย่างไรได้"
ดอกแก้วอึ้ง สร้อยทองฟังที่เทพไทพูด
"พ่อเทพเห็นว่าไม่สมควรให้ไปรึอย่างไรกัน"
"ไปน่ะไปได้ครับคุณแม่แต่ต้องมีหมอคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อาการของคุณน้าบอกไม่ได้ว่าจะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่ยิ่งเดินทางไกลๆยิ่งอันตรายครับ"
สร้อยทองคิดแอบนึกในใจ ... อันตรายก็ดีน่ะสิ แต่ทำท่าทีเป็นห่วงตอบลูกชายไป
"งั้นจะเอาอย่างไรดีล่ะแม่แก้ว พ่อเทพเค้าว่าอันตรายนะ"
ดอกแก้วมุ่งมั่นที่อยากจะทำเพื่อลำเจียก
"แก้วยังยืนยันที่พาคุณลำเจียกไปอัมพวาค่ะ แก้วจะดูแลคุณลำเจียกอย่างดีแก้วสัญญาค่ะ"
"ชีวิตคนทั้งคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ"
ดอกแก้วอึ้งหันมองแววตาจริงจังของเทพไท สร้อยทองตกใจ ดอกแก้วสูดหายใจก่อนจะพูดออกไป
"ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับชีวิตของคุณลำเจียกนะคะ คุณเป็นคนบอกเองว่าคุณ ลำเจียกต้องการที่ที่สงบไม่มีสิ่งใดๆรบกวนจิตใจแต่ที่นี่ไม่มี ฉันขอร้องเถอะนะคะให้คุณลำเจียกไปกับฉันเถอะค่ะ"
เทพไทเห็นแววตาดอกแก้วที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ
"งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบด้วยชีวิตเธอ"
เทพไทเดินออกไปดอกแก้วมองตาม
"ก็ตามใจเธอแล้วกันนะ"
สร้อยทองลุกออกตามเทพไทไป ดอกแก้วมองตามแววตาเศร้า
เจ๊กหลีนั่งคิดบัญชีอยู่ในร้าน เห็นพุดจีบเก็บของหน้าร้าน เตรียมปิดร้าน
"เก็บของเสร็จแล้วก็งับประตูเลยอาพุดจีบเอ๊ย"
"จ้ะอาแปะ"
พุดจีบกำลังจะงับประตูร้าน แต่จู่ๆ ก็มีมือมากระชากประตูออก
"ว้าย !"
เจ๊กหลีได้ยินเสียงร้องก็เงยหน้าขึ้นมอง เชตจับประตูแหวกประตูให้กว้างออกก่อนจะก้าวเข้ามา"ฉันได้ยินว่าร้านอาแปะมียาดี พอจะขายให้ฉันบ้างได้ไหม"
เจ๊กหลีชะงักมองหน้าเชต เชตดูยิ้มๆ มีเลศนัย
เช้าวันใหม่ ดอกแก้วจูงลำเจียกเดินเข้ามาที่ท่ารถ ลำเจียกมีอาการเหม่อลอย สนใจรอบข้างบ้างเป็นระยะๆ
"อีกเดี๋ยว เราจะได้ไปอัมพวากันแล้วนะคะคุณพี่ลำเจียก ที่นั่นมีคลองน้ำใจ แล้วก็มีทุ่งหญ้ากว้างๆ กับดอกซ่อนกลิ่นสวยๆ สุดลูกหูลูกตา คุณพี่จะต้องชอบแน่ๆ ค่ะ"
ลำเจียกมองหน้าดอกแก้วพยักหงึกหงัก รับรู้
ดอกแก้วยิ้มดีใจ แล้วจูงลำเจียกไปที่ช่องขายตั๋ว จู่ๆ ก็มีร่างสูงๆ เดินแทรกตัดหน้าดอกแก้วเข้าไปซื้อตั๋วเสียก่อน ดอกแก้วไม่ทันเห็นหน้า เห็นแต่หลังไวๆ เดินแทรกผ่านตนไป
"ตั๋วไปอัมพวาสามที่นั่งครับ"
แต่พอดอกแก้วได้ยินก็ชะงัก ชะโงกหน้ามองไปที่คนพูดทันที
"คุณเทพไท"
เทพไทหันกลับมา ดันหมวกที่สวมให้เชิดขึ้น
"คุณจริงๆ ด้วย มาทำอะไรที่นี่คะ"
"เราก็จะไปอัมพวากันไง"
ดอกแก้วตกใจ
"แต่...แต่คุณต้องไปราชการทางใต้"
"ผมเปลี่ยนเวรกับเพื่อน ก็เลยยังไม่ต้องไปตอนนี้"
"ทำไมคะ"
"ผมไม่ไว้ใจคุณว่าจะดูแลคุณน้าลำเจียกตามลำพังได้ คุณน้ามาอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ก็เท่ากับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เธออาจจะตกใจกับสิ่งรอบๆ ตัว จนเกิดอาการตื่นตระหนก แล้วถ้าคุณดูแลไม่ดี คุณน้าอาจจะเตลิดหายไปก็ได้"
"ที่บ้านฉันมีแม่กับพี่สาวอยู่ คุณเทพไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"
"ผมเป็นหมอ จะไม่ให้ผมห่วงคนไข้ได้ยังไง"
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ผมซื้อตั๋วแล้ว ถ้าคุณไม่ให้ผมไป เราก็ไม่ต้องไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ"
เทพไททำท่าจะฉีกตั๋ว ดอกแก้วรีบห้าม
"อย่าค่ะคุณเทพ"
เทพไทชะงัก ดอกแก้วแย่งตั๋วมาถือไว้ แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้
"งั้นก็ไปขึ้นรถกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน"
ดอกแก้วรีบจูงลำเจียกเดินนำไป เทพไทยิ้มพอใจที่ได้ไปกับดอกแก้ว รีบเดินตาม
อ่านต่อตอนที่ 20