คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 21
คุณหญิงอรุณวตีรับฟังรายงานจากวรรณในกิริยานิ่งสงบ
“คงเป็นพวกเดียวกับที่เขียนจดหมายมาวันนั้น”
“ขืนปล่อยไว้ ต่อไปพวกเขาอาจจะเข้ามาวุ่นวายมากกว่านี้นะคะ”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีแล้ว”
“แน่ใจเหรอคะว่าทำถูก”
“ฉันกำลังจะเดินมาถึงจุดหมายปลายทางที่คิดไว้แล้ว”
วรรณท้วงแล้วท้วงอีก “แต่...แน่ใจเหรอคะว่าจะเอาชนะ”
“ฉันอยากชนะบ้าง”
“การสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าน่ะเหรอคะ คือชัยชนะ”
อรุณวตีอึ้งไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา ราวกับจะพึงพอใจ
“ช่างเถอะ... ฉันจะสูญเสียอีกสักครั้งจะเป็นไรไป แต่...จะต้องให้บทเรียนแก่คนอื่นเสียบ้าง”
“โธ่...คุณของพี่...ทำไมถึงคิดอย่างนั้น” วรรณครวญ
“บทเรียนของรัชนีฉาย คือเส้นทางเดินที่เราเคยเดินมาแล้ว บทเรียนของเขาคือ...”
คุณหญิงนึกไปถึงสุพรรณที่มีเข็มกลัดเน็คไทพลอยสีเขียวสด แว่บผ่านเข้ามาในห้วงคิด
ตามด้วยภาพปราจิตพูดหัวเราะ อย่างอารมณ์ดีว่า
“ฝีมือ เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมไม่มีฝีมือ”
อรุณวตีดึงความคิดออกมา พึมพำอย่างเลื่อนลอย
“ฝีมือ จริง ฝีมืออาจจะช่วยให้เขาได้อย่างที่หวัง แต่ถ้าหัวใจของเด็กคนนั้นไปอยู่ที่คนอื่นล่ะ คนที่ได้ครอบครองแต่ ‘กาย’ โดยปราศจาก ‘หัวใจ’ เท่านั้นจะรู้รสถึงความทรมานทรกรรม อย่างที่เราโดนมาแล้ว
ใบหน้าของอรุณวตีอิ่มเอิบด้วยความผาสุกอย่างประหลาดล้ำ
วรรณมองอรุณวตีอย่างเศร้าใจและไม่อาจคาดคะเนได้
ในเวลาเดียวกัน สองหนุ่มนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งข้างวัดใหญ่ บัตรเชิญในมือของสุพรรณ ดนัยถึงกับร้องออกมา
“โว้ย...ถึงกับออกการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงคุณหญิงแม่ ข้าเลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย เมื่อไรจะมีถังข้าวสารให้ข้าตกลงไปหม่ำบ้างวะ”
“ข้าไม่หม่ำ เอ็งก็ว่าโง่”
“เออ ไอ้พรรณ ขอให้จำเริญๆ ไปเถอะวะ เอ็งมันสบายบรื๋อไปแล้ว เหลือแต่ไอ้พวกหมาวัดอย่างข้านี่แหละ หาดอกฟ้ามารักไม่ได้”
"ก็อย่าเกาขี้เรื้อนตรงปากนักสิวะ ถึงปากมอมก็ควรทาน้ำตาลไว้บ้างดอกฟ้าเขาชอบน้ำตาลโว้ย
“ข้าจะทาน้ำผึ้งตั้งแต่พรุ่งนี้ จีบยัยต้อยเจ้าของร้านข้าวแกงข้างมอไปก่อน จะได้กินข้าวฟรีทุกวัน ทุ่นรายจ่าย ยิ่งได้ทั้งยัยต้อยทั้งลูกสาวยิ่งเหมาะข้าจะได้เป็นพระยาเทครัวแต่หนุ่มแหงๆ”
สุพรรณยิ้มขำดนัย แต่แววตาของเขากลับมีแววเครียดแกมเศร้าอยู่ลึกๆ
“ว่าแต่...”
สุพรรณมองจ้อง รอฟัง “อะไรวะ”
“เอ็งไม่ได้ทำประชดแม่ศจียาหยีนั่นใช่ไหม”
สุพรรณปฏิเสธด้วยการย้อนถาม “ประชดทำไม”
“ก็เจ้าหล่อนหาทางลัดเลื่อนขั้นเหมือนกันน่ะสิวะ วันงานหล่อนคงควงพี่วินปร๋อ ถ้าเอ็งจะไปก็ต้องทำใจไว้บ้าง
สุพรรณหน้าเครียดลง “ข้าไม่ได้สนใจอะไรผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
“เออ ให้มันจริงเถอะวะ” ดนัยพลิกดูการ์ด “วันพุธหน้านี้แล้ว จะหาชุดทันไหมว้า”
ตลอดเวลาที่สองหนุ่มคุยกันนั้น อู๊ดนั่งหันหลังฟังอยู่ตลอดเวลา ถึงกับตาลุกวาว
ก่อนจะหันไปพยักหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับถวิลที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
วันนี้ วรรณคุมงานง่วนอยู่ตั้งแต่เช้า จนสาย การตกแต่งสถานที่จัดงานในสวนสวยกำลังจะเสร็จ วรรณเดินตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง พลางชี้สั่งงาน
“ตรงนี้ยังไม่เรียบร้อย เธอมาจัดซิ”
อรุณวตีเดินเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย แล้วจู่ๆ ก็เซไป ศจีรีบเข้ามาประคองไว้
“คุณหญิงเจ้าคะ”
ศจีประคองคุณหญิงมาที่เก้าอี้นวมยาว อรุณวตีค่อยๆ เอนตัวลงอย่างเหนื่อยล้า ศจีก้มลงถามอย่างห่วงใย
“เรียกหมอไหมเจ้าคะ”
“อย่าเลยหนู เดี๋ยวจะตกอกตกใจวุ่นวายกันยกใหญ่ ฉันไม่เป็นอะไรมาหรอก มันก็เหนื่อยๆ ตามธรรมดา เอางี้ เดี๋ยวหนูกดกริ่งเรียกช่างขึ้นมาดีกว่า เออ เย็นนี้หนูจะไปทำผมเผ้าที่ไหน ช่างที่นี่มี ทำเสียที่นี่ด้วยกันดีไหม”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ค่อยทำผม”
“ไม่ได้ หนูน่ะเป็นสาวเป็นนางแล้วนะ ต้องแต่งตัวสวยๆ ช่างของเรามีอยู่แล้วจะเป็นไปไป หนูกดกริ่งให้ที”
ศจีเอื้อมมือไปกดกริ่งตามคำสั่ง จนเห็นนวลผ่องโผล่เข้ามา
“ช่วยไปตามช่างมาทีจ้ะ” คุณหญิงบอก
“ช่างอยู่ที่ห้องคุณรัชนีฉายเจ้าค่ะ”
“ทั้งช่างเล็บ ช่างผม ช่างแต่งหน้าเลยเชียวเหรอ”
“เจ้าค่ะ”
“เอายังงี้ ไปเรียนคุณรัชนีเธอทีนะจ๊ะว่า ขอให้ช่วยส่งมาที่นี่สองคนจะได้ผลัดเปลี่ยนกัน เอ๊...เอายังงี้ดีไหม หนูจีไปที่ห้องฉัน จะได้แต่งเนื้อแต่งตัวเป็นเอกเทศ เวลาฉันแต่งตัวชอบแต่งคนเดียวเหมือนกัน ช่างเราก็มีสามคน ผลัดเปลี่ยนไปที่โน่นที่นี่แล้วกัน”
ศจีอึกอัก “เอ้อ...ดิฉัน”
อรุณวตีโบกมือห้าม “ไม่เป็นไร ห้องแต่งตัวของฉันข้างบนก็ไม่ได้ใช้มานานแล้วหนูเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ถ้ากลัวประเจิดประเจ้อ หนูก็ใส่ล็อกระหว่างห้องนอนกับห้องแต่งตัวเสีย ห้องแต่งตัวคุณจิตอยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่ต้องใช้ห้องนั้นหรอก”
นวลผ่องมีสีหน้าประหลาดใจมากๆ จนอรุณวตีหันมาสั่งย้ำ
“ไปไป๊ ไปเรียนคุณรัชนีฉายทีว่า เธอจะแต่งหน้าทำผมหรือทำเล็บ ก็ให้เลือกไว้คนนึงก่อน อ้อ...แล้วเธอคอยช่วยคุณศจีแต่งตัวด้วย...” แล้วหันมาทางศจี “ไปเถอะหนู ฉันขอพักสักเดี๋ยว กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็คงพอดีเย็น”
อรุณวตีหลับตาลงช้าๆ
ศจีกับนวลผ่องจำต้องถอยออกไปจากที่นั้นโดยดี
อ่านต่อหน้า 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 21 (ต่อ)
ส่วนในห้องพักแขก ปอง ช่างทำผม ดูแลความเรียบร้อยทรงผม ขณะที่แอ๋ว ช่างแต่งหน้า กำลังทาเล็บให้รัชนีฉาย และหน่อย ช่างเสื้อเตรียมชุดสวยอยู่อีกมุม
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น รัชนีฉายขมวดคิ้ว ดึงมือจากแอ๋วมาตรวจดู พลางหันไปบอกบรรจงห้วนๆ
“ไปดูซิว่าใคร มีธุระอะไรอีก”
บรรจงไปเปิดประตู เผยให้เห็นนวลผ่องเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“คุณหญิงท่านให้มาบอกว่า คุณจะแต่งหน้า ทำผม หรือทำเล็บก็ให้เลือกเอาอย่างหนึ่งก่อน อีกสองคนให้ส่งไปที่ห้องขาว แต่งให้คุณศจีคนนึง อีกคนนึงลงไปแต่งให้คุณหญิงท่านที่ห้อง”
รัชนีฉายชะงักกึก เงยหน้าขึ้น
“ไหน ว่าอะไรนะ”
นวลผ่องงง “อะไรคะ”
รัชนีฉายตวาดแหวใส่ “ฉันถามว่าคุณพี่วตี สั่งมาว่ายังไง”
นวลผ่องจงใจยั่ว “อ๋อ คุณหญิงท่านให้ช่างไปแต่งตัวท่านคนนึง ดิฉันกับช่างอีกคนไปคอยรับใช้คุณศจีเธอที่ห้องขาวค่ะ”
รัชนีฉายกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง เพราะห้องขาวเป็นห้องที่เธอเคยใฝ่ฝันที่จะใช้มาตลอด เท่ากับเป็นการประกาศว่าอรุณวตียกย่องศจีเหนือเธอ
รัชนีฉายหยิบข้าวของใกล้มือปาออกไปที่นวลผ่องทันที พร้อมกับร้องกรี๊ดๆๆ ตะเพิดส่ง
“แอร๊ย...ออกไป! ไปให้พ้นนะ! ไสหัวแกออกไป!”
นวลผ่องรีบวิ่งออกไปแทบไม่ทัน
คนอื่นๆ พากันสยอง คว้าสัมภาระหากิน ขยับตัวออกไป
นวลผ่องโผล่เข้ามาหาวรรณที่คุมงานอยู่ในสวนสวย บอกอย่างตื่นเต้น
“คุณคะ เชิญที่ห้องพักแขกหน่อยค่ะยุ่งกันใหญ่แล้ว”
วรรณหันมาจากการคุมงาน
“อะไรกันอีกล่ะ งานฉันอีกบานตะไท” วรรณหันไปสั่งงาน “อ้าว...อ้าว...พานแก้วนั่นซ้อนกันห้าชั้นนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะจัดผลไม้ลงเอง”
นวลผ่องเข้าไปยื้อยุดฉุดแขนวรรณ
“โธ่...คุณคะ ไปเถอะค่ะ”
วรรณแปลกใจมากกว่าโมโห “มันอะไรกันนักหนา”
“คุณรัชนีฉายค่ะ กำลังอาละวาดใหญ่”
วรรณเบิกตากว้าง แล้วถามเสียงเบาลง
“อะไร เรื่องอะไรกันอีก ก็ตอนเลี้ยงพระเจ้ายังลงมาช่วยกันดีอยู่นี่นา”
“ไปด้วยกันก่อนเถอะค่ะ แล้วจะเล่าให้ฟัง”
วรรณจำต้องละมือจากงาน ไปกับนวลผ่องโดยเร็ว
อีกฟาก ยายปริกโวยวายเสียงดัง ขณะที่กำลังกางแขนออกให้ลูกๆ ช่วยกันแต่งตัวให้
“เบาๆ หน่อยโว้ย เบาหน่อย เดี๋ยวผ้าขาดหมด”
อู๊ดกับโสภากำลังช่วยกันสวมเสื้อ แต่งตัวให้ยายปริก
“ผ้ามันเก่าแล้วนี่แม่” อู๊ดบ่น
“เก่าก็เก่าเก็บโว้ย นานๆ ใส่ออกงานที” ยายปริกว่า
โสภาบอก “แต่มันคับไปแล้วนะ ทำไมไม่ซื้อใหม่จากไอ้ซิงค์มันล่ะ”
“ไม่ ข้าปุกาดไปแล้วว่าจะไม่อุดหนุนสินค้าไอ้แขกหน้าเลือดนั่นอีก คนอย่างบุญปลีกวัดใหญ่ไม่เคยผิดคำพูด”
“ไม่ใช่อีปริกวัดใหญ่แล้วเหรอ” รินเย้า
“วันนี้ต้องเลื่อนขั้นหน่อย ถึงจะสมกับฐานะยายของนังศจีมัน”
“เอ้า เสร็จแล้วแม่” อู๊ดบอก
ยายปริกแต่งตัวเต็มยศ นุ่งเสื้อลายดอกสีจัดจ้าน ผ้าถุงลาย แต่งหน้าจัด อู๊ดกับลูกเล้าคนอื่นๆ ซึ่งแต่งตัวจัดจ้านเช่นกัน โสภามีดอกไม้ปลอมดอกโตแซมผม
“แม่จะไปจริงๆ เหรอ” ถวิลทัดทานในที
“ก็จริงสิวะ เอ็งคิดว่าคนหยั่งข้าดีแต่พูดหรือไงนังหวิน”
“ไม่ได้หมายความว่างั้น แต่เกิดศจีมันรู้เข้าล่ะ”
“รู้ก็รู้ไปสิวะ มันจะได้สำนึกซะบ้าง ว่ายายน่ะทำเพื่อมันขนาดไหน”
อ่านต่อหน้า 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 21 (ต่อ)
วรรณเดินมาตามทางอย่างรีบร้อน
“เกิดคุ้มดีคุ้มร้ายอะไรขึ้นมา หมู่นี้มีแต่เรื่องไม่ได้หยุด”
“คงจะโกรธที่คุณหญิงท่าน ยอมให้คุณศจีขึ้นไปแต่งตัวที่ห้องขาวกระมังคะ”
วรรณพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่า เพราะรู้ซึ้งอยู่แก่ใจ
“อ้อ...ก็ทำไมจะต้องใช้ห้องนั้น”
“คุณหญิงท่านว่า จะได้แต่งกันคนละห้อง”
วรรณไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
วรรณเดินมาถึงหน้าห้อง เสียงร้องกรี๊ดๆ และเสียงขว้างปาข้าวของดังออกมาจากข้างใน บรรจงกับพวกช่างทั้งสามยืนจับกลุ่มออกันอยู่หน้าห้อง หน้าตาซีดเซียว วรรณเอื้อมมือแตะบานประตู พลางพยักหน้าให้
“ลงไปดูคุณหญิงท่านเถอะ”
วรรณจะเข้าไปในห้อง แต่พอหันไปเห็นนวลผ่องจะตามหลังมา จึงหันไป
“มีงานอะไรก็ไปทำสิจ๊ะ วันนี้ต้องช่วยๆ กันเร่งมือหน่อย”
นวลผ่องซึ่งหวังจะติดตามเรื่องต่อจึงหน้าม่อย จำต้องหันกลับออกไปด้วย วรรณผลักบานประตูเข้าไป
เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ววรรณถึงกับผงะ ด้วยพบว่าภายในห้องเกลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของกระจัดกระจาย ร่างของรัชนีฉาย โถมเข้ามาหา จับไหล่ทั้งสองข้างของวรรณเขย่า พลางกรีดร้องและร้องไห้ไปด้วย
“พี่วรรณ พี่วรรณ”
“อุ๊ย ค่อยๆ ค่ะค่อยๆ”
“ทำไมถึงทำอย่างนี้ ทำไมๆๆ”
“อะไรกันคะนี่ อะไรกั๊น” วรรณมองกราดทั่วห้อง “หมดกัน ทำอะไรอย่างนี้คะ”
ว่าพลางวรรณกึ่งประคองกึ่งดันร่างรัชนีฉายให้ตรงไปยังเก้าอี้ยาว แต่รัชนีฉายเกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย วรรณเลยต้องทรุดลงไปด้วยกัน รัชนีฉายพรั่งพรูออกมาด้วยอารมณ์คับแค้นขุ่นเคืองในอก
“คุณพี่วตี ดูนะ คุณพี่วตีทำได้ คิดดูพี่วรรณ คุณพี่อรุณวตีทำยังงี้เท่ากับให้เด็กนั่นมันมาดูถูก”
“คุณก็ คิดอะไรมากไป วันนี้วันงานวันการ ท่านก็คงอนุญาตเป็นพิเศษเสียวันนึง ถ้าไม่ให้เด็กคนนั้นแต่งตัวที่นั่น จะให้ไปแต่งที่ไหน”
“พี่วรรณก็รู้นี่นะว่า คุณพี่วตีคิดยังไง”
“ใครจะคิดยังไง อิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ ว่าไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น”
รัชนีฉายเสียงอ่อนลงอย่างต้องการพันธมิตร
“คุณพี่วตี คงอยากให้เด็กจีมาแทนที่ฉันละมั้ง”
“ของยังงี้ใครจะมาแทนที่ใครง่ายๆ ถ้าต้องอยู่ในส่วนของตัว อิฉันว่าคงไม่มีเรื่อง”
“เผื่อมันคิดว่า คุณพี่วตีให้ท้ายมันล่ะ”
“คุณเคยเห็นคุณหญิงท่านทำอะไรไม่งามหรือคะ”
ถูกวรรณเหน็บ รัชนีฉายกัดริมฝีปากอย่างคับแค้น เถียงไม่ออก
“ข้อสำคัญมันอยู่ที่คุณเอง ถ้าคุณไม่วู่วาม ทำอะไรมีเหตุมีผล ใครจะมาทำอะไรคุณได้ คุณดูตัวอย่างคุณหญิงท่านไว้แล้วกันค่ะ คุณพี่กันน้องกันใครมันจะมาดีไปกว่า คุณหญิงท่านไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ใครดีกับท่าน ท่านก็ดีใจหาย”
“พี่วรรณเป็นคนของเขา ก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่ดี”
“คุณควรจะควบคุมอารมณ์ให้ดี ไอ้คนเก่าของเรามันไม่เท่าไหร่ เพราะยังรู้จักคำว่าคุณข้าวน้ำแกงรดหัว แต่แม่พวกสาวใช้สมัยใหม่ เขาถือว่าเขาเอาแรงงานมาแลกกับเงิน พวกนี้มักพูดมากวิจารณ์มาก อะไรๆ ที่พูดออกไปมันไม่ดีมากกว่าดี คุณระวังตัวไว้แล้วกัน”
วรรณลุกขึ้น มองรัชนีฉายที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลง
“อิฉันจะไปล่ะค่ะ งานการมีอีกเยอะคุณก็ต้องแต่งตัว เดี๋ยวจะให้บรรจงกลับขึ้นมารับใช้คุณ”
วรรณเดินไปถึงประตู แล้วหยุด หันกลับมา
“ถ้าจะพูดไปอีกที เรื่องอย่างนี้คุณหญิงท่านจะไปทำอะไรได้ มันต้องสุดแต่คุณผู้ชายท่าน จริงไหมคะ”
พูดจบวรรณก็ออกไปนอกห้อง
พอประตูปิดลง รัชนีฉายพึมพำคำรามลอดไรฟันออกมา
“นังแก่ คอยดู ถ้าเมื่อไหร่ คุณพี่วตีเป็นอะไรไปละก็...”
รัชนีฉายกำมือแน่น ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างคับแค้นแน่นอก
ปราจิตในชุดสูทเนี้ยบเดินออกมาจากห้องขาว พลางกลัดกระดุมแขนเสื้อไปด้วย เจอนวลผ่องที่หน้าห้อง
“เสียงดังเอะอะอะไรกัน”
“เอ่อ...คุณรัชนีฉายเจ้าค่ะ”
ท่านทูตมีสีหน้าฉงน “รัชนีฉาย มีเรื่องอะไรอีก”
ขณะที่นวลผ่องเอาแต่กระอึกกระอัก “คือ...” อยู่นั้น
มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น “ไม่มีอะไรแล้วละค่ะ”
ทั้งสองหันไปมอง เห็นวรรณเดินเข้ามา
“มีปัญหาเรื่องชุดนิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เองเหรอ ทำไมต้องทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตด้วย”
“ไม่มีอะไรแล้วละค่ะ ดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณครับพี่วรรณ ช่วยดูแลหน่อยนะ ผมไม่อยากให้งานวันนี้มีเรื่องวุ่นวายวันเกิดของวตีทั้งที เขาควรจะสบายใจมากที่สุด”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ วันนี้คุณหญิงเธอสบายใจมาก สบายใจที่สุดค่ะ”
วรรณทิ้งท้ายอย่างมีความหมาย สำทับด้วยรอยยิ้มหยันเล็กๆ ก่อนจะเดินจากไป
ปราจิตมองไปทางห้องของรัชนีฉายอย่างสงสัยกึ่งรำคาญ
นวลผ่องเข้ามาในครัวพลางหัวเราะคิกๆ คักๆ อย่างสะใจ
ละม่อมหันมาถาม “คุณน้องออกอิทธิฤทธิ์อะไรอีกละนั่น”
“ก็คุณหญิงยกคุณศจีขึ้นมาเหนือคุณน้องแล้วนี่ป้า”
“ยกยังไงวะ” ละม่อมงง
“ให้ขึ้นไปแต่งตัวบนห้องขาว”
ละม่อมตาโต “หา จริงเหรอวะ ห้องนั้นคุณน้องเธอฝันทั้งกลางวันกลางคืนว่าจะได้เข้าไปใช้ แต่คุณหญิงเธอไม่เคยอนุญาต”
“ใช่สิป้า เธอเลยเต้นผางใหญ่ ไม่ยอมๆ ท่าเดียว” นวลผ่องบ่น
ละม่อมเสริมว่า “แล้วจะไม่ยอมได้ยังไง้ คุณหญิงท่านสั่งนี่”
นวลผ่องยิ้มย่อง “วันนี้สนุกแน่ป้า ยี่เกวิกไหนที่ป้าว่าสนุก คงสู้งานวันนี้ไม่ได้”
“แต่ข้าว่าอย่าเกิดเรื่องอะไรเลยวะ สงสารคุณหญิงแก” บุญส่งบอก
“นั่นน่ะสิ พักนี้ท่านยิ่งดูไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย เวลาคุณน้องเธอแผลงฤทธิ์ละก็ ไม่มีใครเข้าหน้าติด”
“เจออย่างนี้ คุณท่านถึงได้หน่ายเร็วไงเล่า”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างขนลุกขนพอง
อ่านต่อหน้า 4
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 21 (ต่อ)
ภายในห้องนอนปราจิต เวลานี้ แอ๋วกำลังขัดเล็บให้ศจี ส่วนหน่อยเอาชุดราตรีของศจีมาให้ดู
“นี่ค่ะชุดของคุณ”
นวลผ่องเห็นก็ถึงกับตาโต
“สวยมากค่ะ แต่ โป๊ไปหน่อยนะคะ”
ศจียิ้มรับนิ่งๆ อย่างเห็นด้วย แอ๋วมองชุดแล้วมองที่เท้าของศจี
“ชุดคุณสีนี้ น่าจะทาเล็บสีแฟนซีสีน้ำเงินบรอนซ์นะคะ ถึงจะเข้าชุด”
ศจีถึงกับอึ้งไป ตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่แล้วนวลผ่องก็เอ่ยขึ้นว่า
“ตะกี้ตอนผ่านห้องพักแขก คุณรัชนีฉายเอาเสื้อคุณเข้าไปดูด้วยค่ะ”
ศจีรับฟังอย่างสงบ หันไปบอกช่างเล็บ
“ลองทาดูก็ได้สีแปลก ๆ เผื่อจะทำให้รู้สึกตัวแปลกไปมั่ง”
แกมแก้วโผล่เข้ามาในชุดสวยใสสำหรับงานตอนเช้า
“ชุดของจีเป็นยังไง ขอดูหน่อยสิจ๊ะ”
หน่อยชูชุดของศจีให้ดู
“โอ้โฮ...สวยจัง ปกติจีไม่เคยใส่แบบนี้เลย”
“นานๆ ใส่ทีจ้ะ คุณหญิงท่านเป็นคนเลือกแบบให้”
“สวยกว่าของลูกแก้วเยอะเลย คุณแม่เลือกให้เก่งจัง ทีของลูกแก้วยังกับชุดเด็กน้อย”
“บุคลิกของลูกแก้วก็เหมาะกับแบบที่ท่านเลือกให้แล้วจ้ะ” ศจีว่า
แกมแก้วบุ้ยปาก
“แต่ลูกแก้วไม่ชอบเลย ยังไม่กล้าเปลี่ยนชุด เดี๋ยวลูกแก้วกลับมาใหม่นะ อยากเห็นศจีตอนแต่งตัวเสร็จแล้ว ต้องสวยมากแน่ๆ”
แกมแก้วออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้น
อรุณวตีนั่งอยู่ในห้องนอน มองบรรยากาศด้านล่างอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน แต่มีความหวังอยู่ลึกๆ ในใจ
สักครู่แกมแก้วโผล่หน้าเข้ามา ในมือถือชุดตัวเองมาด้วย พลางถามคุณหญิงมารดา
“คุณแม่แน่ใจเหรอคะว่า ช่างเขาไม่ได้เอาแบบเสื้อเด็กมาตัดให้ลูกแก้ว”
อรุณวตีตอบโดยไม่ได้หันไปมอง
“ลูกแก้วยังเรียนหนังสืออยู่นี่ลูก ไว้ให้เรียนจบเสียก่อน ค่อยแต่งตัวเป็นสาว”
แกมแก้วมีสีหน้าแหย บ่นพึมพำ
“นี่ถ้าเอาโบคาดเอวเข้าอีกสักเส้นละก็ เพื่อนๆ ลูกแก้วโห่ตายเลย”
อรุณวตีหันมายิ้มให้ “น่ารักออกจ้ะ”
แกมแก้วฮึดฮัดขัดใจ อรุณวตีลูบผมปลอบ
“ทีศจียังได้ชุดสวยดูเป็นสาวเลยนี่คะ”
“อย่าไปเทียบกับศจีสิจ๊ะ ลูกแก้วก็สวยในแบบที่เหมาะกับลูกแก้ว ศจีเขาสวยในแบบของเขา ไปแต่งตัวเถอะจ้ะลูก เดี๋ยวจะสาย”
“ค่ะคุณแม่”
แกมแก้วจำต้องออกไปแต่โดยดี
อรุณวตีมองตามลูกสาว ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดบางอย่าง แต่แล้วก็นิ่วหน้าอย่างรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาภายในหัวใจอย่างรุนแรง
อีกฟาก บรรดาลูกเล้าแต่งตัวเสื้อผ้าสีเจ็บ จับกลุ่มคุยกันอย่างไม่สบายใจอยู่หน้าซ่อง
“พี่อู๊ดพี่หวินไม่น่าเอาเรื่องงานเลี้ยงมาบอกแม่เลย” โสภาบ่น
“ก็ใครจะไปรู้วะ ว่าแม่แกจะเอาจริง นึกว่าแกจะเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว” อู๊ดว่า
“เรื่องเงินๆทองๆ แม่แกไม่ยอมง่ายๆ หรอก” รินบอก
“ที่เอามาเล่าก็นึกว่าสนุกๆ นี่กลายเป็นซวยพวกเราไปเลย”
สักครู่ยายปริกหิ้วกระเป๋าถือเดินออกมา ลูกเล้าต่างชะงักนิ่งเงียบ
“ไปกันได้แล้วโว้ย เดี๋ยวจะไม่ทันงาน”
อู๊ดมองกระเป๋าหนังของยายปริกที่ถลอกปอกเปิก เพราะผ่านการใช้งานมาหนักแล้วอดแซวไม่ได้
“แม่ กระเป๋านี่ซื้อมาจากบ้านเชียงหรือเปล่า กรมศิลป์ฯ เขาจะเรียกคืนไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แน่ะแม่”
“เด็กๆ มันทิ้งไว้ ข้าก็เก็บเอามาใช้สิวะ ของยังดีๆ อยู่เลย เอ้า นังรินไปเรียกรถมาทีสิวะ”
“โหย ต้องเดินไปถึงปากซอยแน่ะ ทำไมไม่เดินไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ” รินกระฟัดกระเฟียด
“แล้วทำไมข้าต้องเดินด้วย เมื่อยโว้ย”
“แต่ฉันก็เหนื่อยนะแม่ เดินออกไปร้อนก็ร้อน ให้รถเข้ามาในซอยเดี๋ยวมันคิดเงินเพิ่มอีก” รินว่า
ยายปริกถึงกับเต้นผางเมื่อได้ยินเรื่องคิดเงินเพิ่ม
“เอ็งก็ต่อมันดีๆ สิวะ อย่าให้มันรู้ว่าต้องเข้าซอยลึกแค่ไหน”
“เดี๋ยวนี้พวกแท็กซี่มันฉลาดนะแม่ ถ้ามันเห็นเข้าซอย เผลอๆ มันไม่ยอมด้วยซ้ำ” โสภาบอก
“ใครบอกข้าจะเรียกแท็กซี่”
ลูกเล้าต่างมองกันหน้าเหวอทั้งแถบ
“แม่อย่าบอกนะว่า...” ถวิลถาม
“ตุ๊กตุ๊ก ก็พอแล้ว ไปกันสี่ห้าคน” ยายปริกว่า
อู๊ดท้วง “พวกเราแต่งตัวสวยขนาดนี้ จะให้นั่งตุ๊กตุ๊กหัวฟูไปเรอะแม่”
“เจ๊แดงเขาฉีดสเปรย์ผมมาอย่างดี ลมพัดไม่กระดิกหรอกโว้ย พวกเอ็งนี่เรื่องมากจริง งั้นเดินออกไปพร้อมกันนี่แหละ”
“ตกลงจะเดินเหรอแม่” รินถามเซ็งๆ
“ก็เออสิวะ จะได้ประหยัดค่ารถเข้าซอยไปหน่อยนึง ไปๆ”
ยายปริกออกเดินนำหน้า ลูกเล้าต่างเดินตามไปอย่างเซ็งๆ
เย็นจวนค่ำ วรรณเข้ามาในห้องลงนั่งข้างเตียง ทอดสายตาดูร่างโรยราของคุณหญิงอรุณวตีที่นอนอยู่ด้วยสายตาหนักใจ
“งดออกงานคืนนี้เสียดีกว่า เดี๋ยวเรียกหมอมาดูเสียหน่อย”
“อย่า พี่วรรณ ฉันยังไม่รู้เลยว่า ปีหน้าจะได้อยู่จัดงานวันเกิดตัวเองหรือเปล่า ปีนี้ขอจัดเป็นปีสุดท้ายเถอะพี่”
วรรณทำเสียงดุ เพื่อซ่อนความสะเทือนใจ
“สุดท้ายสุดแท้อะไรกัน คุณเคยออดแอดมายังงี้กี่ปีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าคืนนี้จะออกงานก็ต้องให้หมอดูก่อน”
“ไม่เอา หมอมาทีไร ให้ยานอนหลับทุกที น่า พี่วรรณ ขอคืนนี้คืนเดียว”
สีหน้าอรุณวตีมีแววหมายมาดบางอย่างในนั้น ทำให้วรรณถอนใจ
“คุณนึกว่าคืนนี้ทุกอย่างจะสำเร็จหรือคะ”
“ฉันมั่นใจ ฉันเกิดมาเพื่อให้อย่างเดียวนี่พี่วรรณ พี่วรรณก็เคยอบรมฉันไม่ใช่เหรอว่าลูกผู้ดีต้องมีความอดทน เมื่อเด็กต้องเป็นลูกอยู่ในโอวาทของพ่อ แม่ เมื่อแต่งงาน ต้องอยู่ในโอวาทของสามี และเมื่อแก่ตัวลง ต้องเป็นแม่ที่สงบเสงี่ยมของลูก ฉันก็เลยพยายามให้คนอื่นตลอดมา วันนี้ฉันจะให้เขาอีกอย่าง ก่อนที่จะให้สิ่งสุดท้าย พี่วรรณรู้ไหมว่าอะไร”
วรรณส่ายหัวแกมถอนใจ
“โธ่”
“ชีวิตของฉันไงล่ะพี่วรรณ รัชนีฉายเขาก็คอยอยู่เหมือนกัน พี่วรรณรู้ไหมในวงสังคมของฉันน่ะ มีพ่อม่ายเนื้อหอมคนนึง เขาเที่ยวบอกกับใครต่อใครว่าในวันเกิดของเขา เมียเขาให้ของขวัญสุดประเสริฐชิ้นนึงแก่เขาเชียวละ ขืนให้ทายพี่วรรณก็ทายไม่ถูก” คุณหญิงหัวเราะ แต่น้ำเสียงช่างแห้งแล้งเต็มประดา “ของขวัญที่เขาว่าคือเมียตายในวันนั้นพอดี”
วรรณฟังแล้วโมโห “พูดน่าตัดลิ้น”
“โฮ้ย แต่ใครๆ เขาถือเป็นโจ๊กชั้นดีทั้งนั้นเลย พี่วรรณ”
“แล้วนี่จะลุกเดินเหินไหวเหรอ”
“ไหวสิพี่วรรณ ฉันอยากออกไปดูหน้าคุณจิต”
“มีอะไรน่าดูเหรอคะ”
“พี่วรรณว่าไม่น่าดูเหรอจ๊ะ หน้าของคนที่อยากกินขนมหวานชิ้นที่เราเอามาล่อแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องคายขนมที่กำลังเคี้ยวอยู่เสียก่อน” อรุณวตีหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ขนมชิ้นนี้ถ้าเป็นเค้กก็เท่ากับฉันบรรจงแต่งหน้าวางลวดลายด้วยมือของฉันเองเชียวนะ”
ววรณมองอรุณวตีอย่างจนปัญญาจะคัดง้างหรือแนะนำอื่นใดอีกแล้ว
“งั้นคุณนอนพักเสียก่อน เดี๋ยวพี่วรรณจะเช็ดตัวให้”
“พี่วรรณไปทำอย่างอื่นเถอะ อย่าห่วงเลย”
“อย่างอื่นช่างมัน เด็กๆ มันจัดการกันได้ เดี๋ยวพี่จะให้เด็กเตรียมน้ำไว้”
วรรณลุกออกไป อรุณวตีหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ว
อ่านต่อตอนที่ 22