xs
xsm
sm
md
lg

เจ้านาง ตอนที่ 5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้านาง ตอนที่ 5

กลางคืน ละอองคำ นอนพลิกตัวกระสับกระส่าย ร้อนรุ่ม อยู่บนเตียง ผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตาระแวดระวัง


รุ้งแก้วนอนนิ่งอยู่ในห้อง แต่ไม่หลับ เสียงทุบประตูดังขึ้น รุ้งแก้วสะดุ้ง รีบลุกออกไปเปิดประตู ละอองคำยืนหน้าตาบึ้งตึง แล้วเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาสอดส่าย เห็นพระพุทธรูปวางอยู่ที่หัวเตียงของรุ้งแก้ว
“รุ้งแก้ว ใครให้เอาพระเข้ามาไว้ในบ้าน”
“น้องเองเจ้าข้า น้องจะเอาไว้บูชา”
“ไม่ได้ ข้าไม่ต้องการ”
“แต่ที่นี่เป็นห้องของน้องนะเจ้าคะ”
“กล้าขัดคำสั่งข้ารึ รุ้งแก้ว เอาพระออกไปเดี๋ยวนี้”
“ทำไมล่ะเจ้าคะ มีพระเอาไว้ป้องกันผีร้าย ไม่ดีหรือ”
ละอองคำค้อน ตาวาว น่ากลัว
“คิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้ารึ รุ้งแก้ว”
ละอองคำพุ่งไปที่หัวเตียง จะหยิบพระพุทธรูปออกไป แต่รัศมีสว่างเรืองรองจับที่องค์พระ ละอองคำร้อน ผงะ เจ็บปวด
“โอ๊ย”
รุ้งแก้วตกใจรีบเข้าประคอง
“เจ้าพี่”
“ปล่อยข้า ปล่อย ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าจะต้องเสียใจ รุ้งแก้ว”
ละอองคำออกไป ปิดประตูเสียงดัง รุ้งแก้วพนมมือหน้าพระพุทธรูป
“ลูกจะช่วยเจ้าพี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
รุ้งแก้วน้ำตาไหล ละอองคำเดินกลับเข้ามาในห้อง ร้อนรุ่ม ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง หงุดหงิด สีหน้าโกรธเกรี้ยว
“รุ้งแก้ว”

รุ้งแก้วนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ เศร้า มองดูสายน้ำ เงาน้ำเป็นภาพใบหน้าของละอองคำแล้วเปลี่ยนเป็นหน้าผีเจ้า ผีเจ้าโผล่พรวดมาจากน้ำ เสียงดัง น้ำแตกกระจาย รุ้งแก้วผงะหนีด้วยความตกใจ
“อ๊าย”
รุ้งแก้วถอยหลังอย่างรวดเร็ว ชนเข้ากับละอองคำซึ่งเข้ามาพอดี
“เจ้าพี่”
ละอองคำตกใจ ห่วงใยน้องสาว
“เป็นอะไร รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วตัวสั่น ไม่กล้าสบตา
“เอ่อ น้อง เอ่อ”
“ตกใจอะไร บอกพี่สิ”
รุ้งแก้วไม่กล้าสบตา ไม่กล้าบอกว่าเห็นเงาละอองคำในน้ำเป็นเงาผี
“ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ น้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
รุ้งแก้วผละออกไป ละอองคำสงสัย จึงเดินไปที่ริมน้ำ ก้มมองในน้ำ เห็นเงาผีเจ้า ก็ตกใจ พลันเงาในน้ำหายไป ผีเจ้าปรากฏที่ด้านหลังของละอองคำ
“ข้าหิว”
“ผีเจ้า ข้า ข้าสัญญาว่าจะหาคนมาสังเวยผีเจ้า แต่ข้าขอนะ อย่าทำอะไรรุ้งแก้ว”
“ก็อย่าปล่อยให้ข้าหิวสิ”

จำแลงยืนอยู่หน้าประตูรั้ว มองเรือนปั้นหยา ไม่เห็นใคร เขาตัดสินใจเปิดเข้ามาในบ้าน ละอองคำออกมาจากเรือนพอดี
“คุณจำแลงน่ะเอง หายไปเสียนาน”
“ช่วงนี้ผมงานยุ่งๆ ต้องไปดูแลกิจการโรงสีข้าวให้คุณพ่อ”
“น่าจะชวนรุ้งแก้วไปเที่ยวบ้าง”
“พอดีเลยครับคุณพี่ ผมจะขออนุญาตพาน้องรุ้งแก้วไปดูละคร น้องรุ้งแก้วอยู่มั้ยครับ”
“เขาไปวัด ยังไม่กลับ”
“งั้นพรุ่งนี้ผมมาใหม่ บอกตรงๆ ผมทั้งห่วงทั้งหวงน้องรุ้งแก้ว ยิ่งได้ข่าวว่ามีผู้ชายมาติดพันเธอหลายคน ผมยิ่งไม่สบายใจ”
ละอองคำหัวเราะใส่จริต
“แหม อิฉันไม่สนับสนุนใครหรอกค่ะ นอกจากคุณจำแลง”
“ดีครับ ดี ขอบพระคุณคุณพี่มากครับ”
ละอองคำนึกแผนการขึ้นมาได้
“คุณจำแลงมาก็ดีแล้ว อยากจะขอให้คุณจำแลงช่วยอะไรหน่อย”
“ด้วยความยินดีเลยครับ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญทางนี้ค่ะ”
ละอองคำเดินนำจำแลงเข้ามาในบ้าน ขึ้นบันไดมาชั้นบน
“บ้านรกหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
จำแลงเดินตามละอองคำเข้ามา ละอองคำเลียปาก ผีเจ้ายืนมองอยู่มุมหนึ่ง แสยะยิ้ม ละอองคำเดินมาในห้องรุ้งแก้ว ชี้ให้จำแลงดูพระพุทธรูป
“พระพุทธรูปองค์นี้มีตำหนิค่ะ หมอดูทักดิฉันว่าดวงดิฉันไม่ถูกกับพระมีตำหนิ ดิฉันเลยอยากขอแรงคุณจำแลงให้เอาไปไว้ที่วัดหรือจะไว้ที่ใดก็แล้วแต่คุณจำแลงค่ะ”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นธุระให้”
จำแลงอุ้มองค์พระเดินผ่านละอองคำมา ละอองคำยิ้มเจ้าเล่ห์ดีใจ
 
จำแลงเดินผ่าน เงาผีเจ้า ผีเจ้าสะดุ้ง หายออกไปด้วยความกลัว

รุ้งแก้วเดินคู่กับธวัช คุยกันเบาๆ อย่างมีความสุข ประสาคนรักกัน เมื่อใกล้ถึงบ้าน ทั้งสองหยุดลง
 
“พี่ธวัชส่งรุ้งตรงนี้ก็พอค่ะ”
ธวัชถอนใจ ส่งพวงมาลัยที่ซื้อมาให้รุ้งแก้ว
“แล้วพบกันนะครับ พรุ่งนี้พี่ก็จะไปที่วัด ไปนั่งสมาธิกันอีกนะครับ”
“ค่ะ คืนนี้รุ้งจะถวายพวงมาลัยพระพุทธรูป แล้วจะสวดมนต์ตามที่แม่ชีน้อมบอก”
“แผ่บุญกุศลให้วิญญาณ เขาจะได้ไม่ทำอะไรเรา”
“ค่ะ”
ธวัชรอส่งจนรุ้งแก้วเปิดประตูเข้าบ้านไป เขาเหลือบมองไปที่ตัวบ้าน เห็นละอองคำยืนอยู่ที่หน้าต่าง ละอองคำจ้องธวัชตาเขม็ง เขารีบเดินหนีไป
รุ้งแก้วเปิดเข้ามาในห้อง ไม่เห็นพระพุทธรูปตั้งที่เดิมก็ใจหาย พวงมาลัยตกจากมือ“เจ้าพี่”
ละอองคำเข้ามาทางด้านหลัง หัวเราะหยัน
“พระค่ะ เจ้าพี่ พระของน้องหายไป”
“ข้าบอกเจ้าแล้วไง รุ้งแก้ว ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้”
“เจ้าพี่ บอกมานะ เจ้าพี่เอาพระของน้องไปไว้ไหน”
ละอองคำไม่ตอบ มองรุ้งแก้วอย่างเหยียดๆ เหมือนคนที่อยู่เหนือกว่า แล้วเดินออกไป
“ถ้าทำอย่างนี้ น้องจะไม่อยู่กับเจ้าพี่แล้ว เจ้าพี่ใจร้าย”
“ถ้าคิดว่ากล้าพอ ก็ลองดูสิ”
ละอองคำจ้องเขม็ง รุ้งแก้วยืนอึ้ง น้ำตาไหลพราก ก่อนวิ่งออกมาจากในบ้าน ละอองคำตามออกมา
“รุ้งแก้ว จะไปไหน”
“เจ้าพี่ไล่น้อง เจ้าพี่เห็นผีดีกว่าน้อง น้องก็จะไป เชิญเจ้าพี่อยู่กับผีต่างวงศ์ที่เจ้าพี่เอามาใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่นต่อไปเถอะเจ้าค่ะ”
ละอองคำตบหน้ารุ้งแก้วอย่างแรง รุ้งแก้วเซ น้ำตาไหล
“เจ้าพี่ไม่รักน้องเหมือนก่อน เจ้าพี่ใจร้าย”
รุ้งแก้ววิ่งออกไป
“รุ้งแก้ว”
ละอองคำเปิดประตูรั้วออกไป เสียงหัวเราะของปิ่นเมืองดังมา ละอองคำเหลียวมองไปรอบๆ จำเสียงหัวเราะได้
“ปิ่นเมือง เจ้าเป็นผีแล้วก็ไปอยู่ส่วนผี อย่ามายุ่งกับข้า”
ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้นที่บริเวณหน้าบ้าน แล้ววูบมายืนข้างๆ ใช้พัดตีละอองคำเบาๆ
“ผีไม่ควรยุ่งกับคนใช่หรือไม่ละอองคำ บอกข้าให้แจ้งใจหน่อยเถิด”
“ใช่ ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็ต้องอยู่กับคน”
ราบฟ้ายืนมองทั้งสองอยู่ ละอองคำหันไปเห็น
“เจ้าพี่”
“แล้วครึ่งผีครึ่งคนเยี่ยงเจ้า ข้าควรจะยุ่งด้วยหรือไม่”
“ก็ใครล่ะที่ทำให้ข้าเป็นเยี่ยงนี้ ใครล่ะเจ้าพี่ ถ้าไม่ใช่อีปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองหัวเราะไปยืนข้างราบฟ้า
“เจ้าพี่เจ้าข้า มองหญิงหน้าด้าน อกตัญญู ทิ้งผีปู่ย่าไปสวามิภักดิ์ผีต่างวงศ์ตระกูลเถิดเจ้าข้า”
“พี่เห็นแล้วปิ่นเมือง ใบหน้างาม แต่หัวใจอัปลักษณ์ยิ่งกว่าอันใดในโลกนี้”
“เจ้าพี่”
ราบฟ้ากับปิ่นเมืองเลือนหายไป แต่เสียงหัวเราะของปิ่นเมืองดังก้อง ละอองคำแหงนมองไปรอบๆ
“ข้าจะไม่เสียเวลากับเจ้าพี่และอีหญิงชั่วอีกต่อไป ข้าจะไปตามรุ้งแก้ว”
ละอองคำเดินไป ปิ่นเมืองกับราบฟ้าปรากฏร่างขึ้น
“เมื่อผีปู่ย่าหามีความสุขไม่ พี่ก็จะทำให้เจ้าไม่มีความสุขด้วย”
“เจ้าข้า มันทำผีปู่ย่าอย่างใด มันก็ต้องถูกทำเยี่ยงนั้นในบั้นปลาย”

รุ้งแก้ววิ่งหนี ละอองคำวิ่งตามมาถึงหน้าวัด
“หยุดนะรุ้งแก้ว กลับมา เจ้าคิดหรือว่าจะหนีข้าพ้น อย่าให้ข้าจับได้นะ”
ละอองคำวิ่งตามมาเกือบทัน ยื่นมือคว้าคอรุ้งแก้ว เกือบสำเร็จ แต่รุ้งแก้ววิ่งผ่านประตูรั้วเข้าไปได้เสียก่อน ละอองคำผงะ หงายหลังออกมา
“โอ้ย ร้อน โอ้ย เจ็บ เจ็บเหลือเกิน”
รุ้งแก้วชะงัก เห็นพี่สาวนอนคร่ำครวญอยู่ที่พื้น
“เจ้าพี่”
“รุ้งแก้ว เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ข้ารักเจ้า รุ้งแก้ว โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน”
รุ้งแก้ววิ่งกลับออกมาจากเขตวัดด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อย่าเป็นอะไรนะ”
“รุ้งแก้ว อย่าทิ้งข้าไป”
ละอองคำกอดรุ้งแก้ว แล้วใบหน้าเปลี่ยนเป็นหน้าผี ตาแดง แลบลิ้นจะกินรุ้งแก้ว
“เจ้าพี่ น้องจะไม่ทิ้งเจ้าพี่ไป เรามีกันแค่สองคนเท่านั้น”
เล็บละอองคำยาวขึ้นกลายเป็นมือผี น่ากลัว ลูบหลังรุ้งแก้ว เล็บยาวงองุ้มเตรียมจะจิกไปที่คอ ขณะที่รุ้งแก้วสะอื้นไห้ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ฉับพลัน กายทิพย์ของแม่ชีน้อมก็ปรากฏขึ้น ยื่นมือไปที่รุ้งแก้ว สร้อยลูกประคำลอยมาคล้องคอรุ้งแก้วไว้ เป็นประกายรังสี
แห่งธรรมสว่างจ้า แล้วกายทิพย์ของแม่ชีน้อมก็หายวับไป ละอองคำตกใจ สะดุ้ง“โอ้ย อย่านะ อย่า”
ละอองคำผละออกไป ดิ้นทุรนทุราย รุ้งแก้วรีบเข้าประคอง ละอองคำกระถดตัวหนี โบกมือไล่
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เป็นอะไรเจ้าคะ”

“ออกไปนะ อย่าเข้ามาใกล้ข้า ออกไป๊”

รุ้งแก้วไม่ฟังเสียง วิ่งเข้าไปกอดละอองคำ


เกิดแสงประกายรังสีแห่งธรรมกับแสงปอบปะทะกัน ละอองคำร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหน้าผี เหี่ยวย่น รุ้งแก้วกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะสลบไป ธวัชวิ่งเข้ามาถึงพอดี รีบเข้าประคองรุ้งแก้ว
“น้องรุ้ง น้องรุ้งแก้ว น้องรุ้งของพี่”
ละอองคำไม่สนใจทั้งสอง วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไป แล้วร่างก็ค่อยๆ ล้มลง หมดสติ กรวยดอกไม้ลอยขึ้นไปในอากาศ ฉัตรนั่งรถรับจ้างผ่านมา เห็นละอองคำนอนสลบอยู่กลางถนน
“หยุด หยุดก่อน”
ฉัตรรีบเข้าไปประคองละอองคำ เขย่าตัวแรงขึ้น
“คุณๆๆ”
ละอองคำลืมตาขึ้น กระถดหนีอย่างคนถือตัว
“เอ่อ”
“ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมานอนตรงนี้”
“เอ่อ”
“บ้านคุณอยู่ที่ไหนครับ ผมจะไปส่ง”

รุ้งแก้วนอนอยู่ในกุฏิแม่ชีน้อม จิตคอยปรนนิบัติดูแล ธวัชมองกระสับกระส่าย ห่วงใย แม่ชีน้อมลอบถอนใจเป็นระยะ รุ้งแก้วค่อยปรือตาขึ้น ธวัชรีบปราดเข้ามาใกล้
“น้องรุ้ง น้องรุ้งแก้วฟื้นแล้ว”
“โถ แม่คุณ เป็นยังไงบ้างคะ”
รุ้งแก้วหยีตา มองทุกคนงงๆ พอจำเหตุการณ์ได้ ก็ผวา ผุดลุกนั่ง หวาดกลัว
“แม่ชี มันน่ากลัวเหลือเกินค่ะ”
แม่ชีน้อมยิ้ม ใจดี
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
“รุ้งกลัวค่ะ”
“รีบกลับบ้านเถอะ รุ้งแก้ว”
“บ้าน”
ธวัชมองแม่ชีอย่างสงสัย แต่ไม่ถาม
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เชื่อแม่ชีเถอะ เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก ความดีของเราจะเป็นเกราะป้องกันตัว ไปเถอะ มีคนรอความช่วยเหลือจากเราอยู่”
แม่ชีน้อมหลับตาเข้าฌาน เป็นการปิดการสนทนา จิตพยักพเยิดให้ทั้งสองทำตามคำแม่ชี

ฉัตรเข้ามาในบ้านละอองคำ ยกขันน้ำขึ้นดื่ม ละอองคำนั่งมองตาวาว
“ถ้าคุณไม่เป็นไรแล้ว ผมคงต้องลากลับ”
“ขอบใจมากค่ะ ถ้าไม่ได้คุณฉัตร ฉันคงแย่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณละอองคำ ผมจะช่วยติดตามหาน้องสาวของคุณด้วย เธอชื่ออะไรหรือครับ”
“รุ้งแก้ว เธอชื่อรุ้งแก้วค่ะ”
“รุ้งแก้ว”
“คุณฉัตรเคยได้ยินชื่อนี้ด้วยหรือคะ”
“ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนเดียวกัน”
“ชื่อแบบนี้คงไม่มีมากนักหรอกค่ะ”
ละอองคำยิ้ม ฉัตรมองหญิงสาวอย่างพึงใจ เงาผีเจ้าปรากฏด้านหลังละอองคำแล้ววูบเข้าหา ดวงตาละอองคำตาวาวเป็นตาผี
“คุณฉัตร”
ละอองคำจ้องตา สะกดจิต ฉัตรตกอยู่ในภวังค์
“ครับ”
ฉัตรเหมือนคนไร้วิญญาณ ละอองคำแสยะยิ้ม
“ดี ข้าหิว”
ปอบละอองคำใช้มือลูบใบหน้าของฉัตร นิ้วยาวเล็บแหลมเตรียมจิก ฉับพลัน ประตูเปิดออก รุ้งแก้วเข้ามา
“เจ้าพี่ น้องกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ละอองคำหันขวับ ตาผีเปลี่ยนเป็นตาคนปกติ ฉัตรได้สติ
“กลับมาแล้วเหรอ หายไปไหนมา ปล่อยให้พี่ตามหาตั้งนาน จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดีนะว่าคุณฉัตรมาช่วยไว้ทัน”
รุ้งแก้วมองฉัตร จำได้
“คุณน่ะเอง”
“ครับ ผมฉัตร เราเคยเจอกันที่วัด”
“ค่ะ รุ้งจำได้”
“คราวนี้คุณฉัตรคงแน่ใจแล้วนะคะว่าเป็นคนเดียวกัน”
ฉัตรยิ้มให้ละอองคำ
“ครับ”

ละอองคำไม่พอใจ รุ้งแก้วมองหน้าพี่สาว เชื่อว่าคงมีแผนการไม่ดี ละอองคำสะบัดหน้าหนี

กลางคืน ละอองคำยืนมองหิ้งผี กรวยดอกไม้ลอยขึ้นมา
 
“ข้าเกือบกินมันได้แล้ว”
รุ้งแก้วผลักประตูเข้ามาโดยไม่เคาะ กรวยดอกไม้หายไป
“เจ้าพี่ คุณฉัตรเขาเป็นคนดีนะเจ้าคะ”
ละอองคำตวัดตามอง ไม่พอใจ
“เจ้าบอกข้าทำไม”
“เจ้าพี่อุดอู้อยู่แต่ในบ้านทั้งวัน น้องอยากให้เจ้าพี่มีเพื่อนบ้าง”
“มันเรื่องของข้า เจ้าออกไปได้แล้ว”
รุ้งแก้วถอนใจ เดินออกไป แต่ชะงัก หันมา กล้าๆ กลัวๆ
“อะไรอีก รุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่น่าจะสวดมนต์ไหว้พระบ้าง จิตใจจะได้สบาย”
“ข้าบอกให้ออกไปไงล่ะ รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วรีบออกไป กรวยดอกไม้บนหิ้งสั่นไหว เสียงโกรธกริ้ว
“ข้าหิว เจ้ารู้มั้ยว่าข้าหิว”
ละอองคำเบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“มันคงไปได้ไม่ไกลหรอกผีเจ้า”
กรวยดอกไม้ส่ายไหว เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังมา เงาร่างผีเจ้าวูบเข้าสิงละอองคำ ละอองคำตาแดง ลุกออกไป
วิญญาณราบฟ้าหน้าเศร้า มองออกไป หัวใจยังรักละอองคำอยู่
“ละอองคำ กรรมแท้ๆ ที่เจ้าต้องตกเป็นทาสผีต่างวงศ์”
ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้นด้านหลัง กอดราบฟ้า เอาหน้าแนบแผ่นหลัง หลับตาพริ้ม
“อย่าใส่ใจกับอีละอองคำเลยเจ้าข้า ทำกรรมอย่างใดไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น”
“พี่อยากเตือนสติละอองคำ ลางทีจะได้คิดขอขมาผีปู่ย่า กรรมหนักจะได้คลายลง”
วิญญาณปิ่นเมืองไม่พอใจ
“มันทำเมืองนายของเราล่มสลาย มันทิ้งผีปู่ย่าลงน้ำ เจ้าพี่ยังจะปรานีมันอีกหรือเจ้าข้า ฮึ”
“ปิ่นเมือง เจ้ามีเหตุผลบ้างสิ”
“ไม่รู้ล่ะ ข้าภักดีต่อเจ้าพี่ทุกลมหายใจ แต่เจ้าพี่ก็ไม่เคยรักข้า ทั้งเวลามีชีวิตอยู่และตายไป ข้าน้อยใจ”
ปิ่นเมืองวูบหายไป ราบฟ้าถอนใจแล้วเลือนหายไปเช่นกัน

ละอองคำเดินมาหยุดยืนด้านหลังเจ๊กลากรถ ที่นั่งชันเข่าสูบยาข้างรถลาก ละอองคำเลียริมฝีปาก ย่างสามขุมเข้าไปหา เจ๊กลากรถชะงักนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนถูกมอง หันขวับกลับมา เจอแต่ความว่างเปล่า ส่ายหน้า หันกลับไปสูบยาต่อ ละอองคำเดินเข้ามาใกล้ เล็บงอก มือยาว เจ๊กลากรถทำท่าจะทิ้งก้นยา ชะงักอีกครั้ง หันขวับ พบแต่ความว่างเปล่าเหมือนเดิม เสียงหมาหอนดังขึ้น
“อะไรกันว้า แปลกๆ อั๊วไปลีกว่า”
เจ๊กลากรถหันกลับมาพร้อมลุกขึ้น สะดุ้ง เมื่อเห็นละอองคำยืนประจันหน้า ซ้อนหน้าผีปอบ
“อั๊ยหยา”
ละอองคำจับคอเจ๊กลากรถไว้ ก่อนจะวิ่งหนี หน้าผีเจ้ายื่นเข้ามาใกล้ เจ๊กลากรถผวา หวาดกลัว ร้องโวยวาย เงาผีวูบเข้าร่าง เจ๊กลากรถสะดุ้ง ตาค้าง ละอองคำเงยหน้าขึ้น เลือดติดริมฝีปาก

ที่หอคำเมืองนาย ราบฟ้าเดินออกมาจากหอคำ ละอองคำโผเข้าไปหมอบอยู่แทบเท้า
“ละอองคำ”
ละอองคำร้องไห้ เงยหน้าขึ้น ราบฟ้าผงะ เห็นมุมปากมีคราบเลือดติดอยู่ ละอองคำไม่รู้ตัว สยายผมจะเช็ดพระบาทราบฟ้า ราบฟ้ากระเถิบหนี
“อย่า”
“ข้าจะสยายผมเช็ดพระบาทเจ้าพี่ด้วยความรัก ไยเจ้าพี่จึงต้องหนีข้าด้วย”
“เช็ดเลือดที่ปากเจ้า ข้ารังเกียจ อย่าเอาเลือดที่เกิดจากความชั่วของเจ้ามาต้องตัวข้าเลย เสนียดจัญไรจักติดข้าไปทุกภพทุกชาติ”
ละอองคำตกใจ ผงะหนี ร้องไห้
“เจ้าพี่รังเกียจข้า”
ราบฟ้าเดินหนี ละอองคำโผตาม เกาะขาราบฟ้า แต่ราบฟ้าเลือนหายไป ร่างละอองคำทรุดหมอบอยู่กับพื้น สะอื้นร่ำไห้
ละอองคำผวาตื่น มองไปรอบๆ น้ำตาไหลพราก ลุกมาที่หน้าต่าง เห็นดวงจันทร์แจ่มจรัสอยู่บนฟ้า

“เจ้าพี่จะรังเกียจข้าอย่างใด ข้าก็ยังรักเจ้าพี่มิเสื่อมคลาย”

เจ้านาง ตอนที่ 5

ตอนเช้า ละอองคำแง้มประตู แสงแดดแผดจ้าสาดทาบใบหน้า
 
ละอองคำหยีตา รีบเบือนหน้าหนี ปิดประตูดังเดิม ฉัตรมาด้อมๆ มองๆ ถือวิสาสะเปิดรั้วเข้ามา ยืนเก้ๆ กังๆ เห็นประตูปิดอยู่ ละอองคำเพ่งมองผ่านฝาบ้าน เห็นฉัตรยืนอยู่
“คุณละอองคำครับ เอ่อ ผมมาเยี่ยม”
ประตูแง้มออกอีกครั้ง ละอองคำยิ้มเย็น ไม่เต็มใจต้อนรับ
“เชิญค่ะ”
“ทำไมปิดประตูหน้าต่างหมดล่ะครับ”
“ฉันไม่สบายค่ะ..ไม่อยากตากแดดตากลม”
“เปิดซะหน่อยดีกว่าครับ จะได้สดชื่น มา ผมจะเปิดให้”
ฉัตรถือวิสาสะจะไปเปิดหน้าต่าง ละอองคำร้องห้าม ฉุนเฉียว
“อย่านะ ฉันไม่ชอบ”
ฉัตรชะงัก เดินกลับมา รู้สึกเก้อไป
“ครับๆ เอ่อ คุณรุ้งแก้วไม่อยู่หรือครับ”
“เขาก็ไปวัด ก็เหมือนเคยแหละ คุณก็เคยเจอเขาที่วัดไม่ใช่รึ”
“ทำไมคุณละอองคำไม่ไปวัดบ้างล่ะครับ”
“เอ๊ะ คุณฉัตร”
ละอองคำฉุนเฉียว แล้วนึกขึ้นได้ รีบปรับอารมณ์
“เอ่อ ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่สบาย ฉันต้องเฝ้าบ้านด้วย”
ฉัตรยิ้มเก้อๆ
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมว่าจะชวนคุณละอองคำไปทานอาหารนอกบ้านเชียว”
ละอองคำสบตาฉัตร เขายิ้มให้ ละอองคำมีท่าทีอ่อนลง
“วันอื่นได้มั้ยคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ฉันอยากพักผ่อน ไม่สบายจริงๆ ค่ะ”
ฉัตรยิ้มรับ ไม่โต้เถียงอะไร มองละอองคำด้วยดวงตาเป็นมิตร
“ผมไม่อยากเห็นคุณละอองคำอยู่คนเดียวแบบนี้ คนสวยๆ อย่างคุณน่าจะได้ออกไปสมาคมนอกบ้านบ้าง”
“แต่ก่อนฉันก็ไป แต่ว่าตอนหลังไม่มีเพื่อน”
“จะรังเกียจมั้ย ถ้าผมจะเป็นเพื่อนคุณ”
ละอองคำมองฉัตร รับรู้ได้ถึงความจริงใจ จึงยิ้มบางๆ ให้ ฉัตรยิ้มตอบ

รุ้งแก้ว แม่ชีน้อม ธวัช และจิต นั่งสมาธิอยู่ เสียงพระตีระฆังดังเข้ามา แม่ชีน้อมลืมตา ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไป
“พระลงโบสถ์แล้วจิต”
“ค่ะ วันนี้ วันพระใหญ่”
“อ้อ สวดปาฏิโมกข์สิ วันพระอย่างนี้ล่ะน่ากลัวนัก คืนนี้ก็ยังเวียนเทียนกันอีก”
“มีอะไรหรือคะ แม่ชี”
แม่ชีน้อมไม่ตอบ สีหน้ากังวล หันกลับออกไป จิตตามออกไป ธวัชกับรุ้งแก้ว ถอนออกจากสมาธิ
“แม่ชีน้อมหมายความว่ายังไงหรือคะพี่ธวัช”
“อย่ากังวลเลย น้องรุ้งแก้ว หากเรื่องไม่ดี แม่ชีคงเตือนเราแล้ว ว่าแต่คืนนี้น้องรุ้งแก้วจะมาเวียนเทียนกับพี่มั้ย”
“น้องไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าคุณพี่จะอนุญาตน้องหรือเปล่า”
“พี่จะรอน้องรุ้งแก้วที่วัดนะครับ”
“ค่ะ”

รุ้งแก้วยังกังวล

รุ้งแก้วกลับมาบ้าน ละอองคำกระแนะกระแหนน้องสาว
 
“นึกว่าจะนอนวัดแล้วซะอีก”
“วันนี้วันพระใหญ่ ถ้าไม่ห่วงเจ้าพี่ น้องก็อยากอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดเหมือนกันเจ้าค่ะ”
ละอองคำจับแขนรุ้งแก้วบีบ
“ประชดพี่รึ”
“โอ๊ย เจ้าพี่ น้องไม่ได้ประชด น้องอยากปฏิบัติธรรมจริงๆ”
“ไปแต่งตัว คุณจำแลงแวะมาบอกว่าค่ำนี้จะชวนเจ้าไปงาน ราตรีสโมสรของพวกผู้ดีในพระนคร”
“น้องเบื่อ น้องไม่ไปได้มั้ยเจ้าคะ”
ละอองคำจ้องหน้ารุ้งแก้ว สายตาดุ
“นังแม่ชีที่วัดกับไอ้ธวัชมันคงมีวิชาทำให้เจ้าเกลียดข้าแล้วก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งข้าแล้วใช่มั้ย รุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่”
“ไปให้พ้นหน้าข้า ถ้าเห็นคนอื่นสำคัญกว่าข้าก็ไม่ต้องอยู่ร่วมเรือนกัน”
รุ้งแก้วตกใจ รีบเข้าไปกอดละอองคำ
“ไม่เจ้าค่ะ ไม่ว่าเจ้าพี่จะเป็นอย่างใด น้องก็ทิ้งเจ้าพี่ไม่ได้ ถ้าเจ้าพี่ต้องการให้น้องไปกับคุณจำแลง น้องก็จะไปเจ้าค่ะ”
ละอองคำยิ้มออก
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปแต่งตัวซะ อย่าให้เขามาคอยนาน เสียมารยาท”
“เจ้าค่ะ”
เวลาต่อมา รุ้งแก้วแต่งตัวชุดใหม่ ยืนอยู่หน้ากระจก
“ทำไมเจ้าพี่ถึงอยากให้เราไปกับคุณจำแลงนัก พี่ธวัช อย่าโกรธรุ้งนะเจ้าคะ รุ้งไม่ได้อยากไปเลยจริงๆ”

ละอองคำมองไปที่หิ้งผี
“ข้ารู้ว่าผีเจ้าหิว คืนนี้รุ้งแก้วไม่อยู่ ผีเจ้าจะทำอะไรก็ได้ ข้ายอมทุกอย่างเจ้าค่ะ ข้าขอเลี้ยงสังเวยผีเจ้า ตามแต่ผีเจ้าจะต้องการ”
กรวยดอกไม้ลอยขึ้น ส่ายไหวตรงหน้า
“ดีมาก ละอองคำ ดีมาก”
ผีเจ้าวูบเข้าใส่ร่างละอองคำ ละอองคำแลบลิ้นเลียปาก เดินไปหน้าบ้าน ด้านหลังของละอองคำ มีเงาร่างของผีเจ้าตามติดไปทุกฝีก้าว ราบฟ้าปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง มองไปด้วยสายตาสงสาร
“โธ่ ละอองคำน้องพี่”
ปิ่นเมืองปรากฏขึ้นตรงหน้า คลี่พัดปิดหน้าราบฟ้า
“อย่าใส่พระทัยอีหญิงชาติชั่ว เพราะมันอยากมีอำนาจ อยากเอาชนะทุกคนโดยเฉพาะข้า อีละอองคำจึงต้องเป็นเยี่ยงนี้”
ราบฟ้าวูบหายไป ปิ่นเมืองโมโห
“เจ้าพี่”

ปิ่นเมืองวูบตามไป

ฉัตรกับโฉมเข้ามาในงานราตรีสโมสร คนในงานแต่งตัวหรูหรา ฉัตรไม่ค่อยอยากมางานนี้ จึงรู้สึกอึดอัด
 
“ทำหน้าตาให้มันสดชื่นหน่อยสิคะพี่ฉัตร”
“โฉมก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบงานสมาคม”
“ถ้าถูกดุลออกจากราชการ โฉมจะแนะนำให้พี่ฉัตรทำธุรกิจแบบพวกพ่อค้า จะได้เป็นผู้ดีใหม่กับเขาบ้าง อุ๊ย นั่นไงคะคุณอำนวย”
“โฉมรู้จักเขาด้วยเหรอ”
อำนวยอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ แต่งตัวหล่อกันทุกคน
“ก็เขามาติดพันโฉมอยู่ค่ะ แต่เราก็แค่คบหาดูใจกันเท่านั้นค่ะ มาทางนี้ค่ะพี่ฉัตร”
โฉมพาฉัตรเข้าไปในหากลุ่มอำนวย อำนวยหันมาเห็นยิ้มให้
“คุณโฉม ผมดีใจจังที่มีคู่เต้นรำแล้ว”
“ค่ะ อ้อ คุณอำนวยคะ พี่ชายโฉมเองค่ะ พี่ฉัตร”
“ยินดีที่รู้จักครับ”
อำนวยพยักหน้า ยื่นมือจะให้ฉัตรจับ ฉัตรไม่คุ้นกับธรรมเนียมฝรั่ง แต่ก็ยื่นมือจับกับอำนวย อำนวยยิ้มแย้ม แต่มองเลยผ่านไหล่ฉัตรไปเห็นจำแลงควงรุ้งแก้วเข้ามาในงาน ทุกคนหันไปมอง โฉมกับฉัตรมองตามสายตาอำนวย ฉัตรอุทานเบาๆ
“คุณรุ้งแก้ว”
“นังนี่อีกแล้วเหรอ”
โฉมไม่พอใจ จำแลงพารุ้งแก้วมาในกลุ่ม
“สวัสดีครับทุกท่าน อ้าว คุณอำนวย กลับจากปารีสเมื่อไหร่”
“หลายวันแล้วครับ”
“อ้อ ขอแนะนำให้รู้จักเลยนะครับ นี่คุณรุ้งแก้ว คู่หมั้นผมครับ”
รุ้งแก้วอึ้งไป หันไปเห็นฉัตรกับโฉม ยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจำแลงจะโชคดีอย่างนี้ มีคู่หมั้นสวยมาก ทำไมผมไม่รู้จักก่อนนะ ไม่งั้นล่ะก็ ผมไม่ยอมให้หลุดมือไปถึงจำแลงหรอก”
“มันขึ้นกับวาสนาครับ”
จำแลงตอบอย่างย่ามใจ รุ้งแก้วหน้าเจื่อนไป ทำตัวไม่ถูก ฉัตรบอกกับโฉม“พี่ขอตัวไปคุยกับพี่ๆ ที่กรมทางโน้นนะโฉม”
“ค่ะ พี่ฉัตร”
โฉมเกาะแขนอำนวย วางหน้าเป็นเจ้าของ
“คุณอำนวยก็มีคนสวยๆ อยู่ข้างๆ แล้ว อย่าอิจฉาผมเลยครับ ขอตัวก่อนนะครับ ไปทางโน้นเถอะครับน้องรุ้งแก้ว”
“ค่ะ”
รุ้งแก้วกับจำแลงเดินไป อำนวยยังมองตาม โฉมไม่พอใจ
“คุณอำนวย โฉมไม่ชอบให้คุณมองผู้หญิงอื่น โดยเฉพาะนังรุ้งแก้ว”
“อ้าว น้องโฉมรู้จักด้วยเหรอจ๊ะ”
“รู้จักสิคะ รู้จักดีซะด้วย ฮึ”

บริเวณลานวัด ธวัชถือดอกไม้สำหรับเวียนเทียนสองชุดไว้ จิตเข้ามาหา“รอคุณรุ้งแก้วเหรอคะคุณธวัช”
“ใช่ครับ สงสัยว่าคงไม่มาแล้วล่ะ”
ธวัชหน้าเศร้า แม่ชีน้อมเข้ามา
“เวียนเทียนแล้วช่วยกันสวดมนต์ดีกว่า พลังบุญของพวกเราจะช่วยเหลือคนได้อีกมาก”

อำนวยยืนคุยกับพวกผู้ดีใหม่ทั้งชายและหญิง แต่งตัวกันสวยงาม จำแลงอยู่ในกลุ่มด้วย
“นี่ถ้าเรือสินค้ามาถึงท่าเรือล่ะก็ ผมมีสินค้าให้คนในพระนครซื้อกันมากมายเลยล่ะครับ ไปคราวนี้ผมไปคัดเลือกสินค้าด้วยด้วยเองเลยนะครับ นครปารีสนี่ผมเดินทุกถนน”
ทุกคนตื่นเต้น รุ้งแก้วยืนถือแก้วเครื่องดื่มเหงาๆ อยู่ ฉัตรเข้ามาหา
“วันนี้วันพระ คุณรุ้งแก้วไม่ได้ไปวัดหรือครับ”
“ค่ะ คุณพี่ละอองคำให้รุ้งมางานกับคุณจำแลง รุ้งก็ชวนคุณพี่ด้วยนะคะ แต่คุณพี่ไม่มา”
“น่าเสียดาย คุณละอองคำน่าจะออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง”
โฉมเข้ามาหาทั้งสองด้วยท่าทางไม่พอใจ
“พี่ฉัตรคุยกับมัน ระวังจะต้องตายเหมือนผู้ชายอีกหลายคนที่สมาคมกับคนบ้านนี้”
“ไม่ทราบว่าคุณหมายถึงใครคะ”
“อุ๊ย ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ใครอยากเข้าใจยังไง ก็สุดแท้แต่”
จำแลงเข้ามา แยกตัวรุ้งแก้ว
“ผมอยากเต้นรำแล้วละเชิญครับน้องรุ้งแก้ว”
“ค่ะคุณจำแลง รุ้งขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
โฉมเบ้ปากให้
“ก็แค่เศรษฐีจากหัวเมือง คิดจะชุบตัวเป็นพวกผู้ดี ทุเรศ”
“ระวังกิริยาหน่อยสิโฉม”
โฉมสะบัดหน้าบึ้ง อำนวยหันมาพอดี ขอตัวจากกลุ่ม รุ้งแก้วเต้นรำไม่ค่อยเป็น จำแลงต้องช่วยประคอง โฉมหัวเราะเบาๆ

“ให้โฉมระวังกิริยา พี่ฉัตรก็ดูสิคะ ว่านังนั่นมันเต้นรำเป็นซะที่ไหน เป็นภาระให้ผู้ชายที่เต้นด้วย”

ทุกคนเวียนเทียนรอบโบสถ์กันอยู่ มีพระนำอยู่ด้านหน้า
 
ตามมาด้วยแม่ชีน้อม ธวัชกับจิตเดินปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน ธวัช ไม่แช่มชื่นอย่างที่ควร

ถนนมืดเปลี่ยว ต้นไม้รกครึ้ม เสียงหมาหอนดังมาแต่ไกล ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ละอองคำ
“ข้าหิว คืนนี้ข้าต้องได้กิน”
“ผีเจ้าก็เห็น ผู้คนมันไปเวียนเทียนที่วัดกันหมด ไม่มีใครเลย ผีเจ้าทนหน่อยสิ”
“อย่าให้ข้าอดทนเลย เจ้าสัญญากับข้าว่าจะเลี้ยงดูข้าให้ดี ลืมแล้วเหรอ ข้าไม่อยากพูดซ้ำซาก”
“ผีเจ้าก็เพิ่งกินเจ๊กลากรถไปไม่ใช่รึ”
“อีละอองคำเหย แต่ก่อนมีแต่คนล้มวัวล้มควายตัวโตสังเวยข้า แต่พอข้ามาอยู่กับเจ้า ข้าไม่เคยกินอิ่มหนำสำราญอย่างแต่ก่อน ระวังไว้ ถ้าหาใครไม่ได้ ข้าจะกินอีรุ้งแก้ว”
“ผีเจ้า อย่านะ อย่า ข้าขอร้อง”
ผีเจ้าหัวเราะ

เทียนจำนวนมากถูกปักไว้หน้าโบสถ์ ส่องสว่าง ชาวบ้านกราบลงกับพื้นหน้าโบสถ์แล้วผละไป แม่ชีน้อมหันมาชวนจิตกับธวัช
“แสงเทียนก็ไม่สว่างไม่เท่าแสงแห่งธรรมหรอก เข้าไปสวดมนต์ข้างในกันเถอะ”
“คุณธวัชจะสวดมนต์กับเราหรือเปล่าคะ”
ธวัชใจลอย มองไปทางหนึ่ง รอคอยว่ารุ้งแก้วอาจจะมา
“ไม่ต้องรอหรอกธวัช รุ้งแก้วไม่มาแล้วล่ะ”
ธวัชพยักหน้ากับแม่ชีน้อมอย่างจำยอม
“ครับ”
ทั้งสามเดินผ่านแสงเปลวเทียนเข้าไปในโบสถ์

จำแลงกับรุ้งแก้วเต้นรำกันอยู่ คู่ของอำนวยและโฉมอยู่ไม่ห่าง ส่วนฉัตรยืนถือแก้วเครื่องดื่มอยู่ที่ข้างฟลอร์
“คุณจำแลงคะ รุ้งเหนื่อยแล้วค่ะ”
“งั้น ผมจะไปส่งน้องรุ้งแก้วที่บ้านนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
จำแลงกับรุ้งแก้วผละออกไปจากฟลอร์ เดินผ่านฉัตร อำนวยมองตาม
“พี่ว่าน้องโฉมกลับบ้านก่อนดีกว่ามั้ยครับ พอดีเดี๋ยวผมต้องไปสมาคมกับพวกพ่อค้าต่อ”
โฉมหน้าง้ำ
“ไม่ใช่เพราะแม่รุ้งแก้วกลับแล้ว คุณอำนวยเลยหมดสนุกหรอกนะ”
“อย่าคิดมากสิจ๊ะ น้องโฉม”
โฉมกระเง้ากระงอดออกมา พูดกับฉัตร
“ฮึ หวังว่าคุณอำนวยคงไม่ได้ตามนังรุ้งแก้วไปหรอกนะ ระวังจะตายเหมือนผู้ชายทุกคนที่ไปติดพันมัน”
ฉัตรมองโฉม หน้าเจื่อนไป ปรามเบาๆ
“ไม่เอาน่าโฉม ถ้าไม่รู้อะไรจริงก็อย่าพูดไป มันไม่ดี”
“หวังว่าพี่ฉัตรคงไม่หลงเสน่ห์มันด้วยอีกคนนะคะ”
ฉัตรส่ายหน้ารำคาญแล้วเดินนำไปก่อน

แม่ชีน้อม จิต แฃะธวัช นั่งสมาธิกันอยู่ กายทิพย์แม่ชีน้อมหลุดออกจากกายหยาบ ปรากฏขึ้นที่ลานวัด เจ้าราบฟ้าในชุดเจ้าหลวงเต็มยศยืนอยู่
“ท่านเป็นใคร ต้องการบอกอะไรฉัน”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่าให้เขาทำบาปไปมากกว่านี้เลย”
“ท่านหมายถึงใค”
ราบฟ้ายิ้มบางๆ แล้วเลือนหายไป กายทิพย์ของแม่ชีน้อมรวมตัวกันเป็นดวงสีเหลืองนวลแล้วหายไป

ที่มุมบ้านชาวบ้านหลังหนึ่ง ละอองคำยืนอยู่ ผีเจ้ายืนอยู่ด้านหลัง
“ไปสิ ไปลวงมันออกมาให้ข้า”
“ทำไมผีเจ้าไม่เข้าไปเอง”
ผีเจ้าตวาด
“เจ้านั่นแหละ คนบ้านนี้มันทำบุญมาก บารมีมันเยอะ”
“ถ้างั้นก็ไปบ้านอื่น”
“ไม่ ข้าไม่อยากรออีกแล้ว ข้ารู้มันมีเด็กเพิ่งคลอด เนื้อมันหวาน”
ละอองคำกลืนน้ำลาย

“มีใครอยู่บ้างจ๊ะ”

เจ้านาง ตอนที่ 5

เสียงหมาเห่าหอนดัง หญิงกลางคนคนหนึ่งออกมาจากข้างใน
 
“ใคร มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“พี่สาวจ๋า ฉันผ่านมาทางนี้ หิวน้ำเหลือเกิน ขอน้ำกินหน่อยสิจ๊ะ”
หญิงชาวบ้านมองอย่างระแวง
“รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวเอามาให้”
หญิงชาวบ้านเข้าบ้านไป แล้วกลับออกมาพร้อมน้ำขันใหญ่ ผีเจ้าวูบเข้าสิงร่างละอองคำ ละอองคำแลบลิ้นเลียปาก หญิงชาวบ้านยื่นขันมาให้ ละอองคำเห็นดอกเทียนลอยอยู่ในน้ำ
“หา”
ละอองคำปัดออกไป ผีเจ้าวูบออกจากร่างละอองคำจะบีบคอหญิงคนนั้น แต่แม่ชีน้อมปรากฏขึ้น ผีเจ้าหันมา รัศมีสาดประกายใส่ร่างผีเจ้า
“โอ๊ย”
ผีเจ้าหายไป ละอองคำได้สติ หญิงชาวบ้านโผลุกขึ้นมา
“ไหนว่าหิวน้ำไง เอาน้ำมาให้ทำไมปัดออก”
“เอาน้ำมนต์ให้ข้ากินทำไม ข้าไม่อยากกิน”
“น้ำมนต์ก็ดีสิ เป็นสิริมงคล จะได้ล้างซวย อะไรที่ไม่ดีก็จะถูกปัดเป่าไป ไม่ชอบเหรอ”
ละอองคำมองอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่ชอบ”
“แปลก ไม่ชอบน้ำมนต์ หรือว่า แก ไม่ใช่คน เขายิ่งลือกันว่าแถวนี้มีผีปอบ”..
หญิงคนนั้นรีบเก็บขันแล้วเข้าไปในบ้านอย่างลนลาน ละอองคำมองอย่างอาฆาต

รถของจำแลงจอดที่หน้าบ้านรุ้งแก้ว บ้านมืด เงียบ
“คุณพี่คงพักผ่อนแล้ว คุณจำแลงกลับไปเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณามาส่งรุ้ง”
“ผมไม่อยากกลับเลยนะ อยากอยู่เป็นเพื่อนน้องรุ้งทั้งคืน”
จำแลงฉวยมือรุ้งแก้วมาจับ รุ้งแก้วชักออกอย่างสุภาพ
“รุ้งขอตัวค่ะ”
รุ้งแก้วเปิดประตูรั้วเข้าไปข้างในบ้าน จำแลงมองอย่างเสียดาย ก่อนขับรถออกไป อำนวยออกมาจากมุมหนึ่ง โดยรถของเขาจอดอยู่ใกล้ๆ
“บ้านหลังนี้เองเหรอ”
อำนวยมองเรือนปั้นหยาที่อยู่ในความมืด

ละอองคำนั่งอยู่มืดๆ รุ้งแก้วเข้ามาในบ้าน
“เจ้าพี่ ทำไมอยู่มืดๆ คนเดียวล่ะเจ้าคะ”
“ข้านอนไม่หลับ ไม่ได้ไปสุขสำราญบานใจอย่างเจ้านี่”
“เจ้าพี่ก็รู้ว่าน้องไม่ได้อยากไป”
“ไปนอนได้แล้ว อย่ามารบกวนข้า ข้าอยากอยู่คนเดียว”
รุ้งแก้วเดินไปในความมืดสลัว ละอองคำนั่งลงที่เตียง แค้นเคือง
“รุ้งแก้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำข้าต้องเดือดร้อนนะ”
หน้าต่างกระชากปิดดังปัง ละอองคำหันไปก็เห็นราบฟ้ายืนอยู่ ยิ้มดีใจ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่”
ละอองคำอ่อนแอ สะอื้นออกมา
“ละอองคำน้องพี่ จงขอขมาผีปู่ย่าเสีย อย่านับถือผีต่างวงศ์ หาไม่ พี่จะช่วยเจ้าไม่ได้ ผีปู่ย่าชิงชังเจ้านัก หากพี่ช่วยเจ้าผีปู่ย่าจะลงโทษพี่”
ละอองคำมองราบฟ้าไม่พอใจ ทั้งเสียใจและน้อยใจ
“ถ้างั้นก็กลับไปซะ อย่ามาที่นี่อีก เจ้าพี่เป็นผีแล้ว แต่ข้ายังเป็นคน”
“คนที่ถูกอำนาจผีต่างวงศ์ครอบงำ เจ้าภูมิใจนักรึ”
ผีเจ้าปรากฏร่างอย่างรวดเร็ว โผเข้าใส่ร่างราบฟ้า มือแข็งแกร่งดันลำคอราบฟ้าไปประชิดผนัง หน้าตาแสยะยิ้มน่ากลัว
“อย่ายุ่งกับมัน อีละอองคำมันเป็นทาสของข้า”
ราบฟ้ารวบรวมพลังปัดมือของผีเจ้าออกไปอย่างแรง ร่างผีเจ้ากระเด็นออก กลายเป็นกรวยดอกไม้หล่นอยู่ที่พื้น

“หา กลับไป เจ้าพี่ กลับไปสิ”

ราบฟ้ามองละอองคำ สายตายังมีเยื่อใย แล้วเลือนหายไป ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้น มองละอองคำอย่างไม่พอใจ
 
“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าสมคบคิดกับมัน ข้าจะกินอีรุ้งแก้ว”
ผีเจ้าหัวเราะสะใจ แล้ววูบหายไป ละอองคำหน้าซีดเผือด

รุ้งแก้วเดินกลับห้อง ราบฟ้าเดินตามไป รุ้งแก้วรู้สึกว่ามีคนเดินตาม หันกลับไป แต่ไม่เห็นอะไรก็เริ่มหวาดๆ แล้วเข้าห้องไป ราบฟ้าปรากฏตัวมองรุ้งแก้วด้วยความสงสาร
“น้องรุ้งแก้วอยู่ในอันตราย พี่จะช่วยน้องได้อย่างใด”
ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลัง
“ออกไปจากเรือนของข้า ไป”
ราบฟ้าหันมา แสยะยิ้ม
“ผีต่างวงศ์ อย่าคิดเทียบเทียมข้า หากแม้นว่าข้าอยู่เมืองนาย ข้าก็คือผีหลวงที่เจ้าจักต้องน้อมหัวให้ข้า”
ผีเจ้าหัวเราะหยัน
“แล้วเป็นอย่างใดเล่า เพลานี้เจ้าก็มิต่างจากสัมภเวสีเร่ร่อน หาได้มีศักดิ์เทียบชั้นผีหลวงไม่”
“ไปจากละอองคำเสีย ก่อนที่ข้าจะลงโทษเจ้า”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า ค่อยมาพูดกับข้า ข้ามีการสำคัญต้องทำ หาไม่เจ้าไม่พ้นมือข้าแน่ ราบฟ้า”
ผีเจ้าเลือนหายไป ราบฟ้ายืนหน้าเครียดอยู่ ปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง
“ไปจากที่นี่เถอะเจ้าข้า แม้นเจ้าพี่มาหาอีละอองคำทุกค่ำคืน มันก็มิได้มีใจให้เจ้าพี่ดอก มันก็หลายใจมากชู้หลายผัวเยี่ยงแม่มันน่ะแหละ”
“ปิ่นเมือง พี่ไม่อยากฟัง”
ราบฟ้าวูบหายไป ปิ่นเมืองไม่พอใจ วูบหายตามไป

อำนวยขับรถ ผิวปากสบายอารมณ์
“น้องรุ้งแก้ว สวยหยาดฟ้ามาดินแบบนี้ จะให้หลุดมืออำนวยไปได้ยังไง”
อำนวยหัวเราะย่ามใจ แล้วก็ต้องเบรกรถตัวโก่ง ผีเจ้าหน้าตาน่ากลัวยืนขวางอยู่ “เฮ้ย”
ผีเจ้าวูบมาที่ข้างรถ อำนวยตกใจ ครางไม่เป็นภาษา แต่กายทิพย์ของแม่ชีน้อมปรากฏร่างขึ้น ลอยลงมาจากข้างบน รัศมีสว่างเรือง ผีเจ้าตกใจ รีบหายไป กายทิพย์ของแม่ชีน้อมหายไปด้วย อำนวยถอนหายใจโล่งอก
“อะไรวะ สงสัยว่าตาฝาด”
อำนวยขับรถต่อไป ผีเจ้ากลับมาที่เรือนปั้นหยา ยื่นหน้ามาใกล้ละอองคำ
“ข้าจะทนหิวถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้นนะละอองคำ”
ผีเจ้าวูบหายไป ละอองคำหวาดหวั่น

ตอนเช้า ฉัตรนั่งอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อ ยกน้ำชาประเคนให้
“ของดีที่หลวงพ่อให้เรา ยังเก็บรักษาดีอยู่นะฉัตร”
ฉัตรยิ้ม หยิบสร้อยคอที่มีตะกรุดดอกหนึ่งเลี่ยมทองใส่ไว้
“ผมเก็บไว้อย่างดีครับ หลวงพ่อ”
“ดีแล้ว ว่าแต่วันนี้แวะมาหาหลวงพ่อหรือว่ามาธุระแถวนี้”
“จะแวะไปหาเพื่อนนะครับ เลยมากราบหลวงพ่อก่อน”
“ฉัตรมีเพื่อนอยู่แถวนี้ด้วยเหรอ”
“ก็เพิ่งรู้จักกันน่ะครับ”
“ถ้างั้นก็ไปเถอะ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน. บุญรักษานะฉัตร”
“ครับ หลวงพ่อ”
ฉัตรกราบหลวงพ่อ

ละอองคำนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ คุยกับฉัตรอยู่
“เพื่อน สมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายก็เป็นเพื่อนกันได้ ถ้าเป็นสมัยก่อน คงไม่มีทาง ยุคสมัยเปลี่ยนไปมากนะคะ”
“ครับ ตั้งแต่สยามคบกับชาวตะวันตก อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป”
“แล้วคุณฉัตรไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับฉันหรือคะ”
“ขึ้นอยู่กับว่าคุณละอองคำจะเปิดใจยอมรับผมเป็นเพื่อนหรือเปล่าต่างหากครับ”

ละอองคำสะเทิ้นอาย เสมองไปที่สายน้ำ ฉัตรยิ้มเขินๆ

โฉมวางโทรศัพท์ลงบนแป้น โกรธมาก
 
“คุณแม่ คุณแม่ขา”
ซ่อนกลิ่นกับสมานออกมาจากมุมหนึ่ง
“โวยวายอะไรโฉม”
“คุณอำนวยน่ะสิคะ นัดว่าจะพาโฉมไปทานข้าวที่ราชวงศ์ค่ำนี้ แล้วจู่ๆ ก็โทรมายกเลิกนัด โฉมอุตส่าห์ทำผมตั้งแต่บ่าย”
“เขาอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้น่า ใจเย็นๆ สิโฉม”
“โฉมกลัวค่ะคุณพ่อ เวรกรรมอะไรนะ มีคนรักกี่คนก็ต้องมีอุปสรรคตลอด หวังว่าจะไม่หลงเสน่ห์นังรุ้งแก้วอีกนะ”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิโฉม เขาอาจจะมีธุระจริงๆ ก็ได้”
“พี่ฉัตรล่ะคะ คุณอำนวยไม่พาโฉมไป ให้พี่ฉัตรพาไปก็ได้”
“รายนั้นก็ออกไปตั้งแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่กลับ”
“จะให้โฉมแต่งตัวเป็นแม่สายบัวอย่างนี้เหรอคะคุณพ่อ โฉมคงบ้าแน่”

รุ้งแก้วกับธวัชช่วยกันพับดอกบัวถวายพระ จิตกวาดถูกุฏิอยู่เบาๆ ฟังทั้งสองคุยกัน
“รุ้งดีใจค่ะพี่ธวัช ที่คุณพี่ละอองคำเปิดรับเพื่อนใหม่”
“ถ้าเป็นอย่างที่น้องรุ้งแก้วเล่า พี่ก็ดีใจ คุณพี่อาจจะอารมณ์ดีขึ้น”
“ค่ะ คุณฉัตรมาหาคุณพี่ละอองคำตั้งแต่บ่าย ไม่รู้ป่านนี้กลับหรือยัง”
จิตค่อย ๆ เลี่ยงออกไปหาแม่ชีน้อม
“แม่ชี ได้ยินหนูรุ้งแก้วเล่าว่าเพื่อนใหม่ของคุณพี่เธอ ชื่อฉัตร หวังว่าคงไม่ใช่ลูกชายหลวงพ่อนะคะ ถ้าเผื่อว่าใช่จะทำยังไง”
“ถ้าใช่ ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก ท่านบำเพ็ญบารมีมานาน บารมีแก่กล้า มีหรือจะไม่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ถ้ารู้แล้ว”
แม่ชีน้อมมองออกไปอย่างกังวล ลอบระบายลมหายใจ
“อะไรหรือคะแม่ชี”
“ถ้ามีกรรมผูกพันเกาะเกี่ยวกันมา ก็ห้ามไม่ได้ ไม่มีใครฝืนกรรม หรือขวางกรรมของผู้อื่นได้หรอก”

พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ละอองคำกับฉัตรยืนอยู่ที่บริเวณประตูรั้ว
“แล้วผมจะมาเยี่ยมคุณละอองคำใหม่นะครับ หวังว่าบ้านนี้จะต้อนรับผมเสมอ”
“ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ”
ฉัตรยิ้มพอใจ
“ลาก่อนครับคุณละอองคำ”
“แล้วพบกันค่ะ”
ฉัตรออกไปจากประตูรั้ว ละอองคำยืนส่งเสร็จ เข้ามาในบ้าน ตกใจที่ผีเจ้ายืนอยู่ตรงหน้า
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าให้โอกาสเจ้าวันนี้วันเดียวเท่านั้น ข้าหิว ข้าหิว ได้ยินมั้ย”
“สำหรับคนนี้ ข้าขอนะผีเจ้า ได้โปรดเถิด”
“รักมันรึอีละอองคำ ทำไมไม่เข็ด เพราะความรักที่เจ้ามีต่อผู้ชายอย่างไม่ลืมหูลืมตามิใช่หรือที่ทำให้ชีวิตเจ้าตกต่ำเยี่ยงนี้”
“ผีเจ้า ข้าอยากลืมเจ้าพี่ราบฟ้า ข้าอยากมีชีวิตใหม่”
ผีเจ้ายื่นหน้ามาใกล้
“ชีวิตใหม่ของเจ้า จะต้องมีข้าอยู่ด้วย”
“ผีเจ้า”
“เจ้ากับข้าเหมือนคนเดียวกัน แยกกันไม่ได้ ตราบใดที่เจ้ายังเลี้ยงดูข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าทุกอย่างละอองคำ”

ตอนเย็น ละอองคำยืนอยู่ที่หน้าบ้าน อำนวยลงจากรถตรงมาหา
“มาพบใคร”
“ผม มาพบคุณรุ้งแก้วขอรับ”
ละอองคำมองอย่างพิจารณา

“ฉันเป็นพี่สาวเขา คุณรู้จักเขาได้ยังไง”

อำนวยหัวเราะแหยๆ ใจดีสู้เสือ
 
“ผมเป็นเพื่อนกับจำแลง เคยเจอคุณรุ้งแก้วที่งานสโมสรขอรับ เมื่อคืนครับ”
“เขาไม่อยู่หรอก มีธุระอะไรสั่งไว้”
อำนวยยิ้มออก ดีใจ
“ครับๆ งั้นช่วยบอกเธอว่าผม ชื่อ อำนวย เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมแถวเจริญกรุง แวะมาเยี่ยม”
ละอองคำยิ้มเป็นมิตร
“ค่ะ ฉันจะบอกรุ้งแก้วให้”
อำนวยดีใจ เดินกลับไปที่รถ ละอองคำรีบเดินตามออกไป
“เอ๊ะ คุณพี่มีอะไรหรือขอรับ”
“จะขอติดรถคุณอำนวยไปซื้อธูปไหว้พระ จะได้มั้ยคะ”
“ยินดีครับ เชิญครับคุณพี่”
อำนวยรีบเปิดประตูรถให้ละอองคำเข้าไปนั่ง ละอองคำนั่งเชิดหน้า อำนวยขับรถไป คอยลอบมองเป็นระยะ ตามประสาคนเจ้าชู้
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณรุ้งแก้วจะมีพี่สาวสวยอย่างนี้”
“เหรอคะ”
ละอองคำยิ้มตาเป็นประกาย เจ้าเล่ห์ อำนวยผิวปาก ขับรถไป

รุ้งแก้วเดินเข้ามาในบ้าน เห็นบ้านมืดสนิท
“เจ้าพี่เจ้าคะ เจ้าพี่”
รุ้งแก้วมองหา แต่หันมาทางประตูก็เห็นจำแลงยืนอยู่
“คุณจำแลง”
“ทำไมอยู่มืดๆ ล่ะครับ ผมแวะมาหา ว่าจะชวนน้องรุ้งแก้วไปทานข้าว”
“รุ้งไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณพี่หายไป รุ้งอยู่คนเดียว ไม่กล้าทิ้งบ้าน”
จำแลงมองรุ้งแก้ว วาดแผนการ เดินเข้าหา
“ไม่เป็นไร ผมอยู่เป็นเพื่อนเอง”
รุ้งแก้วเริ่มหวั่นไหว ไม่ไว้ใจจำแลง จำแลงเดินเข้าหา
“รุ้งอยู่คนเดียวได้ คุณจำแลงกลับไปเถอะค่ะ”
จำแลงหัวเราะเบาๆ แล้วฉวยมือรุ้งแก้วไว้ รุ้งแก้วตกใจ
“อย่า ปล่อยรุ้ง ปล่อยนะ”
จำแลงล็อกตัวไว้ ดึงเข้ามากอด จะจูบ
“ปล่อยให้โง่รึ ฉันทุ่มเทเงินทองให้แกสองคนพี่น้องจนแทบหมดตัว ยังจะทำยึกยักเล่นตัวไปได้ วันนี้ฉันไม่ยอมแล้ว”
“อย่าค่ะ เดี๋ยวคุณพี่กลับมาจะเสียใจ”
จำแลงหัวเราะร่วน
“ดีสิ กลับมาจะได้รวบซะทั้งพี่ทั้งน้อง”
จำแลงพยายามจูบ แต่รุ้งแก้วเบือนหน้าหนี

ในป่าช้า ราบฟ้าตวัดสายตาไปที่มุมหนึ่ง ทำท่าจะเดินไป ปิ่นเมืองรวบตัวไว้จากด้านหลัง
“เจ้าพี่จะไปไหน”
“น้องรุ้งแก้วกำลังมีอันตราย พี่จะไปช่วย”
“พี่สาวมันก็อยู่ ก็ให้มันดูแลกันไปสิ”
“แต่รุ้งแก้วเป็นน้องพี่ เจ้าก็รู้มิใช่หรือว่าผู้ชายคนนั้นมัน”
ปิ่นเมืองผละออก ส่งเสียงแหว
“ไม่ต้องไป ผู้หญิงเกิดมาก็ต้องมีผัว”
“ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองจ้องหน้าราบฟ้านิ่ง ราบฟ้าฮึดฮัด สะบัดหน้าหนีไปทางหนึ่ง ปิ่นเมืองยิ้ม

ละอองคำอยู่ในรถอำนวย ตาเบิกโพลง รู้ว่าเกิดเหตุร้ายกับรุ้งแก้ว
“จอดที่นี่ค่ะ”
อำนวยจอดรถข้างทาง
“ยังไม่ถึงตลาดเลยครับ คุณพี่”
“เถอะค่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่บ้าน ฉันจะรอ”
ละอองคำลงจากรถโดยไม่ฟังคำทัดทาน แล้ววิ่งไปหลังรถ อำนวยมองกระจกหลัง แต่ละอองคำหายไปแล้ว เขาตกใจ หันขวับไปมอง
“เฮ้ย”
อำนวยมองไปทั่วๆ ไม่เห็น เปิดรถลงมาก็เห็นแต่ความว่างเปล่า

รุ้งแก้ววิ่งหนี หน้าตาตื่นมาหน้าบ้าน จำแลงวิ่งดักหน้าดักหลัง ประตูเปิดผลัวะเข้ามา ละอองคำหน้าเครียดเขม็ง โกรธสุดขีด
“หยุดนะ ไอ้ชั่ว”
“มาก็ดี จะได้เป็นเมียพี่ทั้งสองคน”
“ฝันไปเถอะมึง รุ้งแก้ว ขึ้นไปข้างบน ขึ้นไป”
รุ้งแก้วรีบวิ่งขึ้นบันได แต่ยังหันกลับมา ห่วงว่าละอองคำจะฆ่าจำแลง ละอองคำจ้องจำแลงเขม็ง แต่ชี้มือไล่รุ้งแก้วอีกรอบ
“ข้าบอกให้ขึ้นไป ยืนเซ่ออยู่ทำไม”
รุ้งแก้วละล่ำละลัก
“เจ้าพี่อย่าทำอะไรคุณจำแลงนะเจ้าคะ”
“ขึ้นไป ไปซี”
จำแลงคิดว่าละอองคำหึงตนก็หัวเราะ ย่างสามขุมเข้ามาหา
“น้องรุ้งแก้วขึ้นไปก่อนสิจ๊ะ เดี๋ยวพี่ละอองคำเขาจะอาย หึงพี่หรือจ๊ะน้องรุ้งแก้ว”
ดวงตาของละอองคำเปลี่ยนเป็นดวงตาปอบ จำแลงตกใจ ชะงัก
“หยุดปากสามหาวของแกซะ”
“เจ้าพี่ อย่าฆ่าเขานะเจ้าคะ มันบาป”
“ไปได้แล้วรุ้งแก้ว ไป๊”
รุ้งแก้ววิ่งขึ้นไปตามคำสั่ง จำแลงยังไม่รู้สึกถึงอันตราย เดินเข้าหาอย่างย่ามใจ
“มาสิจ๊ะ มาฆ่าให้พี่ตายในอ้อมกอดน้อง พี่ยอม”
ละอองคำมองจ้องตาจำแลง สะกดจิต
“ไปซะ ไม่ใช่ที่นี่”
จำแลงหันหลังกลับ เดินทื่อออกประตูไป ไม่มีสติ
 
ละอองคำมองตามจำแลง แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวโหย เงาร่างผีเจ้าเดินตามละอองคำไป

เจ้านาง ตอนที่ 5

จำแลงขับรถไปบนถนนสายเปลี่ยว จู่ๆ ก็ได้สติ สะบัดหน้า
 
เสียงหมาหอนดังมา เขามองไปรอบด้านมีแต่ความมืด เปลี่ยว น่าสะพรึง จำแลงขนลุกซู่ กวาดตาไปเรื่อยๆ สะดุดที่ละอองคำแต่งชุดเจ้านาง ยืนหัวเราะอยู่กลางถนน ตกใจ จำแลงเบรกรถ ขยี้ตา ละอองคำหายไป เขาผ่อนลมหายใจ
“เฮ้ย ตกใจหมด”
จำแลงหลับตา พอลืมตาขึ้น ก็เห็นละอองคำจากกระจกมองหลัง ตกใจ หันขวับกลับไป ก็พบแต่ความว่างเปล่า หันกลับมามองในกระจก หน้าละอองคำในกระจกเปลี่ยนเป็นหน้าผี
“เฮ้ย”
จำแลงตกใจ ร้องโวยวาย วิ่งออกมานอกรถ แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปทางใด ปอบละอองคำ
ก็ดักหน้าไว้ทุกทาง หัวเราะเสียงก้องสะท้อนไปทุกทิศ
“กลัวแล้ว ช่วยด้วย กลัวแล้ว”
จำแลงวิ่งไป สะดุดหกล้ม ร่างละอองคำเปลี่ยนเป็นเงาผีพุ่งตรงไปที่ร่างของจำแลง ปอบละอองคำโผล่ตรงหน้าจำแลง เงาผีซ้อนอยู่ ละอองคำแสยะยิ้ม พุ่งเข้าใส่ จำแลงหวีดร้อง หวาดกลัวสุดขีด ตาค้าง แล้วแน่นิ่ง ล้มฟาดลง

รุ้งแก้วนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกผุดลุกทันที ละอองคำรีบเลียเลือดจนหมด รุ้งแก้วถามร้อนใจ
“เจ้าพี่ไปไหนมาเจ้าคะ”
ละอองคำทำเหมือนไม่มีอะไร
“ไปส่งคุณจำแลง”
“เจ้าพี่ฆ่าคุณจำแลงใช่มั้ยเจ้าคะ มันบาปนะเจ้าพี่”
“เหลวไหลน่ารุ้งแก้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้าจะทำอะไรใครได้”
“น้องไม่เชื่อ ทำไมน้องจะไม่รู้ว่าเจ้าพี่เป็นอะไร เอาผีไปทิ้งซะเถอะ มันเป็นผีปู่ย่าเราซะเมื่อไหร่”
“หยุดนะ รุ้งแก้ว ข้าไม่เคยมีผีปู่ย่า”
“เจ้าพี่ อกตัญญูต่อบรรพบุรุษ บาปหนักนะเจ้าคะ”
“เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้าถูกจับขึ้นคานหาม ให้ไพร่เมืองนายมันเอาหินขว้างปา แล้วยังจะเผาข้าทั้งเป็น ฮึ ปู่ย่าตายายไม่เคยช่วยข้า ไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าไม่นับถือมันหรอก เจ้าพ่อก็ไม่เคยรักข้า รักแต่อีปิ่นเมือง เจ้าพี่ราบฟ้าก็ปกป้องข้าไม่ได้ ใครไม่เกิดเป็นข้า ไม่รู้หรอกว่ามันทุกข์ทรมานแค่ไหน”
“เจ้าพี่ รู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไร”
“รู้ เจ้าไปได้แล้ว จำไว้ ไอ้การนั่งสมาธิของเจ้า รวมทั้งนังชีแก่นั่นด้วย ช่วยอะไรข้าไม่ได้หรอก ขนาดไอ้จำแลงมันจะข่มเหงเจ้า เจ้ายังไม่มีปัญญาเอาตัวรอดได้เลย”
ละอองคำหัวเราะเสียงดังสะใจ
“ข้าหวังดีต่อเจ้าพี่นะเจ้าข้า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าพี่ทำบาป”
“จำไว้นะรุ้งแก้ว ถ้าเจ้าคิดร้ายต่อข้าวันใด ข้าจะกินเจ้าวันนั้น”
รุ้งแก้วน้ำตาคลอ มองละอองคำเหมือนไม่รู้จัก

รุ้งแก้วนั่งมองนอกหน้าต่าง ปาดน้ำตา พนมมือไหว้
“วิญญาณเจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าพี่ราบฟ้า และผีหลวงเมืองนาย โปรดยกโทษให้เจ้าพี่ละอองคำด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“อย่าฝันไปเลยรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วสะดุ้งสุดตัว เห็นละอองคำเข้ามาหน้าถมึงทึง
“วิญญาณของคนเหล่านั้นไม่สนใจเราสองคนหรอก”
“เจ้าพี่รู้”
“ใช่ รู้ รู้ทุกอย่าง เจ้าคิดอะไรในใจ ข้าก็รู้ เพียงแต่ เจ้าทำไปเพราะรักข้า เรามีกันแค่สองคนพี่น้องนะรุ้งแก้ว อย่าทำให้พี่ต้องชังเจ้ามากกว่านี้”
ละอองคำมองรุ้งแก้วสายตาขู่ รุ้งแก้วเบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง หน้าละอองคำ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหน้าผีปอบ แต่รุ้งแก้วไม่เห็น

โฉมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา ฉัตรเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ สมานถึงกับต้องรีบเดินไปหรี่เสียงเพลงลง
“คุณจำแลงตายไปอีกคนแล้วค่ะพี่ฉัตร”
ซ่อนกลิ่นละงานในมือ รีบเดินเข้ามาร่วมวง
“นี่ลูกอย่าบอกนะว่า เหมือน”
“ใช่ค่ะ ตับไตไส้พุงไม่เหลือ แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้”
ซ่อนกลิ่นตบอก หวาดหวั่น
“ปอบ ปอบชัดๆ”
“ใช่ค่ะคุณแม่ ปอบ ปอบแม่รุ้งแก้วนั่นแน่ๆ”
ฉัตรส่ายหน้า
“เธอเห็นกับตาหรือไง ฮึ ยัยโฉม ถึงกล่าวหาคุณรุ้งแก้วอย่างนี้”
“พี่ฉัตร ใครๆ เขาก็โจษกันทั่วพระนคร ว่าตอนนี้มีปอบออกอาละวาด”
“ใครๆ ที่ว่า โฉมก็ไม่รู้จักสักคน”
“เอ๊ะ พี่ฉัตร จะให้โฉมรู้จักคนทั้งพระนครหรือไง”
“ข่าวลือก็คือข่าวลือ เธอจะปรักปรำคุณรุ้งแก้วด้วยข่าวลืองั้นรึ”
“เอ๊ะ พี่ฉัตรนี่ยังไง ถ้าไม่ใช่นังรุ้งแก้วแล้วจะเป็นใครไปได้ นี่อย่าบอกนะคะว่าพี่ฉัตรตกหลุมเสน่ห์ของมันอีกคน”
ซ่อนกลิ่นเจื่อนหมองเป็นห่วง
“แม่ใจคอไม่ดีเลย”
“ปอบเปิบอะไรสมัยนี้ไม่มีแล้วล่ะ อุตส่าห์ร่ำเรียนมาซะสูง คิดได้ยังไง หือยัยโฉม ไร้สาระ”
“คุณพ่อ ฮึ ข่าวเขาก็ลงในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ คนทั้งพระนครเขาก็โจษกันทั่ว คุณพ่อยังหาว่าโฉมไร้สาระอีกรึคะ”
โฉมเดินไปอย่างไม่พอใจ ฉัตรเดินเข้ามาในห้องด้วยความไม่พอใจโฉม คิดถึงละอองคำ แล้วยิ้ม
“ทั้งสวย ทั้งเป็นผู้ดี จะเป็นอย่างที่ยัยโฉมพูดได้ไง”
เวลาเดียวกันนั้น ละอองคำเดินมามองสายน้ำ นึกถึงฉัตร
“ไม่ ข้าจะไม่ยอมรักใครอีกแล้ว ข้ากลัวผิดหวังเหมือนกับที่เจ้าพี่ราบฟ้าทำกับข้า”

ละอองคำมองไปที่สายน้ำเบื้องหน้า หน้าเศร้าไป

ซ่อนกลิ่นเดินมาหาโฉมซึ่งนั่งหน้าง้ำอยู่ คว้ามือโฉมมาสวมแหวนให้ โฉมมองแม่ ไม่เข้าใจ
 
“แหวนอะไรคะ เอามาให้โฉมทำไม”
สมานเดินเข้ามานั่งข้างโฉม
“แกกลัวผีกลัวปอบไม่ใช่รึ”
โฉมมองแหวนเพชรวงใหญ่ที่นิ้วมือ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับแหวนเพชรนี่ล่ะคะ คุณพ่อ วงโต๊โต เทอะทะเชียวค่ะ”
“สวมไว้เถอะ แหวนวงนี้แม้จะดูไม่สวย แต่ก็เปี่ยมด้วยพุทธคุณ”
โฉมมองซ่อนกลิ่น หันมองสมานอย่างไม่เชื่อถือ
“อย่าถอดทิ้งซะล่ะ เพชรเม็ดโตนั่นน่ะ ของจริง หลายกะรัตนะ ไม่ใช่ถูกๆ”
โฉมมองแหวนที่นิ้วมือ ไม่ได้ปลาบปลื้มยินดีสักนิด แต่ก็ยอมสวมแหวนนั้นไว้ เพราะรู้ว่ามีราคาแพง

ละอองคำนั่งอยู่ในห้อง ปิดหน้าต่างทุกบาน พลันก็หันขวับไปที่หน้าบ้าน ยิ้มมุมปาก เสียงปอบดังขึ้น
“มันมาแล้ว”
อำนวยยืนเกาะรั้วอยู่ที่หน้าบ้านละอองคำ ละอองคำเปิดประตูหน้าบ้านออกไป ยิ้มรับอำนวย อำนวยโบกมือ
“ตรงเวลาดีจังค่ะ ฉันกำลังหิวพอดี”
อำนวยหัวเราะแบบชีกอ ไม่สนใจว่าละอองคำพูดอะไร
“น้องรุ้งแก้วล่ะครับ”
“ยัยรุ้งแก้วไปวัดค่ะ อีกสักพักคงกลับ”
อำนวยผิดหวัง
“เอ่อ งั้นผม”
“เชิญข้างบนดีกว่าค่ะ”
ละอองคำนำอำนวยขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง อำนวยมองตามร่างละอองคำขึ้นไป ละอองคำหันมายิ้มให้ อำนวยกระหยิ่มยิ้ม คิดว่าหญิงสาวให้ท่า รีบตามขึ้นไป ละอองคำเปิดประตูเข้าห้องนอน
“อุ้ย ห้องนอนเลยเหรอ”
ละอองคำก้าวนำไป ไม่ลืมที่จะหันมาทิ้งตาให้เหมือนยั่วยวนนิดๆ อำนวยย่ามใจ โอบกอดละอองคำจากด้านหลัง
“ผมไม่คิดว่าจะโชคดีอย่างนี้”
มือละอองคำ เล็บยาว กลายเป็นมือผี น่าเกลียด แล้วแทงที่สีข้างของอำนวยทันที อำนวยสะดุ้ง
“โอ๊ะ”
อำนวยค่อยๆ ก้มมองสีข้างตัวเอง เห็นมือผีปักอยู่ที่สีข้าง อำนวยช็อก แต่ตาลุกวาว
ค่อยๆ เงยมองหน้าละอองคำ เห็นเป็นหน้าผีปอบ แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย ผีปอบชะโงกหน้าเข้าหาอำนวยช้าๆ อำนวยหวาดกลัวสุดขีด ปอบเข้าสิงร่าง อำนวยสะดุ้ง ตาเหลือก เลือดทะลักที่มุมปาก

รุ้งแก้วเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามา มองไปที่เรือนปั้นหยาของตน บ้านเงียบ ปิดหน้าต่าง ประตูไว้หมด เหมือนไม่มีใครอยู่ เธอเดินเข้ามาในบ้าน เห็นบ้านเงียบ เปิดไฟไว้เพียงบางดวง
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อยู่หรือเปล่าเจ้าคะ”
รุ้งแก้วขึ้นบันไดไปที่หน้าห้องละอองคำ จะเคาะประตู แต่ชะงักค้าง ตัดสินใจหันหลังกลับไปถึงห้องตัวเอง จะเปิดประตู แต่เกิดเป็นห่วงละอองคำ จึงตัดสินใจกลับมาที่ห้องพี่สาว เปิดประตูเข้าไปเบาๆ โดยไม่เคาะ ละอองคำหันหลังกำลังกินไส้อำนวย รุ้งแก้วตกใจสุดขีด เบิกตาโพลง
“เจ้าพี่”
ละอองคำหันมา เลือดยังเลอะปาก ไส้ของอำนวยยังติดอยู่ที่มือ รุ้งแก้วผลุนผลันวิ่งหนีลงบันไดไปไม่คิดชีวิต ร้องไห้ไปพลาง จนถึงหน้าวัด ชนเข้ากับธวัชที่ออกมาจากประตูวัดพอดี
“น้องรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วปล่อยโฮ ธวัชกอดไว้
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฮือๆ”
“น้องรุ้งแก้ววิ่งหนีอะไรมา”
รุ้งแก้วตื่นเต้น พูดแทบไม่เป็นคำ
“ช่วยด้วยค่ะ พี่ธวัช มันน่ากลัวเหลือเกิน”
“ใจเย็นๆ น้องรุ้งแก้ว เล่าให้พี่ฟังนะว่าเกิดอะไรขึ้น”
รุ้งแก้วส่ายหน้า ไม่กล้าเล่า
“เอ่อ เจ้าพี่ เอ่อ”
“หมายถึงคุณพี่ละอองคำงั้นเหรอ”
รุ้งแก้วตัดสินใจไม่เล่า รีบป้ายน้ำตา ตัดบท
“รีบไปกันเถอะค่ะ เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“แล้วคุณพี่ล่ะ คุณพี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
รุ้งแก้วร้องไห้ ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เจ้าพี่คนเดิมอีกแล้ว มันน่ากลัวเหลือเกิน รุ้งอยากพบแม่ชีค่ะ”

ธวัชรีบประคองรุ้งแก้วเข้าประตูวัดไป

จิตยกน้ำมาให้ ธวัชรีบรับมา แล้วส่งให้รุ้งแก้ว
 
รุ้งแก้วรับน้ำมาดื่มดับกระหายเพราะวิ่งมาไกล ธวัชเฝ้ามองด้วยความห่วงใย
“น้องรุ้งบอกพี่ได้ไหม วิ่งหนีอะไรมา”
รุ้งแก้วถือแก้วน้ำค้าง หลบตา
“เอ่อ”
“นั่นสิ หนูรุ้งแก้วหน้าตาตื่นแบบนี้ เหมือนตกใจอะไรมา”
“มีอะไรที่พี่พอจะช่วยรุ้งแก้วได้บ้าง”
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ บางทีรุ้ง เอ่อ รุ้งอาจตาฝาดไป”
“ตาฝาด”
“ตาฝาดอะไรกันคะน้องรุ้ง หน้าตาตื่นขนาดนี้”
“เอ่อ รุ้งอาจฝันร้ายก็ได้ค่ะ เอ่อ แม่ชีล่ะคะ”
“สวดมนต์อยู่ค่ะ หนูรุ้งแก้วรอก่อนนะคะ”
จิตลุกออกไป ธวัชเฝ้ามองรุ้งแก้วอย่างห่วงใย

แม่ชีน้อมมองรุ้งแก้วด้วยสายตาปรานี รุ้งแก้วน้ำตารื้น เสียงสั่น
“แต่เจ้าพี่ เจ้าพี่ไม่เหมือนเดิม มัน มันน่ากลัวเหลือเกินค่ะ”
“ทำใจให้สบาย อย่ากลัว ความดีจะเป็นเกราะป้องกันเจ้าจากภัยร้ายทั้งปวง ถ้าไม่สบายใจ คืนนี้ก็ค้างที่นี่ก่อน อยู่ให้สบายใจ ให้ทุกอย่างคลี่คลายแล้วค่อยกลับไป จิต จิต”
“แม่ชีต้องการอะไรคะ”
“คืนนี้จัดที่นอนให้หนูรุ้งแก้วด้วย นอนกับเธอน่ะแหละ”
“เจ้าค่ะ ทางนี้ค่ะคุณรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วกราบแม่ชีน้อม

ธวัชมองรุ้งแก้วอย่างห่วงใย จิตหันไปบอก
“คุณธวัชกลับไปก่อนเถอะค่ะ ดึกแล้ว”
“ใช่ๆ พี่ธวัชรีบกลับไปเถอะค่ะ อันตราย”
ธวัชมองรุ้งแก้วรู้สึกผิดสังเกต
“น้องรุ้งแก้ว พูดเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง บอกผมได้มั้ย ผมจะได้ระวังตัว”
รุ้งแก้วอึกอัก ส่ายหน้า
“รุ้งแค่เป็นห่วงพี่ธวัชค่ะ”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ หลังเลิกงานพี่จะมาที่นี่ ถ้าน้องรุ้งยังอยู่ เราคงได้พบกัน”
“ค่ะพี่ธวัช”
ทั้งสองสบตากัน มีสายสัมพันธ์รัก แต่ไม่กล้าแสดงออกมา จิตจัดที่นอน แอบมองดูทั้งคู่แล้วอมยิ้ม

แม่ชีน้อมเดินจงกรมอย่างสงบ ราบฟ้าในชุดเจ้าหลวงปรากฏตัวขึ้น
“ท่านน่ะเอง จะให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาเถิด”
“อนุโมทนาบุญกับแม่ชีด้วย อภิญญาบารมีของแม่ชีที่ปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลานาน จะทำให้แม่ชีล่วงรู้วาระจิตของเราเอง”
“เหตุใดท่านไม่เล่าให้ฉันฟัง”
ราบฟ้าหน้าเศร้าไป
“เราไม่อยากสะเทือนใจ”
แม่ชีน้อมยิ้มบางๆ ดวงตาเมตตา
“ตราบใดที่ยังผูกพันกับอดีต ยังปล่อยให้มีอิทธิพลอยู่ในใจของเรา อดีตย่อมนำทุกข์มาให้ ไม่ใช่ทุกข์เพราะรัก ก็เป็นทุกข์เพราะชัง”
“เราคิดว่าแม่ชีรู้แล้วว่าเราต้องการอะไร”
ราบฟ้าเลือนหายไป

ละอองคำเดินงุ่นง่าน รอคอยรุ้งแก้ว
“ปีกกล้าขาแข็งนัก รุ้งแก้ว ไม่ว่าข้าจะเป็นใคร จะเป็นอะไร ข้าก็เป็นพี่เจ้า คิดเหรอว่าจะหนีพ้น”
ละอองคำยิ้มเหี้ยมๆ แล้วเดินไปที่หิ้งผี
“ผีเจ้า ข้าทำให้ผีเจ้าอิ่มหนำสำราญแล้ว ผีเจ้าต้องช่วยข้าบ้าง ตามรุ้งแก้วกลับมาหาข้า”
กรวยดอกไม้ลอยขึ้นจากหิ้ง เสียงหัวเราะต่ำๆ ของผีเจ้าดังมา
“ได้สิ อีรุ้งแก้ว อีรุ้งแก้วเหย”
ละอองคำยืนที่หน้าประตูวัด เสียงหมาหอนดังระงม ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้นด้านหลังละอองคำ ชะโงกหน้ามาหา
“ข้าเข้าไปไม่ได้ ที่นี่มีทั้งพระทั้งชีที่มีอภิญญาสูงยิ่ง ข้ากลัว”
“ไหนว่าช่วยข้าได้อย่างใดเล่า”
“อย่าขึ้นเสียงกับข้านะอีละอองคำ”
ผีเจ้าเข้าสิงร่างละอองคำทันที พลันร่างของละอองคำสูงเป็นเปรต ละอองคำเห็นภาพกว้างในบริเวณวัด สายตาของผีเจ้าที่สิงละอองคำหยุดที่แม่ชีน้อมที่เดินจงกรมอยู่ที่ลานวัด แม่ชีน้อมเหลียวมอง
“กลับไปซะ อย่าให้พุทธคุณเล่นงานจนเจ้าไม่มีโอกาสสำแดงอิทธิฤทธิ์อีกต่อไป”
“กลับเหรอ”
ผีเปรตสูงใหญ่ของละอองคำเงื้อมือจะตวัดร่างของแม่ชีน้อม แต่ยังไม่ทันถึงตัว รัศมีของแม่ชีน้อมก็ทำให้ผีเจ้าทนไม่ได้
“โอย ร้อน นี่มันไฟนรกนี่”
ละอองคำกลายเป็นร่างเดิม ผีเจ้าหลุดออกจากร่างละอองคำลงไปนอน เจ็บปวด
“กลับบ้าน บัดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ข้าจะกินเจ้าและกินอีรุ้งแก้ว”
ละอองคำตระหนก รีบสาวเท้าเดินกลับไป ผีเจ้าเดินตามแล้ววูบเข้าร่าง แม่ชีน้อมเดินกลับกุฏิ เห็นหลวงพ่อเดินมา แม่ชีนั่งลงไหว้
“หลวงพ่อเจ้าคะ”
“รู้แล้ว เมตตาเขาไปเถอะ คนที่มีจิตฝักใฝ่ในความริษยาอาฆาต จะถูกมารเข้าสิงอย่างนี้แหละ”
“น่าสงสารทุกฝ่ายเลยนะเจ้าคะ เอ่อ โยมได้ข่าวว่าคุณฉัตร”
หลวงพ่อยิ้มบางๆ พูดด้วยเมตตา
“กรรมที่เกาะเกี่ยวกันมาอย่างใด ผลของกรรมก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น กรรมยุติธรรมเสมอ”
หลวงพ่อเดินไป ขณะที่ละอองคำกลับมาที่เรือน นั่งลงที่เตียง แค้นเคือง

“รุ้งแก้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำข้าต้องเดือดร้อนนะ”

ตอนเช้า ฉัตรเดินมาหาสมาน ไม่สบายใจนัก
 
“เป็นไปอย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย”
“ครับ ผมถูกดุลออกจากราชการ”
ซ่อนกลิ่นรีบวางผ้าปักทันที กังวลมาก
“ค่อยๆ คิดนะฉัตรว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ผม ไม่เป็นไรครับคุณแม่”
“ฉันจะฝากงานที่บริษัทเฮียซ้งให้ทำไปก่อน แล้วค่อยขยับขยายทีหลัง”
ซ่อนกลิ่นหันมองสมาน ไม่พอใจ
“คุณจะให้ลูกไปทำงานแบกหามหรือคะ ลูกทำไม่ไหวหรอก”
“อะไรกันแม่ซ่อนกลิ่น ใช่ว่าจะมีแต่งานแบกหาม งานสำหรับคนที่เรียนมาสูงๆ มีออกถมเถไป”
“ขอบคุณครับ ผมขอคิดดูก่อน”
ฉัตรเดินไป ซ่อนกลิ่นแทบหมดแรง
“ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว จะกินเงินหลวงไปจนตายคงไม่ได้”
ซ่อนกลิ่นถอนใจ เสียงโฉมดังเข้ามา น้ำเสียงตกใจมาก
“คุณแม่ขา คุณพ่อขา เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ.พี่ฉัตรอยู่หรือเปล่าคะ คุณแม่”
“อะไรกันยัยโฉม หา”
“พูดเสียงดังเป็นเจ๊กตื่นไฟไปได้ ยุคนี้เขาเรียกร้องให้คนเป็นผู้ดี”
“โอ๊ย เป็นผู้ดีไม่ไหวแล้วค่ะคุณพ่อ ความตายมาเยือนพี่ฉัตรถึงตรงหน้าแล้ว”
“อะไรนะยัยโฉม”
โฉมไม่ตอบแต่เดินขึ้นบันไดไปอย่างรีบร้อน ซ่อนกลิ่นรีบวางผ้าปัก เดินตามไป โฉมมาหาฉัตรที่ห้องนอน
“คุณอำนวยหายตัวไปค่ะพี่ฉัตร มีคนเห็นว่าเขาไปบ้านนังเศรษฐีจากหัวเมืองสองคนพี่น้องนั่น”
“สองคนไหน”
“อย่ามาทำเฉไฉว่าไม่รู้จักมัน ก็นังรุ้งแก้วกับพี่สาวของมันไง”
“ตอนนี้ทางบ้านคุณอำนวยเอาโปลิสไปตรวจค้นแล้ว ฮึ คราวนี้แหละ นังสองคนพี่น้องนั่นติดตะรางหัวโตแน่”
“อะไรกัน สองคนพี่น้องไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัตรด้วย”
“คุณแม่ไม่ทราบหรือคะว่าลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ไปติดพันผู้หญิงจากหัวเมือง เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำตัวลึกลับ หัวนอนปลายเท้าก็ไม่รู้จัก”
“ฉัตร จริงหรือเปล่าลูก”
“เราเป็นเพื่อนกันครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมขอตัวก่อน”
ฉัตรเดินออกไป
“จะไปไหนลูก”
ฉัตรไม่ตอบ แต่โฉมตามออกมา
“จะไปดูนังสองคนพี่น้องโดนจับข้อหาฆาตกรหรือไงพี่ฉัตร”
ซ่อนกลิ่นออกมาจากห้อง เดินผ่านโฉมลงบันไดตามไปอย่างรีบร้อน ฉัตรเดินผ่านสมานไป
“แกน่าจะฟังน้องบ้างนะฉัตร จิ้งจกทักเรายังต้องฟัง”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วฉัตรจะไปบ้านของผู้หญิงที่ยัยโฉมว่าเหรอ”
“ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะแวะกราบหลวงพ่อด้วย”
ฉัตรเดินออกไป สมานหัวเราะหึๆ ซ่อนกลิ่นค้อน
“หัวเราะอะไรคะ”
“อะไรที่มาจากผัวเก่าคุณ ดีๆ ทั้งนั้น นี่ขนาดไปบวชเป็นพระ ยังไม่วายชักนำลูกไปวุ่นวายกับเรื่องไม่ดี”
“คุณ”
“ไม่จริงหรือไง ระวังเถอะลูกชายคุณจะติดร่างแหเป็นพวกเดียวกับฆาตกร”
ซ่อนกลิ่นหน้าซีด
“ก็น่าคิดนะคะคุณแม่”
โฉมพูดลอยหน้าลอยตาเหมือนสะใจ ซ่อนกลิ่นตวัดสายตามอง แล้วก็ได้แต่กลุ้มใจ

ละอองคำดูกลุ่มตำรวจเดินสำรวจหาตัวคนร้าย ตำรวจนายหนึ่งซักปากคำละอองคำอยู่
“คุณรู้จักคุณอำนวยมานานหรือยัง”
“ยัง คนไหน หน้าตายังไง ฉันยังไม่รู้จักเลย”
ตำรวจมองหน้าละอองคำ ละอองคำมองจ้อง ใช้พลังคุมอำนาจจิตของตำรวจ
“ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของนายอำนวย กลับไปได้แล้ว”
ตำรวจพยักหน้าเหมือนถูกสะกดจิต หันไปบอกลูกน้อง
“กลับ เธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของนายอำนวย”
ละอองคำตวัดสายตามองไปที่ตำรวจทุกคน ตำรวจพยักหน้า แล้วเดินออกไปกันหมด

ธวัชมาที่วัด บอกกับจิตหน้าตาตื่น
“โปลิศเข้าตรวจค้นที่บ้านคุณรุ้งแก้ว สงสัยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่”
จิตเหลียวมองซ้ายขวาลดเสียงลง
“เขาลือกันว่าที่บ้านนั้นมีปอบ”
ธวัชหน้าเสียไป ห่วงรุ้งแก้วขึ้นมา
“จิตอย่าบอกเรื่องนี้กับรุ้งแก้วนะ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“แม่ชีน้อมพาไปนั่งสมาธิในโบสถ์ค่ะ”
ธวัชพยักหน้า เป็นกังวล

ฉัตรนั่งอยู่ที่รถลาก บนตักเขามีถุงกระดาษ ภายในมียาจีนอยู่ เขามีความหวัง ชะเง้อมองไปข้างหน้าลุ้นว่าเมื่อไหร่จะถึง

โฉมแต่งตัวสวยออกมาจากข้างใน ซ่อนกลิ่นกับสมานนั่งอยู่ในห้องโถง
“จะไปไหน จะเย็นแล้วนะ อย่าทำให้พ่อแม่เป็นห่วง”
“ห่วงพี่ฉัตรดีกว่าค่ะคุณแม่”
“แล้วแกจะไปไหนล่ะ”
“เขาลือกันว่ามีแม่ชีดูดวงแม่น โฉมจะไปให้เขาดูว่าคุณอำนวยเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน อ้อ วัดนั้นน่ะเป็นวัดเดียวกับหลวงพ่อพี่ฉัตรจำพรรษาอยู่ด้วยนะ”
ซ่อนกลิ่นหน้าตึงขึ้นมาทันที สมานมองซ่อนกลิ่น พูดเยาะ
“จะไปกับลูกมั้ยล่ะ เผื่อจะได้สนทนาธรรมกับอดีตสามีบ้าง”
“คุณอย่าหยาบคายกับฉันนะ บาปกรรม”
สมานหัวเราะแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือ
“โฉมอาจจะกลับดึกนะคะ จะเลยไปเต้นลีลาศกับพวกเพื่อนๆ ต่อค่ะ”

โฉมออกไป ซ่อนกลิ่นไม่สบายใจนัก

จบตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น