xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 29

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 29
เฮง ตี๋ใหญ่และหมวยเล็กนั่งกินข้าวกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีจางยืนใกล้ๆ คอยบริการ

หมวยเล็กหันไปสั่ง “เฮียจาง ขอข้าวอีกจาน”
“ได้เลยคร้าบ”
จางรับคำ แล้วรีบตักข้าวให้หมวยเล็ก ก่อนที่เฮงจะหันมาถาม
“ถูกใจกับข้าวฝีมือเฮียเค้าเหรอ”
“ใช่เตี่ย วันนี้เฮียทำกับข้าวรสชาติโอเค เลยนะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มปลื้ม “ชมแบบนี้ จะขออะไรเฮียรึเปล่า”
“เปล่าน้า ชมจากใจจริงๆ”
จางรีบเสนอตัว “เอาอย่างนี้ครับ เพื่อความเป็นกลาง เดี๋ยวผมเสียสละ ร่วมชิมอีกคน จะได้รู้ว่าอร่อยจริงมั้ย”
พูดจบก็ตักข้าวใส่จานอีกใบแล้วนั่งลง ตักกับข้าวกินอย่างจริงจัง
“เป็นไงบ้างครับคุณจาง” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“เดี๋ยวครับ ให้ประสาทรับรสที่ปลายลิ้นผมได้ทำงานอีกนิดครับ ถึงจะตอบได้”
หมวยเล็กทำหน้าล้อ “ถามจริง นี่ชิมหรือหิว”
“หิว เย้ย ชิมสิครับ”
เฮงทำหน้าเอือม “พอเลยไอ้อ้วน เอาจานมานี่ เดี๋ยวตักราดให้ แล้วไปกินที่อื่น”
“อุ๊ย เฮียใจดีอ่ะ”
จางรีบส่งจานข้าวให้ เฮงตักกับข้าวให้อย่างละนิด
“โห่เฮีย นี่ตักกับข้าวไหว้เจ้าที่รึเปล่าเนี่ย น้อยเกิ๊น”
“ไม่ต้องพูดมาก ให้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ไปเลยไป”
จางหน้าง่อย ค่อยๆ ลุกเดินออกไปอย่างเซ็งๆ
หมวยเล็กยิ้มขำ “เตี่ยอ่ะ ชอบแกล้งเฮียจาง เดี๋ยวน้อยใจลาออกขึ้นมา จะไม่มีใครช่วยงานนะ”
“กลัวอะไร เตี่ยมีตี๋ใหญ่อยู่ทั้งคน”
“แต่เฮียอยู่ช่วยงานเตี่ยไม่ได้ทุกวันนะ”
เฮงอึกอัก “เออน่า จางกับเตี่ยทำงานกันมานาน รู้นิสัยกันอยู่ แค่นี้มันไม่น้อยใจหรอก”
ตี๋ใหญ่หันมาถามย้ำกับน้องสาว “สรุปเฮียยังไม่รู้เลยว่าอาหารเฮียอร่อยจริงรึเปล่า”
“เฮียจางจ้วงกินซะขนาดนั้น ไม่ต้องบอกหรอกเฮีย”
เฮงยิ้มปลื้ม “ใช่ ลื้อเรียนรู้ได้เร็วมากนะตี๋ใหญ่ อั๊วภูมิใจในตัวลื้อจริงๆ”
“ไม่ได้เตี่ยเทรนด์หามรุ่งหามค่ำ อั๊วคงไม่เป็นเร็วขนาดนี้หรอก”
แล้วเฮง ตี๋ใหญ่และหมวยเล็ก ก็นั่งกินข้าวกันอย่างมีความสุข

ฟากที่บ้านแก้วกัลยา หญิงใหญ่ ชายเล็ก และฮันนี่ ก็กำลังช่วยกันจัดเก้าอี้ที่หน้าบ้าน จู่ๆ ฮันนี่ก็ถามโพล่งขึ้นมา
“หลังจากออส่วนคุณตี๋ใหญ่ไม่ผ่านด่านบอส ทางโน้นเค้ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างมั้ยคะ”
ชายเล็กส่ายหน้า “ไม่มีเลยพี่ฮันนี่ เงียบกริบ”
“ฮันนี่ว่าออส่วนคุณตี๋ใหญ่ก็ไม่ได้เลวร้ายมากนะคะ บอสก็น่าจะโอเค ซักนิสนึงนะ”
หญิงใหญ่ยิ้มกริ่ม “แล้วใครว่าแม่ไม่โอเคล่ะคะ”
“หมายความว่าไงอ่ะพี่หญิงใหญ่” ชายเล็กทำหน้างง
“พี่กับหญิงเล็กเห็น ว่าแม่แอบชิมออส่วนที่เหลือ”
ชายเล็กตาโต “เฮ้ย จริงดิ”
“จริงสิ แม่แอบชิมแบบนั้น แสดงว่ารสชาติออส่วนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แม่พูดตอนแรกหรอก”
ฮันนี่ดีใจออกนอกหน้า “ ว้าว แบบนี้ก็แสดงว่าฝีมือคุณตี๋ใหญ่พัฒนาไปเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยสิคะ”
“พี่ตี๋ใหญ่เก่งอ่ะ เรียนรู้ได้เร็วเว่อร์”
ขาดคำของชายเล็ก แก้วกัลยาก็เดินออกมาพอดี
“มันจะเก่ง เรียนรู้ได้เร็วแค่ไหน สุดท้ายคนที่จะตัดสินฝีมือมัน ก็คือแม่นี่แหละ”
หญิงใหญ่กับชายเล็กหน้าเจื่อนลงทันที ฮันนี่รีบถามต่อ
“อุ๊บส์ งานนี้บอสจะเป็นกรรมกรเองเหรอคะ”
“yeah เดี๋ยวต้องไปแบกข้าวสารละ จะบ้าเหรอ กรรมการ ไม่ใช่กรรมกร”
“ซอรี่”
แก้วกัลยารีบท้วง “ซออู้”
“รี่น่ะถูกแล้วค่า”
“เออ ก็เล่นกับฉันบ่อย จนจำผิดจำถูกไปหมดแล้วเนี่ย”
ชายเล็กถามขึ้นมาอีก “แหม แม่มีแอบไปชิมออส่วนฝีมือเฮียตี๋ใหญ่อีกรอบ แสดงว่ามันก็โอเคอยู่
ใช่มั้ยล่ะ”
“ที่แม่ชิมก็เพราะแม่ไม่คิดว่ามันจะทำได้ดีขนาดนั้น”
หญิงใหญ่กับชายเล็กยิ้มระรื่น แก้วกัลยามองค้อน
“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งออกตัวล้อฟรี ยิ้มหน้าระรื่นกันแบบนี้”
หญิงใหญ่กับชายเล็กยิ้มค้าง
“แม่บอกเลยว่าฝีมือไอ้ตี๋ใหญ่ยังห่างจากคำว่าพ่อครัวมากนัก ยังไงเวลาที่เหลือมันก็พัฒนาฝีมือไม่ทันแน่ๆ”
ฮันนี่หัวเราะใหญ่แบบตัวร้ายในหนังไทย แก้วกัลยาหันขวับมาจิกตาใส่
“จะหัวเราะหาแด่ดี๊แกเหรอ”
“อ้าว ไม่ชอบเหรอคะบอส”
“ไม่ชอบ ชอบคนทำงาน”
ว่าแล้วแก้วกัลยาก็เดินนำฮันนี่ไปจัดโต๊ะ หญิงใหญ่กับชายเล็กหน้าเจื่อน กำลังใจหดหาย

ภรณีนั่งเหม่อ คิดเรื่องตัวเองกับอัครเดช หลังจากที่พลาดพลั้งไปมีอะไรกันตอนไปสัมมนา อารมณ์ต่างฝ่ายต่างสับสน ว่าจะตกลงคบหากัน หรือจะไปยังไงต่อไปดี
หญิงใหญ่ที่นั่งทำงานอยู่ หันมองเป็นระยะ จนสงสัยเลยลุกมาสะกิด ภรณีสะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย เป็นไรแก”
ภรณีรีบปฏิเสธ “ป..เปล่านี่ ฉันโอเค้”
“แล้วไปสัมมนามาเป็นไงบ้าง สนุกมะ”
“ก็ดี”
“ก็ดี แค่เนี้ยะ?”
หญิงใหญ่ถามย้ำ ภรณีรีบเล่นใหญ่ทันที
“โอ๊ย มันเริ่ดมากอะแก บรรยากาศนี้สุดติ่งกระดิ่งแมว เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วสุดๆ ซีฟู้ดก็เลิศเลอ เว่อร์วัง อลังการมาก”
“พอๆ”
“อ้าว อยากได้ฟิลลิ่งไม่ใช่งะ?”
หญิงใหญ่ส่ายหน้า “เล่นใหญ่ไป โคตรไม่จริงใจเลย”
จังหวะนั้น อัครเดชก็เดินเข้ามา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติ พยายามไม่แสดงอาการพิรุธให้ใครเห็น
“หวัดดีแก้ว”
“หวัดดีเดช เป็นไง ไปสัมมนามาเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะ”
หญิงใหญ่ยิ้มขำ “ แหม พูดเหมือนณีเด๊ะเลย”
ภรณีร้อนตัว รีบพูดต่อ โดยไม่มองหน้าใคร “ไม่เด๊ะ ของฉันก็ดีเฉยๆ ไม่มีนะ”
“ค่า ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน”
อัครเดชรีบตัดบท “ เราเคลียร์งานก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน”
“โอเค”
อัครเดชรีบเดินเลี่ยงกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน หญิงใหญ่เหลือบมองภรณีที่นั่งทำงานเงียบๆ ไม่พูดไม่จา พอหันไปมองอัครเดชก็เช่นกัน ก็ชักรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่ถามอะไร

จางรินน้ำชาให้เสี่ยชาญจิบ ระหว่างรออาหาร
“ระหว่างรอราดหน้า จิบชาก่อนนะครับเสี่ย”
เสี่ยชาญพยักหน้ายิ้มๆ “ขอบใจๆ”
จังหวะนั้น แก้วกัลยากับฮันนี่เดินเข้ามา เพื่อคืนปิ่นโต
“แหม กินแต่ร้านนี้ ไม่แวะไปร้านโน้นเลยนะเสี่ย”
“ก็สลับๆ กันไปแหละน่า ไม่ต้องห่วงหรอก อั๊วเป็นคนทั่วถึงอยู่แล้ว”
จางยิ้มกวนๆ “ระวังติดรงติดโรคนะเสี่ย”
เสี่ยชาญรีบโวย “เฮ้ย อั๊วไม่ได้มั่ว”
จางพูดต่อ “แต่ทั่วถึง”
“ถั่วต้ม พูดให้มันถวกๆ แล้วนี่ลื้อ 2 คนมาทำอะไรกันเนี่ย”
ฮันนี่รีบตอบทันที “เอาปิ่นโตมาคืนเถ้าแก่เฮงน่ะค่ะ”
เฮงยกจานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าออกมาเสิร์ฟให้เสี่ยชาญพอดี
“แหม แค่คืนปิ่นโต มาแพ็คคู่เลยน้า กลัวอะไรหรา”
แก้วกัลยาทำปากเบะ “ก็กลัวหมากัดน่ะสิ”
เฮงเผลอเคลิ้มแฮ่ใส่ ก่อนจะช็อต “เฮ้ย บ้านนี้ไม่มีหมา”
“ฮันนี่ คืนปิ่นโตเค้าไปซะ”
ฮันนี่ส่งปิ่นโตคืนให้ เฮงมองจาง พลางพยักหน้าส่งซิกให้มารับปิ่นโตแทน
จางถามต่อทันที “ออส่วนฝีมือคุณตี๋ใหญ่เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดี ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ”
เสี่ยชาญช่วยเสริม “แหม ก็อาเฮงอีเทรนด์หามรุ่งหามค่ำ จะไม่ให้เรียนรู้เร็วได้ไงล่ะ”
แก้วกัลยายิ้มเยาะ “เรียนรู้เร็วแค่ไหน ก็คงไม่ทันกำหนด 2 เดือนหรอก”
เฮงหันขวับมาทันที “ 2 เดือนอะไร”
“อ้าว ไม่รู้เรื่องกับเค้าเหรอเนี่ย ฉันท้าลูกลื้อไว้ ว่าถ้าเป็นพ่อครัวได้ภายใน 2 เดือน ฉันจะยอมให้จีบ
ลูกสาวฉัน”
เฮงตกใจ “อั๊วไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ลื้อไปตกลงกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตกลงเมื่อไหร่ไม่สำคัญ รู้แต่ว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ยังไงลูกลื้อก็เป็นพ่อครัวไม่ได้แน่นอนไปฮันนี่ กลับ”
แก้วกัลยากับฮันนี่เดินออกจากบ้านไป เฮงทั้งอึ้งและโมโห เสี่ยชาญรีบถามอย่างเป็นห่วง
“เฮ้ย ลื้อโอเคมั้ยเนี่ย”
“ไม่โอเค”
เฮงเดินฟึดฟัดเข้าบ้านไปท่าทางโกรธจัด
จางถอนหายใจ “งานงอกล่ะ คุณตี๋ใหญ่”

“เฮ้ย เตี่ยรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ?”
ตี๋ใหญ่ตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากจางที่รีบโทรศัพท์มาบอก
”ครับ ตอนนี้เฮียโกรธมากเลยครับคุณตี๋ใหญ่”
“งั้นเอาโทรศัพท์ให้เตี่ยหน่อย เดี๋ยวอั๊วคุยเอง”
จางที่แอบมาคุยมือถืออยู่ข้างรั้วรีบบอก “ตอนนี้เฮียไม่ยอมคุยกับใครเลยครับ นี่ผมก็แอบมาส่งข่าวกับคุณตี๋ใหญ่ก่อน เผื่อจะได้เตรียมตัวไว้”
“โอเค ขอบใจมาก งั้นเดี๋ยวอั๊วกลับไปคุยกับเตี่ยเอง”
จากนั้นก็กดวางสาย สีหน้าเคร่งเครียด

ตี๋ใหญ่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน ก่อนที่หญิงใหญ่จะเดินมาเคาะประตูห้อง
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่เดินเข้ามานั่งตรงข้าม “ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ มีอะไรรึเปล่า”
“เรื่องข้อตกลงระหว่างคุณกับแม่ฉันน่ะสิ อยู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ว่าถ้าเตี่ยคุณรู้เรื่องนี้ เตี่ยคุณจะเข้าใจว่าคุณตั้งใจเป็นพ่อครัวเพื่อฉันรึเปล่า”
ตี๋ใหญ่พยักหน้า “ใช่ เตี่ยผมเข้าใจว่าผมทำเพื่อคุณ”
“งั้นฉันจะได้บอกกับแม่ ว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้กับเตี่ยคุณดีแมะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มเจื่อนๆ “ ดีมากเลยครับ”
หญิงใหญ่ยิ้มภูมิใจในตัวเอง “ดี๊ดี ที่คิดได้ทัน”
“ไม่ทันแล้วล่ะครับ”
หญิงใหญ่หน้าเหรอ “ทำไมอ่ะ”
“เตี่ยผมรู้เรื่องหมดแล้ว”
หญิงใหญ่ตกใจ “เฮ้ย อย่าบอกนะว่ารู้จากแม่ฉัน”
“ถูก”
“แล้วเตี่ยคุณว่าไงบ้าง”
“ยังไม่ได้คุยกันเลย ตอนนี้เตี่ยโกรธมาก ยังไม่ยอมคุยกับใครทั้งนั้น”
ตี๋ใหญ่สีหน้ากลัดกลุ้ม หญิงใหญ่รีบเอื้อมไปจับมือ
“ทำใจดีๆ ไว้ อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้”
ตี๋ใหญ่ยิ้มบางๆ รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง 2 คนจับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ทางด้านหญิงเล็กก็กังวลใจไม่แพ้กัน หลังจากฮันนี่เล่าเรื่องเฮงให้ฟัง
“งานเข้าเลยเฮียตี๋ใหญ่”
“งานเข้าคนเดียว กระทบหลายคนเลยนะคะเนี่ย”
หญิงเล็กถอนหายใจ “นั่นดิ นี่ถ้าเถ้าแก่เฮงไม่ให้เฮียตี๋ใหญ่เป็นพ่อครัวต่อ ทั้งคู่พี่หญิงใหญ่ คู่หนูและ
คู่ชายเล็กก็จบ”
ทั้งคู่นั่งคุยกันต่อ โดยไม่รู้ว่าแก้วกัลยาเดินเข้ามาและแอบยืนฟัง
“อย่างว่านะคะ ความลับไม่มีในโลก..แฮชแท็คความรักก็เช่นกัน”
“เอาไงต่อดีล่ะทีนี้ แฮชแท็คร้องไห้หนักมาก”
หญิงเล็กหน้าเครียด ทำท่าจะร้องไห้ แก้วกัลยาเดินเข้ามาหน้าตาระรื่นชื่นมื่น
“ชีวิตดี๊ดี จะไม่มีพวกบ้านโน้นมาพัวพัน แฮชแท็คหัวเราะหนักมาก”
แก้วกัลยาหัวเราะลั่นบ้าน ฮันนี่หันไปปราม
“เบาค่ะบอส เดี๋ยวก็เจ็บคอไปอีก”
“เจ็บก็ยอม งานนี้ไอ้ตี๋ใหญ่เจอเตี่ยมันสกัดดาวรุ่งแน่ๆ”
ฮันนี่รีบแย้ง “อาจจะไม่ก็ได้นะคะบอส”
“เตี่ยมันโกรธจนหน้าย่นเป็นหมาบลูด็อกขนาดนั้น ไม่โดนสกัด มาเหยียบหน้าฉันได้เลย”
“เหยียบก่อนได้มั้ย”
แก้วกัลยาเผลอพยักหน้า “เอาสิ จะบ้าเหรอ ลามปามละนังนี่”
ฮันนี่ทำคอย่น “หยอกค่ะหยอก จัสคิดดิ้งค่า”
“นี่ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ บอกเรื่องนี้ให้ไอ้งิ้วหลงโรงนั่นรู้ตั้งนานล่ะ ฮ่าๆๆ”
แก้วกัลยาหัวเราะอารมณ์ดีเดินออกไป หญิงเล็กถอนหายใจ สีหน้ากังวล

หญิงใหญ่นั่งคิดหนักเรื่องตี๋ใหญ่อยู่ที่โต๊ะทำงาน ก่อนที่มือภรณีจะวางที่หัวไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจ
ฝ่ายแรกไม่ได้เงยหน้ามอง และคิดว่าเป็นตี๋ใหญ่ จึงค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือฝ่ายหลัง
“ค่อยๆ คิดแก้ปัญหากันนะคะ อย่าเพิ่งท้อ”
ภรณีแกล้งดัดเสียง “ครับ เราจะต้องผ่านมันไปด้วยกัน”
“ค่ะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
หญิงใหญ่เอะใจหันไปมอง ก็เจอภรณีทำหน้าทะเล้น
“เย้ย”
“แอ๊ะแอ๋ มีปัญหาอะไรกันอยู่เหรอคร้า”
หญิงใหญ่ทำหน้ากลุ้ม “ รู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“ช่วยไม่ได้ขอเผือกก็ยังดี”
“ไปเผือกเรื่องของคนอื่นโน่น อย่ามายุ่งกับฉัน”
จังหวะนั้น อัครเดชเดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานหญิงมาคุยงานกันที่โต๊ะ ท่าทางสนิทสนม จนภรณีเห็นแล้วหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
“หน้าหม้อ”
อัครเดชหันขวับทันที “ว่าใครวะ”
“พูดลอยๆ ใครรู้สึกก็รับไปสิ”
“ฉันคุยงานกับน้องเค้า ไม่ได้บ้าหม้อ”
ภรณียักไหล่ “ก็บอกแล้วไงว่าพูดลอยๆ ไม่ได้เป็นก็อย่าเดือดร้อนสิ”
หญิงใหญ่มองหน้าภรณีแบบงงๆ “ แกเป็นอะไรของแกวะณี แปลกๆนะเนี่ย”
“อ๋อ ฉันก็เป็นห่วงเพื่อนร่วมงานน่ะ กลัวว่าจะเสียท่าให้กับคนบางคน”
อัครเดชรีบบอก “ฉันไม่ใช่พวกฉวยโอกาสเว้ย”
ภรณีสวนกลับ “หรา”
อัครเดชชักทนไม่ไหว “ แกมีอะไรพูดมาเลยดีกว่า เคลียร์กันตรงนี้เลยมั้ย”
หญิงใหญ่ยิ่งสงสัยหนัก ขณะที่ภรณีรีบเก็บอาการ ไม่แสดงพิรุธ
“ฉันไม่มีอะไรต้องเคลียร์กับแก”
ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
หญิงใหญ่มองอัครเดชกับภรณีสลับกัน แล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ

ทางด้านหมวยเล็กก็ช่วยบีบนวดเอาใจเฮงที่ยังโกรธตี๋ใหญ่ไม่หาย ส่วนจางยืนเช็ดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ
“ใจเย็นนะเตี่ย ฟังเหตุผลเฮียเค้าก่อนน้า”
เฮงยิ่งโมโหหนัก “เหตุผลมันจะเป็นอะไร นอกจากทำทั้งหมดไปเพราะผู้ หญิง”
หมวยเล็กพยายามอธิบาย “มันก็ไม่ใช่เหตุผลนี้ทั้งหมดหรอกเตี่ย”
จางช่วยเสริม “ใช่ครับ คุณตี๋ใหญ่ไม่น่าจะบ้าผู้หญิงขนาดนั้นนะเฮีย”
“ทำงานไป ไม่ต้องออกความเห็น”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่เดินเข้ามา เฮงหันมองตาขวาง
“เตี่ย ฟังอั๊วอธิบายก่อนนะ อั๊วตั้งใจทำเพื่อร้านของเราจริงๆ”
เฮงย้อนกลับทันที “ถึงตอนนี้แล้ว ลื้อยังจะบอกว่าทำเพื่อร้านอีกเหรอ”
“อั๊วตั้งใจทำเพื่อร้านจริงๆ ส่วนเรื่องข้อตกลงมันก็เป็นแรงผลักดันน่ะเตี่ย”
“ลื้อไม่ต้องแก้ตัว อั๊วไม่เชื่อลื้อ”
ตี๋ใหญ่หน้าเจื่อน “เตี่ย..”
“หยุด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่อยากฟัง”
พูดจบ เฮงก็ผลุนผลันลุกเดินออกไป ตี๋ใหญ่หน้าเครียดสุดๆ
หมวยเล็กรีบพูดปลอบ “เตี่ยเพิ่งจะรู้เรื่องน่ะเฮีย รออีกนิดให้เตี่ยเย็นลงแล้ว ค่อยคุยกันเนอะ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าจ๋อยๆ หมวยเล็กเข้ามาบีบนวดให้รู้สึกดีขึ้น

ทางด้านชายเล็กก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ กำลังคุยไลน์กับหมวยเล็กอยู่ ก่อนจะหันมาบอกหญิงใหญ่กับหญิงเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน
“เถ้าแก่เฮงยังไม่ยอมคุยกับเฮียตี๋ใหญ่เลยครับ”
หญิงเล็กหันมองพี่สาว “ท่าทางจะโกรธพี่ตี๋ใหญ่มากเลยนะคะเนี่ย”
หญิงใหญ่มองออกไปที่ห้องตี๋ใหญ่ “ปิดไฟมืดเลย”
“ฝึกทำอาหารอยู่ล่ะมั้ง”
ชายเล็กรีบบอก “ใช่ครับ กำลังฝึกทำอาหารกับหมวยเล็กอยู่”
หญิงเล็กยิ้มล้อๆ “แหม นี่ก็รู้ความเคลื่อนไหวของบ้านโน้นไปซะหมด ตอนนี้เถ้าแก่เฮงทำไรอยู่”
“ร้องไห้กระซิกๆ อยู่ในห้องนอน”
หญิงใหญ่ตกใจ “จริงดิ”
ชายเล็กส่ายหน้า “น้องเดา แฮ่”
หญิงเล็กทำหน้าเซ็ง “โวะ ยังมีอารมณ์มาตลกอีกเนอะ”
“อ้าว เครียดๆ อยู่ก็ต้องฮากันหน่อยสิ เดี๋ยวก็เส้นเลือดในสมองแตกตายกันพอดี”
หญิงใหญ่มองไปที่ห้องตี๋ใหญ่ด้วยความเป็นห่วง
อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 29 (ต่อ)
ตี๋ใหญ่อยู่ในครัว กำลังใช้มีดหั่นไข่เจียวที่วางบนเขียงเป็นชิ้นพอคำ ก่อนจะเอาไข่ที่หั่นเทใส่หม้อ หมวยเล็กที่ยืนดูหม้อต้มจืดอยู่มองอย่างชื่นชม

“เก่งนะเนี่ย ทำได้หลายเมนูล่ะ”
“ก็ได้แต่เมนูง่ายๆ แหละ ยากๆ ก็มีมึนเหมือนกัน”
หมวยเล็กรีบถามต่อ “แล้วแบบนี้ข้อตกลงระหว่างเฮียกับคุณแก้วจะเป็นไงต่ออ่ะ”
ตี๋ใหญ่หน้าจ๋อย “ยังไม่รู้เลย”
จังหวะนั้น เฮงก็เดินเข้ามาหน้าตาเคร่งเครียด
“ทำไรกัน”
หมวยเล็กรีบบอก “ต้มจืดไข่น้ำน่ะเตี่ย น่ากินมั้ย ดูสิ”
“เปลืองแก๊ส เปลืองไฟ ปิดให้หมดเลย ไม่ต้องทำแล้ว”
หมวยเล็กหน้าเหรอ “ทำไมล่ะเตี่ย เฮียเค้ากำลังฝึกอยู่นะ”
เฮงตวาดกลับ “ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนสอนทำอาหาร อยากฝึกไปฝึกที่อื่น”
“เอาอีกแล้วนะเตี่ย เวลาโกรธนี่ไม่มีเหตุผลทุกทีเลย”
“ไม่รู้ล่ะ บอกให้ปิดก็ปิด”
พูดจบเฮงก็เดินหงุดหงิดออกไป ตี๋ใหญ่รีบปิดเตาแก๊ส สีหน้าเคร่งเครียด
หมวยเล็กส่ายหน้า “เตี่ยนะเตี่ย นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ”
“ช่างเถอะ”
หมวยเล็กมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะตัดสินใจถาม “หมวยถามตรงๆ นะ เฮียชอบที่จะทำอาหารจริงๆ มั้ย”
ตี๋ใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามพิจารณาความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
“เฮียก็บอกไม่ได้นะว่าชอบแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เมื่อก่อนเฮียไม่ได้รู้สึกชอบทำอาหารเท่าทุกวันนี้เลย”
“ก็แสดงว่าเฮียชอบทำจริงๆ แล้วล่ะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มรับ “อืมม์ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกสนุก และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ น่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเฮียก็ต้องพิสูจน์ให้เตี่ยเห็น ว่าเฮียชอบทำอาหารจริงๆ อย่าเพิ่งท้อนะเฮีย”
ตี๋ใหญ่พยักหน้า แล้วยิ้มบางๆ ให้น้องสาว

เฮงนั่งเครียดเรื่องตี๋ใหญ่อยู่คนเดียว ก่อนที่เสี่ยชาญจะเดินเข้ามา
“โอ้โห ดึงหน้าแต่เช้าเลยเว้ย สงสัยยังเคลียร์กันไม่ลงตัว”
เฮงไม่ขำด้วย “จะเกียนอะไร”
“พ่อครัวเครียดแบบนี้ ต้มไข่ยังไม่อร่อยเลยมั้ง”
“งั้นก็ไม่ต้องเกียน”
เสี่ยชาญส่ายหน้า “ผ่านมาวันนึงแล้ว นี่ลื้อยังโกรธอาตี๋ใหญ่ไม่หายอีกเหรอเนี่ย”
“จะหายง่ายๆ ได้ไง อั๊วอุตส่าห์ฝึกอีหามรุ่งหามค่ำ เพราะคิดว่าอีอยากจะเป็นพ่อครัว แต่สุดท้ายกลับทำเพราะผู้หญิง”
“ลื้อเคยได้ยินมั้ย ที่เค้าว่า ความสำเร็จของมหาบุรุษ มักมีสตรีอยู่เบื้องหลังเสมอ”
จางที่จัดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ ร้องขึ้นมาเสียงดัง “โอ๊ย”
“เฮ้ย เป็นอะไรวะอาจาง”
“คมครับ บาดเลือดซิบเลยเนี่ย”
เสี่ยชาญสวนกลับ “โห่ บาดอีกซักทีดีมั้ย”
“คำคมเหรอครับ”
“ศอกอั๊วนี่แหละ เดี๋ยวเอาให้เลือดโชกเลย”
จางสะดุ้ง แล้วรีบเดินหนีเข้าบ้านไป เสี่ยชาญหันมาพูดกับเฮงต่อ
“ที่อาหญิงใหญ่เป็นสาเหตุให้อาตี๋ใหญ่มุ่งมั่นเป็นพ่อครัว อั๊วว่ามันก็ส่วนหนึ่งนะ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดแน่ๆ”
เฮงนิ่งเฉย แต่ก็ยังรับฟัง ลึกๆ แล้วในใจก็แอบลังเลอยู่เหมือนกัน
“อั๊วเชื่อว่าอาตี๋ใหญ่อีก็เริ่มชอบงานครัวบ้างเหมือนกันแหละ เพราะถ้าอีไม่ชอบ อีคงไม่มีความสุขอย่างทุกวันนี้หรอก”
เฮงแย้งกลับ “อั๊วไม่เชื่อ อั๊วโน้มน้าวให้มาช่วยร้านตั้งนาน ถ้าชอบ ทำไมไม่มาทำตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ”
“เฮ้อ พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ อั๊วไปเกียนร้านอาแก้วดีกว่า”
พูดจบ เสี่ยชาญก็เดินออกไป ปล่อยให้เฮงนั่งเครียดอยู่คนเดียว

ภรณีเดินหอบกุหลาบแดงช่อใหญ่เข้ามาในออฟฟิศ พนักงานต่างพากันเมียงมองอย่างสนใจ รวมถึงหญิงใหญ่ด้วย
“เฮ้ย”
ภรณียิ้มกริ่ม “ไงล่ะ อึ้งดิอึ้ง”
“ลิปสติกยี่ห้ออะไรอ่ะแก สีสวยดี”
ภรณีทำเป็นช็อตเข่าอ่อน รับมุก “นี่ ทักดอกไม้มั้ย ช่อใหญ่จนบังหน้าฉันมิดซะขนาดนี้”
“ล้อเล่น จะทักดอกไม้นี่แหละ ใครให้มาหรา”
“กุหลาบแดง สื่อถึงความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้ง มั่นคง คนที่จะให้ก็คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนพิเศษ”
หญิงใหญ่ตาวาว “อั๊ยย๊ะ”
อัครเดชเดินเข้ามา เห็นภรณีถือดอกกุหลาบช่อโตก็มีอึ้งเล็กน้อย หญิงใหญ่รีบหันไปบอก
“นี่เดช มีหนุ่มให้กุหลาบณีด้วยแหละ ช่อเบ่อเร่อเลย”
อัครเดชยังทำปากดี “แหม จัดให้หลายดอกเลยเนอะ”
ภรณีสวนกลับทันที “ เฮ้ย หลายดอกอะไร พูดให้เคลียร์ๆ”
“ก็ดอกไม้ไง พูดถึงดอกไม้กันอยู่ จะดอกอะไรได้ล่ะ”
“ฉันรู้ว่าแกคิดอะไร แต่ช่างเหอะ กำลังสดใสกับความรัก ไม่อยากรมณ์เสีย”
อัครเดชทำยิ้มเยาะ “สดใสกับความรัก ถรุยยย ซื้อเองแล้วมาแอ๊บว่ามีคน ให้มากกว่า”
ภรณียักไหล่ “แอ๊บไม่แอ๊บก็แล้วแต่จะคิด หาได้แคร์ไม่”
“ก็แล้วแต่ ฉันก็ไม่ได้แคร์อะไรแกอยู่แล้ว เอาที่ตะบายไตเลย”
หญิงใหญ่ยิ่งฟัง ก็ยิ่งงง “เดี๋ยวๆๆ นี่หึงอะไรกันป๊ะเนี่ย”
อัครเดชรีบแก้ตัว “หึงนังนกแสกนี่น่ะเหรอ ฉันไปหึงเป็ดหึงไก่ดีกว่าแก้ว”
ภรณีไม่ยอมแพ้ “อ่อ แบบนี้นี่เปิดแฟนเพจแข่งกับคนอะไรมีแฟนเป็นหมีได้เลยนะแกเนี่ย”
“เพจอะไร”
“คนอะไรมีเมียเป็นเป็ด ฮ่า”
อัครเดชตอกกลับ “ฉันประชดโว้ย ใครจะบ้าไปเอาเป็ดเป็นเมีย ร้อนจะตาย”
หญิงใหญ่จกใจ “ห๊ะ”
“เอ่อ..มันเป็นมุกน่ะแก้ว เราไม่เคยลองหรอก”
ภรณียิ้มหยัน “ไม่เคยครั้งเดียวน่ะสิ”
อัครเดชชักรำคาญ “เฮ้ย ออกไปตัวๆ หน้าออฟฟิศเลยมั้ย ซักฝุ่นนึง”
หญิงใหญ่รีบตัดบท “เออๆ ไม่หึงก็เงียบๆ กันได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
ภรณีกับอัครเดชเชิดหน้าใส่กัน หญิงใหญ่ส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ

ตี๋ใหญ่ที่อยู่ในห้องทำงาน นั่งมองใบลาออกที่ถืออยู่ในมือ ด้วยความมั่นใจว่าตัวเองเริ่มชอบทำอาหารจริงๆ ขึ้นมาแล้ว
พอหญิงใหญ่เดินเข้ามาเคาะประตูเรียก ตี๋ใหญ่ก็รีบซ่อนใบลาออกไว้ใต้แฟ้มอย่างเนียนๆ ไม่ออกอาการพิรุธ
“เชิญครับ”
หญิงใหญ่เดินเข้ามานั่ง “เป็นไงบ้างคุณ เตี่ยหายโกรธรึยัง”
“ยังเลยครับ สงสัยงานนี้จะยาว”
หญิงใหญ่ตกใจ “จริงดิ”
“ใช่ เมื่อคืนผมฝึกทำอาหารอยู่ ก็เข้ามาไล่ให้ปิดแก๊ส ผมคงไม่ได้ฝึกทำอาหารอีก ถ้าไม่ได้ทำอะไร
สักอย่าง”
หญิงใหญ่รีบถามทันที “คุณจะทำอะไรเหรอ”
“พิสูจน์ให้เตี่ยเห็น ว่าผมชอบทำอาหารจริงๆ”
“พิสูจน์ยังไง”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าครุ่นคิดตัดสินใจ หญิงใหญ่มองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อไป

ทางด้านเฮงที่เดินผ่านห้องตี๋ใหญ่ พอดีเหลือบเห็นประตูปิดไม่สนิทก็เลยเดินไปจะปิดประตู แต่สายตากลับสะดุดกับภาพและเมนูอาหารที่ติดไว้เต็มห้อง จึงเดินเข้าไปดู
“ไอ้หยา นี่ลื้อติดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
เฮงเดินดูไปเรื่อยๆ และเริ่มสับสนว่าตี๋ใหญ่ทำเพราะผู้หญิง หรือเริ่มชอบการทำอาหารจริงๆ

อัครเดชคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงาน แกล้งยั่วภรณี แล้วก็แก้แค้นเรื่องดอกกุหลาบ
“จ้า พี่ก็คิดถึงแนทเหมือนกันจ้ะ แต่คิดถึงแค่วันละ 2 เวลาเท่านั้นนะ”
ภรณีที่นั่งทำงานอยู่กัดฟันกรอดๆ พยายามสะกดอารมณ์
“ก็คิดถึงเวลาหลับกับเวลาตื่นยังไงล่ะคะ”
ภรณีทนไม่ไหว กระแทกแฟ้มงานเสียงดัง จนหญิงใหญ่สะดุ้งหันมามอง แต่ยังไม่พูดอะไร
อัครเดชยั่วต่อ “มุกเสี่ยวอาจจะมีไม่มาก แต่ถ้ารักออกจากปาก แปลว่ารักมากๆ นะรู้มั้ย”
ภรณีวางแฟ้มงานเสียงดังอีก จนหญิงใหญ่สะดุ้ง
“เป็นไรวะแก”
ภรณีรีบแก้ตัว “อ๋อ ฉันตีแมลงวันน่ะ”
“ไหน ฉันไม่เห็นซักตัว”
“ก็ฉันตีตายไปหมดแล้ว แกจะเห็นได้ไงล่ะ”
อัครเดชยังไม่หยุด “ถ้าอย่างนั้นลดดีกว่า จากคิดถึงวันละ 2 เวลา เหลือ คิดถึงวันละครั้งพอ วันละครั้ง แต่ครั้งละ 24 ชั่วโมงไงคะ”
ภรณีวางแฟ้มงานเสียงดังอีก จนหญิงใหญ่หันมามองซ้ำ
“แกตีตายไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันหลุดมาอีกตัว สงสัยใครปิดหน้าต่างไม่สนิท”
อัครเดชพูดต่อ “อ๋อ เสียงหมาวิ่งชนโต๊ะแถวๆ นี้น่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ภรณีโมโหหึง “นี่ ถ้าจะจีบก็ไปจีบกันที่อื่น ตรงนี้เค้าจะทำงานกัน”
“หมาเริ่มเห่าล่ะ เปลี่ยนที่คุยดีกว่าเนอะ”
อัครเดชลุกเดินออกไป ภรณีทำท่ากระฟัดกระเฟียด อารมณ์ค้าง หญิงใหญ่มองอย่างเป็นห่วง
“แกโอเค นะ”
“โอเค สิ ฉันดูไม่โอเค ตรงไหน”
หญิงใหญ่เห็นภรณีหงุดหงิดเลยไม่อยากซักอะไรมาก แต่เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับท่าทีของทั้งคู่

หลังจากที่เห็นภาพเมนูอาหารติดอยู่เต็มห้องนอน เฮงก็ออกมายืนเหม่อ ลังเลว่าตี๋ใหญ่ตั้งใจเป็น
พ่อครัวเพราะผู้หญิงหรือชอบที่จะเป็นจริงๆ
จางเดินเข้ามาเห็นก็นึกเป็นห่วง
“ยังเครียดเรื่องคุณตี๋ใหญ่อยู่อีกเหรอครับ”
“อืมม์ อั๊วคงคาดหวังกับตี๋ใหญ่ไว้เยอะ พอมารู้เรื่องข้อตกลงกับพวกบ้านโน้น ความรู้สึกมันก็เลยพลิกไม่เป็นท่าเลย”
“ผมขอพูดในบางมุมที่เฮียอาจจะยังไม่รู้ได้มั้ยครับ”
เฮงลังเลนิดหนึ่ง “พูดมา”
“คุณตี๋ใหญ่เคยบอกกับผมนะครับ ว่าถ้าคุณตี๋เล็กกลับมา จะผนึกกำลังกันทำร้านให้โด่งดัง”
“แล้วไง”
“มันก็หมายความว่า ที่คุณตี๋ใหญ่ตั้งใจเรียนรู้ที่จะเป็นพ่อครัวอย่างทุกวันนี้ คุณตี๋ใหญ่รักและอยากทำร้าน เฮง เฮงเหลาให้เจริญรุ่งเรืองน่ะสิครับ”
เฮงนิ่งไป แต่ก็มีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

แก้วกัลยานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนฮันนี่ก็กำลังเก็บจานเคลียร์โต๊ะอยู่ใกล้ๆ
“ได้เลย ขอบใจมากนะเธอที่ไม่ลืมกันน่ะ งานนี้ถ้าสำเร็จ ร้านฉันดังเป็นโรงงานพลุระเบิดแน่ แหม ได้
นักชิมชื่อดังขนาดนั้นมาชิมอาหารที่ร้าน จะไม่ให้ดังได้ไงล่ะ โอเค ๆ ฝากด้วยแล้วกันนะ ได้เรื่องยังไง ก็ส่งข่าวกันด้วย
จร้า ขอบคุณมากเพื่อนเลิฟ แล้วเจอกัน หวัดดีจ้ะ”
พูดเสร็จก็กดวางสายสีหน้าชื่นมื่น ฮันนี่หันมาเห็น ก็รีบเดินเข้ามาเม้าท์ด้วย
“นักชิมอะไรเหรอคะบอส ท่าทางจะเป็นข่าวดีนะเนี่ย”
“ข่าวดีสิ เพราะร้านฉันกำลังจะมีนักชิมชื่อดังมาเยือน”
ฮันนี่ตื่นเต้น “โอ้ มายก๊อด เรียลลิ”
“Yeah”
“congratulation นะคะบอส”
แก้วกัลยากับฮันนี่ต่างยิ้มชื่นมื่น พร้อมกับที่หญิงเล็กเดินออกมา
“ดีใจอะไรกันเหรอคะ”
ฮันนี่รีบตอบ “จะมีนักชิมชื่อดังมาชิมอาหารที่ร้านเราค่ะคุณหญิงเล็ก”
“จริงเหรอคะ แล้วจะมาเมื่อไหร่อ่ะ”
แก้วกัลยายิ้มดีใจ เดี๋ยวเพื่อนแม่จะโทร มาบอกอีกที งานนี้ร้านเราดังแน่”
หญิงเล็กอดเป็นห่วงไม่ได้ “ครั้งนี้คงไม่เหมือนครั้งที่แล้วนะคะแม่”
“ไม่เหมือน คนนี้ของจริง เพื่อนแม่คอนเฟิร์ม”
หญิงเล็กหน้าบาน “ ดี๊ดีอ่ะ หนูเข้าไปจัดครัวให้สวยๆ หน่อยดีกว่า”
“ฮันนี่ช่วยค่ะ”
หญิงเล็กกับฮันนี่วิ่งกลับเข้าไปในครัวด้วยอาการตื่นเต้น
“ใจเย็นๆ เค้ายังไม่ได้มาวันนี้พรุ่งนี้ซะหน่อย จะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา”
แก้วกัลยาพูดเสร็จก็หันไปเล็งสถานที่ จัดโต๊ะโน้นนี่นั่น อารมณ์ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ภรณีคุยโทรศัพท์อยู่หน้าตาเบิกบาน อีกมือก็เอาดอกกุหลาบขึ้นมาดู
“ดอกไม้สวยมากเลยค่ะ นั่งทำงานไปก็มองไป ดี๊ดี”
อัครเดชนั่งกัดฟันกรอดๆ พยายามสะกดอารมณ์
”คิดถึงสิ แต่คิดถึงวันละแค่ 2 เวลาเท่านั้นนะ ก็เวลาหลับกับเวลาตื่นไงตัวเอง”
อัครเดชกัดฟัน พลางแอบบ่น “นั่น เล่นมุกกรูอีก”
ภรณียิ้มระรื่น “ถ้าอย่างนั้นลดดีกว่า จากคิดถึงวันละ 2 เวลา เหลือ คิดถึงวันละครั้งพอ วันละครั้ง แต่ครั้งละ 24ชั่วโมงน้า”
อัครเดชหันขวับมาทันที “เฮ้ย คิดเองหน่อยมั้ย มุกน่ะ”
“อ๋อ เสียงหมาขี้เรื้อนแถวนี้น่ะค่ะ พอดีเพื่อนที่ออฟฟิศ เก็บมาเลี้ยงเอาบุญ”
“หมาขี้เรื้อนเลยเหรอวะ นังนกแสก”
ภรณียักไหล่ “เออ มีไรป๊ะ”
ทั้งคู่ส่งเสียงดัง ทำท่าจะบู๊ใส่กัน จนตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่เข้ามาห้าม หญิงใหญ่ล็อกภรณี ส่วนตี๋ใหญ่ ล็อกอัครเดช
” มีเรื่องอะไรกันเนี่ย”
อัครเดชรีบฟ้อง “ก็นังนกแสกนี่สิครับ คุยโทรศัพท์จีบกับผู้ชายเสียงดังมาก ผมไม่มีสมาธิทำงานเลย”
ภรณีย้อนกลับ “แหม แล้วแกไม่โทร จีบผู้หญิงเสียงดังเลยว่างั้น”
“ฉันคุย แต่ก็ไม่ได้ให้ท่าเหมือนแกแล้วกัน”
ภรณียิ้มยั่ว “ฉันก็ใช้มุกเดียวกับแก ถ้าแกบอกไม่ได้ให้ท่า ฉันก็ไม่ได้ให้ท่าเหมือนกันแหละวะ”
อัครเดชไม่ยอมแพ้ “ฉันเป็นผู้ชาย คุยแบบนั้นมันไม่เสียหายเท่าผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่ม”
“ทำไม ผู้ชายเจ้าชู้ได้ แต่ผู้หญิงทำไม่ได้ว่างั้น”
“ก็ผู้ชายไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่หว่า”
ภรณีได้ฟัง ก็ยิ่งโมโห “ก็เออสิ ผู้ชายแม่งเห็นแก่ได้ไง”
หญิงใหญ่มองคนนั้นที คนนี้ทีอย่างงๆ “เฮ้ยเดี๋ยวๆ ถามจริงนะ นี่แกหึงกันป๊ะเนี่ย”
ทั้งคู่หลุดปากออกมาพร้อมกัน “เออ”
ตี๋ใหญ่ตกใจ “ห๊ะ”
อัครเดชและภรณีก็อ้ำอึ้งเพราะหลุดปากไปแล้ว
หญิงใหญ่ยิ้มกริ่ม “ฉันว่าล่ะ อาการแก 2 คนแปลกๆ ตั้งแต่กลับมาจากสัมมนา นี่ไปสป๊ากกัน
อีท่าไหนเนี่ย”
ทั้งคู่ตอบพร้อมกันอีก “เมา”
ตี๋ใหญ่ยิ้มร่า “คลาสสิกสุดๆ”
อัครเดชหันมาทางภรณี “ดอกไม้ใครให้มา ไหนเคลียร์กันหน่อยซิ”
ภรณียักไหล่ “ฉันซื้อของฉันเอง”
“นั่นไง ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ”
ภรณีย้อนถามกลับ “แล้วแกล่ะ โทร จีบอยู่กับใคร”
“เปล่า ฉันแกล้งคุยคนเดียว อยากรู้ว่าแกจะรู้สึกยังไง”
“แล้วจะเอาไงต่อ”
อัครเดชหันมาบอกกับตี๋ใหญ่และหญิงใหญ่
“ขออนุญาตไปเคลียร์กันแพ็พนะครับ เสร็จแล้วจะรีบกลับมาทำงานต่อ”
“โอเค ตามสบายเลย ค่อยๆ เคลียร์กันล่ะ”
ภรณียิ้มรับ “ค่ะผู้ช่วย”
จากนั้นก็จัดแจงล็อกคออัครเดช อีกฝ่ายล็อกกลับ ก่อนจะพากันเดินออกไป
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่มองหน้ากันอึ้งๆ

เฮงที่กินข้าวอยู่กับหมวยเล็ก ท่าทางดูเหม่อๆ เพราะคิดและสับสนเรื่องตี๋ใหญ่อยู่
“เป็นไรเตี่ย” หมวยเล็กถามอย่างเป็นห่วง
“คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องเฮียใช่มั้ย”
เฮงอึกอัก “ก็คิดหลายๆ เรื่อง ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ”
“เตี่ย เฮียบอกหมวยนะ ว่าเมื่อก่อนไม่ได้รู้สึกชอบทำอาหารเท่ากับทุกวันนี้ ตอนนี้เฮียสนุกกับการทำอาหารจริงๆ นะเตี่ย”
เฮงได้ฟัง ก็เริ่มใจอ่อน แต่ยังวางฟอร์ม “กินข้าวไป ไม่ต้องพูดมาก”
หมวยเล็กแอบเซ็งที่เตี่ยไม่ยอมเข้าใจตี๋ใหญ่เสียที
เฮงก้มหน้ากินข้าวไป ในใจก็ครุ่นคิด เริ่มเชื่อว่าตี๋ใหญ่ชอบทำอาหารจริงๆ จังหวะนี้ ตี๋ใหญ่ก็เดินย่องๆ เข้ามานั่งข้างๆ
“เตี่ยอิ่มละ เจี๊ยะไปคนเดียวนะ”
เฮงหันไปเจอตี๋ใหญ่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตกใจร้องลั่นบ้าน หมวยเล็กหัวเราะขำ
“เฮียเค้าไม่ใช่ผีนะเตี่ย ตกใจอะไรขนาดนั้น”
“ก็มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “เห็นเตี่ยเหมือนคิดอะไรอยู่น่ะ เลยไม่อยากรบกวน”
“เตี่ยอิ่มล่ะ หิวก็เจี๊ยะกับน้องลื้อไปล่ะกัน”
ตี๋ใหญ่รีบเรียกไว้ “เตี่ย อั๊วมีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เรื่องอะไร”
“อั๊วยื่นใบลาออกจากบริษัทแล้วนะ”
หมวยเล็กกับเตี่ย ตกใจ พูดพร้อมกัน “ลาออก”
“ใช่ อั๊วจะทำงานที่บริษัทอีกเดือนนึง หลังจากนั้นอั๊วจะมาดูแลร้านอย่างเต็มตัว”
เฮงมองหน้าลูกชายคนโตอย่างไม่เข้าใจ “ ลื้อทำแบบนี้ทำไมเนี่ย”
“ก็เพื่อพิสูจน์ไงเตี่ย ว่าอั๊วตั้งใจทำเพื่อร้านของเราจริงๆ”
“มันไม่ต้องพิสูจน์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง ตำแหน่งหน้าที่ลื้อก็มั่นคงอยู่ดีๆ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย”
ตี๋ใหญ่ยืนยัน “อั๊วคิดมาดีแล้วเตี่ย ถ้าอั๊วยังทำงานบริษัท อั๊วก็ไม่มีเวลาให้กับร้านอย่างเต็มที่ เป้าหมายของอั๊ว คือทำร้านให้โด่งดังน่ะเตี่ย”
หมวยเล็กยกนิ้วโป้งให้ “เจ๋งอ่ะเฮีย หล่อสุดๆ”
เฮงพยักหน้ารับ “ถ้าลื้อตัดสินใจดีแล้ เตี่ยก็ยอมรับในการตัดสินใจของลื้อ”
ตี๋ใหญ่นิ่งไปนิด ก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องข้อตกลงกับแก้วกัลยา
“แล้วเรื่องข้อตกลงระหว่างอั๊วกับคุณแก้วล่ะ เตี่ยจะสนับสนุนอั๊วอยู่มั้ย”
เฮงนิ่งไป ยังไม่ยอมตอบ ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กนั่งลุ้นด้วยกันทั้งคู่

ทางด้านแก้วกัลยา ก็กำลังนั่งทำบัญชีอยู่กับหญิงเล็ก ส่วนชายเล็กนั่งทำการบ้านอยู่ใกล้ๆ ขณะที่
หญิงใหญ่กับฮันนี่เดินออกมาจากครัว
“จานในครัวล้างหมดแล้วนะคะแม่ มีอะไรให้ช่วยทำอีกมั้ยคะ”
“พอแล้วลูก นั่งสวยๆ ไปก่อน งานที่เหลือเดี๋ยวฮันนี่จัดการเอง”
ฮันนี่ทำหน้าเซ็ง “ขอนั่งสวยๆ ด้วยคนไม่ได้เหรอบอส”
“นั่งไปสิ”
ฮันนี่รีบนั่งลง “แต๊ง กิว”
“ตัดเงินเดือนนะ”
ฮันนี่ลุกพรวดยืนขึ้นทันที “หายเหนื่อยละ ทำงานต่อดีกว่า”
จังหวะนั้น เฮงก็เดินนำตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง ทุกคนหันมองด้วยความงุนงงสงสัย
หมวยเล็กและตี๋ใหญ่ยกมือไหว้แก้วกัลยา ส่วนหญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็กยกมือไหว้เฮง
แก้วกัลยารีบถาม “มาทำไมเนี่ย”
“อั๊วมาเจรจาเรื่องตี๋ใหญ่”
“เจรจาอะไร”
เฮงพูดอย่างขึงขัง “ก็ที่จะให้ตี๋ใหญ่เป็นพ่อครัวให้ได้ภายใน 2 เดือนน่ะสิ อั๊วจะให้ตี๋ใหญ่สู้ต่อ”
แก้วกัลยานั่งอึ้ง ส่วนหญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็กแอบมีรอยยิ้มบางๆ เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“อย่าอึ้งๆ ว่าไง ยังพร้อมให้ลูกอั้วพิสูจน์ตัวเองอยู่มั้ย” เฮงถามย้ำ “รึว่ากลัวขึ้นมาซะแล้ว”
“ไม่กลัวโว้ย อยากพิสูจน์ตัวเองต่อก็เชิญเลยค่ะ ตามลำบาก”
หญิงใหญ่รีบแย้ง “ตามสบายรึเปล่าคะ”
“ตามลำบากนี่แหละ เพราะดูจากฝีมือตอนนี้กับเวลาที่เหลือแล้ว ลำบากแน่นอน”
เฮงยิ้มเยาะ “ลำบากไม่กลัว กลัวลำเอียงเว้ย”
“ลำเอียงอะไร”
“ก็ลื้อว่าลื้อจะเป็นคนตัดสินไม่ใช่เหรอ อั๊วก็กลัวว่าถ้าตี๋ ใหญ่ทำอร่อย แล้วลื้อจะแกล้งติว่าไม่อร่อย
น่ะสิ”
แก้วกัลยานิ่งคิดนิดหนึ่ง “อืมม์ งั้นเอางี้ พอดีว่ากำลังจะมีนักชิมมาชิมอาหารที่ร้านฉันพอดี เดี๋ยวฉันให้นักชิมคนนี้ตัดสินเลย ว่าลูกลื้อน่ะเป็นพ่อครัวได้รึเปล่า”
หญิงเล็กสะดุ้งโหยง “คุณพระ.หนักกว่าเดิมอีก”
หญิงใหญ่ถอนหายใจ หน้าตาเคร่งเครียด แก้วกัลยาหันมายิ้มเยาะใส่เฮง
“ถ้ากลัวก็ยกธงขาวตอนนี้ได้เลยนะ”
“เฮ้ย ลูกอั๊วไม่กลัวอยู่แล้ว”
ตี๋ใหญ่หันขวับ มองหน้าเฮงเจื่อนๆ
“ลื้อกลัวเหรอ”
“เปล่าเตี่ย ไม่กลัวอยู่แล้ว” ตี๋ใหญ่พูดพลองแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก
เฮงยิ้มอย่างมั่นใจ “ได้ งั้นตกลงตามนั้น”
แก้วกัลยาพยักหน้ารับ “โอเค แล้วเจอกัน”
เฮงกับแก้วกัลยามองหน้ากัน หญิงใหญ่แอบชูสองนิ้วให้ ตี๋ใหญ่แอบชูสองนิ้วตอบกลับไป

ตี๋ใหญ่ยกจอกน้ำชายื่นให้เฮง
“ขอบคุณนะครับเตี่ย ที่สนับสนุนอั๊ว”
เฮงรับน้ำชามาจิบ หมวยเล็กนั่งอยู่ข้างๆ พลอยยิ้มชื่นมื่นไปด้วย
“ลื้อพิสูจน์ให้อั๊วเห็นแล้วว่า ลื้อตั้งใจจะทำร้านให้เจริญรุ่งเรือง อั๊วก็ต้องสนับสนุนลื้อสิ”
หมวยเล็กยิ้มร่า “นี่ถ้าเฮียตี๋เล็กกลับมาผนึกกำลังอีกคน เตี่ยก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นั่งกินนอนกินอย่างเดียว เดี๋ยวหมวยคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เอง”
ตี๋ใหญ่ช่วยเสริม “เดี๋ยวอั๊วคอยเปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นะ”
เฮงเริ่มคล้อย “แหม ลื้อสองคนนี่กตัญญูจริงๆ ถรุ๊ยย เตี่ยไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต จะบ้าเหรอ”
หมวยเล็กหัวเราะขำ “หยอกเล่นน่า ชอบเวลาเตี่ยช็อตมุก ฮ้าฮา”
“ตี๋ใหญ่ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ลื้อต้องฝึกอย่างเข้มข้นแล้วนะ”
ตี๋ใหญ่แอบไม่มั่นใจ “เตี่ยว่าอั๊วจะทำได้มั้ย”
“ก็ต้องลองดู เตี่ยจะงัดวิชามาสอนลื้อเต็มที่เลย”
หมวยเล็กหันไปให้กำลังใจพี่ชาย “สู้ๆ นะเฮีย หมวยเชื่อว่าเฮียทำได้”
เฮงยื่นมือออกมา “สู้มั้ยสู้”
หมวยเล็กวางมือลงบนมือเฮง ตี๋ใหญ่วางมือลงบนมือหมวยเล็ก ทั้ง 3 คนประสานมือ แล้วพูดพร้อมกัน
“สู้”

ทางด้านชายเล็กนั่งลงบนเตียงนอนหญิงใหญ่ด้วยอารมณ์หนักใจ
“ ไปๆ มาๆ เฮียตี๋ใหญ่เจองานช้างเลยนะเนี่ย”
หญิงใหญ่ที่นั่งทาครีมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันมาบอก
“เอาน่ะ ถ้าแม่เป็นคนตัดสิน เราก็กลัวว่าแม่จะไม่เป็นกลางอีก จริงมั้ยล่ะ”
“ก็จริงแหละ แต่มาตรฐานนักชิมก็น่าจะสูงกว่าคุณแม่ เยอะนะพี่หญิงใหญ่”
หญิงใหญ่อึ้งไปเล็กน้อย เพราะก็จริงอย่างที่ชายเล็กพูด
“แล้วนักชิมก็มาจากฝั่งเพื่อนคุณแม่ ไม่รู้ว่าจะเข้าข้างคุณแม่ด้วยรึเปล่า”
หญิงใหญ่เริ่มเครียดตาม “อืมม์ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็งานช้างแล้วล่ะ”
“ช้างธรรมดาอาจจะน้อยไป ดูทรงแล้วอาจถึงขั้นช้างแม็มมอธ”
หญิงใหญ่ยิ่งเครียดหนัก ในเวลาเดียวกัน ตี๋ใหญ่ก็ตั้งใจฝึกทำอาหารอย่างมุ่งมั่น จริงจัง
อ่านต่อตอนที่ 30

กำลังโหลดความคิดเห็น