คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 22
เวลานั้น รัชนีฉายเดินดุ่มๆ มาถึงหน้าห้องอรุณวตี และกำลังจะเคาะประตู แต่มีมือใครบางคนมาคว้าแขนเอาไว้ รัชนีฉายหันไปมอง แปลกใจมาก
“คุณแม่”
อาลัยมองรัชนีฉายด้วยสายตาตำหนิ
“จะทำอะไรหือรัชนีฉาย”
“หนูจะเข้าไปคุยกับคุณพี่วตี”
“เรื่องอะไรอีก เมื่อกี้แม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น”
“ก็เรื่องที่คุณพี่วตีให้ท้ายนังเด็กเลขาน่ะสิคะ เขาให้มันขึ้นไปแต่งตัวที่ห้องขาวเท่ากับเชิดชูนังนั่นขึ้นมาดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหนู...หนูยอมไม่ได้”
“เอาละๆ รัชนีฉาย มานี่ก่อนดีกว่า มาคุยกับแม่”
อาลัยดึงลูกสาวออกไป รัชนีฉายทำท่าแง่งอนตะบึงตะบอนใส่มารดา
คล้อยหลังสองแม่ลูก วรรณเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างระอา
อาลัยดึงรัชนีฉายเข้ามาในห้องพักแขก รัชนีฉายท่าทางหงุดหงิด
“ทำไมแม่ต้องมาห้ามหนูด้วย”
“อย่าทำอะไรที่มันไม่งามวันนี้เลยรัชนีฉาย”
“คนที่ทำไม่งามคือคุณพี่วตีนะคะ เขายอมให้นังเด็กนั่นขึ้นไปแต่งตัวบนห้องของเขา ห้องที่เขาคอยกีดกันไม่ให้หนูเข้าไปใช้เข้าไปแตะต้องทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น”
“มันเป็นสิทธิ์ของเขานี่ลูก เขาจะให้ใครหรือไม่ให้ใครเขาไปก็ได้”
“เขาจงใจค่ะแม่ จงใจฉีกหน้าหนู คำสั่งของเขาที่อาศัยปากแม่สาวใช้มา เท่ากับเป็นการป่าวประกาศแล้วว่า ใครกันแน่ที่เขายินดียกย่อง”
“ถ้าลูกยิ่งเอะอะโวยวาย มันยิ่งจะทำให้ชัยชนะที่ลูกกำลังจะคว้ามาได้หลุดลอยไปอีก”
รัชนีฉายย้อน “แล้วถ้าหนูเงียบ มันมิยิ่งได้ใจเหรอคะ ทุกวันนี้มันก็เผยอชูคอ เตรียมเอาเท้าขึ้นมาเหยียบหัวหนูอยู่แล้ว”
“เคยได้ยินไหม เสน่ห์กายหายเมื้อ ฤาเนืองนิตย์ เสน่ห์จิตจ่อใจไม่วายหลง ไอ้รูปโฉมมันแค่ส่วนประกอบนะลูก จิตใจต่อกันมันสำคัญกว่า เด็ก มันก็มีแต่ความสาว แต่ลูก เป็นทั้งน้องสาว ทั้งคนที่มาก่อน ศักดิ์ศรีและเกียรติยศ มีมากกว่าเด็กหลายเท่า”
“ศักดิ์ศงศักดิ์ศรีอะไรกัน บางทีถ้าจะสู้แล้วมัวแต่ห่วงเกียรติยศหน้าตา เราก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้วละค่ะ”
“หนูก็ดูแต่คุณพี่เขาสิ เคยทำอะไรไม่งามในสายตาคนอื่นไหม”
รัชนีฉายอึ้งไปนิดหนึ่ง ได้แต่กัดฟันกรอด
“แต่ถ้าหนูยอม ก็เท่ากับพวกเขาได้ใจ”
“เรายอมวันนี้ เพื่อจะชนะในวันหน้าไงลูก แม่ไม่อยากเห็นลูกลดตัวเองลงไปสู้กับเด็ก เด็กที่ด้อยกว่าทุกอย่าง ใจเย็นๆ นะรัชนีฉาย คำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานยังใช้ได้เสมอ แต่ถ้าลูกไม่เชื่อแม่แม่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แม่เตือนได้เท่านี้แหละ”
พูดจบนางอาลัยก็เดินออกไป ทิ้งให้รัชนีฉายนั่งคับแค้นใจอยู่ในห้องเพียงลำพัง
วรรณเช็ด ขัด ถูตัว ให้คุณหญิงอรุณวตีที่นั่งแช่อยู่ในอ่างใบใหญ่ในห้องน้ำ
“พลิกตัวหน่อยค่ะ”
วรรณช่วยจับอรุณวตีพลิก มือที่เอาผ้าลูบแผ่นหลังชะงักไปนิดหนึ่ง เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง แผ่นหลังของอรุณวตีเต็มไปด้วยรอยเขียวคล้ำ เป็นจ้ำปรากฏอยู่หลายจุด
“เจ็บไหมคะ แถวๆ นี้”
วรรณลองกดตามรอยเหล่านั้นเบาๆ มือ
“ไม่เจ็บนี่จ๊ะพี่วรรณ มีอะไรเหรอ”
วรรณสีหน้ากังวลหนัก แต่พยายามซ่อนไว้
“เอ้อ...เปล่าค่ะ มัน....คล้ายถูกยุงกัด”
“ไม่น่าจะใช่นะจ๊ะ”
“พี่วรรณว่า คุณอย่าขึ้นมาดึกนักดีกว่า”
“คงไม่ดึกหรอกจ้ะพี่วรรณ มันเพลียๆ ชอบกล แต่ ใจมันสบายๆ ยังไงบอกไม่ถูก ถ้าตายตอนนี้ก็คงนอนตาหลับ”
“ทูนหัว เลิกพูดเรื่องตายเรื่องเป็นทีได้ไหม”
“แหม...พูดยังกับคนเราไม่รู้จักตาย”
“ใครจะเป็นจะตายยังไงพี่วรรณไม่สนใจ แต่...”
เสียงนั้นชะงักลงดื้อ เพราะวรรณรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอเสียก่อน
“เอาเถอะจ้ะ พี่วรรณ ฉันสัญญา ถ้าจะตาย ฉันจะตายกับพี่วรรณ ให้พี่วรรณได้เห็นใจก่อน เพราะฉะนั้นถ้าฉันอยู่ไกลตาพี่วรรณ เป็นอันว่าฉันไม่ยอมตายแน่ๆ พอใจหรือยังจ๊ะ”
วรรณมองอรุณวตี ฝืนยิ้มเพื่อปิดบังความเศร้าในใจ
ด้านยายปริกเดินนวยนาดนำหน้าบรรดาลูกเล้าที่ตามมาเป็นขบวน ผู้คนในซอยวัดใหญ่ต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน
บางคนมองอย่างรู้สึกขำขัน บางคนมองกึ่งแปลกใจเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“โอ้โฮเฮะ แต่งตัวกันซะเช้งกระเด๊ะขนาดนี้ จะไปไหนกันเหรอจ๊ะยายปริก” ชาย 1 แซว
“คุณนายบุญปลีกโว้ย วันนี้ฉันเป็นคุณนายบุญปลีกแล้ว” ยายปริกตะโกนบอก
“จ้าคุณนายบุญปลีก จะไปไหนกันละนี่” ชาย 1 ยิ้มขำ
“ไปงานเลี้ยงบ้านคุณหญิง ที่ศจีมันทำงานอยู่”
หญิง 1 ถามขึ้นมาว่า “คุณหญิงอะไร”
“คุณหญิงอรุณวตี รู้จักไหม”
“คุ้นๆ เหมือนกันเคยได้ยินนะ ใช่ที่อยู่คณะหอมหวานใช่ไหม” หญิง 2 ถามกลับ
ยายปริกอารมณ์เสีย โวยใส่ “ไม่ใช่ชื่อนางเอกลิเกโว้ย นี่คุณหญิงจริงๆ พวกไฮกะไซตี้ เอ็งนี่ไม่เคยอ่านหนังสือพิมพ์หน้าสังคมหรือไง”
หญิง 2 โวยกลับ “โอ๊ย...จะอ่านทำมั้ย ไม่เกี่ยวกับข้าซักหน่อย”
“หัดอ่านไว้ซะมั่งนะ เพราะอีกหน่อยเอ็งจะต้องรู้จักคุณนายศจีอีกคนนึง” ยายปริกหันไปบอกลูกเล้า ” ไปโว้ยพวกเรา เดี๋ยวจะไม่ทันงาน”
ยายปริกโบกมือเรียกลูกเล้าที่เริ่มเดินห่างๆ เพราะอายแทน พอยายปริกหันไปอีกที พบว่าลูกเล้าจับกลุ่มเดินตามมาห่างๆ จึงหันไปตวาด
“เร็วเข้าสิวะ”
วรรณประคองอรุณวตีในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำออกมานั่ง
“คุณจะให้พี่เรียกช่างมาเลยไหมคะ”
“ยังไม่ต้องจ้ะ ขอพักสักหน่อย”
วรรณมองใบหน้าของอรุณวตีที่ขาวซีดอย่างใจหาย รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด
“คุณคะ”
“จ๊ะ...”
อรุณวตีลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้าโรยแรง แต่มีแววละมุนละไมคล้ายตอนเป็นเด็ก
“หลับเสียเถอะค่ะ”
“พี่วรรณบอกเหมือนกับตอนฉันเป็นเด็กๆ”
“พี่วรรณก็อยากให้คุณกลับเป็นเด็ก บางที ทางชีวิตของคุณอาจจะไม่ใช่...อย่างนี้”
“พี่วรรณเคยบอกฉันว่า กรรม...เป็นเครื่องลิขิตไม่ใช่เหรอจ๊ะ ชาตินี้...ฉันจะใช้กรรมเสียให้หมด แต่...ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ได้พบพี่วรรณ ได้มีลูกแบบลูกแก้ว ตาวิน ถ้าพี่วรรณว่าเป็นกรรมเหมือนกัน ฉันก็พอใจกรรมข้อนี้จริงๆ”
พูดจบอรุณวตีก็หลับตาลง สุวรรณมองคุณหญิงของเธอน้ำตาซึม
เย็นแล้วขณะโสภากับรินช่วยกันประคองยายปริกมาตามทางซอยเข้าบ้านคุณหญิง ทุกคนเหงื่อไหลไคลย้อยตามๆ กัน ยายปริกเอาผ้าเช็ดหน้าพลางบ่นอุบ
“อูย...ไอ้ตุ๊กๆเฮงซวย ปล่อยพวกเราลงกลางทาง ยังงี้มันต้องฟ้องโปลิศให้จับมันโทษฐานทิ้งผู้โดยสาร อุตส่าห์แต่งตัวซะสวย ต้องมาเดินตากแดดกว่าจะถึงก็หน้าเหี่ยวหน้าดำพอดี”
“ก็แม่เล่นต่อราคาซะจนมันหน้าเขียวหน้าเหลือง 30 บาทต่อเหลือ 15 บาท ทั้งที่ต้องเข้าซอยลึกขนาดนี้ บุญแล้วที่มันยังมาส่งถึงกลางซอย” อู๊ดท้วง
“หุบปากนะนังอู๊ด ยังจะไปเข้าข้างมันอีก งั้นทำไมเอ็งไม่บริการฟรีให้มันมั่งล่ะ มันคงเอาหรอก”
“ถึงฉันจะแก่จะเหี่ยว แต่ก็มีศักดิ์ศรีนะแม่ ไม่ให้ใครกินฟรีหรอก”
“ชิ...ทำเป็นมาพูด ข้ารู้นะว่าเอ็งน่ะแถมให้ไอ้จ่าพุฒมันบ่อยๆ”
“จุ๊ๆๆ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย อย่าลืมนะตอนนี้แม่เป็นคุณนายบุญปลีกไม่ใช่อีปริกวัดใหญ่” ถวิลเตือน
“เออๆๆ ข้าลืมไป นังอู๊ดนี่แหละชอบทำให้ข้าลืมตัว”
ยายปริกรีบจัดผมเผ้าตัวเอง วางมาดคุณนาย เดินนวยนาดสวยงามนำไป
“แม่...แม่...เลยแล้วแม่” โสภาทักท้วง
“หา...เลยบ้านคุณหญิงมาแล้วเรอะ”
“ใช่ๆ” โสภาชี้ไปข้างหลัง “เลยมาแล้ว”
“งั้นถอย ถอยกลับ”
ยายปริกกับพวกลูกเล้ารีบเดินถอยหลัง จนเกือบโดนรถคันหนึ่งที่กำลังจะแล่นเข้าบ้านคุณหญิงชนเข้าให้ รถคันนั้นบีบแตรดังลั่น จนยายปริกโมโห
“จะบีบแกรหาสวรรค์วิมานอะไรวะ ขับรถระวังคนหน่อยสิโว้ย”
คนขับรถเปิดกระจกตะโกนออกมา
“เดินระวังๆ หน่อยสิป้า”
“ใครป้าเอ็งวะ”
คนขับรถส่ายหน้า แล้วรีบขับเข้าไป เห็นข้างในเป็นท่านอธิบดีสุรศักดิ์ คุณหญิงกัลยา และสิริกันยานั่งอยู่ ทั้งสามมองพวกยายปริกอย่างเหยียดหยาม
“นี่มันพวกไหนกันคะ” สิริกันยาเบ้หน้าอย่างรังเกียจ
“คงเป็นพวกชาวบ้านแถวนี้ กิริยาต่ำทราม อย่าไปสนใจเลยลูก”
รถบ้านสิริกันยาแล่นเข้าไป ประตูทำท่าจะปิดลง
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงล่ะแม่ เขาเปิดให้แต่รถหรูๆ เข้าไป” รินถาม
ยายปริกมองตาม สีหน้าครุ่นคิดตรึกตรอง เห็นรถที่ทยอยแล่นเข้าไปแล้วก็นึกอะไรได้
ปราจิตเดินมาที่ระเบียงหน้าห้องขาว ด้วยสีหน้าแปลกใจ ถามนวลผ่องที่ยอบตัวออกมาพอดี
“ใครใช้ห้องอยู่เหรอ”
“คุณหญิงท่านให้คุณศจีมาใช้ห้องแต่งตัวที่นี่เจ้าค่ะ”
ปราจิตตาเป็นประกายวาบขึ้นมา พยักหน้าอย่างพอใจ แต่ก็มองเข้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น จนเห็นศจี นั่งให้ช่างทำผมให้อยู่
“งั้นเหรอ แต่งตัวเสร็จหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ ช่างกำลังทำผมอยู่”
“คงอีกนานใช่ไหม”
“อีกสักชั่วโมงถึงจะเสร็จเจ้าค่ะ ท่านต้องการใช้ห้องหรือเปล่าเจ้าคะ ดิฉันจะไปเรียนคุณศจีให้”
“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าจะมาพักผ่อนหน่อย เดี๋ยวฉันไปใช้ห้องสมุดก็ได้”
ปราจิตเดินออกไปทางบันได นวลผ่องมองตามอย่างรู้แกว
อู๊ดอุทานอย่างงุนงงกับแผนการของปริก
“หา...เอางั้นเหรอแม่ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ”
“เอ็งกลัวก็ไม่ต้องเข้าไป รออยู่นี่ก็แล้วกัน”
“โอ๊ย...เรื่องอะไร มิรอเงกเลยเรอะ” รินบ่น
ถวิลมองไป “มาแล้วแม่ มาแล้ว”
มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา
“เร็วเข้า...พวกเอ็ง”
ขาดคำ ยายปริกก็พุ่งนำไปเกาะท้ายรถตามเข้าไปในบ้าน พวกลูกเล้าต่างวิ่งตามไปติดๆ เป็นพรวน
“รอด้วยแม่ รอฉันด้วย”
แม่เล้าและลูกเล้าทุกคนวิ่งตามเข้ามาจนได้ แต่ละคนหอบแฮ่กๆ
“เด็ดไปเลยแม่ วิ่งเร็วยังกะไอ้ทุยที่บ้าน” รินลิ้นห้อย
“เอ็งเปรียบเทียบให้มันดีๆ หน่อยได้ไหมวะนังริน”
“ก็บ้านฉันมันไม่มีอย่างอื่นวิ่งเร็วนี่ นอกจากควาย”
ยายปริกทำท่าจะถีบริน แต่อู๊ดดึงไว้
“แม่ๆๆ อย่า เดี๋ยวเขาจับได้หรอก”
ยายปริกนึกได้รีบทำตัวสงบเสงี่ยม แต่แล้วทุกคนก็ชะงัก เมื่อมองไปตรงหน้า ถวิลร้องลั่น
“โอ้โฮแม่ บ้านใหญ่โตยังกะวัง งานก็จัดอย่างสวย เหมือนสวรรค์เลยนะแม่”
“จุ๊ๆ อย่าทำเป็นตื่นเต้นนังหวิน เดี๋ยวเขาจับได้ โฮ้...อาหารทำไมมันละลานตาอย่างงี้วะ”
แต่ท่าทางยายปริกก็ตื่นเต้นเสียเอง
อ่านต่อหน้า 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 22 (ต่อ)
ระหว่างนี้สุพรรณกับดนัยมองดูเหตุการณ์มาจากมุมหนึ่ง สุพรรณแปลกใจมากๆ
“นั่นมันพวกยายปริกนี่หว่า ศจีเชิญมาด้วยเหรอ”
“ไม่น่าเป็นไปได้” สุพรรณว่า
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
นายสิทธิ์เดินเข้ามาหาพวกยายปริก
“ขอดูบัตรเชิญหน่อยครับ”
ยายปริกกับลูกเล้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอ่อ...ต้องมีบัตรเชิญด้วยเหรอ” อู๊ดถาม
“ใช่ครับ ต้องเป็นแขกที่ได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะร่วมงานได้”
ยายปริกหันซ้ายหันขวา แล้วรีบแก้ไขสถานการณ์
“ฉันเป็นยายของศจี ไม่ต้องมีบัตรเชิญ”
สิทธิ์มองยายปริกหัวจรดเท้า และมองจากเท้าจรดหัวอีกครั้ง
“ไม่ได้หรอกครับ อย่างนี้ใครก็อ้างได้ว่าเป็นญาติคนนั้นคนนี้แล้วเข้ามาในงาน”
อู๊ดเข้ามาเกาะแขนสิทธิ์ พูดจาออดอ้อน
“แหม พี่ขา คุณยายท่านไม่ทราบนี่คะว่าต้องเอาบัตรเชิญมาด้วย ท่านลืมไว้ที่บ้านน่ะค่ะ”
สิทธิ์ไม่สนใจ แกะมืออู๊ดออก
“ไม่ได้ครับ ถ้าไม่มีบัตรเชิญ ผมต้องไปเรียนคุณแม่บ้านก่อน ว่าจะอนุญาตให้เข้ามาได้ไหม”
“โว้ย...ทำไมต้องยุ่งยากอย่างงี้ด้วยวะ” ยายปริกโมโหเลยหลุดปากโวยลั่น
สิทธิ์มองหน้ายายปริกอย่างงุนงง ยายปริกรีบปรับท่าที
“เอ่อ ไม่ต้องยุ่งยากหรอกพ่อหนุ่ม พวกฉันเข้ามาแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลยเถอะ เดี๋ยวฉันคุยกับศจีมันเอง”
“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมต้องไปรายงานก่อน”
สิทธิ์หันหลังจะเข้าไปในบ้าน แต่แล้วก็ชะงัก เห็นสุพรรณกับดนัยที่ยืนอยู่ สุพรรณโชว์บัตรเชิญให้ดู
“ยายเขามากับผมครับ เป็นแขกของคุณลูกแก้วด้วย”
สิทธิ์มองสุพรรณอย่างเกรงใจ
“อ๋อเหรอครับ” สิทธิ์หันมาทางพวกยายปริก “งั้นเชิญเข้างานเลยครับ”
สิทธิ์โค้งให้ทุกคน ยายปริกเดินเชิดหน้าตามสุพรรณไป บรรดาลูกเล้าก็ตามไปด้วย
อู๊ดขยิบตาให้สิทธิ์อีกที สิทธิ์ก้มหน้าหลบไม่กล้าสบตาด้วย
ฝ่ายสิริกันยา กัลยา และสุรศักดิ์เดินเข้ามาในงาน มองพวกยายปริกอย่างแปลกใจ
“นั่นมันพวกที่เกือบมาชนรถเรานี่คะแม่”
“นั่นสิ มากับใคร เด็กผู้ชายสองคนนั่น”
“ท่าทางจะเป็นเพื่อนกับยัยลูกแก้วน่ะค่ะ แต่จะพาญาติผู้ใหญ่มาทำไมกัน” สิริกันยาฉงนฉงาย
“หรืออาจจะเป็นญาติกับคนใช้ในบ้านละมั้ง อย่าไปสนใจเลยลูก” สุรศักดิ์ตัดบท
“ลูกน่าจะสนใจอย่างอื่นมากกว่านะหนูยา” กัลยาว่า
“แต่ยาว่า...พวกนี้ดูแปลกๆนะคะ ยาอยากรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน”
สิริกันยามองตามอย่างสงสัย และคาใจมากๆ
ยายปริกตบบ่าสุพรรณเป็นเชิงขอบคุณอย่างพอใจ
“ขอบใจนะไอ้หนุ่ม เอ็งนี่ใจดีจริงๆ โชคดีที่เจอเอ็งที่นี่ ไม่งั้นข้าแย่แน่”
โสภาเข้ามาเกาะแขนสุพรรณ
“น้องชายใจดีจัง หน้าตาก็ดีด้วย อุตส่าห์ช่วยพวกเราไว้ คืนนี้พี่บริการฟรีให้นะจ๊ะ”
ยายปริกท้วง “ลดครึ่งราคาก็พอ”
“แหม...เขาอุตส่าห์ช่วย แม่ยังจะคิดตังค์อีก” โสภากระเง้ากระงอด
“ไปใช้สถานที่ข้า ข้าก็ต้องเก็บมั่งสิวะ ของฟรีไม่มีในโลกเว้ย”
สุพรรณรีบบอก “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบของฟรี”
ดนัยยิ้มกริ่มบอกกับโสภา “ผมไปใช้แทนไอ้พรรณมันก็ได้ครับ”
โสภาค้อนดนัยปะหลับปะเหลือก เป็นเชิงว่าไม่ชอบ
สุพรรณหันไปถามยายปริก
“ยายมาที่นี่ทำไมครับ”
“ข้าก็มาร่วมงานเลี้ยงน่ะสิ”
“ใครเชิญยายมาครับ”
ยายปริกตอแหล “นังศจีไง”
“ปกติศจีไม่เคยบอกใครที่นี่นี่ครับ ว่าบ้านเขาอยู่ไหน ทำอะไร” สุพรรณไม่เชื่อ
ยายปริกถึงกับหน้าเหวอ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน
“ไม่เคยบอก ไม่เคยบอก นี่ฉันมาก็ไม่ได้บอกใครว่าทำอะไร แค่บอกว่าเป็นยายของศจีเท่านั้น”
สุพรรณมองยายปริกอย่างไม่เชื่อนัก “งั้นเหรอครับ”
“เออนี่ไอ้หนุ่ม เอ็งชื่ออะไรนะ”
“พรรณครับ ชื่อเต็มคือสุพรรณ”
ดนัยเสนอหน้ากับยายปริก “ผมชื่อนัย ดนัยครับ”
“ชื่อไพเราะเพราะพริ้งเชียวพ่อหนุ่ม นี่ช่วยพายายไปนั่งหน่อยเถอะ พ่อพรรณ พ่อนัย ยายเมื่อยแล้วแล้วค่อยคุยกัน”
“ได้ครับ”
สุพรรณกับดนัยช่วยกันพยุงยายปริกไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง ลูกเล้าแอบนินทา
“แหม...แม่ละก็ ได้เจอหนุ่มๆ นี่อ้อนใหญ่เชียวนะ” รินว่า
“ใช่ ทีพวกเราละตะคอกเอาๆ” ถวิลค้อนควัก
บรรดาแขกคนอื่นๆ ในงาน มองตามพวกยายปริกอย่างฉงน สิริกันยาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าแปลกใจ
ฟากรัชนีฉายกำลังอาละวาด โยนของใส่บรรจง
“ฉันยังทำผมไม่เสร็จเลยนะ ช่างหายไปไหนหมด”
บรรจงหลบไปมา
“อย่าค่ะ คุณรัชนีฉาย...โอ๊ย...ไม่เกี่ยวกับบรรจงเลยนะคะ ก็ตอนคุณลงไปข้างล่าง ช่างเลยขอตัวไปแต่งคุณศจีก่อนค่ะ”
“แกปล่อยให้ช่างออกไปทำไม ฉันบอกให้เฝ้าไว้ไม่ใช่เหรอ”
“พวกเขาไม่ยอมค่ะ”
“แกไปตามช่างมาเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า ไปซิ”
รัชนีฉายขว้างของใส่บรรจงอีก บรรจงรีบออกไป
บรรจงลงมาอย่างรีบร้อน จนเกือบชนกับใครบางคน
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
เป็นสิริกันยาถึงกับหงุดหงิดใส่
“เดินยังไงเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันกำลังรีบ”
บรรจงจะออกไป สิริกันยาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน เห็นพี่วินไหม”
“ไม่เห็นค่ะ”
สิริกันยาโมโห “อะไรกัน เป็นคนใช้ภาษาอะไร ไม่รู้ว่าเจ้านายอยู่ไหน”
“เผอิญดิฉันคอยรับใช้คุณรัชนีฉายอยู่ข้างบนค่ะ”
“คุณน้าแต่งตัวอยู่เหรอ”
“ใช่ค่ะ ยังแต่งไม่เสร็จ ดิฉันกำลังไปตามช่าง”
สิริกันยามองขึ้นไปทางห้องรัชนีฉาย
“งั้นฉันจะขึ้นไปหาคุณน้าสักหน่อย”
อ่านต่อหน้า 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 22 (ต่อ)
พอได้ฟัง สิริกันยาอุทานออกมาอย่างตกใจ
“อะไรนะคะคุณน้า คุณน้ายอมได้ยังไง จะให้นังเด็กเมื่อวานซืนนั่นมาหมิ่นเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีได้ยังไงกันคะ”
“น้าไม่ได้ยอมหรอกนะ แต่หนูยาเข้าใจไหม ว่าทั้งสองคนร่วมมือกันส่งเสริมนังเด็กนั่นให้เผยอชูคอขึ้นมา เขาเอามันมาเป็นเลขา ช่วยโน่นช่วยนี่ทั้งที่น้าเคยทำอยู่ แล้ววันนี้มันยังเผยอชูคอขึ้นมาข้ามหัวน้าเสียอีก”
“ร้ายกาจเหลือเกินนะคะคุณน้า ทำไมคุณหญิงน้าถึงเห็นคนอื่นดีกว่าน้องสาวของตัวเอง”
รัชนีฉายกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ มือกำแน่น
“คุณพี่วตีจงใจเอานังนั่นมาล่อสามีตัวเอง จะได้คุมกันง่ายกว่าน้าไงล่ะ”
“ตายแล้ว ที่แท้อย่างนี้นี่เอง”
“แค่ปัญหาสองฝักสองฝ่ายมันก็อิหลักอิเหลื่ออยู่แล้ว นี่ยังจะมาก่อรักสามสี่เส้าอีก น้าไม่ยอมแน่ๆ”
“แล้วคุณน้าฉายจะทำยังไงต่อไปคะ ในเมื่อคุณหญิงน้าวตีประเคนนังนั่นถึงปากคุณน้าจิตเลย เท่ากับจงใจเขี่ยคุณน้าให้พ้นทาง”
“น้าจะหาทาง กำจัด มันออกไปให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”
รัชนีฉายแววตาลุกวาวอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณน้าคะ ยามีเรื่องนึงอาจจะช่วยได้ค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“เมื่อกี้ยาเข้ามาในงาน เห็นพวกญาติของนังเด็กนั่นค่ะ”
“อะไรนะ ญาติใคร”
สิริกันยากระซิบกับรัชนีฉาย รัชนีฉายเบิกตาอย่างแปลกใจ
หน่อยช่างเสื้อนำชุดของอรุณวตีเข้ามาในห้องคุณหญิง
“แต่งตัวให้คุณศจีเรียบร้อยแล้วเหรอจ๊ะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ช่างกำลังทำผมอยู่”
“เป็นยังไงบ้าง มีอะไรลำบากใจไหม”
“ไม่เลยค่ะ คุณศจีแต่งชุดนั้นแล้วขึ้นมาก สวยสง่าเชียวค่ะ”
อรุณวตีพยักหน้าอย่างพอใจ หันไปบอกวรรณที่ยืนอยู่
“พี่วรรณไปดูแลความเรียบร้อยในงานเถอะจ้ะ ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“คุณแน่ใจนะคะว่าไหว”
“ฮื้อ...พี่วรรณละก็ มองฉันเป็นเด็กๆ ไปได้” คุณหญิงฝืนยิ้มปั้นสีหน้าสดชื่น “ไหวสิจ๊ะฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
วรรณเดินออกไป แต่ไม่วายหันมามองอรุณวตีอย่างเป็นห่วง
ในสวนสวยบ้านคุณหญิงเวลานี้ ยายปริกกับพรรคพวกพากันตักอาหารอย่างสำราญ ตะกละตะกลาม
“โอ้โฮ...น่ากินไปหมดเลย แล้วนี่อะไรน่ะ เหมือนบะหมี่บ้านเรา” ถวิลตื่นเต้น
“ไอ้สตีฟมันเคยพาฉันไปกินร้านฝรั่ง เรียกว่าอะไรนะ...อะไรตี้ๆ นะ” รินพยายามนึก
โสภาบอก “ปาร์ตี้”
“ปาร์ตี้บ้านเอ็งน่ะสิ สปาตี้ตังหาก”
ถวิลด่า อวดภูมิ “สปาตี้ที่ไหนนังอู๊ด มั่วแล้ว สปากะตี้”
รินพยักหน้าตาม “เออๆ ใช่ สปากะตี้”
“จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ ตักมาเยอะๆ เลย ไอ้นั่นด้วย กระทงเล็กๆ กินเท่าไรมันจะอิ่มวะ หยิบมาให้หมด”
ยายปริกกับพรรคพวกช่วยกันตักช่วยกันหยิบอย่างเมามัน พลางส่งเสียงดังลั่น
บรรดาแขกในงานต่างมองกันอย่างงุนงงและรังเกียจ
สุพรรณกับดนัยมองแล้วสีหน้าเครียด
“ท่าทางจะแย่แล้ว”
“นึกยังไงแม่ศจีถึงเชิญมาที่นี่วะ” ดนัยส่ายหัว
สุพรรณเองก็ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ระหว่างนี้วรรณมองเหตุการณ์มาจากมุมหนึ่ง ด้วยสีหน้าตกใจ
ปราจิตนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในห้องหนังสือ แต่แล้วก็ต้องลืมตาขึ้น เมื่อใครบางคนเปิดผลัวะเข้ามา ท่านทูตนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ
เป็นรัชนีฉายที่พรวดเข้ามา มองหาสักพัก จนเจอปราจิตก็ปรี่เข้ามาหาทันที
“คุณพี่อยู่นี่เอง น้องตามหาตั้งนาน”
“มีอะไรเหรอ เธอยังแต่งตัวไม่เสร็จนี่”
“น้องจะให้คุณพี่ออกไปดู ว่าคนของคุณพี่วตีทำงามหน้าแค่ไหน”
ปราจิตรำคาญ “อะไรกันอีกล่ะ ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย เธออย่าเพิ่งมากวนใจได้ไหม”
“เด็กศจีของคุณพี่วตีพาญาติสลัมของมันเข้ามาในงานโดยไม่ได้รับเชิญค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกคนที่เข้ามาต้องมีบัตรเชิญทั้งนั้น”
“ก็ใช่น่ะสิคะ แต่แม่ศจีให้อภิสิทธิ์พาญาติของตัวเองมาด้วย คุณพี่รีบไปดูเถอะค่ะ ว่าพวกนั้นมารยาทต่ำทรามแค่ไหน”
ปราจิตเอือมระอา ส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่เชื่อคุณพี่ก็ออกไปดูให้เห็นกับตาสิคะ น้องจะพาไป เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเองค่ะ นะคะ”
รัชนีฉายดึงปราจิตออกไปจนได้ ปราจิตตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก
แขกทยอยกันเข้ามาในงาน ขณะยายปริกกับบรรดาลูกเล้านั่งกินอาหารกันอย่างมูมมามอยู่อย่างเก่า
“เมื่อไรไอ้คุณพูชายมันจะออกมาซะทีวะ”
“ไม่ต้องใจร้อนหรอกแม่ กินให้อิ่มๆ ก่อน จะได้มีแรงต่อรอง” อู๊ดบอก
ถวิลกังวล “ข้ากลัวนังจีมันจะออกมาไล่พวกเราก่อนนะสิ”
“มันออกมาเก๊าะดีเหมือนกัน เรียกว่ามีตัวป๊ะกัน” ยายปริกหมายถึงตัวประกัน “จะได้ต่อรองได้ราคาดี”
อู๊ดกับถวิลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
โสภาเห็นถวิลเผลอ เลยหยิบคานาเป้ในจานถวิลมาใส่ปาก
“เฮ้ย...อีนี่ อย่ามาแย่งกูสิวะ อยากกินก็ไปตักเอง” ถวิลโวย
“ไม่มีแล้ว พี่หวินเล่นตักมาจนหมดถาดแล้ว”
“ใช่ๆ ฉันก็ยังไม่ได้เลย”
ว่าพลางรินหยิบคานาเป้จากในจานถวิลมาบ้าง
“อีเวรนี่ ยังมาเอาของกูไปอีก กูยังไม่ได้กินเลยนะเว้ย”
รินของกินเต็มปาก แต่อ้าปากโชว์ “อยากได้ก็มาเอาคืนสิ”
“นึกว่าไม่กล้าเหรออีริน”
ถวิลง้างปากรินไว้ ทำท่าจะ
“ว้ายๆๆ อีพี่หวินบ้าไปแล้ว ปล่อยฉันนะ”
รินถีบถวิลออกไป
“พอๆ นังหวิน นังริน ขายหน้าเขานะโว้ย”
แต่ถวิลยังไม่ยอม ตบหน้ารินผลัวะ จนอาหารพุ่งออกมาจากปากริน ตกเผละลงไปแทบเท้าใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง
ทุกคนเห็นเป็นสุวรรณซึ่งยืนมองหน้าตาถมึงทึง แต่ยายปริกกลับดีใจ
“อ้าว...คุณนายมาแล้ว อูย...รอตั้งนาน แล้วคุณพูชายมาหรือยัง”
วรรณหันมาจ้องยายปริก
“มาที่นี่ทำไมอีก”
ยายปริกลุกขึ้นเผชิญหน้ากับวรรณ จ้องหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันมาเรื่องอะไรคุณนายน่าจะรู้ เรื่องที่ฉันเขียนจดหมายมาสองครั้งสองคราวนั่นแหละ”
วรรณจ้องหน้ายายปริกอย่างเอาเรื่อง คนอื่นๆ มองเหตุการณ์อย่างลุ้นระทึก แต่แล้ววรรณพูดออกมาว่า
“ตามฉันมา”
ยายปริกหวาดๆ “คุณนายจะทำไมอิฉัน”
“ฉันมีอะไรจะเจรจาด้วย เรื่องที่ขอมาในจดหมายนั่นแหละ”
ยายปริกหันไปสบตาทุกคนอย่างงุนงง วรรณมองกราดไปที่ลูกเล้าของยายปริกด้วยพลางสำทับ
“ตามมาให้หมดทุกคน”
วรรณเดินนำออกไปทางหลังตึกใหญ่ ยายปริกพยักพเยิดกับทุกคนให้ตามไป เพราะเริ่มไม่มั่นใจในความปลอดภัยเหมือนกัน
สุพรรณกับดนัยต่างสบตากันอย่างอยากรู้อยากเห็น
ที่หลังบ้านคุณหญิง ตรงมุมลับตาคนเวลานี้ วรรณหันมา มองกราดทุกคน
“อยากได้เท่าไร”
ยายปริกอึ้งไปนิดหนึ่งอย่างไม่นึกว่าจะได้รับคำถามตรงไปตรงมาเช่นนี้ แต่แล้วก็ยิ้มกริ่ม
“อิฉันไม่ได้มาเรียกร้องอะไร หลานอิฉันทั้งคน แค่อยากให้คุณนายกับคุณพูชายรับผิดชอบ...” ยายปริกโยกโย้เล่นลิ้น
“บอกมาเลยดีกว่า ฉันมีเวลาไม่มาก”
“แหม...คุณนายก็ เห็นอิฉันเป็นคนหน้าเลือดไปได้ อิฉันไม่ได้ขายหลานตัวเองหากินนะคะ”
“ฉันรู้ว่าไม่ได้ขาย แต่งานนี้ฉันไม่อนุญาตให้คนนอกมาร่วมงาน เพราะมันเป็นงานสำคัญ”
ยายปริกลอยหน้าลอยตา “ก็ฉันเป็นยายของศจีมัน จะมาร่วมงานสำคัญบ้างไม่ได้เชียวเรอะ”
วรรณถอนใจอย่างระอา พลางหยิบซองออกมาจากกระเป๋ายื่นให้
“เท่านี้พอไหม”
ลูกเล้าทั้งหลายต่างคอยื่นคอยาวอย่างอยากรู้ แต่ยายปริกทำเมิน เพื่อโก่งราคา
“อิฉันไม่ได้มาขายหลานสาวกิน”
“งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน ออกไปได้แล้ว”
ยายปริกหน้าเหวอ
“คะ..คะ..คุณนาย เดี๋ยวซิ จะตัดบทง่ายๆ อย่างงี้เลยเรอะ”
“ฉันจะไม่เสียเวลาอีกแล้ว ถ้าไม่รับเงินแล้วออกไป ฉันจะให้รถตำรวจมารับ”
ลูกเล้าต่างพากันสะกิดยายปริกยิกๆ ให้รีบรับเงิน
“เอ้าๆ ก็ได้ แต่ ฉันขอนับก่อนนะ ว่าในซองนี้เท่าไหร่”
ยายปริกรีบรับซองมามือไม้สั่น
ฝ่ายรัชนีฉายพาปราจิตออกมาในสวนบริเวณจัดงานเลี้ยง
“ทางนี้ค่ะคุณพี่ ทางนี้”
สิริกันยาเข้ามาหารัชนีฉาย พลางยกมือไหว้ปราจิต
“สวัสดีค่ะคุณอา”
ปราจิตรับไหว้ รัชนีฉายเขย่าแขนสิริกันยาอย่างร้อนใจ
“ไหนจ๊ะหนูยา”
“หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ เห็นคุณพ่อคุณแม่บอกว่าคุณแม่บ้านมาพาออกไปแล้ว”
ปราจิตหงุดหงิด “ไหนว่าจะพามาดูให้เห็นกับตา นี่ตกลงไม่มีใช่ไหม”
“คุณพี่คะ”
“เสียเวลาเปล่าๆ รัชนีฉาย เอาเวลาไปแต่งตัวทำผมต่อเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณพี่”
ปราจิตเดินกลับเข้าตึกไปอย่างหัวเสีย รัชนีฉายกระทืบเท้าเร่าๆ อย่างเจ็บใจ
ยายปริกเอาซองเงินใส่กระเป๋า พลางตบเบาๆ สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะเดินออกมาตามถนน ยังไม่พ้นหน้าบ้านคุณหญิงอรุณวตี
“ถ้าคุยง่ายๆ ตั้งก๊ะทีแรก ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาตั้งสองหนสามหน”
“สองหนเองแม่” อู๊ดว่า
“เออนั่นแหละ เอ็งไม่ต้องเถรตรงนักหรอกนังอู๊ด”
“เขาให้แม่มาเท่าไรน่ะ” โสภาถาม
“สาระแน”
โสภาไม่วายท้วง “แต่พวกเราควรจะได้ส่วนแบ่งบ้างไม่ใช่เหรอ”
“เดี๋ยวกลับไปข้าก็แบ่งให้เองน่ะแหละ ไม่ต้องพูดมาก”
เสียงแปร๋นแปร๋ ดังมาจากข้างหลัง “เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนชะงัก หันไปเห็นรัชนีฉายในชุดคลุมแต่งตัว กับสิริกันยาเดินตรงเข้ามา
“อุ๊ย...มีผู้ดีมาทักเราด้วยแม่” อู๊ดเบ้ปากใส่
“พวกหล่อนเป็นญาติกับแม่ศจีเหรอ” รัชนีฉายจิกหัว
“ใช่ แล้วคุณเป็นใคร” ยายปริกงงๆ
รัชนีฉายไม่ตอบแต่ถามต่อเสียงขุ่น “มาที่นี่ทำไม”
“เอ้า มาถึงก็ซักเอาๆ เป็นใครคะคุณนาย ยังไม่ตอบเลย”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามพวกแก” รัชนีฉายแหวใส่
“งั้นพวกฉันก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณนายเหมือนกัน” อู๊ดลอยหน้าบอก
พวกลูกเล้าหัวเราะกันสนุกสนาน
“คุณน้าคะ อย่าไปต่อความยาวกับคนพวกนี้เลยค่ะ เรากลับเข้าไปเถอะ”
“น้าอยากรู้เรื่องนังเด็กนั่น” รัชนีฉายเหลียวขวับมาหายายปริก “ป้าเป็นคนเขียนจดหมายมาเรื่องศจี
เข้าโรงแรมใช่ไหม”
ยายปริกกับลูกเล้ามองหน้ากันตื่นๆ
“ใช่อิฉันเอง คุณได้อ่านด้วยเหรอ ฉันส่งถึงคุณหญิงบ้านนี้นี่”
“ฉันต้องได้อ่านจดหมายทุกฉบับที่ส่งถึงคุณหญิง” รัชนีฉายบอก
“ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ล่ะ” ยายปริกมองรัชนีฉายหัวจรดเท้า “ท่าทางคุณคงไม่ใช่คุณหญิงบ้านนี้หรอกนะ ดูเหมือน คุณน้อยมากกว่า”
“อีแก่ปากเสีย”
ถูกยายปริกเปิดปากด่ายับเยิน ผู้ดีสาวได้แต่อ้าปากค้าง เพราะเถียงไม่ทัน
เมื่อรู้ตัวว่าเถียงสู้ไม่ได้ รัชนีฉายจึงเงื้อมือสุดแขนตบแม่เล้าชราไปฉาดใหญ่ จนยายปริกร่วงลงไปกองคาพื้นไม่เป็นท่า พวกลูกเล้าร้องวี้ด ส่วนสิริกันยาตาค้าง
ยายปริกไม่ยอม ลูกๆ ประคองลุกขึ้น
“อยากมีเรื่องเหรอคุณนาย ฉันไม่กลัวหรอกว่าผู้ลากมากดีมาจากไหนใครหาเรื่องฉันฉันไม่ยอม”
“ฉันก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน โดยเฉพาะอีพวกสลัมชั้นต่ำ”
“ว่าใครสลัมห๊ะ อีคุณน้อย”
แม่เล้าวัดใหญ่ มีหรือจะยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว พอตั้งตัวได้ ยายปริกไม่พูดพร่ำทำเพลง เหวี่ยงเท้าสุดแรงเกิด เสิร์ฟลูกถีบใส่รัชนีฉายโดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว สาวผู้ดีหงายเงิบ สิริกันยาหายตะลึงรีบเข้าไปพยุง ห้ามปรามรัชนีฉาย เช่นเดียวกันพวกลูกเล้ากลัวจะมีเรื่องบานปลาย จึงช่วยกันดึงยายปริกออกไป
“อย่า แม่ อย่ามีเรื่องเลย” ลูกๆ ประสานเสียง
“เก่งจริงเข้ามาอีกซี่ อีนังคุณน้อย จะได้รู้ฤทธิ์คุณนายบุญปลีกอย่างฉันมั่ง”
รัชนีฉายถลันจะตบยายปริกซ้ำ สิริกันยาดึงรัชนีฉายไว้ท่าทางหวาดกลัว
“คุณน้าคะ อย่าค่ะ”
“ปล่อยน้า บอกให้ปล่อย”
สิริกันยาทั้งฉุดทั้งดึงลากรัชนีฉายพากลับเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล กลัวมีใครมาเห็น
อ่านต่อหน้า 4
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 22 (ต่อ)
หลังจากทำผมให้อรุณวตีเสร็จแล้ว หน่อยจึงถอยออกมา ให้วรรณเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อย อรุณวตีส่องกระจกมองดูตัวเองอย่างพิจารณาแล้วว่า
“คนป่วย ต่อให้แต่งยังไงก็ยังดูป่วยอยู่วันยังค่ำ”
“คุณดูไม่เหมือนคนป่วยเลยค่ะ” วรรณพยายามปลอบ
“อย่ามาหลอกฉันเลยพี่วรรณ ฉันรู้ตัวเองดี แล้วนี่ ศจีเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนหน่อยออกมา ช่างเสื้อกำลังแต่งตัวให้คุณศจีอยู่เจ้าค่ะ ป่านนี้น่าจะเสร็จแล้ว”
“ฉันจะไปดูสักหน่อย”
อรุณวตีลุกขึ้น แต่เซไปนิดหนึ่ง วรรณรีบเข้าไปประคองไว้
“คุณ เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่วรรณ แค่ลุกเร็วไปหน่อย”
“ให้ศจีลงมาดีกว่านะคะ เดี๋ยวก็ต้องมาเตรียมรับแขกในงานอยู่แล้ว” วรรณว่า
“ดีเหมือนกัน” อรุณวตีเห็นด้วย
วรรณกดกริ่งเรียกสาวใช้ ก่อนจะพาอรุณวตีไปนั่ง
รัชนีฉายเดินเข้ามาในห้องด้วยความโมโห สิริกันยานั้นมีสีหน้าไม่สบายใจกึ่งหวาดกลัว
“กำพืดมันเป็นพวกชั้นต่ำจริงๆ ทั้งกิริยามารยาทต่ำทรามไม่มีดีเลย”
“คุณน้าไม่น่าลดตัวลงไปมีเรื่องกับพวกนั้นเลยนะคะ”
“ทำไม หนูยากลัวมันเหรอ” รัชนีฉายไม่พอใจ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ยาว่ามันไม่คุ้มกัน พวกมันมีมากกว่าเราด้วย ถ้าเกิด...”
“เราอยู่ที่บ้านนี้กลัวอะไร ถ้ามันทำร้ายเราจริง คนในบ้านออกเยอะแยะต้องจับมันส่งตำรวจแน่”
“แล้วคุณน้าจะทำยังไงต่อคะ ฟ้องคุณหญิงน้าเลยไหมคะ”
“ฟ้องไปก็ไม่มีประโยชน์ ขนาดพวกมันเขียนจดหมายมาคุณพี่ยังไม่สนใจ”
“แล้วจะปล่อยให้มันลอยนวลไปเฉยๆ เหรอคะ คุณน้าจิตก็ไม่ได้เห็นกับตา”
“มันต้องมีผลกับคุณจิตในวันข้างหน้าอยู่แล้ว ถ้าเขายังยุ่งเกี่ยวกับนังเด็กนั่น เขาต้องรู้ความจริงในข้อนี้”
สิริกันยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แววตาของรัชนีฉายลุกวาวขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
อรุณวตีนั่งรออยู่ในห้อง จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก อรุณวตีวางหนังสือแล้วลุกขึ้น มองอย่างแปลกใจกึ่งพอใจ เมื่อเห็นศจีในชุดราตรีเกล้าผมสวยงามเดินเข้ามา
“ดีจริง หนูสวยกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก”
“ช่างทุกคนเป็นมือโปรเจ้าค่ะ”
“นางแบบต้องดีด้วย ช่างไม่ได้เนรมิตทุกอย่างหรอกจ้ะ”
อรุณวตีมองศจีอย่างพอใจ เหมือนจิตรกรที่พอใจในผลงานปั้นของตัวเอง
“หนูพร้อมจะออกงานคืนนี้แล้วใช่ไหม”
“พร้อมเจ้าค่ะ”
อรุณวตียิ้มกริ่ม เหมือนเวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง แกมแก้วเปิดประตูเข้ามา
“คุณแม่ขา ออกไปกันหรือยังคะ”
พอแกมแก้วเห็นศจีก็ถึงกับตะลึงเช่นกัน เข้าไปจับเนื้อจับตัว
“โอ้โฮ ไม่เคยเห็นจีแต่งชุดราตรีเต็มยศอย่างนี้มาก่อน จีสวยมาก”
“ต้องขอบคุณคุณหญิง ท่านเลือกให้ทุกอย่าง”
แกมแก้วค้อนควัก “ทีลูกแก้ว คุณแม่เลือกให้แต่งเหมือนเด็กน้อยเลย”
“ก็ลูกแก้วยังเด็กอยู่นี่จ๊ะ”
“ลูกแก้วอายุเท่าจีนะคะคุณแม่”
“ถึงยังไงพ่อแม่ก็ยังมองลูกเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำแหละจ้ะ เราพาท่านออกไปกันดีกว่า แขกมารอแล้ว”
คุณหญิงตัดบทในตอนท้าย แกมแก้วพยักหน้า ช่วยศจีกึ่งจูงกึ่งประคองอรุณวตีออกไป
แกมแก้วกับศจีช่วยกันประคองอรุณวตีออกมา ทั้งสามหยุดเมื่อเห็นปราจิตเดินเข้ามา และท่านทูตมองศจีอย่างตกตะลึง แต่ก็เก็บอาการไว้ หันไปพูดกับอรุณวตี
“ผมกำลังจะมารับคุณออกไปพอดี วันนี้คุณสวยมาก”
“ใช่ค่ะคุณพ่อ คุณแม่สวยที่สุดเลย”
“ฉันคงสวยสู้สาวๆ ไม่ได้หรอกค่ะ”
อรุณวตีเหลือบตาไปทางศจี ปราจิตมองตาม แล้วทำทีมองเลยไปทางแกมแก้ว
“ลูกพ่อก็สวยน่ารักมาก”
“คุณพ่อก็หล่อเหมือนกันล่ะค่ะ วันนี้ลูกแก้วขอควงคุณพ่อออกไปนะคะ”
“ได้สิคะ”
แกมแก้วควงแขนปราจิตออกไป ศจีจูงมืออรุณวตีออกไป
งานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงอรุณวตีในสวนสวย ดำเนินไปอย่างสวยงามเรียบร้อย แขกเหรื่อทยอยเข้ามาในงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งไทยและ แขกคนต่างชาติ
สุพรรณชะเง้อมองหาใครบางคน ดนัยบ่น
“เมื่อไรน้องลูกแก้วของเอ็งจะออกมาซะทีวะ”
“สาวสังคมออกงาน ก็คงต้องใช้เวลาแต่งตัวนานหน่อย”
“ต่อไปเอ็งก็ต้องรออย่างนี้ทุกครั้งเหมือนกัน ทำใจไว้เลยเพื่อน”
“ข้าเตรียมใจไว้แล้ว”
มีเสียงฮือฮาดังขึ้นด้านหนึ่ง
ดนัยมองตามไป “สงสัยจะมาแล้ว”
ทั้งสองหนุ่มหันไปมอง เห็นปราจิตเดินออกมากับแกมแก้ว ท่านทูตทักทายทุกคน ยกมือไหว้แขกผู้ใหญ่กว่า รับไหว้เด็กกว่า และจับมือกับแขกต่างชาติ
ดนัยกระซิบกับสุพรรณ
“ว่าที่พ่อตาเอ็งยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเลยว่ะ มิน่า ถึงมีข่าวกับคุณน้าของลูกแก้ว”
หลังจากปราจิต ก็มีเสียงฮือฮาดังกว่าเดิม เมื่ออรุณวตีออกมาพร้อมกับศจี
ทุกคนมองศจีอย่างตะลึงงัน
ดนัยเองยังเพ้อ “สวยจริงๆ สวยมาก อย่างกับนางละเวง”
“ใคร”
“ก็แม่ศจียอดยาหยีของเอ็งไงล่ะวะ”
สุพรรณเห็นด้วย นัยน์ตามีแววเจ็บปวดฉายชัด
“เขาไม่ใช่ของข้าหรอก”
สิริกันยาเองมองมาอย่างหมั่นไส้มาก กระซิบกับรัชนีฉาย
“ดู๊...ดูนังเลขานั่นสิคะคุณน้ารัชนี ออกมาแข่งรัศมีกับคุณหญิงน้าด้วย”
รัชนีฉายกัดฟันแน่นมองด้วยความริษยา เสียงคุณหญิงคุณนายด้านหลังกระซิบกัน
วัชรินทร์วี้ดว้าย “อุ๊ยตาย ผู้หญิงชุดบรอนซ์นั่นใครน่ะ สวยยังกับดารา”
สายสุนีย์บอก “ก็แม่เลขาของคุณหญิงอรุณวตีไงละคะ จำไม่ได้เหรอคะคุณวัชรินทร์”
งามพร้อมมองหมั่นไส้ “แหม แปลงโฉมเสียงามเชียว ถอดแบบคุณหญิงมาเลยนะคะ”
ระหว่างนี้ชีวินซึ่งเพิ่งกลับจากข้างนอกเดินเข้างานมา และหยุดยืนมองศจีอยู่อย่างเจ็บปวดและสับสน
สิริกันยาเห็นรีบปรี่เข้ามาหา
“พี่วินมาแล้ว หายไปไหนมาคะ ยาตามหาแทบแย่”
“พี่ไปประชุมที่กระทรวงน่ะ”
“งั้นพี่วินไปนั่งกับยานะคะ ไปค่ะ”
สิริกันยาดึงชีวินไป
ผ่านไปสักระยะ แกมแก้วนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนๆ
“คุณพ่อกับคุณหญิงแม่ของเธอดูดีจังเลย นานๆ ได้เห็นท่านออกงานคู่กันเสียที” รัตนาพรมองอย่างชื่นชม
“วันนี้คุณแม่มีความสุขมากจ้ะ”
รัตนาพรกระซิบ “แต่คุณน้าของเธอก็ออกนอกหน้าไปหน่อยนะ งานคุณหญิงแม่เธอแท้ๆ เลย”
แกมแก้วมองไป สีหน้าไม่พอใจนัก
สุพรรณสังเกตสีหน้าแกมแก้ว จึงมองตาม เห็นรัชนีฉายเข้าไปเคียงคู่กับปราจิตอย่างไม่เกรงใจสายตาใคร ในขณะที่อรุณวตีแยกตัวมานั่งอยู่กับกลุ่มคุณหญิงคุณนาย
อรุณวตีนั่งอยู่ที่โต๊ะกับกลุ่มสายสุนีย์
“ยัยคุณหญิงอัจฉรานี่แกร้าย ตะก่อนเจอเราละก็วี้ดว้ายกระตู้วู้ ใช้เราเป็นกะไดหาเสียง พอเดี๋ยวนี้กินตำแหน่งคุณหญิง ไอ้เราพาซื่อทักแกยังไม่พูดด้วย”
ปราจิตกับรัชนีฉายยืนอยู่อีกมุมหนึ่งไม่ไกลกันนัก มีอัจฉราที่ถูกนินทายืนอยู่ข้างๆ รัชนีฉาย และกำลังพยักพเยิดไปทางสายสุนีย์ คุยกับรัชนีฉายและกัลยา
“ยัยนี่ละตัวยุ่ง เจ๋อดีนัก คนละชั้นแท้ๆ”
“คนอย่างนี้พยายามเลี่ยงดีกว่าค่ะคุณหญิง” รัชนีฉายบอก
กัลยาบ่น “ดู๊ คุณน้อง หนังสือพิมพ์เชียร์แต่ยัยคุณหญิงนพรัตน์ ทีเรางี้...ทำงานมากกว่าหนักกว่า ไม่เคยพูดถึงเลย”
“เขาเอี่ยวกันละมั้ง”
“ทีหลังมาขอความร่วมมืออะไรเราจะทำเฉยเสียมั่ง มีอย่างเรอะทำดีไม่ได้ดี”
ปราจิตฟังอย่างเบื่อหน่าย สอดตามองหาศจี จนพบว่าศจีกำลังคุยกับแขกฝรั่ง อรุณวตีก็มองศจีอยู่เช่นกัน
“เด็กคนนี้ยิ่งโต ยิ่งถอดคุณหญิงไว้นะคะ” งามพร้อมมองศจีไม่วางตา
“ก็ฉันตั้งใจจะให้เขาเป็น ตัวแทน นี่คะ”
พิจิตราบอกว่า “แหม คุณจิตนี่ดูยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวไม่สร่าง”
“ค่ะ ผู้ชายมักจะแก่ช้าเสมอ”
สายสุนีย์มองพิจารณา “หมู่นี้คุณหญิงดูซีดๆ ไป ต้องบำรุงหน่อยนะคะ ไม่งั้นจะเหมือนคุณเลื่อน”
“คุณเลื่อนเป็นอะไรเหรอคะ มิน่าวันนี้ไม่เห็นเลย”
“คุณหญิงไม่ทราบเหรอคะว่ารายนั้นเป็นคุณหญิงขึ้นคานไปแล้ว คุณหญิงออกหน้าน่ะใคร้...ใคร...ทราบไหมคะ” สายสุนีย์เล่าอย่างออกรส
“ดิฉันไม่ได้พบคุณเลื่อนลักษณ์นานแล้ว”
“โถ...ถ้าเป็นคนดีมีสกุลใครเขาจะว่า นี่...แหม...ไม่อยากจะเล่า...”
“งั้นเดี๊ยนเล่าเอง”
กัลยายื่นหน้ามากระซิบ คนอื่นเลยยื่นหน้าเข้าไปฟังกันทั้งกลุ่ม
“เขาว่าเป็นอดีตพาร์ตเนอร์ ดู๊เถอะ...ตะไหนตะไรอยู่ด้วยกันได้ พอมั่งมีศรีสุขยกเมียน้อยขึ้นแท่น ดีไหมเล่า”
กัลยาตวัดสายตาไปยังรัชนีฉาย
วัชรินทร์ถามขึ้นว่า “คุณรัชนีฉาย เธอไม่คิดจะแต่งงานหรือไงคะ”
“ต้องลองไปถามดูเองละค่ะ” อรุณวตียิ้มบอก
ตลอดเวลารัชนีฉายหัวเราะระรื่นอย่างสนุกสนาน พลางเกาะแขนปราจิตไว้แน่น แต่สายตาท่านทูตมองไปทางศจี ซึ่งกำลังเดินไปตักอาหาร และสุดท้ายหาทางปลดมือรัชนีฉายออก
“คุณพี่จะไปไหนคะ”
“จะไปคุยกับมิสเตอร์บริตตันหน่อย”
ปราจิตเดินออกไปเลย รัชนีฉายมองตามอย่างระแวง
ปราจิตเดินเข้ามาหาศจีซึ่งกำลังตักอาหารอยู่
“ท่านต้องการอะไรเจ้าคะ เดี๋ยวดิฉันตักไปให้”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เบื่อๆ คุยกับคน เลยอยากปลีกตัวออกมา”
“ระวังนะเจ้าคะ ออกมาแล้วจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนในวง” ศจีเตือน
“จริงสินะ ฉันพลาดไปแล้ว ไม่น่าเลย”
ปราจิตแอบหัวเราะกับศจีอย่างรู้กัน
สุพรรณที่กำลังจะมาตักอาหารอยู่ มองมาอย่างนึกไม่ถึง ดนัยก็เห็น เข้ามากระซิบ
“เฮ้ย...นั่นท่านทูตกับศจีนี่หว่า ดูสนิทกันยังกับเป็นเพื่อน”
สุพรรณกัดกรามแน่น เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วว่า อะไรเป็นอะไร
เวลาผ่านไป ขณะศจีออกมาจากห้องน้ำ ต้องชะงักกึก เมื่อเจอสิริกันยาจ้องมองมา ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน ศจีทำท่าจะเลียงไป สิริกันยาพูดขึ้นลอยๆ
“อีพวกชั้นต่ำ ถึงขนาดเอาญาติพี่น้องสลัมของตัวเองมารีดไถคนอื่น”
ศจีชะงัก แน่ใจว่าสิริกันยาพูดถึงตนแน่
“คุณพูดถึงใครคะ”
“พูดลอยๆ มีอะไรไหม”
“งั้นก็แล้วไปค่ะ ไม่เกี่ยวกับดิฉัน”
ศจีทำท่าจะเดินออกไปอีก สิริกันยาพูดไล่หลังต่อ
“อ๋อ จับพี่วินไม่ได้ เลยคิดจะคว้าคุณพ่อพี่วิน นึกว่าแค่ความสาวจะช่วยให้เผยอขึ้นมาจากสลัมที่เคยอยู่ล่ะสิ”
“ฉันน่ะเหรอจับคุณวินไม่ได้ ใครกันแน่ที่วิ่งไล่ตามผู้ชาย ร้องแร่แห่กระเฌอ ถึงขนาดเอาผู้ใหญ่มาช่วยยัดเยียดให้ ทั้งที่เขาไม่เคยเหลียวแล”
สิริกันยาบันดาลโทสะ ตบหน้าศจีเปรี้ยง โดยไม่ทันคิด ถูกศจีตบกลับ และมองจ้องอย่างเอาเรื่อง
อ่านต่อตอนที่ 23