xs
xsm
sm
md
lg

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 27

บรรจงกับนวลผ่องยังคงสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าห้องทำงานศจี

“มีเมียเด็ก ซื้อควายเล็ก ทำนาดอน สนุกละวา” บรรจงยิ้มย่อง สีหน้านึกสนุก
“คุณรัชนีฉายจะว่ายังไงหว่า”
ใครบางคนเข้ามายืนข้างหลังทั้งสองคนเงียบๆ
“ถ้าเป็นคุณรัชนีฉายยังพอเคารพลง แต่ คุณศจี ยังเด็ก” บรรจงว่า
“เฮ่ย ถึงยังเด็ก แต่ถ้าเป็นเมียเจ้านาย เราต้องเคารพเขาละ”
เสียงใครคนนั้นกระแอมกระไอ ทั้งสองหันมาเห็นก็ตกใจ รีบคุกเข่ายกมือไหว้แทบไม่ทัน

ส่วนด้านในห้อง รัชนีฉายยืนโงนเงน หัวเราะด้วยน้ำเสียงขื่นขม ดวงตายังมองไปที่เก้าอี้ตัวที่อรุณวตีเคยนั่งอยู่อย่างนั้น
“น้องไม่เหลืออะไรอีกแล้ว สาแก่ใจคุณพี่แล้วใช่ไหมคะ”
“นั่งก่อนดีกว่าค่ะ”
ศจีเอื้อมมือไปแตะแขนรัชนีฉาย แต่ถูกปัดออกอย่างแรง
“อย่ายุ่ง”
แต่แล้วบานประตูก็ถูกเปิดออก ศจีมองไปอย่างดีใจเป็นล้นพ้น เมื่อเห็นอาลัยเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“รัชนี...รัชนีฉาย”
“แม่คะ ดูคุณพี่วตีเธอหัวเราะเยาะลูก”
อาลัยเหลือบไปยังเก้าอี้ที่ว่างเปล่า รู้สึกเย็นวูบวาบในอก
“คุณรัชนีฉาย เธอพูดถึงคุณหญิงท่าน แล้วก็ยืนโงนเงนอยู่อย่างนั้น” ศจีบอก
อาลัยพยักหน้ารับรู้นิดๆ
“ความผิดในใจของมนุษย์เป็นสิ่งเดียวที่ฆ่ามนุษย์ได้ดีเสมอ”
ประโยคนั้นทำให้ศจีตัวชาวาบ
อาลัยหันมาหารัชนีฉาย “กลับบ้านเถอะลูก รัชนีฉาย”
“คุณพี่วตีเธอชนะเราอีกแล้วค่ะแม่”
อาลัยโอบลูกสาวทั้งตัว ละม้ายกับคนที่พยายามประคองแก้วอันแตกร้าวไว้ในมือ
“ดูสิคะแม่ เธอหัวเราะเยาะเรา”
“ช่างเถอะลูก คุณพี่วตี เธอเคยแพ้มามากแล้ว ให้เธอชนะเสียบ้าง ลูกเองก็เคยเป็นผู้ชนะมานาน ควรรู้จักแพ้เสียบ้าง”
“คุณจิตเธอไม่รักลูกอีกแล้ว”
“แต่แม่รักลูก รักลูกเสมอ ลูกยังต้องการให้ใครรักอีกทำไมกลับบ้านเถอะลูก”
รัชนีฉายยินยอมให้อาลัยโอบประคองออกไปแต่โดยดี แม้ปากจะยังพร่ำพูด
“ไม่มีใครต้องการหนูอีกแล้ว”
“แม่ไงจ๊ะ แม่ต้องการลูกเสมอ”
เสียงของทั้งสองแม่ลูกห่างออกไปทุกทีๆ ศจียังคงมองที่เก้าอี้ว่างเปล่าตัวนั้นอย่างแน่วนิ่ง ด้วยความคิดสับสนว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นของคุณหญิงอรุณวตี
หรือเป็นชัยชนะของเธอที่จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยใฝ่ทะยาน นี่คือชัยชนะแน่แล้วหรือ?

ฝ่ายสุพรรณพาแกมแก้วมากินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แกมแก้วมีสีหน้าเหม่อลอย ข้าวเหลือเต็มจาน สุพรรณมองข้าวแล้วมองหน้าแกมแก้ว
“กินไม่ลงเหรอลูกแก้ว”
แกมแก้วตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ป่านนี้คุณพ่อคงกำลังแต่งงานอย่างมีความสุข”
“ไม่ต้องไปพูดถึงได้ไหม”
“ลูกแก้วอดคิดถึงไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
สุพรรณจับมือแกมแก้วมากุมไว้ พลางปลอบ “อยู่กับพี่ไม่ต้องไปคิดอะไรทั้งนั้น ทิ้งความเครียดความทุกข์ไว้ที่บ้าน อย่าแบกมันมาด้วย”
“ลูกแก้วไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ พี่พรรณข่วยขับรถพาลูกแก้วไปไหนก็ได้ให้พ้นคืนนี้ไป นะคะ”
สุพรรณสีหน้าลำบากใจ แต่ก็อดใจอ่อนไม่ได้เมื่อเห็นหน้าเจื่อนๆ ของแกมแก้ว

อีกฟาก นางอาลัยประคองรัชนีฉายเข้ามาในห้องโถงบ้าน ดวงตารัชนีฉายยังช้ำหนักจากการร้องไห้
“นั่งพักก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ให้เด็กมันหาอะไรเย็นๆ มาให้ดื่ม” อาลัยมองหา พลางร้องเรียก “สายจิต...สายจิต ชะลอ มีใครอยู่บ้าง แม่พวกนี้นี่ เผลอเป็นไม่ได้ หายหน้ากันหมด” แล้วหันมาบอกลูกสาว “แม่จะไปดูพวกนั้นหน่อย ลูกรออยู่ที่นี่ก่อนนะ”
อาลัยออกไป รัชนีฉายพึมพำกับตัวเอง น้ำตาร่วงรินด้วยความคับแค้นใจ
“ไม่มีใครรักหนู ไม่มีใครต้องการหนูอีกแล้ว”
รัชนีฉายมองไปเห็นมีดปลายแหลมวางอยู่บนโต๊ะ ข้างๆ งานแกะสลักที่อาลัยทำค้างไว้ ก่อนออกไปตามเธอที่บ้านคุณหญิงอรุณวตี สีหน้ารัชนีฉายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ศจีซึ่งเปลี่ยนเป็นชุดราตรีไทยประยุกต์นั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ปราจิตในชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์เข้ามาจากด้านหลัง มองศจีอย่างหลงใหล
“เจ้าสาวสวยขนาดนี้ ฉันอยากจะเปลี่ยนใจ จัดพิธีแต่งงานเสียแล้วสิ”
“อย่าเลยเจ้าค่ะ จัดเท่านี้ก็มากเกินพอแล้ว”
“ทำไมล่ะศจี เธอไม่อยากมีพิธีแต่งงานหรูหราใหญ่โต อย่างที่ผู้หญิงทั่วไปต้องการหรอกเหรอ”
“ดิฉันได้สิ่งที่ดิฉันต้องการแล้วเจ้าค่ะ”
ปราจิตมองศจีอย่างภูมิใจ เพราะเข้าใจว่าเธอหมายถึงเขา ยื่นแขนให้ ศจีลุกขึ้นเกาะแขนของเขาออกไปด้วยกัน

อาลัยกลับเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับสายจิตซึ่งยกแก้วเครื่องดื่มเข้ามา
“วางไว้ตรงนั้นแหละ เอ๊ะ”
สายจิตวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ อาลัยมองหา แต่รัชนีฉายไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว
“รัชนี...รัชนีฉาย”
อาลัยใจหล่นวูบ เหลียวมองออกไปด้านนอก เห็นรัชนีฉายขับรถออกไป
“นั่นจะไปไหนอีกน่ะ รัชนีฉาย” พลางสั่งสายจิต “รีบตามไปเร็ว”
“ค่ะๆ”

สายจิตรีบวิ่งนำอาลัยออกไป

งานเลี้ยงส่วนตัวระหว่างท่านทูตปราจิต กับ ศุภศจี จัดขึ้นที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกใหญ่ มีแขกมาร่วมงานราว 20 กว่าคน บรรจง นวลผ่อง และ สิทธิ์ ช่วยกันดูแลเสิร์ฟน้ำกับอาหาร

ปราจิตควงศจีในชุดไทยประยุกต์ เดินต้อนรับแขก ศจียกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ ปราจิตมองศจีอย่างหลงใหลและภูมิใจ
ปราจิตหยุดคุยกับแขกต่างชาติ ศจีถูกบรรดาคุณหญิงคุณนายดึงออกมาคุยด้วย
วัชรินทร์ยิ้มแย้ม “ยินดีด้วยนะคะ คุณหญิงศุภศจี”
“ดิฉันยังไม่ได้เป็นคุณหญิงเลยค่ะ” ศจีออกตัว
สายสุนีย์บอกว่า “อุ๊ย อีกหน่อยก็ได้ เรียกขานให้เป็นมงคลเสียหน่อยจะเป็นไร คุณน้องจ๋า”
งามพร้อมเสริม “คุณน้องช่วยเรามาตั้งนมนานแล้ว ประชุมงานสังคมสงเคราะห์ทีไรก็อาศัยคุณน้องทุกที”
สายสุนีย์นึกบางอย่างได้ “เออ มรกตชุดนั้นของคุณหญิงเขา คุณน้องได้ไว้หรือเปล่าคะ เขาว่ามรกตรัสเซียเชียวนะ”
“ของคุณหญิงท่านก็ต้องเป็นของคุณแก้ว” ศจีบอก
พิจิตราท้วง “อุ๊ยอะไร ยกให้ลูกหมดเรอะ”
ปราจิตเข้ามาดึงศจีไป
“ศจีมาทางนี้หน่อย มิสซิสแพนเธอร์อยากคุยด้วย” ท่านทูตออกตัวกับคุณหญิงคุณนาย “ขอโทษนะครับ”
ทุกคนปั้นหน้ายิ้มร่า “เชิญค่า”
พอปราจิตกับศจีออกไป วงนินทาก็สุมหัวรวมตัวกันซุบซิบต่อทันที
“ได้ข่าวว่าคุณปราจิตได้บ้านนี้ทั้งหลังเลยนี่คะ” สายสุนีย์เปิดประเด็น
“นายปราจิตน่ะมีอะไร มาแต่ตัว คราวนี้รวยอื้อ เงินในบัญชีของตัวก็รู้จักเท่าไหร่ ถ้าเป็นอะไรไป เมียใหม่ก็สบาย คุณวตีเขากระไรเลย ลูกเต้าจะไม่มีหลังคาคุ้มหัวน่ะไม่คิด” กัลยาว่า
วัชรินทร์ทักท้วง “แต่เขาให้ลูกทั้งที่ดิน ทั้งเครื่องเพชร หลายสิบรายการนะคะ”
“อ้าว ก็มันของปู่ย่าตายาย มันก็ต้องตกทอดมาถึงนายวินกับยัยลูกแก้วอยู่ดี” กัลยาบอก
วัชรินทร์ถามถึงรัชนีฉาย “แม่รัชนีมีชื่อบ้างไหม”
สายสุนีย์บอก “เขาให้แหวนเพชรวงนึง สักห้าหกกะรัตมั้ง”
งามพร้อมตาโต “เท่านั้นน่ะเรอะ”
สายสุนีย์จีบปาก “เอ๊ะ ก็ที่คุณอาลัยแบ่งจากคุณอุราไปน่ะเท่าไหร่ล่ะ”
“เสียแรงดองเป็นน้อยเป็นหลวงกันมา” วัชรินทร์เหน็บ
บรรดาคุณหญิงคุณนายยังซุบซิบกันต่ออย่างสนุกปาก

ปราจิตดึงศจีออกมาข้างๆ มุมตักอาหาร พลางกระซิบบอกว่า
“อย่าไปคุยกับพวกนั้นมาก ที่มากันสลอนก็แค่อยากเอาเรื่องเราไปพูดสนุกปากทั้งนั้นแหละ”
ศจีแย้ง “แต่ต่อไปดิฉันก็ต้องทำงานด้านสมาคมกับพวกเขานะเจ้าคะ”
“คุยกันแค่เรื่องงานก็พอ ที่ฉันเชิญพวกเขามาก็เพราะอยากอาศัยเป็นปากเสียงประกาศเรื่องของเราอย่างเป็นทางการเท่านั้น บางคนเราไม่ได้ตั้งใจเชิญ แต่พ่วงๆ มากับคนที่เราเชิญด้วย”
ศจีพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ส่วนในครัว ด้านหลังบ้าน ละม่อม สิทธิ์ และบุญส่งซุบซิบกันระหว่างเตรียมอาหารเสิร์ฟข้างนอก
“ไหนว่าไม่จดทะเบียน อย่างนี้มันไม่ใช่เมียเก็บแล้ว มันเมียออกหน้าออกตาโธ่เอ๋ย คุณวิน คุณลูกแก้ว ไม่ทันไรก็มีแม่เลี้ยงรุ่นเดียวกับตัวเองเสียแล้ว” ละม่อมว่า
สิทธิ์บอก “แต่แกมาดดีแฮะ ยังกะคุณหญิงท่านไม่มีผิด บ้านช่องเป็นยังไงหว่าวาสนาดีพิลึก”
ละม่อมท้วง “อ้าว เอ็งไปรับเขาที่บ้าน ไม่เห็นบ้านเขาหรอกเรอะ”
“ไม่เห็นหรอกป้าม่อม เขาให้จอดรอหน้าปากซอยทุกครั้ง”
“ยังงี้จะได้เป็นคุณหญิงไหม”
วรรณโผล่เข้ามา มองกราด
“เราเป็นบ่าวไพร่ ไม่ต้องสอดรู้เรื่องของเจ้านาย”
ทุกคนถึงกับหัวหด ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไป

สิทธิ์รีบยกถาดเครื่องดื่มออกไปเสิร์ฟโดยไว

อ่านต่อหน้า 2

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 27 (ต่อ)

งานเลี้ยงดำเนินไป ปราจิตควงศจีไปทั่วงานด้วยสีหน้าชื่นมื่นเบิกบาน

“คุณจิตกับคุณน้องศจีน่ะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยกเลยนะคะ” สายสุนีย์ชื่นชม
วัชรินทร์เสริม “คุณน้องเธอคล้องคล่อง ดีใจกับคุณจิตด้วยที่ได้ทั้งคู่คิดคู่ใจที่ฉลาดเหมาะสมกันจริงๆ”
“ขอบคุณครับ ผมก็ไม่นึกว่าจะโชคดีอย่างนี้”
เสียงรัชนีฉายดังขึ้น “แล้วน้องละคะ เอาน้องไปไว้ที่ไหน”
ทุกคนตกใจ หันไปมองเป็นตาเดียว เห็นรัชนีฉายสีหน้าแดงก่ำ ยืนโงนเงนอย่างคนดื่มเหล้ามาอย่างหนัก
“ในที่สุดก็ได้เจอคุณพี่เสียที”
“รัชนีฉาย”
“ยังจำได้อยู่เหรอคะ ผู้หญิงคนนี้ที่คุณพี่เคยบอกว่ารักเหลือเกินรักจนแทบจะกลืนกิน อยากให้มานอนอยู่ข้างๆ ทั้งวันทั้งคืน” รัชนีฉายระบดระบาย
ปราจิตดุเสียงเข้ม “หยุดนะรัชนีฉาย! เธอเมามากแล้ว”
“ใช่ค่ะ น้องเมา เมาความรักที่คุณพี่เคยมีให้ แล้วจู่ๆ ก็ทิ้งไปอย่างไม่ใยดีคุณพี่ทรยศน้อง เพราะนังเด็กคนนี้คนเดียว”
รัชนีฉายปรี่เข้ามาตบหน้าศจีจนเธอเซไป
โดยไม่มีใครคิด รัชนีฉายควักมีดปลายแหลมออกมาจากกระเป๋าถือ จะกรีดไปที่ใบหน้าศจี แต่ปราจิตเข้ามากันไว้ ทำให้กรีดถูกแขนของปราจิตแทน รัชนีฉายตกใจ
“คุณพี่”
“หยุดนะรัชนีฉาย” ปราจิตหันไปเรียก “พี่วรรณ นายสิทธิ์ นายลอย บรรจงใครก็ได้พาคุณรัชนีฉายออกไปที”
วรรณหันไปพยักหน้ากับสิทธิ์ กำลังจะเข้ามา แต่รัชนีฉายเอามีดทำท่าจะกรีดแขนทำร้ายตัวเอง
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา”
“อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ” วรรณขอร้อง
ปราจิตบอกดีๆ “ส่งมีดให้พี่ รัชนีฉาย”
“ไม่ คุณพี่ทำร้ายจิตใจน้อง เหมือนฆ่าน้องทั้งเป็น ถ้าน้องตาย คุณพี่คงจะมีความสุขมากสินะ วันนี้น้องขออวยพรให้คุณพี่มีความสุขที่สุด”
รัชนีฉายหัวเราะโหยหวน เหมือนคนเสียสติ แล้วกรีดข้อมือตัวเองทันที เลือดสีแดงฉานไหลรินออกมา
ทุกคนกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่จะกรีดลึกลงไป เสียงอาลัยก็ดังขึ้น
“รัชนีฉาย...ลูกแม่...”
รัชนีฉายชะงัก หันไปมอง เห็นอาลัยเดินเข้ามาพร้อมกับสายจิต
“ส่งมีดให้แม่เถอะลูก”
“แม่...อย่า...อย่ามายุ่งกับหนูเลย หนูกำลังอวยพรคุณพี่”
“รัชนีฉายลูกแม่ อย่าทำร้ายตัวเองเลยลูก แม่ขอร้อง” อาลัยใจจะขาดรอนๆ
“ไม่มีใครรักหนูเลย ไม่มีใครต้องการหนูอีกแล้ว”
“แม่ไงลูก แม่รักลูกเสมอนะรัชนีฉาย ลูกกรีดเนื้อตัวเอง ก็เท่ากับกรีดหัวใจของแม่ไปด้วย แม่เห็นลูกเจ็บแม่เจ็บยิ่งกว่าลูกนะ รัชนีฉาย”
รัชนีฉายร้องไห้สะอึกสะอื้น มีดค่อยๆ หล่นลงจากมือ ปราจิตรีบเข้าไปเก็บมีดทันที
อาลัยโผเข้ามาประคองรัชนีฉายไว้ เห็นเลือดที่ค่อยๆ ซึมออกจากข้อมือ
“เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมากไหม”
“หัวใจของหนูเจ็บกว่ามาก”
ปราจิตเข้ามาดูรัชนีฉาย
“ดีที่แผลไม่ลึกมากครับ รีบพาส่งโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
รัชนีฉายผลักปราจิตออก
“ไม่ต้องมายุ่ง”
อาลัยบอกกับปราจิตว่า “ฉันจะพาลูกสาวฉันไปโรงพยาบาลเอง คุณดูแลแขกต่อไปเถอะ”
ปราจิตมองหานายสิทธิ์
“นายสิทธิ์ ช่วยขับรถพาคุณรัชนีฉายไปโรงพยาบาลที”
“ครับท่าน”
อาลัยกับสายจิตช่วยกันประคองรัชนีฉายออกไป
ศจีเข้ามาดูแผลที่แขนปราจิต
“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร แผลนิดเดียว”
“ดิฉันจะพาไปทำแผลก่อน”
ศจีหันไปออกตัวกับทุกคน
“ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ เชิญรับประทานอาหารกันไปก่อนดิฉันขอตัวพาท่านไปทำแผลก่อนค่ะ”
ศจีประคองปราจิตเข้าไป
บรรดาแขกทั้งหลายต่างสุมหัวซุบซิบกันอย่างสนุกปาก

บรรจงกับนวลผ่องถือถาดแก้วเปล่าเข้ามาในครัว หน้าตาตื่นตระหนก
“โอ๊ย ใจหายใจคว่ำหมดเลย”
“ฉันก็นึกว่าจะมีใครตายอีก” นวลผ่องถอนหายใจเฮือก
“เมื่อกี้ข้าได้ยินเสียงเอะอะ เลยออกไปดู ทันเห็นคุณรัชนีฉายเธอเข้าหาคุณท่านพอดี แต่ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วนี่ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ละม่อมถาม
“ท่านคงไม่เป็นไรมากหรอก แต่คุณรัชนีฉายนี่สิท่าจะอาการหนัก” นวลผ่องบอก
บุญส่งตกใจ “หนัก เลยเหรอ”
“อาการทางจิตไงล่ะ” นวลผ่องเหน็บ
“แกกล้าว่าคุณรัชนีฉายเรอะ” บรรจงฉุน
“เอ็งไม่เห็นเหรอ เมื่อตะกี้หัวเราะยังกับคนบ้า ท่านคิดถูกแล้วละที่แต่งกับคุณศจี ถ้าแต่งกับคุณรัชนีฉายละก็ อนาคตคงมืดมน”
บรรจงมองค้อน “แหม ไม่ทันไรก็เข้าข้างคุณหญิงคนใหม่ซะแล้ว”
“ข้าพูดความจริงโว้ย” นวลผ่องบอก
“พอทีเถอะพวกเอ็ง เฮ้อ คุณหญิงสิ้นคนเดียว มันยุ่งกันใหญ่ บ้านแตกสาแหรกขาด คุณวินก็หายไปเลย ไม่ค่อยเข้าบ้าน คุณลูกแก้วก็ตะลอนเที่ยว คุณท่านก็วุ่นกับเมียเด็ก”

คำพูดละม่อม ทำเอาทุกคนมองกันตาปริบๆ

ทางฝ่ายชีวินมานั่งดื่มเหล้าดับกลุ้มอยู่กับเพื่อนๆ สมัยเรียนในร้านอาหารแห่งนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว สีหน้าชีวินเคร่งเครียด จนทวีถามขึ้น

“เห็นทำแต่งาน นัดทีไรไม่ว่างทุกที เพิ่งมีครั้งนี้ที่ปลีกตัวมาได้ ถามจริงมีแฟนหรือเปล่าวะวิน”
“ยังไม่มี ฉันทำแต่งาน”
สมภพถามขึ้น “ทำไมยังไม่มีแฟนสักที คิดจะบวชหรือไงวะ หรือเป็นพวกเกย์”
ชีวินด่า “ไอ้บ้า”
พิเชษฐ์ถาม “แล้วน้องสิริกันยาที่ตามเอ็งต้อยๆ สมัยอยู่อังกฤษละวะ”
“พ่อแม่เขาฝากฝังให้ดูแล ไม่มีอะไรเกินเลย”
“เจ้าวินนี่เหมือนเม็ดทุเรียนว่ะ แมลงวันตอมหึ่ง หรือจะกินไก่วัด” วิรุณถาม
“เฮ้ย ยายตากลมยังกะขนมบัวลอยนั่น แกกินตำแหน่งแม่เจ้าวินตะหากละวะไม่รู้เรอะวันนี้เขามีงานที่บ้าน” สมภพหมายถึงศจี
“มิน่าไอ้วินถึงออกมากับพวกเราได้” ทวีบอก
“หน็อย...นี่ถ้าเทกระเป๋าแทงเก๊าะกระเป๋าแหกหมด” พิเชษฐ์ว่า
ชีวินบีบแก้ว สีหน้าเครียดจัด
“ไอ้พรรณมันสมัครเป็นน้องเขยเอ็งเหรอวะ” สมภพว่า
ชีวินเหน็บกลับ “นายก็เคยอยากสมัครไม่ใช่เหรอวะ”
“ก็ไอ้พรรณมันคาบไปดอเด็กใส่แอกแล้วนี่หว่า ข้าเคยเข้าไปคณะ เห็นมันขับรถน้องเอ็งปร๋อเลยว่ะ”
ชีวินมองหน้าเพื่อนนิ่งๆ รู้สึกเป็นห่วงแกมแก้วขึ้นมาครามครัน

ทางด้านอาลัยประคองลูกสาวเข้ามาในบ้าน รัชนีฉายเหม่อลอย นัยน์ตาแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ที่ข้อมือมีผ้าพันแผลอยู่
“พักผ่อนเถอะลูก อย่าไปคิดเรื่องที่มันผ่านมาอีกเลย”
“เขาไม่เหลือเยื่อใยกับหนูแล้วจริงๆ เขาปกป้องนังนั่น โดยไม่ห่วงตัวเองเลยเจ็บใจนัก”
“อย่าคิดมากนะลูก ลูกไม่ควรจะคิดถึงคนพรรค์นั้นอีกแล้ว”
“ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าเขาจะหมดรักหนูง่ายดายขนาดนี้ หรือที่แท้เขาไม่เคยรักหนูเลย เขาหลอกหนูมาตลอด”
อาลัยลูบหลังลูบไหล่รัชนีฉายปลอบโยน
“ใครจะหลอกลูกก็ช่าง ใครจะไม่รักลูกก็ไม่ต้องไปใยดี แม่ยังรักลูกนะรัชนีฉายอย่าคิดอย่าทำอะไรโง่ๆ อีก”
รัชนีฉายร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา อาลัยกอดปลอบลูกสาวผู้หัวใจสลายไว้กับอก

สุพรรณหิ้วกระเป๋านำแกมแก้วเข้ามาในห้องพักของโรงแรมเล็กๆ ละแวก ซอยวัดใหญ่
“คืนนี้ลูกแก้วพักที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้สี่โมงเช้า พี่จะมารับ”
แกมแก้วมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว
“พี่พรรณจะทิ้งลูกแก้วไว้ที่นี่คนเดียวเหรอคะ”
สุพรรณจับมือแกมแก้วให้กำลังใจ
“พี่ไม่ได้ทิ้ง พี่อยากกลับไปอาบน้ำนอนพักสักหน่อย หรือจะให้พี่มารับเช้ากว่านั้น”
“พี่พรรณอยู่เป็นเพื่อนลูกแก้วได้ไหมคะ นอนพักที่นี่ก็ได้”
“มันน่าเกลียดนะครับ ถ้าใครเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คงไม่มีคนรู้จักมาเห็นเราที่นี่หรอก”
“มันก็ยังไม่เหมาะอยู่ อย่าดื้อสิคนดี อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”
“ลูกแก้วคงนอนไม่หลับแน่ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่ดูแล้ว ถึงโรงแรมจะเล็กแต่ปลอดภัยพอควรล็อคประตูให้แน่นหนา ใครมาเคาะก็อย่าเปิด จนกว่าจะได้ยินเสียงพี่”
แกมแก้วมองไปรอบๆ อย่างไม่แน่ใจ สุพรรณมองอย่างเป็นห่วง แต่แล้วก็ตัดใจ
“ดึกแล้วพี่กลับก่อนนะ ลูกแก้วมาล็อคประตูด้วยนะครับ”
แกมแก้วลุกขึ้นไปส่งสุพรรณ แต่แล้วมีเสียงปึงปังดังขึ้น แกมแก้วตกใจร้องกรี๊ด
“อ๊าย พี่พรรณ”
แกมแก้วเกาะแขนสุพรรณอย่างตื่นตระหนก สุพรรณมองหาต้นเสียง
“อ๋อ คงเป็นเสียงห้องด้านข้างทำของหล่นละมั้ง”
“แต่มันดึกแล้วนะคะ”
“ไม่เอาน่าลูกแก้ว โตป่านนี้แล้วยังจะกลัวผีอยู่อีก”
“ลูกแก้วไม่ได้กลัวผีค่ะ ลูกแก้วกลัวคนต่างหาก พี่พรรณอยู่เป็นเพื่อนลูกแก้วก่อนนะคะ เรานั่งคุยกันจนเช้าก็ได้ ลูกแก้วกลัว”
“มันไม่ดีหรอกลูกแก้ว มันไม่เหมาะ”
เสียงปึงปังดังขึ้นอีกรอบ แกมแก้วถลาเข้ามาเกาะสุพรรณแน่นกว่าเดิม
“อย่าเพิ่งไปเลยค่ะพี่พรรณ”
สุพรรณไม่ทันตั้งตัว ล้มลงไปทับตัวแกมแก้วบนเตียง
สองหนุ่มสาวสบตากันนิ่ง สักพักสุพรรณจึงค่อยๆ โน้มหน้าลงจูบแก้มแกมแก้วเบาๆ

สองคนอารมณ์เตลิด โลดลิ่วไปตามแรงปรารถนาในใจ

อ่านต่อหน้า 3

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 27 (ต่อ)

ส่วนในห้องหอสีขาวบนตึกใหญ่คืนเดียวกันนี้ ปราจิตดึงมือศจีมาแล้วบรรจงสวมแหวนวงงามเข้าไปที่นิ้วนางของศจี สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ศจีก้มลงดู เห็นแหวนมุกล้อมเพชรอยู่ที่นิ้วนางของตัวเอง

“ฉันซื้อรับขวัญ ถือเป็นแหวนแต่งงานของเรา ชอบไหมคะ”
“เจ้าค่ะ” ศจียกมือไหว้ “ขอบพระคุณท่านมาก”
ปราจิตถือโอกาสจับมือศจีไว้
“ที่เลือกไข่มุกล้อมเพชร เพราะเขาถือกันว่า ไข่มุกเป็นเครื่องหมายของความบริสุทธิ์ เพชรเป็นเครื่องหมายของความเข้มแข็ง เธอมีทั้งสองอย่างที่ทำให้ฉันภูมิใจ ฉันเสียดายเวลาเหลือเกิน ถ้าศจีเกิดเร็วสักนิด”
“ท่านต่างหากเจ้าคะเกิดเร็วไป เร็วไปมาก” ศจีสัพยอก
“ฉันแก่มากแล้วเหรอ”
“ยังหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ อายุของเราห่างกัน”
“ห่างกันแค่อายุ แต่ความคิดของเธอก็เป็นผู้ใหญ่เกือบทันฉันแล้วนะ”
“ที่จริง ดิฉันก็เป็นเพียงเด็กคนนึงที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากคนรัก เหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ เจ้าค่ะ”
“ต่อไปนี้ฉันจะปกป้องดูแลเธอเท่าที่ฐานะของฉันจะทำได้ แต่ มันก็มีบางเรื่องที่เธออาจจะเสียใจเมื่อแต่งกับฉัน นอกจากบ้านแล้ว ฉันก็แทบจะมีแต่ตัว”
“ไม่สำคัญหรอกเจ้าค่ะ”
“เพราะจีรักตัวฉันมากกว่าใช่ไหม”
ศจียิ้มเยื้อน ไม่ตอบอะไร
“ใช่ไหมจ๊ะ”
“ดิฉันยืนยันคำเดิมว่า ดิฉัน...ได้ในสิ่งที่อยากได้แล้วเจ้าค่ะ”
ถึงไม่แน่ใจ แต่ปราจิตก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าจุดมุ่งหมายของศจีอยู่ที่ตน
“ฉันรักจี รักอย่างไม่เคยรักใครมาก่อนเลย”
ปราจิตรั้งร่างของศจีเข้ามากอดไว้แน่นแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนกลัวว่าร่างนี้จะหลุดลอยไป
ในขณะที่ศจียิ้มสมใจกับชัยชนะที่เธอคว้าเอามาได้สำเร็จ

เช้าวันรุ่งขึ้น สุพรรณขับรถมาส่งแกมแก้วที่ปากซอย แกมแก้วเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น สุพรรณจับมือปลอบ
“พี่ขอโทษ มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย”
“เราผิดด้วยกันทั้งคู่”
“พี่ควรจะหักห้ามใจ” สุพรรณตำหนิตัวเองอยู่อย่างนั้น
“พี่พรรณคะ แก้วกลัว...กลัวว่า...”
แกมแก้วพูดไม่ออกเพราะความเป็นผู้ดีทำให้กระดากปาก
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่จะรับผิดชอบเอง”
“แต่ลูกแก้วยังเรียนอยู่เลย ลูกแก้วไม่อยากเสียอนาคต”
แกมแก้วร้องไห้ออกมาอีก ทำให้สุพรรณยิ่งเครียด เผลอเอ็ดตะโรออกมา
“หยุดร้องทีได้ไหม”
แกมแก้วพยายามกลั้นน้ำตา สุพรรณรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เรากลัวก็ได้ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย”
“แต่ลูกแก้วอดคิดไม่ได้”
“ทำใจให้สบายครับลูกแก้ว กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยคิดกันทีหลัง”
สุพรรณลงจากรถ แกมแก้วขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับแทนที่ ก่อนจะขับรถออกไป
สุพรรณมองตาม แล้วหันหลังเดินออกไป
ชีวินขับรถอีกคันเข้ามา มองทั้งสองอย่างจับสังเกต

ปราจิตตื่นขึ้นมาตอนเช้า เห็นศจีแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก
“ตื่นเช้าจังค่ะ”
“ดิฉันตื่นเช้าจนเคยตัว เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารเช้าให้ท่านเจ้าค่ะ”
ปราจิตเข้ามากอดศจีจากด้านหลังอย่างรักใคร่
“ฉันยังไม่หิวเลย เช้าวันแต่งงานยังไม่ต้องรีบหรอก อยู่ด้วยกันก่อน”
ศจียิ้มแทนคำตอบ ปราจิตมองศจีผ่านกระจกอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“จี ไปจดทะเบียนกันไหม ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเราไม่ได้จดทะเบียนกัน”
“อย่าเลยเจ้าค่ะ ท่านจะได้มีอิสระแก่ตัว”
“ฉันไม่อยากเป็นอิสระนี่นา”
“งั้นดิฉันเองเจ้าค่ะ ที่อยากเป็นอิสระ”
“ทำไม จีไม่รักฉันหรือ”

ศจีไม่ตอบ เพียงพรายยิ้มนิดๆ ทำให้ปราจิตยิ่งกอดศจีไว้แน่นอย่างหวงแหน

ขณะแกมแก้วกลับเข้ามาในบ้าน หญิงสาวต้องชะงักเมื่อเจอชีวิน

“ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ”
“เอ้อ ลูกแก้วไปออกค่ายอาสา มาค่ะ”
ชีวินมองแกมก้วอย่างไม่เชื่อนัก
“ไปกับใครบ้าง”
แกมแก้วหลบตาวูบ “เพื่อนๆ พี่ๆ ที่คณะค่ะ ยัยรัต พี่นัย แล้วก็พี่พรรณด้วย...”
“ลูกแก้วรักเจ้าพรรณมันเหรอ” ชีวินโพล่งขึ้น
“พี่วิน”
แกมแก้วตกใจ กระอึกกระอัก มือเริ่มสั่นด้วยความกลัว ชีวินขมวดคิ้วมองน้องสาวอย่างพิจารณา
“ไง ชอบมันหรือเปล่า”
“แก้ว”
“ไอ้หมอนั่นมันดี แต่มีแต่ตัว จะรักจะใคร่อะไรมันละก็ระวังหน่อย อย่าให้เพื่อนฝูงมันพูดได้ว่า เราทุ่มให้ผู้ชาย”
แกมแก้วตอบอ้อมแอ้ม “แก้วก็ไม่ได้ทุ่มอะไรให้มากมายค่ะ”
“คุณพ่อรู้หรือเปล่า”
“ไม่ ไม่ทราบค่ะ” แกมแก้วหาทางเลี่ยง “ลูกแก้วเหนื่อย ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
แกมแก้วเดินเลี่ยงไป ชีวินมองตามอย่างไม่สบายใจ

สองเดือนต่อมา แกมแก้วนั่งเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างไม่ค่อยมีสมาธิ จนกระทั่งรัตนาพรถามขึ้น
“นี่ลูกแก้ว ได้ยินเรื่องที่คุณน้าเธอไปอาละวาดในงานแต่งคุณพ่อเธอหรือเปล่า”
“ฉันไม่อยากสนใจหรอก”
“วันนั้นตัวไม่ได้ร่วมงานเหรอ”
แกมแก้วอึกอัก “ปละ...เปล่า”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าศจีจะมาเป็น...เอ่อ...”
“เลิกพูดเถอะรัต”
“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ”
แต่แล้วแกมแก้วก็รู้สึกพะอืดพะอม
“เป็นอะไรไปน่ะลูกแก้ว”
แกมแก้วส่ายหน้า แล้วรีบวิ่งตื้อออกไป

รัตนาพรมองตามด้วยความสงสัย

อ่านต่อหน้า 4

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอน 27 (ต่อ)

ศจีมาประชุมสมาคมที่คุณหญิงอรุณวตีเคยเป็นสมาชิกและประธาน โดยนั่งอยู่หัวโต๊ะแทนที่อรุณวตี
สายสุนีย์เอ่ยขึ้นกับทุกคนว่า
 
“ให้คุณน้องเธอเป็นประธานเถอะ เธอคล่องทั้งภาษา ใครจะพูดใครจะถาม จะได้ไม่ประดักประเดิด”
“อะไรคะ” ศจีมองด้วยสีหน้าฉงน
สายสุนีย์ยิ้มบอก “เรากำลังซาวเสียงเลือกประธาน พี่เห็นว่าคุณน้องเหมาะกว่าเพื่อนก็เลยเสนอดู”
ศจีออกตัว “อุ๊ย อย่าเลยค่ะ เลือกที่มีอาวุโสกว่าดิฉันดีกว่า”
วัชรินทร์รีบบอก “คุณน้องนั่นแหละเหมาะ”
คราวนี้มีทั้งเสียงสนับสนุนเซ็งแซ่ และอาการพยักพเยิดเห็นด้วยจากคนอื่นๆ
“รีบๆ ทำงานหาผลงานไว้เถอะ ตำแหน่งคุณหญิงจะได้มาถึงเสียทีทำงานระดับนี้ชื่อเสียงได้เร็วนะน้อง พี่เตือนไว้เพราะรักหรอก” พิจิตราว่า
“ดิฉันอยากเป็นแค่คุณหญิงนอกทำเนียบดีกว่า ทุกวันนี้ ดิฉันก็เป็นคุณหญิงไม่มีตราอยู่แล้วนี่คะ”
สายสุนีย์หันไปบอกพิจิตรา
“รายชื่อคณะกรรมการสมาคม อย่าลืมใส่ชื่อคุณหญิงไปด้วยนะคะ”
ศจีย้ำแกมหัวเราะ “ดิฉันยังไม่มีตรา”
พิจิตรายิ้มพยักพเยิดกับสายสุนีย์ “ต๊าย...เขียนลงไปแล้ว จริง...นะคะคุณน้อง นี่ไง...คุณหญิงศุภศจี”
งามพร้อมบอกกับศจีว่า “เขาเรียกว่าลางดีไงคะคุณน้อง”
กัลยาซึ่งนั่งเงียบมาตลอด เหลือบมองศจีอย่างหมั่นไส้
“กว่าจะได้ตราตั้ง ก็ต้องทำงานจนตาตั้งเสียก่อนทั้งนั้น แล้วออกบัตรเยอะแยะนี่จะขายได้หมดเหรอ”
“ถ้าทุกคนมางานหมด เราช่วยซื้อบัตรกันคนละใบ ก็แทบจะไม่ต้องขายคนนอกแล้” ศจีว่า
สายสุนีย์ยิ้มชื่น “แหม เรามันไม่มีเวลา ได้แต่ออกหัวคิดให้เด็กๆ แกช่วย”
ศจีมองงบบัญชีอย่างสงสัย
“ทำไมเงินสมทบทุนการกุศลเหลือนิดเดียว”
พิจิตราจีบปากบอก
“โถ...คุณน้องก็...ตรวจทางรายจ่ายสิคะ ค่าเลี้ยงดูเอย ค่าเบี้ยเลี้ยงเอยค่าอะไรจิปาถะ บางอย่างเราก็ไม่ได้มาฟรีๆ นะคะ”
ศจีลอบถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

หลังประชุมเสร็จศจีออกมายืนรถรถมารับ พร้อมกับบรรดาคุณหญิงคุณนาย
วัชรินทร์ยิ้มแย้มจ๊ะจ๋ากับศจี “คุณน้องต้องออกงานบ่อยๆ นะคะ หาผลงานไว้มากๆ”
รถแล่นมาจอดเทียบ ศจีขึ้นรถไป คนอื่นๆ มองตาม แล้วหันมากระซิบนินทาทันที
“แหม...วางท่ายังกับนางพญา” กัลยาเป็นต้นเสียง
พิจิตราบอกว่า “แต่ก็ดูเขาจะรู้ตัวเขาดีนี่ ว่าเป็นคุณหญิงไม่มีตรา”
สายสุนีย์เสริม “อีกหน่อยก็อาจจะได้ละมั้ง ผัวเขาใหญ่โตขึ้นมาทุกวัน ผิดกับไอ้ทางเราวิ่งเต้นแทบตาย แทบจะกลายเป็นโขนนอกโรงอยู่แล้ว พ่อก็ยังไม่เอาไหนอยู่นั่นเอง”
คนอื่นๆ แอบยิ้มเยาะกันโดยที่สายสุนีย์ไม่เห็น

ศจีกลับเข้าห้องทำงานมาอย่างเหนื่อยล้าอ่อนแรง นั่งหลับตาลงบนเก้าอี้ที่อรุณวตีเคยนั่ง สักครู่วรรณยกแก้วพันช์มาให้ ศจีลืมตาขึ้นมองอย่างอิดโรย
“ขอบคุณค่ะป้าวรรณ”
“เหนื่อยเหรอคะ”
“เหนื่อยใจมากกว่าค่ะ มีแต่เรื่องวุ่นวายเหลือเกิน”
“คุณหญิงท่านก็เคยบ่นอย่างนี้ คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ข้างบน ใช่ว่าจะสุขสบายอย่างที่คนข้างล่างเห็น ยิ่งสูง ความสงบสุขส่วนตัวกลับยิ่งน้อยลงสวนทางกัน”
“คงจริงค่ะ”
วรรณลอบมองศจีนิดหนึ่งอย่างปรามาสนิดๆ ก่อนจะออกไป
ศจียกแก้วพันช์ขึ้นดื่ม สีหน้าเหนื่อยหน่าย

ศจีเข้ามาที่โต๊ะอาหาร มองหาลูกแก้วขณะกำลังจะนั่งลง
“คุณลูกแก้วยังไม่ไปเรียนเหรอ เห็นรถยังจอดอยู่”
“วันนี้ยังไม่เห็นเลยค่ะ” บรรจงบอก
นวลผ่องยกถาดสำรับอาหารออกมา ศจีเห็นจึงเรียกถาม
“ของใครจ๊ะ”
“คุณลูกแก้วให้ยกขึ้นไปค่ะ”
“อ้าว...ทำไมไม่ลงมารับประทานข้างล่าง”
“เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายค่ะ”
ศจีมองขึ้นไปทางห้องแกมแก้วอย่างเป็นห่วง

ศจีเคาะประตูหน้าห้อง จนมีเสียงวรรณถามออกมา “ใครน่ะ”
“ดิฉันเองค่ะ”
สักครู่หนึ่ง วรรณเปิดประตูออกมา สีหน้าผิดปรกติไปนิดหนึ่ง
ศจีมองอย่างสงสัย ยินเสียงโอ้กอ้ากดังลอดมาจากในห้อง
“คุณแก้ว เป็นอะไรคะป้าวรรณ”
วรรณอ้อมแอ้มพูดไม่เต็มปาก “ไข้หวัด เห็นว่าลงกระเพาะหรือลำไส้อะไรนี่แหละ”
“ตายจริง แล้วไปหาหมอหรือเปล่าคะ”
“ก็ต้องไปหามาแล้วถึงรู้เรื่อง”
ท่าทางของวรรณกังวลซ่อนเร้น จนศจีสังเกตเห็น
“เป็นอยู่นานหรือยังคะ”
วรรณออกอาการกระสับกระส่าย “ก็...เพิ่งเป็น”
“ให้หมออะไรรักษา ทำไมไม่เรียกหมอประจำที่เคยรักษาคุณหญิงท่านมาดูนี่เรียนให้ท่านทราบหรือยังคะ”
“ไม่เป็นอะไรมาก คงสองสามวันก็หาย”
“งั้นขอดิฉันเข้าไปดูหน่อย”
วรรณบ่ายเยี่ยง “เธอจะนอน”
“ขอดิฉันดูหน่อย” ศจีดึงดันจะดูอาการให้ได้
“ให้เธอพักเสียก่อนดีกว่า พอค่อยยังชั่วแล้วค่อยเข้าไปดู”
ศจีมองหน้าวรรณท่าทีดุดัน จริงจัง
“คุณลูกแก้วเธอเคยเป็นเพื่อนดิฉันมานะคะคุณป้า แล้วยังเป็นลูกท่านผู้มีบุญคุณ และเดี๋ยวนี้ เธอยังอยู่ในตำแหน่งลูกเลี้ยงดิฉันด้วย ดิฉันไม่ใจดำพอที่จะทิ้งให้เธอเจ็บอยู่คนเดียว”

ระหว่างที่วรรณยังลังเลอยู่นั้น ศจีก็เอื้อมมือไปเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องโดยเร็ว

แกมแก้ววางกระโถนลงด้วยใบหน้าซีดเซียว แต่แล้วก็หน้าเผือดลงกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าใครเข้ามาด้วย 

“เข้ามาทำไม”
ศจีเข้ามาดูใกล้ๆ โดยมีวรรณรีบตามมาด้วย
“เห็นว่าไม่สบาย เลยมาดูเสียหน่อย”
“ช่างฉัน ไม่ต้องมายุ่ง เธอไปคอยดูพ่อฉันเถอะ”
“ตัวร้อนหรือเปล่า”
ศจีวางมือลงบนหน้าผากแกมแก้วโดยเร็ว จนแกมแก้วปัดไม่ทัน
“ออกไปนะ ได้ยินไหม”
“สงสัยจะเป็นลม ตัวไม่ร้อน”
ศจีคิดปราด เหลียวซ้ายแลขวา แล้วคว้าขวดน้ำหอมบนโต๊ะเครื่องแป้งใกล้ๆ มาฉีดใส่หน้าแกมแก้ว โดยที่แกมแก้วไม่ทันตั้งตัว
“ดมของหอมๆ เสียจะได้หาย”
“ไม่”
แกมแก้วปิดหน้า แต่ไม่ทันที่น้ำหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
“ไม่เอา เหม็น”
ขาดคำ แกมแก้วก็ลุกพรวดไปชะโงกหน้าอาเจียนใส่กระโถน ศจียืนมองนิ่ง วรรณยืนพิงประตูขาอ่อน
“กี่เดือน”
แกมแก้วชะงัก วรรณเหลือบตาดูศจีอย่างสงสัยแกมโล่งใจ ที่มีคนมาแบ่งเบาความหนักอกไปบ้าง
ศจีถามย้ำเสียงดุดันขึ้น
“กี่เดือน”
แกมแก้วหลบตาด้วยความละอายและความทุกข์ที่ถั่งโถมเข้าใส่ ศจีถามด้วยน้ำเสียงโมโหกึ่งโกรธแค้น
“นายนั่น นายนั่นใช่ไหม”
แกมแก้วยังไม่ตอบ ศจีหลุดปากออกไป
“เลว”
แกมแก้วเงยหน้าขึ้นทันควัน
“ก็ไม่เลวไปกว่ากันหรอก”
วรรณถอนใจยาว ก่อนจะถามขึ้นลอยๆ
“แล้วจะทำอย่างไรกันดี”
ศจียกมือขึ้นลูบหน้า หลับตาลงชั่ววูบ

ปราจิตเข้ามาในบ้าน ถามนวลผ่องที่เข้ามารับกระเป๋าไป
“คุณศจีกลับมาหรือยัง”
“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“อยู่ที่ไหน”
“บนห้องคุณลูกแก้วเจ้าค่ะ”
ปราจิตแปลกใจ “ลูกแก้วก็กลับมาแล้วเหรอ”
“เจ้าค่ะ”
ปราจิตสีหน้าแปลกใจมากขึ้น ขณะขึ้นบันไดไป

ศจีมองหน้าแกมแก้ว ถามเสียงเฉียบขาด
“ให้หมอตรวจหรือเปล่า”
แกมแก้วนิ่ง หลบตาลงอีก ศจีถามอย่างฉุนเฉียว เหมือนพี่สาวกำลังไต่สวนความผิดของน้องเล็กกระนั้น
“ถามแล้วทำไมไม่ตอบ”
“ยัง”
“เพิ่งเริ่มมีอาการ เห็นจะไม่เกินสองเดือน” วรรณประเมินอย่างรอบรู้
“ต้องให้แน่ใจ เอายังงี้” ศจีดูนาฬิกาในห้อง “เดี๋ยวไปหาหมอด้วยกัน ใช้รถคันเล็กขับไปเองดีกว่า ป้าวรรณไปแต่งตัวเร็วๆ เข้า”
แกมแก้วปฏิเสธเสียงสั่น “ไม่”
ศจีเหลียวขวับมามองด้วยทีท่าเกรี้ยวกราด
“คุณอย่าแน่ใจนักเลยน่ะ ว่าไปนอนกับผู้ชายมาแล้วจะท้องเสมอไป แต่ถ้าท้องมันก็ต้องให้รู้แน่ ไม่งั้นจะทำอะไรได้”
แกมแก้วหน้าซีด วรรณอ่อนอกอ่อนใจ
“ดีเหมือนกัน ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป”

ศจีก้าวออกจากห้องไป ดวงตาพร่านิดๆ ด้วยความเจ็บใจ คิดว่าสุพรรณจงใจแน่ๆ เพื่อเอาชนะเธอ

อ่านต่อตอนที่ 28
กำลังโหลดความคิดเห็น