ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 11
โกสุมรีบเอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้ลูกสาว ก่อนหันไปเหวี่ยงกับเทพไท
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อเทพถึงทำกับน้องแบบนี้"
สารภีทำมารยา
"คุณแม่ คุณแม่ช่วยสารภีด้วย พี่เทพ...พี่เทพ เขา... ฮื้อ...ช่วยสารภีช่วย"
โกสุมกอดลูกสาวแน่น
"โถ ลูกแม่ เวรกรรมอะไรถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ลูกหนอลูก ไม่ต้องกลัวนะลูก ไม่ต้องกลัว"
เชตเข้ามาเห็นแล้วอึ้งๆ ไป มองหน้าเทพไท
"คุณเทพ"
"อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด"
"เห็นกับตาขนาดนี้แล้วยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอพ่อเทพ จะไม่มีอะไรได้ยังไงกัน ลูกฉันร้องห่มร้องไห้ถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝีมือคุณแล้วมันจะเป็นฝีมือใคร!"
เทพไทงง ไปไม่ถูก
"เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ถึงหลอกลูกฉันมาที่โรงแรมแบบนี้"
"แต่คุณสารภีเป็นคนให้ผมมาส่งที่นี่เองนะครับ" เชตบอก
โกสุมหันขวับมองตาขวาง
"แกเอาอะไรมาพูด หุบปากไปเลยนะ ไป๊! ไปให้พ้น นี่มันเรื่องของเจ้านาย ไม่ใช่ขี้ข้าอย่างแก"
เชตมตัดสินใจถอยออกไป โกสุมรีบบิวด์เรื่องใหม่อีกครั้ง
โกสุมปลอบสารภี
"ไม่ต้องร้องนะลูกแม่ มีอะไรกลับไปคุยกันที่บ้าน ทุกคนต้องได้รู้เรื่องนี้ สารภีต้องไม่เสียหายลับๆล่อๆ แบบนี้!"
เทพไทถอนใจด้วยความกังวล
ในศาลาการเปรียญ ลำเจียกกับนายไหลกำลังนิมนต์พระอยู่
"ถ้าอย่างนั้นก็อิฉันก็ขอนิมนต์หลวงพ่อไว้วันนั้นเลยนะเจ้าคะ"
"ได้ วันนั้น อาตมาไม่ติดกิจนิมนต์อื่น"
"งั้นอิฉันขอลานะเจ้าคะ"
พระพยักหน้ารับรู้ ทั้งคู่เดินออกไปหน้าศาลา เจอเข้ากับหม่อมดุจเดือนที่มากับสาวใช้
"อ้าว แม่ลำเจียก" หม่อมมองไหลแต่ไม่พูดอะไร "ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอกันที่นี่ บังเอิญจริง"
"อิฉันมาทำบุญกระดูกคุณพ่อกับคุณแม่น่ะค่ะ"
หม่อมดุจเดือนมองสำรวจว่า ลำเจียกมากับใคร ก็เห็นเพียงนายไหลที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากลำเจียกนัก หม่อมดุจเดือนมองๆก่อนเอ่ยปาก
"มาคนเดียวเหรอคะ"
"ค่ะ"
" แล้วนั่นใครล่ะคะ"
"คนรถน่ะค่ะ"
หม่อมดุจเดือนมองดูนายไหลอย่างสงสัย ลำเจียกไม่อยากพูดคุยด้วยขอตัวลากลับ
"ประเดี๋ยวอิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"เชิญค่ะ"
ลำเจียกเรียกนายไหลแล้วรีบลุกออกไปทันที
"นายไหลฉันจะกลับแล้ว"
นายไหลรีบลุกตามลำไป แต่ลำเจียกเดินไปได้นิดก็เซ นายไหลรีบเข้าประคอง
"คุณลำเจียกเดินไหวไม๊ครับ"
ลำเจียกพยายามฝืนๆ นายไหลประคองเดินออก
หม่อมดุจเดือนมองนายไหลที่ดูห่วงใยลำเจียกด้วยความแคลงใจ
"คนรถจริงๆรึเนี่ย"
หม่อมยังคงสงสัย
ภายในห้องโถงบ้าน หลวงปกรณ์ตบหน้าเทพไทฉาดใหญ่!....ทุกคนสะดุ้งเฮือก
" ไม่มีศักดิ์ศรี! ไม่สมเป็นลูกผู้ชาย"
หลวงปกรณ์เงื้อมือจะตบอีกครั้ง สร้อยทองทนไม่ไหวรีบเข้ามาขวาง
"พอเถอะค่ะคุณพี่ ผิดถูกเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ จะลงโทษลูกได้ยังไงกันคะ"
"ทำกับลูกสาวผมถึงขนาดนี้ พยานรู้เห็นก็มีให้ได้อาย ถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะเรียกว่าไม่ผิดได้อีกเหรอครับ หรือกฎบ้านนี้มันกลับดำเป็นขาว พ่อเทพถึงจะไม่มีความผิด" เพิ่มพูนว่า"ไมได้นะคะ อิฉันไม่ยอม เห็นคาตาคาเตียง ยังไงก็ยอมไม่ได้ คุณเทพไททำอะไรลงไปก็รู้ดีอยู่แก่ใจ อย่าให้ต้องพรรณนาให้ได้อายกันไปกว่านี้เลย อัปยศที่สุด! " โกสุมว่า
สร้อยทองอ้าปากจะเถียง แต่โกสุมรีบชิงตัดหน้า
"คุณเทพต้องรับผิดชอบสารภี! ต้องตบแต่งให้รู้กันทั่วทั้งพระนคร สารภีจะได้ไม่เสียชื่อเสียง"
ดอกแก้วทนช้ำใจไมไหว ตัดสินใจลุกออกไป
คุณหลวงรู้ว่าเทพไทคิดอะไรก็รีบเตือนสติแบบเป็นนัยๆ
"ดอกไม้ที่ช้ำแล้วยังจะน่าสนใจกว่าดอกที่แกเพิ่งย่ำยีงั้นรึเจ้าเทพ"
เทพไทเหลือบตามองพ่อ คิดว่าพ่อรู้อะไร
ดอกแก้วเดินหลบออกมา เช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
"คุณเทพ.... แก้วจะดีใจกับคุณได้ยังไง"
ดอกแก้วทรุดตัวลงนั่งที่มุมหนึ่ง ซบหน้าร้องไห้กับเข่า
ภายในห้อง โกสุมยังคงคาดคั้นเทพไท
"ว่ายังไงล่ะคุณเทพไท หรือคุณไม่เป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำลงไป"
สร้อยทองเสียงแข็ง
"พ่อเทพไม่ใช่คนแบบนั้นฉันรู้จักลูกชายฉันดี"
"ว่าไงเจ้าเทพ พูดออกมาสิว่าแกจะรับผิดชอบแม่หนูสารภีหรือไม่"
" ผมจะไม่รับผิดชอบสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ" เทพไทยืนยันหนักแน่น
เพิ่มพูนบอก
"หลักฐานพยานอะไรก็มีครบหมด ยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ อย่างนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติกันเลย"
"พวกเราหนีร้อนมาพึ่งเย็นแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าจะถูกเหยียบย่ำจิตใจถึงเพียงนี้ ทั้งที่มีคนเห็นว่าลูกสาวฉันถูกกระทำแท้ๆ หากกฏของเรือนนี้ไม่มีความยุติอธรรม เห็นทีพวกเราคงต้องพึ่งกฏเมือง ฉันไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อแบบนี้เป็นแน่ ไปลูก"
โกสุมพากันจะลุกออก เทพไทโพล่งออกมา
"แล้วถ้าผมมีพยานบ้างล่ะครับ"
ครอบครัวโกสุมชะงักกึก
หลวงปกรณ์ราชกิจถาม
"พยานอะไรที่ไหนกัน"
"พยานที่จะยืนยันได้ว่า ผมไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหายังไงล่ะครับ"
"พ่อเทพ พ่อเทพมีพยานจริงหรอลูก ใครกันลูก บอกแม่มา แม่จะไปพาตัวมายืนยันความบริสุทธ์ของลูกเดี๋ยวนี้เลย"
พวกโกสุมอึ้งๆ มองหน้ากันไปมา
"บอกแม่มาสิว่าพยานของลูกเป็นใคร"
เวลาต่อมา ศรีรอต้อนรับ...โชคชัยกับทศก้าวเข้ามาที่เรือนนพรัตน์
"รีบเข้าเถอะค่ะคุณโชค คุณทศ ทุกคนกำลังรออยู่นะคะ"
ทศกับโชคชัยยิ้มให้ศรีแล้วเดินเข้าไปสู่ตัวบ้าน
ศรีถอนใจโล่ง
"เฮ้อ รอดแน่แล้ว ทูนหัวของบ่าว"
"ฝันไปเถอะย่ะว่าจะรอด!"
ศรีหันควับมาเจอพิศ
"นังพิศ อย่ามาปากหมาแถวนี้"
"เอ้า ก็ฉันพูดเรื่องจริง นายของแกปล้ำนายฉันเห็นๆ ต่อให้เอาพยานที่ไหนมาอ้างก็ไม่รอดหรอกว้า"
"นายแกเองก็น้อยหน้าซะที่ไหน ไปทำงานอีท่าไหน ถึงไปโผล่ที่โรงแรมได้ล่ะวะ หรือจริงๆ แล้ว ไปเป็นอีตัว!"
"นังปากปลาร้า! ถ้านายฉันเป็นอีตัว นายแกก็คงเป็นพวกชอบฟัดอีตัวละวะ!"
"นังพิศ ข้าขอตบล้างน้ำซักทีเถอะวะ นังปากกระโถน!"
พิศว่าแล้วก็กระโจนเข้าใส่ศรี ตบกันให้นัว
นายไหลถีบสามล้อเข้ามาส่งลำเจียกที่หน้าบ้าน เห็นศรีกับพิศตบตีกันรีบลงรถมาห้าม
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 11 (ต่อ)
พิศกับศรียังตีกันอยู่ ลำเจียกบอกให้ไหลช่วย
"นายไหลช่วยห้ามที"
"ครับๆๆ"
นายไหลช่วยกันพิศออกมา ลำเจียกดึงศรีออก ลำเจียกถามศรี
"มันเรื่องอะไรกัน ถึงได้มาตบตีกันแบบนี้หาแม่ศรี"
ศรีแค้นพิศ บอกลำเจียก
"นังพิศมันเริ่มก่อนนะคะคุณลำเจียก"
ลำเจียกหันมองพิศ
"ถ้าคิดจะอยู่เรือนนี้ก็หัดเจียมเนื้อเจียมตัวซะบ้าง ว่าอยู่ในฐานะอะไรอย่าให้คุณหลวงต้องออกปากไล่เลย จะชังกันซะเปล่าๆ"
พิศยิ้มเยาะๆ
"จะไล่ครอบครัวของลูกสะใภ้ได้อย่างไรกันคะ"
ลำเจียกงง
"หล่อนพูดอะไร สะใภ้ที่ไหนกัน"
ลำเจียกมองหน้าพิศกับศรี ศรีอึกอัก
"ใครก็ได้บอกฉันทีนี่มันเรื่องอะไรกัน"
ลำเจียกคาดคั้นเอาความจริง
หลวงปกรณ์มองโชคชัยกับทศ....สารภีหน้าเสีย
"เอ้า มีหลักฐานอะไรที่จะบอกว่าพ่อเทพไม่ผิดก็ว่ามา"
"ตอนบ่าย เทพบอกพวกเราว่ามีคนโทรมาบอกว่าคุณสารภีป่วยให้รีบไปดูและชวนพวกเราไปด้วยกัน แต่พอดีว่าเราติดเวร เลยไม่ได้ไปครับ" โชคชัยบอก
โกสุมลอยหน้าลอยตา
"เฮอะ! หลักฐานแค่นี้มันจะไปพออะไร้"
"ถ้าเทพคิดจะทำอะไรคุณสารภี คงไม่ชวนพวกเราไปด้วยหรอกครับ"
ทุกคนอึ้งไป โกสุมไม่ยอมแพ้ ปั้นหน้าต่อ
"ก็ที่มาเป็นพยานทั้งหมดนี่ก็เพื่อนพ่อเทพทั้งนั้นนี่นะ จะพูดแก้ต่างให้เพื่อนยังไงก็พูดได้"
หลวงปกรณ์นิ่งคิด หันมองเทพไท สร้อยทองไม่ยอมเถียงแทน
"ก็ไม่ต่างอะไรจากเธอไม่ใช่รึ เธอเป็นพยานให้ลูกเธอ เธอเองก็ต้องเข้าข้างลูกสาวตัวเองเหมือนกัน"
"ในเมื่อต่างฝ่ายก็มีพยานเป็นของตัวเองกันหมด มีใครคนกลางที่รู้เห็นเรื่องนี้อีกไหม จะได้รู้ว่าใครพูดจริงใครพูดไม่จริง"
หลวงปกรณ์มองจ้องหน้าเทพไท สารภี โกสุม มองหน้ากันอึ้ง
"งั้นพยานที่สำคัญอีกคนก็คือพนักงานที่โทร.หาผมให้รีบมาที่โรงแรม เค้าน่าจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะให้คนไปตามเขามาที่นี่"
สารภีชะงัก โกสุมมองหน้าลูกสาวเลิกลั่กเอาไงดี
สารภีจวนตัวแกล้งบีบน้ำตา
"ถ้าพี่เทพจะหาพยานหลักฐานมายืนยันที่จะไม่ยอมรับในตัวสารภีขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไรคะ อย่าต้องเดือดร้อนถึงคนอื่นอย่างนั้นเลยค่ะ" สารภีหันมาหาพ่อกับแม่ตัวเอง "สารภีเมาเองและเป็นคนให้พนักงานโทร.ตามให้พี่เทพมาหา สารภีเมามาก พี่เทพอาจไม่ได้ล่วงเกินสารภีก็เป็นได้คะ คุณพ่อคุณแม่คะ สารภีขอร้องอย่าเอาความกับพี่เทพเลยนะคะ เรากลับกันเถอะค่ะ"
เพิ่มพูนกับโกสุมงงกับสารภีที่ท่าทีเปลี่ยนไป สารภีรีบลุกออกไปดึงพ่อกับแม่ออกไปด้วย
สร้อยทองพูดลอยๆ
"สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริงจนได้"
หลวงปกรณ์มองหน้าเทพไท
"นังลูกโง่!" เพิ่มพูนโพล่ง
สารภีถูกเหวี่ยงลงที่โซฟารับแขกที่เรือนพัก
"เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ ให้คนอื่นเขาจับได้ งามหน้าไหมล่ะ"
โกสุมเถียงแทน
"ก็ยังดีกว่าไม่คิดที่จะทำอะไรเลยแล้วกัน"
เพิ่มพูนชี้หน้าโกสุม
"เธอก็อีกคนแทนที่จะห้ามจะปรามลูกกลับมาให้ท้ายซะแบบนี้เสียคนกันพอดี"
"ก็มีทางเลือกอื่นให้ฉันกับลูกไหมล่ะ ทางเดียวที่จะรอดได้ก็ต้องอาศัยบารมีคนบ้านนี้ ฉันกับลูกก็พยายามทำอยู่นี่ไง"
"แล้วมันสำเร็จไหม!! มีแต่เขาจะชังน้ำหน้า ดีไม่ดีจะไล่ออกจากบ้านด้วยซ้ำ จะไปซุกหัวนอนที่ไหนก็ยังไม่รู้"
"เค้าไม่กล้าไล่หรอก คนมันหน้าใหญ่ ขืนไล่เราไป คนเขาได้นินทาว่าใจดำ! เสียชื่อไปทั้งพระนคร"
"มันก็ไม่แน่ ถ้ามากเข้า เขาอาจจะยอมเสียชื่อ ดีกว่าเลี้ยงงูเห่าอย่างเราโว้ย..!! มีแต่เรื่องกลุ้มโว้ย"
เพิ่มพูนอารมณ์เสียเดินออกไป.....โกสุมฮึดฮัดตามหลังไป
"ฉันก็กลุ้มเหมือนกันนึกว่าคุณกลุ้มเป็นคนเดียวรึไงกัน"
สารภีหน้าเครียด แต่ไม่ยอมแพ้
"คนอย่างสารภี ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ หรอก"
เรือนดอกแก้ว บริเวณแปลงดอกไม้ ดอกแก้วนั่งหน้าเศร้าลูบไล้ต้นดอกซ่อนกลิ่นเบาๆ
"ดอกซ่อนกลิ่น.....จงซ่อนความรู้สึกของเราที่มีต่อเขาไว้ให้ด้วยเถอะนะอย่าให้ใครรู้ อย่าให้ใครสงสัย ช่วยซ่อนเอาไว้ให้ลึกสุดใจด้วยเถอนะ"
"คุณซ่อนผมไม่ได้หรอก"
ดอกแก้วหันขวับ
เทพไทเดินเข้ามา พยายามทำหน้านิ่งๆ ไม่รู้สึกรู้สา
"ผมรู้ว่าคุณต้องมาที่นี่"
"คุณรู้ได้ยังไงคะ"
"ดอกซ่อนกลิ่นเป็นเพื่อนเดียวที่คุณมีทีนี่ เวลาเศร้าใจก็คงต้องมาหา"
"คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ"
ดอกแก้วหมุนตัวหนีแต่เทพไทคว้าแขนไว้
"ผมจะมาทำแผลให้คุณน่ะ"
"แค่ทำแผล" ดอกแก้วเสียงสั่นๆ
"เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้มาทำธุระ ผมมาหาคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ของหมอที่จะต้องตามมาดูคนไข้ของผม"
"บางครั้งแก้วก็ลืมไปว่าคุณเป็นหมอ"
"แล้วเธอคิดว่าฉันเป็นใคร"
ดอกแก้วก้มหน้า
"คุณจะเป็นใครไปได้ นอกจาก....ลูกเลี้ยง"
เทพไทเศร้าขม
คุณหลวงเดินผ่านมาเห็น อึ้ง หยุดมอง สร้อยทองตามมาเห็นคุณหลวงมองมองตาม
เทพไทจับแขนดอกแก้วมาเบาๆ
"ผมได้แต่หวังว่าแผลจะไม่ได้อยู่แค่ตรงนี้"
"ความหวังกับความจริงมักต่างกันเสมอ....แผลแก้วยังไงก็อยู่แค่ที่แขน ไม่มีทางเป็นที่อื่นได้"
ดอกแก้วหลบหน้าร้องไห้....เทพไทเงยหน้าซ่อนน้ำตา
คุณหลวงมองด้วยความไม่ชอบใจ สร้อยทองหันมองคุณหลวงเข้าไปจับแขนคุณหลวงหันมองสร้อยทองแล้วเดินออกไป สร้อยทองหันมองเทพไทกับดอกแก้วก่อนตามออกไป
คุณหลวงเดินมาหยุดที่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกำมือแน่น ทุบเสาอย่างเจ็บใจ สร้อยทองตามเข้ามาเห็นจับแขนเบาๆ
"ใจเย็นๆนะคะคุณพี่"
"ฉัน......(พูดไม่ออก)"
"ไม่ต้องพูดให้ระคายปากหรอกค่ะ อิฉันเข้าใจ"
"หล่อนรู้ใจฉันงั้นรึ"
สร้อยทองละมือเดินผ่านหน้าคุณหลวงไปแล้วพูด
"รู้ใจหนุ่มๆ สาวๆ ต่างหากล่ะคะ แม่ดอกแก้วสาวจัดออกอย่างนั้น เจอผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเข้า ก็คงจะอดชายตาไม่ได้"
"แล้วเจ้าเทพเล่า"
"พ่อเทพเป็นคนฉลาด คงไม่ปล่อยให้สิ่งใดมีอำนาจเหนือกว่าผิดถูกหรอกค่ะ คุณพี่ไม่ต้องห่วง" คุณหลวงนิ่งงันก่อนเดินออกไป....สร้อยทองมองตามไปแอบถอดถอนใจด้วยความกังวล
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในเวลากลางคืน เทพไทเปิดประตูเข้ามา เจอหลวงปกรณ์อยู่ในห้องก็ตกใจ
"คุณพ่อ...มีธุระกับผมเหรอครับ"
หลวงปกรณ์ราชกิจนิ่งๆ
"มานี่สิ" หยิบเสื้อที่แขวนไว้หน้าตู้ขึ้นมา "ฉันเอาเสื้อของฉันมาให้ ของใหม่ทั้งนั้น ไม่มีของใช้แล้ว"
"ขอบคุณครับ"
"มาลองใส่ดูซิว่าจะพอดีไหม"
หลวงปกรณ์ยื่นเสื้อให้ เทพไทรับไปสวมทับ หลวงปกรณ์มาช่วยติดกระดุมจับชายเสื้อให้เข้ารูป
"มันออกจะใหญ่ไปนะ"
"ครับ"
หลวงปกรณ์ที่อยู่ด้านหลัง กระซิบข้างหูเทพไท"ของของฉันก็ใช่ว่าจะยกให้แกได้เสมอไป"
เทพไทรีบถอดเสื้อส่งคืนให้หลวงปกรณ์
"ไว้ฉันจะหามาให้ใหม่ เอาให้พอดี ให้มันเหมาะสมคู่ควร"
หลวงปกรณ์ออกจากห้องไป เทพไทยืนตัวแข็ง กังวลกับความนัยในคำพูดของพ่อ
หลวงปกรณ์กำเสื้อไว้แน่น....สีหน้าจริงจัง
"ฉันจำเป็นต้องหยุดแกก่อนที่ฉันจะเกลียดแก!"
เช้าวันใหม่ สารภีกับโกสุมในชุดโทนขาว
"วิธีนี้ของแม่มันจะได้ผลเหรอ"
"มันต้องได้สิ คนเราพอไม่สบายอกไม่สบายใจก็หันไปพึ่งวัดกันทั้งนั้นแหล่ะ"
พิศเดินถือเดินถือตระกร้าหวายใส่ดอกไม้และธูปเทียนมา
"คุณจะไปวัดกันจริงๆเหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ทำไมคนอย่างฉันจะเข้าวัดเข้าวาไม่ได้รึไง อ้าวแล้วไหนล่ะ อาหารถวายพระน่ะ"
"ต้องไปเอาที่เรือนครัวน่ะค่ะ ว่าก็ว่าเถอะค่ะพิศไม่อยากจะไปเรือนนั้นเลย ทั้งบ่าวเอย นายเอยดุยิ่งกว่าอะไร ป่านนี้คงกำลังสาละวนกันทั้งครัว"
"เมื่อไหร่จะไปเอาสักทีล่ะ จะพูดอีกนานไหม"
"ค่ะๆ ไปแล้วค่ะ"
พิศออกไป
สารภีจะเดินไปนั่งรอ โกสุมรีบดึงไว้
"ไปด้วยกัน"
"แม่จะพาสารภีไปไหน"
"จะทำดีทั้งที มันก็ต้องประกาศให้คนเขารู้ งุบงิบทำมันจะไปได้เรื่องอะไร"
โกสุมว่าแล้วก็ดึงตัวสารภีออกไป
ลำเจียกกำลังเทเครื่องลงหม้อแกงที่กำลังเดือด....มีอึ่งคอยเป็นลูกมือส่งของให้.....ลำเจียกชิมแกง
"รสมันกร่อยจริง เอาน้ำปลามาอีกซิ"
"เอาอีกเหรอคะคุณ ใส่ไปเยอะแล้วนะคะ"
"เอ๊ะ นังนี่ ฉันบอกให้เอามาก็เอามาสิ"
อึ่งส่งขวดน้ำปลาให้ ลำเจียกเหยาะๆ ใส่หม้อ คนๆ แล้วตักชิม
"มันก็ยังไม่เป็นรสอยู่ดี ปากลิ้นฉันมันเป็นอะไร ไหนแกลองชิมซิ"
ลำเจียกตักให้อึ่งลองชิม อึ่งชิมแล้วหลับตาปี๋
"อี๋!"
"เป็นไง"
"เค็มยังกะเกลือเลยค่ะคุณลำเจียก"
"เป็นไปได้ยังไง"
"จริงๆ ค่ะ เค็มปิ๊ดปี๋เลยค่ะ"
ลำเจียกตักขึ้นชิมอีกที
"ไม่เห็นมีรสอะไรเลย"
การรู้รสของลำเจียกเปลี่ยนไป เพราะถูกฤทธิ์ของยาสมุนไพรนั่นเอง
โกสุมนำหน้าสารภีเข้ามา
"ทำอะไรกินจ้ะคุณลำเจียก"
ลำเจียกเห็นสองแม่ลูกก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
โกสุมสูดจมูก
"อื้อหือ กลิ่นเหมือนไหน้ำปลาแตก"
ลำเจียกขว้างทัพพีลงพื้นทันที
"นังอึ่ง ไปเอาน้ำข้าวมา"
"เอามาทำไมเจ้าคะ"
"เอาให้หมามันกิน มันจะได้หยุดเห่า"
สารภีพูดเบาๆ
"ไปเถอะแม่"
อึ่งเอาถ้วยใส่น้ำข้าวมาให้ลำเจียก
"นี่ค่ะคุณ"
ลำเจียกยิ้มเยาะ
"หมาบ้านนี่เลี้ยงง่าย แค่น้ำข้าวก็เอาอยู่ ไม่เหมือนคนบางคน เลี้ยงยังไงก็ไม่เชื่อง"
ลำเจียกแกล้งสาดน้ำข้าวใส่ สองแม่ลูกร้องวี๊ดว้าย
"อ๊าย..!! มันมากไปแล้วนะคุณลำเจียก"
"เอ้า...มายืนขวางทางหมาทำไมกันล่ะเนี่ย"
สารภีโกรธเกรี้ยว
"ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย เราก็แค่เดือดร้อนมาขออาศัย ไม่ใช่หมาอย่างที่คุณด่าหรอกนะ"
"จะไปรู้เหรอ ก็เห็นสันดานเดียวกัน"
"นังลำเจียก"
โกสุมจะโผเข้าไปตบ แต่สารภีจับตัวโกสุมไว้"อย่าแม่ อย่า"
"จะห้ามทำไม มันทำกับเราได้ เราก็ทำมันได้เหมือนกัน นังเมียหางแถว นังเมียที่ผัวไม่แล!"
ลำเจียกโกรธจัด คว้าปังตอขึ้นมา อึ่งและบ่าวอื่นๆร้อง "ว้าย!"
"แน่จริงก็เข้ามาสิ"
"ไปเถอะแม่ ไปเร็วเข้า"
สารภีดึงแม่ออกไป โกสุมถูกลากไป ปากก็ยังด่าไป
"คอยดูนะ ฉันจะเอาคืนให้เจ็บเลย นังผีบ้า"
ลำเจียกง้างมีดมือสั่น...อึ่งเข้ามาแตะมือเบาๆ
"ใจเย็นๆ นะคะคุณลำเจียก ขอมีดให้บ่าวนะคะ"
ลำเจียกสับปัง!เข้าที่โต๊ะ ข้าวของกระเด็นกระดอน บ่าวๆ ร้องวี๊ด!
หลวงปกรณ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจผสมโกรธ
"แม่ลำเจียกกล้าทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"
โกสุมน้ำหูน้ำตาไหล
"ถึงกับด่าอิฉันกับลูกว่าเป็นหมาเลี้ยงไม่เชื่อง! " แล้วใส่ไฟเพิ่ม "ยังเหน็บมาถึงคุณหลวงด้วยนะเจ้าคะว่าไม่รู้ใจดีหรือโง่กันแน่ที่รับพวกเรามาเลี้ยง"
"ถึงขนาดนั้นเชียวรึ!"
"เจ้าค่า!"
หลวงปกรณ์หันไปถามสร้อยทอง
"แม่สร้อย หล่อนให้ยาแม่ลำเจียกขาดไปรึเปล่าช่วงนี้"
"อิฉันดูแลให้ครบทุกวันไม่มีขาดค่ะคุณพี่"
หลวงปกรณ์แปลกใจ
"แต่ทำไมแม่ลำเจียกถึงได้เกรี้ยวกราดได้แบบนี้"
ทุกคนลอบยิ้มสะใจ
"แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเรือนครัวเป็นอาณาจักรของแม่ลำเจียก ถ้าไม่มีธุระจำเป็นก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง"
"เราสองคนแม่ลูกกำลังจะออกไปวัด เลยแวะไปขอข้าวขอกับติดไปถวายพระ ไม่ได้คิดจะไปหาเรื่องใครเลยค่ะ และอีกอย่าง ที่เอามาเล่าให้ฟังเนี่ย ก็เพราะเห็นว่าคุณลำเจียกเธอทำเกินไป"
สร้อยทองทำหน้าไม่อยากจะเชื่อถามสารภี
"คิดยังไงถึงจะไปวัด"
"สารภีไม่สบายใจน่ะค่ะ ก็เลยจะถือโอกาสไปทำบุญเพื่อเป็นศิริมงคลกับตัวค่ะ"
"คิดได้อย่างนั้นก็ดี ถ้าคิดดีทำดีก็คงจะได้อยู่ร่วมกันอีกนาน แต่หากคิดชั่วทำชั่ว ความเมตตาที่มีให้มันก็หมดไปได้เช่นกัน"
"ค่ะคุณหลวง"
สารภีกราบลงที่เท้าคุณหลวง คุณหลวงลูบหัวเบาๆ
"อยากให้เมตตาก็จงเป็นคนดี ความดีจะนำพาทุกสิ่งที่ปรารถนามาสู่เธอ"
"ค่ะ"
สร้อยทองแอบเจ็บใจ โกสุมและเพิ่มพูนหน้าบาน
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 11 (ต่อ)
หลวงปกรณ์ราชกิจกำลังจะออกจากบ้าน คนขับรถเปิดประตูรถให้ ลำเจียกวิ่งเข้ามาเกาะแขนพูดเสียงดัง
"คุณพี่ คุณพี่ต้องไล่พวกมันออกไปนะ อย่าให้มันอยู่ในบ้านนี้อีกเป็นอันขาด ต้องไล่มันไปนะคะคุณพี่"
หลวงปกรณ์ไม่ตอบอะไร แต่สะบัดแขนอย่างแรงจนลำเจียกเซไป....คุณหลวงเข้ารถไปแล้วปิดประตู
"คุณพี่ บอกสิคะว่าคุณพี่จะไล่พวกมันไป บอกลำเจียกสิคะ"
"เลิกอาละวาดแล้วตั้งสติให้ได้เสียที ถ้าขืนหล่อนยังควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่แบบนี้ฉันอาจจะต้องไล่หล่อนออกจากบ้านไปเป็นคนแรก"
รถแล่นออกไป..ลำเจียกรับไม่ได้ ทรุดตัวแล้วกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง
"อ๊าย"
ที่หน้าประตูบ้าน....สร้อยทองยืนมองแล้วแสยะยิ้มร้ายสะใจ ดอกแก้ววิ่งหน้าตื่นเข้ามากอดลำเจียกไว้
"คุณลำเจียก คุณลำเจียกค่ะ ใจเย็นๆ ค่ะ ใจเย็นๆ นะคะ"
ลำเจียกยังคงคลุ้มคลั่งอาละวาดไม่หยุด ดอกแก้วพยายามกอดตัวไว้
สร้อยทองพึมพำเบาๆ
แส่ไม่เข้าเรื่อง!"
ลำเจียกดิ้น เอาแขนถองเข้าที่หน้าอกด้านที่โดนเข็มกลัดอาบยาพิษเข้าพอดี ดอกแก้วเจ็บแปล็บ ลำเจียกดิ้นหลุดไป
"โอ๊ย"
เทพไทเดินออกมาดูเพราะได้ยินเสียงลำเจียก
"เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณแม่"
"แม่ลำเจียกอาละวาดน่ะ แม่ดอกแก้วเข้ามาช่วยก็เลยโดนเข้าเต็มๆ เดี๋ยวแม่ไปตามตัวนังบ้ามันก่อนนะ ชักช้าเดี๋ยวหลุดออกจากบ้านไป มันจะขายขี้หน้าคนอื่นเขา"
สร้อยทองเดินไป เทพไทมองไปที่ดอกแก้วที่ทรุดอยู่ที่พื้น สีหน้าเจ็บปวด เทพไทเข้าไปดู
"คุณเป็นอะไร"
"คุณจะอยากรู้ไปทำไม"
"ผมถามในฐานะหมอ ไม่ใช่อย่างอื่น!"
ดอกแก้วเจ็บแปล๊บที่หน้าอก
"โอ๊ย"
"คุณ!" ทรุดลงนั่งข้างๆ
เทพไทสังเกตเห็นเลือดที่ซึมทะลุเสื้อออกมาบริเวณหน้าอกดอกแก้ว
บริเวณเรือนดอกแก้ว.....เอี้ยงถือช่อดอกซ่อนกลิ่นมา ผลักประตูเข้าไป
เอี้ยงมองหาแล้วคิดว่า
"คุณดอกแก้ว หายไปไหนของเขานะ"
เอี้ยงหันกลับมาแล้วตกใจ เทพไทอุ้มดอกแก้วเข้ามา จะเข้าประตู หยุดบอกเอี้ยง
"คุณดอกแก้วไม่สบาย เฝ้าหน้าห้องไว้ อย่าให้ใครเข้ามา"
เอี้ยงพยักหน้ารับคำ เทพไทพาดอกแก้วเข้าห้องไป เอี้ยงหน้าตาตื่นอยู่หน้าประตู
เทพไทอุ้มดอกแก้วไปที่เตียง อีกฝ่ายขัดขืน
"คุณเทพจะทำอะไรแก้ว อย่านะคะ"
"อยู่นิ่งๆ"
"อย่านะคะคุณเทพ"
เทพไทวางดอกแก้วลงบนเตียง ดอกแก้วจะลุกหนีแต่เทพไทกดไหล่ให้นอนลงอย่างรวดเร็ว
"ผมบอกให้อยู่นิ่ง" เทพไทมองที่อกตำแหน่งแผล "ดูสิ เลือดไหลใหญ่แล้ว"
ดอกแก้วอายจนต้องเบือนหน้าหนี
"ผมคงต้องถอดเสื้อคุณ"
"ไม่นะคะ ...ไม่"
"ถ้าไม่ถอด แล้วผมจะตรวจแผลได้ยังไง"
"แต่ว่า"
เทพไทแทรกขึ้น
"ผมกำลังทำหน้าที่ของหมอ...ไม่ใช่ลูกเลี้ยง ... ไม่ใช่คนรัก"
ดอกแก้วสะอื้น
เทพไทแกะกระดุมเสื้อดอกแก้วทีละเม็ดลงเรื่อยๆจนถึงหว่างอก....ดอกแก้วเอียงหน้าหลบทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งเจ็บแผล เทพไทมือสั่นกลั้นอารมณ์
"คุณเทพ...แก้วอาย"
"เรียกผมว่าหมอ....แล้วคุณจะไม่อาย"
ดอกแก้วเม้มริมฝีปากแน่น อารมณ์บังเกิด ผิดชอบชั่วดีตีกัน เทพไทเองก็ใจคอสั่น พยายามกลั้นความรู้สึกจนกรามเป็นสัน
"ผมขอดูแผลนะครับ"
เทพไทแหวกเสื้อให้แบะออกจากตัว เห็นว่าด้านซ้ายเป็นรอยช้ำม่วงปื้นใหญ่ มีเลือดซึมออกมา
."คุณไปโดนอะไรมา แล้วนี่เป็นมากี่วันแล้ว"
"หลายวันแล้ว ตั้งแต่โดนเข็ดกลัดที่แม่คุณติดให้น่ะค่ะ"
"เข็มกลัดงั้นเหรอ...ถ้าจะว่าแพ้ทองหรือเงิน ก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้"
เทพไทจ้องหน้าอกดอกแก้วด้วยความครุ่นคิดเรื่องแผล แต่ดอกแก้วอายจนต้องหลบหน้าหนี
"ผมจะทำแผลที่เลือดไหลให้ก่อน แล้วจะเอายาจากโรงพยาบาลมาให้"
เทพไททำแผลที่เนินอกของดอกแก้ว
"ดอกแก้วไปไหน" หลวงปกรณ์ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นดอกแก้วที่โต๊ะอาหาร
"แม่ลำเจียกก็ไม่มานั่งโต๊ะ ไม่เห็นคุณพี่สนใจจะถามถึง"
"หล่อนจะสงสัยคำถามฉันทำไม แม่สร้อย แค่ตอบมาก็พอแล้ว"
"อิฉันจะไปรู้ใจใครได้ยังไงเล่าคะ แม่ลำเจียกน่ะคลุ้มคลั่งอยู่ ส่วนแม่ดอกแก้ว อาจจะเบื่อมานั่งโต๊ะกับคนแก่แล้วก็ได้"
"แล้วพ่อเทพล่ะ"
สร้อยทองยังไม่ทันจะตอบ หลวงปกรณ์ก็หุนหันออกไป สร้อยทองมองตาม
เทพไทมาหยุดที่หน้าเรือนดอกแก้ว เอี้ยงกำลังเอาผ้าที่ซักแล้วมาส่งให้ พอดีหันมาเห็นเทพไท
"อุ๊ย..คุณเทพ มาหาคุณดอกแก้วเหรอคะ"
เทพไทพยักหน้า
"ฉันจะเอายาแก้อักเสบมาให้คุณดอกแก้วน่ะ"
"คุณดอกแก้วไม่อยู่หรอกค่ะ"
เสียงหลวงปกรณ์ดังเข้ามา
"ดอกแก้วไปไหน"
เทพไทหันมองตามเสียง ตกใจ
หลวงปกรณ์มองหน้าเทพไทนิ่ง เอี้ยงเห็นเงียบๆไปเลยตอบ
"ไปอาบน้ำที่ท่าน่ะค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เอง เอี้ยงขอตัวนะคะ"
เอี้ยงเดินออกไป หลวงปกรณ์มองยาที่มือเทพไท
"แม่แก้วเป็นอะไรถึงต้องกินยาแก้อักเสบ ใครทำอะไรแม่ดอกแก้วงั้นรึ"
หลวงปกรณ์คาดคั้นเอาคำตอบ เทพไทจำเป็นต้องตอบคำถาม
หลวงปกรณ์ราชกิจเท้ามือที่ระเบียงเรือนดอกแก้วมองไปนอกบ้านแล้วพูด
"ถ้าดอกแก้วเป็นอะไรไป ฉันควรจะทำยังไงกับแม่ลำเจียกดี"
"คนเราบางครั้งเมื่อเวลาโกรธ เกลียด หรือรักมากจนขาดสติ ก็ไม่สารถควบคุมสติตนเองได้ น้าลำเจียกก็เป็นเช่นนั้น คุณพ่ออย่าเอาผิดแกเลยครับ"
หลวงปกรณ์นิ่งคิดแล้วพูดหยั่งเชิงลูกชายดู
"หมายความว่าถ้าแกขาดสติทำผิดเพราะควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ฉันก็เอาผิดแกไม่ได้อย่างงั้นเหรอ"
"ผมคงไม่ทำผิดกับพ่อตัวเองหรอกครับ"
หลวงปกรณ์หยุดเดิน หันมามองหน้าเทพไท
"แกกล้าสัญญาไหมล่ะ"
เทพไทอึ้งไป
"ว่ายังไงล่ะ กล้าสัญญาไหมว่าจะไม่ทำผิดต่อฉัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม"
"คุณพ่อต้องการให้ผมสัญญาเพื่ออะไรครับ"
"เพื่อไม่ให้แกทำสิ่งเรื่องผิดๆ"
"ถ้าเพราะเหตุผลนั้น .... ผมไม่สัญญา"
"เทพ!"
"ผมก็เลือดเดียวกับคุณพ่อ ลูกผู้ชายเหมือนกับคุณพ่อ ผมไม่จำเป็นต้องสัญญาในสิ่งที่ผมรู้ว่าจะไม่มีวันทำ"
เทพไทพูดจบ เดินนำหน้าพ่อไป....หลวงปกรณ์มองตามไปอย่างเจ็บใจ
"ให้มันจริงอย่างที่แกพูดเถอะ ถ้าวันไหนแกทำไม่ได้อย่างที่พูด ฉันก็จะเอาผิดแกให้สาสม"
เทพไทเดินหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรต่อไป
บริเวณท่าน้ำ แสงสลัวๆ ...ดอกแก้วนุ่งกระโจมอกหันหลังให้อยู่ที่ท่า กำลังวักน้ำขึ้นราดตัว
เสียงผีเท้าคนเดินเข้ามา เธอชะงัก รีบหันกลับมาดู
"คุณหลวง"
หลวงปกรณ์เข้ามาหา
"ทำไมไม่อาบในห้องน้ำ มาอาบที่ท่าแบบนี้ไม่หนาวเหรอ"
"แก้วโตมากับแม่น้ำ ชินกับอาบแบบนี้มากกว่าค่ะ"
หลวงปกรณ์นั่งลงด้านหลัง
"ให้ฉันช่วยนะ"
หลวงปกรณ์คว้าสบู่ก้อนจากมือแก้วมา
"คุณหลวงจะทำอะไรคะ"
"จะช่วยถูสบู่ให้เธอยังไงล่ะ"
"เอ่อ คือ อย่าเลยค่ะ"
"รังเกียจฉันเหรอ"
"ไม่นะคะ แก้วไม่เคยรังเกียจคุณหลวง แต่ว่า..."
"ผัวถูสบู่ให้เมียจะเป็นอะไรไป"
เทพไททนไม่ไหว เดินหนีออกไปเงียบๆ ไม่ทันได้ยินประโยคต่อไป
"แต่เราไมได้เป็น"
"อย่าพูด...เรื่องนี้ต้องมีแต่ฉันกับเธอที่รู้ ลืมไปแล้วเหรอ"
ดอกแก้วเงียบไป หลวงปกรณ์ถูสบู่ไล้ไปตามคอ ไหล่ แผ่นหลัง ในใจต้องการแต่ก็ข่มใจไว้
ดอกแก้วหน้าเสีย ใจสั่น ไม่อยากให้คุณหลวงใกล้ชิด ดอกแก้วรีบตักน้ำล้างสบู่ ตัวสั่นริก
"เธอตัวสั่น...ไหนบอกไม่หนาว"
"หนาวแล้วค่ะ"
"ฉันทำให้อุ่นเอาไหม"
หลวงปกรณ์ยิ้มนิดๆ ก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวดอกแก้วไว้ ท่าทางเหมือนกอดดอกแก้วไว้
"อุ่นขึ้นไหม"
ดอกแก้วพยักหน้ารับ ใจสั่นด้วยความระแวง
"สักวัน เธอจะอุ่นกว่านี้...สักวัน"
ดอกแก้วนิ่ง พอจะรู้ความหมายนั้น
เทพไทเปิดประตูเข้ามาในห้อง กลั้นร้องไห้ไว้จนน้ำตาคลอ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงสีหน้าเครียด เจ็บช้ำ
"ดอกแก้ว....ฉันต้องลืมเธอให้ได้ จะยากแค่ไหน ยังไงก็ต้องทำให้ได้! ต้องลืมให้ได้"
เทพไทกุมขมับ ร้องไห้ออกมาในที่สุด
ในมุมไหว้พระ ในห้องนอน สร้อยทองสวดมนต์นับประคำไปด้วยใจที่ปั่นป่วน เสียงฝีเท้าคนเดินมาหยุดที่หน้าห้อง สร้อยทองลืมตาขึ้น หยุดสวดมนต์ เสียงฝีเท้าเดินออกไป
สร้อยทองเจ็บใจที่คุณหลวงไม่เข้ามา กระชากสร้อยประคำจนขาดไม่รู้ตัว
ลำเจียกเดินไปเดินมาไม่หยุดด้วยสติที่พลุ่งพล่าน อึ่งนั่งเฝ้า หาวแล้วหาวอีก
"นอนเถอะค่ะคุณลำเจียก เดินตั้งแต่บ่ายยันค่ำแล้วนะคะ ไม่เหน็ดไม่เหนื่อยบ้างรึไงคะคุณขา"
"ออกไป๊!"
"อ้าว มาไล่กันซะงั้น"
"กูบอกให้มึงออกไป ออกไป๊"
ลำเจียกกรี๊ดๆๆ พุ่งเข้ามาทำร้ายอึ่ง
"ว้ายคุณลำเจียก นี่อึ่งเองนะคะ จะทำอะไรอึ่งคะ" ว่าแล้วอึ่งก็โดนตบฉาด "ว๊าย อึ่งออกไปก็ได้คะ ไปก่อนนะคะ"
อึ่งรีบร้อนเปิดประตูออกไป แล้วปิดประตูไม่สนิท ประตูค่อยๆ แง้มออก
ที่หน้าห้อง มุมหนึ่งมืดๆ เห็นสร้อยทองมายืนมองอยู่ ไม่เห็นหลวงอยู่ในห้องก็ถอนใจก่อนจะได้คิด
"ต้องอยู่กับนังดอกแก้วแน่"
เวลาเดียวกัน หลวงปกรณ์เปิดโคมไฟที่โต๊ะทำงาน นั่งเปิดดูเอกสารต่างๆ พลางเหม่อลอยคิดถึงดอกแก้ว พลันนึกถึงอดีต...
คุณหลวงกอดดอกแก้วแนบอก ….ดอกแก้วสับสนตัดสินใจได้ผละออกจากอ้อมกอดคุณหลวง
ดอกแก้วทำอะไรไม่ถูก
"แก้วขอโทษค่ะคุณหลวง แก้วขอโทษ"
ดอกแก้วก้มลงกราบแทบเท้า
"ขอโทษฉันด้วยเรื่องใดรึแม่แก้ว"
"เอ่อ..คือ..แก้วไม่อาจฝืนใจทำในสิ่งที่คุณหลวงกรุณาแก้วได้ค่ะ"
"คงต้องมีเหตุผลสินะ ไหนบอกเหตุผลเรามาสิว่าทำไม"
"เอ่อ….หัวใจของแก้วได้มอบให้แก่ผู้อื่นไปแล้วเจ้าค่ะ"
หลวงปกรณ์ประหลาดใจ
"เธอมีคนรักแล้วอย่างนั้นรึแม่แก้ว แล้วทำไมเค้าถึงปล่อยให้เธอ ตะลอนหาเงินใช้หนี้ให้แม่เยี่ยงนี้กันเล่า"
ดอกแก้วก้มหน้าเศร้านึกถึงเทพไท
"ทั้งชีวิตนี้จะได้เจอกันอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แก้วรู้แต่เพียงใจของแก้วยังยึดติดอยู่กับ เค้าจนไม่สามารถจะมีใครอื่นได้ค่ะ ได้โปรดเมตตาแก้วด้วย"
หลวงปกรณ์ประคองใบหน้าดอกแก้วให้เงยขึ้น สบตากัน
"เอาเถอะ ในเมื่อใจดวงนี้มีเจ้าของเสียแล้ว ฉันก็จะไม่ให้เธอทำในสิ่งที่ฝืนใจเธอ หากแต่วันใดที่ใจเธอเปลี่ยนฉันก็พร้อมจะทำตามเจตนาที่ฉันได้ตั้งใจว่าจะปกป้องดูแลเธอ ฉันก็จะรอจะไม่เด็ดดอกแก้วดอกนี้มาขยี้ให้ต้องช้ำหากไร้ซึ่งความรักนี่คือคำสัญญาของฉัน ขอให้จำไว้เถิดนะ จำไว้ให้ขึ้นใจ"
ดอกแก้วกราบ
"ขอบพระคุณค่ะคุณหลวง"
คุณหลวงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ดอกแก้วมองตามน้ำตาริน
"สักวัน....ดอกแก้ว มันต้องมีสักวัน"
อ่านต่อตอนที่ 12