xs
xsm
sm
md
lg

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 20

ถัดมาไม่นาน โสภากับรินต้องช่วยกันพยุงยายปริกเข้ามาในห้อง ยอดแม่เล้าซอยวัดใหญ่ฯ มีสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร้องโอดโอยไม่หยุดปาก

“โอย นานๆ ออกแรงที ไขข้งไขข้อระบมไปหมด มาช่วยนวดให้ข้าหน่อยซิ นังริน นังโสภา”
โสภากับรินช่วยกันบีบนวดผ่อนคลายให้ยายปริก
อู๊ดครางซี้ดแสบที่มุมปาก “ซี๊ด...นังพวกนั้นมันมือหนักเป็นบ้าเลยแม่ ดีนะที่เราพวกมากกว่า ถึงไล่มัน
ไปได้”
“คนอย่างนังปริกไม่ยอมให้ไอ้อีหน้าไหนมาเหยียบตะหมูกถึงถิ่นหรอกโว้ย”
“มันยังหยามเรื่องนังจีด้วยนะแม่” โสภาว่า
ยายปริกถึงกับตบเข่าฉาดใหญ่
“นั่นแหละที่ข้ายอมไม่ได้ พูดแล้วเจ็บใจ ข้าขายของมาห้าสิบกว่าปีไม่เคยให้ใครฟีๆ นังหลานข้ามันกลับไปให้เศรษฐีหลอกกินฟี ข้าไม่ยอมหรอกโว้ย”
“แต่นังจีมันยอมไปแล้วนี่แม่” รินบอก
“มันยอมก็เรื่องของมัน แต่ข้าไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาด ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาลบศักดิ์ศรีของนังปริกวัดใหญ่ไปได้”
“แล้วแม่จะทำยังไง เขียนจดหมายไปแล้วมันก็ยังรู้อีก” ถวิลซัก
“ก็เขียนไปใหม่สิวะ แล้วส่งให้ไอ้พูชายโดยกรง ไม่ต้องส่งถึงนังคุณนายนั่นแล้ว”
โสภาทักท้วงในที “เอางั้นเหรอแม่”
“เอ็งเขียนไปนังโสภา แล้วรีบส่งไป ก่อนที่ของมันจะบูดจะเน่า”
“จีมันเป็นคนนะแม่ ไม่ใช่เนื้อสด” อู๊ดบอก
“มันก็เนื้อสดเหมือนกันละวะ ต่างกันแค่เนื้อคนกับเนื้อสัตว์ ของมันยังสดใหม่ ต้องรีบตีราคา ไม่อย่างนั้นมันจะเสียของ”
ยายปริกตบโต๊ะอย่างเด็ดขาด บรรดาลูกเล้าต่างพยักหน้าเห็นด้วย

ศจีนั่งพิมพ์งานอยู่ในห้องทำงาน จนกระทั่งอรุณวตีเดินเข้ามา ศจีจึงหยุดพิมพ์
“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยนะจ๊ะ”
“เจ้าค่ะ”
อรุณวตีนั่งลงตรงโซฟารับแขก ศจีเข้าไปนั่งตรงข้ามพร้อมกับสมุดจด
“คุณจิตมาเปรยกับฉันเมื่อวันก่อน ว่าปีนี้อยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่นี่ หนูช่วยจัดทำการ์ดเชิญ แล้วก็เตรียมงานด้วยนะจ๊ะ”
“คุณหญิงจะเชิญใครบ้างเจ้าคะ”
“รายชื่อแขกของฉันก็เหมือนเดิม ส่วนแขกของคุณจิตหนูไปหยิบจากโต๊ะทำงานของคุณจิตในห้องสมุดได้ ฉันอนุญาต”
“แต่คนอื่น คุณรัชนีฉาย...อาจจะ...” ศจีมีท่าทีกริ่งเกรง
“ไม่ต้องห่วงคนอื่นหรอกจ้ะ ฉันอนุญาตแล้วก็ถือว่าหนูทำได้”
“เจ้าค่ะ”
“แล้วอีกอย่าง ฉันมันคนชอบของสวยของงาม วันเกิดฉันทั้งที แต่งสวยๆ หน่อยนะหนูเอางี้ ให้ช่างของฉันจัดการให้เสียเลย”
“ดิฉันมีชุดออกงานอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ตัดชุดใหม่ดีกว่าหนู งานนี้เป็นหน้าเป็นตาของฉัน หนูเป็นผู้ช่วยฉัน ก็ต้องแต่งตัวให้สมหน้าสมตา แบบเสื้อของหนู ฉันจะเลือกให้เอง”
ศจีก้มหน้าน้อมรับ อรุณวตีมองเลขาคราวลูกด้วยสีหน้าครุ่นคิดตรึกตรอง

มีแววยิ้มกริ่มประสมในนั้น

ถัดจากนั้นศจีเปิดประตูเข้ามาในห้องสมุด ตรงไปที่โต๊ะทำงานของปราจิต ค่อยๆ หยิบสมุดที่วางเรียงกันขึ้นมาเปิดดู จนมีเสียงดังขึ้น
“หาอะไรอยู่เหรอคะ”
ศจีชะงัก หันไปเห็นปราจิตเดินเข้ามา
“หารายชื่อแขกที่จะเชิญมาในงานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงเจ้าค่ะ”
ปราจิตไม่พูดอะไร เดินกรายเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชัก หยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา
“รายชื่ออยู่ในนี้ค่ะ”
ปราจิตส่งสมุดเล่มนั้นให้ศจีอย่างอ้อยอิ่ง
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
ศจีรับสมุดมา แล้วทำท่าจะออกไป แต่ปราจิตพูดขึ้นเสียก่อน
“วันนี้ฉันรีบกลับมา เพราะเป็นห่วง”
ปราจิตทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนให้คิด ศจีถามกลับอย่างรู้ทัน
“เป็นห่วงเรื่องอะไรเจ้าคะ”
“เป็นห่วงคุณหญิง แล้วก็ เป็นห่วงเธอว่า รัชนีฉายจะมาระรานอีกหรือเปล่า”
“วันนี้คุณรัชนีฉายเธอ ออกไปข้างนอกตั้งแต่ตอนสายเจ้าค่ะ”
“งั้นก็โล่งไปเปลาะนึง เธอคงไม่รู้สึกแย่กับที่นี่ใช่ไหม”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ดิฉันไม่สนใจเรื่องอื่น นอกจากคุณหญิงซึ่งดีกับดิฉันมาก”
ปราจิตจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของศจี
“แล้วฉันล่ะ เธอคิดว่าฉันดีกับเธอหรือเปล่า”
ศจีหลบตานิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ดูท้าทายนัก
“ท่าน ก็ดีกับดิฉันเสมอเจ้าค่ะ”
“แล้วเธอ รู้สึก ดีกับฉันบ้างหรือเปล่า
คราวนี้ศจีช้อนตาขึ้นมองสบสายตาปราจิต ท่านทูตนักรักจ้องมองอย่างรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเหมือนเด็กหนุ่ม
“หากใครดีกับดิฉัน ดิฉันก็ย่อมรู้สึกดีตอบเจ้าค่ะ ในเมื่อท่านดีกับดิฉันมาก ดิฉันก็ไม่เคยรู้สึกเป็นอย่างอื่น”
“เธอตอบเลี่ยงคำถามได้ดีเสมอเลยนะ”
“ดิฉันตอบไม่ตรงคำถามยังไงเจ้าคะ” สาวคราวลูกย้อนเอา
ปราจิตหัวเราะ อารมณ์ดี “ถ้าจะยอกย้อนกันอย่างนี้ ฉันคุยกับเธอได้ทั้งวันเชียวนะ ลองไหมล่ะ”
ศจีก้าวถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง
“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะยอกย้อนท่านเจ้าค่ะ เพียงแต่ถามในสิ่งที่สงสัยเท่านั้น”
ปราจิตมองมาอย่างเอ็นดู
“เอาละค่ะ ฉันคงไม่รั้งตัวเธอไว้แล้ว เธอยังมีงานที่ต้องทำให้คุณหญิงอีกมาก แต่ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมในห้องนี้ ที่นี่เปิดต้อนรับเธอเสมอ”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
ศจีเดินไปเปิดประตูออกไป ปราจิตมองตามยิ้มพราย

สองสาวนัดเจอกันในร้านอาหารหรู เวลานี้สิริกันยาถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ
“อะไรนะคะคุณน้า คุณน้ายอมได้ยังไง จะให้นังเด็กเมื่อวานซืนนั่นมาหมิ่นเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีได้ยังไงกันคะ”
“น้าไม่ได้ยอมหรอกนะ แต่หนูยาเข้าใจไหม ว่าทั้งสองคนร่วมมือกันส่งเสริมนังเด็กนั่นให้เผยอชูคอขึ้นมา เขาเอามันมาเป็นเลขา ช่วยโน่นช่วยนี่ ทั้งที่น้าเคยทำอยู่”
สิริกันยาแค้นแทน “ร้ายกาจเหลือเกินนะคะคุณน้า ทำไมคุณหญิงน้าถึงเห็นคนอื่นดีกว่าน้องสาว
ของตัวเอง”
รัชนีฉายกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ มือกำแน่น
“คุณพี่วตีจงใจเอานังนั่นมาล่อผัวตัวเอง จะได้คุมกันง่ายกว่าน้าไงล่ะ”
สิริกันยายิ่งตกใจ “ตายแล้ว ที่แท้อย่างนี้นี่เอง”
“แค่ปัญหาสองฝักสองฝ่ายมันก็อิหลักอิเหลื่ออยู่แล้ว นี่ยังจะมาก่อรักสามสี่เส้าอีก น้าไม่ยอมแน่ๆ”
“แล้วคุณน้าฉายจะทำยังไงต่อไปคะ ในเมื่อคุณหญิงน้าวตีประเคนนังนั่นถึงปากคุณน้าจิตเลย เท่ากับจงใจเขี่ยคุณน้าให้พ้นทาง”
“น้าจะหาทาง กำจัดมันออกไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”

รัชนีฉายแววตาลุกวาว อย่างไม่มีวันยอมแพ้

อ่านต่อหน้า 2

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 20 (ต่อ)

ตกกลางคืน อรุณวตีนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า อ่อนแรง ในสังขารอันโรยรา วรรณโผล่เข้ามาพร้อมถ้วยยาหอมใส่ถาดเงินเข้ามา
“จิบยาลมเสียหน่อย ตะกี้เห็นหน้าซีดเหลือเกิน”
อรุณวตีรับถ้วยยาไปจิบโดยไม่คัดค้าน กิริยาอ่อนระโหย
“เรียกหมอไหมคะ” พี่เลี้ยงสูงวัย มองคุณหญิงของเธอด้วยแววตาห่วงใยจับจิต
อรุณวตีปฏิเสธเสียงแหบแห้ง “อย่าเลยพี่วรรณ หมอมาก็อย่างเคยแหละ ฉีดยา ให้นอน... ว่าจะเลิกนอนเสียทีละ เพราะเวลานอนมันใกล้เข้ามาทุกทีงานที่จะต้องทำยังมีอีกแยะนัก พี่วรรณพรุ่งนี้เรียกคุณปราโมทย์ให้ทีนะ รอให้คุณจิตเขาไปทำงานเสียก่อน”
วรรณทำหน้าสงสัย
“ทนายปราโมทย์น่ะหรือคะ”
“พอรู้ตัวว่าเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ก็อยากจะทำอะไรไว้ให้เรียบร้อย ไอ้ที่ทำไว้แล้วมันอาจจะเก่าไป”
วรรณทำท่าจะอ้าปากค้าน แต่อรุณวตีโบกมือห้าม
“อย่าพูดอะไรเลยพี่วรรณ นี่ลูกๆ ไปไหนกันหมด”
“คุณวินกลับมานานแล้วค่ะ แต่คุณลูกแก้วยังไม่กลับ”
อรุณวตีบ่น “หมู่นี้ลูกแก้วกลับค่ำๆ มืดๆ ถ้าฉันเป็นอะไรไป พี่วรรณอย่าเพิ่งทิ้งตาวินกับยัยลูกแก้วไปไหนเสียล่ะ ฝากแกด้วย”
“พี่ไม่ทิ้งใครไปไหนหรอกค่ะ อย่าห่วงเลย คุณทานอะไรก่อนดีไหมคะจะได้มีแรง
“ขออะไรอ่อนๆ นิดหน่อยก็พอนะพี่วรรณ ยังอิ่มอยู่เลยกินอะไรมากนักก็แน่น” คุณหญิงวางถ้วยยาลงบนถาด “รูดซิปให้ทีเถอะพี่วรรณ”
วรรณช่วยรูดซิปหลังให้ อรุณวตีมองดูตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะเบาๆ
“สังขารฉันมันจะไปไม่ไหวอยู่แล้วละพี่วรรณ ที่อยู่ได้ก็เพราะกำลังใจอย่างเดียวถ้างานชิ้นสุดท้ายนี่สำเร็จ ก็เห็นจะไปได้แล้ว เรื่องคุณจิต อีกไม่นานอาจจะลงเอยกระมัง”
วรรณชะงัก มองอรุณวตีผ่านกระจก
“ลงเอยกับ เด็กนั่นเหรอคะ”
“เขาว่าเขายังไม่ ‘ลงเอย’ แต่มันจะลึกล้ำยังไงก็สุดรู้ รู้แต่ว่าทางเด็กจีผู้ใหญ่เขาหาว่า คุณจิตไปทำมิดีมิร้าย แต่เด็กมันเฉย คุณจิตเขาก็ยืนยันแข็งแรงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องถึงขนาดนั้น ทว่ารัชนีฉายน่ะ กรี๊ดแล้ว”
วรรณครวญ อดสงสาร ‘คุณน้อง’ ไม่ได้ “โธ่...เวร...”
“เมื่อเขาปฏิเสธนัก ก็เลยถามเขาว่าไม่มีฝีมือแล้วหรือไง คุณจิตเขาทะนงเสมอแหละว่ามือชั้นเขา เป็นมือชั้นถุงแพร จับอะไรมันนิ่มไปเสียหมด ลงโดนประมาทยังงี้ เห็นจะแสดงสุดฤทธิ์ พนันกันไหมล่ะ ว่าตอนนี้ไม่อยู่”
วรรณไม่ตอบ แต่หยิบเสื้อผ้าขนหนูมาวางเตรียมไว้ให้
“คนบางคน ยิ่งให้ก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งได้ก็ยิ่งเพลิน”
“แต่คุณก็ยังเป็นฝ่ายให้อยู่ตลอด”
“ฉันจะให้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และคงไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะให้ได้มากเท่ากับครั้งนี้ มันคือการให้ทิ้งทวน แล้วฉันจะรอดูว่า ถ้าทุ่มให้จนหมดตัวหมดใจแล้ว ฉันจะได้อะไรกลับคืนมา”
วรรณชะงักอีกครา ได้แต่มองคุณหญิงอย่างเป็นห่วง แต่สีหน้าอรุณวตีกลับมั่นใจในสิ่งที่กำลังจะทำลงไป

อรุณวตีเดินออกมาตรงระเบียงหน้าห้อง ท่าทางอ่อนระโหย แต่แล้วก็แปลกใจเมื่อเห็นแกมแก้วในชุดนักศึกษาเข้ามาหาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“คุณแม่ขา”
“วันนี้กลับเร็วกว่าทุกทีนะจ๊ะ”
แกมแก้วเข้ามากอดอรุณวตีอย่างประจบ
“ก็อยากกลับเร็วมาคุยกับคุณแม่บ้างสิคะ”
“ทำตัวน่ารักอย่างนี้ อยากได้อะไรจ๊ะ”
“ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แค่รู้ว่าคุณแม่กำลังจะจัดงานวันเกิด ลูกแก้วเลยตื่นเต้น ปีนี้ลูกแก้วเชิญเพื่อนๆ มากินเลี้ยงด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ ลูกแก้วจะเชิญมาสักเท่าไรก็ได้”
“แหม...แต่เขาโตๆ กันแล้ว เชิญด้วยปากอย่างเดียวมันจะน่าเกลียด คุณแม่ออกการ์ดให้ลูกแก้วนะคะ”
“ลูกแก้วส่งรายชื่อให้จีเขาพิมพ์แล้วกันลูก แม่เซ็นการ์ดรวม ๆ ไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ รักคุณแม่ที่สุดเลย”

แกมแก้วกอดคุณหญิงมารดาไว้ อรุณวตีลูบผมธิดาอย่างแสนรักและอาทร

วันรุ่งขึ้น ศจีหิ้วกระเป๋ามาที่โต๊ะทำงานในตึกใหญ่ พอเก็บกระเป๋าแล้วปิดลิ้นชัก เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ศจีเงยหน้ามอง เป็นแกมแก้วโผล่หน้าเข้ามา สีหน้าแช่มชื่น
“มาแล้วเหรอจี”
ศจีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แกมแก้วเดินมานั่งบนโซฟาในห้องข้างศจี
“หมู่นี้ไม่ค่อยได้เจอกัน ขับรถคล่องหรือยังจ๊ะ”
แกมแก้วก้มหน้า รู้สึกเขินนิดๆ
“คล่องขึ้นนิดหน่อยจ้ะ”
ศจีมองจับสังเกต “เดี๋ยวนี้ขับรถไปเรียนทุกวันเลยเหรอ”
“อยากขับรถไปเอง จะได้ไม่ต้องกวนน้าสิทธิ์เวลาต้องไปรับส่งคุณพ่อคุณแม่ด้วย”
“วันนี้ยังไม่ไปเรียนเหรอ หรือว่าไม่มีคลาส”
“มีจ้ะ แต่รอจีอยู่ จะให้จีช่วยพิมพ์การ์ดเชิญให้”
แกมแก้วหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมา ส่งให้ศจี
“นี่จ้ะ รายชื่อเพื่อนที่ลูกแก้วจะเชิญมางานวันเกิดคุณแม่”
ศจีอ่านชื่อในสมุดเล่มนั้น จนถึงรายชื่อหนึ่งก็รู้สึกสะดุดในใจ แต่เก็บอาการไว้
“เย็นนี้ค่อยมาเอานะจ๊ะ”
“ได้จ้ะ ลูกแก้วไม่รีบ ขอบใจนะจี ลูกแก้วไปเรียนละ”
จนแกมแก้วออกไปพ้นห้องแล้ว ศจีมองรายชื่อในการ์ดเชิญอีกครั้ง พึมพำกับตัวเอง
“แขกรับเชิญเหมือนกัน”
ริมฝีปากของศจีเหยียดเผยอออกมาในท่วงทีหยามหยัน

ฝ่ายแกมแก้วนั่งคุยกับสุพรรณอยู่หน้าตึกเรียนคณะรัฐศาสตร์
“อาทิตย์หน้าวันเกิดคุณแม่ เชิญพี่พรรณด้วยนะคะ”
สุพรรณวันของผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กๆ จะไปทำไมกันครับ”
“คุณแม่เคยเชิญเพื่อนๆ ลูกแก้วทุกปีแหละค่ะ
สุพรรณนิ่งไปอย่างลังเล ลูกแก้วอ้อนวอน
“ไปนะคะพี่พรรณ เพื่อนๆ ที่เคยไปที่บ้าน คุณแม่เชิญทุกคนเลยค่ะดูเหมือนจะออกการ์ดด้วยซ้ำ แต่ยังไม่เรียบร้อย”
“นั่นสินะ พี่เคยไปกินข้าวบ้านท่าน ก็ควรไปอวยพรเสียหน่อย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คุณแม่ชอบให้มีคนไปมากๆ ท่านว่าจะได้ไม่แห้งแล้ง คุณพ่อก็อยากให้ใครไปใครมามากๆ ท่านว่าคุณแม่จะได้ลืมว่าตัวเองเป็นคนเจ็บเสียที”
สุพรรณครุ่นคิดตัดสินใจ

ฉาก 7.1หน้ารั้วบ้านคุณหญิงเย็น ต่อ
เลิกงานแล้ว ศจีเปิดประตูห้องทำงานออกมา และเดินออกมายังหน้าตึก รถคันหนึ่งแล่นสวนมาจอดเทียบ ศจีชะงักเล็กน้อย แต่พอมองไปเห็นว่าใครก็ยกมือไหว้
ปราจิตซึ่งสวมแว่นกันแดดโผล่หน้าออกมา
“ฉันทำให้เธอตกใจหรือเปล่าคะ”
“ไม่เจ้าค่ะ ดิฉันเพียงแต่แปลกใจเท่านั้น”
“ฉันมีอะไรให้เธอแปลกใจอีก ขึ้นรถมาสิคะ”
ศจีมองลังเล ปราจิตลงจากรถมาเปิดประตูให้
“รีบขึ้นก่อนที่ใครจะมาเห็น”

ศจีจำต้องขึ้นรถ

อ่านต่อหน้า 3

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 20 (ต่อ)

ไม่นานต่อมา ศจีนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับปราจิตในร้านอาหารแห่งนี้ สาวคราวลูกมีสีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลา จนปราจิตเหลือบมองอย่างสงสัย
“ไม่อร่อยเหรอคะ”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“แต่เธอสีหน้าเหมือนไม่ค่อยเจริญอาหาร หรือเป็นเพราะว่ามากับฉัน”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ดิฉันเพียงแต่กังวลใจบางอย่าง”
“มีอะไรที่ฉันยังอธิบายไม่ชัดเจนเหรอคะ ถึงทำให้เธอกังวล”
“ดิฉันเป็นห่วงความรู้สึกของคุณหญิง”
ปราจิตหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือมาแตะหลังมือศจีเบาๆ เพียงนิดเดียว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ คุณวตีไม่มีปัญหาเลย เขาเอ็นดูเธอมาก รู้ไหมคะ”
ศจีมองหน้าปราจิตอย่างฉงน
“ถึงยังไงดิฉันก็เป็นคนอื่น”
“คุณวตีรักเอ็นดูเธอเหมือน...เหมือนน้องสาวอีกคน แต่เธอ...ศจี...เป็นน้องสาวที่น่ารักอ่อนโยน แต่ฉลาด ราวกับสำเนามาจากคุณวตีเธอทุกกระเบียดนิ้ว” ท่านทูตว่า
“ท่านเยินยอดิฉันมากเกินไป ไม่มีใครเทียบกับคุณหญิงท่านได้หรอกเจ้าค่ะ”
“อย่าหาว่าฉันใช้ภาษานักการทูตกับเธอเลยนะคะ ฉันรู้ว่าไม่มีใครเทียบใครได้หรอก เธอก็เป็นตัวเธอที่ไม่เหมือนใคร แต่ไม่มีอะไรที่ฉันพูดออกมามันมากเกินไปสำหรับเธอ ฉันพูดความจริงเท่านั้น”
ศจียิ้มรับ ปราจิตมองใบหน้านั้นอย่างหลงใหล

เย็นนั้นรถของแกมแก้วจอดลงที่จุดเดิมบริเวณป้ายรถเมล์ซอยวัดใหญ่ศรีสุพรรณ หญิงสาวมองไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ นั่นเหมือนรถของที่บ้านเลย”
ปราจิตขับรถแล่นออกไป แกมแก้วมองไม่ชัด จึงชะโงกออกไปดู
“ระวังนะลูกแก้ว มันอันตราย”
“เสียดายจัง เห็นไม่ชัด เหมือนรถที่คุณพ่อขับประจำ แต่คงไม่ใช่หรอกท่านจะมาแถวนี้ทำไม”
“รถคล้ายๆ กันมีเยอะแยะครับ” สุพรรณว่า
“ค่ะ อาจจะเป็นอย่างนั้น”
สุพรรณก้าวลงจากรถ
สุพรรณลูกแก้วไปเถอะ ขับรถดีๆ นะ แล้วค่อยพบกันใหม่ครับ
“แล้วลูกแก้วจะเอาการ์ดไปให้นะคะ”
สุพรรณจะเดินออกไป แต่แล้วเขาก็ชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนเดินอยู่เบื้องหน้า

สุพรรณเดินตามศจีมา ศจีหันมามองทำหน้าเคร่งใส่
“ผมไม่ได้คิดจะตามคุณหรอกน่า วันนี้ผมพอจะมีเงิน เลยคิดจะเข้าไปบำรุงกิจการของคุณสักหน่อย ในฐานะที่เรามันคุ้นกัน คุณจะลดให้ผมสักกี่เปอร์เซ็นต์ คุณเป็น แม่เล้า เอ๊ย...เจ้าของกิจการแท้ๆ ไม่คิดจะหาลูกค้าประจำบ้างเรอะ”
ศจีหน้าแดงแล้วกลับเขียว พยายามระงับใจอย่างสูง
“คุณเคยบอกฉันเองว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เพราะฉะนั้น” เธอยิ้มเยาะใส่หน้าเขา “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณใช่ไหม”
ศจีหันกลับก้าวเดินจากไป สุพรรณมองตามอย่างรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว กัดฟันแน่นอย่างไม่ยอมแพ้

ยายปริกรีบขยับตัว เมื่อเห็นศจีโผล่เข้าประตูมา พลางร้องทัก
“วันนี้มาหายายถึงนี่เชียวเหรอ”
ศจีทรุดลงนั่ง หน้าเฉยอย่างเคย
“ยายส่งจดหมายไปอีกฉบับใช่ไหม”
ศจีวางซอยจดหมายลงบนเก้าอี้ใกล้ตัวยายปริก แต่ซองยังไม่ได้เปิด ยายปริกหยิบซองมาพลิกๆ ดู
“เอ๊ะ จดหมายฉบับนี้ยายไม่รู้เรื่อง ตั้งแต่คราวที่แล้ว ก็เลิกกันไป”
ศจีจับจ้อง “แต่ลายมือเดียวกัน”
“งั้นก็นังเด็กๆ มันจัดการกันเอง อีพวกนี้. มันคงจัดการกันเองละมั้ง”
“ไม่ทราบละค่ะ ใครจะเขียนไปก็แล้วแต่ แต่ขอเตือนว่าถ้ามีเป็นครั้งที่สาม หนูจะไม่ยอมนิ่งอย่างนี้อีก”
ยายปริกชักฉุน “เอ๊ะ! ก็บอกแล้วว่าไม่รู้เรื่อง”
“นั่นแหละค่ะ ถ้าอีกครั้ง” ศจีเน้นเสียงตอนท้าย “หนูจัดการแน่”
“เอ็งจะมาทำอะไรยาย หา”
ยายปริกโกรธ ทำท่าจะลุกขึ้นเต้น แต่ศจีลุกขึ้นเสียก่อน
“ยายรู้จักหนูดีนี่” ศจีมองแม่เล้าวัดใหญ่อย่างใจเย็น “คนอย่างหนู ยอมให้ได้สองครั้งเท่านั้นเอง แต่จะไม่ยอมให้เป็นครั้งที่สามเป็นอันขาด”

ศจีเดินออกไป ยายปริกมองตามด้วยท่าทางเคืองขุ่น ฮึดฮัดขัดใจสุดจะประมาณ

ยายปริกเดินออกมา ตะโกนเรียก พลางตบโต๊ะที่ใกล้ตัวดังลั่น

“นังโสภา นังโส มันไปไหนวะ”
“อยู่ที่ร้านทำผมน่ะแม่” รินบอก
“ไปตามมาซิ”
“มีเรื่องอะไรเหรอแม่” รินสงสัย
“ไม่ใช่ธู่ระของเอ็ง อย่าใส่เกือก”
รินรีบออกไป ยายปริกมองตามหงุดหงิด

พอเจอหน้ายายปริกชี้หน้าโสภา น้ำเสียงฉุนเฉียว
“เอ็งทำยังไงวะนังโสภา ให้นังจีมันถอนหงอกเอาได้”
“อะไรอีกล่ะแม่” โสภาเง็ง
“จดหมายที่เอ็งเขียนอีกฉบับ เอ็งส่งไปที่ไหนหือ...นังโส”
“อ้าว...ก็ส่งไปที่เก่าสิแม่”
“ก็ข้าบอกแล้วว่าให้ส่งไปที่ไอ้พูชาย ดันส่งไปที่เก่า นังจีมันเก๊าะแล่นมาถอนหงอกข้า”
โสภาหัวเราะหน้าทะเล้น เล่นลิ้น
“ดีสิแม่ มีคนถอนหงอกออกหมด จะได้เหลือแต่ผมดำ”
“หืม...อีโส เดี๋ยวข้าตบดิ้นตายตรงนี้ซะนี่ ฮึ่ม... ตกลงนังหลานข้านี่เปลืองข้าวสุกที่เลี้ยงมาเปล่าๆ ถุย...อีกหน่อยไอ้พูชายมันก็ถีบหัวส่งมาหรอก”
“แม่ก็เอาใส่ตะกร้าล้างน้ำเสียซิ”
“ชะ” ยายปริกตบอกตัวเองผางๆ “นี่อีกปริกนะเว้ย อีปริกวัดใหญ่ สินค้าอะไรที่ประทับตรา ‘แม็ดอินคุณแม่บุญปลีก’ แล้ว ย่อมไม่มีคำว่าเสียใจให้ลูกค้าของเก่าต้องบอกว่าเก่า ใหม่ต้องใหม่ อีกหน่อยเถอะ นังจีเอ๋ย...มันต้องซานกลับมาหายาย ดอกบัวมันเกิดจากตม แล้วไปบานหน้าที่บูชาก็จริงอยู่ แต่ลงท้ายพอเหี่ยวแห้งกะหงอยก๋อย เขาก็ขว้างลงถังขยะทุกทีละวะ”
ยายปริกจบคำทำนายเสียงดังกึกก้อง

ยายปริกพาตัวเองมายืนจังก้าหน้ารั้วบ้านคุณหญิงอรุณวตี มีบรรดาลูกเล้ายืนท่าทางกล้าๆ กลัวๆ อยู่เป็นแผง ด้านหลัง
“แม่จะเอาจริงเหรอ” อู๊ดถาม
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าไม่ยอมถอยหรอกโว้ย เร็วนังอู๊ด”
อู๊ดลังเลหนัก ยายปริกจึงผลักอู๊ดไปข้างหน้า
“มัวยืนเซ่ออยู่นั่นแหละ กดกริ่งสิวะ”
อู๊ดยื่นมือไปจะกดกริ่ง แต่ยังไม่กล้า

“ข้าบอกให้กดไงเล่า! กดซี่”

อ่านต่อหน้า 4

คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 20 (ต่อ)

ศจีนั่งพิมพ์การ์ดอยู่มือเป็นระวิง นวลผ่องเอาจดหมายมาวางไว้ให้
“จดหมายวันนี้ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
เสียงกริ่งดังขึ้นขัดจังหวะ ศจีสีหน้าแปลกใจ
“เอ๊ะ...วันนี้ท่านไม่ได้นัดใครมานี่”
“นั่นสิคะ ไปรษณีย์ก็มาส่งแล้วด้วย”
ทั้งสองมองไปทางหน้าบ้านอย่างแปลกใจ

ยายปริกยืนเท้าสะเอวรออยู่อย่างหงุดหงิด มี อู๊ด ถวิล โสภา และริน ยืนเครียดมองอยู่
“ทำไมยังไม่มีใครออกมาอีกวะ เอ็งกดอีกทีซินังอู๊ด” ยสยปริกเร่งยิกๆ
“พอแล้วแม่ กดไปหลายครั้งแล้ว รออีกสักพักเถอะ” อู๊ดท้วง
“ฮึ่ม คนใช้บ้านนี้มันยังไงกันวะ แขกไปใครมาไม่รู้จักรีบมาต้อนรับถ้าไม่ออกมาข้าจะตะโกนเรียก”
ถวิลท้วงอีกคน “อย่าเลย อายเขาน่ะแม่”
“ไอ้พวกที่อายมันต้องพวกผู้ดีที่อยู่ข้างในสิวะ เราจะไปอายทำไม” ยายปริกตะโกนอีก “เปิดประตูโว้ย”
ประตูเล็กถูกเปิดออกมาพอดี ยายปริกเลยชะงัก
รินร้องบอก “มาแล้วแม่ มาแล้ว”
“มาหาใคร” บรรจงมองสภาพหมู่มวลแม่เล้า ลูกเล้า แล้วถามเสียงขุ่น
เหล่าลูกเล้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ยายปริกยืนเท้าสะเอววางท่าคุณนาย
“ฉันมาหาคุณพูชายของบ้านนี้”
บรรจงมองยายปริกหัวจรดเท้าอย่างดูถูก
“รู้จักคุณผู้ชายด้วยเหรอ”
“รู้สิ ไม่อย่างนั้นฉันจะมาหาท่านถูกเรอะ”
“นัดไว้หรือเปล่า”
“ไม่จำเป็นต้องนัด”
“ท่านไม่อยู่”
“ท่านอยู่เมื่อไร”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกป้า” บรรจงว่า
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
บรรจงโมโห “จะไปรู้เรอะ”
ยายปริกตบอกผางๆ “ฉันคุณนายบุญปลีก ยายของศจี ที่ทำงานอยู่ในบ้านนี้”
บรรจงชะงัก เลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อ
“ยายของคุณศจีน่ะเหรอ แล้วมาพบคุณผู้ชายทำไม”
“อ๊ะๆ ฉันก็มีธู่ระของฉัน คนใช้อย่างหล่อนไม่จำเป็นต้องรู้ ธู่ระส่วนตัวลับเฉพาะ”
“งั้นรอเดี๋ยว”
บรรจงปิดประตูใส่หน้ายายปริกและลูกเล้า ยายปริกโวยวาย
“ดู๊ดูมัน เป็นแค่คนใช้ ยังทำอวดดี หลานข้าน่ะเป็นถึงเลขาคุณหญิง เมียเบอร์สองของคุณพูชายเชียวนะเว้ย รู้จักละเปล่า คุณนายบุญปลีกวัดใหญ่น่ะ”
ยายปริกออกท่าออกทางอย่างขัดใจ บรรดาลูกเล้าต้องช่วยกันยื้อยุดฉุดดึงไว้ไม่ให้อาละวาดมาก

ฝ่ายศจีนิ่งฟังโดยไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนสักน้อย แม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิด หลังจากบรรจงมาแจ้งเรื่องยายปริก
“ช่วยไปบอกทีว่าฉันไม่ได้ทำงานที่นี่ ฉันลาออกไปแล้ว
“เอ๊ะ...แต่เขาบอกว่าเป็นยาย...”
บรรจงอ้าปากจะค้านอีก แต่ศจีย้ำเสียงแข็ง
“ช่วยไปบอกเขาตามนั้น ฉันไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว”
“ค่ะๆ”

บรรจงรีบออกไป

พอได้ฟังยายปริกโวยวายหลังจากได้รับคำตอบ

“ไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อหรอกว่านังศจีลาออกแล้ว ไม่งั้นหล่อนจะเข้าไปเรียกให้เรอะ”
บรรจงอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็ลอยหน้าลอยตาเถียง
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ฉันบอกได้แค่นี้แหละ ป้ากลับไปได้แล้ว”
บรรจงทำท่าจะปิดประตู แต่ยายปริกปราดเข้าไปดันไว้
“ฉันยังไม่กลับ”
บรรจงร้อง “โอ๊ย” ดังลั่น
ทั้งสองดันกันไปดันกันมา ยายปริกหันไปเรียกลูกเล้า
“พวกเอ็งมาช่วยกันหน่อยสิวะ ยืนเซ่ออยู่ได้”
อู๊ดกับถวิลเข้ามาช่วยดัน
บรรจงโวยวาย “ว้ายๆๆ อย่ามารุมกันสิวะ ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยที”
เสียงวรรณดังขึ้น “นี่มันอะไรกัน”
ทุกคนชะงัก เมื่อเห็นวรรณเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามา ยายปริกถึงกับยกมือไหว้ เพราะคิดว่าเป็นคุณหญิง
“สวัสดีค่าคุณนาย ออกมาจนได้”
วรรณรีบรับไหว้งงๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
“อิฉันมาพบศจี หลานสาวอิฉันเจ้าค่ะ”
บรรจงชิงบอก “คุณศจีลาออกไปแล้วค่ะ”
วรรณหันไปสบตากับบรรจง แล้วหันมาบอกยายปริก
“ถ้าเป็นยายของศจีจริง ทำไมไม่ไปพบเขาที่บ้าน”
“อิฉันมีเรื่องต้องคุยกับ...เอ่อ...คุณพูชายบ้านนี้ด้วย”
วรรณเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาที่ปริกเซ้าซี้ไม่เลิก
“ท่านไม่อยู่ ออกไปทำงาน แล้วท่านก็ไม่รับแขกที่ไม่ได้นัดล่วงหน้าด้วย”
“งั้นอิฉันนัดล่วงหน้าเลย จะเข้าไปรอจนกว่าท่านจะกลับมา”
“เข้าไปไม่ได้” วรรณเสียงแข็ง
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันมีธู่ระสำคัญจะคุยกับท่าน ฉันเคยเขียนจดหมายมาหนนึงแล้ว แต่คุณนายไม่ได้รับ ฉันเลยต้องมาคุยที่นี่”
“จะเข้ามาก็ได้ แต่ถ้าก้าวเข้ามาแล้วจะไม่ได้กลับออกไปในสภาพเดิมแต่จะต้องออกไปพร้อมรถตำรวจ เพราะฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่น”
เจอคนจริงเข้า ยายปริกถึงกับชะงัก ค่อยๆ ก้าวถอยหลังช้าๆ แต่บรรดาลูกเล้ารีบก้าวออกไปเร็วกว่าวรรณพยักหน้ากับบรรจง บรรจงรีบปิดประตูทันที

วรรณหันมาเอ็ดบรรจงขณะเดินกลับตึกใหญ่
“ทีหลังอย่าเปิดประตูให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีก”
“แต่เขารู้จักคุณศจีนี่คะ”
“ใครก็อ้างได้ว่ารู้จักคนในบ้านนี้ ไม่เว้นขโมยขโจร”
พูดจบวรรณก็เดินนำไป บรรจงมองตามเซ็งๆ

ส่วนยายปริกโวยวายลั่น
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยคุณนาย คนอย่างอีปริกวัดใหญ่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”
“เอาไงดีล่ะแม่” รินถาม
“ถอยก่อนโว้ย ถอยก่อน”
“กลับบ้านก่อนใช่ไหมแม่”
“ก็เออสิวะ จะยืนร้อนอยู่อีกทำไม ถอยไปตั้งหลักก่อน แต่ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกโว้ย”

ยายปริกเดินหุนหันนำออกไปอย่างอารมณ์เสียถึงขีดสุด พวกลูกเล้ารีบตามไปติดๆ ด้วยสีหน้าโล่งใจกันทั้งแถบ

อ่านต่อตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น