xs
xsm
sm
md
lg

ห้องหุ่น ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ห้องหุ่น ตอนที่ 9

พิไลวิ่งมาอย่างคนกลัวสุดขีด ชะงักตาเหลือก
 
เห็นผีตายทั้งกลมปรากฏร่างขวางหน้าไว้ ส่งเสียงถามแหบพร่าน่าสยดสยอง
"จะหนีไปไหน"
พิไลกรี๊ดสุดเสียง
"ว้าย..ยะอย่าทำอะไรฉันเลย"
ผีจ้องตากลวงโบ๋แดงฉาน
"แกตาย"
ผีเคลื่อนเข้าหาพิไลอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะถึงตัว ตะกรุดที่คอพิไลเรืองแสงวาบ ออกมาสาดเข้าใส่ร่างผีตายทั้งกลมอย่างจัง ผีร้องกรี๊ดตัวงอผงะหงาย กระเด็นล้มลงไป
พิไลยืนตะลึง เวทย์กับเทิดวิ่งเข้ามา สองคนมองผีที่นอนครวญคราง ร้องเจ็บปวด เวทย์รีบหยิบเชือกบ่วงอาคมออกมา เหวี่ยงไปคล้องคอผี ถือปลายเชือกไว้ในมือ ผีสะดุ้งดิ้นพราดๆเจ็บปวด
"โอ๊ย....ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน ฉันยอมแล้ว อย่าทรมานฉันเลย..โอ๊ย"
เวทย์มองพอใจ ก่อนเดินเข้าไปหาผี เทิดกระซิบพิไลอย่างฉุนๆ
"แกวิ่งออกมาจากวงสายสิญจน์ทำไม นี่ถ้าไม่มีตะกรุดของพี่เวทย์แกตายแน่ นังพิไล"
พิไลยังเสียงสั่น
"ก็..ฉัน..ตกใจ เกิดมายังไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวขนาดนี้"
พิไลมองไปเห็นผียอมจำนน เวทย์นั่งลงหน้าผีพูดเด็ดขาด
"ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเอ็ง แต่ถ้าเอ็งยังดื้อดึงอีก เอ็งเจ็บตัวแน่"
"ฉันยอมแล้ว..ฉันกลัวแล้วจ้ะ"
ผีกลายร่างกลับเป็นหญิงสาวท้องแก่ เวทย์พอใจหันมาเรียกเทิด
"ไอ้เทิด"
เทิดผละจากพิไล เข้าไปหาเวทย์ พิไลยืนมองยังหวาดๆ เห็นเทิดหยิบเทียนมาส่งให้ เวทย์รับมาบริกรรมคาถาเป่าพรวดไป เทียนติดสว่าง พิไลทึ่ง
เทิดหยิบขวดแก้วเล็กๆออกมาถือไว้ในมือ เวทย์ทำสมาธิพึมพำคาถา ก่อนยื่นเทียนไปที่คางผีท้องแก่ ลมพัดแรง จนกิ่งไม้โอนเอน ท้องฟ้าแปรปรวนอีกครั้ง
เวทย์สีหน้าเคร่งขรึม น่าเกรงขาม ดูมีพลังอำนาจอย่างประหลาด เสียงหมาหอนโหยหวนรับกับเสียงนกกลางคืน บรรยากาศน่าขนลุก
น้ำมันสีเหลืองค่อยๆปรากฏขึ้นทีละน้อยๆ จนเกือบเต็มขวดแก้วในมือเทิด เทียนเกือบหมดเล่ม เวทย์หยุดบริกรรมคาถา หันมามองน้ำมันสีเหลืองในขวดอย่างพอใจ พยักหน้าให้เทิด เทิดรีบปิดจุกขวด ผีเสียงอ่อนโรย
"ท่านได้ของที่ต้องการแล้ว ปล่อยฉันไปได้หรือยัง"
เวทย์พยักหน้า
"เอาล่ะขอบใจ ข้าจะปล่อยเอ็งกลับไปเดี๋ยวนี้"
เวทย์บริกรรมคาถา บ่วงอาคมคลายออก ผีท้องแก่หายวับไปอย่างรวดเร็ว
พิไลรีบวิ่งเข้ามาหาเวทย์อย่างกลัวๆ เทิดส่งขวดน้ำมันให้เวทย์ เวทย์รับมา ยิ้มกระหยิ่ม พิไลถามขลาดๆ
"นี่..นี่มันอะไรจ้ะพี่เวทย์"
"น้ำมันพราย"

บรรยากาศในงานศพ แขกนั่งสำรวมรอเวลาพระสวด อาทร บุญเรือนช่วยดูแลอ๊อด พูดคุยให้หายเศร้า อาทร จุฑาช่วยเสิร์ฟน้ำอย่างแข็งขัน
เก้าอี้หน้าสุด เดช สันติ อัมรานั่งคุยกันเบาๆ เดชถอนใจมองสันติ
"ขอบใจมากนะอาร์ตที่ช่วยดูแลยัยพรรณ"
"ไม่เป็นไรครับคุณอา"
สันติชะงัก หลวงตาเดินนำพระลูกวัดเข้ามา
"หลวงตามาแล้วครับ"
เดชหันไปมอง ยกมือไหว้ อัมราไหว้ตาม หลวงตาหยุดมองเดชพิจารณา
"ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้หรอกโยมเดช แต่เวลานี้เรายังไม่ตายก็อย่าทำตัวให้เหมือนคนที่ตายแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นการที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะเหมือนอยู่ไปวันๆมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายนะโยม"
เดชอึ้ง หลวงตาเดินไปที่นั่งเตรียมตัวสวด เดชหันไปมองรูปอารีย์อย่างเศร้าใจ
" หลวงพ่อพูดถูก ทุกคนก็ต้องตาย แต่การตายของเธอมันเป็นเพราะพี่ พี่ถึงไม่อาจทำใจได้ อารีย์ ไม่มีใครเข้าใจพี่เท่าเธอ เธอรู้ใช่มั้ยว่า ทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้"
เดชรำพึงในใจ ก้มหน้าสะเทือนใจ อัมรามองพ่ออย่างเป็นห่วง ทำท่าจะพูดอะไรแต่สันติ
แตะแขนเบาๆเป็นเชิงห้าม อัมรามองเข้าใจ สันติพยักหน้าให้ถอยออกไป
อัมราตามสันติออกไป พระเริ่มสวด

สันติเดินนำอัมรามาถึงด้านหน้าศาลา อัมราถอนใจ
"อัมสงสารคุณพ่อจังค่ะ คุณพ่อไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่คุณแม่เสีย"
"คงต้องให้เวลาคุณอาบ้าง พี่เชื่อว่าเวลาผ่านไปคุณอาน่าจะดีขึ้น"
ผอบกับพงษ์เข้ามา อัมรารีบไหว้ สันติไหว้ผอบด้วย แต่กับพงษ์แค่ยิ้มให้ พงษ์ทำหน้านิ่งเหมือนไม่เห็น แต่ยิ้มให้อัมรา
"ป้าเสียใจด้วยนะจ้ะหนูอัม โธ่นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตาป้าไม่เชื่อเด็ดขาดนะว่าคุณอารีย์จะตายแล้ว ยังสาวยังแส่ รวยก็รวยไม่น่าจะอายุสั้นเลย"
อัมราฝืนยิ้ม
"ขอบคุณค่ะคุณป้า เชิญคุณป้ากับพี่พงษ์ด้านในเลยค่ะ พระท่านกำลังสวดพอดี"
ผอบหันไปส่งสายตากับพงษ์ ก่อนมองสันติหมั่นไส้ แล้วหันมาพูดกับอัมราอย่างอ่อนหวาน
"ป้าว่าให้พี่พงษ์ยืนรับแขกเป็นเพื่อนหนูอัมน่าจะดูดีกว่าที่จะยืนกับเด็กวัดนะจ้ะ"
สันติอึ้ง อัมราหน้าเสีย พงษ์รีบอาสา
"นั่นสิครับ..น้องอัมครับพี่จะยืนเป็นเพื่อนให้เอง"
พงษ์มองสันติอย่างดูถูก
"ฉันว่านายน่าจะไปช่วยเขาเสิร์ฟน้ำมากกว่ามายืนทำเท่ห์อยู่ตรงนี้นะ"
"สวัสดีครับคุณน้าผอบ"
ผอบชะงัก หันไปมอง อาทรเข้ามามองสองแม่ลูกไม่ค่อยพอใจ แต่พูดยิ้มๆ
"เห็นคุณแม่ท่านบ่นๆถึงคุณน้าผอบอยู่ว่าหายหน้าหายตาไป ท่านคงมีเรื่องอยากคุยกับคุณน้าเยอะอยู่นะครับ เชิญข้างในเลยดีมั้ยครับ ผมจะพาไป"
ผอบหน้าเจื่อน
"อ๋อ..เอ้อน้าคงไม่ต้องรบกวนพ่อออยหรอกจ้ะ พ่อออยคงมาช่วยหนูอัมรับแขก งั้นตาพงษ์ก็ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหนูอัมแล้วล่ะลูก เราไปนั่งฟังพระสวดกันเถอะ"
"เชิญด้านในเลยครับ"
"อุ๊ยไม่เป็นไรจ้ะ น้ากับตาพงษ์นั่งข้างนอกดีกว่า ข้างนอกเย็นดี ไปตาพงษ์ไปเร็วลูก"
ผอบรีบลากพงษ์ไปนั่งที่เก้าอี้นอกศาลา อาทรมองสะใจ อัมราแปลกใจ
"ทำไมคุณป้าผอบทำท่าเหมือนไม่อยากเจอคุณป้าบุญเรือนละคะ"
"ไม่มีลูกหนี้ที่ไหนอยากจะเจอเจ้าหนี้หรอกครับน้องอัม"
อัมราเพิ่งเข้าใจ สันติยิ้มขำๆ
"แล้วนายไปแกล้งเขาทำไม"
"ก็ฉันไม่ชอบนี่หว่า ทำเป็นยกตนข่มคนอื่น นายนี่ก็เหลือเกินยืนเฉยให้เขาพูดจาดูถูกอยู่ได้"
สันติยิ้มใจเย็น
"ฉันไม่เคยอายในสิ่งที่ฉันเป็น และไม่สนใจด้วยว่าใครจะดูถูกฉันยังไง แค่เราเป็นคนดีไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอแล้ว"
อัมรามองสันติอย่างชื่นชม
"เออพ่อพระเอก ไป..เราเข้าไปฟังพระสวดกันดีกว่า"

สันติกับอัมราเห็นด้วย พากันตามอาทรเข้าไปด้านใน

ทางด้านเวทย์นั่งทำสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา
 
ถือขวดน้ำมันพรายในมือคลึงไปมาพร้อมทั้งบริกรรมคาถาอย่างเคร่งขรึม
พิไลกับเทิดนั่งดูอยู่อย่างสงบทางด้านหลัง ครู่หนึ่งเวทย์ลืมตา หมุนตัวกลับมา พยักหน้าให้พิไล
"เข้ามาใกล้ๆสิ"
พิไลรีบคลานเข้าไปหา เวทย์ยื่นขวดน้ำมันพรายให้
"เอ้าเอาไป ข้าปลุกเสกให้เรียบร้อยแล้ว"
พิไลรีบรับมา กราบเวทย์ มองขวดน้ำมันพราย ถามซื่อๆ
"เอ้อแล้วฉันจะใช้ยังไงละจ้ะพี่เวทย์"
"พอสบโอกาสก็ให้เทน้ำมันพรายออกมาสักหยดสองหยด แตะตัวผัวเธอ ให้น้ำมันโดนตัวแค่นั้นแหละ ผัวเธอก็จะต้องมนต์จังงังที่ข้าปลุกเสกให้ มันจะรักจะหลงเธออย่างโง่หัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว"
พิไลตาโต
"จริงๆเหรอจ้ะ ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอพี่เวทย์"
"ตอนใช้นะมันง่าย แต่ตอนทำเธอก็เห็นกับตาแล้วนี่ว่าเป็นยังไง"
พิไลนึกได้รีบพยักหน้าสีหน้ายังหวาด
"จ้ะๆพี่"
เทิดเสริม
"แกนะโชคดีมากนะพิไลที่พี่เวทย์เมตตา"
พิไลรีบกราบเวทย์อีก
"ฉันขอบคุณพี่เวทย์มากจริงๆนะจ้ะ"
"ไม่เป็นไร...ว่าแต่ได้ดีแล้วก็อย่าลืมที่รับปากข้าซะล่ะ"
เวทย์มองทั่วตัวพิไล สายตาโลมเลีย พิไลรีบยิ้มให้หยอดคำหวาน
"โธ่พี่เวทย์ช่วยฉันขนาดนี้ฉันไม่มีทางลืมพระคุณของพี่เวทย์อย่างแน่นอนจ้ะ สำเร็จเมื่อไรฉันจะมาสมนาคุณพี่เวทย์ให้ถึงใจเชียว"
เวทย์ยิ้มพอใจ สองคนสบตากันและกัน เทิดมองแอบยิ้มพอใจ
นอกศาลาสวดศพ ผอบนั่งหน้าหงิก แอบกระซิบพงษ์
"เจ็บใจเจ้าออยจริงๆ มันกล้าพูดจาเหน็บแนมเราได้"
พงษ์แค้น
"ให้ผมเอาเพื่อนไปรุมกระทืบมันดีมั้ยแม่"
"จะบ้าเหรอ อยากติดคุกหรือไง แกมันก็เก่งแต่คิดอะไรไม่ได้เรื่อง นี่ถ้าแกจีบลูกคุณเดชติดสักคน เราก็คงไม่ต้องมานั่งตากหน้าแบบนี้หรอก"
"ก็ถ้าไม่มีไอ้ผีเจ้าที่พวกนั้น ไม่ยัยพรรณก็ยัยอัมราต้องเสร็จผมไปแล้ว"
ผอบหมั่นไส้
"อย่ามาคุย แล้วนังเพทายล่ะ ป่านนี้ก็ยังไม่สำเร็จ"
"โธ่แม่ ผมก็พยายามแล้ว แต่ไม่เจอตัวสักที หมู่นี้มันหายหน้าไป ไหนก็ไม่รู้ เค้าลือๆกันว่ามันมีอะไรกับคุณอาเดช แม่ว่าจริงหรือเปล่า"
"แม่ไม่สนหรอก แต่ถ้าจริง งานนี้ยัยเพทายก็น่าจะมา แกคอยเล็งๆไว้ให้ดีก็แล้วกัน"
ผอบชะเง้อมองๆแล้วชะงักรีบสะกิด
"พงษ์ๆๆแกดูนั่นสิ"
พงษ์มองตาม เห็นเสี่ยกวงถือพวงหรีดอันใหญ่มาก มากับเมียเข้ามาในงาน เสี่ยมองหาเจ้าภาพ แต่พอเห็นพระกำลังสวด เมียเสี่ยสะกิดให้มานั่งทางเก้าอี้นอกศาลาก่อน
สองคนเดินมานั่งไม่ไกลจากผอบกับพงษ์
"แกชวดอีกแล้วเจ้าพงษ์"
"ทำไมแม่"
"ก็นั่นไงเสี่ยกวงที่เลี้ยงดูนังเพทายอยู่ เมียเขามาด้วยอย่างนั้น นังเพทายจะกล้ามาเสนอหน้าในงานได้ยังไง"
พงษ์เซ็ง
"อุตส่าห์ลงทุนมา ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่างเฮ้อเบื่อจริงๆ"
"มันก็ไม่แน่นะ ไม่เจอยัยเพทาย แต่เจอเสี่ยกวง คนรวยๆแบบนี้ เราคบไว้ก็ไม่เสียหลายหรอกน่า บางทีอาจจะมีช่องทางให้เราทำมาหากินก็ได้"
พงษ์ไม่เข้าใจ แต่ผอบสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

แขกเริ่มทยอยกลับ อัมรา สันติ อาทร บุญเรือน ดำเกิงช่วยกันส่งแขก จุฑาดูแลอ๊อด
เดชยังนั่งนิ่งเฝ้าแต่มองรูปอารีย์ เสี่ยกวงกับเมียเข้าไปทัก
"อาคุณเดช ผมมาแสดงความเสียใจด้วยครับ"
เดชเหลือบมองรำคาญ เสี่ยกวงต่อ
"คุณอารีย์เธอไม่น่าจะ..."
เดชลุกขึ้นไม่ฟังพูดเรียบๆ
"ขอบคุณที่มา..ผมขอตัวก่อน"
เสี่ยอึ้งมองเดชที่เดินออกไปด้านข้างศาลา เสี่ยกระซิบกับเมียแค้นๆ
"อั๊วะอุตส่าห์เสียสละเวลาอันมีค่าของอั๊วะมางานเมียมัน แต่มันไม่เห็นอั๊วะอยู่ในสายตาเลย"
"ก็ไหนเสี่ยว่าพิไลเมียอีกคนเค้าจะช่วยพูดให้ไงล่ะ"
เสี่ยมองหาพิไล
"ราคาคุยล่ะมั้ง ถ้าอีแน่จริงก็น่าจะอยู่ในงานด้วย นี่ไม่เห็นหัวเล้ย สงสัยเราจะโดนอีหลอก ดีนะที่อั๊วะฉลาดกว่าอีถึงยังไม่ได้ให้เงินอีสักแดงเดียว"
"อุ๊ย เสี่ยกวงใช่มั้ยค้า"
เสี่ยกับเมียหันไปมองแปลกใจ ผอบกับพงษ์เข้ามา ไหว้อ่อนช้อย
"สวัสดีค่ะ แหมดีใจจังที่ได้พบกันวันนี้"
เสี่ยกวงกับเมียรับไหว้ยังงงๆ ผอบรีบหันไปบอกพงษ์
"ลูกพงษ์สวัสดีเสี่ยซะสิลูก เนี่ยเสี่ยกวงนักธุกิจมือทองเชียวนะจับทำอะไรก็รุ่งไปหมด"
พงษ์รีบไหว้ เสี่ยยิ้มชอบใจ
"อา..แหมพูดล่ายลี อั๊วะชอบ เอ้อคุณคือ..."
"ดิฉันผอบค่ะนี่ลูกพงษ์"
"อ๋อๆๆแล้วคุณเป็น..."
เสี่ยมองการแต่งตัวของผอบที่เพชรทองเต็มตัว ดูดี
"อาเป็นญาติของคุณเดชเหรอคับ"
"อุ๊ยไม่ใช่ญาติก็เหมือนใช่ละคะ" ผอบพลางกระซิบ "อย่าพูดไปนะคะคือตาพงษ์เนี่ยเป็นว่าที่ลูกเขยในอนาคตของคุณเดชค้า"
เสี่ยชะงักสบตาเมีย สองคนชักสนใจ
"จริงๆเหรอคับ"
"ก็จริงนะสิค้า เอ๋...แต่ดิฉันก็ไปบ้านคุณเกือบทุกวัน ไม่เคยเห็นเสี่ยไปมาหาสู่คุณเดชมาก่อน เพิ่งรู้จักกันเหรอคะ"
"คืออั๊วะเอ๊ยผมกำลังคิดอยากจะชวนคุณเดชทำธุรกิจด้วยกัน แต่คุณเดชแกยังไม่ยอมรับปาก"
ผอบทำวางท่าเหมือนรู้จักเดชมานาน
"อุ๊ยคุณเดชแกก็เป็นคนอย่างนี้ละคะ แต่ถ้ารู้จุดแกนะคะ พูดไม่ยากหรอกค่ะ ยิ่งกับฉันแเกรงใจอย่างกับอะไรดี ก็อย่างที่บอกละค้า จะดองกันอยู่เร็วๆนี้แล้ว จะไม่เกรงใจได้ยังไง เอ้อ ถ้ามีอะไรที่ให้ดิฉันช่วยได้ขอให้บอกเลยนะคะ ดิฉันยินดี"

เสี่ยกับเมียแอบสบตากันอย่างดีใจ พงษ์มองผอบอย่างทึ่งๆ

พิไลเดินเข้าบ้านมาอย่างสบายใจ มองตัวตึกปิดไฟเงียบอยู่อย่างหมายมาด
 
"คอยดูนะพี่เดช คราวนี้ฉันจะทำให้พี่มาสยบอยู่แทบเท้าฉันให้ได้"
พิไลจะเลี้ยวไปทางเรือนเล็ก ชะงัก เงาพรรณรายอยู่ในที่มืด
"คะ..ใครน่ะ"
พรรณรายเคลื่อนออกมาในที่สว่าง นิ่งจ้อง พิไลถอนใจโล่งอก
"พรรณราย โธ่เอ๊ย... น้าตกใจหมด เอ๊ะทำไมหนูกลับมาคนเดียวล่ะ"
"ฉันอยากกลับมาคุยกับเธอ....ตามลำพัง"
สีหน้าท่าทางพรรณรายไม่เป็นมิตรเลย พิไลมองอย่างสงสัยว่าพรรณรายจะเอายังไง

เวลาต่อมา สันติ อัมรา เดช อ๊อดเห็นว่า ในห้องพักสันติว่างเปล่า อัมรากับสันติมองหน้ากัน อัมไม่สบายใจ
"พี่พรรณหายไปไหนแล้วค่ะ"
"หรือว่าจะไปเดินเล่น ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ลองเดินไปดูรอบๆวัดก่อนนะ น้องอัมอยู่กับคุณอาแล้วก็อ๊อดที่นี่ ก่อนเผื่อคุณพรรณเธอกลับมา"
สันติจะไป เดชเรียกไว้
"อาร์ต"
สันติชะงัก เดชพูดขรึม
"ไม่ต้องไปหาหรอก"
"ทำไมละคะคุณพ่อ หรือว่าคุณพ่อยังโกรธพี่พรรณอยู่ อัมว่ารับพี่พรรณกลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันดีมั้ยคะ"
"พ่อคิดว่าพรรณรายคงกลับบ้านแล้วล่ะ เรารีบตามไปที่บ้านเร็วเข้าเถอะ"
เดชหันกลับอย่างเร็ว แต่ซวนเซไปพิงผนังห้อง สันติรีบเข้าประคอง
"คุณอา"
"คุณพ่อ..คุณพ่อพักก่อนดีมั้ยคะ"
เดชร้อนใจ
"ไม่..รีบกลับบ้าน"
"แต่คุณพ่อจะขับรถไหวเหรอคะ"
สันติรีบบอก
"ให้ผมขับให้ดีกว่าครับคุณอา"
เดชมองสันติ รีบพยักหน้า
"ขอบใจอาร์ต..ไปกันเลยเร็วๆเข้า"
สันติกับอัมรามองหน้ากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจท่าทางร้อนรนของเดช แต่ก็รีบช่วยกันประคอง
เดชไป อ๊อดตามมาด้วย

ทางด้านพิไลยิ้มระอามองพรรณรายอย่างอ่อนใจ
"ที่รีบกลับมานี่เพื่อจะมาไล่กันงั้นเหรอ"
พรรณรายพูดเรียบๆ
"ใช่..และถ้าเธอฉลาดก็ควรจะไปเสียดีๆ เพราะนี่คือความกรุณาอย่างที่สุดของฉันแล้วนะ"
พิไลเยาะเสียงสูง
"กรุณา"
"ถ้าไม่เรียกว่า ฉันกรุณาเธอแล้วจะเรียกว่าอะไร ความจริงผู้หญิงเลวร้ายอย่างเธอ กล้าลอบกัดคุณแม่ฉันที่มีบุญคุณให้ที่ซุกหัวนอน ฉันควรจะตบล้างน้ำเสียก่อนแล้วลากออกไปเหมือนหมูเหมือนหมามากกว่าจะให้เธอไปเองง่ายๆแบบนี้"
พิไลชักฉุน
"พรรณราย พูดจาให้ระวังหน่อย จะตกนรกไม่รู้ตัว"
"ถ้านรกมีจริง คนที่จะตกคนแรกก็คือเธอ แต่ก่อนจะตกคนอย่างเธอมันคงต้องโดนปีนต้นงิ้วก่อนแน่ๆ"
พิไลโกรธมาก
"จะมากไปแล้วนะพรรณราย เธอรู้ตัวบ้างมั้ยว่า เธอกำลังพูดอยู่กับใคร"
"รู้สิรู้ทุกอย่าง ฉันก็กำลังพูดอยู่กับเมียน้อย เอ๊ยไม่ใช่เมียเก็บ เอ๊ะแต่ก็ดีไปนะ อย่างเธอมันเป็นได้ก็แค่นางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวของคุณพ่อเท่านั้นแหละ"
พิไลแทบเต้น
"นังเด็กบ้า ฉันทนไม่ไหวแล้วนะที่จะให้แกมายืนด่าฉันฉอดๆแบบนี้"
"ทนไม่ไหวก็ไปซะสิยังมาหน้าด้านหน้าทนอยู่ทำไม"
"พรรณราย..คงถึงเวลาแล้วล่ะที่ฉันจะต้องบอกความจริงเธอซักที ไม่งั้นคนที่จะตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดก็คงเป็นเธอนั่นแหละ"
"ความจริงอะไร"
พิไลมองพรรณรายอย่างคนที่อัดอั้นเต็มที่พร้อมระเบิด

ในห้องหุ่น หุ่นอารีย์ตกใจหันขวับไปทางหน้าบ้านหุ่
"ไม่นะพิไล..เธอต้องไม่พูด เธอรับปากกับฉันแล้ว"
อารีย์ทำท่าจะเลือนหายไปอย่างร้อนใจ หุ่นทุกตัวมองอารีย์ เจ้าคุณนรบดินทร์รีบท้วง
"เธอจะออกไปไม่ได้นะแม่อารีย์"
หุ่นอารีย์กลับมาปกติ
"ดิฉันต้องไปห้ามไม่ให้พิไลบอกความจริงกับพรรณรายค่ะ"
เจ้าคุณบอก
"เธอห้ามไม่ได้หรอก และที่สำคัญตอนนี้พิไลมีตะกรุดศักดิ์สิทธิ์ ถ้ารู้ว่าวิญญาณเธออยู่ที่นี่ พิไลต้องเล่นงานเธอแน่"
"เชื่อท่านเจ้าคุณเถอะคุณอารีย์" ลุงทวนบอก
อารีย์อึ้ง ร้อนรน "แต่..."
"ทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว เธอขวางไม่ได้หรอก ไม่ช้าก็เร็ว พรรณรายต้องรู้อยู่ดีว่าใครเป็นแม่ที่แท้จริง เชื่อฉันสิ"
อารีย์ลังเล มองหุ่นตัวอื่นๆทุกตัวต่างมองอารีย์ พยักหน้าเห็นด้วยกับหุ่นเจ้าคุณ
อารีย์ร้อนใจ มองไปทางหน้าบ้านอย่างกังวล ส่ายหน้าพึมพำ
"ไม่นะพิไล..ไม่"
หุ่นทุกตัวมองไปทางหน้าบ้านสีหน้าไม่พอใจพิไลมาก แต่ทำอะไรไม่ได้

ที่หน้าบ้าน พิไลมองพรรณรายอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
"ความจริงที่เมื่อเธอรู้ เธอจะต้องมากราบแทบเท้าขอโทษที่ล่วงเกินฉันนะสิ"
พรรณรายหัวเราะอย่างขำมากๆ
"ขนาดนั้นเชียว ไหนลองพูดมาสิ ฉันก็อยากจะรู้ว่า ฉันสมควรจะคลานเข้าไปกราบเธอหรือเข้าไปตบเธอดี"
พิไลเน้นเสียงดังฟังชัด
"ฟังให้ดีๆนะ"
พรรณรายยิ้มเยาะ พิไลต่อช้าๆเน้นๆ
"ฉัน..คือแม่แท้ๆของเธอ พรรณราย"
พรรณรายตะลึงจ้องพิไลเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน

สันติขับรถมา เดชนั่งข้างๆท่าทางร้อนรน หันมาเร่งสันติ
"เร็วอีกหน่อยได้มั้ยอาร์ต"
"เลี้ยวข้างหน้าก็ถึงบ้านแล้วครับคุณอา"
ทุกคนในรถเห็นชิ้นเดินอยู่ข้างทาง
"นั่นน้าชิ้นนี่ครับ"
สันติชะลอรถข้างๆชิ้น ชิ้นหันมามอง อัมรารีบเปิดกระจกถาม
"น้าชิ้นมาเดินอยู่ทำไมคะ"
ชิ้นยกถุงชูให้ดู
"ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้คุณพรรณค่ะ"
เดชตกใจ เปิดกระจกถาม
"พรรณรายอยู่ในบ้านเหรอ"
"ค่ะ กลับมาได้พักใหญ่ บอกหิวให้ชิ้นไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่ตลาดค่ะ ไกลก็ไกลแต่เธอจะเอาให้ได้"
"แล้วพิไลล่ะ พิไลอยู่หรือเปล่า"
"เอ๋... ตอนอิฉันจะออกไป แม่พิไลยังไม่กลับมานะคะ"
"รีบขึ้นมาเร็วชิ้น" เดชบอก
อัมราเปิดประตูด้านหลังให้ ชิ้นขึ้นรถไป งงๆกับท่าทางเดช เดชรีบบอกสันติ
"ไปเร็วอาร์ต"
"ครับคุณอา"

สันติออกรถไปทันที เดชยังกังวล

พิไลยิ้มเหนือกว่าที่เห็นพรรณรายยืนตะลึง พึมพำ
 
"ไม่จริง"
"นี่คือเรื่องจริง ถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องตาสว่าง ลูกควรจะรู้ความจริงซักทีว่า คนที่ลูกเรียกว่าแม่ คนที่ลูกคอยปกป้องจนกระทั่งมาก้าวร้าวแม่แท้ๆของตัวเองนะ ไม่ใช่แม่ที่แท้จริง แต่เป็นคนที่ฉกฉวยโอกาส ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ควรถูกตราหน้าว่าเลว"
พรรณรายสีหน้าโกรธมาก
"คุณแม่อารีย์"
"ใช่นังอารีย์นั่นแหละที่ลูกควรโกรธควรเกลียดมัน"
พิไลมองท่าทีโกรธจัดของพรรณรายอย่างพอใจ พิไลอ้าแขนออก ยิ้มอย่างมีชัย
"มาสิลูกมาหาแม่ มาให้แม่กอดลูกให้สมกับที่แม่คิดถึง"
พรรณรายเดินช้าๆเข้ามาหา พิไลยิ้มกว้าง พรรณรายเดินมาใกล้แล้วจับต้นแขนพิไลทั้งสองข้างเขย่าอย่างรุนแรง กัดฟันพูดใส่หน้าอย่างโกรธมาก
"กล้าใส่ร้ายคุณแม่ กล้าด่าคุณแม่ว่าเลวเหรอ นังพิไล"
พรรณรายผลักพิไลไปอย่างแรง พิไลล้มลงไปตกใจ
"โอ๊ย..พรรณรายนี่ลูกไม่เชื่อแม่เหรอ แม่เป็นแม่ของลูกจริงๆ นังอารีย์มันโกหกลูก"
พรรณรายเข้าไปกระชากพิไลขึ้นมาอีกอย่างแรง พูดไปด้วยท่าทางน่ากลัว
"ฉันอุตส่าห์เปิดโอกาสให้แกไปดีๆแต่แกไม่ชอบใช่มั้ย ได้"
พรรณรายกระชาก พิไลสะบัดพยายามพูดไปด้วย
"พรรณรายแม่เป็นแม่ที่แท้จริงของลูกนะ"
"ฉันไม่มีวันมีแม่อย่างแก"
พรรณรายยื้อยุดจะเล่นงาน พิไลปัดป้องยื้อกันไปมาจนสร้อยออกมานอกเสื้อ มือพรรณรายตวัดไปโดนตะกรุดหลุดตกลงพื้น
สองคนยังยื้อยุดฉุดกัน พิไลเสียท่าล้มลง พรรณตรงเข้าคร่อมเงื้อมือ
"ฉันจะตบแกแก้แค้นให้คุณแม่"
เดชเข้ามาจับแขนพรรณรายไว้ แล้วกระชากลูกสาวขึ้นมาอย่างแรง
พรรณรายขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับพ่อ อย่างรวดเร็ว... เดชตบหน้าพรรณรายอย่างแรงจนเซล้มไป สันติ อัมรา อ๊อด ชิ้นยืนมองอย่างตกใจ
พรรณรายหันกลับมามองเดชอย่างตกใจ
"คุณพ่อ"
พิไลเองก็ตกใจ
"พี่เดช"
เดชคำรามน่ากลัว
"พ่อสั่งแล้วใช่มั้ยว่าห้ามทำร้ายพิไล ทำไมไม่ฟังกันบ้าง"
"ก็มัน...."
"อย่าเรียกพิไลว่ามัน..."
พรรณรายลุกขึ้นมองเดชที พิไลที อย่างสุดแค้น อัดอั้น วิ่งร้องไห้เข้าบ้านไป เดชขยับจะตามเข้าไป แต่กลับทรุดลง สันติ อัมราตกใจรีบเข้าประคอง
"คุณอา/คุณพ่อ"
ชิ้นกับอ๊อดวิ่งเข้าไปดูตกใจ
"คุณผู้ชาย/คุณพ่อครับ"
"ประคองคุณอาเข้าบ้านก่อนเถอะครับ"
"ค่ะ"
สันติ อัมราประคองเดชเข้าบ้าน ชิ้นจูงอ๊อดตามกันไป พิไลเจ็บใจพึมพำ
"ลูกนะลูก ทำไมมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ นังอารีย์แกเลี้ยงลูกฉันได้เลวดีจริงๆ"
พิไลลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวอย่างโมโห ก่อนเดินสะบัดไปทางเรือนเล็ก โดยไม่รู้ตัวว่า ตะกรุดหลุดจากคอแล้ว

หุ่นอารีย์สีหน้าโล่งใจ สมศรี หุ่นนางรำหันมาถาม
"สบายใจแล้วใช่มั้ยคะคุณอารีย์"
อารีย์หันมายิ้มให้
"โชคดีเหลือเกินที่พรรณรายไม่เชื่อพิไล ไม่อย่างนั้นคงต้องเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาอีกมากมาย"
เจ้าคุณนรบดินทร์พูดเรียบๆ
"ถ้าพิไลยังอยู่ในบ้านนี้ เรื่องวุ่นวายต่างๆต้องเกิดขึ้นแน่"
หุ่นแต่ละตัวสบตากันแล้วสบตาเจ้าคุณอย่างเข้าใจความนัย หุ่นแต่ละตัว แววตาเป็นประกายน่ากลัว แต่อารีย์ไม่รู้เรื่องมัวแต่ถอนใจอย่างโล่งอก

เดชนอนหลับสนิท อัมรานั่งกอดอ๊อดมองอย่างไม่สบายใจ สันติ ชิ้นอยู่ด้วย
"พี่อัมครับคุณพ่อจะตายเหมือนคนคุณแม่มั้ย"
อัมราตกใจ
"ห้ามพูดแบบนี้นะจ้ะอ๊อด คุณพ่อแค่เหนื่อยเพราะไม่ได้พัก แถมยังไม่ยอมทานอะไรด้วย ให้คุณพ่อพักมากๆเดี๋ยวคุณพ่อก็จะดีขึ้น"
อัมราหันไปทางชิ้น
"น้าชิ้นคะ ช่วยพาอ๊อดออกไปก่อนได้มั้ยคะ อัมขอดูคุณพ่ออีกสักพัก"
"ค่ะ..ไปค่ะคุณอ๊อด"
อ๊อดทำท่าไม่อยากไป
"ให้อ๊อดอยู่ด้วยนะครับพี่อัม"
"ถ้าอ๊อดอยากให้คุณพ่อหายเร็วๆก็ต้องไม่ดื้อนะจ้ะ"
"ก็ได้ครับ"
อ๊อดลุกขึ้นตามชิ้นออกไปอย่างว่าง่าย อัมรามองสันติ
"ขอโทษนะคะพี่อาร์ต พี่อาร์ตเลยพลอยต้องมาลำบากไปด้วย"
"ถ้าพูดแบบนี้อีกพี่โกรธนะครับ ถือว่าน้องอัมลืมคำพูดที่เราเคยพูดกันไว้"
อัมรายิ้ม
"อัมไม่เคยลืมค่ะพี่อาร์ตบอกว่าจะอยู่ข้างๆอัมเสมอเวลาที่อัมลำบากหรือทุกข์ใจ"
สันติยิ้มออก อัมรามองเดชพูดอย่างกังวล
"อัมกลัวเหลือเกินว่าเรื่องมันบานจะปลายไปกันใหญ่ พี่พรรณคงไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ๆ แต่อัมเองก็แปลกใจนะคะว่าทำไมดูเหมือนคุณพ่อจะปกป้องน้าพิไลจริงๆ"
"คุณอาเดชคงมีเหตุผลอะไรซักอย่าง น้องอัมอย่ากังวลให้มากไปเลยครับ คุณอาต้องมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ได้"
อัมราพยักหน้า
"น้องอัมก็ควรไปพักได้แล้วนะครับ ถ้าจะดูแลคุณอาน้องอัมก็ต้องแข็งแรงก่อน"
อัมราเห็นด้วย ลุกขึ้นไปเปิดไฟโคมหัวเตียง เดินไปปิดไฟกลางห้องก่อนพากันออกไป ปิดประตู
เดชลืมตาค่อยๆลุกขึ้นนั่งพึมพำ
"เธอพูดถูกแล้วอาร์ต อามีวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้แล้ว"
เดชตัดสินใจเด็ดขาด

บริเวณสนาม พิไลกำลังก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่าง พิไลชะงักสีหน้าดีใจ รีบเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กขึ้นมา
"ตกอยู่นี่เอง..ลูกตัวแสบเอ๊ยเงินทองฉันเกือบหายหมด"
พิไลเหน็บกระเป๋าใบเล็กไว้ที่เอว จะเดินกลับไปด้านหลัง ชะงัก สันติเดินออกมาหน้าตึกจะกลับ ด้านหลัง... พรรณรายวิ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมา ตะโกนเรียก
"เดี๋ยวนายอาร์ตรอด้วย"
พิไลแปลกใจรีบหลบแอบดู สันติชะงักหันไปมอง เห็นกระเป๋าเดินทาง
"คุณพรรณ..คุณจะไปไหนครับ"
พรรณรายพูดเด็ดเดี่ยว
"ฉันจะไปจากบ้านนี้"
"แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน"
"ฉัน..เอ้อจะขอไปอยู่กับนายก่อน"
สันติตกใจ
"อะไรนะครับ"
พรรณรายเข้ามาจับแขนอ้อน
"นะ..ฉันแค่ขอไปอยู่ชั่วคราวนะเพราะว่าตอนนี้มันกะทันหัน ฉันยังคิดไม่ออกว่าจะไปอยู่ที่ไหน นายให้ฉันอยู่ด้วยคนนะ"
สันตินิ่งพูดไม่ออก พรรณรายสีหน้าเจ็บใจ
"ฉันเกลียดนังพิไล ฉันทนอยู่ร่วมบ้านเดียวกับมันไม่ได้ นะให้ฉันอยู่ด้วยคน ขอร้องล่ะ"
พิไลโมโห
"ลูกนะลูกจะมาจงเกลียดจงชังแม่ไปถึงไหนกัน"
สันติส่ายหน้าพูดเด็ดขาด
"ผมคงทำตามที่คุณขอร้องไม่ได้"
"ทำไมล่ะนายรังเกียจฉันเหรอ"
"ผมให้เกียรติคุณต่างหาก คุณเป็นผู้หญิงไม่ควรที่จะคิดหนีออกจากบ้าน คุณรู้มั้ยข้างนอกนะมันอันตรายแค่ไหน"
"ก็ฉันไปอยู่กับนายนี่ ฉันรู้ว่านายไว้ใจได้"
"คุณรู้แล้วคนอื่นรู้มั้ยครับ คุณจะเสื่อมเสียได้เพราะปากคนนี่ล่ะ ทำอะไรควรคิดให้รอบคอบไม่คิดถึงตัวเองก็ต้องคิดถึงคุณพ่อด้วย"
"ก็เพราะคุณพ่อนั้นแหละฉันถึงทำแบบนี้"

"คุณอาเดชทำอะไรต้องมีเหตุผล คุณควรเชื่อมั่นในตัวคุณพ่อ ให้เวลาท่านจัดการกับเรื่องนี้เองดีกว่าครับ"

ห้องหุ่น ตอนที่ 9 (ต่อ)

พรรณรายชักโมโห
 
"นายไม่ต้องยกโน่นนี่มาอ้าง สรุปคือนายไม่อยากให้ฉันไปด้วย"
สันติตอบหนักแน่น
"ครับ"
พรรณโกรธ
"ฉันอยากรู้จริงๆ ถ้าคนที่กำลังยืนขอร้องนายอยู่เป็นยัยอัม นายจะปฏิเสธแบบนี้มั้ย"
"ผมคงไม่ปฏิเสธ"
"เห็นมั้ยล่ะ"
"เพราะผมเชื่อว่าน้องอัมไม่มีทางทำอะไรแบบนี้หรอกครับ"
พรรณรายฉุนมาก
"ใช่ซี้ ยัยอัมทำอะไรก็ดีไปหมด มีแต่ฉันคนเดียวที่มันไม่ดี ไปเลยนายจะกลับไปวัดของนายก็ไปเลย ฉันไม่ง้อนายก็ได้"
พรรณรายวิ่งกลับเข้าบ้านไป สันติมองพรรณรายอย่างอ่อนใจในความเอาแต่ใจ
สันติถอนใจแล้วเดินไป พิไลทีแอบอยู่ พิไลค่อยๆออกมามองไปทางตึกอย่างสงสัย
"พรรณรายชอบสันติเหรอเนี่ย แต่ดูท่าทางนายสันติมันชอบยัยอัมรานี่นา ลูกนะลูกชอบเค้าแล้วเอาแต่ใจแบบนี้ผู้ชายที่ไหนเค้าจะรัก ไม่ฉลาดเหมือนแม่เล้ย"
พิไลครุ่นคิด ยิ้มอย่างนึกอะไรได้
"ฉันต้องช่วยให้ยัยพรรณแย่งนายสันติมาจากนังอัมราให้ได้ ให้ลูกนังอารีย์มันน้ำตาตกซะบ้าง คงสะใจดีพิลึก"
พิไลเริ่มคิดแผนร้าย

ผอบกับพงษ์เข้าบ้านมาอย่างสบายใจ ผอบนั่งลงเปิดกระเป๋าหยิบเงินปึกหนึ่งออกมามานับอย่างมีความสุข พงษ์นั่งลงใกล้ๆมองทึ่ง
"แม่เนี่ยสุดยอดจริงๆ"
"แม่บอกแกแล้วเห็นมั้ย คบกับคนรวยๆไว้นะไม่เสียหลาย มีช่องทางทำมาหากินตั้งเยอะ"
"แต่แม่แน่ใจเหรอว่าจะกล่อมคุณอาเดชให้ไอ้เสี่ยนั่นได้ เราไม่ได้สนิทกับคุณอาอย่างที่แม่ไปคุยสักหน่อย"
"ไม่ได้ก็ต้องได้..เรารับเงินเค้ามาแล้วนี่"
"แล้วแม่จะทำยังไง"
ผอบนิ่งคิด
"งานนี้แกกับแม่ต้องร่วมมือกัน ถ้าเราทำสำเร็จนอกจากจะได้เงินค่าจ้างก้อนโตที่เหลือจากไอ้เสี่ยแล้ว เรายังจะลืมตาอ้าปากได้ซักที"
พงษ์มองผอบอย่างสงสัย ที่ผอบยิ้มร้าย

พรรณรายเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างแรง เกือบชนอัมราที่ทำท่าจะเปิดออกไปพอดี
"พี่พรรณไปไหนมาคะ อัมกำลังจะไปตามอยู่พอดี"
พรรณรายเหวี่ยงกระเป๋าเสื้อผ้าไปมุมห้องอย่างหงุดหงิด
"นั่นกระเป๋าอะไรคะ"
พรรณรายจ้องอัมราไม่พอใจ
"ทำไมต้องมาซักก็เพราะเธอ นายอาร์ตถึงไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ด้วย"
อัมราตกใจ
"พี่พรรณพูดอะไรนะคะ"
พรรณรายจับแขนอัมรา ลากมานั่งที่เตียงอย่างแรง สีหน้าจริงจัง
"ไหนเธอบอกฉันว่า เธอกับนายอาร์ตไม่มีอะไรกันไง ทำไมเค้าไม่กล้าให้ฉันไปอยู่กับเค้า เพราะเธอใช่มั้ยเค้า กลัวเธอโกรธใช่มั้ย"
"พี่พรรณคะ พี่พรรณพูดอะไร นี่พี่พรรณขอไปอยู่กับพี่อาร์ตเหรอคะ"
"ก็ใช่นะสิ ฉันเบื่อคุณพ่อ เบื่อนังพิไล ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่"
อัมราสีหน้าเข้าใจ พรรณรายไม่พอใจ
"ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเธอโกหกฉัน"
"พี่พรรณคะที่พี่อาร์ตไม่ให้พี่พรรณไปอยู่ด้วย มันไม่เกี่ยวกับอัมหรอกค่ะ แต่พี่อาร์ตเค้าไม่อยากให้พี่พรรณเสียชื่อเสียงต่างหาก"
พรรณรายนิ่ง อัมราขอร้อง
"ทีหลังพี่พรรณอย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะคะ อัมสงสารคุณพ่อ แค่นี้คุณพ่อก็เสียใจมากพอแล้ว"
"ก็ช่างคุณพ่อสิ ทีคุณพ่อทำให้ฉันเสียใจ ให้คุณแม่เสียใจจนตายล่ะทำไมไม่คิดบ้าง ฉันเกลียดคุณพ่อ เกลียด"
"อย่าพูดแบบนี้สิคะพี่พรรณ เรายังไม่รู้เลยนะคะว่าเรื่องจริงๆมันเป็นยังไง อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ พี่พรรณน่าจะไปดูคุณพ่อหน่อยนะคะ"
"ฉันไม่ไป เธออยากจะดูคุณพ่อก็ดูไป เธอมันลูกรักอยู่แล้วนี่ ใครๆก็รักเธอยกย่องชื่นชมเธอ แม้นกระทั่งนายอาร์ต เชอะ"
พรรณรายลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป อัมรามองอ่อนใจ
หน้าประตู เดชยืนเกาะประตูฟังอยู่ สีหน้าไม่สบายใจ ก่อนเปลี่ยนใจไม่เคาะเดินกลับไป

เดชเดินหมดแรงเข้ามาในห้อง นั่งลงที่เตียงนอนมองที่นอนอารีย์ พึมพำ
"อารีย์สิ่งที่เราสองคนกลัวกำลังจะเกิดขึ้น นับวันพรรณราย ยิ่งนิสัยเหมือนพิไลเข้าไปทุกที ถ้าวันนี้เธอยังอยู่ เธอคงมีคำพูดดีๆที่จะสอนพรรณรายได้"
อารีย์เข้ามานั่งข้างๆเดช โดยเดชไม่เห็น
"ตอนนี้ในสายตาพรรณรายพี่คงเป็นแค่พ่อเลวๆคนหนึ่ง พี่ไม่มีหน้าที่จะไปสอนอะไรลูกเลย"
เดชฟุบหน้ากับฝ่ามือ
"เพราะความมักง่ายของพี่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด อารีย์เธออยู่ไหน อารีย์ ช่วยบอกพี่หน่อยว่าพี่ต้องทำยังไง"
"พี่เดชโธ่ พี่เดชคะ ฉันอยู่นี่ฉันอยู่ตรงนี้ ฉันไม่ได้ทิ้งพี่ไปไหน พี่ต้องเข้มแข็งนะคะพี่เดช"
เดชฟุบกับที่นอนทุบที่นอนอย่างอัดอั้น อารีย์มองเดชสงสารจับใจ

ในห้อง พิไลมองอย่างมั่นใจกับขวดน้ำมันพรายในมือ
"ถ้าฉันทำให้พี่เดชมารักมาหลงฉันได้ นอกจากฉันจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมด พี่เดชก็ต้องยอมบอกความจริงกับพรรณรายว่าฉันเป็นแม่ ที่นี่ฉันสอนฉันพูดอะไร ลูกก็จะฟังฉันแน่นอน"
พิไลกำขวดไว้ในมือลุกขึ้นเดินไปที่ประตู เสียงเคาะดังขึ้นก่อน พิไลชะงัก
"ใคร
"ฉันเอง"
พิไลตื่นเต้น
"ทำไมโชคถึงเข้าข้างฉันขนาดนี้"
พิไลมองขวดน้ำมันพรายในมือ กำไว้รีบเปิดประตู
เดชยืนมอง พูดเรียบๆ
"ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ฉันก็มีเรื่องจะคุยกับพี่เหมือนกันจ้ะ เอ้อ...พี่เดชจะเข้ามาคุยในห้องฉันดีมั้ย"
"ไปคุยที่ศาลา"
เดชหันกลับเดินไป พิไลขัดใจ แบมือมองขวดน้ำพราย
"หึ ศาลาก็ศาลา เดี๋ยวเถอะโดนน้ำมันพรายเข้าไป จะรีบพาฉันกลับห้องแทบไม่ทัน"

พิไลกำน้ำมันพรายไว้ในมือ ยกมือไหว้ท่วมหัว กำไว้แน่น รีบตามเดชไป

เดชยืนรออยู่ในศาลา มือไขว้หลัง พิไลเข้ามา เดชเริ่มเรียบๆน้ำเสียงทรงอำนาจ
 
"ไปจากที่นี่ซะ"
"อะไรนะ" พิไลเค้นหัวเราะ "ชีวิตนังพิไลนี่มันรันทดจริงๆ เดี๋ยวโดนลูกไล่ เดี๋ยวโดนผัวไล่"
"เธอควรไปได้แล้วก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ไป"
แววตาเดชเป็นประกายน่ากลัว แต่พิไลไม่ทันเห็น เดชหันหลังกลับ มือไขว้หลัง
"ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอแค่นี้ ไปซะ"
พิไลมองเดช โกรธ พึมพำ
"เดี๋ยวก็รู้"
พิไลรีบเปิดขวดน้ำมันพราย เทออกมาที่ฝ่ามือ เดินเร็วๆเข้ามาหาเดช ใกล้จะถึง เอื้อมมือจะมาจับตัวเดช เดชหันขวับกลับมา พิไลชะงัก เดชถามน่ากลัว
"จะใช้น้ำมันพรายกับฉันรึ"
พิไลตกใจและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเดชกลายเป็นร่างท่านเจ้าคุณนรบดินทร์มองพิไลน่ากลัว
พิไลผงะ
"หุ่นท่านเจ้าคุณ"
ท่านเจ้าคุณยกไม้ตะพดฟาดไปในอากาศข้างหน้า พิไลร้องเจ็บปวด มือที่ถือขวดน้ำพราย
สะบัดเหมือนโดนฟาด ขวดน้ำพรายตกกลิ้งไปที่พื้น พิไลตกใจ เจ้าคุณใช้ไม้ตะพดชี้หน้า
"เลวที่สุด ถึงขนาดเล่นมนต์ดำกับผัวตัวเอง ฉันคงปล่อยให้หล่อนไปง่ายๆไม่ได้แล้ว"
พิไลกลัวแต่นึกขึ้นได้ พิไลร้องท้าเสียงสั่นๆ
"ฉันไม่กลัวแกหรอก แกต่างหากที่ต้องโดนสั่งสอน"
พิไลคว้าสร้อยออกมาจากเสื้อ
"ฉันมีตะกรุดศักดิ์สิทธิ์ นี่ไงล่ะ"
พิไลชูขึ้นตรงหน้าตัวเอง แล้วตกใจที่เห็นมีแต่สร้อย เจ้าคุณหัวเราะสะท้อนก้องน่ากลัว
"เมื่อไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป"
เจ้าคุณมองพิไล แววตาดุดัน น่ากลัว พิไลร้องกรี๊ดรีบหันหลังวิ่งหนีออกจากศาลา

พิไลวิ่งหน้าตั้งมาแล้วชะงักตกใจ เห็นหุ่นนักดาบ หุ่นเด็ก หุ่นชาวนา ยืนขวางทางอยู่ทุกตัวท่าทางน่ากลัว ทับขยับดาบ ลุงทวนขยับเคียว พีทอ้าปากกว้าง หัวเราะน่ากลัว
พิไลรีบวิ่งไปอีกทาง วิ่งไปได้นิดเดียวก็ต้องหยุด ตกใจ เห็นหุ่นนางรำ หุ่นเจ้าคุณ หุ่นนางพยาบาลยืนจ้องมองดักอยู่
พิไลหันซ้ายหันขวาหาทางหนี แต่หุ่นต่างเคลื่อนเข้ามาหาอย่างน่ากลัว
"ไม่นะ..ไม่ฉันกลัวแล้ว กลัวแล้วจ้ะ"
พิไลจนมุมไปทางไหนไม่ได้ หุ่นล้อมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
พิไลทรุดลงนั่งยกมือไหว้
"อย่าทำอะไรฉันเลย"
ทับบอก
"หมดเวลาสำหรับคนเลวอย่างเธอแล้วพิไล"
หุ่นทุกตัวก้มลงมาหา พิไลตาเหลือกอย่างตกใจสุดขีด

อารีย์ปรากฏร่างขึ้นในห้องหุ่น สีหน้าท่าทางเศร้าใจ หุ่นตัวอื่นๆอยู่ประจำที่
"ฉันสงสารพี่เดชเหลือเกิน ทำยังไงพี่เดชถึงจะเลิกโทษตัวเองซักที"
หุ่นทุกตัวเงียบ อารีย์แปลกใจ หันมองหุ่นทีละตัว หุ่นทุกตัวไม่มีปฏิกิริยารับรู้
อารีย์จับบ่าหุ่นเด็ก
"พีท..หนูเป็นอะไรไป"
หุ่นเด็กนิ่ง อารีย์หันไปมองหุ่นนางรำ
"คุณครูสมศรีคะ"
หุ่นนางรำเฉย อารีย์มองไปทางหุ่นนางพยาบาล
"คุณพรรณี"
หุ่นพรรณีไม่โต้ตอบ อารีย์ตกใจ วิ่งไปที่หุ่นนักดาบและหุ่นชาวนา
"คุณทับ..ลุงทวนคะ"
ทั้งหุ่นทับและทวนไม่ต่างกับหุ่นตัวอื่น อารีย์วิ่งไปที่หน้าหุ่นเจ้าคุณ
"ท่านเจ้าคุณคะนี่มันเกิดอะไรขึ้น"
ท่านเจ้าคุณนิ่ง อารีย์ตกใจมากขึ้น ทำอะไรไม่ถูก
"ทุกคนหายไปไหนกันหมด"
อารีย์ยืนนิ่ง ครู่หนึ่งเหมือนรับรู้อะไรได้ อารีย์หันขวับไปทางสวนสีหน้าตกใจมากกว่าเดิม
"พิไล"

พิไลตาเหลือก มองหุ่นทุกตัวที่ก้มลงมาหาด้วยท่าทางมุ่งร้าย
"อย่าค่ะ"
หุ่นทั้งหมดชะงักหันไปมอง พิไลมองตามไปด้วย เห็นอารีย์ยืนอยู่ ละล่ำละลั่ก"ฉันขอเถอะค่ะอย่าทำร้ายพิไลเลย"
พิไลพึมพำแทบไม่เชื่อสายตา
"อารีย์...ผีนังอารีย์"
"ผู้หญิงคนนี้เลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย" สมศรีบอก
"พวกเราให้โอกาสมาหลายครั้งแต่เธอก็ไม่เคยกลับตัวกลับใจ" พรรณีว่า
อารีย์อึ้ง พิไลรีบตะโกนทั้งๆหวาดกลัว
"อารีย์..ช่วยฉันด้วย ฉันยังไม่อยากตาย"
"อย่าคิดช่วยงูพิษเลยคุณอารีย์ นอกจากมันจะไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังจะแว้งกัดเอาอีก" ลุงทวนบอก
อารีย์คิดหนัก ทับย้ำ
"คิดดูให้ดีที่คุณต้องตายก็เพราะผู้หญิงคนนี้"
ทับหันดาบมาจี้ที่คอพิไล พิไลร้องเสียงสั่น
"โอ๊ย..ยะอย่า ฉันกลัวแล้ว ฉันสำนึกได้แล้ว อารีย์ช่วยพูดกับหุ่นผีพวกนี้ที ช่วยฉันด้วย"
อารีย์มองท่านเจ้าคุณอย่างขอความเห็น
"ท่านเจ้าคุณคะ."
"เธอมีจิตใจเมตตาไม่คิดอาฆาตจองเวรนับเป็นเรื่องดี แต่มันก็ใช้ได้กับคนบางคนเท่านั้น คนอย่างแม่พิไลจิตใจมืดบอด คิดแต่เรื่องชั่วช้า เข้าหาไสยศาสตร์มนต์ดำถ้าปล่อยหล่อนไป ก็รังแต่จะนำความวิบัติฉิบหายมาสู่บ้านสัตยาภาอย่างแน่นอน"
อารีย์อึ้ง หุ่นทั้งหมดหันกลับมามองพิไลอย่างน่ากลัว พิไลรีบพนมมือ
"อย่าฆ่าฉันเลยฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกแล้วจ้ะฉันจะไม่ทำเรื่องเลวๆอีก ปล่อยฉันเถอะนะแล้วฉันจะไปให้พ้นจากที่นี่ ฉันจะไม่กลับมาอีกเลยฉันสัญญาจ้ะ"
หุ่นไม่เชื่อยังก้าวเข้าหาพิไล พิไลรีบก้มกราบที่พื้น
"ฉันกราบละจ้ะ ปล่อยฉันไปเถอะแล้วฉันจะทำบุญกรวดน้ำให้ ฉันสาบานเลยนะถ้าฉันผิดคำพูดขอให้ตายโหงตายห่าเลยเอ้า"
พิไลอ้อนวอนตัวสั่นอย่างหวาดกลัวมากๆ
"ให้โอกาสพิไลอีกสักครั้งเถอะค่ะ"
หุ่นชะงักมองหน้ากันแล้วมองเจ้าคุณ เจ้าคุณมองอารีย์ อารีย์มองตอบอย่างขอร้อง เจ้าคุณหันมามองพิไล พิไลก้มกราบแล้วกราบอีก เจ้าคุณขยับตะพดเงื้อขึ้นสูง พิไลตาเหลือก เจ้าคุณชี้ตะพดใส่หน้า เสียงดังทรงอำนาจ
"ไปให้พ้น..ไป"
พิไลหายตะลึงรีบหันหลังวิ่งล้มลุกคลุกคลานหายไปทางเรือนหลังเล็ก
 
หุ่นทุกตัวมองตามพิไลอย่างเสียดาย อารีย์ถอนใจโล่งอก

พิไลเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ท่าทางรีบร้อนลนลาน คอยหันมองไปทาง
 
ประตูห้องอย่างหวาดๆ พิไลปิดกระเป๋าหนีบเสื้อผ้าที่หลุดออกมา แต่พิไลไม่สน รีบลากกระเป๋าจะออกจากห้อง พิไลเปิดประตูแล้วสะดุ้งสุดตัวร้องตกใจ
"ว้าย"
เดชยืนมองแปลกใจ พิไลถอยกรูดยกมือไหว้รีบพูด
"อย่าทำอะไรฉันเลย..ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แล้วจ๊ะ"
เดชมองพิไลกับกระเป๋าเสื้อผ้างงๆ
"เธอจะไปไหน"
"ก็ไปจากบ้านนี้ไงจ้ะ ฉันบอกแล้วไงว่าจะไปแน่ๆ นี่ฉันก็รีบเก็บเสื้อผ้าจะแย่อยู่แล้ว"
เดชไม่เข้าใจ
"เธอเป็นอะไรทำไมต้องทำท่ากลัวฉันขนาดนั้น หรือว่าเธอไปทำอะไรผิดไว้... พรรณราย"
เดชจับแขนสองข้างพิไลเขย่าเต็มแรง "เธอไปพูดอะไรกับพรรณรายใช่มั้ย..บอกมาสิเธอไปบอกอะไรพรรณราย"
เดชตะคอกไปเขย่าแขนพิไลไปอย่างโกรธมาก
"โอ๊ยเจ็บพี่เดช..ฉันเจ็บ"
"ก็พูดมาสิ เธอบอกอะไรพรรณราย"
พิไลดิ้นสะบัดเต็มแรง เดชเซไปหัวกระแทกขอบประตูเป็นรอยถลอกเลือดซิบ
เดชแตะหัว พิไลมองตะลึง
"เลือด..นี่พี่เดชจริงๆใช่มั้ย"
"เธอพูดบ้าอะไรของเธอ ก็ได้เธอจะไม่บอกก็ตามใจ ถ้าสำนึกได้แล้วรีบไป ฉันก็จะไม่เอาเรื่อง ที่มานี่ก็ตั้งใจจะมาบอกให้เธอไปจากที่นี่"
เดชหยิบซองเงินออกมาโยนให้
"และนี่จะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ฉันจะให้เธอ หวังว่าชาตินี้เราจะไม่ต้องพบกันอีก"
เดชหันกลับ เดินดุ่มๆขึ้นตึกไป พิไลอึ้งๆมองซ้ายขวาหวาดๆก่อนรีบเก็บซองเงินขึ้นมาเปิดดู
ตาโตรีบเก็บใส่อกเสื้ออย่างรวดเร็ว
"ยังดีวะเอาไว้เป็นทุน"
พิไลรีบยกกระเป๋ากึ่งลากกึ่งยกไปอย่างรีบร้อน

เทิดเดินงัวเงียคลำความมืดมาที่ประตู เสียงเคาะปังๆๆ เทิดบ่นหงุดหงิด
"ใครวะเคาะอยู่ได้รู้แล้วโว้ย"
เทิดเปิดประตู แล้วตกใจที่เห็นพิไลพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่นๆ
"พี่เทิด..พี่เวทย์ล่ะ พี่เวทย์อยู่ไหน"
เทิดงงๆ
"มีอะไรวะท่าทางตื่นเต้น..เฮ้ยหรือว่าน้ำมันพรายออกฤทธิ์ แล้วนี่แกจะมาสมนาคุณพี่เวทย์เหรอวะ"
"ออกฤทธิ์บ้าบออะไรล่ะฉันยังไม่ได้ใช้เลย พี่เวทย์อยู่ไหนฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
"พี่เวทย์ไม่อยู่"
"ไม่อยู่..อีกนานมั้ยกว่าจะกลับ"
"ก็คงหลายวัน"
พิไลตกใจร้องเสียงดังมาก "หลายวัน"
พิไลทิ้งตัวนั่งหมดแรง
"โอ๊ยตายๆๆๆฉันต้องตายแน่ๆ"
"มีอะไรวะ"
"ฉันโดนผีหุ่นในห้องหุ่นมันเล่นงานเอานะสิ มันจะฆ่าฉัน มันไม่ให้ฉันอยู่ในบ้านนั้น ฉันถึงต้องเผ่นมานี่ไง"
"แล้วตะกรุดที่พี่เวทย์ให้แกล่ะทำไมไม่ใช้"
"ไม่รู้ว่าตกหายไปไหน สงสัยตอนที่ยัยพรรณมันเล่นงานฉันแน่ๆ โอ๊ยนี่ฉันจะทำยังไงดี พี่เทิดพี่ไปตามพี่เวทย์ให้หน่อยสิ"
"จะบ้าเหรอ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าพี่เวทย์ไปป่าช้าไหนบ้าง"
พิไลตกใจ
"ไปป่าช้าเหรอ"
"เออพี่เวทย์ไปหาดินเจ็ดป่าช้าจะเอามาทำพิธีปลุกเสกโหงพราย"
"โธ่เอ๊ยแล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย"
"ก็ต้องรอสิวะ แกก็รออยู่ที่นี่แหละ อยู่กะพี่ จะได้มีเวลาทบทวนความหลังกันด้วยไง"
เทิดดึงตัวพิไลมากอด พิไลพยายามดันออกรำคาญ
"โอ๊ยอย่านะพี่เทิด ฉันไม่มีอารมณ์หรอก กลัวจะบ้าตายอยู่แล้ว"
เทิดไม่ยอม
"แต่ฉันมีนี่หว่า อย่ามาดีดดิ้น มาๆๆฉันจะปลอบแกให้หายกลัวเอง"
เทิดปล้ำพิไล พิไลไม่ยอมบ่นโมโหๆ
"ปั๊ดโธ่พี่เทิด..โอ๊ย..บอกว่าอย่า"
เทิดดันตัวพิไลล้มไป พิไลยังบ่นนิดหน่อยก่อนเงียบเสียงไป

ท้องฟ้ากลางคืน เห็นพระจันทร์กลมโต สีแดงเหมือนเลือด เมฆดำทะมึนค่อยเคลื่อน
มาบดบังพระจันทร์ เสียงเวทย์ท่องคาถาหนักเบาเป็นจังหวะน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว
เวทย์นั่งบริกรรมคาถา ท่าทางเคร่งขรึม ก่อนลืมตาขึ้นเวทย์ยกมือสองข้าง ขึ้นไปทางด้านหลัง แล้วผลักกลับมาด้านหน้า เห็นเงาอสูรสีดำทะมึนเจ็ดตัวพุ่งทะยานออกมาลอยสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าเวทย์ เวทย์ออกคำสั่งเสียงดัง
"จงไปเอาดินจากเจ็ดป่าช้ามาให้ข้า ไป"
อสูรทั้งเจ็ดส่งเสียงแหลมเหมือนเสียงเปรต รับคำ ก่อนพุ่งทะยานหายไปในความมืด
คนละทาง เสียงนกกลางคืนร้องรับกันอย่างตกใจ
เวทย์มองพอใจก่อนหัวเราะก้อง เวทย์หลับตาลงอีกครั้งบริกรรมคาถาต่อเนื่อง

เทิดกับพิไลนั่งกินข้าวกันอยู่หน้าบ้านเวทย์ เทิดกินเอากินเอาอย่างอร่อย พิไลเขี่ยๆแล้วทิ้งช้อนโครมอย่างหงุดหงิด เทิดชะงักมองงงๆ
"เป็นอะไร..ทำไมกับข้าวไม่ถูกปากเหรอ แหมตั้งแต่ไปอยู่บ้านคนรวยทำดัดจริตกินข้าวน้ำพริกปลาทูไม่เป็นนะแก"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่าพี่เทิด ตกลงพี่เวทย์เค้าจะกลับมาแน่นะ ไม่ใช่ไปโดนผีหักคอตายอยู่ที่ป่าช้าแล้วล่ะ"
"บ๊ะนังพิไล ปากหมาแล้วไง แกก็เห็นแล้วว่าพี่เวทย์เก่งแค่ไหนไม่มีทางเสียท่าพวกผีง่ายๆหรอก"
"แต่นี่มันจะเป็นอาทิตย์แล้วนะ ฉันร้อนใจจะบ้าอยู่แล้ว"
"ไม่มีอะไรทำก็ไปซักผ้าสิ เสื้อผ้าพี่เวทย์เสื้อผ้าฉันกองเต็มตะกร้าเลย ฉันยิ่งขี้เกียจอยู่ แกทำดีพี่เวทย์จะได้ยิ่งช่วยแก ไปดิ"
พิไลมองไม่พอใจ
"ได้ทีโยนให้ฉันเลยนะ"
"ไปทำๆเข้าเหอะน่า ฉันจะเอนหลังซักหน่อย"
พิไลสะบัดไป เทิดรีบรวบจานข้าวไปไว้มุมหนึ่ง ล้มตัวนอนตะโกน
"ซักผ้าเสร็จแล้วก็มาล้างจานแล้วก็เก็บกวาดถูบ้านด้วยนะพิไล"
เทิดนอนสบายใจ

พรรณรายทำท่าจะไปจากห้อง อัมรารีบดึงไว้สีหน้าไม่ดี
"อย่าเลยค่ะพี่พรรณ"
"ไม่ได้..พี่สงสัยมาหลายวันแล้วว่ายัยพิไลมันหายหัวไปไหน ตอนแรกก็นึกว่าคุณพ่อให้มันหลบหน้าพี่เพราะกลัวพี่เล่นงานมัน แต่นี่น้าชิ้นเพิ่งมาบอกว่ามันหายไปจากบ้าน ต้องฝีมือคุณพ่อแน่ๆ"
"ถ้าคุณพ่อจัดการให้น้าพิไลเค้าไปก็ดีแล้วนี่คะ"
"ถ้าไปเลยก็ดี แต่ถ้าคุณพ่อเอายัยพิไลไปเลี้ยงไว้ข้างนอกล่ะ เธอจะยอมเหรอ"
"ก็ดีกว่าให้เขาอยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอคะ พี่พรรณเองก็ประกาศป่าวๆว่าไม่ยอมอยู่ร่วมบ้านกับน้าพิไล"
"ใช่พี่ไม่ยอมให้มันอยู่ในบ้านแล้วก็ไม่ยอมให้คุณพ่อแอบเลี้ยงมันด้วย พี่ต้องไปคุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่อง"
พรรณสะบัดไป เปิดประตูแล้วชะงักที่เจอเดชยืนอยู่พอดี
"คุณพ่อ"
"ไปที่ห้องนั่งเล่น พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย" เดชมองอัมรา "ตามอ๊อดกับชิ้นไปด้วยนะ"
"ค่ะ"

เดชเดินไป พรรณรายหันมามองอัมราอย่างสงสัย อัมราก็สีหน้าไม่สบายใจ

ภายในห้องนั่งเล่น ทุกคนนั่งอยู่พร้อมหน้า พรรณรายท่าทางไม่ค่อยเต็มใจ เดชมองก่อนพูดช้าๆ
 
"ที่เรียกทุกคนมาก็เพราะมีเรื่องจะบอก"
พรรณรายแทรกขึ้นทันทีอย่างไม่พอใจ
"อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อจะพูดเรื่องยัยพิไล"
เดชพยักหน้า "ใช่"
พรรณรายยิ้มเยาะ
"พอเสร็จงานศพคุณแม่ คุณพ่อก็จะให้มันขึ้นหิ้งเลยเหรอคะ"
"พรรณราย"
"ที่มันหายหัวไปหลายวันเนี่ย คุณพ่อคงพามันไปหลบ เพราะกลัวพรรณอาละวาดใส่มันอีกใช่มั้ยคะ แต่พรรณขอบอกไว้เลยมันกลับเข้ามาวันไหน พรรณก็จะเล่นงานมันอีกแน่"
เดชพูดเรียบๆ
"พิไลออกจากบ้านนี้ไปแล้วและจะไม่กลับมาที่นี่อีก"
พรรณรายทำหน้าไม่เชื่อ อัมราแปลกใจ
"จริงเหรอคะคุณพ่อ"
"พ่อรอให้จบงานของแม่ก่อน ถึงเรียกทุกคนมาบอกให้รับรู้ไว้"
ชิ้นสงสัย
"เอ แล้วจู่ๆทำไมแม่พิไลถึงไปละคะ"
"ฉันเป็นคนให้เขาไปเอง"
พรรณรายอึ้ง อัมราดีใจหันไปพูดกับพรรณราย
"เห็นมั้ย พี่พรรณอัมบอกแล้วว่าคุณพ่อจะจัดการเรื่องนี้เอง"
พรรณรายมองเดชอย่างไม่แน่ใจ
"คุณพ่อไม่ได้เอายัยพิไลไปซ่อนที่อื่นนะคะ พอพวกเราเผลอคุณพ่อก็แอบไปหามัน"
อัมราตกใจ แต่เดชนิ่งตอบช้าๆ
"ถ้าพ่อเลวอย่างนั้น ก็อย่ามาเรียกพ่อว่าพ่ออีกเลย พิไลจะไม่มาเกี่ยวข้องกับครอบครัวเราอีก ขอให้ลูกทุกคนสบายใจได้"
เดชลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเงียบๆ อัมรากอดอ๊อดสบายใจ แต่พรรณรายยังสีหน้าสงสัย

พรรณรายเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกอย่างแรง ในตู้ว่างเปล่า วิ่งไปดูที่โต๊ะเครื่องแป้ง ไม่มีของเหลือ นอกจากของที่หมดแล้ว พรรณมองรอบๆห้องพึมพำ
"นังพิไลมันไปแล้วจริงๆเหรอเนี่ย"
พรรณรายสีหน้าสะใจ มองในห้อง
"ไปซะได้ก็ดี แต่น่าเสียดายจริงๆที่ยังไม่ได้ตบมันแก้แค้นให้คุณแม่สักฉาด"

พรรณรายเดินกลับมาจากเรือนพิไล ผ่านสวนมาเรื่อยๆ พรรณฮัมเพลงอารมณ์ดี เท้าเหยียบขวดน้ำมันพรายที่ตกอยู่ พรรณชะงักก้มมอง
"ขวดอะไรนะ"
พรรณรายเก็บขึ้นมามองพิจารณา เปิดฝาออกดมอย่างสงสัย
"กลิ่นประหลาดๆเหมือนอะไรน๊า"
พรรณรายเทใส่มือสองสามหยดดมอีก นึกไม่ออก ชิ้นผ่านมาพอดี
"ทำอะไรคะคุณพรรณ"
พรรณรายชูขวดน้ำมันพรายให้ชิ้นดูฃ
"น้ำมันนี่ของน้าชิ้นเหร อฉันเห็นมันตกอยู่ กลิ่นพิลึก"
ชิ้นมอง
"ไม่ใช่ของน้าหรอกค่ะ"
"แล้วของใครมาทำตกอยู่แถวนี้"
"อ๋อน่าจะเป็นของแม่พิไลละมั้งคะ ตอนเก็บข้าวของไปอาจจะทำตกไว้ก็ได้"
พรรณรายทำท่าขยะแขยงขึ้นทันที
"ยี้..สงสัยจะจริง"
พรรณรายขว้างขวดทิ้งไป ถูมือขยะแขยง
"ฉันดันเทออกมาดมซะด้วย แหวะจะเป็นไรมั้ยเนี่ย"
ชิ้นขำ
"ไม่เป็นอะไรหรอกค้า คงเป็นพวกน้ำมันที่เค้าเอาไว้ทาทูเวลาปวดหัว ปวดตัวอะไรแบบนี้ละคะ ไม่มีอันตรายหรอกค่ะ น้าไปเตรียมของว่างก่อนนะคะ"
"ใครมาเหรอ"
"คุณอาร์ตกับคุณออยค่ะ"
ชิ้นรีบเดินไป พรรณรายดีใจ
"นายอาร์ต"
พรรณรายรีบเดินไป

สันติ อัมรา อาทรนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน
"พี่อาร์ตพูดถูกทุกอย่าง ขอบคุณนะคะพี่อาร์ต"
"ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกครับ ทุกอย่างจบลงด้วยดีพี่ก็ดีใจด้วย"
สันติ อัมราสบตากันยิ้มอย่างรู้ใจกัน อาทรมองแอบเศร้าแล้วชะงัก เห็นพรรณรายเดินเร็วๆตรงมา อัมราเห็นรีบชวน
"พี่พรรณมาพอดี เดี๋ยวทานของว่างด้วยกันนะคะ น้าชิ้นกำลังไปเตรียมอยู่เห็นว่ามีขนมปังหน้าหมู ของโปรดพี่พรรณด้วย"
"ไม่ล่ะพี่ไม่อยากอ้วน พี่จะไปซื้อผ้าดำที่พาหุรัดมาตัดเสื้อเพราะยังต้องไว้ทุกข์ให้คุณแม่อีก...นายช่วยขับรถให้หน่อยสิ ตอนนี้ฉันใจคอยังไม่ค่อยดีไม่อยากขับรถเอง"
สันติเตรียมตัวปฏิเสธ
"ผม"
พรรณรายเข้ามาจับแขนสันติ อ้อน
"นะฉันขอร้องล่ะ"
ทันทีที่มือพรรณรายที่มีน้ำพรายโดนแขนสันติ ลมพัดแรงเหมือนจะมีพายุ ท้องฟ้าดำมืดขึ้นมากะทันหัน สันติสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อต แต่ไม่มีใครมองเพราะมัวแต่เงยมองฟ้า
"เอ๊ะอยู่ๆทำไมเหมือนจะมีพายุคะ"
"นั่นสิเมื่อกี้ท้องฟ้ายังปลอดโปร่งอยู่เลย"
สันติกลับมาเป็นปกติ ลมสงบ ท้องฟ้าสว่างเหมือนเดิม
"โอ๊ยกรุงเทพก็อย่างนี้แหละอากาศแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ไม่เห็นต้องแปลกใจตรงไหน ดูสิเห็นมั้ยแป๊บเดียวแดดแจ๋อีกแล้ว"
พรรณรายหันมาเซ้าซี้สันติต่อ
"นะนายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย"
อาทรรีบขัด
"พี่ขับรถไปให้ก็ได้ วันนี้พี่ว่างๆอยู่"
พรรณมองออยพูดอย่างไม่ใยดี
"พรรณไม่ได้อยากไปกับพี่ออย"
"แต่น้องพรรณก็ไม่ควรจะบังคับคนอื่น แบบนี้เค้าเรียกว่าเอาแต่ใจ"
พรรณรายฉุน
"เอ๊ะพี่ออยยุ่งอะไรด้วย นายอาร์ตเค้ายังไม่พูดอะไรซักคำ ว่าไงนายไปกับฉันหน่อยได้มั้ย"
สันติยิ้มให้พรรณราย
"ได้สิครับ ผมจะขับรถให้คุณพรรณเอง"
อาทร อัมรา แปลกใจ พรรณดีใจมาก
"นายพูดจริงๆนะ"
"ครับ เวลาแบบนี้คุณไม่ควรขับรถ ผมก็เป็นห่วงคุณพรรณเหมือนกัน เราจะไปกันเลยมั้ยครับ"
พรรณรายมองอาทรเย้ยๆ
"ไปสิไปเลยฉันพร้อมอยู่แล้ว"
พรรณรายจะดึงแขนสันติไป อาทรลุก
"นายเป็นอะไรไปอาร์ต แล้วน้องอัมล่ะ"
สันติหันมามองอัมรา สายตาเฉยเมย
"นายก็อยู่ทั้งคนนี่ ... ไปกันเถอะครับ"
อาทรขยับจะเข้าไปขวาง อัมรารีบดึงแขนไว้กระซิบ
"อย่าค่ะพี่ออย"
อาทรมองพรรณเกาะแขนสันติเดินไปที่รถอย่างไม่พอใจ
"อัมว่าพี่อาร์ตคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ไปกับพี่พรรณ"
อาทรงง ไม่เข้าใจ
"พี่ไม่เข้าใจ"
"เชื่ออัมสิคะ"
ชิ้นเอาถาดใส่ของว่างมาวางให้แล้วถอยออกไป
"ทานของว่างกันเถอะค่ะ"
อัมรารีบจัดแบ่งใส่จานเล็ก อาทรนั่งลงมองหน้าอย่างแปลกใจ
"น้องอัมไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ"
อัมรายิ้ม
"ค่ะอัมเชื่อใจพี่อาร์ต ทานขนมปังเถอะค่ะกำลังร้อนๆเลย"
อัมราส่งจานให้ อาทรรับมามองอัมลงมือทานของตัวเอง อาทรยังไม่สบายใจ

บรรยากาศพาหุรัด คนไม่หนาแน่นมาก พรรณรายเดินดูร้านขายผ้า สันติเดินตามกางร่มให้หน้าตายิ้มแย้ม พรรณรายชี้ชวนดูผ้าชิ้นไหน สันติพยักหน้ารับเห็นด้วย พรรณรายพอใจเดินไปร้านไหน สันติคอยดูแล ข้ามถนนก็คอยประคอง
 
พรรณรายแอบมองสันติ ยิ้มสุขใจมาก สันติหันมายิ้มให้ สองคนจูงกันไปเหมือนคู่รัก

ห้องหุ่น ตอนที่ 9 (ต่อ)

ในร้านเบเกอรี่สมัยก่อน เป็นคูหาเล็กๆติดกระจกใส มีตู้โชว์ขนมเค้ก
 
สันติกับพรรณรายนั่งทานน้ำกับขนม อย่างมีความสุข
"อร่อยมั้ย"
"อร่อยครับ"
"ร้านนี้เค้ามีชื่อมากเลยนะเรื่องทำขนมเค้กของฝรั่งเนี่ย สมัยคุณแม่ยังอยู่ถ้ามาท่านต้องซื้อไปฝากฉันทุกครั้งเลย"
"เดี๋ยวนี้คนหันมานิยมทานขนมเค้กกันมากขึ้น คุณพรรณชอบขนมเค้กเหรอครับ"
"ใช่..แต่ยัยอัมนะชอบขนมไทยๆ แล้วนายล่ะ ชอบขนมแบบไหน"
สันติมองพรรณ ยิ้มมีความหมาย
"ผมชอบขนมเค้กครับ"
พรรณยิ้มพอใจ ตักขนมเข้าปาก ครีมเลอะปาก สันติรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา
เอื้อมมาเช็ดให้ พรรณรายชะงัก
"อะไรเหรอ"
"ครีมเลอะปากนะครับ ผมเช็ดให้นะ"
สันติเช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน พรรณรายตะลึงคาดไม่ถึง มองสันติอย่างพอใจ
สันติจะเก็บผ้าเช็ดหน้า พรรณรีบบอก
"ผ้าเช็ดหน้านายเลอะครีมหมดเลย เอามานี่เถอะ"
พรรณรายยื่นมือไปตรงหน้า สันติงง
"เอาไปทำไมครับ"
"ฉันจะเอาไปซักให้ไง"
สันติยิ้ม วางผ้าเช็ดหน้าลงบนมือพรรณราย นิ่งอยู่อย่างนั้น ยิ้มให้ พรรณรายมองตอบอย่างลึกซึ้งไม่แพ้กัน

อัมราถือถาดใส่ของว่างกับกาแฟเดินมาถึงหน้าประตูห้องหุ่น อัมราเปิดประตูแต่ติดล็อคด้านใน อัมราแปลกใจ
"เอ๊ะ..ปกติคุณพ่อไม่เคยล็อคประตูห้องหุ่นนี่นา"
อ๊อดวิ่งมา
"พี่อัมครับ..พี่อัม"
"ว่าไงจ้ะอ๊อดหิวหรือยัง พี่จัดของว่างไว้ให้ที่โต๊ะแล้วไปทานสิจ้ะ"
"ครับ..คุณพ่อสั่งอ๊อดให้บอกทุกคนว่าห้ามไปกวนในห้องหุ่น คุณพ่อจะทำงานครับ"
"ทำงานเหรอจ้ะ"
"ครับ..อ๊อดไปทานของว่างก่อนนะครับ"
อ๊อดวิ่งไป อัมราแปลกใจมองที่ประตูห้อง
"คุณพ่อจะปั้นหุ่นอีกเหรอ จะปั้นใครกันนะ"
อัมราเดินหลุดไป

เดชลงมือปั้นอย่างตั้งใจ โครงดินเหนียวทั้งตัว เริ่มเห็นเป็นผู้ชาย การปั้นหุ่นเป็นไปอย่างรวด เร็วและชำนาญ หุ่นแต่ละตัวมองเดชอย่างไม่สบายใจ โดยเฉพาะหุ่นอารีย์สีหน้ากังวล

พิไลถือกระป๋องน้ำกับไม้กวาดเข้ามาในห้อง วางกระป๋องโครมอย่างหงุดหงิด
"โอ๊ย..ทำไมฉันต้องกลับมาทำงานพวกนี้อีกเนี่ย ไอ้เทิดนะ ไอ้เทิด"
พิไลลงมือกวาดเร็วๆแบบโมโหๆ เสร็จอย่างไว หยิบผ้าในกระป๋องบิดหมาดๆ ลงมือถูเร็วๆทั่วๆห้อง พิไลถูไปถึงโต๊ะหมู่บูชา ชะงักมองหัวกะโหลกหวาดๆ พิไลจะหันกลับเห็นโอ่งดินเล็กๆ ที่ขังวิญญาณเพทาย พิไลมองแปลกใจ
"นี่มันอะไร"
พิไลก้มหน้าไปดูใกล้ๆอย่างพิจารณา
"น่ารักจัง โอ่งจิ๋วเหรอ พี่เวทย์เค้าเอาไว้ใส่อะไรเนี่ย"
พิไลหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ
เสียงเพทายอ่อนแรง เยือกเย็น
"พิไล...พิไลช่วยด้วย"
พิไลตกใจผงะร้องตกใจปล่อยโอ่งดินตกพื้นแตกกระจาย
พิไลว้าย...
โอ่งดินแตกกระจาย วิญญาณเพทายลอยออกมารวมเป็นรูปร่างอยู่ตรงหน้า พิไลมองตะลึง"คะ..คุณเพทาย"
เพทายมองพิไล
"ขอบใจมากนะพิไลที่ช่วยฉัน"
เทิดวิ่งพรวดพราดเข้ามามองอย่างตกใจ
"ฉิบหายแล้ว"
เทิดหันกลับ วิ่งออกจากห้องอย่างหวาดกลัว เพทายหันขวับสีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นดุร้าย
"ไอ้คนชั่ว ถึงทีฉันบ้างล่ะ"
เพทายหายวับไปอย่างรวดเร็ว ที่พิไลตกใจ "ผะผี" พิไลเป็นลมล้มตึงไปสลบไป

เทิดวิ่งหน้าตั้งแต่ต้องเบรกตัวโก่ง เมื่อเพทายมาปรากฏขวางไว้
"แกหนีฉันไม่พ้นเหรอไอ้เทิด"
เทิดยกมือไหว้ท่วมหัว
"ฉันไม่รู้เรื่องด้วยนะฉันไม่เกี่ยว"
"ต้องเกี่ยว แกเป็นลูกน้องไอ้หมอผีเวทย์ แกต้องตาย"
เพทายยืดมือยาวพุ่งเข้าบีบคอ เทิดดิ้นขลุกขลักตาเหลือกพยายามร้องขอชีวิต
"ยะ..อย่า..โอ๊ย"
ขาเทิดลอยขึ้นเหนือพื้นดิน กวัดแกว่งดิ้นรน หน้าเพทายบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความแค้น
"แกต้องตาย"
เสียงแส้กระทบอากาศดังควั๊บ เพทายผงะกรี๊ดร้องเจ็บปวดปล่อยเทิด ล้มลงนอนดิ้นพราดๆ เทิดล้มลงกุมคอตัวเองมองไปด้านหลังเพทาย เทิดร้องดีใจ
"พี่เวทย์"
เวทย์ยืนถือแส้ในมือ เทิดรีบคลานเร็วๆเข้าไปหาเวทย์ ละล่ำละลั่ก
"ช่วยฉันด้วยพี่"
เวทย์หวดแส้ไปในอากาศอีก เพทายกรี๊ดร้องเจ็บปวด
เพทายจ้องเวทย์ "โอ๊ย..แก"
เพทายกัดฟันลุกขึ้นจะเข้าหาเวทย์ เวทย์หวดแส้ติดๆกันหลายครั้งอย่างไม่ปรานี
ร่างเพทายบิดไปมาอย่างเจ็บปวด
"โอ๊ย"
"เก่งนักใช่มั้ย หึข้าอุตส่าห์จะชุบเลี้ยงดีๆไม่ชอบ ชอบทรมานก็ได้เอ้า"
เวทย์หวดแส้อาคมอีก เพทายล้มลง หายใจหอบๆยกมือห้ามอ่อนแรง
"ฉัน..ฉันยอมแล้ว"
เพทายฟุบนิ่งไป
"คิดจะลองดีกับข้า มันไม่ง่ายหรอกนังเพทาย"
เวทย์ก้าวมายืนตระหง่านมองวิญญาณเพทายที่หมดสภาพอย่างสะใจ ก่อนหันไปถามเทิด"ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
"นังพิไลจ๊ะพี่ นังพิไลมันดันทำโอ่งอาคมแตก"

"แล้วตอนนี้พิไลอยู่ไหน"

ในห้องนอนเวทย์ พิไลสลบอยู่ค่อยรู้สึกตัวลืมตา
 
ภาพลางๆแล้วค่อยชัดขึ้น พิไลหันมาเห็นเวทย์มองอยู่ พิไลรีบลุกพรวดขึ้นโผเข้าหาเวทย์
"พี่เวทย์ช่วยฉันด้วย ผีจ๊ะคุณเพทายเป็นผี น่ากลัวจัง"
เวทย์ยิ้มกริ่ม กอดพิไลลูบหลังไหล่ปลอบโยน
"ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรแล้ว ข้าจัดการกับมันเรียบร้อยแล้ว ทีหน้าทีหลังก็อย่าไปหยิบจับอะไรที่โต๊ะหมู่บูชาของข้าอีกล่ะ"
พิไลรีบกราบที่อกเวทย์
"ฉันขอโทษนะจ้ะพี่เวทย์ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
เวทย์เชยคางพิไลทำเสียงขรึม
"ข้าคงต้องทำโทษสักหน่อย คราวหลังพิไลจะได้หลาบจำ"
เวทย์ดึงพิไลเข้ามากอด พิไลทำสะบัดสะบิ้งแต่พองาม
"อุ๊ยพี่เวทย์ ก็...ฉันมารอพี่เพราะมีเรื่องร้อนใจนะจ้ะ"
"เอาน่าแม่พิไลดับร้อนให้ข้าก่อน แล้วข้าจะช่วยแม่พิไลทุกเรื่องเลย"
"จริงๆนะจ้ะ"
"จริงสิ"
เวทย์ซุกไซ้พิไลอย่างหื่นๆ ที่ประตูเห็นเทิดแอบดูอยู่พึมพำ
"นังพิไลมันเอาพี่เวทย์อยู่แบบนี้ รับรองเงินทองต้องไหลมาเทมาแน่ๆฮ่ะๆ"
เทิดค่อยๆย่องออกไปปิดประตูไว้ตามเดิม

คืนเดียวกัน อัมราเดินออกมาหน้าตึกมองไปที่ประตูรั้วที่เปิดอยู่อย่างเป็นห่วง ชิ้นเดินผ่านมาทัก
"คุณอัมยังไม่ขึ้นข้างบนเหรอคะ"
"อัมรอพี่พรรณนะคะ ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับก็ไม่รู้"
เสียงรถเข้ามา อัมราดีใจ
"พี่พรรณกลับมาแล้ว"
ชิ้นทำท่าจะไปปิดประตู อัมรารีบบอก
"เดี๋ยวอัมไปเองค่ะ"
"ค่ะ
ชิ้นเดินเข้าบ้านไป อัมรารีบวิ่งไปที่รถ

สันติลงจากรถด้านคนขับ รีบวิ่งไปเปิดประตูให้ พรรณรายลงมายิ้มหวาน
"คืนนี้สนุกมากๆเลย"
"ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ขอให้คุณพรรณฝันดีนะครับ"
"ที่จริงน่าจะให้พรรณไปส่งอาร์ตนะ ดึกแล้วอาร์ตกลับลำบากแย่"
"ถ้าคุณพรรณขับรถกลับมาคนเดียวผมก็เป็นห่วงแย่นะสิครับ"
พรรณรายมองสันติอย่างซึ้งใจ พรรณรายขยับเข้าไปหอมแก้มสันติอย่างรวดเร็ว
"กลับดีๆนะ ฝันดีด้วย"
สันติยิ้มพอใจ
"ครับ ผมกลับนะ"
"ค่ะบ๊ายบาย"
พรรณโบกมือให้ สันติโบกตอบ ก่อนเดินออกจากบ้านไป พรรณวิ่งขึ้นตึกอย่างอารมณ์ดี
อัมราแอบมองอยู่ในเงามืด ค่อยเคลื่อนตัวออกมา สีหน้าตกตะลึงคาดไม่ถึง

กลางคืนต่อเนื่องมา อัมราเปิดประตูเข้ามาในห้อง เสียงพรรณรายฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำ อัมรามองไปเห็นประตูห้องน้ำเปิดอยู่ เห็นพรรณรายกำลังยืนซักผ้าเช็ดหน้าอยู่ที่อ่างล้างหน้า อัมราถามแปลกใจ
"พี่พรรณซักอะไรคะ"
พรรณหันมายิ้มอารมณ์ดี
"ซักผ้าเช็ดหน้าจ้ะ"
"ปกติพี่พรรณไม่เคยซักเองนี่คะ"
"ใช่..ก็ผืนนี้พิเศษนี่พี่เลยต้องซักเอง"
อัมราสงสัย
"พิเศษยังไงคะ"
พรรณรายซักเสร็จพอดี บิดแห้งสะบัดกางออกชูให้ดู
"ก็เพราะมันเป็นผ้าเช็ดหน้าของอาร์ตนะสิ"
อัมราจ้องผ้าเช็ดหน้า อึ้งนึกถึงผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

อัมราเดินจะไปคณะฯชะงัก เสียงสันติเรียก
"น้องอัมครับ"
อัมราหันกลับไป สันติในชุดนักฟุตบอลเหงื่อเต็มตัวเต็มหน้าวิ่งมาถึงตัวพอดี
"พี่อาร์ต ไปซ้อมฟุตบอลมาเหรอคะ"
"ครับใกล้ถึงวันแข่งแล้วต้องซ้อมหนักหน่อย น้องอัมจะไปไหนครับ"
"อัมมีเรียนค่ะ"
"อ๋อ..งั้นไปเถอะครับ กลางวันนี้ทานข้าวด้วยกันนะ"
"ได้ค่ะ...เหงื่อเต็มหน้าเลยค่ะ"
สันติหัวเราะยกแขนจะใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้า อัมรารีบบอก
"เดี๋ยวค่ะ"
สันติชะงักมองอัมราเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้
"ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดดีกว่าค่ะ"
สันติยิ้ม รับผ้ามาเช็ดหน้ามาอย่างมีความสุขแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
"อ้าว..นั่นผ้าเช็ดหน้าของอัมนะคะ"
"ก็น้องอัมให้พี่ใช้แล้วนี่ครับ งั้นพี่ขอยึดไว้เลยนะจะเอาไว้เช็ดหน้าเวลาเหนื่อยๆจะได้สดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไงครับ"
อัมราส่ายหน้า
"ขี้โกงจัง"
"พี่ไปซ้อมก่อนนะ"

สันติโบกมือให้วิ่งไปอย่างร่าเริง อัมรามองตามยิ้มมีความสุข

อัมราหน้าซีดเผือด พรรณไม่ได้สนใจเดินออกจากห้องน้ำ อัมราฝืนใจถาม
 
"พี่อาร์ตเค้าให้พี่พรรณเหรอคะ"
"เปล๊า พี่กินขนมเค้กเลอะนะอาร์ตเค้าเลยเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดให้ อาร์ตเค้าเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ พี่ว่าพี่คงหลงรักเค้าจริงๆแล้วล่ะ"
พรรณรายดึงอัมรามานั่งเล่า
"นี่รู้มั้ยตอนไปเลือกซื้อผ้า เค้าก็คอยดูแลกางร่มให้พี่ จะข้ามถนนก็คอยระวังจูงมือพี่ตลอดเลยนะ พี่จะทำอะไรอาร์ตเค้าไม่ขัดใจเลย ไม่เหมือนพี่ออยรายนั้นนะขัดตลอด สมควรแล้วล่ะที่จะโดนพี่ทิ้งนะ"
อัมราหน้าเสีย แต่ยังฝืนถาม
"เหรอคะ..แล้วเอ้อทำไมกลับมืดนักละคะ"
"อ๋อก็พอซื้อของเสร็จเราก็ไปทานขนมเค้ก แล้วพี่ก็เลยชวนอาร์ตเค้าดูหนัง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าเค้าจะไม่ไป แต่ตรงข้ามเลยเค้าก็ตามใจพี่อีก โอ๊ยน่ารักสุดๆเลยอ่ะ นี่ยัยอัมเธอต้องช่วยพี่นะ"
"ช่วยอะไรคะ"
"เอ้าก็ช่วยคอยกั้นพวกสาวๆที่มหา’ลัยเธอให้พี่ไง พี่บอกตรงๆพี่ไม่ค่อยไว้ใจโดยเฉพาะยัยจุ๊บปากปีจอนั่นนะ ดูท่าก็รู้แล้วว่าคอยจ้องจะงาบอาร์ต"
อัมรายังไม่ทันตอบ พรรณรายลุกขึ้นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
"แต่ตอนนี้ช่วยเอาผ้านี่ไปตากให้พี่ที พี่จะอาบน้ำแล้ว โอ๊ยวันนี้เที่ยวทั้งวันเหนื่อยจังเลย คืนนี้คงหลับสนิทแน่"
อัมรารับผ้าเช็ดหน้ามามองพรรณที่วิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตู เสียงเปิดน้ำลั่นๆ
อัมราก้มมองผ้าเช็ดหน้าในมือ น้ำตาซึม สีหน้าท่าทางเสียใจมากพึมพำ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น พี่อาร์ตชอบพี่พรรณจริงๆเหรอคะ"

คืนนั้น สันตินอนพลิกกระสับกระส่ายไปมาอยู่หลายรอบ ถอนใจเฮือกใหญ่
หลับตาแล้วก็ลืมตาสลับไปมา สุดท้ายลุกขึ้นนั่ง
"คุณพรรณทำไมผมคิดถึงคุณมากเหลือเกิน"
สันติถอนใจ ลุกขึ้นเดินไปมุมห้องหยิบกระดาษวาดรูปออกมาวางบนโต๊ะเตี้ยๆ หยิบดินสอออกมา ลงมือสเก็ตร่างภาพพรรณรายอย่างรวดเร็ว วาดไปก็ยิ้มไป สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ที่มุมห้องเห็นผีตายทั้งกลมนั่งมองสันติอยู่นิ่งๆ บรรยากาศในห้องดูหลอนๆน่ากลัว

บ้านเดชตอนเช้ามื ภายในครัว ชิ้นกำลังดูจัดปัดกวาดในห้องครัว อัมราหน้าซีดๆเข้ามา"อุ๊ยคุณอัมตื่นแต่เช้าเชียวนะคะ"
"ค่ะ น้าชิ้นหุงข้าวหรือยังคะ"
"หุงแล้วค่ะกำลังจะทำกับข้าว คุณอัมหิวเหรอคะ"
"เปล่าคะ อัมจะใส่บาตรให้คุณแม่"
"โถแม่คุณของชิ้น คงจะคิดถึงคุณผู้หญิงละสิคะ มาค่ะมาช่วยกันทำกับข้าวเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ทำหมูทอดกับแกงจืดเต้าหู้ก็แล้วกันนะคะ หมูน้าหมักไว้แล้วในตู้เย็น"
"ดีจังค่ะกับข้าวที่คุณแม่ชอบทั้งนั้นเลย"
อัมรากับชิ้นรีบช่วยกันทำกับข้าว

อัมราใส่บาตรพระ ชิ้นช่วยส่งของอยู่ข้างๆ ใส่เสร็จพระให้ศีลให้พร ก่อนเดินจากไป อัมรารีบบอกชิ้น
"น้าชิ้นช่วยเอาถาดไปเก็บในครัวหน่อยนะคะ เดี๋ยวอัมปิดประตูบ้านเอง"
"ค่ะ"
ชิ้นเก็บของเดินไปข้างหลังบ้าน อัมจะปิดประตู สันติเข้ามาดึงประตูไว้
"อุ๊ย"
สันติยืนอยู่
"พี่อาร์ต"
"ครับพี่เอง"
"ทำไมมาแต่เช้าละคะ"
สันติชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
"คุณพรรณตื่นหรือยังครับ"
อัมราสะอึก
"พี่อาร์ตมาหาพี่พรรณเหรอคะ"
"ครับ..พี่ไม่รู้เป็นอะไรคิดถึงเธอจนนอนไม่หลับทั้งคืน"
อัมราอึ้ง สันติยื่นกระดาษที่ม้วนไว้ให้ดู
"ดูสิครับพี่ต้องลุกขึ้นมาวาดรูปคุณพรรณจนเช้า แล้วพี่ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวมาหาเธอนี่ละ น้องอัมช่วยไปบอกคุณพรรณทีได้มั้ยว่าพี่มาหา"
อัมราไม่อยากเชื่อ
"พี่อาร์ต"
สันติมองอัมราอย่างขอร้อง อัมราอึ้ง

ในห้องหุ่น รูปปั้นเดช มีเค้าโครงของเดชชัดเจน เดชในสภาพทรุดโทรมแบบคนอดนอน
ตั้งหน้าตั้งตาปั้นไม่เหน็ดเหนื่อย หุ่นทุกตัวอยู่ประจำที่ อยู่ๆเกิดแสงสว่างลงมาที่ตัวหุ่นอารีย์ พร้อมกลีบใบไม้ทองร่วงระยิบระยับลง
หุ่นอารีย์สีหน้าอิ่มเอิบ
"ลูกอัมราทำบุญให้ฉัน ขอบใจมากลูกขอให้ลูกมีความสุขความเจริญนะจ้ะ"
แสงสว่างสาดลงมาที่หุ่นทุกตัวพร้อมกลีบใบไม้ทองเช่นกัน
หุ่นทุกตัวสีหน้าอิ่มเอิบ
"หนูอัมราอุทิศผลบุญให้พวกเราทุกคนด้วยค่ะ" สมศรีบอก
อารีย์ยิ้มรับแต่แล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นกังวล
"แต่ดูเหมือนลูกอัมจะมีเรื่องทุกข์ใจ"
"คงคิดถึงคุณอารีย์มั้งคะ" พรรณีบอก
พีทโพล่งขึ้น
"หนูได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนพวกซากศพเลยครับ"
เจ้าคุณนรบดินทร์บอก
"มีผู้บุกรุกเข้ามาในเขตบ้านสัตยาภา"
"ผมจะไปดูเองครับท่านเจ้าคุณ" ทับบอก
หุ่นทุกตัวสายตาระแวดระวัง เดชยังคงปั้นหุ่นอย่างไม่รู้เรื่อง

อัมราเดินนำสันติมานั่ง สันติมองชะเง้อเข้าไปในบ้านอย่างร้อนใจ อัมราตัดสินใจพูด
"พี่อาร์ตคะ อัมมีเรื่องอยากคุยกับพี่อาร์ตหน่อยคะขอเวลาให้อัมสักครู่ได้มั้ยคะ"
สันติมองรำคาญ
"มีอะไรครับ"
"อัม..อัมทำอะไรให้พี่อาร์ตไม่พอใจหรือเปล่าคะ"
สันติส่ายหน้า
"แล้วทำไมพี่อาร์ตถึงทำแบบนี้"
สันติถามห้วนๆ
"พี่ทำอะไร"
"ที่พี่อาร์ตไปทำสนิทสนมกับพี่พรรณ พี่อาร์ตมีเหตุผลอะไรใช่มั้ยคะ"
สันติหัวเราะน่าเกลียด

"เรื่องของความรักนะไม่มีเหตุผลหรอกครับน้องอัม"

อัมราตกใจ
 
"ความรัก..พี่อาร์ตกำลังบอกอัมว่าพี่อาร์ต..เอ้อ"
สันติชิงพูด
"ครับพี่รักคุณพรรณ รักมาก รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน"
อัมรามองอย่างไม่อยากเชื่อ
"ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้ อัมไม่เชื่อ"
สันติรำคาญมาก ยื่นรูปวาดพรรณให้ดู
"ถ้าพี่ไม่รักคุณพรรณพี่คงไม่นั่งวาดรูปเธออยู่ทั้งคืน และที่มานี่ก็อยากเอารูปมาให้เธอ อยากให้เธอรู้ว่าพี่รักและคิดถึงเธอมากแค่ไหน"
อัมราส่ายหน้ามองสันติอย่างไม่เข้าใจ น้ำตาซึม สันติรำคาญ
"ถ้าน้องอัมพูดธุระจบแล้วก็กรุณาไปตามคุณพรรณให้พี่ด้วย จะขอบคุณมาก"
สันติไม่สนใจอัมราอีก ดูรูปพรรณ เอามือลูบไปที่รูป สีหน้าแววตาแสดงความรักลึกซึ้ง อัมมองอย่างเสียใจไม่อยากเชื่อ

เวลาเดียวกัน หลวงตาเดินนำหน้าเด็กวัดมาเกือบถึงหน้าห้องสันติ เด็กวัดถามงงๆ
"อ้าวนี่มันทางมาห้องพี่อาร์ตนี่ครับ หลวงตาไม่ไปบิณฑบาตเหรอครับ"
"ไปสิ แต่ข้าจะไปดูเจ้าอาร์ตมันก่อน สงสัยว่ามันจะไม่สบายไปหรือเปล่า ปกติเจ้าอาร์ตมันไม่เคยตื่นสายนี่นา แล้วก็ไม่เคยที่จะไม่ไปรับบาตรกับข้า"
หลวงตากับเด็กวัดมาถึงหน้าห้องสันติ หลวงตาตะโกนเรียก
"เจ้าอาร์ต...เจ้าอาร์ต"
เงียบ หลวงตาเปิดประตูเข้าไป ในห้องเก็บกวาดสะอาด แต่ไม่มีสันติ หลวงตายืนมองอยู๋ที่หน้าประตูห้องด้วยความแปลกใจ
"ไม่อยู่เหรอ เอ หรือว่าวันนี้จะมีเรียนแต่เช้า แต่ก็ไม่เคยเห็นไปเช้าขนาดนี้นี่นา"
เด็กวัดโผล่เข้ามาดูในห้องบ้าง
"โอโห ห้องพี่อาร์ตสะอาดจังครับหลวงตา"
"เออดูไว้เป็นตัวอย่าง ห้องพวกเอ็งนะรกยังกะรังหนู"
หลวงตาจะถอยไปแล้วชะงัก สีหน้าประหลาดใจ ก่อนหันมาถามเด็กวัด
"เอ็งได้กลิ่นอะไรมั้ย"
เด็กวัดทำท่าดม
"กลิ่นอะไรละหลวงตา"
"ข้าได้กลิ่นเหม็นๆ"
เด็กวัดแปลกใจ
"โอ๊ยห้องพี่อาร์ตเค้าสะอาดซะขนาดนี้หลวงตายังว่าเหม็น ถ้าหลวงตาไปเปิดห้องพวกผมหลวงตาคงเป็นลมแน่ๆฮ่ะๆๆ"
หลวงตานิ่ง มองทั่วๆห้องอีกครั้งอย่างพิจารณา สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เหมือนจะรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ

บรรยากาศยามเช้ามืด อากาศยังสลัวๆ สันตินั่งรออย่างกระวนกระวาย เก้าอี้ข้างๆ ผีตายทั้งกลมนั่งมองสันตินิ่งๆ
"แกเป็นใคร" ทับถาม
ผีตายทั้งกลมหันขวับหน้าตาดุร้าย หุ่นนักดาบยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะสนาม
ทับยกดาบชี้หน้าท่าทางเอาเรื่อง
"ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่วิญญาณอย่างเจ้าจะเข้าออกได้ตามใจชอบ ออกไปซะ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน"
ผีตายทั้งกลมยิ้มดุร้าย แล้วเคลื่อนตัวรวดเร็วมาก เข้าสิงร่างสันติ
สันติผงะหงายไปข้างหลังเหมือนจะล้มแล้วกลับมานั่งตรงเหมือนเดิม หันมาจ้องทับ ยิ้มร้าย"เข้ามาสิ..ถ้าเจ้าทำร้ายข้า ก็เท่ากับเจ้าทำร้ายพ่อหนุ่มคนนี้ฮ่ะๆๆ"
สันติหัวเราะน่ากลัว ทับยืนอึ้งพึมพำ
"นี่มันอะไรกัน"
สันติมองทับอย่างท้าทาย

เจ้าคุณนรบดินทร์คิดหนัก ทับไม่สบายใจ หุ่นทุกตัวก็ท่าทางร้อนใจ เดชหลับอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ที่เก้าอี้พักผ่อน
"มันคงเป็นวิญญาณที่ถูกบังคับมา"
"เราจะทำอะไรมันไม่ได้เลยหรือครับท่านเจ้าคุณ"
"ใช่ ถ้าเราทำอะไรมันก็เท่ากับเราทำร้ายพ่อสันติอย่างที่มันพูด"
"ทำไมมันต้องตามอาร์ตด้วยละคะ" อารีย์ถาม
"มันมาคอยควบคุมความคิดและจิตใจของพ่อสันติ ให้เป็นไปตามที่นายของมันสั่งไว้"
"ท่านหมายความว่าพ่อสันติถูกกระทำด้วยไสยศาสตร์มนต์ดำหรือครับ" ลุงทวนว่า
เจ้าคุณพยักหน้าช้าๆ เครียด
"พ่อสันติโดนอาถรรพ์ของน้ำมันพรายเข้าให้แล้ว"
หุ่นทุกตัวตกใจ

เวลาต่อมา ที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน พรรณรายมองรูปอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วมองสันติอย่างแปลกใจ
"นี่อาร์ตเป็นคนวาดจริงๆเหรอคะ"
"ครับ..ผมใช้เวลาวาดทั้งคืน"
พรรณไม่อยากจะเชื่อ
"ทำไมอยู่ๆอาร์ตถึงอยากวาดรูปพรรณล่ะ"
"ก็เพราะผมคิดถึงคุณพรรณ คิดถึงมากเหลือเกิน จนต้องวาดรูปเพื่อให้หายคิดถึง คุณพรรณไม่ชอบรูปที่ผมวาดให้เหรอครับ"
สันติน้อยใจ พรรณรีบเปลี่ยนท่าทาง
"ไม่ใช่อย่างนั้นคือ..พรรณแค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย"
"แล้วคุณพรรณชอบมั้ยครับ"
"ชอบค่ะพรรณชอบมาก ขอบคุณมากนะอาร์ต"
พรรณโผเข้าซบสันติอย่างมีความสุข สันติโอบกอดพรรณสีหน้าเต็มไปด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง
"คุณพรรณ"
อัมราแอบมองอยู่มุมหนึ่งอย่างผิดหวัง เสียใจมาก

ในห้องนอน อัมรามองรูปวาดน้ำตานองหน้า
"ทำไมพี่อาร์ตถึงเปลี่ยนไปแบบนี้"
อัมราสะอื้นกอดรูปวาดไว้แนบอก มองไปข้างหน้า เห็นรูปอารีย์ในกรอบหัวเตียงยิ้มปลอบโยน อัมราร้องไห้หนักขึ้น
"คุณแม่ขา นี่มันเกิดอะไรขึ้น..อัมคิดถึงคุณแม่เหลือเกินค่ะ"
อารีย์เข้ามานั่งข้างๆ ลูบผมอัมราอย่างปลอบโยน อัมราชะงักหันมาเหมือนจะสัมผัสได้ มองรอบๆสีหน้าประหลาดใจ
"อย่าเสียใจไปเลยลูกอัม นั่นไม่ใช่อาร์ต อาร์ตไม่ได้รักพี่พรรณ อาร์ตเค้ารักลูก"
อัมราไม่ได้ยิน แต่รู้สึกถึงสัมผัส อัมพึมพำเศร้าๆ
"ทำไมอัมรู้สึกเหมือนคุณแม่อยู่ใกล้ๆอัมเลย คุณแม่คะ ถ้าวิญญาณคุณแม่รับรู้ได้ช่วยบอกอัมหน่อยได้มั้ยคะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
อัมร้องไห้สะอื้น อารีย์สงสารลูกจับใจ
"โธ่...แม่จะบอกลูกได้ยังไงกันเนี่ย"
บริเวณประตูห้องที่เปิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว อัมราตกใจหันไปมอง อารีย์ก็ตกใจ
พรรณรายเข้ามาอย่างร่าเริง แต่ต้องชะงักมองอัมราที่กำลังร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ พรรณรายมองไปที่รูปในมืออัมรา สีหน้าสงสัย อัมรารีบเอารูปซ่อนข้างหลัง
"เธอซ่อนอะไร"
อัมราตกใจ
"ปละ..เปล่าคะไม่มีอะไร"
พรรณรายตรงรี่เข้าไปกระชาก
"มีสิก็เห็นอยู่นี่..เอามาดูสิ"
อัมราพยายามเอี้ยวหลบ
"ไม่มีอะไรคะพี่พรรณ..ไม่มีค่ะ"
อารีย์ร้องห้าม
"พรรณอย่าทำแบบนี้"
สองคนยื้อกัน สุดท้าย... พรรณกระชากมาจนได้ มองรูปชะงักอึ้ง จ้องอัมราไม่พอใจ โกรธมาก"ใครวาดรูปนี้ให้เธอ"
อัมราตกใจ พรรณตวาดซ้ำ
"ฉันถามว่าใครวาด"
อัมราสะดุ้ง อึกอัก พรรณรายตะคอก
"อาร์ตใช่มั้ย"
อัมราไม่กล้าตอบ พรรณรายโกรธมองรูปวาดในมือสลับกับจ้องหน้าอัมราอย่างไม่พอใจมาก
ก่อนลงมือกระชากอัมราออกไปจากห้อง อารีย์ตกใจ
"พี่พรรณจะพาอัมไปไหนคะ"
"พรรณรายอย่าทำอะไรน้องนะลูก"
พรรณลากอัมราออกไป อารีย์ตามไปอย่างตกใจมาก

สันติเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย คอยชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน
"ทำไมคุณพรรณแต่งตัวช้าจัง"
สันติท่าทางร้อนใจ เดินกลับไปกลับมา แล้วชะงักเห็นพรรณเดินหน้าบึ้งเข้า สันติรีบเดินเข้าไปหา ชะงักเห็นอัมราตามมาด้วยสีหน้าไม่ดี อารีย์อยู่ข้างๆร้อนใจ แต่ไม่มีใครเห็น
พรรณยื่นรูปวาดอัมราออกมาให้ดู พูดเสียงแข็ง
"อาร์ตวาดให้ยัยอัมใช่มั้ย"
สันติมองรูปแล้วทำหน้าไม่พอใจ
"น้องอัมบอกว่าผมเป็นคนวาดเหรอครับ"
อัมรามองสันติอึ้งๆ พรรณรายมองอัมราไม่พอใจก่อนหันมาตอบ
"ก็เพราะเค้าไม่ยอมตอบ พรรณถึงต้องมาถามจากอาร์ตไงคะ"
สันติดึงรูปมาดูอย่างพิจารณา ก่อนมองพรรณตอบชัดเจน
"ผมเพิ่งเคยเห็นรูปนี้เดี๋ยวนี้เอง แล้วผมจะเป็นคนวาดได้ยังไง"
อัมราอึ้งมองสันติอย่างไม่อยากเชื่อ พรรณสีหน้าดีขึ้น แต่ยังไม่วางใจ
"อาร์ตพูดจริงๆเหรอคะ"
สันติหันไปมองอัมรา พูดจริงจัง
"ทำไมน้องอัมไม่บอกความจริงคุณพรรณไปละครับว่าใครเป็นคนวาดให้ ทำไมต้องทำให้คุณพรรณเข้าใจพี่ผิดๆด้วย"
อัมราเสียใจมาก ข่มไว้หันไปพูดกับพรรณราย
"อัมก็ไม่ได้บอกพี่พรรณนี่คะว่าพี่อาร์ตเป็นคนวาด พี่พรรณคิดไปเอง"
พรรณอึ้ง
"ก็...ก็เธอไม่พูดฉันก็ต้องสงสัยนะสิ แล้วเธอร้องไห้ทำไม"
อัมรานิ่งไปครู่ก่อนตอบ
"อัมคิดถึงคุณแม่ค่ะ"
อัมราดึงรูปจากมือพรรณราย
"พี่พรรณคงเลิกสงสัยได้แล้วใช่มั้ยคะ เพราะพี่อาร์ตก็พูดออกมาเต็มปากแล้วว่าไม่ได้เป็นคนวาด"
อัมราเสียใจ พรรณรายมองยังสงสัย อัมราข่มเสียงไม่ให้สั่น
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วอัมขอตัวก่อน"
อัมรารีบเดินไป พรรณรายมองตามครุ่นคิด สันติรีบถาม
"เราจะไปกันได้หรือยังครับคุณพรรณ"
พรรณรายสีหน้าคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนหันมาตอบสันติเรียบๆ
"ค่ะงั้นอาร์ตรอพรรณแต่งตัวเดี๋ยวเดียวนะคะ"

พรรณรายเดินเข้าไปในบ้าน สันติมองตามยิ้มดีใจ อารีย์มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างกลุ้มใจมาก

ห้องหุ่น ตอนที่ 9 (ต่อ)

ในห้องหุ่น เดชยังหลับอยู่ อารีย์ร้อนใจมาก
 
"เราไม่มีทางแก้ไขได้เลยหรือคะท่านเจ้าคุณ"
"ทางแก้นะมี แต่พวกเราทำไม่ได้"
ทับฮึดฮัด
"ผมจะไปจัดการกับไอ้คนต่ำทรามที่ส่งผีตัวนั้นมาเองครับท่าน"
"พวกเราสู้มันไม่ได้หรอก"
"มันเป็นใครกันคะ" สมศรีถาม
"มันก็คือเจ้าของตะกรุดที่ทำให้เจ้าพีทบาดเจ็บครั้งก่อนไงล่ะ"
หุ่นทุกตัวตกใจ

เวทย์เคร่งขรึมพึมพำท่องคาถา อยู่หน้าโต๊ะบูชา พิไลกับเทิด นั่งอยู่มุมห้องเฝ้าดูอย่างตั้งใจ บรรยากาศเงียบสงบดูน่ากลัว พิไลกระซิบเทิด
"พี่เวทย์จะทำอะไรนะ"
เทิดกระซิบตอบ
"ฉันจะไปรู้ได้ไงวะ"
สองคนเฝ้าดูเวทย์บริกรรมคาถาต่อเนื่อง ตุ๊กตากุมารบนโต๊ะบูชาสั่น ดวงตาแดงวาบ เหมือนมีชีวิต พิไลกับเทิดสะดุ้ง พิไลขยับเข้าหาเทิดอย่างหวาดๆ
"ตะตุ๊กกะตาขยับ..ได้"
เทิดพยักหน้ากลัวๆ
"เออฉันเห็นแล้ว"
เสียงเด็กหัวเราะลั่นห้อง น้ำเสียงเยือกเย็น พิไลกับเทิดมองรอบๆหน้าตื่น แล้วตกใจที่จู่ๆเด็กหัวจุกปรากฏร่างขึ้นเบื้องหน้าเวทย์ทางด้านซ้ายมือ
เวทย์ยังนั่งบริกรรมคาถานิ่ง ตุ๊กตาควายธนูที่โต๊ะเริ่มขยับ ตาแดงก่ำเรืองแสงขึ้น
ครู่เดียวร่างควายธนู ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเวทย์ทางด้านขวามือ ขาคุ้ยพื้นห้องไปมา
หายใจฟืดฟาด พิไลกับเทิดมองตกใจ พิไลกระซิบ
"นะนั่นควายไม่ใช่เหรอพี่เทิด มันจะขวิดเรามั้ย"
เวทย์ลืมตา ตอบขรึมๆ
"ควายธนูของข้าจะเล่นงานเฉพาะคนที่ข้าสั่งเท่านั้น"
พิไลโล่งอก กุมารมองเวทย์
"พ่อเรียกฉันมาคงมีงานสนุกๆแน่ๆใช่มั้ยจ้ะ"
"ใช่..ยามสี่คืนนี้เจ้าจงนำควายธนูไปบุกห้องหุ่นเล่นงานหุ่น ทุกตัวที่มันกล้ากำแหงให้สิ้นซาก"
"เรื่องกล้วยๆ ฉันจะจัดการตามที่พ่อสั่งให้เรียบร้อยจ้ะ"
พิไลอดสอดไม่ได้อย่างเกรงๆ
"แต่พี่เวทย์จ้ะพวกหุ่นมันมีกันตั้งเจ็ดตัวนะ แค่กุมารกับควายธนูจะสู้พวกมันได้เหรอจ้ะ"
กุมารหันขวับจ้องพิไลไม่พอใจ
"หนอยนังปากแดง นี่ดูถูกฉันเหรอ อยากเห็นฤทธิ์ฉันมั้ย"
กุมารทำท่าจะเล่นงานพิไล พิไลตกใจรีบร้อง
"ว้ายพี่เวทย์ช่วยฉันด้วย"
เวทย์รีบปราม "หยุด"
กุมารนิ่ง ไม่กล้าอีก เวทย์อธิบาย
"หุ่นพวกนั้นมันเป็นแค่วิญญาณธรรมดาไม่ได้ถูกปลุกเสกด้วยอาคมอย่างเจ้ากุมารกับควายธนูของข้า ต่อให้พวกมันเป็นสิบก็สู้ไม่ได้หรอก"
พิไลพยักหน้าเข้าใจ แต่ยังอดไม่ได้
"ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ไปซะเดี๋ยวนี้เลยละจ้ะพี่เวทย์ ต้องรอถึงยามสี่ทำไม"
เทิดรำคาญ
"แกจะซักไซ้หาอะไรวะ"
"ก็ฉันใจร้อนอยากให้กำจัดไอ้หุ่นผีพวกนั้นเร็วๆ"
"ช่วงเวลาสามนาฬิกาถึงรุ่งเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่วิญญาณอ่อนแรง จัดการพวกมันตอนนั้นจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด"
"โอโห พี่เวทย์นี่รอบคอบจริงๆ ไอ้หุ่นผีพวกแกเสร็จแน่ๆ"
พิไลสีหน้าแววตาสะใจมาก

หุ่นทุกตัวมองอารีย์ด้วยสีหน้ากังวลมาก
"ถ้าปล่อยไว้แบบนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ"
"จะแก้ของคุณไสยมนต์ดำแบบนี้ต้องเป็นผู้มีบุญบารมีขั้นสูง ถึงจะจัดการได้" เจ้าคุณบอก
อารีย์นิ่งคิดหนัก เดชค่อยๆงัวเงียลุกขึ้นนั่ง หุ่นทั้งหมดรีบกลับเข้าสู่สภาวะเดิม
ยืนนิ่งประจำที่ เดชมองไปที่หุ่นอารีย์ เดินไปคุยด้วย
"ขอโทษทีนะอารีย์ พี่เผลองีบไปหน่อย พี่จะรีบปั้นหุ่นตัวพี่ต่อให้เสร็จ"
เดชมองอารีย์ เศร้าเสียงสั่น
"เธออยากให้เรามีหุ่นคู่กันใช่มั้ย"
เดชกอดหุ่นอารีย์
"มันเป็นสิ่งเดียวที่พี่จะทำให้เธอได้"
หุ่นอารีย์มองเดช
"ฉันไม่ได้ต้องการให้พี่เป็นแบบนี้ ฉันอยากให้พี่ไปคอยดูแลลูก ลูกของเรากำลังเดือดร้อน"
เดชไม่ได้ยิน ผละจากหุ่นอารีย์ ตรงไปปั้นหุ่นตัวเองต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ อารีย์มองเดชอย่างกลุ้มใจ

พรรณรายเดินเกาะแขนสันติชี้ชวนดูสินค้าในห้างไทยไดมารูอย่างมีความสุข อัมราเดินตามมาห่างๆ สีหน้าเศร้า มองทั้งคู่อย่างสะเทือนใจ

คิดถึงเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเมื่อเช้านี้ อัมรากำลังเก็บรูปวาด พรรณรายตามเข้ามา ถามห้วนๆ
"เธอชอบอาร์ตใช่มั้ย"
อัมราอ่อนใจ
"อะไรอีกละคะพี่พรรณ"
"ถ้าเธอไม่ได้ชอบอาร์ต เธอคงไม่ทำแบบนี้แน่"
"อัมทำอะไรอีกละคะ"
"ก็ทำให้ฉันรู้สึกระแวงอาร์ตนะสิ"
พรรณรายตรงเข้ากระชากอัมราอย่างเจ็บใจ
"ถามจริงๆนะอัมรา เธอคิดจะแย่งอาร์ตจากฉันใช่มั้ย"
อัมราได้แต่ปัดป้อง
"โอ๊ยพี่พรรณอัมเจ็บค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็พูดความจริงมา เธอชอบอาร์ตใช่มั้ย"
อัมราอึกอัก พยายามเลี่ยง
"อัมไม่รู้ว่าพี่อาร์ตชอบพี่พรรณ ถ้าอัมรู้อัมจะไม่..."
พรรณหยุดมองอัมราอย่างโกรธเกรี้ยว อัมรารีบพูด
"งั้นเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอชอบอาร์ต"
อัมราท่าทางเข้มแข็งขึ้น พูดจริงจัง
"มันจะมีประโยชน์อะไรละคะในเมื่อพี่อาร์ตชอบพี่พรรณ อัมรับรองค่ะว่าอัมจะไม่มีวันแย่งคนรักของพี่พรรณเด็ดขาด"
พรรณรายมองท่าทางจริงจังของอัมรา
"เธอแน่ใจเหรอ"
"พี่พรรณรู้จักอัมดี อัมพูดคำไหนก็คือคำนั้น"
พรรณรายนิ่งคิดพรรณถ้าเธออยากให้ฉันเชื่อ งั้นเธอไปแต่งตัวแล้วไปกับฉันกับอาร์ต
"แต่อัมไม่อยากไป"
"ต้องไป..ฉันอยากให้เธอเห็นว่าอาร์ตเค้ารักฉันมากขนาดไหน เค้าไม่มีวันเปลี่ยนใจไปรักเธอแน่ๆ เธอจะได้เลิกเพ้อฝันลมๆแล้งๆ"
"อัมสัญญาแล้วไงคะพี่พรรณอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ"
พรรณรายตวาด
"ฉันไม่เชื่อเธอว่าเธอจะตัดใจได้ง่ายๆ เธอต้องไป ไปแสดงให้ฉันเห็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรจริงๆ"
"พี่พรรณ"
อัมรายังนิ่ง พรรณรายเข้ามากระชากตะคอก
"ว่าไง"
อัมรามองพรรณ ตัดสินใจพูด

"ก็ได้ค่ะอัมจะไป"

อัมราเศร้า พรรณรายหันมาเห็น สีหน้าสะใจ
 
สันติหันมาเรียก
"มองอะไรอยู่ครับคุณพรรณ"
"มองยัยอัมรานะคะ เดินชักช้าอยู่โน่น"
สันติมองสีหน้ารำคาญ
"นั่นสิครับทำท่าเหมือนไม่อยากจะมาเดิน ที่จริงคุณพรรณไม่น่าชวนน้องอัมมาเลย"
พรรณรายมองสันติอย่างสงสัย
"อาร์ตคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ"
สันติจริงจัง
"ก็จริงสิครับ คุณพรรณพูดเหมือนสงสัยอะไร"
พรรณรายลังเล แล้วถามหยั่งเชิง
"เมื่อก่อนพรรณคิดว่าอาร์ตชอบยัยอัมซะอีก"
สันติทำหน้าตกใจ
"ผมนะเหรอครับ"
"ค่ะพรรณบอกตรงๆนะว่าพรรณแปลกใจที่อยู่ๆ อาร์ตก็มาทำดีกับพรรณ หรือว่าอาร์ตกับยัยอัมผิดใจอะไรกัน ที่มาสนิทกับพรรณเพราะจะประชดยัยอัมหรือเปล่า ขอบอกไว้ก่อนนะว่าพรรณไม่ชอบเป็นเครื่องมือของใคร"
สันติตกใจมากขึ้น จับมือพรรณมากุมไว้
"คุณพรรณผมไม่เคยคิดอะไรกับน้องอัมนอกจากเป็นน้องสาวส่วนเรื่องคุณพรรณ ผม..ผมไม่กล้าเพราะตลอดเวลาเหมือนคุณพรรณไม่ชอบหน้าผม"
พรรณรายอึ้งไป สันติรีบพูดต่อ
"แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าคุณพรรณเปิดใจให้ผมแล้ว ผมถึงได้กล้าแสดงออกว่าผมรักคุณพรรณ"
พรรณคิดตาม สีหน้ายังลังเล
"อาร์ตพูดจริงๆเหรอ"
สันติรีบพูด
"ถ้าคุณพรรณไม่เชื่อผมจะพิสูจน์ให้คุณพรรณดู"
พรรณงง
"จะพิสูจน์ยังไงคะ"
สันติถอยห่างจากพรรณไปยืนตรงกลางทางเดิน พรรณมองงงๆ ที่อัมราเดินเข้ามามองห่างๆอย่างสงสัย เห็นคนเดินในห้างฯรอบๆ สันติป้องปากตะโกนเสียงดังมาก
"ทุกๆคนครับ..ช่วยฟังทางนี้หน่อย"
คนเดินงงๆ ต่างหยุดหันมามอง
"ผมอยากจะขอให้ทุกคนช่วยเป็นพยานให้ผมหน่อยว่าผมรักคุณพรรณราย" สันติผายมือไปทางพรรณราย "รักคุณพรรณรายคนเดียว"
ผู้ใหญ่ที่หยุดฟังมองสันติงงๆ แต่พวกวัยรุ่นพากันกรี๊ดกร๊าดตบมือชอบใจ พรรณรายอึ้งทั้งดีใจทั้งตกใจ
"อาร์ต"
อัมรามองสันติอย่างไม่อยากเชื่อ
"พี่อาร์ต"
สันติทำหน้าภูมิใจมากที่ได้บอกรักพรรณรายกลางห้างฯ

อัมราอยู่บนบันไดเลื่อนที่กำลังเคลื่อนขึ้นไปช้าๆ สายตามองไปที่สันติกับพรรณราย
อยู่ที่บันไดขั้นสูงกว่า สันติดูตื่นเต้น พูดคุยซักถามพรรณ
"ที่นี่ทันสมัยมากเลยนะครับคุณพรรณ มีบันไดเลื่อนด้วย"
"ค่ะที่ห้างไทยไดมารูเนี่ยเป็นห้างแรกเลยนะคะที่เอาบันไดเลื่อนมาใช้"
สันติพยักหน้า สองสาววัยรุ่นลงบันไดอีกฝั่งมามองสันติกับพรรณแล้วยิ้มๆกระซิบกัน
สาว 1บอก "คู่นี้ไงเธอที่เมื่อกี้แฟนเค้าตะโกนบอกรักกลางห้างนะ"
สาว 2บอก "น่าอิจฉาจัง ฉันอยากให้แฟนฉันทำแบบนี้บ้าง"
พรรณรายได้ยิน ยิ้มภูมิใจ รีบคล้องแขนสันติ คุยร่าเริงเหมือนคู่รักที่รักกันมาก สันติช่วยเขี่ยผมที่ปรกข้างแก้มพรรณ พรรณเอนซบไหล่สันติ สองคนมีความสุข
อัมราถอนใจ ฝืนมองไปทางอื่นน้ำตาซึม

อัมราเดินตามสันติกับพรรณ จู่ๆ อัมราเซ รีบเกาะฝาผนังไว้ พรรณชะงักหยุดเดินหันมามอง สันติมองตาม อัมราหน้าซีด พรรณรายเดินกลับมา
"เป็นอะไร"
"อัมเวียนหัวเหมือนจะเป็นลม พี่พรรณจะกลับหรือยังคะ"
พรรณรายมองหมั่นไส้
"คิดจะเรียกร้องความสนใจจากอาร์ตหรือไง"
"โธ่พี่พรรณคะ อัมไม่สบายใจจริงๆ"
พรรณมองหน้าซีดเซียวของอัมอย่างหมั่นไส้ สันติเดินเข้ามาหา
"มีอะไรกันเหรอครับ"
"ก็ยัยอัมนะสิคะบอกว่าไม่สบาย ไม่รู้เป็นอะไรของเค้า"
"อัมคงอดนอนนะคะ เมื่อเช้าก็ตื่นใส่บาตรแต่เช้า รู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่ที่บ้านแล้ว เรากลับกันเถอะนะคะ"
สันติมองรำคาญ
"ถ้ารู้ว่าไม่สบายก็ไม่น่ามาตั้งแต่แรก ถ้าต้องกลับคุณพรรณก็อดดูหนังที่อยากดู น้องอัมรู้มั้ยครับว่าคุณพรรณห่วงว่าน้องอัมจะต้องอยู่บ้านคนเดียว อุตส่าห์ชวนมาด้วย น้องอัมไม่น่ามาทำให้คุณพรรณหมดสนุกเลย"
อัมราสะอึกมองสันติอย่างน้อยใจ พรรณรายสะใจ อัมราข่มเสียงไม่ให้สั่น
"อัมกลับรถรับจ้างเองได้ค่ะ"
"อุ๊ยหนูอัมรา หนูพรรณราย"
อัมรา พรรณ สันติหันไปมอง ที่ผอบกับพงษ์เข้ามา ท่าทางดีใจ
"ต๊ายจริง โลกมันกล๊มกลมนะคะ น้ามาซื้อของจะเอาไปฝากคุณพ่อ ไม่นึกว่าจะมาเจอคุณลูกๆที่นี่"
พรรณรายฝืนไหว้รำคาญๆ แต่ไม่ไหว้พงษ์ สันติเฉยๆ อัมราไหว้น้อมนอม
"สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะพี่พงษ์"
"จ้ะ"
พงษ์รับไหว้ยิ้มแย้ม มองพรรณรายอย่างหมั่นไส้ พรรณรายมองพงษ์ สายตาประหลาด
ขึ้นมาวูบหนึ่ง หันไปมองอัมรา แล้วรีบถาม
"เมื่อกี้คุณป้าบอกว่าจะไปที่บ้านเหรอคะ"
"จ้ะนี่ป้ามาแวะซื้อเกี๊ยวซ่าเจ้าอร่อย จะเอาไปฝากทุกๆคนนะจ้ะ"
"ถ้าอย่างนั้นดีเลยค่ะ พรรณจะฝากยัยอัมกลับไปหน่อย"
อัมราตกใจ
"ไม่ต้องรบกวนคุณป้าหรอกค่ะ อัมกลับรถรับจ้างได้"
ผอบตาวาว สบตาพงษ์มีเลศนัย
"อ้าวถ้าหนูอัมจะกลับบ้านก่อนก็กลับกับป้าสิจ้ะ"
อัมราอึ้ง มองพรรณเชิงขอร้อง แต่พรรณไม่สน ผอบรีบคว้ามืออัมรา
"ไปจ้ะไป กลับกับป้าเลยไม่ต้องเกรงใจ อุ๊ยทำไมมือหนูเย็นจัง"
"ยัยอัมไม่ค่อยสบายค่ะยังไงพรรณฝากคุณป้ากับคุณพงษ์ช่วยดูแลยัยอัมด้วยนะคะ"
"ไม่ต้องห่วงค้า ป้าจะดูแลหนูอัมเหมือนลูกสาวคนหนึ่งทีเดียว"
ผอบยิ้มร้าย สบตาพงษ์อย่างรู้กัน อัมราไม่อยากไปกับผอบ พยายามมองสันติให้ช่วย
แต่สันติไม่สน พรรณรายมองอัมราอย่างสะใจ

กลางลานจอดรถกลางแจ้ง ผอบ พงษ์ อัมราเดินตามกันมาถึงรถ อัมราซวนเซแต่พยายามฝืน พงษ์กำลังเปิดประตูรถ ผอบป้องหน้าบ่น
"โอ๊ย..เร็วเข้าตาพงษ์หน้าแม่จะไหม้อยู่แล้ว หนูอัมก็คงร้อนแย่..อ้าว"
อัมราทรุดลง ผอบรีบประคอง
"ตาพงษ์เร็วๆเข้าหนูอัมจ้ะ..หนูอัม"
อัมราหลับตาหน้าซีดเผือด พงษ์เข้ามามองตกใจ
"น้องอัมจะเป็นลมทำไงดีครับแม่"
ผอบยิ้มพอใจ
"เดี๋ยวแม่เอายาดมให้ดมก่อน ประคองน้องไว้ตาพงษ์"
พงษ์เข้ามาประคอง ผอบหยิบลิปติกออกมาจ่อไปที่ปลายจมูกอัมรา
"ดมยาดมก่อนนะจ้ะ"
อัมรายังหลับตา พยายามดม พงษ์งงๆทำท่าจะพูด
"แม่นั่นมัน"
ผอบจ้องปรามส่ายหน้า พงษ์งง ผอบรีบบอก
"ท่าจะไม่ไหว พงษ์ประคองน้องไปนั่งด้านหลังก่อนเร็ว"
"ครับ"
พงษ์ประคองอัมราขึ้นไปด้านหลัง อัมราเอนพิงเบาะอย่างหมดแรง
พงษ์ถอยออกมาปิดประตู กระซิบถามผอบ
"นี่มันลิปติกนะแม่ ดมเท่าไรจะหายล่ะ"
"โง่จริงแก ก็เพราะไม่อยากให้หายไง"
พงษ์ชะงักสบตาผอบ เริ่มเข้าใจ ผอบรีบบอก
"โชคเข้าข้างเราสุดๆแล้ว เร็วเข้าพงษ์ รีบพายัยอัมราไปบ้านเราเดี๋ยวนี้"
"ครับๆๆแม่"
พงษ์รีบวิ่งอ้อมไปด้านคนขับ ผอบยิ้มร้ายก่อนเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่กับอัมราทำท่ากุลีกุจอ จ่อลิปสติกที่จมูกอัมรา
"หลับตาไว้นะจ้ะแล้วดมยาดมเข้า เดี๋ยวหนูก็จะดีขึ้น"
อัมราพึมพำอ่อนโรย
"ค่ะ"

พงษ์หันมามอง ผอบพยักหน้าให้รีบออกรถ พงษ์ออกรถทันที

พรรณรายนั่งรอสันติ ชายวัยรุ่นนั่งอยู่ไม่ไกลมองพรรณรายอย่างสนใจ ยิ้มให้
 
เธอไม่สนหันกลับมา สันติถือแก้วน้ำส้มเข้ามาให้พรรณราย
"น้ำส้มครับ"
พรรณรายดูดไปนิดหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์
สันติแปลกใจ
"ไม่หวานเหรอครับ"
"ก็หวานดีค่ะ แต่พรรณไม่อยากนั่งตรงนี้แล้ว เราไปที่อื่นกันเถอะ"
สันติงง
"ทำไมครับ"
"ก็ไอ้บ้านั่นสิคะ มันจ้องพรรณอยู่ได้แถมมายิ้มให้ด้วย"
สันติหันไปมองชายวัยรุ่น ไม่พอใจ ลุกพรวดขึ้น พรรณงง
"จะไปไหนคะอาร์ต"
สันติไม่ตอบเดินตรงไปหาชายวัยรุ่น กระชากคอเสื้อทันที ชายตกใจ ทพรรณก็ตกใจ
"เฮ้ย..อะไร"
สันติท่าทางน่ากลัว
"มาจ้องแฟนฉันทำไม คิดจะทำอะไร แบบนี้มันต้องโดนซักที"
สันติชกชายวัยรุ่นไปกองกับพื้น ขยับจะตามไปซ้ำ พรรณรายรีบวิ่งเข้ามาห้าม
"อย่าอาร์ต"
สันติชะงัก มองชายวัยรุ่นอย่างเอาเรื่อง ชายวัยรุ่นยกมือไหว้
"ขอโทษครับพี่ผมไม่รู้ว่ามีแฟนแล้ว ผมไม่ยุ่งแล้วครับ"
ชายรีบลนลานวิ่งหนีไป พรรณรายรีบดึงสันติมานั่งที่เดิม
"นี่ถ้าไม่เห็นกับตาพรรณไม่เชื่อเลยนะคะว่าอาร์ตจะใจร้อนขนาดนี้ เมื่อก่อนพรรณคิดว่าอาร์ตเป็นคนใจเย็นซะอีก อย่างกับเป็นคนละคนเลย"
"ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมคงใจเย็นได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ใครมาทำเกาะแกะกับคุณพรรณ ผมทนไม่ได้หรอกครับ"
พรรณรายยิ้มพอใจ แล้วเปลี่ยนท่าทางเป็นจริงจัง
"อาร์ตคิดว่านายพงษ์เป็นคนยังไงคะ"
สันติทำท่าคิด
"ผมไม่ทราบ แล้วก็ไม่ได้สนใจด้วย เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนคุณพรรณอย่าบอกนะว่า นายพงษ์มาจีบคุณพรรณ"
สันติท่าทางเอาเรื่อง พรรณรายหัวเราะ
"ไม่ใช่พรรณหรอกโธ่..นายพงษ์เค้าชอบยัยอัม"
พรรณรายมองท่าทางสันติอย่างจับผิด สันติพยักหน้าช้าๆ
"ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป"
พรรณมองสงสัย
"อาร์ตไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ"
"รู้สึกอะไรละครับ ถ้านายพงษ์เค้าชอบน้องอัมมันเป็นเรื่องของเขาสองคน แต่ถ้านายพงษ์คิดจะมาชอบคุณพรรณล่ะก็คงต้องโดนผมชกหน้าเหมือนไอ้หนุ่มคนเมื่อกี้แน่ๆ"
พรรณรายหัวเราะพอใจ สันติกำชับ
"แล้วคุณพรรณก็ห้ามไปสนใจนายพงษ์หรือใครๆทั้งนั้นนะครับ รับปากผมสิ"
"ค้า..พรรณนะไม่มีทางไปสนใจใครแน่ เพราะหัวใจของพรรณให้อาร์ตไปจนหมดแล้ว"
สันติพอใจ พรรณต่อจริงจัง
"แล้วพรรณก็จะไม่ยอมให้ใครมาสนใจอาร์ตเหมือนกัน"
สันติแกล้งเย้าบ้าง
"คุณพรรณหึงผมเหรอครับ"
"ใช่ค่ะพรรณทั้งหึงทั้งหวงเลยล่ะ ไม่ว่าใครหน้าไหนถ้ามายุ่งกับอาร์ตพรรณถือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูหัวใจของพรรณ"
"แล้วคุณพรรณจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนั้นล่ะครับ"
"พรรณก็จะทำทุกอย่างให้ผู้หญิงคนนั้นพ้นทางรักของพรรณให้ได้นะสิคะ"
สีหน้าพรรณรายเอาจริง สันติยิ้มอย่างพอใจ

พงษ์กับผอบช่วยกันประคองอัมราเข้ามานั่งในบ้าน
"ถึงแล้วจ้ะเดี๋ยวเช็ดหน้าตาทานยาหอมหน่อยก็จะดีขึ้น"
อัมราลืมตามองรอบๆ ภาพหมุนช้าๆ เห็นว่าไม่ใช่ที่บ้านเดช
"นี่ที่ไหนกันคะ คุณป้า"
"อ๋อบ้านป้าเองจ้ะ"
อัมราตกใจ พยายามฝืนขยับตัวจะลุก แต่ลุกไม่ไหว
"อัม..อยากกลับบ้านค่ะ"
"ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ป้าพาไปส่งแน่แต่ตอนนี้หนูต้องทานยาหอมก่อนจะได้ดีขึ้น"
"แต่"
"ถ้ากลับไปสภาพนี้คุณพ่อต้องตกใจแน่ๆ เชื่อป้าสิจ้ะ รอเดี๋ยวนะป้าจะไปเอายาหอมมาให้"
อัมราจำใจตอบรับอ่อนโรย
"ค่ะ"
ผอบกับพงษ์สบตากันยิ้มเจ้าเล่ห์ทั้งคู่

สันติกับพรรณนั่งดูหนังกันอย่างมีความสุขในโรงหนังเฉลิมบุรี สันติป้อนข้าวโพดคั่วให้พรรณรายที่กินอย่างมีเธอหยิบป้อนสันติบ้าง สันติยิ้ม ค่อยๆกินจากมือพรรณราย ปากสัมผัสมือมองตาพรรณซึ้งๆ
พรรณรายจ้องตอบไม่มีเขินอายแบบสาวสมัยใหม่ สองคนสบตากันอย่างลึกซึ้ง

พงษ์อุ้มอัมราเข้ามาในห้อง ผอบเป็นคนกุลีกุจอเปิดประตู พงษ์ค่อยๆวางอัมราลงบนเตียง ผอบยืนมองพอใจ
"ยาหอมสูตรพิเศษของแม่นี่แจ๋วจริงๆ"
"รับรองยัยอัมไม่มีทางฟื้นก่อนค่ำแน่ๆ เอาล่ะที่นี่ก็แค่จัดการให้เป็นเมียแกซะ อย่าให้พลาดอีกล่ะ"
"โธ่แม่ หมูอยู่บนเขียงขนาดนี้ไม่มีปัญญาเชือดผมว่า ผมควรไปตายซะดีกว่า ว่าแต่ว่าพอยัยอัมราเป็นเมียผมแล้วแม่จะทำยังไงต่อ"
"โง่ไปได้ พอแกเป็นเขยไอ้เดช เราก็พูดกับมันเรื่องเสี่ยกวงไง ถ้ามันไม่ยอม เราก็ขู่มันว่าจะปูดเรื่องที่ลูกมันเสียตัวให้แกไง พวกผู้ดีมันหน้าบาง ยังไงมันก็ต้องยอม"
"จริงของแม่ โอ๊ยนี่ผมกำลังจะสบายแล้วใช่มั้ยแม่"
"ใช่แล้ว เงินทองมันกำลังจะไหลมาเทมาเข้ากระเป๋าเราสองแม่ลูก"
สองแม่ลูกหัวเราะสะใจ ผอบตบบ่าพงษ์เบาๆ
"แม่ไปรอข้างล่างก่อนนะ ขอให้มีความสุขจ้ะ"
ผอบอารมณ์ดีออกไป พงษ์ตามไปปิดประตูล็อค แล้วเดินไปเปิดวิทยุ เสียงเพลงเบาๆ
ดังขึ้น ก่อนเดินเข้ามองอัมราอย่างพอใจ ขยับเข้าไปนั่งข้างๆลูบไล้ผม หน้าตาอัมราอย่างหื่นๆ
"พี่เปิดเพลงเบาๆสร้างบรรยากาศให้คืนส่งตัวของเราโรแมนติคสุดๆ ดีมั้ยจ้ะน้องอัมคนสวย"
พงษ์เริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด

ในห้องรับแขก ผอบชูแก้วไวน์สูงขึ้น
"แด่ลูกสะใภ้คนสวยของคุณนายผอบ"
ผอบกำลังจะดื่ม เสียงตะพดกระแทกพื้นเป็นจังหวะดังมาจากอีกห้อง ผอบชะงัก"เสียงอะไร"
เสียงตะพดดังใกล้เข้ามาทุกที ดังขึ้นๆๆๆอย่างน่ากลัว ผอบตกใจ ผุดลุกขึ้นมองไปทางเสียง
ที่กำลังใกล้ตัวเข้ามาทุกที
"อะ..อะไรนะ"
เหมือนเสียงไม้หวดไปในอากาศ แก้วไวน์กระเด็นหลุดจากมือไปตกแตกกระจาย
ผอบตกใจ มองตะลึง บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปเป็นมืดสลัว ลมพายุพัดม่านหน้าต่างปลิว
ข้าวของในห้องลอยขึ้นเหมือนโดนจับเหวี่ยง ไปตกตามที่ต่างๆแตกกระจายไม่มีชิ้นดี
ผอบมองรอบๆ สีหน้าหวาดกลัว
"นะ...นี่..มัน..อะไรกัน"
ณ มุมห้อง เจ้าคุณนรบดินทร์ปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัว ผอบตาเหลือก
"ผะ..ผีตัวนั้น"
เจ้าคุณยกตะพดชี้หน้า
"ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแต่เจ้ากลับไม่สำนึก คิดทำร้ายหนูอัมราอีกจนได้"
ผอบกระโดดนั่งคุดคู้พนมมือตัวสั่น
"อย่าทำอะไรฉันเลยจ้ะฉันสำนึกแล้ว"
ผอบลุกขึ้นวิ่งหนี แต่โดนลมพายุในห้อง หมุนใส่อย่างแรงจนร่างเหวี่ยงไปมา
ไปกระแทกข้าวของตกกระจาย ผอบร้องอย่างตกใจ

ภายในห้องนอน พงษ์เปลือยท่อนบน ก้มหน้าจะซุกไซ้อัมรา ไฟในห้องดับพรึ่บมืดสลัว
เสียงเพลงหยุดไปด้วย พงษ์สบถไม่พอใจ
"วะ ไฟมาดับอะไรตอนนี้เนี่ย ปั๊ดโธ่กำลังได้อารมณ์"
พงษ์หันไปมองสวิสท์ไฟ ไฟเปิดปกติ พงษ์ส่ายหน้ารำคาญ เสียงเพลงดังขึ้นแต่กลายเป็น
เพลงไทยเดิมโหยหวน ชวนขนลุก พงษ์ชะงักหันไปมองที่วิทยุ
"บ้าเอ๊ยมันเปิดเพลงบ้าอะไรของมัน ยังกับเพลงในงานศพ"
พงษ์อารมณ์เสียเดินไปกระแทกปิด ตรงมาหาอัมรา จะก้มลงจูบ
พงษ์สะดุ้งเฮือก จ้องตกใจสุดขีด สมศรีหน้าขาวซีดมาก แทนที่หน้าอัมรา จ้องพงษ์ตาลุกวาวแดงก่ำอย่างน่ากลัว
พงษ์ร้องสุดเสียง ตกใจสุดขีด "เฮ้ย"
พงษ์กระโดดลุกพรวด เสียงสั่น "ผี"
สมศรีลุกพรวดขึ้นนั่ง
"คนเลวอย่างแกต้องตาย"
พงษ์รีบหันหลังวิ่ง สมศรีนางรำที่ต่อเล็บยาวแหลม ข่วนไปในอากาศ พงษ์สะดุ้ง ร่างแอ่นอย่างเจ็บปวด ร้องเสียงหลง
"โอ๊ย"
กลางแผ่นหลังพงษ์เป็นรอยข่วนเลือดไหลออกมา พงษ์เอี้ยวตัวมองตกใจสุดขีด
พงษ์ร้องเจ็บปวด ที่แก้มเป็นรอยข่วนยาวเลือดไหล พงษ์กุมหน้าเจ็บปวดเห็นเลือดเต็มมือ พงษ์ตกใจสุดขีด
"อย่า..อย่าทำผม..ผมกลัวแล้ว"
พงษ์วิ่งออกจากห้อง สมศรีขยับจะตาม อารีย์ปรากฏขึ้นนั่งข้างๆอัมรา
"พอเถอะค่ะครูสมศรี ปล่อยเขาไปเถอะ"
หุ่นนางรำไม่ตอบ เคลื่อนร่างทะลุผนังห้องออกไปอย่างรวดเร็ว
อารีย์ถอนใจหันมามองอัมรา เรียกอ่อนโยน
"อัมรา..อัมราตื่นเถอะลูก"
อัมไม่รู้สึกตัว นอนนิ่ง
"อัมรา..อัมรา"
อารีย์พยายามเรียก
"ลุกขึ้นเร็วเถอะจ้ะ รีบออกไปจากที่นี่"
แต่อัมรายังนอนนิ่ง อารีย์ร้อนใจ
"จะทำยังไงดีเนี่ย"
อารีย์จ้องอัมรานิ่งๆอย่างใช้ความคิด ก่อนสีหน้าดีใจแบบคิดออกแล้ว

"แม่จะพาลูกกลับไปเอง"

พงษ์วิ่งกุมหน้าเลือดโชกเข้ามาในห้องนั่งเล่น พงษ์ชะงักมองตกใจ
 
เห็นร่างผอบมีบาดแผลเลือดออกหลายแห่ง หมุนไปกระแทกฝาผนัง ข้าวของในห้อง
"แม่"
ผอบเหนื่อยล้า ร้องเรียกพงษ์อ่อนโรย
"พงษ์..ช่วยแม่ด้วย"
สมศรีเดินทะลุผนังห้องออกมายืนข้างเจ้าคุณนรบดินทร์ ถามน่ากลัว
"จะทำอย่างไรกับพวกมันดีคะท่านเจ้าคุณ"
พงษ์คุกเข่ายกมือไหว้ท่วมหัว
"อย่าทำอะไรเราอีกเลยครับ พวกเรากลัวแล้ว"
ท่านเจ้าคุณนิ่ง ลมสงบ ผอบล้มลง พงษ์ดีใจรีบวิ่งเข้าไปประคองผอบ
"แม่..แม่ไปเร็ว"
ผอบซวนเซ รีบลุกขึ้น พงษ์ลนลานรีบพากันประคองออกไป
"ท่านจะปล่อยพวกมันหรือคะ"
"ถึงเราปล่อยไป พวกมันก็หนีกรรมของตัวเองไม่พ้น"
หุ่นเจ้าคุณค่อยๆเลือนไป สมศรีเลือนหายตามไปด้วย อัมราค่อยๆเดินลงบันไดมาช้าๆ
หน้านิ่ง ท่าทางแข็งๆ มองรอบๆในห้อง เสียงรถแล่นออกไปจากบ้าน เสียงดังมาก
อัมรามองไปเห็นกระเป๋าตัวเองที่หล่นอยู่ เสียงอารีย์ผ่านอัมรา
"นั่นกระเป๋าของลูกนี่จ้ะ"
อัมราเดินไปหยิบกระเป๋าก่อนเดินออกจากบ้านผอบไป

พงษ์ขับรถมาอย่างเร็วมากๆ
"ไอ้ผีเจ้าที่พวกนั้นมันตามจองเวรเราไม่เลิกเลยแม่"
ผอบจับเนื้อตัวอย่างเจ็บมาก
"นั่นสิ คอยดูนะแม่รอดไปได้คราวนี้จะไปหาหมอผีมาจับพวกมันถ่วงน้ำให้หมดเลย โอ๊ย มันเล่นงานแม่จนเนื้อตัวแตกยับไปหมดแล้วนี่"
อยู่ๆบรรยากาศนอกรถกลับมืดลงกะทันหัน สองแม่ลูกตกใจ
"ทำไมอยู่ๆมันมืดแบบนี้ละแม่เมื่อกี้ยังสว่างอยู่เลย"
ผอบหน้าเสีย
"หรือว่าไอ้ผีพวกนั้นมันตามมาเล่นงานเรา รีบขับเร็วๆเข้าสิ"
พงษ์ใจไม่ดี ชะลอรถ มองไปข้างหน้าบ่นรำคาญ
"ข้างหน้าก็ไม่รู้ติดอะไรนะแม่"
ผอบชะเง้อมองตาม เห็นคนมุงเต็มถนน
"เกิดอุบัติเหตุมั้ง" ผอบว่า
"คงไปไม่ได้แล้วล่ะ"
พงษ์จอดรถหลบเข้าข้างทาง เปิดประตูลงไปชะเง้อดูแล้วก้มลงบอกผอบ
"สงสัยหลบอะไรมั้งแม่ ชนอัดเข้ากับต้นไม้เลย"
"ตายมั้ย"
"น่าจะตาย"
ผอบรีบเปิดรถลงมาอย่างอยากรู้ ดึงมือพงษ์
"ไปดูกันหน่อยสิ"
สองแม่ลูกเดินเข้าไปใกล้ ชาวบ้านซุบซิบกัน
"สงสัยจะเป็นแม่ลูกกันตายทั้งคู่เลยนะ"
ผอบมองไปที่รถขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นๆรถ เห็นชาวบ้านกำลังงัดประตู ประตูด้านคนขับเปิดออก เห็นร่างพงษ์หลุดร่วงออกมา ชาวบ้านรับไว้ หน้าตาแตกยับ มีรอยกระจกบาดน่ากลัว ตาเหลือก ชาวบ้านค่อยๆลากออกมานอนกับพื้นดิน
พงษ์กับผอบมองตะลึง หันมองหน้ากันตกใจ สองแม่ลูกมองเข้าไปในรถที่เบาะ
นั่งข้างคนขับ ร่างผอบครึ่งตัวบนพุ่งผ่านกระจก ไปซบอยู่หน้ากระโปรงรถ หันหน้าตาเหลือกโพล่งมาเหมือนจ้องตอบ ผอบกับพงษ์ที่ยืนตะลึงมองอยู่
พงษ์เสียงสั่นมากๆ
"ทะทำไม..สองคน..นั่น ถึงหน้าเหมือน..เราละแม่"
ผอบเสียงสั่น
"แม่..แม่ก็ไม่รู้"
"หรือว่าเราตายแล้ว"
"แกพูดบ้าอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราสองคนตายเราจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไปเร็วพงษ์เข้าไปดูให้ชัดๆสิ"
ผอบวิ่งนำไปพงษ์ตามติดๆ ผอบเอื้อมมือจะดันคนที่มุง แต่กลับคว้าอากาศวืดไป
ผอบชะงัก คว้าคนข้างหน้าอีกครั้งแต่สัมผัสไม่ได้ ผอบตกใจ พงษ์ตะลึง
"แม่"
ผอบมองมือตัวเอง หน้างงสุดขีด ถามพงษ์
"ทำไมแม่จับตัวคนพวกนี้ไม่ได้"
พงษ์หันไปคว้าคนข้างๆบ้าง ก็สัมผัสตัวไม่ได้เหมือนผอบ สองแม่ลูกตะลึง
"นี่มัน"
"เจ้าทั้งสองตายแล้ว"
พงษ์กับผอบหันขวับมามองตกใจ เห็นยมทูตน้าตาน่ากลัวยืนทะมึนอยู่
"ไม่จริงก็เราสองคนยังขับรถอยู่เลย นั่นไงรถที่เราขับมา"
ผอบชี้ไปที่รถซึ่งจอดไว้ แต่ไม่มี ผอบงง ยมทูตหัวเราะ
"เจ้าสองคนตายอย่างกะทันหันเพราะความรีบร้อนที่หนีความชั่วที่ตัวก่อไว้ บัดนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปรับกรรมแล้ว"
"ไม่..ไม่นะ..แม่รีบหนีเร็วไอ้นี่มันคนบ้า เราสองคนยังไม่ตาย เร็วแม่"
พงษ์กับผอบพากันจะออกวิ่งอย่างรีบร้อน สองแม่ลูกชะงัก ในระยะไกล เห็นอัมราเดินอยู่อีกฟากถนน ผอบดีใจตะโกน
"อัมรา...อัมรา"
อัมราหยุดเดินหันมามอง เห็นเป็นร่างอารีย์ซ้อนอยู่ จ้องมายังสองแม่ลูกอย่างน่ากลัว
ผอบกับพงษ์ตกใจ "อารีย์/คุณน้าอารีย์"
"จับตัวพวกมันมา"
สองแม่ลูกตกใจ รีบวิ่งหนีไป พื้นดินที่พงษ์กับผอบวิ่งไป มีมือดำใหญ่น่ากลัว ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด สองแม่ลูกตกใจพยายามวิ่งหลบ แต่สุดท้ายไม่พ้น มือจับขาของพงษ์และผอบไว้ได้ สองแม่ลูกล้มลง โดนมือลากไปอย่างไม่ปรานี
"ไม่..ช่วยด้วย...ไม่"
สองแม่ลูกร้องโหยหวน ก่อนลับหายไปในความมืด บรรยากาศรอบๆกลับเป็นกลางวันปกติ

อัมราที่มีร่างอารีย์ซ้อนอยู่ มองภาพตรงหน้าอย่างหดหู่ สลดใจ


จบตอนที่ 9 
กะรัตรัก – Diamond Lover ตอนที่ 7
กะรัตรัก – Diamond Lover ตอนที่ 7
เซี่ยวเลี่ยงขับรถมาจอดอยู่หน้าร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่งในตอนเย็น เขาก้าวลงรถหยุดยืนหันไปมองจ้องหญิงวัยราว 50 ปี กำลังเช็ด ถู ทำความสะอาดร้านโซนเอ้าท์ดอร์ด้านนอกร้าน แววตาของเขาอ่อนลง รำลึกถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อ 20 ปี ก่อน เด็กชายเซี่ยวเลี่ยงวัยราว 10 ขวบ แอบอยู่หลังประตูห้อง ในบ้านหลังเก่าสภาพซอมซ่อ มองดูพ่อกับแม่ทะเลาะกัน โดยผู้เป็นแม่กำลังอาละวาดพ่ออย่างหนัก “คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ คุณกับผู้หญิงพวกนั้นมันคืออะไรกันแน่ ตอบฉันมา” เจิ้นตงสวนกลับอย่างรำคาญ “ผมบอกแล้วไง ผมกับผู้หญิงพวกนั้นไม่มีอะไรกัน คุณอย่าระแวงมากได้มั้ย”
กำลังโหลดความคิดเห็น