ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 17
สร้อยทองกลับจากโรงพยาบาลมาพร้อมกับศรี พอทราบเรื่องก็ตกใจ
"อะไรนะดอกแก้ว แม่ลำเจียกน่ะหรือถูกขัง เกิดอะไรขึ้น"
"คุณพี่ลำเจียกขึ้นไปอาละวาดทำร้ายคุณหลวงกับคุณสารภีบนห้องจนบาดเจ็บกันทั้งคู่ค่ะ"
"ทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนั้น หยูกยาแม่ลำเจียกก็กินตามปกติไม่ใช่หรือ แล้วนี่คุณหลวงสั่งขังแม่ลำเจียกที่ไหน"
"ที่หลุมหลบภัยค่ะ แก้วพยายามทัดทานคุณหลวงแล้วแต่ไม่สำเร็จ คุณพี่สร้อยทองช่วยพูดอีกแรงนะคะ แก้วเป็นห่วงคุณพี่ลำเจียกกับลูกแกเหลือเกินคะ"
"ฉันจะลองพูดดู แต่ก็ไม่รับปากว่าจะสำเร็จรึเปล่านะ"
"ขอบคุณนะคะคุณพี่"
สร้อยทองพยักหน้าถอนใจ
สารภีทำออเซาะหลวงปกรณ์ให้ดูแผลที่แก้ม แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อสร้อยทองเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ
“คุณพี่ยังเห็นแม่ลำเจียกเป็นคนอยู่หรือเปล่าคะ ทำไมถึงได้จับขังแบบนั้นด้วย”
หลวงปกรณ์โชว์แผลที่แขน
“นี่เห็นมั้ยแม่สร้อย ฉันไม่โบยตีลงโทษซ้ำก็ดีเท่าไรแล้ว”
“แต่แม่ลำเจียกเป็นเมียคุณพี่ ผิดถูกยังไงแค่ว่ากล่าวกันก็น่าจะพอ”
สารภีบอก
“ที่ผ่านคุณหลวงท่านก็เมตตาว่ากล่าวตั้งหลายหน ไม่เห็นคุณน้าลำเจียกจะเชื่อฟัง นี่ถึงขนาดคิดฆ่าสารภี ไม่โดนจับส่งตำรวจก็ดีเท่าไรแล้วคะ”
“คนอย่างแม่ลำเจียก แม้จะใจร้อนแต่ก็ไม่เคยคิดฆ่าแกงใคร หรือว่าหล่อนไปทำอะไรไว้ล่ะ”
“นี่คุณน้าสร้อยทองคิดว่า ที่คุณน้าลำเจียกเป็นบ้าคลุ้มคลั่งแทบจะฆ่าสารภีตาย เพราะสารภีตั้งใจไปยั่วโมโหหรือคะ สารภีจะไปทำอย่างนั้นเพื่อให้ตัวเองเจ็บตัวได้ยังไงคะ”
“ก็ไม่แน่ เพราะมันอาจจะเป็นแผนของเธอก็ได้หนิ”
“แม่สร้อย! อย่ากล่าวหาสารภีแบบนั้น หล่อนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่รู้ว่าแม่ลำเจียกบ้าคลั่งขนาดไหน”
“ยอมรับเถอะค่ะว่าคุณน้าลำเจียกแกสติไม่ดี ขืนปล่อยให้อยู่เหมือนเดิมก็เป็นอันตรายกับคนทั้งบ้าน หรือคุณน้าอยากให้ต้องมีใครตายก่อนรึยังไงคะ”
สร้อยทองนิ่งอึ้งตอบโต้อะไรไม่ได้ จึงจำเป็นต้องออกไป สารภีแอบยิ้มสะใจ
ในโรงครัว ดอกแก้วกับเอี้ยงช่วยกันตักอาหารใส่ถาดไปให้ลำเจียก
“เร็วๆ เข้าเถอะเอี้ยง ฉันต้องหาทางเข้าไปหาคุณพี่ลำเจียกให้ได้ เร็วๆ เดี๋ยวมีใครมาเห็นจะเป็นเรื่อง”
“ค่ะๆ ว้าย ! พะ พี่อึ่ง”
เอี้ยงชะงักเมื่อเห็นอี่งโผล่มา อึ่งเดินเข้ามามองดอกแก้วกับเอี้ยงที่กำลังตักอาหาร
“คุณจะมาเอาข้าวไปให้คุณลำเจียกหรือ”
“ใช่จ้ะ”
ดอกแก้วกลัวๆ ไม่อยากให้อึ่งโวยวาย แต่จู่ๆ อึ่งก็ถอนใจ เดินไปตักกับข้าวอีก 2-3 อย่าง
ที่ด้านนอกโรงครัว พิศย่องๆ เข้ามาแอบมอง
“เอานี่ไปด้วยค่ะ คุณลำเจียกเธอชอบรับประทาน อึ่งฝากคุณลำเจียกด้วยนะคะ แต่อึ่งคงไปช่วยไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนคุณหลวงลงโทษเอา”
ดอกแก้วจับมืออึ่งซึ้งใจ
“ขอบใจนะจ๊ะพี่อึ่ง”
ดอกแก้วถือถาดไปกับเอี้ยง พิศมองร้ายรีบวิ่งหนีไปอีกด้าน
หลวงปกรณ์ลุกพรวด เมื่อพิศสาระแนมาฟ้อง
“ดอกแก้วจะเข้าไปหาแม่ลำเจียกรึ”
“ฮึ ขนาดคนเป็นเมียยังไม่ฟังผัว อีกหน่อยบ่าวไพร่มันก็คงไม่เกรงใจคุณหลวงแล้วล่ะค่ะ หันไปเกรงใจคุณดอกแก้วกันหมด” สารภีว่า
หลวงปกรณ์ยิ่งคิดก็ไม่พอใจ รู้สึกเสียหน้า
“เห็นทีว่าฉันจะใจดีกับแม่ดอกแก้วมากเกินไป ถึงได้กล้าไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้”
หลวงปกรณ์เดินปึงปังออกจากห้อง สารภีกับพิศยิ้มสะใจ รีบตามไป
เวลาต่อเนื่องมา ดอกแก้วถือถาดอาหารเข้ามาพร้อมกับเอี้ยง เห็นบ่าวผู้ชายยืนเฝ้าอยู่
“เดี๋ยวเอี้ยงจะไปถ่วงเวลาพวกนั้นไว้ คุณดอกแก้วได้จังหวะแล้วรีบเข้าไปหาคุณลำเจียกนะคะ”
เอี้ยงวิ่งตรงไปหาพวกบ่าวผู้ชาย ทำเป็นชี้บอกเหมือนให้ไปทำอะไรบางอย่าง แล้ววิ่งตามกันไป
ดอกแก้วถือโอกาสเดินตรงจะไปที่ห้องขัง แต่หลวงปกรณ์ สารภี พิศโผล่ตามมา
“หยุดนะดอกแก้ว ! ใครให้เอาอาหารไปให้แม่ลำเจียก”
ดอกแก้วชะงัก หันกลับไปมองแล้วตกใจ
“แต่คุณหลวงคะ คุณพี่ลำเจียกยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า แก้วเป็นห่วงเด็กในท้อง”
“ดูเอาเถอะค่ะ เดี๋ยวนี้คำสั่งของคุณหลวงไม่มีความหมายสำหรับแม่ดอกแก้วซะแล้ว สงสัยจะลืมตัวว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านนพรัตน์อีกคน”
“ถ้างั้นฉันในฐานะเจ้าของบ้านนพรัตน์ ก็มีสิทธิสั่งแม่ดอกแก้วได้ใช่ไหม”
หลวงปกรณ์หันไปมองสร้อยทอง สร้อยทองพูดหน้าตาเฉย
“น้องเป็นคนสั่งแม่ดอกแก้วเองให้เอาอาหารไปให้แม่ลำเจียก คนกำลังท้องกำลังไส้ ขาดอาหารไปจะเป็นอันตรายกับเด็ก ถ้าคุณพี่จะลงโทษใครก็มาทำที่น้อง จะจับยัดห้องขังอีกคนก็เชิญเถอะค่ะ”
สร้อยทองเชิดหน้าใส่ หลวงปกรณ์เจ็บใจ แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่
“ก็ได้ ฉันยอมให้ส่งข้าวส่งน้ำได้เท่านั้น แต่อย่าได้มีใครคิดช่วยเหลือเรื่องอื่นเป็นอันขาด”
หลวงปกรณ์เดินหน้าบึ้งไปพร้อมกับสารภีและพิศ
ดอกแก้วโล่ง แทบจะเข้าไปกราบสร้อยทอง
“ขอบพระคุณนะคะคุณพี่ที่ช่วยออกรับแทน”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็เวทนาแม่ลำเจียกเหมือนกัน” สร้อยทองรับถาดมา “เดี๋ยวฉันเอาไป-ให้เอง เธอมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะ”
ดอกแก้วรับคำแล้วเดินเลี่ยงไป สร้อยทองถือถาดมองตาม
สร้อยทองถือถาดอาหารเข้ามาในห้องขังที่มีโซ่คล้องอยู่ ภายในเห็นลำเจียกนอนนิ่งหมดสภาพอยู่กับพื้น
“แม่ลำเจียก”
สร้อยทองขยับเข้าไปใกล้ๆ ลองเขย่าประตูให้ลำเจียกได้ยิน
ลำเจียกนอนนิ่งไม่ตอบ สร้อยทองถอนใจ ไม่อยากเซ้าซี้ เลยสอดถาดอาหารไปใต้ประตู แต่จงใจให้ถาดอาหารห่างไกลจากตัวลำเจียก
“ฉันเอาอาหารมาให้ กินซะนะ แม่ลำเจียก”
สร้อยทองมองลำเจียกอย่างสังเวชแล้วลุกออกไป
ลำเจียกรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย แล้วเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้อง ก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ รอบกายเต็มไปด้วยความมืด พลันทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา มีเพียงแสงจันทร์ส่องวับแวมมาจากทางประตู
ลำเจียกเห็นถาดอาหารวางอยู่ใกล้ประตูก็นึกหิว คลานจะเข้าไปเอา แต่โซ่ดึงรั้งไว้ทำให้เอื้อมไม่ถึง ลำเจียกพยายามเหยียดตัวสุดความสามารถ แต่ก็เกี่ยวถาดอาหารมาไม่ได้
ลำเจียกพยายามกระชากเท้าตัวให้หลุดจากโซ่ แต่ก็ไม่สำเร็จ บังเกิดเป็นความเจ็บปวดมากกว่าเดิม จนต้องกรีดร้องออกมา
ยิ่งดิ้นไม่หลุด ลำเจียกก็ยิ่งโมโห พยายามตะกุยตะกายพื้น เพื่อจะคว้าถาดอาหาร สลับกับกรีดร้องอย่างเจ็บใจที่ตัวเองต้องอยู่ในสภาพนี้
ลำเจียกร้องครวญครางทุรนทุรายดูน่าเวทนา เสียงร้องโหยหวนเหมือนสัตว์ที่ถูกล่ามโซ่
อึ่ง เข็ม และบ่าวสาวๆ กำลังเดินกลับเรือน ได้ยินเสียงกรี๊ดก็สะดุ้งโหยง
เข็มกลัว
“เสียงอะไรวะ พวกเอ็งก็ได้ยินใช่ไหม”
บ่าวสาวๆ พยักหน้ากันหงึกหงัก อึ่งมองไปรอบๆ อย่างกลัวๆ
“ข้าบอกเอ็งแล้วว่าอย่าเดินมาทางนี้นังเข็ม พูดไม่รู้จักฟัง แถวนี้แหละที่ข้าเจอ” อึ่งบอก
“จออะไรพี่อึ่ง”
อึ่งเอามือกอดแขนตัวเองไว้อย่างกลัวๆ แล้วก้มลงมองที่พื้น
“ก็เจอมือผีที่มันโผล่ออกมาจากพื้นดินน่ะสิ”
“หรือว่านี่มันเสียง...” เข็มว่า
พวกเข็มกับบ่าวสาวๆ มองไปที่พื้นดินอย่างหวาด ทันใดเสียงกรีดร้องของลำเจียกก็ดังขึ้นอีก
ทุกคนร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจแล้ววิ่งแจ้นไป โดยมีอึ่งโหวกเหวกรั้งท้ายเพราะความกลัวไม่แพ้กัน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 17 (ต่อ)
เสียงร้องของลำเจียกดังแว่วๆ สลับกับมีเสียงหมาหอน เชตอาบน้ำเสร็จเดิมเอาผ้าขาวม้าคลุมตัวเข้ามา ได้ยินเสียงแว่วๆ
“หมาที่ไหนมันมาหอนอีกวะ คนยิ่งหนาวขนลุกอยู่”
เชตจะเดินผ่านไป แต่เหลือบเห็นสารภีใส่ชุดนอนบางๆ พริ้วๆ เดินผ่านมาพอดีก็หยุดชะงัก ยิ้มเจ้าเล่ห์
สารภีเดินจะไปที่ตึก แต่เห็นเชตโผล่มาก็ชะงัก เชตยิ้มแซว แต่มองแทะโลม
“คุณสารภีแต่งตัวอย่างนี้มาเดินดึกๆ ดื่นๆ ไม่หนาวหรือครับ เอาผ้าผมไปห่มไหม”
เชตแกล้งจะยื่นผ้าขาวม้าให้ห่ม สารภีถอยหนีรังเกียจ รีบเอามือปิดอก
“ทะลึ่ง ไม่รู้จักกาลเทศะ จะไปไหนก็ไป”
สารภีจะเดินหนี เชตรีบเดินตาม
“คุณสารภีจะไปเดินเล่นที่ไหนล่ะครับ ผมจะไปเป็นเพื่อน คืนนี้มันยิ่งแปลกๆ มีเสียงหวีดร้องอะไรก็ไม่รู้น่ากลัว”
“ฉันจะขึ้นไปหาคุณหลวง แกจะไปด้วยกันไหมล่ะ”
เชตชะงักหน้าเสีย สารภียิ้มเยาะเดินเชิดออกไป เชตมองตามอย่างเสียดาย
หลวงปกรณ์อ่านหนังสืออยู่บนเตียง กำลังจะปิดไฟนอน ได้ยินเสียงเคาะประตู เลยเดินไปเปิด
“สารภี มีอะไรหรือ”
สารภีตีหน้าเศร้า
“สารภีนอนไม่หลับค่ะ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ใจคอไม่ดีเรื่องคุณน้าลำเจียกด้วย”
“แม่ลำเจียกถูกกักขังอยู่ ไม่มีทางจะทำร้ายเธอได้อีกหรอก อย่ากังวลไปเลย”
“แต่ใจมันยังผวาอยู่นี่คะคุณหลวง ที่เรือนข้างล่างสารภีต้องนอนคนเดียว นังพิศมันก็แยกไปนอนเรือนบ่าว ข่มตาก็ยังไงก็ไม่หลับซักที”
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ให้คนไปตามนังพิศดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอแค่คุณหลวงกรุณาให้สารภีค้างคืนบนตึกนี่ซักคืน”
หลวงปกรณ์หนักใจ เพราะเกรงใจสร้อยทอง
“ฉันคงต้องขอแม่สร้อยทองก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ ขอสารภีนอนที่ห้องนี้นะคะ”
สารภีเข้าไปกอดหลวงปกรณ์อ้อน
“นะคะคุณหลวง อย่าไล่สารภีลงไปนอนคนเดียวเลยค่ะ สารภีกลัว”
หลวงปกรณ์โดนสารภีกอดแน่นก็เริ่มหวั่นไหว เอามือลูบหัวอย่างเวทนา จำใจให้สารภีนอนด้วย สารภีดีใจที่แผนทั้งหมดเริ่มสำเร็จ
กลางคืนต่อเนื่องมา ลำเจียกนั่งอยู่ที่มุมห้องขัง ร้องไห้คร่ำครวญ มือกระตุกระชากโซ่ที่คล้องอยู่ที่เสา ราวกับจะทำให้มันหลุดออกมาไห้ได้ เมือ่ไม่ได้ดังใจก็ใช้มือทุบๆๆ ตรวจที่ขาด้วยความคับแค้น จนมือเป็นแผลเลือดซึม
ลำเจียกหมดแรง ล้มตัวลงนอน น้ำตานองหน้า บรรยากาศในห้องขังเย็นเฉียบ มืดมิดจนลำเจียกสั่นสะท้าน ลำเจียกหมดเรี่ยวแรงจะดิ้นรนขัดขืน ได้แต่นึกถึงภาพความหลังเก่าๆ ที่เคยสวยงาม
ลำเจียกในชุดเจ้าสาวยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน หลวงปกรณ์เข้ามาประคองกอด ลูบไล้ด้วยความรักใคร่ ลำเจียกยิ้มเอียงอาย หันไปหาหลวงปกรณ์อย่างเขินๆ ก่อนที่หลวงปกรณ์จะก้มลงประทับรอยจูบ
ลำเจียกกับหลวงปกรณ์จับจูงมือกันเดินเที่ยวชมพระนครในยามราตรี ด้วยความหวานฉ่ำแบบโลกนี้มีกันอยู่เพียงสองคน
ลำเจียกทำอาหารของกิน ป้อนหลวงปกรณ์ในห้องทำงาน หลวงปกรณ์ยอมให้ลำเจียกป้อนเหมือนเด็กๆ ดูหวานชื่นมากๆ
ลำเจียกสวยสง่านั่งถ่ายรูปเคียงข้างหลวงปกรณ์ในชุดเต็มยศ เป็นการแสดงสถานะภรรยาอย่างมีเกียรติ ที่หน้าตึกบ้านนพรัตน์
ลำเจียกนึกถึงความหลังด้วยความร้าวรานใจ แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองในเวลานี้ที่ตกต่ำอย่างที่สุด
“ปล่อยฉันออกไป...ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉัน”
ลำเจียกดิ้นกระตุกโซ่อย่างบ้าคลั่ง ตีอกชกตัวอย่างคับแค้น แต่ก็มีเพียงเสียงโซ่ก้องไปมา โดยไม่มีใครตอบรับ ลำเจียกยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
“บ้านนี้มันมีแต่เห็นแก่ตัว มีแต่คนเลวทรยศ คอยดูนะ กูจะสาปแช่งพวกมึงทุกคน ใครที่มันทำกับกู อให้มันทุกข์ทรมารไปจนกว่ามันจะตาย”
ลําเจียกเกรี้ยวกราด ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ทั้งน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล
ดอกแก้วกระวนกระวาย ยืนชะเง้อมองไปทางห้องขัง เอี้ยงจัดที่นอนให้เสร็จแล้วก็ลุกมาเรียก
“นอนเถอะค่ะคุณดอกแก้ว”
“ฉันนอนไม่หลับหรอก ฉันได้ยินเสียงคุณพี่ลำเจียกร้องไห้ เป็นห่วงเหลือเกิน”
“เราก็ทำได้แค่เป็นห่วงนั่นแหละค่ะ คงช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้”
“ในห้องขังจะหนาวแค่ไหนก็ไม่รู้ ฉันอยากจะเอาผ้าห่มไปให้ซักหน่อย”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ ยังไงพวกที่เฝ้ายามอยู่มันก็ไม่ยอมให้คุณดอกแก้วลงไปแน่ มันกลัวคุณหลวงกันจนหัวหด เอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยหาทางกล่อมให้คุณหลวงท่านใจอ่อนจะดีกว่านะคะ”
ดอกแก้วถอนใจ แต่ก็จนปัญญาจะทำอะไรได้ ได้แต่มองไปทางห้องขังอย่างตัดใจ แล้วเดินตามเอี้ยงเข้าเรือน
ลำเจียกที่หลับอยู่ในห้องขังค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เพราะเหมือนได้ยินลมหายใจดังแผ่ว แต่พอลืมตาขึ้นมาเต็มตา ก็เห็นแต่ความมืดมิด อยู่ตรงหน้า
เสียงลมหายใจแผ่วยังแว่วดังอยู่ด้านหลังจนลำเจียกรู้สึกได้
“คุณลำเจียกครับ”
ลำเจียกสะดุ้ง จำเสียงนายไหลได้ เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง ก็หันกลับไปทันที แต่ยังมองไม่เห็นใคร
“คุณลำเจียก” นายไหลเรียกเสียงแผ่ว
“นายไหล ! นายไหลใช่ไหม”
ลำเจียกผุดลุกขึ้น มองหาไปรอบๆ เสียงนายไหลยังคงดังแผ่วๆ ก้องไปมา
“ผมอยู่นี่ครับคุณลำเจียก”
ลำเจียกกวาดตามอง แล้วเห็นเงาตะคุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องขัง ก็พยายามเพ่งดู แล้วค่อยๆ คลานเข้าไป
“นายไหล...เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” ลำเจียกดีใจ น้ำตาไหล “เธอมาช่วยฉันเหรอ งั้นก็พาฉันออกไปที นะนายไหล พาฉันออกจากที่นี่ ช่วยฉันด้วย”
ลำเจียกคร่ำครวญขณะที่คลานไปถึงร่างในเงาตะคุ่มนั้น แต่พอยกมือขึ้นแตะ นายไหลก็หันกลับมา ดวงหน้าของนายไหลเต็มไปด้วยเลือดโทรมและบาดแผล ที่คอเป็นรอยฟันยาวลึกไปถึงเกือบคอหอย
ลำเจียกมองอย่างตกตะลึง แล้วร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง แอร๊ย !
สร้อยทองหลับตาสวดมนต์ ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงกรี๊ดของลำเจียก ศรีเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เสียงแม่ลำเจียกใช่ไหมนั่น”
“ใช่เจ้าค่ะ ร้องคร่ำครวญมาหลายชั่วโมงแล้ว สงสัยจะอาการหนัก พรุ่งนี้คุณเทพไทกลับมาแล้ว คุณสร้อยทองให้เธอไปดูคุณลำเจียกไหมคะ”
“อย่าเพิ่งเลย ฉันขี้เกียจไม่อยากจะมีปัญหากับคุณพี่อีก”
“คุณหลวงจะได้ยินเสียงของคุณลำเจียกบ้างหรือไม่ก็ไม่ทราบนะคะ หรือจะโดนแม่ เอ้อ คุณสารภีปิดหูปิดตาอยู่”
“ทำไมหรือ”
ศรีถอนใจ แต่ก็คันปาก
“ก็เมื่อครู่ศรีเพิ่งเห็นคุณสารภีเธอเดินขึ้นไปบนห้องคุณหลวงน่ะสิเจ้าคะ”
ศรีพูดแล้วเหลือบมองสร้อยทองอย่างเกรงใจ สร้อยทองนิ่ง รู้สึกเจ็บใจที่หลวงปกรณ์เห่อเมียใหม่จนหน้ามืด
หลวงปกรณ์นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ สารภีบีบนวดป้อนบิสกิตทาเนยให้กิน ท่าทางอารมณ์ดี
สารภีได้ยินเสียงรถก็ชะโงกหน้าไปมอง
“อุ๊ย พี่เทพไทกลับมาแล้วนี่คะคุณหลวง”
หลวงปกรณ์ละจากงาน ลุกไปที่หน้าต่าง ชะโงกลงไปดูอย่างสนใจ ลึกๆ ก็ห่วงลูก อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง สร้อยทองกับศรีประคองเทพไทลงมาจากรถ
“ท่าทางไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ฉันมัวแต่งานยุ่งเลยไม่ได้ไปเยี่ยมเลย”
“เดี๋ยวสารภีไปตามพี่เทพขึ้นมาพบคุณหลวงนะคะ จะได้คุยกัน”
หลวงปกรณ์พยักหน้า อยากคุยถามไถ่สารทุกข์กับลูกเหมือนกัน แต่พอสารภีจะขยับก็เห็นรถรัศมีดาราแล่นมาจอดต่อท้าย รัศมีดาราเข้ามาช่วยประคองเทพไทแทนศรี
“อุ๊ย สงสัยจะพี่เทพจะไม่ว่างแล้วล่ะค่ะ แขกคนสำคัญนั่งรถตามมาติดๆ อย่างกับได้กลิ่นแหน่ะ”
สารภีแดกดันด้วยความหมั่นไส้
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 17 (ต่อ)
รัศมีดาราประคองเทพไทเข้ามาในห้องนอน ศรีกับสร้อยทองเดินตามมา พอเทพไทนั่งลงบนเตียง รัศมีก็หยิบกล่องยาที่จัดแบ่งไว้เป็นระเบียบมาให้เทพไทดู
“นื่ยาก่อนอาหารนะคะพี่เทพ ส่วนกล่องนี้เป็นหลังอาหาร รัศมีจัดไว้ให้แล้วเวลาหยิบจะได้ไม่พลาด”
เทพไทขำ
“พี่เป็นหมอนะน้องรัศมี ขืนหยิบยาผิดอีกหน่อยใครจะมารักษากันล่ะเนี่ย”
“อุ๊ย จริงด้วยค่ะ รัศมีลืมไป”
รัศมีหัวเราะแก้เขิน สร้อยทองกับศรีเอ็นดู
“ขอบคุณนะคะคุณรัศมีที่ช่วยดูแลตาเทพ ไม่งั้นป้าคงวุ่นหัวปั่นกว่านี้”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับคุณแม่”
สร้อยทองชะงัก รู้ว่าพูดมากไป ไม่อยากให้รัศมีดารารับรู้อะไรมาก
ศรีตัดบท
“คุณเทพพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวพอใกล้ๆ อาหารเที่ยงแล้วศรีจะมาปลุกทานยา”
“จริงด้วยค่ะ คุณหมอสั่งให้พี่เทพพักผ่อนมากๆ งั้นรัศมีขอตัวก่อนดีกว่า จะได้ไม่รบกวนคนป่วย แล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
“ขอบคุณนะครับน้องรัศมี”
รัศมีไหว้ลาเทพไทแล้วออกไปกับสร้อยทอง ศรีปิดประตูแล้วออกตามไป
เทพไทนั่งอยู่ในห้องยั งไม่รู้สึกง่วง เลยลุกออกไปมองที่หน้าต่าง มองไปที่เรือนดอกแก้ว เห็นดอกแก้วกำลังรดน้ำให้แปลงซ่อนกลิ่นอยู่
เทพไทชะเง้อมองอย่างคิดถึง อยากลงไปคุยด้วย
สร้อยทองจะเดินมาส่งรัศมีดารา จอกับหลวงปกรณ์ กับสารภี
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
“คุณรัศมีตามมาส่งตาเทพน่ะค่ะ แต่กำลังจะกลับแล้ว”
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลเทพไท”
“รัศมีไม่ได้ทำอะไรมากหรอกค่ะ แค่เป็นเพื่อนคุยเวลาคุณป้าไม่อยู่”
สารภีแอบเบ้ปากหมั่นไส้ รัศมีดาราไม่ได้สนใจ
“เอ แล้วนี้คุณน้าลำเจียกเป็นยังไงบ้างคะ ตั้งแต่กลับมารัศมียังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย”
ทุกคนกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที สร้อยทองชิงตอบ ตัดบท
“แม่ลำเจียกไปถือศีลน่ะค่ะ อีกหลายวันกว่าจะกลับ”
“คุณน้าแข็งแรงดีแล้วหรือคะ”
“คนบ้านนี้ฟื้นตัวเร็วค่ะ ไม่ต้องมีพยาบาลมาวุ่นวายดูแล แป๊บๆ ก็หายแล้ว คุณรัศมีอย่าห่วงเลยค่ะ” สารภีบอก
สารภียิ้มในหน้า แต่สายตาเชือดเฉือน
รัศมีรู้สึกแปลกๆ กับสารภี เริ่มไม่อยากเสวนาด้วย หันไปไหว้หลวงปกรณ์อีก
“งั้นรัศมีกลับก่อนนะคะคุณลุง”
สร้อยทองกับศรีตามรัศมีออกไป สารภีมองตามอย่างหมั่นไส้
ดอกแก้วถือบัวรดน้ำกลับมาวางที่หน้าเรือน เอี้ยงถือถาดอาหารเข้ามาพอดี ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“อาหารมาแล้วค่ะคุณแก้ว”
ดอกแก้วรีบไปช่วยเอี้ยงถือ เอี้ยงมองๆ ยังกังวลอยู่
“แต่เอี้ยงว่าคุณแก้วเปลี่ยนใจดีกว่านะคะ คุณหลวงท่านสั่งห้ามไม่ให้ไปวุ่นวาย ถ้าขัดคำสั่งอีกคราวนี้คงจะเป็นเรื่องใหญ่”
“ถ้ามีแค่ฉันกับเอี้ยงรู้เห็น คุณหลวงจะทราบได้ยังไง”
“เราจะหลบไปทางไหนล่ะคะ คุณหลวงให้คนเฝ้ายามทั้งวันทั้งคืนแบบนั้น”
ดอกแก้วนิ่ง กังวลเหมือนกัน แล้วนึกแผนออก
“เอางี้สิจ๊ะ”
ดอกแก้วทำท่ากระซิบบอกแผนการกับเอี้ยง
เทพไทเดินลงมาตามหาดอกแก้ว ลัดเลาะมาจนถึงเรือน เห็นดอกแก้วออกมาจากเรือนพอดี ครั้นจะอ้าปากจะทัก “ดอกแก....”
ดอกแก้วไม่ทันเห็นเทพไท รีบถือถาดลงเรือนไป หันซ้ายหันขวาเหมือนกลัวใครมาเห็น
เทพไทแปลกใจกับท่าทางของดอกแก้วว่าจะถือถาดอาหารไปไหน เลยรีบตามไป
เอี้ยงย่องๆ มาชะโงกหน้ามอง เห็นบ่าวชาย 2-3 นั่งๆ ยืนๆ เฝ้าอยู่หน้าประตู
“โห...ทำไมยืนเฝ้ากันหลายคนอย่างงี้ล่ะ เอาวะ”
เอี้ยงแอบมองอย่างหนักใจ แล้วรวบรวมสติสูดลมหายใจ ก่อนจะแกล้งพูดเสียงดัง
“เฮ้อ คุณแก้วนะคุณแก้วบอกแล้วว่าอย่าทำขนมเยอะๆ ดูสิบนตึกไม่มีใครแตะเล้ย เหลือกลับก็จะเสียใจอีก”
พวกบ่าวหันไปมอง เห็นเอี้ยงถือถาดขนมเดินผ่านมา
บ่าว1ถาม “ขนมอะไรจ๊ะแม่เอี้ยง”
“ขนมตาลน่ะจ้ะ พอดีแม่คุณดอกแก้วเธอส่งตาลสดมาให้จากบ้านแพ้ว เลยเอามาทำขนมซะยกใหญ่ แต่ไม่มีใครกิน … ฉันเอาไปทิ้งดีกว่า คุณแก้วจะได้ไม่เสียน้ำใจ”
เอี้ยงจะเดินไปเท พวกบ่าวร้องอย่างตกใจรีบเข้าไปแย่ง
บ่าว2บอก “อย่า อย่าทิ้งแม่เอี้ยง เสียของ”
บ่าว1บอก “ไม่มีใครกินก็ให้พวกฉันเถอะ เอาไว้เคี้ยวเล่นระหว่างเฝ้ายามก็ยังดี”
เอี้ยงแกล้งถาม
“จะเอาจริงๆ เหรอพี่”
พวกบ่าวพยักหน้าหงึกหงัก น้ำลายสอ เอี้ยงยิ้ม
“งั้นไปกินตรงโน้นดีกว่านะ จะได้มีที่นั่ง”
พวกบ่าวรีบตามเอี้ยงไป อย่างว่าง่าย ทิ้งภาพที่หน้าห้องขังไม่มีใครเฝ้า
ดอกแก้วเดินเร็วๆ เข้ามาในสวน ท่าทางลับๆ ล่อๆ เทพไทย่องตามมาติดๆ ด้วยความสงสัย
ดอกแก้วเดินมาเกือบถึงห้องขัง เห็นเอี้ยงกำลังแบ่งขนมให้พวกบ่าวผู้ชายกินกันหมุบหมับ ดอกแก้วรีบเดินเลี่ยงไปทางห้องขังทันที เทพไทย่องตามมามองเห็นเอี้ยงกับพวกบ่าว แต่ก็รีบตามดอกแก้วไป
ดอกแก้วเดินเข้ามาที่หน้าห้องขัง มองซ้ายขวาพอไม่เห็นใคร ก็รีบย่องเข้าไป
“คุณพี่ลำเจียกคะ”
ดอกแก้วเห็นกุญแจประตูมีโซ่คล้องไว้ ก็ลองเขย่าให้ลำเจียกได้ยิน
“แก้วเอาอาหารใหม่ค่ะ ถาดนี้มันบูดหมดแล้ว”
ดอกแก้วดึงถาดอาหารของสร้อยทองออก แล้วยื่นถาดใหม่เข้าไป
“คุณพี่ลำเจียกทานให้หมดนะคะจะได้มีแรง”
ดอกแก้วเห็นลำเจียกเงียบก็คิดว่าหลับ เลยยกถาดของสร้อยทองเตรียมจะออกจากหลุมหลบภัย แต่พอหันมาก็เจอเทพไทยืนอยู่
“อุ๊ย คุณเทพไท ! คุณเทพกลับมาแล้ว”
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
ดอกแก้วมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก กลัวพวกบ่าวมาได้ยิน รีบดึงแขนเทพไทออกไป
เทพไทสีหน้าตกใจเมื่อรู้เรื่อง
“นี่ถึงขนาดกักขังกันเลยเหรอ”
ดอกแก้วพาเทพไทมาหลบมุมคุยที่สวน
“คุณพี่ลำเจียกทำร้ายคุณหลวงกับคุณสารภีค่ะ คุณหลวงท่านก็เลยสั่งขังเป็นการลงโทษ”
“บ้านนี้ไม่ใช่เรือนจำ คุณพ่อทำเกินไป”
“เมื่อกี้แก้วลงไปดู คุณพี่ลำเจียกไม่ยอมรับประทานอะไรเลย แก้วกลัวลูกของเธอจะเป็นอันตรายค่ะคุณเทพ”
“คนท้องไม่ได้กินอะไร แล้วต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนั้น อันตรายแน่ ผมจะไปคุยกับคุณพ่อเอง”
เทพไทสีหน้าเคร่งเครียดเดินจากไป ดอกแก้วมองตาม ฝากความหวัง
ในห้องโถง สารภีช่วยศรีตักของหวานใส่ถ้วยให้ตัวเองกับหลวงปกรณ์ ปากก็เสี้ยมเรื่องรัศมีดาราไป
“คุณรัศมีนี่ท่าทางไม่ใช่เล่นนะคะคุณหลวง เป็นถึงลูกท่านหลานเธอ แต่กลับไม่รักเกียรติรักศักดิ์ศรี แล่นตามผู้ชายไปทางโน้นทีทางนี้ที”
ศรีฟังแล้วหมั่นไส้ อดไม่ได้
“เมื่อก่อนคุณสารภีก็ตามคุณเทพไทไปทางโน้นทางนี้เหมือนกันนะคะ”
สารภีถลึงตาใส่อยากจะด่า แต่ศรีอมยิ้มแล้วรีบยกหม้อขนมเข้าครัวไปเสียก่อน
พอดีกับเทพไทที่เดินเข้าบ้านมา สารภีเลยรีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“พี่เทพ รับของว่างด้วยกันก่อนสิคะ”
เทพไทเหลือบมองไปที่หลวงปกรณ์ที่กินของว่างอยู่
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณพ่อยังกินอิ่มนอนหลับอยู่ได้ ทั้งที่สั่งขังเมียไว้ในคุกแบบนั้น”
หลวงปกรณ์วางช้อนเคร้ง หมดอารมณ์
“คุณพ่อลืมไปหรือเปล่าว่าไอ้คำสั่งลงโทษนี้มันไม่ได้ทำร้ายแค่คุณน้าลำเจียก แต่ทำร้ายลูกในท้องด้วย”
“มันเป็นลูกชู้ ฉันจะสนใจทำไม ! ในเมื่อแม่มันทำผิด ลูกก็ต้องร่วมรับผิดชอบไปด้วย”
“อำมหิตแท้”
“ไอ้เทพ นี่แกด่าฉันหรือ”
“คุณพ่อเอาหลักฐานอะไรมายืนยันความคิดว่าคุณน้าลำเจียกมีลูกกับชู้”
ศรีได้ยินเสียงเอะอะชะโงกหน้ามอง เห็นหลวงปกรณ์กับเทพไทกำลังเถียงกันอยู่ ก็รีบหลบไป
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 17 (ต่อ)
สร้อยทองนั่งบดยาอยู่ในห้อง ศรีรีบเปิดประตูเข้ามาบอก หน้าตาตื่น
“คุณสร้อยเจ้าขา ขึ้นตึกเถอะเจ้าค่ะ”
“แกมีอะไรก็ว่ามา ฉันปรุงยายังไม่เสร็จ”
“คุณเทพไทรู้เรื่องคุณลำเจียกแล้ว กำลังทะเลาะกับคุณหลวงลั่นเลยเจ้าค่ะ”
สร้อยทองตกใจ รีบวางมือจากงานทันที
สร้อยทองกับศรีรีบเข้ามาในบ้าน หลวงปกรณ์ราชกิจกำลังเถียงกับเทพไทหน้าดำหน้าแดง สารภียืนตื่นๆ ทำอะไรไม่ถูก
“คนมันเห็นกันทั้งบ้านว่าแม่ลำเจียกพาไอ้ไหลเข้ามา ! แกจะให้ฉันหาหลักฐานอะไรอีก ไม่ใช่เพราะฉันยอมอดทนรอให้จับได้คาหนังคาเขาหรอกหรือ ถึงได้ปล่อยให้มันล่วงเลยจนแม่ลำเจียกท้องโตออกมาอย่างนี้”
“แล้วคุณพ่อเคยได้สอบถามคุณน้ากับนายไหลดูหรือยังล่ะครับ”
“เฮอะ เรียกโจรมาสอบสวนให้มันยอมรับว่าทำผิดทำชั่ว ใครมันจะสารภาพ”
“ผู้ร้ายยังมีโอกาสหาทนายแก้ต่าง แต่นี่คุณพ่อคิดตัดสินใจเองโดยไม่ฟังคำพูดของคุณน้าลำเจียกซักคำ ผมว่ามันไม่ถูก”
“นี่มันบ้านฉัน ไม่ใช่โรงศาล ! ฉันทนความประพฤติแม่ลำเจียกมามากพอแล้ว แกก็รู้ใช่ไหมว่าที่ต้องลงโทษกันขนาดนี้เพราะอะไร ดูนี่ “
หลวงปกรณ์ชี้มือที่มีผ้าพันแผลให้ดู สารภีรีบเข้ามาแทรก
“สารภีก็โดนเชือดเกือบเสียโฉมด้วยนะคะพี่เทพ”
“ถ้าฉันปล่อยแม่ลำเจียก ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก หรือแกจะให้ฉันกับสารภีตายก่อน ถึงจะยอมให้แม่ลำเจียกถูกลงโทษ”
เทพไทอึ้ง เพราะรู้ดีว่าลำเจียกไม่ปกติ แต่ก็ยังสงสารอยู่
“แต่คุณน้าลำเจียกอ่อนแอ ไม่ควรจะต้องกักขังกันไว้ในที่แบบนั้น แค่ขังไว้ในบ้านก็น่าจะพอ”
“แค่ในคุกยังมีคนแอบไปเปิดช่วย แล้วอยู่ในบ้านคงได้สะเดาะกุญแจกันเพลินแหละค่ะ พี่เทพเห็นใจสารภีเถอะ สารภีกับคุณหลวงอยู่ร่วมกับคุณน้าลำเจียกไม่ได้จริงๆ”
“พอได้แล้วสารภี เรื่องนี้ให้คุณพี่ตัดสินใจเอง ถ้าเธอหวาดกลัวมากนัก ก็ไปอยู่กับพ่อแม่เธอก่อน จะได้หมดเรื่อง” สร้อยทองบอก
สารภีชักสีหน้าจะเถียง สร้อยทองไม่สนหันไปพูดกับหลวงปกรณ์
“คุณพี่คะ ยังไงก็คิดถึงมนุษยธรรมบ้างเถอะ แม่ลำเจียกนั่นก็ทำปรนนิบัติดูแลคุณพี่มาตั้งหลายปี ใจคอจะให้แม่ลูกตายอยู่ในคุกจริงๆ หรือคะ”
หลวงปกรณ์นิ่ง เริ่มใจอ่อน สารภีเห็นเข้าก็หน้างอ เดินกระแทกเท้าออกไป
สารภีปึงปังเข้าเรือนมา ขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์
“ฉันเกลียดแก อีสร้อยทอง อีแก่ ! คอยดูนะ ซักวันฉันจะเขี่ยแกให้กระเด็นเลย”
สารภีเหวี่ยงข้าวของดังเพล้ง เชตวิ่งเข้ามาพอดี
“ใครทำอะไรคุณสารภีครับ”
สารภีมองเชตอย่างฉุนๆ อยากหาที่ระบาย
เชตนั่งแต้มยาที่แก้มให้สารภี ฟังสารภีระบายความคับแค้นใจ
“พี่เทพกับนังแก่สร้อยทอง กำลังช่วยกันกล่อมให้คุณหลวงปล่อยนังลำเจียกออกมา”
“โธ่เอ๊ย เรื่องแค่นี้เอง”
“แค่นี้อะไรล่ะ ! คุณหลวงเห็นมันท้อง อีกหน่อยก็คงใจอ่อนกลับมายกย่องมันเท่านั้นเอง ฉันไม่เจ็บตัวฟรีหรือ”
สารภีบ่น กำมือเคียดแค้น
“มีแต่คนเห็นใจอีคนบ้า ไม่มีใครเห็นใจฉันซักคน”
“ผมนี่ไงครับเห็นใจคุณสารภี โชคร้ายแท้ๆ ที่ต้องมาเป็นเมียคุณหลวง แถมยังมาโดนประทุษร้ายเอาอีก”
เชตพูดพลางทายาที่แก้ม
“แค่เห็นคุณสารภีเป็นแผลเล็กๆ แค่นี้ ใจไอ้เชตก็เจ็บตามไปด้วยแล้ว ถ้าวันหนึ่งคุณลำเจียกทำรุนแรงกว่านี้ ไม่มีใครห้ามได้ คุณสารภีจะต้องเจ็บหนักซักแค่ไหนก็ไม่รู้”
สารภีเหลือบมองเชต เหมือนหยั่งเชิงว่าเชตเข้าข้างหรือพูดเอาใจ
เชตรีบถือโอกาสตอนสารภีเคลิ้มๆ จับมือสารภีบีบให้กำลังใจ
“คุณสารภีจะเอายังไงเรื่องคุณลำเจียก ก็เชิญสั่งมาเถอะครับ ผมจะไปช่วยจัดการให้”
“แกจะให้ฉันทำอะไร”
“บ้านนี้ ถ้ามีคุณสารภี ก็ไม่ควรมีคุณลำเจียก”
สารภีอึ้งกับคำยุของเชต แต่สีหน้ายังหวาดๆ ไม่กล้าทำจริง แต่ก็สนใจ
เย็นต่อเนื่องมา สร้อยทองนั่งเหม่อ ฟังศรีคุยขณะที่กำลังจัดที่นอนให้
“คุณหลวงท่านยังนิ่งๆ อยู่ ไม่เห็นเรียกไอ้พวกนั้นมาสั่งให้ปล่อยคุณลำเจียกเลยค่ะ”
“คุณพี่เป็นคนทิฐิแรง แต่ฉันก็เชื่อว่าไม่ใช่คนใจร้ายใจดำหรอก มีเวลานอนทบทวนซักคืน พรุ่งนี้ก็คงใจอ่อนลง”
“ศรีก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะค่ะ คุณหลวงท่านเป็นคนใจอ่อน ทำเป็นโกรธเกลียดคุณลำเจียกวันนี้ แต่เดี๋ยวพอลูกเธอคลอดออกมา ขี้คร้านจะหลงไม่ลืมหูลืมตา”
สร้อยทองชะงักไปเล็กน้อย แต่เก็บอาการ ศรียังเล่าต่อแบบปลื้มๆ
“เหมือนตอนที่คุณเทพไทเกิดไงคะ ท่านเห่อของท่านเหลือเกิน ถึงขนาดเอาไปอุ้มเล่นที่ทำงาน ไม่อยากจะห่างจากลูกแม้แต่ชั่วโมงเดียว”
“คุณพี่เป็นคนรักเด็ก”
“นั่นสิคะ ศรีว่าคุณหนูที่จะคลอดนี่แหละ ที่จะทำให้คุณพ่อกับคุณแม่เชื่อมใจกันได้ จะได้หมดเคราะห์หมดโศกกับคุณลำเจียกเสียที”
ศรีพูดไปก็จัดเตียงให้สร้อยทองไปด้วยสีหน้าปลื้มๆ สร้อยทองเหม่อคิด สายตาทอดยาวไปไกล เหมือนมีอะไรในใจ
พวกบ่าวสาวๆ นอนหลับเรียงรายกันอยู่ในเรือนคนใช้ที่มืดสนิท อึ่งย่ำเดินอย่างระแวดระวังเพื่อจะไปบ่อน
ที่หน้าเรือน อึ่งเทเงินในถุงออกนับๆ แล้วมัดไว้เป็นก้อน ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
“คืนนี้ละเว้ย อีอึ่งจะไปถอนทุนคืนแบบทบต้นทบดอก”
อึ่งหยิบเงินมาจูบฟอดๆ แล้วยกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว
“ขอให้ผีปู่ย่าตายายช่วยอีอึ่งให้เล่นได้เยอะๆ ทีเถ้อ จะได้ไม่ต้องเป็นขี้ข้าเขา แล้วอีอึ่งจะเอาหัวหมูต้มไก่ต้มมาไหว้ สาธุ”
อึ่งไหว้อธิษฐานแล้วนึกได้
“แต่ถ้ากูไม่เป็นขี้ข้าเขา แล้วคุณลำเจียกจะอยู่กับใครวะเนี่ย เฮ้อ พูดแล้วก็สงสาร ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง”
อึ่งมองไปทางห้องขังอย่างกลุ้มๆ
บ่าวหน้าห้องขัง จุดไฟไล่ยุง แล้วนอนผล็อยหลับยามกันเป็นแถว เงาทะมึนของร่างหนึ่งเดินผ่านพวกมันไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้ตัว มุ่งตรงไปที่หน้าห้องขัง ผู้นั้นไขกุญแจถอดโซ่คล้องประตูออกอย่างรวดเร็ว
ลำเจียกนอนหลับอยู่ได้ยินเสียงโซ่กระทบกันดังเคร้งๆ ก็ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่ไม่มีแรงลุกเพราะกำลังเป็นไข้ ได้แต่มองไปทางประตูเห็นเงาใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา ก่อนจะปิดประตู จนทุกอย่างเข้าสู่ความมืดเหมือนเดิม
ลำเจียกทอดสายตาฝ่าความมืดออกไป แต่ก็มองไม่เห็นอะไร อาการไข้บวกกับอารมณ์เหนื่อยอ่อนทั้งกายและใจ ทำให้เริ่มเพ้อๆ
“นายไหล...นายไหลหรือ”
สียงฝีเท้าค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ลำเจียกช้าๆ อย่างใจเย็น
“นายไหล...พาฉันออกไปที ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันเป็นห่วงลูก” ลำเจียกเสียงเศร้าเครือ สะเทือนใจ
ลำเจียกเห็นร่างนั้นนิ่งเงียบไม่ตอบ ก็พยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้น
“ช่วยฉันด้วยนายไหล”
ลำเจียกเห็นมือของคนลึกลับยื่นเข้ามา ก็ยื่นออกไปจะโผเข้าหา แต่แล้วสองมือนั้นกลับพุ่งเข้ามาหาพร้อมกับโซ่ ที่ตรงเข้ากดทับคอของลำเจียกอย่างแรง
ลำเจียกหงายหลังลงไป ร่างลึกลับพุ่งเข้ากดโซ่ที่คอลำเจียกหมายจะให้หายใจไม่ออก ลำเจียกตกใจพยายามดิ้นทุรนทุราย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
แสงไฟที่สาดส่องมาแว่บๆ สะท้อนให้เห็นเหมือนวัตถุแวววาวที่อยู่บริเวณหูของร่างลึกลับนั้น ลำเจียกพยายามยื่นมือเข้าไปกระชาก แต่เจ้าของร่างรู้สึกตัว ยิ่งกดโซ่ให้แน่นขึ้น จนลำเจียกคว้าวัตถุแวววาวนั้นไว้ไม่ได้
ลำเจียกเริ่มหายใจไม่ออก ดิ้นทุรนทุรายจนหมดเรี่ยวแรง สัญชาตญาณทำให้ยกเท้าถีบร่างนั้นหงายหลังไป แล้วรีบตะกายหนี
ร่างลึกลับโถมกลับมาใหม่แล้วใช้โซ่ฟาดหลังลำเจียกอย่างแรง
“โอ๊ย !”
ลำเจียกคว่ำหน้าลง ร่างนั้นตรงไปพลิกตัวหงายขึ้น แล้วร่างนั้นก็เอาเท้าเหยีบขยี้ที่ท้องลำเจียกอย่างแรง
“โอ้ย!อย่าทำร้ายลูกฉัน”
ร่างนั้นเหยียบขยี้ท้องลำเจียกอีก ซ้ำๆ ลำเจียกดิ้นกระตุกเพราะความเจ็บปวดแล้วเริ่มแน่นิ่งไป
อึ่งย่องๆ มาที่หน้าห้องขังชะเง้อชะแง้มอง เห็นพวกบ่าวหลับกันหมด
“เอาไงเอากันวะ ไปดูคุณลำเจียกซักหน่อย”
อึ่งขยับจะเข้าไปใกล้ห้องขัง แต่แล้วจู่ๆ ก็เห็นคนเดินออกมา อึ่งตกใจ เอามือปิดปาก แอบมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
คนลึกลับที่เดินออกไป เห็นมือที่ถือโซ่เต็มไปด้วยเลือด แล้วยังเห็นเลือดหยดพราวตามหลังไปติดๆ
อึ่งช็อกแลนลานถอยหนี แต่เหยียบกิ่งไม้ดังแกร่บ
คนลึกลับที่สาวเท้าเดินจ้ำออกไป ได้ยินเสียงกิ่งไม้ ก็หันขวับไปมอง เห็นคนวิ่งหนีไปไวๆ
อึ่งวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กระเซอะกระเซิงหลงมาที่แปลงดอกซ่อนกลิ่น แล้วเหยียบพื้นดินที่ชื้นแฉะล้มลง
“ว้าย !”
อึ่งพยายามตะเกียตะกายลุกขึ้น แต่พื้นดินลื่นเลยไถลล้มลงไปอีก
เงาของคนทอดยาวตรงมาหาอึ่ง อึ่งหวาดกลัว ลุกไม่ไหว พยายามถดมือหนีเงานั้น สีหน้าหวั่นวิตก มองไปที่โซ่เปื้อนเลือดในมือ
“ยะ อย่านะ...อย่านะเจ้าคะ อย่าทำอะไรอึ่งเลย” อึ่งยกมือไหว้ “อึ่งสาบานว่าอึ่งจะไม่พูด”
อึ่งพูดไปถอยไป ขณะที่เงานั้นตามมาติดๆ
มืออึ่งไปปะทะกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ก็กำรวบไว้ พอได้ก็ดึงมา แล้วเหวี่ยงจะฟาดเข้าใส่
คนลึกลับถอยหนีวูบ อึ่งได้จังหวะ รีบวิ่งออกไปทันที แต่ได้แค่ 2-3 สามก้าว มือคนลึกลับก็ขึงโซ่รัดคออึ่งไว้ อึ่งตกใจพยายามดิ้น แต่หายใจไม่ออก
อึ่งทุรนทุรายเพราะขาดอากาศ ดิ้นทุรนทุรายแล้วค่อยๆ นิ่งลง จนหยุดความเคลื่อนไหว ท่อนไม้ตกหลุดมือ
ร่างอึ่งล้มลงไปบนแปลงดอกซ่อนกลิ่น ร่างคนลึกลับทรุดลงตาม เงื้อมีดสูงจ้วงแทงที่ท้องอึ่งซ้ำๆๆ อึ่งตาค้าง เลือดไหลออกปาก กระเซ็นกระสายใส่ดอกไม้สีขาวจนเป็นสีแดงสด
อ่านต่อตอนที่ 18