รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 8
ตรงบริเวณลานหน้าเคาน์เตอร์เช็คอินอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ กำลังจะกลายเป็นเวทีมวย ศึกวันชิงคิมหันต์ อีกแมทช์แล้ว เมื่อมุกรินก้าวเข้ามาหยุดมองไปรอบๆ และเจอกับพักตราที่เดินเข้ามาประจันหน้ากัน โดยมีปริมตามหลังมาไม่ห่างนัก
มุกรินมีอาการสะดุ้งเพียงเล็กน้อย แต่เก็บอาการไว้ได้ดี พักตราเอ่ยปากทักเสียงเข้มดุดัน
“แกมาที่นี่ทำไม”
“ทำไมฉันจะมาสนามบินไม่ได้ มีกฏข้อไหนของบริษัทห้ามเหรอคะ”
“ไม่ได้ห้าม แต่ทำไมต้องมาตอนนี้ แกมาหาใคร บอกมาเดี๋ยวนี้”
ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมามองพักตรา ปริมพยายามดึงรั้งพักตราไว้
“คุณพักตราคะ”
“คุณปริมอย่ายุ่ง ฉันต้องรู้ให้ได้ว่า อีนี่มันมาสนามบินทำไม”
“คุณคิดว่าคนอื่นเขามาสนามบินกันทำไม ฉันไม่ได้มีอะไรต่างไปจากคนอื่น”
“โกหก แกมาหาคิมใช่มั้ย ฉันเห็นนะว่าแกมองหาคิมอยู่ แกส่งข้อความหาเขาด้วยใช่มั้ย คิมก้มดูโทรศัพท์แล้วก็มองหาแก พวกแกนัดกันที่นี่ใช่มั้ย”
มุกรินรำคาญสุดดีด “ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
พักตราแทบกระอัก “ดูมันพูดสิคุณปริม มันบอกว่ามันนัดกับคิมที่นี่”
“คุณเป็นคนพูดเองนะ”
พักตราตะโกนเสียงดังมากยิ่งขึ้น
“แกต้องการอะไร แกคิดจะไปเลยกับเขาด้วยงั้นเหรอ”
“ถ้าฉันจะไปจริงๆ มันมีปัญหาอะไรมั้ย เลยเป็นจังหวัดของคุณคนเดียวหรือไง”
“อีนี่”
ผู้คนรอบข้างเริ่มจับกลุ่มมุงดูกันมากขึ้น
“เลิกขึ้นอีกับฉันซะทีเถอะคุณพักตรา”
“ทำไม ฉันจะเรียกแกว่าอี และไม่ใช่อีเฉยๆ แกมันอีดอก”
ปริมปราม “คุณพักตรา”
“ฉันจะตบแกกลางสนามบินนี่ละ”
พักตราเงื้อมือตบมุกรินอย่างแรง มุกรินเอี้ยวตัวหลบทัน ทว่ามือของพักตรายังเหวี่ยงไปโดนมุกรินจนได้ มุกรินพยายามปัดป้อง และผลักจนพักตรากระเด็นไป พักตรากระชากมุกรินจนล้มกลิ้งลงไปด้วยกันกับพื้น
ทั้งสองสาวจิกหัวกันตบ ตี ข่วน ชุลมุน ปริม ไม่มีแรงพอจะแยกคนทั้งสองออกจากกัน
รปภ. และเจ้าหน้าที่สนามบิน ตรงเข้ามาแยกสาวทั้งสองออกจากกัน ท่ามกลางผู้คนในสนามบินที่ล้อมดูกันเป็นวงกลมกว้าง
พ่อรูปหล่อคนต้นเรื่อง คิมหันต์ยืนอยู่ในโถงสนามบินจังหวัดเลย มีผู้ช่วยของเขานั่งรออยู่ห่างๆ คิมหันต์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของดวงดาว
“ฮัลโหล ดวงดาว ตกลงมุกมารึเปล่า นี่ผมรออยู่ที่สนามบินเลย นานแล้วนะ”
ดวงดาวรับสาย และนั่งพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้านเช่าธาดา
“โถ พ่อรูปหล่อ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย”
เสียงคิมหันต์ฉงนไม่น้อย “เรื่องอะไร”
“ลองเข้าไปเช็คข่าวใน social network ดู ก็จะรู้เอง...เขาแชร์กันกระฉูดไปหมด”
คิมหันต์เดินไปหย่อนตัวลงนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ในสนามบิน เปิดเข้าไปใน Face Book เขาถึงกับอึ้ง
หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นคลิปการตบกันระหว่าง พักตราและมุกริน ถูกถ่ายโดยผู้คนที่อยู่บริเวณสนามบิน และแชร์ต่อกันไปทั่ว พร้อมด้วยข้อความ คอมเมนต์อย่างสนุกปาก อาทิ...ตบ แย่ง ผัว คาสนามบิน ฯลฯ
คิมหันต์ตกใจสุดขีด
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน พักตราก็อาละวาดขว้างปาข้าวของกระจายไปทั่วบ้านเป็นการระบายอารมณ์ หมู่มวลคนรับใช้พยายามห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งสาวใช้ที่อาวุโสที่สุดเดินเข้ามาหาพักตรา เธอเอ่ยปากเสียงสั่น
“คุณพักตราคะ คุณพักตรา“
พักตราตะโกนลั่น “อะไร”
“คุณท่านอยู่ในสายค่ะ”
พักตราพุ่งพรวดเข้าไปคว้าโทรศัพท์จากมือคนใช้มาพูดเสียงดังลั่น
“พ่อคะ พักตร์ไม่ยอม พักตร์ไม่ยอมจริงๆ ด้วย เพราะพ่อคนเดียว ไม่งั้นพักตร์ก็ขึ้นเครื่องไปกับคิมแล้ว อีนั่นมันก็ต้องไม่กล้าโผล่มาสนามบิน แต่เพราะพ่อพ่อบังคับให้พักตร์อยู่เฝ้าบ้าน อีนั่นมันเลยแอบนัดพบคิม”
พลโทอรรถนั่งพูดโทรศัพท์ในล็อบบี้โรงแรม แถวภาคใต้ กรอกเสียงอันดังและทรงอำนาจลงไปในสาย
“พักตร์...พักตร์ เงียบ หยุดตะโกนแล้วฟังพ่อก่อน พ่อบอกให้หยุด”
เสียงพักตราที่ลอดมาทางโทรศัพท์ เงียบลง
“ลูกรู้ได้ไงว่าเขานัดกัน”
“ก็มันมาที่สนามบินพร้อมกันนี่”
“แล้วเขาเจอกันมั้ย”
“จะเจอได้ไง อีมุกมันมาช้า คิมขึ้นเครื่องไปก่อนแล้ว”
“นั่นไง เขาไม่ได้เจอกัน ลูกคิดไปเองทั้งหมด แล้วก็ไปด่าเขา ไปตบเขากลางสนามบินอย่างนั้น นึกถึงหน้าพ่อบ้างสิลูก”
“แล้วหน้าพักตร์ล่ะ พ่อคิดบ้างรึเปล่า มีใครคิดถึงหน้าพักตร์บ้างมั้ย”
“พ่อคิดจนไม่รู้จะคิดยังไงแล้ว แต่พักตร์เป็นคนทำตัวเองทั้งหมด ข่าวกระจายไปทั่วว่าลูกนายพลตบสาวกลางสนามบิน พ่อเป็นคนทำเหรอ พ่อปล่อยข่าวเหรอ เปล่าเลย ต้นเหตุมาจากตัวลูกเองทั้งนั้น เพราะลูกไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”
ระหว่างที่อรรถพูด เด็กสาวเทย่าคนนั้นในชุดสวย เดินมานั่งข้างๆ
“พ่อบอกให้คิมกลับมาหาพักตร์เดี๋ยวนี้เลยได้มั้ย”
“จะกลับได้ยังไง เขาเพิ่งไปถึง งานเขายังไม่ได้เริ่มเลยมั้ง ลูกก็โทร.ไปหาเขาสิ”
“โทร.ไม่ติด”
“ก็โทร.ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะติด แล้วก็คุยกันดีๆ พ่อเชื่อว่า เขาไม่ได้มีนัดอะไรกันอย่างที่ลูกคิดหรอก”
เด็กสาวคนนั้น ส่งเครื่องดื่มในแก้วสวยให้อรรถ
“แล้วถ้าคิดจะทำอะไรแบบนี้อีก ช่วยโทร.ปรึกษาพ่อก่อนด้วยนะ”
“ค่ะ”
พักตราโยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะใกล้ตัว มีเสียงสัญญาณข้อความดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ พักตราหยิบมันขึ้นมาเปิดดู มีข้อความทางไลน์จากคิมหันต์ มาว่า
“อยู่ที่เลยแล้ว รีบทำงานก่อนนะครับ ว่างแล้วจะโทร.หา”
พักตราค่อยๆอารมณ์เย็นลงบ้าง
มุกรินเดินเข้ามาในออฟฟิศ ร่องรอยจากการตบตีกันที่สนามบินยังปรากฏให้เห็นตามเสื้อผ้า และเนื้อตัวของเธอ พนักงานรอบๆ ตัวเธอต่างเหลียวมอง ซุบซิบนินทาตามระเบียบ มุกรินได้แต่วางหน้านิ่งเฉย จนสีดาเดินเข้ามาหามุกริน
“ไหนว่าจะลากิจ สามวันไง”
“ฉันเปลี่ยนใจ”
มุกรินเดินผ่านหน้าสีดาไป สีดาเดินตามไปพูดใกล้ๆ
“ใครตบใครก่อนน่ะ”
“ดูในคลิปเอาสิ”
“ดูแล้วมันไม่มีตอนแรก เห็นแต่ตอนที่ซีอีโอล้มตึง แล้วเธอจิกหัวเขากระแทกพื้นน่ะ”
“ฉันคงจะโดนไล่ออก ไม่กี่วันนี้ละ”
“ไปหาพี่รภก่อนมั้ย เผื่อพี่เขาจะช่วยได้”
“ช่วยฉันเก็บของน่ะเหรอ หรือช่วยหางานใหม่”
ปรารภก้าวเข้ามา หน้าตาเข้มเคร่ง
“ช่วยไม่ให้เราถูกกลั่นแกล้ง แต่มุกต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟังก่อน”
ถัดมามุกรินขยับตัวลงนั่งหน้าโต๊ะทำงานปรารภ
“พี่รภอยากรู้อะไรคะ”
ปรารภก้าวเข้าไปยืนประชิดมุกริน
“ทุกอย่างที่ควรจะรู้”
มุกรินถอนหายใจเบาๆ
“นี่พี่รภนะมุก พี่มีแต่ความหวังดีให้มุกเสมอมา และมุกก็เคยสัญญาว่า มีปัญหาอะไรจะปรึกษาพี่ทุกเรื่อง”
“มุกยังไม่มีปัญหาค่ะ”
“เหรอ...ลองดูสภาพตัวเองตอนนี้ซิ คลิปตบตีกันในแอร์พอร์ต โด่งดัง กระหึ่มในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค นี่คือชีวิตปกติที่ไม่มีปัญหาเหรอ”
“คนที่มีปัญหาคือพักตรา ไม่ใช่มุก”
ปรารภตัดสินใจตั้งคำถามตรงๆ
“มุกไปหาคิมหันต์ที่แอร์พอร์ตใช่รึเปล่า”
“มุกมีธุระที่นั่น”
ปรารภฉุน จนอดเหน็บไม่ได้ “ธุระแบบเดียวกับที่โรงแรมม่านรูดรึเปล่า”
มุกรินอึ้ง นิ่งงันไป เธอตกใจอยู่ลึกๆ ที่มีคนเห็น
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก นอกจากพี่ พี่ผิดหวังนะมุก พี่คิดว่าจะได้ยินจากปากมุกเอง”
“พี่ควรจะเลิกคาดหวังในตัวมุกได้แล้วค่ะ”
”มุกทำลายอนาคตตัวเองทำไม ทุกคนต้องมีช่วงเวลาที่รุ่งเรือง ตกต่ำ ช่วงที่สุขช่วงที่ระทมทุกข์ นั่นคือชะตากรรม...ชะตากรรมคือสิ่งที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แต่สิ่งที่มุกกำลังทำอยู่นี้มันคือการซ้ำเติมตัวเอง มันเป็นกรรมใหม่ที่จะส่งผลไปในอนาคต”
“มันเป็นทางที่มุกเลือกค่ะ ไม่ว่าพี่รภจะมีบุญคุณกับมุกอย่างไร แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งว่า มุกต้องทำอะไร”
ปรารภพูดไม่ออก ธาดาเดินพรวดพราดเข้ามา ส่งเสียงดังลั่น มีพนักงานเดินตามเขามาคนสองคน
“มุก มุก มันอยู่ไหน”
“ใครคะ คุณจะมาหาใคร”
“ฉันมาหาอีพักตรา อีคนที่มันตบน้องสาวฉัน มันอยู่ไหน”
มุกรินเดินออกมาจากห้องปรารภ
“พี่ใหญ่...”
ธาดาปราดเข้ามาหา
“พาพี่ไปหามัน พี่จะตบมัน พี่จะทำมันอย่างที่มันทำกับมุก”
ปรารภปราม “คุณธาดา คุณเข้ามาทำอย่างนี้ในบริษัทผมไม่ได้นะ”
“ฉันจะทำ มีอะไรมั้ย แจ้งความเลยซี่ เรียกตำรวจมาเลยก็ได้ แลกกับการตบหน้าอีห่านั่น ฉันยอม”
“เขาไม่อยู่ค่ะ พี่ใหญ่ พี่ใหญ่กลับเถอะ”
ธาดาเตะของใกล้ตัว เป็นการระบายอารมณ์ แล้วจึงเปลี่ยนประเด็นมาที่มุกริน
“มุกไปสนามบินทำไม”
มุกรินเดินหนี ไม่ตอบ ธาดาตะโกนถามซ้ำ
“พี่ถามว่ามุกไปสนามบินทำไม”
“ทำไมผู้ชายทุกคนต้องอยากรู้ด้วยว่า มุกไปสนามบินทำไม”
“มุกยังติดต่อกับไอ้เหี้ยคิมอยู่ใช่มั้ย”
“พวกคุณต้องการรู้แค่นี้ใช่มั้ย มุกติดต่อใคร มุกคบกับใคร มุกเป็นชู้กับใคร แค่นี้ใช่มั้ยที่ทุกคนอยากรู้”
ธาดานิ่งไป เช่นเดียวกับปรารภ
“พวกคุณเคยสำรวจตัวเองบ้างมั้ยว่า ชีวิตนี้เคยทำอะไรผิดมาบ้าง แล้วรู้มั้ยว่าทำทำไม ทำเพราะอะไร...แต่สำหรับมุก มุกทำทุกอย่างด้วยความรู้สึก ด้วยหัวใจ ถ้ามันจะมีอะไรผิดพลาดบ้าง มันก็เป็นชีวิตของมุก ไม่เกี่ยวกับใคร เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับมุกซะทีเถอะ”
มุกรินเดินออกไปทันทีที่พูดจบ
“มุก”
ธาดาเดินตามมุกรินไปได้เพียงสามก้าว เขาก็เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แล้วหงายหลังล้มลงไปตรงนั้น ท่ามกลางความตกใจของทุกๆคน มุกรินหันมามองด้วยความตกใจถึงขีดสุด
“พี่ใหญ่”
หมอเวรเปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน มุกรินและดวงดาวนั่งรออยู่ที่หน้าห้องนั้น ทั้งสองสาวปรี่เข้าไปหาหมอเวร
“เป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“ตอนนี้คนไข้หายปวดหัวแล้วนะครับ แต่แกไม่ยอมให้ตรวจ ไม่ยอมเอ็กซเรย์อะไรทั้งสิ้น หมอก็เลยตอบไม่ได้ว่าเป็นยังไง”
“ดื้อจริงๆ เลยคุณธาดา” ดวงดาวบ่น
“คุณหมอพอจะบอกได้มั้ยคะว่า เขามีโอกาสเป็นอะไรบ้าง เราจะได้ระวังป้องกันได้ถูกวิธี”
“หมอบอกอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ มันเป็นการเดาสุ่มเกินไป ทางที่ดีต้องตรวจร่างกายจริงๆ จังๆ ก่อนครับ มันจะอธิบายอาการได้ถูกต้องกว่า”
มุกรินถอนใจนิดๆ
“แล้วตอนนี้คนไข้กลับได้รึยังคะ”
“ได้แล้วครับ หมอสั่งยาแก้ปวดเผื่อไว้ให้ด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หมอเดินจากไป มุกรินและดวงดาวเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจ ธาดาเพิ่งก้าวลงจากเตียงคนไข้
เขาเอ่ยปากทันทีที่เห็นมุกรินและดวงดาว
“ทีหลัง พี่ปวดหัว ไม่ต้องพามาส่งโรงพยาบาลนะ ปวดเองก็หายเองได้ ไม่เห็นต้องพึ่งหมอเลย”
“อาไม่อยากรู้เหรอว่าปวดเพราะอะไร”
“ทำไมอาจะไม่รู้”
“รู้ว่า”
“ปวดเพราะยายมุกน่ะสิ”
มุกรินงง ที่เธอเป็นสาเหตุการป่วยพี่ชาย “อะไร”
“แกลาออกจากบริษัทเมื่อไหร่พี่หายปวดหัวเมื่อนั้นแหละ”
“มุกไปจ่ายตังค์ก่อนแล้วกัน”
มุกรินตัดบท เดินเลี่ยงออกไปนอกห้อง
ธาดาขยับเข้าไปใกล้ดวงดาว
“ยายมุกยังติดต่อกับไอ้คิมอยู่ใช่มั้ย”
“ทำไมอาไม่ถามเขาเองล่ะ”
“มันไม่มีทางบอกความจริงหรอก”
“แปลว่าอามีคำตอบในใจอยู่แล้วละซี งั้นจะถามทำไม”
ดวงดาวขยับเดินออกจากห้องไป ธาดาเดินตาม
“อย่าให้รู้นะว่ามันยังแอบไปมีอะไรกันอีก”
“ถ้ารู้แล้วอาจะทำยังไง”
“ฆ่ามัน”
ดวงดาวหยุดเดิน หันไปจ้องหน้าธาดา
“อาชอบแก้ปัญหาด้วยการฆ่าเหรอ”
ธาดายักไหล่ ไม่แยแส
“คิดว่าจะรอดง่ายๆ เหมือนคราวก่อนเหรอ”
“พูดอะไรน่ะ คราวก่อนอะไร”
“อาอย่าคิดว่าความลับจะมีในโลกนะ”
“ความลับอะไร เรารู้อะไรมา บอกมาเดี๋ยวนี้”
“หนูรู้จักคนชื่อไอ้ขุม และหนูรู้ความลับระหว่างอากับไอ้ขุมก็แล้วกัน”
ธาดาอึ้งไป
“แต่อาไม่ต้องกลัวนะ หนูไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่คนเดียว”
พักตรานั่งถือโทรศัพท์แนบหูเพียงลำพังในมุมเงียบสงบของบ้านหลังมหึมาของบิดา กระทั่งเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังออกมาให้ได้ยิน สักพักจึงได้ยินเสียงคิมหันต์รับโทรศัพท์
“ฮัลโหล พักตร์เหรอ ว่าไง”
“อยู่ไหนน่ะ”
“เพิ่งไปเซอร์เวย์โลเกชั่นมา กำลังจะกลับที่พัก”
“พักตร์โทรหาคิมไม่ติดเลย”
“ผมอยู่ในหุบเขาน่ะ...สัญญาณไม่ดี”
“คิมนัดใครที่สนามบินรึเปล่า”
ภายในรถตู้ที่แล่นมาบนถนนชานเมือง คิมหันต์นั่งพูดโทรศัพท์ที่เบาะหน้าของรถตู้คันนี้
“พักตร์ คุณก็มาส่งผม คุณก็เห็นนี่ว่าผมนัดใครรึเปล่า”
“คิมเห็นคลิปรึยัง”
คิมหันต์ถอนใจก่อนพูด
“ผมเพิ่งคุยกับพ่อคุณเมื่อกี้นี้เอง”
พักตราอดถามไม่ได้ “คิมไม่ได้โกหกอะไรพักตร์ใช่มั้ย”
“ผมจะโกหกทำไมล่ะ ถามพ่อคุณดูก็ได้”
“พักตร์นอนละ ปวดหัวมากเลย พรุ่งนี้จะโทร.ไปหาใหม่นะ...กู๊ดไน้ท์”
คิมหันต์ใครครวญครุ่นคิด หน้าเครียด
หน้าจอโทรศัพท์มือถือของมุกริน ปรากฏเป็นคลิปการตบกันที่สนามบิน จาก you tube มุกรินนั่งดูวิดีโอนี้บนเตียงนอนของเธอ สักครู่ดวงดาวจึงเปิดประตู เดินเข้ามาหาในห้อง มุกรินเอ่ยขึ้นทันที
“อุตส่าห์ลงทุนตบกันขนาดนี้ ทำไมไม่ขึ้นเครื่องไปหาเขาเลยล่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดจะขึ้นเครื่องอยู่แล้ว”
“อ้าว...แล้วไปที่นั่นทำไม”
“ฉันอยากเห็นกับตา ว่าเขาไปด้วยกันรึเปล่า”
“เพื่ออะไร เพื่อกลับมานอนร้องไห้ เสียใจ ที่ยังรักเขาอยู่น่ะเหรอ จะเป็นนางเอกไปถึงไหนคะ คุณมุกริน”
“ฉันเนี่ยเหรอนางเอก ตัวอิจฉาชัดๆ” มุกรินประชดชีวิตตัวเอง
“ถ้าเธอเป็นตัวอิจฉา แล้วยายพักตราเป็นอะไร”
มุกรินนิ่งคิด ก่อนเอ่ยปากตอบ
“เรื่องนี้มันคงไม่มีนางเอก ไม่มีพระเอก มีแต่คนธรรมดาๆ สามัญชน ที่มีโลภ โกรธ หลง มีกิเลสที่ยังตัดไม่ขาดด้วยกันทั้งนั้น”
ดวงดาวขยับตัวลงนั่งข้างๆ มุกริน
“เราหนีไปอยู่ที่อื่นกันมั้ย”
“เรา ไปไหน”
“ไปถือศีล กินเจ ไปหาที่สร้างบุญสร้างกุศล แผ่เมตตาให้กับสัตว์โลก”
“เธอจะไปกับฉันเหรอ”
“อืม”
มุกรินมองเหล่ “เป็นทอมรึเปล่าเนี่ย”
“อยากลองอยู่เหมือนกัน”
ดวงดาวเอนตัวนอนลงไปบนเตียงของมุกริน
“ฉันก็เบื่อชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ ไอ้การอยู่แบบมีความสุขไปวันๆ อย่างฉันมันเหมือนไม่ค่อยมีอนาคต...บางทีมันก็น่าเบื่อโคตรๆ เลย”
“เพราะเธอยังไม่เจอคนที่จะสร้างฝันร่วมกับเธอมั้ง” มุกรินบอก
“รู้ได้ยังไงว่ายังไม่เจอ”
มุกรินหันไปจ้องหน้าดวงดาว
“ฉันอาจจะเจอแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้ ไปนอนละ”
ดวงดาวขยับตัวจะเดินออกจากห้อง
“พี่ใหญ่ เหรอ” มุกรินถามอีก
“ตอนนี้เขาอยู่ไหนฉันยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้น ฉันหนีเขาไปได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย”
ดวงดาวเดินออกไปจากห้องนี้
ออกจากโรงพยาบาลไม่กี่ชั่วโมง ธาดาก็พาตัวเองเดินตรงเข้ามาในบ่อนเสี่ยอ๋า เจอการ์ดหน้าเดิมก้าวเข้ามาทักทาย
“วันนี้มีมาเท่าไหร่ครับพี่”
“เยอะ”
“พี่ทำงานอะไรน่ะ ถึงได้ขนเงินมาทิ้งที่นี่ได้เรื่อยๆ”
ธาดาฉุน “นี่หยามกันเหรอ”
“เปล่าครับ แค่จะบอกว่าถ้าหมดแล้วพี่ยืมเสี่ยอ๋าบ้างก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเอาเงินเก็บสะสมมาใช้ เดี๋ยวครอบครัวพี่จะเดือดร้อน”
“ไม่ต้องเสือกกับกูได้มั้ย”
ธาดาอารมณ์เสีย ก้าวยาวๆ ตรงไปยังโต๊ะพนัน
มุกรินนอนหลับอยู่บนเตียงนอนนุ่ม จนกระทั่งได้ยินเสียงออดของบ้านดังเข้ามาในห้อง มันดังมากจนมุกรินรู้สึกตัวตื่น
มุกรินลุกขึ้นจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องเดินงัวเงียออกมา เจอดวงดาวกำลังเดินออกมาจากห้องนอนของเธอเช่นกัน
“พี่ใหญ่ไม่ได้เอากุญแจบ้านไปเหรอ”
“เมามั้ง... เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเอง”
ดวงดาวเดินลงบันไดไป และเดินตรงไปที่ประตูรั้ว
มุกรินลงมารอในโถงชั้นล่าง และเดินไปหยิบน้ำดื่มในตู้เย็น ดวงดาวเดินเข้ามาด้านหลัง
“มุก”
“พี่ใหญ่ล่ะ” มุกรินหันไปหา
“ไม่ใช่พี่ใหญ่ เขามาหาเธอ”
“ใคร”
มุกรินเดินเข้าไปใกล้ดวงดาว พบว่าผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังดวงดาวคือ คิมหันต์ เขายิ้มหล่ออันคุ้นตาให้เธอ
“ผมเอง”
มุกรินประหลาดใจมากกว่าตกใจ “คิม”
“คุณตกเครื่อง ผมเลยต้องมารับคุณที่นี่”
“คู่หมั้นคุณมาด้วยรึเปล่า”
“เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกลับมากรุงเทพฯ แล้ว”
แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้าคิมหันต์ตรงระเบียงบ้านธาดา ดวงดาวเป็นผู้วางแก้วใบนี้ เธอเอ่ยปากเสียงดังฟังชัดทันที
“รีบคุยกันซะ เอาให้จบ ให้เสร็จก่อนเจ้าของบ้านกลับมา ต้องการให้ฉันอยู่เป็นสักขีพยานด้วยมั้ย”
มุกรินนั่งตรงข้ามกับคิมหันต์ ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครให้คำตอบแก่ดวงดาว
“ถ้าต้องการก็เรียกนะ ฉันจะดูต้นทางให้”
ดวงดาวขยับจะเดินออกไป คิมหันต์เรียกเธอไว้
“ดาว” ดวงดาวหันมามองหน้าคิมหันต์ “ขอบคุณมาก”
ดวงดาวยิ้มบางๆ ให้ แล้วจึงเดินเลี่ยงออกไป มุกรินมองตามดวงดาวไปแว่บหนึ่งแล้วจึงหันมาพูดกับคิมหันต์
“พักตราเขาอาจจะตามคิมไปที่เลยก็ได้นะ”
“พ่อเขาห้าม ไม่ให้ไป”
“แน่ใจ”
“มันเป็นข้อตกลงของผมกับนายพลอรรถ”
“แล้วรูปที่คิมต้องถ่ายล่ะ”
“ผมสั่งให้ลูกน้องจัดการให้แล้ว ไม่มีปัญหา”
คิมหันต์ค่อยๆ เอื้อมมือมาจับมือมุกรินขึ้นมากุม
“ผมนึกว่ามุกจะไม่มาที่สนามบินแล้ว”
“มุกตั้งใจแค่จะไปส่งคิมเท่านั้น ไม่ทันนึกว่าจะเจอพักตรา”
“มุก ผมไม่มีเจตนาให้เป็นแบบนี้เลยนะ”
“มุกกลายเป็นคนดังในโซเชี่ยลอีกครั้งจนได้ ครั้งแรกตอนคิมประกาศถอนหมั้น ครั้งนี้ออกแนวบู๊ระห่ำ ซักพักคงมีรายการทีวีมาขอสัมภาษณ์มุก”
“ลาออกจากงานเถอะนะ มุก”
มุกรินมองคิมหันต์ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เราไปสร้างครอบครัวของเรากันดีกว่า”
มุกรินยังคงมองหน้าคิมหันต์นิ่ง ไม่เอ่ยปากใดๆ
“ผมพูดจริงๆ นะ มุก เราเกือบจะสร้างมันสำเร็จมาแล้ว ถ้าพี่มลไปเป็นอะไรไปซะก่อน”
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนนั้นนะคิม มันยุ่งเหยิงซับซ้อนกว่ากันมาก”
“มันจะวุ่นวายอีกไม่เกินอาทิตย์เดียวเท่านั้น”
“แน่ใจ”
คิมหันต์พยักหน้า หนักแน่น
“รอให้พ่อเขากลับมา ผมจะเป็นคนบอกเลิกทุกอย่างเอง ผมสัญญา”
มุกรินยกมือปิดปากคิมหันต์ทันที
“อย่าสัญญาเลยคิม มุกไม่อยากเห็นคิมผิดสัญญาอีก”
“เชื่อผมนะมุก”
“มุกอยากจะเชื่อคิมค่ะ...แต่…”
“แต่กว่าจะถึงวันนั้น ผมไม่รู้ว่า พักตราเขาจะก่อกวนมุกอีกมากแค่ไหน รวมทั้งพี่ชายคุณด้วย เขาคงต้องขวางทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มุกคบกับผม”
“แล้วเราจะทำยังไง”
“เราจึงต้องไปอยู่ด้วยกันซะตั้งแต่ตอนนี้”
“คุณกำลังชวนฉันหนีออกจากบ้าน”
“ถ้าคุณปฏิเสธ...ผมก็คงต้องฉุด”
มุกรินครุ่นคิด ลังเล ดวงดาวเดินเข้ามาใกล้ๆ
“เราจะเสียเวลา ปล่อยให้ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างไม่มีความสุขทำไม เราทั้งคู่ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว...นอกจากตัวเราเองนะมุก”
มุกรินละสายตาไปมองที่ดวงดาว
“ต้องการความเห็นของฉันมั้ย”
“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไร”
ดวงดาวยิ้มให้มุกริน
“พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณที่นี่”
“คิมไม่ให้ทางเลือกมุกบ้างเลย”
“หัวใจเราเลือกไปแล้วมุก...เชื่อหัวใจเราเถอะ”
ขณะคิมหันต์ขยับตัวจะเดินออกไปหน้ารั้วบ้าน ดวงดาวถามขึ้นว่า
“แล้วคืนนี้ คุณจะไปนอนที่ไหนเนี่ย”
“ผมมีที่ไป...อย่าห่วง”
คิมหันต์เดินออกไปแล้ว มุกรินตัดสินใจเอ่ยปากถามดวงดาว
“ถ้าฉันบอกพี่ใหญ่ เขาจะว่ายังไง”
“เขาก็ไม่ยอมให้ไปน่ะสิ...เธอก็น่าจะรู้”
มุกรินค่อยๆ ลุกเดินเข้าบ้าน ขึ้นบันไดตรงไปห้องนอนของเธอ ดวงดาวเอ่ยปากตะโกนตามหลังไป
“คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ย ฉันว่า คงมีหลายคนเลยละ ที่นอนไม่หลับ”
จริงดังคำที่ดวงดาวทำนายไว้ มุกรินเอนตัวลงนอนบนเตียง เธอนอนไม่หลับ ลืมตามองทะลุผ่านเพดานห้องออกไปไกลแสนไกล
ในรถแท็กซี่ คันนั้นที่แล่นมาตามถนน คิมหันต์นั่งเอนตัวพิงเบาะรถแท็กซี่อย่างเหนื่อยล้า สายตาของเขาเหม่อลอยไกลออกไปนอกหน้าต่างรถ
ส่วนดวงดาวนั่งเล่นกีตาร์เบาๆ อยู่มุมหนึ่งในโถงบ้านธาดา แววตาของเธอลึกล้ำ มีเรื่องราวลึกซึ้งมากมายบรรจุอยู่ในนั้น
ทางด้านพักตรา หล่อนยืนพิงหน้าต่างในห้องนอนนิ่ง ความเครียดปรากฏให้เห็นในแววตาของเธอ
พระอาทิตย์ดวงเดียวดวงเดิมโผล่พ้นขอบฟ้าสาดแสงทั่วกรุงเทพมหานคร
ปรารภขับรถพร้อมกับพูดโทรศัพท์ สีหน้าตกใจ
“อะไรนะ ล้อฉันเล่นรึเปล่า สีดา บอกเขาว่าให้รอเจอฉันก่อน อย่าเพิ่งไปไหน รอเจอฉันให้ได้ บอกเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ สีดา”
สีดาวางสายโทรศัพท์ที่โต๊ะลง เธอเดินตรงไปหามุกรินที่โต๊ะทำงานหน้าห้องปรารภ พบว่ามุกรินกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวลงกล่อง
“มุก พี่รภกำลังเข้ามา พี่เขาขอให้เธออยู่รอเขาก่อน”
“ไม่จำเป็นหรอก เพราะยังไงเขาก็เปลี่ยนความคิดฉันไม่ได้”
สีดามีสีหน้าหนักใจให้เห็น
“มุก ถามจริงๆ อีกครั้งเถอะนะ คิดดีแล้วเหรอ”
“อืม ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะสีดา ฉันไม่ได้ใช้อารมณ์ ฉันใช้เหตุผล และสติทั้งหมดของฉัน”
พักตราเดินก้าวฉับๆ เข้ามา หล่อนส่งเสียงเย้ยหยัน เสียดสี ถากถาง ดังมาแต่ไกล
“มุกริน คุรุรัตน์ โอ ไม่น่าเชื่อ ริ้วรอยที่หน้ายังไม่หายอีกนะ ผิวบางหรอกเหรอเธอ ฉันนึกว่าคนหน้าด้านหน้าหนาอย่างเธอจะทนมือทนตีนกว่านี้ซะอีก”
“ไอ้เริ่มต้นพูดอย่างนี้ อยากให้จบด้วยการตบกันอีกใช่มั้ย คลิปในยูทูปยังดังไม่พอใช่มั้ย”
พักตรากระเถิบเข้าไปยืนประชิดมุกริน
“ฉันยังตบแกไม่หนำใจพอต่างหาก และถ้าฉันจะตบแกอีกทีที่นี่ มันก็จะปลอดภัยดี ไม่มีใครถ่ายคลิปด้วย”
“ลองดูมั้ยล่ะ ดูว่าใครจะเจ็บกว่ากัน”
ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งสักครู่ พักตราจึงเอ่ยปากด้วยเสียงเยือกเย็น
“น่าเสียดาย ที่พ่อฉันสั่งห้ามไว้”
“โทร.ไปขอก่อนก็ได้นี่” มุกรินมองท้าทาย
“ไม่ ฉันจะรอพ่อกลับมา และตบแกต่อหน้าพ่อฉัน ต่อหน้าคิมหันต์ แบบนั้นน่าจะมันกว่า”
“ถ้างั้นฉันคงไม่รอแล้วละ”
มุกรินเดินเฉียดหน้าพักตราออกไปเลย
“ทำไม แกจะไปไหน”
“ไปตามทางของฉัน”
มุกรินคว้ากล่องของตนถือออกไปด้วย พักตราตะโกนตามหลังเสียงดัง
“นี่เวลาทำงานนะ ยายมุกริน แกจะเดินหนีออกไปเฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันลาออกแล้ว”
พักตราประหลาดใจ “ลาออก”
“ใช่ เรื่องอยู่ที่ฝ่ายบุคคล เพราะฉะนั้น นับจากวันนี้ เราเท่ากัน ไม่ใช่ลูกจ้าง นายจ้าง กันอีกต่อไป ถ้าพูดไม่เข้าหู ฉันอาจตบแกก่อนก็ได้”
มุกรินเดินออกไปจากออฟฟิศทันทีที่พูดจบ พักตรามองตามแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
“ทุกคนฟังนะ มันลาออกแล้ว อีมุกมันลาออกเอง โดยที่ฉันไม่ต้องไล่มันออก ฮ่าฮ่าฮ่า”
อ่านต่อหน้า 2
รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
มุกรินเปิดท้ายรถ แล้วใส่กล่องสัมภาระของเธอลงไปในนั้น ปรารภเดินเข้ามาทางด้านหลังมุกรินอย่างรีบร้อน
“มุก...ทำไมไม่ปรึกษาพี่ก่อน”
“มุกรู้ว่าพี่รภจะแนะนำยังไง...แต่มุกรู้ว่ามุกต้องการอะไร”
“พี่ก็รู้ว่าพี่เปลี่ยนความคิดมุกไม่ได้ แต่พี่อยากขอโอกาสให้ความคิดอีกมุมนึงกับมุก อย่างน้อยให้มันได้ผ่านหูมุก เผื่อวันข้างหน้า มุกอาจจะเห็นด้วยกับความคิดของพี่ และระลึกได้ว่า พี่มีความปรารถนาดีกับมุกมากแค่ไหน”
“มุกรู้มาตลอดค่ะ ว่าพี่รภคิดยังไงกับมุก”
ทั้งสองจ้องตากันอย่างลึกซึ้งและจริงใจ
“พี่รภเป็นคนดีนะคะ มุกยังเคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่เลิกกับพี่รภไป เขาน่าจะตัดสินใจผิดและพลาดอย่างมาก ที่ทิ้งผู้ชายดีๆ แบบนี้ไปได้”
ปรารภรู้สึกดี จนจุกอก น้ำตาซึม
“พี่ควรจะเป็นคนที่พูดอะไรซึ้งๆ ก่อนมุกเดินออกไปจากที่นี่ แต่กลายเป็นมุก พูดอะไรก็ไม่รู้ พี่จุกอกเลย น้ำตาไหลด้วย”
มุกรินส่งกระดาษทิชชู่ให้ปรารภ
“งั้นพี่ขอพูดประโยคเดิมที่พี่เคยพูด และไม่เคยเปลี่ยน”
มุกรินยิ้ม รอฟัง
“เมื่อไหร่ที่มุกมีปัญหา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มุกจะมีพี่รภยืนอยู่ข้างๆ เสมอ และพร้อมที่จะช่วยเหลือมุกเต็มกำลัง อย่าลืมพี่นะมุก”
“ค่ะ”
ปรารภตัดสินใจเอ่ยปากถาม
“มุกยังรักเขาอยู่ใช่มั้ย”
มุกรินนิ่ง ไม่เอ่ยปากตอบ
“คิมหันต์เป็นผู้ชายที่โชคดี พี่อิจฉามันจริงๆ”
“พี่รภไม่ได้ดีน้อยกว่าเขาหรอกค่ะ ถามลูกชายพี่ดูได้”
มุกรินสวมกอดปรารภ เยี่ยงน้องสาวกอดพี่ชาย เพื่อเป็นการร่ำลา แล้วจึงละตัวขยับลงนั่งในรถ ขับออกไปเลย
ธาดายืนเครียดอยู่หน้าโต๊ะพนัน ในบ่อนเสี่ยอ๋า บรรยากาศหดหู่โดยรอบบอกให้รู้ว่าเขากำลังเล่นเสีย และเสียหนักเหมือนเช่นเคย เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ธาดากดปุ่มรับอย่างหงุดหงิด
“ฮัลโหล...ว่าไงมุก...”
ในรถที่มุกรินขับแล่นมาตามทาง พร้อมกับพูดโทรศัพท์กับพี่ชายไปด้วย
“พี่ใหญ่อยู่ไหนน่ะ”
“พี่ทำงาน”
“งานอะไร มุกไม่เห็นรู้เลย”
ธาดาทำมือบอกเจ้า แล้วเดินเลี่ยงห่างออกมาจากโต๊ะพนัน ยังมีอาการหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
“พี่ก็มีลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนๆ นิดหน่อย กำลังยุ่งเลยเนี่ย มุกมีอะไรเหรอ”
“มุกโทร.มาบอกว่า มุกลาออกจากงานแล้วนะ พี่ใหญ่จะได้สบายใจขึ้น ไม่ปวดหัวกับมุกอีก”
มุกรินกดปุ่มวางสาย
แม้ธาดาจะพอใจ ที่มุกรินลาออก แต่ความเครียดจากการเสียเงินพนัน หาได้จางหายไปแม้แต่น้อย
ภายในห้องพักน่านอนในรีสอร์ท พลโทอรรถนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนุ่ม เด็กสาวคนนั้น นั่งอยู่บนร่างของอรรถ เธอกำลังนวดคลึงบริเวณแผ่นหลังของท่านนายพล อรรถพูดมือถือไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“แน่ใจนะว่าลูกไม่ได้เป็นคนไล่เขาออก”
พักตราเดินพูดโทรศัพท์ในห้องทำงานของหล่อนที่ฟาสต์แทร็ค สีหน้าดูสดชื่น แจ่มใส
“โธ่ พ่อคะ ถ้าพักตร์ไล่มันได้โดยไม่โดนพ่อดุ พักตร์ไล่มันออกไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้วค่ะ”
“ดีแล้วลูก ให้เขาออกเองอย่างนี้หละดีแล้ว ต่อไปนี้จะได้เลิกตบตีกันซะที แล้วบอกคู่หมั้นเรารึยัง”
“ยังเลยค่ะ โทร.ไม่ติด”
“ลูกปล่อยให้เขาทำงานไปก่อนเถอะ กลับมาค่อยคุยกันก็ได้”
“พ่อได้คุยกับคิมแล้วเหรอ”
อรรถพูดตอบพักตราได้อย่างแนบเนียน สมจริง
“อืม...เห็นว่าทางโน้น หนาวมาก แล้งอีกต่างหาก ทำงานลำบากเชียว”
“แล้วงานพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“โอ แดดร้อนสุดๆ โชคดีที่นายทหารอย่างพ่อดำอยู่แล้ว ไม่งั้นคงมีหนังลอก นี่ก็กำลังเดินดูที่อยู่กลางแดดนะเนี่ย เท่านี้ก่อนนะลูก”
อรรถกดปุ่มเลิกการสนทนาทันที แล้วหันไปจับมือเด็กสาวเลื่อนไปวางตรงตำแหน่งที่ท่านนายพลต้องการ
ที่บ่อนเสี่ยอ๋า ธาดาเดินเลี่ยงมานั่งตรงมุมสงบที่สุดในบ่อน เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดู พบว่ามีธนบัตรในนั้นเพียงไม่กี่ร้อยบาท ธาดามีอาการเครียด และหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยอ๋าเดินเข้ามาหาธาดา
“หมดอีกตามเคยนะคุณธาดา”
ธาดาได้แต่เงยหน้ามองเสี่ย ไม่เอ่ยปากอะไร
“ผมบอกแล้วไง คุณไม่มีดวงทางนี้ ถ้าไม่มีตัวช่วยก็แย่ ดื่มอะไรหน่อยมั้ย”
“เลี้ยงผมเหรอ”
“งั้นสิครับ ในฐานะที่คุณเอาเงินมาทิ้งที่นี่ไม่น้อย ผมก็ขอสมนาคุณบ้าง ไม่แปลกอะไร”
เสี่ยอ๋าหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิท
“ผมอยากเล่นต่อ” ธาดาบอก
“ไม่มีใครห้ามนี่ครับ” เสี่ยว่า
“แต่ผมไม่มีตังค์แล้ว”
“ผมให้ยืมได้ แต่เงื่อนไขเดิมนะ คุณตัดสินใจได้รึยังล่ะ”
ธาดาครุ่นคิดหนักขึ้น ลูกน้องเสี่ย ถือเหล้าขวดใหญ่สามขวดมาวางตรงหน้าธาดา
“ดื่มให้เต็มคราบเลยครับ แล้วกลับไปนอนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยมาบอกผมว่าจะเอายังไง ถ้าคุณโอเคในเงื่อนไข ผมก็ยื่นเงินให้เลย ง่ายๆ”
“งั้นผมขอไปหาที่เงียบๆ ที่อื่นกินดีกว่า”
ธาดาหยิบเหล้าทั้งสามขวด เดินออกไปจากบ่อน เสียอ๋ามองตาม มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่เต็ม
อีกมุมหนึ่ง ใกล้ทางเข้าบ่อน ไอ้ขุมก้าวเข้ามาในนั้น การ์ดหน้าเดิมเดินเข้าไปทักทันที
“อ้าว...ลูกพี่คุณเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองครับ”
“เขาออกไปฉันถึงได้เข้ามาไง”
“ทำไมไม่มาพร้อมกันล่ะครับ”
“ลูกพี่แม่งชอบขอแบ่งกำไรว่ะ”
ขุมตรงเข้าไปที่โต๊ะพนัน เสี่ยอ๋าเห็นตั้งแต่ต้น และจ้องมองดูท่าทีไอ้ขุมอย่างสนใจ
ทางด้านมุกริน กำลังเก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋า มีดวงดาวยืนพิงประตูดูอยู่
“เขาบอกหรือเปล่าว่าจะพาไปอยู่ที่ไหน”
“ก็คงบ้านเช่าที่ไหนสักแห่งนึง”
“ต้องอยู่แบบโผล่หน้าไปไหนไม่ได้ด้วยรึเปล่า”
“ตอนเธอคบกับพี่ใหญ่ เธอต้องทำอย่างนั้นรึเปล่าล่ะ”
ดวงดาวส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่มีใครรู้จักฉัน ส่วนใหญ่เขาคิดว่าฉันเป็นลูกสาวคุณธาดา”
มุกรินเงยหน้าถามดวงดาว อย่างจริงจัง
“ถามจริงๆนะดาว เธอรักพี่ชายฉันบ้างมั้ย”
ดวงดาวนิ่งไป
“เธอไม่เคยคิดจะจริงจังกับพี่ใหญ่บ้างเลยเหรอ”
“เธอลองนึกภาพดูสิ ว่าฉันจะฝากชีวิตไว้กับคนอย่างเขาได้มั้ย”
คราวนี้มุกรินเป็นฝ่ายนิ่งบ้าง
“เราจะมีเวลาที่นอนกอดกันนิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ต้องกินเหล้า ไม่ต้องเมา แต่เต็มไปด้วยความสุข...หรือเล่นกีตาร์ร้องเพลงด้วยกันวันละเพลงได้บ้างมั้ย เธอคิดว่า คุณธาดาเขาจะทำอะไรแบบนี้เป็นเหรอ”
“แล้วทำไมเธอยังอยู่กับเขา”
“เขาเป็นเหมือนผู้ปกครองของฉัน”
มุกรินยิ้มบางๆ ยอมรับความคิดของดวงดาว
“แต่เมื่อถึงเวลานึง เด็กๆ ก็ชอบที่จะหนีพ่อหนีแม่ หนีผู้ปกครองเพื่อออกไปเผชิญชีวิตข้างนอกเหมือนกันนะ”
“ถึงวันนั้น เธอมาหาฉันได้มั้ย”
ดวงดาวไม่ตอบ เธอขยับตัวเดินออกไปจากห้อง ชั่วอึดใจเดียว ดวงดาวกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง หน้าตาตื่นเต้นกว่าเก่า
“มุก”
“คิมมาแล้วเหรอ”
“อาธาดา...ทำไมวันนี้กลับเร็วก็ไม่รู้”
ธาดาเดินก้าวเข้ามากลางโถงบ้าน ท่าทางเขาเมาไม่น้อย ในมือถือขวดเหล้าที่เหลือมาจากบ่อน ธาดาตะโกนส่งเสียงดัง
“สาวๆ อยู่ไหนกันหมด โผล่หน้ามาให้เห็นหน่อยซี่ วันนี้พี่จะฉลอง”
ดวงดาวเดินลงมา ตรงเข้าไปรับหน้าธาดา
“อาเมามาอีกแล้วนะ”
“มุกล่ะ”
“หลับแล้วมั้ง”
“อะไร หลับแต่วันได้ไงไปปลุกมาฉลองกับอาหน่อยซี่ ดาว”
ธาดาสั่งดวงดาวแล้วจึงหันไปวุ่นวายกับการหยิบแก้ว น้ำ และน้ำแข็ง
ฝ่ายมุกรินนั่งซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง พูดโทรศัพท์ด้วยเสียงไม่ดังนัก
“คิมอย่าเพิ่งเข้ามานะ พี่ใหญ่กลับมาบ้านแล้ว กำลังเมาด้วย”
คิมหันต์นั่งรออยู่ในรถแท็กซี่ ที่จอดไม่ไกลจากหน้าบ้านธาดานัก และคุยสายกับคนรัก
“ผมเห็นแล้ว ผมอยู่หน้าบ้านคุณนี่ละ”
มุกรินชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน
“คิมรอมุกก่อนนะ มุกไม่อยากให้มีเรื่องวันนี้”
คิมหันต์มองจากในรถแท็กซี่ เข้าไปในบ้านธาดาแล้วจึงเอ่ยปากพูด
“เข้าใจ ผมรอได้ มุก รอได้เสมอ”
ธาดายืนเคาะประตูห้องนอนมุกริน
“มุก มุกมาคุยกับพี่หน่อย”
เสียงมุกรินตอบมาว่า “ค่ะ”
ธาดาเดินไปหยิบแก้วเหล้าแล้วตะโกนลั่น
“วันนี้ต้องฉลองกันหน่อย ฉลองให้การตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของน้องสาวพี่ ที่ลาออกจากไอ้บริษัทเฮงซวยนั้นได้ซะที”
ธาดากรอกเหล้าใส่ปาก ดวงดาวนั่งเซ็งๆ ห่างออกไป
มุกรินเปิดประตูออกมาจากห้องนอน
“เอาไว้ฉลองตอนมุกได้งานใหม่แล้วดีกว่ามั้ง วันนี้มันเหมือนเลี้ยงที่มุกตกงาน”
“ได้งานใหม่แล้วเลี้ยงอีกทีก็ได้ เพื่อน้องสาวคนเดียวของพี่ พี่เลี้ยงได้ทุกวันอยู่แล้ว”
“พี่ใหญ่เพิ่งปวดหัวจนเป็นลมเมื่อวานนี้เอง พี่ไม่น่ากินเหล้าอีกนะ” มุกรินติง
“เหล้าน่ะกินเมื่อไหร่ก็กินได้ ไม่เกี่ยวกับการเป็นลมซะหน่อย”
“พี่ใหญ่อยากอายุสั้นเหรอ”
“แช่งพี่อีกต่างหาก”
“ก็จริงนี่ หมอเขาจะตรวจ พี่ก็ไม่ยอมตรวจ จะเอ็กซ์เรย์ก็ไม่ได้”
“อย่าห่วงพี่เลยน่า พี่ยังอยู่อีกนาน ยังอยู่ดูแลมุกได้อีกนานแสนนาน”
“แน่ใจเหรอคะ”
“อย่าหนีพี่ไปก่อนก็แล้วกัน”
“คนแรกที่จะหนีพี่ใหญ่ ไม่ใช่มุกหรอก...โน่น”
มุกรินบุ้ยใบ้พยักหน้าไปทางดวงดาว ธาดาเหลียวมองตาม
“ระวังเถอะ ซักวันเขาจะทนพี่ใหญ่ไม่ได้”
มุกรินเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ธาดาขยับตัวเดินไปหาดาว
“ดาว...ดาวทนอาไม่ได้เหรอ”
“หนูไม่ทนอยู่แล้ว ไม่ถูกใจเมื่อไหร่ หนูก็ไปเมื่อนั้นละ”
ดวงดาวเดินเข้าห้องนอน ธาดาเดินตามไป
ดวงดาวเอนกายลงนอนกลางเตียง ธาดาเดินตามเข้ามาในห้อง
“ดาว...หนูเบื่ออาเหรอ”
ดวงดาวนิ่งเงียบ
“อาทำอะไรให้หนูรำคาญ จนอยากหนีอาไปรึเปล่า” เขาเซ้าซี้
“อาไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ”
“นั่นน่ะสิ อายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แต่ไอ้การไม่ทำอะไรเลยนี่ละ น่าเบื่อที่สุด อารู้มั้ย”
ธาดาก้าวเข้าไปยืนคร่อมร่างของดวงดาว
“ไม่ทำอะไรเลยของหนู หมายถึงเรื่องนี้รึเปล่า”
ธาดาค่อยๆ โน้มตัวลงไปหาดวงดาว
“มันก็แค่เรื่องหนึ่งเท่านั้น”
“งั้นเราเริ่มทำเรื่องนี้กันเลยดีมั้ย”
ธาดาก้มหน้าลงไปจูบ ดวงดาวพลิกหน้า เปิดซอกคอให้ธาดาได้ซุกไซ้
ระหว่างนี้ ดวงดาวมองผ่านผนังกระจกของห้องออกไปยังด้านนอก เห็นคิมหันต์ค่อยๆ เดินผ่านห้องธาดาตรงไปทางห้องนอนมุกริน
พอคิมหันต์เข้าไปในห้องนอนมุกริน พบว่ามุกรินนั่งรออยู่ พร้อมกระเป๋าเดินทางข้างกายเธอ
“พร้อมจะไปเริ่มชีวิตใหม่กันรึยังครับ”
“ค่ะ”
คิมหันต์และมุกรินถือกระเป๋าเดินทางตรงไปทางบันได จะลงไปยังหน้าบ้าน ขณะที่คิมหันต์เดินผ่านห้องนอนธาดาสายตาของเขาจับจ้องไปยังภาพในห้องนั้น
ดวงดาวจ้องมองสบตาคิมหันต์อยู่เช่นกัน โดยมีธาดานอนคร่อมคว่ำหน้า ซุกไซ้เรือนร่างของเธออยู่
ดวงดาวดันร่างธาดาให้ห่างออกไปจากตัว
“พอค่ะอา...หนูไม่ชอบมีเซ็กซ์กับคนเมา”
ดวงดาวลุกขึ้นจากเตียงนอน
“หนูเบื่ออาจริงๆ ด้วย”
ดวงดาวมีท่าทีเมินเฉยต่อธาดาอย่างเห็นได้ชัด
“วันนึงหนูจะไปจากอาใช่มั้ย”
ดวงดาวไม่ตอบ ธาดาเดินไปรินเหล้าใส่แก้ว
“ใช่ อาจำได้ หนูพูดเสมอว่า เมื่อไหร่ที่หนูเจอคนที่ใช่ หนูก็จะไป อาก็คงห้ามอะไรหนูไม่ได้ แต่ขอให้อาตายก่อนจะถึงวันนั้นได้มั้ย ดวงดาว”
ดวงดาวหันไปมองธาดา ไม่ตอบอะไร ธาดาจึงกรอกเหล้าใส่ปากจนหมด แล้วเปิดขวดเหล้า เทลงไปในแก้วอีกครั้ง ดวงดาวเดินเข้าไปหาธาดา เอื้อมมือแตะที่ไหล่เขา เหมือนให้กำลังใจ
“คนอย่างอา ตายยาก หนูรู้”
ธาดาหันมาจ้องหน้าดวงดาว
“แต่งงานกับอามั้ย อาจะตั้งตัวใหม่อีกครั้ง จะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน”
“ถามจริง”
“อาอยากเป็นคนที่ใช่ของหนู หรืออย่างน้อย ใกล้เคียงก็ยังดี”
สีหน้า แววตาและน้ำเสียงของธาดา ทำให้ดวงดาวหวั่นไหวไปไม่น้อย
“อาอาบน้ำก่อนดีมั้ยคะ จะได้ไม่มีกลิ่นเหล้า”
รถมุกรินวิ่งไปบนถนน ท่ามกลางความสว่างไสวของแสงไฟเมือง คิมหันต์เป็นผู้ขับรถ...มุกรินนั่งเบาะข้างๆ
ทั้งสองมองตรงไปเบื้องหน้า อย่างมีความหวังลึกๆ แสงไฟเมืองสาดผ่านกระจกรถ กระทบหน้าคนทั้งคู่ เป็นระยะๆ
คิมหันต์เอื้อมมือไปวางบนฝ่ามือของมุกรินอย่างนุ่มนวล มุกรินมองหน้าคิมหันต์ แล้วจึงเอ่ยปาก
“คิมยังไม่บอกมุกเลยว่า เราจะไปอยู่ที่ไหน”
“ผมอยากผูกตาคุณ แล้วค่อยเปิดตอนที่เราไปถึง” เขาบอก
“งั้นมุกหลับก่อนดีมั้ยคะ”
“ได้เลย ถึงเมื่อไหร่ ผมจะปลุกมุกขึ้นมาดูบ้านของเรา”
มุกรินยิ้มเอนตัวพิงไปไหล่ของคิมหันต์ และ หลับตาลงอย่างสุขใจ
ส่วนธาดาดันร่างของดวงดาวเข้าไปชนผนังห้อง ต่างฝ่ายต่างถอดเสื้อให้กันช้าๆ
ในรถมุกรินเวลาเดียวกันนี้ คิมหันต์ยกแขนเอื้อมมาโอบมุกริน มุกรินยิ้มทั้งๆ ที่ยังหลับตา
ธาดาวางร่างของดวงดาวเอนนอนลงบนเตียง มือของเขาลูบไล้ไปตามแขนและขาของเธอ
คิมหันต์ก้มลงไปหอมหน้าผากมุกรินเบาๆ
ดวงดาวหลับตา อ้าปาก กลั้นหายใจ ธาดา พลิกตัวขึ้นมานั่ง แขนสองข้างยันไว้ที่หัวเตียง และเกร็งตัว
ในที่สุด เขาก็ถลำตัวเข้าสู่จุดสุดยอดของอารมณ์ จนได้
ล้อรถมุกริน หมุนด้วยความเร็วสูงสุด พาสองคนทะยานไปข้างหน้า
รถมุกรินแล่นเข้ามาจอดในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง มุกรินยังคงนั่งเอนหลังพิงไหล่คิมหันต์ และหลับสนิท คิมหันต์ค่อยๆ บิดสวิตช์ดับเครื่องยนต์ แล้วจึงก้มลงไปปลุกมุกริน
“มุก...มุก ถึงแล้ว”
มุกรินเอ่ยปากตอบทั้งๆที่ยังหลับตา
“ถึงไหนเหรอ”
คิมหันต์ยิ้ม “มุกอย่าเพิ่งลืมตานะ”
คิมหันต์ลงจากรถ เขาเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านมุกริน แล้วค่อยๆ อุ้มมุกรินลงจากรถไป
เมื่อมองจากมุมสูงลงมา จึงเห็นว่าเป็นบริเวณหน้าบ้านหลังเดิมของคิมหันต์ แหละมันคือเรือนหอของเขาและเธอนั่นเอง
คิมหันต์อุ้มมุกรินเดินหายเข้าไปในบ้านหลังนี้
คิมหันต์อุ้มมุกรินเดินเข้ามาหยุดยืนกลางโถงบ้าน
“ลืมตาได้รึยัง...คิม”
“ได้แล้วครับ มองให้เห็นเต็มๆ ตาเลยนะมุก”
มุกรินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ม่านตาของเธอเบิกโพลง ด้วยความตื่นเต้นปีติ ยิ่งเมื่อมองไปรอบๆ แล้วเห็นว่า ของทุกอย่างในเรือนหอหลังนี้ยังอยู่ครบเหมือนเดิม มุกรินดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“คิม...”
“หืม...”
คิมหันต์ปล่อยมือให้มุกรินยืน
“ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม”
“ผมไม่ได้เอาอะไรไปทิ้งเลย ตัดใจจะขายก็ขายไม่ลง ผมรักของพวกนี้ทุกชิ้น”
มุกรินเดินไปหยุดที่ผนังด้านหนึ่ง จนเห็นกรอบรูปโมเดิร์นขนาดใหญ่ มันบรรจุ ภาพถ่ายของเขาและเธอระหว่างเหตุการณ์ที่เกาะร้าง มุกรินจ้องมองภาพเหล่านี้ด้วยความประทับใจ
“ความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม”
“สวยจัง...”
“ที่นี่พอจะเป็นเรือนหอของเราได้มั้ยครับ มุก”
มุกรินโผเข้าไปกอดคิมหันต์เต็มรัก
พระอาทิตย์ขึ้นจากทางหลังบ้านคิมหันต์
มุกรินนอนหลับสบายบนเตียงนุ่ม คิมหันต์ก้มหน้าลงมาข้างๆ แก้มของเธอ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
มุกรินเอ่ยปากตอบโดยไม่ลืมตา
“เช้าแล้วเหรอ คิม”
“สายแล้วครับที่รัก”
“มุกลาออกแล้ว ไม่ต้องรีบไปออฟฟิศแล้วนี่”
“แต่มุกต้องรีบตื่นมากินอาหารเช้า ก่อนที่มันจะเย็นชืดซะก่อนนะครับ”
คิมหันต์ค่อยๆ วางถาดอาหารเช้าน่ารักข้างๆ มุกริน อีกฝ่ายลืมตา และขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“คิมทำเองหมดเลยเหรอ”
“แน่นอน”
“กินได้มั้ยเนี่ย”
“ถ้าไม่กินจะเสียใจ เพราะเชฟคนนี้ไม่ทำอาหารให้ใครกินง่ายๆ”
มุกรินแกล้งเบะปากใส่คิมหันต์
“ถ้าไม่ใช่คนที่รักสุดหัวใจ อย่าหวัง”
มุกรินหอมแก้มคิมหันต์แรงๆ หนึ่งที ก่อนเอ่ยปากพูด
“คิมทำอะไรให้มุกอย่างนึงได้มั้ยคะ”
“ได้ซี่...อะไรล่ะ”
มุกรินหยิบแหวนเอ็นขึ้นมาชูให้ดู
“คิมสวมให้มุกอีกทีได้มั้ย”
คิมหันต์รวบอุ้งมือของมุกรินให้กำแหวนเอ็นเบ็ดนั้นไว้
“เก็บมันไว้ในความทรงจำเถอะ...สวมวงนี้ดีกว่า”
คิมหันต์หยิบแหวนเงินเกลี้ยง สวย ขึ้นมา แล้วค่อยๆ บรรจงสอดใส่มันลงไปในนิ้วนางข้างซ้ายของมุกริน
“มุกคือเจ้าสาวคนเดียวของผมครับ”
เพลงรักหวานซึ้งของเขาและเธอ ดังกระหึ่มขึ้นในใจสองดวงนี้แล้ว
หลังมื้อเช้าคิมหันต์และมุกรินทำกิจกรรมในห้องน้ำด้วยกันในสถานภาพผัวเมียข้าวใหม่ปลามัน อาทิ ล้างหน้า แปรงฟัน สองคนหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
ต่อมาคิมหันต์และมุกรินนั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลงด้วยกัน ในบริเวณที่สวยงามที่สุดในบ้านหลังนี้
ถัดมา สองคน ต่างช่วยกันทำงานบ้าน สารพัด กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน อย่างสุขใจ
เสร็จงานบ้าน คิมหันต์และมุกริน ลงว่ายน้ำด้วยกันในสระ
ต่อจากนั้น คิมหันต์และมุกริน ทั้งสองช่วยกันทำอาหารคาวและหวาน อยู่ในบริเวณครัว
คิมหันต์และมุกริน ตั้งกล้องถ่ายรูปคู่กัน จนกระทั่งมีเสียงออดดังเข้ามาในบ้าน
“แขกคนแรกของเรามาแล้ว”
เป็นดวงดาวที่ยืนอยู่หน้าบ้านคิมหันต์ และเป็นผู้กดออด มุกรินและคิมหันต์เดินออกมาจากในบ้าน ทั้งสองมีสีหน้าเบิกบาน ทั้งหมดทักทายทันทีที่เห็นหน้ากัน
“ดวงดาว” มุกรินดีใจมาก
“หน้าตามีความสุขจริงนะ” ดวงดาวเหน็บ
“ใคร” คิมหันต์ทำไก๋
“ทั้งคู่นั่นแหละ”
“แปลกใจเหรอ” มุกรินถาม
“ไม่เลย เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่ผิด เป็นการยืนยันว่า เธอตัดสินใจถูกต้องแล้ว”
“พี่ใหญ่ล่ะ เป็นไงบ้าง”
“ตื่นขึ้นมาก็ออกไปข้างนอกเลย เขาไม่รู้หรอกว่าเธอไม่อยู่แล้ว”
เสียงโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดู ดวงดาวจึงเอ่ยปากถาม
“เปิดโทรศัพท์ด้วยเหรอ”
“อืม เปิดตามเวลาน่ะ ขอตัวแป๊บนึงนะ”
คิมหันต์เดินแยกไป มุกรินเดินนำดวงดาวเข้าไปในบ้าน
“ถ้าพี่ใหญ่รู้เรื่อง จะเป็นไงบ้าง”
“ไม่ต้องห่วงน่า...ฉันเอาอยู่”
“แน่ใจ”
“ถ้าเอาไม่อยู่ ฉันก็หนีมาอยู่กับเธอไง”
พักตราเดินพูดโทรศัพท์อยู่ในโถงกลางบ้าน
”ถ่ายรูปเพลินจนลืมพักตร์เลยนะ คิม”
คิมหันต์เดินพูดโทรศัพท์อยู่ตรงบริเวณสนามหญ้าข้างบ้าน
“โทษทีพักตร์ ผมต้องใช้สมาธิน่ะ”
“ไม่เป็นไร พักตร์เข้าใจค่ะ”
“แขกของพ่อคุณล่ะ ต้อนรับเขาดีหรือเปล่า”
“เขาเลื่อนค่ะ เขาไม่มาแล้ว พักตร์ยังโกรธพ่ออยู่เลย ไม่งั้นพักตร์ก็ได้ไปเป็นผู้ช่วยคิมที่โน่นแล้วละ”
“ไม่มาน่ะดีแล้ว ลำบากเปล่าๆ”
“ลำบากด้วยเหรอ”
“ลำบากมากเลยพักตร์ ฝนมันตกทั้งวันทั้งคืน มาสามวันแล้ว” คิมหันต์ไม่รู้ตัวว่าเขาพลาดอย่างแรง
และมันทำให้พักตรามีสีหน้าแปลกใจ
“ฝนตก”
“ใช่ ผมยังถ่ายอะไรไม่ได้เหรอ ได้แต่นั่งรอฝน เราก็เลยต้องปรับแผน ยุ่งกันใหญ่”
“เหรอ คิมบอกคุณพ่อรึยัง”
“บอกท่านตั้งแต่เมื่อวาน แล้วยังไม่ได้คุยกันอีก พ่อคุณก็คงกำลังยุ่งอยู่เหมือนกันแหละ”
“คงงั้นมั้ง เทคแคร์นะคะ คิม”
พักตราวางสายไป หล่อนครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง จึงกดโทรศัพท์เบอร์ใหม่ โทร.ออก
“คุณปริมคะ พ่อโทร.หาคุณปริมบ้างหรือเปล่าคะ”
เมื่อได้ฟัง ริ้วรอยความเครียดค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและแววตาของพักตรา
อ่านต่อหน้า 3
รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
สองสาวนั่งร่วมทานอาหารอยู่ที่โต๊ะด้วยกัน มุกรินตักอาหารใส่จานให้ดวงดาว
“ให้เรากินคนเดียวเลยเหรอ”
“ใช่ ฉันกับคิมกินกันแล้ว ก่อนเธอมา”
ดวงดาวตักอาหารเข้าปากแต่โดยดี จนคิมหันต์เดินเข้ามาร่วมวง
“เป็นไง ฝีมือพวกเรา พอไหวมั้ย”
“เอาจริงๆ หรือจะให้ตอบแบบเอาใจกัน” ดวงดาวอำ
“เอาจริงสิ...”
“แต่ต้องไม่ทำร้ายน้ำใจกันเกินไปนะ”
ดวงดาวปั้นยิ้ม แบบทีเล่นทีจริง
“อร่อย...กว่าฝีมืออาธาดา”
คิมหันต์ร้อง “โอ้ว”
“ฉันไปอาบน้ำก่อนดีกว่า...เดี๋ยวมา คิมนั่งคุยกับน้องดาวก่อนนะ”
มุกรินเดินออกไป คิมหันต์หย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามดวงดาว ที่จ้องมองหน้าเขาตลอดเวลา
“มองอะไร”
“ฉันชอบเวลาคุณมองมุก”
“ทำไม”
“น่ารักดี ดูคุณมีความสุขมาก ฉันชอบสายตาแบบนี้”
“งั้นก็มาบ่อยๆ สิ จะได้เห็นสายตาของผมบ่อยๆ”
“แน่ะ...เจ้าชู้นะเรา” ดวงดาวกระเซ้า
คิมหันต์ยิ้ม
“ผมยังอยากได้ความคืบหน้าของนายธาดาจากคุณอยู่”
“ใช้ฉันเป็นเครื่องมือตลอดเลยนะ”
ดวงดาวสัพยอก พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม คิมหันต์เอ่ยปากพูดเข้าเรื่อง ตรงๆ
“เล่าเรื่องไอ้ขุมให้ฟังได้รึยัง”
ดวงดาวขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ แล้วจึงตัดสินใจเปิดปากเล่าเรื่องในค่ำคืนนั้น
“คืนนั้น ฉันกำลังเล่นดนตรีกับเพื่อน อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์อาธาดาโทร.เข้ามา”
นักดื่มนักเที่ยว แน่นร้านอาหารแห่งนั้น ค่ำคืนวาเลนไทน์นี้ฝนตกหนัก
โทรศัพท์มือถือดวงดาวมีสัญญาณโทร.เข้า ดวงดาวกำลังเล่นกีตาร์อยู่บนเวทีกับเพื่อนนักดนตรี เธอจึงเอื้อมมือไปกดอัดเสียงที่โทรศัพท์ของเธอ
ดวงดาวเล่าต่ออีกว่า “ตอนนั้นฉันพูดไม่ได้ ฉันก็เลยกดรับและอัดเสียงไว้ เผื่ออาเขาได้ยินดนตรีจะได้รู้ว่า เราเล่นดนตรีอยู่”
เธอหันมาพูดกับคิมหันต์ “พอฉันมากดฟังทีหลังก็กลายเป็นเสียงนี้”
ดวงดาวกดเปิดไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ และยื่นให้คิมหันต์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอได้ฟัง เสียงในโทรศัพท์ที่ดังออกมาให้ได้ยินเป็นเสียงของธาดาคุยกับใครคนหนึ่ง โดยมีเสียงการเคลื่อนย้ายข้าวของในคืนนั้น ดังเข้ามาด้วย
“โอเค. วางไว้ตรงนี้ เดี๋ยวแกเอาผ้านี่เช็ดลายมือแกออกให้หมด แล้วก็รออยู่ที่นี่เฉยๆ จนกว่าฉันจะโทรศัพท์เข้ามา”
“โทรศัพท์มาแล้วทำยังไงต่อ”
“กดปุ่มเปิดเพลงตรงนี้ แล้วแกก็กดรับโทรศัพท์เฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอจนฉันวางสาย แล้วก็เช็ดลายนิ้วมือแกให้หมด จากนั้นแกก็หายหัวไปเลย ไปให้ไกลสุดขอบโลกเลย เข้าใจมั้ยไอ้ขุม”
เสียงที่อัดไว้ในโทรศัพท์หยุดลงตรงนี้
“ฉันว่า มืออาธาดาคงไปกดปุ่มโดยบังเอิญ แบบไม่รู้ตัวน่ะ” ดวงดาวว่า
“มีใครได้ยินเสียงนี้แล้วบ้างมั้ย”
“ไม่มี ตอนแรกฉันตั้งใจจะเก็บเอาไว้อำอา จนลืมไปเลย แต่พอคนชื่อไอ้ขุมมาหาอาที่บ้าน ฉันเลยเอามาฟังอีกที แล้วก็เริ่มจะเข้าใจ”
คิมหันต์กำชับ “เซฟไว้ให้ดีนะ อย่าเพิ่งเปิดให้ใครฟัง วันนึงผมอาจจะต้องพึ่งมัน”
“เพื่อทำลายนายธาดา” ดวงดาวพูดเป็นเชิงถาม
“เธอจะมีปัญหามั้ยล่ะ”
ดวงดาวครุ่นคิด สักพักจึงเอ่ยปาก
“ถ้ามันคือความถูกต้อง...ฉันก็ไม่รู้จะมีปัญหาทำไม”
คิมหันต์เอื้อมมือแตะที่ไหล่ดวงดาว
“เธอน่ารักมากดวงดาว...เธอน่าจะได้ผู้ชายดีๆ มาเป็นแฟนนะ”
“ผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาจะเอาฉัน”
“พนันกันมั้ยล่ะ”
“ฉันไม่เล่นการพนัน...โดยเฉพาะกับเรื่องของหัวใจ”
ตกตอนค่ำ บ่อนเสี่ยอ๋ายิ่งคึกคักกว่าเคย
ส่วนที่โต๊ะพนันซึ่งมีไอ้ขุมยืนเล่นอยู่ มันรวบเงินบนโต๊ะมาไว้ที่หน้าตักตัวเองอย่างมีความสุข
ธาดาเดินเข้ามาในบ่อน หน้าตาเครียดจัด ไอ้ขุมหันไปเห็นเข้า จึงค่อยๆ เลี่ยงลุกออกจากโต๊ะ
“เลิกแล้วเหรอครับ กำลังมือขึ้นเชียว”
“อั๊วมือขึ้นทุกวัน อย่าห่วง”
ไอ้ขุมเดินยิ้มย่องออกไปทางประตูบ่อน
เสี่ยอ๋ากอดอกยืนจับตามองทุกอิริยาบถของขุม จากอีกมุมหนึ่งในบ่อน จนกระทั่งธาดาเดินตรงมาหา
“เสี่ยอ๋า ผมขอคุยเรื่องยืมเงินหน่อย”
“ตัดสินใจได้แล้วละซี คุณธาดา”
“อืม”
“คุยกับน้องสาวมาแล้วนะ”
“ไม่จำเป็น ผมจะไม่ถลำจนไปถึงจุดนั้น เล่นแค่ได้สักสิบยี่สิบก็เลิกแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“แล้วผมจะไม่เข้ามาที่นี่อีกเลย” ธาดาว่า
“โอเค ผมเอาใจช่วยคุณ เฮ้ย ไปเปิดเซฟเอาเงินให้เฮียแกหน่อย”
เสี่ยอ๋าหันไปสั่งลูกน้องข้างกาย
สีหน้าของธาดาเห็นความกังวลอยู่เต็มในแววตาของเขา
ทางด้านชุมสายเดินพูดโทรศัพท์เข้ามาในห้องทำงาน ที่สำนักงานกฎหมายบูรพา น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นใช่ย่อย
“นี่มันหลักฐานสำคัญเลยนะเว้ยไอ้คิม ถ้าแกได้เทปเสียงนี้ตั้งแต่แรก ไอ้ธาดามันก็จบเห่ไปแล้ว”
คิมหันต์ยืนพูดโทรศัพท์อยู่ที่มุมส่วนตัวในเรือนหอ
“แล้วตอนนี้จะให้ทำยังไง”
“แกก็เก็บหลักฐานนี้ไว้ให้ดี ให้ฉันปรึกษาทางอัยการก่อน”
มุกรินและดวงดาวช่วยกันล้างจานอยู่ ทางด้านหลังของคิมหันต์
“แต่ถ้าเป็นวิธีของฉัน เราจะไม่ต้องรอปรึกษาใครเลย”
“ฉันเป็นทนายความนะเพื่อน ฉันทำทุกอย่างตามกฏหมาย ฉันไม่ทำอะไรผิดกฎหมายแบบที่พวกนักเลงเขาทำกัน”
“งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่เอาแกเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากขอความช่วยเหลือนิดหน่อย ไม่มีใครรู้หรอก”
“แล้วแกจะทำยังไง”
“แกอย่าเพิ่งรู้เลย เพื่อน”
คิมหันต์กดวางสาย หน้าตาของเขาแฝงแววอาฆาตแค้นและเยือกเย็น
อีกฟาก ปริมวางโทรศัพท์ลง แล้วหันไปพูดกับพักตราที่นั่งหน้าเครียด ไม่ไกลจากเธอ
“โทร.ไม่ติดค่ะ สงสัยไม่มีสัญญาณ” ปริมบอก
“หรือไม่พ่อก็ปิดเครื่อง” พักตราว่า
“คุณคิมหันต์ล่ะคะ”
“เหมือนกันเลย โทรติดก็ไม่รับ แล้วอยู่ๆ ก็เงียบไป ไม่มีสัญญาณ ซะงั้น”
“เขาอาจจะกำลังคุยกันอยู่ก็ได้นะคะ”
พักตราส่งเสียงดังขึ้นมาแบบยั้งไม่อยู่
“คุยอะไรกันทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เข้ากันได้ดีเกินไปแล้วหละ ผู้ชายสองคนนี้” พักตราตั้งข้อสังเกต
“ก็ดีกว่าพวกเขามีปัญหากันนะคะ”
“คุณปริมไม่เดือดร้อนอะไรบ้างเลยเหรอ” พักตราออกอาการหงุดหงิด
ปริมนิ่งไป ไม่มีคำตอบให้
“ถ้าคุณพ่อแอบไปมีเด็กคนอื่น คุณปริมจะว่ายังไง”
“ดิฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นค่ะ ถ้าท่านมีคนอื่นที่ดีกว่า ดิฉันก็จะไป”
“แค่เนี้ย”
“ค่ะ”
“ไม่ต่อสู้เรียกร้องอะไรบ้างเลยเหรอ คุณปริม”
“อะไรที่เป็นของเรา ก็จะอยู่กับเรา แต่ถ้าไม่ใช่ของเรา ต่อสู้ยังไงมันก็ไม่อยู่กับเราหรอกค่ะ”
พักตรายิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด “ตามใจคุณปริม พักตร์ไม่พูดด้วยแล้ว ยิ่งพูดยิ่งแก่ ช่วยหาเบอร์ผู้ช่วยช่างภาพของคิมให้พักตร์ดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
ปริมเดินออกไปทำตามคำขอนั้น ทิ้งให้พักตรายืนบ่มความเครียดในอุรามากขึ้นเรื่อยๆ
ที่เรือนหอบ้านคิมหันต์ เมื่อมองจากมุมสูงลงมายังบริเวณสนามข้างบ้าน จะเห็นคิมหันต์ และ มุกรินเอนร่างพิงกันอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ ทั้งคู่ทอดสายตาไปยังหมู่ดาวบนท้องฟ้า
“คิมโทร.หาพักตรารึยัง”
คิมหันต์ส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วเขาโทร.หาคุณรึเปล่า”
“ผมปิดเครื่อง”
“เขาจะสงสัยเอานะคิม”
“ให้เขาสงสัยไป อีกไม่กี่วันเรื่องก็จบ ก็หายสงสัยแล้วละ”
มุกรินพลิกหน้าไปหาคิมหันต์ เธอคว้าโทรศัพท์ของเขามากดปุ่มเปิดเครื่อง
“อย่าเลยค่ะ เปิดเครื่องเถอะ เผื่อมีเรื่องสำคัญอื่นๆ เราจะไม่รู้เรื่องนะ”
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของเราอีกแล้วมุก”
ทันใดนั้นเอง เสียงสัญญาณโทร.เข้าก็ดังขึ้นที่มือถือของคิมหันต์ เขาหยิบขึ้นมาดู
“ไอ้เจมส์ ผู้ช่วยผม”
คิมหันต์กดปุ่มรับสาย
“ว่าไงเจมส์...ได้รูปครบมั้ย”
เจมส์ผู้ช่วยช่างภาพของคิมหันต์เดินพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องพักภายในโรงแรมที่ จังหวัดเลย
“ได้ครับพี่ เรื่องรูปไม่มีปัญหา”
“ดีมาก”
“แต่ปัญหาคือ เมื่อหัวค่ำคุณพักตราแกโทร.เข้ามือถือผม แกถามหาพี่ ผมก็ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง”
“แล้วแกตอบเขารึเปล่า”
“ตอบครับ ผมบอกว่าพี่ท้องเสีย”
“แล้วเขาถามอะไรอีกมั้ย”
“เปล่าครับ...อ้อ แต่แกถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วๆ ไป”
“แล้วแกว่าไง”
“ก็บอกไปตามความจริงครับ อากาศดี แสงสวย แต่ร้อนมากๆ”
คิมหันต์อึ้งไป บรรลัยแล้ว!
เจมส์แปลกใจที่คิมหันต์เงียบไป “ผมพูดอะไรผิดรึเปล่า”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก ขอบใจมากเว้ยเจมส์”
คิมหันต์กดปุ่มวางสาย สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาไม่น้อย มุกรินเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“พายุลูกใหม่กำลังก่อตัว” คิมหันต์ลุกขึ้น “แต่มันจะเป็นพายุลูกสุดท้าย หลังจากนี้ฟ้าจะเปิด ความแจ่มใสจะกลับคืนมา เชื่อผมสิ”
กลางดึก ขุมเดินมาตามทางในซอยเปลี่ยวละแวกบ่อนเสี่ยอ๋า มันนับเงินปึกใหญ่ในมืออย่างมีความสุข โดยไม่ทันดูว่า ที่ด้านหลังมีลูกน้องเสี่ยอ๋า 3 คน เดินตามมาห่างๆ
จนสักครู่ ขุมก็เริ่มรู้สึกตัว ตัดสินใจก้าวขา ออกตัววิ่งหนีอย่างเร็ว ลูกน้องเสี่ยอ๋า วิ่งไล่ตามด้วย จนเมื่อถึงทางแยก ที่มีกองขยะกองใหญ่ไอ้ขุมพุ่งเข้าไปซุกตัวข้างกองขยะนั้น ทำตัวลีบเล็กแทบลืมหายใจ สรรพสิ่งรอบตัวมันนิ่ง เงียบสนิทชั่วขณะหนึ่ง
ไอ้ขุมเผยอยิ้ม ด้วยมั่นใจว่า รอดแน่ๆ มันค่อยๆ ยืดตัวเหนือกองขยะขึ้นมาอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเอง หมู่ลูกน้องเสี่ยอ๋า พุ่งเข้าชาร์จไอ้ขุมจนล้มกลิ้งไปกับพื้น ลูกน้องคนหนึ่งกระชากคอขุมขึ้นมา
“แกจะทำอะไรฉัน”
“เราไม่ทำหรอก แต่เสี่ยอ๋า จะทำรึเปล่า อันนี้ไม่รู้ว่ะ”
เช้าตรู่ คิมหันต์และมุกรินนอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง แสงที่สาดลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามายังห้องนี้ ยังเป็นสีน้ำเงินอ่อนๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ดังขึ้น เขาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาดูชื่อที่โทร.เข้า แล้วจึงกดปุ่มรับสาย พูดด้วยเสียงงัวเงีย
“ว่าไงครับเสี่ย”
“ขอโทษที่ต้องโทร.มาปลุกแต่เช้า”
“เสี่ยมีอะไรเหรอครับ”
เสี่ยอ๋ายืนพูดสายอยู่ในห้องลับของบ่อน
“ผมโทรส่งข่าวให้รู้ว่า ผมได้ตัวมันมาแล้ว”
คิมหันต์ขยับตัว กระตือรือร้นมากขึ้น
“เยี่ยมเลย เดี๋ยวบ่ายๆ ผมแวะเข้าไปหานะ อย่าให้มันตายซะก่อนล่ะครับเสี่ย”
“ได้ครับ”
เสี่ยอ๋าวางสายแล้วหันไปมองด้านหลัง เห็นร่างของไอ้ขุมโดนมัดอยู่ในห้องเดียวกันนี้ โดยมีลูกน้องเสี่ยอ๋า ยืนควบคุมอยู่
ในรถของพักตราที่แล่นมาตามทาง พักตราขับรถหน้านิ่ง ครุ่นคิดหลายอย่างในใจ เมื่อมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พักตราดูชื่อ แล้วกดปุ่มรับสาย แล้วประดิษฐ์เสียงสดใส น่ารัก
“คิมเหรอคะ พักตร์นึกว่าคิมลืมเบอร์พักตร์ไปแล้วซะอีก”
คิมหันต์พูดโทรศัพท์พร้อมกับเตรียมอาหารเช้าไปด้วย
“เปล่าครับ ผมลืมโทรศัพท์ไว้ในเป้น่ะ”
“เหรอคะ ขี้ลืมจังเลยนะคิม”
“งานมันยุ่งครับ นี่ผมก็แยกไปถ่ายรูปคนละโลเกชั่นกับผู้ช่วยนะ อากาศเป็นยังไงก็ไม่รู้ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก”
“เหรอคะ คิมส่งรูปมาให้พักตร์ดูบ้างสิคะ รูปที่คิมถ่ายไปแล้วน่ะ พักตร์อยากเห็นจังเลยว่ามันสวยแค่ไหน”
คิมหันต์ ถอนใจนิดๆ แต่ก็เอ่ยปากตอบด้วยเสียงสดใสเป็นปกติ
“ได้ครับ”
“ทำงานดีๆระวังป่วยนะคะ แล้วกลับมาเจอกันที่บ้านค่ะ พักตร์คิดถึงคิมนะคะ คิดถึงมากๆ”
พักตรากดปุ่มวางสาย สีหน้าและแววตาของเธอวาวโรจน์ ดูน่ากลัวไม่น้อย
คิมหันต์วางอาหารเช้าลงบนโต๊ะทานอาหาร มุกรินเดินลงมาจากชั้นบน ตามเข้ามา หน้าตาของเธอยิ้มแย้มสดใส
“คิมเป็นพ่อบ้านจังเลย อยู่ด้วยกันนานๆ มีหวังมุกเป็นง่อย ไม่ต้องทำอะไรเลยแน่ๆ”
“ผมแค่อยากให้มุกได้พักน่ะ มุกลำบากเพราะผมมาเยอะแล้ว ขอผมทำอะไรให้มุกบ้างเถอะนะ”
มุกรินหย่อนตัวลงนั่งแล้วจึงพูด
“แล้ววันนี้ คิมต้องไปไหนรึเปล่าคะ”
“ผมมีธุระนิดหน่อย”
คิมหันต์นิ่งไปเฉยๆ เหมือนยังพูดไม่จบความ มุกรินมองหน้าคิมหันต์ รอฟัง
“เรื่องเกี่ยวกับคดีน่ะ”
“อ๋อ ค่ะ...คิมไม่ต้องบอกมุกก็ได้”
“มุกล่ะ ออกไปไหนมั้ย”
“มุกนัดกับดวงดาวไว้ เราจะไปซุปเปอร์ หาซื้อของเข้าบ้านหน่อย”
“นี่ไง มุกก็เป็นแม่บ้านเหมือนกัน อยู่เฉยๆที่ไหน”
เสียงโทรศัพท์มือถือของมุกรินดังขึ้น มุกรินหยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทร.เข้ามา แล้วมองหน้าคิมหันต์
“พักตราค่ะ”
ทั้งสองมองโทรศัพท์นิ่งๆ เสียงเรียกยังดังอยู่เรื่อยๆ
“ไม่ต้องรับ เขากำลังสงสัยเรา”
“แล้วมุกควรจะทำยังไง”
“ทำใจสบายๆ รอพบกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น และเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่เรื่องราวดีๆ ของเราสองคน”
ทางด้านพักตรานั่งนิ่งอยู่ในรถ กดปุ่มยกเลิกการโทร. หลังจากรอสายอยู่นาน หน้าตาของพักตราดุดัน มากขึ้นไปอีกทบทวี
รถพักตราเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบริษัทฟาสต์แทร็คอย่างแรง
พักตราเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้องประชุม เห็นปรารภกำลังประชุมทีมงานของเขาอยู่ ทุกคนหันไปมองที่พักตรา
“คุณพักตรา มีอะไรเหรอครับ” ปรารภถาม
“ยายมุกอยู่ไหน”
ปรารภฉงน “มุก”
“ฉันอยากรู้ว่านังมุกรินอยู่ที่ไหน”
“มุกรินลาออกไปแล้วนี่ครับ คุณพักตราก็รู้ คุณยังหัวเราะชอบใจอยู่เลย”
“ฉันรู้ว่ามันลาออกแล้ว แต่ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
ปรารภถอนหายใจเบื่อหน่าย
“เอ้อ เดี๋ยวผมประชุมทีมเสร็จแล้วผมไปหาคุณพักตราที่ห้องแล้วกันครับ”
พักตราพูดสวนคำ เสียงดัง
“ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้”
“แต่ทีมงานของผม…”
พักตราแว้ดใส่ “ให้มันนั่งรอไป พูดเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วคุณค่อยประชุมต่อ เอาละ บอกมาว่านังมุกรินมันอยู่ที่ไหน”
“ผมจะโทร.ถามให้ครับ”
ปรารภหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขมุกรินแล้วโทร.ออก พักตราแผดเสียงตะโกนดังลั่น
“ไม่ต้องมาทำเป็นโทร.หรอก ฉันต้องการความจริง ไม่ใช่คำโกหกแก้ตัวจากพวกแก”
ปรารภพูดตอบโดยยังไม่ได้กดปุ่มยกเลิกการโทร.ออก จงใจให้มุกรินรู้ตัว
“ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่ามุกอยู่ที่ไหน ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่ครับ”
“ถ้างั้น ในห้องนี้มีใครเป็นอะไรกับมันบ้าง”
พนักงานทุกคนนิ่งอึ้ง ปรารภเอ่ยปากด้วยความรำคาญ
“คนที่เป็นอะไรกับมุกริน ก็คงจะมีแค่คุณคิมหันต์คนเดียวเท่านั้นแหละครับ”
พักตราแค้น “แก”
“ก็เขาเป็นแฟนเก่ากัน เป็นคู่หมั้นกันก่อนคุณอีก หรือไม่จริง”
“ฉันจะบอกให้นะ ฉันรู้ว่ามันแอบไปอยู่กับคิมหันต์ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แกรู้อย่างนี้แล้ว ไม่เป็นห่วงเด็กแกบ้างรึไง”
ปรารภอึ้ง นิ่งงันไป
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องไล่แกออกอีกคนเลยนะ นายปรารภ”
ปรารภถอนหายใจยาวๆ แล้วจึงพูด
“ถ้าการไม่สามารถพูดได้ถูกใจผู้บริหารจะทำให้ถูกไล่ออก ผมว่าพนักงานที่นี่คงต้องถูกไล่ออกจนหมดบริษัทละครับ”
“คอยดูต่อไปก็แล้วกัน”
พักตราเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องประชุมนี้ ปรารภรู้สึกหวาดวิตกไม่น้อย และอดเป็นห่วงมุกรินไม่ได้ กับท่าทีของพักตราเมื่อครู่นี้
มุกรินเดินคุยสายอยู่กลางซุปเปอร์มาร์เก็ต มีดวงดาวเดินเข็นรถตามมาไม่ห่างนัก
“ฮัลโหล...พี่รภโทร.หามุกรึเปล่าคะ”
“ใช่จ้ะ”
“มุกรับแล้วไม่เห็นพี่รภพูดอะไร ได้ยินแต่เสียงซีอีโอ”
ปรารภขยับตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน
“นั่นแหละที่พี่อยากให้มุกได้ยิน มุกได้ยินชัดมั้ย”
“จับความได้ว่า เขาด่ามุก”
“เขาพาลกับทุกคน เขาต้องการรู้ให้ได้ว่ามุกอยู่ที่ไหน”
“นี่ขนาดมุกลาออกแล้วนะคะ เขายังหาเรื่องมุกได้ถึงขนาดนี้อีก”
“แล้วตอนนี้มุกอยู่ที่ไหนน่ะ”
“มุกปลอดภัยดีค่ะ พี่รภไม่ต้องห่วง”
“แสดงว่ามุกไม่ได้อยู่ที่บ้าน มุกไม่อยู่บ้านพี่ชายแล้วใช่มั้ย”
มุกรินหยุดเดิน นิ่งไป
“มุก ให้พี่ไปหามุกได้มั้ยครับ พี่เป็นห่วงมุกนะ”
ไม่มีเสียงตอบจากมุกริน
“เขาไม่ได้คำตอบจากพี่ เขาก็คงไปไล่ตามกับคนอื่นจนได้ และพี่ก็ไม่รู้ว่าเขามีแผนจะทำอะไรรุนแรงกับมุกอีกมากแค่ไหน”
มุกรินยืนนิ่ง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ให้พี่ไปหามุกเถอะนะ”
“อย่าเลยค่ะพี่รภ เราไม่เจอกันจะปลอดภัยกว่า ทั้งตัวมุกและก็พี่รภด้วย”
“มุก”
“ขอบคุณพี่รภนะคะที่ห่วงใยมุกเสมอมา”
“มุก ฟังพี่ก่อน”
“สวัสดีค่ะ”
มุกรินกดวางสายทันที ดวงดาวเดินเข้ามาถามใกล้ๆ ประเมินสถานการณ์ออก
“ตัวอิจฉากำลังงุ่นง่านใช่มั้ย”
“ฉันควรจะทำยังไงดี”
“ก็ทำตัวเป็นนางเอกสิ อยู่เฉยๆ ให้พระเอกเขาเป็นคนจัดการ”
แม้จะพยักหน้ารับ แต่มุกรินก็เครียดไม่หาย
ฟากไอ้ขุมถูกมัดทั้งตัว และผูกขาไว้กับขื่อ ปล่อยให้หัวห้อยลงพื้นห้องลับในบ่อนเสี่ยอ๋า ลูกน้องเสี่ยสามคน ผลัดกันตีไอ้ขุมด้วยกระสอบใบใหญ่ ซึ่งภายในบรรจุผลไม้ลูกกลมๆ อาทิ ส้ม และ แอปเปิ้ล
ไม่มีรอยแผลใดๆ ที่เรือนร่างของขุม นอกจากรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ทว่ามันกระอักลิ่มเลือดออกมาตามจังหวะการทุบด้วยกระสอบ ขุมพยายามเปล่งเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก
“ขอพักแป๊บนึงได้มั้ย ให้หายใจกันบ้างซี่”
ลูกน้อง 1 บอก “ฉันจะพักก็ต่อเมื่อแกบอกความจริงทั้งหมดมา”
“ก็บอกไปแล้วไง”
“ยังไม่หมด”
หมู่ลูกน้องผลัดกันฟาดอีกคนละทีสองที ขุมแหกปากร้องลั่น
“โอย ฉันจะตายก่อนพูดนะเว้ย พวกแกไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นหรอกใช่ไหม...โอยๆๆ โอ๊ย”
ในห้องกระจกข้างห้องลับนั้น เสี่ยอ๋ายืนชิดติดผนังกระจก เพ่งดูการซ้อมไอ้ขุม โดยที่ด้านหลังของเสี่ยอ๋า
มีคิมหันต์ยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ด้วย
“ทนมือทนตีนอย่างนี้ น่าจะเป็นทหารเก่า”
“แล้วมันเกี่ยวกับไอ้ธาดายังไง”
“มันบอกว่า เป็นแค่คนรู้จักกัน”
คิมหันต์ส่ายหน้า แสยะยิ้มนิดๆ
“แต่ข้อมูลเท่าที่เราหาได้ก็คือ มันเป็นเด็กเก่าของเสธ.พุฒิ ผู้ทรงอิทธิพลที่วงการนักเลงก้มหัวให้ มันเคยเป็นมือปืนคุ้มกันคน ตามคำสั่งของเสธ.พุฒิ”
คิมหันต์พยักหน้า “อืม”
“ส่วนนายธาดาเคยไปยืมเงินเสธ.พุฒิไว้เยอะ”
“ผมไม่อยากรู้ความสัมพันธ์ของมัน ผมต้องการรู้เฉพาะเรื่องฆาตกรรมคืนนั้น”
“มันยังไม่ยอมเปิดปากเรื่องนี้”
“ซ้อมหนักขึ้นอีกได้มั้ย”
เสี่ยอ๋าส่ายหน้าไม่เอาด้วย “เดี๋ยวมันจะขาดใจตายซะก่อน”
คิมหันต์ถอนใจ เซ็ง
“แต่รับรอง ไม่เกินสองวัน มันต้องยอมพูดแน่ๆ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ดังขึ้น เขากดปุ่มรับสาย
ที่ห้องอาหารบรรยากาศสวย ตกแต่งงามตา พลโทอรรถ นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในโรงแรมทางภาคใต้ พร้อมกับพูดสาย
“นายทำอะไรอยู่ที่ไหน ไอ้ลูกชาย อย่าบอกนะว่าถ่ายรูปอยู่ ฉันไม่เชื่อ”
คิมหันต์เดินเลี่ยงห่างออกมาจากคนอื่นๆ แล้วจึงขยับปากพูด
“เอ้อ...”
“ตอบไม่ได้ ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ซักไซ้เรื่องนี้ เพราะถือว่าเรามีข้อตกลงกันอยู่ แต่ฉันต้องขอเตือนหน่อยนะ ว่านายกำลังมีพิรุธ”
“ยังไงครับ”
“พักตรากำลังตามเช็คพฤติกรรมของนายอยู่ และมันลามมาถึงฉันด้วย อยู่ๆ ที่ออฟฟิศก็โทร.เช็คความเคลื่อนไหวของฉัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่านายกำลังทำอะไรอยู่ อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายจนฉันรับไม่ได้”
เด็กสาวเทย่าคนนั้น ขยับตัวลงนั่งกินอาหารข้างๆ พลโทอรรถ
“เพราะถ้าถึงขั้นนั้นเมื่อไหร่ ข้อตกลงใดๆ ระหว่างเราจะไม่มีความหมายทั้งสิ้น ชีวิตจิตใจของลูกสาวฉันสำคัญที่สุด เข้าใจนะ”
“ครับ”
คิมหันต์กดวางสาย เขาครุ่นคิดสักครู่ จึงกดโทร.เบอร์ใหม่
“ฮัลโหล เจมส์ เก็บงานได้ครบรึยัง...ส่งรูปเข้ามือถือพี่หน่อยสิ...เดี๋ยวนี้เลย อ้อ แล้วถ้ามีโทรศัพท์ถึงแก ดูเบอร์ให้ดีก่อน ถ้าไม่ใช่พี่ ไม่ต้องรับเด็ดขาด เข้าใจนะ”
ตอนค่ำวันนั้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือของพักตรา ปรากฏเป็นภาพถ่ายแหล่งท่องเที่ยวประเภท unseen ที่จังหวัดเลยทางไลน์ พักตรานั่งดูภาพเหล่านั้นอยู่ที่บ้าน เลื่อนดูไปทีละภาพ มีข้อความอธิบายภาพจากคิมหันต์แนบมาด้วย
พักตราแสยะยิ้มนิดๆ แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว พบว่ามันมีปืนกระบอกเล็กสีบรอนซ์วางอยู่ข้างๆ กัน
แสงไฟสะท้อนปลายกระบอกปืนเป็นเงาวาววับ
อ่านต่อหน้า 4
รอยรักแรงแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
โทรศัพท์มือถือของคิมหันต์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ มันสั่นให้รู้ว่า มีข้อความใหม่ส่งมาถึง คิมหันต์เดินมาหยิบขึ้นมากดดู เป็นข้อความทางไลน์จากพักตรา
“พรุ่งนี้ พักตร์จะไปรับที่สนามบินนะคะ”
คิมหันต์หย่อนตัวลงนั่ง แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ พักตร์จะได้ไม่ต้องลำบาก ผมจะไปพร้อมของฝากนะครับ”
สักครู่ปรากฏข้อความใหม่ส่งมาจากพักตราเป็นคำว่า
“คิดถึงค่ะ”
คิมหันต์พิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า
“เช่นกันครับ”
มุกรินเดินเข้ามาหา พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว เธอส่งให้คิมหันต์
“พักตราโทร.มาเหรอคะ”
“ข้อความครับ”
“แปลกมั้ย...ทำไมไม่โทร.คุย”
“เขากำลังสงสัยผมอยู่...ช่างเถอะ”
คิมหันต์ดึงตัวมุกรินให้ลงมานั่งเอนหลังพิงเขา แล้วจึงโอบกอดเธอไว้อย่างอบอุ่น มุกรินพูดขึ้นมาลอยๆ
“คืนสุดท้ายของมุกแล้วสิ”
“ใครบอก เรากำลังจะเริ่มคืนแรกจริงๆ ของเรา ในอีกไม่กี่วันต่างหาก”
“ไม่กี่วันของคิมคือเมื่อไหร่คะ มุกกลัวว่า คิมกลับไป เขาก็จะมีวิธีบีบ บังคับจนคิมทำอะไรไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา”
“ไม่ ผมจะไม่ยอมเขาอีกแล้ว ตายเป็นตายสิ”
“อย่าพูดอย่างนี้ค่ะ”
“ก็จริงนี่ ความตายเท่านั้นที่จะพรากผมไปจากมุกได้”
คิมหันต์กอดมุกรินแน่นขึ้นอีก
“ผมขออีกอาทิตย์เดียวนะมุก เจ็ดวันเท่านั้น ได้มั้ย”
“มากกว่านั้นมุกก็รอค่ะ”
“มุกอยู่ที่นี่เลยนะ รอผมที่นี่แหละ เพราะที่นี่คือบ้านของเรา”
“ค่ะ”
ที่น่าจะเป็นวันแห่งความสุข เรือนหอหลังนี้กลับโอบอุ้มสองชีวิตนี้ไว้อย่างเหงาๆ
หลังพระอาทิตย์โผล่ขึ้น ใจกลางกรุงเทพมหานครได้ไม่นาน
เมื่อถึงเวลา คิมหันต์เดินไปตามทางเดินในคอนโดมิเนียมของพักตรา กระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋ากล้อง และถุงของฝากอยู่ในมือของเขา
ประตูห้องเปิดออกคิมหันต์ก้าวเข้ามา มองหาจนไปเห็นเงาร่างของพักตรายืนสงบนิ่งอยู่บริเวณระเบียงคอนโด คิมหันต์จึงเดินตรงเข้าไปหาเธอ
“ผมกลับมาแล้วครับ แล้วนี่ของฝากของคุณ ผ้ามัดหมี่ฝีมือแม่เฒ่าที่อำเภอ…”
พักตราหันมาหา แล้วตบหน้าคิมหันต์อย่างแรง พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
“ไม่ต้องมาโกหกฉัน หยุดตลบแตลง หยุดตอแหลกับฉันซะที คิมหันต์”
“ผมโกหกอะไรคุณ”
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ เอากระเป๋าเดินทางมาเปิดดูซิ”
พักตรากระชากกระเป๋าเสื้อผ้ามาเปิด และเทเสื้อผ้าคิมหันต์ออกมาเกลื่อน
“ไหน มีเสื้อผ้าเลอะโคลนบ้างมั้ย ที่ว่าฝนตกทำงานยาก ไหน เสื้อผ้าสะอาดเอี่ยม เรียบร้อยอย่างนี้เหรอ เนี่ยเหรอฝนตกสองวันสองคืน แล้วบอ์ดดิ้งพาสล่ะ อยู่ไหน มีมั้ย”
คิมหันต์ยืนนิ่ง
“จะแก้ตัวว่าไงอีก ห๊ะ ฉันเช็คสายการบินแล้ว ไม่มีชื่อนายคิมหันต์บินกลับมาไฟลท์นี้เลย แล้วนายคิมหันต์กลับมาวันไหนรู้มั้ย วันเดียวกับที่บินไปนั่นแหละ นายคิมหันต์ไปถึงสนามบินเลย แล้วนายคิมหันต์ก็ซื้อตั๋วบินกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนั้นเลย คำถามคือ นายคิมหันต์ไปอยู่ที่ไหนมา”
พักตราถลันเข้าไปทุบตีคิมหันต์อย่างไม่ยั้งมือ
“แกไปอยู่กับใครมาตั้งสี่วันสี่คืน แกทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมทำอย่างนี้”
คิมหันต์พยายามจับตัวพักตราให้หยุดนิ่งแต่พักตราดิ้นสุดแรง และไม่หยุดยั้งการทุบตี ปาข้าวของ แม้แต่น้อย
“ฟังผมก่อนนะพักตรา”
“ไม่ฟัง ฉันไม่ฟัง ไม่อยากฟัง”
“ไม่ฟังแล้วจะรู้เรื่องได้ยังไง”
“ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว แกไม่ต้องพูดก็ได้ แกไปอยู่กับนังมุกมาใช่มั้ย”
คิมหันต์ดันพักตราออกจากตัว แล้วเดินเลี่ยงหนีไปห้องอื่น พักตราตะโกนด่าตามหลังอย่างไม่ลดละ
“บอกมานะว่าแกไปอยู่ที่ไหน ไปนอนกกกับมันที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้”
“จะให้ผมพูด คุณก็ต้องหยุดโวยวายก่อน”
“ฉันไม่หยุด”
“งั้นคุณก็พูดไปคนเดียวแล้วกัน”
คิมหันต์ปิดประตูห้องนั้น พักตรายืนทุบประตูบานนั้น ตะโกนเสียงดัง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คิม เปิดประตู เถียงไม่ได้แล้วเดินหนีใช่มั้ย แกยอมรับมาซะเลยดีกว่า ว่าแกไปนอนกับอีมุกมาสี่วันสี่คืน ใช่มั้ย”
คิมหันต์เปิดประตูออกมาจ้องหน้าพักตรา
“ต้องการให้ผมยอมรับใช่มั้ย ต้องการแค่นั้นใช่มั้ย”
“ใช่”
คิมหันต์กระแทกเสียงบอกว่า “เออ”
พักตราส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น
“ไอ้เลว ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายใจหมา..ฉันเกลียดแก...”
คิมหันต์สุดทนแล้ว “จะไม่ยอมฟังเหตุผลกันบ้างเลยใช่มั้ย พักตร์”
“ไม่ ฉันอยากจะฆ่าแก ฉันอยากจะฆ่าพวกแกทั้งคู่เลย”
พักตราหยิบของใกล้ตัวกระหน่ำปาเข้าไปที่คิมหันต์.
“พูดกันไม่รู้เรื่องอย่างนี้ ผมไม่อยู่แล้วนะ”
“แกไม่อยู่นี่ แล้วแกจะไปไหน”
“ไปตามทางของผม”
คิมหันต์เดินหนีออกไปจากห้องพักนี้
“ไอ้คิม ไอ้เลว กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เหี้ย”
พักตราคว้าของในห้อง วิ่งตามปาไล่หลังคิมหันต์ไป
คิมหันต์ก้าวขึ้นรถ และบิดกุญแจสตาร์ต พารถเคลื่อนออกจากลานจอดรถโดยไว พักตราวิ่งมาขวางหน้ารถคิมหันต์ไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้คิม แกจะหนีฉันไปอย่างนี้ไม่ได้”
คิมหันต์บังคับรถเลี้ยวหลบพักตราออกไป พักตราขว้างของที่ถือในมือใส่รถคิมหันต์
“กลับมาเดี๋ยวนี้ ไอ้คิม กลับมา ฉันบอกให้กลับมา”
สาวไฮโซแสนสวยและรวยมาก ทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นลานจอดรถ ในสภาพอันน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำนักงานมูลนิธิ ปริมยืนพูดโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะทำงานของเธอ ด้วยท่าทีร้อนรนใจ
“ฮัลโหล...ท่านอยู่ที่ไหนแล้วคะ”
อรรถนั่งพูดโทรศัพท์ในรถลีมูซีน ที่วิ่งออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ
“ผมออกจากสนามบินแล้วกำลังจะเข้าไปที่ออฟฟิศ”
“ท่านไปที่คอนโดคุณพักตร์ก่อนดีกว่าค่ะ”
“ทำไม มีเรื่องอะไรเหรอ”
“คุณพักตร์กำลังอาละวาดหนักเลยค่ะ หนักกว่าทุกครั้งที่เราเคยเห็นนะคะ”
ไม่นานต่อมา พลโทอรรถเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องพัก เห็นสภาพรอบห้อง เลอะเทอะ ข้าวของกระจายเต็มพื้นที่ อรรถมองไปที่ระเบียง เห็นพักตราเธอยืนร้องไห้อยู่ที่นั่น ร่างของเธอชิด ติดขอบระเบียง จนน่าหวาดเสียวอรรถรีบส่งเสียงเรียกลูกสาว
“พักตร์”
“พ่อ”
พักตราเอ่ยปากโดยไม่หันไปมองหน้าพ่อ
“ลูกคิดจะทำอะไรน่ะ”
“เขาไปแล้วค่ะ เขาไปจากพักตร์แล้ว”
พักตราร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังขึ้น
“เข้ามาข้างในก่อนพักตร์”
“พักตร์อยากตายค่ะ”
“ไม่เอาน่าลูก เรื่องแค่นี้เอง”
พักตราหันไปจ้องหน้าผู้เป็นพ่อ
“แค่นี้เอง คู่หมั้นพักตร์ทั้งคน พ่อบอกว่าแค่นี้เองเหรอคะ”
“ถ้าเทียบกับชีวิตเราทั้งชีวิต มันก็แค่เรื่องขี้หมาๆ เท่านั้น เราจะเอาชีวิตเราไปผูกกับผู้ชายหมาๆ คนเดียวทำไม”
“ก็พักตร์รักเขานี่คะพ่อ พักตร์ไม่อยากเสียเขาไป”
อรรถเดินเข้าไปโอบกอดลูกสาว
“งั้นเราก็ต้องไม่ทำตัวอย่างนี้ ยิ่งเราทุรนทุราย เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเหนือกว่าเรา จะทำอะไรกับเราก็ได้เพราะฉะนั้นลูกต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี นิ่ง มีสติไว้”
“แล้วเขาจะกลับมาหาพักตร์เหรอคะ”
“เขาต้องกลับมาสิ”
“พ่อแน่ใจเหรอคะ”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อเอง ตอนนี้ ลูกทำตัวให้สดใสเข้าไว้ รอให้เขาเป็นฝ่ายเดินกลับมาหาเรา มาซบลงตรงปลายเท้าเรา ส่วนเราก็จะยืนเชิดหน้าอย่างเท่ๆ ดีกว่ากันเยอะนะลูก”
“พ่อต้องทำให้เขากลับมาจริงๆนะ ให้เขารักพักตร์คนเดียวนะพ่อ”
“พ่อสัญญา”
รถคิมหันต์จอดหลบมุมอยู่ริมถนนสายหนึ่งสักระยะแล้ว คิมหันต์ครุ่นคิด ท่าทางเครียดจัดอยู่เพียงลำพัง จนสักครู่ต่อมาชุมสายจึงเปิดประตูก้าวเข้ามานั่งข้างๆ
“ไงเพื่อน ถูกไล่ออกจากบ้านเหรอ ถึงต้องมาจอดรถข้างถนนอย่างนี้”
“ฉันหนีออกมาเอง...”
“อ้อ นักโทษแหกคุก แล้วไม่รู้จะไปไหนละซี” ชุมสายกระเซ้า
“แค่อยากอยู่นิ่งๆ”
“งั้นเรียกฉันมาทำไม”
“อยากมีใครซักคนมานั่งฟังฉันระบาย”
ชุมสายสัพยอก “ชั่วโมงละสี่พัน จ่ายไหวมั้ย”
“ไอ้หน้าเลือด”
“ถ้าไม่อยากเสียตังค์ แกก็ไปหาคุณมุกซี่”
คิมหันต์ถอนใจนิดๆ หนักใจเอาการ
“ฉันไม่อยากทำให้เขาลำบากใจมากกว่านี้”
“ตกลงแกนี่มันคนดี หรือ คนเห็นแก่ตัวกันแน่วะ”
“ฉันก็ถามตัวเองอยู่ทุกวัน”
“คำตอบล่ะ”
คิมหันต์ส่ายหน้า เขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้
“นี่หละผู้ชาย...ไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเองซักครั้ง”
“ตกลงเรื่องไอ้ขุม...อัยการว่าไง”
“ก็อย่างที่ฉันเคยบอกนั่นแหละ เราทำได้แค่แนบพยานหลักฐานไปในคำร้องศาลจะพิจารณาหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของท่าน”
คิมหันต์พยักหน้า “อืม...”
“ดูเหมือนแกจะไม่หวังพึ่งศาลแล้ว ใช่มั้ย”
“ฉันพึ่งคนที่มีดุลพินิจเหมือนฉัน น่าจะดีกว่า”
เมื่อมองจากมุมสูงลงมา เห็นไอ้ขุมถูกมัดห้อยหัวอยู่ที่ตำแหน่งเดิมในห้องลับของบ่อน ลูกน้องเสี่ยอ๋า ค่อยๆ หย่อนโซ่ที่มัดขา ปล่อยให้หัวขุมจมลงไปในถังน้ำที่วางรองอยู่ที่พื้น ขุมดิ้นสะบัดสำลักน้ำอย่างแรง ลูกน้องดึงขุมให้หัวลอยพ้นน้ำขึ้นมา
“ว่าไง พูดได้รึยัง”
ไอ้ขุมส่ายหน้า สะบัดหัว ลูกน้องเริ่มหงุดหงิด
“กูชักจะเบื่อแล้วนะ ถ้ามึงไม่ยอมเปิดปากพูดอีก ก็ตายห่าไปเลยแล้วกัน กูจะได้ไปทำอย่างอื่นซะที เฮ้ย”
ตอนท้ายลูกน้องคนนี้ หันไปให้สัญญาณเพื่อนมัน เพื่อนมัน ถืออุปกรณ์ช็อตไฟเดินตรงไปที่ไอ้ขุม ไอ้ขุมเหลือบตามองอุปกรณ์ช็อตไฟ แล้วแทบช็อก ไม่ทันที่มันจะต่อรองอะไร ลูกน้องก็จี้อุปกรณ์ช็อตไฟ ไปที่ร่างอันเปียกชุ่มของไอ้ขุม ไอ้ขุมร้องลั่น ดิ้นพล่าน
“อ๊าก....”
คิมหันต์ก้าวออกมาจากรถ พร้อมกับเอ่ยปากพูดโทรศัพท์
“ว่าไงครับเสี่ย แน่ใจนะครับ”
เสี่ยอ๋ายืนพูดโทรศัพท์ โดยที่ด้านหลังของเสี่ย เห็นหมู่มวลลูกน้องค่อยๆ ปลดร่างของไอ้ขุมออกจากพันธนาการ
“แน่ใจครับ มันพร้อมสารภาพ และให้เราบันทึกภาพเป็นหลักฐานทั้งหมดครับ”
“แจ๋วเลยครับเสี่ย เดี๋ยวเจอกัน”
คิมหันต์กดปุ่มเลิกการสนทนา แล้วหันไปหาชุมสาย
“อยากไปดูคำสารภาพพร้อมกับผมมั้ยครับ คุณทนาย”
บ่ายวันเดียวกัน รถปรารภแล่นมาจอดหน้าบ้านธาดา เขาก้าวลงจากรถ เดินไปที่ประตูบ้าน จนเห็นว่า มันถูกล็อคด้วยกุญแจ ปรารภลองกดออด และชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน หน้าตาเป็นกังวล
สักครู่หนึ่งปรารภกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์ธาดา
“ในฐานะคนที่ทำงานด้วยกันมาพักใหญ่ๆ ผมรู้สึกได้ว่านี่มันไม่ใช่ภาวะปกติ ผมตามหาเธอไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ ไม่ติดบ้าง ปิดเครื่องบ้าง ไม่ทราบว่า คุณรู้รึเปล่าว่าน้องสาวคุณอยู่ที่ไหน”
ธาดายืนพูดโทรศัพท์ อยู่มุมหนึ่งในบ่อน
“ก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านผมน่ะสิ”
“ไม่อยู่ครับ”
“รู้ได้ไง”
ปรารภยืนพูดโทรศัพท์หน้าบ้านธาดา
“ก็ผมยืนอยู่หน้าบ้านคุณนี่แหละ ประตูปิดล็อคแน่นหนา ไม่มีใครอยู่ซักคน ทั้งน้องสาวคุณ และก็เด็กของคุณ”
ธาดาหงุดหงิดมากขึ้น “คุณชักจะยุ่งกับเรื่องในครอบครัวผมมากเกินไปแล้วนะ และทุกครั้งที่คุณเสนอหน้าเข้ามา ก็จะมีเรื่องวุ่นวายกับน้องสาวผมเสมอ”
“ไม่ใช่แล้วละครับ เพราะน้องสาวคุณมีปัญหาต่างหาก ผมถึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแทนพี่ห่วยๆอย่างคุณ”
“งั้นก็ช่วยไปให้พ้นๆ จากบ้านผมซะที น้องสาวของผม ผมตามหาเอง”
“ได้ ถ้ามั่นใจว่าจะตามหาเจอ ก็เชิญ”
ปรารภกดปุ่มวางสาย ท่าทางหงุดหงิดมากเอาการ
ตอนบ่าย ดวงดาวกำลังซ้อมเพลงกับเพื่อนนักดนตรีอยู่บนเวทีในร้านอาหารที่เธอเล่นประจำ ธาดาเดินหน้าเครียด ตรงไปยืนชิดเวที ดวงดาวจึงต้องหยุดเล่น
“มุกอยู่ไหน”
“ทำไมมาถามหนูล่ะคะอา”
“อาติดต่อเขาไม่ได้”
“แล้วคิดว่าหนูติดต่อได้เหรอ”
ธาดาชักยัวะ “ดาวอย่ากวนตีนอา ขอร้อง”
ดวงดาวเดินลงจากเวทีออกไปมุมร้าน ธาดาเดินตาม
“เมื่อก่อนเคยชอบให้หนูกวนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปนะอา”
“เสียเวลาน่าดาว...มุกอยู่ไหน”
“ไม่รู้”
ธาดาบันดาลโทสะ กระชากแขนดวงดาวอย่างแรง
“รู้ใช่มั้ยว่าเขาไม่อยู่บ้าน”
“สามวันแล้ว อาเพิ่งรู้เหรอ”
”ทำไมไม่บอกอา”
“อาอยู่ให้บอกป่าวล่ะ”
จู่ๆ ธาดาเริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอ้คิม ไอ้เหี้ยคิมอีกแล้วใช่มั้ย”
ธาดายืนโงนเงน หน้ามืด ดวงดาวสังเกตเห็น
“อา...อาเป็นอะไรรึเปล่า”
“พาอาไปหามุกเดี๋ยวนี้เลย มุกอยู่ไหน”
“อานั่งพักก่อนดีกว่า”
ดวงดาวประคองให้ธาดานั่ง ธาดาสะบัดตัวออก
“อาจะไปหามุก อาจะไม่ยอมให้มุกไปอยู่กับไอ้คิม”
ธาดาเสียการทรงตัว หงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น
“อา”
ดวงดาวตกใจไม่น้อย
รถพยาบาลแล่นเข้าไปจอดหน้าทางเข้าห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่เข็นร่างธาดาออกมาจากรถ ตรงเข้าไปในโรงพยาบาล ดวงดาวก้าวยาวๆ ตามดูอย่างใกล้ชิด
ไม่นานต่อมา มุกรินเดินก้าวยาวๆ เข้ามาในโรงพยาบาล จนมาเจอกับดวงดาวที่ยืนอยู่ข้างๆ หมอ
“ดาว”
“มุก...หมอคะ นี่น้องสาวคนไข้ค่ะ”
“พี่ชายหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
“ยังตอบไม่ได้ครับ เพราะเราต้องรักษาอาการเบื้องต้นก่อน จากนั้นถึงจะส่งไปทำเอ็กซเรย์ หรือทำซีทีแสกนได้ เมื่อได้ผลแล้ว ค่อยมาวินิจฉัยอาการอีกที”
“ท่าจะยากแล้วละค่ะ เดี๋ยวแกตื่นขึ้นมาก็จะร้องกลับบ้านอีก” ดวงดาวบอก
“ญาติก็ต้องช่วยหมอด้วยนะครับ ไม่งั้นหมอก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
มุกรินรับคำ “ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือมุกรินดังขึ้น หมอแยกไปปฏิบัติหน้าที่ของตน มุกรินกดรับสายแล้วเดินเลี่ยงห่างออกมา
“ฮัลโหล”
เสียงคิมหันต์ถามมาว่า “เขาเป็นยังไงบ้าง”
“หมอต้องรอตรวจละเอียดก่อนค่ะ”
คิมหันต์พูดโทรศัพท์ในระหว่างขับรถมุ่งหน้าไปยังบ่อนเสี่ยอ๋า
“คุณอยู่กับดวงดาวใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“อยู่ได้นะ”
“ได้สิ” มุกริน ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยปากถามคิมหันต์
“คิม...”
“หือ...”
“ถามจริงๆ คิมดีใจใช่มั้ยที่พี่ใหญ่เป็นอย่างนี้”
คิมหันต์คิดหาคำที่เหมาะสม ก่อนเอ่ยปากตอบไปว่า
“ฟังนะมุก เมื่อไหร่ก็ตามที่มุกเป็นทุกข์ ผมจะมีความสุขได้ยังไง เจอกันที่บ้านเรานะครับ”
คิมหันต์กดปุ่มวางสายหันไปบอกชุมสายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไอ้ธาดาป่วยหนัก”
“แกคงจะสะใจละซี”
“สุดๆ เลยเพื่อนเอ๊ย”
คิมหันต์หัวเราะออกมา ด้วยความสะใจเหลือคณานับ
อ่านต่อตอนที่ 9