xs
xsm
sm
md
lg

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 27

ขนุนจัดท่าให้นักมวยทั้ง 12 คน ยืนเรียงหน้ากระดาน เป็น 2 แถว สับหว่าง วางจุดให้ยืนไม่บังกันตั้งท่ากันอย่างขึงขัง เพชร ยิ้มกับขนุน กับแฉะ ลูกดอก ไข่เค็ม

“วงลูกทุ่งเรามีแววรอดแล้วล่ะ” ไข่เค็มยิ้มกริ่ม
เพชรยิ้มให้ไข่เค็ม แล้วหันมาพูดกับนักมวยทุกคน
เพชรตะโกนขึ้น “พร้อมนะ”
แล้วพยักหน้าให้สัญญาณไข่เค็ม ซาวน์ดนตรีเพลงขึ้น
แฉะ ลูกดอก และจริยา เต้นกระจาย แต่นักมวยยืนนิ่ง ทำไรไม่ถูก
“เอ่อ ไม่เต้นเหรอ” เพชรถาม
“เต้น เต้นไงอะ” แดนย้อนถาม
เพชรกลุ้ม มึนตึ๊บ

เวลานั้น หลวงพ่อยืนรออยู่ทางออกจากค่ายมวย มีกล้า เอี้ยงและน้อยหิ้วของเตรียมกลับวัด พริม กะ บุญหลงเดินออกมาส่งหลวงพ่อ
“กลับกันแล้วเหรอจ๊ะ” พริมถาม
“ไปพรมมาทุกที่แล้วครับ เหลือแต่ห้องน้ำจ้ะ” เอี๊ยงบอก
“อ้าว แล้วก็ไม่บอก เอาของออกมาใหม่” กล้าว่า
“ไม่ต้องแล้ว” หลวงพ่อหันมาทางพริม “ไปละ”
“มีข่าวดีเมื่อไร มาบอกด้วยนะ” ตาน้อยแซว
“แต่ถ้าแต่งงานกันแล้ว พริมก็ต้องย้ายไปอยู่วัดน่ะสิ” กล้าเอ่ยขึ้น
หลวงพ่องง “อยู่วัดทำไม”
“ก็ตอนนี้เพชรอยู่ที่วัด พริมก็ต้องย้ายไปอยู่กับเพชรสิครับ”
หลวงพ่อตบหัวกล้า “ไอ้นี่ยุให้บ้านเขาแตกกัน”
“พี่พริมเขาเป็นแฟนพี่บุญหลงต่างหาก” เอี๊ยงบอก
“เออจริง โทษที สับสนเรื่อยเลย ก็เห็นพริมกับเพชรเหมาะกันออกจะตาย” กล้าว่า
“น่าเสียดายนะครับ” เอี๊ยงบอกอีก
พริมยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วหันหนีไปอีกทาง เลยเห็นว่าบุญหลงได้ยินทุกอย่าง

บุญหลงเดินหงอยออกมาจากค่าย พริมวิ่งตามเรียกไว้
“หลง”
บุญหลงไม่มองหน้าพริม
“อย่าไปสนใจคนอื่นเลยนะใครจะคิดไงก็ช่างเขาสิ”
บุญหลงหันมาหาพริม
“แล้วพริมคิดเหมือนเขาหรือเปล่า”
พริมนิ่งไปชั่วขณะ “ไม่รู้สิ”
บุญหลงได้ยินอย่างนั้นก็เสียใจ
“จะไปรู้ได้ไง ว่าคนอื่นคิดยังไง”
พริมจับมือบุญหลง
“พริมรู้แค่ว่าพริมเลือกแล้ว พริมเลือกจะอยู่กับหลงไง”
บุญหลงยิ้มออกมาได้

ขนุน กะ เพชร ยืนอยู่บนเก้าอี้ พูดกับแฉะ ลูกดอก ไข่เค็ม และนักมวยทั้ง 12 คน
“เอาล่ะทุกคน ทีนี้ ทุกคนจะได้รู้ว่า การเต้นที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
เพชรร้องบอก “เริ่มได้”
ซาวน์ดนตรีเพลงขึ้น ขนุนให้ทุกคนวอร์มยืดเส้นยืดสาย นักมวย 1 ยืดหยุ่นดีมาก สามารถยกขาขึ้นมาแนบถึงหู ขนุนเห็นถึงกับอึ้ง พอหันมาอีกทาง คนอื่นๆ ตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะแฉะ เอี้ยวตัวได้นิดเดียว
ขนุนทยอยสอน โดยเริ่มจากการบิดเอวไปข้างหน้า ข้างซ้าย ข้างหลัง ข้างขวา เป็นสเต็ปๆ ไป แต่นักมวย 2 สามารถหมุนเอวเป็นวงกลมได้พลิ้วมาก ทุกคนปรบมือให้ แต่แล้วนักมวย 2 ก็เอวเคล็ด บิดค้างไว้ ทุกคนเข้ามาช่วยกัน
ต่อมา ขนุนสอนการเต้น ฟุตเวิร์ค เป็นสเต็ปง่ายๆ ขนุนทำให้ดูหนึ่งรอบ ทุกคนที่เหลือทำตาม แต่แฉะเต้นจนขาไขว้ สะดุดขาตัวเองล้มลงไปชนคนอื่น จนล้มตามกันเป็นโดมิโน ขนุนกะไข่เค็มปิดตาไม่อยากมอง
เพชรเครียด เดินเข้ามาคุยกับขนุน
“พี่ว่า เรามาเริ่มจากสิ่งที่ทุกคนถนัดก่อนดีกว่า”
นักมวยทุกคนยืนเรียง เพชรนำอยู่ข้างหน้า เพชรต่อยมวยเป็นสเต็ปบอดี้คอมแบท นักมวยทุกคนทำตามได้อย่างคล่องแคล่ว ขนุน ไข่เค็ม ยืนมองยิ้มๆ พอใจผลงาน
นักมวยทุกคนยืนเรียงกัน เต้นบอดี้คอมแบทได้อย่างสวยงาม
เพชรปรบมือให้ ข้างๆ แฉะ กะ ลูกดอก ยืนปรบมือเช่นกัน เพชรต้องชี้ให้ทั้งสองคนเข้าไปซ้อมด้วยเลย ไม่ต้องมาเนียน นักมวยทุกคนหยุดพัก เด่นเดินเข้ามาหาเพชรอย่างเป็นมิตร
“ได้ทำอะไรแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะเพชร”
เพชรยิ้มให้เด่น

เช้าวันต่อมา นักมวยในค่ายทั้ง 10 คน ซ้อมมวยกันอยู่ แต่ละคนท่าทางดูอิดโรย พริมจับสังเกตอยู่นานแล้ว จนพอเดินมาเห็นขนุนท่าทางเพลียๆ เหมือนทุกคน จึงเรียกขึ้น
“ขนุน”
ขนุนรีบทำตัวปกติ “จ๋า พี่พริม”
“เมื่อวานหายไปไหนกันมา”
“เอ่อ ไป...ตลาดนัดน่ะ เขามีเลหลัง ของลดราคาเพียบเลย ทุกคนเลยแห่กันไปหมดนี่เลยไง”
“ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ก็พี่พริมมัวแต่เครียดนี่จ้ะ ไปเที่ยว พักผ่อนบ้างนะ”
“แล้วซื้อของแค่นี้ ทำไมถึงดูเหนื่อยกันจัง”
“เดินช็อปปิ้งนี่เหนื่อยนะ ไหนจะลองเสื้อ ลองรองเท้า ลองกระเป๋า ลองเครื่องประดับ”
“นักมวยของเราเนี่ยนะ ลองกระเป๋า ลองเครื่องประดับ” พริมไม่เชื่อ
“พวกนั้นเค้าไปยิงเป้า เล่นรถบั๊ม เข้าบ้านผีสิงกันน่ะ เลยเหนื่อย”
ขนุนแถแล้วรีบชิ่ง หยิบนวมออกไป
พริมส่ายหัวเอือมระอา แล้วหยิบผ้ามาพันมือ แต่พอคลี่ผ้าดู ก็พบว่าที่ผ้ามีเขียนข้อความไว้ว่า “ขอโทษนะเรื่องเมื่อวาน ซ้อมเสร็จแล้วไปเจอกันที่ริมบึงนะ จากบุญหลง”
พริมเงยหน้ามาเจอบุญหลงพอดี
“ได้สิ”
บุญหลงยิ้มดีใจ

ตอนสายวันนั้น พริมแต่งตัวสวย กำลังจะออกจากค่ายไปตามนัดกับบุญหลง เจอขนุน ไข่เค็มนั่งเอ้อระเหยอยู่
“โอ้โห สวยมาเลยนะพี่พริม จะไปเดทที่ไหนเนี่ย” ไข่เค็มยิ้มแซว
“เรื่องของผู้ใหญ่เขาน่า” พริมบอก
“ขนุนก็รู้ได้สิจ้ะ ขนุนก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”
“งั้นก็ช่วยเฝ้าค่ายด้วย เดี๋ยวพี่กับบุญหลงจะกลับมาเย็นๆ”
ขนุนยิ้มล้อ “จ้า”
พริมเดินออกไป
ขนุน กะไข่เค็มมองตามจนแน่ใจแล้วว่าพริมไปแล้ว ขนุนจึงหันไปกวักมือเรียกนักมวยทั้งโหล
ทุกคนย่องออกมารวมตัว

พริมเดินมา แล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือ เปิดกระเป๋าถือดู ก็ไม่มี บ่นงึมงำกับตัวเอง
“ลืมมือถือจนได้”
พริมเดินกลับมาถึงหน้าค่ายมวย พบว่าพวกนักมวยกลุ่มใหญ่เดินออกมาจากค่าย แล้วเห็นอีกว่าเพชรเป็นคนออกมารับทุกคน
“เพชร”
พริมรีบแอบตามไป

บุญหลงจัดเตรียมสถานที่อยู่ริมบึง ปูเสื่อเสร็จ ก็จัดวางอาหารที่เตรียมมา ไม่เท่านั้นยังมีช่อดอกไม้ชิอสวยไว้รอพริมด้วย บุญหลงวางการ์ดไว้ที่ช่อดอกไม้ เขียนกำกับว่า “เดทแรกของเรา” บุญหลงยิ้มชื่น ตื่นเต้นจะเดทจริงจังครั้งแรกกับพริม

ส่วนที่ลานวัด นักมวยทุกคนยืนตามบล็อกกิ้งที่ขนุนจัดให้ เพชรยืนอยู่ข้างหน้า
“วันนี้ก็เต็มที่เลยนะพวกเรา”
นักมวยร้อง “เฮ้” พร้อมเพรียง
อินโทรเพลงขึ้นไม่กี่วิ แต่แล้วจู่ๆ เพลงก็ดับไป
“ใครปิดเพลงอ่ะ”
เพชรหัวเสีย หันมาเจอพริมก็อึ้ง คนอื่นมองตามร้องเป็นเสียงเดียวกัน
“พริม”
พริมไล่สายตามองทุกคน “ใครจะอธิบาย บอกมา”
ทุกคนมองกันเลิกลัก
“ทำไมต้องอธิบายด้วย” เพชรถาม
“อ้าว ก็เธอเอาคนของฉันมานี่”
“แต่ก็ไม่ได้เบียดเบียนเวลาซ้อมสักหน่อย” เพชรเล่นลิ้นตั้งแง่
“แล้วคิดจะขออนุญาตกันบ้างไหม”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย”
เสียงตาน้อยดังขึ้น “แล้วคิดจะขออนุญาตหลวงพ่อไหม ที่มาซ้อมกันในวัดเสียงดังเนี่ย”
เพชรหันไปเจอตาน้อยก็อึ้งไป เอี้ยงวิ่งจู๊ดเข้ามาบอกเสียงดัง
“ลุงน้อยมาแล้ว”
ทุกคนประสานเสียง “รู้แล้ว”
เพชรหน้าเจื่อนจ๋อย

ฝ่ายบุญหลงรอนานแล้วแต่พริมไม่มาสักที จนชักเริ่มเซ็ง ดูนาฬิกา สุดท้ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาพริม
แต่โทรศัพท์มือถือพริมวางอยู่บนโต๊ะในออฟฟิศค่ายมวย มีสายเรียกเข้าจากบุญหลง โดยไม่มีคนรับ
บุญหลงรอจนสายหลุดไป แล้วยังคงนั่งรอพริมต่อไป

เพชรและพรรคพวก พนมมืออ้อนวอนตาน้อยที่รับสิทธิ์ขาดมาจากหลวงพ่อ บรรดานักมวยนั่งรอกันอยู่ ส่วนพริมนั่งกอดอกอยู่ห่างๆ
“พวกเราไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ นะครับลุงน้อย”
“ข้ารู้ ก็ขนาดที่ซุกหัวนอน ยังต้องมาขอที่วัดเลย”
จริยาเสนอหน้า “แปลว่าอนุญาต”
ตาน้อยบอก “ไม่”
ทุกคนจ๋อย
“ให้ได้แค่ที่ซุกหัวนอนเท่านั้นแหละ มาเปิดเพลงเสียงดังแบบนี้ มันรบกวนคนอื่น คนที่มาวัด ก็เพื่อต้องการความสงบทั้งนั้น”
“เราซ้อมกันเบาๆ ก็ได้นะครับ” แฉะบอก
นักมวยช่วยตอบพร้อมกันเสียงดัง “ใช่”
“โอ้โห คนเยอะขนาดนี้ หายใจก็ได้ยินไปถึงหน้าวัดแล้ว”
“ก็เพราะคนเยอะอย่างนี้ไงครับ ถึงไม่มีที่ไหนจะซ้อมได้เลย”
น้อยหันมาทางนักมวย “แล้วปกติอยู่กันที่ไหนล่ะ”
นักมวยทุกคนหันไปมองพริมเป็นตาเดียว
“อะไร มองทำไม
“งั้นก็ใช้ที่นั่นแหละซ้อม”
พริมเซ็ง “หลวงพ่อ”
“การช่วยคน เป็นบุญอันยิ่งใหญ่นะ ถือว่าข้าและหลวงพ่อขอล่ะ”
พริมอึ้งไป
“ก็ได้ค่ะ”
ทุกคนร้อง “เย้” ดีใจ

ทุกคนเดินกลับเข้ามาที่ค่าย เพชรเดินนำหน้า
“แหม้... คิดถึงจุงเบย ค่ายศ.อรชร”
“ให้ซ้อมได้อย่างเดียว” พริมมองจ้อง
“แต่ถ้าพวกฉันซ้อมทั้งวันทั้งคืน ก็แปลว่า อยู่ที่นี่ได้ทั้งวันทั้งคืนใช่ไหม” เพชรเล่นลิ้น
พริมคุมแค้น “ฮึ่ย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะซ้อมในที่ของฉัน ไม่รบกวนเธอกับคนอื่นหรอก”
“คนอื่นที่ไหนล่ะ ก็เธอเอาไปเป็นแดนเซอร์หมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เหลือคนนึง บุญหลงไง”
“เออจริงด้วย” พริมนึกได้ว่านัดบุญหลงไว้ “เออจริงด้วย”
พริมวิ่งจู๊ดออกไปนอกค่ายมวย เพชรมองงง

พริมเห็นบุญหลงนั่งมองเทียนอยู่คนเดียวกลางท้องนาเขียวขจี ท่ามกลางข้าวของที่ทำมาเซอร์ไพรส์พริม
“หลง พริมขอโทษ”
บุญหลงทำตัวเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว มาแล้วเหรอ”
“ขอโทษนะ คือพริมลืมไปเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องเพชรน่ะ”
บุญหลงชะงัก
“ก็หลวงพ่อให้เพชรมาอยู่ที่ค่ายเรา เพื่อซ้อมเพลงไปประกวดวงลูกทุ่งน่ะ เลยยุ่งๆหน่อย พริมเลยลืมเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง พริมหิวไหม กินข้าวกันเถอะ”
พริมหน้าเสียมาก “หลง”
“หืม”
“หลงว่าพริมก็ได้นะ”
“ว่าทำไมล่ะพริม แค่พริมมา หลงก็ดีใจแล้ว”
หลงจัดของอย่างแข็งขัน พอเสร็จก็หยิบช่อดอกไม้มาให้พริม
"หลงให้"
"ขอบใจนะหลง"

ยิ่งเห็นหลงดีเท่าไหร่ พริมยิ่งรู้สึกผิดมากเป็นทวีคูณ

อ่านต่อหน้า 2

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 27 (ต่อ)

พริม กะ บุญหลง หอบของกลับมาถึงค่ายตอนค่ำ เจอกับเพชรที่ยืนรออยู่ เพชรชะงัก พริมก็ชะงัก ทั้งสามยืนมองกันนิ่ง

บุญหลง กะ พริมพูดพร้อมกัน “เอ่อ...”
เพชรรีบชิงพูด “ไปเที่ยวกันมาเหรอ”
“ใช่” พริมตอบ
“น่าอิจฉาจังนะ มีคนพาไปเที่ยวด้วย”
“อิจฉาทำไม มันก็เหมือนเวลาที่คุณแก้วแหวนเขาพาเธอไปเที่ยวในกรุงเทพฯนั่นแหละ” พริมประชด
“ฉันกับคุณแก้วแหวน ไม่ได้...”
พริมไม่สนใจฟัง หันมายิ้มกับบุญหลง “ขอบคุณมากนะหลง วันนี้พริมสนุกมากเลย”
จากนั้นพริมเดินออกไป เหลือเพชรกับบุญหลง
“ฉันยังไม่ได้ดีใจกับนายเลย ดีใจด้วยนะ ที่นายกับพริม...”
บุญหลงแทรกขึ้น “เล่าเรื่องที่กรุงเทพฯ ให้ฉันฟังได้ไหม”
เพชรมองบุญหลงงงๆ

คืนนั้น บุญหลงเข้ามาในออฟฟิศ กดโทรศัพท์โทร.หาใครบางคน
“คุณแก้วแหวนใช่ไหมครับ ผมบุญหลงเองครับ”

รุ่งเช้า พวกนักมวยซ้อมมวยกันตามปกติ แฉะ ลูกดอก นอนเอกเขนก กินขนมอยู่อีกมุม จริยาเดินเข้ามาว่าเหน็บทันที
“นี่ๆ เกรงใจเจ้าของสถานที่เขาหน่อย เขาใจดีให้ซ้อมยังมานอนเกะกะ”
แฉะ กะ ลูกดอกลุก
“ดีมาก” จริยาลงไปนอนแทน
สองคนเซ็ง “เอ้า”
“ไปซ้อมสิ ตรงนี้ฉันจองแล้ว ฉันถือเป็นเจ้าของสถานที่”
แฉะ ลูกดอก เดินมาสมทบกับ พวกเพชรนำนักมวยวอร์มร่างกาย

พริมซ้อมมวยอยู่กับบุญหลง แต่ก็คอยชะเง้อมองทางเพชรไปด้วย พริมบ่นเรื่องเพชรกับบุญหลง
“หืม มาเนียนวอร์มด้วยเลยนะ ใครอนุญาตยะ”
“ปล่อยเขาเถอะ มาซ้อมต่อดีกว่าพริม”
พริมยังชะเง้อไม่หยุด
“พริมห่วงพวกนักมวย หรือห่วงใครเหรอ” บุญหลงน้อยใจ
“หมายความว่ายังไงหลง”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“มีสิ หลงพูดมาเลยดีกว่า หลงไม่พอใจอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“มี แต่หลงไม่พูดมากกว่า”
“แล้วคิดว่าหลงควรจะไม่พอใจเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องเพชรน่ะ มันไม่มีอะไรจริงๆนะ คนหลอกลวงแบบนั้น พริมไม่สนใจอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าเพชรไม่ได้หลอกลวงอย่างที่พริมคิด ถ้าเรื่องเพชรฉีกสัญญา เป็นเรื่องจริงล่ะ”
พริมอึ้ง นิ่งงันไป
“หมายความว่ายังไง”
บุญหลงเงียบไป ขนุนเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“พี่พริม”
พอขนุนเห็นพริม กะบุญหลงหน้าเครียดก็จ๋อย
“อุ๊ย เครียดกันอยู่เหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกขนุน”
บุญหลงเดินออกไป พริมมองตามอย่างขัดใจ
“พี่พริมมานี่หน่อยสิ”
ขนุนดึงตัวพริม ออกไป

ขนุนพาพริมมาที่ซ้อม
“พี่พริมมายืนแทนขนุนหน่อยสิ ขนุนอยากเห็นภาพรวม”
ขนุนพาพริมมายืนข้างๆ เพชร
“เดี๋ยวเข้าบล็อกจริงนะ”
บุญหลงเดินออกมาแอบมอง เห็นเพชรโอบพริม แต่ถูกพริมศอกกลับ
“ไม่ต้องแน่นได้ไหม”
เพชรเจ็บมาก ร้องโอดโอย “โอ๊ย พริม โอ๊ย”
“สำออย”
“โอย....”
จังหวะนั้นร่างพริมถลาเข้าไปใกล้เพชรในระยะประชิด
“เฮ้ย เป็นไรป่าว”
เพชรรีบโอบพริม
“ซ้อมเลยขนุน”
พริมบิดแขนเพชร
“โอย อันนี้เจ็บจริง จริงๆๆๆ”
พริมยิ้มขำเพชร
บุญหลงยืนมองพริมยิ้มให้เพชรหน้าเศร้า สีหน้าเหมือนตัดสินใจบางอย่าง

บุญหลงใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองโทร.หาแก้วแหวน
“คุณแก้วแหวนครับ”
ไข่เค็มยื่นหน้าออกมาแอบฟัง
“ผมตกลงไปพบคุณที่บริษัทครับ”
ไข่เค็มตาโต ตกใจสุดขีด

วันถัดมา พริมเดินหาบุญหลงแต่เช้า ไข่เค็มเดินผ่านมาเห็น
“ไข่เค็ม เห็นพี่หลงไหม”
ไข่เค็มยื่นซองเอกสารให้พริม
“พี่หลงฝากนี่มาให้ครับ”
พริมเปิดออกดู หัวกระดาษเขียนไว้ว่า “บ.เวิลด์บอกซิ่ง จำกัด เอกสารยกเลิกสัญญา” และมีลายน้ำเขียนว่า สำเนา พาดไว้
ไข่เค็มกระอึกกระอัก “คือว่า...”

สุดท้ายไข่เค็มยอมเล่าว่า เขาแอบฟังบุญหลงคุยโทรศัพท์มือถือกับแก้วแหวน
“ผมตกลงไปพบคุณที่บริษัทครับ”
ไข่เค็มตกใจ แต่ยังยืนฟังต่อ
“แต่คุณต้องยอมบอกความจริงเรื่องเพชร พร้อมส่งหลักฐานมาด้วย”

พอพริมได้ฟังจบแล้วเศร้า สงสารบุญหลง

วันถัดมา เพชรเข้ามาหาพริมในออฟฟิศแต่เช้า
“มีอะไร บอกเลยนะ ถ้าเธอทำไรฉันอีก ฉันฟ้องหลวงพ่อจริงด้วย บาปอ่ะบาป รู้จักไหม บาปอ่ะ”
“ขอโทษนะเพชร”
พริมยื่นซองเอกสารให้ เพชรหยิบซองมาเปิดดู
“หลงให้คุณแก้วแหวนอีเมลเอกสารยกเลิกสัญญามาให้ ขอโทษนะ ที่ฉันไม่เชื่อเธอแต่แรก ทำให้เรื่องทุกอย่าง แย่ไปหมด” พริมหมายถึงเรื่องบุญหลงด้วย
“ก็ไม่ถึงกับทุกอย่างมั้ง”
เสียงไลน์เครื่องพริมดังขึ้น พริมเปิดดู เป็นไลน์จากบุญหลงที่ส่งคลิปแนบมา
“หลงส่งคลิปมา”
เพชรหมั่นไส้ “สวีทกันจริงนะ”
“สวีทสะเหวิดอะไร หลงเขาเก็บของออกจากค่ายไปแล้ว”
“ห๊ะ งั้นรีบเปิดคลิปดูเร็ว”
พริมเปิดคลิป
“สวัสดีพริม ตอนที่พริมดูคลิปนี้อยู่หลงคงกำลังจะถึงกรุงเทพฯ แล้วละ ขอบคุณนะ หลายวันมานี้ที่พริมยอมเขยิบฐานะให้เรามาเป็นแฟน หลงมีความสุขมาก”
เพชรเหล่พิมเซ็งๆ
“ถึงแม้จริงๆ แล้ว ใจพริมไม่ได้คิดแบบนั้นกับหลงเลยก็ตาม”
เพชรมองจ้องพริม ที่มีสีหน้าอึดอัดลำบากใจมาก
“จะด้วยเพราะความสับสน หรือความสงสารแต่หลงก็รู้ว่าความรู้สึกดีๆ ที่พริมมี มันไปสุดแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้นเอง พริมอยากรู้ใช่ไหมว่าหลงคิดอะไรอยู่ หลงคิดถึงพริม รักพริมมากๆ เลยล่ะ แต่ยังไงเรื่องของเราสองคน มันก็เป็นไปไม่ได้ ขอบคุณนะ ที่ทำให้หลงได้รู้จักกับความรัก หลงจะรักพริมเสมอ และรักตลอดไป แต่ตอนนี้คงอยู่ใกล้พริมไม่ได้จริงๆ ขอหลบมากรุงเทพก่อนนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วง หลงไม่เซ็นสัญญากับคุณแก้วแหวนนั่นหรอก แค่ยอมมาคุย แลกกับเอกสารนั้นก็เท่านั้นเอง เอาล่ะ หลงก็เปิดเผยสิ่งรู้สึกตัวเองหมดแล้ว ทีนี้พริมก็เปิดเผยความรู้สึกตัวเองได้แล้วนะ ชอบใคร ก็บอกเขาไป มันสบายใจกว่าเยอะ ไปล่ะ แล้วเราคงได้เจออีก สักวัน”
คลิปบุญหลงจบไปเท่านั้น
เพชร และพริมดูคลิปเสร็จก็นั่งเงียบไป แล้วเพชรก็ทำลายความเงียบขึ้นมา
“ว้าย... ตัวเองแอบชอบเค้าอยู่ใช่ไหมล่า.....”
“อะไรของเธอ”
“ก็อย่างที่หลงพูดไง เธอชอบฉันล่ะสิ”
“บ้าเหรอ”
พริมหันหนี
“งั้นบอกสิ เธอชอบใคร บอกสิ บอกๆๆๆๆ”
เพชรยื่นหน้าใกล้ พริมรำคาญ ตวัดมือปัดเพชรออก เพชรโดนฟาดล้มลงไปที่พื้น พอพริมหันมา แต่ไม่เจอเพชรแล้ว ก็เหลียวหาเป็นการใหญ่
“อ้าว เพชร”
เพชรชูมือมาจากพื้นข้างล่าง
“อยู่นี่”

“เอ้า” พริมขำมากกว่าตกใจ

อ่านต่อหน้า 3

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 27 (ต่อ)

พริมเดินหน้าตึงออกมา มีเพชรเดินตามมาด้วยอย่างแปลกใจ

“เลิกทำหน้าบึ้งได้แล้วน่า พริมก็รู้ความจริงแล้วนี่ ว่าชั้นไม่ได้ทิ้งพริมนะ”
“ชั้นไม่ได้บึ้งเรื่องนั้น ชั้นบึ้งเรื่องนู้น”
พริมพยักพเยิดหน้าไปกลางลาน เห็นขนุนกำลังสอนนักมวยเต้นอยู่
“ถ้าน้าอรรู้ว่าพวกนักมวยจะไปเป็นแดนเซอร์ให้เธอ ค่ายแตกแน่”
“ก็ตอนนี้น้าอรไม่อยู่ จะกลัวอะไรล่ะ”
เอื้อยกระโจนมาโผล่ยืนอยู่ข้างหลัง แผดเสียงใส่หูเพชร
“แต่ชั้นอยู่”
เพชรร้อง “เย้ย!”
“นี่ชั้นไปปฎิบัติธรรมแค่ไม่กี่วัน ค่ายมวยกลายเป็นคณะหางเครื่องไปแล้วเหรอ”
“พี่เอื้อยดาวจ๋า พี่เอื้อยดาวสุดสวยรวยเสน่ห์ ถือว่าสงสารชั้นเถอะนะจ๊ะ ชั้นมันคนไร้บ้าน ขอมาอาศัยที่ทางซ้อมเต้นนิดๆหน่อยๆเองนะจ๊ะ” เพชรอ้อนใหญ่
“ชั้นได้รับมอบหมายจากแม่อรให้ดูแลค่ายระหว่างที่แม่อรไม่อยู่ ชั้นก็ต้องทำหน้าที่ ไม่มีข้อยกเว้น ฮ่าๆๆๆๆ ออกไป”
“แต่อีกหลายวันกว่าน้าอรจะกลับนี่จ๊ะ” พริมท้วง
เอื้อยฉุน “พริม! เธอกลายไปเป็นพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่าซะหน่อย พริมก็แค่ สมเพช เวทนา ก็แค่นั้นเอง”
“แต่ ชั้น ไม่ ฮ่าๆๆๆๆๆ เพชร เธอรีบพาพวกของเธอออกไปจากค่ายเดี๋ยวนี้ พริม ไปบอกให้ขนุนกับพวกนักมวยเลิกซ้อมเต้นได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เอื้อยหัวเราะอย่างนางร้ายช่อง 8 ออกไป เพชรมองหน้าพริมอ้อนๆ พริมเครียด เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง

ทุกคนนั่งประชุมกันใต้ร่มโพธิ์ในค่าย
“ถ้าพี่เอื้อยไม่ยอม ใครก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” พริมหนักใจ
“งั้นเดี๋ยวชั้นจะไปตบนังเอื้อยเอง ตบจนกว่าจะยอม ผอมแห้งแรงน้อยอย่างนั้นตบ 3 ทีก็ร่วงแล้ว”
แฉะไม่เห็นด้วย “บ้าเหรอ! เรากำลังจะมาขอร้องเค้านะ ไปตบเค้า เค้าก็เรียกตำรวจมาจับสิ”

“ขนุนว่าเราต้องใช้ไม้อ่อน พี่เอื้อยถึงจะยอม”
“เมื่อกี้ชั้นก็ออดอ้อนไปทีแล้ว ไม่เห็นได้ผลเลย” เพชรบอก
“งั้นหนูไปอ้อนให้เอามั้ยจ๊ะ หนูเป็นเด็กน้อยน่ารัก น้าเอื้อยต้องใจอ่อนแน่ๆ” ไข่เค็มเสนอตัว
“แกจะไปอ้อนยังไงทำให้ดูซิ”
ไข่เค็มเกาะขาเพชรแจ เอาหน้าถูๆ ไปมาเหมือนแมวอ้อนนาย
“น้าเอื้อยดาว ถือว่าสงสารคณะลิเกจนๆ ให้ได้มีที่พักพิงเถอะนะจ๊ะ เมี๊ยว” พูดจบก็เลียขาเพชรแผล็บ
เพชรสะบัดขาท่าทีสยิวสยอง “เฮ้ย! ไปทำอย่างนี้มีหวังโดนถีบกระเด็นแน่”
“งั้นเราต้องส่งคนที่ใช่ไป มันถึงจะได้ผล” ขนุนว่า
“ซึ่งคนนั้นก็คือ ชั้นเอง” แฉะอาสาอย่างภาคภูมิ
“ไม่ใช่ ชั้นหมายถึงลูกดอกต่างหาก”
ลูกดอกงง “ชั้นเนี่ยนะ”

ขณะที่เอื้อยกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ แฉะเข้ามาจ๊ะจ๋าชวนคุย
“จ๊ะเอ๋ น้องเอื้อย”
เอื้อยสะดุ้งตกใจ เอาบัวรดน้ำสะบัดใส่แฉะ
“ว้าย ไอ้บ้า! นี่ยังไม่กลับกันไปอีกเหรอ ชั้นไล่หลายหนแล้วนะ”
ลูกดอกเข้ามาอีกทาง
“จ๊ะเอ๋ พี่เอื้อย”
เอื้อยขวยเขิน ทักตอบเสียงอ่อนโยน “อุ๊ย น้องลูกดอก หยอกพี่เล่นตกใจหมดเลย บ้าจริง”
“น้องเอื้อยทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ” แฉะถาม
“ให้อาหารปลามั้ง ก็เห็นอยู่ว่ารดน้ำต้นไม้” เอื้อยสะบัดเสียงใส่
“เป็นคนรักธรรมชาติด้วย” ลูกดอกหยิบดอกไม้ส่งให้ “นี่จ้ะ ชั้นเก็บมาฝาก”
เอื้อยเขิน “ขอบใจจ้ะ คนสวยๆ อย่างพี่ ก็ต้องคู่กับดอกไม้สวยๆ เนอะ”
แฉะยื่นดอกไม้ให้บ้าง “นี่จ้ะ พี่ก็มีมาฝากเหมือนกัน”
เอื้อยร้องกรี๊ด “แอร๊ย ไอ้ชั่ว นี่แกเด็ดดอกไม้ในสวนชั้นมาเหรอ”
“ขอโทษทีจ้ะ ก็ฉันเห็นว่าของสวยๆ ก็ต้องคู่กับคนสวยๆ” แฉะยิ้มตาเยิ้ม
เอื้อยค้อนขวับ “ไม่ต้อง ชั้นไม่ต้องการ แล้วนี่มีอะไรว่ามา”
“ชั้นก็แค่จะมาอนุญาตเอื้อย ให้เราใช้สถานที่ซ้อมเต้นน่ะจ้ะ” แฉะว่า
เอื้อยแว้ดใส่ “ก็บอกแล้ว่าไม่ได้! โง่นักหรือไง พูดครั้งเดียวไม่รู้เรื่อง”
ลูกดอกรอจังหวะอยู่ พูดเสียงหวาน “แต่พี่เอื้อยจ๊ะ ถ้าเราไม่ซ้อมที่นี่ ก็ไม่รู้จะไปซ้อมที่ไหนแล้วนะจ๊ะ ฉันก็เห็นว่าเราเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง พี่เอื้อยเองก็เป็นคนสวยแล้วก็ใจดี ถึงได้มาขอความช่วยเหลือ หวังว่าพี่เอื้อยคงไม่ใจร้ายกับลูกดอกนะจ๊ะ”
เอื้อยระทวย “แหม ก็ถ้าลูกดอกพูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าพี่ไม่ให้ก็คงจะใจร้ายไปหน่อยแล้วล่ะ”
ลูกดอกตื่นเต้น “แปลว่าพี่เอื้อยอนุญาตแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
เอื้อยพยักหน้า “แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะ”
“อะไรจ๊ะ ว่ามาได้เลย”
เอื้อยอายม้วน บอกเขินๆ ขณะชี้ที่แก้ม
“ได้เลยจ๊ะ จะเอากี่ฟอดว่ามาเลย” แฉะโอบคอเอื้อยหมับ จะห้อมแก้ม
เอื้อยโมโหตบปากแฉะ “ไอ้โรคจิต! ไปไกลๆ” แล้วหันมาจ๊ะจ๋ากับลูกดอก “ทีเดียวก็พอจ้ะ”
ลูกดอกยิ้มแหยๆ ฝืนใจหอมแก้มเอื้อย
เอื้อยกรี๊ดๆๆ วิ่งหัวเราะร่าเริงออกไป
“ไอ้ลูกดอก ชั้นกับแกมันต่างกันตรงไหนวะ” แฉะบ่นงึมไม่ดูหนังหน้าตัวเอง

พอทุกคนรู้เรื่อง ต่างพากันร้อง “เย้” ดีใจ ยกเว้นพริม ทำเป็นเฉยๆ
“ชั้นบอกแล้วว่าต้องใช้ให้ถูกคน ถึงจะได้ผล”
“นี่แปลว่าเอื้อยเค้าไม่ได้ชอบชั้น แต่ชอบไอ้ลูกดอกเหรอเนี่ย” แฉะบ่น
“ชัดขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอจ๊ะ” ไข่เค็มว่า
แฉะทำปากเบะจะร้องไห้
ลูกดอกรีบบอก “หยุดเลยพี่แฉะ ชั้นไม่แย่งพี่หรอก เดี๋ยวชั้นเขี่ยให้พี่เอง”
“คนหรือข้าวเม่าทอดลอยน้ำ ถึงเอาไม้เขี่ยให้กันได้ง่ายๆ” จริยาขัดหู
“พวกพี่เลิกคุยเรื่องพี่เอื้อยได้แล้ว จะรีบไปซ้อมไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่เอื้อยก็เปลี่ยนใจหรอก” พริมบอก
เพชรงง “แล้วพริมไม่ไปซ้อมเหรอ”
“ไป แต่ชั้นจะไปซ้อมมวย”
เพชรอ้อน “อ้าว ไปเป็นกำลังใจให้ชั้นหน่อยสิ”
“ไม่ใช่เรื่อง”
พริมเดินงอนๆ ออกไป
เพชรหมั่นไส้บ่นกระปอดกระแปด “งอนได้งอนดี”
“แต่ปล่อยให้งอนนานๆ ไม่ดีนะพี่เพชร เราต้องจัดการอะไรสักอย่าง”
“แกมีแผนเหรอไข่เค็ม”

ไข่เค็มเคาะสมองคิด แล้วเรียกทุกคนมาสุมหัวกระซิบกระซาบแผนการให้ฟัง

อ่านต่อหน้า 4

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 27 (ต่อ)

ในขณะที่พริมกำลังซ้อมมวยอยู่คนเดียวนั้น ไข่เค็มวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“แย่แล้ว พี่พริมแย่แล้ว”
“อะไรอีกล่ะไข่เค็ม”
“พี่ขนุน...พี่ขนุนเป็นอะไรไม่รู้”
“ก็แล้วเป็นอะไรล่ะ”
“ก็เป็นอะไรไม่รู้ไง พี่พริมต้องไปดูเอง”

ขนุนพยายามเปล่งเสียงออกมา แต่มีแต่ลมแหบๆ เพชร แฉะ ลูกดอก จริยา ช่วยบิวท์ให้พูดกันอยู่
“หายใจลึกๆ ให้ท้องป่องเหมือนอึ่งอ่างพองลม แล้วเปล่งเสียงออกมา ขนุนหายใจลึกเต็มที่”
ขนุนเปล่งออกมามีแต่ลม “แฮ่...”
ไข่เค็มพาพริมเข้ามา
“ขนุน เป็นอะไร”
ขนุนพูดเสียงแหบๆ “เป็นอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็ไม่มีเสียง”
พริมตกใจ “อะไรนะ”
เพชรหน้าตาเครียด “ไม่รู้เหมือนกันพริม อยู่ๆ เสียงขนุนก็หายไปเฉยๆ เลย”
“อาการแบบนี้หวัดลงคอชัวร์” แฉะว่า
ลูกดอกรับลูก “อ้าว แล้วจะหายทันไปแข่งร้องเพลงเหรอ”
ไข่เค็มตีหน้าเศร้า “นั่นสิ แย่จังเลยเนาะ ต้องหาคนอื่นมาแทนแล้วล่ะ”
จริยารอเสริม “ใครดีน้า...”
ทุกคนทำเป็นมองเหล่พริม
“พี่แฉะไง ลูกดอกก็ได้” พริมบอก
“ไม่ได้ เพลงที่จะแข่งเป็นเพลงคู่ชาย หญิง” เพชรเสียงดัง
“งั้นก็พี่จริยา” พริมไม่ยอม
“ก็ไม่ได้ พี่จริยาแก่ไป” เพชรอ้าง
จริยายัวะ “อ้าว พูดงี้ก็สวยดิ”
ว่าพลางจริยาจะตีเพชร แฉะ กะ ลูกดอกห้ามไว้
“อุ๊ย โทษทีจ้ะ” เพชรไหว้จริยา แล้วหันมาหาพริม “พริม เราไม่เหลือใครแล้วอะ คนที่จะมาร้องคู่กับชั้น ต้องเป็นพริมแล้วล่ะ”
พริมไม่เอาด้วยท่าเดียว “ฝันไปเถอะ”

พริมเดินลิ่วๆ หนีมา คนอื่นตามมากันเป็นพรวน
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่” พริมยืนกรานหนักแน่น
เพชรอ้อนเป็นการใหญ่ “โธ่พริมจ๋า ขอร้องละนะ ครั้งเดียวเองนะๆๆ”
ทุกคนขอร้องกันต่างๆ นานา เสียงดังระงมไปหมด เอื้อยได้ยินเสียงโหวกเหวก โผล่ออกมาดู
“อะไร มีเรื่องอะไรกัน”
ลูกดอกรีบปราดเข้ามารับหน้าเอื้อยทันที
“พี่เอื้อยจ๋า อยู่ๆ ขนุนก็เสียงแหบร้องเพลงคู่เพชรไม่ได้แล้ว เราก็เลยอยากให้พี่พริมมาร้องแทนอะจ้ะ”
“ก็ดีนี่ พริมกับเพชรก็ดูเหมาะสมกันดี” เอื้อยเห็นงามไปด้วย
“ชั้นร้องเพลงเป็นทีไหนล่ะพี่เอื้อย”
เอื้อยนึกได้ “เออจริง เกิดมาไม่เคยเห็นพริมร้องเพลงเลยนี่”
ลูกดอกส่งสายตาหวานไปอ้อนเอื้อยให้ช่วยพูด
“แต่ถึงร้องไม่เป็นก็หัดกันได้นะ คนร้องเพลงเป็นเยอะแยะ” เอื้อยเปลี่ยนคำทันที
ทุกคนขานรับ “ใช่ๆๆๆ” ทั้งแถบ
พริมไม่ยอม “ไม่! ถ้าน้าอรรู้มีหวังชั้นตายแน่”
เอื้อยนึกได้ “เออจริง อรยิ่งไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้อยู่ด้วย”
ลูกดอกกระแซะๆ ให้เอื้อยช่วย
“แต่ไม่รู้หรอก ชั้นจะช่วยปิดให้” เอื้อยว่า
พริมเซ็งหนัก “พี่เอื้อย”
“ช่วยพวกเค้าหน่อยน่าพริม คนเค้าเดือดร้อนมาเราก็ต้องช่วยเหลือ” เอื้อยหันมามองลูกดอกตาหวานฉ่ำ “บุญกุศลครั้งนี้อาจจะช่วยให้เจอเนื้อคู่ก็ได้นะ”
ลูกดอกเห็นสายตาเอื้อยที่ส่งมาก็ยิ้มแห้งๆ รับ
ทุกคนพยายามส่งสายตามเว้าวอนพริม อย่างน่าเวทนา โดยเฉพาะเพชร
พริมลำบากใจ
“เพราะสงสารหรอกนะ ประกวดเสร็จได้เงินได้บ้านแล้วจะได้รีบไปให้พ้นๆ ซะที รำคาญ”
“แปลว่ายอมแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” เพชรตื่นเต้น
“เออ” พริมกระแทกเสียง
ทุกคน รวมทั้งขนุนด้วย “เย้”
พริมมองเหล่ขนุนจับผิด ขนุนรีบแกล้งไอค่อกแค่กไปตามเรื่อง

ยามเย็น เพชร พริม วิ่งออกกำลังกายคู่กันมาตามถนนรอบหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี
“อันดับแรก นักร้องจะต้องมีปอดที่แข็งแรง” เพชรวางมาดครูสอยร้องเพลง
“ชั้นก็วิ่งของชั้นทุกวัน ไม่ต้องมาสอนหรอก”
“ไม่ใช่แค่วิ่งเฉยๆ ต้องวิ่งไปร้องเพลงไปด้วย”
“จะบ้าเหรอ อายเค้า”
“พูดจริงๆนะพริม ไม่งั้นพอขึ้นเวทีทั้งร้องทั้งเต้น แรงจะไม่ไหวเอานะ เร็ว ร้องมา เพลงอะไรก็ได้เพลงนึง”
พริมทำหน้าเซ็งๆ สุดท้ายร้องเพลงในตำนานของ โฟร์มด
“หายใจเข้าก็ เฮ้อเธอ...”
เพชรรับ “เฮ้อเธอ...”
วสองคนร้องรับสลับกันไปมา
“หายใจออกก็ เฮ้อเธอ”
“เฮ้อเธอ...”
“เป็นอะไรมากมั้ยใจลอยแบบเนี้ย ...หายใจเข้าก็เฮ้อเธอ”
เพชรรับ “เฮ้อเธอ...”
“หายใจออกก็ เฮ้อเธอ”
“เฮ้อเธอ...”
“แต่ก็โอเคนะเพราะมันเหนื่อยดี”
พวกนักมวยวิ่งผ่านไป ร้องเพลงแซวเป็นที่สนุกสนาน
“หายใจเข้าก็เฮ้อเธอ...เฮ้อเธอ หายใจออกก็เฮ้อเธอ...เฮ้อเธอ”
พริมอายจะแย่ แต่เพชรขำ ชอบอกชอบใจ พริมฟาดเพชรไปหลายตุ๊บ

ที่ครัวของวัดทุ่งไก่หลง น้อย กล้า และเอี้ยงกำลังกินข้าวเย็นกันอยู่
“ไอ้เอี้ยง เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ากินเยอะ” กล้าแย่งอาหารจากเอี้ยง
น้อยแย่งอาหารมาจากกล้า “ไอ้กล้า เอ็งก็เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ากินเยอะ”
กล้าแย่งกลับ “ลุงน้อยแหละ แก่แล้วอย่ากินเยอะ”
หลวงพ่อเข้ามา
“ไอ้กล้า”
“ว่าไงหลวงพ่อ”
“แหม ขานซะเป็นเพื่อนเล่นเลยนะ เอากับข้าวกับปลาไปให้พวกลิเกหน่อยซิ ป่านนี้หิวแย่แล้วมั้ง”
“ถามจริงเหอะหลวงพ่อ ทำไมต้องไปเลี้ยงดูปูเสื้อพวกนั้นด้วย แค่เรา 3-4 คนก็แทบจะไม่พอกินอยู่แล้ว” กล้าบ่น
“รู้จักมั้ย เมตตาธรรมค้ำจุนโลก มีมากก็แบ่งมาก มีน้อยก็แบ่งน้อย”
“คนเราน่ะ กินกันตายก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงกับอิ่มแปล้จนท้องจะแตกแบบชูชกหรอก ชั้นกินแค่นี้ชั้นพอแล้วล่ะ” ตาน้อยวางจาน
“เอี้ยงก็พอแล้วจ้ะ” เอี้ยงวางจานตาม
“เอ็งก็พอได้แล้ว เอาที่เหลือไปให้พวกลิเกซะ”
กล้าไม่พอใจ ฟึดฟัดฮึดฮัดไปมา แต่ก็ยอมทำ

แฉะ ลูกดอก และจริยา กำลังกินข้าวกับผักต้มอย่างร่าเริง
“อร่อยจังเลย วันนี้มีปลาช่อนแป๊ะซะด้วย”
แฉะเพ้อ “เนื้อขาวๆ แน่นๆ”
“ผักกาดขาวต้มนี่หวานดีจริงๆ” ลูกดอกว่า
แฉะท้วง “เฮ้ย ไอ้ลูกดอก กินยังไงเป็นผักกาดนี่มันปลาช่อน”
ลูกดอกเซ็ง “ปลาช่อนก็ปลาช่อนจ้า”
ระหว่างนี้กล้ายกถาดใส่โถข้าว และกับข้าว 2-3 อย่างเข้ามาวาง
จริยากรี๊ด “แอร๊ย...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเด็กเหลือขออย่างเอ็งก็ใจดีกับเค้าเหมือนกัน”
“หลวงพ่อให้เอามาให้ ชั้นไม่ได้อยากให้เองซะหน่อย นี่ ถ้าชนะประกวดร้องเพลงแล้วก็รีบๆ ย้ายกลับไปอยู่บ้านซะ จะได้ไม่มาแย่งข้าวชั้นกิน” กล้าบอกเจตนารมณ์
“หน็อย ไอ้กล้า ตอนที่พวกเรามี เราก็ใส่บาตรหลวงพ่อทุกวัน เอ็งก็ได้กินข้าวของพวกชั้นเหมือนกันนะโว้ย” แฉะโมโห
“ชั้นไม่ได้กินข้าวพวกพี่ ชั้นกินข้าวหลวงพ่อต่างหาก”
ลูกดอกไม่พอใจ “งั้นข้าวพวกนี้ก็ของหลวงพ่อเหมือนกัน ชั้นไม่ได้แย่งแกกิน แต่หลวงพ่อให้เรากินต่างหาก เอ้าพวกเรา กินให้เกลี้ยงเลย หลวงพ่ออนุญาตแล้ว”
แฉะ ลูกดอก และจริยา รับตักกับข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อย กล้าได้แต่เจ็บใจ

พริมกำลังอาบน้ำอยู่อย่างสบายใจ
มีเสียงเพชรร้องเรียกดังขึ้น “พริม...”
พริมตกใจ มองหาไปตามช่องลมด้านบนอย่างหวาดระแวง
“เพชร อยู่ไหนน่ะ”
เพชรโผล่มาจากห้องข้างๆ นุ่งผ้าขาวม้าเปลือยอกกำลังจะอาบน้ำ
“อยู่ห้องข้างๆ ชั้นกำลังจะอาบน้ำเหมือนกัน”
“ทำไมต้องมาอาบพร้อมชั้นด้วย ไปเลยนะ รอให้ชั้นอาบเสร็จก่อนแล้วค่อยมาอาบ”
“ชั้นจะมาสอนเธอร้องเพลงด้วยน่ะจ้ะ”
“จะร้องอะไรกันตอนนี้ ชั้นจะอาบน้ำ”
“ไม่รู้เหรอว่าที่ซ้อมร้องเพลงที่ดีที่สุดก็คือห้องน้ำ เอ้า เริ่มร้องได้แล้ว ชั้นจะฟัง”
พริมบอก “ไม่”
“ตอนนี้ชั้นเป็นครูสอนร้องเพลงเธอนะ เชื่อฟังกันหน่อยสิ”
พริมเซ็ง เริ่มร้อง
“โรคหัวใจกำเริบเลิฟ ละ ละ เลิฟ เลิฟ เลิฟ ดูซิมันกำเริบเลิฟ ละ ละ เลิฟยู”
เพชรร้องด้วย “ละละ เลิฟยู” แถมแย่งร้องท่อนต่อมา “เห็นแล้วใจมันอ่อนอ๊อน อยากจะอ้อนเธอน่าดู ช่วยมาดูแลรักษากันหน่อยเหอะ”
“ตกลงใครจะร้องกันแน่”
“ก็ชั้นอยากร้องท่อนนี้อะ เพียงเธอมาใกล้กัน ใจมันสั่นสั่นสั่นและค่อนข้างเหงา เกิดอาการวิงวิง เธอจะรักกันจริงหรือเปล่า เวา เวา”
พริมหมั่นไส้ ตักน้ำสาดข้ามอ่างอาบน้ำไปใส่เพชร
“โว้ย อะไรเนี่ย”
“เกลียด”
เพชรตักน้ำสาดข้ามอ่างไปใส่พริมบ้าง ทั้ง 2 สาดน้ำใส่กันไปมาในบรรยากาศมุ้งมิ้ง

ค่ำนั้น กล้าลากเอี้ยงมามุมลับตาคน
“ไอ้เอี้ยง สมมุติว่าถ้ามีคนแย่งข้าวแกกิน แย่งที่แกนอน แกจะทำยังไง”
“เอี้ยงก็จะแบ่งให้เค้าจ้ะ เพราะเค้าคงจะเดือดร้อนก็เลยต้องมาอาศัยเรา”
กล้าเบิ้ดกะโหลกเอี้ยง
“ไอ้โง่ แกต้องไล่มันไปสิวะ แล้วตอนนี้ไอ้พวกลิเกมันก็กำลังจะมาแย่งทุกอย่างไปจากแก”
“แล้วพี่กล้าจะทำยังไงจ๊ะ”
“ชั้นก็จะไล่มันไปจากวัดน่ะสิ แล้วแกก็ต้องมาช่วยชั้นไล่ด้วย”
กล้ายิ้มชั่วทำหน้าตาร้ายกาจมาก

อาบน้ำเสร็จ เพชรพาพริมเข้ามาที่ม้านั่ง ตรงมุมพักผ่อน
“ซ้อมร้องเพลงนี่มันไม่มีเวล่ำเวลาเลยรึไง ดึกป่านนี้ยังจะซ้อมอะไรอีก”
“ชั้นจะให้เธอมาฟังเสียงธรรมชาติ”
“ฟังตอนเช้าได้มั้ย”
“ตอนเช้ามันไม่มีเสียงนี้น่ะสิ จุ๊ๆๆ เงียบๆ ลองฟังสิ ได้ยินเสียงอะไร”
พริมเงี่ยหูฟัง ได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีด
“ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย มีแต่เสียงจิ้งหรีด”
“นั่นแหละ ชั้นจะให้เธอมาฟังเสียงจิ้งหรีด เธอจะต้องเสียงใสไพเราะให้เหมือนจิ้งหรีดเลยนะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าจะให้ชั้นกินจิ้งหรีด”
“กินสดๆ เลยละ”
“บ้า ต้องเอาไปทอดก่อนสิ”
“โอ๊ย ยังจะต่อมุขอีก ชั้นไม่ได้จะให้กิน ชั้นจะให้เธอมาฟังเสียงมัน”
เพชร กะ พริมนั่งลงคู่กันเงียบๆ ฟังเสียงจิ้งหรีดร้องดังระงมอย่างไพเราะ เพชรลอบมองพริมยิ้มๆ พริมรู้ตัวก็ออกอาการเคอะเขิน
“ฟังแล้วได้อะไร ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“มันเป็นการฝึกหูไง ฟังสิมีเสียงสูงเสียงต่ำ เหมือนโน้ตดนตรี เนี่ยๆ ได้ยินเสียงนี้มั้ย เป็นเสียงตัวผู้ ...แล้วเสียงนี้ก็เป็นเสียงตัวเมีย มันกำลังจีบกันอยู่”
“รู้ได้ไง”
“รู้สิ เวลาคนกำลังมีความรักร้องเพลง ใครๆ ก็ฟังออกทั้งนั้นแหละ”
พริมกลอกตาเซ็ง
“นี่ๆ ฟังตัวนั้นมันร้องสิ มันกำลังร้องว่า ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ”

พริมกลอกตาเซ็งกับมุขนี้ เลยนิ่งไป ใจหนึ่งก็อยากจะอ้วก แต่อีกใจหนึ่งก็เขิน

อ่านต่อตอนที่ 28
กำลังโหลดความคิดเห็น