ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 28
ค่ำคืนนั้น แฉะ ลูกดอก และ จริยา กางมุ้งเสร็จ กำลังจะเข้านอน แฉะกราบหมอนขอพรผีกะเจ้าที่เจ้าทาง แทนที่จะขอพรพระ
“เจ้าที่เจ้าทาง สัมภเวสีเร่ร่อนที่อยู่แถวนี้ทั้งหลาย ขอพวกเรานอนด้วยอีกสักคืนนะจ๊ะ ถ้ามีเงินไถ่บ้านเมื่อไหร่เราจะรีบย้ายออกไปเลยจ้ะ”
ขาดคำ มีเสียงหมาหอนดังโหยหวนติดต่อยาวนาน จนทั้ง 3 ผวา
“เค้าคงรับรู้แล้วล่ะเรารีบนอนกันเถอะ” ลูกดอกบอก
จริยาเอ่ยขึ้น “นี่ๆ จำได้มั้ย เมื่อหลายเดือนก่อนที่หลวงพ่อถูกผีหลอกอ่ะ”
“เรื่องตั้งนานแล้ว จะพูดอีกทำไมล่ะ” แฉะฉุน
“ก็ชั้นกลัวนี่ ขนาดพระยังโดนเลย แล้วนับประสาอะไรกับเรา”
“ไม่เอา ไม่คุยด้วยแล้ว นอนดีกว่า”
ทั้ง 3 ล้มตัวลงนอน จริยาเผอิญมองเห็นอะไรเป็นเงาตะคุ่มๆ อยู่มุมหนึ่ง
ที่แท้สิ่งนั้นคือ กล้า ที่ให้ เอี้ยง ขี่คอ ใส่หน้ากากผี เอาผ้าขาวยาวคลุมตัว
“ฉะ ฉะ แฉะ” จริยาปากสั่น
แฉะหงุดหงิดรำคาญ “เรียกทำไม จะนอน”
“ฉะ ฉะ แฉะ”
“มีอะไรก็ว่ามาสิ เรียกอยู่ได้”
“ไม่ได้เรียก แต่ชั้นเยี่ยวราดแฉะหมดแล้ว”
ลูกดอกกับแฉะลุกพรวดขึ้นมองมายังจริยา
“อ้าว แล้วทำไมไม่ไปเข้าห้องน้ำ”
จริยาเสียงสั่น “ผะ ผะ ผี”
“ถ้ายังบ้าไม่เลิก ชั้นไล่ไปนอนที่อื่นเลยนะ” แฉะโมโห
“ไปก็ได้ ถ้าพวกแก 2 คนอยากอยู่ที่นี่ ก็อยู่ไปนะ ชั้นไปละ”
จริยาลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีลงศาลาไป
“อะไรของพี่จริยาเนี่ย” ลูกดอกหันไปเห็นผี “เอ่อ...ชั้นว่า ชั้นไปนอนกับพี่จริยาดีกว่า”
ลูกดอกวิ่งออกไปอีกคน
“อ้าว ไอ้ลูกดอก อะไรของมันวะ”
แฉะเพิ่งเห็นผี กล้า เอี้ยง จังๆ
“หึๆ อยากนอนตรงนี้เหรอจ๊ะ งั้นนอนเลย ชั้นไปนอนที่อื่นก็ได้”
แฉะแหกปากร้องวิ่งเตลิดออกไป
ลูกดอกกับแฉะวิ่งตามจริยามา
“บอกแล้วว่ามีผีก็ไม่เชื่อ” จริยาว่า
“แล้วเราจะเอาไงดีล่ะทีนี้” ลูกดอกสยอง
“ชั้นว่าเราไปอาศัยนอนที่ค่ายมวยกันดีกว่า”
ทั้ง 3 จะไปทางหน้าวัด แต่ผีดันมายืนขวางไว้ 3 คนเลยวิ่งชนผี
จริยาไม่รู้ว่าชนผี “โว้ย มายืนขวางทำไมวะ คนกำลังรีบๆ”
พอทั้ง 3 เงยหน้าเห็นเป็นผี ก็พากันร้องจ๊ากแล้ววิ่งหนีไป
เพชรกับพริมยังนั่งฟังเสียงจิ้งหรีดกันอยู่ พริมฟังเสียงแล้วชี้ไปมุมนั้นมุมนี้ตามเสียงจิ้งหรีดที่ดัง ไล่คีย์โน้ต
“โด...เร...มี...ฟา...ซอล”
“ถูกต้อง พริมนี่อัจฉริยะจริงๆ ไม่ว่าเสียงไหนฟังออกหมดเลย”
เสียงโวยวายของแฉะ ลูกดอก จริยา ดังมาแต่ไกล
พริมได้ยิน “แล้วนั่นเสียงอะไร”
ขนุน เอื้อย และไข่เค็มเดินออกมาจากค่าย แฉะ ลูกดอก จริยา วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ผีหลอก...ช่วยด้วย...”
“เสียงดังอะไรกัน นี่ขนาดไล่ไปอยู่ที่อื่นแล้วยังไม่วายมาทำเสียงหนวกหูอีกเหรอ”
“ผีจ้ะ ที่วัดมีผี พวกเราอยู่ไม่ได้แล้ว ขอมาอาศัยนอนหน่อยเถอะนะ” แฉะบอก
“ต้องเป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเจอเมื่อหลายเดือนก่อนแน่ๆ เลยจ้ะ” ลูกดอกว่า
ขนุนคิดตามแล้วจำได้ “ตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเจอเหรอ ไม่ใช่หรอกม้าง เพราะตัวนั้นน่ะ มันคือชั้นกับพี่รักษ์เอง”
เอื้อยแปลกใจ “อะไรนะขนุน”
ขนุนสารภาพ “ไหนก็ไหนๆ ละ เล่าให้ฟังละกัน ก็ชั้นไปเรียนร้องเพลงกับพี่รักษ์ที่วัด พอหลวงพ่อมาเจอเข้า ก็คิดว่าพวกชั้นเป็นผี แปลว่าที่วัดไม่ได้มีผีหรอก”
จริยาไม่เชื่อ “แต่พวกเราเห็นกันหมดเลยนะ ตัวงี้สูงเชียว หน้างี้เละเลย”
“งั้นก็ไปพิสูจน์กัน ว่ามันผีหรืออะไรกันแน่”
เพชร พริม ขนุน เอื้อย แฉะ ลูกดอก จริยา และไข่เค็ม พากันค่อยๆ ย่องตามกันเข้ามาในวัด เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง
“ไม่เห็นมีเลยพี่จริยา” เพชรมองหาจนทั่ว
“ก็เมื่อกี้มันยังอยู่ตรงนี้นี่ เนี่ย มันยืนตรงนี้เลย”
จริยาชี้ไปที่ตรงผีเคยยืน
“แล้วไหนล่ะ ไม่เห็นมีผีซะตัวเลย” พริมมองตาม แต่ไม่มี
“บอกแล้วว่าไม่มีผีหรอก พี่จริยามั่วแล้วล่ะ พวกเรากลับเถอะ” ขนุนบอก
คนอื่นๆ จะเดินออก ผีกล้าแอนด์เอี้ยงเดินออกมายืนที่เดิม
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป นี่ไงมันกลับมาแล้ว”
ทุกคนหันมาเห็นผี ก็ตะลึง แล้วโกยหนีกันไป
จริยาโมโหหันมาด่าผี “นี่แกหายไปไหนมาห๊ะ พวกนั้นหาว่าชั้นมั่วเลยเห็นมั้ย” แล้วหันไปหาคนอื่นๆ “คราวนี้เชื่อรึยังว่ามีผี อ้าว ไปไหนกันหมด” คราวนี้หันมาทางผี “เค้าไปกันหมดแล้ว แล้ว ชั้นจะอยู่ทำไมล่ะ”
จริยากรี๊ดวิ่งหนีไป
มุมหนึ่งข้างศาลาวัด มีตุ่มวางอยู่พร้อมฝาปิด เพชรวิ่งนำมาเปิดฝาจะลงตุ่ม แต่ในตุ่มมีน้ำเต็ม ทุกคนช่วยกันเอาขันตักน้ำออก พอน้ำหมดก็พากันลงตุ่มไปทีละคน จริยาตามเป็นคนสุดท้ายปิดฝาตุ่ม
ผีตามมา เปิดฝาตุ่มแล้วลงไปในตุ่มด้วย ตุ่มเขย่าๆๆๆๆๆๆ สักพักก็ล้มตะแคงแล้วกลิ้งหลุนๆๆ ไป
เพชรคลานออกมาจากตุ่มเป็นรายแรก หมู่มวลคลานตามออกมาทีละคน แล้ววิ่งหนีกระเจิงไป
ผีคลานตามออกมา 2 ตัว สุดท้าย
กลุ่มของเพชร ที่มี แฉะ ลูกดอก และไข่เค็มวิ่งหนีเข้ามาบนศาลา
“เดี๋ยวๆ แล้วคนอื่นล่ะ”
“คงหนีไปอีกทางแล้ว” แฉะบอก
“พริม ชั้นจะไปหาพริม”
เพชรหันกลับจะวิ่งออกไป เจอหลวงพ่อกับตาน้อยพอดี
ทุกคนตกใจร้อง “เย้ย”
เพชรดูชัดๆ เห็นเป็นหวงพ่อกับน้อย “โอย ตกใจหมดเลยหลวงพ่อ ลุงน้อย”
หลวงพ่อถาม “มันเรื่องอะไรกัน เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย”
“ผีจ้ะหลวงพ่อ ผีมันอาละวาดอีกแล้ว” เพชรบอก
“ผะ ผะ ผี อีกแล้วเหรอ” หลวงพ่อสยอง
“ไอ้ผีตัวนั้นมันยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกเหรอ นี่ชั้นสวดมนต์ให้ทุกวันแล้วนะ” น้อยว่า
ขาดคำ ผีโผล่เข้ามา
หลวงพ่อเห็นหก่อนใคร “หลวงพ่อว่า นี่มันตัวใหม่นะ สูงกว่าตัวก่อนเยอะเลย”
เพชร ไข่เค็ม แฉะ ลูกดอก ร้องลั่นแล้ววิ่งหนี หลวงพ่อกับน้อยยืนจ้องผีค้างอยู่
เพชรวิ่งเข้ามาลงนั่งให้หลวงพ่อขี่หลังพาวิ่งไป ส่วนแฉะ ลูกดอก ช่วยกันยกตาน้อยวิ่งหนีออกไป
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 28 (ต่อ)
พวก พริม ขนุน เอื้อย และจริยา วิ่งหนีมาอีกทาง
“เดี๋ยวๆๆ หยุดก่อน คนอื่นล่ะ” พริมมองหาพวกผู้ชาย
จริยาบ่นบ้า “โอ๊ย หลงกันจนได้ ทีนี้จะทำไงดีเนี่ย”
“หนีขึ้นต้นไม้ดีมั้ย ผีมันคงปีนต้นไม้ไม่เป็น” เอื้อยออกไอเดีย
“ดีเหมือนกันพี่เอื้อย” ขนุนเอาด้วย
พริมกับขนุน ปีนขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว เอื้อย กะ จริยา ปีนอย่างทุลักทุเล ต้องช่วยกันเข็นกันฉุดขึ้นไป มีร่วงตกลงมาบ้าง สุดท้าย ทุกคนอยู่บนต้นไม้เรียบร้อยแล้ว
“อยู่บนนี้คงปลอดภัยแล้วเนอะ” เอื้อยยิ้มย่อง
แต่พอเอื้อยหันไป เห็นผียืดตัวสูงขึ้นมาจนถึงกิ่งไม้ที่ทุกคนหลบกันอยู่ โดยผีกล้าแอนด์เอี๊ยงยืนบนเก้าอี้อีกที
“เฮอะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ เราลืมไปว่าผีมันไม่ต้องปีนต้นไม้ เพราะมันสูงงงงง แอร๊ย”
เอื้อยกระโดดลงต้นไม้เป็นคนแรก ทุกคนกระโดดตาม จริยาล้มกลิ้งที่พื้น
ทุกคนช่วยกันฉุดแล้ววิ่งหนีออกไป
ด้านเพชร แฉะ ลูกดอก ไข่เค็ม หลวงพ่อ และน้อย ยืนแนบชิดติดกัน เอาสายสิญจน์พันรอบๆ
“หลวงพ่อ มัดซะตัวติดกันอย่างนี้ ผีมาจะวิ่งหนียังไง” น้อยว่า
“ไม่ต้องกลัว ผีมันทำอะไรเราไม่ได้แล้วล่ะ มีสายสิญจน์ป้องกันเราอยู่”
ผีโผล่มา ทุกคนร้องลั่น เขยื้อนหนีเป็นก้อนกระดื๊บๆ ไป
“หลวงพ่อ มันมาแล้ว ทำอะไรสักอย่างสิหลวงพ่อ” ลูกดอกบอก
ผีเข้าใกล้เรื่อยๆ แต่ทุกคนวิ่งหนีไม่ได้ เพราะตัวติดกัน แต่ละกลัวลนลาน
สองผีในผ้าห่มได้ยิน เลยหารือกัน
“พี่กล้า เราอย่าหลอกหลวงพ่อเลย มันบาป”
“เออ จริงด้วยหลอกพระบาปกว่าหลอกคน เราไปหลอกพวกผู้หญิงต่อดีกว่า”
ผีเดินออกไปเฉยเลย
แฉะดีใจ “ผีไม่กล้าทำอะไรเราจริงๆ ด้วย”
“เฮ้ย มันต้องไปหลอกพวกพริมต่อแน่เลย หลวงพ่อ ชั้นจะไปหาพริม”
เพชรดึงสายสิญจน์จนขาด แล้ววิ่งออกไป
“อ้าว ไอ้ฉิบหาย พวกเราพันสายสิญจน์ใหม่เร็ว”
หลวงพ่อเอาม้วนสายสิญจน์พันใหม่อีกรอบ
พวกพริม ขนุน เอื้อย จริยาวิ่งหนีกันมา แต่ละนางเหนื่อยหอบลิ้นห้อยทั้งแถบ จริยาอาการหนักกว่าใครไปต่อไม่ไหว ลงนั่งกองกับพื้น
“จะเป็นลมแล้ว วิ่งต่อไม่ไหวแล้ว”
“แกอยากโดนผีมันหักคอรึไง ลุก!” เอื้อยหันมาด่า
ผีเดินแข็งทื่อเข้ามา สี่สาวร้องกรี๊ดดดด
“มันมาแล้ว”
พริม ขนุน และเอื้อยวิ่งหนี แต่จริยาวิ่งไม่ไหว ร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างอัดอั้น พริมวิ่งกลับมาตั้งการ์ดปกป้องจริยา
“ไอ้ผีบ้า แกอย่าทำอะไรพวกเรานะ ผีก็อยู่ส่วนผีสิ”
ผีเดินใกล้ เข้ามาเรื่อยๆ พริมเองชักกล้าๆ กลัวๆ จนเพชรวิ่งเข้ามา
“พริม”
เพชรกระโดดถีบผีเต็มแรง ทั้ง กล้า และ เอี้ยงล้มลง ร้อง “โอ๊ย”
เพชรรีบเข้าไปดูแลพริม “เป็นอะไรมั้ยพริม”
พริมส่ายหน้า “ขอบใจนะ นึกว่าจะทิ้งกันไปซะแล้ว”
“พริมเป็นดวงใจของชั้น ชั้นไม่มีทางทิ้งพริมหรอก”
เพชรมองตาพริมอย่างลึกซึ้งจริงใจ
จริยาเซ็ง “โว้ย คนจะตายอยู่นี่ มัวจู๋จี๋กันอยู่ได้”
เพชร กะ พริม มาช่วยพยุงจริยาลุก ขนุน กับ เอื้อยเดินเข้าไปหาผี ถลกผ้าคลุมออก เห็นเป็นกล้ากับเอี้ยงนอนจ็บตูดอยู่
“พวกเราดูสิ มีผีตั้ง 2 ตัว”
กล้า กะ เอี้ยง ร้องโอดโอย
ไม่นานต่อมา กล้า เอี้ยงนั่งจ๋อยอยู่กลางวงบนศาลา ต่อหน้าทุกคน
หลวงพ่อเอ่ยขึ้นหลังอบรมมาชุดใหญ่แล้ว “ไหนบอกซิ ว่าความผิดครั้งนี้ เอ็งจะรับผิดชอบยังไง”
“หนูจะปรนนิบัติพวกพี่ๆ ลิเกเป็นอย่างดี ตอนที่พวกพี่ๆ เค้าอาศัยอยู่ที่วัดนี่จ้ะ”
“แล้วเอ็งล่ะไอ้กล้า”
“ชั้นก็ว่าจะทำอย่างไอ้เอี้ยงแหละจ้ะ แต่ไอ้เอี้ยงมันชิงแย่งไปทำก่อน ชั้นก็คงไม่ต้องทำแล้ว” กล้าหัวหมอ
หลวงพ่อสรุป “งั้นเอ็งก็ทำแทนไอ้เอี้ยงละกัน ส่วนไอ้เอี้ยงเวลาพวกพี่เค้าซ้อมเต้นก็ให้ไปช่วยหยิบจับนู่นนี่ เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจจ้ะ”
“พวกเอ็งจำไว้นะ คนเค้ามาขอความช่วยเหลือ ก็แปลว่าเค้าเดือดร้อนจริงๆ ถ้าเราพอจะช่วยได้ก็ต้องช่วย ทำบุญทำทานกับคนที่กำลังเดือดร้อนน่ะ ได้บุญดีที่สุดแล้ว”
ทุกคนร้องพร้อมกัน “สาธุ”
“เอาล่ะ สรุปแล้วผีเผอก็ไม่มีแล้วนะ แยกย้ายกลับบ้านไปนอนกันได้แล้ว”
จู่ๆ เสียงหมาหอนโหยหวนดังเข้ามาอีก ทุกคนอดผวาไม่ได้
เพชรเดินมาส่งพริมถึงที่หน้าค่าย
“จริงๆ พี่เพชรไม่ต้องมาส่งก็ได้ ชั้นก็เป็นลูกผู้ชายดูแลสาวๆ ได้อยู่แล้ว”
“ไม่ต้องมาพูเลย ผีมาชั้นเห็นแกวิ่งคนแรกเลยไอ้ไข่เค็ม” เอื้อยหมั่นไส้
“ถึงแล้ว เธอกลับไปได้แล้วเพชร” พริมบอก
“จ้ะ ฝันดีนะ”
ขนุนนึกอยากช่วยเพชรให้อยู่จู๋จี๋กะพริมต่อ
“จะดีเหรอพี่พริม ให้พี่เพชรเดินกลับคนเดียวมันอันตรายนะ ให้พี่เพชรค้างที่นี่สักคืนดีมั้ย”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อผีจริงมาจะได้มีคนคอยช่วย” เอื้อยเห็นด้วย
“จะกลัวอะไร นักมวยเรามีออกจะเต็มค่าย”
“ไอ้พวกนั้นมันขี้ขลาดจะตาย สู้พ่อเพชรไม่ได้สักคน กล้ากระโดดถีบผีด้วย เพชรจ๊ะ คืนนี้นอนที่นี่แหละจ้ะ” เอื้อยออกปากอนุญาต
“ให้นอนเฝ้าหน้าห้องเลยมั้ยจ๊ะ สาวๆ จะได้อุ่นใจ” เพชรยิ้มร่า
“เว่อร์อีกละ ไปนอนห้องไข่เค็มนู่น”
พริมทำงอนๆ เดินเข้าไป
เพชรกับขนุนยิ้มพยักพเยิดให้กัน ขนุน กะ เอื้อยกลับเข้าค่าย
เพชรยิ้มดีใจกับไข่เค็ม
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 28 (ต่อ)
พริมแบกหน้านิ่งๆ เฉยเมยเข้ามาในห้องนอนปิดประตูลง แล้วก็หลุดยิ้มทิ้งตัวนอนลงดีดดิ้นบนเตียง นึกถึงเรื่องเมื่อกี้ ตอนเพชรวิ่งเข้ามาช่วย
“พริม”
เพชรกระโดดถีบผี จนกล้า กะ เอี้ยงล้มลง ร้อง “โอ๊ย”
เพชรรีบเข้าไปดูแลพริม
“เป็นอะไรมั้ยพริม”
พริมส่ายหน้า “ขอบใจนะ นึกว่าจะทิ้งกันไปซะแล้ว”
“พริมเป็นดวงใจของชั้น ชั้นไม่มีทางทิ้งพริมหรอก”
เพชรมองพริมอย่างลึกซึ้งจริงใจ
คิดถึงตอนนี้ พริมนอนยิ้มพราย จนมีเสียงเพชรดังมากจากนอกหน้าต่าง
โดยเพชรร้องลิเก จีบพริมอย่างเพราะพริ้ง
พริมทำแสนงอนเดินไปเปิดหน้าต่าง มองลงไปเห็นเพชรมองขึ้นมา
“อ้าว ยังไม่นอนเหรอจ๊ะพริม”
“รำคาญเสียงหมาหอน ช่วยไล่มันไปทีซิ”
“อุ๊ย แต่มันหอนเพราะมันมีความรักนะพริม”
“ไปรักไกลๆ ที่นี่ไม่มีใครให้รัก”
พริมปิดหน้าต่างปัง แล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว
เพชรหน้าเศร้าเดินคอตกกลับห้องไป
ไข่เค็มนั่งหาวรอเพชรอยู่ในห้อง จนเห็นเพชรเดินซึมเข้ามา
“เป็นไงบ้างพี่เพชร”
เพชรเงียบ
“หน้าหงอยแบบนี้ แปลว่า...”
“พริมเค้าคงไม่ให้อภัยชั้นไปตลอดชีวิตแล้วล่ะไข่เค็ม”
“ไม่จริงหรอกพี่เพชร พี่พริมเค้าชอบพี่จะตาย ตอนนี้เค้าก็แกล้งฟอร์มไปอย่างนั้นเองแหละ”
“เหรอ ...ชั้นชักจะไม่แน่ใจแล้วล่ะสิ”
“แค่นี้อย่าท้อสิพี่ ทำอะไรสำเร็จมาตั้งเยอะแล้ว จะมาท้อเรื่องแค่นี้ได้ไง”
“จริงของแกว่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวไข่เค็มช่วยเอง”
รุ่งเช้า พวกนักมวยออกวิ่งมาตามถนนซึ่งสองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวไสวสวยงาม
เพชร กะ พริม วิ่งคู่กันมาซ้อมร้องเพลงไปด้วย
พวกนักมวยและไข่เค็มวิ่งผ่านก็พากันแซวบ้าง แหย่บ้าง แล้ววี๊ดวิ้ว โห่ฮิ้วตามประสา
พริมอาย
วิ่งเสร็จพริมชกกระสอบทรายต่อ มีผ้าขนหนูกับกระบอกน้ำของพริมวางอยู่ใกล้ๆ ไข่เค็มแอบโผล่มาคว้าผ้าขนหนูกับกระบอกน้ำออกไป พริมชกจนเหนื่อยจะมานั่งพัก ไม่เห็นผ้าขนหนูกับกระบอกน้ำแล้ว
ระหว่างนี้เพชรถือกระบอกน้ำเข้ามากับผ้าขนหนูอันใหม่เข้ามา พริมยื่นมือจะรับ เพชรซับเหงื่อให้พริม แถมยังถือกระบอกให้พริมดูดน้ำจากหลอด ไข่เค็มซุ่มดูอยู่ ขยิบตาให้เพชร
ถัดมา พวกนักมวยยืนล้อมเป็นแดนเซอร์ พริม กะ เพชรยืนอยู่ตรงกลางร้องคู่ ขนุนเป็นคนจัดท่าให้
จังหวะหนึ่งมีท่าที่พริมต้องหมุนตัวไปอยู่ในอ้อมกอดเพชร
พริมขวยเขินจะไม่ยอมทำ ขนุนคะยั้นคะยอให้ทำ พริมจำใจทำ ซ้อมเต้นกับเพชรอย่างใกล้ชิดกัน
ใกล้วันประกวดเข้ามาทุกที เย็นนั้น ทุกคนนั่งรวมกลุ่มหารือกันอยู่ในลานวัด โดยตาน้อยเป็นประธาน และเอ่ยขึ้นมาว่า
“จะฝึกร้องเพลงทำไมไม่มาบอกชั้นแต่ทีแรกเล่า ชั้นเป็นหัวหน้าคณะลูกทุ่งเก่าเชียวนะ ไหน มีใครจะเรียนบ้างสอนให้ฟรีๆ เลย”
เพชร ขนุน ลูกดอก แฉะ จริยา เอื้อย ไข่เค็ม ยกมือ “ชั้นจ้ะ”
เพชรเห็นพริมไม่ยกมือ ก็เลยจับมือพริมยกขึ้น
“งั้นก็ลุกขึ้นยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ตามลำดับความสูง”
เพชร พริม ขนุน ลูกดอก แฉะ จริยา เอื้อย และไข่เค็ม เข้าแถวมั่วไปหมด หลวงพ่อ กล้า เอี้ยงนั่งดู
กว่าจะเข้าที่ได้ก็ตั้งนาน เพชรยืนหัวแถวพริมต่อจากเพชร จากนั้นก็เรียงตามลำดับความสูง
น้อยถือไม้อันหนึ่งคอยคุมจังหวะ
“เอกลักษณ์ของลูกทุ่งก็คือการเอื้อนลูกคอ เราจะมาทดสอบลูกคอกันก่อน เอ้า เพชรเริ่มคนแรก”
“จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง จากแดนทุ่งลุยละอะอะอะอะอะอะอะอะอาย”
“ดีมาก คนต่อไป”
พริมกลัวๆ จะทำไม่ได้
“จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง จากแดนทุ่งลุยละอะอะอะอะอะอะอะอะอาย”
คนต่อไปเริ่มสนุก พากันเล่นมุกส่วนตัวกันไปจนครบทุกคน
ซ้อมเสร็จแล้ว พริมเดินเข้ามานั่งเหนื่อยๆ เพชรถือกระติกน้ำตามเข้ามา
“นี่จ้ะ น้ำผึ้งผสมมะนาว กินแล้วชุ่มคอ ชื่นใจ”
พริมรับมา
“ขอบใจนะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊าย”
เพชรตกใจปนขำ “เฮ้ย เป็นอะไร”
“ก็มันติดน่ะสิ ซ้อมลูกคอจนกรามค้างแล้วเนี่ย”
เพชรนั่งลงข้างๆ
“ขอบใจพริมมากเลยนะ ที่อุตส่าห์ลำบากช่วยชั้น ชั้นเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าจริงๆ แล้วพริมก็มีใจ เอ่อ หวังดีกับชั้นอยู่เหมือนกัน”
พริมปากแข็งตามเคย “ใครบอก ชั้นก็แค่อยากให้เธอย้ายออกไปจากค่ายเร็วๆ กลับไปเป็นลิเกเหมือนเดิม จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก”
เพชรฟังแล้วจ๋อย “พริม พริมยังไม่หายโกรธชั้นอีกเหรอ”
“ไม่ได้โกรธซะหน่อย”
“ถ้าไม่ได้โกรธก็ดีกันสิ”
เพชรยื่นนิ้วก้อย
พริมเพียงมอง แล้วลุกเดินหนีไป
“กลับไปซ้อมมวยต่อละนะ”
“อ้าวพริม”
ขนุนกับไข่เค็มโผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“พี่พริมนะพี่พริม ปากก็แข็ง ใจก็แข็ง”
“หนูว่าพี่พริมอาจจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ไม่ยอมคืนดีกับพี่เพชรก็ได้นะ”
“เหตุผลอะไรอีกล่ะ”
ไข่เค็มนิ่งคิด “พี่ขนุน เราไปล้วงความลับจากพี่พริมกันดีกว่า ว่าทำไมถึงไม่ยอมดีกับพี่เพชรซะที”
พริมกลับถึงค่ายตอนค่ำ ก็ลงนวมซ้อมชกกระสอบทรายไป และออกเสียงซ้อมลูกคอไป
“อะอะอะอะอะอะอะอะอะอะอ๊ะ”
ขนุนพรวดพราดเข้ามา “พี่พริม”
พริมตกใจทำเป็นแกล้งไอ “แค่กๆๆ”
“ร้องอะไรอยู่จ๊ะ”
“ไม่ได้ร้อง พี่สำลักน้ำลาย”
ขนุนรู้ทัน “หรา...นึกว่าซ้อมลูกคอเตรียมร้องเพลงกับพี่เพชรซะอีก”
“บ้าเหรอ ชั้นไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นซะหน่อย”
พริมจะหนีไปต่อยกระสอบทราย แต่ขนุนจับแขนพริมลากมานั่งคุยกันตรงๆ
“พี่พริมขอคุยด้วยหน่อยสิ เอาตรงๆเลยนะ จริงๆ พี่ชอบพี่เพชรอยู่ใช่ปะ”
“เฮ้ย พูดอะไรเนี่ย”
“ไม่ต้องปิดชั้นหรอก บอกชั้นมาเหอะ แถวนี้มีเราอยู่กันแค่ 2 คน”
พริมไม่รู้ว่ามีเพชรกับไข่เค็มซุ่มแอบฟังอยู่ ทำหน้าลำบากใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจยอมพูด
“ชั้นชอบเพชรไม่ได้หรอกขนุน ถึงยังไงก็ชอบไม่ได้”
“อ้าวทำไมล่ะ เรื่องของหัวใจทำไมจะชอบกันไม่ได้”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องของหัวใจอย่างเดียวน่ะสิ”
“แล้วมันเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“ก็...น้าอรไง น้าอรเค้าเกลียดพวกลิเกจะตาย แล้วชั้นจะไปชอบกับเพชรได้ยังไง”
เพชรฟังอยู่อย่างตั้งใจ
“เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย ดูอย่างชั้นสิ ชั้นแอบคบกับพี่รักษ์ได้ตั้งนานแน่ะ” ขนุนหลุดปากจนได้
“ขนุน นี่เธอเป็นแฟนกับพี่รักษ์เหรอเนี่ย”
ขนุนเขิน “ก็ดูๆ กันอยู่น่ะ แหะๆๆ”
พริมเครียด “เฮ้อ แต่ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ใช่มั้ยล่ะ”
“เฮ้อ จริงด้วย ถ้าน้าอรกับน้าเริงดีกันก็คงจะดีเนอะ”
เพชรมีสีหน้ามุ่งมั่นขณะบอกตัวเอง
“ชั้นต้องทำให้น้าอรกับพ่อดีกันให้ได้”
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 28 (ต่อ)
ขนุนดู เพชร พริม และพวกนักมวยซ้อมเต้น โดยคราวนี้ขนุนเลือกเพลง “ชู้ทางไลน์” มาให้ เพชร กะ พริม ร้อง เอื้อยนั่งดูอยู่ข้างๆ ขนุน อดชื่นชมไม่ได้
วันนี้ ทั้ง เพชร พริม และพวกนักมวยทั้ง 12 คน ลองชุดหางเครื่องที่จะใช้ประกวด ซึ่งประดับด้วยขนนก แต่ยังไม่เต็มยศ พวกนักมวย เต้นคล่องแล้ว ซ้อมจนจบเพลง ขนุนยิ้มร่า พอใจมาก
“เริดที่สุด ทุกคนพักได้จ้ะ พี่พริมพี่เพชรร้องเข้าขากันดีจัง ถ้าได้ออกอัลบั้มคู่นะต้องดังแน่ๆ เลย”
“เพิ่งรู้ว่าพริมก็ร้องเพลงเก่งเหมือนกัน เป็นนักร้องอาชีพได้เลยนะเนี่ย” เพชรยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
“ไม่ต้องมาอวย ชั้นมันแค่นักร้องจำเป็น อีก 2 วันประกวดเสร็จทุกอย่างก็จบ แล้วชั้นก็จะกลับไปเป็นนักมวยเหมือนเดิม เหมือนที่เธอพอเป็นนักมวยเสร็จก็กลับไปเป็นลิเกเหมือนเดิม”
“แต่ถ้าพี่พริมร้องเพลงแล้วรุ่ง มีแฟนคลับ มีแม่ยกพ่อยก พี่พริมก็เล่นลิเกต่อเลยสิ” ขนุนบอกอีก
เอื้อยดึงสติ “นี่ๆๆ อย่าคิดอะไรเลยเถิด อาทิตย์หน้าอรก็จะกลับมาแล้ว ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่สภาพเดิม เธอก็เหมือนนะขนุน ที่ชั้นยอมอนุญาตในมาเต้นกันเย้วๆนี่ก็ใจดีมากแล้วนะ แหม ได้คืบจะเอาศอก
ขนุนจ๋อย
“ชั้นไปทำกับข้าวก่อนนะ ไข่เค็ม มาช่วยชั้นในครัว” เอื้อยบอก
ไข่เค็มรับ “จ้า”
สองคนเดินไปทางครัวหลังบ้าน
“เฮ้อ...ถ้าค่ายมวยกับคณะลิเกดีกันได้ ก็คงจะดีเหมือนกันเนอะพริมเนอะ”
“ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เหอะ” พริมตอกย้ำ
ขนุนตะโกนบอกพวกนักมวย “พวกเรา รีบไปกินน้ำกินท่า เดี๋ยวกลับมาซ้อมต่อ”
ความซวยกำลังมาเยือนพวกเพชร เพราะอรชรกลับจากทำธุระก่อนกำหนด เวลานี้ลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในค่ายตะโกนเรียกเสียงดัง
“กลับมาแล้วจ้า พริม เอื้อย ขนุน”
อรชรแปลกใจ เหลียวดูตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่เห็นใครเลย
“หายไปไหนกันหมด ไม่อยู่แค่เดือนเดียวกลายเป็นค่ายร้างไปแล้วเหรอเนี่ย”
เอื้อย กะไข่เค็มโผล่มาจากหลังบ้าน เห็นอรชร เอื้อยแทบช็อค ร้องกรี๊ด
“แอร๊ย... อร”
อรชรงง “เอื้อย”
“หนะ...ไหนบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง”
“ชั้นเสร็จธุระเร็ว ก็เลยกลับ...แล้วทำไมต้องตกใจด้วย”
เอื้อยอึกอัก “เอ่อ...คือ...”
ไข่เค็มฉีกยิ้มประจบ รีบแก้ให้ “ไม่ได้ตกใจจ้ะ แต่ดีใจ พวกเราน่ะคิดถึ๊งคิดถึงน้าอรจ้ะ”
“แล้วนี่คนอื่นๆหายไปไหนกันหมด ไม่ซ้อมมวยกันรึไง นี่อย่าบอกนะว่าพอชั้นไม่อยู่พวกนักมวยก็อู้ซ้อมกัน”
“เปล่าจ้ะเปล่า ซ้อมกันทุกวันไม่ได้ขาดเลย ตอนนี้เค้าย้ายไปซ้อมกันหลังค่าย เดี๋ยวชั้นไปตามให้นะ” เอื้อยเตรียมชิ่งไปแจ้งข่าวร้ายหมู่มวล
“ไม่ต้อง เดี๋ยวชั้นไปดูเองว่าซ้อมอะไรกัน”
เอื้อยตาเหลือก “แอร๊ย อรนั่งอยู่นี่แหละ กลับมาเหนื่อยๆ ไข่เค็มไปหาน้ำหาท่ามาซิ”
“จ้ะ” ไข่เค็มวิ่งจู๊ดไปเอาน้ำ
“แม่อรนั่งนี่นะ เดี๋ยวชั้นไปตามมาให้”
เอื้อยจับให้อรชรนั่งแปะลงตรงที่นั่งใต้ร่มโพธิ์ อรชรงงๆ
ไข่เค็มกลับออกมาพร้อมน้ำเย็นเอื้อยเดินมาหากระซิบเบาๆ “ไข่เค็ม แกเฝ้าน้าอรไว้นะ อย่าให้ไปไหนเด็ดขาด ชั้นจะไปบอกให้พวกนั้นเลิกซ้อมเต้น”
ไข่เค็มพยักหน้ารับหงึกๆ “จ้ะๆ”
เอื้อยรีบร้อนออกไป
ทุกคนซ้อมกันอยู่ตรงลานหลังค่าย
“เอ้า ทุกคนวิ่งวนรอบค่าย 1 รอบ พร้อมกับร้องเพลงไปด้วยนะ เวลาเต้นจังหวะจะได้เท่ากัน พี่เพชรพี่พริม นำไปเลยจ้ะ”
เพชร พริม วิ่งนำไป นักมวยตามไปเป็นขบวน ทั้งหมดร้องเพลงไปด้วย
ขนุนมานั่งพักกินน้ำ เอื้อยรีบร้อนเข้ามาจากอีกทาง บอกหน้าตาตื่น
“ขนุน แย่แล้ว”
“มีอะไรพี่เอื้อย”
“อร อรกลับมาแล้ว”
ขนุตกใจ “ว้าย! แล้วตอนนี้น้าอรอยู่ไหน”
“อยู่หน้าค่าย”
“หน้าค่าย” ขนุนตาเหลือก
“อ้าว แล้วพวกเราหายไปไหนแล้วล่ะ”
“กำลังวิ่งไปหน้าค่าย”
เอื้อย กะ ขนุนร้องกรี๊ดๆๆ “แอร๊ยยย” แล้วพากันวิ่งไปดักพวกเพชรและพริม
ไข่เค็มกำลังบีบนวดเอาใจ ประจบอรชรอยู่ใต้ร่มโพธิ์หน้าค่าย
“เออดีๆๆ ตรงนี้ซิ แรงอีกหน่อย ...ดีมาก”
เสียงร้องเพลงของเพชร พริม และนักมวยดังแว่วๆ มา
“ใครมาร้องเพลงอะไรแถวนี้”
ไข่เค็มรีบบอก “ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย น้าอรหูฝาดแล้ว”
“ฝาดอะไรล่ะ ก็ได้ยินอยู่เต็มสองรูหู”
ไข่เค็มเห็นพวกเพชร กะ พริม และนักมวยทั้งโหลวิ่งมา ไม่รู้จะทำไง ต้องเอามือปิดตาอรชร
“เฮ้ย ทำอะไรวะไข่เค็ม”
“มีคนปิดไฟจ้ะ”
“ปิดไฟอะไรนี่มันกลางวันแสกๆ เอามือออกเดี๋ยวนี้”
“เกิดสุริยุปราคาจ้ะ” ไข่เค็มแถไปเรื่อย
อรชรแกะมือไข่เค็มจนหลุด แล้วเห็นเพชร พริม และพวกนักมวยที่ใส่เครื่องประดับหางเครื่องก็อึ้ง
ไม่ต่างจาก เพชร พริม และ นักมวย เห็นอรชรเข้าก็อึ้ง ตะลึงตะไล
เอื้อย กะ ขนุน วิ่งตามเข้ามา เห็นว่าอรชรเห็นแล้วก็อึ้ง
เพชรไหว้ พร้อมกับยิ้มแห้งๆ ทักเสียงอ่อย “น้าอรกลับมาแล้ว ดีใจจัง”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
อรชรตัวสั่น โกรธสุดพลัง!
คนอื่นๆ หน้าเจื่อนจ๋อย ระเบิดลงตูมๆๆ
อีกฟาก สำเริงถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในศาลา แฉะ ลูกดอก และจริยาออกมารับ เฉพาะจริยากรี๊ดเวอร์ๆ
“อ๊าย... พี่เริงกลับมาแล้ว โอ๊ย คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะสิเนี่ย”
“ชั้นแค่ไปเล่นลิเกกับคณะอื่นมา ไม่ได้ไปตายที่ไหนซะหน่อย” สำเริงว่า
“แล้วพี่รักษ์ไม่ได้กลับมาด้วยเหรอจ๊ะ”
“รักษ์เค้าขอเล่นลิเกที่นู่นต่ออีกสักวันสองวันน่ะ แล้วพวกเราอยู่ที่นี่เป็นไง สบายดีมั้ย”
“ก็สบายดีอยู่ แต่ก็เกรงใจหลวงพ่อท่าน ถ้าได้กลับบ้านเร็วๆ มันก็ดี” แฉะว่า
“น้าเริงรู้เรื่องที่พี่เพชรไม่ได้เงินรางวัลซักบาทแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” ลูกดอกถาม
“รักษ์เล่าให้ฟังแล้วล่ะ แต่ออกมาก็ดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้พวกนั้นมันเอาเปรียบไปเรื่อยๆ ไม่ได้เงินทางนู้นก็หาทางใหม่ ที่ชั้นกลับมาก็เพราะว่าจะมาช่วยเพชรเรื่องที่จะประกวดร้องเพลงนี่แหละ”
“ไม่ต้องช่วยแล้วพี่เริง เพราะคนช่วยมันเยอะแยะแล้ว พริมยอมมาร้องเพลงคู่กับเพชร แล้วพวกนักมวยก็มาเป็นหางเครื่องให้ เป็นไง คิดไม่ถึงละซี่”
สำเริงฟังจริยาเล่าอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย”
“มันเป็นไปแล้วล่ะพี่เริง คราวนี้เราจะได้มีเงินไถ่บ้านกันแล้วนะ”
เพชรเดินคอตกเข้ามาบนศาลา
“อ้าว พ่อ”
“เป็นไงบ้างเพชร ได้ข่าวว่าพวกค่ายมวยมาช่วยพวกเราเต็มที่เลยเหรอ ชั้นต้องไปขอบคุณแม่อรหน่อยแล้ว”
สำเริงกำลังจะไป เพชรห้ามไว้
“ไม่ต้องแล้วพ่อ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“น้าอรเค้าไม่ให้พริมมาร้องคู่กับชั้น แล้วก็ไม่ให้นักมวยมาเป็นหางเครื่องแล้วจ้ะ”
ทุกคนตกใจ “อ้าว”
เพชรหน้าเหี่ยว หดหู่กับทั้งเรื่องงานและหัวใจ สำเริงมองดูด้วยความสงสาร ตัดสินใจเด็ดขาดจะทำบางอย่างเพื่อเพชร
อ่านต่อตอนที่ 29