xs
xsm
sm
md
lg

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 29

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 29

พริม พร้อมด้วย ขนุน เอื้อย ไข่เค็ม เด่น แคน และ นักมวยทั้ง 10 ชีวิต นั่งหน้าสลด ถูกอรชรดุอย่างรุนแรงมาพักใหญ่แล้ว

“ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะกล้าขัดคำสั่งชั้น ไปร้องรำทำเพลงเต้นแร้งเต้นกากับพวกลิเก นี่ถ้าชั้นกลับมาช้าไปกว่านี้ซักอาทิตย์สองอาทิตย์ ค่ายมวยไม่กลายเป็นคณะลูกทุ่งไปแล้วเหรอ”
“พวกเราช่วยเค้าครั้งนี้ครั้งเดียวแหละน้าอร พอประกวดเสร็จก็จบ” พริมบอก
“ครั้งเดียวก็ไม่ได้ พวกเธอก็เห็นว่าพวกลิเกมันไร้สาระขนาดไหน นี่ขนาดเพชรมันได้แชมป์ไทยฟินแล้วนะ มันยังฉีกสัญญาหนีเค้ากลับบ้านมาดื้อๆ เลย”
“เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะน้าอร” พริมพยายามอธิบาย
“เลิกแก้ตัวแทนพวกลิเกได้แล้ว ชั้นขอสั่งเป็นครั้งสุดท้าย ห้ามใครไปยุ่งเกี่ยวกับพวกลิเกอีก ถ้าใครฝ่าฝืน ก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ เก็บข้าวของไปอยู่วัดกับพวกมันเลย”
พริมโมโหปนน้อยใจที่อรชรไม่ยอมฟัง ลุกเดินสะบัดออกไป เอื้อย ขนุน ไข่เค็ม รีบตามไป
อรชรเดือดปุดๆ โกรธถึงขีดสุด หน้าไหนก็อย่าได้แหลมเข้ามา

พริมเดินหงุดหงิดเข้ามา ขนุน เอื้อย ไข่เค็ม ตามมาอย่างเป็นห่วง
“น้าอรไม่มีเหตุผลเลย ชั้นก็แค่อยากให้พวกลิเกได้เงินไปไถ่บ้านคืน ก็แค่นั้นเอง”
“ก็น้าอรเค้าไม่ชอบ เราก็อย่าดื้อเลยน่าพริม”
“พี่เอื้อย เล่าให้พริมฟังหน่อยสิ ว่าทำไมน้าอรถึงได้จงเกลียดจงชังพวกลิเกขนาดนั้นด้วย”
เอื้อยไม่อยากเล่า
ขนุนคะยั้นคะยออีกแรง “เล่ามาเถอะจ้ะ ขนุนก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกัน”
เอื้อยอึกอัก
“ชั้นก็อยากรู้เหมือนกัน”
ทุกคนหันไปเห็นเพชรเดินเข้ามา
“ชั้นอยากให้น้าอรกับพ่อดีกันเสียที ค่าย ศ.อรชร กับคณะเพชรสำเริง ทะเลาะกันมานานเกินไปแล้ว เราควรจะหาทางดีกันได้ซะทีนะ”
ไข่เค็มเห็นด้วยโน้มน้าวเอื้อยอีกแรง “หนูรู้ว่าน้าเอื้อยเองก็ไม่ชอบที่ 2 บ้านต้องทะเลาะกันใช่มั้ยจ๊ะ เพราะทำให้น้าเอื้อยคบกับพี่ลูกดอกไม่ได้”
เอื้อยลังเล ทุกคนคะงั้นคะยอ
“อ่ะๆๆๆ เล่าก็ได้ ชั้นเองก็อึดอัดเหมือนกันที่ต้องคอยปั้นหน้านางร้ายใส่พวกลิเกอยู่ตลอดเวลา ถ้าทุกคนรู้ความจริงแล้ว ต้องช่วยกันแก้ปัญหาด้วยนะ”
“จ้ะ” ทุกคนมีท่าทีกระตือรือร้น
“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...”
เอื้อยเริ่มเล่าเรื่องสีหน้าจริงจัง จนทุกคนเห็นเป็นภาพรักในอดีต
“ตอนที่อรกับนายเริงยังหนุ่มยังสาว เค้าเคยเป็นแฟนกันมาก่อน อรเค้าก็รักนายเริงมากจนตกลงปลงใจจะแต่งงานด้วย ถึงแม้จะมีคนทักว่านายเริงเจ้าชู้ อรก็ไม่ฟังเสียงเพราะเชื่อใจนายเริง...จนมีอยู่วันนึง เรื่องที่ชาวบ้านทักไว้ก็เป็นจริง นายเริงดันไปแต่งงานกับแม่มณีนางเอกลิเกคู่ขวัญแล้วก็ย้ายไปอยู่นครปฐมด้วยกัน อรทั้งโกรธทั้งอาย ก็เลยอาฆาตว่าชาตินี้จะไม่มีทางญาติดีกับพวกลิเกเด็ดขาด เพราะเป็นพวกปลิ้นปล้อนหลอกลวง”
เพชรฟังแล้วหน้าเครียด
ขนุนซัก “แล้วทำไมอยู่ๆ น้าเริงถึงย้ายกลับมาอยู่ที่ราชบุรีนี่ล่ะ”
“ก็แม่มณีดันมาประสบอุบัติเหตุตายน่ะสิ นายเริงก็เลยหอบเอาเพชรกลับมาอยู่ที่นี่ ยิ่งเป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงอรเข้าไปอีก” เอื้อยว่า
“ชั้นไม่เชื่อว่าจะเป็นคนแบบนั้น พ่อต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ”
“จะเหตุผลอะไรก็เถอะ แต่เรื่องมั้นก็นานมาแล้วนะ น้าอรควรจะให้อภัยน้าเริงได้แล้ว” ขนุนสรุป
“งั้นชั้นจะบอกให้พ่อมาขอโทษน้าอรเอง”
“อย่าว่าแต่ขอโทษเลย จะยอมให้เจอหน้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย”
คำพูดพริม ทำเอาทุกคนกลุ้ม
ไข่เค็มเจ้าแผนการ จอมไอเดียเอ่ยขึ้น “งั้นเราก็ต้องมีลูกเล่นนิดหน่อย เพื่อน้าอรจะได้ยอมเจอน้าเริง”
เอื้อยมองค้อน “ลูกเล่นอะไรของเอ็ง”
ไข่เค็มเรียกทุกคนมาสุมหัวฟังแผนการ

กลับถึงวัด เพชรกำลังออดอ้อนขอร้องสำเริงเป็นการใหญ่
“แกจะบ้ารึไง ให้ชั้นไปขอคืนดีแม่อรเนี่ยนะ ไม่มีทาง” สำเริงบอก ทิฐิ พลุ่งพล่าน
“แต่ชั้นได้ข่าวว่าพ่อเป็นคนหักอกน้าอรนะ พ่อก็ควรเป็นฝ่ายไปขอโทษสิจ๊ะ” เพชรว่า
สำเริงสะอึก มองหน้ากับแฉะ เพราะรู้ความลับกันอยู่ 2 คน
“ไหนๆ แม่หนูก็ตายไปตั้งนานแล้ว พ่อจะจีบน้าอรแล้วกลับไปเป็นแฟนกันอีกครั้ง ชั้นก็ไม่ว่าหรอกจ้ะ”
“นี่ไอ้เพชร อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ได้มั้ย”
“มันเป็นเรื่องของเราทุกคนนะพ่อ การประกวดวงลูกทุ่งครั้งนี้ เราต้องมีหางเครื่อง แล้วถ้าน้าอรไม่ยอมให้นักมวยมาเป็นหางเครื่องให้เรา เราก็ไม่มีสิทธิ์ชนะเลยนะพ่อ”
“เราอาศัยหลวงพ่ออยู่วัดไปตลอดชีวิตไม่ได้นะน้าเริง” ลูกดอกวาดหน้าซะเศร้า
“ชั้นคิดถึงเวทีลิเกจะแย่อยู่แล้ว ยอมคืนดีกับแม่อรเถอะนะ” จริยาเสริม
สำเริงมองลูกและชาวคณะ คิดหนัก
แฉะพูดเป็นนัย “พี่เริง เรื่องมันก็ผ่านมานมนานแล้ว ชั้นว่าแม่อรเค้าก็คงพร้อมจะยอมรับความจริงแล้วล่ะมั้ง”
สำเริงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ถึงเวลาที่ชั้นต้องยอมลดทิฐิลงมั่งแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
ทุกคนเฮดีอกดีใจ
“แล้วชั้นต้องทำอะไรบ้าง”
“แค่แต่งตัวหล่อๆ เตรียมไปรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนคืนนี้ก็พอจ้ะ เพราะตอนนี้ชั้นให้พริมเอาการ์ดเชิญไปให้น้าอรเรียบร้อยแล้ว”

อรชรนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ พริม ขนุน เอื้อย กะ ไข่เค็ม กำลังช่วยอ้อนอยู่ข้างๆ พริมยื่นการ์ดให้อรชร
“น้าอร น้าสำเริงฝากการ์ดมาขอโทษน้าอรจ้ะ”
“นายสำเริงเนี่ยนะ ขอโทษเรื่องอะไร”
เอื้อยคอยช่วย “ก็เรื่องเก่าเรื่องแก่ที่ผิดสัญญากับอรเมื่อครั้งกระโน้นไง”
อรชรหมั่นไส้ขึ้นมา “เชอะ เพิ่งจะมาสำนึกผิดเหรอ ชั้นไม่สนหรอก ชั้นลืมไปตั้งนานแล้ว เอาไปคืนเค้าซะ บอกว่าชั้นไม่รับ”
“ลองเปิดการ์ดอ่านดูก่อนสิจ้ะน้าอร”
อรชรสงสัย ยอมรับการ์ดมาเปิดดู เห็นข้อความในการ์ดเขียนว่า

อรจ๊ะ
ตลอดหลายสิบปีมานี้พี่หลับไม่สนิทเลยสักคืน
กินไม่อร่อยเลยสักมื้อ เพราะความรู้สึกผิดของพี่มันติดค้างอยู่กับอร
คืนนี้อรจะเมตตามาพบพี่หน่อยได้ไหมจ๊ะ พี่อยากขอโทษอรเหลือเกิน

รักและสำนึกผิด
พี่เริง

อรชรอ่านแล้วก็ใจอ่อน แต่ยังทำเป็นหยิ่งๆ “แล้วชั้นต้องทำอะไรบ้าง”
ทุกคนดีใจร้อง “เย้”
“แค่แต่งตัวสวยๆ เตรียมไปรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนคืนนี้ได้เลยจ้ะ”

ไข่เค็มยิ้มแฉ่งบอก

อ่านต่อหน้า 2

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 29 (ต่อ)

ฝ่ายเพชร แฉะ ลูกดอก และจิรยา กำลังช่วยสำเริงแต่งตัวชุดนั้นชุดนี้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เอาให้หล่อที่สุด เอาเจลป้ายผมเป๋ซ้าย เป๋ขวาหามุมที่หล่อที่สุด มีจงอยนิดหน่อย แต่งเสร็จแล้วสำเริงดูหล่อลากไส้มาก

ด้านพริม ขนุน เอื้อย แต่งตัวให้อรชร เลือกชุดที่สวยที่สุด เอื้อยแต่งหน้า ทำผมให้อรชร สวยเช้ง เอื้อยจะเอาดอกไม้อันเบ่อเร่อติดหัวอรชร แต่ทุกคนห้ามไว้
แต่งเสร็จแล้วอรชรสวยเด้งกระชากมาก ไข่เค็มชะโงกแอบดูอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ยังอดยิ้มชื่นชมไม่ได้

มีโต๊ะอาหารพอนั่งทานได้ 2 คน ตั้งเด่นอยู่ตรงมุมสวยสุดๆ มุมหนึ่งในวัด มีผ้าขาวม้าปูโต๊ะ เชิงเทียนที่หยิบมาจากโต๊ะหมู่บูชาพระบนศาลา ดอกดาวเรืองที่ชาวบ้านเอามาไหว้พระเมื่อเพลประดับโต๊ะ แลดูโรแมนติก
สำเริงถือช่อดอกไม้ อันเป็นดอกกล้วยไม้ปนดอกบัวที่ชาวบ้านนำมาไหว้พระ แต่ถูกจัดใหม่จนสวยงาม ยืนรออยู่อย่างประหม่า เพชรอยู่ด้วยช่วยปลอบ
“จะสั่นทำไมล่ะพ่อ ตื่นเต้นเหรอ”
“ไม่ได้ตื่นเต้น ชั้นสั่นไล่ยุง ยุงมันตอม”
พริมพาอรชรเข้ามา ฝ่ายนั้นก็ประหม่าเอาการเหมือนกัน
“มาแล้วจ้ะ มาแล้ว”
สำเริงเห็นอรชรสวยพริ้งก็ยิ้มแฉ่ง อรชรทำเป็นฟอร์ม เชิดหยิ่ง
“งั้นชั้นไปก่อนนะพ่อ พริมเราไปกันเถอะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เค้าพลอดรัก เอ้ย คุยกัน”
เพชรกับพริมพากันออกไปแล้ว

สำเริงกับอรชรมองหน้ากัน เขินๆ อายๆ กันไปมา สุดท้ายอรชรเอ่ยขึ้น “นี่จะยืนมองหน้ากันอีกนานมั้ย”
“อุ๊ย” สำเริงไปเลื่อนเก้าอี้ให้ “เชิญนั่งจ้ะ” พลางยื่นดอกไม้ให้ “นี่จ้ะดอกไม้”
อรชรมองดอกไม้แล้วค้อน “ไม่ปักธูปปักเทียนมาด้วยเลยล่ะ”
“แหม อร ก็ชั้นไม่มีเงินซื้อดอกไม้แพงๆ นี่จ๊ะ แล้วในวัดก็มีแต่ดอกพวกนี้ซะด้วย แต่ชั้นเลือกดอกที่สวยที่สุดมาเลยนะ แต่พอมาอยู่กับอรแล้ว ความสวยของอรก็กลบดอกไม้หมดเลย”
เจอคำหวานอดีตพระเอกลิเกดอกแรก อรชรเขินแต่พยายามปกปิดอาการ
“มีธุระอะไรรีบมาว่ามา”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องธุระสิอร เรามารำลึกความหลังสมัยที่เราจีบกันใหม่ๆ กันก่อน”
สำเริงปรบมือ 2 ที
ไข่เค็มในชุดบริกรถือถาดอาหารออกมาวาง เป็นพวกแกง ผัดผัก ไข่ต้ม อาหารพื้นๆ ใส่มาในจานสังกะสีของวัด แต่ก็เห็นความพยายามจัดแต่งจนสวยงาม ไข่เค็มเสิร์ฟเสร็จหายศีรษะออกไป
“อาหารที่ชาวบ้านใส่บาตรมาทั้งนั้นเลยใช่มั้ยเนี่ย”
สำเริงยิ้มแหะๆ

พุ่มไม้แถวนั้น เต็มไปด้วยบรรดากองเชียร์ ที่ซุ่มดูอยู่ครบทีม ทั้งพริม เพชร ขนุน แฉะ ลูกดอก จริยา และ ไข่เค็มที่เสิร์ฟเสร็จก็เข้ามาซุ่มดูด้วย
“ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นพ่อกับน้าอรจู๋จี๋กันก็คราวนี้แหละ” เพชรยิ้ม ทุกอย่างท่าทางไปได้สวย
“ชั้นก็เพิ่งเคยเห็นน้าอรเขินเหมือนกัน”
“ชั้นว่าคราวนี้มีหวัง ได้มีคู่รักเพิ่มอีกคู่แน่ๆ” ขนุนหัวเราะคิกคัก
เอื้อยกระแซะลูกดอก “ลูกดอก เรามาเป็นอีกคู่นึงดีมั้ยจ๊ะ”
“เอ่อ... ลองถามพี่แฉะดูสิจ๊ะ”
แฉะไม่พลาด ส่งสายตาปิ๊งๆ ให้เอื้อย ถูกด่าจตามระเบียบ
“ว้าย ไปไกลๆ”
จริยารำคาญ “เงียบๆ ได้มั้ย ชั้นจะฟังเค้าคุยอะไรกัน”

ที่โต๊ะดินเนอร์ในวัด สำเริงเริ่มตักกับข้าวให้อรชร
“เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันอย่างนี้นานแล้วเนอะอร จำได้เราเคยคุยกันว่าเราจะกินข้าวด้วยกันทุกวัน อย่างน้อยต้องวันละมื้อ อรจำได้มั้ย”
“จำได้แม่นเลยล่ะ แต่ใครบางคนกลับผิดสัญญา หนีไปแต่งงานกับคนอื่นซะก่อน” อรชรประชด
“มันจำเป็นน่ะอร ชั้นไม่ได้จะอยากทำอย่างนั้นเลยนะ” น้ำเสียงสำเริงจริงจังมาก
อรชรย้อน “ไม่อยากเหรอ จะบอกว่าถูกบังคับให้แต่งงานกับมณีงั้นสิ”
“เปล่า” สำเริงอึดอัด “จะพูดยังไงดี”
“ก็พูดความจริงไง ไม่เห็นจะยาก มัวอึกอักอะไรอยู่”
“อร ฟังดีๆ นะ” สำเริงถอนใจ แล้วบอกออกมาว่า “ชั้นไม่ได้แต่งงานกับมณี ชั้นไม่เคยมีอะไรกับมณีเลย”
อรชรอึ้งๆ งงๆ
พวกที่ซุ่มดูอยู่ งงทั้งแถบ มีแฉะคนเดียวที่ลุ้นมากกว่าใคร เพราะรู้ความจริงอยู่แล้ว
อรชรตะลึง “หมายความว่ายังไง แล้วเพชรเป็นลูกใคร”
“เพชร เป็นลูกของมณีกับสำรวยน้องชายชั้น”
อรชรอึ้ง พวกกองเชียร์ที่ซุ่มดูอยู่ก็อึ้ง โดยเฉพาะเพชร อึ้งหนักกว่าใคร
“สำรวยกับมณีเค้าแอบรักกันมาตั้งนานแล้ว จนวันนึงมณีรู้ตัวว่าท้อง สำรวยก็เลยพาหนีออกจากคณะไปอยู่นครปฐม กว่าชั้นจะไปตามเจอ เพชรก็อายุได้ 3-4 เดือนแล้ว แต่ก็โชคร้ายที่อยู่ๆ สำรวยกับมณีก็มาประสบอุบัติเหตุตายกระทันหัน”
อรชรเดาเรื่องได้ “เธอก็เลยรับเลี้ยงเพชรเป็นลูก”
“ใช่ เพราะชั้นสงสารเพชร ไม่อยากให้เพชรกลายเป็นเด็กไม่มีพ่อมีแม่ ชั้นก็เลยต้องบอกใครต่อใครว่าชั้นคือพ่อของเพชร”
“แล้วเรื่องการ์ดแต่งงานระหว่างเธอกับมณีล่ะ”
“ก็ตอนนั้นชั้นคิดว่าถ้าชั้นมีลูก ชั้นจะมีกับใครถ้าไม่ใช่มณี ชั้นก็เลยจำต้องหลอกทุกคนว่าชั้นแต่งงานมีลูกกับมณี แล้วชั้นก็ต้องยอมตัดใจจากเธอเพื่อเลี้ยงดูเพชร”
“แต่ถึงเธอจะต้องเลี้ยงเพชร เราก็ยังแต่งงานกันได้นี่”
“ก็ชั้นเห็นว่าเธอไม่ชอบมณี ชั้นก็กลัวว่าเธอจะรังเกียจเพชรไปด้วย”

เพชรเล่าเรื่องเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนพาเพชร กลับมาบ้านทุ่งไก่หลงใหม่ๆ
เวลานั้น เด็กชายเพชรแท้อายุ 5 ขวบ กำลังเล่นของเล่นอยู่กับสำเริงที่บ้าน พ่อลูกเอาตัวตุ๊กตุ่นมาสู้กันอย่างสนุกสนาน
“พลังหมัดขี้หักใน! ...อชี่ส์”
เพชรเอาตุ๊กตุ่นต่อยตุ๊กตุ่นของสำเริง ตุ๊กตุ่นในมือสำเริงกระเด็นไป
“แว้ก...ร้ายกาจมาก เจ้าอัศวินเพชรแท้ โดนเจ้าต่อยไปถึงกับหักในเลย ขอตัวไปอึอึ๊ก่อนนะ”
สำเริงวางตุ๊กตุ่น “พ่อไปเข้าห้องน้ำก่อนนะลูก”
อรชรเดินเข้ามาพอดี
“อร พี่ฝากดูเพชรหน่อยนะ”
“จ้ะ”
อรชรยิ้มชั่ว แถมทำหน้าตาร้ายกาจใส่ เพราะรังเกียจเพชรมาก
เพชรเอาตุ๊กตุ่นมาสู้กัน แล้วกระเด็นไปโดนอรชร
“ขอโทษจ้ะแม่”
อรชรแว้ดใส่ “ไม่ต้องมาเรียกชั้นว่าแม่ ชั้นไม่ใช่แม่แก แล้ววันหลังก็เล่นให้ระวังหน่อย ไม่งั้นชั้นจะเอาไปทิ้งให้หมดเลย”
ไม่เท่านั้น อรชรเอาตุ๊กตุ่นปาใส่เพชร
เพชรโกรธ “แม่ใจร้าย”
“แกกล้าว่าชั้นเหรอ อีเด็กเปรต แกมันลูกอีนังมณี ชั้นเกลียดแก”
อรชรเข้าหยิกตีเพชรหมับ หยิกแล้วบิดๆๆ เพชรร้องไห้จ้า

อรชรฟังเรื่องที่สำเริงเล่าแล้วโมโหมาก
“นี่เธอบ้ารึเปล่า คิดไปได้ยังไงว่าชั้นจะเป็นคนใจร้ายแบบนั้น”
“ก็ตอนนั้นชั้นอยู่ในช่วงสับสน คิดอะไรฟุ้งซ่านไปหมด แล้วยิ่งตอนนั้นพี่สาวเธอเอาหลานมาฝากเธอเลี้ยงด้วย ชั้นก็กลัวว่าเธอจะรักหลานเธอมากกว่า แล้วหลานเธอจะมาแกล้งเพชรด้วย”

ภาพในอดีตจากความทรงจำของสำเริงผุดขึ้นมา เวลานั้นเด็กชายเพชรแท้วัย 5 ขวบ กำลังกินไอติมแท่งอยู่อย่างเอร็ดแอร่ม
เด็กหญิงพริมวัยเท่ากัน เดินกร่างท่าทางเกเรเข้ามา
“เพชร ไอติมอร่อยมั้ย”
“อร่อยสิ”
“ขอกินมั่งได้ป่าว”
“อ้าว แล้วของพริมไปไหนล่ะ พ่อซื้อให้คนละแท่งไม่ใช่เหรอ”
“ชั้นกินหมดแล้ว ชั้นอยากกินอีก” พริมยื่นมือไปจะเอาไอติม
“ไม่ได้นะ อันนี้ของเพชร”
เพชรรีบเลียๆ ดูดๆ ไอติมอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วชั้นจะไม่กล้ากินเหรอ”
พริมแค้น เดินเข้าหาเพชรอย่างคุกคาม เพชรกลัวถดตัวถอยหนี
พริมเข้าล็อคคอเพชรแย่งไอติม เพชรขัดขืนไม่ยอมให้
“ส่งไอติมมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ฮือ ช่วยด้วย พริมแย่งไอติมเพชร” เด็กชายเพชรร้องลั่น
ไอติมละเลงเลอะปากเพชรไปหมด ยื้อแย่งกันไปมา
จนอรชรเข้ามา คิดว่าเพชรรังแกพริม
“ว้าย เพชรแกทำอะไรพริม”
“น้าอรจ๋า เพชรเค้าแย่งไอติมพริมจ้ะ” พริมฟ้อง
“เหลือเกินจริงๆเด็กคนนี้ เอามานี่”
อรชรดึงไอติมมาจากมือเพชรแล้วส่งให้พริม พริมรับไปกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อย
“ฮือ... ไอติมของหนู” เพชรร้องไห้
“ยังจะมาร้องอีก”
อรชรหยิกตีเพชร จนเพชรร้องไห้จ้า ส่วนพริมหัวเราะอย่างสะใจ

ฟังถึงตอนนี้อรชรโกรธมาก
“บ้าไปแล้ว ชั้นไม่ได้เป็นคนจิตใจโหดร้ายแบบนั้นซะหน่อย”
“ก็บอกแล้วไงว่าตอนนั้นชั้นคิดได้แค่นั้น ก็เลยทำอะไรโง่ๆ ลงไป แล้วไอ้แฉะก็เป็นคนคิดแผนนี้ให้ด้วย ชั้นไม่ได้คิดเอง”
แฉะฟังอยู่เซ็ง “อ้าว โบ้ยกูอีก”

อรชรโกรธสุดขีด
“เล่าหมดรึยัง”
“หมดแล้วจ้ะ หวังว่าอรจะให้อภัยชั้นนะ”
อรชรแผดเสียงใส่ “ให้อภัยเหรอ ยิ่งทำให้ชั้นโกรธต่างหาก! ทำไมต้องโกหกกันด้วย! ทำไมต้องคิดไปเองว่าชั้นจะเป็นคนใจร้าย เรา 2 คนเสียเวลาโกรธตั้ง 20 กว่าปีเพราะเรื่องโง่ๆ ที่เธอแต่งขึ้น ไหนๆ เธอทำให้ชั้นโกรธได้มาตั้งนานแล้ว ก็อย่าดีกันเลย”
อรชรปาช่อดอกช่อดอกไม้ใส่หน้าสำเริงแล้วเดินหุนหันออกไป
“อร อย่าเพิ่งไปอร”
เพชรแสดงตัวลุกยืนขึ้นจากที่ซุ่มอยู่ ตะลึงตะไลกับสิ่งที่เพิ่งรู้
“พ่อ”
“เพชร” สำเริงอึ้ง ไม่คิดว่าเพชรจะแอบฟังได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว

สำเริงพาเพชรเดินออกมาคุยกันสองต่อสอง
“พ่อ...ที่พ่อเล่าเมื่อกี้ เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”
“จริง... เรื่องจริงทุกอย่างเลย แกคงไม่โกรธชั้นนะ”
“ไม่โกรธหรอกจ้ะ ไม่มีอะไรน่าโกรธซะหน่อย”
“แกรู้ความจริงแล้ว ก็เลิกเรียกชั้นว่าพ่อได้แล้ว ให้เรียกลุงเริงแทนละกัน”
“ไม่จ้ะ หนูจะเรียกพ่อว่าพ่อ พ่อเป็นคนเลี้ยงหนูมา สอนให้หนูเล่นลิเก สอนให้หนูเป็นคนดี มีศักดิ์ศรี ...พ่อรักหนูเหมือนลูก แล้วจะไม่ให้หนูเรียกว่าพ่อได้ยังไง หนูรักพ่อจ้ะ”

เพชรกอดสำเริงด้วยความรัก สำเริงซาบซึ้งกอดตอบ

อ่านต่อหน้า 3

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 29 (ต่อ)

พวก พริม ขนุน เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา และไข่เค็ม เครียดจัด แผนผิดพลาดไปหมด

“เอาไงดีล่ะทีนี้ แทนที่จะดีกัน น้าอรยิ่งโกรธเข้าไปอีก”
“เพราะแกคนเดียวเลยไอ้แฉะ ถ้าแกไม่วางแผนบ้าๆ บอๆ หลอกว่านายเริงแต่งงานกับมณี เรื่องวุ่นวายทั้งหมดมันก็จะไม่เกิดขึ้น” เอื้อยโมโหจนพาล หันมาด่าแฉะ
“ก็ตอนนั้นชั้นยังเด็กอยู่นี่ ทำอะไรไม่คิดให้ดีก่อน ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
สำเริง และเพชรกลับเข้ามาสมทบ
“อย่าว่าแฉะมันเลย เรามาหาทางทำให้อรหายโกรธดีกว่า” สำเริงว่า
จริยาหันมาหาเอื้อย “เอื้อย แกสนิทกับอร แกพอจะมีวิธีทำให้อรหายโกรธมั้ย”
“ชั้นว่าไม่น่าจะยากแล้วนะ เพราะว่าเรื่องในอดีตก็เฉลยแล้วว่านายเริงไม่ได้หนีไปแต่งงานกับมณี ตอนนี้ก็คงแค่งอนๆ เอ๊ เอาไงดีน๊า...”
ไข่เค็มเสนอ “เอางี้สิจ๊ะ น้าเริงก็จีบน้าอรใหม่ จะได้เป็นแฟนกันใหม่ไงจ๊ะ”
ทุกคนเห็นดีเห็นงามตามกัน

เช้าวันถัดมา อรชร พริม เอื้อย และไข่เค็ม กำลังเดินเลือกซื้อของในตลาดหมู่บ้านอยู่ อรชรเดินนำหน้าเลือกดูของสด พริมมองซ้ายมองขวากระซิบกับขนุน
“พวกน้าเริงเค้าจะมาเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้ง แต่จะมาอีท่าไหนก็ไม่รู้นะ”
เสียงฉิ่งฉับดังแว่วมา เป็นสัญญาณ
แลเห็นเพชรเข็นรถเข็นผักเข้ามา มีสำเริงแต่งตัวหล่อนั่งอยู่บนเก้าอี้บนรถเข็น แฉะ ลูกดอก และจริยา ถือฉิ่งฉับกรับโหม่งตามมา เพชรเข็นรถมาหยุดหน้าอรชร ชาวบ้านสนใจมุงดู
สำเริงเปิดฉากร้องลิเกป้อ
“สวัสดีจ้ะแม่อร อย่าเพิ่งงอนอย่าเพิ่งโกรธ วันนี้พี่มาขอโทษ ขอได้โปรดให้อภัย พี่นี้รักเจ้าสุดแสน ขอเป็นแฟนจะได้ไหม”
อรชรคุมแค้นที่สำเริงมามุกนี้ หันไปคว้าไม่ตีปลาดุกมาจากแม่ค้า
“แม่ค้า ขอยืมหน่อยนะ จะไปฟาดหัวหมา”
เอื้อยตาเหลือก “อร! เค้าเอาไว้ฟาดหัวปลาไม่ใช่ฟาดหัวหมา อย่าใช้ผิดปะเภท”
อรชรไม่ฟังเสียงเดินลิ่วจะไม้ไปฟาด สำเริงร้องลั่น
“ไอ้เพชร เผ่นเร็ว”
“น้าอร อย่า...” พริมร้องห้าม
พวกลิเกวงแตก กระเจิงหนีไปคนละทาง พวกพริมรีบห้ามอรชร
เพชรเข็นรถเร็วจนสำเริงร่วงลงจากรถเข็น ต้องช่วยกันทุลักทุเล
อรชรวิ่งไล่พวกสำเริงไปทั่วตลาด ชาวบ้านเห็นพากันขำกลิ้ง เป็นที่สนุกสนาน

อรชรเดินหลับเข้าค่ายมาอย่างอารมณ์เสียกรุ่นๆ อยู่ คนอื่นๆตามมา
“พวกนั้นรู้ได้ยังไงว่าชั้นไปตลาด”
พริม ขนุน เอื้อย ไข่เค็ม มองหน้ากัน ต่างคนต่างกระอึกกระอัก
อรชรหันขวับไปมองทุกคน อย่าเอาเรื่อง แต่ละปฎิเสธกันพัลวัน
“เปล่านะ” / “ชั้นไม่ได้บอก” / “ไม่รู้เรื่องเลย” / “พวกนั้นรู้กันเอง”
อรชรเอียงคอมองเหล่จับผิด “หวังว่าคงไม่มีใครไปร่วมมือกับไอ้พวกลิเกนะ”
ทุกคนยิ้มแหยๆ ส่ายหน้าดิก

ส่วนในลานประชุมกลางวัด ครบองค์ประชุมเช่นกัน
“ชั้นว่าน้าอรคงจะฟังลิเกมาจนเบื่อแล้วล่ะมั้ง ก็เลยไม่ชอบ” เพชรบอกเซ็งๆ ที่แผนผิดพลาดไปหมด
สำเริงส่ายหัว “เป็นไปได้ว่ะ เพราะเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ชั้นก็จีบอรด้วยการร้องลิเกเนี่ยแหละ”
“แล้วสมัยนี้เค้าจีบกันวิธีไหนล่ะ” แฉะถามขึ้น
“มันต้องไฮเทคหน่อยสิ แบบทำคลิปวิดีโอ ส่งไลน์ หรือว่าจีบทางเฟซบุ๊ค”
จริยาเซ็ง “ไอ้ลูกดอก พวกเราไม่มีใครมีโทรศัพท์กันเลยซักคน แล้วจะเอาที่ไหนมาถ่ายคลิป ส่งไลน์ เฟซบุค ห๊ะ”
ทุกคนเซ็ง มองตากันปริบๆ
เพชรเครียด “ย๊าก”
“เป็นอะไรไอ้เพชร” แฉะกะคนอื่นงงทั้งแถบ
“กลุ้มใจ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันประกวดแล้ว ถ้าพ่อกับน้าอรยังไม่คืนดีกัน เราก็จะไม่มีหางเครื่อง ถ้าเราไม่มีหางเครื่อง เราก็หมดสิทธิ์ชนะ ถ้าเราหมดสิทธิ์ชนะ เราก็หมดสิทธิ์ได้บ้านคืน อ๊าก จะทำไงดี”
สำเริงลำบากใจ เครียดจัด
“ชั้นยังเหลือสมบัติอยู่อีกชิ้นนึง ถ้าเอาไปขาย ก็คงพอจะเอาไปผ่อนผันเรื่องบ้านกับไอ้ปลัดได้บ้าง”

ถัดมา สำเริงเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบกล่องแหวนออกมา ทุกคนลุ้นดูว่าเป็นอะไร
“นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของชั้นแล้ว”
สำเริงเปิดกล่องแหวนออก ทุกคนเห็นก็ตาวาว
“แหวน! นี่มันแหวนอะไรเหรอพ่อ”
“มันคือแหวนที่ชั้นซื้อเตรียมจะไปหมั้นอรเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ชั้นก็ไม่ได้ได้มัน ในเมื่อไม่ได้ใช้แล้ว ก็สู้เอาไปขายเอาเงินไปส่งปลัดดีกว่า”
ทุกคนทำหน้าเสียดาย
“ไม่มีทางออกอื่นแล้วเหรอพี่เริง” แฉะท้วง
“เสียดาย สู้เก็บรักษามาตั้งนาน”
“พ่อ ในเมื่อมันจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ ชั้นว่าเสี่ยงไปเลยดีกว่า แทนที่จะเอาแหวนไปขาย ก็เอาแหวนไปขอน้าอรแต่งงานเลย”
ทุกคนมองหน้าเพชร แล้วมองกันไปมา เป็นเชิงหารือจะดีหรอ
สำเริงฮึดบอก “เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ตาย ก็เท่านั้นเอง ไป! พวกเรา ลุย”
สำเริงลุกจะเดินไป ลูกดอกเรียกไว้
“เดี๋ยวๆๆ จะไปขอสาวแต่งงานทั้งที จะเดินไปดุ่มๆ แบบนี้ได้ไง มันต้องมีวิธีที่น่ารักๆหน่อยสิ”
“วิธีอะไรของเอ็งวะ วิธีน่ารักๆ”

เย็นนั้นอรชรอยู่ในชุดจ๊อกกิ้ง เดินมาหน้าค่าย เตรียมออกถนนน
“ชั้นจะออกไปวิ่งนะ ถ้าไอ้พวกลิเกมาก็ไล่มันไปด้วย แล้วอย่าบอกพวกมันเด็ดขาดนะว่าชั้นไปไหน”
พริม ขนุน เอื้อย และ ไข่เค็ม รับ “จ้ะ” พร้อมเพรียง
อรชรวิ่งออกไปไกลแล้ว พริมรีบบอก
“ไข่เค็ม รีบไปบอกเพชรเร็ว ว่าน้าอรวิ่งออกไปแล้ว”
“ครับผม”
ไข่เค็มวิ่งปรู้ดออกไป
“แล้วเราล่ะพริม เราจะตามไปดูดีมั้ย” เอื้อยหารือ
พริมบอก “ช็อตเด็ดแบบนี้ จะพลาดได้ไง”
“ชั้นเตรียมอัดคลิปไว้ด้วยดีกว่า” ขนุนว่า

พริม ขนุน เอื้อย พากันตามออกไป

อ่านต่อหน้า 4

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 29 (ต่อ)

สองข้างทางเป็นทุ่งนาข้าวเขียวขจีสุดลูกตา เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้าง อรชรวิ่งจ๊อกกิ้งมาตามทางสายนั้น จนมาถึงจุดหนึ่ง

โดยที่พุ่มไม้ข้างทางเลยไปหน่อย เพชร สำเริง แฉะ ลูกดอก จริยา และ ไข่เค็มซุ่มอยู่ สำเริงใส่ชุดมาสคอตหมีน้อยแต่ยังไม่สวมหัว
“ไอ้ลูกดอก ใส่ชุดนี้แล้วแม่อรจะชอบเหรอวะ”
“เชื่อชั้นเถอะน่า เพื่อนชั้นที่เป็นเจ้าของร้านเช่าชุด บอกว่าชุดนี้ขายดีที่สุดเลย ใครเช่าไปใช้นะ สมหวังทุกราย” ลูกดอกว่า
“จริงๆนะพี่เริง ชั้นเห็นชั้นยังชอบเลย ผู้หญิงชอบอะไรที่คิกขุๆ ถ้ามีผู้ชายใส่ชุดหมีมาขอชั้นแต่งงาน ชั้นตอบรับแบบไม่ต้องคิดเลยล่ะ” จริยาบอกมาดยังกะผู้เชี่ยวชาญ
เพชรชะโงกดู “พ่อๆๆ น้าอรวิ่งมานู่นแล้ว”
เพชรช่วยสำเริงใส่หัวหมี ทุกคนซุ่มดู, เห็นอรชรวิ่งผ่านไป
สำเริงออกจากพุ่มไม้วิ่งตาม เว้นระยะห่างประมาณหนึ่ง

อรชรวิ่งมาโดยยังไม่รู้ตัวว่ามีสำเริงในชุดหมีวิ่งตามมา จนอรชรชักรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนวิ่งตาม จึงเหลียวหลังเหล่มอง แล้วหันขวับไปดู อรชรเห็นคนในชุดหมีวิ่งตามก็ตกใจ
“แกเป็นใคร”
สำเริงพูดไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้หมายจะเอาแหวนไปให้
“อย่าเข้ามาใกล้ชั้นนะ ถอยไป”
อรชรเริ่มตั้งการ์ด สำเริงพยายามโบกไม้โบกมือว่าไม่มีอะไร แล้วเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ อรชรระวังตัวแจ
“ถ้าแกยังเข้ามาอีก แกเจอดีแน่”
สำเริงเข้าไปใกล้อีก พร้อมกับยื่นกล่องแหวนให้ อรชรคิดว่าจะมาทำร้ายก็เตะมือสำเริงเต็มแรง กล่องแหวนกระเด็นลอยไปบนอากาศ
อรชรเตะต่อยหมีรัวๆ เจ้าหมีปัดป้อง แล้วก็มองหากล่องแหวน เห็นกล่องแหวนตกกลางถนนก็รีบจะไปเก็บ อรชรไม่ยอมลากหมีมาซ้อมต่อ
“ไอ้โรคจิต แกต้องโดน”
เจ้าหมีดิ้นหนี จนหลุดรอดจากอรชร ตะกายไปเก็บกล่องแหวนกลางถนนจนได้
เผอิญมีรถใหญ่วิ่งมาเฉี่ยวหมีไปอย่างแรง จนหัวหมีหลุดออก อรชรเห็นว่าเป็นสำเริงก็ตกใจ
พวกเพชร แฉะ ลูกดอก จริยา และ ไข่เค็มวิ่งตามมาเห็นก็แทบช็อก
“พ่อ”
ร่างสำเริงล้มลง อรชรตกใจรีบถลันเข้าไปดู
พริม ขนุน และเอื้อย ขี่รถเครื่องซ้อน 3 เข้ามา
“น้าเริง”
ทุกคนมะรุมมะตุ้มเข้าไปมุงดู
อรชรยิ่งแค้น “นายเริง! ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
สำเริงกำลังเบลอใกล้หมดสติ รวบรวมแรง ยื่นกล่องแหวนให้อรชร
“แต่งงานกันนะอร ที่รักของพี่”
อรชรอึ้ง สำเริงเป็นลมหมดสติไป ทุกคนตกใจ ตะโกนเรียก
“นายเริงๆๆ”/ “พ่อเริง” / “พี่เริง”

สำเริงนอนสลบอยู่เป็นนานมีผ้าก็อซพันหัว จนฟื้นตื่นขึ้นมา มองไปเห็นอรชรป้อนยาขมอยู่ข้างๆ
“นี่มันยาหม้อสูตรค่ายศ.อรชรนี่ ชั้นจำได้ ตอนนั้นเราไปเที่ยวงานวัดกัน แล้วก็มีพวกลูกผู้ใหญ่บ้านมาแซวเธอ ชั้นก็เลยเข้าไปชกกับพวกมัน”
“แล้วสุดท้ายชั้นก็ต้องเป็นคนไปช่วยเธอออกมาแล้วก็ต้มยาให้เธอกิน เธอนี่ไม่ห่วงชีวิตตัวเอง ชอบทำอะไรบ้าๆ ไม่เปลี่ยนเลย”
“ชั้นรักเธอไม่เปลี่ยนต่างหาก”
อรชรเหวอ เขินมาก ไปไม่เป็น วางกระติกยา
“กินเองได้แล้ว ชั้นจะกลับแล้ว”
อรชรจะลุกหนี สำเริงจับมือไว้
“อย่าเพิ่งไปสิอร เธอยังไม่ได้ตอบชั้นเลย”
“ตอบอะไรอีกล่ะ”
“ก็เรื่องแต่งงานไง”
อรชรเขินสุดๆ สำเริงหยิบแหวนออกมา
“ชั้นเก็บแหวนวงนี้มา 20 ปีแล้ว ไม่ว่าจะลำบากยากจนไม่มีจะกินยังไง ชั้นก็ไม่เคยคิดจะขาย เพราะชั้นรอวันที่จะมอบให้เธอ แล้วชั้นก็เลือกวันนี้แหละ แต่งงานกันนะอร”
“จะแต่งไปได้ยังไง ที่ซุกหัวนอนเธอยังไม่มีเลย ชั้นไม่ยอมไปทนกัดก้อนเกลือกินหรอกนะ อยู่คนเดียวก็สบายดีอยู่แล้ว”
“อยู่คนเดียวมันจะดีกว่าอยู่ 2 คนได้ยังไงล่ะ เวลาคันหลังใครจะเกาให้ ส่วนเรื่องบ้าน ก็ถ้าอรอนุญาตให้พริมมาร้องเพลงคู่เพชร ยอมให้พวกนักมวยมาเป็นหายเครื่อง ชั้นก็มีสิทธิ์ได้บ้านคืนอยู่นะ”
สำเริงมองอรชรด้วยสายตาหวานเยิ้มออดอ้อนสุดขีด

เย็นวันนั้น เพชร กะพริมเดินหน้าเครียดคู่กันเข้ามาในค่าย
“พริม เธอว่าน้าอรจะยอมคืนดีกับพ่อชั้นมั้ย”
“ไม่รู้สิ น้าอรน่ะใจแข็งจะตาย”
“เธอก็เลยได้รับนิสัยใจแข็งมาจากน้าอรด้วยใช่มั้ย”
“เปล่าซะหน่อย ชั้นใจแข็งเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่เธอไม่ยอมคืนดีกับชั้นเหมือนกันน่ะสิ”
“ก็ถ้าน้าอรยอมคืนดีกับพ่อเธอ ชั้นก็จะยอมคืนดีกับเธอ”
เพชรดีใจมาก “จริงนะ”
“อือ”
“แล้วถ้าน้าอรยอมเป็นแฟนกับพ่อชั้นล่ะ เธอก็จะยอมเป็นแฟนกับชั้นด้วยใช่มั้ย”
“ไอ้บ้า ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”
“อ้าว ก็ถามเผื่อไว้ แล้วถ้าน้าอรยอมแต่งงานกับพ่อชั้นล่ะ”
“หยุดเลย ไม่พูดด้วยแล้ว”
พริมเขิน เดินหนีไป เพชรตามติด
“เดี๋ยวก่อนสิพริม”

ขนุน เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา และไข่เค็ม กำลังนั่งรอกันอยู่หน้าศาลา
“เจ้าประคู้ณ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้แม่อรคืนดีกับพี่เริงซักทีเถิ้ด แล้วก็ขอให้น้องเอื้อย เห็นใจในความรักของพี่แฉะซักทีเถิ้ดดด สาธุ”
เอื้อยเซ็ง “ไอ้ข้อแรกน่ะพอเป็นไปได้ แต่ไอ้ข้อหลังน่ะอย่างหวังเลย”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะน้องเอื้อย”
“ก็เพราะหัวใจชั้นมีเจ้าของอยู่แล้วน่ะสิ”
เอื้อยส่งสายตาให้ลูกดอกปิ๊งๆๆ ลูกดอกผวา พริมเดินลิ่วนำเพชรเข้ามา
“น้าอรว่าไงบ้าง”
“ยังไม่รู้เลย พวกเราก็รออยู่เนี่ย”
สักครู่ทุกคนเห็นอรชรเดินออกมาหน้าตาเฉยเมย ส่วนสำเริงตามออกมาหน้ายิ้มๆ
“น้าอรจ๊ะ ตกลงยอมยกโทษให้พ่อรึยังจ๊ะ”
เพชร และกองเชียร์ทุกคนลุ้นขี้เยี่ยวแทบราด
“จริงๆ แล้วชั้นก็ยังไม่หายโกรธหรอกนะ แต่ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ชั้นทำให้นายเริงเกือบโดนรถชน ชั้นก็...ยอมคืนดีด้วยก็ได้”
ทุกคนร้องเฮ เพชรกระโดดกอดพริม เอื้อยฉวยโอกาสกระโดดกอดลูกดอก
“แล้วเรื่องประกวดพรุ่งนี้ล่ะจ๊ะ” เพชรถามหน้าตาลุ้น
“อยากทำอะไรก็ทำ ชั้นยอมให้ครั้งนึงก็แล้วกัน”
ทุกคนเฮลั่น
“พริม เราไปซ้อมร้องเพลงกันต่อเถอะ”
เพชรจับมือพริมวิ่งไป
“โอ๊ย ชั้นเดินเองได้”
อรชรตะโกนไล่หลังไป “นี่ๆๆๆ มือน่ะปล่อย”
สำเริงจับมืออรชร “แต่ชั้นจับได้ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ไม่ได้”
อรชรสะบัดมือออก แล้วเอานิ้วจิ้มแผลสำเริงจังๆ
“โอ๊ย”

สำเริงแหกปากร้องลั่น

อ่านต่อตอนที่ 30
กำลังโหลดความคิดเห็น