xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 27
หญิงเล็กทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างโล่งใจ หลังจากที่สอบเสร็จ

“สอบเสร็จแล้วว้อย”
ชายเล็กกับฮันนี่ ที่เดินเข้ามาจากนอกบ้านได้ยินพอดี
“เย้ พี่หญิงเล็กเลี้ยงพิซซ่า โทร สั่งเลยพี่ฮันนี่”
“เอาหน้าอะไรดีคะ”
หญิงเล็กรีบบอก “หน้ามะพร้าวสิ เบาๆ คลีนๆ”
“อ่ะ โรยงานิดนึงเนอะ จะบ้าเหรอ อาร์ ยู เครซี่ นั่น มันขนมถังแตก ไม่ใช่พิซซ่าค่า”
“ก็ตอนนี้ถังแตกอยู่ กินขนมถังแตกไปก่อนละกัน”
ชายเล็กทำหน้าเซ็ง “โห่ ไม่ใจเลย”
“นี่ ฉันยังเรียนอยู่นะยะ ไม่ได้ทำงานมีเงินเดือน อยากกิน ก็ขอพี่ฮันนี่นี่ไง”
“พี่บี๊ซี่มากค่ะ ขอตัวไปเตรียมของในครัวก่อนนะคะ”
ฮันนี่พูดจบ ก็รีบเดินเลี่ยงเข้าไปในครัว หญิงเล็กมองตามยิ้มๆ
“แหม จะเสียตังล่ะ เผ่นเชียวนะ”
“เอ้อ แล้วพี่ตี๋เล็ก เค้าจะไปต่างประเทศวันไหนอ่ะ”
ชายเล็กเปลี่ยนเรื่องฉับ หญิงเล็กจากที่ยิ้มๆ อยู่ ซึมลงทันที
“มีอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าเครียดๆ”
หญิงเล็กหน้าจ๋อย “ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วพี่รู้รึเปล่า ว่าเฮียตี๋เล็กเค้าไปวันไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้ไม่ได้คุยอะไรกันเลย”
หญิงเล็กท่าทางซึมๆ จนชายเล็กไม่อยากถามอะไรต่อ

หญิงใหญ่ทำหน้าตกใจเล็กน้อย หลังจากตี๋ใหญ่เล่าว่าตี๋เล็กจะไปต่างประเทศคืนพรุ่งนี้
“หะ จะไปคืนพรุ่งนี้แล้วเหรอ”
ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่ข้างๆ รถตี๋ใหญ่ ที่จอดอยู่แถวตลาด ในมือต่างมีของที่ซื้อกลับไปทำอาหารที่ร้าน
“ครับ ตี๋เล็กบอกต้องรีบไปดูเรื่องที่พัก แล้วก็ต้องจัดการอะไรอีกหลายๆ อย่าง ก็เลยต้องรีบไป”
แก้วกัลยาเดินออกมาจากตลาด เห็นทั้งคู่กำลังยืนคุยกันพอดี
“เตี่ยคุณคงเหนื่อยแย่เลยสิ” หญิงใหญ่พูดอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้จางก็ช่วยเตี่ยได้เยอะแล้วล่ะ ถ้าจะขาด ก็คงขาดพนักงานเชียร์อาหารน่ารักๆ”
ตี๋ใหญ่พูดพลางหลับตาจินตนาการพร่ำเพ้อไปตามเรื่อง
“ใส่ชุดกี่เพ้าของคุณแม่”
จังหวะนั้น แก้วกัลยาก็เดินเข้ามาแทรกแทนที่หญิงใหญ่
“หมวยๆ ใสๆ วัยรุ่นชอบ”
แก้วกัลยาถามโพล่งขึ้นมา “ ใสๆ วัยรุ่นชอบเหรอ”
“ใช่สิ ใสๆ วัยรุ่นชอบ”
พอตี๋ใหญ่ลืมตามาเจอแก้วกัลยาก็ตกใจ
“เฮ้ย คุณไสย”
“ว่าไงนะ”
“เอ่อ ผมหมายถึงวันนี้หน้าคุณแก้วใสมากเลยนะครับ แลดูมีน้ำมีนวล”
แก้วกัลยาอมยิ้มนิดๆ ประสาคนบ้ายอ “แล้วไป”
“ซื้อของครบแล้วใช่มั้ยคะ” หญิงใหญ่หันมาถามแม่
“ครบแล้วลูก กลับกันดีกว่า”
“ติดรถไปด้วยกันสิครับ”
ตี๋ใหญ่เสนอ แก้วกัลยาย้อนถาม
“ทำไมฉันต้องไปด้วย”
“ก็ผมกำลังกลับบ้านเหมือนกันน่ะครับ ทางเดียวกัน กลับด้วยกัน ไม่ต้องเสียค่ารถ นั่งแอร์เย็นๆ ฟังเพลงเพราะๆ”
“พอแล้ว ไม่ต้องสาธยายมาก เสียเวลา”
ตี๋ใหญ่เปิดประตูให้แก้วกัลยาเข้าไปนั่งด้านหลัง ก่อนจะเปิดประตูด้านหน้าให้หญิงใหญ่นั่งข้างๆ คนขับ
“มานั่งกับแม่นี่”
หญิงใหญ่รีบแย้ง “มันจะดูว่าคุณตี๋ใหญ่เป็นคนขับรถนะคะแม่”
“เรื่องของมันสิ อยากบริการเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าให้หญิงใหญ่ไปนั่งข้างแก้วกัลยาที่เบาะหลัง ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามานั่งในรถ ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม ดีใจที่แก้วกัลยาเริ่มใจอ่อน

เสี่ยชาญนั่งรออาหารอยู่กับเฮง ขณะที่จางเช็ดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ
“ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย เห็นกันอยู่หลัดๆ แท้ๆ อาตี๋เล็ก”
เฮงสวนกลับทันที “เฮ้ย ลูกอั๊วไปเรียนเมืองนอก ไม่ได้ตาย”
“เอ้อ ขอทวด แล้วนี่ลื้อปั้นอาจางไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“ก็ปั้นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสักพักก็ขึ้นลายได้ล่ะ”
จางเดินเข้ามาคุยด้วย “ โห่ คนนะเฮีย ไม่ใช่โอ่งราชรี”
เสี่ยชาญรีบบอก “แหม หุ่นลื้อนี่น่าเปิดฝาไว้รองน้ำฝนจริงๆ”
“แหน่ะ ไม่จวบๆ มีขยี้อีกนะ”
ตี๋เล็กกับหมวยเล็ก ช่วยกันยกอาหารมาเสิร์ฟให้เสี่ยชาญ
“อาหารมาแล้วค่า”
เฮงหันไปบอกลูกสาว “วางเลยๆ”
จางสอดขึ้นมาทันที “วางเลยจะหกนะเฮีย”
“ไปตลกไกลๆ ไป”
เสี่ยชาญหันมาทางตี๋เล็ก “เฮ้อ ถ้าลื้อไปแล้ว อั๊วคงคิดถึงอาหารฝีมือลื้อแย่เลยนะอาตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กยิ้มบางๆ ก่อนจะมองไปทางฝั่งบ้านแก้วกัลยา ในใจมีเรื่องติดค้างคือยังไม่ได้ร่ำลาหญิงเล็กเลย
หมวยเล็กหันมาบอกเสี่ยชาญ “ว่างๆ ก็ไปหาเฮียสิเสี่ย เฮียจะได้ทำให้เกียน”
“ได้ ไว้ว่างๆ อั๊วจะนั่งแท็กซี่ไปหา ถรุ๊ยย! ตี๋เล็กอีไปเรียนต่อเมืองนอก ไม่ได้ไปตลาดสี่มุมเมือง”
“แหม ระดับเสี่ยชาญ นั่งเจ็ตส่วนตัวไป ขนหน้าแข้งยังไม่ร่วงเลยม้าง”
จางมองเห็นตี๋เล็กซึมๆ ก็ถามขึ้นมา “คุณตี๋เล็กเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมดูซึมๆ”
ตี๋เล็กส่ายหน้า “เปล่านี่”
เฮงหันมาทางเสี่ยชาญ “เย็นๆ ค่ำๆ ก็มาที่นี่อีกรอบสิ อั๊วจะจัดงานเลี้ยงส่งอาตี๋เล็กกัน”
เสี่ยชาญรีบรับคำ “ได้เลย เรื่องกินฟรีขอให้บอก”
ตี๋เล็กดูนิ่งๆ ซึมๆ หมวยเล็กเห็นอาการแต่ยังไม่ถามอะไร เพราะเตี่ยอยู่ใกล้ๆ

ทางด้านชายเล็กกับฮันนี่ก็ช่วยกันจัดโต๊ะอยู่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งแก้วกัลยากับหญิงใหญ่ถือถุงใส่ของที่ซื้อมาจากตลาดเดินเข้ามา
“ง่อว์ วันนี้นั่งแท็กซี่กลับกันมาเหรอครับเนี่ย” ชายเล็กพูดทัก
หญิงใหญ่ส่ายหน้า “เปล่า ติดรถคุณตี๋ใหญ่กลับมาน่ะ”
“มิน่า ผมคุณแม่ออกไปยังไง กลับมาก็ทรงเดิมเป๊ะ ไง ครับ รถพี่ตี๋ใหญ่นิ่มแมะ”
แก้วกัลยารีบส่งของให้ชายเล็ก “เอาของไปให้พี่หญิงเล็กในครัวไป”
หญิงใหญ่ยื่นต่อ “นี่ด้วย”
ชายเล็กรับถุงจากแม่และพี่สาว แล้วเดินเข้าบ้านไป
“ไอ้ตี๋ใหญ่มันทำงานตำแหน่งอะไรนะ” แก้วกัลยาหันมาถามหญิงใหญ่
“ผู้ช่วยผู้จัดการค่ะแม่”
“เหรอ แล้วทำงานเก่งมั้ย หรือประจบนายเก่งกว่า”
หญิงใหญ่รีบบอก “หนูเห็นเค้าทำแต่งานนะคะ เรื่องประจบนายนี่ไม่เคยเห็นเลย มีอะไรรึเปล่าคะแม่”
แก้วกัลยาอึกอัก “อ๋อ เปล่า ถามไปงั้นแหละ”
ฮันนี่สอดชขึ้นมาทันควัน “ไม่ใช่ว่าเริ่มใจอ่อนเข้าให้แล้วนะคะบอสขา”
“ใจองใจอ่อนอะไร มีแต่อ่อนใจ”
“กับ?”
แก้วกัลยามองค้อน “ แกนี่แหละ ทำงานเยอะๆ ยุ่งกับเรื่องคนอื่นน้อยๆ โอเค้”
ฮันนี่จ๋อย “อะเครค่า”
พอแก้วกัลยาเดินเข้าบ้านไป ฮันนี่ก็เข้ามาเม้าท์กับหญิงใหญ่ต่อ
“บอสติดรถคุณตี๋ใหญ่กลับมา แถมมาซักถามเรื่องที่ทำงานแบบนี้ ฮันนี่ว่าบอสใจอ่อนกับคุณตี๋ใหญ่ชัวร์ค่ะ”
หญิงใหญ่อึ้งๆ ระคนเขิน แต่ไม่อยากให้ฮันนี่เห็น ก็เลยแกล้งดุไป
“ทำงานเยอะๆ ยุ่งกับเรื่องคนอื่นน้อยๆ โอเค้”
“อะเครค่า”
ฮันนี่หันไปจัดโต๊ะต่อ หญิงใหญ่ยืนอมยิ้มนิดๆ ดีใจถ้าแก้วกัลยาจะใจอ่อน

ตี๋เล็กยืนเหม่อซึมอยู่หน้าเตา จนไข่ที่เจียวอยู่กำลังไหม้ก็ไม่รู้ตัว หมวยเล็กเดินเข้ามาเห็น ก็ร้องเสียงดัง “เฮีย ไข่ไหม้แล้ว”
ตี๋เล็กสะดุ้งจากภวังค์แล้วรีบกลับไข่ในกระทะ
“ไม่ทันแล้วล่ะเฮีย ทอดใหม่เหอะ”
ตี๋เล็กถอนใจเซ็งๆ “ไม่ทอดล่ะ”
“อ้าว แล้วลูกค้าไม่รอแย่เหรอ”
“เฮียทำกินเองน่ะ”
ตี๋เล็กพูดพลางตักไข่เจียวทิ้งลงถังขยะอย่างเซ็งๆ
“เป็นอะไรอ่ะเฮีย หมวยเห็นเฮียซึมๆ ตั้งแต่เมื่อเช้าละนะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
ตี๋เล็กทำเป็นเก็บข้าวของในครัวเพื่อปกปิดอาการไม่ให้หมวยเล็กเห็น ตี๋ใหญ่เดินเข้ามา เห็นอาการของน้องชายก็นึกสงสัย รีบกระซิบหมวยเล็ก
“ตี๋เล็กเป็นอะไรอะ”
หมวยเล็กกระซิบตอบ “เหม่อๆ ซึมๆ ตั้งแต่เช้าละเฮีย ไม่รู้เป็นอะไร”
“จะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้หญิง”
ตี๋เล็กหน้าเจื่อน “ผู้หญิงที่ไหนเฮีย”
“ลูกสาวบ้านนั้นไง”
หมวยเล็กตกใจ “ พี่หญิงใหญ่อ่ะนะ”
ตี๋ใหญ่เผลอพยักหน้ารับ “ใช่..บ บ บ้าเหรอ คนนี้ของพี่ หญิงเล็กสิ”
“นี่เฮียรู้?” ตี๋เล็กย้อนถาม
“แหล่งข่าวรายงานมา”
หมวยเล็กถามต่อ “แหล่งข่าวที่ไหนเฮีย”
ตี๋ใหญ่ตอบหน้าตาเฉย “หน่วยข่าวกรองเคเอฟซี”
“เหรอ..บอกข่าวกรอง ขอนักเก็ตส์กับเฟรนฟรายด์ชุดนึง ถรุยย! เค้ามีแต่เคจีบี”
ตี๋ใหญ่หัวเราะขำ “เห็นตี๋เล็กเครียด เลยจัดให้หนึ่งฮา ยังไม่ได้บอกลาเค้าใช่มั้ยล่ะ ถึงได้มาเครียดอยู่แบบนี้”
ตี๋เล็กพยักหน้าเศร้าๆ “อั๊วไม่รู้จะบอกไงดีอ่ะ”
ตี๋ใหญ่ครุ่นคิด “เฮียว่ามันต้องแกรนด์โอเพนนิ่ง”
ตี๋เล็กกับหมวยเล็กทวนคำพร้อมกัน “แกรนด์โอเพนนิ่ง?”
ตี๋ใหญ่ยิ้มกริ่ม มั่นใจกับแผนของตัวเอง

แก้วกัลยา หญิงใหญ่และฮันนี่ช่วยกันยกอาหารมาเสิร์ฟคนละโต๊ะ ทักทายลูกค้านิดหนึ่ง แล้วก็เดินเข้ามาคุยกัน ด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“ถ้าวันธรรมดาลูกค้าเยอะได้อย่างนี้ก็ดีสินะ” แก้วกัลยายิ้มหน้าบาน
“ไม่ดีธรรมดา มันดี๊ดีเลยล่ะค่ะบอส”
หญิงเล็กเดินออกมาเห็นลูกค้าเต็มร้านก็ชื่นใจ หญิงใหญ่หันมาพูดล้อน้องสาว
“ไงคะเชฟ เหนื่อยมั้ย”
“เห็นลูกค้าเต็มร้านแบบนี้ เหนื่อยแค่ไหนก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่ก็เดินเข้ามา “สวัสดีอีกครั้งครับ”
แก้วกัลยาหันขวับทันที “มีไรอีก”
“มีสิ่งดีๆ มานำเสนอน่ะครับ”
ฮันนี่พูดสอดขึ้นมา “พูดแบบนี้ ไม่ประกัน ก็เครื่องกรองน้ำค่ะบอส”
“เครื่องกรองของผมเป็นไส้กรองไทเทเนี่ยมนาโนนะครับ สามารถกรองน้ำในคลองแสนแสบให้เป็นน้ำแร่ได้เลย”
แก้วกัลยาทำหน้าเอือม “ไปตลกที่อื่นไป เสียเวลาทำมาหากิน”
“ก็ชงมา เลยเล่นให้นิดนึง”
“มีไรพูดมาเลย เห็นมั้ยลูกค้าฉันเยอะ งานฉันยุ่ง”
“โอเค ครับ ผมจะมาเชิญคุณแม่ เอ้ย คุณแก้วกับลูกๆ ไปทานข้าวที่บ้านค่ำนี้น่ะครับ”
“มีอะไรพิเศษรึเปล่าคะ” หญิงใหญ่ย้อนถาม
“ก็จะเลี้ยงส่งตี๋เล็กไปต่างประเทศน่ะครับ”
หญิงเล็กได้ยิน ก็ทำหน้าอึ้งๆ ตรงข้ามกับฮันนี่ ที่ทำตาโต
“ดีเลย เปลี่ยนโลเกชึ่นบ้างเนอะคะบอส”
แก้วกัลยาค้อนขวับ “เค้าชวนฉันกับลูกๆ ถ้าอยากเปลี่ยนโลเกชึ่นก็ไปหาอะไรกินที่ตลาดโน่น”
ฮันนี่จ๋อย “ฮันนี่เจียวไข่กินเองก็ได้”
ตี๋ใหญ่รีบสรุป “สรุปไปนะครับ”
แก้วกัลยาพยักหน้ารับ “ เค แล้วจะตามไป”
ตี๋ใหญ่รีบหันมาทางหญิงใหญ่ “เจอกันนะครับ”
“ค่ะ”
ตี๋ใหญ่โบกมือให้ก่อนเดินออกไป หญิงใหญ่ยิ้ม แล้วโบกมือตอบ แก้วกัลยาแอบเหล่ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร

ทางด้านชายเล็กก็เปิดสมุดโน้ตเตรียมจดข้อมูลจากหมวยเล็ก
“มา บอกมาให้หมด ว่าเตี่ยเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร”
หมวยเล็กหัวเราะขำ “ถึงกับต้องจดเลยเหรอ จริงจังไปมั้ยอ่ะ”
“ต้องจริงจังสิ เพราะเราไม่ได้เล่นๆ กับเธอนี่”
หมวยเล็กยิ้มเขิน “โห ไปไม่เป็นเลอ”
“เราพูดจริงๆ นะ”
“เคๆ..แล้วนึกยังไงถึงมาเริ่มจริงจังแบบนี้เนี่ย” หมวยเล็กย้อนถาม
“ก็เราเห็นเฮียตี๋ใหญ่เริ่มมาเอาใจแม่เรา เราก็เลยอยากทำบ้าง”
“อ่อ แล้วไม่กลัวเตี่ยเราเหรอ”
ชายเล็กนิ่งไปเล็กน้อย ใจนึงก็หวั่นๆ แต่ถ้าไม่คิดจะทำอะไร มันก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
“ภาษิตญี่ปุ่นกล่าวไว้ เมื่อฉันต้องการที่จะคิด ฉันนั่ง แต่เมื่อฉันต้องการที่จะเปลี่ยน ฉันจะลงมือทำ”
“ได้ ถ้าอยากเปลี่ยน เดี๋ยวหมวยจัดให้”
ชายเล็กจรดปากกาเตรียมจดข้อมูลสำคัญจากหมวยเล็ก
“เตี่ยเราชอบอาหารจีนทุกชนิด อาหารไทยก็ชอบบ้าง เป็นบางอย่าง เช่นมัสมั่น ต้มยำกุ้ง”
หมวยเล็กพยายามนึกและบอกสิ่งที่เฮงชอบเพิ่มเติม ชายเล็กนั่งจดอย่างตั้งใจ
เฮงกับหมวยเล็กช่วยกันจัดโต๊ะรอรับแขก ครู่หนึ่งเสี่ยชาญก็เดินเข้ามา
“โอ้โห ท่าทางวันนี้มากันหลายคนนะ”
เฮงหันมาบอก “ เห็นตี๋ใหญ่บอกว่าบ้านนั้นจะมาด้วย จะชวนมาทำไม ก็ไม่รู้”
หมวยเล็กพูดยิ้มๆ “คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันน่าเตี่ย เคยช่วยเหลือกันมา ก็ตั้งหลายครั้ง”
เสี่ยชาญพยักหน้ารับ “ใช่ นี่อั๊วคิดว่าเลิกตั้งแง่ทะเลาะกันแล้วนะเนี่ย”
“เลิกแล้วชีวิตจะมีสีสันอะไรล่ะ เอ้อ”
เสี่ยชาญยักไหล่ “แล้วแต่เลย”
-จังหวะนั้น แก้วกัลยา หญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็กก็พากันเดินเข้ามา
เสี่ยชาญหันมาเชิญ “อ้าว จ๋อๆ”
เฮงถามต่อทันที “จะกินกล้วยอะไรดี”
แก้วกัลยาเผลอตอบ “ขอกล้วยหอม ไอ้บ้า ว่าฉันเป็นลิงเหรอ”
“เปล่าซะหน่อย จะเตรียมไว้ให้ เวลากินข้าวเสร็จจะได้ มีผลไม้ล้างคอ”
หมวยเล็กรีบเชิญ “เชิญนั่งก่อนดีกว่าค่ะ”
พูดพลางช่วยขยับเก้าอี้ให้แก้วกัลยานั่ง ชายเล็กมองยิ้มๆ หญิงเล็กที่นั่งลงตามพร้อมกับหญิงใหญ่ แอบเหล่ๆ มองตี๋เล็กว่าอยู่ไหนเป็นระยะๆ
พอเฮงขยับทำท่าจะนั่ง ชายเล็กก็ปราดเข้าไปขยับเก้าอี้ให้ทันที
“เชิญครับ”
เฮงนั่งลง พร้อมกับหันไปยิ้มให้ 1 ที “ขอบใจ”
หญิงใหญ่ยิ้มหวาน แล้วพูดอย่างจริงใจ “ พวกเราดีใจกับตี๋เล็กแล้วก็ครอบครัวเถ้าแก่ด้วยนะคะ”เฮงยิ้มรับ “ ขอบใจจ้ะหนู อั๊วเองก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดมาก่อนว่าตี๋เล็กอีจะเรียนเก่งขนาดได้รับทุนไปเรียนต่อ เมืองนอกเมืองนาแบบนี้”
แก้วกัลยาได้ฟัง ก็เริ่มหมั่นไส้ เฮงพูดต่อ
“นี่ถ้าเรียนจบกลับมา ร้านอั๊วคงโด่งดัง ได้มิชลินสตาร์ สามดาวในไม่ช้า”
แก้วกัลยาแอบเบ้ปาก “ ฉันว่าเอาไปเลยห้า”
“ห้าดาว?” เสี่ยชาญหันมาถาม
“ห้าเส้น ยางเปอร์เซ็นต์ ดอกโล้นๆ เอามาทำกระถาง ปลูกสะระแหน่หลังบ้าน ฮ่าๆๆ”
เฮงตอกกลับบ้าง “เฮ้ย ปากเหรอที่พูดน่ะ”
“ใช้หูพูดล่ะม้าง”
เสี่ยชาญรีบปราม “ไม่เอาน่า วันนี้วันดี ขอไม่ทะเลาะกันซักวันได้มั้ย”
แก้วกัลยากับเฮงเชิดใส่กัน
หญิงเล็กพยายามมองหาตี๋เล็ก หญิงใหญ่แอบเหล่มองน้องสาวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ฝ่ายถูกมองหันมาเห็น ก็ทำเป็นมองโน่นมองนี่กลบเกลื่อน

ตี๋เล็กผัดผักบุ้งไฟแดงอยู่ในครัว ไฟลุกวาบลอยขึ้นมา จางสะดุ้งเซมาชนตี๋ใหญ่ที่กำลังยืนเด็ดผักอยู่
“เฮ้ย ตกมันรึไง อยู่ดีๆ ก็มาวิ่งชน”
จางหน้าจ๋อย “ก็ผมตกใจนี่ครับ”
“โห่ แล้วอยากจะเป็นพ่อครัว ดันกลัวไฟ”
“แหม ผมไม่ได้ตั้งตัวหรอกครับคุณตี๋ใหญ่”
ตี๋เล็กตักผักบุ้งใส่จาน “เอ้า พลายจาง เอาไปเสิร์ฟ”
“แหน่ะ พี่ชง น้องขยี้ใหญ่เลยนะ”
“รึอยากให้กระทืบ?” ตี๋เล็กย้อนถาม
“กระทืบมุก?”
“กระทืบลื้อนี่แหละ รีบไปเสิร์ฟเร็วๆ เข้า”
“ไม่ตัดเงินเดือนก็ใช้กำลัง จางล่ะต๊อแต๊”
จางหยิบจานผักบุ้งไฟแดงแล้วเดินออกไป ตี๋ใหญ่มองตี๋เล็กที่ดูนิ่งๆ ซึมๆ
“คืนนี้ก็บอกลาเค้าซะเลยสิ”
ตี๋เล็กหน้าสลด “บอกยังไงเฮีย คนเยอะแยะ”
“เยอะแล้วไง เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง จะกลัวอะไร”
“แหม อยู่กันครบทั้ง 2 บ้านแบบนี้ เฮียจะให้อั๊วแกรนด์โอเพนนิ่งว่างั้น”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าหงึก “ใช่ไง เฮียบอกไปแล้วเมื่อเช้า ว่างานนี้ต้องแกรนด์โอเพนนิ่ง”
“เดี๋ยวเตี่ยกับคุณแก้วก็ได้ด่ากันวุ่นวาย”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้า “ก็ใช้คำพูดให้มันซอฟท์ๆ สิ ส่วนคุณแก้ว เฮียโรยกลีบกุหลาบสร้างความหนิทหนมมเอาไว้บ้างแล้ว ลุยเลย เชื่อเฮีย”
ตี๋เล็กยังกล้าๆ กลัวๆ ครุ่นคิดว่าจะลุยเลยดีมั้ย

“เอ๊..ตี๋เล็กทำไมยังไม่ออกมาอีกเนี่ย”
เสี่ยชาญถามโพล่งขึ้นมา เฮงรีบบอก
“รอทำอาหารให้ครบแหละ กินกันไปก่อนตามสบายนะ วันนี้อาหารเยอะ จัดเต็มๆ”
ขาดคำ ตี๋เล็ก ตี๋ใหญ่และจาง ก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟเพิ่มเติม
“มาแล้วคร้าบ” จางรีบเสนอหน้า
ตี๋เล็กกับหญิงเล็กแอบสบตากัน
“นั่งเลยๆ”
จางยิ้มรับ “ขอบคุณครับเฮีย”
“เชิญห้องวีไอพีเลยครับคุณจาง”
จางหน้าเหวอ “ห้องวีไอพี? มีด้วยเหรอครับ”
“ห้องครัวไง ไปกินโน่นเลย ตรงนี้เจ้านายเค้ากินกัน”
จางจ๋อย “โห่ จะมีส่วนร่วมด้วยก็ไม่ได้”
ว่าแล้วเดินเข้าครัวไปแบบเซ็งๆ
ตี๋ใหญ่รีบพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
“เอาล่ะครับทุกคน วันนี้เรามาเลี้ยงส่งตี๋เล็กกัน ผมในฐานะพี่ชายคนโตของบ้านนี้ ก็ต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเป็นอย่างมาก และตอนนี้น้องชายผม ก็มีอะไรจะบอกกับทุกคนครับ”
ตี๋เล็กมองหน้าพี่ชายอึ้งๆ
แก้วกัลยาโพล่งขึ้นมาทันที “ มีอะไรจะเซอร์ไพร์สฉันอีกมั้ยเนี่ย”
ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กหันมองหน้ากัน ก่อนตี๋เล็กจะสารภาพว่าชอบหญิงเล็ก ตามด้วยตี๋ใหญ่ที่บอกว่าชอบหญิงใหญ่ ขณะที่ชายเล็กก็สารภาพเหมือนกันว่าชอบหมวยเล็ก ทั้งเฮง ทั้งแก้วกัลยาได้ฟังคำสารภาพของลูกๆ ก็ช็อกคาที่ แล้วก็หันมาเถียงกันใหญ่โต
แก้วกัลยาบอกว่ารู้สึกว่าเสียดุล เพราะมีลูกสาว เฮงสวนกลับทันทีว่าหมวยเล็กก็เป็นลูกสาวเหมือนกัน แก้วกัลยาไม่ยอมแพ้ เถียงต่อว่าเธอมีลูกสาว 2 คน ตอนแรกแค่หญิงใหญ่คนเดียวก็ยังพอรับได้ แต่จู่ๆ ดันมาเรื่องของหญิงเล็กเพิ่มเข้ามาอีก ก็เริ่มจะรับไม่ได้แล้ว จากนั้น 2 บ้าน ก็เปิดฉากทะเลาะกันวุ่นวาย
อ่านต่อหน้าที่ 2


ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 27 (ต่อ)
ตี๋เล็กทิ้งตัวลงบนเตียงนอนตี๋ใหญ่อย่างเซ็งๆ

“ไงล่ะเฮีย แกรนด์โอเพนนิ่งของเฮีย เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เลยมั้ยล่ะ”
ตี๋ใหญ่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานถอนใจเฮือก ส่วนหมวยเล็กที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ก็ทำหน้าอ่อนใจ
“ใหญ่มาก เวอร์วังอลังการสุดๆ นี่ถ้าห้ามกันไม่ทัน มีระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันแน่”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้า “ใครจะคิดล่ะ ว่าจะลงเอยแบบนี้ อุตส่าห์แสดงความบริสุทธิ์ใจ”
“แหม คุณแก้วยอมติดรถกลับมาบ้านหน่อย ตายใจล่ะสิเฮีย” ตี๋เล็กล้อพี่ชาย
“ก็ใช่น่ะสิ เฮียว่าเค้าก็ดูใจอ่อนกับเฮียลงเยอะเลยนะ เฮียสัมผัสได้”
“หมวยว่าเป็นเพราะคุณแก้วไม่เคยระแคะระคาย เรื่องความรักของพี่หญิงเล็กมาก่อนมากกว่า อยู่ๆ ก็มาเปิดตัวแบบนี้ ก็เลยทำใจรับไม่ทัน”
“เหรอ?” ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“ใช่เฮีย ชายเล็กเคยเล่าให้ฟังว่าคุณแก้วมั่นใจมาก ว่าพี่หญิงเล็กจะไม่มีทางมากิ๊กกั๊กกับเฮียตี๋เล็กแน่นอน”
ตี๋เล็กพยักหน้าหงึก “แน่ล่ะ ถ้าเตี่ยกับคุณแก้วเป็นมวยคู่เอก พี่กับยัยนั่นก็มวยคู่รองนั่นแหละ”
หมวยเล็กถอนใจ “ชายเล็กก็เอากับเค้าด้วย กลายเป็นไฟลามทุ่งเลยทีนี้”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าง่อย “จบกัน ความดีที่เพียรสั่งสมมา”
3 พี่น้องต่างก็เครียดไปตามๆ กัน

ฟากหญิงเล็กก็นั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ตี๋เล็กสารภาพว่าชอบตัวเอง แล้วก็อมยิ้มแก้มปริ
หญิงใหญ่ที่เดินออกมากับชายเล็ก เห็นเข้าก็พูดแซว
“ไง มานั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวคะ”
หญิงเล็กหุบยิ้มทันที “ยิ้มอะไรล่ะ เปล่าซะหน่อย”
ชายเล็กพูดต่อ “คนอยู่ในห้วงอารมณ์รัก มักทำอะไรโดยที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ล่ะครับ”
หญิงเล็กมองค้อน “เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรักรึไงคะคุณ“
“ไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็เคยเป็นแบบนี้บ่อยๆ เลยรู้ดี”
“เราเองก็ใช่ย่อยนะ นึกยังไงถึงไปเปิดตัวแบบพี่ๆ เค้าน่ะ” หญิงใหญ่หันมาถามน้องชาย
“ก็ผมจริงใจเหมือนพี่ๆ เค้าน่ะสิครับ ใครจะไปรู้ว่ามันจะลงเอยแบบนี้”
“แล้วเราล่ะ รู้สึกยังไงกับเค้า” หญิงใหญ่หันมาถามหญิงเล็กบ้าง
“ก็รู้สึกดีอยู่หรอก..พยายามนึกอยู่เนี่ย ว่าไปรู้สึกดีกับนายนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
หญิงใหญ่ถอนใจ “เฮ้อ นี่เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงเนี่ย จุดที่ 2 บ้าน เคยทะเลาะกันแทบตาย แต่สุดท้ายลูกๆ ทั้ง 3 คู่ ดันมาชอบกันได้”
ขาดคำ ฮันนี่ก็เดินหน้าเครียดออกมา “ทุกคนคะ บอสเรียกพบเดี๋ยวนี้เลยค่ะ..Now”
3 พี่น้องหันมองหน้ากันเลิกลั่ก

“แม่ขอสั่งทั้ง 3 คนเลยนะ ว่าห้ามไปคบหากับลูกบ้านนั้นอีก เข้าใจมั้ย”
แก้วกัลยาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง หญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็กนั่งหน้าสลด ยังไม่ตอบอะไร
“แม่ถามทำไมไม่ตอบ”
“ที่ว่าห้ามคบนี่ ขอบเขตมันแค่ไหนล่ะครับคุณแม่” ชายเล็กย้อนถาม
“ก็ห้ามคุยห้ามสานสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น ตั้งใจเรียนกันอย่างเดียว เข้าใจมั้ย ชายเล็ก หญิงเล็ก”
“ค่ะแม่”
“ครับ”
หญิงใหญ่แอบถอนหายใจเบาๆ เพราะเข้าใจว่าตัวเองน่าจะรอด แต่ที่ไหนได้
“เราเองก็อีกคนนะหญิงใหญ่ ห้ามไปยุ่งกับไอ้ตี๋ใหญ่นั่นอีก ถ้าแม่รู้ว่ายังแอบไปกิ๊กกั๊กกัน แม่จะให้ย้ายที่ทำงาน”
หญิงใหญ่ตกใจ “ย้ายที่ทำงาน”
“ใช่ ถ้าไม่อยากหางานใหม่ ก็อย่าไปยุ่งกับไอ้ตี๋ใหญ่อีก”
“มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะแม่”
แก้วกัลยาทำหน้าตาขึงขัง “ที่ลูก 3 คนยกโขยงไปชอบลูกบ้านนั้นกันหมดนี่สิ เกินไป แม่รับไม่ได้”
ฮันนี่ที่ยืนนิ่งอยู่นาน พูดสอดขึ้นมาบ้าง
“ฮันนี่ขอพูดแบบคนกลางนะคะบอส ฮันนี่ว่าลูกบ้านนั้น เค้าก็เปิดเผย ดูบริสุทธิ์ใจดีนะคะ ทำไม
ไม่ลอง.... “
แก้วกัลยารีบตัดบททันที “ไม่ลองไม่เลิงอะไรทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะไอ้ ตี๋เล็ก พอมันไปเมืองนอก เดี๋ยวมันก็ไปมีคนใหม่ เดี๋ยวหญิงเล็กก็ต้องมาเจ็บอีก แม่น่ะอาบน้ำร้อนมาก่อน”
ฮันนี่จะพูดอีก “เอ่อ..”
แก้วกัลยาหันมาดุ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ ฮันนี่จะบอกว่าฮันนี่จะไปทำงานในครัวต่อนะคะ”
“ก็ไปสิ ใครดึงหางไว้ล่ะ”
“บรู๋วววว์”
ฮันนี่ขานรับ ก่อนจะเดินไปในครัว แก้วกัลยาหน้าเครียดๆ ลูกๆ ก็เช่นกัน

ทางด้านเฮงก็กำลังจัดของในร้าน ครู่หนึ่งเสี่ยชาญก็เดินเข้ามา
“ยังไม่ตั้งโต๊ะอีกเหรอ”
เฮงส่ายหน้า “วันนี้ร้านเปียดหนึ่งวัน”
“อ้าว”
“อ้าวอะไร เมื่อคืนอั๊วไม่ได้บอกลื้อเหรอ”
“บอกอะไรล่ะ เมื่อคืนคุยเรื่องลูกๆ ลื้อแป๊บเดียวก็มีเรื่องกันแล้ว เกียนยังไม่ทันอิ่มเลยด้วยซ้ำ”
เฮงรีบบอกต่อ “วันนี้ตอนเย็น อั๊วต้องไปส่งตี๋เล็กที่สนามบินน่ะ ลื้อก็รู้ว่าตี๋เล็กไปวันนี้ ก็น่าจะเอะใจหน่อยนะ ว่าร้านอั๊วจะปิดมั้ย”
เสี่ยชาญหน้าจ๋อย “เออ อั๊วนี่เคี้ยดไม่ถึงเลยเจียนๆ”
“เรียกว่าไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดวิจารณญาณ นี่ไม่อยากบอกว่าโง่นะ”
“เรียกว่าฉลาดน้อยดีกว่า ถรุยย! แหม ได้ทีนี่ด่าใหญ่เลยนะ”
เฮงทำหน้ากวน “อ่ะ หยอกเล่นน่า”
จังหวะนั้น หมวยเล็กก็เดินออกมา เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“เตี่ย เดี๋ยวอั๊วมานะ”
เฮงหันมาถาม “ไปไหน”
หมวยเล็กอึกอัก “ก็ไปหาซื้อของกินแถวนี้แหละ”
“เตี่ยทำกับข้าวไว้ให้แล้ว วันนี้ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น”
“โห่”
“ไม่ต้องมาโห่ แล้วต่อจากนี้ เลิกเรียนปุ๊บต้องกลับมาช่วยงานที่ร้านปั๊บ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ต้องไปไหน
อยู่ช่วยงานเตี่ยที่ร้านนี่ เข้าใจมั้ย”
หมวยเล็กจำใจต้องพยักหน้า “เข้าใจก็ได้”
จากนั้นก็เดินเข้าไปหลังบ้านอย่างเซ็งๆ เสี่ยชาญรีบหันมาพูดเตือนเฮง
“อั๊วว่านะ ถ้าพวกลื้อปิดกั้นความรู้สึกลูกๆ กันแบบนี้ มันจะไม่เป็นผลดีกับลูกๆ ลื้อเองนะ”
“เรื่องในครอบครัวอั๊ว ลื้อไม่ต้องเผือก”
เสี่ยชาญสะดุ้งเฮือก “นี่กูมาทำไมวะเนี่ย ทั้งโง่ ทั้งเผือก มาให้โดนด่าชัดๆ”
ว่าแล้วก็ลุกเดินออกไปอย่างเซ็งๆ ทิ้งให้เฮงนั่งหน้าตาเคร่งเครียด

ตี๋เล็กยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างรั้ว ในอาการเหม่อๆ ซึมๆ จนน้ำนองพื้นแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ตี๋ใหญ่เดินออกมา เห็นน้ำนองพื้นก็ตกใจ
“เฮ้ย จะปลูกไม้น้ำเหรอตี๋เล็ก”
ตี๋เล็กสะดุ้ง “อุ้ย” แล้วก็รีบเดินไปปิดน้ำ
ตี๋ใหญ่มองข้ามรั้วไป แล้วถามต่อ “มายืนรอเค้าอยู่รึไง”
“รดจนน้ำท่วมแล้ว ยังไม่เห็นมีใครออกมาซักคน”
“คงโดนห้ามกันถ้วนหน้าน่ะ นี่หมวยเล็กก็มาบ่นกับเฮีย ว่าเตี่ยไม่ยอมให้ออกไปไหน”
ตี๋เล็กหน้าเครียด “วันนี้อั๊วจะไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้คุยกันอีกรึเปล่า”
“เอาน่ะ ยังเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมง”
ตี๋ใหญ่โอบไหล่ให้กำลังใจน้องชาย ขณะที่สีหน้าของตัวเอง ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะโดนหางเลขไปด้วยเหมือนกัน

ฮันนี่ตักข้าวให้แก้วกัลยา แล้วทำหน้าตาทะเล้น
“วันนี้เบิ้ลนะคะบอส แสดงว่ากับข้าวอร่อยเป็นพิเศษ”
“หิวน่ะสิไม่ว่า เมื่อคืนแทบไม่ได้กินอะไรเลย”
อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ หญิงใหญ่ กับชายเล็กนั่งกินข้าวสีหน้านิ่งๆ ขณะที่หญิงเล็กกินไม่ลง เขี่ยข้าวในจานไปมา จนแก้วกัลยาต้องหันมาดุ
“เขี่ยข้าวอยู่นั่นแหละ ไม่กินซะทีล่ะหญิงเล็ก”
“หนูไม่ค่อยหิวค่ะแม่”
ฮันนี่รีบสอด “เมื่อคืนก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวก็ตาลายเป็นลม เป็นแล้งไปหรอกค่ะ”
เสี่ยชาญที่นั่งกินข้าวอยู่อีกโต๊ะ พออาหารหมด ก็รีบตะโกนสั่ง
“สั่งอาหารเพิ่มหน่อย”
“ โห ไปตายอดตายอยากมาจากไหนคะเสี่ย” ฮันนี่ย้อนถาม
“คำตอบเดียวกับอาแก้วนั่นแหละ เมื่อคืนแทบไม่ได้เกียนอะไรเลย กะจะเกียนให้เปรมซะหน่อย ทะเลาะกันวงแตกซะงั้น”
ฮันนี่ยิ้มรับ “จะรับอะไรเพิ่มดีคะเสี่ย”
“เอาอะไรเบาๆ มาตบท้ายหน่อยดีกว่า”
ฮันนี่ยิ้มรับ “สำลีมั้ยคะ”
“เอาทิชชู่มาด้วย เผื่อไม่อิ่ม ถรุ๊ยย อาสลัดผักมาแล้วกัน เบาๆ คลีนๆ”
“เดี๋ยวหนูทำให้ค่ะเสี่ย”
หญิงเล็กอาสาแล้วรีบลุกเดินเข้าบ้านไป ฮันนี่เดินตามไปเป็นลูกมือ แก้วกัลยามองตามสีหน้าเคร่งเครียด
เสี่ยชาญแอบมองท่าที แล้วตัดสินใจลุกมาคุยด้วย
“นี่ อั๊วว่าอาตี๋เล็กกับอาตี๋ใหญ่ อีก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนะอาแก้ว”
“ว่างมากเหรอ มาเป็นพ่อสื่อเนี่ย”
เสี่ยชาญส่ายหน้ายิก “ไม่ใช่ อั๊วก็แค่เห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่บ้านลื้อกับบ้านอาเฮงจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน จะได้ผนึกกำลังกัน สร้างธุรกิจร้านอาหาร ให้มันเข้มแข็งไง”
หญิงใหญ่กับชายเล็กมองหน้ากันยิ้มๆ เริ่มจะมีความหวังลางๆ
“ฉันทำของฉันคนเดียวได้”
“ลื้อไม่เคยได้ยินเหรอ ไปคนเดียวไปได้ไว แต่ไปด้วยกัน มันไปได้ไกลนะ” เสี่ยชาญพูดเตือนสติ
ชายเล็กทำหน้าทะเล้น “คมสุดๆ”
หญิงใหญ่ยิ้มให้ “กดไลค์เลยเสี่ย”
แก้วกัลยาเถียงสู้ไม่ได้ เลยงัดไม้เด็ดขึ้นมาสู้
“เอางี้ ถ้าไอ้ตี๋ใหญ่เป็นพ่อครัวได้ภายใน 2 เดือน ฉันจะยอมให้ลูกฉัน คบกับลูกไอ้เฮงเลย”
เสี่ยชาญตกใจ สะดุ้งโหยง “ ไอ้หยา! อาตี๋ใหญ่หุงข้าวยังไหม้เลย จะเป็นพ่อครัวได้ภายใน 2 เดือนเนี่ยนะ บ บ บ้าแล้ว”
หญิงใหญ่กับชายเล็กมองหน้ากันมึนๆ อารมณ์จะดีใจก็ไม่เชิง เพราะรู้ดีว่าตี๋ใหญ่ทำอาหารไม่เป็น

หมวยเล็กตกใจ หลังจากชายเล็กเล่าเงื่อนไขที่แก้วกัลยาตั้งไว้ให้ฟัง
“โอ้โห ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ ปิดประตูล็อคกุญแจไม่พอ นี่ โบกปูนทับกันเลยนะเนี่ย”
ชายเล็กพยักหน้าหงึก “แม่รู้ดีว่าเฮียตี๋ใหญ่ทำกับข้าวไม่เป็น ก็เลยแกล้งตั้งเงื่อนไขนี้ขึ้นมา”
“นั่นดิ เฮียจุดเตาแก๊สเป็นรึยังก็ไม่”รู้
ชายเล็กทำหน้าผิดหวัง
“ โห ถ้าอย่างนั้นเราว่าจบเห่แล้วล่ะ ภายใน 2 เดือน เฮียเธอเป็นพ่อครัวไม่ได้แน่นอน”
หมวยเล็กยกคำคมมาพูด “อับราฮัม ลินคอล์นกล่าวไว้ ผมเป็นคนเดินช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง เคยได้ยินมั้ย”
“หมายความว่าเธอเชื่อว่าเฮียตี๋ใหญ่มีโอกาสที่จะเดิน ไปถึงจุดหมาย?”
“ใช่”
ชายเล็กยิ้มรับ เริ่มรู้สึกใจชื้นมา
“แต่ไม่ใช่ภายใน 2 เดือนนี้แน่”
ชายเล็กนั่งหน้าเหี่ยว “โห่ แล้วจะคมทำไมเนี่ย”
” คมเอาเท่ไง แค่ 2 เดือนเฮียไม่ต้องเดินช้าๆ หรอก นั่งวินมอไซจะทันรึเปล่าเหอะ”
ชายเล็กกับหมวยเล็กนั่งหน้าเครียดด้วยกันทั้งคู่

ทางด้านตี๋เล็กก็เดินเข้ามาในครัว ด้วยอารมณ์อาลัยอาวรณ์ เพราะกำลังจะจากที่นี่ไป พลางนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ภายในห้องนี้ จากนั้นก็ยิ้มบางๆ ก่อนที่เฮงจะเดินเข้ามา
“ถ้าของในห้องนี้มีความรู้สึก พวกมันคงจะคิดถึงลื้อมากๆ เลยนะ”
ตี๋เล็กหน้าเศร้า “อั๊วรู้สึกว่าของทุกชิ้นในนี้ กำลังบอกกับอั๊วอย่างนั้นอยู่นะเตี่ย”
“ลื้อมีจิตวิญญาณของการเป็นพ่อครัวสูงมากนะตี๋เล็ก อั๊วภูมิใจในตัวลื้อจริงๆ”
ตี๋เล็กยิ้มให้เตี่ย “ขอบคุณนะเตี่ย ที่เชื่อมั่นในตัวอั๊ว”
“เรื่องที่เตี่ยเคยเชื่อมั่นในตัวตี๋ใหญ่มากกว่า ลื้อก็อย่าเอาไปใส่ใจนะ มันเป็นความเชื่อผิดๆ ของเตี่ยเอง”
“อั๊วเข้าใจเตี่ย แล้วก็ไม่เคยโกรธเตี่ยเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นแรงผลักดัน ให้อั๊วก้าวมาถึงจุดๆ นี้เลยด้วยซ้ำ”
เฮงเอื้อมมือจับไหล่ตี๋เล็ก “ตั้งใจเรียนนะ จะได้รีบกลับมาพัฒนาร้านของเราให้เจริญรุ่งเรือง”
“ครับเตี่ย”
ตี๋เล็กพูดพลางโผเข้าสวมกอดเตี่ย ตี๋ใหญ่เดินเข้ามาเห็นก็ยิ้ม รู้สึกซาบซึ้งไปด้วย จากนั้นก็ปล่อยให้น้องชายกับเตี่ยกอดกันสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ต้องไปกันแล้วเตี่ย”
เฮงพยักหน้ารับ “เหรอ ไป ตี๋เล็ก”
เฮง ตี๋ใหญ่และตี๋เล็กกอดคอกันเดินออกจากห้องครัวไป

เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็กเดินออกมา ช่วยกันยกกระเป๋าเดินทางมาขึ้นรถตี๋ใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
หมวยเล็กทำหน้าสงสัย “กระเป๋ากับเป้อย่างละใบเอง นี่เฮียจะไปเมืองนอกหรือ ไปแค่นอกเมืองเนี่ย”
“เฮียไปเรียน ไม่ได้ไปตั้งรกรากที่นั่น จะให้หอบอะไรไปเยอะแยะ”
หมวยเล็กทำหน้าทะเล้น “ขาไปไม่ว่า แต่ขากลับช่วยหอบครีม หอบน้ำหอมมาเยอะๆ ละกัน”
เฮงส่ายหน้า “แหม เฮียเค้ายังไม่ทันไปเลย สั่งของฝากล่ะ”
หญิงเล็กเดินเลียบๆ เคียงๆ ออกมาดู ตี๋เล็กเห็น ก็เลยเดินเข้าไปหา
“ไปไหนตี๋เล็ก”
ตี๋ใหญ่รีบรั้งแขนเฮงไว้ “ปล่อยตี๋เล็กเถอะเตี่ย”
พอตี๋เล็กเดินเข้ามาหา หญิงเล็กก็ยิ้มให้
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบใจนะ ถ้าเราจะติดต่อมาหาเธอเรื่อยๆ เธอจะโอเค มั้ย”
หญิงเล็กพยักหน้าเขินๆ “ทำไมถึงจะไม่โอเค ล่ะ”
“ไม่รู้สิ ถามไว้ก่อน เผื่อเธอไม่โอเค กับเรา”
หญิงเล็กอึกอัก ปนเขิน “เราโอเค..ติดต่อมาเหอะน่ะ”
ตี๋เล็กยิ้มกว้าง “งั้นก็รอเรานะ”
หญิงเล็กพยักหน้าอายๆ “อืมม์”
ทั้งคู่มองหน้า และยิ้มให้กัน เฮงเห็นแล้วก็ออกอาการหงุดหงิด จนหมวยเล็กต้องแกล้งเอามือปิดตา จะได้ไม่ต้องมอง
แก้วกัลยาเดินออกมากับหญิงใหญ่
“หญิงเล็ก เข้าบ้าน”
เฮงเอาบ้าง ” ตี๋เล็ก ขึ้นรถ”
ตี๋เล็กโบกมือลาหญิงเล็กก่อนจะไปขึ้นรถ เฮงและหมวยเล็กพากันขึ้นรถ เหลือตี๋ใหญ่เป็นคนสุดท้าย
“นับจากนี้อีก 2 เดือน ผมจะเป็นพ่อครัวใหญ่ให้ได้ ถึงตอนนั้นแล้วอย่าลืมสัญญานะครับคุณแม่ เอ้ย คุณแก้ว”
ตี๋ใหญ่พูดจบ ก็เข้าไปในรถแล้วขับรถออกไป หญิงใหญ่กับหญิงเล็กแอบอมยิ้มทั้งคู่
แก้วกัลยาทำปากเบะ “ฝันไปเถอะ หนังหน้าอย่างแกนะ จะเป็นพ่อครัวได้”
พอหันไปเห็นหญิงใหญ่กับหญิงเล็กกำลังอมยิ้ม ก็แว้ดขึ้นมา
“ยิ้มอะไร เข้าบ้าน”
จากนั้นก็กึ่งลากกึ่งจูงหญิงใหญ่กับหญิงเล็กกลับเข้าบ้าน

“ไอ้ตี๋ใหญ่มันคงเพี้ยนไปล่ะ พ่อครัวนะไม่ใช่ไข้หวัด ถึงจะได้เป็นกันง่ายๆ”
แก่วกัลยาขำก๊าก หญิงใหญ่ หญิงเล็ก และชายเล็กนั่งมองแม่ตาปริบๆ ฮันนี่รีบเดินเข้าไปถาม
“สรุปเค้ารับคำท้าบอสเหรอคะ”
“ก็มันบอกจะเป็นพ่อครัวใหญ่ให้ได้ภายใน 2 เดือนอะ”
“เค้ารับคำท้าแบบนี้แสดงว่าเค้าก็มั่นใจในตัวเองอยู่มั้ยคะบอส เค้าอาจจะเป็นเสือซุ่มรึเปล่า”
แก้วกัลยายิ้มเยาะ “ต่อให้มันซุ่มยังไง เวลาแค่ 2 เดือนมันก็เป็นพ่อครัวไม่ได้หรอก”
หญิงใหญ่กับชายเล็กมองหน้ากันเครียดๆ แก้วกัลยาหันมาทางหญิงเล็ก
“เราเองก็อีกคนนะหญิงเล็ก ตัดใจจากไอ้ตี๋เล็กซะ เคยได้ยินมั้ย รักแท้แพ้ระยะทางน่ะ”
“หนูขออยู่คนเดียวแป๊บนึงนะคะ”
พูดจบ หญิงเล็กก็ลุกเดินออกไปด้วยอาการเพลียๆ หญิงใหญ่มองตามด้วยความเป็นห่วง
“หญิงเล็กไหวมั้ยเนี่ย”
ชายเล็กพลอยเป็นห่วงไปด้วย “นั่นสิ ข้าวปลาไม่ยอมกินเลย”
“นี่ฉันยังนึกไม่ออกเลย ว่าไอ้ตี๋ใหญ่มันจะเป็นพ่อครัวอีท่าไหน”
แก้วกัลยาขำไม่เลิก หญิงใหญ่สีหน้าเคร่งเครียด ไร้ซึ่งความหวัง

หญิงเล็กนั่งเหม่อ คิดถึงตี๋เล็กอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา ก็รีบหันไปมอง เห็นตี๋เล็กยืนยิ้มอยู่
“นาย”
พูดพลางเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“นายมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย นายไม่ไปแล้วเหรอ”
ตี๋เล็กพยักหน้ายิ้มๆ “อืมม์ ฉันรู้แล้วว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้ นั่นก็คือเธอ”
“แล้วเตี่ยนายล่ะ ทำแบบนี้เตี่ยนายไม่ว่าอะไรเหรอ”
ตี๋เล็กส่ายหน้าช้าๆ “ ฉันไม่สนใครทั้งนั้นแล้ว ฉันสนแต่หัวใจของตัวเอง”
“นาย”
“ฉันรักเธอนะ”
หญิงเล็กทำตาซึ้ง “ฉันก็รักเธอ”
ตี๋เล็กยืนอยู่ที่เดิม แต่น้ำเสียง กลับเป็นเสียงของชายเล็ก “พี่หญิงเล็ก พี่เป็นอะไรอ่ะ พี่ไหวมั้ยเนี่ย”
หญิงเล็กทำหน้างง “ทำไมเรียกฉันแบบนี้ พูดอะไรของนายเนี่ย”
“พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ดึงสติหน่อยซิ”
ตี๋เล็กเขย่าตัวหญิงเล็กให้ตื่นจากภวังค์ ฝ่ายถูกเขย่าตัว สะบัดหน้าหลับตา ก่อนจะลืมตามาเจอ ชายเล็ก
“เฮ้ย..ชายเล็ก”
“พี่เป็นเป็นอะไรเนี่ย หิวข้าวจนตาลาย มองผมเป็นเฮียตี๋เล็กเลยเหรอ”
หญิงเล็กกุมขมับ พยายามดึงสติ
“นี่ดีนะที่ผมเห็นอาการของพี่ไม่ค่อยดี ก็เลยตามมาดู ไปกินข้าวหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก”
หญิงเล็กพยักหน้ารับ “ โอเค เดี๋ยวพี่เข้าไปกิน ขอนั่งคนเดียวแป๊บนึงนะ”
“เคๆ รีบไปกินนะ”
พอชายเล็กเดินกลับเข้าบ้านไป หญิงเล็กก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ที่ตี๋เล็กไม่ได้กลับมาจริงๆ

หมวยเล็กนั่งมองรอบๆ บ้านที่วันนี้ไม่มีตี๋เล็กแล้ว ก่อนที่เฮงจะเดินมาหา
“เฮียตี๋เล็กไม่อยู่แล้ว บ้านดูเหงาลงทันทีเลยนะเตี่ย”
“เอาน่ะ ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่จะต้องทำ ต่อไปลื้อก็ต้องช่วยงานเตี่ยให้มากขึ้นนะ รู้มั้ย”
หมวยเล็กทำหน้าเศร้า “อั๊วคงทำได้ไม่ดีเท่าเฮียหรอกเตี่ย เต็มที่ก็เสิร์ฟก๊อกๆ แก๊กๆไปวันๆ”
“ทำไม่ได้ก็ต้องฝึก ไม่มีใครควงตะหลิวออกมาจากท้องแม่หรอก”
ฟากตี๋ใหญ่ ก็ขนตำราอาหารมาศึกษาอย่างจริงจัง
“ขนอะไรมาเยอะแยะน่ะเฮีย”
“ตำราการทำอาหารของตี๋เล็กน่ะ”
เฮงมองอย่างสงสัย “ ลื้อเอามาทำไม”
“เอามาศึกษาสิเตี่ย อั๊วอยากทำอาหารเป็นน่ะ”
หมวยเล็กทำตาโต “ เฮ้ย นี่เอาจริงเหรอเฮีย”
เฮงยิ่งสงสัยหนัก “เอาจริงอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกเตี่ย อั๊วก็แค่อยากช่วยงานเตี่ยให้ได้มากๆ น่ะ”
เฮงรีบหันมาบอกหมวยเล็ก “เห็นมั้ยหมวยเล็ก ดูอย่างเฮียเค้านี่ ถึงจะทำกับข้าวไม่เป็น แต่เฮียเค้าก็ขวนขวายศึกษาหาความรู้ มันต้องอย่างนี้สิ”
หมวยเล็กยิ้มกรุ้มกริ่ม “แหม จากคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องงานครัวมาก่อน เตี่ยให้มาบริหารร้านอาหารก็บ่ายเบี่ยงตลอด แล้วอะไรน้า ที่ทำให้เฮียของหมวยฮึดที่จะมาเป็นพ่อครัวแบบนี้”
ตี๋ใหญ่กระแอมเตือน
“กระโถนแมะ?”
ตี๋ใหญ่หันไปขยิบตาเป็นเชิงปราม “หมวยเล็ก”
เฮงมอง 2 พี่น้องอย่างสงสัย “มีอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรหรอกเตี่ย อั๊วก็อยากทำหน้าที่แทนตี๋เล็กก็เท่านั้นแหละ ไม่อยากให้เตี่ยเหนื่อย”
“เออ ดีๆ เดี๋ยวเตี่ยจะฝึกลื้อให้เก่งเลย ลื้อไม่ต้องห่วง ไม่เกิน 2 ปี ลื้อเป็นเชฟแทนเตี่ยได้เลย”
ตี๋ใหญ่รีบท้วง “ขอไม่เกิน 2 เดือนได้มั้ยเตี่ย”
เฮงยิ้มรับ “สบาย หะ!? ไม่เกิน 2 เดือน”
“เร็วไปเหรอเตี่ย”
“เป็นเชฟนะ ไม่ใช่เชื้อราในร่มผ้า ถึงจะถ่ายทอดติดกันง่ายๆ น่ะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มแหยๆ หมวยเล็กก็ยิ้มล้อๆ ก่อนจะถูกพี่ชายส่งซิกไม่ให้แสดงพิรุธ
อ่านต่อตอนที่ 28

กำลังโหลดความคิดเห็น