แหวนทองเหลือง ตอนที่ 28 อวสาน
กฤษดายังนอนอยู่บนเตียง สีหน้าอิดโรย พนมนั่งใกล้ๆเตียงกฤษดา ปิ่นแก้วเดินไปเดินมา
"ถ้านายไม่ให้พยาบาลโทร.ไปบอก ฉันคงคิดว่านายหนีกลับไปเชียงใหม่ซะอีก....มาโดนรถชนได้ไง"
"มิหนำซ้ำเป็นรถยายเมียเช่าญี่ปุ่นซะด้วย บังเอิญจริงๆนt พี่กฤษดา คงเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าหน้าแม่นั่นเหมือนใคร"
พนมหันไปทำหน้าดุใส่ ปิ่นแก้วเลยเดินหนีไปนั่งอีกมุมของห้อง
"นายแน่ใจหรือเปล่าว่าหทัยทิพย์คือดวงใจ"
กฤษดาดวงตาเหม่อ ลอบถอนใจอย่างสับสน
"ถ้ากันไม่เห็นหลุมศพดวงใจที่เชียงใหม่ กันบอกได้เลยว่าคุณหทัยทิพย์กับดวงใจคือคนเดียวกัน"
"บางทีศพผู้หญิงท้องที่โดนเสือกัดอาจจะไม่ใช่ดวงใจก็ได้ กำนันปานอาจจะเข้าใจผิด"
กฤษดามองหน้าพนมนิ่งคิด
"ถึงผู้หญิงคนนี้หน้าตาดูเหมือนดวงใจ...แต่คำพูดหรือแววตาไม่บริสุทธิ์เหมือนดวงใจเลยซักนิด"
"ใจของนายไม่ยอมรับมากกว่ามั้ง เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว อายุปูนนี้จะใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนตอนอายุน้อยๆได้ไง"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเพราะไม่ชอบที่เค้าเคยเป็นเมียทหารญี่ปุ่น"
กฤษดาพูดด้วยความรู้สึกไม่พอใจจริงๆ ปิ่นแก้วรีบเดินมาเสริม
"ใครๆก็คิดอย่างนี้ทั้งนั้นละค่ะ ถึงไม่มีผู้ชายดีๆที่ไหน เค้าอยากจะเอาไปเป็นเมีย ต่อให้รวยแค่ไหนก็เถอะ"
พนมมองปิ่นแก้วอย่างตำหนิ
"แต่ที่ได้ยินมาไม่ใช่อย่างนั้น คุณหทัยทิพย์นี่มีผู้ชายดีๆมารุมจีบมากมายทั้งโสดและไม่โสด..แต่ไม่เคยสนใจผู้ชายที่ไหนเลย บางคนคิดว่าเธอยังไม่ลืมสามีทหารญี่ปุ่น แต่บางคนก็บอกว่าไม่ใช่ การที่ไปเป็นเมียทหารญี่ปุ่นอาจจะไม่เต็มใจก็ได้"
กฤษดาตั้งใจฟัง
"แล้วเพราะอะไรเค้าถึงไม่มีสามีใหม่"
พนมมองกฤษดายิ้มๆ
"รู้แค่นั้น...ถ้าอยากรู้จะไปสืบมาให้ ที่กันชอบก็คือเธอทำบุญมากจริงๆโดยไม่เลือก ที่ไหนใครขอมาตรวจสอบว่าลำบากจริง เธอให้หมด เรื่องของนาย เธอก็ให้คนมาจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด...กำชับหมอให้ทำดีที่สุด"
ปิ่นแก้วแขวะ
"แหม…รวยอย่างนั้นแค่นี้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกค่ะ"
"คนรวยขี้งก มีเยอะแยะไปนะ"
ปิ่นแก้วงอน
"ทำไมพี่พนมต้องเข้าข้างแม่คนนี้ด้วยคะ"
"ไม่ได้เข้าข้าง แต่พี่ไม่ได้อคติ"
มีเสียงเคาะประตู เสาวรสกับหทัยทิพย์เปิดประตูเข้ามา หทัยทิพย์ถือกระเช้าดอกเอื้องป่าเข้ามาด้วย... เสาวรสยิ้มแย้มกับทุกคน แต่หทัยทิพย์พอเห็นพนมกับปิ่นแก้ว ก็จำได้รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เสาวรสเอากระเช้าไปวางแล้วเดินมายืนใกล้ๆ หทัยทิพย์
"เป็นอย่างไรบ้างคะคุณกฤษดา"
"อีกไม่นานก็หายแล้วครับ"
พนมบอก
"ไม่นานอะไรกระดูกซี่โครงร้าวอย่างนี้ต้องพัก อีกนาน..เอ้อ... ผมเป็นเพื่อนของกฤษดาครับชื่อพนมนี่ภรรยาของผมปิ่นแก้ว"
เสาวรสยิ้มอย่างมารยาทดีตลอดเวลา ปิ่นแก้วพยายามมองหน้าดวงใจ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..ดิฉันชื่อเสาวรส นี่คุณหทัยทิพย์"
"เรารู้จักคุณสองคนแล้วครับ พวกเราไปร่วมงานวันเกิด คุณหทัยทิพย์"
"ดอกไม้นี่สวยจังเลยค่ะ หายากนะคะ ไปได้ที่ไหนมาคt ดิฉันก็ชอบค่ะ"
"อ๋อ…ดอกเอื้องป่าค่ะ เป็นดอกไม้ที่คุณหทัยทิพย์ชอบมาก…คิดว่า เอามาไว้ในห้อง กลิ่นหอมของมันจะทำให้ห้องสดชื่น"
"ทำไมคุณหทัยทิพย์ถึงได้ชอบดอกเอื้องป่าล่ะคะ...มีความหลังอะไรกับดอกไม้นี้หรือเปล่า"
เสาวรสมองหน้า พนมถลึงตาใส่เมีย แต่ปิ่นแก้วไม่สนใจ กฤษดาจ้องหทัยทิพย์รอคอยฟังคำตอบ
"มีค่ะ"
หทัยทิพย์ตอบชัดเจน ตาจ้องกฤษดา
"แต่มันก็นานมากแล้วค่ะ นานจนคนอื่นคงลืมไปแล้ว"
"คนอื่นก็อาจจะไม่ลืมหรอกค่ะ...แต่เค้าอาจจะเห็นนิสัยที่แท้จริงของคนบางคน"
"ดิฉันว่าเราอย่าสรุปเอาเองเลยนะคะ...เพราะเหตุผลของคนบางคนก็ไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นก็ได้ค่ะ"
พนมลุกขึ้น
"เรากลับกันดีกว่าปิ่น...กฤษดาเค้าจะได้คุยกับคุณหทัยทิพย์บ้าง"
ปิ่นแก้วยังมันปากไม่อยากกลับ แต่โดนพนมดึงออกไปจากห้อง
"ดิฉันก็จะไปคุยกับหมอเหมือนกัน"
เสาวรสเดินตามพนมกับปิ่นแก้วออกไป หทัยทิพย์ยืนมองกฤษดาด้วยสายตารักใคร่
กฤษดา...เมินมองไปทางอื่นหทัยทิพย์เดินเข้ามาใกล้ๆ
"เจ็บแผลมากไหมคะ"
กฤษดากลืนน้ำลายอย่างยากเย็น รู้ถึงน้ำเสียงที่ห่วงใยแต่ก็ยังยอมรับไม่ได้
"คุณนี่เป็นคนใจบุญจริงๆเพื่อนผมเค้าชมความใจบุญของคุณที่ช่วยคนเดือดร้อนทุกคนที่ร้องขอ"
"แต่คุณไม่เหมือนกับคนอื่นนะคะ"
"ไม่เหมือนยังไง"
หทัยทิพ์พยายามกลั้นน้ำตา
"เพราะฉันต่างหากที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัวอย่างนี้"
"ผมว่าผมเป็นฝ่ายทำให้คุณเดือดร้อนมากกว่า"
หทัยทิพย์เดินหนี
"ถ้าเราพูดกันอย่างนี้ก็คงวนเวียนอยู่อย่างนี้ละค่ะ"
"อย่างที่ผมเคยบอกแล้ว อย่ามาเสียเวลากับผมเลย"
หทัยทิพย์มองหน้ากฤษดา
"คุณไม่เคยทำให้ฉันต้องเสียเวลาเลยซักนิด...ฉันอยากจะถามว่าตอนนี้คุณทำอะไรคะ...เอ้อ..ฉันหมายถึงคุณทำงานอะไรคะ...เผื่อว่าคุณต้องขาดงานหลายวันจะได้แจ้งให้ที่ทำงานรู้"
"ผมเพิ่งออกมาจากคุก...ยังไม่มีงานทำ"
หทัยทิพย์ตกใจ
"ออกมาจากคุก"
"ผมต้องติดร่างแหข้อหาทางการเมืองติดคุกสิบเจ็ดปี"
"สิบเจ็ดปี...โอ..คุณกฤษดา"
หทัยทิพย์รีบหันหน้าหนีเพราะน้ำตาร่วงออกมา แต่กฤษดาเข้าใจผิดคิดว่า หทัยทิพย์รังเกียจ กฤษดาก็สะบัดหน้าหนีเหมือนกัน
"อย่ามาเสียเวลากับคนขี้คุกอย่างผมเลย"
หทัยทิพย์หันขวับมา
"โปรดอย่าพูดคำว่าเสียเวลาอีกเลยค่ะ คุณเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังอีกสิคะ ก่อนที่คุณจะติดคุกคุณไปทำอะไรมา"
"ผมเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ผมโดนเรียกตัวไปทันที ผมต้องเสียผู้หญิงที่ผมรักโดยที่ผมไม่มีโอกาสอธิบาย"
กฤษดาหมุนแหวนทองเหลืองในมือ หทัยทิพย์เห็นแหวนทองเหลืองก็จำได้
"ถ้าคุณได้เจอเธออีก...คุณจะบอกอะไรเธอคะ"
กฤษดาจ้องหน้าหท้ยทิพย์
"เธอตายไปแล้ว...ผู้หญิงคนที่ผมรักเค้าตายจากผมไปแล้ว จริงๆแหวนทองเหลืองวงนี้เธอเป็นคนให้ผม
มันเป็นสิ่งที่มีค่าไม่เคยห่างจากตัวผมเลย...เอาไว้เตือนใจให้ผมนึกถึงเธอเท่านั้น"
หทัยทิพย์ทนไม่ไหวร้องไห้แล้ว
"แล้วถ้าเธอยังไม่ตาย...ยังคิดถึงคุณตลอดเวลาล่ะคะ"
กฤษดาถอนใจจ้องหน้าหทัยทิพย์
"ผมก็จะบอกว่าเธอโกหก ความรักของเธอไม่ได้มั่นคงอย่างที่เราเคยสัญญากัน สำหรับผม เธอตายไปแล้ว"
หทัยทิพย์นิ่งอึ้งไป ไม่สามารจะพูดอะไรได้ค่อยๆเดินออกไปจากห้อง
หทัยทิพย์เดินลงมาจากตึกผู้ป่วยรีบเดินจะไปที่รถ เสาวรสซึ่งกำลังคุยกับหมออยู่เห็นท่าทางที่ผิดปรกติของหทัยทิพย์รีบวิ่งมาหา
"ดวง…ดวง"
หทัยทิพย์กำลังร้องไห้จึงหยิบแว่นตาดำจากกระเป๋ามาใส่
"เป็นยังไง...คุยกับคุณกฤษดาเป็นไงบ้าง"
หทัยทิพย์พยายามกลั้นสะอื้น
"มันจบแล้วพี่เสาว์...มันจบแล้ว"
"ทำไมล่ะ"
หทัยทิพย์ไม่ตอบ เสาวรสมองหทัยทิพย์อย่างสงสารมาก
"กลับบ้านนะดวง"
หทัยทิพย์พยายามสู้กับความรู้สึกตัวเอง
"ไปที่บริษัทพี่เสา ดวงจะไปบริษัท..."
หทัยทิพย์เดินไปขึ้นรถ เสาวรสรีบตามไป พนมกับปิ่นแก้วแอบมองอยู่
"พี่พนม...พี่ว่าใช่นังดวงใจไหม..ปิ่นว่าใช่มันแน่ๆถึงมันจtแต่งตัวดีแค่ไหน...มันก็เป็นนังดวงใจสาวบ้านนอกวันยังค่ำ"
"มันไม่ใช่เรื่องของเธอนะ"
พนมเดินไป ปิ่นแก้วจำใจเดินตามไปอย่างขัดใจ...
ในห้องเขียนแบบ นาตยากำลังวาดรูปแม่กับลูกอย่างตั้งอกตั้งใจ พิธีเดินเข้ามาดู
"ใช้ได้…ใช้ได้"
นาตยาหันมายิ้ม
"งานอาร์ตเวิร์กของบริษัทไม่ค่อยมีอะไร หนูว่าจะเขียนรูปไปติดตามออฟฟิศบ้าง เพราะเห็นผนังว่างๆไม่ค่อยมีรูปติดค่ะ"
พิธีบอก
"แหม หนูเป็นคนขยันมองการไกล ใช้เวลาวางเป็นประโยชน์กับบริษัท ตรงตามนโยบายผู้บริหารเปี๊ยบเลย"
นาตยายิ้มขำท่าทางของพิธี
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"รูปนี้มีความหมายดี...ดูแล้วทำให้ฉันคิดถึงแม่ขึ้นมาทันทีนะ หนูนาต"
นาตยามองรูปยิ้มๆพนักงานเข้ามาตามพิธี
"คุณพิธีคะ...ท่านประธานกับท่านกรรมการผู้จัดการมาแล้วค่ะ."
"ท่านประธานมาแล้ว"
พิธีรีบวิ่งออกไปโดยเร็ว พนักงานยิ้มให้นาตยาอย่างเป็นมิตร...
"ท่านประธาน"
ภายในห้องทำงานหทัยทิพย์จัดอย่างสวยงามหรูหรา หทัยทิพย์เดินไปเปิดตู้เครื่องดื่มรินเหล้าใส่แก้วเจียรนัย ดื่มอึกใหญ่ เสาวรสยืนมองอย่างไม่รู้จะช่วยยังไงดี
"พี่จะไปพูดกับคุณกฤษดาเอง...จะไปเล่าเรื่องที่ดวงต้องลำบากแค่ไหน ก็ยังยึดมั่นในเขา"
หทัยทิพย์โบกมือห้าม
"ไม่มีประโยชน์พี่เสาว์ เค้าโกรธดวง เกลียดดวงซะแล้ว สำหรับเค้า ดวงคือผู้หญิงทรยศ ผู้หญิงหลายใจ"
"แต่ดวงไม่ได้เป็นอย่างนั้น"
หทัยทิพย์หันมามองหน้าเสาวรสด้วยสายตาชอกช้ำ
"ใครเค้าจะเชื่อพี่เสาว์...ยิ่งเราร่ำรวยโก้หรูขนาดนี้ใครเค้าจะสงสาร"
"ไม่ยุธติธรรมเลย"
มีเสียงเคาะประตู หทัยทิพย์เก็บแก้วเหล้าเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานวางมาดนิ่ง
"ทำงานของเราดีกว่าพี่เสาว์."
เสาวรสหันไปพูด
"เข้ามาได้"
พิธีเปิดประตูเข้ามาทำท่านอบน้อม
"สวัสดีครับท่านประธาน...สวัสดีครับเอ็มดี"
"มีเรื่องด่วนอะไรก็รีบว่ามา ท่านประธานมีธุระที่อื่นอีก"
"เรื่องด่วนมีสองเรื่องครับ เรื่องแรกเสี่ยหยง พยายามต้องการที่จะพบท่านประธานให้ได้"
เสาวรสเสริม
"เค้าจะมาขอให้เราขึ้นราคาท่อเทฟล่อนที่เราขายหน้าร้านเองให้ราคาเท่ากับที่เขาขายปลีก"
"เรื่องอะไรล่ะ แค่นี้ก็กำไรมากพอแล้ว จะขึ้นราคาให้คนเค้าเดือดร้อนทำไม"
"เอ็มดีก็บอกไปแล้วครับ แต่แกก็ยังยืนยันจะพบท่านประธานให้ทำตามที่แกต้องการอยู่ดี"
หทัยทิพย์อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว
"ไปบอกเสี่ยหยงว่าฉันไม่ตกลงด้วย ถ้าไม่พอใจฉันจะเอาสัมปทานทางเหนือคืนให้หมด"
"ใจเย็นๆก่อนดวง...เสี่ยหยงน่ะเป็นพ่อค้านักเลงค่อนข้างมีอิทธิพลนะ น่าจะหาทางประนีประนอมกับเค้าก่อน"
"คนอย่างนี้ดวงไม่ประนีประนอมด้วยหรอกค่ะ...ไม่ชอบเลยพวกค้ากำไรเกินควร ทำให้เราพลอยเสียชื่อไปด้วย"
"แล้วอีกเรื่องว่าไงคุณพิธี"
"เรื่องที่เราจะเปิดศูนย์การค้าครับ ผมคิดว่าเราต้องการผู้ที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ มีประสบการณ์ต่างประเทศดีพอที่จะเลือกของต่างประเทศมาสำหรับศูนย์การค้าของเรา"
"ต้องเจรจาจัดหาดูตลาด" เสาวรสบอก
"ใช่ครับ"
เสาวรสพยักหน้า
"เอาละ…เรื่องนี้ฉันกับท่านประธานจะมองหาคนที่ว่านี่ดู...ฉันมอบหมายให้คุณพิธีไปคุยกับเสี่ยหยง..ให้เข้าใจความต้องการของท่านประธานก็แล้วกัน"
พิธีแอบทำหน้าย่น
"ครับผม"
พิธีจะเดินออกไป เสาวรสนึกได้เรียกไว้
"คุณพิธี...เด็กฝ่ายศิลป์ที่มาใหม่เป็นไงบ้าง"
พิธีรีบรายงานอย่างภูมิใจ
"ขยันมากครับ ทำงานประจำเสร็จเค้าก็วาดรูปสวยๆไว้สำหรับประดับสำนักงานเราด้วยครับ ผมมองคนไม่ผิดจริงๆ"
หทัยทิพย์ถาม
"ได้เด็กศิลปกรรมมาแล้วเหรอ"
"คุณพิธีพามา" เสาวรสบอก
"เมื่อกี้ผมเพิ่งแวะไปดู...เค้าวาดรูปแม่กับลูกสวยมาก"
หทัยทิพย์สนใจ
นาตยาวาดภาพแม่กับลูกเกือบจะเสร็จแล้วมองดูผลงานด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"แม่"
พิธีเดินนำหทัยทิพย์กับเสาวรสเข้ามา นาตยาหันไปดูเห็นหทัยทิพย์ เหมือนสายใยแม่กับลูก หทัยทิพย์มองหน้านาตยาอย่างถูกชะตา ทั้งสองมองกันนิ่งด้วยความรู้สึกที่ดีที่มีต่อกัน...
"นาตยา...นี่คือท่านประธานของเรา คุณหทัยทิพย์ ส่วนเอ็มดีหนูเคยพบท่านแล้ว" พิธีบอก
นาตยายกมือไหว้หทัยทิพย์กับเสาวรสอย่างนอบน้อม หทัยทิพย์มองหน้านาตยานิ่งนานจนนาตยาเขินหทัยทิพย์หันไปมองภาพวาดแม่ลูกรู้สึกเศร้าสะท้อนใจ
"หนูเป็นคนวาดรูปนี้หรือ"
"ค่ะ…ยังต้องเก็บงานอีกค่ะ"
"สวยมาก...ให้ความรู้สึกได้ดีมาก หนูจะวาดให้ใครจ้ะ"
"หนูว่าจะวาดรูปติดในสำนักงานเราค่ะ ยังมีผนังว่างๆที่น่าติดรูปหลายแห่ง"
เสาวรสบอก
"เป็นความคิดที่ดีมาก...ฉันก็ว่าจะดูรูปมาติดที่ออฟฟิศอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ถูกใจจะให้ศิลปินที่พอมีชื่อมารับทำก็แพงเกินไป"
"ก็ให้คนของเราทำดีแล้วพี่เสาว์...รูปนี้ถ้าเสร็จแล้วฉันขอไปติดในห้องทำงานฉันได้ไหม"
นาตยาดีใจมาก
"ได้ค่ะ...ท่านประธานชอบหรือคะ"
หทัยทิพย์มองหน้านาตยา
"ชอบมาก...หนูชื่ออะไรนะจ้ะ"
"ชื่อนาตยาค่ะ เรียกหนูว่านาตก็ได้ค่ะ"
หทัยทิพย์กับนาตยายิ้มให้กันด้วยความผูกพันไม่รู้ตัว
หทัยทิพย์นั่งอ่านเอกสารอยู่ คนใช้เอาน้ำชากับขนมมาเสิร์ฟแล้วออกไป
"ขอบใจนะ"
เสาวรสเดินมาเห็นหทัยทิพย์ยิ้มก็แปลกใจ
"เอ้อ…วันนี้พี่ดีใจจริง ดวงไม่ทานเหล้าเหมือนเคย ทานน้ำชาแทน"
หทัยทิพย์ยิ้มๆ
"ทานด้วยกันซิจ้ะพี่เสาว์ ดวงให้จัดมาเผื่อพี่ด้วย วันนี้ดวงรู้สึกอิ่มใจเลยไม่อยากดื่มเหล้า"
"อิ่มใจเรื่องอะไร เรื่องคุณกฤษดาน่ะหรือ"
หทัยทิพย์สีหน้าหม่นไป
"ไม่ใช่หรอก...คิดถึงคุณกฤษดาน่ะดวงช้ำใจมากกว่า…ยิ่งมีคุณปิ่นแก้วด้วยยิ่งแย่ใหญ่"
เสาวรสรินน้ำชา
"เออ…ยายนี่ใครกัน พูดจาไม่ถูกหูพี่เลย"
"สมัยก่อนเค้าเคยชอบคุณกฤษดา แต่คุณกฤษดามาชอบกับดวง"
"อ้าว…ก็มีผัวไปแล้วยังจะมาหวงก้างอะไรล่ะ อย่างนี้ละที่เค้าเรียก ผู้ดีสันดานต่ำ"
"อย่าไปว่าเขาเลยพี่เสาว์...มันอยู่ที่คุณกฤษดา"
"แต่ถ้ามีคนไม่หวังดีกับเราพูดให้ร้ายกรอกหูอยู่ทุกวันมันก็ไม่แน่จะคล้อยตามได้นะดวง"
"ถ้าเค้าจะโอนเอียงตามลมปากคนก็...เค้าก็คงไม่สมเป็นชายชาติทหาร ที่ดวงเคยเทอดทูนอีกต่อไป ถ้าทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป ดวงก็จะทำใจ"
เสาวรสมองหทัยทิพย์อย่างเห็นใจ
"แล้วเรื่องอิ่มใจของดวงล่ะ...เรื่องอะไรถ้ามีคนที่ทำให้ดวงอิ่มใจได้ตอนนี้...พี่อยากจะให้รางวัลเค้าซะหน่อย"
หทัยทิพย์ยิ้มๆ
"มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันพี่เสาว์ เด็กที่ชื่อนาตยา ทำให้ดวงรู้สึกดี ยิ่งมองหน้าเค้ามันทำให้ดวงรู้สึกดี...รู้สึกสงบ"
เสาวรสยิ้มๆ
"ก็จริงนะ...หน้าตาเด็กคนนี้คุ้นๆ จะว่าไป..พี่ว่ามีบางอย่างคล้ายๆ ดวงนะ"
"เลยทำให้ถูกชะตากัน...พี่เสาว์...เราให้เงินพิเศษเค้าดีกว่าค่ะ เค้าวาดรูปติดในที่ทำงานเราก็ให้เงินพิเศษเป็นค่าฝีมือเขา"
"ได้จ้ะ .เพราะถึงเราจ้างคนอื่นเราก็ต้องเสียเงินมากกว่านี้ซะด้วยซ้ำ พี่จะหาอุปกรณ์วาดรูปดีๆให้เค้าอีกด้วย"
"ดีเลยพี่เสาว์...อีกหน่อยจะส่งเค้าไปเรียนเพิ่มเติมที่เมืองนอกด้วย"
"ใจเย็นๆดวง…ดูไปก่อน เพิ่งจะเห็นกันแค่วันเดียว ถ้าเป็นเด็กดีจริง เราก็ส่งเสริมอยู่แล้ว"
ตอนเย็น นาตยาเดินกลับมาจากที่ทำงานด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน... ทอมดักรออยู่ที่ห้องรับแขกพอเห็นนาตยากลับมาก็รีบเรียกไว้
"นาต…นาต"
นาตยาหยุดหันไปยิ้มให้
"ว่าไงทอม...คนอื่นๆหายไปไหนล่ะ"
ทอมยิ้มเอาใจ
"พวกเรารอนาตอยู่ที่ห้องไอ้ปุ๊"
"วันนี้เราอยากพัก เหนื่อย ไว้คราวหน้านะ"
ทอมลากแขนนาตยา
"โห…รับรองจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง"
นาตยาขืนตัวไม่อยากไป
"ไม่เอาแล้ว สูบไอ้บุหรี่ของทอมแล้วเรายิ่งเพลีย ปวดหัวด้วย"
ชายส่งยาขี่จักรายานมาหยุดหน้าหอพัก ทอมรีบลากนาตยาให้เดินออกมาด้วยกัน ชายคนนั้นโยนห่อของให้ทอม ทอมรีบรับไว้มองซ้ายมองขวาแล้วรีบดึงนาตยาเข้าไป ชายส่งยารีบขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป
ทอมดึงมือนาตยาให้เดินมาด้วยกันที่จะไปหน้าห้องปุ๊
"ใครเอาอะไรมาส่งให้น่ะทอม"
"อ๋อ ฝากเค้าซื้อขนม มานะนาต อยู่แค่แป๊ปเดียวก็ได้ เพื่อนๆคิดถึงนา"
นาตยาใจอ่อน
"แค่เดี๋ยวเดียวนะ"
"จ้า….แล้วแต่นายหญิงจะสั่ง"
นาตยาหัวเราะ ทอมพานาตยาเดินมาถึงหน้าห้องปุ๊ ทอม..เคาะประตูเป็นสัญญานปุ๊เดินมาแง้มประตูเปิดออกพอเห็นเป็นทอมกับนาตยาก็รีบให้เข้ามาในห้อง
ในห้องพักปุ๊ ดูรกมีภาพดาราและนักร้องติดไว้ เครื่องเล่นแผ่นเสียงเล่นเพลงดังสนั่น ต้อมกับจัสมินนอนสูบยาอยู่มุมหนึ่ง พอต้อมเห็นนาตยาก็รีบเรียกมา
"นาต…นาต…มาตรงนี้เร็ว"
ต้อมและจัสมิน สนุกสนานนาตยาเข้าไปนั่งใกล้ๆ ต้อมต้อมรีบส่งยาที่สูบอยู่ให้
"ลองหน่อยซิ"
นาตยายังไม่รับมา
"อะไรน่ะ"
"ของดีที่สุด นุ่มนวลปานสวรรค์ชั้นเจ็ด"
นาตยาหัวเราะ
"ขนาดนั้นเชียวเหรอ"
"ลองแล้วจะรู้เอง"
"ลองดูซินาต...ลองเลย" ต้อมบอก
นาตยารับยามาสูบ พอพ่นควันสีหน้าก็เคลิบเคลิ้ม ทอมหันไปยักคิ้วกับปุ๊
"โอ้โห...ดีจัง"
ทอมเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ นาตยานอนเอนๆกับต้อม ต้อมกับจัสมินหันไปพยักหน้ารู้กันค่อยๆหลบออกไปต้อมกับจัสมินไปนั่งอิงแอบกับปุ๊
"บอกแล้ว...หายเหนื่อยเลยใช่ไหมล่ะ" ทอมว่า
นาตยาสูบอีก
"อื้อ"
ทอมแอบหอมแก้ม นาตยาหัวเราะอารมณ์ดี
บริเวณห้องรับแขกของหอพัก ดารณีกำลังนั่งตรวจล็อตเตอรี่จากเรียงเบอร์สีหน้าหงุดหงิด เพราะโดนกินนิทัศน์เดินเข้ามา
"คุณนาตยาอยู่ไหมครับ"
"เอ…ยังไม่เห็นเลยนะ ปรกติก็กลับแล้วแต่วันนี้ยังไม่เห็น"
"อยู่บนห้องหรือเปล่าครับ"
ดารณีจะตรวจล็อตเตอรี่ต่อ รำคาญโบกมือไล่
"ขึ้นไปดูเองเถอะไป"
นิทัศน์มองดารณีอย่างขำๆแล้วเดินขึ้นบันไดไป
นิทัศน์เดินมาถึงหน้าห้องนาตยา เคาะเรียกหน้าห้อง
"นาตยา....นาตยา"
เงียบไม่มีเสียงตอบ สีหน้านิทัศน์เริ่มเป็นกังวล มีเสียงเพลงจากห้องปุ๊ซึ่งอยู่อีกชั้นหนึ่งดังมาถึงชั้นที่นิทัศน์ยืนอยู่ นิทัศน์เริ่มรู้สึกว่าเสียงเพลงดังเกินไป ผู้หญิงวัยกลางคนโผล่ออกมาจากห้องที่อยู่ห่างจากห้องนาตยาหันมาเห็นนิทัศน์รีบเดินมาหาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"คุณตำรวจคะ ช่วยทีเถอะพ่อคุณ ไอ้ห้องชั้นบนน่ะ มันหูแตกเปิดเพลงได้ยินถึงปากซอยไม่รู้มันมามั่วสุมทำอะไรกัน...ช่วยไปเตือนให้มันเปิดเพลงเบาๆหน่อยเถอะพ่อคุณ"
"บอกเจ้าของอพาร์ตเม้นต์สิครับ...มันเป็นความรับผิดชอบของเขา"
หญิงไม่พอใจ
"โอ้ย...มันจะรับผิดชอบรับผิดแช่บอะไรกัน...ก็มันห้องลูกชายเขาเองน่ะ" หญิงยกมือไหว้ "ช่วยหน่อยเถอะคุณตำรวจ...เป็นที่พึ่งของประชาชนด้วยเถิดค่ะ"
"ก็ได้ครับ...ผมจะลองไปพูดกับเค้าดู"
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 28 อวสาน (ต่อ)
นิทัศน์เดินมาหน้าห้องของปุ๊ที่มีเสียงเพลงดังสนั่นออกมา
นิทัศน์พยายามเคาะประตูแต่เพราะเสียงเพลงดังจึงไม่มีใครได้ยิน ในห้องปุ๊ ทอมพยายามจะลวนลามนาตยาเต็มที่ นาตยาเมายาไม่ระวังตัวนอนสูบยาอยู่บนเตียงให้ทอมนอนประกบข้างๆ นิทัศน์เคาะประตูดังมากขึ้น จัสมินซึ่งนั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดได้ยินแต่ก็เมายาพยายามโซเซไปเปิดประตู พอเห็นนิทัศน์ก็ส่างเมา ตาเหลือก นิทัศน์ได้กลิ่นยาเสพติดก็ดันประตูไว้ จัสมินหันมาบอกเพื่อน
"ตำรวจโว้ย"
ทอมกับปุ๊ได้สติรีบคว้ายาที่เหลือ นิทัศน์เห็นนาตยานอนบนเตียงจากช่องประตูที่เปิดอ้าเล็กน้อย จึงกระแทกจนจัสมินเซไป เปิดประตูเข้ามา
"นาต…นาต"
ทอมเข้ามาขวาง
"อะไรกันคุณตำรวจ...บุกรุกเข้ามาอย่างนี้ได้ไง"
นิทัศน์ตวาด
"นี่เธอหลอกพานาต...มาใช่ไหม"
ทอมหัวเราะกวน ต้อมเดินไปปิดเครื่องเล่นจานเสียง
"หลอกที่ไหน...โตๆกันแล้วเค้าอยากมาเอง"
นิทัศน์ผลักทอมกระเด็นไป รีบไปดึงนาตยาให้ลุกจากเตียง
"นาต…นาต"
นาตยาเมายาไม่รู้เรื่อง
"อะไร อย่ามายุ่ง..ไป"
ทอมหัวเราะ นิทัศน์หันมาจ้องทอมเขม็ง พรรคพวกทอมพยายามเก็บซ่อนยา
"เอายาอะไรให้นาต...บอกมานะ"
"ยาที่ไหน...ไม่มียาซักหน่อย หมวดจะกล่าวหากันง่ายๆไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทแล้วก็บุกรุกด้วย"
ทอมหัวเราะกวน ปุ๊ก็พลอยหัวเราะไปด้วย นิทัศน์อุ้มนาตยาออกจากห้องก่อนออกไปหันไปมองหน้า ทอมอย่างจะเอาเรื่องให้ได้ พอนิทัศน์อุ้มนาตยาพ้นประตูออกไป ทอมกับพรรคพวกที่ทำท่าไม่สนใจก็รีบเก็บยาและหลักฐานรีบออกจากห้อง
"เก็บให้หมด...แล้วรีบแยกย้ายตัวใครตัวมันว่ะ"
ต้อมรีบวิ่งถลาหนีไปก่อนคนอื่นๆเก็บหลักฐานใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง
นาตยานั่งอยู่ที่พื้นในห้องน้ำ นิทัศน์นั่งข้างๆ ตักน้ำจากตุ่มราดบนหัวของนาตยา เธอโวยวาย
"พอแล้ว….พอแล้ว"
นิทัศน์พูดอย่างโมโห
"นาต…นาต"
นิทัศน์ยังราดน้ำใส่นาตยาไม่หยุด นาตยาหลับตาโวยวาย
"หยุดนะ หยุด ไอ้บ้า ไอ้บ้า"
นาตยาหนาวตัวสั่น นิทัศน์เขย่าตัวนาตยาให้ได้สติ
"นาต…นาต ลืมตา นี่พี่เอง นิทัศน์"
นาตยาหยุดโวยวายค่อยๆลืมตาส่างจากอาการเมายามองหน้านิทัศน์
"พี่นิทัศน์"
"นาตเมายารู้ไหม...นาตเมายา"
นาตยาทำหน้าเลื่อนลอย
"นาตเมายา"
นาตยาเปลี่ยนเสื้อแล้ว นิทัศน์ยื่นถ้วยกาแฟให้ นาตยารับมาชะงักไม่กล้าดื่ม
"เหมือนคราวก่อนหรือเปล่าคะ"
นิทัศน์หัวเราะ
"แปลว่าจำได้แล้วซิ ดื่มเถอะ คราวนี้อร่อย"
นาตยาค่อยๆจิบกาแฟสีหน้าดีขึ้น
"ทำไมไปสูบยากับคนพวกนั้น"
นาตยามองหน้านิทัศน์
"คนพวกนั้นเป็นเพื่อนนาตนะคะ เราก็แค่สนุกๆ"
"จะสนุกก็ไม่ควรยุ่งกับยาเสพติด...ยิ่งยาพวกนี้มันแรง...ออกฤทธิ์ต่อสมองทันที แล้วก็จะติดมันด้วย"
นาตยาพยายามแก้ตัวให้พวกทอม
"เค้าไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรอกค่ะ เค้าก็อยากให้นาตสนุกเท่านั้น เค้าเห็นนาตเหงา"
นิทัศน์ถอนใจอย่างกลุ้มใจ
"งานพี่มันก็ยุ่ง... บางทีต้องไปต่างจังหวัดก็มี แต่พี่จะพยายามมาหานาตทุกครั้งที่ว่าง...พี่เป็นห่วงนาตนะ...พี่ขอห้ามไม่ให้นาตไปคบกับคนพวกนั้น…มันเป็นคนไม่ดี"
นาตยาไม่ค่อยพอใจที่นิทัศน์ออกคำสั่ง
"นาตโตแล้วนะคะ ดูแลตัวเองได้ เอาละค่ะ นาตสัญญาว่านาตจะไมjแตะของพวกนี้อีก"
"สัญญากับพี่จริงๆนะ…ของพวกนี้มันผิดกฎหมาย ถ้าพี่จะเอาเรื่องพวกนี้ พี่ไม่อยากให้นาตเข้าไปพัวพัน"
นาตยาอึดอัดใจ....
กฤษดานอนอยู่บนเตียงคนป่วย สีหน้าครุ่นคิด กฤษดาค่อยๆยันตัวขึ้นจากเตียงลุกขึ้นมานั่งได้ ถึงจะลำบากหน่อยแต่ก็ดีขึ้น เขาค่อยๆลงมาจากเตียงยังมีสายน้ำเกลืออยู่ กฤษดาค่อยๆเดินไปที่หน้าต่างมองไปในความมืด กฤษดาเอาแหวนขึ้นมาดูสีหน้าเศร้านึกถึงเหตุการณ์ในอดีตวันที่ดวงใจให้แหวนทองเหลืองกับเขา ขอให้แหวนคุ้มครองเขา
หทัยทิพย์เปิดประตูห้องเข้ามา กฤษดามองเห็นทหัยทิพย์เป็นดวงใจสาวเหนือเข้ามา
"คุณกฤษดาเจ้า"
กฤษดาหลับตา
"เธอมาหลอกหลอนฉันหรือดวงใจ"
หทัยทิพย์เอื้อมเข้ามาจับที่หน้ากฤษดาเบาๆ เขาไม่ลืมตา แต่เอามือจับมือข้างนั้นไว้
ที่บ้าน เสาวรสใส่เสื้อคลุมนอนสวยๆเดินลงมาจากชั้นบน เห็นกำไลนั่งดูทีวีขาวดำอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเสาวรสหันไปมองอย่างไม่พอใจ
"กำไล…ทำไมมานั่งดูโทรทัศน์ที่นี่ หลังบ้านก็มีโทรทัศน์นี่นา"
"คุณผู้หญิงให้หนูนั่งรอเปิดประตูที่นี่ค่ะ ถ้าไปอยู่หลังบ้านคุณผู้หญิงกลับมาจะไม่ได้ยิน"
"คุณผู้หญิงไปไหน"
"ขับรถออกไปข้างนอกค่ะ...ไปไหนหนูก็ไม่รู้"
"ไปนานหรือยัง"
"ไปได้พักนึงแล้วค่ะ"
เสาวรสเป็นห่วง...
กฤษดาหลับตากุมมือของดวงใจที่เอื้อมมาจับหน้าเขาเบาๆอย่างอ่อนหวาน
"คุณกฤษดา"
กฤษดาลืมตาภาพกว้าง หทัยทิพย์ยืนเอามือจับที่หน้าของกฤษดาไว้
กฤษดาปล่อยมือค่อยๆหันหน้าหนีจากแววตาที่หวานรักใคร่กลายเป็นแววตาที่เฉยชา หทัยทิพย์ดึงมือกลับมาสีหน้าเก้อๆ
"คุณไม่มีไข้แล้วค่ะ"
"ผมดีขึ้นมากแล้วครับ"
"พักผ่อนให้มากๆดีกว่าค่ะ มาค่ะ ฉันจะช่วยคุณกลับไปนอน"
หทัยทิพย์ทำท่าจะเข้าไปประคอง กฤษดาหันหนี..
"อย่าลำบากเลยครับ ผมเดินไปเองได้"
กฤษดาค่อยๆเดินกลับไปที่เตียง พยายามจะขึ้นไปนอนบนเตียง แต่มีจังหวะหนึ่งที่เซ หทัยทิพย์รีบเข้าไปพยุงไว้ช่วยให้กฤษดาขึ้นไปนอนบนเตียง
"อีกไม่กี่วันผมก็คงออกจากโรงพยาบาลได้"
หทัยทิพย์ร้อนใจที่เขาดื้อ
"จนกว่าหมอจะอนุญาตค่ะ"
กฤษดามองหน้าหทัยทิพย์นิ่งนาน
"คุณไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว...มันอันตราย"
หทัยทิพย์ยิ้มดีใจที่กฤดาเหมือนเป็นห่วงจนต้องหันหน้าหนีเพราะน้ำตาจะร่วง
"คุณไม่รู้หรอกค่ะว่าชีวิตฉันไปไหนคนเดียวมานานมากแล้ว ที่มาหาคุณเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษา""อย่างผมจะให้คำปรึกษาคุณได้หรือครับ"
หทัยทิพย์พยายามยิ้มเอาใจ
"ได้สิคะ...เพราะมันเป็นเรื่องของคุณ."
กฤษดาสงสัย
"เรื่องของผม...เรื่องอะไรครับ"
หทัยทิพย์พยายามพูดเป็นงานเป็นการ
"บริษัทของเรากำลังขยายงานใหม่...เราจะทำศูนย์การค้า…เรากำลังหาคนที่จะช่วยเราติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่เมืองนอก ช่วยเลือกสินค้าที่จะมาขายในศูนย์การค้าแห่งใหม่เรา.. ดิฉันพอทราบว่าคุณเคยเรียนที่เมืองนอก เลยอยากให้คุณมาช่วยงานด้านนี้"
"ผมเคยเรียนเมืองนอกก็จริง แต่มันเป็นโรงเรียนด้านการทหาร แล้วมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ผมคิดว่าผมแก่เกินไปที่จะทำงานให้คุณ ผมมันโบราณไปแล้ว คุณน่าจะหาคนรุ่นใหม่ที่เค้ารู้จักสินค้าเมืองนอกดีๆ"
"เราต้องการผู้ใหญ่ที่จะเป็นตัวแทนเราในการเจรจาต่อรองค่ะ คุณจะมีผู้ช่วยที่เขาเข้าใจเรื่องการเลือกสินค้าต่างหาก ฉันอยากให้คุณรับทำงานตำแหน่งนี้"
"ทำไมคุณถึงอยากให้ผมทำ"
ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากัน หทัยทิพย์เหมือนจะพูดไม่ออกเมื่อเห็นสายตากฤษดา
"ฉันคิดว่าคุณเหมาะสมที่สุดค่ะ"
กฤษดานิ่งคิด
"ขอผมคิดดูก่อน"
หทัยทิพย์ยิ้มดีใจ
"ได้ค่ะ...คุณมีเวลาคิดอีกหลายวันจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล"
หทัยทิพย์เผลอเดินเข้ามาใกล้กฤษดา เขามองหน้าเธอที่ยิ้มหวานดีใจ กฤษดาที่ดูสงบลง ไม่ทำหน้าเครียดเหมือนก่อน
นาตยานั่งอยู่ในห้องทำงาน ทั้งปวดหัว สีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด พิธีเดินเข้ามาท่าทางแจ่มใสถือแก้วกาแฟเดินดื่มมาด้วย
"มอนิ่งจ้ะหนูนาต"
นาตยาพยายามทำตัวให้ร่าเริงยิ้มแย้ม
"มอนิ่งค่ะ...อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะคะ"
"อารมณ์ดีอยู่แล้ว...โดยเฉพาะมาเห็นภาพเขียนของหนู…อย่างนี้ เสร็จหรือยังจ้ะ"
นาตยามองรูปแม่ลูกที่วาดไว้
"ก็…อยากจะเติมพวกเงาอีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้วค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นฉันไปดีกว่า ศิลปินจะได้มีสมาธิทำงาน .อยากเห็นจริงๆว่าพอไปติดที่ห้องท่านประธานจะสวยซักแค่ไหน"
พิธีเดินออกไป นาตยานั่งนิ่งอยู่หน้ารูปวาดพยายามรวบรวมสมาธิ นหยิบจานผสมสีกับภู่กันขึ้นมา มือสั่น...เธอตกใจพยายามจะเอาพู่กันไปแต่งที่รูปแต่มือยิ่งสั่น นาตยาปล่อยพู่กันกำมือของตัวเองไว้ สีหน้าเป็นทุกข์มาก
หทัยทิพย์สีหน้าสดชื่นยิ้มแย้ม เสาวรสหน้าเครียด
"แน่ใจเหรอดวงที่จะให้คุณกฤษดามาทำงานกับเรา"
"มันเป็นทางเดียวที่จะให้เขาได้อยู่ใกล้ๆดวงค่ะพี่เสาว์ แล้วดวงก็แน่ใจว่าคุณกฤษดาจะทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดี จะช่วยบริษัทเราได้มาก"
เสาวรสถอนใจเดินไปนั่ง
"พี่ละนึกแล้ว...อยู่ๆก็หายตัวไปค่ำๆมืดๆนึกแล้วว่า ต้องอดไม่ได้ ไปหาเขา...แต่นึกไม่ถึงเรื่องงาน"
หทัยทิพย์ยิ้มหวาน
"พี่เสาว์โกรธดวงหรือเปล่าจ้ะ...ที่ไม่ได้ปรึกษาพี่เสาว์ก่อน"ฃ
เสาวรสยิ้ม"ไม่หรอกจ้ะ พี่ก็ยังไม่รู้จะไปหาที่ไหนเหมือนกันอย่างน้อยคุณกฤษดาก็เคยเรียนเมืองนอกพูดภาษาอังกฤษได้...อย่างอื่นก็ค่อยๆดูกันไปก็แล้วกัน"
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"เอ้อดวง มีอีกเรื่องนึง พ่อของดวงน่ะ ไม่สบาย คนที่โน่นเค้าส่งข่าวมาบอก เพราะแกคงจะดูแลไร่สวนไม่ไหวแล้ว"
หทัยทิพย์ตกใจ
"ดวงอยากเอาพ่อมารักษาที่กรุงเทพ...แต่รู้นิสัยแกดีว่า แกคงไม่ยอมหรอก...ไม่ยอมจากบ้านมาแน่ๆ"
"พี่ให้ดีลเลอร์ของเราที่เชียงใหม่พาหมอไปดูแล้ว…ถ้าอาการหนักหนามากนักก็คงต้องเอาตัวมาที่นี่...ดวงอยากกลับไปดูพ่อไหมล่ะ"
หทัยทิพย์หน้าเศร้า
"ดวงเป็นลูกที่ทำให้พ่ออับอาย ทำให้พ่อผิดหวังคงไม่อยากเจอดวงหรอก"
เลขาหทัยทิพย์วิ่งเข้ามาหน้าตื่น
"ขอประทานโทษค่ะท่านประธาน...เสี่ยหยงมาเอะอะอาละวาดจะพบท่านประธานให้ได้ค่ะW
พิธีกำลังพยายามพูดกับเสี่ยหยงด้วยท่าทางใจเย็น แต่เสี่ยหยงทำท่านักเลง
"อั้วต้องการพูดกับคุณหทัยทิพย์คนเดียวเท่านั้น คนอื่นอย่ามายุ่งดีกว่า...เสียเวลา"
"ท่านประธานได้มอบหมายให้ผมเป็นคนเจรจากับเสี่ยครับ... ผมว่าเราเข้าไปคุยกันในห้องประชุมดีกว่าครับ...ดื่มน้ำดื่มกาแฟให้ใจเย็นๆ"
"ไม่ต้อง...ที่บ้านมีกิน พูดที่ไหนก็เหมือนกันพูดตรงนี้ละ ไปตามหทัยทิพย์มา...ไม่งั้นวันนี้มีเรื่องแน่"
หทัยทิพย์เดินมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสาวรสเดินตามมาด้วย..
"ถึงกับมีเรื่องเชียวหรือเสี่ยหยง"
เสี่ยหยงหันไปเห็นหทัยทิพย์ก็มีท่าทางอ่อนลง..
"โอ้…คุณหทัยทิพย์ ผมมาขอความร่วมมือน่า ตอนนี้ใครๆ เค้าก็ขึ้นราคาของกันทั้งนั้น"
"เสี่ยหยง...แค่นี้กำไรยังไม่พออีกหรือ ฉันทำไม่ลงหรอก นึกถึงคนที่เค้ามีความจำเป็นต้องซื้อของเราซิ...เค้าไม่ได้มีเงินมากพอ แต่จำเป็นต้องใช้ของเรา...สงสารคนพวกนี้บ้าง"
พนักงานแผนกบัญชีเอาแฟ้มเสี่ยหยงมาส่งให้เสาวรส เธอเปิดอ่านอย่างสนใจ
"ไม่ไหวหรอก จะให้สงสารคนอื่นน่ะ สงสารตัวเองก่อนดีกว่า ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินยังไงก็ต้องขึ้นราคา แต่ถ้าคุณไม่ยอมขึ้นราคาขายปลีกอย่างผม คุณก็ไม่ต้องขายปลีกหน้าร้านซิ แค่ขายส่งจากโรงงานคุณก็รวยล้นฟ้าแล้ว"
"ก็เพราะอย่างนี้ฉันจึงต้องช่วยเหลือคนที่เค้าเดือดร้อนบ้าง ถึงฉันจะขายปลีกราคาเท่าโรงงาน แต่ฉันก็ขายให้เสี่ยถูกกว่านะ"
เสาวรสบอก
"ตัวแทนจำหน่ายคนอื่นๆไม่มีปัญหาซักคน ความจริงเป็นยี่ปั้วน่ะ มีแต่ได้กับได้ แล้วนี่ แผนกบัญชีเค้าเอามาให้ดู เสี่ยน่ะยังค้างค่าของที่เอาไปสองแสนนะ"
หทัยทิพย์ตกใจ คนอื่นๆในบริษัทก็มองเสี่ยหยงกันหมด...เสียหยงพูดไม่ออก
"เอาอย่างนี้นะ...เคลียร์เงินหนี้ของเก่าให้หมดก่อน…ค่อยเอาของใหม่ไป ตอนนั้นค่อยมาตกลงราคาค่าของกันใหม่"
"นี่แปลว่าลื้อจะไม่ให้อั้วเอาของไปขายใช่ไหม"
"ใช่…ใช้หนี้ให้หมดก่อน ค่อยเอาไป เงินไม่ใช่น้อยๆที่เสี่ยเป็นหนี้อยู่...ฉันจะต้องสืบสวนเรื่องนี้ว่าทำไมแผนกบัญชีกับแผนก จัดจำหน่ายถึงปล่อยให้เสี่ยเป็นหนี้ได้ตั้งสองแสน"
"เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว"
เสี่ยหยงมองหน้าเสาวรสอย่างแค้นแล้วเดินกลับออกไป
กฤษดาแข็งแรงพอจะลงมานั่งคุยได้แล้ว เขาไม่ต้องให้น้ำเกลือแล้ว พนมกับปิ่นแก้วมาเยี่ยม
"นายตัดสินใจจะไปทำงานกับคุณหทัยทิพย์หรือเปล่าล่ะ"
ปิ่นแก้วไม่พอใจ
"พี่กฤษดาจะไปทำงานกับผู้หญิงอย่างนั้นให้เสียราศีทำไมคะ พี่พนม..ให้พี่กฤษดามาทำงานกับเราก็ได้"
พนมมองหน้ากฤษดา
"ตอนนี้กันไปทำเหมืองดีบุกเก่าของคุณพ่อ ทิ้งไปเสียนาน พอกลับมาทำถึงได้รู้ว่าตลาดดีบุกที่เมืองนอกดีมาก ถ้านายอยากมาทำด้วยกัน"ฃ
ปิ่นแก้วจะดีใจมาก กฤษดายิ้ม
"ดีใจด้วยนะพนม แต่กันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง"
ปิ่นแก้วขัดใจ
"โอ้ย...อย่าไปเสียเวลากับแม่นี่เลยค่ะ"
พนมปรามด้วยสายตา ปิ่นแก้วจึงหยุดพูด
"ไม่อย่างนั้นมันจะคาใจไปตลอดชีวิต"
"ทำไมนายไม่พูดตรงๆกับเค้าไปเลยล่ะ...นายแน่ใจว่าเค้าคือดวงใจใช่ไหม"
"ถ้าเป็นดวงใจจริง กันอยากรู้นัก ว่าทำไมหัวใจที่เคยซื่อบริสุทธิ์ ถึงคิดคดมากรักทรยศกันได้ แล้วลูกของกัน กำนันปานบอกว่าตอนที่ดวงใจหนีไปจากบ้านดวงใจท้อง ถ้าคุณหทัยทิพย์คือคนเดียวกับดวงใจ ลูกกันอยู่ที่ไหน กันต้องรู้ให้ได้"
ในห้องทำงาน นาตยานั่งหลับไปเพราะร่างกายอ่อนแอ หทัยทิพย์เดินเข้ามาพอเห็นนาตยาหลับก็ยืนดูแล้วสึกเอ็นดูแทนที่จะว่ากล่าว...หทัยทิพย์เอามือปัดปอยผมที่ปรกหน้านาตยาเบาๆ แล้วก็ต้องตกใจเพราะนาตยาตัวร้อน หทัยทิพย์สีหน้าเป็นห่วงเขย่าตัวนาตยาเบาๆ
"นาตยา...นาตยา...หนูนาต"
นาตยาพยายามจะตื่นขึ้นมองหน้าคนที่มาปลุกแต่ยังเบลอร
"แม่…เอ้อ ท่านประธาน"
"นาตยา...หนูไม่สบายรู้ไหม ตัวร้อนจี๋เลย"
นาตยารู้สึกปวดหัวมาก
"หนูไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยวก็หาย"
หทัยทิพย์มองท่าทางนาตยาอย่างเป็นห่วง
"ไป…ไปหาหมอเถอะนะ"
หทัยทิพย์โอบกอดนาตยาให้ลุกขึ้น นาตยาก็หลับพับไปกับอ้อมกอดหทัยทิพย์
ในห้องตรวจคนไข้โรงพยาบาล หมอตรวจอาการนาตยา ฟังเสียงจังหวะเต้นของหัวใจ
"หนูไปกินยาประเภทกระตุ้นร่างกายอะไรหรือเปล่า"
นาตยาหลบตาหมอ
"เปล่าค่ะ"
หทัยทิพย์สีหน้าเป็นห่วงมาก
"เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะหมอ"
"ร่างกายอ่อนเพลียเหมือนเหมือนอาการหลังได้รับสารกระตุ้นบางอย่างที่รุนแรง…หมออยากให้มาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง"
"แต่หนูรู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ"
"เป็นเพราะหมอฉีดยาบำรุงให้ไป...วันนี้เอายาไปทานแล้วถ้าสะดวก วันไหนก็มาตรวจให้ละเอียดพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ"
นาตยายกมือไหว้ หมอเหมือนจะรู้ว่านาตยาใช้สารเสพติดแต่ก็ยังไว้หน้าหทัยทิพย์
"ขอบคุณค่ะ"
"ต้องระวังเรื่องสารกระตุ้นพวกนี้ให้ดี มันเป็นสารเสพติดรุนแรงและอันตรายมาก...มีผลโดยตรงกับระบบสมอง…ทำให้สมองค่อยๆฝ่อ แขนขาลีบเป็นอัมพาต"
หมอพูดจนนาตยารู้สึกกลัว
หทัยทิพย์พานาตยาเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล สีหน้าเบิกบานมีความสุข แต่ขณะเดียวกันนาตยาเริ่มรู้สึกไม่พอใจทอมแล้ว
"นาตยา...ฉันอยากจะแวะไปเยี่ยมใครซักหน่อย หนูพอจะไปไหวไหมจ้ะ"
"ไหวค่ะ...หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ ยาหมอดีจริงๆท่านจะไปเยี่ยมใครคะ"
นาตยายิ้มแย้ม หทัยทิพย์ยิ้มอย่างสบายใจ
"ก็เป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งจ้ะ เพราะอีกไม่นานเค้าจะมาร่วมงานกับเรา"
นาตยาพลอยยิ้มไปกับหทัยทิพย์ด้วย...
หทัยทิพย์เปิดประตูห้องพักคนป่วยเข้าไปเห็นกฤษดาแต่งชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงขายาวยืนอยู่ในห้อง เขาหันไปเห็นหทัยทิพย์กับนาตยาที่เดินเข้ามาในห้องด้วยกัน กฤษดามองหน้านาตยาอย่างสนใจ
"คุณจะไปไหนคะ"
"หมอให้ผมกลับบ้านได้แล้ว"
หทัยทิพย์สีหน้าร้อนรน
"แล้วคุณพักที่ไหนคะ"
กฤษดาสีหน้าหม่นลง
"ตอนนี้ผมพักอยู่กับพนม"
"แล้วเรื่องงานล่ะคะ....คุณตัดสินใจยังไงคะ"
กฤษดามองหน้าหทัยทิพย์นิ่ง
"ผมตกลงจะทดลองทำงานกับคุณ"
หทัยทิพย์ดีใจมาก
"แต่ถ้าผมทำให้คุณได้ไม่เต็มที่....คุณก็ต้องเข้าใจนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องในอนาคตแก้ไขกันได้ค่ะ...ฉันดีใจมากที่คุณตัดสินใจมาช่วยเรา"
กฤษดายิ้ม"คงเป็นคุณมากกว่าที่ช่วยผม"
กฤษดามอง นาตยายิ้มมองกฤษดาอย่างถูกชะตาเหมือนกัน หทัยทิพย์เห็นทั้งสองคนยิ้มให้กัน ก็แนะนำ
"อ้อ…นาตยาจ้ะ นี่คุณกฤษดาคุณกฤษดาจะมาทำงานกับเราจ้ะ นี่นาตยาค่ะ...นาตยาเค้าดูแลเรื่องงานศิลป์ของบริษัทเรา"
กฤษดามองนาตยาอย่างเอ็นดู นาตยายกมือไหว้ กฤษดารับไหว้
"อ้อ…พวกอาร์ตแนวร่วมสมัยใช่ไหม"
นาตยาหัวเราะ
"คุณกฤษดาสนใจอาร์ตเหรอคะ"
"ใช่…ผมชอบงานศิลป์ถึงจะเป็นทหารแต่ก็ชอบดูงานศิลป์"
หทัยทิพย์ยิ้มแต่ก็อดมองที่กฤษดาดูจะถูกคอกับนาตยาอย่างเร็วไม่ได้
"นาตยาเค้ากำลังวาดรูปติดที่ออฟฟิศของเราค่ะ"
"เก่งนะ...อายุแค่นี้"
"หนูจะวาดไปติดที่ห้องทำงานคุณกฤษดาด้วยค่ะ คุณกฤษดาจะไปเริ่มทำงานเมื่อไหร่คะ"
หทัยทิพย์ยิ้มดีใจ
"ต้นเดือนหน้าจ้ะ"
"ก็อีกสองวันเองนี่คะ"
นาตยาดีใจมองหน้ากฤษดา หทัยทิพย์มองหน้าทั้งสองคนอย่างที่รู้สึกดี
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 28 อวสาน (ต่อ)
อำนวยขับรถหทัยทิพย์มาจอดหน้าอพาร์ทเมนต์ดารณีเพื่อมาส่งนาตยา หทัยทิพย์เดินลงมาดูหน้าอพาร์ทเมนต์ด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"หนูพักที่นี่เหรอจ้ะ"
"ค่ะ….คุณพิธีพามาค่ะ ราคาไม่แพงค่ะ ก็พออยู่ได้"
หทัยทิพย์มองไปรอบๆ สีหน้าเป็นห่วง ทอมกับเพื่อนๆเดินออกมาดู
"ฉันจะหาที่ดีกว่านี้ให้หนูดีกว่า ฉันอนุญาติให้หนูหยุดลาป่วยสักสองวัน"
นาตยาหน้าซึมไปเพราะเริ่มรู้สึกผิด
"แต่หนูไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะคะ"
"จำที่หมอบอกได้ไหม ต้องพักผ่อนมากๆดื่มน้ำเยอะๆ"
หทัยทิพย์ลูบแขนนาตยาอย่างอ่อนโยนห่วงใย นาตยารู้สึกในสัมผัสนั้น รู้สึกตื้นตันดีใจ ยกมือไหว้หทัยทิพย์
"หนูกราบขอบพระคุณมากค่ะ"
หทัยทิพย์ยิ้มดีใจจะเดินไปขึ้นรถ หันมากำชับ
"อีกสองวันเจอกันนะจ้ะ แล้วจะพาไปเที่ยว"
รถหทัยทิพย์ขับออกไป นาตยาจะเดินกลับเข้าไปในหอ พวกทอมมายืนขวางไว้
"แหม…วันนี้อีเมียเช่ามันมาส่งถึงที่เลยเหรอ"
นาตยามองหน้าทอมไม่พอใจมากไม่พูดด้วยเดินเข้าไป ทอมทำหน้าไม่พอใจเดินตามเข้าไป...
นาตยาเดินเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ทอมวิ่งมาคว้าแขนไว้ นาตยาสะบัดแขนอย่างแรงหลุดจากมือทอม
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
ทอมไม่พอใจ
"จะบ้าเหรอไงนาต อีเศรษฐีเมียเช่ามันดีด้วยหน่อย ลืมเพื่อนอย่างนี้เลยหรือไง"
นาตยาโมโหมาก
"หยุดปากหมากับคุณหทัยทิพย์ซะที เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอใส่ร้าย ซะหน่อย"
"เธอรู้ได้ไง...เธอเพิ่งไปทำงานกับมันไม่กี่วัน ไปถามพ่อฉันดูก็ได้...พ่อฉันรู้จักกำพืดมันดี"
นาตยาทำหน้าดูถูก
"พ่อเธออาจจะไม่หวังดีกับเค้าก็ได้"
ปุ๊รีบเข้ามา ทอมเอามือห้ามไว้
"มันจะมากไปหน่อยนะนาต"
"ใจเย็นปุ๊....นาตเค้ากำลังหลงผิด" ทอมบอก
นาตยาหันมาจ้องหน้าทอม หญิงกลางคนที่อยู่ชั้นบนจะเดินลงมาเห็นพวกทอมกำลังทะเลาะกับนาตยา ก็แอบฟัง
"ใช่…ฉันมันหลงผิด หลงผิดที่คิดว่าพวกเธอเป็นเพื่อน"
"ทำไมพูดอย่างนี้วะ ไม่คิดหรือไงเวลาแกไม่มีใคร มีแต่พวกเราที่สนใจ"
"เออ…พวกแกสนใจฉันมากถึงเอาบุหรี่สอดใส่เฮโรอีนให้ฉันสูบไง อย่างนี้น่ะเหรอเพื่อน พวกแกหลอกใช้ฉันมากกว่า"
ทอมบอก
"อ้าว…นาต พูดงี้ก็ไม่สวยซิ"
"แกจะมาโทษพวกเราได้ไง แกมันอยากสูบเองนี่ ไม่มีใครบังคับแกซะหน่อย" ต้อมว่า
"เพราะฉันคิดว่าพวกแกเป็นเพื่อนทำไปแค่สนุกๆแต่นี่พวกแกหลอกฉัน กะจะให้ฉันติดจนเลิกไม่ได้ใช่ไหม เพื่อนเค้าทำกันอย่างนี้ได้ไง ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกแกเลิกมายุ่งกับฉันได้แล้ว"
นาตยาจะเดินไปทอมคว้าแขนไว้ นาตยาสะบัด แต่ทอมไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยฉันนะ"
"ไม่ปล่อย...ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง"
"ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว...ปล่อยนะ"
นาตยาพยายามดิ้น แต่ปุ๊กับต้อมพากันจับไว้
"ในเมื่อพูดดีๆไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูดกัน...เอาตัวมันไป"
นาตยาพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ ทอมชกที่ท้องจนทรุดเจ็บจุก พวกทอมพากันเอาผ้าปิดปาก แล้วลากตัวขึ้นบันไดไป หญิงกลางคนที่เคยพูดกับนิทัศน์โผล่หน้าออกมาจากมุมห้องที่แอบฟังอยู่นานแล้วสีหน้าตื่นตระหนก
นาตยาโดนจับเข้ามาในห้องปุ๊ ปุ๊รีบล็อกประตู ต้อมกับจัสมินพานาตยาไปที่เตียง ทอมเอาเฮโรอีนออกมาใส่ช้อนรนไฟเอาสลิงค์ดูด ตลอดเวลานาตยาพยายามดิ้นรน
ต้อมตบนาตยาฉาดใหญ่ เธอโดนผ้าผูกปากไว้ร้องไม่ได้ ได้แต่มองต้อมอย่างโกรธแค้น
"หยุดดิ้นซะทีซิวะ กูก็เบื่อต้องทำเป็นเพื่อนกับมึงเต็มทีเหมือนกัน ไปไหนมาไหนกับมึง กูอายเค้าเหมือนกูเป็นขี้ข้ามึง"
จัสมินหัวเราะเยาะ
"มึงเพิ่งรู้ตัวเหรออีต้อม"
"กูรู้สึกมานานแล้ว อีนี่มันดูดีซะจนน่าหมั่นไส้"
ทอมถือสลิงค์ที่มียาเสพติดเกือบเต็มหลอดมา
"มึงเลิกน้อยใจชีวิตได้แล้วนังต้อม เดี๋ยวคอยดูอีนี่มันชักดิ้นชักงอกัน"
"เออดีกูชอบ...เธอจะได้เลิกสนใจมันซะทีนะ ทอม" จัสมินบอก
จัสมินเข้ามากอดถูไถทอม ทอมหันไปหอมแก้มจัสมิน
"จ้ะที่รัก"
"เร็วๆซิทอม..อีนี่เห็นมันตัวเล็กๆอย่างนี้ทำไมมันแรงมากนักวะ"
ต้อมตบหน้านาตยาไปอีกทีหนึ่ง...ทอมเดินเข้าไปหา นาตยาพอเห็นเข็มฉีดยานาตยาเริ่มกลัวมาก พยายามดิ้น จัสมินหัวเราะเหมือนคนโรคจิต
"จะดูของดีต้องใจเย็นๆโว้ย…ตาเหลือกเชียวเหรอ อีนาต วันนี้มึงไม่รอด แน่...ไหนทำเก่งอีซิวะ"
ทอมบอก
"จับแขนมันออกมา จะได้สมเหตุสมผมว่าอีขี้ยานี่มันฉีดยาเกินขนาด ช็อกตายคาเข็ม...ฮ่าฮ่าฮ่า"
ทอมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปุ๊พอเห็นเข็มฉีดยาที่มือทอมก็หน้าเสีย
"จะเอามันถึงตายเลยเหรอ"
"จะเก็บมันไว้ทำไม...ในเมื่อมันคิดตีตัวออกห่างพวกเราก็ปล่อยมันไว้ไม่ได้"
ปุ๊ทำท่ากลัวๆกล้าๆ ต้อมกับจัสมินจับนาตยาไว้แน่น ต้อมพยายามดึงแขนนาตยาออกมาให้ทอมฉีดยาทอมเดินขึ้นไปนั่งคร่อม เอาสายยางเล็กๆรัดที่แขนนาตยา
"จับแน่นๆ…ดิ้นดีนักเดี๋ยวเข็มหักคาแขนมึงไม่รู้นะ"
นาตยากลัวจนร้องไห้พยายามดิ้นสุดแรงแต่ก็โดนกดไว้แน่น ประตูห้องถูกถีบเปิดออกอย่างแรง
นิทัศน์กับตำรวจสี่คนเข้ามา นิทัศน์รีบวิ่งไปช่วยนาตยาปัดมือทอมที่กำลังจะฉีดยาไว้ได้ทัน แต่มือทอมที่โดนปัดกลับเอาเข็มฉีดยาไปปักที่แขนต้อมแทน นิทัศน์ชกทอมกระเด็นไป ตำรวจล็อกตัวปุ๊กับ จัสมินไว้ใส่กุญแจมือ ต้อมชักดิ้นชักงอเพราะโดนยาเสพติดเกินขนาดก็ร้องกรี๊ดเสียงหลง
"อีต้อม...ต้อม" จัสมินร้องเรียก
นิทัศน์ดึงนาตยาขึ้นมา แกะผ้าผูกปากออก เธอร้องไห้กอดนิทัศน์ไว้ ทอมที่กระเด็นไปเงยหน้ามองเห็นตำรวจกำลังพยายามช่วยต้อมที่ชักอยู่แล้วแน่นิ่งไป ตำรวจกระชากตัวทอมใส่กุญแจมือ ทอมยังมองต้อมอย่างตกใจ
"ต้อม..ต้อม"
ต้อมขาดใจตายคาเข็มต่อหน้าทุกคน....
ทอมกับปุ๊และจัสมินโดนจับใส่กุญแจมือขึ้นรถตำรวจออกไป มีดารณีนั่งไปด้วย มีเปลหามต้อมที่นอนตายมีผ้าปิดขึ้นรถพยายาลไป นิทัศน์ควบคุมดูจนรถออกไปหมดเดินกลับมาหานาตยาในห้องรับแขก นาตยายังนั่งร้องไห้ตัวสั่นมีหญิงกลางคนที่เห็นเหตุการณ์นั่งอยู่ด้วย นิทัศน์เดินมายกมือไหว้หญิงกลางคนนั้น
"ขอบคุณคุณน้ามากนะครับที่โทรไปแจ้งผม ไม่อย่างนั้นนาตคงแย่"
นาตยาหันไปยกมือไหว้ด้วย
"ขอบคุณมากค่ะ"
"เออ..ถ้าพี่เค้ามาไม่ทันหนูก็คงแย่เลยนะ"
"คนที่ตายคงเป็นหนูแทนค่ะ"
นิทัศน์ลงนั่งข้างๆจับมือนาตยาไว้
"พวกคนที่หอนี่น่ะ ต้องทนกับพฤติกรรมเด็กพวกนี้มานานแล้ว แต่มันมีพ่อเป็นนักเลง เลยไม่มีใครกล้าพอฉันได้เจอกับคุณตำรวจนี่แหล่ะ ถึงได้อุ่นใจว่ามีที่พึ่งมาแล้ว"
"ผมก็กำลังรวบรวมหลักฐานมาจับอยู่เหมือนกันครับพอดีมีเรื่องนี้ขึ้นมา"
"สาธุ…เอามันเข้าตะรางทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะพ่อคุณ มันเลวทั้งคู่แหล่ะ พ่อมันเคยมาทำเบ่งว่า รู้จักคนใหญ่คนโต...รู้ทั้งรู้ว่าลูกมันค้ายา"
"น่าจะเกี่ยวข้องด้วยครับ"
"พ่อของทอมเป็นใครคะ"
"ชื่อเสี่ยหยง...เป็นพ่อค้านักเลงมีอิทธิพล ค้าขายบังหน้าแต่จริงๆ แล้วขายของผิดกฏหมาย"
ที่บ้าน เสี่ยหยงตบหน้าทอมฉาดใหญ่จนปากแตก
"ไอ้ลูกระยำ หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ ถ้าไม่มีเส้นสายใหญ่พ่อป่านนี้ มึงเข้าคุกไปแล้ว"
ทอมจะร้องไห้พาลคนอื่น...
"เพราะอีเมียเช่าน่ะแหล่ะ มันมาทำให้อีนาตตีตัวออกห่า' ไม่งั้นฉันได้ตัวส่งยาไปแล้ว"
เสี่ยหยงโมโห
"อีเมียเช่าไหน...ทำไมแกไม่บอกพ่อ"
"ก็อีหทัยทิพย์ไงพ่อ...ฉันก็กำลังจะมาบอกพ่อนี่แหล่ะ พอดีมีเรื่องซะก่อน"
"อีหทัยทิพย์มันเกี่ยวอะไรด้วย"
"มันเป็นนายจ้างอีนาต...ทำตัวซะยังกะเป็นแม่"
เสี่ยหยงโมโหมาก
"แกอย่ามาอ้างเลยไอ้ทอม...ถ้าแกเอามันเป็นเมียซะตั้งนานแล้ว อีหทัยทิพย์มันก็เข้ามาแทรกไม่ได้หรอก ฮึ..อีหทัยทิพย์ อีนี่มันจะตัดมือตัดตีนกูหมดหรือไง"
"คงเอาไว้ไม่ได้แล้วละพ่อ."
"อย่างแกจะมีปัญญาไปทำอะไรมัน...มีคดีติดตัวอย่างนี้"
ทอมสีหน้าเหี้ยมเกรียม
"พ่อก็คอยดูก็แล้วกัน ฉันไม่ยอมเสียหน้าเพราะอีนี่หรอก พ่อคอยดูนะ ฉันต้องเอาคืนให้ได้ เพื่อนฉันตายไปคนนึงนะพ่อ"
"ก็ดี...กูจะได้เบี้ยวหนี้มันซะเลย เล่นอีเสาวรสด้วย มันตัวต้นคิดดีนัก"
ทอมสีหน้าเหี้ยมเกรียม
วันใหม่ เลขาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หทัยทิพย์กำลังคุยเรื่องงานอยู่กับเสาวรสและพิธี
"คุณกฤษดามาพบท่านค่ะ"
หทัยทิพย์ดีใจมากรีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมา
"ให้เข้ามาได้เลย"
เลขาเดินกลับไปเชิญให้กฤษดาเข้ามา เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบ ไม่ยิ้ม หทัยทิพย์พยายามทำสีหน้าให้เป็นปรกติ เสาวรสแอบยิ้ม
"ยินดีต้อนรับค่ะคุณกฤษดา เชิญนั่งก่อนสิคะ"
"ขอบคุณครับ"
กฤษดาเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกหรูในห้องทำงานหทัยทิพย์ ทุกคนเดินมานั่งที่ชุดรับแขกนั้น หทัยทิพย์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตื่นเต้น เสาวรสแอบมองอดยิ้มไม่ได้
"เอ้อ…ฉันดีใจจริงๆค่ะที่คุณตัดสินใจมาร่วมงานกับเรา นี่คุณเสาวรส คุณเคยพบแล้ว"
กฤษดาก้มหัวให้เสาวรสนิดหนึ่ง
"สวัสดีครับ"
เสาวรสยิ้มอย่างเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะ"
"นี่คุณพิธีค่ะ" หทัยทิพย์แนะนำ
"สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกฤษดา"
"เช่นกันครับ"
เสาวรสบอก
"คุณพิธีเป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ค่ะ...งานของคุณกฤษดาจะประสานกับคุณพิธีซะเป็นส่วนมาก"
"ผมต้องทำอะไรบ้างครับ"
เสาวรสมองหน้ากับหทัยทิพย์
"เราจะให้คุณเป็นที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ต่างประเทศสำหรับการเริ่มต้นศูนย์การค้าของเราค่ะ"
เสาวรสบอก
"คุณจะเป็นตัวแทนบริษัทในการเจรจาการซื้อขายกับต่างประเทศค่ะ นอกจากเราจะซื้อสินค้าเมืองนอกมาขายในห้างสรรพสินค้าเราแล้ว คุณหทัยทิพย์อยากเอาสินค้าพื้นเมืองของไทยไปขายที่เมืองนอกด้วย"
"เท่ากับเราได้ช่วยเหลือคนไทยในชนบทด้วย" กฤษดาบอก
"ใช่ค่ะ...เพราะเรามีของสวยๆมากมาย…ดิฉันคิดว่าฝรั่งน่าจะชอบ... เพราะส่วนใหญ่เป็น hand made"
กฤษดาสีหน้าพอใจ
"ถ้าทำได้จะดีมากทีเดียว"
"ก็ขึ้นอยู่กับคุณกฤษดาแล้วค่ะ"
หทัยทิพย์พากฤษดาเข้ามาดูห้องทำงานที่จัดเตรียมไว้
"ฉันเตรียมห้องนี้ไว้ให้คุณค่ะ"
"มันหรูหราเกินตำแหน่งผมไปหรือเปล่า"
"ไม่เกินไปหรอกค่ะ ฉันอยากให้คุณมีความสุขที่..."
กฤษดามองหน้าหทัยทิพย์
"เอ้อ…ทำงานที่นี่ค่ะ..."
กฤษดายิ้มๆ
"ผมลืมคำคำนั้นไปแล้วครับ"
"ทำไมล่ะคะ"
"สำหรับคุณคำว่าความสุข คงเป็นของธรรมดานะครับ คนที่มีความสุขบนกองเงินกองทอง คงคิดไม่ออกหรอกครับว่า คนที่ต้องอยู่กับความทุกข์ตลอดเวลามันเป็นยังไง"
หทัยทิพย์หันหน้าหนี น้ำตาจะร่วง
"ใช่ค่ะ...คุณนึกไม่ถึงแน่ว่า ชีวิตฉันต้องเจออะไรมาบ้าง"
"นี่เราจะมาแข่งกันว่าใครจะชีวิตรันทดกว่ากันหรือไงครับ"
ทั้งคู่ต่างก็ยืนจ้องหน้ากันด้วยความรู้สึกที่สับสนเสียงเคาะประตูดังเข้ามา นาตยาเปิดเข้ามา ถือรูปเขียนขนาดใหญ่เข้ามาด้วย
"ขอโทษค่ะ...ขออนุญาตแสดงการต้อนรับคุณกฤษดาด้วยค่ะ"
หทัยทิพย์หันไปยิ้ม
"ขอบคุณครับ"
"ถือรูปอะไรมาจ้ะ"
นาตยาหันรูปที่ถือมาให้ดู เป็นรูปพระอาทิตย์กำลังขึ้นท่ามกลางทิวเขาสวยงาม
"รูปพระอาทิตย์กำลังขึ้นค่ะ รูปนี้หนูเขียนไว้นานแล้ว"
กฤษดามองรูปอย่างชอบใจ
"สวยมาก...ส่งมาให้ผมดีกว่า ท่าทางจะหนักนะ"
กฤษดารับรูปจากนาตยาไป นาตยาเดินไปชี้จุดที่จะแขวนรูปบนผนัง
"แขวนตรงนี้เลยค่ะคุณกฤษดา หนูให้เค้าตอกตะปูไว้แล้วค่ะ"
เสาวรสเดินเข้ามากฤษดาแขวนรูปแล้วยืนดูอย่างชื่นชม
"สวยมากจ้ะ นาตยา"
"ใช่สวยมาก...เหมือนที่ที่ผมเคยอยู่เลย"
"เหรอคะ...ที่ไหนคะ"
"ที่เชียงใหม่"
"พี่เสาว์คะ นาตยาวาดรูปมาให้คุณกฤษดาเป็นการต้อนรับการทำงานวันแรกค่ะ" หทัยทิพย์บอก
"สวยนะ...รูปพระอาทิตย์ตกหรือจ้ะ"
"รูปพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ...ถ้าเป็นพระอาทิตย์ตกดินแสงจะต่างกัน จะเป็นสีส้มแดงปนเทาจะดูหม่นแต่นี่เป็นสีกุหลาบอ่อนแสงส้มปนเหลืองเป็นสีสดใสรับวันใหม่"
"รับการเริ่มต้นชีวิตใหม่...แล้วรูปของท่านประธานล่ะได้ทีหลังเหรอ"
นาตยายิ้มอายๆ
"ของท่านประธานก็เสร็จแล้วค่ะ หนูจะเอาไปให้วันนี้เหมือนกันค่ะ"
พิธีเดินเข้ามา
"เอ้อ…อยู่กันที่นี่เอง นาตยา..คุณพ่อหนูมาหาแน่ะ"
นาตยาแปลกใจ
"คุณพ่อหนู"
"ใช่จ้ะ...คุณหมอเมตตาน่ะ คุณพ่อของหนูใช่ไหมล่ะ"
หทัยทิพย์ตกใจหันไปมองหน้าเสาวรส นาตยาดีใจมาก
"ใช่ค่ะ..ใช่ค่ะ"
นาตยารีบเดินออกไป หทัยทิพย์จะรีบตามไปเสาวรสคว้าแขนไว้ ท่าทางของหทัยทิพย์กับเสาวรส.... ไม่รอดพ้นสายตาของกฤษดาที่มองดูอยู่
นาตยารีบเดินออกมาตรงบริเวณที่รับแขกหน้าบริษัท เมตตานั่งอยู่กับนิทัศน์ทั้งหมอเมตตา และนาตยาต่างก็ดีใจที่ได้เจอกัน
"คุณพ่อ"
"ลูกหนู"
ทั้งสองคนสวมกอดกันอย่างดีใจ
"ทำไมคุณพ่อไม่ส่งข่าวมาบอกหนูก่อนล่ะคะว่าจะมา...หนูจะได้เตรียมตัวต้อนรับ"
"พ่ออยากให้ลูกหนูแปลกใจไงจ้ะ นิทัศน์กลับไปที่บ้าน ไปเล่าเรื่องที่หนูโดนทำร้าย"
นาตยาค้อนนิทัศน์
"เรื่องมันจบไปแล้วค่ะ"
"ที่พ่อมาก็เพราะอยากมาเห็นกับตาว่าลูกหนูปลอดภัยสบายดีแล้ว"
นาตยายิ้มเอาใจ
"หนูปลอดภัยดีแล้วค่ะ"
"อีกเรื่องหนึ่งที่พ่อมาคืออยากจะมาขอขอบคุณคุณหทัยทิพย์ ที่ได้ช่วยเหลือลูก ลูกหนูรู้ไหมว่า ผู้ใจบุญที่บริจาคเงินให้มูลนิธิเราก็คือ คุณหทัยทิพย์นี่แหล่ะ"
นาตยาดีใจมาก
"จริงเหรอคะ...โอ คุณพ่อคะ คุณหทัยทิพย์เธอเป็นคนดีจริงๆ จะบอกว่าเป็นแม่พระของหนูก็ได้ค่ะ"
"พ่อถึงอยากจะมาขอบคุณเธอด้วยตัวเอง"
"ได้ค่ะ...หนูจะไปบอกให้ค่ะ"
นาตยารีบลุกเดินออกไป พิธีก็เดินมาหาหมอเมตตา
หทัยทิพย์เดินไปมาในห้องทำงานอย่างว้าวุ่น
"พี่เสาว์ว่า หมอเมตตาคนนี้จะเป็นคนคนเดียวกันหรือเปล่านะ"
"พี่ก็ไม่เคยเห็นหน้าซะด้วย ออกไปดูเลยก็ได้นี่จะได้ถามเรื่องลูกหนูให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย"
หทัยทิพย์สับสน นาตยาเคาะประตูเข้ามา
"ขอโทษค่ะท่านประธาน คุณพ่อของนาต ท่านอยากจะขอพบท่านประธานค่ะ"
"มีอะไรเหรอจ้ะ" เสาวรสถาม
"ท่านอยากจะมาขอบคุณท่านประธานที่ได้ช่วยหนูไว้และยังได้บริจาคเงินให้มูลนิธิของท่านอีกด้วยค่ะ"
หทัยทิพย์มองหน้านาตยานึกกลัวขึ้นมา
"เอ้อ…ฉันคิดว่า...ฉันยังไม่พร้อม"
พิธีพาหมอเมตตาเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจมาก
"ขอประทานโทษครับท่านประธาน หมอเมตตาเจ้าของมูลนิธิแพทย์คนยากจากเมืองกาญจน์จะมาขอพบท่านครับ"
หมอเมตตาเข้ามาด้วยท่าทางเจียมตัว พอมาเห็นหทัยทิพย์ก็ถึงกับอ้าปาค้างตกใจมาก
"ดวงใจ"
ดวงใจมองหมอเมตตานิ่ง ทุกคนในห้องก็พลอยเงียบไปด้วย เสาวรสได้สติก่อนคนอื่น ลุกขึ้นจะเดินออกไป หันมาเรียกพิธี
"คุณพิธี เราออกไปรอข้างนอกกันดีกว่า"
พิธีเดินตามเสาวรสออกไป นาตยาลังเลจะเดินตามเสาวรสออกไปด้วย
"นาตยา...หนูอยู่ที่ด้วยดีกว่าจ้ะ"
เสาวรสเดินมาจับมือให้กำลังใจหทัยทิพย์แล้วเดินออกไปจากห้องกับพิธี
เสาวรสกับพิธีเดินออกมาจากห้องหทัยทิพย์มาเจอกฤษดาเดินมาหา
"คุณหทัยทิพย์ว่างหรือเปล่าครับ"
"คุณหทัยทิพย์มีแขกครับ" พิธีบอก
"คุณกฤษดามีเรื่องด่วนหรือเปล่าคะ"
กฤษดายิ้มๆ
"ไม่เป็นไรครับ...ผมรอได้."
กฤษดาเดินกลับไป เสาวรสมองไปทางห้องหทัยทิพย์ด้วยความเป็นห่วง
หมอเมตตายืนมองหทัยทิพย์ด้วยสีหน้าดีใจ หทัยทิพย์ยิ้มๆ ยกมือไหว้เมตตา
"สวัสดีค่ะหมอ...ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ"
นาตยายิ้ม
"ท่านประธานรู้จักกับคุณพ่อแล้วเหรอ"
เมตตาเดินมาหานาตยา
"โธ่เอ๋ย...ลูกหนู ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่หนูอยู่กับแม่ดวงใจหรือนี่"
หทัยทิพย์ยิ้มดีใจมากมองนาตยา
"ลูกหนู" หทัยทิพย์พึมพำ
"ใช่แล้ว...นี่คือลูกหนูของเธอ"
หทัยทิพย์คว้าตัวนาตยาเข้าไปกอดแน่น
"ลูกหนู…ลูกหนู"
นาตยางงค่อยเบี่ยงตัวหลบมาอย่างสุภาพ
"อะไรกันคะคุณพ่อ"
"ลูกหนู… นี่แหล่ะคือแม่ดวงใจ แม่ของลูก"
นาตยายืนงง นึกไม่ถึง
"ไหนคุณพ่อบอกว่าแม่หนูตายแล้ว"
หมอเมตตาดึงมือนาตยาไปนั่ง
"คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้จ้ะ...พ่อจะเล่าให้ฟัง"
"ให้ดวงเล่าเองเถอะค่ะหมอ"
หทัยทิพย์โอบนาตยาไว้ในอ้อมแขนอย่างรักมาก
"แม่กับคุณพ่อของหนูรักกันมาก คุณพ่อเป็นทหารต้องไปรบกับขบวนการเสรีไทย โดยไม่รู้ว่าแม่ท้อง พอคุณตารู้ว่า แม่ท้องก็โกรธมากจะบังคับให้แม่แต่งงาน แม่ก็เลยหนี เดินซมซานมาตามทางรถไฟเพราะไม่มีค่ารถจนท้องแก่ โชคดีได้มาเจอกับคุณหมอใจดีรับแม่มาดูแล ทำคลอดหนูด้วย"
หทัยทิพย์หันไปยิ้มกับหมอเมตตาที่ยืนฟังอย่างภูมิใจ นาตยายังไม่ยิ้ม
"พอลูกได้สาม"
หทัยทิพย์มองหน้เมตตาที่ไม่กล้าสู้หน้าหทัยทิพย์ตอนนี้
"แม่พาลูกออกจากบ้านหมอ เพื่อตามหาคุณพ่อ"
"คุณพ่อไม่ส่งข่าวมาเลยเหรอคะ"
หทัยทิพย์ส่ายหน้าน้ำตาไหลออกมา
"เราสองคนแม่ลูก ตกระกำลำบาก ได้เจอกับคนดีที่ช่วยเรา แต่ก็ต้องเจอกับคนเลว" หทัยทิพย์ร้องไห้แล้วเพราะเป็นแผลคาใจ "ที่มันทำร้ายเรา แม่ไม่รู้จะทำยังไง คิดแต่ว่าจะหาที่ปลอดภัยให้ลูก...เลยตัดสินใจพาลูกไปไว้ที่บ้านหมอเมตตา"
นาตยาสะเทือนใจ
"แล้วทำไมแม่ต้องทิ้งหนู...ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน"
"นั่นสิดวงใจ... ฉันก็ออกตามหาเธออยู่นาน เพราะอะไร เธอถึงไม่อยู่กับเรา"
"ฉัน…ฉันมีเรื่องจำเป็นค่ะหมอ"
หทัยทิพย์ก้มหน้าอย่างคับแค้นตลอดเวลา นาตยาอยากฟังคำตอบ
"ทำไมแม่ถึงทิ้งหนู"
หทัยทิพย์ไม่กล้าตอบ
"แม่จำเป็นจริงๆ"
"จำเป็นอะไรคะ แม่รู้ไหม หนูนอนฝันถึงแม่บ่อยมาก ฝันว่า แม่อุ้มหนูเราไปเดินเล่นกัน แต่หนูจำหน้าแม่ไม่ได้ พ่อก็บอกว่า แม่ตายตั้งแต่หนูเกิด หนูอยู่กับความคิดว่าหนูคิดไปเอง"
นาตยาร้องไห้
"เวลาหนูเห็นคนอื่นเค้ามีแม่ หนูต้องไปแอบร้องไห้ทุกที"
หทัยทิพย์ร้องไห้
"แม่ก็คิดถึงลูกหนูใจจะขาด"
นาตยามองหทัยทิพย์
"แล้วที่คนเค้าว่าแม่ไปเป็น เมียญี่ปุ่น...จริงไหม"
"ลูกหนู…เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะ" เมตตาปราม
นาตยาร้องไห้
"หนูเบื่อคำนี้จริงๆอะไรๆก็เรื่องของผู้ใหญ่...ทำไมผู้ใหญ่ไม่นึกถึงจิตใจหนูบ้าง หรือแม่อายว่าเค้าจะว่าแม่มีลูกติด"
หทัยทิพย์ตาโพลงร้องไห้โฮ
"ไม่จริง...อย่าพูดอย่างนี้นะ"
"ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ไม่อยู่กับหนูที่บ้าน...พ่อล่ะ แม่หนีไปหาทหารญี่ปุ่นคนนั้น เพราะหนูเป็นส่วนเกิน มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ"
หทัยทิพย์ตกใจ นาตยางงกับชีวิตว่า จะยังเรียกหมอเมตตาเป็นพ่อดีไหม
"ไม่ใช่..ไม่ใช่"
"ลูกหนู…แม่ของลูกไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้นนะ แม่เค้าต้องมีเหตุผลซิ"
"แม่บอกหนูมาซิคะว่าทำไม"
นาตยาจ้องหน้า หทัยทิพย์ร้องไห้
"ลูกหนู…แม่…แม่"
นาตยามองหทัยทิพย์อย่างผิดหวังร้องไห้วิ่งหนีออกไป เมตตาวิ่งตามออกไป
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 28 อวสาน (ต่อ)
นาตยาวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้องหทัยทิพย์ผ่านหน้าเสาวรสกับพิธี เสาวรสสีหน้าตกใจ นาตยาวิ่งออกมาด้านหน้าจะวิ่งออกไปจากบริษัทนิทัศน์เห็นท่าทางนาตยาก็ตกใจวิ่งตาม
"นาต…นาต"
เมตตาวิ่งตามออกมาด้วย กฤษดาจะเดินออกมาเหมือนกันมองอย่างตกใจ
หทัยทิพย์นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่เก้าอี้ชุดรับแขก เสาวรสรีบเข้ามาปลอยโยน
"ดวง…ดวง"
"พี่เสาว์...สิ่งที่ดวงกลัวที่สุดเป็นจริงแล้ว ลูกหนูเกลียดดวง ลูกเกลียดดวง"
"แล้วดวงอธิบายให้เค้าฟังหรือเปล่า"
"ไม่มีประโยชน์พี่เสาว์...ดวงมีความสุขกับลูกแค่อึดใจเดียวเท่านั้น"
"โธ่..ดวง"
เสาวรสกอดหทัยทิพย์ร้องไห้ไปด้วยกัน เสาวรสตัดสินใจเดินออกไป
"รอพี่อยู่ที่นี่นะ"
หทัยทิพย์พยายามห้าม
"อย่าเลยพี่เสาว์...พี่เสาว์"
เสาวรสเดินออกมาจากห้องทำงานหทัยทิพย์อย่างรีบร้อนเจอกับพิธียืนคุยอยู่กับกฤษดา
"คุณพิธี...นาตยากับหมอเมตตาอยู่ไหน"
"น่าจะไปที่อพาร์ทเมนต์ดารณีน่ะครับ"
"คุณไปคอยดูแลท่านประธานให้ดี...คุณกฤษดาคุณมากับฉัน"
"ไปไหนครับ"
"ไปจัดการเรื่องชีวิตครอบครัวคุณให้มันจบๆซะทีน่ะสิค"
กฤษดางงแต่ก็รีบเดินตามเสาวรสไป
นาตยาแบกข้าวของที่ยังเก็บไม่ค่อยเรียบร้อยลงมาจากห้องจะเอามาขึ้นรถนิทัศน์ เมตตาพยายามห้าม
"ลูกหนู…อย่าทำอย่างนี้ ไปฟังแม่เค้าก่อน"
นาตยาร้องไห้น้ำตาไหลตลอดเวลา
"หนูไม่อยากฟังคำโกหกใครทั้งนั้น"
นิทัศน์บอก
"ใจเย็นๆก่อนนาต"
นาตยาจ้องหน้านิทัศน์
"ถ้าพี่นิทัศน์ไม่พานาตไป...นาตไปเองก็ได้ค่ะ"
นิทัศน์มองหน้าหมอเมตตาเห็นนาตยาเอาจริงไม่กล้าขัดใจ
"นาตจะไปไหน"
"ไปไหนก็ได้ ขอให้พ้นจากที่นี่ก็แล้วกัน"
เสาวรสขับรถเข้ามาจอดอย่างอย่างแรงและรีบวิ่งลงมาหานาตยา กฤษดาตามลงมา
"นาตยา..นาตยา อย่านะ อย่าทำอย่างนี้"
"อย่ามาห้ามเลยค่ะ หนูรู้ว่าคุณเป็นห่วงท่านประธาน หนูขอลาออกจากบริษัทคุณ คุณไม่มีสิทธิมาห้ามหนู"
เสาวรสพยายามใจเย็น
"เปล่าเลย...ฉันไม่ได้จะมาห้ามหรือมาสั่งอะไรทั้งนั้น ฉันจะมาขอร้อง"
นาตยานิ่งฟัง
"นะ…ใจเย็นๆ ฉันรับรองว่าเธอจะได้คำตอบทุกอย่าง แล้วเธอค่อยตัดสินใจ"
นาตยาเช็ดน้ำตา
"คนที่จะให้คำตอบไม่เห็นสนใจหนูเลย"
"อย่าเพิ่งตัดสินใจ ฉันขอร้องนะนาตยา"
กฤษดาเดินเข้ามาใกล้ๆ
"ใจเย็นๆก่อน"
เสาวรสมองกฤษดาอย่างหมั่นไส้มาก
"เราจะคุยกันที่นี่ไม่เหมาะแน่ ไปที่บ้านฉันดีกว่า"
"ฉันไม่ไป"
"ไปเถอะนาต...ไม่อย่างนั้นมันจะค้างคาใจไปตลอดชีวิตนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดนะ นาต"
กฤษดามองนิทัศน์พูดแล้วสะกิดใจตัวเอง
"บอกได้ไหมมันเรื่องอะไร คุณเสาวรส"
"ฉันขอสัญญาว่าทุกคนจะได้คำตอบ"
เมตตามาดึงนาตยาไว้ให้สงบลง
"เราจะขับรถตามคุณไปครับ"
นาตยามองหน้า เมตตาพยักหน้าให้นาตยาอย่างอุ่นใจ
หทัยทิพย์นั่งซึมดูเงียบเหงามองไปรอบๆตัวอย่างอ้างว้าง เธอลุกขึ้นเดินไปจะหยิบขวดเหล้าเทใส่แก้วพอจะดื่มก็ร้องไห้ปาแก้วเหล้าทิ้ง...เดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง
เธอเดินออกมาจากห้อง พิธีนั่งอ่านเอกสารหันหลังให้อยู่จึงไม่เห็นเธอเดินออกจากบริษัท
หทัยทิพย์จะเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างจากตัวสำนักงาน ทอมกับพวกแอบซุ่มอยู่ อำนวยจะเดินมาเปิดประตูให้ ถูกทอมตีหัวจนสลบ หทัยทิพย์ตกใจจะร้องพวกของทอมเอามืออุดปากกระชากขึ้นไปบนรถ ทอมขึ้นไปบนรถของพรรคพวกอีกคันที่ขับมาจอดเทียบ พวกทอมคนหนึ่งนั่งประกบหทัยทิพย์ ทอมรีบขับรถของพรรคพวกตามไป
ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ยกเว้นเสาวรสที่นั่งไม่ติด
"เอาละครับคุณเสาวรส คุณมีอะไรจถึงต้องให้ผมมาที่นี่ด้วย" กฤษดาถาม
"หมอเมตตา...คุณเอาล็อกเก็ตของดวงมาด้วยหรือเปล่า" เสาวรสถาม
เมตตาแปลกใจ
"เอามาครับ ผมตั้งใจจะเอามาให้ลูกหนู ทำไมคุณถึงรู้เรื่องล็อกเก็ตนี้"
เสาวรสเดินไปหยิบล็อกเก็ตจากเมตตามาส่งให้กฤษดา
"ไม่มีเรื่องไหนของดวงที่ฉันไม่รู้ค่ะ"
กฤษดาตกใจที่เห็นล็อกเก็ต
"นี่มันล็อกเก็ตของผมนี่"
เมตตานึกไม่ถึง
"ของคุณ"
"ผมให้ภรรยาผมไว้ แล้วมันมาอยู่ที่หมอได้ยังไงครับ"
"ดวงใจเอาล็อกเก็ตนี้ห้อยคอลูกหนูไว้ บอกว่า มันเป็นของพ่อลูกหนู"
กฤษดางง"ลูก"
"คุณยอมรับหรือยังว่าหทัยทิพย์ก็คือดวงใจ...คุณกฤษดา" เสาวรสถาม
"คุณกฤษดา...คุณคือคุณกฤษดา สามีของดวงใจ" เมตตาบอก
"ใช่ครับ ผมเป็นสามีของดวงใ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะให้คุณหทัยทิพย์ผู้สูงส่งร่ำรวยมายอมรับผม"
"คุณคงไม่รู้ว่าดวงใจเพียรพยายามตามหาคุณขนาดไหน" เมตตาบอก
กฤษดาฟังอย่างนึกไม่ถึง...
"ผมยอมรับว่า...ผมเคยอิจฉาคุณ ดวงใจมั่นคงในความรักที่มีต่อคุณ ไม่เคยมองใครอีกเลย ลูกหนู…นี่คือพ่อแท้ๆของลูก"
"นาตยาเป็นลูกสาวของผมหรือนี่"
กฤษดาลุกขึ้นยืนเดินไปหานาตยา นาตยามองพ่อแท้ๆอย่างรู้สึกดี เมตตาพยักหน้า นาตยาจึงลุกขึ้นมาไหว้ กฤษดากอดนาตยาไว้หันไปมองเสาวรส
"แต่ทำไมถึงมีหลุมศพที่เชียงใหม่...กำนันปานยืนยันว่า ดวงใจโดนเสือกัดตาย"
"ดวงใจเฉือนเนื้อที่เท้าตัวเองเพื่อปลดโซ่ที่โดนล่ามแล้วหนีพิธีแต่งงานที่กำนันปานบังคับ"
เมตตาทำท่านึกได้
"ใช่จริงๆผมจำได้...ดวงใจเดินซมซานมาตามทางรถไฟเพื่อจะไปหาสามีที่กรุงเทพ ทั้งๆที่เท้าเจ็บอักเสบเลือดไหลตามทาง"
กฤษดาหน้าเสียที่ได้ฟัง
"เค้าไม่เคยท้อถอยที่จะตามหาสามี ลูกหนู…ที่แม่เค้าไม่อยากอยู่กับเราก็เพราะ...เพราะพ่อ เคยปล้ำเขา"
นาตยาตกใจ
"คุณพ่อ"
"แม่เค้าเห็นแก่หน้าพ่อจึงไม่ได้เล่าทั้งหมด..พ่อมันบ้า หลงรักเค้า ดวงใจไม่ยอม ต่อสู้จนผมได้สติ เพราะอย่างนี้ถึงไม่ยอมอยู่บ้านผม"
"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกหมอ" เสาวรสบอก
"เพราะเค้าจะไปเป็นเมียญี่ปุ่นใช่ไหม เค้ามีที่หวังใหม่ ร่ำรวยกว่า"
กฤษดายังน้อยใจ เสาวรสมองอย่างไม่พอใจ
"ใช่…คุณไม่พอใจดวง เรื่องนี้ใช่ไหม มันไม่ง่ายที่ผู้หญิงเราจะมีคนใหม่... ดวงตั้งมั่นจะรักษาตัวไว้รอคุณแต่ดวงโชคร้าย เค้าโดนไอ้สัตว์มนุษย์ที่จะจับเค้าไปขายซ่องข่มขืน"
เสาวรสร้องไห้ออกมา กฤษดาตกใจ
"อะไรนะ"
"เพราะฉันเอง ฉันไปช่วยเค้าไม่ทัน มันเป็นตราบาปที่เค้าอับอาย เค้าเอาแต่โศกเศร้าว่าตัวเองเป็นคนสกปรกไร้ค่า ไม่คู่ควรกับคุณ…ไม่คู่ควรเป็นแม่ลูกหนู"
"โธ่ดวงใจ...ถ้าฉันไม่ทำร้ายจิตใจเธอ...เธอก็คงไม่โชคร้ายอย่างนั้น" เมตตาบอก
"นายญี่ปุ่นน่ะดีกับดวงมาก เอาใจ ให้ทุกอย่าง ชีวิตดวงที่ได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะนายญี่ปุ่น...แต่คุณรู้ไหมคุณกฤษดา ดวงไม่เคยรักนายญี่ปุ่นเลย เค้าบอกว่าไม่มีวันไหน..ที่เค้าไม่คิดถึงคุณ ถึงเค้าจะต้องเป็นเมียญี่ปุ่น...แต่วิญญานของเค้ายังเป็นของคุณเสมอ...หลังจากนั้นเราก็พยายามตามหาลูกหนู แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ...เพราะหมอย้ายไปเมืองกาญจน์"
เสาวรสพูดถึงตรงนี้ก็โมโหเสียงดัง ร้องไห้ไปด้วย...
"พวกเราทุกคน...ทำให้ชีวิตของดวงต้องเป็นไปต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายก็เพราะพวกเรา"
"โธ่...แม่"
กฤษดาก้มหน้านิ่ง สีหน้าสลด นาตยาร้องไห้ พิธีวิ่งเข้ามาในบ้านมองทุกคนเลิ่กลั่ก
"ท่านประธาน...ท่านประธานอยู่ไหนครับ"
"ก็ฉันให้คุณดูแลท่านประธานให้ดีที่บริษัทแล้วคุณมาถามฉันที่นี่ ทำไม"
"ผมก็มัวแต่ทำงานเพลิน...เห็นท่านไม่ออกมาจากห้องทำงานซักทีพอเข้าไปดูก็ไม่มี ผมนึกว่าท่านจะกลับบ้าน เลยรีบมาดูครับ"
"เปล่า…ยังไม่ได้กลับมา" กฤษดาบอก
"คุณแม่หายไปไหน" นาตยาว่า
"ปรกติคุณหทัยทิพย์ชอบไปที่ไหนหรือเปล่าครับ" นิทัศน์ถาม
"ไม่มีหรอก...เค้าไม่ชอบไปไหน ถ้าไม่ไปทำงานก็อยู่แต่ที่บ้าน"
"อาจจะกำลังกลับบ้านก็ได้" เมตตาบอก
"ถ้าเค้ากลับมาฉันหวังว่าทุกคนคงจะดีกับเขานะ"
เสาวรสน้ำตาไหล
อีกมุมหนึ่งของบ้านหทัยทิพย์ เสาวรสยื่นโฉนดที่ดินที่เชียงใหม่กับบ้านกฤษดาที่ทุ่งมหาเมฆให้กฤษดาดู กฤษดารับมาเปิดดูแล้วมองหน้าเสาวรส
"บ้านของคุณที่เชียงใหม่กับทุ่งมหาเมฆ กว่าจะได้มาแต่ละที่ไม่ใช่ง่ายๆ... เสียเงินไปมากมาย แต่ดวงจะเอาให้ได้ เค้าบอกว่าได้ของของคุณมาก็เหมือนได้อยู่ใกล้กับคุณ...ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนจะรักสามีตัวเองได้เท่านี้"
กฤษดาหลับตาอย่างปวดร้าว...
"สัญญานะคุณกฤษดา...ว่าจะไม่ทำให้ดวงร้องไห้อีก…เพราะชีวิตเค้าต้องร้องไห้เพราะคุณมามากแล้ว"
น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างสุดกลั้น กฤษดาพยักหน้าเพราะไม่สามารถพูดออกมาได้
เริ่มค่ำแล้ว นาตยาเดินคุยกับนิทัศน์สีหน้าเศร้า
"นาตสงสารคุณแม่จัง ไม่น่าไปพูดไม่ดีกับคุณแม่เลย"
"คนขี้โมโหก็อย่างนี้แหล่ะ วู่วามแล้วเสียใจทีหลัง"
"ไม่ให้กำลังใจเลยนะ"
"คุณก็รีบกราบขอโทษท่าน...แค่นี้ท่านก็คงดีใจแล้ว"
มีคนขี่มอเตอร์ไซด์มาหน้าบ้านใช้หินพันกับจดหมายขว้างเข้ามา แล้วรีบขี่หายไป
นิทัศน์รีบวิ่งไปดูแต่ก็ไม่ทัน มอเตอร์ไซด์หายไปแล้ว นาตยาหยิบจดหมายมาดู
"ระวังก่อนนาต."
นิทัศน์เอาจดหมายมาจากมือนาตยาเปิดออกอ่าน แสงไฟจากไฟสนามส่องให้เห็นข้อความในจดหมายนิทัศน์หน้าเสียนาตยาเอามือปิดปากร้องไห้โฮ...
กฤษดากำลังอ่านจดหมายเรียกค่าไถ่หทัยทิพย์
"มันเรียกค่าไถ่สามล้านบาท...ถ้าบอกตำรวจมันจะฆ่าดวงใจ"
นาตยานั่งร้องไห้อยู่กับเสาวรส นิทัศน์ เมตตา พิธีมายืนอยู่กับกฤษดา
เสาวรสพูดอย่างโกรธแค้น
"ต้องเป็นไอ้เสี่ยหยงแน่ๆ"
นาตยาหยุดร้องไห้หันมามองหน้านิทัศน์
"เสี่ยหยงเจ้าของบริษัทหยงคุณน่ะเหรอครับ"
"ใช่…เราไม่เคยมีศัตรูที่ไหนเลย มีแต่ไอ้เสี่ยหยงนี่แหล่ะที่มันมาข่มขู่จะเอาผลประโยชน์แล้วดวงไม่ให้"
"พ่อของทอมใช่ไหมคะนิทัศน์"
"ลูกรู้จักพวกมันเหรอ" กฤษดาถาม
นาตยาหน้าเสีย พยักหน้าอย่างเสียใจ
"ลูกเสี่ยหยงพยายามหลอกล่อให้นาตติดยาครับ ถูกผมจับไป แต่พ่อก็ใช้เส้นสายประกันออกมา"
"มีมูลให้เป็นพวกนี้แน่ มันให้เราเอาเงินไปให้ที่โกดังร้างที่ระยอง... ภายในเย็นนี้"
กฤษดามองหน้ากับนิทัศน์
"มันระบุให้คุณเสาวรสไปคนเดียวเท่านั้น"
"เราต้องวางแผนให้ดี...จะให้พวกมันไหวตัวไม่ได้" กฤษดาบอก
นาตยารีบมาเกาะแขนกฤษดาไว้
"แม่จะต้องปลอดภัยนะคะ"
"พ่อจะไม่ยอมให้แม่เป็นอะไรอีกแล้ว" กฤษดายืนยัน
ในโกดังร้าง เสี่ยหยงเอามือบีบปากหทัยทิพย์ไว้
"สะใจกูจริงๆ ในที่สุดก็มีวันที่มึงอยู่ในกำมือกู จะได้รู้ซะบ้าง ว่าคนที่โดนบีบน่ะ...มันเป็นยังไง"
หทัยทิพย์สะบัดหน้าหนีจ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
"ฉันไม่เคยใช้อำนาจอะไรบีบบังคับแก แกมันโลภ หลงระเริงเกินตัวแกเอง"
เสี่ยหยงตบหน้า
"อย่ามาทำปากดีกับกู อีผู้หญิงสำส่อนอย่างมึงสมควรโดนอย่างนี้แหล่ะ"
"อยากจะฆ่าก็ฆ่าเลย...ฉันไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกแล้ว"
ทอมเดินมาเขี่ยผมดหทัยทิพย์เล่น
"ใครเค้าจะให้มึงตายง่ายๆกันล่ะอีเศรษฐี...ยังดูดีอยู่นะนี่...มีผัวเพิ่มอีกสักสี่ห้าคนเป็นไง"
หทัยทิพย์หัวเราะหยันไม่กลัว
"แกมันน่าสมเพชทั้งพ่อทั้งลูก ดีแต่รังแกผู้หญิง ไอ้ขี้ขลาด"
ทอม...เงื้อมือจะตบดวงใจอีก ลูกน้องที่ดูต้นทางด้านนอกวิ่งเข้ามาบอก
"เสี่ยครับ...มีรถมา"
เสี่ยหยงขยับ
"ผมออกไปดูเองพ่อ พ่ออยู่ในนี้แหล่ะ เตรียมนับเงินอย่างเดียว แหม... มันมาง่ายๆงี้น่าจะเรียกซักห้าล้าน"
เสี่ยหยงกับทอม หัวเราะชอบใจหลงทะนงในความถ่อยของตัวเอง ทอมเอาหน้ากากใส่แล้วเดินออกไปกับสมุน
เสาวรส ขับรถมาจอดห้างจากโกดังพอสมควร ทอมกับพวกสมุนเดินมาหลายคน ทอมโบกมือให้สมุนกระจายกันออกไปล้อมรถเสาวรสไว้ แล้วเดินมาใกล้ๆเ
"ไหนล่ะเงิน"
"ไปเอาตัวคุณหทัยทิพย์มาก่อนซิ"
"แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง ถ้าแกไม่ส่งเงินมา...อีหทัยทิพย์ตายอย่างเดียว"
เสาวรสพยายามถ่วงเวลา จนเห็นตำรวจกับนิทัศน์เริ่มลากตัวลูกน้องทอม ไปเก็บแบบเงียบๆบ้างแล้ว
"ก็แกทำไม่ถูก...ของอย่างนี้เค้าต้องยื่นหมูยื่นแมวกันซิ"
ทอมเอาปืนจ่อหัวเสาวรส
"กูไม่ยื่นหมายื่นหมูอะไรกับมึงหรอก...ส่งเงินมา"
"เอ้อ…เงินอยู่ในรถ"
ภายในโกดังร้าง เสี่ยหยงพยายามชะเง้อดูจากช่องหน้าต่าง สมุนสามคนอยู่ในโกดังด้วย กฤษดาค่อยๆโรยตัวด้วยเชือกลงมาจากหลังคาเงียบๆ มาที่สมุนคนแรกที่ยืนหันหลังใกล้ๆ อุดปากแล้วเอามีดเชือดคอเงียบๆหทัยทิพย์โดนมันอยู่ใกล้ๆหันไปมองเห็นกฤษดาก็ดีใจ กฤษดาเอามือจุ๊ปากให้เงียบๆก้มตัวไปเอามีดตัดเชือกที่มัดตัวหทัยทิพย์ออก สมุนอีกคนหนึ่งหันมาเห็นจะชักปืนยิง กฤษดา ชักปืนยิงสมุนที่สองตาย สมุนที่สามหันมาจะยิง กฤษดาเตะปืนกระเด็นไปเอาปืนตีหัวสลบ กฤษดาหันปืนไปทางเสี่ยหยง
ทอมกำลังตรวจเงินในกระเป๋าได้ยินเสียงปืน หันไปมองเห็นเสี่ยหยงวิ่งหนีออกมาจากโกดัง เอาปืนยิงมั่วไปทั่ว
"พ่อ"
ทอมหันมามองเสาวรสอย่างโกรธแค้น
"มึงพาตำรวจมาใช่ไหม"
ทอมตบเสาวรสล้มไปหันไป มองเห็นกฤษดาพาหทัยทิพย์วิ่งหลบกระสุนออกมา
"อีหทัยทิพย์...ตายซะเถอะมึง"
ทอมจะเอาปืนยิงหทัยทิพย์ เสาวรสกระโจนใส่ทอมแย่งปืนกันโดนทอมตบกระเด็นไปอีก นิทัศน์พยายามจะวิ่งมาช่วยเสาวรส ทอมแย่งปืนคืนมาจะยิงหทัยทิพย์อีก เสาวรสถลามาขวางเอาไว้จึงโดนปืนของ ทอมยิงเข้าอย่างจัง ตำรวจพากันกรูออกมามากมายยิงสมุนของเสี่ยหยงตาย สมุนส่วนหนึ่งพยายามคุ้มกันเสี่ยหยงให้หนีไป นิทัศน์ยิงทอมตาย เสี่ยหยงหันมาเห็นก็เป็นบ้ายิงต่อสู้กับตำรวจ เสี่ยหยงกับสมุนโดนตำรวจยิงตายที่เหลือก็ยอมแพ้โดยดี ดวงใจรีบวิ่งมาหาเสาวรสที่นอนหายใจรวยรินอยู่กับนิทัศน์
"พี่เสาว์...พี่เสาว์"
เมตตาที่มาด้วยกัน รีบวิ่งมาดูอาการเสาวรส
"รีบพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด"
เสาวรสนิ่งไป หทัยทิพย์ร้องไห้โฮ
"หมอช่วยพี่เสาว์ด้วย...ช่วยพี่เสาว์ด้วย"
เสาวรสค่อยๆลืมตา
"ไม่ต้อง...ดวง…ดวง"
หทัยทิพย์จับมือเสาวรสไว้
"ดวงอยู่นี่..รีบไปโรงพยาบาลนะ."
เสาวรสยิ้มบางๆพยายามพูดอย่างอ่อนแรง
"ดวง…ขอพี่เห็นแสงอาทิตย์ตรงนี้นะ ดวง..เลิกทิฐินะ อยู่กับครอบครัวซะที"
"พี่เสาว์...อย่าทิ้งฉันนะ"
"พี่หมดห่วงแล้วจ้ะ....ด...ดวง"
เสาวรสมองท้องฟ้ายามเย็นด้วยสีหน้าสงบ ค่อยๆหลับตาลงขาดใจในอ้อมแขนหทัยทิพย์
หทัยทิพย์ร้องไห้โฮปานจะขาดใจ
"ไม่นะ...พี่เสาว์...พี่เสาว์"
หทัยทิพย์เป็นลมล้มพับไปกับเสาวรส
งานเผาศพเสาวรส หทัยทิพย์น้ำตาอาบแก้มวางดอกไม้จันทน์ที่เชิงตะกอน เผาศพเสาวรส เซไปแต่ก็พยายามเดินตัวตรง คนอื่นๆมองอย่างเป็นห่วง พิธียืนอยู่กับกฤษดา
"คุณหทัยทิพย์ไม่ยอมพูดกับใครเลย เรื่องงานในบริษัทก็ค้างเต็มไปหมด ไม่มีคุณเสาวรสซะคนบริษัทชะงักไปเลย"
"คุณก็จัดการไปบ้างเท่าที่จะทำได้ซิครับ"
"คุณกฤษดาช่วยพูดกับคุณหทัยทิพย์หน่อยสิครับ"
กฤษดาถอนใจ
"เรายังไม่มีโอกาสคุยกันเลยครับ"
หทัยทิพย์เดินมาหากฤษดากับพิธี
"ฝากคุณสองคนดูแลบริษัทด้วย"
พิธีสีหน้าห่วงใย
"ท่านจะไปไหนครับ"
หทัยทิพย์พูดโดยไม่มองหน้าใคร
"ฉันจะไปที่ที่ฉันมา"
หทัยทิพย์เดินไป นาตยา เมตตาและนิทัศน์รีบเดินมาหากฤษดา
"คุณแม่ไปไหนคะ...คุณแม่ไม่ยอมพูดกับหนูเลย"
นาตยาร้องไห้
"คุณพ่อจะปล่อยให้คุณแม่ไปเหรอคะ"
กฤษดามองลูกอย่างปลอบใจ
รถรับจ้างขับเข้ามาจอดที่บ้านกำนันปาน คนขับรถลงไปเปิดกระโปรงท้ายรถหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาวาง หทัยทิพย์ นักธุรกิจหญิงกลับมาเป็นดวงใจ สาวบ้านป่า เธอลงมาจากรถ แต่งตัวด้วยชุดสาวเหนือดวงใจหยิบเงินส่งให้ ดวงใจมองไปรอบๆอย่างคุ้นเคย...บ้านกำนันปานดูทรุดโทรมลง เต่าเดินแบกกระด้งตากพริกหอมกระเทียมเดินมาเห็นดวงใจปหยุดยืนมองตาเหลือก ดวงใจดีใจ
"เต่า"
กระด้งที่ถือมาหล่นกระจาย เต่าหลับตาปี๋ร้องเสียงหลง ยกมือไหว้ท่วมหัว
"โอ๊ว... มาเป็นตัวกลางวันแสกๆ"
ดวงใจแปลกใจ
"เต่า…เป็นอะไร"
บัวแก้วกับสายคำได้ยินเสียงเต่าร้องก็วิ่งมาดู พอเห็นดวงใจก็ร้องเสียงหลงเหมือนกัน
"ไอ้ดวง... ไปที่ชอบที่ชอบเด้อ" บัวแก้วว่า
สายคำเพ่งดู ดวงใจเดินไปหา
"พี่สายคำ...ทำไมเห็นข้าเจ้าแล้วต้องตกใจยังงี้"
สายคำค่อยๆจับตัวดวงใจ บัวแก้วกับเต่าแอบมองอย่างสยดสยอง
"ไอ้ดวง...เอ็งจริงๆดอกหรือ"
"ก็ข้าเจ้าเอง...เป็นอะไรกัน"
บัวแก้วบอก
"ก็เอ็งตายไปแล้วนี่"
"จนป่านนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตาย" เต่าบอก
"พี่บัวแก้ว..ไอ้เต่า...ไอ้ดวงจริงๆนะ"
"ก็ฉันน่ะซิ...ฉันไม่ได้ตาย"
บัวแก้วกับเต่าหยุด ชะงักมองดวงใจ สายคำดีใจมากกอดดวงใจไว้
"ไอ้ดวง...พี่นึกแล้วว่าเอ็งต้องไม่ตาย"
บัวแก้วกับเต่ากลายเป็นดีใจมาก บัวแก้วเข้ามาจับดวงใจ
"ไอ้ดวงจริงๆ...ไอ้ดวง...เอ็งไม่ตาย"
ต่างพากันดีอกดีใจ
"แล้วพ่อล่ะ...พ่ออยู่ไหน"
ทุกคนเงียบไป
กำนันปานนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เนินหลุมศพ...ดวงใจเดินเข้ามามองกำนันปานอย่างสำนึกผิดน้ำตาไหลเดินไปนั่งข้างๆกำนันปาน เอามือจับพ่อเขย่าเบาๆ
"พ่อ…พ่อจ๋า"
กำนันปานดูทรุดโทรมมากค่อยๆลืมตา แม้จะเป็นภาพเบลอแต่ยิ้มดีใจ
"ไอ้ดวง..ดวงลูกพ่อ...เอ็งมารับพ่อหรือลูก"
ดวงใจก้มกราบกำนันปานที่เท้า
"พ่อจ๋า...ลูกคนนี้มันเลวนัก ดวงมากราบขอโทษพ่อจ้ะ"
กำนันปานลุกขึ้นนั่งมองดู
"เอ็งเป็นใคร...ไอ้ดวงลูกข้ามันตายไปแล้ว"
ดวงใจพยายามจับมือกำนันปาน
"พ่อ…นี่ดวงเองจ้ะ...ดวงยังไม่ตาย"
ดวงใจร้องไห้ กำนันปานดึงมือกลับ
"ไม่ตายได้ไง นี่ เอ็งนอนอยู่นี่ ข้าฝังเองกับมือ เอ็งเป็นผีเป็นสาง จะไดมาหลอกข้า"
กำนันปานไอจนตัวโยน ดวงใจพยายามจับมือกำนันปานอีก
"พ่อ…พ่อดูให้ดีๆซิจ้ะ นี่ดวง พ่อจำดวงได้ไหม"
กำนันปานร้องไห้
"ไม่จริง...ไอ้ดวงมันตายแล้ว เป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ลูกต้องตาย"
ดวงใจร้องไห้กอดกำนันปานแน่น
"พ่อ…ฉันไม่ตาย ฉันหนีไปได้ ฉันไม่ได้ตาย พ่อดูซิ... ผู้หญิงที่โดนเสือกัดตายไม่ใช่ฉันW
กำนันปานจ้องหน้าดวงใจ
"ไอ้ดวง...เอ็งหนีไปเอ็งหนีพ่อไป"
ดวงใจร้องไห้พยักหน้า
"ดวงกลับมาหาพ่อแล้วจ้ะ...พ่อยกโทษให้ดวงด้วยนะพ่อนะ นะจ้ะพ่อ"
กำนันปานสะอื้นออกมากอดดวงใจแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจทั้งสองคน
กำนันปานได้พูดคำที่อยากบอกดวงใจมานาน...
"ไอ้ดวง...ไอ้ดวงลูกพ่อ เอ็งกลับมาหาพ่อแล้ว อย่าหนีพ่อไปอีกนะ พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ"
"ฉันไม่โกรธพ่อเลยจ้ะ พ่ออย่าคิดมากนะ ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว...ฉันจะอยู่กับพ่อจ้ะ"
พ่อลูกร้องไห้ดีใจ กำนันปานจ้องหน้าดวงใจลูบหัวลูบหลังด้วยความรัก
บริเวณเฉลียงบ้านกฤษดาที่เชียงใหม่ ดวงใจสีหน้าเศร้าหมองกำนันปานนั่งอยู่ใกล้ๆ
"คุณกฤษดาเสียอกเสียใจมาก เราสองคนเอาแต่โทษตัวเองที่ทำให้เอ็งต้องเป็นไป..."
"ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วจ้ะ คุณกฤษดาไม่ต้องการดวงอีกแล้ว"
"ไม่จริงหรอกดวง...พ่อแน่ใจแล้วว่าคุณกฤษดาน่ะ รักเอ็งมา"
"คนเรามันเปลี่ยนใจกันได้จ้ะพ่อ"
กำนันปานมองดวงใจอย่างห่วงใย
"คืนนี้เอ็งจะนอนบ้านนี้หรือจะกลับไปนอนบ้านเรา"
"ฉันจะกลับไปนอนที่บ้านเราดีกว่าจ้ะ"
"ที่นี่มันมีแต่จะทำให้เอ็งเศร้าใจ..ไป..กลับไปบ้านเรากันเถอะ ป่านนี้นังบัวแก้วมันคงทำของชอบเอ็ง รอไว้เยอะแยะ"
"พ่อไปก่อนเถอะจ้ะ...ขอฉันอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย...เดี๋ยวฉันจะตามไป"
กำนันปานคิดนิดหนึ่งเดินมาจับหัวดวงใจเบาๆแล้วเดินกลับไป ดวงใจมองรอบๆด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ดูโดดเดี่ยว
ดวงใจเดินมาที่โต๊ะที่วางรูปกฤษดาอดยิ้มกับรูปไม่ได้ ดวงใจหยิบรูปขึ้นมา
"คุณกฤษดา...คุณกฤษดาเจ้า"
"ชอบรูปฉันเหรอ"
เสียงกฤษดาดังเข้ามา ดวงใจสะดุ้งรีบวางรูป หันไปมองหากฤษดาเดินยิ้มมาหา ดวงใจตกใจ
"คุณกฤษดา"
กฤษดาเดินเข้ามาใกล้
"ชอบรูปฉันเหรอดวงใ"
ดวงใจยืนตกตะลึงนิ่งไป กฤษดารีบจับมือดวงใจไว้
"ดวงใจ…เรามาเริ่มต้นชีวิตกันใหม่นะ"
กฤษดามองไปรอบๆ
"ที่นี่...ที่ที่เราพบกันครั้งแรกที่ นะดวงใจ"
"ดวงใจคนนี้เป็นผู้หญิงชั่วมีราคี ไม่ดีพอสำหรับคุณกฤษดาอีกแล้ว"
"ไม่จริง... เธอเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับฉันเสมอ เหมือนแหวนทองเหลืองวงนี้" กฤษดาหมุนแหวนในมือ "ถึงใครๆจะมองว่าไร้ค่า...แต่สำหรับฉัน เป็นสิ่งที่มีค่ากับฉันมากที่สุดและจะอยู่กับฉันจนวันตาย ชีวิตเธอต้องลำบากมามากก็เพราะฉัน..ต่อแต่นี้ไปเราจะอยู่กันอย่างมีความสุขซะทีนะ"
ดวงใจยิ้มดีใจ
"คุณกฤษดาไม่รังเกียจดวงเหรอคะ"
"ไม่มีคำนั้น เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักเป็นเมียฉัน…เป็นแม่ของลูก"
กฤษดาหมุนบ่าดวงใจให้หันไปรับเห็นนาตยายืนยิ้มดีใจมองดูอยู่ ดวงใจดีใจมาก
"ลูกหนู"
"แม่จ๋า"
นาตยาวิ่งเข้ามากอดดวงใจ สองคนแม่ลูกร้องไห้ด้วยความดีใจ
"แม่เฝ้าแต่ฝันอยากได้ยินคำนี้จากลูกแม่นานเหลือเกิน"
"หนูก็อยากจะเรียกคำนี้มาตลอดชีวิตจ้ะแม่"
กฤษดากอดทั้งสองแม่ลูกไว้
"พ่อก็เคยแต่ฝันที่จะอยากให้มีวันนี้...นับแต่นี้ไปเราสามคน พ่อแม่ลูกจะไม่แยกจากกันอีกเลย"
กำนันปาน, หมอเมตตา, นิทัศน์, บัวแก้ว, สายคำ, เต่า, ก่ำ มายืนมองกันสลอนด้วยสีหน้าดีใจ กำนันปานกับบัวแก้วซับน้ำตาที่ไหลออกมาจากความสุขกับภาพที่เห็น....
จบบริบูรณ์...