รอยรัก แรงแค้น ตอนที่ 13
พระอาทิตย์ลอยตัวขึ้นเหนือย่านใจกลางมหานครเมื่อไม่นานมานี้ ขณะคิมหันต์เดินเคียงคู่พักตราก้าวเข้าไปในคลินิกรับฝากครรภ์ เจ้าหน้าที่สาวหน้าตาสะอาดสะอ้านบุคลิกองค์รวมดูดี ตรงเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณพักตรา เชิญห้องรับรองก่อนนะคะ คุณหมอกำลังเข้ามาค่ะ”
พักตราพยักหน้ารับรู้ คิมหันต์เอ่ยปากกับพักตรา
“ผมขอไปธุระแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมารับ”
“ค่ะ”
“ถ้าทางนี้เสร็จเร็ว คุณโทร.บอกผมได้ทันทีเลยนะ”
“ค่ะ”
คิมหันต์เดินออกไป พักตรามองตามสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ไม่นานนั้นเอง ประตูรั้วบ้านมุกรินเปิดออก ธาดายืนตระหง่านขวางกลางทางเข้า ตรงข้ามธาดาคือรถของคิมหันต์จอดจ่อ รอเลี้ยวเข้าบ้านอยู่ คิมหันต์เลยต้องลงจากรถ เดินเข้ามาประชิดร่างธาดา ซึ่งเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักก่อน ด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง เอาเรื่องไม่น้อย
“ไม่รู้บ้างรึไงว่า หน้าที่ของคนกำลังจะเป็นพ่อควรทำอะไร และใช้เวลาอยู่กับใคร”
“ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร หลีกไป”
“ไม่หลีก”
“งั้นก็เรียกมุกออกมาคุยกับฉันหน่อย”
“ฉันไม่ให้คุย”
“มีสิทธิ์ด้วยเหรอ”
“มีมากกว่ามึง”
คิมหันต์โกรธมากขึ้น จนใกล้จะยั้งอารมณ์ไม่อยู่
“ต้องให้มีเรื่องก่อนใช่มั้ย”
“คนอย่างมึงคิดได้แค่นี้เองเหรอ ไม่ได้ดั่งใจก็ต้องใช้กำลัง”
“อย่าทำให้ฉันโมโหมากกว่านี้ได้มั้ย”
“นึกว่าฉันโมโหไม่เป็นเหรอ…”
ไม่ทันสิ้นเสียงดีนัก คิมหันต์ก็ถีบธาดาจนกระเด็นหงายหลัง
“โมโหแล้วไง โมโหแล้วมึงจะทำอะไร”
คิมหันต์ตามเข้าไปง้างเท้าเตะธาดาซ้ำอีกหนึ่งที
“โมโหเลย โมโหสิ กูอยากจะดูเวลามึงโมโหเหมือนกันว่าเป็นยังไง”
คิมหันต์ตามเข้าไปกระชากคอธาดา บีบขย้ำอย่างแรง
ธาดาไม่โต้ตอบแต่อย่างใด
“มึงจะยิงปืนใส่กูมั้ย จับหัวกูไปกระแทกอ่างน้ำจนตายแบบที่มึงทำกับพี่มลมั้ย”
มุกรินก้าวพรวดๆ ออกมาจากในบ้าน ตะโกนเสียงดังลั่น
“พอแล้วค่ะคิม หยุดทำร้ายพี่ใหญ่ได้แล้ว”
คิมหันต์ชะงัก หยุดการบีบคอเงยหน้ามองมุกริน
“มุก...ผมแค่ต้องการพูดกับคุณ แต่พี่ชายคุณ...”
“ฉันบอกให้พี่ใหญ่มาไล่คุณออกไปเอง”
คิมหันต์อึ้งอีกครั้ง
“มุก”
“เพราะฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ และไม่ต้องการคุยกับคุณอีกแล้ว”
มุกเดินหนีกลับเข้าไปในบ้าน คิมหันต์ผละจากร่างธาดา ตรงเข้าไปหามุกริน
แต่ธาดารั้งตัวของคิมหันต์ไว้
“อย่ายุ่งกับน้องสาวฉัน”
คิมหันต์พลิกตัวมาเตะเสยที่ปลายคางธาดา
“มึงนั่นแหละอย่าเสือก”
“หยุดนะคิม”
“มุกก็ต้องยอมคุยกับผมก่อน ฟังผมก่อน”
“มุกเบื่อฟังคำแก้ตัวของคิมอีกต่อไปแล้ว มุกหลงเชื่อคิมมามากพอแล้ว”
“มุกยังไม่เข้าใจ”
“มีอะไรที่มุกไม่เข้าใจอีกเหรอ พักตราท้องกับคิม จะให้มุกเข้าใจอย่างอื่นได้ยังไง หรือคิมจะบอกว่าเด็กในท้องพักตราไม่ใช่ลูกของคิม”
คิมหันต์ถอนใจออกมาแรงๆ
“เปล่า แต่...”
มุกรินสวนออกมา “คิมไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิด ถ้าคุณพูดประโยคนี้ออกมาละก้อ คุณจะเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุด เอาแต่ได้ ทุเรศมากๆ”
คิมหันต์อึ้งหนัก “มุก”
“เรื่องของเรามาถึงทางตันแล้วค่ะ เราไปต่อไปได้อีกแล้วค่ะคิม จบกันซะทีเถอะ...พอกันที”
คิมหันต์พูดอะไรไม่ออก
“ถ้าคุณโกรธที่ฉันพูดอย่างนี้ แล้วอยากจะยึดบ้านหลังนี้คืน ก็บอกมา”
คิมหันต์จ้องหน้ามุกรินนิ่งๆก่อนเอ่ยปากพูด หนักแน่น
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอกมุก ผมไม่ยอม”
คิมหันต์พลิกตัวจะเดินออกจากบ้าน เขาหยุดกระซิบใส่หูธาดา ที่ยืนสะบักสะบอมอยู่ไม่ไกล
“มึงคอยดูตอนจบของเรื่องนี้ให้ดีก็แล้วกัน ไอ้ธาดา”
คิมหันต์หย่อนตัวลงนั่งในรถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านมุกรินนัก เขานั่งนิ่งๆสักครู่ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หาเสี่ยอ๋า
“ฮัลโหล”
“ว่ายังไงครับ คุณคิมหันต์”
“ผมจะปิดเกม เสี่ยเตรียมคนของเสี่ยให้พร้อมได้เลย ผมรู้แล้วว่าจะทำยังไงกับมัน”
เสี่ยอ๋ายืนถือโทรศัพท์แนบหู อยู่ที่โถงเซฟเฮาส์หน้าตามีความสุขมากเอาการ
“ด้วยความยินดีครับ”
เสี่ยอ๋าวางโทรศัพท์ลง แล้วจึงหันไปสั่งลูกน้องใกล้ตัว
“เรียกทีมเอเข้ามาได้เลย ถึงนัดชิงดำแล้ว”
ฝ่ายพักตรานอนอยู่บนเตียงในห้องตรวจ คุณหมอหน้าใส กำลังตรวจครรภ์พักตรา
“อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอาการคลื่นไส้มากขึ้นรึเปล่าคะ”
“ค่ะ ผะอืดผะอม ทั้งวัน”
“เป็นอาการปกติของช่วงอายุครรภ์เจ็ดสัปดาห์น่ะค่ะ คุณแม่ยังไม่ถึงกับเหม็น หรืออยากกินอะไรพิเศษใช่มั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ”
“ดีค่ะ เดี๋ยววันนี้หมอขอเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะหน่อยนะคะ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร ออกกำลังกายบ้าง ให้ร่างกายและจิตใจเข้มแข็ง ขจัดความกังวลออกไปให้หมดนะคะ”
“ถ้ามีปัญหาอะไร คุณหมอรีบบอกดิฉันเลยนะ นัดดิฉันได้ทุกเวลาค่ะ”
“แน่นอนค่ะ”
“ดิฉันอยากให้ลูกแข็งแรงที่สุด สมบูรณ์ที่สุด”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณแม่ดูแลตัวเองดีอย่างนี้ หมดปัญหาค่ะ”
เจ้าหน้าที่ของคลินิกเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องตรวจ
“คุณคิมหันต์มาค่ะ ให้รอข้างนอกนะคะ”
“ให้เข้ามาได้เลย หมอตรวจเสร็จแล้ว”
คิมหันต์ก้าวเข้ามาในห้อง ตรงไปยืนข้างๆ พักตรา
“ผมไม่ได้มาช้าไปใช่มั้ย”
“ทันเวลาพาพักตร์ไปกินข้าวพอดี”
พักตราหันไปถามหมอ
“ดิฉันกินได้ทุกอย่างใช่มั้ยคะหมอ”
“เต็มที่เลยค่ะ เจาะเลือดเสร็จแล้ว เชิญได้เลย”
ฟากมุกรินพาตัวเองเดินเข้ามาในโถงบ้านสวนซึ่งเวลานี้กลายเป็นออฟฟิศบริษัท MVP เห็นปรารภนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของเขา ปรารภยิ้มกว้างทันทีที่เห็นมุกริน
“พี่นึกว่ามุกจะลางานอีกซักวันสองวัน”
“พี่รภจะได้ไล่มุกออกน่ะสิคะ”
“พี่ไม่มีวันทำอย่างนั้นกับมุกหรอก ไล่ตัวเองออกยังจะดีซะกว่า พี่นึกภาพการทำงานโดยไม่มีมุกอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ”
มุกขยับตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ หน้านิ่ง ปรารภจ้องมองมุกรินสักพัก จึงเอ่ยปากอย่างร้อนตัว
“พี่พูดอะไรไม่ถูกใจมุกรึเปล่าครับ”
มุกรินไม่ตอบคำถามปรารภ
เธอเลือกพูดถึงรายละเอียดของงาน น้ำเสียงเรียบ ขรึม
“มุกมีแนวคิดสำหรับตัวโปรดักส์มาให้พี่เลือกสามแบบ เดี๋ยวมุกเปิดให้ดูนะคะ”
มุกรินก้มหน้าก้มตาทำงานหน้าตาค่อนไปทางเครียด ปรารภขยับตัวไปนั่งข้างๆ เธอ
“เก็บเรื่องงานไว้ก่อนก็ได้ ถ้ามุกอยากจะระบายอะไรก็ได้เลยนะ พี่พร้อมรับฟัง”
มุกรินหยุดการทำงาน เธอเงยหน้ามามองปรารภช้าๆ แล้วจึงเอ่ยปากปลดทุกข์ในใจออกมา
“พักตราท้องค่ะ เกือบสองเดือนแล้ว”
ปรารภนั่งฟัง นิ่ง
“เขามาบอกมุกถึงบ้าน เขามาขอให้เราดีต่อกัน เพื่อเห็นแก่ลูกของเขา ลูกของคิม และขออย่าให้คิมมาข้องเกี่ยวกับมุกอีก”
ปรารภยังคงนิ่งเงียบอยู่ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากสองตาของมุกริน
“มุกรู้สึกแย่กับตัวเองจังเลยค่ะ มุกรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นตัวทำลายความสุขของครอบครัวเขา”
“เท่าที่พี่เห็น มันไม่ใช่มุกนะ มันเป็นเพราะนายคิมหันต์ต่างหาก”
“ด้วยกันนั่นละค่ะ ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก แต่นับจากนี้ไป มุกเลิกเด็ดขาดแล้วค่ะ มุกกับคิมต้องขาดจากกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าเขากับพักตราจะลงเอยแบบไหน มุกก็จะไม่กลับไปหาเขาอีกเป็นอันขาด อย่างน้อยก็เพื่อเห็นแก่ลูกของเขา”
ปรารภจับมือมุกรินในลักษณะของการให้กำลังใจ โดยแอบเก็บความรู้สึกพอใจไว้ลึกๆ
ทางด้านคิมหันต์และพักตรา นั่งที่โต๊ะสวยกลางร้านหรู พักตรากำลังสั่งอาหารกับบริกร
“ต้มยำรวมมิตรทะเลรสไม่จัด ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม ต้มจืดฟัก ปลากระพงนึ่ง แล้วก็ผัดบร็อคโคลี่ ทุกอย่างไม่ใส่ผงชูรสนะ”
บริกรรับคำแล้วเดินออกไป
“คุณสั่งเยอะไปรึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ อาหารพวกนี้จะมีประโยชน์ต่อลูกของเราค่ะ พักตร์ศึกษามาดีแล้ว ช่วงนี้คนเป็นแม่กินอะไรไป จะส่งไปถึงลูกหมด เพราะฉะนั้นต้องเลือกของที่ดี มีประโยชน์ ถ้ากินสะเปะสะปะ ของที่ไม่ดีมันจะตกค้างอยู่ที่แม่ พอคลอดลูกออกมาแล้ว แม่ก็ยังอ้วนเผละ ลดไม่ลง ถ้าพักตร์เป็นอย่างนั้น คิมคงจะขยะแขยงพักตร์น่าดู”
คิมหันต์ยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไรต่อ
พักตรากระเถิบเข้าใกล้คิมหันต์ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความสุขสม กับการเตรียมตัวเป็นแม่
“คิมรู้มั้ย พักตร์ไม่เคยดูแลตัวเองมากเท่านี้มาก่อนเลย ลูกของเราทำให้พักตร์ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้”
คิมหันต์พยักหน้ารับ ไปงั้นๆ
“พักตร์จะชวนมุกมากินข้าวด้วยกันกับเราซักวันดีมั้ยคะคิม”
คิมหันต์มีอาการชะงัก เล็กน้อย
“เพื่ออะไรครับ”
“เพื่อความสบายใจของทุกคน เราสามคนจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกต่อไป พักตร์ไม่อยากให้ลูกของเรามีปัญหาน่ะค่ะ คิม นะคะ”
คิมหันต์งง “ลูกจะมีปัญหาอะไร”
“กันไว้ก่อนไงคะ เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ คิมไม่เก่งเท่าพักตร์หรอก นะคะ กินข้าวด้วยกัน เพื่อความสมานฉันท์ซักมื้อนะคะคิม”
“ตามใจพักตร์”
พักตรายิ้มกว้าง หอมแก้มสามีฟอดใหญ่
เสียงโทรศัพท์มือถือของพักตราดังเหมือนมีสัญญาณข้อความเข้า พักตราหยิบมันขึ้นมาดู สีหน้าเธอไม่ค่อยดีนัก
“มีอะไรเหรอ”
“ข้อความจากคุณหมอค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญ ขอให้พักตร์ไปพบที่คลินิก ด่วน เดี๋ยวนี้”
พักตราเดินตรงเข้ามาในบ้าน ท่าทางเซื่องซึม พลโทอรรถลงบันไดมาจากชั้นบน เอ่ยปากทักทายลูกสาวด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“กลับซะเย็นเลยนะลูก คิมหันต์ล่ะ”
พักตราตอบเสียงราบเรียบ ไม่มีชีวิตชีวา
“เขามาส่งพักตร์แล้วออกไปหาเพื่อนเขาแล้วค่ะ”
“ใคร ชุมสาย?”
“ค่ะ”
ว่าที่คุณแม่เดินผ่านผู้เป็นบิดาเข้าไปนั่งลงในห้องนั่งเล่น แววตาของเธอแฝงแววกังวล มากมาย นายพลผู้เป็นพ่อเดินตามเข้ามา สนทนาอย่างอารมณ์ดี
“วันนี้หมอเขาว่ายังไงบ้างล่ะ ได้ทำอัลตร้าซาวด์รึเปล่า พอจะเห็นหน้าหลานตาลางๆ รึยัง”
พักตราไม่ได้ตอบคำถามผู้เป็นพ่อ เธอเอ่ยปากถามในสิ่งที่เธออยากรู้
“ตอนแม่อุ้มท้องพักตร์ เป็นยังไงบ้างคะ พ่อยังจำได้อยู่มั้ย”
“จำได้สิ วุ่นกันทั้งบ้านเลยหละ ลูกเอ๊ย พ่อต้องทำเรื่องขอลางานสองเดือนเพื่อดูแลแม่ เพราะแม่เราเขาแพ้ท้องหนัก อาเจียนทั้งวัน เหม็นทุกอย่างที่อยู่รอบตัว อยากกินของประหลาดอีกต่างหาก กับข้าวก็ต้องฝีมือพ่อทำเท่านั้น คนอื่นทำกินไม่ได้ โอ๊ย สารพัด แต่ในความวุ่นวายเหล่านั้น พ่อมีความสุขมากเลยรู้มั้ย”
“มีอาการอะไรที่หมอหนักใจบ้างมั้ยคะ”
นายพลโทนักรัก พยายามทบทวนความทรงจำในอดีต
“หมอหนักใจเหรอ อืม มี แม่เราขี้กังวล กลัวเป็นโน่นเป็นนี่ กลัวไปหมด ที่หนักหน่อยก็กลัวจะท้องนอกมดลูก ไม่รู้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน หมอก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร แม่ก็ยังกังวล จะให้ตรวจแล้วตรวจอีกอยู่นั่นแหละ”
“แล้วผลเป็นยังไงคะ”
“จะเป็นยังไง ก็มีหนูออกมา แข็งแรง สมบูรณ์อยู่นี่ไง เอ ลูกติดโรคกังวลมาจากแม่รึเปล่าเนี่ย หรือว่าหมอพูดอะไรให้ลูกคิดมาก”
พักตราไม่ตอบในทันที สีหน้าของเธอหมกมุ่นครุ่นคิด ถึงคำพูดของหมอเจ้าของไข้ เมื่อ 5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
คุณหมอหน้าใสขยับตัวลงนั่งข้างๆ พักตรา
“ขอโทษนะคะ ที่ต้องตามให้กลับมาหาหมอโดยด่วน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หมอก็จะไม่ทำอย่างนี้หรอกค่ะ”
“มีเรื่องอะไรร้ายแรงเกี่ยวกับดิฉันเหรอคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงกับร้ายแรงค่ะ มันเป็นเพียงสัญญาณเตือนบางอย่าง ที่หมอต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ”
“สัญญาณเตือน? เตือนว่ายังไงคะ”
พักตราจ้องหน้าหมอนิ่ง รอฟังด้วยใจระทึก หมอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงปกติ
“ผลการตรวจเลือดพบว่า ค่าฮอร์โมนของคุณต่ำเกินไป อาจเป็นไปได้ว่าตัวอ่อนอยู่นอกมดลูก”
พักตรางงอยู่นั่น “แปลว่าอะไรคะ ดิฉันไม่เข้าใจ ขอแบบง่ายๆ ที่ชาวบ้านทั่วไปฟังแล้วเข้าใจได้มั้ยคะ”
“อาจจะเป็นการท้องนอกมดลูกค่ะ” หมอบอก
พักตรานิ่ง อึ้งไปชั่วครู่
“แล้วดิฉันต้องทำยังไง”
“ถ้าเป็นจริง เราก็ต้องเอาออก”
พักตราพูดสวนคำหมอออกมาด้วยน้ำเสียงเครียดเคร่ง และ เด็ดขาด
“ไม่...ไม่นะ”
“อย่าเพิ่งเครียดค่ะ วันนี้หมอยังใช้คำว่าอาจจะ เราจะรู้ผลชัดเจนก็ต่อเมื่อทำการตรวจละเอียดอีกครั้ง”
“ตรวจเลยค่ะ ตรวจเดี๋ยวนี้เลย ตรวจยังไงคะ”
“หมอต้องขอเจาะเลือดอีกครั้ง หลังจากนี้สี่สิบแปดชั่วโมง”
“ได้ ค่ะ”
“ขอย้ำอีกครั้งนะคะ อย่าเพิ่งกังวลมากไป เพราะความกังวลย่อมส่งผลที่ไม่ดีทั้งกับแม่และเด็ก”
พักตราพยายามเชื่อตามหมอ แต่เธอก็ยังตกอยู่ในความตึงเครียดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่พักตรากำลังใช้ความคิดอยู่นั้น นายพลอรรถซึ่งลุกเดินออกไปพักใหญ่ กลับเข้ามาพร้อมวางเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพลงเบื้องหน้าลูกสาว
“ลองดื่มดูลูก น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ สูตรของพ่อเอง แม่หนูเขาชอบสูตรนี้มากเลยนะ มีประโยชน์ทั้งกับแม่และเด็ก”
“พ่อว่าลูกของหนูจะแข็งแรงมั้ยค่ะ”
“แข็งแรงสิ มีทั้งแม่ทั้งตาช่วยกันดูแลอย่างนี้ เขาต้องออกมา เพอร์เฟ็กท์ แน่ๆ เชื่อพ่อเถอะ”
“ค่ะ พักตร์ก็เชื่ออย่างนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกของพักตร์จะต้องลืมตาออกมาดูโลกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงไม่แพ้ใคร พักตร์สัญญาค่ะพ่อ”
อ่านต่อหน้า 2
รอยรัก แรงแค้น ตอนที่ 13 (ต่อ)
ที่เรือนเล็ก ในบ้านวิมลรัตน์ ตอนกลางคืน
ชุมสายเปิดประตูเดินเข้ามาในเรือนหลังนี้ เห็นคิมหันต์ยืนแทงสนุ้กเกอร์อยู่ที่โต๊ะสนุ้กมุมบ้าน ทนายหนุ่มเอ่ยปากพูดแดกดันขึ้นมาทันที
“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นชู้รักแกเข้าไปทุกทีว่ะไอ้คิม หรือไม่ก็ต้องเป็นทาสแก เพราะแกนึกอยากจะเรียกเมื่อไหร่ก็เรียก ไอ้ฉันก็ดันมาตามคำสั่งของแกทุกครั้ง ซะด้วย”
ชุมสายเดินไปรินเครื่องดื่มอย่างคุ้นเคย
“เหงาอีกรึไงครับ เจ้านาย”
คิมหันต์แทงสนุ้กต่อไป ไม่เงยหน้ามองเพื่อนเลย
“หรือว่า นี่คืออาการแพ้ท้องแทนเมีย”
“ฉันถามอะไรแกหน่อยสิ”
“หน่อยเดียวเหรอ”
“อืม”
“ถ้าหน่อยเดียวละก้อ ทีหลังถามทางโทรศัพท์เถอะนะครับ เจ้านาย”
“ฉันอยากฟังจากปากของแกตรงๆ ได้เห็นหน้าแกด้วย มันเถียงกันง่ายดี”
“งั้นก็หยุดแทงสนุ้กแล้วหันมาถามตรงๆ ซะทีสิวะ”
คิมหันต์วางไม้คิว หันมาจ้องหน้าชุมสาย
“ถ้าไอ้ธาดายอมสารภาพ ศาลจะว่ายังไง”
ชุมสายคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงตอบ
“คำสารภาพไม่ได้มีมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นนี่หว่า”
“ก็มันเพิ่งจะมาสารภาพตอนนี้นี่”
“มันผิดหลักการว่ะ ศาลท่านคงไม่นำมาพิจารณา”
“ถ้าทั้งโลกเขารู้กันหมดแล้วว่าใครเป็นฆาตกร ศาลยังไม่ยอมรับฟังอีกเหรอ”
“ศาลท่านพิจารณาจากกฎหมาย ไม่ใช่ความรู้สึก หรือกระแสสังคม ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ฉันต้องบอกแกอีกกี่ครั้งวะเนี่ย”
“งั้นฉันก็คงเลิกหวังกับศาลได้แล้ว”
“แกพูดอย่างนี้กับทนายที่เชื่อมั่นในกฎหมายอย่างฉันไม่ได้นะ”
“ฉันพูดกับแกในฐานะที่แกเป็นเพื่อนเว้ย”
ชุมสายจ้องหน้าเพื่อน “แกกำลังคิดจะทำอะไร”
“ทำตามความรู้สึกของฉันน่ะสิ กลับไปได้แล้ว ฉันสัญญาว่าจะไม่เรียกแกมาหาอีก”
ชุมสายกระเถิบเข้าไปใกล้คิมหันต์
“แกอย่าลืมว่าแกกำลังเป็นพ่อคนนะเว้ย จะบุ่มบ่ามแบบคนตัวคนเดียวไม่ได้ เรื่องมันจะไม่จบ”
“เรื่องไม่จบง่ายๆ อยู่แล้ว จนกว่าฉันจะบอกว่าจบ”
“แกหมายถึงเรื่องอะไร”
“เรื่องระหว่างฉันกับไอ้ธาดา และ มุกริน”
เห็นสีหน้าและแววตาของคิมหันต์จริงจัง และเอาเรื่องมาก จนชุมสายอดกังวลไม่ได้
เช้าวันนี้ พักตราอยู่ในห้องนอน กำลังส่งรายการอาหารให้สาวใช้
“นี่คือรายการอาหารที่เธอต้องทำให้ฉันทั้งสามมื้อ ทำตามนี้ แล้วมาเสิร์ฟบนห้องนะ”
“มีแต่ผักนึ่ง ผักสด กล้วย นม แค่นี้เองเหรอคะ” สาวใช้ทำหน้าฉงน
“ทำตามนี้ ไม่ต้องถามมาก”
สาวใช้หอบความสงสัยออกไปจากห้องนี้ มีอรรถเดินสวนเข้ามาในห้อง
“ลูกจะไม่ลงไปกินข้าวข้างล่างกับพ่ออีกแล้วเหรอ”
“อาหารของพักตร์กับพ่อไม่เหมือนกันค่ะ พักตร์ให้เด็กทำขึ้นมาให้ดีกว่า กลิ่นอาหารเดิมๆ พักตร์ก็เริ่มเหม็นๆ แล้วด้วย”
อรรถเอาใจลูก “งั้นพ่อขึ้นมากินกับลูก บนนี้ด้วยคนได้มั้ย กับข้าวแบบเดียวกับลูกนี่แหละ”
“ถ้าพ่อกินได้ ก็ตามใจ”
อรรถขยับตัวนั่งข้างๆ พักตรา
“เมื่อคืนนายคิมหันต์ไม่ได้กลับมานอนที่นี่”
“ค่ะ”
พักตราตอบด้วยเสียงเรียบเฉย ไร้อารมณ์โกรธเคืองใดๆ
“เขาคงไปนอนที่บ้านพี่สาวเขา เห็นว่านัดคุยกับเพื่อนถึงดึก”
“ลูกไม่หวง ไม่ห่วงเขา เหมือนเมื่อก่อนแล้วเหรอ”
“ไม่มีอะไรต้องห่วงค่ะ ตราบใดที่ลูกของคิมยังอยู่ในท้องพักตร์ ยังไงๆ คิมก็ต้องกลับมา”
มุกรินนั่งทำงานที่โต๊ะของเธอ เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างไปยังหน้าบ้าน เห็นแป๋วกำลังเปิดประตูรั้ว และตามมาด้วยรถคิมหันต์ค่อยๆแล่นเข้ามาในบ้านหลังนี้ มุกรินรีบหันไปหาปรารภทันที
“พี่รภคะ...ช่วยมุกหน่อยได้มั้ยคะ”
“ช่วยอะไร”
“คิมหันต์ค่ะ”
ปรารภมองตามสายตามุกรินออกไปยังบริเวณหน้าบ้านสวนของเขา
คิมหันต์ก้าวลงจากรถจะเดินเข้าบ้าน ปรารภเดินออกมาขวางหน้าเขาไว้
“คุณนี่ชอบบุกเข้าบ้านโน้นบ้านนี้ โดยไม่ขออนุญาตเจ้าของซะจริงเลยนะ”
“ผมเข้าใจว่าที่นี่คือบริษัทรับจัดงานอีเว้นท์ บริษัทแบบนี้ย่อมเปิดรับลูกค้าทุกประเภทไม่ใช่เหรอ”
“แต่ไม่ใช่ประเภทอย่างคุณ”
“จะไล่ผมออกไปข้างนอกมั้ยล่ะ”
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ”
“ผมขอเวลาห้านาทีก่อนออกไปได้มั้ย”
ปรารภก้มมองดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง คิมหันต์พูดต่อ
“ขอผมพูดกับมุกหน่อยได้มั้ย”
“ไม่อนุญาตครับ”
“ทำไม”
“พนักงานของผมกำลังขะมักเขม้นกับการทำงานอยู่ จะพูดอะไรก็พูดกับผมเท่านั้น”
คิมหันต์ตัดสินใจตะโกนเสียงดั่นลั่น ข้ามหน้าปรารภเข้าไปในบ้าน
“มุก”
“ผมบอกให้พูดกับผมไงล่ะ ถ้าไม่เชื่อก็เชิญกลับไปได้แล้วครับ”
คิมหันต์ไม่สน ตะโกนต่อ “ผมรู้ว่ามุกได้ยินผมนะ”
มุกรินขยับตัวลงนั่งที่มุมหนึ่งในบ้าน เธอได้ยินทุกคำพูดของคิมหันต์
“คุณคิมหันต์ คุณไม่มีสิทธิ์มาตะโกนโหวกเหวกที่นี่นะครับ”
ปรารภผลักคิมหันต์ให้ออกไปพ้นบ้าน คิมหันต์ขืนตัวไว้ และยังคงตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ผมรู้ว่า ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมทำ แต่เราจะจากกันอย่างนี้เหรอ มุก”
ปรารภหันไปทางแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน “น้าแป๋วเปิดประตูบ้านที”
“ผมจะไม่ตื๊ออะไรคุณอีกก็ได้ เพราะผมคงไม่มีสิทธิ์ แต่ขอให้ผมได้พูดดีๆ กับคุณอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย” คิมหันต์ขอร้องดีๆ
“คุณอ้างว่าเป็นครั้งสุดท้ายกี่ครั้งแล้ว”
“กี่ครั้งก็ช่างผมเหอะ แล้วเลิกผลักผมซะทีได้มั้ย”
“คุณก็กลับไปซะทีสิ ออกไปจากบ้านผมได้แล้ว หรือจะให้ผมใช้กำลังลงไม้ลงมือกับคุณอีก”
คิมหันต์จ้องหน้าปรารภ
“เข้าใจฉวยโอกาสได้ดีนะคุณปรารภ แต่อย่าคิดว่าคุณจะแย่งมุกรินไปจากผมได้ง่ายๆ ไม่มีวันหรอก”
“คุณมันพวกหมาหวงก้าง แพ้แล้วพาลนี่หว่า ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย”
“ลูกผู้ชายสำหรับผมคือการรักผู้หญิงคนเดียวจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
มุกรินนั่งฟัง และได้ยินที่คิมหันต์พูดทุกคำ
“แม้ว่าจะทำผิดพลาดยังไง แต่ผมก็ไม่เคยเลิกรักเธอ และผมจะขวางทุกคนที่คิดจะแย่งเธอไปจากผม จำไว้”
คิมหันต์และปรารภจ้องหน้ากันโดยไม่มีใครยอมกันอยู่สักพักหนึ่ง คิมหันต์จึงตะโกนเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
“เราจากกันอย่างนี้ไม่ได้หรอก มุก คุณได้ยินผมมั้ย ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆอย่างนี้หรอก มุกริน”
คิมหันต์ขับรถออกจากบ้านไป
มุกริน นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ความสับสนวุ่นวายในใจสะท้อนออกมาทางแววตาของเธอ สักครู่ปรารภจึงเดินตามเข้ามาในบ้าน
“ผมกำชับน้าแป๋วแล้ว ถ้านายคิมหันต์มา ห้ามเปิดประตูให้เข้าบ้านเป็นอันขาด”
“ดูเหมือนว่า คิมจะมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นทุกที”
“ถ้าอยู่ในบ้านพี่ อยู่ในออฟฟิศของเราอย่างนี้ มุกไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรมุกได้หรอก”
“มุกไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดไปนี่คะ พี่รภ”
ทันทีที่ประตูบ้านมุกรินเปิดออก เห็นรถธาดาเคลื่อนออกมาจากในบ้าน มอเตอร์ไซค์สามคัน บรรทุกชายฉกรรจ์ สามคน พุ่งเข้ามาขวางรถธาดาไว้เหมือนรอเวลาอยู่แล้ว
ธาดาจ้องมองด้วยใจระทึก เขาตัดสินใจเปิดหน้าต่างรถ ตะโกนใส่พวกมัน
“อยากตายรึไง มาขวางรถอย่างนี้”
“อยาก แต่ก็ยังไม่ตาย...ไม่เหมือนนาย กำลังจะตาย ทั้งๆที่ยังไม่อยาก” ชาย 1 บอก
พวกมันชูสามนิ้วใส่ธาดา แต่อีกฝ่ายไม่เก็ต
“อะไร...ชูสามนิ้วทำไม”
“ชูให้นายดู นายจะได้รู้ว่า เหลือเวลาอีกสามวันเท่านั้น”
ธาดาอึ้งไปนิดหนึ่ง “ขอบใจ ฉันนับเลขเป็น”
มอเตอร์ไซค์ทั้งสามคันจึงแล่นออกไป
ธาดามองตาม เครียด จู่ๆมือข้างหนึ่งของเขาก็สั่น และอ่อนแรง มันหล่นลงจากพวงมาลัยรถ เขาต้องใช้มืออีกข้างประคองมันขึ้นมาไว้ที่เดิม
ธาดาเหงื่อแตกพลั่ก
คุณหมอเจ้าของไข้คนเดิม ถือแผ่น CD เอ็กซเรย์สมอง ก้าวมาเบื้องหน้าธาดา
“แขน ขา ของคุณอาจจะเริ่มอ่อนแรง จนไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ การพูด ฟัง อ่าน เขียน ก็จะผิดปกติไป ที่เป็นเช่นนี้เพราะก้อนเนื้อเริ่มเข้าไปกดเบียดตำแหน่งที่ควบคุมการทำงานของสมอง เพราะฉะนั้น คำแนะนำเดียวของหมอก็คือ คุณต้องรีบผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”
ธาดานั่งก้มหน้านิ่ง
“ผมและทีมผ่าตัดรอวันนัดจากคุณธาดาอยู่นะครับ”
“ถ้าผมไม่ผ่า...”
หมอพูดสวนคำออกมาว่า “หมอไม่มีคำแนะนำแบบนั้นครับ”
“ผมจะทรมานก่อนตายมั้ย”
บ้านไม้หลังเล็กๆ หลังนี้ ตั้งอยู่ริมชายหาดชะอำ ในบรรยากาศสวยงามยามบ่าย สาวผมหยิกยาวนั่งเย็บเสื้อเด็กอยู่บนลานดินหลังบ้าน จนมีเสียงเด็กผู้ชายตะโกนดังมาจากนอกเฟรม
“พี่...พี่...พี่ดาว”
สาวผมหยิกพลิกหันหน้ามาทางเสียง เผยให้เห็นว่าเป็นดวงดาว เด็กแกละเจ้าของเสียง วิ่งเข้าไปหาดวงดาว หอบแฮ่กๆ
“มีอะไร วิ่งหน้าตื่นมาขนาดนี้”
“รถเก๋ง วิ่งมาจอดหน้าบ้านพี่แน่ะ”
“รถเก๋ง”
“ใช่ ขับมาจากกรุงเทพฯ มาถามหาพี่”
“ถามจริง”
“จริง...เป็นผู้ชายหล่อระเบิดเลย ชื่อ คิมหันต์”
สักพักหนึ่งคิมหันต์ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ เขาสร้างความแปลกใจให้เจ้าของบ้านได้ไม่น้อย
“คุณคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าผมจะมาถึงนี่”
“รู้ได้ยังไง”
“คราวนี้เพื่อนนักดนตรีของคุณไม่มีใครบอกผมเลยซักคน ว่าคุณอยู่ที่ไหน”
“แล้วคุณมาได้ยังไง”
“เดา”
“เกินไป”
“เพื่อนคุณไม่บอก แต่เจ้าของบาร์บอก”
“ผู้ชาย เวลาอยากได้อะไรจากผู้หญิง เขาทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
“คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าผมอยากได้อะไรจากคุณ”
ดวงดาวจ้องหน้าคิมหันต์
“งั้นคุณก็จะไม่มีวันได้สิ่งนั้น และการขับรถมาถึงที่นี่ของคุณก็เป็นการเสียเวลาเปล่า”
“ไม่เสียเปล่าแน่นอน ถ้าคุณจะตั้งใจฟังเหตุผลของผม และยอมให้ความร่วมมือกับผม”
“เรื่องเกี่ยวกับอะไร”
“แฟนเก่าของคุณ กับคดีฆาตกรรมพี่มล”
ดวงดาวเหนื่อยใจเหลือเกิน เธอถอนใจออกมาดังๆ
“เฮ้อ ยังไม่จบอีกเหรอ เรื่องนี้”
“มันจะจบได้ ถ้าคุณให้ความร่วมมือกับผม ดวงดาว”
ดวงดาวมองหน้าคิมหันต์นิ่งๆ ค่อยๆครุ่นคิด
“ถ้าคุณยังไม่เลิกกับเขา ผมก็ไม่กล้าพูดอย่างนี้กับคุณหรอก”
“ฉันขอเวลาคิดเยอะๆ ก่อน ได้มั้ย”
คิมหันต์ยักไหล่ เขามองเห็นเสื้อเด็กในมือดวงดาว
“ทำไมเย็บเสื้อเด็ก”
“พอใจ”
คิมหันต์กลับถามขึ้นว่า “พ่อเด็กรู้รึเปล่า”
ดวงดาวอึ้งไปนิดหนึ่ง
“ไม่จำเป็น”
“เย็บเผื่อลูกผมด้วยได้มั้ย”
ดวงดาวมองหน้าคิมหันต์ สีหน้าแปลกใจ
“อย่าบอกนะว่า มุก”
คิมหันต์บอกเสียงเรียบ “ไม่ใช่มุก...พักตรา”
ขณะเดียวกัน รถปรารภแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านมุกริน ปรารภเป็นผู้ขับ มุกรินนั่งมาข้างๆ สีหน้าของมุกรินยังดูนิ่งเฉย ต่างไปจากปรารภที่ดูสดชื่นไม่น้อย
“พรุ่งนี้พี่มารับมุก กี่โมงดี”
“พี่รภคะ”
“หรือว่า อยากลางาน ไปพักผ่อนอีกซักวัน เอามั้ย พี่ปิดออฟฟิศก็ได้ มุกอยากไปไหนบอกเลย พี่พาไปเอง ไปเที่ยวกันให้สบายใจ”
“เรากำลังทำอะไรกันอยู่คะ”
ปรารภชะงักไปนิดกับคำถามนี้
“เรา? พี่กับมุก?”
“ค่ะ”
“พี่กำลังปกป้องมุก จากการก่อกวนของผู้ชายคนนั้น”
“มุกไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ ถึงขนาดที่พี่ต้องดูแลมุกมากมายอย่างนี้”
ปรารภอึ้ง นิ่งงันไป
“มุกรู้สึกเหมือนเอาเปรียบพี่รภมากเกินไป พี่รภใช้เวลาอยู่กับมุกมากกว่าครอบครัวของพี่ซะอีก”
ปรารภค่อยๆ เอ่ยปากอย่างจริงใจ
“พี่อยากให้มุกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่”
มุกรินเป็นฝ่ายนิ่ง อึ้งไปบ้าง
“มุกจำได้มั้ย พี่เคยบอกมุกว่า วันนึงพี่จะขออะไรจากมุก”
มุกรินเริ่มจะรู้ทัน ถึงความต้องการของปรารภ
“มันยังไม่ใช่วันนี้หรอก พี่อยากแน่ใจว่า เมื่อพี่ขอมุกแล้ว มุกจะไม่ปฏิเสธพี่ และจะมีความสุขไปกับพี่ด้วย”
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากมุกริน ทั้งคู่ได้แต่จ้องหน้ากันนิ่ง
ธาดาเดินเข้ามายืนข้างๆ รถคันนี้ ก้มหน้าลงมาพูดข้างๆกระจกรถ
“จะจีบกันในรถอีกนานมั้ย”
“ไปพักเถอะ พรุ่งนี้พี่มารับ”
มุกรินเปิดประตูลงจากรถ แล้วจึงเดินเข้าบ้านไป
ธาดาขยับตัวลงไปนั่งแทนที่น้องสาว
“ในฐานะที่ผมเป็นพี่ชายมุก เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่มุกมี ผมขอถามตรงๆ คุณคิดจะขอยายมุกแต่งงานรึเปล่า”
ปรารภพยักหน้า ท่าทีจริงจังและมั่นคง
“เมื่อไหร่”
“เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมหมายถึงตัวมุก”
“เร็วๆ หน่อยได้มั้ย รีบขอซะตอนที่ผมยังอยู่”
ปรารภนิ่ง เขายังตอบคำถามธาดาไม่ถูก
“พรุ่งนี้เลยเป็นไง”
“อีกซักสองวันดีกว่า วันเกิดผมพอดี”
“งั้นผมแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน น้องเขย”
ธาดาลงจากรถเดินเข้าบ้าน ทิ้งปรารภให้นั่งยิ้มอยู่คนเดียว ฝันหวานเต็มที่
คิมหันต์เดินเข้ามาในห้องนอนพักตรา เห็นพักตรานอนลืมตาตะแคงตัวอยู่บนเตียง
“คิม กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม”
“กอดพักตร์หน่อยได้มั้ยคะ คิม”
คิมหันต์มองดูท่าทีของพักตรา แล้วจึงตัดสินใจ เอนตัวลงนอนข้างๆ เธอ เขาใช้สองแขนโอบกอดพักตราจากด้านหลัง พักตราพรายยิ้มรับรู้ถึงสัมผัสที่เธอโหยหา
“คิมอยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ได้ทั้งนั้น”
“พรุ่งนี้หมอนัดพักตร์เจาะเลือดอีกทีค่ะ ลูกของเราจะต้องแข็งแรง ปลอดภัย คิมเชื่อมั้ย”
“งั้นสิ”
“พักตร์ก็เชื่ออย่างนั้นค่ะ”
คิมหันต์นิ่งไป
“พักตร์รักคิมนะคะ ลูกคงดีใจที่เห็นพ่อกับแม่รักกัน”
“ผมอาบน้ำก่อนนะ”
คิมหันต์ค่อยๆ ผละออกจากพักตรา แล้วเดินหายไปทางห้องน้ำ
อ่านต่อหน้า 3
รอยรัก แรงแค้น ตอนที่ 13 (ต่อ)
โทรศัพท์มุกริน มีเสียงสัญญาณข้อความเข้า มุกรินเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านข้อความบนเตียงนอน มันชัดเจนราวกับเสียงคิมหันต์มาอ่านให้ฟังกับหูเธอเอง
“ผมรู้ว่าคุณโกรธผมมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไป ผมคงไม่สามารถหาเหตุผลใดมาอ้าง เพื่อเรียกร้องขอความรักหรือความเห็นใจจากคุณได้อีก แต่ผมก็หยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ผมคิดถึงคุณนะ ใครก็ห้ามความคิดถึงของผมไม่ได้”
คิมหันต์ก้มหน้าพิมพ์ข้อความเหล่านี้อยู่ในห้องน้ำภายในห้องนอนบ้านพักตรา
เสียงคำพูดของเขาดังก้องต่อเนื่อง
“ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณเป็นของคนอื่น ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่คุณว่าจริง เพราะผมรักคุณ มุกริน ผมจะทำทุกวิถีทางให้เรื่องนี้จบลงด้วยการอยู่ ด้วยกันของเรา ผมเสียผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดไปคนนึงแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียผู้หญิงของผมอีกคน เป็นอันขาด”
รถพักตราแล่นมาจอดหน้าคลินิกดูแลครรภ์ที่เก่า พักตราลงจากรถเดินเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่บุคลิกดีมาต้อนรับ และเดินนำพักตราเข้าไปในห้องด้านใน
คิมหันต์เดินตรงเข้าไปหาเสี่ยอ๋า ที่นั่งรออยู่ในโถงเซฟเฮ้าส์
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะ”
“เรียบร้อย ดีเดย์ วันมะรืน”
“โอเค”
“จบภารกิจนี้คือจบนะครับ จบเป็นจบ ไม่มีต่ออีกแล้วนะ”
คิมหันต์พยักหน้าหนักแน่น
“ผมเสียเวลากับไอ้หมอนี่มามากเกินไปแล้ว”
รถปรารถจอดอยู่หน้าบ้านมุกริน สักครู่จึงเห็นมุกรินเดินออกจากบ้านตรงไปที่รถปรารภ เธอเปิดประตูด้านหน้า ก้าวเข้าไปนั่งในรถ ที่ปรารภนั่งรออยู่แล้วตรงเบาะด้านคนขับ
“เมื่อวานพี่คุยกับพี่ชายมุกถึงดึกเลย รู้รึเปล่า”
“เหรอคะ”
“พี่คุยแล้วสบายใจมากเลย”
“คุยเรื่องมุกเหรอคะ”
“ใช่ แล้วก็ เรื่องของพี่ด้วย”
“เรื่องอะไรคะ”
“พรุ่งนี้วันเกิดพี่”
“มุกกะว่าจะทำเป็นไม่รู้ แล้วค่อยเซอร์ไพร้ส์พี่รภพรุ่งนี้ซะหน่อย”
“รอดูพรุ่งนี้แล้วกันว่าใครจะเซอร์ไพร้ส์กว่ากัน”
“พี่รภดูตื่นเต้นนะ”
“ตื่นเต้นสิ เพราะพี่จะขอของขวัญจากมุกในวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับพี่”
มุกรินมองหน้าปรารภ คาดเดาอะไรบางอย่างในใจ
เสียงโทรศัพท์ภายในคลินิกดังขึ้น เจ้าหน้าที่ยกโทรศัพท์ขึ้นพูด
“ฮัลโหล อ๋อคุณพักตราอยู่ในห้องตรวจกับคุณหมอค่ะ มีอะไรเร่งด่วนรึเปล่าคะ”
อรรถขยับตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารถือโทรศัพท์พูด แนบหู
“ไม่เป็นไร ฝากบอกลูกสาวผมด้วยว่า ผมกำลังจะเข้าไปหา แต่ถ้ามีอะไรเร่งด่วนมากๆ คุณช่วยโทร.บอกผมทันทีเลยนะ”
โทรศัพท์คิมหันต์ดังขึ้น เขาเอื้อมมือกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล พักตร์...พักตร์...มีอะไรรึเปล่า...อย่าเพิ่งร้องไห้สิพักตร์”
พักตรานั่งอยู่มุมหนึ่งในคลินิก ถือโทรศัพท์แนบหู น้ำตานองหน้า
“คิม คิมมารับพักตร์หน่อยได้มั้ยคะ ตอนนี้เลยนะคะ”
“หมอตรวจเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว ค่ะคิม เสร็จแล้ว”
พักตราคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
หมอคนนั้นกับพักตรา นั่งประจันหน้ากันอยู่ในห้องตรวจ หมอเอ่ยปากพูดตรงไปตรงมา
“จากผลอัลตร้าซาวด์ เราพบว่าตัวอ่อนไม่ได้ฝังตัวอยู่ในมดลูกอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไปฝังที่ท่อนำรังไข่ ซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะท่อนำไข่ไม่สามารถขยายตัวได้อย่างมดลูก เมื่อตัวอ่อนโตขึ้น ท่อก็จะแตก ทำให้ตกเลือดภายใน ถ้ารักษาไม่ทันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต”
พักตราคิดเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงเอ่ยขึ้นกับคิมหันต์ว่า
“คิม พักตร์จะไม่มาตรวจที่นี่อีกแล้ว”
คิมหันต์พยายามปลอบ “ใจเย็นๆ ก่อนพักตร์ คุณร้องไห้ซะจนผมฟังไม่รู้เรื่องแล้ว”
อรรถเดินเข้ามาในคลินิกอย่างรีบร้อน เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินตรงไปให้การต้อนรับ เรื่องนี้พักตรายังไม่รู้
สักครู่ต่อมาคุณหมอหนุ่มบุคลิกดี กำลังอธิบายอาการให้อรรถฟัง หน้าตาของท่านนายพลดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย
“ผมเสียใจด้วยจริงๆ ครับท่าน คุณพักตราเธอท้องนอกมดลูกครับ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“เมื่อมีอะไรบางอย่างไปขัดขวางการเดินทางของตัวอ่อน ทำให้ไม่สามารถไปฝังตัวที่มดลูกได้ภายในเวลาที่เหมาะสม เขาก็จะฝังตัวตรงตำแหน่งที่เขาอยู่นั่นแหละครับ”
“แล้วแม่จะเป็นอะไรรึเปล่า”
ด้านพักตรานั่งนิ่งอยู่ที่เดิม และยังคงพูดโทรศัพท์พร้อมน้ำตานองหน้า
“พักตร์ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่ถ้ามีใครพูดอะไรเกี่ยวกับลูกของเรา คิมอย่าไปเชื่อนะ ลูกของเราแข็งแรง สมบูรณ์ดี คิมต้องมั่นใจ เชื่อพักตร์นะคะ ลูกเราเป็นปกติดีค่ะ คิม”
พักตราปล่อยโฮออกมา ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง เธอร้องไห้ ไม่หยุด
พักตรานั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม ขณะพลโทอรรถเดินเข้ามาหา พร้อมกับขยับตัวลงนั่งข้างๆลูกสาว
“พักตร์ อย่าร้องไห้เลยลูก ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ มีสุข มีทุกข์ ปนๆกันไป”
“พักตร์ไม่ได้ทุกข์ พ่อไม่ต้องมาปลอบพักตร์หรอกค่ะ พักตร์มีความสุขดี”
พลโทอรรถมองดูลูกสาวด้วยความเข้าใจ
“งั้นก็ดีแล้ว แต่เราควรเข้าไปหาหมอกันหน่อยนะลูก ไปบอกเขาว่าเราสบายดี ดูซิว่าหมอเขาจะมีคำแนะนำอะไรที่ดียิ่งขึ้นไปอีก นะลูกนะ ไปกับพ่อ ไป”
“พ่อไปคุยคนเดียวเถอะค่ะ พักตร์รออยู่ตรงนี้แหละ ถ้าหมอต้องการตัวพักตร์ พ่อค่อยให้คนมาตามก็แล้วกัน”
พลโทอรรถพยักหน้ากับลูกสาวแล้วจึงลุกเดินออกไป
คุณหมอสาวหน้าใสคนเดิมก้าวลงนั่ง และเริ่มอธิบายขั้นตอนสำคัญให้พลโทอรรถฟัง
“หมอจะรักษาด้วยการใช้ยาฉีด เพื่อให้ตัวอ่อนหลุดออกมาเองโดยไม่กระทบกระเทือนอวัยวะอื่นๆ และมีปัญหาน้อยที่สุดในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป”
“วิธีนี้ไม่มีข้อเสียอะไรใช่มั้ยหมอ”
“ข้อเสียข้อเดียวคือ ถ้าร่างกายไม่ตอบสนอง ตัวอ่อนไม่หลุด เราก็ต้องผ่า”
“ผมหมายถึงชีวิตของคนเป็นแม่”
“ถ้าเรารีบทำตอนนี้ ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”
“งั้นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือจิตใจของยายพักตร์”
“เรื่องนี้ท่านคงต้องช่วยหมอด้วยนะคะ”
พยาบาลเดินเข้ามาพอดี
“ท่านคะ คุณพักตราออกไปแล้วค่ะ”
อรรถแปลกใจ “ไปแล้ว”
“เธอให้บอกท่านว่า จะรีบไปซื้อของใช้ แล้วจะกลับเข้าบ้านเลยค่ะ”
พลโทอรรถถอนใจออกมาแรงและดัง
คิมหันต์ขับรถมาตามทาง และกดปุ่มรับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ
“ฮัลโหล ผมกำลังจะไปรับพักตร์ที่คลีนิคครับ”
ปลายสายเป็นพลโทอรรถยืนพูดโทรศัพท์อยู่กลางโถงคลินิก
“นายไม่ต้องมาที่นี่หรอก ยายพักตร์ไม่อยู่แล้ว”
“อ้าว”
“เขาออกไปโดยไม่บอกใคร นายแวะไปรอเขาที่บ้านได้มั้ย”
“ครับ”
“นายรู้ผลการตรวจจากหมอแล้วใช่มั้ย”
“พักตราบอกผมคร่าวๆ”
“ฉันรู้ว่าลึกๆแล้วนายคงพอใจไม่น้อย ที่เด็กคนนี้จะไม่มีโอกาสได้เกิดมา แต่นายต้องรู้ด้วยว่า ตรงข้ามกับความพอใจของนายคือหัวใจที่แหลกสลายของพักตรา เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการแลกกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ นายพอจะช่วยดูแลพักตราอีกซักระยะได้มั้ย”
“ได้ครับ แต่ผมต้องเป็นคนกำหนดเองว่า หมดระยะแค่ไหน”
“ได้ มีอีกเรื่องนึงที่นายควรจะรู้ ถ้ายายพักตร์ไม่ยอมเอาเด็กออก มันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเขา และตอนนี้มีนายคนเดียวเท่านั้นที่พูดกับยายพักตร์ได้ดีที่สุด”
รถคิมหันต์แล่นเข้ามาจอดข้างสระว่ายน้ำ เขาลงจากรถเดินตรงมาที่บริเวณสระ จนเห็นว่าพักตรากำลังว่ายน้ำอยู่ในสระนั้น ทำเอาคิมหันต์แปลกใจไม่น้อย
“พักตร์ ทำอะไรน่ะ”
“ว่ายน้ำไงคะ การว่ายน้ำเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เด็กในท้องแข็งแรง”
“พักตร์ หมอบอกว่า”
พักตราเอ่ยปากสวนออกมาทันที
“ไม่ พักตร์ไม่เชื่อหมอ เป็นไปได้ยังไง พักตร์ดูแลเขาอย่างดีที่สุด เขาจะอยู่นอกมดลูกได้ยังไง”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลของพักตร์ หมอบอกว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมีได้หลายอย่าง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หมอเขาก็ต้อง...”
พักตราสวนออกมา “คิมเลิกอ้างหมอซะทีได้มั้ย พักตร์บอกแล้วไงว่าไม่เชื่อ พักตร์เป็นแม่ เป็นคนอุ้มท้อง เด็กอยู่ในท้องพักตร์ ใครจะมารู้ดีกว่าแม่อย่างพักตร์ได้ยังไง”
“พักตร์ ใช้เหตุผลหน่อยได้มั้ย ไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้นหรอกนะ”
“ก็มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นไง คิมฟังนะ ลูกของเราอยู่ในนี้ พักตร์จะดูแลเขาอย่างดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ในหรือนอกมดลูก พักตร์ก็ไม่สน เขาคือของขวัญที่วิเศษสุดของเรา เขาเกิดมาเพื่อเรา แล้วไอ้หมอพวกนั้นจะมาบอกว่าเขาไม่ปกติ จนต้องทำแท้งได้ยังไง พักตร์ไม่เชื่อและพักตร์จะไม่ทางทำอย่างที่พวกนั้นบอก พักตร์จะพิสูจน์ให้เห็นว่าหมอพวกนั้นคิดผิด”
คิมหันต์ถอนใจ พูดอะไรไม่ออก พักตราเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแจ่มใส
“วันนี้พักตร์แวะไปซื้อของใช้สำหรับเด็กมาแล้วนะ ใช้ได้ทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชาย แต่ต้องอีกสามเดือนนะคะ เราถึงจะเห็นเพศของเขา คิมตื่นเต้นมั้ยคะ”
คิมหันต์พยายามเตือนแล้ว “ตื่นเต้นสิ ตื่นเต้นเพราะเป็นห่วงคุณนั่นแหละ”
พักตราชะงัก จ้องหน้าคิมหันต์นิ่ง
“คิมเป็นห่วงพักตร์เหรอ” พัตราน้ำตาไหลรินออกมา “นี่เป็นครั้งแรกที่คิมพูดออกมาเองว่าเป็นห่วงพักตร์”
“มันอันตรายถึงชีวิตนะ พักตร์”
พักตร์ส่ายหน้าช้าๆ ยิ้มหวานหยด
“ลูกเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้จริงๆ ค่ะคิม เห็นมั้ย”
พักตราพุ่งออกไปกลางสระ
เธอว่ายน้ำต่อไป โดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆ จากคิมหันต์
ที่บ้านริมหาด ดวงดาวนั่งอยู่ตรงมุมพักผ่อนหน้าบ้านเช่าหลังงาม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“พูดธุระของคุณมาเร็วๆ ฉันไม่มีเวลามากนัก”
คิมหันต์ขับรถพร้อมกับพูดโทรศัพท์
“มีหนุ่มคนใหม่มาจีบเหรอ”
“บ้า”
“บอกเขารึเปล่าล่ะว่ากำลังท้องอยู่”
“ไม่มีอะไรทำรึไง ถึงได้โทร.มาเนี่ย”
“ผมจะโทร.มาบอกว่า ผมหมดโอกาสเป็นพ่อแล้วนะ”
ดวงดาวมีสีหน้าตกใจพอสมควร
“อย่าบอกนะว่าไปทำแท้งกันมา”
“เปล่า มันเป็นความผิดปกติของการตั้งครรภ์”
“น้ำเสียงคุณดีใจจังนะ”
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมดีใจเพราะอะไร”
“ฉันคงไม่ใช่คนแรกที่คุณอยากจะบอกเรื่องนี้หรอก ใช่มั้ย”
“บังเอิญคนที่คุณอยากจะบอก เขาไม่อยากคุยกับคุณใช่มั้ย”
“อืม”
“ถ้าคุณอยากจะคุยกับเขาจริงๆ มันก็คงไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอก”
“อย่าลืมพิจารณาเรื่องที่ผมขอความช่วยเหลือด้วยนะ”
“รู้ ไม่ลืมหรอก”
ประตูรั้วบ้านมุกรินเปิดออก ชายฉกรรจ์สามคนบนมอเตอร์ไซค์ พวกเขาพุ่งเข้ามาขวางหน้ารถธาดาเหมือนเคย และชูสองนิ้วให้ด้วย
“เข้าใจใช่มั้ยว่าหมายถึงอะไร” ชาย 1 บอก
“วันๆ พวกแกไม่ทำอะไรเลยเหรอ เอาแต่เฝ้าฉันทั้งวันทั้งคืนอย่างนี้เหรอ”
“เหลืออีกแค่สองวัน”
ธาดาตวาดลั่นบ้าน
“เหลืออีกตั้งสองวันเว้ย ไปให้พ้นบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
หมู่ชายฉกรรจ์หัวเราะเย้ยหยันเบาๆ
“รู้อะไรมั้ย ตอนนี้เสี่ยเขาอาบน้ำแร่แช่น้ำสมุนไพร รอสร้างความประทับใจให้น้องสาวคุณอยู่นะ คุณธาดา”
สิ้นคำพูดชาย 1 พวกมันทั้งสามบิดมอเตอร์ไซค์เสียงดังออกไปทันที
ธาดาเขาเครียดจัด เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลข
“ขอโทษที่ผมต้องโทรเข้าเบอร์นี้ คือผมต้องการความคุ้มครองจากเสธ.ครับ ถ้าไม่จำเป็นผมไม่โทรมาหรอก ไม่ใช่คุ้มครองผม แต่เป็นน้องสาวผม เรื่องเงิน ผมจะไม่รบกวนเสธ.อีกเลย เอ้อ แต่ถ้าผมเป็นอะไรไป ผมฝากเสธ.คุ้มครองน้องสาว แทนผมด้วยได้มั้ยครับ”
หนุ่มร่างสันทัด ถูกชายฉกรรจ์หิ้วตัว ตรงเข้าไปหาเสี่ยอ๋า ที่ยืนรออยู่กลางห้องโถงเซฟเฮ้าส์ เสี่ยอ๋ายิ้มเยือกเย็น
“ไง ไม่ได้เจอกันหลายวัน สบายดีนะ”
ไอ้หนุ่มคนนั้น มันคือ ไอ้ขุม
“หวังว่าวันนี้ จะไม่จับผมห้อยหัวแช่น้ำอีกนะ” ขุมว่า
“ไม่หรอก มีอย่างอื่นมันกว่านั้นเยอะ”
ปรารภและมุกรินเดินออกจากบ้านตรงไปที่รถ ทั้งสองต่างช่วยกันถือเอกสารและอุปกรณ์สำหรับการพรีเซนต์งานมากมาย
“วันนี้เป็นการพรีเซนต์งานตัวแรกของบริษัทเรา ตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย”
“ระดับพี่รภตื่นเต้น คนอื่นก็ไม่ต้องทำงานกันแล้วละค่ะ”
“นัดหน้าพี่จะให้มุกเป็นคนพรีเซนต์แล้วนะ”
“ถ้าพี่รภไม่อยากเสียงาน ขอแนะนำว่าอย่าดีกว่าค่ะ”
ปรารภเปิดรถวางข้าวของเหล่านั้น แล้วจึงหันมายิ้มกับมุกริน
“งั้นเฝ้าออฟฟิศแป๊ปนะ เดี๋ยวพี่มา อย่าให้ใครแปลกปลอมเข้ามาล่ะ โดยเฉพาะ...” ปรารภหมายถึงคิมหันต์
“พี่ต้องสั่งน้าแป๋วมากกว่าสั่งมุกนะคะ”
“โอเค. พี่ไปก่อนนะจ๊ะ จะรีบไปรีบมาจ้ะ”
ปรารภก้าวเข้าไปในรถและขับออกไป มุกรินจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน
มุกรินขยับลงนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอในห้องโถงบ้านสวน จู่ๆ ประตูข้างๆ โต๊ะของเธอก็เปิดออก ผู้ที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาประชิดตัวเธอก็คือ คิมหันต์ มุกริน ถึงกับสะดุ้ง
“คิม คุณเข้ามาได้ยังไง”
“รั้วบ้านแค่นี้ขวางผมไม่ได้หรอก”
มุกรินลุกจากโต๊ะหันหน้าหนีไปทางอื่น คิมหันต์จับไหล่มุกริน หมุนตัวเธอกลับมาเพื่อจ้องหน้าชัดๆ
“มองหน้าผมหน่อยได้มั้ยมุก ผมไม่ใช่ฆาตกรใจโหดที่คุณต้องรังเกียจขนาดนั้นนะ”
“บางทีอาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“ผมแค่พลั้งเผลอไปกับอารมณ์ของตัวเอง”
“นั่นมันก็มากพอที่มุกจะรังเกียจแล้วละค่ะ แล้วถ้าคิมยังไม่เลิกตามมุกอย่างนี้มันก็มีแต่จะรังเกียจมากขึ้น มากขึ้น จนมุกอาจจะลืมไปแล้วว่าเคยรักคิมยังไง”
“ต้องให้ผมทบทวนอีกมั้ยล่ะ”
มุกรินสะบัดตัวออกมาจากการเกาะกุมของคิมหันต์
“ไม่ค่ะ ออกไปซะ กลับไปหาลูกหาเมียของคุณซะดีกว่า”
“ไม่จำเป็น ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกคุณว่า ผมไม่มีลูกกับพักตราแล้วนะ”
“คุณ...” มุกรินงุนงง
“ผมไม่ได้พาเขาไปทำแท้ง แต่พักตราท้องนอกมดลูก หมอจำเป็นต้องเอาตัวเด็กออก”
“ตายจริง”
“โอกาสที่ผมจะหย่าขาดจากพักตรา โดยไม่มีพันธะต่อกัน ก็เป็นไปได้ไม่ยาก”
มุกรินจ้องหน้าคิมหันต์ด้วยความชิงชัง
“มุกจะไม่ดีใจกับผมเหรอ”
มุกรินเงื้อมือตบหน้าคิมหันต์อย่างแรง
“อะไรกันเนี่ย”
“คุณไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยค่ะ คิม คุณเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเหรอ คุณนึกจะทำอะไรกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ คุณนึกจะหมั้นก็หมั้น นึกจะแต่งงานก็แต่งโดยอ้างเหตุผลร้อยแปด พอคุณทำเขาท้องคุณก็ไม่กล้ายอมรับ กลับวิ่งมาขอโทษขอความเห็นใจจากฉัน พอเขามีลูกไม่ได้ คุณก็ดีใจ รีบวิ่งมาบอกฉัน...คุณเห็นฉันเป็นอะไร ฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เฝ้ารอเจ้านายอย่างคุณมาบอกว่าวันไหนจะมีชีวิตยังไง จะอยู่ด้วยกันได้มั้ยอย่างนั้นเหรอ แล้วพักตราล่ะ เขาเป็นตัวอะไร เขาก็เป็นผู้หญิงอย่างฉัน คุณนึกจะทำยังไงกับเขาก็ทำได้อย่างนั้นเหรอ ทำไมคุณเป็นคนอย่างนี้คิม”
คิมหันต์นิ่งอึ้ง
“ฉันไม่รู้ว่าฉันเคยรักคุณเข้าไปได้ยังไง”
“มุก”. คิมหันต์เอื้อมมือแตะที่ตัวมุกริน
“อย่ามาจับตัวฉัน ฉันเกลียดคุณ ฉันรังเกียจคุณ ไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัว”
“มุก”
คิมหันต์เอื้อมมือคล้ายจะดึงตัวมุกรินเข้ามากอด
แต่ปรารภก้าวเข้ามาพอดี
“อย่าแตะต้องตัวมุกอีกนะ”
คิมหันต์พูดกับมุกริน โดยไม่สนใจเสียงปรารภแต่อย่างใด
“ทุกครั้งที่ผมพุ่งมาหาคุณ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เป็นเพราะผมรักคุณ ไม่มีเหตุผลอื่นเลย”
มุกริน ส่ายหน้าช้าๆ แสดงความไม่เห็นด้วย
“ผมรังเกียจพี่ชายคุณ ก็เพราะผมรักพี่มล ชีวิตผมถูกขับเคลื่อนด้วยความรักเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง ถ้าชีวิตผมจะจบลงด้วยความล้มเหลว มันก็เป็นเพราะเหตุผลเดียว คือความรัก เพราะผมรักคุณมากเกินไป”
คิมหันต์ดึงมุกรินมากอดไว้จนแน่น สายตามองไปที่ปรารภ
“อยากจะชกหน้าผมมั้ยล่ะครับ คุณปรารภ”
คิมหันต์ก้มลงไปจูบมุกรินอย่างเต็มปากเต็มคำ ขณะมุกรินสะบัดตัวหนี
ปรารภจึงได้โอกาสพุ่งชกคิมหันต์สามทีติดๆ กัน คิมหันต์ล้มกลิ้งไปกับพื้น โดยไม่โต้ตอบแต่อย่างใด
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตรงหน้าปรารภ
“คุณรักมุกได้ไม่เท่าที่ผมรักหรอก”
คิมหันต์ค่อยๆ เดินออกไปจากบ้านหลังนี้ มุกรินได้แต่ยืนซึม นิ่งเป็นหุ่นหิน
รถแล่นไปบนถนนหลวงในแสงแดดยามเย็น คิมหันต์ขับรถมาพร้อมกับกดโทรศัพท์โทร.ออก เขาเหม่อมองออกไปไกล กระทั่งปลายสายรับ เขาจึงเอ่ยปากพูด
“ฮัลโหล ผมพูดกับเขาแล้วนะ เป็นไปตามคาด เขาด่าผมไม่มีชิ้นดีเลย”
ดวงดาว ยืนพูดโทรศัพท์ริมหาด
“เสียใจด้วยนะ ความรักเอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างนี้แหละ ส่วนเรื่องที่คุณขอร้องฉัน ฉันตัดสินใจแล้ว ตกลงตามนั้นก็แล้วกัน”
ดวงดาวกดวางสายไป สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด ท่าทางหนักใจมาก เมื่อคิดถึงเรื่องที่คิมหันต์ขับรถมาขอร้องเมื่อไม่นานมานี้ โดยทั้งสองยืนคุยกันบริเวณลานดินร่มรื่น ข้างบ้าน
“คุณเชื่อเรื่องความถูกต้อง และรักความยุติธรรมใช่มั้ย”
“ใช่”
“คุณรู้เท่ากับที่ผมรู้ใช่มั้ยว่านายธาดาฆ่าพี่สาวผม”
“เอาที่แน่ๆก็คือ ฉันรู้ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ และมีพิรุธอะไรบางอย่างของอาธาดา ก็เท่านั้น”
“ในฐานะแม่ คุณคงจะดีใจถ้าพ่อเด็กในท้องไม่ต้องรับโทษ”
ดวงดาวมองคิมหันต์นิ่ง
“แต่คุณจะดีใจกว่านั้นอีกมั้ย ถ้าพ่อเด็กกล้าขอโทษ กล้ายอมรับความจริงอย่างองอาจ กล้าขอขมาดวงวิญญาณพี่มล ในสิ่งที่เขาทำลงไป”
ดวงดาวยังคงนิ่งเงียบ ครุ่นคิดตาม
“ผมต้องการแค่นั้น แค่นั้นจริงๆที่ผมจะทำเพื่อพี่สาวของผมได้”
“แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“คุณคือหนึ่งแรงโน้มน้าว ที่จะทำให้เขายอมจำนน”
ดวงดาวสูดลมหายใจลึกๆ ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด
“คิดให้ดี แล้วค่อยตอบผมนะ ดวงดาว”
มุกริน นั่งซึมอยู่บนระเบียงสวย ในบรรยากาศยามเย็น ปรารภเดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ และวางน้ำดื่มสีสวยให้เธอ ทั้งสองนั่งนิ่งๆ ซักพัก มุกรินจึงเอ่ยปาก
“การพรีเซนต์งานตัวแรกของพี่รภ ต้องผิดนัดไปเพราะมุก”
“ไม่เป็นไร เรานัดลูกค้าใหม่ได้ พี่ต้องขอโทษนะมุก”
“ขอโทษ...เรื่อง”
“ที่พี่ชกหน้าเขา พี่รู้ ว่า มุกยังรักเขาอยู่ มุกอย่าปฏิเสธเลย”
มุกรินถอนใจ เปลี่ยนอิริยาบถ ก่อนพูด
“ความทรงจำเก่าๆ ที่ฝังอยู่ในใจ มันลบไม่ได้ง่ายๆ ค่ะพี่รภ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม”
“บางทีมุกอาจจะต้องสร้างความทรงจำใหม่ๆ มาทดแทนมัน”
มุกรินค่อยๆหันมามองหน้าปรารภ
“ถ้ามุกพร้อมจะเปิดใจใหม่ กับคนใหม่ มันก็น่าลองนะมุก”
ปรารภมองมุกรินด้วยสายตาอ่อนโยน
“คืนนี้นอนให้สบาย ยังไม่ต้องคิดอะไรมาก พรุ่งนี้เจอกัน ในวันสำคัญ”
“วันเกิดพี่”
“ของขวัญที่พี่จะขอจากมุกก็คือ ขอให้มุกเปิดใจฟังทุกคำพูดของพี่”
“พี่จะพูดอะไรคะ”
“คงเป็น speech ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ ไม่ยาวนัก แต่จะมีผลผูกพันกับชีวิตที่เหลือของพี่ ทั้งหมด”
รถคิมหันต์แล่นเข้าไปจอดหน้าบ้าน เห็นพลโทอรรถยืนพิงประตูบ้านรออยู่ คิมหันต์ลงจากรถเดินเข้าไปหาพ่อตานายพล
“ท่านรอผมเหรอครับ”
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่กลับมานอนที่นี่...โชคดีที่ฉันเดาผิด”
“ไม่แน่ พรุ่งนี้ท่านอาจเดาถูกก็ได้”
คิมหันต์ขยับตัวเดินผ่านพ่อตานายพลเข้าไปในบ้าน อรรถเอ่ยปากตามหลังคิมหันต์
“ก่อนที่เธอจะไปจากพักตรา ช่วยบอกให้เขากลับไปหาหมอให้ได้ เขาควรจะรู้ว่า ถ้าตกเลือดอาจจะถึงตายได้”
คิมหันต์หยุดฟังสักพัก จึงเดินขึ้นบันไดบ้าน อรรถยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
สายตาของท่านนายพลมองทอดออกไปไกล และยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
อ่านต่อหน้า 4
รอยรัก แรงแค้น ตอนที่ 13 (ต่อ)
เมื่อคิมหันต์เดินเข้ามาในห้องนอน เห็นพักตรานั่งอยู่บนเตียง รอบตัวเต็มไปด้วยหนังสือคู่มือการเลี้ยงลูกมากมายทั้งเก่าและใหม่เต็มเตียง รวมทั้งตำราตั้งชื่อจากอาจารย์หลายสำนัก หล่อนหันมายิ้มสดใสให้สามี
“คิม ง่วงรึยังคะ อย่าเพิ่งรีบนอนเลยนะ มาช่วยพักตร์ตั้งชื่อลูกก่อนดีกว่า”
“เอ้อ”
“พักตร์ชอบชื่อที่ดูเป็นไทยๆ ความหมายดีๆ คิมชอบมั้ย”
“ก็ โอเค”
“ไม่เอาสิ อย่าเอาแต่ตามใจพักตร์ ไม่ดีหรอก ควรจะเป็นความเห็นร่วมกันระหว่างพ่อกับแม่ ลูกจะได้ภูมิใจว่าเขาเป็นส่วนผสมของพ่อและแม่ในทุกๆ เรื่อง”
คิมหันต์ขยับตัวลงนั่งข้างๆพักตรา เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะพูดกับเธอ
“พักตร์”
“พักตร์จะเลือกไว้ทั้งชื่อผู้หญิงและชื่อผู้ชาย นะคะ”
“ผมว่า...”
“พักตร์จะเลือกให้ก่อน ซักสี่ห้าชื่อ แล้วคิมค่อยดูว่าชอบชื่อไหนดีมั้ยคะ จะได้ไม่กวนเวลาคิมมากนัก”
“พักตร์ หมอเขาบอกว่าคุณ”
พักตราตวัดเสียงแหลมเข้มขึ้นมาทันที
“อย่าพูดถึงหมอค่ะคิม พักตร์กำลังอารมณ์ดีๆอยู่ ถ้าอารมณ์เสียขึ้นมา เดี๋ยวจะมีผลต่อสภาพจิตใจของลูกด้วยนะ”
พักตราพุ่งเข้าไปโอบกอดคิมไว้ด้วยความรัก
“พักตร์อยากเห็นหน้าเขาเร็วๆจังเลย อยากรู้ว่าเขาจะหน้าเหมือนพักตร์ หรือเหมือนคิม”
คิมหันต์นิ่งไป อยู่ๆ พักตราก็หัวเราะออกมา
คิมหันต์มองฉงน “คุณขำอะไร”
“พักตร์กำลังนึกภาพตัวเองให้นมลูกอยู่ค่ะ ต้องเป็นช่วงเวลาที่พักตร์มีความสุขมากที่สุด แน่ๆ”
พักตรามีอาการคลื่นไส้ขึ้นมาอีก หล่อนรีบลุกจากเตียง วิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ
บนเตียงนอนตรงตำแหน่งที่พักตรานั่ง เห็นมีหยดเลือดสีคล้ำขนาดไม่ใหญ่นัก ไหลเปื้อนเป็นวงรอบๆ บริเวณนั้น
ธาดาเดินเข้ามาหน้าห้องนอนมุกริน ยกมือเคาะประตูห้องเรียกน้อง
“มุก...นอนหรือยังจ๊ะ”
“ยังค่ะ”
ธาดาเปิดประตู โผล่หน้าเข้าไปในห้อง
“พี่ขอเข้าไปนะ”
“ค่ะ”
ธาดาเดินเข้าไปในห้อง ตรงไปหามุกรินที่นั่งสบายๆ อยู่ปลายเตียงนอนของเธอ
“เมื่อคืน พี่เพิ่งได้คุยกับนายปรารภยาวๆ แบบลูกผู้ชาย พี่ว่าเขาเป็นคนดี ใช้ได้เลยนะมุก”
มุกรินเงยหน้ามองพี่ชาย รอฟังว่าจะพูดอะไรต่อ
“เขาเป็นเจ้านายมุกมากี่ปีแล้วเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่มุกเริ่มทำงาน สามปีกว่าแล้วค่ะ”
“สามปีที่ทำงานกับเขา เขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้มุกเห็นเลยใช่มั้ย”
มุกรินขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนตั้งคำถามกับผู้เป็นพี่
“พี่ใหญ่พยายามจะบอกอะไรมุกเหรอคะ”
“มุกโชคดีนะที่ได้ทำงานกับคนดีๆ อย่างนายปรารภ”
มุกรินพอมองออก “พี่ใหญ่ กำลังคิดอะไรอยู่รึเปล่า”
“ถ้าพี่ไม่อยู่ มุกก็จะมีนายปรารภคนนี้หละ ที่พี่ไว้ใจ”
“พี่ใหญ่จะไปไหน”
“ชีวิตคนเรามันเอาแน่อะไรไม่ได้หรอก จะตายวัน ตายพรุ่ง ใครจะไปรู้”
“พี่ใหญ่จะพูดเป็นลางทำไมคะ”
ธาดายิ้มให้น้องสาว แล้วขยับเข้าไปพูดใกล้ๆเธอ
“พรุ่งนี้วันเกิดนายปรารภ ถ้าเขาขออะไรมุก มุกควรจะรับไว้พิจารณานะ เชื่อพี่”
ธาดาเดินออกไปจากห้องนอนนี้ ทิ้งให้มุกรินครุ่นคิดไปเพียงลำพัง
พระอาทิตย์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สาดแสงลงมายังเมืองนางฟ้าในเวลาเช้าตรู่
คิมหันต์เดินลงบันไดบ้าน ตรงไปยังห้องอาหาร เห็นพลโทอรรถนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่หัวโต๊ะ นายพลนักรักทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง
“อาหารข้างบนคงไม่ถูกปากสินะ นั่งกินด้วยกันที่นี่มั้ยไอ้ลูกชาย”
“ไม่ครับ ผมมีธุระสำคัญต้องทำ แต่จะบอกท่านว่า วันนี้ลูกสาวท่านเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแต่เช้า”
“เปลี่ยนเองเหรอ”
“ครับเปลี่ยนด้วยตัวเอง”
อรรถหัวเราะร่าเริง
“เฮ้อ แพ้ท้องแล้วขยันนี่ฉันเพิ่งเคยเห็น”
“ไม่น่าจะใช่ ผมว่า เธอขยัน เพราะไม่อยากให้ใครเห็นเลือดที่เปื้อนที่นอนมากกว่า”
อรรถตกใจทันทีที่ได้ยิน
“วันนี้ท่านคงต้องดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิดหน่อยแล้วละครับ”
รุ่งเช้าเดียวกันนี้ มุกรินเดินตรงไปเปิดประตูรถของเธอ มีธาดาเดินตามมาไม่ห่างนัก เขาเอ่ยปากเสียงนุ่มนวลกับน้องสาว
“ขับรถดีๆนะมุก ขอให้วันนี้เจอแต่สิ่งดีๆ นะ”
มุกรินมองหน้าพี่ชาย นิ่งๆ
“ทำไมมองพี่อย่างนี้ล่ะ”
“มุกไม่เคยได้ยินพี่ใหญ่พูดแบบนี้กับมุกเลย”
“ไม่เคยพูด ไม่ได้แปลว่าพูดไม่ได้นี่”
มุกรินยิ้มให้พี่ชาย
“ค่ะ ขอให้พี่ใหญ่เจอแต่สิ่งดีๆ เช่นกันนะคะ”
“พี่ดีใจที่มีน้องสาวน่ารักแบบนี้ นี่ก็ไม่เคยพูดเหมือนกันใช่มั้ย”
“จากนี้ไป หัดพูดทุกวันนะพี่ใหญ่”
มุกรินเข้าไปนั่งในรถปิดประตูลง รถเคลื่อนออกไปจากบ้านช้าๆ ธาดามองตาม รู้สึกเย็นวาบในใจ มือของเขามีอาการสั่นให้เห็นอีกครั้ง
ด้านเสี่ยอ๋าอยู่ในรถ และกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู
“ภารกิจจะเริ่มในอีกห้านาที ผมโทร.มาเช็ค เพื่อความมั่นใจ ว่าคุณเอาแน่นะ”
คิมหันต์เดินออกจากบ้านพีกตราพร้อมพูดโทรศัพท์ไปด้วย เขาตรงมายังรถของเขาที่จอดอยู่
“แน่”
“เมื่อเริ่มปฏิบัติการแล้ว เราจะถอยไม่ได้นะครับคุณคิมหันต์ คุณต้องเตรียมรับมือกับผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ตาม เข้าใจนะ”
คิมหันต์ขยับลงนั่งในรถของเขา
“เข้าใจ เสี่ยกำชับลูกน้องว่าอย่าให้พลาดก็แล้วกัน”
ธาดาโยนกระเป๋าเสื้อผ้าใส่ในรถของเขา แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเข้าไปในรถ รถเก๋งคันใหญ่ก็แล่นปราดเข้ามาขนาบข้างเขา กระจกรถด้านคนขับเลื่อนลง เห็นเป็นชายฉกรรจ์คนเดิมยิ้มให้ธาดา แถมมันชูนิ้วมือขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“เหลืออีกหนึ่งวัน ไม่ต้องกลัวหรอกน่า กูจำได้”
แจต่แล้วเสี่ยอ๋ากลับเปิดประตูอีกด้าน ก้าวลงจากรถ
“ไอ้จำได้นี่แหละที่น่ากลัว ไอ้พวกนี้ชอบหนีหนี้ในวันสุดท้ายซะด้วย”
“ผมไม่ได้หนี”
“แล้วกระเบ๋าเดินทางใบเบ้อเร่อในรถน่ะ แปลว่าอะไร...จะไปปิกนิกเหรอ”
ลูกน้องเสี่ยอ๋าหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาจากรถธาดา แล้วเหวี่ยงลงไปบนพื้น จนกระเป๋าเปิดออก เสื้อผ้า ของใช้มากมาย กระจายเกลื่อน
“เสี่ยต้องการอะไร”
“ต้องการการชำระหนี้ มีให้ผมหรือยัง”
“ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งวัน ไม่ใช่เหรอ”
“เหลือแค่หนึ่งชั่วโมง โทษฐานที่คิดหนี”
ธาดาอึ้ง เครียดจัด
“ผมว่าคุณรีบไปนับเงินมาดีกว่า ถ้าครบหกสิบนาทียังไม่มีเงินมาวางตรงหน้าผมละก้อ คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องสาวของคุณอีกต่อไป คุณกำลังอยู่ในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตพร้อมๆ กับน้องสาวคุณนะ คุณธาดา”
เสี่ยอ๋าเดินกลับไปนั่งในรถของตน ธาดายืนตัวสั่น ร่างเกร็ง หน้าเครียดถึงขีดสุด
โทรศัพท์ปรารภดังขึ้น เขากดรับหยิบมันขึ้นมาแนบหู ปรารภอยู่ในชุดหล่อสมวัยพ่อหม้ายเมียสาม เขายืนอยู่กลางโถงบ้านที่ตกแต่งสวยงามเป็นพิเศษ
“ฮัลโหล คุณธาดา อย่าบอกนะว่าจะโทร.มาลางานแทนน้องสาว”
ธาดายืนพูดโทรศัพท์กลางโถงบ้านมุกริน
“เปล่า มุกออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว ผมแค่โทร.มาเช็คว่า มุกไปถึงบ้านคุณรึยัง”
ปรารภชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน เห็นรถของมุกรินกำลังเลี้ยวเข้ามาในบ้านสวน
“มาถึงพอดีครับ กำลังขับรถเข้ามาจอด มีอะไรเหรอครับ”
“ไม่มี หวังว่าเขาจะปลอดภัยดีเมื่ออยู่กับคุณนะ”
ปรารภยิ้มอย่างมั่นใจ
“แน่นอนครับคุณธาดา”
“เท่านี้ละ”
ธาดาวางโทรศัพท์ลง ตัดสินใจได้เด็ดขาด
เสี่ยอ๋านั่งเอนหลังพิงเบาะสบายในรถ ธาดายื่นหน้าเข้ามาเคาะกระจกรถข้าง เสี่ยอ๋าลดกระจกรถลง
“นับเงินได้เร็วดีนี่คุณธาดา ไหนล่ะเงิน อยู่ไหน”
“ไม่มี”
“ตอบได้ฉะฉาน ชัดเจนดี แปลว่าคุณยินดียกน้องสาวให้ผม”
“ถ้ามีปัญญาเอาตัวน้องสาวผมไปได้ก็เชิญ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้มุกรินอยู่ที่ไหน”
เสี่ยอ๋าเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ ประจันหน้าธาดา
“พูดจาได้โง่ และโอหังมากๆ”
“ผมไม่ได้โอหัง ผมแค่รู้ว่าน้องสาวผมอยู่ในที่ที่ปลอดภัย กับคนที่ไว้ใจได้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใครและอยู่ที่ไหน ก็เท่านั้น”
“งั้นเรามาเดิมพันกันมั้ยว่า น้องสาวคุณยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า”
เสี่ยอ๋าจ้องหน้าธาดาเขม็ง จนธาดาเริ่มมีอาการกังวล
“ถ้าผมแพ้ ผมยกหนี้ให้คุณหมดเลย ถ้าคุณแพ้ ผมขอไปลงกับน้องสาวคุณทั้งต้นทั้งดอกก็แล้วกัน”
ธาดามีอาการตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
“โทร.เลย โทร.ซี่ โทร.ไปถามคนที่คุณไว้ใจได้เลย”
เสี่ยอ๋ายกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดไปด้วย
ทันใดนั้นเสียงสัญญาณสายเรียกเข้าก็ดังที่โทรศัพท์ของธาดา
“เขาคงเป็นฝ่ายโทร.มาหาคุณแล้วละ”
ธาดารีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มพูด หน้าตาไม่ค่อยดีนัก
“ฮัลโหล”
ปรารภยืนพูดโทรศัพท์อยู่กลางโถงบ้าน
“คุณธาดา”
“น้องสาวผมยังอยู่ที่บ้านคุณใช่มั้ย”
“ผมจะโทร.มาถามคุณนั่นแหละว่ามุกไปไหน เมื่อกี้เห็นขับรถเลี้ยวเข้ามา แป๊บเดียวหายไปทั้งคนทั้งรถเลย เขากะจะเซอร์ไพร้ส์วันเกิดผมหรือเปล่า”
ธาดาหน้าซีดเผือด
“คงไม่ใช่ แค่นี้ก่อนนะคุณปรารภ”
ธาดาลดโทรศัพท์ลงอาการแทบช็อก
“น้องสาวคุณอยู่ในนี้ อยากพูดมั้ย”
เสี่ยอ๋ากดปุ่มเปิดลำโพงที่โทรศัพท์มือถือของมัน แล้วจึงยื่นมันไปที่หน้าของธาดา
“มุก”
เสียงมุกรินดังออกมาจากโทรศัพท์เครื่องนั้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่ใหญ่...มุกอยู่ที่ไหนคะเนี่ย”
เสี่ยอ๋ากดปุ่มปิดโทรศัพท์ทันที
“คุณแพ้ผม”
ธาดาพุ่งเข้าไปกระชากคอเสี่ยอ๋า แล้วขย้ำอย่างแรง
“มึงทำอะไรน้องสาวกู”
หมู่ลูกน้องกระชากร่างธาดาแยกออกมา เสี่ยอ๋าตะคอกใส่ธาดา
“มึงนั่นแหละหาเรื่องให้น้องสาวตัวเอง เตือนแล้ว เสือกไม่เชื่อ สมน้ำหน้า ต้องได้เสี่ยอ๋าเป็นน้องเขยจนได้...ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทางด้านมุกรินออกอาการหวาดผวา กลัวจับใจ เธอมองไปรอบๆ ตัว อย่างเดียวดายและสิ้นหวัง ด้านหลังของเธอเป็นผนังตัน ทุกด้าน
และหากเธอออกมามองเห็น เธอจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในรถคอนเทนเนอร์ตู้ขนาดใหญ่ เพียงลำพังคนเดียว มุกรินพุ่งเข้าไปทุบผนังรอบๆ ตัวเธออย่างแรง
ทว่า มันไม่ได้ทำให้ผนังเหล่านั้นสั่นสะท้านแต่อย่างใด มุกรินจึงตัดสินใจตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ใครอยู่ข้างนอกช่วยด้วย”
รถเทรลเล่อร์คันนี้ วิ่งไปบนถนนหลวงสายหลัก ในกรุงเทพมหานคร โดยมีเสียงมุกรินดังก้องกังวานไปทั่วทั้งบริเวณที่รถแล่นผ่านไป
“ช่วยฉันออกไปที...ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
ธาดาบันดาลโทสะถึงขีดสุดพุ่งเข้าไปกระชากคอเสี่ยอ๋า พร้อมกับขย้ำอย่างแรง
“มึงทำอะไรน้องสาวกู”
หมู่ลูกน้องกระชากร่างธาดาแยกออกมา เสี่ยอ๋าตะคอกใส่ธาดา
“มึงนั่นแหละหาเรื่องให้น้องสาวตัวเอง เตือนแล้ว เสือกไม่เชื่อ สมน้ำหน้า ต้องได้เสี่ยอ๋าเป็นน้องเขยจนได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ถ้ามึงทำอะไรน้องสาวกูละก้อ”
เสี่ยอ๋าสวนออกมา “ขู่ผมเหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคุณธาดา คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขู่ใครได้”
ขาดคำเสี่ยอ๋าใช้มือจิก และกระชากหัวธาดามาอย่างแรง ธาดาจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นวิงวอน
“ผมขอร้อง”
“ค่อยพอฟังได้หน่อย”
“อย่าทำอะไรมุกเลยนะ ได้โปรด ให้ผมชดใช้ด้วยวิธีอื่นเถอะ”
เสี่ยอ๋าจึงยอมปล่อยมือจากหัวธาดา
“คุณมีอะไรที่มีค่ามากกว่าน้องสาวคุณมั้ยล่ะ”
“ชีวิตผม”
เสี่ยอ๋าแสยะยิ้ม
“ไม่เท่าไหร่”
“งั้นจะเอาอะไรล่ะ อยากได้อะไรบอกมาเลย”
“ผมมีทางเลือกสุดท้ายให้คุณ ทางเดียวเท่านั้น เพื่อแลกกับอิสรภาพ และ ความสาวของมุกริน”
“ผมต้องทำอะไร”
“พูดความจริง”
ธาดามีท่าทีไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด
“ความจริงอะไร”
“ความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์คืนวันที่ 14 กุมภา หวังว่าคุณยังไม่ลืมนะ คุณธาดา”
ธาดามองหน้าเสี่ยอ๋าด้วยความสับสน งุนงง เสี่ยพยักหน้าให้สัญญาณลูกน้อง หมู่ลูกน้องลากตัวธาดาไปโยนใส่รถ เสี่ยอ๋าเขาเดินเลี่ยงออกมากดโทรศัพท์ เอ่ยปากพูดกับลูกน้องที่อยู่ปลายสาย
“เดินหน้า ตามแผนเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่”
ธาดาบันดาลโทสะถึงขีดสุดพุ่งเข้าไปกระชากคอเสี่ยอ๋า พร้อมกับขย้ำอย่างแรง
“มึงทำอะไรน้องสาวกู”
หมู่ลูกน้องกระชากร่างธาดาแยกออกมา เสี่ยอ๋าตะคอกใส่ธาดา
“มึงนั่นแหละหาเรื่องให้น้องสาวตัวเอง เตือนแล้ว เสือกไม่เชื่อ สมน้ำหน้า ต้องได้เสี่ยอ๋าเป็นน้องเขยจนได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ถ้ามึงทำอะไรน้องสาวกูละก้อ”
เสี่ยอ๋าสวนออกมา “ขู่ผมเหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคุณธาดา คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขู่ใครได้”
ขาดคำเสี่ยอ๋าใช้มือจิก และกระชากหัวธาดามาอย่างแรง ธาดาจึงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นวิงวอน
“ผมขอร้อง”
“ค่อยพอฟังได้หน่อย”
“อย่าทำอะไรมุกเลยนะ ได้โปรด ให้ผมชดใช้ด้วยวิธีอื่นเถอะ”
เสี่ยอ๋าจึงยอมปล่อยมือจากหัวธาดา
“คุณมีอะไรที่มีค่ามากกว่าน้องสาวคุณมั้ยล่ะ”
“ชีวิตผม”
เสี่ยอ๋าแสยะยิ้ม
“ไม่เท่าไหร่”
“งั้นจะเอาอะไรล่ะ อยากได้อะไรบอกมาเลย”
“ผมมีทางเลือกสุดท้ายให้คุณ ทางเดียวเท่านั้น เพื่อแลกกับอิสรภาพ และ ความสาวของมุกริน”
“ผมต้องทำอะไร”
“พูดความจริง”
ธาดามีท่าทีไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด
“ความจริงอะไร”
“ความจริงทั้งหมดของเหตุการณ์คืนวันที่ 14 กุมภา หวังว่าคุณยังไม่ลืมนะ คุณธาดา”
ธาดามองหน้าเสี่ยอ๋าด้วยความสับสน งุนงง เสี่ยพยักหน้าให้สัญญาณลูกน้อง หมู่ลูกน้องลากตัวธาดาไปโยนใส่รถ เสี่ยอ๋าเขาเดินเลี่ยงออกมากดโทรศัพท์ เอ่ยปากพูดกับลูกน้องที่อยู่ปลายสาย
“เดินหน้า ตามแผนเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่”
รถเทรลเล่อร์คันนั้นแล่นมาตามถนนย่านชานเมือง ในนั้นมีลูกน้องเสี่ยอ๋านั่งด้านหน้ารถข้างๆ คนขับ ถือโทรศัพท์แนบหูพูดสายกับเสี่ย
“ครับผม”
เสี่ยอ๋ายืนพูดโทรศัพท์ด้วยหน้าตาของคนนึกสนุก
“อย่าให้มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ลูกค้ากำชับมา”
ลูกน้องเสี่ยวางโทรศัพท์ลง มีเสียงทุบผนังดังสนั่นมาจากตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลัง
ลูกน้องเอ่ยปากบ่นกับคนขับรถ
“ไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ แม่คุณ”
ในตู้คอนเทนเนอร์ท้ายรถ มุกริน เดินทุบผนังรถรอบๆ ตัว พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนลั่น
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เปิดประตูให้ฉันออกไปที พวกแกจะจับฉันมาขังอย่างนี้ทำไม แกจะพาฉันไปไหน บอกมานะ ทำไมไม่พูดกันดีๆ พูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ เปิดประตู”
มุกรินทุบผนังจนอ่อนแรง สุดท้ายทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น หน้าตาคล้ายคนสิ้นหวัง
อ่านต่อตอนที่ 14