คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 30
ร่างของจุกถูกเข็นมาไว้หน้าห้องฉุกเฉิน โดยมีศจีตามมาอย่างร้อนรนใจ พยาบาลดูสภาพจุกที่ดูฐานะยากจน ก็หันถามเจ้าหน้าที่ขึ้น
“ตำรวจรู้หรือยังคะ ใครเป็นฝ่ายเสียหาย ใครเป็นเจ้าของไข้”
ศจีหงุดหงิด “อย่าเพิ่งซักได้ไหมคะ ดูแม่ฉันก่อนเถอะ คนเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
พยาบาล “รอสักครู่นะคะ ตอนนี้ห้องเต็มหมดค่ะ
“ฉันชื่อ คุณหญิงศุภศจี ประธานแผนกกองทุนสงเคราะห์ของโรงพยาบาลนะคะ”
“ค่ะๆ ดิฉันจะไปตามคุณหมอมาให้ ท่านติดเคสฉุกเฉินอื่นอยู่ค่ะ”
พยาบาลรีบออกไป ศจีมองตามอย่างร้อนใจ
ศจีออกจากบ้าน เดินเร็วรี่มาตามซอย เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่ามีรถคันหนึ่งแล่นตามมา แล้วรถคันนั้นก็แล่นเข้ามาจอดเทียบข้างๆ ศจีหันไปมอง ด้วยสีหน้าแปลกใจ
สุพรรณโผล่หน้าออกมานอกรถ บอกเสียงห้วนๆ แต่ไม่มีแววหยันอย่างเคย
“ขึ้นมา”
สุพรรณเอนตัวไปเปิดประตูรถให้ ศจีก้มมองตรงมาด้วยอาการของคนที่เพิ่งตื่นจากฝัน เธอกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนจะยอมก้าวขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย
“จะไปไหน”
“โรงพยาบาล”
“อาการเป็นยังไงมั่ง”
ศจีเสียงสั่นนิดๆ “ไม่ค่อยดีนัก”
สุพรรณบอกปลอบน้ำเสียงอ่อนลง “คงไม่เป็นอะไรกระมัง”
“หมอว่า อาจจะต้อง...ผ่าตัดสมอง”
“หมอเดี๋ยวนี้เก่ง”
“แม่อายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี”
“อายุกับสุขภาพไม่สำคัญเท่ากำลังใจ”
พูดจบสุพรรณก็ออกรถ
ศจีสีหน้าสบายใจขึ้นมาอย่างประหลาดกับคำปลอบโยนของเขา
ถัดมาไม่นานนัก ศจีกับสุพรรณเดินมาถึงหน้าลิฟต์ แต่แล้วมีเสียงเรียกดังลั่น มาจากด้านหลัง
“จี...จี...”
ศจีกับสุพรรณหันไป เห็นยายปริกซึ่งมีอู๊ดกับโสภาช่วยกันประคองเดินตามมา มีรินกับถวิลตามมาด้วยกัน
“เพิ่งได้ข่าวนังจุกมันเจ็บ เลยจะไปเยี่ยมมันหน่อย”
สุพรรณกับศจียกมือไหว้ยายปริกกับอู๊ด ทั้งสองรับไหว้
ยายปริกเห็นศจีอยู่กับสุพรรณ จึงอ้าปากจะถามด้วยความสงสัยว่าทำไมมาด้วยกัน แต่ศจีชิงพูดขึ้นก่อน
“งั้นไปด้วยกันเลยยาย แม่อยู่ชั้นสาม”
ยายปริกเห็นลิฟต์แล้วเอะอะโวยวาย
“ไม่เอา...ลิป...ลิป... เข้าไปข้างในเดี๋ยวหายใจไม่ออก”
“อ้าว ไม่งั้นคนอื่นเขาไม่ตายกันหมดแล้วเหรอแม่” อู๊ดเหน็บตามเคย
“ไม่รุ...เผื่อไฟมันดับ แล้วต้องติดอยู่ข้างในจะทำยังไง ข้าจะขึ้นกะได”
บรรดาลูกเล้าทำท่าอ่อนอกอ่อนใจ
“ขึ้นลิฟต์เถอะยาย จะได้ไม่เหนื่อย” ศจีบอก
“ไม่เอา หนังสือพิมพ์เขาลงข่าวบ่อยๆ ว่าตกลิปตาย”
“ก็ยังดีกว่าตกกะไดตาย” อู๊ดว่า
ปริกหันมาด่า “อย่ามาแช่งข้านะนังดอกกะหล่ำ”
อู๊ดงง “แปลแม่...แปล ถ้าไม่อรรถาธิบายมันไม่ซึ้งทรวง”
“ซึ้งสิ ก็ที่พวกเอ็งเป็นกันน่ะ โรคมันไม่งอกเหมือนดอกกะหล่ำหรือวะ”
ศจีมองไปรอบๆ ด้วยความอับอาย สุพรรณรีบออกตัวเข้าช่วย
“เดี๋ยวผมประคองยายขึ้นบันไดเองครับ”
“เออ...ดีๆ พาฉันไปหน่อยพ่อหนุ่ม” ปริกบอกกับลูกเล้าว่า “ข้าไม่ง้อพวกเอ็งก็ได้”
สุพรรณช่วยประคองยายปริกไปขึ้นบันได ลูกเล้ามองตามขำๆ
“แหม ทีผู้ชายละก็ แม่รีบตามไปเลยนะ” รินมองค้อน
ศจีตามสุพรรณต้อยๆ ด้วยความรู้สึกประหนึ่งว่าเขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวในยามยากนี้
ยายปริกปราดเข้ามาหานังจุกที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
“นังจุก นังจุก แม่มาเยี่ยม เป็นยังไงมั่งลูก”
ยายปริกพยายามจะจับตัวจุกเขย่าให้ลุกขึ้น แต่สุพรรณเข้ามาคว้าแขนไว้ทัน
“อย่ายาย อย่าจับเขย่า”
ยายปริกชวนจุกคุยไม่หยุด “แม่มาเยี่ยม ลุกขึ้นพูดกะแม่หน่อย มันหนักหนายังไงก็บอกกัน จะได้ช่วยเหลือ ทำไมถึงเงียบล่ะ ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอมันเป็นอะไรนักหนา แผลเผลอที่ไหนก็ไม่มี”
ศจีเอ่ยขึ้น “หมอบอกว่า กะโหลกอาจจะร้าว ต้องเอกซเรย์ดูให้รู้แน่”
ยายปริกมองอดีตลูกเล้าดาวเด่นประจำซ่องวัดใหญ่น้ำตาคลอ
“จุก...จุกเอ๊ย”
“หมออาจจะผ่าตัดเร็วๆ นี้” ศจีบอกอีก
“ไหนเอามือคลำซี ร้าวตรงไหน”
“ไม่ได้หรอกยาย”
“ผ่าก็ผ่า”
ศจีหน้าเศร้าลง “ค่าผ่าตัดเห็นจะหลาย”
“แม่ทั้งคนจีเอ๊ย ไม่ทดแทนบุญคุณคราวนี้ จะไปทดแทนกันคราวไหนมันทำให้เอ็งเกิดมาได้ เอ็งจะปล่อยให้แม่ตายทั้งคนได้ยังไง จริงไหม” ยายปริกว่า
“ก็ต้องอย่างนั้นแหละยาย แต่ค่าหมอ ค่ายา ค่าพยาบาล คงหลาย”
“เหอะ เขาว่าเอ็งได้เป็นคุณหญิงคุณหยัง แม่กระชังก้นใหญ่แล้วไม่ใช่เรอะ แค่นี้อะไรนักหนา”
ศจีมีสีหน้าเข้มขึ้นทันควัน แต่สุพรรณทำหน้าเฉยราวกับไม่ได้ยิน
“พูดยาก ยาย”
“จะยากอะไร เอ็งก็บอกกะผัวเอ็งเสียก็สิ้นเรื่อง เดี๋ยวนี้ยายมันไม่เหมือนตะก่อนจีเอ๊ย หาไม่...ยายออกเองได้ นี่แขกไม่ขึ้นเลย ได้มาก็พอใส่ปากใส่ท้องไปวันๆ ยายเองจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้เลย ทุกวันนี้ก็ต้องทำกินเองไม่มีใครเลี้ยงดู ถ้าหมดแรง หมดกำลัง ก็คงต้องขายสมบัติกิน สมบัติของยายก็จะหมดแล้ว สุดปัญญาของยายจริงๆ”
ศจีนิ่งอึ้งอัดอั้นเหลือทน หลบสายตาจากยายปริก ก็ต้องมาเจอสายตาสุพรรณเข้าอย่างจัง แววตาของเขาไม่ได้เยาะหยันถากถาง แต่มีแววเห็นใจลึกซึ้ง
“เดี๋ยวไปถามหมอให้แน่ก่อนดีกว่า บางทีอาจไม่ถึงต้องผ่าตัดก็ได้”
“เออ ถามกันเสียให้แน่ นี่มันนอนไม่รู้สึกรู้สายังงี้เรอะ งั้นยายกลับดีไหมมายืนดูๆ ไม่มีประโยชน์อะไร”
ศจีพยักหน้าอย่างแห้งแล้ง เพราะรู้ว่ายายปริกถือโอกาสหลบฉาก
ถัดมาศจีกับสุพรรณออกมาส่งยายปริก
“จะลงลิฟต์ไหมยาย จะลงไปส่ง”
“โฮ้ย ยายลงกะได้ได้ ขาลงไม่ลำบากเท่าขาขึ้นหรอก นี่ก็หมดค่ารถไปหลายสิบ เพราะห่วงมัน”
อู๊ด กับ ถวิล ลาศจี “น้าไปก่อนนะจี”
โสภา กะ ริน ลาตาม “ฉันไปละ”
ศจีกับสุพรรณยกมือไหว้ลายายปริก อู๊ด และ ถวิล
สองคนยืนมองส่งตาม จนทุกคนออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 30 (ต่อ)
อู๊ดกับโสภาช่วยกันประคองยายปริกลงบันไดมาถึงชั้นล่าง อู๊ดทักอย่างรู้ทัน
“แม่ไม่ช่วยจีมันหน่อยเหรอ รีบหลบฉากมาเชียว”
“เงินทองเป็นของบาดใจโว้ย ใครเคยเห็นลูกหนี้กับเจ้าหนี้รักใคร่กลมเกลียวกันมั่ง เจ้าหนี้หาว่าลูกหนี้เบี้ยว ลูกหนี้ว่าเจ้าหนี้หน้าเลือด ข้าเป็นคนรักฟามสงบ ชอบฟามสามัคคี ฉะนั้นอย่ามายืมอัฐกันดีฝ่า แต่ถ้าจำนำละก็ข้าพอจะช่วยเหลือได้ ข้าเมตตาได้แค่นี้แหละ”
“งั้นฉันจำนำของเก่าของฉันบ้างได้ไหมแม่” ถวิลถาม
“โธ่อีหวิน ของเก่าของเอ็งมันแห้งแหงแก๋ไปหมดแล้ว จำนำไม่ได้ราคาหรอก”
โสภาสอดขึ้นว่า “จริงสิ ทุกวันนี้แม่ก็ต้องกินของเก่ามั่ง เก็บของแห้งขายมั่ง”
ยายปริกยกตีนทำท่าจะถีบ แต่โสภารีบกระโจนลงบันไดหนีไป ยายปริกเกือบหน้าทิ่ม
“หน็อย อีพวกนี้นี่ ของแห้งของเหี่ยวก็พวกเอ็งนั่นแหละ รายได้ข้าถึงแห้งเหี่ยวตามไปด้วย”
ผู้คนหันมองยายปริกเป็นตาเดียวกัน ยายปริกอายรีบเดินหนี
อีกฟาก ดนัยถือหนังสือเดินมาจะเข้าชั้นเรียน แกมแก้วเดินเข้ามาถาม โดยมีรัตนาพรตามหลังมา
“พี่นัยคะ พี่พรรณยังไม่มาเหรอคะ”
“ยังนะครับ เอ๊ะ เห็นมันออกมาแต่เช้า บอกว่าจะไปรับลูกแก้วนี่”
“ใช่ค่ะ เขานัดว่าจะไปรับ แต่ก็ไม่ได้ไป ลูกแก้วเลยต้องให้รถที่บ้านมาส่ง”
“แปลกนะ ปกติมันไม่เคยผิดนัดใคร”
“สงสัยไปรับสาวอื่นแล้วละมั้ง”
รัตนาพรพูดแซวเล่น แต่แกมแก้วหน้าเสีย รัตนาพรรีบพูด
“ฉันพูดเล่นนะตัว อย่าเพิ่งเครียด”
แกมแก้วเดินออกไป รัตนาพรหันไปยิ้มเจื่อนๆ กับดนัย
“โธ่...น้องรัต แซวเพื่อนแบบนี้ เขาก็ใจเสียหมดซี่”
รัตนาพรรีบตามแกมแก้วไป
“เดี๋ยวก่อน ลูกแก้ว”
ด้านศจีมองจุกที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง แล้วนึกถึงภาพอดีตที่แม่เคยฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างดี
บ่ายวันนั้นนังจุกนั่งดายหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน พอเห็นศจีในชุดนักเรียนเดินกลับมาก็ปาดเหงื่อ ทักอย่างดีใจ
“กลับมาแล้วเหรอจี กินข้าวมาหรือยังลูก”
“ยังจ้ะ แม่ดายหญ้าอีกแล้วเหรอ”
“พักนี้ฝนชุก หญ้ามันขึ้นเร็ว เลยต้องดายบ่อยหน่อย”
ศจีวางกระเป๋านักเรียนลง ทำท่าจะเข้าไปช่วย
“ไม่ต้องลูก จีไปทำการบ้านเถอะ แม่ทำเอง”
“การบ้านทำเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ฉันช่วยแม่ก่อนได้”
“ไม่ต้องๆ จี บอกแล้วว่าไม่ต้อง เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า อีกหน่อยจะได้ไม่ต้องมาลำบากอย่างพ่อกับแม่ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวเย็นให้”
จุกรีบลุกจากการดายหญ้า ปัดไม้ปัดมือ ศจีจำต้องหยิบกระเป๋าเดินขึ้นเรือนไป
นึกขึ้นมาแล้ว ศจีถึงกับน้ำตาคลอ สอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างแม่ไว้ พลางบีบปลายเท้าเย็นซีดนั้นไว้แน่น ราวกับจะถ่ายทอดความอบอุ่นและชีวิตชีวาลงสู่ร่างอันโรยรานั้น
“แม่...แม่จ๋า”
สุพรรณเดินเข้ามา สีหน้าเห็นอกเห็นใจ
“อาจจะไม่ต้องผ่าตัด ให้หมอตรวจให้แน่ก่อนค่อยร้อนใจ”
ศจีมองสุพรรณด้วยดวงตาลอยคว้าง
อารมณ์ฉุนเฉียวเข้าครอบงำหัวใจสุพรรณโดยไม่มีเหตุผล เมื่อนึกได้ว่าศจีเป็นภรรยาท่านทูตปราจิต เขาจึงบอกเสียงห้วนๆ
“แล้วจะช่วย”
มือของศจีกำเท้าของแม่แน่น มันกดสิ่งหนึ่งจนเจ็บข้อนิ้ว ศจีดึงมือออกมา ก้มลงดู เห็นเป็นแหวนที่ปราจิตเคยให้ในวันเข้าห้องหอ
ศจีตัดสินใจรูดแหวนวงนั้นออกจากนิ้ว เอื้อมไปวางบนโต๊ะข้างสุพรรณ
“ถ้าจะกรุณาละก็ ช่วยเปลี่ยนให้เป็นเงินด้วยค่ะ”
สุพรรณกัดริมฝีปากอย่างสงสัยว่า “ทำไม” แต่คำถามก็อยู่แค่ในใจ
“แล้วผมจะจัดการให้” เขาหยิบแหวนใส่กระเป๋าเสื้อ “พรุ่งนี้จะมาใหม่”
สุพรรณหันหลังเดินออกไป
ศจีมองตามกึ่งกังวลกึ่งโล่งใจ รู้ว่าถ้าเขารับปากแล้วต้องทำให้แน่
ความกังวลเกิดจากความงุนงงในใจว่า เหตุใดเธอจึงวางใจเขามากกว่าคนอื่นๆ ถึงเพียงนี้
อ่านต่อหน้าที่ 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 30 (ต่อ)
สุพรรณ พาตัวเองเข้ามาอยู่ในโรงรับจำนำ เวลานี้ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์หน้าเถ้าแก่ที่พลิกดูแหวนในมืออย่างพิจารณา เปิดปากกดราคาตามประสา
“ของก่าว ใช้จงชำรุกเลี้ยว เพ็กเม็กเล็ก น้ำไม่ลี”
“ให้ได้เท่าไร”
“แหวนเก่าเลี้ยว เพชรมัวเม็กนี้ล้าว ไข่มุกไม่งาม เหลียวนี้ค้าขายไม่ลี สี่พังเลี้ยวกัง”
“สี่พันเองเหรอ”
สุพรรณคว้าแหวนวงนั้นมากำไว้อย่างหวงแหน
“ให้ล่ายอย่างมากก็ สี่พันสอง”
“เอาละ ขอบใจ”
“เอาไหม”
สุพรรณหันกลับ คราวนี้เถ้าแก่ตะโกนตามมา
“พูดกังล่ายนาคุงนา สี่พังห้าเอ้า...ให้ล่ายแค่นั้งแหละ”
“ได้ไม่คุ้ม”
พูดจบ สุพรรณก็เดินลิ่วออกไป
สุพรรณยืนกอดอกอยู่อย่างครุ่นคิด ใช้ปลายนิ้วกดแหวนในมือจนเจ็บเนื้อ ทำให้อาการร้อนรนในใจกลับจางลง เขาผ่อนลมหายใจยาว พึมพำกับแหวนอย่างไม่เข้าใจ
“ผัวก็เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผัวเมียยังไง ไม่ช่วยเหลือกัน”
แกมแก้วเดินเข้ามาด้านหลัง
“พี่พรรณเป็นอะไรไปเหรอคะ”
สุพรรณยังนิ่งหน้าเครียด ไม่ตอบคำถาม แกมแก้วเดินมาด้านหน้าของสุพรรณ
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
สุพรรณถอนใจพรืดอย่างไม่เกรงใจ
“สบายดี แต่พี่...มัวไปแวะที่อื่น เลยลืมไปรับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกแก้วให้รถที่บ้านมาส่ง แล้วนี่ ไม่เข้าฟังเลกเชอร์เหรอคะ พี่พรรณ”
“เวลายังพอ ลูกแก้วว่างไหม”
“ว่างชั่วโมงเดียวค่ะ”
“งั้นไปคุยกัน”
แกมแก้วอึกอัก สุพรรณคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ไม่นานหรอก ยังไงก็กลับมาทัน”
แกมแก้วลังเล
“ไปเถอะ เด็กดี พี่อยากขอร้องอะไรสักอย่าง”
แกมแก้วเริ่มใจอ่อนอีกจนได้
ฝ่ายศจีนั่งเฝ้าแม่ จับมือจุกไว้ พยายามถ่ายทอดความรู้สึกผ่านมือนั้นลงไป
“แม่จ๋า พ่อกับแม่อยากให้ฉันเป็นอะไร ฉันก็ได้เป็นแล้วนะจ๊ะเมื่อก่อนตอนอยู่ข้างล่าง ฉันเคยแหงนมองขึ้นมาอย่างสงสัยว่าข้างบนมีอะไรหนอ แต่เมื่อมาสุดทางแล้ว ก็ได้คำตอบว่า ข้างบน มันก็ว่างเปล่าเหมือนข้างล่างนั่นแหละ”
ศจียิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเอง
“ตอนอยู่ข้างล่าง ฉันมั่นใจว่าขาที่เหยียดยันดินไว้จะไม่ทำให้ตัวเองตกลงไปอีก นอกจากจะยอมคุกเข่าให้ แต่ เมื่ออยู่ข้างบน ฉันยังไม่เห็นเลยว่าจะมีอะไรเป็นหลักยึด จริงอย่างที่คุณหญิงว่า ศักดิ์ศรีนั้นสำคัญ แต่เกียรติยศเป็นของร้อนฉันเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องรักษาเกียรติยศ สั่งสมบารมี ทั้งที่ตอนนี้ฉันได้ทุกอย่างมาเกือบครบแล้ว ยกเว้นแค่สิ่งเดียว คือความนอบน้อมอย่างจริงใจ”
ระหว่างนี้สีหน้าจุกขมวดคิ้วนิดๆ โดยที่ศจีไม่ทันสังเกต
“ฉันอยากให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันจัง ฉันคงไม่รู้สึกอ้างว้างอย่างทุกวันนี้”
ศจีดึงมือจุกขึ้นมาแนบแก้ม น้ำตาไหลริน คิดถึงแม่จับใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 30 (ต่อ)
ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัย สองคนอยู่ในนั้น สุพรรณมองแกมแก้วด้วยสีหน้าละอายนิดๆ
“เพื่อนเขาเดือดร้อน ลูกแก้วมีเงินสัก สามพันไหม”
“เอาไปทำไมคะ”
สุพรรณกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอีก แกมแก้วเสียใจที่ถามออกไป
“ลูกแก้ว ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่...อยากรู้...”
“เขามีของมาให้ แต่พี่ไม่อยากทำอย่างนั้น ดูเป็นการไม่ไว้ใจกัน”
สุพรรณล้วงแหวนชูให้ดู โดยสวมไว้กับปลายนิ้วชี้ด้านซ้าย
“พี่รับรองแทนได้ว่าไม่สูญ”
พูดจบสุพรรณก็หย่อนแหวนกลับลงในกระเป๋าเหมือนเดิม แกมแก้วมองอย่างรู้สึกคุ้นตา
“แหวน...ผู้หญิงนี่คะ”
สุพรรณหัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไปยุ่งกับใครหรอกน่า บอกว่าเพื่อน ก็ต้องเพื่อน”
“เพื่อนที่ไหนคะ”
“อย่าให้พี่บอกเลย เขามีธุระร้อนจริงๆ”
แกมแก้วรู้สึกน้อยใจขึ้นมา จึงถามแกมประชด
“จะพอเหรอคะ สามพัน”
“คงพอละมั้ง ถ้าไม่พอค่อยพูดกันใหม่ ลูกแก้วหาให้ได้ใช่ไหมพี่อยากได้วันนี้ พรุ่งนี้จะได้เอาไปให้เขา”
แกมแก้วนิ่วหน้าอย่างหวาดระแวง แหวนที่คุ้นตาต้องเป็นของคนใกล้ๆ นี่แหละ แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
เย็นนั้นชีวินเดินเข้ามาในห้องรับแขกบ้านด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ยา...”
สิริกันยาลุกขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอคะพี่วิน ยารออยู่ตั้งนาน”
“มีอะไรเหรอ มาหาพี่ถึงนี่”
“ยาแวะเอาขนมกลีบลำดวนที่คุณย่าทำมาฝากค่ะ พี่วินลองรับทานดูสิคะ”
สิริกันยาส่งกล่องขนมให้ชีวิน
“ขอบใจจ้ะ”
ชีวินวางกล่องขนมไว้บนโต๊ะ สิริกันยามองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“เห็นข่าวเรื่องคุณพ่อพี่วินแล้ว ยากังวลแทน เลยต้องรีบมาหาพี่วิน”
“ข่าวเรื่องอะไร”
“อ้าว ก็เรื่องที่ท่านมีแม่ยายเป็น ผู้หญิงพรรค์นั้นไงละคะ”
ชีวินตบเบาะที่นั่งอย่างขัดใจ
“ไปเอาเรื่องเหลวไหลมาจากไหน”
“ใครๆ เขาก็พูดกัน”
“ใครๆ พูด เธอก็เชื่องั้นเหรอ”
“ยาเป็นห่วงนะคะ อยากให้พี่วินเตือนท่าน”
“พี่จะไปเตือนอะไรท่านได้ ท่านเป็นคุณพ่อของพี่นะ”
“หรืออย่างน้อยก็หาทางทำอะไรสักอย่างให้ท่านรู้ตัว ไม่อย่างนั้น...ตำแหน่งที่ท่านหวังไว้ ก็อาจจะ...”
ชีวินโมโหมากขึ้น “ท่านย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร”
“กลัวแต่ว่าท่านจะหลง จน...ลืมไปน่ะสิคะ”
“ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมาวุ่นวายกับเรื่องในครอบครัวพี่ แค่นี้ใช่ไหมที่มีธุระกับพี่ พี่ขอตัว”
ชีวินลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน
สิริกันยากระทืบเท้าเร่าๆ มองตามอย่างขัดใจ
เมื่อเดินออกมา ชีวินเจอใครบางคนก็ชะงัก ท่าทางอึกอักทำตัวไม่ถูก เป็นศจีเดินเข้ามา หลังจากกลับจากเยี่ยมจุก
“แม่คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ หมอบอกว่าต้องผ่าตัด”
ชีวินสีหน้าเป็นห่วงอย่างจริงใจ
“อยู่ในมือหมอแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“ค่ะ ดิฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”
ศจีน้ำตาคลอ ชีวินมองอย่างเห็นใจปนอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ แต่เปิดเผยออกไปไม่ได้ อยากจะกอดปลอบ แต่ไม่อยู่ในฐานะที่ทำได้ มือที่ทำท่าจะยกขึ้นจึงตกลงข้างตัว ได้แต่กำมือแน่น
“ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกพี่...เอ้อ...ผม...ก็แล้วกัน”
ศจีมองชีวินเหมือนมองเขาเมื่อครั้งที่เขายังเป็นพี่ชายเพื่อน
“ขอบคุณค่ะ พี่วิน แค่แสดงความห่วงใย ดิฉันก็ซาบซึ้งใจแล้วล่ะค่ะ”
ชีวินรู้สึกวูบไหวในใจที่ได้ยินศจีเรียกเขาอย่างนั้นอีกครั้งหนึ่ง ศจียืดกายตรงเดินจากไป ชีวินได้แต่มองตามอย่างเสียใจ
สิริกันยาแอบมองจากมุมหนึ่งอย่างเคืองแค้น และหึงจนเลือดขึ้นหน้า
ขณะศจีเดินมา ชะงักเมื่อเห็นใครบางคน สิริกันยามองศจีหัวจรดเท้าอย่างดูแคลนเต็มที่
“ไงคะ คุณหญิงศุภศจี ยังสบายดีอยู่เหรอ”
“ก็สบายตามอัตภาพค่ะ”
“แต่ท่าทางคงไม่สบายใจสินะ เรื่องอดีตที่ถูกขุดคุ้ยจนฉาวโฉ่ไปทั่วน่ะ”
สิริกันยายิ้มเยาะศจี
“ดิฉันเป็นคนยอมรับความจริง อดีตก็คืออดีต กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ดิฉันสนใจแต่ปัจจุบันของตัวเองมากกว่า
“อดีตส่อ กำพืด ว่าเป็นใครมาจากไหน แม่เป็นแค่ผู้หญิงหากินแต่ทะเยอทะยานอยากตะกายขึ้นเป็นคุณหญิง เลยได้เป็นแค่คุณหญิงนอกทำเนียบ ระวัง สุดท้ายก็จะต้องตกจากทำเนียบลงมาคลุกขี้ดินเหมือนเดิม”
ศจีพยายามระงับอารมณ์ตอบไปอย่างใจเย็น
“กำพืดของดิฉันอาจจะไม่สวยหรูนัก แต่ดิฉันแน่ใจว่ากิริยานั้นดีพอที่จะทำหน้าที่ของตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องระริกตามมาถึงบ้านผู้ชาย...” ศจีกราดมองสิริกันยาหัวจรดเท้า “แบบนี้ ทั้งที่แม้แต่หางตาเขายังไม่แล”
สิริกันยาโกรธจัด “อีนังลูกโสเภณี”
สิริกันยาเงื้อมือจะตบ แต่ศจีจับมือนั้นไว้
“อีนังลูกผู้ดี แต่กิริยาสถุล ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม อยากจะแลกก็แลกเลยฉันไม่กลัว”
ศจีผลักสิริกันยาออกจนเซไป แล้วชี้หน้า
“แต่อย่ามาลามปามถึงบุพการีฉันอีก ไม่อย่างนั้น จะได้เห็นฤทธิ์ฉันแน่”
ศจีจ้องด้วยดวงตาวาวโรจน์ก่อนจะเดินจากไป
สิริกันยามองตามอย่างขุ่นเคือง และไม่มีทางยอมแพ้
อ่านต่อตอนที่ 31