ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 16
เสียงหวอดังแว่วๆ อยู่เหนือบ้านนพรัตน์
สร้อยทอง ศรี กับพวกบ่าวไพร่ช่วยกันหยิบข้าวของพอหิ้วติดไม้ติดมือลงบันไดกันมา ท่าทางกลัวลงมาเจอหลวงปกรณ์ที่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง กำลังเงี่ยหูฟัง
สร้อยทองใจเสีย
"คุณพี่"
หลวงปกรณ์ยกมือปรามสร้อยทองให้เงียบก่อน แล้วฟังเสียงหวอดังลากยาวค่อยๆ แผ่วแล้วเงียบไป
หลวงปกรณ์หันมาบอก
"ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ไม่ต้องตกใจ"
"แน่ใจหรือคะ"
"สัญญาณหวอลากยาวแบบนี้ แปลว่าเรือบินพ้นไปแล้ว ฉันเพิ่งได้หนังสือแจ้งของทางการ"
สร้อยทองยังร้อนใจอยู่ดี
"นี่แสดงว่ามันจะรบกันที่บ้านเราจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ"
"ก็คงเป็นเช่นนั้น หล่อนให้คนไปตระเตรียมหลุมหลบภัยไว้ให้ดี อะไรทรุดโทรมเสียหายก็ซ่อมซะ เผื่อว่าจำเป็นจะต้องใช้"
สร้อยทองพยักหน้ารับรู้ ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่
เสียงโทรศัพท์กรีดเสียงดังขึ้นมา พาทุกคนสะดุ้งอีกครั้ง ศรีรีบตรงไปรับสาย
"บ้านนพรัตน์ค่ะ ... อะไรนะคะ"
ทุกคนหันมองศรีเป็นตาเดียวกัน ศรีปิดหูโทรศัพท์แล้วเงยหน้าบอกหลวงปกรณ์กับสร้อยทอง เสียงสั่น
"คุณ...คุณเทพ...คุณเทพไทโดนระเบิดเจ้าค่ะ !"
สร้อยทองกับหลวงปกรณ์ตกใจ
ผู้คนในย่านที่ถูกทิ้งระเบิดค่อนข้างวุ่นวาย มีคนบาดเจ็บถูกยกเข้าออก ดอกแก้วมองผู้คนเหล่านั้น ทั้งกลัวและก็ยิ่งเป็นห่วงเทพไท
ผ่านเวลาเล็กน้อย ดอกแก้วเดินกระวนกระวายรอเทพไทอยู่หน้าห้องในโรงพยาบาล มือกำผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดเล็กน้อยของเทพไทมาแนบอก
ดอกแก้วน้ำตาคลอ
"อย่าเป็นอะไรนะคะ คุณเทพไท"
ดอกแก้วจะทรุดตัวลงนั่งน้ำตาคลอ สักพักก็ได้ยินเสียงสร้อยทองเรียก
"ดอกแก้ว ! ตาเทพเป็นยังไงบ้าง"
ดอกแก้วหันไปมองเห็นสร้อยทองกับศรีรีบเดินมาหา
"คุณหมอกำลังดูอาการอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าอาการจะหนักรึเปล่า"
สร้อยทองแทบล้มทั้งยืน เป็นห่วงเทพไทสุดๆ
"โธ่ ตาเทพ ... เพราะเธอทีเดียว ระริกระรี้อยากจะออกมาข้างนอกจนเกิดเรื่อง นี่ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอรับผิดชอบไหวไหม"
ดอกแก้วน้ำตาตก ก้มหน้ายอมรับผิดทุกอย่าง
"คอยดูนะ ถ้าตาเทพเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะเล่นงานเธอ"
สร้อยทองยืนกำมือตัวสั่นใจสั่น ศรีเห็นท่าไม่ดีก็ประคองไปนั่งสงบสติอารมณ์อีกฝั่ง ดอกแก้วมองตามอย่างเสียใจ
สารภีรู้ข่าวลุกพรวด สีหน้าตื่นตกใจ
"แกว่าอะไรนะ พี่เทพโดนระเบิดเหรอ ที่ไหน"
"แถวบางซื่อเจ้าค่ะ เห็นว่าออกไปข้างนอกกับนังดอกแก้ว" พิศบอก
สารภีร้อนใจ โกรธ
"อีดอกแก้ว ! อีกาลกิณี"
สารภีร้อนใจคว้ากระเป๋า โกสุมรีบห้าม
"แกจะไปไหน สารภี"
"ก็จะไปดูพี่เทพน่ะสิคะ"
"มันเรื่องอะไรของแก ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว จะโผล่ไปให้คนนินทาหรือยังไง อย่าลืมสิว่าตอนนี้แกเป็นแม่เลี้ยงนายเทพไทแล้วนะ"
"แต่สารภีเป็นห่วงพี่เทพ"
"พ่อแม่เขามีเดี๋ยวก็ดูแลกันเอง แกนี่สิควรจะห่วงพ่อห่วงแม่ตัวเองบ้าง"
สารภีกระฟัดกระเฟียด
"จะให้สารภีบากหน้าไปขอเงินเขาอีกแล้วล่ะสิแม่ หน้าสิ่วหน้าขวานนี้เขาคงจะให้หรอกนะ"
"เอ๊ะ แต่ฉันต้องใช้เงินนี่ยะ"
"แม่อยากให้สารภีเป็นคนโปรดไปนานๆ ไม่ใช่เหรอ ขืนสูบเลือดสูบเนื้อเขามากๆ เขาก็เกลียดขี้หน้าเอาเท่านั้นเอง"
โกสุมเซ็งเพราะสารภีพูดถูก แล้วคิดแผนใหม่
"งั้นเอาอย่างนี้ แกไม่ต้องไปพูดอะไรทั้งนั้น แค่ไปพาคุณหลวงมาเดินเล่นแถวๆ เรือนนี้ตอนเช้าก็พอ"
"แล้วแม่จะทำอะไร"
โกสุมยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ตอบ
หมอเปิดประตูห้องผ่าตัดออกมา สร้อยทองกับดอกแก้วรีบลุกไปหา
"คุณหมอเทพไทปลอดภัยแล้วครับ... เดี๋ยวสักพักพยาบาลจะย้ายคุณหมอเทพไปที่ห้องพักฟื้นนะครับ"
สร้อยทองกับดอกแก้วโล่งใจ ศรีพึมพำยกมือไหว้คุณพระคุณเจ้า ดอกแก้วโล่งใจ หม่อมดุจเดือนกับรัศมีดาราเข้ามาพอดี
"คุณป้าคะ พี่เทพเป็นยังไงบ้างคะ"
สร้อยทองตกใจ ไม่คิดว่าหม่อมดุจเดือนกับรัศมีจะมา
"โธ่ คุณหญิงกับหนูรัศมีไม่น่าจะต้องมาเลย ข้างนอกยังวุ่นวายอยู่"
"พอรัศมีรู้ว่าตาเทพถูกระเบิด ก็ไม่ยอมฟังความอะไรอีก นอกจากรบเร้าจะให้ดิฉันพาออกมาดูอาการตาเทพให้ได้"
สร้อยทองไหว้
"ขอบพระคุณคุณหญิงกับหนูรัศมีจริงๆที่เป็นห่วงตาเทพ ตอนนี้ตาเทพปลอดภัยแล้วคะ"
รัศมีดาราดีใจ
"พี่เทพปลอดภัยแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย เมื่อซักครู่รัศมีนั่งรถผ่านมากับคุณแม่ เห็นตรงที่ระเบิดลงราบเป็นหน้ากลองเลย ใจคอไม่ดีเลยคะ"
รัศมีดาราหันไปเห็นดอกแก้ว
" คุณดอกแก้ว เธอก็มาด้วยเหรอจ๊ะ"
ดอกแก้วทำหน้าเก้อ ไม่อยากบอกว่ามากับเทพไท กลัวถูกเข้าใจผิด
" เอ้อ แก้ว...แก้วมาเฝ้าคุณพี่ลำเจียกน่ะค่ะ"
"อ้าว แม่ลำเจียกเป็นอะไรเหรอคุณสร้อย"
สร้อยทองไม่อยากบอก จึงเลี่ยง
"เออ แม่ลำเจียกไม่สบายนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ ไป ดอกแก้ว จะไปเฝ้าแม่ลำเจียกก็รีบไปซะสิ"
"แก้วขอตัวก่อนนะคะ"
ดอกแก้วค่อยๆ หลบฉากออกไป สร้อยทองมองตามแบบไม่สนใจ แล้วหันมาคุยเอาใจสองแม่ลูก
โชคชัยตรวจอาการให้ลำเจียกเสร็จพอดี
"อาการโดยรวมของคุณน้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ อีกไม่กี่วันก็คงจะกลับบ้านได้"
"ขอบคุณค่ะ แล้ววันนี้ตาเทพไทไม่เข้าเวรหรือคะ ถึงให้คุณหมอโชคมาตรวจแทน"
โชคชัยมีสีหน้าอึกอัก
"คงยังไม่มีคนมาเรียนคุณน้า คือว่านายเทพบาดเจ็บเพราะเพิ่งโดนระเบิดน่ะครับ"
"คุณพระช่วย นี่ตาเทพโดนระเบิดด้วยรึนี่"
"แต่ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ น่าจะย้ายมาพักอยู่ที่ห้องใกล้ๆกันนี่เอง"
โชคชัยยิ้มปลอบลำเจียกแล้วเก็บอุปกรณ์ตรวจออกจากห้องไป สวนกับดอกแก้วที่เข้ามาพอดี
"คุณ"
ดอกแก้วทักโชคชัยอย่างจำได้ แล้วยกมือไหว้ โชคชัยเลี่ยงออกไป ดอกแก้วตรงมาหาลำเจียก
ลำเจียกมองเสื้อผ้ามอมแมมของดอกแก้ว
"ทำไมเธอถึงมอมแมมขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าไปโดนระเบิดกับตาเทพมา"
"ค่ะ แก้วออกมากับคุณเทพไทจะมาเยี่ยมคุณพี่ลำเจียก แต่มาเจอระเบิดระหว่างทางค่ะ"
"เวรกรรมแท้ๆ งั้นเธอก็รีบไปดูตาเทพเถอะไป๊ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว นี่หมอก็บอกว่าจะให้ฉันกลับบ้านได้แล้ว"
ดอกแก้วดีใจ
"คุณพี่สร้อยทองคงดีใจนะคะ เดี๋ยวแก้วจะไปเรียนให้เธอทราบ"
"คุณพี่สร้อยมาหรือ มากับ..." ลำเจียกมีความหวัง คิดว่า คุณหลวงมาด้วย
ดอกแก้วเห็นท่าทางลำเจียกดีใจ ก็รู้ว่าอยากเจอหลวงปกรณ์ ได้แต่สงสาร ตอบไม่เต็มปาก
"เอ่อ มากับ..ป้าศรีค่ะ"
ลำเจียกห่อเหี่ยว
"นี่คุณพี่ของฉันจะไม่มาให้เห็นหน้าเลยจริงๆ หรือนี่"
ลำเจียกร้องไห้ออกมา ดอกแก้วเข้าปลอบ
"ออกไป๊ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันอยากอยู่คนเดียว"
ลำเจียกหันหลังเอนตัวลงร้องไห้เสียใจที่หลวงปกรณ์ไม่ดูดำดูดี ดอกแก้วได้แต่มองอย่างสงสาร
เพิ่มพูนเอะอะเดินหนีโกสุม หลังจากรู้แผนการที่โกสุมจะหลอกหลวงปกรณ์
"ฉันไม่เอากับเธอด้วยหรอก ทำไมต้องปั้นเรื่องปั้นราวหลอกเอาเงินจากคุณหลวง ในเมื่อสารภีมันเป็นเมีย แค่อ้าปากขอ เดี๋ยวก็ได้แล้ว"
"ก็เพื่อเรียกคะแนนสงสารน่ะสิ ขืนให้สารภีตั้งหน้าตั้งตาขออย่างเดียว คุณหลวงจะคิดกับมันยังไง คุณนี่โง่จริง"
เพิ่มพูนนิ่งไป คล้อยตาม
"เราต้องทำเป็นไม่ได้หวังเงินทอง แต่ถ้าคุณหลวงมาเห็นตอนเรากำลังลำบาก ยังไงก็ต้องเอื้อเฟื้อเราเองในฐานะพ่อตาแม่ยาย"
เพิ่มพูนใจอ่อน แต่ยังกลัวอยู่
"แต่ถ้าโดนจับได้ล่ะ"
"ใครมันจะมาจับได้ เชื่อฉันเถอะน่า ทำตามนี้แหละ จะได้จบๆ หรือว่าคุณไม่อยากได้เงิน"
เพิ่มพูนหนักใจ เงินก็อยากได้
โชคชัยกับดอกแก้วเดินคุยกันมาหน้าห้องเทพไท
"วันนี้คนเจ็บจากระเบิดเข้ามาเต็มโรงพยาบาล ผมเกรงว่าคนจะไม่พอดูแลนายเทพ ก็เลยอยากจะฝากญาติช่วยดูนายเทพด้วย ถ้ามีอะไรก็รีบไปเรียกผมนะครับ"
"แก้วจะเรียนคุณสร้อยทองให้ทราบนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
โชคชัยออกไป ดอกแก้วเดินมาถึงหน้าห้องเทพไทพอดี มองเข้าไปเห็นรัศมีดารานั่งเฝ้าอยู่ขอบเตียงแทบจะไม่ห่างจากเทพไท แต่ซักพักเดียวก็เห็นดุจเดือนลุกขึ้นลาสร้อยทอง รัศมีดาราเลยลุกตาม
ทั้งหมดออกไปจากห้อง สร้อยทองไปส่งด้วย ดอกแก้วเห็นทั้งสามออกไป ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยจึงเข้าไปในห้อง
ดอกแก้วเข้าไปภายในห้อง เดินเข้าไปนั่งข้างเตียงเทพไท มองดูผ้าพันแผลที่แปะอยู่บนหน้าผากเทพไท
"เจ็บไหมคะคุณเทพไท"
ดอกแก้วน้ำตาคลอสงสารเทพไท แล้วเอื้อมมือแตะเบาๆ ที่ผ้าพันแผล
"ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ถ้าคุณคิดว่าแก้วไม่ดีในสายตาคุณ คุณก็ไม่ควรต้องทำอะไรเพื่อแก้วเลย"
ดอกแก้วซบหน้าลงกับฝ่ามือของเทพไท แล้วสะอื้นร้องไห้เจ็บปวด
"ยกโทษให้แก้วด้วยนะคะ"
ดอกแก้วน้ำตาไหลโดนมือเทพไท เทพไทก็เหมือนได้สติ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เห็นดอกแก้วยังสะอึกสะอื้นไม่รู้ตัวอยู่
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้วสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองเทพไท
ดอกแก้วดีใจ
"คุณเทพไทรู้สึกตัวแล้ว"
"คุณร้องไห้"
ดอกแก้วรู้สึกตัวรีบเช็ดน้ำตา เทพไทมองอย่างห่วงหา
"คุณร้องไห้ทำไม"
"แก้ว..." จะพูดว่าเป็นห่วง
ดอกแก้วยังพูดไม่จบ ศรีก็เปิดประตูเข้ามา หิ้วถุงผลไม้เข้ามาด้วย
"คุณเทพ ! ฟื้นแล้วเหรอคะ โถ คุณของศรี"
ศรีรีบวางของแล้วเข้ามาจับเนื้อจับตัวเทพไท ดอกแก้วรีบลุกขึ้นกลัวสร้อยทองจะมาเห็น ดอกแก้วถอยออกไป เทพไทพยายามจะเรียกดอกแก้ว แต่สร้อยทองก็เข้ามา
"ตาเทพ ! ตาเทพลูกแม่"
สร้อยทองตรงเข้ามาที่เตียง จับแขนขาเทพไท ร้องไห้ดีใจกับศรี ดอกแก้วค่อยๆ ถอยออกมาอย่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน โดยที่สองคนนั้นไม่ทันสนใจ
เทพไทกับดอกแก้วมองกันเศร้าๆ ก่อนที่ดอกแก้วจะค่อยๆ ถอยออกไปจากห้อง โดยมีเทพไทมองตาม
ดอกแก้วกลับเข้ามานั่งซึมๆ ในห้องลำเจียก ขณะนั้นลำเจียกหลับอยู่ เธอนึกถึงตอนเทพไทลืมตาขึ้นมา และอื่นๆ...
เทพไทวิ่งตามหาดอกแก้วเข้ามาในตลาด เทพไทวิ่งฝ่ากลุ่มควันเข้าไปมองหา เห็นดอกแก้วทรุดตัวนั่งหลบอยู่ข้างๆกำแพงด้วยความกลัว
"ดอกแก้ว คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
ดอกแก้วตัวสั่นๆด้วยความกลัวพอเห็นว่าเป็นเทพไทก็โผเข้าหาด้วยความกลัวกอดเทพไทแน่น
เทพไทวิ่งออกไปเอากระเป๋าให้ดอกแก้ว โดนระเบิดตูม ดอกแก้วมองตาค้างด้วยความตกใจสุดขีด ตะโกนเรียกอย่างสุดกำลังที่มีอยู่
"คุณเทพ"
ดอกแก้ววิ่งฝ่าผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปหาเทพไทที่นอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น
"คุณเทพคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณเทพ"
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 16 (ต่อ)
เทพไทนอนนิ่งมือกำกระเป๋าอยู่ ดอกแก้วใจไม่ดีรีบเข้าไปจับเทพไทให้พลิกมา
ทันทีที่เทพไทพลิกตัวมาเห็นว่ามีเลือดที่ช่วงหน้าผากเลือดไหลอาบมาที่แก้ม
ดอกแก้วตกใจที่เห็นเลือดไหลอาบหน้าเทพไท ดอกแก้วน้ำตาไหลเป็นห่วงเทพไทร้อนรน
"คุณเทพ คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ คุณเทพพูดกับฉันสิ คุณเทพ"
ดอกแก้วกอดเทพไทไว้แน่นด้วยความเสียใจ ร้องเรียกคนให้ช่วย
"ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ คนเจ็บอยู่ทางนี้ค่ะ"
ชาวบ้านเดินผ่านไปมาต่างก็ได้รับบาดเจ็บบ้างหนีตายบ้าง ดอกแก้วกอดเทพไทไว้ในอ้อมกอดน้ำตาไหล
ตอนที่สร้อยทองวีนดอกแก้ว
สร้อยทองโกรธ ลืมตัวดุ
"เพราะเธอทีเดียว ระริกระรี้อยากจะออกมาข้างนอกจนเกิดเรื่อง นี่ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอรับผิดชอบไหวไหม"
ดอกแก้วน้ำตาตก ก้มหน้ายอมรับผิดทุกอย่าง
ตอนที่ดอกแก้วแอบมองเห็นรัศมีดาราคอยดูแลเทพไทอยู่ใกล้ชิด ดอกแก้วถอนใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าของเทพไทขึ้นมา
"แก้วคงไม่มีโอกาสได้ดูแลคุณเพื่อชดเชยความผิดที่เป็นต้นเหตุ แต่ก็ขอให้คุณหายไวๆ นะคะคุณเทพไท"
ดอกแก้วกอดผ้าเช็ดหน้าไว้แนบอก เศร้าสร้อย
เช้าวันใหม่ สารภียืนรีๆ รอๆ อยู่หน้าบ้าน หลวงปกรณ์ลงมาพร้อมกับเชตที่ถือกระเป๋าทำงานมาด้วย
สารภีรีบปราดเข้าไปรับกระเป๋าจากเชตแล้วกระซิบ
"ไอ้เชต เดี๋ยวถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแกไม่ต้องยุ่งนะ อยู่เฉยๆ"
เชตทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ สารภีรีบถือกระเป๋าเดินตามหลวงปกรณ์ไปที่รถ
"วันนี้มาส่งฉันไปทำงาน จะอ้อนอะไรหรือแม่สารภี"
"แหม คุณหลวงคะ สารภีก็แค่อยากจะทำหน้าที่ภรรยาเท่านั้นเอง เห็นสารภีเป็นพวกขี้ขอไปได้"
หลวงปกรณ์หัวเราะเอ็นดู ลูบหัวสารภี เชตมองหมั่นไส้
"งั้นก็ขอบใจนะ ฉันไปล่ะ"
หลวงปกรณ์กำลังจะขึ้นรถ สารภีมองตามลอบยิ้ม กำลังจะปิดประตูให้ เสียงพิศก็ดังขึ้น
"คุณสารภีเจ้าขา"
พิศวิ่งหน้าตาตื่น เล่นสมบทบาท เดินตรงเข้ามา
"คุณเพิ่มพูนกับคุณโกสุมแย่แล้วเจ้าค่ะ"
สารภีเล่นเวอร์
"พ่อแม่ฉันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น"
พิศทำหน้ากระอักกระอ่วนขวัญเสีย
"มี...มีคนมาทำร้ายท่านเจ้าค่ะ"
สารภีหน้าเสียเวอร์ตกใจ หลวงปกรณ์พลอยตกใจไปด้วย
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังจับตัวเพิ่มพูนล็อกคอ ชกซ้ายขวา โกสุมวิ่งเข้ามาดึงแขนยื้อกันไปยื้อกันมา ร้องโวยวายห้ามปราม ชายฉกรรจ์สะบัดโกสุมล้มไป สารภีวิ่งเข้ามาพร้อมกับหลวงปกรณ์ พิศ เชต
"อย่าทำอะไรพ่อแม่ฉันนะ"
ชาย1บอก
"ถ้าพวกมึงไม่เอาเงินทั้งต้นทั้งดอกมาคืนภายในพรุ่งนี้ล่ะก็ กูจะกลับมาฆ่าแล้วเผาบ้านมึงให้วอดเลยคอยดู"
โกสุมทำท่าตกใจ
"อย่านะ อย่ามาเผาบ้านนี้ ที่นี่เป็นบ้านท่านผู้มีพระคุณของฉันกับลูก ฉันไหว้ละ ให้ขอเวลาอีกซักนิดนะพ่อคุณ แล้วฉันกับสามีจะไปหาเงินมาคืนให้"
ชาย2 บอก
"รอไม่ได้โว้ย ! ถ้าไม่มีให้ก็ตายไปซะเถอะ"
ชาย2 แกล้งทำชักมีดออกมาจ่อที่คอของเพิ่มพูน โกสุม สารภี พิศวี๊ดว้ายตกใจ หลวงปกรณ์รีบตวาด
"หยุด ! พวกแกจะมาฆ่าแกงใครในบ้านฉันไม่ได้"
หลวงปกรณ์นั่งในห้องรับแขก สอบถามสารภีที่นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำตา เพิ่มพูน โกสุมตีหน้าโศกสลด
"ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันว่ามีปัญหาเรื่องเงิน"
"สารภีไม่อยากรบกวนคุณหลวงค่ะ มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว พวกเราก็อยากจะหาทางออกกันเอง"
"แต่ฉันเป็นสามีเธอ ก็เท่ากับเป็นครอบครัวของเธอด้วยเหมือนกัน"
สารภีทำเป็นก้มหน้าบีบน้ำตา
"ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือสารภีว่าเธอมีสิทธิ์เท่าๆ กับเมียทุกคนของฉัน เพราะฉะนั้นถ้าเดือดร้อนเรื่องอะไร ก็บอกฉันได้เสมอ"
หลวงปกรณ์ยื่นเงินให้เพิ่มพูน
"คุณเพิ่มพูนเอาไปใช้หนี้ใช้สินซะ "
โกสุมมองเงินตาวาว เพิ่มพูนรีบรับเงิน
"ขอบพระคุณครับคุณหลวง"
โกสุมบีบน้ำตา
"อิฉันกราบขอบพระคุณคุณหลวงค่ะ แต่อิฉันไม่ขอรับเงินเปล่าๆ หรอกนะคะ อิฉันจะให้สารภีเอาเงินเดือนที่ได้จากการทำงานมาชดใช้ นะลูกนะ"
"ไม่ต้องหรอก เงินฉันให้พ่อตาแม่ยายจะเป็นไรไป ส่วนเรื่องงานที่โรงพยาบาล ก็ไม่ต้องให้สารภีไปทำแล้ว ฉันจะกราบทูลท่านชายเอง"
โกสุมลอบยิ้มพอใจ รีบไหว้อีกครั้ง
"งั้นก็แล้วแต่คุณหลวงจะกรุณาเถอะค่ะ"
ดอกแก้วพาลำเจียกออกมาเดินเล่นรับลมที่ริมระเบียงโรงพยาบาล รัศมีดาราเดินขึ้นมาพอดีเห็นดอกแก้วประคองลำเจียก
"คุณน้าลำเจียก คุณดอกแก้ว สวัสดีคะ"
ดอกแก้วยกมือไหว้รัศมีดารา รัศมีดารารีบปราดเข้ามาหาลำเจียก
"คุณน้าลำเจียกเป็นยังไงบ้างคะ"
ลำเจียกยังเศร้าๆไม่มีอารมณ์ตอบ ดอกแก้วตอบแทน
"พรุ่งนี้ก็จะได้กลับแล้วค่ะ นี่คุณรัศมีมาเยี่ยมคุณเทพหรือคะ"
"ค่ะ วันนี้รัศมีทำข้าวต้มมาให้พี่เทพด้วย ได้ข่าวว่าตั้งแต่รู้สึกตัวก็บ่นอยากทาน รัศมีเลยลงมือทำเอง ก็ไม่รู้จะถูกใจพี่เทพรึเปล่า"
"คุณรัศมีทำให้แบบนี้ ต้องถูกใจคุณเทพอยู่แล้วคะ"
รัศมีดารายิ้มเขิน
"ขอบคุณคะ งั้นรัศมีขอตัวก่อนนะคะ"
รัศมีดาราไหว้ลาลำเจียก แล้วออกไป ลำเจียกมองตาม
"คนรักกัน เขาต้องมาเยี่ยมกันแบบนี้สินะ" ดอกแก้วทอดสายตามองตามรัศมีดาราเศร้าๆ
"เธอว่างั้นไหมดอกแก้ว"
ดอกแก้วมองรัศมีออกไปยิ่งเศร้า"คะ"
ลำเจียกตอกย้ำ เศร้า มองตามรัศมีดาราที่เดินไปหาเทพไท
สร้อยทองกับศรีช่วยกันเช็ดตัวให้เทพไท รัศมีดาราเปิดประตูเข้ามา
"หนูรัศมีมาแล้ว เทพรู้ไหมลูก เมื่อวานพอคุณรัศมีรู้ว่าเทพบาดเจ็บ เธอก็รีบมาเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งหลายชั่วโมงนะ ขอบคุณคุณรัศมีหน่อยสิจ้ะ"
"ขอบคุณนะครับน้องรัศมี"
รัศมีดารายิ้มเอียงอาย เข้ามานั่งข้างเตียง
"วันนี้พี่เทพเป็นยังไงบ้างคะ"
"ดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ เหลือแค่มึนๆ หัวนิดหน่อย"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวรับข้าวต้มนะคะ กำลังร้อนๆ จะได้รีบกินยา"
รัศมีดาราลุกกระวีกระวาดจัดข้าวต้มใส่ชาม สร้อยทองกับศรีมองกันยิ้มๆ
"ตาเทพมีเพื่อนแล้ว แม่ก็จะได้กลับเสียที ป้าฝากคุณรัศมีด้วยนะคะ"
"ด้วยความยินดีค่ะคุณป้า"
สร้อยทองกับศรีพากันออกไป รัศมีดาราตักข้าวต้มมานั่งข้างๆ เตียงเทพไท
"รับเลยนะคะพี่เทพ"
เทพไทขยับตัวลุกขึ้น กินข้าวต้มของรัศมีดาราด้วยความรู้สึกจืดเจื่อน เมื่อต้องอยู่กันตามลำพัง แต่รัศมีดารายังยิ้มละไมปลื้ม
โกสุมนั่งนับเงินกับพิศ หัวเราะครึกครื้น
"เห็นไหม บอกแล้วว่าแผนของคุณนายโกสุมไม่มีพลาด ฮะๆๆ"
เพิ่มพูนเอามือลูบปากที่บวมตุ่ย
"ผัวเจ็บตัวจนน่วมไปหมดยังจะมีหน้าหัวเราะอีก เธอไปจ้างใครมา ทำไมมันถึงได้มือหนักนัก"
"เอาเถอะน่า ยังไงมันก็คุ้ม ดูซิใช้หนี้แล้วยังเหลือตั้งบานเบอะ"
โกสุมโบกเงินอย่างมีความสุข สารภีรีบแย่งมา
"ใจคอแม่จะไม่คิดแบ่งให้สารภีบ้างหรือไง"
"อ๊าย แกไม่ได้ลงทุนอะไรเลยนะ"
"ทำไมจะไม่ลงทุน สารภีต้องอดไปทำงานกับพี่เทพก็เพราะแผนของแม่ ก็ต้องได้เงินชดเชยเหมือนกัน"
"นังลูกเวร"
สารภีนับเงินไม่สนใจ แล้วแบ่งคืนให้โกสุมส่วนหนึ่ง โกสุมค้อนควั่ก
สารภีเดินนับเงินออกมา
"แผนการของคุณโกสุมนี่เยี่ยมไปเลยนะครับคุณสารภี"
สารภีสะดุ้งหันกลับไป เห็นเชตยืนยิ้มกริ่ม
"ไอ้เชต แกแอบฟังพวกฉันเหรอ"
"แหม คุณโกสุมหัวเราะลั่นออกขนาดนั้น ผมเดินผ่านมาก็ต้องสงสัยสิครับ ... แต่คุณสารภีไม่ต้องห่วงหรอกครับว่าผมจะพูด ความลับของคุณสารภีก็คือความลับของผม"
สารภีค้อน ระแวง ตัดใจแบ่งเงินที่เพิ่งได้มาให้
"เอาไป ค่าปิดปากของแก"
เชตยิ้มกริ่ม ทีเล่นทีจริง
"แล้วถ้าผมจะบอกว่าไม่ได้อยากได้ค่าปิดปากเป็นเงินล่ะครับ"
"ถ้าไม่เอา ฉันก็ไม่มีอะไรจะให้"
สารภีปาเงินใส่ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป
เชตก้มลงเก็บเงิน แล้วมองตามสารภียิ้มร้าย นึกหมายมาดว่า ซักวันต้องทำให้สารภียอมเป็นเมียตนให้ได้
ดอกแก้วเดินผ่านห้องเทพไท เห็นรัศมีดารากำลังเช็ดตัวให้เทพไท ก็หยุดมองอึ้งๆ
รัศมีดาราปอกผลไม้ป้อนให้ นั่งคุยกันกระหนุงกระหนิง ดอกแก้วแอบมอง สีหน้าเศร้า
รัศมีดาราประคองเทพไทออกมาเดินเล่น ดอกแก้วถวายดอกไม้บูชาพระอยู่ที่ศาลา มองมายังทั้งสอง แล้วพยายามเมินหนีเพราะความเศร้า
เวลาค่ำ ดอกแก้วยกถาดอาหารของลำเจียกออกมาวางหน้าห้อง ผ่านห้องเทพไท มองเข้าไปเห็นเทพไทนอนอยู่บนเตียง ฟังรัศมีดาราอ่านหนังสือให้ฟัง เทพไทสีหน้าเพลิน
ดอกแก้วบาดตารีบเมินหนีเดินผ่านไป จิตตกกว่าเดิม
ดอกแก้วเปิดประตูกลับเข้ามานั่งในห้องลำเจียกด้วยความห่อเหี่ยว
"หล่อนนี่อยู่โรงพยาบาลนานเข้าก็ทำท่าเหมือนจะป่วยเสียเองยังไงยังงั้นนะ แม่ดอกแก้ว"
ดอกแก้วเหมือนโดนจี้ใจ รีบลุกขึ้นเข้ามาหาลำเจียก
"เออ แก้วขอโทษค่ะ แก้วควรจะดีใจที่คุณพี่ลำเจียกหายดีแล้ว พรุ่งนี้เราก็จะได้กลับบ้านกันแล้วนะคะ"
ลำเจียกถอนใจ
"ไม่รู้ว่าคุณพี่จะยังต้อนรับฉันกับลูกในท้องอยู่หรือเปล่า ป่านนี้คุณพี่คงจงเกลียดจงชังฉันไปแล้ว ดอกแก้ว เธอได้ข่าวนายไหลบ้างไหม นายไหลก็หายเงียบไป เจ็บสะบักสะบอมแค่ไหนก็ไม่รู้"
"แก้วไม่ได้ยินข่าวเลยคะ พรุ่งนี้เราไปหาข่าวคราวกันนะคะว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง"
ลำเจียกสีหน้ากังวล ห่วงนายไหล
เช้าวันใหม่ หลวงปกรณ์นั่งคุยกับ เพิ่มพูนและโกสุม โดยมีสารภีกับพิศอยู่ด้วย
"คิดดีแล้วหรือคุณโกสุมคุณเพิ่มพูนที่จะย้ายไปอยู่ข้างนอก"
"ค่ะคุณหลวง ตอนนี้เราสองคนหมดห่วงเรื่องสารภีแล้ว ก็อยากจะกลับไปทำมาหากินเสียที" โกสุมบอก
"พอดีว่ามีเพี่อนผมชวนไปทำการค้าที่นครปฐม ผมก็เลยว่าจะไปดูที่ทาง ถ้าพอไปได้ก็จะตั้งตัวใหม่กันที่นั่น" เพิ่มพูนบอก
"งั้นก็ตามใจ ฉันขออวยพรให้กิจการเจริญรุ่งเรืองก็แล้วกัน ขาดเหลืออะไรก็มาบอกได้ ฉันเต็มใจช่วย ฉันให้ขวัญถุงไปทำทุนอีกก้อนก็แล้วกัน" คุณหลวงพูดพลางให้เงินอีกก้อน
โกสุมกับเพิ่มพูนไหว้ขอบคุณ รีบรับเงินอย่างตื่นเต้น
"ถึงแล้วส่งข่าวมานะคะ"
สารภีเข้าไปไหว้ลาโกสุมกับเพิ่มพูน สามพ่อแม่ลูกกอดกันน้ำตาซึมนิดๆ แต่ไม่พิรี้พิไรมาก
"ลานะคะคุณหลวง"
โกสุมกับเพิ่มพูนหิ้วกระเป๋าไป สารภีอดเศร้าไม่ได้ที่พ่อแม่ต้องห่างไป
หลวงปกรณ์จับมือสารภีอย่างเห็นใจ
"อย่าเศร้าเลยสารภี นครปฐมกับพระนครห่างกันแค่นี้ เธอจะไปเยี่ยมเมื่อไรก็ได้ เอาไว้ฉันจะพาไป"
สารภีหันมายิ้มฝืนๆ ให้หลวงปกรณ์ จู่ๆ อึ่งก็วิ่งหน้าเริ่ด หิ้วกระเป๋าเครื่องใช้ของลำเจียกเข้ามา
"คุณหลวงเจ้าขา คุณลำเจียกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ"
สารภีชะงัก มองหลวงปกรณ์ทันที หลวงปกรณ์หน้าตึงมองไปที่หน้าบ้าน ดอกแก้วประคองลำเจียกเข้ามาทางหน้าประตู พอลำเจียกเห็นหลวงปกรณ์ก็ชะงัก
"คุณพี่"
ลำเจียกปลดมือจากดอกแก้ว แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหา น้ำตาคลอๆ อยากจะเข้าไปง้อ แต่แล้วหลวงปกรณ์ก็ลุกพรวด
"สารภี ถือกระเป๋าไปส่งฉันที่รถหน่อย ฉันจะไปทำงาน"
หลวงปกรณ์ลุกเดินผ่านลำเจียกไปเหมือนไม่มีตัวตน ลำเจียกเหวอค้าง
สารภีแอบยิ้มเยาะลำเจียกแล้วรีบเดินตามหลวงปกรณ์ไป
ลำเจียกรำพึง "คุณพี่"
ดอกแก้วเห็นลำเจียกหน้าเสียเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงก็รีบตามไปประคองเอาไว้อีก
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ดอกแก้วกับอึ่งช่วยกันประคองลำเจียกที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้ามาในห้อง
"คุณพี่รังเกียจฉันแล้ว ไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าฉัน"
ดอกแก้วกับอึ่งสงสาร ประคองกันนั่งลง
"คุณหลวงคงจะรีบไปทำงานน่ะค่ะ"
ลำเจียกตวาดทั้งน้ำตา
"จะรีบถึงขนาดไม่มีน้ำใจจะทักเมียที่เพิ่งหายเจ็บเชียวหรือ ขนาดจะถามถึงลูกซักคำก็ไม่มี ฉันรู้นะว่าคุณพี่ยังไม่หายเคืองฉัน ทำไมคุณพี่ถึงได้ใจร้ายนัก หรือว่ามีใครมายุแยงตะแคงรั่วฮะ นังอึ่ง"
"เอ่อ ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ ไม่มีใครกล้ายุ่งอะไร"
ลำเจียกสะอึกสะอื้นน่าสงสาร
"ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณพี่ถึงได้ปักใจว่าฉันเลวนักหนา นี่นายไหลไม่ได้มาพูดอะไรเลยหรือ นังอึ่ง"
"มันไม่กล้ามาหรอกเจ้าค่ะ คุณหลวงหมายหัวไว้แล้วว่าถ้ามันกลับมาอีก จะฆ่ามันทิ้ง"
"แต่ตอนนี้ฉัน"
"จะดีเหรอคะ" อึ่งถาม
"แกจะปล่อยให้ฉันถูกตราหน้าว่าคบชู้ไปตลอดชีวิตหรือไงนังอึ่ง แกต้องช่วยฉันนะ แกต้องไปตามนายไหลมาให้ฉัน"
ลำเจียกร้องไห้ฟูมฟายอีก อึ่งสีหน้ากลุ้ม ดอกแก้วก็ได้แต่ปลอบใจลำเจียก
อึ่งเดินมาตามทาง บ่นกะปอดกะแปด
"โฮ้ย กูจะซวยไหมเนี่ย ถ้าคุณหลวงรู้ว่าเป็นคนไปตามไอ้ไหลมา"
อึ่งเดินกลุ้มแล้วสะดุ้ง เมื่อเจอสารภีดักรออยู่
"นายแกเป็นยังไงบ้าง"
"ก็น้ำหูน้ำตาไหลไม่เลิกน่ะสิคะ คุณหลวงทำกับเธอถึงขนาดนั้น"
สารภียิ้มเยาะสะใจ
"อึ่งชักจะสงสารเธอแล้ว นี่ก็ว่าจะไปตามนายไหลมาให้แก"
สารภีตกใจ
"แกว่าไงนะ"
"คุณลำเจียกให้ไปพานายไหลมาพบคุณหลวงเจ้าค่ะ จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง ว่าเธอไม่ได้มีอะไรกับมัน"
"จ้างให้แกก็ตามมันไม่เจอ"
อึ่งงง
"ทำไมคะ"
สารภีรีบเปลี่ยนสีหน้า กลบเกลื่อน
"ถ้ามันรักตัวกลัวตาย มันคงไม่กล้ากลับมาเหยียบบ้านนี้อีกหรอก"
สารภีสะบัดหน้าออกไป อึ่งถอนใจ แต่ก็เดินออกจากบ้านไป
วันเดียวกัน ซ่อนกลิ่นชูช่อไสวสวยงามเหมือนได้ปุ๋ยดี เอี้ยงกำลังรดน้ำอยู่ ดอกแก้วเดินผ่านมาเห็นดอกซ่อนกลิ่นสวยงามก็ยิ้มพอใจ
"เอี้ยงคงจะหมั่นมารดน้ำพรวนดินซ่อนกลิ่นของฉันไม่ขาดแน่เลย ถึงได้ออกดอกงามขนาดนี้"
เอี้ยงยิ้มอายๆ
"เอี้ยงแค่รดน้ำเองค่ะ ส่วนใหญ่หน้าที่ใส่ปุ๋ยพรวนดินก็จะเป็นนายคงเขาที่จัดการ"
"ก็ดีแล้วล่ะ ช่วยดูแลกันให้ออกดอกเยอะๆ กลิ่นจะได้หอมโชย เผื่อคุณพี่ลำเจียกได้กลิ่นดอกไม้หอมๆ จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง"
"คุณลำเจียกยังเข้าหน้าคุณหลวงไม่ติดสินะคะ โถไม่น่าเลย"
"แต่ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณพี่ลำเจียกจะประพฤติตัวอย่างที่ใครๆ คิดกัน ตอนนี้ก็หวังแต่ว่านายไหลจะยอมกลับมาช่วยอธิบายเรื่องต่างๆ ให้คุณหลวงเข้าใจ"
ดอกแก้วกับเอี้ยงเดินคุยกันผ่านไป ท่ามกลางดอกไม้งามที่ชูช่อไสว
เวลาต่อเนื่องมา อึ่งเดินกระวนกระวายหาไปทั่วตลาด แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของนายไหล เลยตรงไปหาพวกเจ๊กลากรถที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่หัวมุมถนน
"พ่อคุณ นายไหลมันไปอยู่ทางไหน มีใครเห็นบ้างไหม"
เจ๊กลากรถมองหน้ากัน
"พวกฉันไม่เห็นหน้ามันตั้งหลายวันแล้วนะพี่"
"จริงหรือ แล้วจะไปตามมันได้ที่ไหน รู้จักบ้านช่องมันไหม"
เจ๊กลากรถคุยกัน แล้วชี้ทางให้อึ่ง
ลำเจียกนั่งฟังรายงานจากอึ่ง
"อึ่งไปตามมันถึงบ้านเช่าแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็เห็นบ้านปิดเงียบไม่มีใครอยู่ซักคน ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน"
"นายไหลจะไปไหนได้ยังไง ปกติก็อยู่ลากรถทุกวัน"
"แต่พวกที่ตลาดก็บอกว่ามันไม่ได้ออกมาลากรถตั้งหลายวันแล้วเจ้าค่ะ"
"หรือว่าจะเจ็บหนักตั้งแต่คราวนั้นจนทำงานไม่ไหว"
"มันไม่ได้เจ็บเจียนตายขนาดนั้นหรอกค่ะ หลังจากคุณลำเจียกเข้าโรงพยาบาล มันก็ยังแอบมาถามข่าวคุณลำเจียกกับอึ่งอยู่ แต่..." อึ่งอึกอัก ไม่อยากพูดเรื่องสารภี "แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นมันอีกเลย อึ่งว่ามันคงหนีไปแล้วเพราะกลัวคุณหลวงเล่นงานมันค่ะ"
ลำเจียกปรี๊ดขึ้นมา
"ไม่จริง นายไหลไม่มีวันทำอย่างนั้นกับฉัน แกไปตามนายไหลมาให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า"
"โธ่ คุณลำเจียกเจ้าขา"
ลำเจียกเริ่มคลั่งเพราะฤทธิ์ยาสมุนไพรของสร้อยทอง
"ฉันบอกให้ไปไงแล้ว ไปสิ ! ไป๊"
ลำเจียกเอาข้าวของใกล้ตัวขว้างปาใส่อึ่ง
ลำเจียกพูดคลั่งๆ
"ไปตามนายไหลมา ! ไปตามมา"
อึ่งโดนข้าวของปาก็ตกใจรีบวิ่งออกไป
"ใจเย็นๆ ค่ะคุณพี่" ดอกแก้วบอก
ลำเจียกนั่งหอบตัวสั่น สีหน้าลอยๆ เหมือนคนคุมสติไม่อยู่ แล้วอาการค่อยๆ สงบลง
เข็มเปิดประตูรั้วออกมา เห็นรถยนต์สภาพกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่หน้าประตู
ชายวัยกลางคนถาม "ที่นี่ใช่บ้านนพรัตน์หรือเปล่าหนู"
"ใช่ค่ะ คุณมาพบใคร"
"ฉันอยากจะมาพบเจ้าของบ้าน เรื่องเกี่ยวกับนายไหล คนลากรถของฉัน"
เข็มมีสีหน้าตกใจ
หลวงปกรณ์ สร้อยทอง สารภี ดอกแก้ว เดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมบ่าวไพร่ เห็นชายเจ้าของรถลากรออยู่
ชายเจ้าของรถรีบลุกขึ้นยกมือไหว้หลวงปกรณ์
"กระผมเป็นเจ้าของรถลากที่นายไหลไปเช่ามารับส่งผู้โดยสารที่ตลาดขอรับ"
หลวงปกรณ์หน้าตึง)
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันถึงต้องมาขอพบ ไอ้ไหลมันไม่ใช่คนที่บ้านนี้"
"กระผมทราบขอรับ แต่กระผมกำลังตามหาตัวมันอยู่ พอมีคนบอกว่าเมื่อสองสามวันก่อนมันมาที่บ้านนี้ ก็เลยอยากจะมาสอบถามคุณหลวงว่าได้พบเห็นมันบ้างหรือไม่"
"เอ๊ะ ก็คุณหลวงพูดอยู่หยกๆ ว่ามันไม่ใช่คนที่นี่ แล้วจะพบเห็นมันได้อย่างไรเล่าลุง" สารภีบอก
หลวงปกรณ์นั่งคอแข็ง แค่ได้ยินชื่อนายไหลก็อารมณ์เสียจนไม่อยากจะเสวนาด้วย
ลำเจียกค่อยๆ เดินลงบันไดมาดู เพราะรู้ว่ามีแขกมาหา เสียงสร้อยทองพูดขึ้นพอดี
"ว่าแต่คุณตามหานายไหลทำไมหรือ มันไปก่อเรื่องอะไรไว้"
"มันขาดส่งค่าเช่ารถมาหลายวันแล้วขอรับ ปกติไม่เคยเป็นอย่างนี้"
ลำเจียกได้ยินเข้าก็สีหน้าตกใจ ชะงัก
"ผมไปตามที่บ้านก็เห็นรถอยู่ แต่ตัวไม่รู้หายไปไหนทั้งที่จริงนายไหลมันเป็นคนขยันต้องออกไปรับจ้างทุกวันไม่เคยขาด ก็เลยนึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับมันหรือเปล่า"
สารภีได้ยินก็หน้าเผือด เหลือบมองหน้ากับพิศ นั่งแทบไม่ติด
"ไอ้คนรกโลกพรรค์นั้น ตายไปซะได้ก็ดี"
สร้อยทองรีบปราม
"คุณพี่"
"เชิญคุณไปตามหามันที่อื่น ! พวกฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แล้วถ้าเจอมัน ก็บอกด้วยว่าอย่าได้บังอาจเหยียบเข้ามาในเขตบ้านนี้อีกเป็นอันขาด"
ชายเจ้าของรถหน้าเสียที่หลวงปกรณ์โกรธเกรี้ยวใส่ ลำเจียกกังวล เป็นห่วงนายไหล
ชายเจ้าของรถออกมาจากบ้านนพรัตน์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ลำเจียกรีบตามมา
"คุณคะ คุณ"
ชายหันมามอง เห็นลำเจียกสีหน้าร้อนรน
"คุณมาตามหานายไหลเหรอคะ นายไหลหายไปตั้งแต่เมื่อไร"
"ก็ซักสองสามวันแล้วขอรับ มันขาดส่งค่าเช่าแบบนี้ผมคงต้องยึดรถคืนไปให้คนอื่น แต่ก็เป็นห่วงมัน กลัวว่าจะไม่มีทางทำมาหากิน ถึงอยากจะตามมันมาพูดคุยกัน ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
"ไม่มีใครเห็นนายไหลเลยหรือคะ"
ชายส่ายหน้า
"พวกที่ตลาดบอกว่าพบมันครั้งสุดท้าย ก็ตอนที่มันบอกว่าจะมาที่บ้านนพรัตน์นี่แหละครับ"
ชายพูดจบก็ขึ้นรถขับออกไป ลำเจียกยืนนิ่งกังวล สงสัยว่าเกิดอะไรกับนายไหลหรือเปล่า
ในห้องครัว อึ่งนั่งกินข้าว คุยกับ เข็ม หมอน และบ่าวอื่นๆ
"ฉันก็ตามหาไอ้ไหลจนพลิกแผ่นดินแล้วแต่ไม่เจอจริงๆ ไม่รู้จะบากหน้าไปบอกคุณลำเจียกยังไงดี กลัวเธอจะยิ่งอาละวาด"
"มันอาจจะหนีไปอย่างที่แกว่าก็ได้นังอึ่ง " เข็มบอก
"ก็นั่นน่ะสิ แต่คุณลำเจียกเธอไม่เชื่อ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง"
หมอนบอก
"ไอ้ไหลมันโดนเล่นงานขนาดนั้น เป็นข้าข้าก็เผ่น คุณหลวงเวลาท่านโกรธแค้นใครขึ้นมาล่ะก็ เอาถึงตายได้จริงๆ นะโว้ย"
"ฮ้า คุณหลวงท่านจะเล่นถึงตายเชียวเหรอป้า"
หมอนสีหน้าอึดอัด ไม่อยากเมาท์เจ้านาย แต่ก็อดไม่ได้
"ข้าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณหลวงท่านรักเกียรติของท่านยิ่งกว่าอะไร ไอ้ไหลก่อเรื่องคราวนี้ ท่านคงให้อภัยมันไม่ได้ ยิ่งจะให้มันมาป้วนเปี้ยนอยู่ในละแวกบ้านเรายิ่งไม่มีทาง"
ทุกคนคิดตามแล้วทำหน้าขนพองสยองเกล้า ไม่กล้าออกความเห็น แต่หน้าโรงครัว ลำเจียกยืนฟังอยู่ หน้าซีดเผือด คิดไปไกล ทบทวนคำพูดของชายเจ้าของรถลากก่อนหน้า
"พวกที่ตลาดบอกว่าพบมันครั้งสุดท้ายก็ตอนที่มันบอกว่าจะมาที่บ้านนพรัตน์นี่แหละครับ"
หลวงปกรณ์บอก "ไอ้คนรกโลกพรรค์นั้น ตายไปซะได้ก็ดี"
ลำเจียกกำมือแน่น ตัวสั่นเทา ทั้งโกรธทั้งสงสารนายไหล ปักใจไปแล้วว่าหลวงปกรณ์ต้องอยู่เบื้องหลัง
หลวงปกรณ์เดินเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารกับสร้อยทอง ดอกแก้ว สารภี
"แก้วขออนุญาตไปเชิญคุณพี่ลำเจียกลงมาร่วมรับประทานด้วยกันได้ไหมคะ"
"ไม่ต้อง ฉันยังไม่อยากเห็นหน้าแม่ลำเจียก เดี๋ยวจะกินไม่ลง"
สารภียิ้มเยาะสะใจ
"คุณพี่จะถือโกรธเคืองอะไรนักหนาคะ น่าจะพูดจากันให้เข้าใจได้แล้ว แม่ลำเจียกกำลังท้องกำลังไส้ ปล่อยให้เป็นทุกข์เดี๋ยวจะไม่ดีกับเด็ก"
"อุ้ย เด็กลูกนายไหลน่ะเหรอคะ" สารถีหัวเราะคิกคัก
ดอกแก้วมองสารภีอย่างตำหนิ แล้วพยายามกล่อมหลวงปกรณ์
"เรื่องจริงเท็จเป็นยังไงกันแน่ เราก็ยังไม่รู้ แก้วว่าคุณหลวงน่าจะให้โอกาสคุณพี่ลำเจียกกับนายไหลได้อธิบายก่อนนะคะ"
"โอ๊ย จะไปเอาตัวนายไหลมาจากไหนล่ะ เขาก็พูดกันอยู่ว่ามันหายสาปสูญไปแล้ว"
"แต่ฉันเชื่อว่าคุณพี่ต้องรู้ว่านายไหลอยู่ที่"
ทุกคนได้ยินเสียงลำเจียกหันไป เห็นลำเจียกเดินถมึงทึงขึ้นมา
"แม่ลำเจียก" หลวงปกรณ์เห็นท่าทางน่ากลัวก็พยายามเอาใจ "นั่งรับข้าวด้วยกันเสียเลย มีอะไรจะได้พูดกัน"
"อิฉันมีเรื่องพูดกับคุณพี่ไม่มากหรอกค่ะ ขอถามแค่คำถามเดียวเท่านั้นว่านายไหลอยู่ที่ไหน"หลวงปกรณ์โมโห
"หล่อนจะมาถามอะไรกับฉัน"
"ถ้าไม่ถามคุณพี่ แล้วจะให้ถามใคร เมื่อคุณพี่เป็นคนเดียวที่คิดร้ายกับนายไหล"
"แม่ลำเจียก"
ลำเจียกน้ำตาคลอ ความรู้สึกอัดอั้นท้นออกมา
"คุณพี่ฆ่ามันไปแล้วใช่ไหม คุณพี่ทำได้ยังไงกัน ทำได้ยังไง"
ลำเจียกร้องไห้ โผเข้าทุบตีหลวงปกรณ์ ทุกคนตกใจพยายามจับแยก
"หล่อนเป็นบ้าไปแล้วแม่ลำเจียก ขึ้นห้องไปเดี๋ยวนี้"
"ไม่ขึ้น จนกว่าคุณพี่จะยอมรับว่าคุณพี่ฆ่ามัน" ลำเจียกแผดเสียงใส่ "คุณพี่ใจร้าย"
ลำเจียกสะบัดจากการถูกสร้อยทอง ดอกแก้วจับ พุ่งเข้าหาหลวงปกรณ์อีก
หลวงปกรณ์แผดเสียงสู้
"หยุดนะแม่ลำเจียก"
"ไม่หยุด ! คุณพี่ใจร้ายๆๆ"
ยิ่งหลวงปกรณ์ตะคอก ลำเจียกก็ยิ่งคลั่ง กรีดร้อง หยิบจานอาหารบนโต๊ะสาดใส่
"คนใจร้าย ! ฆาตกร คุณพี่เป็นฆาตกร"
ลำเจียกขว้างจานอาหารใส่ ศรี อึ่ง พิศวิ่งตามขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาช่วยดอกแก้วจับแยกลำเจียกที่ดิ้นพราดๆ ออกไป
หลวงปกรณ์เนื้อตัวเปรอะเปื้อน มองลำเจียกด้วยความเดือดดาลที่สุด แต่สารภีลอบยิ้มสมน้ำหน้า
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ดอกแก้วกับอึ่งช่วยกันหิ้วปีกลำเจียกเข้ามาในห้อง ลำเจียกยังร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด
"จัดยามาเร็วเข้าอึ่ง"
อึ่งรีบรินยาให้ ลำเจียกส่ายหน้า
"ไม่ ฉันไม่กิน"
"ทานหน่อยนะคะคุณพี่ลำเจียก จะได้ดีขึ้นนะคะ"
"ไม่ !" ลำเจียกปัดแก้วกระจาย "ฉันไม่อยากกิน ! พวกแกอย่ามายุ่งกับฉัน ออกไป ไปให้หมดทุกคน ออกไป"
ลำเจียกทุ่มหม้อยา ขว้างปาข้าวของใส่ ดอกแก้วกับอึ่งต้องรีบถอยออกไป
พอปิดประตู ลำเจียกก็ทิ้งตัวลงนอนร้องไห้ กรีดร้องอยู่คนเดียวด้วยความเจ็บแค้นและเสียใจที่คิดว่าหลวงปกรณ์ฆ่านายไหลตายไปแล้ว
ตอนกลางคืน หลวงปกรณ์อาบน้ำสวมชุดใหม่ เช็ดผมตัวเอง แล้วส่งผ้าให้สร้อยทอง
"นี่ถ้านายเทพอยู่ ฉันจะให้ส่งหมอโรคจิตมารับแม่ลำเจียกไปโรงพยาบาลบ้าจริงๆ ด้วย"
"อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยค่ะคุณพี่"
"หล่อนไม่เห็นเหรอว่าคนสติดีที่ไหนมันจะทำแบบนี้"
สร้อยทองแอบเสี้ยม
"แม่ลำเจียกคงกำลังเครียด แล้วพอได้ยินว่านายไหลหายตัวไป ก็เลยคิดไปใหญ่โตเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"ฮึ ห่วงชู้จนคุ้มคลั่งมันก็แย่กว่าเป็นบ้าไม่สมประกอบเสียอีก แบบนี้หรือที่หล่อนอยากจะให้ฉันเรียกมาเจรจาหาความกัน พฤติกรรมมันก็ชัดๆอยู่แล้วว่า แม่ลำเจียกกับไอ้ไหลมันเป็นอะไรกัน"
หลวงปกรณ์หงุดหงิด สร้อยทองทำเป็นเห็นใจผัว แต่ข้างในใจแอบสะใจที่เสี้ยมให้ระแวงกันได้
ฝ่ายสารภีสะใจเข้ามาในห้องกับพิศ
"อยู่ๆ นังลำเจียกก็เป็นบ้าขึ้นมาอย่างนี้ คุณหลวงก็คงจะยิ่งเกลียดมัน สมน้ำหน้า" สารภีหัวเราะชอบใจ
"แค่นี้มันยังน้อยไปนะคะ คุณสารภีควรจะฉวยโอกาสถีบมันตกกระป๋องไปเร็วๆ"
"ฉันคงไม่ต้องเปลืองแรงหรอก มันทำตัวอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคุณหลวงก็คงเฉดหัวมันออกไปจากบ้านจนได้"
"ว่าได้หรือคะ ยังไงคุณลำเจียกแกก็มีท้อง คุณหลวงคงไม่ใจไม้ไส้ระกำถึงขนาดนั้น เผลอๆ คลอดออกมาคุณหลวงจะใจอ่อนเวทนาเสียอีก ถึงเวลานั้นจะใช่ลูกหรือไม่ใช่ก็คงไม่สำคัญกระมัง ยังไงเขาก็ผัวกันเมียกันมาตั้งหลายปีนะคะคุณ"
สารภีชะงัก คิดตามที่พิศว่า
"พวกเราเสียอีกที่เพิ่งมาใหม่ แถมตอนนี้ก็เหลือกันอยู่แค่สองหัว ถ้าคุณหลวงเห่อเด็กขึ้นมา คุณสารภีนี่แหละค่ะที่จะตกกระป๋อง"
สารภีเริ่มไม่สบายใจ
"แล้วแกมีแผนอะไร"
พิศยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แทนคำตอบ
เช้าวันใหม่ เทพไทนอนอยู่บนเตียง รัศมีดาราช่วยเช็ดหน้าเช็ดคอให้กับเทพไท พยาบาลเดินผ่านไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นหมอเทพไทมีหญิงสาวคอยดูแล
สร้อยทองกับ มรว.ดุจเดือนนั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลจากห้องเทพไท ได้ยินพยาบาล 2 คนเดินคุยกันมา
พยาบาล 1บอก
"คุณหมอเทพอาการดีขึ้นเร็วแบบนี้ สงสัยได้ยาดีจากคนที่คอยดูแลแน่เลย"
พยาบาล 2 บอก
"นั่นสิ เห็นแล้วอดอิจจฉาไม่ได้ คุณเทพทั้งเก่งทั้งหล่อ"
"แฟนคุณหมอเทพเค้าก็สวยออกย่ะ อีกไม่นานคุณหมอเทพคงมีข่าวดีแน่ๆ อย่างเธอน่ะไม่เทียบฝุ่นเค้าหรอก"
พยาบาล 2 ตีเพื่อน
"บ้าจริง ไม่ต้องพูดก็ได้นะเธอ"
พยาบาล 2 คนเดินไป มรว.ดุจเดือนได้ยินที่พยาบาลพูดกันก็นิ่งไป สร้อยทองหันมามองเห็นผิดสังเกต
"คุณหญิงคะเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ"
"เอ่อ..เปล่าหรอกจ้ะ"
"คุณหญิงคงไม่ได้คิดเรื่องที่แม่พยาบาลพวกนั้นพูดใช่ไหมคะ เค้าก็พูดๆกันไปแบบนั้นเองแหล่ะค่ะ อย่าไปถือสาหาความเลยนะคะ"
"ฉันไม่ได้ถือหรอก แต่ถ้าเค้าพูดกันไปเรื่อยๆลูกรัศมีคงดูไม่งามแน่ค่ะ"
"ก็จริงค่ะ" สร้อยทองหันไปจับมือดุจเดือ " อันที่จริงหากเราทำให้มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องซะ ก็คงไม่น่าเกลียดมั้งคะคุณหญิง"
มรว.ดุจเดือน มองสร้อยทองที่ดูมีทางออก
"ทำยังไงเหรอคะคุณสร้อย"
"ให้ตาเทพหมั้นหมายคุณรัศมีซะเรียบร้อย จะได้เป็นประกาศให้คนรับรู้ว่าเราจะ เป็นทองแผ่นเดียวกันในอนาคต"
"อุ่ย..แบบนี้มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ แล้วอีกอย่างเจ้าตัวเค้าทั้งสองจะยอมเหรอคะ"
"เรื่องแบบนี้ปล่อยนานไปรังแต่จะเสียชื่อเสียงเสียงกันไปเปล่าๆ ค่ะ รีบตัดไปเสียแต่ต้นลมคนจะได้ไม่พูดกันไปผิดๆถูกๆ ยังไงล่ะคะ"
มรว.ดุจเดือนคิดตามที่สร้อยทองพูดมา สร้อยทองแอบมองดุจเดือนอย่างมีแผนรวบหัวรวบหาง
ตอนเช้า อึ่งเปิดประตูห้องลำเจียกออกมาก็ตกใจที่เจอพิศดักรออยู่
อึ่งมองซ้ายขวาหวาดๆ
"นังพิศ แกมาทำไม"
"นายเอ็งเป็นยังไงบ้าง"
"คุณลำเจียกพักผ่อนอยู่ เอ็งจะเอาอะไร"
พิศแกล้งทำเป็นกลุ้ม
"ข้าร้อนใจ มีเรื่องอยากจะกระซิบให้เอ็งไปเรียนคุณลำเจียกว่าให้รีบไปกราบขอโทษคุณหลวงเร็วๆ เข้าเถอะ"
"ทำไม"
"เรื่องมันชักจะบานปลายใหญ่โตแล้วน่ะสิ ตอนนี้คุณหลวงท่านโกรธคุณลำเจียกมาก ขนาดว่าจะให้คุณลำเจียกออกไปอยู่เรือนข้างล่าง แล้วให้คุณสารภีขึ้นมาอยู่แทน"
อึ่งตกใจ
"แกว่าอะไรนะ"
พิศทำหน้าหนักใจ
"คุณสารภีเธอก็อึดอัด แต่คุณหลวงยืนยันว่าคุณลำเจียกเป็นแบบนี้ อยู่กับคนอื่นไม่ได้ จะเป็นอันตราย"
อึ่งโวยวาย
"แกเอาอะไรมาพูด คุณลำเจียกไม่ได้เป็นบ้าเป็นบอ"
"ก็คุณหลวงเธอคิดแบบนั้นจะให้ทำยังไง นี่ก็สั่งให้ฉันกับคุณสารภีเตรียมเก็บข้าวของย้ายขึ้นมา ฉันถึงได้มาเร่งให้แกไปบอกคุณลำเจียกยังไงเล่า"
อึ่งตื่นตระหนก ไม่รู้จะทำยังไงดี แต่แล้วจู่ๆ ประตูหลัง ลำเจียกก็เปิดพรวดออกมา
"นายแกอยู่ที่ไหน"
อึ่งกับพิศตกตะลึงพรึงเพริด
ลำเจียกเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในครัว ขณะที่หมอน เข็ม และบ่าวคนอื่นๆ กำลังทำงาน
" คุณลำเจียก หายดีแล้วเหรอเจ้าคะ"
ลำเจียกไม่พูดไม่จา ตวัดสายตามองหมอนและคนอื่นตาขวาง ทุกคนงงกับท่าทางลำเจียก แต่จู่ๆ ลำเจียกก็เดินตรงไปรื้อข้าวของที่ชั้นวาง หม้อไหที่เพิ่งล้างกระจุยกระจาย หมอน เข็มกับคนอื่นๆ ตกใจรีบเข้าไปดู
"คุณลำเจียกหาอะไรเจ้าคะ"
ลำเจียกตวาด
"มันอยู่ไหน"
เข็มงง
"อะ อะไรอยู่นะเจ้าคะ อะไรเจ้าคะ"
ลำเจียกยังตวาดซ้ำเหมือนคนบ้า
"มันอยู่ที่ไหน"
เข็มถอยกรูดตกใจ ลำเจียกกวาดตามองต่อ แล้วรีบเดินจำไปรื้อของตรงนั้นตรงนี้ พวกบ่าวที่ทำงานถอยหนีด้วยความกลัว ลำเจียกรื้อๆ แล้วหยุดชะงักอยู่ตรงกองเก็บอุปกรณ์ครัว
หลวงปกรณ์กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ได้ยินเสียงเคาะประตู สารภีถือกาแฟเปิดเข้ามา
"สารภี เธอมีอะไรหรือ"
"สารภีเห็นคุณหลวงยังไม่ลงไปรับของเช้า เลยชงกาแฟขึ้นมาให้ค่ะ"
"ขอบใจมากนะ คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหนกันหมด มีแต่เธอคนเดียวกระมังที่ยังสนใจฉัน"
"คุณน้าสร้อยทองออกไปเยี่ยมพี่เทพไท ส่วนแม่ดอกแก้วคงจะดูแลคุณน้าลำเจียกอยู่"
หลวงปกรณ์ได้ยินชื่อลำเจียกก็ชักสีหน้า เซ็ง
"แม่ลำเจียกเป็นถึงขนาดนี้ ก็คงจะต้องดูแลกันไม่ให้คลาดสายตา"
"พวกบ่าวมันพูดกันว่าอาการอย่างนี้ เรียกว่าเป็นโรคประสาท คุณหลวงจะปล่อยให้เธออยู่อย่างนี้หรือคะ"
หลวงปกรณ์นิ่งหนักใจเหมือนกัน ใจนึงก็อยากส่งเข้าโรงพยาบาล แต่อีกใจก็สงสาร
"ฉันก็ยังไม่แน่ใจนักหรอกว่าแม่ลำเจียกเป็นอะไร ก็คงดูๆ กันไปก่อน จะผลักไสไปอยู่ที่อื่น ก็ห่วงเด็กในท้อง"
"แต่ถ้าเธออาการหนักขึ้น ถึงขั้นทำร้ายคนอื่น หรือไม่ก็ทำร้ายลูกในท้อง จะไม่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าหรือคะคุณหลวง สารภีเป็นห๋วงเป็นห่วง"
หลวงปกรณ์ฟังแล้วเครียดตามไปด้วย ฉับพลันลำเจียกก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
"ไม่ต้องมาห่วงกู"
หลวงปกรณ์กับสารภีสะดุ้งหันไปมอง
"แม่ลำเจียก"
"เพราะมึงนั่นแหละที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ เพราะมึงคนเดียว กูจะฆ่ามึง อีสารภี มึงเป็นมารชีวิตกู"
ลำเจียกเงื้อมีดที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา แล้วพุ่งตรงจะเข้ามาแทงสารภี
สารภีร้องกรี๊ดวิ่งเข้าหลบหลัง หลวงปกรณ์พยายามบังไว้
"หยุดนะแม่ลำเจียก"
"คุณพี่ถอยไป"
ลำเจียกพยายามผลัก หลวงปกรณ์เอามือกันไม่ยอม พยายามแย่งมีด
"เธอนี่จะมากเกินไปแล้วนะ หยุดเดี๋ยวนี้"
ลำเจียกไม่ยอมเงื้อมีดฉวัดเฉวียนจะแทงสารภีไม่ได้ หลวงปกรณ์เงื้อมือคว้ามีดไว้ได้ ลำเจียกกระชากคืน จนมีดบาดฝ่ามือหลวงปกรณ์
"โอ๊ย"
หลวงปกรณ์เสียหลักเพราะบาดเจ็บ แต่ลำเจียกไม่สนใจ เลือดขึ้นหน้า โถมเข้าใส่สารภี
"อยากจะแทนที่ฉันนักใช่ไหมนังเด็กเมื่อวาน ! ดูซิ"
"ว้าย ! อย่านะ ช่วยด้วย"
ลำเจียกเงื้อมีดขึ้น สารภีดิ้นหนี มีดปาดเฉียดไปตรงข้างแก้มอย่างหวุดหวิด แต่ก็ทำให้เลือดไหลออก
สารภีจับแก้มตัวเอง เห็นเลือดออกก็ร้องกรี๊ด ลำเจียกยิ่งบ้าเลือดหนัก จะเอามีดแทงอีก
ดอกแก้ว พิศ อึ่ง วิ่งเข้ามา แล้วช่วยกันจับลำเจียกไว้ได้เสียก่อน ลำเจียกดิ้นรนร้องโวยวาย หลวงปกรณ์ตะโกนเรียกบ่าวชายมาจับลำเจียก
"จับตัวแม่ลำเจียกไว้"
เชตกับบ่าวชาย2คนเข้ามา ลำเจียกถูกจับรวบตัว ลำเจียกดิ้นอาละวาดอย่างหนัก
"คุณหลวงจะทำอะไรคุณพี่ลำเจียกคะ"
หลวงปกรณ์ไม่ตอบ แต่จ้องหน้าลำเจียกที่กำลังบ้าคลั่งสุดพลัง
ดอกแก้วเดินตามหลวงปกรณ์ลงมาที่ห้องโถง สีหน้าทุกข์ร้อน
"ต้องกันทำถึงขนาดนั้นเลยหรือคะคุณหลวง"
"ก็แล้วเธอไม่เห็นหรือว่าแม่ลำเจียกทำอะไรกับฉันกับแม่สารภี"
หลวงปกรณ์จับมือที่มีผ้าพันแผล แล้วพยักเพยิดไปทางสารภีที่นั่งกอดกับพิศ ที่ยังใช้ผ้าซับแผลให้สารภี
"ถ้าไม่ควบคุมกัน อีกไม่นานคงจะได้มีคนตายเข้าสักวัน"
"แต่คุณพี่ลำเจียกกำลังท้องอยู่นะคะ"
"ก็ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ลูกในท้องของแม่ลำเจียกก็อาจจะต้องตายเพราะความบ้าของแม่มันด้วย"
"คุณหลวงคะ"
"พอแล้วดอกแก้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องฉกาจฉกรรจ์สำหรับคนในบ้าน ใครก็ทัดทานไม่ได้ทั้งนั้น ระหว่างนี้ฉันสั่งห้ามเธอหรือใครไปวุ่นวายช่วยเหลือแม่ลำเจียกออกมาเด็ดขาด"
หลวงปกรณ์พูดเสียงดุ แล้วเดินขึ้นตึกไป ดอกแก้วหน้าเศร้าสลด ขณะที่สารภียังตกใจอยู่ แต่ก็ลอบยิ้มสะใจกับพิศ
ลำเจียกถูกจับโยนเข้ามาที่มุมในสุดของหลุมหลบภัย เธอเอาแต่ร้องไห้ ไร้สติ
"ไอ้เชต ไอ้ใจหมา เอ็งเบาๆ กับคุณลำเจียกหน่อยสิวะ" อึ่งบอก
อึ่งโผเข้าไปประคองลำเจียกที่เอาแต่ร้องไห้ สะอึกสะอื้น
"ฉันก็ทำตามที่คุณหลวงสั่ง"
ลำเจียกร้องไห้โฮ เชตหันไปสั่งลูกน้อง
"เฮ้ย เอากุญแจไปคล้องโซ่ไว้"
บ่าวชายขยับเข้าไปหาลำเจียก ท่าทางเกรง
"อย่าโกรธผมเลยครับคุณลำเจียก ทุกอย่างเป็นคำสั่งของคุณหลวง แต่คุณลำเจียกไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่โดนลงโทษ"
ลำเจียกได้ยินก็ยิ่งกรีดร้อง ดิ้นจะให้หลุดจากโซ่ เสียงโซ่กระทบพื้นไปมาเหมือนสัตว์ที่ดิ้นรนจากการถูกจองจำ
"ไม่ ! ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไป๊ !"
อี่งเวทนาลำเจียก ละล้าละลัง
"ออกมาได้แล้วพี่อึ่ง คุณหลวงสั่งแล้วว่าไม่ให้ยุ่ง อยากจะโดนตีตรวนอีกคนหรือไงวะ"
อึ่งกลัว จำต้องผละจากลำเจียกมา ลำเจียกหวีดร้องดิ้นทุรนทุราย
"ปล่อยฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ "
เชต อึ่งกับพวกบ่าวถอยออกมาจากห้องแล้วล็อกประตู ลำเจียกยิ่งร้องไห้ พยายามแกโซ่ เอามือทุบไปมา
"ปล่อยฉัน ! ใครก็ได้ปล่อยฉันที"
เสียงลำเจียกกรีดร้อง เหวี่ยงโซ่โครมครามดังออกมาด้านนอก เป็นที่เวทนา
อ่านต่อตอนที่ 17