คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 28
เมื่อพ้นประตูออกมา ศจีก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเป็นท่านทูตปราจิตก้าวเข้ามาหา
“จี”
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“ฉันมารับเธอไปงานเลี้ยงที่บ้านท่านทูตอังกฤษไงละคะ”
“เอ่อ...ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ วันนี้ดิฉันไม่ว่างแล้ว”
สายตาปราจิตมีแววฉงนระคนเกรงใจ “เรานัดกันก่อนหน้านี้แล้ว จำไม่ได้เหรอคะ”
“ดิฉัน ไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ”
“เธอเป็นอะไรคะ”
“รู้สึกปวดท้องจะอาเจียน” พอเห็นสีหน้าปราจิตพรายยิ้มดีใจ จึงพูดดักไว้ “อาจจะเป็นโรคกระเพาะเจ้าค่ะ”
“งั้นเรียกหมอประจำของเรามาตรวจดีกว่า ฉันไปงานสายหน่อยได้”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ดิฉันกำลังจะออกไปโรงพยาบาล”
“ฉันจะพาเธอไปเอง”
“ท่านไม่ต้องห่วงดิฉันหรอกเจ้าค่ะ ดิฉันมีป้าวรรณกับลูกแก้วไปเป็นเพื่อนแล้ว ดิฉันไม่อยากให้ท่านผิดนัด”
ปราจิตบุ้ยปากนิดๆ เหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจ
“ฉันอยากดูแลภรรยาของฉันนี่คะ”
“เรื่องงานสำคัญกว่าเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรหนักหนามาก ท่านรีบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
ศจีจับตัวปราจิตเบาๆ ให้หันไป ปราจิตยอมไปแต่โดยดี ศจีแอบระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก
ศจีในชุดเสื้อผ้าเรียบที่สุดเท่าที่มี ก้าวลงมาจากชั้นบน พบว่าแกมแก้วกับวรรณรออยู่ก่อนแล้วตรงโถงบันได พอเห็นแกมแก้ว ศจีก็ออกคำสั่งห้วนๆ
“ไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่”
แกมแก้วนิ่วหน้าอย่างสงสัย อ้าปากจะเถียง แต่ศจีอธิบายเสียก่อน
“ไอ้ที่มันปอนที่สุดนั่นแหละ ถ้าไม่อยากให้ใครเขารู้จักมากกว่านี้”
แกมแก้วหุบปากลง แล้วทำตามอย่างว่าง่าย วรรณมองตามอย่างหนักใจ
“คุณจะทำยังไง”
“ต้องให้หมอตรวจให้แน่ก่อนค่อยคิดกันใหม่”
“หมอที่ไหน”
“ก็ต้องที่เขาไม่รู้จักเรา ออกไปนอกๆ เมืองหน่อยเห็นจะดี”
“แล้วถ้าเกิดมัน แน่”
ศจีสบตาป้าวรรณก่อนจะเมินหนี
“ภาวนาให้เป็นหวัดลงกระเพาะ ไม่ดีหรือคะป้าวรรณ”
วรรณได้แต่มองอึ้งๆ
ศจีขับรถมาจนถึงหน้าคลินิกแห่งหนึ่งย่านชานเมือง เป็นอาคารเก่าๆ
“ร้านนี้เห็นจะดี หมอจะได้คิดว่าเราอยู่แถวๆนี้ ยิ่งคนไข้มากๆ เปลี่ยนหน้ากันมาบ่อยๆ ยิ่งจำไม่ได้”
“ดีเหมือนกัน ลงเหรอคะคุณ”
ศจีกลับเร่งความเร็วเลยผ่านไป
“ยัง เดี๋ยวเราเอารถเข้าอัดฉีดที่ปั๊มไหนก็ได้ แล้วค่อยนั่งแท็กซี่ย้อนมาจะได้ไม่ผิดสังเกต ฉันจะจัดการเอง”
วรรณมองศจีอย่างนึกทึ่ง คาดไม่ถึง ว่าจะคล่องแคล่วถึงเพียงนี้
หมอผลักบังตาชั้นในห้องตรวจออกมา พอเห็นแกมแก้วที่นั่งอยู่ก็เดาได้ทันทีว่าเป็นคนป่วย
“เป็นอะไรมา”
แกมแก้วหน้าซีด ศจีตอบแทนอย่างคล่องแคล่ว ด้วยเสียงแหลมจัดจ้าน เหมือนแม่ค้าในตลาด
“น้องสาวดิฉันน่ะค่ะ ส่งมาอยู่กับป้าได้ไม่ถึงครึ่งปี ดู๊...ดันหนีตามแฟนมันไปเสียนี่ เพิ่งไปลากตัวมาได้”
วรรณกะพริบตาถี่ๆ เพราะไม่เคยเห็นศจีในทีท่าแบบนี้มาก่อนเลย
“วันนี้เกิดโอ้กอ้ากจะเป็นจะตายขึ้นมาแล้ว สงสัยว่าจะท้อง เลยเอามาให้หมอตรวจ ถ้าท้องละคอยดู๊”
“อาการมีมานานแล้วเท่าไหร่” หมอถามซักอาการ
“โอ๊ย เพิ่งจะโอ้กอ้ากนี่แหละค่ะ”
“ขอโทษ ให้ดิฉันถามน้องคุณเองดีกว่า”
แกมแก้วทำปากขมุบขมิบ แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา ศจีเอ็ด
“บอกไป เอ้า...ตานี้ละไม่พูด” ศจีทำเป็นหันมาถามกับวรรณ “ป้าล่ะ รู้บ้างไหม”
วรรณตอบด้วยเสียงนุ่มนวล “เพิ่ง อาเจียนได้สองสามวันนี่เองค่ะ”
“กินอะไรมันก็อ้วกแตกอ้วกแตน โธ่เอ๊ย คนไม่รักดี” ศจีฮึดฮัด
หมอถามแกมแก้ว “ขอโทษ ประจำเดือนครั้งสุดท้ายคุณมาเมื่อไหร่”
ศจีเอ็ดแกมแก้วอย่างเจ้ากี้เจ้าการ “เมื่อไรหือ”
ท่าทางของศจีทำให้หมอหงุดหงิด ตัดสินใจลุกขึ้นพยักหน้าให้แกมแก้ว
“เข้าไปตรวจในห้องดีกว่า”
แกมแก้วมองหน้าศจี อีกฝ่ายพยักพเยิดให้โดยเร็ว
“ตรวจๆ เสียให้รู้แน่”
หมอพาแกมแก้วเข้าไปด้านใน ศจีเอนหลังพิงพนักด้วยทีท่ากังวล
“คงไม่ผิด” ศจีว่า
“ถ้าจริงจะทำยังไง” วรรณกังวลหนัก
ศจีคิดไม่ตก
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 28
สุพรรณเดินเข้ามา มองหาแกมแก้ว เจอแต่รัตนาพรนั่งอยู่คนเดียว
“วันนี้ลูกแก้วไม่มาเหรอครับน้องรัต”
“ใช่ค่ะ สงสัยจะไม่สบาย เพราะปกติลูกแก้วไม่เคยหยุดเรียน วันก่อนก็เห็นทำท่าอาเจียน กินอะไรไม่ค่อยลงค่ะ”
สีหน้าสุพรรณเป็นห่วงแกมแก้วขึ้นมาครามครัน
หมอออกมาจากห้องตรวจพร้อมกับแกมแก้ว ศจีกับวรรณรีบขยับตัวทันที
“หมอยังไม่แน่ใจ แต่จะส่งปัสสาวะไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนหากจะให้เร็ว คุณควรไปรอรับผลเอง หมอจะให้จดหมายไป”
“ได้ค้าคุณหมอ” ศจีสวมมาดพี่สาวอย่างสมบทบาท
“คุณชื่ออะไร”
“อรทัยค่ะ”
หมอขมวดคิ้ว “ไหนครู่นี้บอกว่าชื่อแก้ว”
“อ๋อ น้องดิฉันเหรอคะ เขาชื่อกิ่งแก้ว ดิฉันชื่ออรทัย”
“นามสกุลอะไร”
“นิ่มนวลค่ะ”
“ได้ผลการตรวจอย่างไร เอามาให้แล้วกัน”
“ค่ะ”
ศจีคว้ากระเป๋าถือมาเปิดดู หมอจับตามองกระเป๋าหรูอย่างสงสัย ศจีทำบ่นอุบอิบ
“เงินทองยิ่งไม่ค่อยมี แกก็ดันมาก่อเรื่อง กระเป๋าใบนี้คุณนายเขาให้มา เดี๋ยวป้าช่วยไปบอกขายพวกพาร์ตเนอร์ทีนะป้านะ เขาว่าหนังแท้เสียด้วย”
วรรณจำต้องแสดงตามน้ำไปด้วย
“จ้ะๆ”
พอพ้นคลินิกออกมา วรรณก็ถอนใจยาวอย่างโล่งอก
“หมดเรื่องไปที คุณนี่หัวไว แล้วจะทำยังไงต่อไปดีคะ”
“เดี๋ยวพอไปส่งที่บ้านแล้ว จะเลยไปโรงพยาบาล” ศจีบอก
“คุณจะไปเองเหรอ”
“ของอย่างนี้จะใช้ใครได้ล่ะป้า”
“คุณมีคนรู้จักมากนา” วรรณทักท้วง
“ทำยังไงได้ ถ้ามีคนถาม ฉันก็พอจะบอกเขาได้ว่าฉันมันคนมีผัวไม่ต้องกลัวท้องป่อง”
แกมแก้วกับวรรณนิ่งเงียบ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าศจีจะดุเดือดถึงขนาดนี้ ศจีเสียงอ่อนลง
“ไม่เป็นไรหรอกป้า ฉันจัดการเอง”
ศจีพาตัวเองมานั่งรออยู่หน้าห้องตรวจครรภ์ แผนกสูติฯ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ท่าทีกระสับกระส่ายตลอดเวลา
“คุณอรทัย คุณอรทัย นิ่มนวล เชิญรับผลตรวจค่ะ”
ศจีใช้ชื่อปลอมนี้มารับการตรวจ พอได้ยินชื่อก็ลูกพรวด ปราดเข้าไปรับผลตรวจทันที แต่พอรับมาก็นิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ในนั้น จึงแกล้งถามพยาบาล
“ไอ้นี่มันแปลว่าอะไรคะ”
“คุณเอาไปให้หมอเขาเถอะ หมอเขาจะบอกคุณเอง”
“แหม...ดิฉันอยากมีลูกเหลือเกิน มาตรวจกี่ทีๆ หมอเขาบอกไม่มีสักที”
“คราวนี้คงจะสมใจคุณมั้ง”
ศจีเบิกตากว้าง
“เหรอคะ ดิฉันจะมีลูกเหรอคะ”
“ผลเป็นโพซิตีฟ ไม่ผิดหรอก” พยาบาลบอก
ศจีแสร้งยิ้มร่า ทั้งที่แววตามีแววกังวลอย่างซ่อนเร้น
“ต๊าย ประจำเดือนดิฉันไม่มาตั้งสี่ห้าเดือนแล้วสิ”
“จะถึงรื้อ ถ้าหมอเขาคลำเจอคงไม่ส่งปัสสาวะมาตรวจหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
ศจีหันกลับมา สีหน้ามีวี่แววกังวลฉายชัด คิดหาหนทางว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ยายปริกขยับตัว พลางทำตาโตอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นศจีเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า ด้วยท่าทางร้อนอกร้อนใจ
ยายปริกค้อนนิดๆ จะดีใจก็ไม่ใช่ จะหมางเมินก็ไม่เชิง
“มีธุระอะไรยะ ถึงได้ย่างพระบาทเข้ามาถึงนี่”
ศจีไม่สนใจคำแดกดัน แต่ถามทันที
“เด็กที่นี่ เวลาท้องเขาไปหาหมอที่ไหนกัน”
ปริกเบิกตากว้าง “เอ็งท้องแล้วเรอะ”
“เขาไปหาหมอที่ไหน” ศจีหมายถึงหมอทำแท้ง
ปริกงงมากกว่าโมโห “อุวะ ท้องซิดี ไอ้สมบัติพัสกนธ์มันจะได้ของเอ็งหมด”
“ฉันอยากรู้เรื่องหมอ” ศจีถามย้ำ
“เอ๊ะนังนี่ จะไปทำมันทำไม”
“หมออยู่ที่ไหนยาย”
ปริกชักโมโห “กูไม่รู้ อยากมีผัว แต่ไม่อยากมีลูก กูไม่เคยพบเคยเห็น”
“งั้นเดี๋ยวฉันถามเด็กๆ ในบ้านดูก็ได้”
“ชะ หน็อย ถ้าเอ็งไม่อยากได้มาให้ยายเลี้ยงก็ได้เป็นไรมี แม่เอ็งตัวเอ็ง ยายก็เลี้ยงมา ลูกเอ็งอีกคนจะเป็นไรไป”
ศจีอึ้งไปนิดหนึ่ง อย่างน้อยยายปริกก็ยังเห็นศจีมีค่ามากกว่าคนอื่นๆ
“อย่าเลย เดี๋ยวยายเอาไปขาย”
“นังจี เอ็งเห็นยายเป็นอะไร หา อีนี่...นึกว่าใหญ่โตแล้วเรอะ”
“อย่าเพิ่งด่า บอกมาก่อนว่าหมอที่ไหน”
“อยู่ถัดซอยนี้ไปซอยนึง ข้างในสุดซอย ชื่อร้านหมอพูนเพิ่ม”
ศจีถอนใจอย่างโล่งอกที่ได้คำตอบ แต่ก็ไม่วายกำชับ
“เอาละยาย เรื่องนี้ยายอย่าพูดมากไปหรือแอบไปถามหมอ ถ้าฉันรู้ ยายกะฉันขาดกัน” ศจีกำชับท่าทีจริงจัง
ปริกโมโห “อีเนรคุณ เอ็งจะตัดยายงั้นเรอะ”
“ฉันไม่ใช่หลานในไส้ของยายอยู่แล้วนี่”
พูดจบ ศจีก็รีบออกไป ปล่อยให้ยายปริกด่าไล่หลัง
“หน็อย...อีจี...อีวัวลืมตีน อี...”
บัวซึ่งเพิ่งกลับจากข้างนอกเดินสวนกับศจีเข้ามา มองตามพลางถาม
“นั่นใครน่ะแม่”
“หลานข้าสิวะ หลานในอก” ยายปริกตบอกปุๆ “ไม่ใช่คนเล็กๆน้อยๆ นะโว้ย เหยียบชั้นคุณหญิง”
“คุณหญิงเล้าใหญ่ใช่ไหมแม่” บัวเหน็บ
ปริกโมโห “สาระแน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คนเรามันอยู่ที่วาสนา พระท่านว่าแข่งเรือแข่งแพกันได้ แข่งบุญวาสนามันจนใจ”
บัวเบะปากอย่างไม่เชื่อนัก
สองคนอยู่ในมุมลับตาในบ้าน วรรณอุทานออกมาอย่างตกใจ
“โธ่ จริงเหรอนี่”
“เราต้องให้ลูกแก้วตัดสินใจค่ะ”
“ถ้าคุณลูกแก้วไม่ยอม”
“เขาต้องยอมรับผลทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นให้ได้”
ศจีเม้มปากแน่นอย่างอดหวาดหวั่นในใจไม่ได้เช่นกัน
แกมแก้วขยับตัวจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พลางวางตำราลงเมื่อบานประตูเปิดออกกว้าง และเห็นศจีก้าวเข้ามา โดยมีวรรณตามหลังมาติดๆ พร้อมปิดประตูล็อกกลอนแน่นหนา
“ถ้าคุณรอให้เรียนจบสักหน่อย ฉันก็คงจะพูดได้ว่า ขอแสดงความยินดีแต่นี่ ฉันเห็นจะต้องพูดว่า ขอแสดงความเสียใจ”
ศจีโยนกระดาษผลตรวจแผ่นนั้นให้แกมแก้ว
“นายนั่นมันควรโตพอ ที่จะไม่ต้องทำให้คุณเดือดร้อนอย่างนี้ได้นี่นา”
แกมแก้วหน้าซีดแล้วกลับแดงอีก
“เขาว่า...เขาจะรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบ นายนั่นน่ะเรอะจะรับผิดชอบคุณได้ เรียนก็ยังไม่จบ กินข้าวพระอาศัยวัดนอน”
“คุณไม่ต้องมายุ่ง เราจัดการกันเองได้” แกมแก้วบอกอย่างเย่อหยิ่ง
ศจีพูดกลั้วหัวเราะ
“เอาเลย ถ้าเกียรติยศของนายนั่นเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ คุณก็เตรียมขายเกียรติศักดิ์ของตัวเองก็แล้วกัน”
ศจีโมโหทำท่าจะหันกลับ แต่วรรณคว้าแขนไว้
“ถึงจะไม่เห็นแก่คุณแก้ว ก็เห็นแก่คุณหญิงเถอะค่ะ นี่ ถ้าท่านรู้เข้า”
แกมแก้วขบริมฝีปาก มือลูบไล้ตำราข้างตัว น้ำตาหยดรินเป็นสาย
“คุณก็เป็นทั้งเพื่อน ทั้ง เรียกว่าดองกันหลายชั้น ช่วยกันหน่อยปะไรคะ” วรรณอ้อนวอน
ศจีถามเสียงขุ่น “นายนั่นรู้หรือยัง”
แกมแก้วสั่นหัว
“ดีแล้ว ไม่ต้องให้รู้ คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง”
“ตัดสินใจ เธอตัดสินให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันให้คุณได้แค่คำแนะนำ นายนั่นไม่มีวันดูแลคุณได้ ลองไปคิดดู พรุ่งนี้ ฉันจะมาขอคำตอบ”
ศจีออกไปนอกห้อง แกมแก้วมองตาม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ศจีนอนกระสับกระส่าย ทุรนทุรายด้วยความทุกข์ในใจเรื่องแกมแก้ว เก็บคำพูดคุณหญิงที่ขอร้องให้ดูแลแกมแก้วอย่างดี ตอนป่วยหนักมาฝันถึง
“ฉันไม่ขออย่างอื่นจากหนูหรอก นอกจากว่า หนูจะพยายามไม่ให้ลูกแก้วสนใจนายนั่น มากไปกว่านี้”
“ดิฉันคง...ทำอะไรไม่ได้มาก”
“ไม่เป็นไร...ขอแต่ให้หนูสัญญา”
“ดิฉันคิดว่า คุณหญิง...”
“เถอะ สัญญา ขอให้หนูเห็นแก่ฉัน ถ้าฉัน...ไม่อยู่... หนูจะทำหน้าที่แทนฉันถ้าฉัน...ยังอยู่... หนูจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน”
ศจีมองหน้าคุณหญิงอย่างลังเล
“สัญญา...หนูจี...สัญญา”
“เจ้าค่ะ ดิฉันจะพยายาม...”
และตอนคุณหญิงทวงสัญญาก่อนสิ้นลมหายใจ
“จี...สัญญา...อย่าลืมสัญญา”
“เจ้าค่ะคุณหญิง ดิฉันสัญญา”
“ปกป้องไว้ให้ได้ จำไว้นะ”
“เจ้าค่ะ ด้วยชีวิตของดิฉันเอง”
ศจีพลิกตัวอีกครั้ง จนปราจิตสงสัย ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปจี”
“เปล่าเจ้าค่ะ นอนไม่หลับ”
“ไม่สบายอีกหรือเปล่า”
ปราจิตเอามือแตะหน้าผากศจี
“กินยาดีกว่านะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ”
“กินสักหน่อยดีกว่า จะได้ดีขึ้น”
ศจีเครียดจนพาลหงุดหงิด “ท่านอย่ามายุ่งกับดิฉันเลย ให้ดิฉันนอนเฉยๆ ดีกว่า”
“ทำไม...จีโกรธฉันเหรอ”
“ท่านเลิกกวนใจดิฉันเถอะ ดิฉันง่วงแล้ว”
ศจีหันหลังให้ปราจิต ปราจิตมองอย่างเกรงใจ แล้วล้มตัวลงนอน
ดึกสงัด แกมแก้วนอนกระสับกระส่ายเช่นกัน น้ำตาไหลพราก ในที่สุดก็ผุดลุกขึ้นปาดน้ำตา ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
แกมแก้วหันไปเปิดสวิทช์ไฟ แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาวาง ใส่เสื้อผ้าจำนวนหนึ่งใส่ไปในกระเป๋า
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 28
แกมแก้วหิ้วกระเป๋าเดินทางใบนั้น ย่องมาอย่างเงียบเชียบจนถึงบันได แต่ด้วยความมืดสลัว เพราะไม่กล้าเปิดไฟ ต้องใช้มือคลำทางเปะปะ จนเดินไปชนกับราวบันได ทำให้กระเป๋าหล่นกลิ้งหลุนๆ ลงไป
“อุ๊ย”
ศจีซึ่งนอนไม่หลับได้ยินเสียงนั้น เหลียวไปมองทางประตูอย่างสงสัย ศจีหันกลับไปมองปราจิตซึ่งหลับสนิทแล้ว ค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้น แล้วก้าวลงจากเตียง
แกมแก้วตรงมาที่รถใช้กุญแจเปิดกระโปรงหลัง เอากระเป๋าใส่ลงไป ปิดกระโปรงอย่างแผ่วเบาที่สุด โดยเอามือดันให้ปิด ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ศจีที่แอบดูอยู่ด้านหลังมองฉงน ว่าเพื่อนรักซึ่งบัดนี้กลายเป็นลูกเลี้ยงทำอะไร เห็นแกมแก้วมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ศจีฉากหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
แกมแก้วไม่ได้ขึ้นรถ แต่เดินกลับเข้ามาในตึก ศจีแปลกใจมาก
แกมแก้วย่องกลับเข้ามาในบ้าน ศจีซ่อนอยู่หลังประตู ขณะที่แกมแก้วเดินผ่าน ศจีถอยไปจนชิดผนัง ทำให้เกิดเสียงดัง แกมแก้วหันไปมอง ศจีรีบก้มหลบทำให้แกมแก้วมองไม่เห็น แกมแก้วกลัวใครมาเห็นรีบขึ้นบันไดไปทันที
ศจีนิ่วหน้าอย่างฉงนฉงาย ครุ่นคิดด้วยความสงสัยว่าแกมแก้วกำลังจะทำอะไร
เช้าตรู่ ทุกคนในบ้านยังหลับสนิท ขณะแกมแก้วย่องออกจากห้อง ปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ ย่องมาจนถึงหน้าบันได
“ลูกแก้ว”
แกมแก้วสะดุ้งตกใจ พอหันไปเห็นศจีก็รีบปรับสีหน้าปรกติ แม้ตัวจะยังสั่นด้วยความตกใจ ศจีเดินเข้ามาใกล้มองจับผิด
“จะไปไหนแต่เช้า”
แกมแก้วพยายามตอบอย่างธรรมดาที่สุด
“ไปเรียน ขาดมาหลายวันแล้ว”
ศจีไม่เชื่อ “จริงเหรอ”
แกมแก้วหลบตาวูบอย่างคนโกหกไม่เก่ง
“วันนี้มีสอบย่อยด้วย”
แต่แล้วหางเสียงของแกมแก้วก็ขาดหายไป เพราะรู้สึกพะอืดพะอมและเวียนหัวขึ้นมาทันควัน
“อาการคุณยังไม่ดีเลย กลับไปพักผ่อนดีกว่า”
“ไม่...ฉันไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวสาย ๆ ก็หาย”
“ใช่...หายแน่ ที่จะหายก็คือคุณนั่นแหละ”
แกมแก้วตกใจ ถอยกรูด
“คุณคิดจะหนีใช่ไหม ทำไมไม่นึกถึงเกียรติที่พ่อแม่คุณสร้างไว้บ้าง”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้หนี”
“อย่านึกว่าไม่มีใครรู้ใครเห็น คุณจะไปไหน ไปอยู่กับนายนั่นเหรอ เขาจะเลี้ยงดูคุณได้ยังไง”
แกมแก้วกัดฟัน “ฉันดูแลตัวเองได้”
“ไม่ได้หรอก คุณเกิดมาเป็นลูกคุณหนู พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหินให้เรียนหนังสือดีๆ ดูแลคุณทุกอย่าง แต่คุณกลับไม่รักดี ไม่ต่างกับเด็กใจแตกในสลัม แต่เด็กพวกนั้นยังลำบากเป็น รู้จักสู้ชีวิต ส่วนคุณน่ะ
ไม่มีทาง”
แกมแก้วโกรธ “แล้วเธอล่ะ เธอดีนักเหรอ เธอก็แต่งงานกับคุณพ่อฉันเพราะทะเยอทะยานใฝ่สูง อยากตะกายขึ้นมาจากชีวิตที่ลำบากเหมือนกัน”
ศจีเข้าไปจับข้อมือแกมแก้วไว้
“อย่ามาตีฝีปาก ชีวิตเรามันต่างกันมาก คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก คุณกลับเข้าห้องไปเถอะ โลกภายนอกมันโหดร้ายกว่าที่คุณคิดมาก”
“ไม่ต้องมายุ่ง เธออย่าทำตัวเป็นแม่เลี้ยงฉัน เธอมาบังคับฉันไม่ได้หรอก ปล่อย”
แกมแก้วสะบัดมือออกจากศจีสุดแรง แล้วหันไปลงบันได แต่เกิดเสียหลักเซไป
แกมแก้วตกใจร้องเสียงหลง
ศจีก็ร้องออกมาอย่างตกใจด้วย
“ลูกแก้ว”
แกมแก้วจับราวบันได แต่ก้าวพลาดทำให้กลิ้งตกบันไดลงไปถึงตีนบันไดชั้นล่าง
ศจีรีบเข้าไปประคองแกมแก้วไว้
“ลูกแก้ว เธอเป็นยังไงบ้าง”
“โอ๊ย ปวดท้อง”
ศจีตกใจ เมื่อเห็นเลือดไหลออกมาจากกระโปรงของแกมแก้ว
“แย่แล้ว”
“ไม่นะ...ไม่...โอย...”
ศจีมองซ้ายมองขวา ว่าจะทำอย่างไรดี
ศจีเข้ามาในครัวอย่างร้อนรน เห็นวรรณกำลังดูแลการเตรียมอาหารเช้าอยู่
“ป้าวรรณคะ ป้าวรรณ”
วรรณหันมาด้วยสีหน้าแปลกใจ “มีอะไรคะคุณ”
คนอื่นๆ มองอย่างแปลกใจด้วย
“ออกมาคุยกันหน่อย ฉันมีงานด่วนอยากให้ช่วยเตรียมค่ะ”
วรรณตามศจีออกไป คนอื่นที่เหลือมองหน้ากันรู้สึกมีอะไรผิดปกติ
ศจีกับป้าวรรณช่วยกันประคองแกมแก้วมาที่รถในโรงรถ แกมแก้วนิ่วหน้าแต่ไม่กล้าร้องออกมา
“ระวังนะคะ ระวังๆ”
“นอกจากในครัวแล้ว มีใครตื่นบ้างหรือยังคะ”
“ยังค่ะ แต่ก็ใกล้เวลาที่นายสิทธิ์กับนายลอยจะตื่นแล้ว แล้วก็คุณท่านกับคุณวินด้วย”
“งั้นเดี๋ยวเรารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เวลาไม่เกินสิบนาที แล้วกลับมาที่รถป้าวรรณช่วยเอาชุดมาให้คุณลูกแก้วเปลี่ยนด้วยนะคะ”
วรรณพยักหน้ารับรัวๆ ศจีหันไปกำชับแกมแก้ว
“อย่าร้องหรืออย่าทำเสียงดังนะคะ เราจะรีบกลับมา”
แกมแก้วพยักหน้าอันซีดเซียว เจ็บปวดสุดแสน แต่ก็กัดฟันทน
ศจีเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ธรรมดาที่สุดแล้ว รีบย่องออกจากห้องอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ หมุนลูกบิดประตูช้าๆ แต่พอบิดลูกบิดประตูดังแกร๊ก เสียงปราจิตก็ดังขึ้น
“จะไปไหนแต่เช้าคะจี”
ศจีชะงัก กลอกตาอย่างคิดหาคำตอบ
“ดิฉันนัดหมอไว้เจ้าค่ะ”
ปราจิตเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ พลางหันไปมองนาฬิกาหัวเตียง
“เพิ่งจะหกโมงเอง”
“ท่านก็ทราบ หมอที่โรงพยาบาลคิวยาวแค่ไหน ดิฉันต้องไปรอก่อนเวลาเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมไม่เรียกหมอวิฑูรย์มาล่ะ”
“คุณหมอท่านเชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ส่วนดิฉันต้องปรึกษาหมอโรคทางเดินอาหารโดยตรง...ดิฉันต้องรีบไปก่อนเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
พูดจบศจีก็รีบออกไป โดยไม่เปิดโอกาสให้ปราจิตทัดทาน
ปราจิตแปลกใจแต่ไม่สงสัยอะไร
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 28
ศจีตรงมาที่รถ วรรณกระหืดกระหอบตามมาติดๆ อย่างรีบร้อน
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
“รีบขึ้นรถเลยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
วรรณรีบขึ้นรถ ศจีหันไปถามแกมแก้ว
“ลูกแก้วเป็นยังไงบ้างคะ”
แกมแก้วยังกึ่งนั่งกึ่งนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด จนพูดอะไรไม่ออก
“คงจะเจ็บมากค่ะ” วรรณสงสารจับใจ
ศจีปลอบแกมแก้ว “ทนอีกหน่อยนะ อีกนิดเดียวก็ถึง”
“เราจะไปโรงพยาบาลไหนคะ”
“เราไปโรงพยาบาลไม่ได้ค่ะ ความแตกแน่”
วรรณพยักหน้าอย่างเข้าใจ ศจีรีบออกรถไปทันที
ชีวินเพิ่งตื่นนอน มองลงมาจากหน้าต่างบนห้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มองตามด้วยสีหน้าคลางแคลงสงสัย
บรรจงกับนวลผ่องกำลังเตรียมจัดโต๊ะอาหารเช้า
“ไม่รู้คุณศจีกับป้าวรรณแกมีอะไรกันนะ พากันออกไปแต่เช้า” บรรจงว่า
“เห็นป้าวรรณว่าจะพาคุณศจีไปโรงพยาบาลนี่”
“แต่ฉันเห็นคุณลูกแก้วออกไปด้วยนะ แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้”
“นั่นสิ แล้วทำไมไม่ให้พี่สิทธิ์ขับไปส่ง”
“ดูมีลับลมคมในแปลกๆ แกว่าไหมนังผ่อง”
แต่แล้วทั้งสองก็ต้องชะงัก เมื่อชีวินเดินเข้ามา มองทั้งสองอย่างจับพิรุธ
“มีอะไรกันเหรอ”
“เปล่า...เปล่าเจ้าค่ะ”
บรรจงกับนวลผ่องพากันออกไป ชีวินมองตาม ด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้น
ภายในคลินิกทำแท้งละแวกซอยวัดใหญ่ศรีสุพรรณ ศจีนั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์อย่างคนที่คุมสติตนเองได้เป็นอย่างดี ในขณะที่วรรณนั่งห่อตัวอย่างสะท้านไปด้วยความกลัว
“ถ้าคุณลูกแก้วตาย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า เอาไว้ก็ตาย ไม่เอาไว้ก็ตาย จะทำยังไง”
วรรณยกมือไหว้ท่วมหัว “เจ้าประคู้ณ...ขอให้ตลอดรอดฝั่ง คุณหญิง...คุณหญิง”
เวลาผ่านไป แกมแก้วนอนหน้าซีดอยู่ในห้องพักฟื้น แววตาไร้รอยกังวล เป็นฝ่ายศจีกลับรู้สึกใจหายนิดๆ วรรณตามเข้ามาจับเนื้อจับตัวแกมแก้ว
“เป็นไงบ้างคะ”
แกมแก้วส่ายหน้าช้าๆ แทนคำตอบ
“เข็ดเสียทีนะคะ” วรรณบอก
แกมแก้วสบตากับศจีแล้วเมินหนีไป ใจหนึ่งรู้สึกละอาย แต่อีกใจยังรู้สึกโกรธอยู่ลึกๆ
นับ ตั้งแต่กลับถึงบ้านจนถึงวันรุ่งขึ้น แกมแก้วเก็บตัวนอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอน จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครคะ”
เสียงชีวินดังเข้ามา “พี่เอง”
“ลูกแก้วไม่ค่อยสบายค่ะพี่วิน”
ชีวินเปิดประตูเข้ามา โดยไม่รอให้แกมแก้วอนุญาต
“พี่เห็นแก้วไม่สบาย เลยมาดูเสียหน่อย เป็นอะไรเหรอ”
แกมแก้มหลบตาด้วยความรู้สึกละอายใจ “เปล่าค่ะ ลูกแก้วแค่เป็นไข้นิดหน่อย”
ชีวินเอามืออังหน้าผากน้องสาว
“ตัวไม่เห็นร้อนเลย”
“ลูกแก้วกินยาลดไข้ไปแล้ว อาการดีขึ้นมากค่ะ”
ชีวินมองแกมแก้วอย่างไม่เชื่อนัก
“บอกความจริงพี่มาดีกว่าลูกแก้ว เมื่อวานนี้ออกไปไหนกับเขา”
แกมแก้วสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไปไหน กับใครเหรอคะ”
“ตอนเช้าไง กับ...ศจี”
“ไป” แกมแก้วคิดปราดเดียว “อ๋อ...ไปโรงพยาบาลค่ะ ที่ลูกแก้วไม่สบายนี่ไงคะ”
“ลูกแก้วยอมรับเขาแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ ลูกแก้วไม่อยากรบกวนคนอื่น พี่วินกับคุณพ่อก็ทำงานแล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างคล่อง ป้าวรรณเลยชวนไปด้วย”
“บอกความจริงพี่มาดีกว่าลูกแก้ว เกิดอะไรขึ้น” ชีวินมองจ้อง
“ทำไมพี่วินถามอย่างนี้ละคะ”
“พี่ว่าต้องมีอะไรมากกว่าไข้หวัดธรรมดา...ใช่ไหม”
แกมแก้วนิ่วหน้า แต่ไม่กล้าสบตาตรงๆ
“ลูกแก้วเป็นไข้หวัดจริงๆ ค่ะ”
ชีวินส่ายหน้า “มันต้องมีอะไรที่ลับลมคมในมากกว่านั้น” พลางจับไหล่สองข้างของแกมแก้ว คาดคั้นแกมขอร้อง “เราเหลือกันสองคนพี่น้องแล้วนะ ทำไมลูกแก้วบอกเขาได้ แต่บอกพี่ไม่ได้ บอกพี่มาได้ไหม”
แกมแก้วร้องไห้โฮ น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่
“พี่วิน”
“ไอ้พรรณใช่ไหม ใช่ไหม บอกความจริงพี่มาสิลูกแก้ว”
“ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกค่ะ”
“ทำไมลูกแก้วถึงทำตัวเหลวไหลแบบนี้”
“ไม่มีใครตั้งใจให้มันเกิดขึ้น” แกมแก้วสะอื้นไห้
“แล้วเด็ก”
“เขาไปแล้วค่ะ เมื่อวานนี้แก้วตกบันได...” สาวใจแตกร้องไห้หนักมากจนพูดไม่ออก
“พี่เสียใจ มันไม่น่าเกิดในครอบครัวของเราเลย พี่เสียใจจริงๆ”
ชีวินผลุนผลันออกไป แกมแก้วร้องไห้เสียใจ
ชีวินเดินเข้ามาหาใครบางคนที่กำลังนั่งหันหลังอ่านหนังสืออยู่หน้าตึก
“สุพรรณ”
สุพรรณหันมา พอเห็นชีวินก็แปลกใจและดีใจ ยกมือไหว้
“พี่วิน ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ครับ”
ชีวินไม่รับไหว้ จ้องมองสุพรรณอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“ลูกแก้วไม่ได้มาด้วยเหรอครับ เห็นขาดเรียนไปหลายวันแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”
“แกเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันได้แล้ว”
สุพรรณงง “พี่วิน”
ชีวินกระชากคอเสื้อสุพรรณขึ้นมา
“แกทำอะไรน้องสาวฉัน ย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
“เรารักกันครับพี่วิน เรารักกัน”
ชีวินชกหน้าสุพรรณเข้าหนึ่งหมัด
“รักเหรอ ถ้ารักแล้วทำไมแกทำลายอนาคตของเขา คนอย่างแกดูแลน้องสาวฉันไม่ได้หรอกไอ้พรรณ”
สุพรรณปาดเลือดที่กบปาก
“ทำไมครับ คนอย่างผมมันไม่คู่ควรกับคุณหนูอย่างลูกแก้วเหมือนที่พี่คิดว่าศจีก็ไม่คู่ควรกับ...”
ชีวินทำท่าจะชกสุพรรณอีกหมัด สุพรรณยื่นหน้าให้ ชีวินชะงัก
“เอาเลยครับ ถ้าพี่จะชกผมอีก ความจริงมันย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ถ้าพี่วินรับไม่ได้ว่าไอ้เด็กวัดต่ำต้อยอย่างผมกำลังจะดองเป็นเขยตระกูลนักการทูตของพี่ ทุกวันนี้พี่วินก็คงรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านตัวเองเหมือนกัน”
ชีวินเปลี่ยนมาชี้หน้าสุพรรณแทน
“ฉันรู้ว่าแกกำลังใช้ทางลัด เหมือนที่ใครบางคนกำลังใช้กับคุณพ่อฉัน แต่ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าแกทำให้ลูกแก้วเสียใจอีกแม้แต่นิดเดียวฉันจะตัดอนาคตของแกทิ้งไว้ตรงนี้แหละ จำไว้”
ชีวินเดินหุนหันหนีไปที่รถ สุพรรณตาวาววับ มองตามอย่างไม่ยอมแพ้
อ่านต่อตอนที่ 29