ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 21
วันใหม่ ในบริเวณวัดในงานบุญวันสงกรานต์ ท่ามกลางบรรยากาศทำบุญตักบาตรที่ศาลาวัด
ลำเจียกบรรจงตักข้าวใส่ในบาตรพระที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ มีโอ่งทองคอยช่วยถือของตามดอกแก้วกับเทพไทที่ตักอาหารใส่สำรับพระที่จัดเป็นวงๆในถาด
หลังจากที่ใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย ดอกแก้ว เทพไท ลำเจียก โอ่ง เดินลงจากศาลา
"ปะเดี๋ยวเราไปก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกันนะคะคุณพี่"
ลำเจียกไม่ตอบรับใดๆ เทพไทช่วยพูด
"คุณน้าไปด้วยกันนะครับ"
ลำเจียกมองเห็นโบสถ์มองแล้วเดินตรงเข้าไป
"พระ"
"คุณพี่ เดี๋ยวค่ะ"
ดอกแก้วรีบเดินตามไปกับเทพไท โอ่งมองงงๆ
"เอ้า..!! จะเข้าไปโบสถ์ทำไมล่ะ กองทรายเค้าก่อกันตรงโน้นต่างหาก"
"พี่โอ่งจ๊ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะจ๊ะ"
"เออๆ..พี่ไปรอที่กองทรายนะ"
"จ้า"
ดอกแก้วกับเทพไทตามลำเจียกเข้าไปในโบสถ์ โอ่งมองตามสามคนที่หายเข้าไปในโบสถ์งงๆก่อนเดินไป
ลำเจียกเปิดประตูโบสถ์เข้าไป ดอกแก้วกับเทพไทตามเข้ามา ลำเจียกมองที่พระประธานเดินตรงมานั่งลงด้านหน้า ดอกแก้วเทพไทตามมานั่งลง ลำเจียกก้มลงกราบพระ ดอกแก้วเทพไทก้มกราบ
ลำเจียกนั่งมองที่พระประธานนิ่งงันไม่มีทีท่าว่าจะลุกออก ดอกแก้วกับเทพไทมองหน้ากัน
"ถ้าคุณอยากจะนั่งสงบๆในนี้ก่อนก็ได้นะคะ"
ลำเจียกไม่ตอบได้แต่นั่งนิ่งๆ เทพไทเห็นว่าลำเจียกดูสงบนิ่งจึงบอกกับดอกแก้ว
"ถ้าคุณน้าอยากนั่งอยู่ที่นี่สักพัก เดี๋ยวผมกับดอกแก้วจะไปรอคุณน้าด้านนอกนะครับ"
ลำเจียกพยักหน้าเบาๆ เทพไทหันมายิ้มให้กับดอกแก้วดีใจที่ลำเจียกตอบรับคำ สองคนรีบออกไป
ลำเจียกนิ่งนั่งหลับตา ดอกแก้วกับเทพไทออกไป
ลำเจียกนั่งสมาธิสวดมนต์นิ่ง เสียงกระดิ่งที่ยอดช่อฟ้าดังกรุ๋งกริ๋งใบหน้าลำเจียกดูผ่อนคลายลง
ผ่านเวลาสักพักลำเจียกลืมตามาเห็นหลวงพ่อนั่งอยู่ ลำเจียกประหลาดใจ
"หลวงพ่อเข้ามาตอนไหนกันคะ อิฉันไม่ทันเห็น"
"เป็นเพราะโยมไม่คิดที่จะมองให้เห็นน่ะสิ"
"อ๋อคงเป็นเพราะอิฉันหลับตาสวดมนต์อยู่กระมังถึงไม่ทันเห็น"
"คนเราจะมองเห็นคนอื่นไม่ใช่จะมองเห็นได้แต่ตาเท่านั้นนะโยม"
ลำเจียกงง
"มีทางอื่นอีกรึคะ"
"มีสิ...ก็เห็นจากใจของโยมยังไงล่ะ"
ลำเจียกงง
"จากใจรึคะ"
หลวงพ่อพยักหน้า
"แค่เราเปิดใจรับ เราก็จะมองเห็นคนอื่นๆ การเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันโยมคงเคยได้ยินสินะ"
ลำเจียกคิดตาม
"แล้วมีใครเห็นใจอิฉันบ้างไหมเจ้าคะ"
"ถ้าโยมให้สิ่งไหนกับใครไป โยมก็จะได้รับสิ่งนั้นตอบ ใจโยมร้อนรุ่มเพราะโยมมีอคติในใจ คนทุกข์ คนร้อนคือตัวเราเอง เหมือนเราโกรธเกลียดใคร ผู้ที่ได้รับผลทุกข์นั้น คือ ตัวเราเอง"
ลำเจียกนิ่งงันคิดตามที่หลวงพ่อพูด
"อย่าปล่อยให้ไฟมันสุมที่ใจนานนักตัวเราเองนั่นแหล่ะที่จะร้อนรนดับไฟในใจลง ซะแล้วโยมก็จะมองเห็นทางเดินข้างหน้า"
ลำเจียกฟังหลวงพ่อคิดตามก่อนก้มลงกราบลา
ลำเจียกลุกออกไปหลวงพ่อเรียกไว้
"โยม โยมลองมองที่นอกหน้าต่างนั่นสิ"
ลำเจียกมองตามที่หลวงพ่อบอก
"โยมเห็นอะไรมั๊ยล่ะ"
ลำเจียกเห็นเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากที่บังแสงดวงอาทิตย์จนเห็นแสงสว่างจ้าแสบตา
ลำเจียกรู้สึกที่มือมีอะไรอยู่ก้มลงมองที่มือเห็นเหรียญพระอยู่ในมือตัวเองประหลาดใจ
"หลวงพ่อ"
ลำเจียกหันมองที่หลวงพ่อแต่ไม่มีหลวงพ่ออยู่แล้ว ลำเจียกยกเหรียญพระในมือขึ้นมองเหมือนมีคำตอบให้ตัวเอง
ดอกแก้วคอยชะเง้อมองในโบสถ์รอลำเจียกด้วยความเป็นห่วง เทพไทเห็นดอกแก้วเป็นห่วง
"เดี๋ยวคุณน้าสบายใจก็คงออกมาเองแหล่ะครับ"
"แต่ว่า..."
เทพไทตัดบท
"อาการคุณน้าดีขึ้นกว่าอยู่ที่บ้านนพรัตน์เยอะเลย คุณไม่เห็นเหรอ"
"เห็นค่ะ แต่ฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะคุณลำเจียกไม่ค่อยอยากจะพูดกับฉันสักเท่าไหร่"
"เอาน่า....เชื่อผมเถ่อะคุณน้าจะต้องดีขึ้น อยู่นี่ไม่มีเรื่องมากระทบจิตใจเหมือนอยู่ที่โน่น...ผมเองก็ได้แต่หวังว่ากลับไปน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม"
ลำเจียกเดินออกมาจากโบสถ์ในมือกำพระแน่น
ดอกแก้วหันมาเห็นรีบเข้ามาหา
"คุณลำเจียก"
ลำเจียกหันมองหน้าดอกแก้วเต็มตา ดอกแก้วยิ้มดีใจ แต่แล้วลำเจียกก็ขยับตัวหนีตามเดิม เทพไทเห็นอาการลำเจียกเดินเข้ามาหา
"คุณน้าครับ เราสองคนรอคุณน้าไปก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกันนะครับ"
ลำเจียกมองหน้าเทพไทแล้วหันมองดอกแก้ว ก่อนจะพยักหน้าตอบรับนิดๆ
แค่ลำเจียกตอบรับก็ทำให้ดอกแก้วดีใจที่ได้รู้ว่าลำเจียกรับฟัง เทพไทแอบมองดอกแก้วยิ้ม
ทั้งสามคนเดินออกไปจากโบสถ์
ลำเจียกตั้งใจก่อกองทรายโดยมีโอ่งทองคอยช่วยเอาทรายเติมให้ ดอกแก้วหยุดมองดูลำเจียกที่ดูตั้งใจก่อกองทราย เทพไท ดอกแก้วช่วยกันก่อกองทราย ลำเจียกนำดอกไม้ประดับประดาที่กองทรายจนสวยงาม ลำเจียกมองดูเจดีย์ทรายด้วยรอยยิ้ม ดอกแก้วหันไปเห็นลำเจียกยิ้มแอบดีใจ เทพไทมองดอกแก้วแล้วมองตามไป
"มีอะไรเหรอครับ"
"คุณดูสิคะ...นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณลำเจียกยิ้มแบบนี้"
"คุณน้าคงมีความสุขใจ"
ดอกแก้วยิ้มดีใจที่ได้เห็นภาพลำเจียกยิ้ม เทพไทมองดอกแก้วยิ้มๆดอกแก้วหันมาปะสายตาเทพไทเขิน
"ยิ้มอะไรเหรอคะ"
"ผมก็มีความสุขที่เห็นคุณยิ้มได้สักที"
สองคนยิ้มเขินไปมา โอ่งทองเข้ามาแทรกกลาง
"อ้าว...มัวแต่นั่งยิ้มกันอยู่นั่นล่ะ วันนี้จะก่อกองทรายเสร็จไหมเนี่ย"
สองคนหันมาก่อกองทรายต่อยิ้มกันไปมามีความสุข ลำเจียกหันมองแอบยิ้ม
เย็นต่อเนื่องมา สร้อยทองแต่งตัวลงมา ถือกระเป๋าเตรียมจะออกไปข้างนอก ศรีเดินเข้ามาพอดี
"เดี๋ยวฉันจะไปตลาดด้วยนะศรี"
"ศรีไปคนเดียวก็ได้นะคะ คุณสร้อย"
"ฉันไม่อยากอยู่บ้าน พอทั้งคุณพี่ ทั้งตาเทพไม่อยู่มันก็เงียบเหงาอย่างกับป่าช้า ขอออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยดีกว่า"
"งั้นศรีจะไปบอกให้นายเชิดเอารถออกนะคะ"
สร้อยทองพยักหน้า ศรีรีบออกไป
สร้อยทองกับศรีเดินอยู่ในตลาด แล้วผ่านร้านเจ๊กหลี สร้อยทองหันไปมองอย่างใจลอย แต่เห็นประตูร้านปิดเงียบ
"มีอะไรเหรอคะคุณสร้อย"
สร้อยทองได้สติ ถอนสายตากลับมา
"ไม่มีอะไร ... ฉันเห็นร้านผ้าตรงโน้นมันสีสวยดี เลยนึกอยากจะได้มาตัดเสื้อซักหน่อย"
"งั้นเชิญคุณสร้อยเถอะค่ะ เดี๋ยวศรีไปซื้อกับข้าวเอง"
"งั้นมาเจอกันที่รถนะ"
สร้อยทองเปิดกระเป๋าจะหยิบเงินให้ศรี ไม่ทันมองว่าร้านเจ๊กหลีเปิดประตูแง้มออกมาพอดี
พุดจีบในชุดดำไว้ทุกข์เดินออกมา แล้วปิดประตูร้าน แต่เห็นส้รอยทองส่งถุงเงิน อักษร ป. ให้ศรี
"ถุงเงินนั่น"
สร้อยทองส่งให้ศรีแยกไป แล้วตัวเองก็เดินไปอีกทาง ไม่ได้สนใจพุดจีบ แต่พุดจีบมองตามสร้อยทองไม่วางตา สีหน้าสงสัย
ดอกแก้วพาลำเจียกมาที่ทุ่งดอกไม้ ลำเจียกเดินเหม่อๆมองไปไกลๆ
"คุณลำเจียกชอบที่นี่ไหมคะ"
ดอกแก้วยิ้มให้ลำเจียกหวังว่า ลำเจียกคงชอบลำเจียก ลำเจียกหันมาตอบหน้านิ่งๆ
"ไม่"
ลำเจียกเดินมองดอกไม้ไปเรื่อย ดอกแก้วชวนคุย
"ที่นี่มีดอกไม้สวยๆเห็นแล้วมีความสุขใครๆ ที่มาที่นี่ก็ชอบที่นี่ทั้งนั้นนะคะ"
"แต่ไม่ใช่ฉัน"
ลำเจียกเดินหนีแต่เผลอล้มเปื้อนโคลน ดอกแก้วรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุง
"คุณลำเจียกเป็นไงบ้างคะ"
ดอกแก้วมองดูเห็นว่าชายผ้าถุงและเท้าของลำเจียกเปื้อนดิน
"ตายจริง เลอะดินหมดเลย"
ดอกแก้วลงนั่งปัดดินที่เปื้อนผ้าและเท้าของลำเจียกออก
ลำเจียกยึกยัก
"ไม่ต้อง...มายุ่งกับฉัน"
ดอกแก้วไม่ฟังรีบปัดเศษดินที่เปื้อนชายผ้าและเช็ดที่เท้าของลำเจียกโดยไม่รังเกียจ
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเช็ดให้"
"ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ"
ดอกแก้วไม่สนใจเช็ดต่อไป
ลำเจียกมองดูดอกแก้วเห็นความจริงใจที่เมื่อก่อนเธอเคยมองว่าเป็นการเสแสร้ง แต่ตอนนี้สิ่งที่ลำเจียกเห็นผิดไป ดอกแก้วเช็ดเสร็จเงยหน้าขึ้นมองลำเจียก
"สะอาดเหมือนเดิมแล้วค่ะ"
ลำเจียกเก็บอาการเดินหนี แก้วรีบเดินตามไป ลำเจียกหยุดเดินแล้วพูดกับดอกแก้วด้วยอารมณ์สับสน
" เธอพยายามมาทำดีกับฉันเพื่ออะไร"
" ฉันไม่ได้ใช้ความพยายามเพื่อทำอะไรให้คุณเลย ฉันแค่อยากทำให้คุณเท่านั้นค่ะ"
ลำเจียกอึ้งกับคำตอบของดอกแก้ว ด้วยความสงสัยจึงหันหน้ามาจ้องหน้าดอกแก้ว
"แล้วทำไมต้องเป็นฉัน"
"บางครั้งมันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจในตัวฉันได้หรอกค่ะ"
ภายในใจของลำเจียกไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครที่หวังดีกับตัวเองอีก
"งั้นเธอก็คงต้องการอะไรจากฉันงั้นสิ ใช่ไหม....ใช่ไหม"
"ไม่ค่ะฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ ฉันมีส่วนผิดที่เข้ามาทำให้คุณไม่มี ความสุข ฉันขอโทษนะคะ"
ดอกแก้วยกมือไหว้ขอโทษ ลำเจียกอึ้งไป มองแววตาของดอกแก้วที่ดูจริงใจ ลำเจียกละสายตาจากแก้วก่อนตอบ
"ชีวิตฉันมันไม่เคยมีความสุขตั้งแต่ก่อนเธอเข้ามาแล้วล่ะ"
แก้วมองลำเจียกงงๆ ดอกแก้วขยับมายืนตรงหน้า ดวงตาลำเจียกฉายแววเศร้าพูดต่อ
"ความสุขที่ฉันเคยโหยหามาตลอดมันเป็นยังไง ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ"
ลำเจียกน้ำตาริน ดอกแก้วอึ้งคิดไม่ถึงว่าลำเจียกจะบอกกับเธอ ลำเจียกโผเข้ากอดดอกแก้วร้องไห้ ดอกแก้วพลอยร้องไห้ รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ห่างกันนั้นเห็นเทพไทยืนมองสองสาวที่กอดกัน เทพไททั้งสงสารลำเจียกและรู้สึกดีกับดอกแก้ว
ชายลึกลับท่าทางขี้ยาเดินลุกลี้ลุกลนผ่านมา มองไปเห็นสร้อยทองกับศรีกำลังยืนซื้อของอยู่ริมถนน แล้วพากันเดินไปที่รถ เลยรีบตามไป
สร้อยทองมัวแต่คุยกับศรี ไม่ทันระวังว่ามีคนเดินตามหลัง พอได้จังหวะชายลึกลับก็กระชากกระเป๋าสร้อยทองทันที
"ว้าย !"
สร้อยทองโดนผลักจนเซไป แต่กระเป๋ายังไม่หลุดมือ พยายามกระชาก
"เอามานี่"
"อย่านะ ปล่อยเดี๋ยวนี้"
ศรีเข้าไปช่วยทุบๆ โจร แต่โจรหันมาตบกลิ้งไป
"ศรี !"
สร้อยทองมัวแต่ห่วงศรี โจรเลยออกแรกกระชากจนกระเป๋าขาด
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"
โจรถือกระเป๋าวิ่งออกไป พุดจีบโผล่หน้าออกมาเห็นโจรวิ่งหน้าเริดมา ก็ผลักไม้กวาดทางมะพร้าวออกไปขวาง
โจรวิ่งเหยียบไม้กวาดแล้วลื่นไถลล้มลงไป พุดจีบรีบตรงเข้าไปกระทืบกลางหลัง
"ออกหากินชั่วๆ อีกแล้วไอ้มืด"
"โอ๊ย ปล่อยกู ปล่อย"
พุดจีบกระทืบกลางหลังซ้ำ แล้วกระชากกระเป๋ามา สร้อยทองกับศรีรีบพาตำรวจวิ่งตามมา
"นั่นแหละค่ะคุณตำรวจ จับมันเลยค่ะ"
พวกตำรวจรีบตรงไปกระชากตัวโจรขึ้น แล้วหิ้วปีกไว้ทั้งสองข้าง
พุดจีบมองหน้าสร้ยอทองอย่างเป็นนัยๆ แล้วส่งกระเป๋าให้
"ของคุณใช่ไหมคะ"
"ใช่จ้ะ"
สร้อยทองรีบรับกระเป๋ามาอย่างโล่งอก
สร้อยทองเปิดกระเป๋า หยิบถุงเงินออกมา โดยมีพุดจีบมองตาไม่กะพริบ
สร้อยทองยื่นเงินให้
"รับไว้เถอะจ้ะ ถือเป็นรางวัลที่ช่วยฉัน อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ถ้าไม่ได้ให้เป็นเงิน ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเธอยังไงจริงๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่บุญคุณอะไร"
"ผู้ใหญ่ให้ก็รับไว้เถอะ" ศรีบอก
"ถึงพุดจีบจะกำพร้า แต่พุดจีบก็ไม่เห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่หรอกค่ะ ที่ทำไปก็เพราะอยากช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อนมนุษย์เท่านั้น"
สร้อยทองฟังแล้วนึกชื่นชม ยิ้มเอ็นดูให้
"อ้อ ชื่อพุดจีบ เป็นกำพร้าด้วยหรือ"
" จ้ะ พ่อแม่ตายไปหลายปีแล้ว"
"แล้วตอนนี้อยู่กับใครที่ไหนล่ะ"
พุดจีบหลบตา
"อาศัยศาลาวัดอยู่จ้ะป้า"
"เวรกรรมแท้ๆ ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยหรือ"
"ถึงมีไม่มีใครสะดวกให้อยู่ด้วยหรอกจ้ะ พุดจีบก็เลยออกมาสู้ชีวิตด้วยตัวเองดีกว่า"
พุดจีบพูดพลางทำเป็นฝืนยิ้ม สร้อยทองมองๆ แล้วคิด
"พุดจีบ...ไปอยู่กับฉันไหม"
พุดจีบเงยหน้าขึ้นมองสร้อยทองอย่างแปลกใจ ระคนดีใจ
สร้อยทองกับศรีลงมาจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ศรีเห็นพุดจีบไม่ลงก็เรียก
"ลงมาสิแม่พุดจีบ"
พุดจีบค่อยๆ ก้าวเท้าลงมา แล้วเงยหน้ามองตัวบ้านและความโอ่อ่ารอบๆ ด้วยความทึ่ง
"โอ้โห นี่คือบ้านของคุณท่านเหรอคะ"
"ไม่ต้องเรียกท่งเรียกท่านหรอก เรียกชื่อฉันธรรมดาเถอะ"
พุดจีบยิ้มอาย
"ค่ะ คุณสร้อยทอง"
สร้อยทองยิ้มเอ็นดูพุดจีบเพราะเห็นว่าสงบเสงี่ยมดี
"เดี๋ยวจะให้แม่ศรีพาไปรู้จักกับคนอื่นๆ ในครัว เสร็จแล้วเธอก็พักผ่อนให้สบาย แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานก็ได้"
"ขอบพระคุณค่ะ"
พุดจีบยกมือไหว้สร้อยทองอย่างยินดี แล้วรีบตามศรีไป สร้อยทองมองตามพุดจีบอย่างพอใจ แล้วเดินขึ้นบ้าน
แต่ระหว่างทางที่ศรีเดินนำไป พุดจีบก็เหลือบซ้ายแลขวา มองอย่างเก็บข้อมูล ท่าทางสอดรู้สอดเห็น
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 21 (ต่อ)
เข็ม หมอน เอี้ยง ทำงานกันอยู่ในครัว ทุกคนหันไปเห็นศรีพาพุดจีบเดินเข้ามาก็หยุดทำงาน มองอย่างสนใจ
"พาใครมาน่ะแม่ศรี"
"คุณสร้อยทองเธอเห็นว่านังอึ่งคงไม่กลับมาแล้ว ก็เลยรับแม่พุดจีบเข้ามาช่วยงาน ...นี่แม่หมอน หัวหน้าแม่ครัวของที่นี่ ส่วนนั่นนังเข็มกับนังเอี้ยง"
พุดจีบยิ้มเขินๆ ให้ทุกคนแล้วยกมือไหว้
"สวัสดีจ้ะ"
"เอี้ยง วานเอ็งพาแม่พุดจีบไปดูที่หลับที่นอนที" ศรีบอก
"ได้จ้ะ"
เอี้ยงยิ้มให้พุดจีบ แล้วพยักหน้าให้เดินตามออกไป หมอน เข็มทำงานกันต่อ
มุมหนึ่งด้านหน้าเรือนครัว นายคงยืนนิ่งมองตามพุดจีบ
พุดจีบถามถึงคุณๆในบ้านหลังนี้ เอี้ยงเล่าให้ฟัง จนมาถึงดงซ่อนชู้ มะลิถาม เอี้ยงบอกของคุณดอกแก้ว ทั้งสองผ่านไป นายคงตามมามอง
โอ่งทองกางมุ้งให้ลำเจียกเกือบเสร็จ ได้กลิ่นดอกซ่อนชู้ โอ่งทำจมูกสูดดมพลางบ่นๆ
"กลิ่นอะไรว๊าคุ้นๆ"
"หอมใช่ไหม"
โอ่งหันมาเห็นลำเจียกถือแจกันที่มีดอกซ่อนกลิ่นปักอยู่ประหลาดใจ และคราวนี้มีเสียงตอบรับจากลำเจียกโอ่งเหว๋อๆตอบ
"ค่ะหอมก็หอม"
ลำเจียกยิ้มเอาแจกันดอกซ่อนกลิ่นวางที่โต๊ะหัวเตียง โอ่งทองมองด้วยความงุนงง ลำเจียกยืนอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง
"แก้วเอาน้ำดื่มมาให้ค่ะ"
ดอกแก้วเดินเอาน้ำไปวางที่โต๊ะที่ลำเจียกยืนอยู่ ดอกแก้วเหลือบเห็นดอกซ่อนกลิ่นในแจกัน
ดอกแก้วประหลาดใจ
"ดอกซ่อนกลิ่น"
ดอกแก้วละสายตาจากดอกไม้ขึ้นมองหน้าลำเจียก ลำเจียกยิ้มๆดอกแก้วยิ้มตอบดีใจ ลำเจียกทำทีลุกมานอนที่เตียง
"ฉันจะนอนแล้ว"
"เดี๋ยวแก้วเหน็บมุ้งให้ค่ะ"
ดอกแก้วตามมาเหน็บมุ้งให้ ดอกแก้วเหน็บเสร็จจะออกไปเสียงเรียกดังขึ้น
"ดอกแก้ว"
"คะ คุณลำเจียกอยากได้อะไรเพิ่มคะเดี๋ยวแก้วทำให้ค่ะ"
" ในสายตาเธอฉันดูร้ายกาจมากใช่ไหม"
แก้วนิ่งมองดูลำเจียกก่อนบอกไป
" ในสายตาแก้วแก้วมองเห็นแต่ผู้หญิงคนนึงที่งามพร้อมทั้งศักดิ์และศรีเป็นผู้หญิงที่มีความสุขในชีวิตที่เหลือ"
ลำเจียกอึ้งที่รู้ว่าดอกแก้วไม่เคยมองเธอไม่ดีเลย
ดอกแก้วเหน็บมุ้งให้ลำเจียกอีกครั้ง ลำเจียกมองดูแก้วแอบน้ำตาไหล
ดอกแก้วจะเดินออกไป ลำเจียกเรียกไว้
"ดอกแก้ว...ข้างนอกยุงเยอะออก"
ลำเจียกขยับตัวเหลือที่นอนให้ดอกแก้ว
"อย่าออกไปเลยนะ"
ลำเจียกยิ้ม ดอกแก้วปลื้มใจ
ทั้งสองคนนอนในมุ้งเดียวกัน ลำเจียกนอนหันหลังให้ดอกแก้ว ส่วนดอกแก้วนั้นนอนยิ้มมีความสุขที่ลำเจียกยอมรับตัวเอง
เชตล้างรถเสร็จก็เดินผ่านหน้าบ้านนพรัตน์จะไปอาบน้ำนอน เห็นพิศกำลังยืนโวยวายตรงทางเดินกับพวกบ่าว เลยหยุดแอบฟัง
"เดี๋ยวสิวะ พวกเอ็งจะไปกันแล้วเหรอ"
"ตกลงพี่จะไปหรือไม่ไปล่ะ ฉันก็รออยู่เนี่ย" หญิง 1 ว่า
"จะไปได้ยังไงวะ คุณสารภีเธอยังไม่นอนเลย ข้าขี้เกียจโดนเอ็ด"
หญิง2บอก
"โอ๊ย ขืนรอให้นายพี่นอน พระเอกกะนางเอกก็คงได้กันพอดีโน่นละมั้ง ไม่ไหวล่ะ พวกฉันไปก่อน ถ้าพี่อยากดูฉากจบก็ตามมา"
พวกบ่าวทำท่าจะเดินออกไป พิศตกใจ ร้องห้าม ละล้าละลัง
"เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ รอประเดี๋ยว ข้าไปขอคุณสารภีก่อน แหม อีพวกใจร้อน"
พิศเดินตุปัดตุป่องออกไป เชตมองตามแล้วยิ้มเครียดๆ เหมือนมีแผนบางอย่าง
พิศเดินหลบมา แต่ก็ยัง ท่าทางกระสับกระส่าย ไม่กล้าขอสารภี
"เอายังไงดีวะกู หรือจะหนี"
"อยากอ้อนคุณสารภี ไม่เห็นจะยากเลยพี่พิศ ก็วางยาให้เธอหลับเร็วๆ สิ"
พิศชะงัก
"เอ็งจะบ้าหรือ"
"ถ้าเธอหลับเร็ว พี่ก็ไม่ต้องคอยรับใช้ อยากจะไปไหนก็ไป กว่าเธอจะตื่นอีกทีก็เช้า เผลอๆ จะอารมณ์ดีเสียอีกเพราะได้นอนเต็มที่"
พิศลังเลเพราะเกิดเห็นแก่ตัว แต่ก็เริ่มคิดว่าไม่น่าเป็นไร
"แล้วข้าจะไปหายานอนหลับจากไหน"
"ถ้าฉันไม่มี ฉันจะมายุพี่พิศเรอะ"
เชตยิ้มมีเลศนัย
บนโต๊ะข้างที่นั่งภายในห้อง สารภีหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม โดยมีพิศลอบมองอย่างพอใจ
"พิศลองต้มตามสูตรที่คุณสารภีสอน รสชาติใช้ได้ไหมคะ"
สารภีพยักหน้าเฉยๆ
"ก็ดี คราวหลังฉันจะได้ใช้ให้แกทำ"
สารภีพูดจบก็เอนตัวลงนอนเล่น หยิบหนังสืออะไรมาอ่านไปตามเรื่อง
พิศลอบมองลุ้นๆ ว่าสารภีจะง่วงหรือยัง ซักพักสารภีก็หาวออกมาเบาๆ แต่หาวแบบอาการปกติที่เริ่มถึงเวลากลางคืน ไม่ใช่หาวเพราะง่วงมาก เพราะยาที่พิศใส่ไม่ใช่ยานอนหลับ
พิศเห็นเข้าก็พอใจ คิดว่ายาออกฤทธิ์ เลยขยับเข้ามาเก็บแก้ว
"เดี๋ยวพิศเอาลงไปเก็บที่ครัวนะคะ"
พิศยกแก้วออกจากห้องไป สารภีอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ไม่สนใจ ซักพักก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระแทกมาที่บานหน้าต่างที่ปิดอยู่
สารภีชะงัก เสียงวัตถุกระแทกหน้าต่างก็ดังขึ้นอีกเหมือนมีใครโยนอะไรขึ้นมาซ้ำๆ
"อะไรกันน่ะ"
สารภีลุกไปเปิดหน้าต่างอย่างทนไม่ไหว แต่ชะโงกมองไปไม่เห็นใคร แต่พอจะปิดหน้าต่าง ก็มีท่อนไม้เล็กๆ มัดยางติดกับแผ่นกระดาษปาเข้ามาในห้อง
สารภีมองอย่างตกใจ แล้วก้มลงหยิบมาแกะดู เห็นข้อความ
" สารภี พ่อแม่รออยู่ที่เรือนรับรองนะ มีเรื่องจะพูดด้วย"
สารภีอ่านจบแล้วทำหน้าแปลกใจ
"มีเรื่องอะไรอีกเนี่ย"
สารภีทำหน้ากังวล แล้วรีบฉีกกระดาษทิ้ง ก่อนจะรีบออกจากห้อง
สร้อยทองกลับขึ้นมาบนตึกกำลังจะเข้าห้อง แต่เห็นสารภีเดินลงบันไดมาท่าทางลับๆ ล่อๆ เลยหลบมอง สารภีหันซ้ายหันขวา มองไม่เห็นใครก็รีบย่องลงจากตึกไป ท่าทางมีพิรุธ
สารภีเดินเร็วๆ มาทางสวน มุ่งไปที่บ้านรับรองด้วยความร้อนใจ สร้อยทองสะกดรอยตามมาติดๆ ด้วยความสงสัย
สารภีมาถึงเรือนรับรอง แล้วก็เริ่มรู้สึกมึนๆ หัว
"อยู่ไหนกันละนี่ ไม่เห็นมีใครซักคน คุณแม่คะ สารภีมาแล้วนะ"
สารภีเดินหา เปิดประตูห้องต่างๆ ดู จู่ๆ ก็เกิดวิงเวียนมึนหัวขึ้นมา
"คุณแม่ ได้ยินสารภีไหม มีอะไรก็ว่ามา สารภีไม่ค่อยสบาย"
สารภีเริ่มเบลอๆ มองอะไรไม่ถนัด แต่พยายามจะเดินตามหาแม่ ไปเปิดประตูอีกห้อง
"คุณแม่"
สารภีเพ่งมองไป แต่เวียนหัวมากจนยืนไม่อยู่ แต่พอจะล้มก็มีร่างหนึ่งเข้ามาช้อนประคองไว้ด้านหลัง
" ใครน่ะ คุณแม่เหรอคะ คุณแม่...สารภีเป็นอะไรก็ไม่รู้"
สารภีรู้สึกรุ่มร้อนเหงื่อกาฬแตก ประสาทสัมผัสเบลอไปหมดทั้งตัว พร้อมๆ กับเปลือกตาค่อยๆ ปิดลง แล้วหมดสติไป
คนที่ประคองสารภีอยู่คือเชตที่ยิ้มร้าย
ย้อนอดีตกลับไป เชตคุยกับเจ๊กหลีอยู่ในร้าน
"คนรู้จักฉันเป็นลูกค้าของอาแปะ เห็นบอกว่าตำรับยาของอาแปะมันได้ผลชะงัดกว่าของเจ้าไหนๆ ในพระนคร ฉันก็อยากจะซื้อไปลองใช้บ้าง"
เจ๊กหลียิ้มปลื้มที่เชตชม
"ลื้อหมายถึงยาอะไร"
" ยาเสน่ห์"
เชตมองสารภีที่หลับหมดสติในอ้อมแขน แล้วยิ้มร้าย ก่อนจะอุ้มขึ้นมาพาเข้าไปในห้อง
สร้อยทองแอบมองด้วยความตกใจ
เช้าวันใหม่ แสงแดดสาดส่องเข้ามาในหน้าต่าง ทำให้สารภีที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น กะพริบตาปรับความคุ้นชินในห้องแล้วรู้สึกเหมือนมีมือใครบางคนก่ายอยู่บนตัว พอหันไปมองก็เห็นเรือนร่างของเชตที่นอนเปลือยอยู่ข้างๆ
" ไอ้เชต ! นี่แกทำอะไรฉัน" สารภีร้องเสียงดัง
สารภีโวยวายเสียงดังจนเชตตื่นขึ้นมา
"เบาๆ สิจ๊ะเมียจ๋า เดี๋ยวคนทั้งบ้านก็ได้ตื่นขึ้นมามุงดูเราสองคน"
"เมีย ?" สารภีช็อก กรี๊ดหนักกว่าเดิม "ไอ้สารเลว ! แกทำกับฉัน อย่างนี้ได้ยังไง"
สารภีเอามือทุบตีเชตด้วยความโกรธ เชตจับมือไว้
"ผมก็ทำแบบเดียวกับที่คุณทำกับคุณหลวงไงเล่า"
"แก...แกวางยาฉัน"
"ฝีมือผมซะที่ไหน นังพิศต่างหาก แค่หลอกมันว่าให้คุณกินยานอนหลับเสีย จะได้หนีไปเที่ยวดูลิเกได้ มันก็เชื่อสนิท ผมก็แค่มาจัดการดับฤทธิ์เร่าร้อนของยาให้คุณเท่านั้นเอง"
สารภีเจ็บใจ ตบหน้าเชตทันที
"ไอ้ชาติชั่ว ฉันจะฟ้องคุณหลวงว่าแกรังแกฉัน คุณหลวงต้องฆ่าแก"
สารภีรีบลุกหนี แต่เชตกระชากตัวเข้ามา ท่าทางดุดันขึ้น
"ถ้าคุณพูด ผมก็จะพูดเรื่องที่คุณใช้ยากับคุณหลวงเหมือนกัน ทีนี้คงจะสนุกพิลึก หึๆ คุณหลวงอาจจะลงโทษผม แต่คิดหรือว่าตัวคุณเองจะรอด คุณจำไม่ได้แล้วหรือว่าคุณลำเจียกโดนอะไรบ้าง อยากจะโดนจับโยนเข้าคุกเหมือนกันหรือไง"
สารภีชะงัก หวาดกลัว เชตเห็นท่าทางสารภีอ่อนลงก็พอใจ เปลี่ยนท่าทีแข็งกร้าวเป็นโลมไล้
"แต่ถ้าคุณปิดปากเงียบอยู่เฉยๆ คุณก็จะได้เป็นคุณนายเสวยสุขในบ้านนี้ต่อไป จะไม่มีใครรู้ทั้งเรื่องที่คุณทำ...และเรื่องที่เราทำ" เชตหัวเราะเจ้าเล่ห์
สารภีหันไปมองเชต เห็นเชตแสยะยิ้มแบบเป็นต่อ ก็ยิ่งรังเกียจ ลุกขึ้นสะบัดหนี
"คิดให้ดีๆ นะคุณสารภี คิดให้ดีๆ"
เชตระเบิดเสียงหัวเราะสะใจ เพราะแน่ใจว่าสารภีไม่กล้า
สารภีมองเชตอย่างเจ็บใจ น้ำตาไหลด้วยความแค้น แต่ก็รู้ว่ากำลังเสียเปรียบ เลยวิ่งร้องไห้ออกไป
ดอกแก้วเก็บผักจากสวนเข้าเรือน
"พี่โอ่งแม่ล่ะ"
"ฉันเห็นป้าแกท่าทางรีบร้อนลงจากเรือนไปสักพักนี่แหล่ะ"
แก้วนึกสังหรณ์ใจรีบขึ้นไปดูกระเป๋าตังค์เห็นว่า ไม่มีเงินอยู่เลย รู้ทันทีว่า
"แม่แอบเอาเงินไปบ่อนแน่ๆ"
ดอกแก้วรีบตามไป
เทพไทลงจากบบนเรือนมาเห็นดอกแก้วเดินออกไปจากบ้านจึงถามโอ่ง
"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ"
โอ่งอ้ำอึ้ง
"ดอกแก้วมันไปตามแม่ที่บ่อนน่ะค่ะ"
"พี่โอ่งผมฝากดูคุณน้าลำเจียกด้วยนะครับ"
เทพไทพูดเสร็จรีบตามดอกแก้วไป โอ่งทองมองตามงงๆ
"ค่ะๆ วันนี้มันวันอะไรมีแต่คนรีบไปทั้งนั้นเลย เฮ้อ..!"
โอ่งทองมองตามหน้างงๆ
พุดจีบออกมาจากห้อง กำลังจะไปช่วยทำงาน เห็นสารภีวิ่งร้องไห้ออกมาจากเรือนรับรองก็ชะงักหยุดมอง
สารภีวิ่งผ่านไปไม่สนใจพุดจีบ แต่พุดจีบมองอย่างสงสัยว่าสารภีร้องไห้ทำไม พอหันไปมองที่เรือนรับรองก็เห็นเชตเดินออกมาพลางสวมเสื้อ
พุดจีบมองท่าทางของเชตด้วยความสังเกตสังกา แล้วชะงัก นึกได้ เพราะเชตมาซื้อยาที่ร้านเจ๊กหลี พุดจีบรีบหลบแอบมองเชตที่ยืนจัดเสื้อผ้าแล้วเดินไปอีกทาง
แล่มเดินนับเงินที่แอบขโมยจากกระเป๋าเงินดอกแก้วมา เดินมาตามทางอารมณ์ดี ไม่ทันสังเกตว่าเดินผ่านกลุ่มนักเลงบ่อน
นักเลงบ่อนสะกิดกันให้หันมองดูแล่มเดินนับเงินมา
นักเลง 2 ถาม"จะรีบไปไหนล่ะ"
แล่มหยุดชะงักรีบเก็บเงินกำไว้แน่นก่อนที่จะหันไป
"เอ่อ..ฉันจะรีบไปวัดน่ะจ้ะ"
นักเลง 1 บอก
"ไปวัดเหรอ...(ถุย) กูไม่เชื่อหรอกหน้าอย่างมึงรึจะเข้าวัด เข้าบ่อนล่ะสิไม่ว่า"
แล่มถอยหลังด้วยความกลัว นักเลงทั้ง 3 เดินวนรอบตัว แล่มกำเงินแน่นนักเลง 1 มองที่มือ
"มีเงินไม่คิดจะมาใช้หนี้เสี่ยรึไง"
"นี่มันเงินของลูกฉัน"
"จะเงินลูกเงินแม่กูไม่สนหรอกโว้ย เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้"
นักเลง 1 พยักหน้าสั่งให้ลูกน้อง 2 เข้าไปแย่งเงินในมือ แล่มไม่ยอมให้ยื้อยุดไปมา
"อย่าเอาเงินฉันไปนะ อย่านะ ไอ้พวกโจร ช่วยด้วยเจ้าข้า ไอ้พวกโจรมันปล้นฉัน ช่วยด้วย"
ดอกแก้วตามมาได้ยินเสียงแม่ รีบวิ่งตามเสียงไป
แล่มไม่ยอมให้ ยื้อเงินสุดชีวิตทั้งถีบทั้งยันนักเลงทั้ง 2 นักเลง 2 โมโหจิกหัวแล่ม
"แรงเยอะนักนะมึงอีแก่ กูจะตบให้ฟันล่วงเลย"
ดอกแก้วโผล่มาเห็นนักเลงจะทำร้ายแม่ ดอกแก้วหยิบไม้ใกล้มือฟาดที่แขนนักเลง 2
"โอ้ย"
"อย่าทำอะไรแม่ฉันนะ"
ดอกแก้วเอาไม้ชี้หน้านักเลงทั้ง 3คน นักเลงทั้ง 3 คนมองดอกแก้วด้วยสายตาโลมเลีย
"ฉันไม่ทำอะไรหรอกฉันต้องการแค่เงินก็เท่านั้น" นักเลง 1 หันสั่งลูกน้อง "เฮ้ยจัดการ"
นักเลง 2-3 เข้าไปยื้อแย่งเงิน แล่มสู้ ดอกแก้วช่วยแม่ นักเลง 3ล๊อคตัวดอกแก้วไว้ แล่มถูกนักเลง 2 ตบคว่ำลงไป
"แม่...อย่าทำแม่ฉันนะ"
ดอกแก้วถูกจับ นักเลง 1 เข้าเย้ยหยันดอกแก้ว
"ได้ข่าวไปเป็นเมียน้อยเจ้าใหญ่นายโตในพระนครคงลืมกลิ่นโคลนสาปควายซะจนหมดสิ้นล่ะสินะ"
นักเลง 1 จะ เข้ามาลวนลามดอกแก้วดอกแก้วดิ้นสู้ ถีบนักเลง 1
"โอ้ย...หนอยอีนี่นี่วอนซะแล้ว"
ดอกแก้วพยายามดิ้นให้หลุดจากนักเลง 3 นักเลง 1 ลุกขึ้นมาโมโห เข้ามาตบดอกแก้วจนเซล้มลงไป แล่มที่ถูกตบกองที่พื้นหันเห็นลูกถูกตบ
"แก้ว อย่าทำลูกฉันนะ มึงอยากได้เงินก็เอาไปนี่ฉันให้แล้วปล่อยฉันกับลูกไปเถอะ"
นักเลง2 แย่งเงินจากแล่มมาจนหมด
"เอามา ขืนปล่อยไปก็โง่แล้วอีแก่เอ้ย"
นักเลง 2 ชกท้องแล่มจนจุกฟุบลงพื้น
ดอกแก้วตกใจจะเข้าไปหาแม่
"แม่"
นักเลง 1เข้ามากระชากดอกแก้ว
"จะไปไหนนังตัวดี เอ็งทำข้าเจ็บตัว คนอย่างข้าไม่ปล่อยเอ็งไปแน่"
ดอกแก้วดิ้น
"ปล่อย ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย"
นักเลง 3 ช่วยจับดอกแก้ว ดอกแก้วถูกนักเลงทั้ง 2 ยื้อยุดไปมาดอกแก้วเกือบเสียที
แล่มดิ้นหลุดมาได้เอาไม้ฟาดนักเลง 1 เพื่อช่วยลูกสาว แล่มวิ่งไปกอดดอกแก้ว นักเลงทั้ง 3 ตรงเข้ามาจะทำร้ายสองแม่ลูก
เทพไทเข้ามาพอดีตรงเข้ามาถีบคนที่อยู่ใกล้ก่อน
"มึงเป็นใครวะ มาเสือกอะไรด้วย เฮ้ยจัดการมันเลยเสือกดีนัก"
นักเลงทั้ง 3 เข้ามารุมเทพไท เทพไท ชกต่อยกับนักเลงที่เหลืออย่างอุตลุด จนเกือบเสียท่า
เด็กจุกผ่านมาเห็นเหตุการณ์จำได้ว่าเป็นหมอเทพไท
"นั่นหมอนี่หน่า"
เด็กจุกเห็นว่าเทพไทกำลังแย่จุกคว้านกหวีดที่คอขึ้นมาเป่า ปรี๊ด... พร้อมกับตะโกน
"ตำรวจมา....ตำรวจมา"
นักเลงยินเสียงรีบเผ่นแน่บ
"เฮ้ยไปโว้ย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง"
นักเลงรีบวิ่งออกไป เด็กจุกวิ่งเข้ามาช่วยเทพไท
"ขอบใจนะจุก"
" ไม่เป็นไรครับหมอ"
เทพรีบหันไปดูดอกแก้วกับแม่ เทพไทมองเห็นแล่มกอดดอกแก้วไว้แน่น
"ดอกแก้วคุณไม่เป็นไรใช่ไหม"
ดอกแก้วมองเทพไทขอบคุณที่มาช่วย
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 21 (ต่อ)
ดอกแก้วทำแผลให้แล่ม
"ทำไมเอ็งไม่ว่าข้าล่ะ"
แก้วเงียบ
"ด่าสิวะ ด่ามาเลย ข้ามันไม่ดี ข้ามันชั่วขโมยเงินเอ็งไปเล่นถั่วเล่นโป ข้ามันขี้เมา ด่า มาสิด่ามาเลย ทำไมไม่พูด ทำไมไม่ด่าข้าล่ะวะนังดอกแก้ว"
"แม่รู้ไหมตั้งแต่ฉันเด็กๆฉันตื่นขึ้นมาแล้วฉันไม่เห็นแม่ฉันกลัวแค่ไหน ฉันไม่รู้เลยว่าแม่อยู่ไหน ตลอดเวลาฉันเฝ้ามองดูแม่ก่อนฉันจะหลับทุกครั้ง และก็ได้แต่ภาวนาว่าแม่จะยังอยู่เมื่อตอนฉันตื่นขึ้นมา แต่มันก็ไม่เคยเป็นอย่างที่ฉันคิดเลยสักวัน"
แล่มอึ้งไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวห่วงตัวเองมากขนาดนี้ ดอกแก้วกราบเท้าแม่
"ฉันไม่เคยขออะไรแม่เลย ตอนนี้ฉันขอแม่อย่างเดียว ฉันอยากเห็นหน้าแม่ทุกครั้ง เวลาที่ฉันหลับตาและทุกครั้งที่ฉันลืมตาฉันขอแม่แค่นี้แม่ให้ฉันได้ไหม"
แล่มน้ำตาไหลมือสั่นจับตัวลูก
"นี่แม่ทำให้เอ็งเก็บมาเป็นทุกข์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าเป็นแม่ที่เลวทรามเสียจริงๆ"
"แม่อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ อย่าให้ฉันรู้สึกบาปไปกว่านี้เลย"
"ต่อไปไม่ว่าเอ็งจะหลับตาหรือลืมตาเอ็งจะเห็นว่ามีแม่อยู่ข้างๆเอ็งตลอด แม่สัญญา"
สองแม่ลูกกอดกัน
พุดจีบช่วยศรียกถ้วยชามที่เพิ่งล้างเสร็จมาพักที่ชั้นวาง
"ตกลงที่บ้านนี้มีคุณผู้หญิงอยู่กี่คนจ๊ะป้า เมื่อเช้าฉันเห็นคุณคนหนึ่งแต่งตัวสวยๆ"
"สี่คน มีคุณสร้อยทอง คุณลำเจียก คุณดอกแก้ว แล้วก็คุณสารภี คนเมื่อเช้าที่เอ็งเห็นคงเป็นคุณสารภีกระมัง เพราะว่าคุณลำเจียกกับคุณดอกแก้วเธอไม่อยู่"
พุดจีบฟังแล้วคิดตาม แล้วรีบถาม
"แล้วใจดีทุกคนหรือเปล่าจ๊ะ"
"คุณสร้อยเธอใจดี แต่ก็เข้มงวด เพราะเป็นภรรยาเอก มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในบ้าน ส่วนคุณลำเจียกกับคุณดอกแก้วก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร คุณลำเจียกกำลังป่วย เดี๋ยวกลับมาเอ็งก็คงจะได้พบ ส่วนคุณ..."
ศรีนิ่ง เหมือนไม่รู้ว่าจะนินทานายดีหรือเปล่า แต่ก็ตัดบท
"เฮ้อ อย่าให้ข้าพูดเลย ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดคุณสารภีเธอเท่าไร"
"เพราะเธอไม่ได้อยู่บนตึกเหรอจ๊ะ"
"ก็อยู่เหมือนกันแหละ แต่ว่ามาอยู่ทีหลัง ! เธอมีบ่าวรับใช้ของเธอ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับพวกเรานักหรอก"
พุดจีบนึกตาม แล้วแกล้งถามหยั่งเชิง
"บ่าวผู้ชายหรือเปล่าจ๊ะ"
"ผู้หญิง ชื่อนังพิศ ตัวกลั่นเชียวล่ะ เอ็งอยู่ห่างๆ ไว้ละเป็นดี"
ศรีพูดพลางทำงานต่อ พุดจีบเก็บข้อมูล เริ่มสงสัยว่าแล้วที่เห็นสารภีกับเชตนั่นคืออะไรกันแน่
สารภีนั่งซึมอยู่หน้ากระจก หลังจากอาบน้ำแต่งตัวใหม่ น้ำตายังไหลไม่ขาดสายเพราะความเจ็บใจที่ต้องเสียเนื้อเสียตัวให้เชต
พิศเปิดประตูเข้ามา เห็นสารภีเปลี่ยนชุดใหม่แต่เช้าก็ทักแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"วันนี้คุณสารภีของพิศตื่นแต่เช้า เมื่อคืนคงนอนหลับสบายใช่ไหมคะ"
สารภีได้ยินก็เหมือนโดนจี้จุด คว้าหวีปาใส่พิศทันที แต่พิศหลบทัน
"ว้าย"
สารภียิ่งโกรธ เอาข้าวของอย่างอื่นปาใส่อีก พิศคลานหนี วิ่งเข้ามากอดขาสารภี
"อะไรกันคะคุณสารภี ทำพิศทำไมคะ"
"ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรออีพิศ อีเนรคุณ"
สารภีถีบพิศกระเด็น แล้วตามไปตบฉาดๆๆๆ ด้วยความแค้น
พิศตกใจ ได้แต่ปัดป้องร้องวี๊ดว้าย
"มึงร่วมมือกับไอ้เชต หลอกกูไปให้มันปู้ยี่ปู้ยำ อีคนทรยศ"
สารภีตบพิศอีก พิศตกใจ พยายามจับมือสารภีไว้
"อะไรนะคะคุณสารภี พิศไม่ได้ทำ"
"มึงใส่ยาอะไรมาให้กูกิน"
พิศชะงัก เอะใจ
"ยา"
"มึงเอายาไอ้เชตมาให้กูกิน ให้กูลงไปหามันที่เรือนรับรอง มึงทำกับกูอย่างนี้ได้ยังไง"
สารภีตวาดทั้งน้ำตาแล้วตบหน้าพิศอีกหลายฉาด พิศมัวแต่อึ้ง ไม่ได้ปัดป้อง จนกระทั่งสารภีหมดแรง เลยรามือไปเอง แต่ยังร้องไห้อยู่
พิศได้สติ โผเข้ามากอดสารภีด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายแบบนี้
"จริงเหรอคะคุณสารภี มันทำคุณสารภีเหรอคะ"
สารภีสะบัดพิศออกด้วยความแค้น แต่พิศกอดไว้แน่น
"พิศไม่ได้ตั้งใจนะคะ ไอ้เชตมันหลอกพิศ...มันบอกว่าเป็นยานอนหลับ พิศก็เลยให้คุณกิน เพราะจะหนีออกไปดูลิเกกับอีพวกในครัวเท่านั้นเอง พิศไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย"
"อีบ้า มึงมันเห็นแก่ตัว มึงทำให้กูเป็นอย่างนี้ ฮือๆๆ"
สารภียิ่งเจ็บแค้นร้องไห้ พยายามสะบัดสะบิ้ง พิศร้องไห้ออกมาบ้าง เพราะรู้สึกผิดจริงๆ รีบก้มลงกราบเท้า
"พิศขอโทษค่ะคุณสารภี พิศเสียใจจริงๆ"
สารภีไม่รับคำขอโทษจากพิศ เบือนหน้าหนี พิศรีบจับมือสารภีมาตบหน้าตัวเอง
"คุณสารภีลงโทษพิศเถอะค่ะ พิศมันโง่ มันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้คุณต้องเสียหาย"
สารภียังหันหน้าหนีไม่มองพิหน้า พิศร้องไห้ปวดใจ เอามือสารภีตบหน้าตัวเอง คร่ำครวญ
"คุณสารภีจะทำอะไรกับพิศก็ได้ แต่ให้อภัยพิศเถอะนะคะ พิศผิดไปแล้วจริงๆ"
พิศกอดสารภีไว้ ซบหน้าร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจไปด้วย สารภีใจอ่อนลง เพราะรู้ว่าพิศไม่ได้โกหก แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ ได้แต่ร้องสะอึกสะอื้นต่อไป
เชตนอนเปลอยู่ที่สวน พิศเดินตึงๆ เข้ามาแล้วตวาดแว้ด
"ไอ้เชต ! มึงหลอกกู"
เชตหันไปมองพิศ แล้วหัวเราะแบบไม่รู้สึกรู้สา
"คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาดเช่นนี้แหละพี่พิศ"
พิศแค้นใจ
"ไอ้สารเลว"
พิศพุ่งเข้าทุบตีเชตด้วยความแค้น แต่เชตผลักพิศล้มแบบไม่แยแส
"พอได้แล้วพี่พิศ ถ้าพี่ว่าฉันเลว พี่ก็เลวเหมือนกันที่วางยานายตัวเองเพราะอยากจะไปดูลิเก"
พิศดีดดิ้นอยู่กับพื้นอย่างเจ็บใจ
"แหม ฉันก็นึกว่าคุณสารภีของพี่จะปิดปากเงียบซะอีกนะ นี่เอาไปโพนทะนาซะทั่ว แสดงว่าภูมิใจอยู่เหมือนกันที่ได้เป็นเมียไอ้เชต"
"หุบปากนะไอ้ชั่ว ! ที่มึงได้ไปก็แค่ครั้งครั้งเดียวเท่านั้นแหละ อย่าได้บังอาจมาใช้คำนี้กับคุณหนูของกู"
"แน่ใจเหรอว่าคุณหนูของพี่ จะไม่เรียกใช้บริการฉันอีก"
เชตพูดจบก็ถอดเสื้อออก เบ่งกล้ามโชว์
"พี่พิศดูเอาเองก็แล้วกัน ว่าแบบนี้จะห้ามใจได้จริงๆ เหรอ"
เชตเดินกระดิกกล้ามเข้าใส่พิศแบบยั่ว พิศทั้งกลัวทั้งขยะแขยง วิ่งเตลิดออกไป เชตหัวเราะตาม
เข็มโยนทัพพีโครม มองพิศอย่างหมั่นไส้ พุดจีบเดินเอาหม้อที่เพิ่งล้างมาเก็บได้ยินพิศพูดถึงสารภีพอดี ก็ชะงักสนใจ
"มีอย่างนี้ก็จะกินอย่างนั้น มีอย่างนั้นก็จะกินอย่างนี้ เรื่องมากจิรงโว้ย"
"เอ๊ะ ก็ฉันบอกว่าคุณสารภีไม่สบาย อยากกินอะไรร้อนๆ กะอีแค่ข้าวต้มนี่มันทำยากนักหรือ"
" ถ้ามันง่ายนัก ก็มาทำเองสิอีพิศ ข้าขี้เกียจทำ"
เข็มพูดจบก็เดินออกไปเลยไม่สนใจใคร พิศงง
"อ้าว อีเข็ม เดี๋ยวสิ ! ทำเองก็ได้วะ"
พิศเดินไปเก้ๆ กังๆ หน้าครัว พุดจีบเห็นว่าไม่มีใครแล้วก็เข้าไปตีสนิท
"เดี๋ยวฉันช่วยจ้ะพี่"
พิศชะงัก หันมามองพุดจีบงงๆ พุดจีบยิ้มให้ เดินไปจัดเตรียมข้าวของ
"ฉันชื่อพุดจีบ เพิ่งมาใหม่จ้ะ พี่ชื่อพิศใช่ไหม"
พิศพยักหน้า ท่าทางไว้ตัว แต่พุดจีบไม่ถือ หยิบข้าวของมาเตรียมทำข้าวต้มอย่างคล่องแคล่ว ปากก็ชวนคุย
"ฉันพอมีฝีมือทำกับข้าวมาบ้าง คุณสร้อยทองเลยสั่งให้ฉันมาช่วยในครัว ไม่ต้องห่วงนะพี่ เดี๋ยวฉันจะทำข้าวต้มอร่อยๆ ให้นายพี่อิ่มลืมคืนเลย"
พิศเห็นท่าทางพุดจีบเป็นมิตร พูดจาฉะฉานก็เริ่มถูกชะตา ขยับเข้าไปช่วย
"ว่าแต่นายพี่ชื่ออะไรนะจ๊ะ"
"คุณสารภี"
พุดจีบชะงัก ทำท่านึก แกล้งทำไก๋
"คุณสารภี มีคุณชื่อนี้ด้วยเหรอจ๊ะ ฉันนึกว่ามีแต่คุณสร้อยทอง คุณลำเจียก คุณดอกแก้ว"
" มีสิวะ คุณสารภีน่ะเป็นเมียคนสุดท้องของคุณหลวง แต่ก็เป็นคนที่คุณหลวงรักมากที่สุด เอ็งมาใหม่ไม่รู้เรื่องก็จำใส่กะโหลกไว้"
พุดจีบทำเป็นเจื่อนๆ
"อ๋อ พอดีฉันไม่เคยเห็นน่ะจ้ะ เห็นแต่คุณสร้อยทอง ส่วนคุณดอกแก้วกับคุณลำเจียกเห็นเขาว่าไปอยู่อัมพวา"
พิศพูดอวดๆ
"นายข้าเขาไม่ค่อยลงมาปะปนกับพวกบ่าวไพร่เหมือนคุณสร้อยทองหรอก คุณหลวงท่านทนุถนอมของท่านมาก ไม่ยอมให้ทำงานอะไร แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนตึกคอยปรนนิบัติรับใช้คุณหลวงเท่านั้น"
"ถ้าทางคุณสารภีจะต้องสวยมากเลยนะจ๊ะเนี่ย"
"ก็แน่นอนสิ ถ้าไม่สวยแล้วคุณหลวงจะโปรดปรานมากกว่าเมียแก่ๆ เก่าๆ ในบ้านนี้เรอะ"
พิศพูดอย่างเย่อหยิ่ง พลางช่วยพุดจีบทำข้าวต้ม พุดจีบลอบมองท่าทางอวดๆ ของพิศ แล้วไม่พูดอะไร แต่เก็บข้อมูลไว้ในหัว
สารภีเปิดประตูห้องออกมา เห็นสร้อยทองอยู่หน้าห้องก็ตกใจ
"ทำไมไม่ลงไปกินข้าวกินปลาล่ะแม่สารภี"
สารภีหลบตา
"เอ่อ สารภีไม่ค่อยสบายค่ะ"
"ป่วยเป็นอะไรหรือ ฉันจะได้เอาหยูกยามาให้"
สร้อยทองพูดพลางถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง สารภีต้องถอยเลี่ยงมานั่งที่เตียง หน้าเซียว
สารภีอึกอัก พยายามคิดหาข้ออ้าง
"สารภี... สารภีมึนๆ หัวน่ะค่ะคุณป้า"
"มึนหัวแล้วมีไข้หรือเปล่า"
"ไม่มีค่ะ"
สร้อยทองมองสารภีอย่างจับสังเกต รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทำเงียบไว้
"หรือว่าหล่อนจะท้อง"
สารภีสะดุ้งโหยงเหมือนใครเอาเข็มมาแทง เพราะกลัวเรื่องเชตอยู่
"ไม่นะคะ"
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น"
"คือ...สารภี...สารภียังไม่พร้อมค่ะ"
สร้อยทองแสร้งหัวเราะ
"เวลาจะท้องจะไส้ ใครเขารู้ล่วงหน้ากันเล่าเธอ ผัวเมียบางคู่อยู่กันมาเป็นสิบปียังไม่ติดลูกซักคน แต่บางคู่ที่เข้าหอคืนแรกแล้วก็ได้ลูกเลยก็มีไม่น้อยหรอกนะ"
สารภียิ่งเครียด กลัว มือกำเกร็งผ้าปูเตียงแน่น ใจคอไม่ดี สร้อยทองมองอย่างสาสมใจ
เชตนอนหลับอยู่ในห้อง พอลืมตาตื่นมาเห็นนายคงยืนถมึงทึงอยู่ก็สะดุ้ง
"เฮ้ย ตาคง ! เข้ามาทำไมเนี่ย"
นายคงยืนมองเชตนิ่งๆ บึ้งๆ ดูน่ากลัว แต่ทำมือทำไม้ชี้ออกไปด้านนอก
"ทำไม ข้างนอกเหรอ มีอะไรตา"
นายคงไม่ตอบ แต่เดินออกไปเลย เชตงง ลุกเดินตามออกไปดู พอเปิดประตูห้องไปก็เห็นหน้าพื้นเรือนแดงฉานไปด้วยเลือดหมูสาดอยู่เต็ม มีกะโหลกสัตว์ตั้งอยู่
"เฮ้ย ฝีมือใครวะเนี่ย"
เชตเดินไปหยิบขึ้นมาดู แล้วแตะๆ ที่เลือด เห็นว่ายังสดๆ อยู่ก็เจ็บใจ
"หรือว่าจะเป็นนังพิศ"
เช้าวันใหม่ ดอกแก้วเตรียมตัวกลับบางกอก แอบเข้าไปในห้องแล่ม เห็นแม่นอนหลับอยู่
ดอกแก้วเข้าไปดึงผ้าห่มห่มให้แม่ นั่งมองหน้าแม่ด้วยรอยยิ้มแล้วก้มลงกราบเท้าแม่
"ฉันลานะจ๊ะแม่"
ดอกแก้วมองดูแม่ก่อนออกไป แล่มตื่นอยู่แอบยิ้มทั้งน้ำตา
เทพไทอยู่ที่ศาลา ดอกแก้วเดินมาเทพไทหันมองบอกแก้ว
"ผมคงคิดถึงที่นี่"
"ทำไมล่ะคะ"
เทพหันกลับไปมองที่สายน้ำแล้วบอก
"ความรักของผมเกิดขึ้นที่นี่"
ดอกแก้วนิ่งไปก่อนตอบ
"ไม่ใช่ความรักของคุณคนเดียวหรอกค่ะ...ยังมีหัวใจรักอีกดวงเกิดขึ้นที่นี่ เหมือนกันค่ะ"
" ผมไม่อยากกลับพระนคร เราอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอดอกแก้ว"
"ความจริงมันอาจจะโหดร้ายและทำร้ายเราในบางครั้ง แต่ความจริงมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เราควรทำตามไม่ใช่หรือคะ"
เทพไทอึ้งไป ดอกแก้วชิงบอก
"คุณเทพอย่าหันกลับมาเลยค่ะ มองสายน้ำข้างหน้าสิคะสายน้ำนี้ไหลไปยังพระนคร คุณเองก็ต้องกลับไปที่นั่นเช่นกันค่ะ"
ดอกแก้วเดินออกไปอย่างเศร้าๆ ลำเจียกเห็นสองคนรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เทพไทมองที่สายน้ำทำใจให้คิดตามที่ดอกแก้วบอกไม่ได้ ตัดใจหันกลับมา แต่ไม่เห็นดอกแก้วแล้ว เสียงลำเจียกดังขึ้นมา
"มองหาใครรึพ่อเทพ"
เทพไทหันมาเห็นลำเจียก
"เปล่าครับ เอ่อ..คุณน้าเก็บของเสร็จแล้วหรือครับ"
ลำเจียกพยักหน้า แล้วพูดเตือนสติเทพอีกครั้ง
"สายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับคืนฉันใดจิตใจคนก็ควรจะเป็นฉันนั้นเช่นกันจริงไหม พ่อเทพ"
เทพอึ้งมองที่สายน้ำตรงหน้า
ดอกแก้วรดน้ำดอกซ่อนกลิ่นจนเสร็จ ยืนมองทุ่งดอกไม้ด้วยความเศร้า ความสุขหมดลงแล้ว
"ลาก่อนนะความสุขของฉัน"
ดอกแก้วมองดอกซ่อนกลิ่นน้ำตาคลอ เสียงเรียกของโอ่งทองดังแว่วมาแต่ไกล
"ดอกแก้ว.....ยู้ฮู้..ดอกแก้ว"
ดอกแก้วหันไปมองเห็นโอ่งทองเดินมาแต่ไกลรีบเช็ดน้ำตา
"แก้วอยู่นี่จ้าพี่โอ่ง"
ดอกแก้วเดินเข้าไปหาโอ่งที่ท่าทางเหนื่อยหอบ
"มาหลบอยู่นี่เองเดินตามหาซะทั่วเลย เล่นเอาพี่โอ่งหอบเลย"
"ตามหาแก้วทำไมเหรอจ๊ะ"
"เค้าเตรียมตัวจะกลับกันแล้วน่ะสิ รีบไปเหอะ เค้ารอกันอยู่"
ดอกแก้วหันไปมองดอกไม้เศร้าๆ
" ฉันไม่อยากกลับเลยพี่โอ่ง ฉันใจหายยังไงบอกไม่ถูก ฉันกลัวว่าจะ ไม่ได้กลับมาที่นี่อีก"
โอ่งทองปลอบใจน้อง
"ต้องได้กลับมาสิ บ้านเอ็งอยู่ที่นี่แม่เอ็งก็อยู่ที่นี่ แล้วยังจะทุ่งดอกซ่อนกลิ่นของเอ็งอีก"
ดอกแก้วหน้าเศร้าๆโอ่งทองเข้าไปจับบ่าน้อง
"ถ้าที่ที่เอ็งไปอยู่ มันอยู่แล้วไม่สบายใจก็กลับมาบ้านเราได้ทุกเมื่อ ทุกคนที่นี่อยู่รอเอ็งเสมอ แหล่ะดอกแก้ว"
ดอกแก้วน้ำตาซึมโผกอดโอ่งทองท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีขาว
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 21 (ต่อ)
รถแล่นมาตามถนน ผ่านท้องทุ่งมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เทพไทกับดอกแก้วสบตากันอย่างอาลัยอาวรณ์ ดอกแก้วไม่กล้าสู้สายตา กลัวหวั่นไหว เสไปคุยกับลำเจียกแทน
"ใกล้จะถึงบ้านเราแล้วนะคะคุณพี่ ดีใจไหมคะ"
ลำเจียกพยักหน้าช้าๆ แล้วมองหน้าดอกแก้วกับเทพไท
"ฉันดีใจ แต่เธอสองคนคงจะไม่ดีใจกระมัง ถึงได้นั่งหน้าหม่นมาตลอดทาง"
เทพไทกับดอกแก้วสบตากันอย่างรู้ใจ แล้วรีบหลบสายตาไปอีกทาง
ลำเจียกมองอากัปกริยาของดอกแก้วกับเทพไทอย่างเห็นใจ
เย็นวันนั้น ทั้งสามคนพากันเดิน เพื่อจะมาถึงหน้าบ้าน แล้วเทพไทเดินมาถึงมุมหนึ่ง อยู่ๆ ก็หยุดเดิน ลำเจียกหันมามอง
"อ้าว ตาเทพ จะไปไหนจ๊ะ"
"คุณดอกแก้วพาคุณน้าเข้าไปก่อนดีกว่าครับ คนจะได้ไม่ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงมาด้วยกัน"
"ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ บอกว่าเราเจอกันที่สถานีก็ได้" ลำเจียกบอก
"อย่าเลยครับ ผมไม่อยากทำให้คุณดอกแก้วลำบากใจ พ้นประตูนี้ไปก็เป็นโลกแห่งความจริงแล้วใช่ไหมครับคุณดอกแก้ว"
ดอกแก้วสบตาตอบอย่างเข้าใจ แล้วหันกลับไปมองประตู
"ใช่ค่ะ โลกแห่งความจริงอยู่หลังบานประตูนี้ ไปกันเถอะค่ะคุณพี่ลำเจียก"
ดอกแก้วจูงมือลำเจียกไปที่ประตูรั้ว แล้วกดกริ่ง ซักพักเอี้ยงก็ออกมาเปิดประตู
"คุณดอกแก้ว คุณลำเจียก"
เทพไทรีบหลบไม่ให้เอี้ยงเห็น แล้วแอบมอง เห็นเอี้ยงคุยกับดอกแก้วและลำเจียกอย่างตื่นเต้น lส่วนลำเจียกดูนิ่งๆ เหม่อๆ ก่อนจะพากันเข้าบ้านไป
บานประตูบ้านค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง เทพไทก้าวออกมายืนมองบ้านด้วยความหนักใจ รู้ว่าเวลาแห่งความฝันจบสิ้นลงแล้ว
เข็มกำลังปัดกวาดหน้าเรือนคุณย่าอยู่ เห็นดอกแก้วกับเอี้ยงประคองลำเจียกเข้ามาก็ดีใจ
"คุณลำเจียกเจ้าขา หายดีแล้วหรือคะ"
เข็มปรี่เข้ามาช่วยเอี้ยงถือของแล้วทักลำเจียก แต่ท่าทางลำเจียกยังเฉยเมย มองเข็มด้วยสายตาว่างเปล่า
"คุณพี่แข็งแรงขึ้นมากแล้วจ้ะ"
"ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ กลับมาอยู่บ้านเรา ไม่ต้องไปไหนอีกแล้วนะเจ้าคะ"
ดอกแก้วประคองลำเจียกเข้าเรือนไป เข็มยืนมองลำเจียกอยู่นอกเรือน แล้วกระซิบกับเอี้ยง
"ตกลงคุณลำเจียกเธอหายหรือยังไม่หายวะ ทำไมถึงดูเซื่องๆ ชอบกล"
"อาการคงจะดีขึ้น แต่ยังจำใครไม่ได้เหมือนเดิมมั้งพี่"
เข็มถอนใจ มองลำเจียกอย่างเวทนา
ในห้องรับแขก สร้อยทองกำลังช่วยศรีหยิบเครื่องเงินออกมาขัดล้าง พอเงยหน้ามองเห็นเทพไทเดินเข้ามาก็ดีใจ
"ตาเทพ ! กลับมาแล้วเหรอลูก"
สร้อยทองกับศรีวางงาน รีบลุกไปหาเทพไท
"คุณเทพ ทำไมไม่ส่งข่าวมาก่อนล่ะคะ ศรีจะได้ให้รถไปรับที่สถานีรถไฟ"
เทพไทอึกอัก
"พอดีผมเปลี่ยนกำหนดเดินทางกระทันหันน่ะครับ"
"ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้วล่ะลูก แม่จะได้หมดห่วงไปคนนึง นี่คุณพ่อก็เพิ่งจะไปราชการเมืองเหนือเหมือนกัน ยามศึกสงครามแบบนี้แม่ไม่อยากให้ใครไปไหนเลย"
"ผมจะไม่ไปไหนแล้วล่ะครับคุณแม่"
เทพไทกอดปลอบแม่ สร้อยทองยิ้มปลาบปลื้ม ศรีเหลือบไปเห็นดอกแก้วเดินเข้ามาก็ทักอย่างแปลกใจ
"อ้าว ดอกแก้ว นี่ก็กลับมาแล้วเหมือนกันหรือ"
สร้อยทองชะงักเหลือบมองดอกแก้ว เทพไทกับดอกแก้วสบตากัน
"แก้วมาถึงได้ซักพักแล้วค่ะ แต่คุณพี่ลำเจียกอยากพักผ่อน ก็เลยแวะไปที่เรือนก่อน"
"แล้วแม่ลำเจียกเป็นยังไงบ้าง" สร้อยทองถาม
"คุณพี่แข็งแรงดีค่ะ พอได้สูดอากาศที่โน่นก็สดชื่น อารมณ์ดีขึ้นมาก"
"ค่อยยังชั่วขึ้นก็ดีแล้วล่ะ ให้พักผ่อนเยอะๆ นะ แล้วฉันจะไปเยี่ยม เธอเองก็เหมือนกันดอกแก้ว ไปพักให้หายเหนื่อยเถอะ ต้องดูแลแม่ลำเจียกอยู่คนเดียวตั้งหลายวันเดี๋ยวจะป่วยไข้ไปเสียก่อน"
"ค่ะคุณพี่"
ดอกแก้วไหว้ลาสร้อยทอง แล้วสบตากับเทพไท แล้วหลบสายตาก่อนจะลุกออกไป
เทพไทมองตามดอกแก้วอย่างอาวรณ์ แต่ก็ต้องตัดใจหันมาพูดคุยเอาใจสร้อยทองต่อ
พิศเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นสารภียังนอนซมอยู่ก็รีบเข้าไปหา
"เป็นยังไงบ้างคะคุณสารภี ดีขึ้นบ้างไหมคะ"
สารภีส่ายหน้า
"ยังวิงเวียนไม่หายเลย นังสร้อยทองมันปรุงยาประสาอะไร กินแล้วไม่ค่อยจะได้เรื่อง"
พิศลูบหน้าปะจมูกสารภีอย่างเป็นห่วง
"ถ้าไม่หาย คุณพิศไปปรึกษาคุณเทพไทดีไหมคะ เผื่อเธอจะตรวจโรคให้ได้"
สารภีตื่นเต้น
"พี่เทพกลับมาแล้วเหรอ"
"เพิ่งมาถึงซักครู่นี่เองค่ะ"
สารภีดีใจ รีบลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าผมเผ้าทันที
ดอกแก้วหยุดมองแปลงดอกซ่อนชู้ แล้วก้มลงนั่งถอนเศษวัชพืชออกจากแปลงด้วยอาการทนุถนอม อีกด้านหนึ่งพุดจีบถืออุปกรณ์รดน้ำพรวนดินตรงมา พอเห็นดอกแก้วนั่งอยู่ก็ชะงัก
"อุ๊ย ขอประทานโทษค่ะ"
ดอกแก้วหันไปมองพุดจีบด้วยความแปลกใจ
"เธอเป็นใคร"
พุดจีบรีบวางของ ยกมือไหว้
"หนูชื่อพุดจีบค่ะ เป็นบ่าวคนใหม่ของที่นี่ พี่เอี้ยงสั่งให้หนูมารดน้ำพรวนดินที่แปลงซ่อนกลิ่น เดี๋ยวหนูกลับมาใหม่น่ะคะ"
พุดจีบทำท่าจะไป ดอกแก้วเรียกไว้
"ไม่ต้องหรอก มาทำเถอะ เดี๋ยวฉันจะช่วย"
พุดจีบชะงัก ดอกแก้วเดินไปหยิบเสียมเล็กๆ มาพรวนดิน
"แปลงซ่อนกลิ่นนี่เป็นของฉัน"
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็คือคุณดอกแก้วใช่ไหมคะ"
ดอกแก้วพยักหน้า พุดจีบรีบยกมือไหว้
"หนูกราบคุณดอกแก้วอีกครั้งค่ะ"
ดอกแก้วนึกเอ็นดู
"ไหว้พระเถอะจ้ะ"
พุดจีบยิ้มให้ดอกแก้วอย่างถูกชะตา แล้วเริ่มช่วยทำงาน
"คุณดอกแก้วดูแลซ่อนกลิ่นแปลงนี้ได้ดีมากเลยนะคะ ออกดอกงดงามมาก"
"ต้นไม้ดอกไม้ทุกอย่าง ถ้าเราปลูกมันด้วยหัวใจที่รักมันจริงๆ มันก็เหมือนคนนะ จะเติบโตออกดอกงดงามโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย"
"คุณดอกแก้วชอบซ่อนกลิ่นมากหรือคะ"
"ใช่จ้ะ มันเป็นดอกไม้ที่ฉันชอบมากที่สุด มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว"
พุดจีบพูดอย่างเกรงใจ
"แต่เขาว่าซ่อนกลิ่นมันเป็นดอกไม้งานศพ เอาไว้ดับกลิ่น"
"ฉันไม่ถือเรื่องนั้นหรอก ดอกไม้มันให้กลิ่นหอมให้ความสวยงามตามธรรมชาติ คนต่างหากที่เอามันไปใช้งาน ไปกะเกณฑ์ให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ความผิดของดอกไม้ ซ่อนกลิ่นมันมีกลิ่นหอม คนเราต่างหากที่เน่าเหม็นจนต้องเอาดอกไม้มาปิดพราง เธอว่าจริงไหม"
พุดจีบคิดตามแล้วยิ้มออกมา
"จริงของคุณดอกแก้วค่ะ"
ดอกแก้วยิ้มให้พุดจีบอย่างเอ็นดู แล้วช่วยกันพรวนดินต้นไม้ต่อ
สารภีเดินเกาะแขนเทพไทมาส่งที่ห้อง
"สารภีดีใจจังเลยค่ะที่พี่เทพปลอดภัยกลับมา"
"ขอบใจนะ"
สารภีเข้าไปเกาะแกะแขน ขอดูแผล
"พี่เทพไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ สารภีฟังข่าวอยู่ทางนี้ เป็นห่วงทุกวันเลย"
เทพไทรีบแกะมือออก
"พี่ไม่เป็นไร"
สารภีเจื่อนที่เทพไททำรังเกียจ แต่ยังตี๊อไม่เลิก
"งั้นเดี๋ยวพี่เทพพักผ่อนให้หายเหนื่อยนะคะ อาบน้ำอุ่นเสียหน่อยจะได้ผ่อนคลาย" สารภีมองหาบ่าวไพร่ แล้วรีบตัดบท "นี่พวกบ่าวไพร่ไปไหนกันหมด เดี๋ยวสารภีไปเตรียมให้เองดีกว่า"
สารภีจะเข้าไปในห้อง แต่เทพไทดึงไว้
"ไม่ต้องหรอกสารภี พี่เหนื่อย ยังไม่อยากอาบน้ำตอนนี้ อยากจะนอนพักซักครู่ พี่ขอตัวก่อนนะ"
เทพไทเข้าห้องแล้วรีบปิดประตูใส่หน้า สารภีเจ็บใจเพราะรู้ว่าเทพไทพยายามถอยห่างจากตน
ศรีมองดูพุดจีบจัดเรียงสมุนไพรใส่โหลอย่างถูกต้อง ระมัดระวัง
"เอ็งเป็นงานเร็วดีจริงพุดจีบ แบบนี้ข้าก็สบายใจ เผื่อคุณสร้อยทองเรียกใช้จะได้มีลูกมือ"
"คุณสร้อยทองเธอปรุงยาเองหรือจ๊ะ"
"ใช่"
พุดจีบรำพึง
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงไม่ต้องไปซื้อยาที่ตลาด"
"ทำไมหรือ"
พุดจีบชะงัก รีบยิ้มกลบเกลื่อน
"ก็ยาตามร้านขายยา มันแพงน่ะสิจ๊ะป้า ปรุงยาได้เองก็ประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ"
ศรีพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจัดเรียงสมุนไพรต่อ
"เธอก็คิดอย่างนั้นแหละ เวลาใครในบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย คุณสร้อยทองเธอจะเป็นธุระตระเตรียมยาให้ อย่างคุณลำเจียกที่ไม่สบายอยู่ก็เหมือนกัน อยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะยาคุณสร้อย"
"ตกลงว่าเธอเป็นอะไรจ๊ะป้า เห็นว่าเพิ่งกลับจากบ้านแพ้ว"
ศรีนิ่งคิด ไม่อยากพูดตรงๆ
"เธอจิตใจไม่ค่อยดีเพราะเสียลูก ก็เลยเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยยุ่งกับใครมานานแล้วล่ะ มีแต่คุณดอกแก้วเท่านั้นที่เข้าหน้าติด"
ศรีพูดทิ้งไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากขยายความนินทานาย แต่พุดจีบยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ทำหน้าสงสัย
สร้อยทองเดินเข้ามาในครัวเพื่อจะมาเตรียมอาหาร แต่ได้ยินเสียงคนใช้คุยกันเลยชะงักฟัง
บ่าว1บอก "ฮ้า คุณเทพไทกับคุณดอกแก้วนี่นะกลับมาพร้อมกัน"
บ่าว2 บอก "จริงๆ พี่ ฉันเห็นกับตา"
สร้อยทองสีหน้าตกใจ หยุดฟัง
บ่าว3 บอก "ฉันก็เห็น ตอนนั้นกำลังช่วยกันปีนเก็บมะม่วงกับอีน้อยอยู่ ชะโงกหน้าลงมาถึงได้เห็นคุณเทพไทลงจากรถรับจ้างพร้อมคุณดอกแก้วกับคุณลำเจียก"
บ่าว2บอก "แล้วก็ยืนคุยกันตั้งนานนะพี่กว่าจะยอมเข้าบ้าน แถมยังเข้ามาไม่พร้อมกันด้วย พวกฉันก็เลยไม่กล้าลงไปแสดงตัว เดี๋ยวเธอจะเก้อ"
บ่าว1 ถาม "ทำไมวะ"
บ่าว2 บอก "อ้าว ก็เธอคงกลัวคนจะรู้น่ะสิว่าไปด้วยกันมา"
สร้อยทองตกตะลึง หน้าซีด ไม่คิดว่าจะถูกตบตา มือที่แตะบานประตูเรือนครัวอยู่ กำแน่นอย่างเจ็บใจ
สารภีหน้าบึ้งพูดกับพิศตอนกลางคืน
"แกไปเอาอะไรมาพูด พี่เทพไปเมืองใต้ นังดอกแก้วมันไปอัมพวา คนละโยชน์กันเลย"
"ก็มันมีคนแอบเห็นน่ะสิคะว่า ทั้งสามคนมายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกัน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นล่ะคะคุณสารภี"
"แต่พี่เทพเป็นคนมีความรับผิดชอบไม่เคยทิ้งงาน"
"เธออาจจะโดนมารยาแม่เลี้ยงออดอ้อนให้ช่วยตามไปดูแลคนบ้าก็ได้นี่คะ โอกาสงามๆ ที่จะได้อยู่ไกลหูไกลตาผู้คน จะทำอะไรกันก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีก้างขวางคอแบบนี้ ถ้าพิศเป็นนังคุณดอกแก้ว มีหรือจะยอมให้หลุดมือ"
สารภีคิดตาม เครียด กำมือแน่นเจ็บใจ
"นังดอกแก้ว !"
เทพไทยืนเหม่อเศร้าอยู่ในห้อง มองออกไปที่หน้าต่าง เห็นเรือนดอกแก้วอยู่ไกลๆ คิดถึงความหลัง เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เดินชมทุ่งดอกซ่อนกลิ่นด้วยกัน, ต่างช่วยกันก่อกองทรายในวันสงกรานต์
และเทพไทเข้ามาช่วยดอกแก้วกับแล่มที่จะถูกทำร้าย
เทพไทคอตกเศร้า เมื่อคิดถึงความรักที่เป็นไปไม่ได้ของตนเอง
เช้าวันใหม่ เทพไทนั่งกินข้าวกับสร้อยทองอยู่บนโต๊ะอาหาร สร้อยทองมองลูกชายอย่างมีอะไรติดอยู่ในใจ
"อาหารถูกปากไหมลูก"
เทพไทพูดเอาใจ
"อร่อยเหมือนเคยครับคุณแม่"
สร้อยทองยิ้มเอ็นดู
"ไปอยู่ใต้เสียหลายวัน คงจะเจอแต่อาหารรสจัดๆ ใช่ไหมจ๊ะ ที่โน่นเขาทำอะไรให้กินบ้างล่ะ"
เทพไทแทบสำลักเมื่อถูกสร้อยทองทัก เลยเสหยิบน้ำมาดื่ม แต่ยังเห็นสร้อยทองจ้องมองรอคำตอบ
"ว่ายังไงจ๊ะ คนทางใต้เขาทำอะไรให้กินบ้าง เผื่อเทพคิดถึงอยากกินอีก แม่จะได้เตรียมไว้ให้"
เทพไทอึกอัก
"ไม่มีครับ ผมไม่ได้ติดใจอะไรเลย"
สร้อยทองมองลูกอย่างรู้ทัน แล้วยิ้มในหน้า
สร้อยทองพูดเสียงตึงๆ ไม่เชิงดุ แต่ต้องการบอกว่ารู้ทัน อย่าโกหก
"ถ้างั้นเทพคงจะติดใจอาหารบ้านแพ้วกระมัง"
เทพไทอึ้ง
"คุณแม่"
สร้อยทองมองเทพไท ไม่ยิ้ม แต่ไม่ดุ
"เทพไม่ได้ล่องใต้ใช่ไหมลูก บอกแม่มาตามตรง มีคนเขาเห็น"
เทพไทหน้าซีดเผือดรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้แน่แล้ว
สร้อยทองนั่งหน้ามึนตึงอยู่บนเตียง เทพไทก้มลงกราบเท้า
"ผมกราบขอโทษที่ต้องโกหกคุณแม่ครับ"
สร้อยทองเมินหน้าหนี กำมือแน่นอย่างโกรธๆ แต่พยายามข่มไว้
"แต่เป็นเพราะว่าผมเป็นห่วงคุณน้าลำเจียกจริงๆ ประกอบกับผมแลกเวรกับหมอคนอื่นได้ ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนการเดินทางเอาเช้าวันนั้น"
"ถ้าเทพเป็นห่วงแม่ลำเจียก ทำไมไม่บอกแม่ตรงๆ แม่จะได้ห้ามไม่ให้ดอกแก้วพาไป"
"คุณน้าลำเจียกสมควรได้ไปพักฟื้นที่ต่างจังหวัดครับ แล้วตอนนี้เธอก็ดีขึ้นมาจริงๆ ผมแค่ไม่อยากให้ผู้หญิงสองคนเดินทางกันตามลำพัง ที่นั่นยังธุรกันดารอยู่มาก ถ้าเกิดปัญหาอะไรจะไม่มีคนช่วยเหลือ"
"ฮึ ทั้งสามคนก็เลยรวมหัวทำกับแม่เหมือนเป็นคนโง่"
"ทั้งหมดเป็นความผิดของผมคนเดียวครับคุณแม่ คุณน้าลำเจียกกับคุณดอกแก้วไม่เกี่ยว ถ้าคุณแม่จะโกรธ ก็ขอให้โทษมาที่ผมคนเดียวเถิดครับ"
เทพไทก้มลงกราบสร้อยทองอีกครั้ง สร้อยทองเหลือบมอง ทั้งน้อยใจและผิดหวังที่เทพไทออกรับแทนดอกแก้ว ราวกับแคร์กันเหลือเกิน จึงได้แต่กำมือจิกเล็บแน่น อยากจะวีนมากกว่านี้ แต่ก็กลัวจะทำให้เทพเตลิด ในที่สุดก็ถอนใจ ประคองเทพไทขึ้นมา เสียงอ่อนลง
"เอาเถอะ ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว แม่ไม่โกรธเทพหรอก"
"ขอบคุณครับคุณแม่"
เทพไทสวมกอดสร้อยทองด้วยความโล่งใจ สร้อยทองลูบหลังลูกชาย แต่สีหน้าครุ่นคิด
"แต่แม่ว่ากำลังเอาธุระคนอื่นมาใส่ตัวมากเกินไปนะลูก น่าจะถึงเวลาที่เทพหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่านี้"
"คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ"
สร้อยทองยิ้มกดดัน
"ถึงเวลาแล้วที่เทพจะต้องแต่งงานกับคุณหญิงรัศมีดาราเสียที"
เทพไทนิ่งอึ้งเหมือนถูกสาป สร้อยทองทำเป็นไม่เห็นอาการแปลกใจนั้น
"แม่ตั้งใจว่าพอคุณพ่อกลับจากราชการ ก็จะไปทาบทามสู่ขอคุณหญิงกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอ เทพเตรียมตัวไว้นะจ๊ะ"
เทพไทนิ่งตะลึง ตั้งตัวไม่ติด แต่ก็ไม่สามารถจะปฏิเสธออกมาได้
อ่านต่อตอนที่ 22