เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 14
วันใหม่ ภายในห้องอาหารตึกใหญ่เจ้าคุณสุทธา นิศาเสิร์ฟขนมให้บรรดาอาๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตระกล พงศ์จันทร์ และเกสร ส่วนไพจิตรนั่งดูอยู่ แจ๋วยืนอยู่ห่างไปคอยรับคำสั่ง
"ตุ๊นี่เก่งนะ...ทำขนมหน้าตาน่าทานจัง" เกสรบอก
นิศายิ้มภูมิใจ
"ย่าพลับ กับย่าแวว ช่วยกันสอนค่ะ ...ย่ายังบอกเลยนะค่ะว่าฝีมือตุ๊ทำไปส่งขายได้เลย"
พงศ์จันทร์หันไปถามตระกล
"เธอรู้หรือเปล่าว่ามีเรื่องอะไร ทำไมเจ้าคุณพี่ถึงเรียกเราสองคนมาหา"
"ไม่ทราบครับ....แต่ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นหลายอย่าง...ผมคิดว่าเจ้าคุณพี่อาจมีเรื่องปรึกษาละครับ"
"หรือว่าจะเป็นเรื่องของเสาวนิต" เกสรว่า
เจ้าคุณสุทธาเดินเข้ามา
"เรื่องเสาวนิตคงไม่ต้องพูดถึงตอนนี้หรอก พี่แจ้งตำรวจให้เค้าช่วยตามแล้ว"
เจ้าคุณสุทธามองที่ขนมที่วางอยู่อย่างพอใจ
"นี่ตุ๊เป็นคนทำเหรอ"
นิศาอายๆ
"เจ้าค่ะคุณพ่อ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มชมเชย
"น่าทานมาก"
เจ้าคุณลองทานขนมที่นิศาทำ หลังจากที่ทานก็มีสีหน้าเอร็ดอร่อยเลยค่ะ"
เจ้าคุณหันไปทางไพจิตร
"เป็นอย่างไรบ้างตาจิตร นอนหลับสบายมั้ย"
ไพจิตรยิ้มดีใจท่พ่อคุยด้วย...มองนิศาซึ่งยิ้มให้กำลังใจ
"หลับสบายครับ...เจ้าคุณพ่อ"
"วันนี้มีโอกาสพิเศษอะไรเหรอครับคุณพี่" ตระกลถาม
เจ้าคุณสุทธายิ้มมีความสุข...หันไปบอกแจ๋ว
"แกออกไปได้ ถ้าฉันไม่ได้เรียกไม่ต้องเข้ามา"
เจ้าคุณมองหน้าทุกคน
"พี่มีเรื่องจะต้องเล่าให้พวกเธอรู้ โดยเฉพาะตุ๊ กับ จิตร"
สองพี่น้องต่างมองหน้าพ่ออย่างสงสัย
"ก่อนที่พ่อจะเล่าเรื่องของพ่อให้ฟัง...พ่อขอบอกตุ๊ กับ จิตรก่อนว่าพ่อรักลูกของพ่อมากทุกคน...ไม่ว่าแม่ของลูกจะเป็นยังไงก็ตาม ในเมื่อมีลูกของพ่อออกมาแล้ว...พ่อรักลูกของพ่อมากทุกคน"
นิศา กับไพจิตร ยิ้มดีใจ
"พี่ถึงตามตระกล พงศ์จันทร์ กับ เกสร มารับรู้ด้วย เพราะเธอทุกคนเป็นน้องของพี่เหมือนกัน"
ตระกล พงศ์จันทร์ และ เกสรยกมือไหว้ท่านเจ้าคุณ ตระกลยิ้มๆ
"ขอบพระคุณครับที่คุณพี่ให้เกียรติพวกเรา"
"คุณพี่จะบอกเรื่องอะไรคะ...น้องว่าคุณพี่ดูตื่นเต้นมาก" เกสรว่า
เจ้าคุณสุทธายิ้มแจ่มใส
"จริงเกสร...พี่น่ะตื่นเต้นจนใจจะออกมาเต้นนอกอกอยู่แล้ว"
"คุณพ่อพูดอย่างนี้ตุ๊ยิ่งตื่นเต้นใหญ่เลยค่ะ"
"ก่อนที่จะแต่งงานกับแม่เจริญ...ฉันเคยมีภรรยามาก่อน"
ทุกคนนิ่งเงียบ มองหน้าเจ้าคุณสุทธาเขม็ง
"แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ" ตระกลถาม
เจ้าคุณสุทธาถอนใจเมื่อคิดถึงอดีต
"ถ้าพี่เข้มแข็งกว่านี้...พี่ก็คงไม่ต้องเป็นทุกข์มานานขนาดนี้หรอก"
ข้างประตูด้านหลัง แจ๋วแอบฟังด้วยความตื่นเต้น ตาโต ตกใจ....
บนตึกคุณหญิงเทพ คุณหญิงเจริญกรีดร้องกรี๊ดดังสนั่นจนพรรณ พิศ เพริศ พากันเอามืออุดหู
"อะไรกันคะคุณแม่ ทำไมจู่ๆ เจ้าคุณก็มีลูกเมียเก่าจะมาหา ไหนคุณแม่ว่า อีลูกเจ๊กนั่นน่ะเป็นแค่นางบำเรอไงคะ แล้วทำไมมันถึงมีลูกกับเจ้าคุณได้ล่ะคะ"
คุณหญิงเทพอึกอัก
"แม่ก็ไม่รู้...ใจเย็นๆ ซิแม่เจริญ เอะอะโวยวายไปก็เท่านั้น"
"คุณแม่จะให้ดิฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงล่ะคะ...ตอนนี้ดิฉันกับท่านเจ้าคุณยิ่งกำลังมีปัญหากันอยู่ แล้วถ้าอีเมียเก่ากับลูกมันมาแทรก ดิฉันกับท่านเจ้าคุณมิขาดกันหรือคะ"
คุณหญิงเจริญเดินไปนั่งเขย่าขาคุณหญิงเทพ พรรณรีบเข้ามาห้าม
"แม่เจริญ...อย่ามาเอาเรื่องเอาราวกับคุณแม่ขนาดนี้ เธอเอาแต่ความทุกข์มายัดเยียดใส่คุณแม่แบบนี้...เดี๋ยวคุณแม่ก็ไม่สบายกันพอดี"
คุณหญิงเทพสีหน้าเป็นทุกข์
"แม่ไม่เป็นไรหรอกแม่พรรณ แม่เจริญ...หล่อนดูไปก่อน อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป ถ้าตวันมีลูกกับเจ้าคุณจริง เค้าก็อาจจะแค่มาเยี่ยมเยียนกันเท่านั้น"
"ตวัน...อีลูกเจ๊กมันชื่อตวันเหรอคะ...คุณแม่อย่าไปยอมรับมันนะคะ อย่าไปยอมรับลูกมันด้วย ดิฉันไม่ยอมนะให้คุณแม่ยอมรับพวกมัน"
คุณหญิงเทพพูดอย่างรำคาญมาก
"ฉันจะไปรับอะไร...ฉันเป็นคนให้เจ้าคุณทิ้งเขามาแต่งกับเธอ แล้วฉันจะไปยอมรับอะไรกันล่ะ...เออ..."
พรรณบอก
"แม่เจริญ พูดก็พูดเถอะนะ เธอน่ะ อยู่กับเจ้าคุณมาเกือบยี่สิบปีแล้วน่ะ...ถ้าเธอไม่คิดว่าตัวเองน่ะเป็นเมียตบเมียแต่งเป็นคุณหญิง หัดเอาอกเอาใจเจ้าคุณ ออกไปนอกบ้านให้มันน้อยกว่านี้ เธอก็คงไม่ต้องมาร้องกรี๊ดๆ ฟ้องคุณแม่อยู่แทบทุกวันอย่างนี้หรอก"
คุณหญิงเจริญเม้มปากแน่นอย่างถือดี
"คุณพี่ไม่เคยมีผัว จะมารู้อะไรล่ะคะ ดิฉันจะต้องไปทำกระแดะดัดจริตยั่วผัวตัวเองอยู่ทำไม ลูกผู้ดีมีสกุลน่ะเค้าไม่ต้องมาทำสำออยผัวหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของสามีที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เมียถึงจะถูก"
คุณหญิงเจริญสะบัดหน้าเดินขึ้นบ้านไป พรรณมองตามอย่างหมั่นใส้
"ไม่มีประโยชน์หรอก...คนมันแก่เกินแกงแล้ว" คุณหญิงเทพบอก
"ทำตัวแบบนี้ก็สมแล้วที่ผัวเบื่อ คุณแม่คิดผิดแท้ๆ ที่อยากได้สะใภ้ลูกผู้ดี"
"จะมาพูดอย่างนั้นทำไมล่ะแม่พรรณ...ในเมื่อแม่เอาเขามาแต่งกับเจ้าคุณ...แม่ก็ต้องเข้าข้างเขาน่ะซิ"
"แต่ลูกว่าคุณแม่น่ะเข้าข้างคนผิดจริงๆ แม่เจริญน่ะเลี้ยงลูกก็ไม่เป็น เป็นเมียก็ไม่ได้เรื่อง. สงสารเจ้าคุณที่ทนมาได้นานขนาดนี้...นี่ถ้าเกิดเจ้าคุณเค้ารับลูกรับเมียเก่าเค้ากลับมา...คุณแม่จะว่ายังไงคะ"
คุณหญิงเทพคิดหนัก
เจ้าคุณสุทธาเดินไปเปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงเบาๆ ไพจิตร กับ นิศา นั่งเรียบร้อยคอยดูบิดา
"จิตร กับ ตุ๊ เสียใจหรือเปล่า ที่รู้ว่าพ่อมีลูกมาก่อน"
ไพจิตร มองหน้า กับนิศา
"เอ้อ...ง่า"
"ตุ๊ตอบไม่ถูกค่ะ...ถ้าลูกคุณพ่อเค้าไม่ชอบตุ๊ กับคุณจิตร คุณพ่อจะให้ตุ๊ไปอยู่ที่ไหนคะ"
นิศาพูดแล้วก็ก้มหน้า ไพจิตรก็เหมือนกัน เจ้าคุณสุทธายิ้มๆ
"ตุ๊ กับ จิตร ก็อยู่กับพ่อที่นี่เหมือนเดิม..แต่พ่อแน่ใจว่า พี่อีกสองคนเค้าจะชอบจิตร กับ ตุ๊แน่ๆ คงจะดีใจที่มีน้องที่ดีอย่างนี้"
นิศายิ้มอายๆ ไพจิตรก็เหมือนกัน
"ตุ๊ฝันอยากมีพี่สาวสวยๆ ใจดี กับพี่ชายที่เข้มแข็งอย่างพี่นนท์"
"จิตรก็เหมือนกันครับ"
"เอาอย่างนี้ดีกว่า...พ่อจะให้ตุ๊เป็นคนจัดการต้อนรับพี่ทั้งสองคน โดยมีจิตรเป็นผู้ช่วย ตุ๊จะทำได้ไหม"
นิศาดีใจ
"ทำได้ค่ะ...เอ..คุณจิตร เราต้องรีบคิดแล้วว่าจะเอาอะไรมาเลี้ยงพี่ๆ ของเราดี"
ไพจิตรตื่นเต้น
"นั่นสิคุณตุ๊...เราจะเตรียมงานทันหรือ"
นิศาพูดอย่างมั่นใจ
"ทันแน่นอน...ตุ๊จะไปขอให้ย่าแวว กับ ย่าพลับช่วยทำของกินอร่อยๆ ไว้"
"ดีจ้ะ...ถ้าตุ๊ต้องการจะซื้อหาอะไรเพิ่มเติมก็มาเบิกเงินที่พ่อได้เลย"
เจ้าคุณสุทธามองนิศาอย่างเชื่อมั่น นิศายิ้มอายๆ
"ตุ๊ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเมื่อก่อนนี้เวลาตุ๊มีความทุกข์พูดกับใครไม่รู้เรื่องเพราะไม่มีใครเข้าใจ ทำไมหนอตุ๊ ถึงไม่เข้ามาหาคุณพ่อ"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นลง
"พ่อก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงไม่เรียกตุ๊ ไม่ช่วยตุ๊ให้มากกว่านี้...พ่อเสียลูกไปคนหนึ่งก็จริง แต่ก็ได้กลับมาถึงสองคน"
"แล้วคุณพ่อก็จะได้ลูกมาอีกสองคนพรุ่งนี้ด้วยครับ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มมีความสุข
"จิตรมาอยู่กับพ่อตลอดไปเลยนะ...พรุ่งนี้พ่อจะให้คนไปขนของมาจากบ้านคุณย่าทั้งหมด"
ไพจิตรมองเจ้าคุณสุทธาอย่างดีใจมาก
"คุณพ่อพูดจริงๆ เหรอครับ"
"จริงซิจิตร จิตรอยู่กับคุณย่ามานานแล้ว มาอยู่เป็นลูกพ่อเสียทีเถอะ"
"แล้วถ้าเผื่อพี่นิตกลับมาล่ะคะ...คุณพ่อจะให้กลับมาอยู่กับตุ๊เหมือนเดิมมั้ยค่ะ"
"พ่อคงให้ไปอยู่กับแม่เขามากกว่า"
"แล้วคุณแม่จะไปอยู่ที่บ้านคุณย่าตลอดไปเลยหรือเปล่าคะ"
เจ้าคุณสุทธายิ้ม
"แหม...ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็เราอยู่กันสามคนสบายใจทีเดียวละ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายอีก"
นิศากับไพจิตรยิ้มเห็นด้วย แต่ไม่พูดอะไร เจ้าคุณสุทธาสีหน้าสบายใจ...
อานนท์ยิ้มดีใจที่บ้านตวัน
"ผมอยากให้พวกคุณได้เห็นสีหน้าเจ้าคุณสุทธาจริงๆ ท่านดีใจมาก น้าสมรบอกว่าท่านดีใจจนตัวสั่นไปหมด"
โสภณหัวเราะ
"ดีใจจนตัวสั่น...เหมือนสำนวนที่เขาพูดกันเลยครับ"
สุชาดาหันไปค้อนโสภณ
"แม่คะ...คุณพ่อคิดว่าพวกเราตายไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าคุณพ่อดีใจมากอย่างที่คุณนนท์บอก แปลว่าที่ผ่านมาคุณพ่อคงเศร้าคิดถึงแม่มากนะคะ"
ตวันยิ้มเศร้าๆ
"จะเศร้าเสียใจยังไง เค้าก็มีลูกกับเมียใหม่ถึงสามคน"
"เสาวนิตลูกคนแรกกับคุณหญิงเจริญ...อ่อนกว่าโสกับสุสี่ปี...แสดงว่าเจ้าคุณสุทธาไม่ได้ยอมรับคุณหญิงเจริญง่ายๆ"
"ผมว่า...ผมสงสารคุณหญิงเจริญนะ คุณหญิงเจริญน่ะโดนบังคับให้แต่งงานกับคุณพ่อ เพราะผิดหวังพลาดหวังจากคุณอาทั้งสองคน..แล้วนี่จู่ๆ พวกเราจะไป"
"ถ้าชีวิตครอบครัวของเจ้าคุณสุทธา กับ คุณหญิงเจริญมีความสุขอยู่แล้ว คุณหญิงเจริญก็คงเป็นคนน่าสงสารอย่างที่โสพูด...แต่นี่เจ้าคุณสุทธาเป็นผู้ชายที่ผิดหวังกับครอบครัวตัวเองจนเป็นคนมีความทุกข์ และ เศร้าแทบจะตลอดเวลา" อานนท์บอก
ตวัน โส สุ นิ่งฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด
"ลูกๆก็มีปัญหา"
ตวันถาม
"มีปัญหายังไง...อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่สุขสบายขนาดนั้นยังจะมีปัญหาอีกหรือ"
"เสาวนิตลูกสาวคนโตตอนนี้ก็หนีไปกับเด็กผู้ชายในบ้าน ผู้ชายคนกลางชื่อไพจิตร โดนคุณหญิงเทพเอาไปเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ เป็นเด็กผอมขี้โรค ขี้กลัว นิศาลูกสาวคนเล็กดูจะค่อยดีหน่อย ช่างคุย เรียนเก่ง...ตอนนี้ท่านเจ้าคุณลุกขึ้นมาปฎิวัติในบ้าน ไม่ยอมทำตามคุณแม่ของท่าน กับคุณหญิงเจริญที่เคยบงการทุกอย่างในบ้านอีกต่อไป"
"อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะพวกเรา"
อานนท์ยิ้ม
"ไม่ใช่หรอกจ้ะ...เพราะลูกสาวคนโตที่หนีไป...ทำให้ท่านไม่ยอมปล่อยให้คุณหญิงเจริญสั่งการทุกอย่างในบ้านอีกแล้ว...ตอนนี้ท่านก็บอกกับน้าสมรว่าแยกทางกับคุณหญิงเจริญแล้ว"
"แปลว่าคุณหญิงเจริญไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณพ่อแล้ว" สุชาดาว่า
"ใช่จ้ะ...คุณหญิงเจริญไปอยู่ที่ตึกคุณหญิงเทพ คุณย่าของคุณ"
"แล้วถ้าสองคนนั่นรวมหัวกันมาเล่นงานลูกฉันล่ะ" ตวันว่า
"นายตวันไว้ใจเถอะครับ...ท่านเจ้าคุณไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นแน่นอน...ปริศนา น้าสมร ผม ก็ไปด้วย..ไม่ต้องห่วงหรอกครับ"
"ถ้าเห็นท่าทางไม่ดี โสจะรีบพาสุวิ่งหนีกลับบ้าน" โสภณบอก
สุชาดากับอานนท์หัวเราะ ตวันสีหน้าใช้ความคิด
"สุชาดากับโสภณไปก็แล้วกัน"
"สุอยากให้แม่ไปด้วย...สุอยากให้แม่พบกับคุณพ่อ."
ตวันยิ้มเศร้าๆ กับลูก
"อีกหน่อยลูกจะเข้าใจเอง...ผู้หญิงเรา ลงว่าหมดความรู้สึกห่วงหาอาวรณ์กันแล้ว...มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิมแล้วลูก"
"แล้วความรักล่ะครับ ถึงจะหมดใยดีต่อกัน แต่ความรักเป็นความรู้สึกที่เราเก็บไว้กับตัว ผมว่ามันไม่หมดไปง่ายๆ หรอก" อานนท์บอก
"วัยอย่างฉันมันห่างไกลกับความรักเสียแล้วคุณนนท์ ทุกวันนี้ก็อยู่เพื่อประคองให้ลูกถึงฝั่งที่ควรจะเป็นเท่านั้น"
ตวันมองลูกทั้งสองอย่างรักมาก อานนท์มองตวันอย่างใช้ความคิด
วันใหม่ คุณหญิงเทพนอนให้คนใช้นวดสีหน้าขัดใจ พรรณ พิศ เพริศ นั่งควั่นธูปโดยมีคนใช้ช่วย
อีกคนหนึ่ง..
"นวดให้มันแรงๆ หน่อยสิวะ...ทำเป็นขยำๆ อย่างนี้ข้าจะหายเมื่อยได้ยังไง"
คนใช้หน้าเสียพยายามนวดแรงขึ้นจนคุณหญิงเทพสะดุ้ง
"เอ้า..เอ้า...นังนี่..ทีนี้ขยำซะยังกะแรงม้าแรงช้างอย่างนั้นแหล่ะ....แล้วนี่แม่เจริญไปไหน"
"ไปอาละวาดที่ตึกใหญ่ค่ะ" พรรณบอก
คุณหญิงเทพลุกขึ้นนั่ง
"ทำไม...มีเรื่องอะไรอีก"
พิศบอก
"เห็นว่าที่ตึกใหญ่น่ะเค้าเตรียมรับลูกเจ้าคุณกันยกใหญ่"
"ลูกเจ้าคุณ...ลูกแม่ตวันน่ะเหรอ"
"คงจะใช่ค่ะคุณแม่ นังแจ๋วมันมาเล่าว่าเจ้าคุณน่ะให้แม่ตุ๊เป็นแม่งานจัดการเลี้ยงรับ ยายพลับ กับ ยายแววก็พลอยวุ่นวายทำกับข้าว" พรรณบอก
คุณหญิงเทพนิ่งอึ้งไป
"เจ้าคุณน่าจะมาบอกให้แม่รู้บ้างนะ"
พรรณ พิศ เพริศ มองหน้ากัน
"เจ้าคุณคงไม่อยากให้คุณแม่ไม่พอใจน่ะค่ะ"
คุณหญิงเทพพูดอย่างงอน
"ฉันจะไม่พอใจเรื่องอะไร ฉันไม่ได้นับเป็นลูกเป็นหลานฉันอยู่แล้ว...อยากจะมาก็มาฉันไม่สนใจ"
"สงสัยป่านนี้แม่เจริญคงไปอาละวาดเรือนแตกซะก็ไม่รู้" พิศบอก
"ถ้าแม่เจริญไปทำอย่างนั้น...มีหวังเจ้าคุณไล่ออกจากบ้านแน่" พรรณบอก
คุณหญิงเทพถอนใจ
"แม่ชักเบื่อแม่เจริญ...จะมาอยู่ที่นี่ มีหวังวันๆ แม่คงนั่งไม่ติด..เฮ้อ...บางทีก็เวทนา"
เพริศพูดโดยไม่คิด
"คุณแม่อยากเอาเขามาคุณแม่ก็ต้องเลี้ยงเขาไปน่ะสิคะ"
คุณหญิงเทพค้อน
"อย่ามาซ้ำเติมแม่ได้ไหมแม่เพริศ...แม่จะรู้ได้ยังไงว่าแม่เจริญน่ะจะเป็นแม่กระเฌอก้นรั่วอย่างนี้ล่ะ...มันน่าสมเพชที่มาโดนผัวทิ้งเอาตอนแก่"
พิศ กับ เพริศ หันไปหัวเราะคิกคักกัน
นิศา กำลังเจ้ากี้เจ้าการให้ พลับ แวว ไพจิตร จัดเตรียมอาหาร
"ข้าวแช่เสร็จหมดแล้ว...ย่าพลับขา แล้วของทานเล่นล่ะคะ"
"ก็มีข้าวตังเมี่ยงลาวแล้วไง"
พลับกำลังจัดข้าวตังเมี่ยงลาวใส่จานสวย
"นี่ไงล่ะตุ๊ จะชิมไหมล่ะ"
นิศาเดินมาชิมข้าวตังเมี่ยงลาวคำเล็กๆ ที่พลับส่งให้แล้วก็ทำหน้าเคลิ้ม
"อร่อยที่สุดในโลก"
แววหันไปยิ้มกับพลับ
"ยังมียำไข่เต่ากับมังคุดด้วยนะ เดี๋ยวพอจะทานย่าถึงจะยำ"
นิศาน้ำลายจะไหล
"อู้ว์ว...ตุ๊ไม่ได้ทานยำไข่เต่ามาตั้งนานแล้ว"
"สงสัยแม่งานจะทานเยอะกว่าเพื่อนละมั้ง" ไพจิตรบอก
นิศาอายๆ ทุกคนหัวเราะ มุมหนึ่งห่างออกไป คุณหญิงเจริญมาแอบมองอย่างโกรธมาก
"คุณย่าค่ะ...ขนมเค้กล่ะคะ"
"พี่ยกขึ้นไปข้างบนแล้ว" ไพจิตรบอก
นิศาตบมือดีใจ
"คุณพี่สองคนจะต้องประทับใจแน่ๆ"
คุณหญิงเจริญเดินออกมาด้วยตาลุกเป็นไฟ
"ทำอะไรกัน"
ทุกคนสะดุ้ง
"แหม...ระริกระรี้กันเหลือเกินนะ ทำของกินมากมายก่ายกอง อย่างนี้จะทำไปให้ใครกินกัน"
ทุกคนเงียบ
"ว่าไง...ตุ๊ แม่ถามได้ยินไหม"
"เอ้อ"
คุณหญิงเจริญเดินมากระชากแขนนิศา
"มัวแต่เอ้ออ้าอยู่นั่นแหล่ะ...บอกมาซิ..ไอ้ชาติชั่วตัวไหนมันจะมา"
นิศามองเจริญอย่างไม่พอใจ ไม่ตอบ เจริญยิ่งโมโห..
"บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะตุ๊ ทำไมตุ๊ทำกับแม่อย่างนี้ ทำไมตุ๊ทำกับแม่อย่างนี้"
คุณหญิงเจริญกระชากแขน นิศาพยายามถอยหนีจะไปหาแวว แต่เจริญก็ขวางไว้
"คุณหญิง...ถ้าอยากรู้ก็ไปถามท่านเจ้าคุณเองซิ" แววบอก
คุณหญิงเจริญหันไปตวาด
"แกนึกว่าฉันไม่กล้าเหรอนังแวว...แกมันชอบสาระแนนัก"
คุณหญิงเจริญเดินไปปัดจานที่ใส่ข้าวตังเมี่ยงลาวหกกระจาย
"อย่ากินมันเลย"
เจ้าคุณสุทธาเดินมาตวาดเสียงดัง
"หยุดนะ"
คุณหญิงเจริญหันมาเล่นงานเจ้าคุณสุทธา
"มาก็ดีแล้ว...จริงหรือเปล่าที่ลูกอีกเมียเก่าเจ้าคุณจะมาที่นี่ วันนี้"
"จริง"
เจริญร้องกรี๊ด
"ยอมรับอย่างนี้เลยเหรอเจ้าคุณ...ฉันไม่ยอมให้มันเข้ามาในบ้านฉันนะ"
"ที่นี่บ้านฉัน...ฉันจะให้ใครมาก็ได้..จะไล่ใครออกไปก็ได้"
คุณหญิงเจริญน้ำตาร่วง มองเจ้าคุณสุทธาอย่างเจ็บปวด
"พูดอย่างนี้จะไล่ฉันไปหรือยังไง...เจ้าคุณนอกใจฉัน..ไม่ไว้หน้าฉัน...คิดบ้างไหมว่าฉันจะอับอายแค่ไหน"
เจ้าคุณสุทธาเสียงดัง
"ถ้าเธอไม่หยุดโพนทะนาเธอจะต้องอายมากกว่านี้ กลับไปที่ตึกคุณแม่เดี๋ยวนี้...อย่ามายุ่งแถวนี้อีกได้ยินมั้ย"
คุณหญิงเจริญร้องไห้
"ไม่...ฉันเป็นเมียเจ้าคุณ เป็นเมียตบเมียแต่งมีทะเบียน เจ้าคุณจะมาห้ามฉันอย่างนี้ไม่ได้...ฉันไม่ยอมให้ลูกอีเจ๊กบ้าเข้ามาที่นี่เด็ดขาด...ฉันไม่ยอม"
"ถ้าเธอไม่หยุดอาละวาด...เธอจะเสียใจมากกว่านี้ กลับไป ฉันบอกให้กลับไป"
เจ้าคุณสุทธาเสียงเฉียบขาด คุณหญิงเจริญเสียใจ
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 14 (ต่อ)
รถแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่บ้านสุทธากุลสองคัน คันแรกเป็นรถจากวังศิลาขาว มีสมบูรณ์เป็นคนขับ รถอานนท์ขับตามมาเป็นคันที่สอง
นิศากับไพจิตรวิ่งออกมาดู ปริศนาลงจากรถกับสมร อานนท์จอดรถข้างๆ รถปริศนา สองพี่น้องและอานนท์ลงมาจากรถ สุชาดามองไxรอบๆ อย่างรู้สึกดี เจ้าคุณสุทธารีบเดินออกมากับตระกล สุชาดากับโสภณหันไปมอง รู้ได้ทันทีว่าคนไหนคือพ่อ เจ้าคุณสุทธาน้ำตาคลอทันที....
สุชาดากับโสภณกราบที่เท้าเจ้าคุณสุทธา ปริศนา กับ สมร นั่งอยู่ด้านหนึ่ง อานนท์ กับตระกล นั่งอยู่ด้านหนึ่ง นิศากับไพจิตรนั่งอยู่ที่พื้น...เจ้าคุณสุทธาประคองลูกทั้งสองขึ้นมานั่งใกล้ๆ ใบหน้ายิ้มปลื้มใจ แต่น้ำตาไหลตลอดเวลา
"พ่ออยากจะมองหน้าลูกทั้งสองให้ชัดๆ แต่ตอนนี้ น้ำตามันกลบตาพ่อจนมองไม่ชัด...พ่อดีใจเหลือเกิน"
เจ้าคุณสุทธาหันไปกอดลูกสลับกันไปมาอย่างแสนรัก สุชาดาน้ำตาไหลด้วยความดีใ0เหมือนกัน ทุกคนสีหน้าดีใจมาก โดยเฉพาะอานนท์ สมรเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา ปริศนาหันไปพูดกับอานนท์
"คุณนนท์ วันนี้ปริศนามีความสุขเหลือเกิน...ถึงจะถูกล็อตโต้รางวัลที่ 1 ก็คงจะดีใจไม่เท่าวันนี้"
อานนท์พยักหน้า มองหน้าสุชาดาที่ดีใจน้ำตาไหลอยู่ในอ้อมกอดของพ่อด้วยสีหน้าดีใจ
"พ่อขอโทษลูกทั้งสองคนมากนะลูก...พ่อไม่ได้ทำหน้าที่ให้ลูกเป็นเวลายี่สิบกว่าปี"
โสภณยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ...แค่วันนี้เวลานี้ มันก็คุ้มค่าที่เรารอแล้วครับ"
"สุเคยคิดตลอดเวลาว่า คุณพ่อหน้าตาเป็นอย่างไร"
เจ้าคุณสุทธายิ้มดีใจตลอดเวลา
"แล้ววันนี้เห็นพ่อแล้วผิดหวังหรือเปล่าล่ะลูก"
สุชาดายิ้มหวาน
"ไม่เลยซักนิดค่ะ...คุณพ่อหล่อกว่าที่สุคิดไว้เสียอีก"
ทุกคนหัวเราะ
"ปริศนาก็ว่าสุพูดจริง...คุณลุงยังหนุ่มหล่ออยู่มากค่ะ"
เจ้าคุณสุทธาหันไปเรียกนิศา กับ ไพจิตร
"ตุ๊ กับ จิตร มานี่สิลูก มารู้จักพี่ของลูก"
นิศา กับ ไพจิตร เดินมานั่งที่พื้นข้างๆ เจ้าคุณสุทธาอย่างอายๆ สุชาดาเห็นน้องต่างแม่ทั้งสองคนก็ถูกชะตา โสภณเองก็เหมือนกัน..นิศา กับ ไพจิตรยกมือไหว้ พี่ทั้งสองรับไหว้
"ตุ๊ กับ จิตร น้องของลูก...วันนี้ตุ๊เค้าเป็นแม่งาน จัดการเตรียมการเลี้ยงรับลูก มีจิตรเป็นผู้ช่วย"
สุชาดายิ้มกับนิศา
"แหม...เก่งจริงๆ จ้ะ พี่ขอบคุณมากนะ"
นิศายิ้มดีใจ แต่ก็ยังอาย
"ค่ะ"
สมรบอก
"แม่ตุ๊เป็นแม่บ้านให้คุณพ่อได้แล้วนะนี่"
นิศายิ้มอาย
"คุณจิตร ย่าพลับ ย่าแวว ก็ช่วยด้วยค่ะ"
ตระกลบอก
"สั่งคนใช้ปัดกวาดเช็ดถูทั้งบ้านเลยนะครับ สองคนพี่น้องช่วยกันจัดบ้าน เตรียมอาหารต้อนรับพี่ๆ"
"คนที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคืออานนท์...ถ้าไม่ได้อานนท์ เราพ่อลูกคงไม่ได้พบกัน...พี่ขอบใจมากนะอานนท์"
สุชาดาหันไปมองอานนท์อย่างล้อเลียน
"ฉันก็ต้องเรียกคุณนนท์ว่าอาด้วยละซิ"
อานนท์ทำหน้าเหรอ
"ฟังแล้วแก่ไปนิดนะ"
เจ้าคุณสุทธาหัวเราะ
"เอ...จะเรียกอานนท์ว่าเป็นน้องหรือหลานดีล่ะนี่ อานนท์เป็นเพื่อนตระกลที่เป็นน้อง แล้วก็เป็นลูกคุณพี่ เจ้าคุณพลราม ที่เคารพนับถือเป็นรุ่นพี่...แหม...เรียกยากจริงๆ"
"ผมว่าต้องเป็นหลานถึงจะถูกครับ...เพราะต้องให้เกียรติเจ้าคุณพลราม..ที่ผมเรียกท่านว่าเจ้าคุณพ่อเหมือนกัน นายนนท์ถ้านายจะสมัครมาเป็นหลานเขยฉัน...นายก็ต้องเรียกฉันว่าอานW
อานนท์ยิ้ม
"ครับ...อาตระกล"
เจ้าคุณสุทธามองอานนท์ กับสุชาดายิ้มอายอย่างพอจะเข้าใจ
คุณหญิงเจริญนั่งร้องไห้โฮๆ ด้วยสีหน้าคับแค้นใจ มีแจ๋วนั่งที่พื้นใกล้ๆ คุณหญิงเทพนอนเอนๆ อยู่บนตั่งสีหน้าเครียด พรรณ พิศ เพริศ นั่งควั่นธูปห่างไปหน่อย
"เจ้าคุณนะ...เจ้าคุณ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกอดลูกดิฉันสักคน ไอ้อีสองคนนั่นเพิ่งมาแท้ๆ ถึงกับกอดรับขวัญมันเชียวเหรอ คุณแม่คะ ดิฉันทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องไปไล่พวกมันออกไปจากบ้านให้หมด"
"ถ้าเธอทำอย่างนั้น เจ้าคุณจะโกรธมากนะแม่เจริญ" พรรณเตือน
"โกรธก็โกรธไปสิคะ...ดิฉันไม่สนใจว่าเจ้าคุณจะโกรธแค่ไหน ขอให้ดิฉันได้ไปไล่ไอ้ลูกกาฝากเป็นพอ"
คุณหญิงเทพถอนใจ
"แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา เจ้าคุณเค้าจะยอมให้เธอไปไล่ลูกเค้าได้ที่ไหน...เธอน่ะแหล่ะจะโดนไล่"
"แล้วคุณแม่จะให้ดิฉันนั่งอยู่เฉยๆ เหรอคะ ดิฉันจะอกแตกตายอยู่แล้ว ดิฉันทนไม่ไหว จะให้มันสองคนมานั่งเสนอหน้ากินอยู่ในบ้านเราได้ยังไงคะ พวกมันคงจะต้องไปหัวเราะเยาะดิฉันแน่ๆ ที่ต้องซุกหัวอยู่หลังบ้านไม่กล้าไปยุ่งกับพวกมัน เจ้าคุณก็เหลือเกิน ทำกินทำเลี้ยงกันใหญ่โต ไม่ได้นึกถึงคุณแม่บ้างเลย"
"ทำไมเค้าจะไม่นึกถึงคุณแม่ เค้ายกสำรับข้าวแข่ชุดใหญ่มาให้คุณแม่กับพวกฉันแล้ว ไหนจะขนมปังหน้าเนื้อ หน้ากุ้ง ขนมจีบ ขนมเค้ก ไอศครีมแค่นี้ก็กินกันไม่หวัดไม่ไหวแล้วจ้ะหล่อน"
คุณหญิงเจริญก็ยังหาเรื่องต่อไปอีก
"คุณแม่ กับคุณพี่อยากจะรับทานของพวกมันก็เชิญเถิด แต่ไม่ต้องมาเรียกดิฉันให้กินของพวกมัน"
พิศบอก
"ฉันว่าเค้าก็ไม่ได้เอามาเผื่อแม่เจริญหรอกน่ะ เพราะเค้าคงรู้ว่าหล่อนก็คงถือดีไม่กินของเขาไง เค้าว่าหล่อนไปอาละวาดปัดของกินเขาทิ้งเสียจานใหญ่ ถึงได้โดนเจ้าคุณไล่กลับมาใช่ไหมล่ะ"
คุณหญิงเจริญโมโหมาก
"อีพวกขี้ฟ้อง...คุณแม่ดูมันสิคะ ถือว่าเจ้าคุณคอยถือหาง มันถึงได้กำเริบขนาดนี้...คุณแม่ต้องจัดการให้ดิฉันนะคะ มันทำอย่างนี้มันก็ไม่ไว้หน้าคุณแม่"
คุณหญิงเทพพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"แม่เจริญ...อย่าหาเรื่องให้ตัวเองต้องอับอายเลยนะ...ฉันว่าหล่อนสงบอกสงบใจอยู่ที่นี่ดีกว่า...แค่นี้เจ้าคุณเค้าก็ไม่อยากจะเห็นหน้าหล่อน"
"คุณแม่"
เจริญมองคุณหญิงเทพอย่างผิดหวัง...
นิศากำลังจัดจานใส่ของหวานให้คนใช้เอามาเสิร์ฟ เป็นเค้กอันเล็กๆ กับไอศครีม ปริศนามองของหวานอย่างชื่นชม
"โสต้องกลับไปเรียนอีกกี่ปีลูก"
"อีกเทอมเดียวก็จบแล้วครับ...อยู่ที่โน่นไม่มีอาหารไทยอร่อยๆ อย่างนี้ทาน" โสภณบอก
"ก็มาทานที่นี่บ่อยๆ ซิลูก...ก่อนจะกลับไป มาหาพ่ออีกได้ไหม"
เจ้าคุณสุทธาหันไปหาสุชาดาที่นั่งข้างๆ
"ได้สิคะ...สุ กับ โสจะมาหาคุณพ่อบ่อยๆ จนคุณพ่อเบื่อพวกเราเลย"
เจ้าคุณสุทธายิ้มมีความสุข
"ไม่มีวัน...พ่อไม่มีวันเบื่อลูกๆ ของพ่อเด็ดขาด...พ่อกลัวว่าลูกจะเบื่อพ่อน่ะซิ"
"ตอนนี้เรากำลังเห่อคุณพ่อมากนะครับ...คงไม่เบื่อง่ายๆ หรอกครับ"
คนใช้เอาจานของหวานมาเสิร์ฟให้ปริศนา
"แหม...น่าทานจริง วันนี้ปริศนาคิดว่าทานข้าวแช่จนทานอย่างอื่นอีกไม่ไหว...แต่พอเห็นของหวานก็อดไม่ได้"
"ทานเยอะๆ นะปริศนา" อานนท์บอก
ปริศนายิ้ม
"ถ้าปริศนาอ้วนขึ้นจะโทษคุณนนท์ที่ยุให้ทานเยอะๆ นะคะ"
สมรบอก
"ขนมเค้กนี่สวยจริง...ตุ๊ไปซื้อที่ไหนมาจ้ะ"
"ย่าแววเป็นคนทำค่ะ...ย่าทำขนมเก่งมากค่ะ" นิศาบอก
สุชาดายิ้มกับนิศา
"อร่อยมากทุกอย่างเลยจ้ะตุ๊...ตุ๊เก่งมากที่จัดแต่ของอร่อยๆมาให้เราทาน สุอยากชวนคุณพ่อ น้องๆ กับคุณอาไปเที่ยวที่สวนของเราบ้างนะคะ"
"สุจะทำอะไรเลี้ยงพ่อล่ะ"
"บ้านนายตวันมีกุ๊กจากเวียดนามสทำอาหารให้ทานครับ" อานนท์บอก
"จูเหลียงใช่หรือเปล่า"
ทุกคนแปลกใจ
"คุณพ่อรู้จักจูเหลียงด้วยเหรอคะ"
"รู้จักซิ...เคยเห็นจูเหลียงที่กัวลาลัมเปอร์ บ้านคุณตาของลูกน่ะ พ่อคิดถึงแม่ลูกมากเลยนะ แม่สบายดีหรือเปล่า"
"แม่ก็สบายดีครับ...แต่..." โสภณบอก
"แต่อะไร"
"แต่บางทีแม่ก็ดูเศร้าโดยที่เราไม่เข้าใจ"
โสภณยิ้ม
"ตอนนี้เข้าใจแล้วครับ"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นลง วางช้อนกินไม่ลง
"พ่อนึกว่าแม่เค้าจะมาด้วย"
"ดิฉันว่าที่ตวันยอมให้สุกับโสมาหาเจ้าคุณนี่ก็ทำใจมากแล้วนะคะ...เจ้าคุณต้องใจเย็นๆ ค่ะ" สมรบอก
"ตวันมีสิทธิ์ที่จะโกรธจะเกลียดผม....คงยากที่เค้าจะให้อภัยผม"
"แม่ไม่เคยโกรธพ่อเลยนะคะ...มีแต่เสียใจ...เสียใจมาก พ่ออยากไปหาแม่ไหมล่ะคะ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มเศร้า
สุชาดายิ้มดีใจ...
ตวันนั่งฟังสุชาดาเล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"แม่คะ...คุณพ่อฝากให้มาบอกแม่ว่า อยากพบแม่ใจจะขาด"
ตวันยิ้มไม่ตอบ
"สุดีใจเหลือเกินที่ได้เจอคุณพ่อ"
"คุณพ่อยังหนุ่มมาก แล้วก็หล่อมากด้วยครับ"
"แหม...คุณแม่ต้องรู้อยู่แล้วละโสว่า คุณพ่อน่ะหล่อแค่ไหน แม่คะ...สุว่าคุณพ่อน่ะสมกับคุณแม่ที่สุดเลย"
"แม่ดีใจที่สุ กับโสได้พบกับคุณพ่อ"
"สุจะไปหาคุณพ่ออีกวันมะรืนนี้...แม่ไปกับสุนะคะ"
ตวันยิ้มสีหน้าเรียบเฉย
"ไม่ละจ้ะ...ลูกๆ ไปกันเถอะ ไปบ่อยๆ เดี๋ยวคุณพ่อจะรำคาญเอาหรือเปล่า"
"คุณพ่อพูดเองว่าอยากให้เราไปทุกวันด้วยซ้ำไปครับ"
สุชาดาหันไปยิ้มกับอานนท์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม อานนท์นั่งดูสามคนแม่ลูกคุยกันด้วยความสุข
อานนท์เดินเล่นกับสุมาที่ท่าเรือคลองน้ำวน สุหันมายิ้มน่ารัก
"ขอบคุณมากนะคะ"
"วันนี้ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นที่สุด"
"ไม่นึกเลยว่าคุณจะทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงได้ ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้พบกับคุณพ่อที่ฉันเฝ้าหวังที่จะเจอฉัน กับโสต้องขอบคุณคุณนนท์มากจริงๆ"
"ผมอยากให้คุณแม่คุณได้พบกับคุณพ่อของคุณเร็วๆ"
สุชาดาสีหน้าไตร่ตรอง
"ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแม่นะ ตอนนี้คุณพ่อมีครอบครัวใหม่ คุณพ่อมีภรรยาใหม่ ถ้าแม่ฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย
แม่ฉันจะอยู่ในฐานะอะไร เมียเก่าเหรอ เพราะอย่างนี้แม่ถึงไม่อยากไป ต่อให้แม่อยากพบคุณพ่อมากแค่ไหนก็ตาม"
"แต่ท่านเจ้าคุณพูดเองว่า แยกทางกับคุณหญิงเจริญแล้ว"
"แต่ก็ยังอยู่ที่นั่น...ถึงจะคนละตึกก็ตาม .คุณพ่อก็ยังได้ชื่อว่าภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฏหมายยังอยู่ร่วมบ้านสุทธากุลกันอยู่...ดีไม่ดีถ้าแม่ฉันไปที่บ้านคุณพ่อ คุณหญิงเจริญจะว่าแม่ฉันได้"
อานนท์นิ่งคิด
"ก็จริงของคุณ"
"ตอนนี้แค่ฉันกับโสได้พบคุณพ่อ...ฉันก็มีความสุขมากแล้ว ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้"
อานนท์มองสุชาดาอย่างสงสาร จับมือไว้ทั้งสองข้าง...
"สุ...ผมรักคุณนะ ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุข ต่อให้คุณเป็นลูกสาวชาวสวนธรรมดาๆ ผมก็รักคุณ และจะแต่งงานกับคุณให้ได้"
อานนท์มองหน้ากับสุชาดาอย่างมีความสุข...
ฝ่ายคุณหญิงเจริญนั่งโกรธเกรี้ยวอยู่กับคุณหญิงเทพ
"เจ็บใจนัก...ทั้งนังตุ๊ ทั้งไพจิตร...ไปตื่นเต้นต้อนรับลูกอีเมียเก่าจนลืมแม่ลืมพี่"
"แล้วนี่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าวแม่นิตอีกหรือ"
"ยังเลยค่ะคุณแม่...เจ้าคุณน่ะไม่เหลียวแลเลยว่าแม่นิตจะเป็นตายร้ายดียังไง...มิหนำซ้ำยังจัดเลี้ยงลูกเมียเก่าเอิกเกริกแบบนี้...คุณแม่จะไม่ให้ดิฉันช้ำใจได้ยังไง"
"มันก็จริง เจ้าคุณทำอย่างนี้ไม่ถูก"
"เห็นว่าให้เพื่อนที่อยู่สันติบาลช่วยตามแล้วนี่คะคุณแม่ แต่ยังไม่ได้ข่าวเลย...ตำรวจเค้าไปตามที่บ้านพ่อแม่ผู้ชายที่ต่างจังหวัดก็ไม่เจอ" พรรณบอก
คุณหญิงเจริญโวย
"โธ่แม่นิต...ป่านนี้ลูกจะเป็นยังไง จะไปตกระกำลำบากที่ไหน คงไปอดมื้อกินมื้อ หรือตายไปแล้วก็ไม่รู้"
เจริญร้องไห้สะอึกสะอื้น คุณหญิงเทพได้แต่เอามือตบแขนเบาๆ ปลอบใจ...
ทางด้านเสาวนิตนั่งเท้าคางส่งสายตาหวานฉ่ำให้มนตรีที่กำลังสเก็ตแบบอยู่บนโต๊ะเขียนแบบที่ต่อเองอย่างง่ายๆ มนตรีพยายามมีสมาธิ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปยิ้มกับเสาวนิต พอมนตรียิ้มให้ เสาวนิตก็เดินนวยนาดเข้ามายืนมองใกล้ๆ อย่างจงใจ เสาวนิตนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาวที่สั้นมาก กับเสื้อที่ดูเซ็กซี่ แต่งหน้าจัดปล่อยผมสยาย
"คุณมนตรีวาดอะไรคะ"
"กำลังออกแบบศาลาริมน้ำ"
เสาวนิตชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างจงใจ
"โอ้โฮ...สวยจัง คุณมนตรีออกแบบเก๊งเก่งค่ะ"
"เทอดเค้าก็เก่งนะครับ เค้าจะเป็นหมอที่ดี คุณนิตให้เค้ากลับไปเรียนต่อสิครับ....เอ้อ...เพื่ออนาคตของคุณสองคน"
เสาวนิตแบะหน้า พยายามทำท่าเซ็กซี่
"เค้าจะจบหรือไม่จบก็ไม่เห็นเกี่ยวกับนิต"
มนตรียิ้มๆ
"คนเป็นแฟนกันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงครับ"
เสาวนิตแสร้งทำตาโตตกใจ
"ตายจริง...นี่คุณมนตรีคิดว่านิตเป็นแฟนกับเทอดเหรอคะ ไม่ใช่นะคะ"
มนตรียิ้มเก้อๆ
"เหรอครับ...ผมเห็นคุณนิตมากับเทอด...แล้วก็...เอ้อ.."
"คุณมนตรีคงเห็นว่าเทอดนอนอยู่ในห้องเดียวกับนิตใช่ไหมคะ นิตยังไม่คุ้นกับที่นี่...นิตกลัวไปหมด..ก็เลยขอร้องให้เทอดนอนเฝ้าเป็นเพื่อนที่ปลายเท้า...เทอดเป็นคนเรียบร้อย..เค้าเป็นหลานของแม่ครัวเก่าแก่ที่บ้านเจ้าคุณพ่อของนิตค่ะ"
มนตรีดีใจ
"เหรอครับ...ผมคิดว่าเทอดกับคุณนิตเป็นแฟนหนีตามกันมา"
เสาวนิตแกล้งทำท่าตกใจ
"ไม่ใช่ค่ะ...นิตรอให้คุณพ่อคุณแม่ใจอ่อนไม่บังคับให้นิตแต่งงานกับคนที่นิตไม่ได้รัก...นิตก็จะกลับบ้านตอนนี้นิตรู้แล้วว่าทุกคนที่นี่ดีกับนิต หวังดีกับนิต นิตก็เลยบอกเทอดว่าไม่ต้องไปนอนเป็นเพื่อนนิตแล้ว"
เสาวนิตมองมนตรีอย่างให้ท่า...
อีกมุมหนึ่งของบ้าน เทอดนั่งมองสาวนิตที่คุยกับมนตรีด้วยสีหน้าไม่พอใจ วิเชียรเดินมานั่งใกล้ๆ
"เอ็งตกกระป๋องแล้วหว่า ...เทอด"
เทอดพูดห้วนๆ
"ตกกระป๋องอะไร"
วิเชียรบุ้ยใบ้ไปที่เสาวนิตกับ มนตรี
"ตามึงก็ไม่ได้บอดนี่...ท่าทางญาติมึงจะสนใจไอ้มนตรีซะแล้ว"
"ก็มนตรีเค้ามีคู่หมายแล้วไม่ใช่เหรอ..เค้าคงไม่ได้สนใจคุณนิตหรอก"
"แม่ปทุมน้องไอ้คุ่ยน่ะเหรอ...สวยสู้คุณนิตมึงได้ที่ไหนล่ะ ถามจริงๆ เหอะ...มึงกับคุณนิตเป็นอะไรกันหรือเปล่า"
เทอดฮึดฮัดใช้ความคิด
"กูรักเค้า"
"ตอบไม่ตรงคำถาม แต่ไม่ว่ามึงจะอยู่ในฐานะอะไรกับคุณนิต ตอนนี้มึงก็ไม่อยู่ในสายตาเค้าอีกแล้วว่ะ"
เทอดมองหน้าวิเชียรอย่างแค้นใจพูดไม่ออก
"กูพูดจริงจิ๊ง...มีงกลับไปเหอะ...ทิ้งเค้าไว้ที่นี่แหล่ะ"
"พูดบ้าๆ...มึงจะให้กูทิ้งคุณนิตไปได้ไง...ถ้ากูไปคุณนิตก็ต้องไป"
วิเชียรหัวเราะ
"ไม่มีทาง...คุณนิตไม่ทางยอมไปกับมึงหรอก"
เทอดโมโห
"ไอ้เชียร...มึงไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า"
"มึงก็ดูเอาซิ...คุณนิตของมึงน่ะใจแตกกู่ไม่กลับแล้วโว้ย มึงน่ะแหล่ะยังโง่ที่คิดว่า คุณนิตเค้ายังเห็นหัวมึง"
ชัยเดินกินขนมเข้ามา
"อ้าวเทอด...คุณนิตอยู่ไหนวะ"
เทอดไม่พอใจ
"ถามทำไม"
"ก็เอาขนมามาฝากเขาน่ะซิ"
"โน่น...อยู่กับมนตรี" วิเชียรบอก
"ชิบหายละ...พี่มนตรีชอบทีเผลออยู่เรื่อย..เดี๋ยวก็ฟ้องปทุมซะหรอก"
ชัยรีบเดินไปหาเสาวนิต เทอดมองด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ฝ่ายเสาวนิตดีอกดีใจที่ชัยเอาขนมมาให้กิน ยิ้มร่าเริง แล้วเอาขนมป้อนมนตรีด้วย วิเชียรหัวเราะ แต่เทอดโกรธจนแทบเป็นบ้า...
เวลาต่อมา เทอดลากเสาวนิตเข้ามาในห้อง และ ผลักไปบนที่นอนอย่างแรง เสาวนิตหันมาสีหน้าไม่พอใจมาก
"โอ้ย...เจ็บนะ...ทำบ้าๆ อย่างนี้ทำไมน่ะเทอด"
เทอดโมโห
"คุณนิตน่ะแหล่ะทำบ้าๆ เรื่องอะไรไปป้อนขนมมนตรี"
"ก็พี่มนตรีเค้ามือไม่ว่าง...ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อย"
"ทำไมจะไม่เป็น...มันน่าเกลียด เทอดไม่ชอบให้คุณนิตไปสนิทสนมกับคนอื่นอย่างนั้น แล้วดูแต่งตัวเข้าซิ...ทำยังกับ..."เสาวนิตลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเทอด เชิดหน้าอย่างถือดี
"ยังกับอะไร...พูดดีๆ นะเทอด"
"ยังกับผู้หญิงที่ชอบยั่วผู้ชายน่ะซิ"
เสาวนิตตบหน้าเทอดอย่างไม่พอใจ
"อย่ามายุ่งกับนิตนะ...นิตจะทำอะไรมันก็เรื่องของนิต เทอดไม่มีสิทธิ์มาว่านิตแบบนี้อีก"
เทอดตกใจนึกไม่ถึง มองเสาวนิตอย่างน้อยใจ
"คุณนิต"
"อย่าคิดว่าพานิตมาแล้วจะเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนิตนะ นิตมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้...ถ้าเทอดไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้ แต่ห้ามมายุ่งกับนิตอีกเด็ดขาด...นับจากวันนี้เป็นต้นไปห้ามเทอดเข้ามาในห้องนี้อีก...ออกไป"
เทอดยืนงง เสาวนิตไล่ซ้ำ
"บอกให้ออกไป...ไป"
เทอดคอตกเดินออกไป เสาวนิตหอบเพราะโมโห สะบัดผมจัดทรงให้เข้ารูป เดินไปหยิบลิปสติกออกมาทาปาก แล้วเอาแป้งแตะตามใบหน้า เสาวนิตยิ้มกับกระจกอย่างพอใจ...
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 14 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ อานนท์เดินผิวปากลงมาจากบนบ้านอย่างสบายใจ นงลักษณ์กำลังนั่งเหม่ออยู่ก็สะดุ้ง ผ้าที่กำลังเย็บอยู่ร่วงจากมือ
"น้องจ๋า...เช้านี้พี่ไม่ทานข้าวละนะ"
"รับกาแฟสักหน่อยไหมล่ะคะ"
"ไม่ละจ้ะ พี่จะรีบไปหาสุ วันนี้จะพาสุมาหาเจ้าคุณสุทธา"
"น้องดีใจด้วยนะคะที่เรื่องของคุณนนท์จบลงด้วยดี คุณพ่อคุณแม่ก็เตรียมหาฤกษ์ไปสู่ขอสุแล้ว"
อานนท์ดีใจ
"จริงเหรอจ้ะน้อง...แหม..ถ้าอย่างนั้นพี่จะได้รีบบอกสุ เอ้อ..น้องจะไปร้านหรือเปล่า...พี่แวะไปส่งให้ได้นะ"
"ช่วงนี้ร้านปิดค่ะ"
อานนท์ตกใจ
"อ้าว...เมื่อไหร่กัน...ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"
นงลักษณ์พยายามไม่เศร้า
"สิรีเค้าลาออกไปแล้วค่ะ...เค้าต้องไปเตรียมตัวเรื่องแต่งงานน้องทำคนเดียวคงไม่ไหว...นี่ก็กำลังทำเสื้อที่ค้างให้เสร็จหมดจากนี้ก็อาจปิดร้านถาวรเลย"
"ทำไมน้องไม่หาช่างมาช่วยแทนสิรีล่ะจ้ะ...พี่เห็นคนมาตัดเสื้อที่ร้านของน้องเยอะมาก...ไม่เสียดายหรือ"
นงลักษณ์สีหน้าครุ่นคิด
"ก็เสียดายเหมือนกันค่ะ...แต่พอคุณนนท์แต่งงานน้องคงจะกลับไปอยู่บ้านคุณแม่...ก็คงไม่อยากทำร้านต่ออยู่ดีจะได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า"
อานนท์นิ่งมองนงลักษณ์ที่ท่าทางเศร้า แต่เพราะจะรีบไป
"เอาเถอะจ้ะ...เรื่องนี้เอาไว้คุยกันวันหลังก็ได้."
อานนท์เดินออกไป นงลักษณ์เก็บผ้าที่เย็บอย่างไม่มีกำลังใจที่จะทำ สายใจที่คอยดูอยู่ด้วยความสงสารเดินเข้ามาหา
"คุณจะกลับไปอยู่บ้านใหญ่จริงๆ เหรอคะ"
นงลักษณ์พยักหน้า
"ถ้าคุณนนท์เค้าแต่งงานเค้าก็คงอยากอยู่ตามลำพังกับเมียเค้ามากกว่า...ฉันไม่อยากอยู่เกะกะพวกเขา"
"เอ้อ...คุณคะ...ทำไมหมู่นี้คุณตระกลถึงหายหน้าไปล่ะคะ เมื่อก่อนเคยมาทุกวัน ทำไมอยู่ๆ ก็หายเงียบไปซะเฉยๆ"
นงลักษณ์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็นที่จะพูดออกมา
"เค้า...เค้าไปมีคู่รักแล้วละสายใจ"
สายใจตกใจ
"อ้าว....คุณตระกลไปชอบกับใครล่ะคะ"
"จำผู้หญิงที่มาหาคุณนนท์ได้ไหมล่ะ"
"อ๋อ...ที่ชื่อวนิดา...ที่สวยๆ ใช่ไหมคะ"
นงลักษณ์พูดไม่ออก พยักหน้าอย่างเศร้าๆ
"คนนั้นแหล่ะ"
สายใจทำท่าไม่เชื่อ
"เอ...คุณตระกลไม่น่าชอบผู้หญิงอย่างนั้นนะคะ...ใครบอกคุณ"
"ฉันเห็นกับตาตัวเอง...ท่าทางเขามีความสุขมาก...อย่าไปพูดถึงเค้าเลยนะ"
นงลักษณ์ลุกขึ้นเดินไปเพื่อซ่อนน้ำตาที่ไหลออกมา
ตระกลนั่งเหม่อลอยอยู่ที่บ้านวนิดา ในขณะที่วนิดากำลังนั่งพูดคุยกับเสมอ ประภาเดินมาหา
มีสาวใช้ถือถาดเครื่องดื่มเดินตามมา
"วันนี้ทำน้ำตะไคร้มาให้ดื่มกันค่ะ...วันก่อนหนูดาเค้าลองทำ แล้วทุกคนในบ้านติดใจ"
"คุณวนิดาทำเองเหรอครับ"
วนิดายิ้มพอใจ
"ไม่ได้ทำเองค่ะ...แต่ฉันไปเจอวิธีทำน้ำตะไคร้ที่บ้านเพื่อน ก็เลยลองเอากลับมาให้ในครัวลองทำดู"
เสมอดื่มน้ำตะไคร้ ตระกลก็จิบเงียบๆ
"แหมอร่อยหอมหวานดีจริงๆ ครับ...ดื่มแล้วชื่นใจมาก"
ประภาถามตระกลอย่างเอาใจ
"คุณตระกลชอบไหมจ้ะ"
ตระกลยิ้มๆ
"ดีครับ...หอมดี"
วนิดามองตระกลอย่างพิจารณา
"ทำไมหมู่นี้คุณตระกลดูเงียบๆ คะ...มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกดาได้นะ"
ตระกลยิ้มๆ
"ไม่มีอะไรหรอกครับ"
"คุณตระกลอาจจะใจลอยคิดถึงใครหรือเปล่าครับ...ผมก็ว่าวันนี้คุณตระกลไม่ค่อยคุย ปล่อยให้ผมกับคุณวนิดาคุยกันอยู่สองคน" เสมอบอก
วนิดายิ้มมั่นใจ
"คุณเสมอ..คุณตระกลอยู่กับดาจะคิดถึงคนอื่นได้ยังไงคะ ดาว่าคุณต้องกังวลเรื่องงานแน่ๆ เลย"
ตระกลยิ้มๆ
"หนูดา...เย็นนี้เราพาคุณตระกลไปไคเช็คชนกันดีกว่าไปยืดเส้นยืดสายเต้นรำจะได้หายเครียด"
วนิดายิ้มเดินมาหาตระกล
"ไปนะคะ วันนี้ดาอยากเต้นรำ เราไปทานข้าวแล้วก็เต้นรำกันดีกว่า"
"เย็นนี้ผมมีนัดทานข้าวกับคุณพี่ครับ...ต้องขอโทษด้วยที่ไปไม่ได้ คุณเสมอล่ะครับ...พาคุณดาไปเต้นรำได้ไหมครับ"
เสมอยิ้มดีใจ
"ด้วยความยินดีครับ...ผมชอบเต้นรำอยู่แล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นเราตามคุณสมศักดิ์ คุณประโยชน์ คุณปรีชาไปด้วยกันดีกว่านะคะ ไปหลายๆ คนสนุกดี"
วนิดาหันไปหัวเราะสนุกกับเสมอ ตระกลแอบถอนใจ ประภามองตระกลอย่างพิจารณา...
เจ้าคุณสุทธากำลังนั่งคุยกับตำรวจด้วยสีหน้าไม่สบายใจ อานนท์ โส สุ นั่งฟังอยู่ด้วย
"ผมได้รับรายงานจากตำรวจที่คอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบ้านนายเทอดที่นครสวรรค์แล้ว....ตลอดห้าวันมานี่ ไม่มีอะไรผิดปรกติครับท่าน...ตัวนายเทอดก็ไม่ได้พาลูกสาวท่านกลับไปที่นครสวรรค์"
"ถ้าหากเทอดไม่ได้กลับไปบ้าน...แล้วจะไปที่ไหน"
"น่าจะยังอยู่ในกรุงเทพนะครับ...ถ้าเราพอจะรู้ว่านายเทอดมีเพื่อนสนิทติดต่อกับใคร เราก็จะส่งตำรวจไปตรวจดู ผมไปสอบถามเพื่อนของนายเทอดที่มหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่มีใครรู้"
เจ้าคุณสุทธากลุ้มใจมาก
"ป้าของเทอดเค้าก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้...เพราะเทอดไม่เคยคุยเรื่องที่มหาวิทยาลัยให้ป้าฟัง พวกเพื่อนๆ น่ะถึงรู้ก็ค'ไม่ยอมบอก นี่มันก็หลายวันเข้าไปแล้ว จะไปตามหาที่ไหนได้"
"กระผมยังให้เฝ้าติดตามบ้านนายเทอดที่นครสวรรค์อยู่ ถ้าคืบหน้าอย่างไรจะมาเรียนให้ท่านทราบครับผม"
"ขอบใจมากนะ...อ้อ...ผมอยากจะขอร้องว่าเรื่องนี้อย่าให้เอิกเริกไป"
"ผมเข้าใจดีครับท่าน...ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้..ผมต้องขอลากลับนะครับ"
ตำรวจลุกขึ้นเดินออกไป เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นหมอง สุชาดาเข้ามานั่งใกล้ๆ
"ใจเย็นๆ นะคะคุณพ่อ...ตำรวจคงหาทางพาน้องกลับมาได้แน่ๆค่ะ"
เจ้าคุณสุทธาหันมามองหน้ายิ้มๆ
"เป็นความผิดของพ่อด้วย...พ่อไม่ได้ดูแลใกล้ชิดกับพวกน้องๆมากพอ ความที่พ่อเบื่อแม่ของพวกเขา...ทำให้พ่อไม่อยากสนใจทุกเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขา ผลที่ได้ทำให้น้องทุกคนมีปัญหา ถ้าได้ตัวเสาวนิตกลับมา พ่อจะดูแลเค้าให้ดี"
"สุช่วยคุณพ่อได้นะคะ สุจะพาน้องๆ ไปเที่ยวได้ไหมคะ คุณพ่อ"
"นั่นสิครับ...ถ้าน้องๆ ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง...จิตใจที่ขุ่นมัวอาจจะดีขึ้น" โสภณบอก
เจ้าคุณสุทธาทำหน้าเบื่อหน่าย
"เป็นเรื่องยาก...คุณย่าน่ะหัวโบราณ ไม่ยอมให้ลูกสาว หลานสาวออกไปไหน ท่านว่าออกไปก็ผู้ชายจะตามมาได้แต่พาไปวัด...ป้าสามคนของลูกน่ะกลายเป็นสาวแก่ขึ้นคานก็เพราะอย่างนี้ ขนาดแก่ๆ อย่างนี้จะขอคุณย่าไปไหนแต่ละทียังยากเลย"
สองพี่น้องหันไปหัวเราะกัน
"ผมมีเพื่อนเป็นทหาร ตำรวจบ้างเหมือนกัน...จะลองให้เค้าสืบหาเสาวนิตดูด้วยครับ"
เจ้าคุณสุทธามองหน้าอานนท์
"อานนท์จะทำอะไรเกี่ยวกับเสาวนิตต้องระวังหน่อย เดี๋ยวพวกตึกโน้นเค้าจะทึกทักเอาง่ายๆ อีก"
"ผมจะแต่งงานกับสุอยู่แล้ว คงไม่มีเรื่องพวกนี้หรอกครับ"
สุชาดาอาย
"อะไรกัน...พ่อเพิ่งได้เจอลูกสาวพ่อไม่นาน...จะแต่งงานออกเรือนไปแล้วเหรอ...น่าจะอยู่กับพ่อให้ชื่นใจอีกสักหน่อย"
สุชาดายิ้มหวานดีใจ เจ้าคุณสุทธามองแล้วก็ดึงสุมากอด
"ยิ้มของลูกเหมือนแม่เหลือเกิน...บอกแม่ด้วยว่าพ่อไม่เคยลืมแม่แม้แต่วันเดียว"
"แม่ก็คงเหมือนกันค่ะพ่อ"
"แล้วกำหนดจะแต่งงานกันเมื่อไหร่"
"คุณพ่อคุณแม่ของผมกำลังไปหาฤกษ์อยู่ครับ...อีกไม่กี่วันท่านคงจะมาเรียนพบท่านเพื่อมาสู่ขอ"
"ก็ต้องสู่ขอแม่ของเขาซิ...ตวันเค้าเลี้ยงของเค้ามา"
"ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อคงต้องไปที่คลองน้ำวนแล้วละครับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณนนท์จะได้ไปสู่ขอพร้อมๆ กัน ไม่อย่างนั้นต้องไปสู่ขอคุณแม่ที่คลองน้ำวน แล้วก็มาสู่ขอกับคุณพ่อที่นี่" โสภณบอก
"จริงด้วยครับ...ผมเห็นด้วยกับโส"
"พ่อก็ว่าดี...กลัวแต่แม่เขาจะตีพ่อตกน้ำซะหรือเปล่า"
ทุกคนหัวเราะ
"แม่ไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ...นะคะพ่อ...ไปหาแม่นะคะ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มตาเป็นประกาย พยักหน้า ลูกทั้งสองดีใจมาก อานนท์ก็เหมือนกัน ตระกลเดินเข้ามา อานนท์หันไปทักทาย
"ตระกล...วันหยุดหายไปไหนมา"
ตระกลยิ้มๆ
"ไปบ้านวนิดา...เขาชวนไปคุย..แต่ไปแล้วก็ไม่เห็นมีเรื่องสำคัญอะไร...ฉันก็เลยกลับ"
อานนท์ทำหน้าไม่ได้ดังใจ
"ตระกล...เค้าชวนให้ไปหาก็แปลว่าเค้าคิดถึงน่ะ..เรื่องคุยอะไรนั่นเค้าก็อ้างไปอย่างนั้นแหล่ะ...น่าจะอยู่กับเค้านานๆ"
"วนิดาไม่ได้ชวนแต่ฉันคนเดียวนะ...หมู่นี้มีนายเสมอมาหาเค้าทุกวัน...ฉันเห็นเค้ามีเพื่อนคุยแล้วฉันก็ไม่ต้องอยู่ก็ได้"
อานนท์หงุดหงิด
"นายก็เป็นซะอย่างนี้...คุณพี่ดูสิครับ...ผมอุตส่าห์พาไปแนะนำสาวสวยให้คบหา...แรกๆ ก็ดีอยู่ละครับตอนนี้ กลับซังกะตายไม่อยากไปคุยกับเขาซะแล้ว...อย่างนีhเมื่อไหร่จะแต่งงานกับเค้าซะทีเล่า...ฉันไม่รอนายแล้วนา"
เจ้าคุณสุทธาบอก
"ตระกลเค้าอยากไปหาคนอื่นหรือเปล่าอานนท์"
ตระกลตกใจ ทำหน้าเป็นเชิงห้าม
"อย่าสนใจเลยครับ...ผมคิดว่าผมอยู่เป็นโสดอย่างนี้ก็สบายดีแล้วครับ...แล้วนี่ตุ๊ กับ ไพจิตร ไปไหนครับ"
เจ้าคุณสุทธาหันไปถามเฉยที่ยืนคอยรับใช้อยู่ห่างๆ
"นั่นน่ะสิ...เฉย...คุณตุ๊ กับคุณจิตรไปไหน"
"คุณตุ๊อยู่ที่เรือนคุณพลับขอรับ...คุณพลับจับไปเรียนทำบุหงา...คุณจิตรอยู่บนห้องครับ"
สุชาดาสนใจ
"ย่าพลับทำบุหงาเหรอคะ"
"ไม่รู้อะไร...ย่าพลับน่ะการฝีมือเก่งเป็นเลิศ ทั้งเย็บปักถักร้อย ประดิษฐ์ประดอยของชำร่วยสวยอย่าบอกใคร...บุหงารำไปของย่าพลับนี่ทั้งสวยทั้งหอม...เก็บข้ามปียังหอมอยู่เลย ย่าแววนี่เป็นสุดยอดฝีมือเรื่องทำกับข้าว...ยิ่งตอนนี้ถ้ารู้ว่าสุ กับโส จะมาหาพ่อ...ย่าแววจะทำทั้งของว่าง ทั้งกับข้าวมาให้ทานทุกครั้งไงลูก"
"อร่อยมากนะคะคุณพ่อ...สุอยากไปเรียนทำการฝีมือกับย่าพลับ ไปเรียนทำกับข้าวชาววังจากย่าแววบ้างจังเลย"
"เอาสิลูก...ไปซิ..เราเดินไปเรือนเล็กหลังบ้านกัน..จะได้ไปหาตุ๊กับจิตรด้วย"
"ผมรออยู่กับตระกลที่นี่นะครับ"
เจ้าคุณสุทธากับสุชาดาเดินมาดูที่บ้านคุณนายพลับ นิศากำลังเลือกดอกมะลิใส่กระด้งกับพลับ นิศาเห็นสุชาดาก็ดีใจ รีบวิ่งมาหา
"พี่สุ"
"ตุ๊มาอยู่ที่นี่เอง...กำลังทำอะไรอยู่จ้ะ"
"ย่าพลับให้ตุ๊มาช่วยทำบุหงาค่ะ..จะได้ทำเป็น"
"นี่แม่พลับ กับ แม่แวว เค้าเป็นเมียของเจ้าคุณปู่ นี่ไงสุ ลูกสาวคนโตของฉัน แล้วนี่ก็โส ลูกชายคนใหญ่"
สองพี่น้องไหว้พลับกับแววอย่างเรียบร้อย พลับ กับ แววก็มองอย่างชื่นชม
"ไหว้พระเถิดเจ้าค่ะ...ขอให้คุณทั้งสองเจริญรุ่งเรืองนะเจ้าคะ พ่อคุณแม่คุณ...มาให้เจ้าคุณพ่อท่านได้ชื่นใจ ช่างสวยงามประพิมเจ้าคุณพ่อนะเจ้าคะ ท่านเจ้าคุณ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มปลื้ม
"เหมือนฉันเหรอจ้ะ"
"เหมือนเจ้าคะ...คุณหนูสุนี่เค้าเดียวกับแม่เสาวนิตนะเจ้าคะ"
พลับหันมาถลึงตา แววรีบเอามือปิดปาก
"แต่ตุ๊ว่าพี่สุสวยกว่าเป็นกอง"
สุชาดายิ้มหวานสุ
"ที่นี่กลิ่นหอมจังเลยค่ะ...กลิ่นน้ำอบใช่ไหมคะ"
พลับยิ้มฟันดำ
"ใช่ค่ะ กลิ่นน้ำอบน้ำปรุงไงเจ้าคะคุณ...กำลังจะเตรียมปรุงบุหงา"
"สุอยากทำเป็นค่ะ...ย่าพลับสอนสุด้วยได้ไหมคะ"
พลับดีใจ รีบจัดของที่วางเรียงรายออกไปให้สุชาดาได้เข้ามานั่ง
"มาเลย...มาเลยเจ้าค่ะ หาคนถ่ายวิชาจะแย่"
สุชาดาหันไปยิ้มกับเจ้าคุณสุทธา
"คุณพ่อคะ...สุขออยู่ทำบุหงากับตุ๊ที่นี่นะคะ."
"ตามใจสุสิลูก"
สุชาดาขมีขมันขึ้นไปนั่งบนนอกชานบ้านพลับ พลับ กับ เหลือตื่นเต้นจัดที่ให้สุชาดาไป หัวเราะกันไป
ตระกลสีหน้าหม่นหมอง นั่งคุยกับอานนท์
"นี่แปลว่านายจะไม่เป็นแฟนกับวนิดาใช่ไหม"
ตระกลพยักหน้าเบื่อๆ
"ฉันไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่วนิดาชอบหรอก...แล้ววนิดาก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ฉันชอบเหมือนกัน...จริงอยู่..วนิดาสวย..สวยมาก...เค้าโก้เก๋ในสังคม ไปที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก"
ตระกลหยุดหันไปมองหน้าอานนท์
"วนิดาน่ะมีผู้ชายมาสนใจหลายคน...แล้วเค้าก็คบหาทุกคนเป็นเพื่อนหมด...ตอนที่คบกับวนิดาแรกๆ ฉันก็คิดว่าเพลินๆดีเหมือนกัน...เค้าเป็นผู้หญิงที่น่ารัก"
อานนท์สีหน้าคิดหนัก
"แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะแต่งงานด้วย"
"ฉันต้องการแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาๆ เท่านั้นอานนท์ ฉันเป็นคนเรียบเกินไปที่จะคบหากับวนิดา"
อานนท์ถอนใจ
"ทำไมนายถึงอยากให้ฉันชอบกับวนิดนักหนา...
"ฉันก็อยากให้นายมีแฟนกับเขาไง แต่ในเมื่อนาย กับวนิดาไม่ได้ชอบกัน...ฉันก็ตามใจนายน่า ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอก แล้วนายไปชอบใครหรือเปล่าล่ะ"
ตระกลมองอานนท์นิ่ง รู้สึกสะเทือนใจเพราะคิดว่านงลักษณ์ ชอบกับ โกศล
"คุณนงลักษณ์...สบายดีไหม"
อานนท์ยักไหล่
"เจอกันเมื่อเช้าก็ทำหน้าเบื่อโลกเหมือนนายนี่แหล่ะ เห็นว่าเบื่ออยากปิดร้าน"
"ปิดร้านเลยเหรอ...แล้วคุณโกศลมาบ่อยไหม"
อานนท์ยิ้มๆ
"น่าจะมาทุกวันละมัง...นายเบื่อๆ ก็ไปกินข้าวกับนงลักษณ์ซิ จะได้เจอกับคุณโกศล แล้วก็สิรี...นายก็เคยไปนี่นา"
ตระกลถอนใจอย่างพยายามตัดใจ
"ไม่ละ...ช่วงนี้งานฉันยุ่งๆ ไม่แน่ฉันอาจจะย้ายไปอยู่ภูเก็ต อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้น"
อานนท์ยิ้ม
"จะไปดูสาวภูเก็ตเหรอตระกล...ก็ไม่เลวนะ..สาวๆ ทางใต้น่ะผิวน้ำผึ้ง ตาคม"
"อย่าพูดเรื่องผู้หญิงอีกเลยอานนท์...คุยเรื่องอื่นดีกว่า ฉันว่าฉันเบื่อที่จะคุยเรื่องพวกนี้แล้ว"
ตระกลลุกขึ้นเดินไปแบบเบื่อๆ อานนท์มองตามไม่เข้าใจ...
เสาวนิตนั่งเล่นหมากเก็บอยู่กับชัย และวิเชียร พอเล่นชนะก็หัวเราะเสียงใส มนตรีนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนแบบพยายามไม่สนใจ เทอดนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง มองเสาวนิตอย่างไม่พอใจ เสาวนิตคอยมองแต่มนตรี
"คุณมนตรีหยุดทำงานมาเล่นกันดีกว่าค่ะ...สนุกออก"
มนตรีไม่ได้หันมามอง วิเชียรพยายามกันท่า
"อย่าไปชวนพี่เค้าเลยครับ...เค้าต้องรีบทำงานไปส่ง"
วิเชียรหันไปพูดกับมนตรี
"ทำงานไปเหอะพี่...เด็กๆ เค้าจะเล่นกัน"
เสาวนิตทอยหมากเก็บได้ก็ทำเป็นหัวเราะชอบใจอีก จนมนตรีต้องหันมามอง เสาวนิตพยายามสบตากับมนตรีด้วยท่าทางยั่วยวน แล้วก็แกล้งหันไปยิ้มกับวิเชียรให้มนตรีหึง
"วันนี้คุณเชียรไม่มีขนมมาฝากนิตเหรอคะ....แหมอยากทานขนมจังเลย"
วิเชียรดีใจ
"ผมจะไปหยิบบนบ้านใหญ่มาให้คุณนิตเดี๋ยวนี้เลยครับ"
วิเชียรทำท่าจะวิ่งแต่นึกได้ว่าไม่อยากปล่อยเสาวนิตไว้กับมนตรี เลยหันไปใช้ชัยที่เป็นน้อง
"ชัยแน่ะ...ชึ้นไปหยิบขนมทีไป คุณแม่ซื้อขนมมาจากบางลำพูเยอะแยะน่ะ แกไปแบ่งมาที่นี่หลายๆ อย่างหน่อยนะ"
"ทำไมไม่ไปหยิบเองล่ะ"
"แกน่ะแหล่ะไป...พูดมากเดี๋ยวก็โดนเตะหรอก"
ชัยลุกขึ้นเดินไปอย่างเสียไม่ได้
"ชอบมาใช้ฉันเรื่อยเลย"
ชัยเดินไป วิเชียรยังคุมเชิงเสาวนิตกับมนตรีอยู่ เสาวนิตจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
"อ้าว...คุณนิต จะไปไหนล่ะครับ"
"นั่งนานๆ แล้วเมื่อยค่ะ...จะไปหาน้ำทานหน่อยดีกว่า"
วิเชียรรีบลุกขึ้นด้วย
"ผมไปรินน้ำให้ก็ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ..นิตอยากยืดเส้นยืดสายซะหน่อย"
เสาวนิตใส่กางเกงขาสั้นเดินนวยนาดไปรินน้ำที่อยู่ใกล้ๆ โต๊ะทำงานมนตรี ตลอดเวลาเทอดมองอย่างไม่พอใจมาก เดินมาหาเสาวนิตใกล้ๆ ที่มนตรีนั่ง
"คุณนิต"
เสาวนิตมองเทอดอย่างเบื่อหน่าย
"อะไร"
"ผมขอคุยกับคุณนิตหน่อย"
"จะพูดอะไรอีกล่ะ"
"ก็...ก็..."
"พูดตรงนี้ก็ได้...ฉันไม่มีความลับอะไรนี่"
เสาวนิตจงใจพูดให้มนตรีได้ยินรับรู้ มนตรีหันไปมองเทอดยิ้มๆ
"แต่ผมต้องการพูดกับคุณนิตตามลำพัง"
เสาวนิตยักไหล่
"อย่าเลยเทอด...เทอดอยากพูดอะไรก็พูดให้รับรู้กันที่นี่แหล่ะ เราอยู่ด้วยกัน ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบัง...จริงไหมคะพี่มนตรี"
เทอดนิ่งรู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ เสาวนิตยังทำหน้าเป็นคนอื่นอย่างห่างเหิน
"มีอะไรเหรอเทอด...ดูท่าทางไม่สบายใจเลยนี่"
มนตรีถามอย่างเป็นห่วง
"เทอดเค้าก็เป็นอย่างนี้ละค่ะ...เค้าเป็นคนช่างคิดมาก จริงจังไปหมด"
"พี่ว่าเทอดเค้าคงอยากบอกอะไรคุณนิตมากกว่า อยากพูดอะไรก็พูดเลยเทอด"
มนตรีลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานหันไปพูดกับเทอด เสาวนิตสีหน้าไม่ดี พยายามถลึงตาใส่เทอด ไม่ให้พูด
"จะพูดอะไรก็คิดให้ดีก่อนนะเทอด"
"ผมอยากให้คุณนิตกลับบ้านได้แล้ว"
"เทอดอยากให้นิตโดนคุณพ่อคุณแม่ คุณย่าตีตายหรือไง คุณย่าดุแค่ไหนเทอดก็รู้...คุณย่าต้องการให้นิตแต่งงานให้ได้ ไม่อย่างนั้นนิตจะหนีมาทำไม เทอดอยากกลับก็กลับไปซิ แต่นิตไม่กลับ พี่มนตรีคะ นิตไม่อยากกลับ"
วิเชียรเดินเข้ามาฟังด้วย เสาวนิตเกาะแขนวิเชียรแจอย่างอ้อน เทอดมองแล้วก็ต้องเมินหน้าหนี
"ไอ้เทอด...มึงเลิกบังคับให้คุณนิตกลับบ้านได้แล้ว คุณนิตอยู่ที่นี่มีพวกเราคอยดูแล แกน่ะแหล่ะกลับไปก่อน"
"เชียร...แต่ถ้าเทอดกลับไปคงโดนคุณพ่อคุณแม่คุณนิตเล่นงานแน่ๆ...รออีกสักพัก ให้ผู้ใหญ่ทางโน้นหายโกรธ ให้อภัยแล้วค่อยกลับไปดีไหม"
"ไม่มีวันค่ะพี่มนตรี...ผู้ใหญ่บ้านนิตไม่มีวันให้อภัยนิตแน่ๆ แต่เทอดน่ะไม่เป็นไรหรอก...เพราะเทอดเป็นแค่คนอาศัย อย่างดีก็โดนด่าแค่นั้น...แต่ถ้านิตกลับไปนิตก็ต้องไปแต่งงาน นิตจะทำยังไงดีคะพี่มนตรี"
เสาวนิตหันไปซบหน้าร้องไห้กับอกมนตรี วิเชียรก็รีบไปโอ๋ลูบแขนลูบหลัง
"อย่าร้องไห้ครับคุณนิต...คุณนิตจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้ ผมเป็นเจ้าของบ้านนี้...ผมเต็มใจให้คุณนิตอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้...ไอ้เทอดมึงเลิกพูดไปเลย...ถ้ามึงพูดให้คุณนิตกลับบ้านอีกละก็ มึงน่ะแหล่ะไปเลย"
เทอดมองวิเชียรอย่างตกใจ
"ไอ้เชียร"
เสียงปทุมเรียกมนตรี
"พี่มนตรี....พี่มนตรี"
มนตรี วิเชียร ตกใจ
"ปทุม...ทำไงดีพี่"
"คุณนิตรีบหลบไปอยู่ในห้องก่อนนะครับ"
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 14 (ต่อ)
มนตรีรีบพาเสาวนิตวิ่งเข้าไปในห้อง ปทุมเดินมาที่นอกชานท่าน้ำพอดี เห็นมนตรียืนอยู่หน้าห้อง ปทุมยิ้มแย้ม
"ทำอะไรกันอยู่คะ ชัยขึ้นไปขอขนม คุณแม่เลยให้ทุมลงมาดูว่า เย็นนี้จะขึ้นไปทานข้างบนตึกหรือเปล่า...ไม่ขึ้นไปทานตั้งหลายวันแล้ว"
มนตรียืนอยู่หน้าห้องเหมือนกันไว้
"ทุมจะมายุ่งอะไรล่ะ พวกฉันจะหาทานกันที่นี่ละเดี๋ยวเรือขายข้าวแกงก็มา ก๋วยเตี๋ยวเรือก็มี ไปเรียนคุณพ่อคุณแม่ว่าตอนนี้พวกเรางานยุ่งคงไม่ได้ขึ้นไปทานบนตึก แล้วทุมก็อย่ามรบกวนพวกเราด้วย ไป...กลับไปได้แล้ว"วิเชียรว่า
วิเชียรพยายามรุนหลังปทุมให้รีบเดินกลับไป ปทุมหันมามองมนตรี วิเชียรยังดันหลังให้ปทุมรีบเดินกลับไป
"ไป..ไป...เดี๋ยวจะส่งพี่มนตรีให้ขึ้นไปทานด้วยก็แล้วกัน"
มนตรีชะโงกดูว่าปทุมเดินไป ก็เปิดประตูห้องที่เสาวนิตซ่อนอยู่ มนตรีเห็นท่าทางเสาวนิตก็รีบเข้าไปหา เสาวนิตนั่งชันเข่าร้องไห้น่าสงสาร
"โธ่...คุณนิต"
วิเชียรรีบเดินกลับมา เห็นมนตรีนั่งปลอบเสาวนิตอยู่ในห้องก็รีบไปปลอบด้วย
"คุณนิต...เค้าไปแล้วครับ...อย่าร้องไห้เลยครับ"
เทอดยืนมองทุกอย่างด้วยสีหน้าปวดร้าวจนต้องหันหลังเดินไป
คุณหญิงเทพ กับพรรณ นั่งมองคุณหญิงเจริญที่นั่งร้องไห้อยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านด้วยสีหน้ากลุ้มใจ
"นี่แม่เจริญไม่ค่อยจะกินอะไรมาหลายวันแล้วนะ"
"ดูๆ ก็น่าเห็นใจนะคะคุณแม่...ลูกรักก็หนีไป...สามีก็ไม่ดูดำดูดี"
คุณหญิงเทพถอนใจ
"ก็เค้าทำตัวของเค้าเองแท้ๆ แม่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง แม่พรรณไปลองคุยกับเจ้าคุณดูซิว่าเค้าจะจัดการยังไง แม่นิตหายจากบ้านไปร่วมอาทิตย์แล้ว...ที่นี่ก็มัวแต่เห่อลูกเมียเก่ามาหากันแทบทุกวัน...แม่ละหมั่นไส้ไม่อยากจะพูด"
"พรรณก็ว่าดีแล้วค่ะที่คุณแม่อย่าเพิ่งไปพูดอะไรกับเจ้าคุณ...เจ้าคุณน่ะยอมทำตามคุณแม่ต้องการมาตลอด...มาตอนนี้คงอยากทำอย่างที่ใจอยากจะทำบ้างแล้ว"
คุณหญิงเทพคอแข็ง
"นี่แม่พรรณจะมาว่าแม่อีกคนหรือไง...ที่แม่ทำนี่ก็เพื่อลูกหลานเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองซักหน่อย"
"คุณแม่คะ...เวลาเราทุกข์ร้อนไม่เห็นมีใครเค้าจะมาทุกข์ร้อนกับเราสักหน่อย...หนูว่าให้คนในบ้านอยู่กันดีๆ ไม่มีปัญหาดีกว่าค่ะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องร้อนใจ เดี๋ยวหนูจะไปดูที่ตึกใหญ่ให้เองค่ะ"
พรรณแต่งตัวใหม่เดินมาที่ตึกเจ้าคุณสุทธา เดินขึ้นมาบนบ้าน คนใช้กำลังปัดกวาดเช็ดถูบ้าน
"ท่านเจ้าคุณอยู่ที่ไหน"
"อยู่ในห้องของท่านค่ะ"
"มีใครอยู่ในห้องบ้าง"
"นายท่าน กับคุณหนูเจ้าค่ะ"
เฉยเดินไปเปิดประตู พรรณยืนอยู่หน้าประตู เจ้าคุณสุทธากำลังดูหนังสืออยู่กับสุชาดา และ นิศา
เจ้าคุณยิ้มดีใจที่เห็นพี่สาว
"พี่พรรณ..เชิญสิครับ"
พรรณเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เจ้าคุณสุทธาเดินมาหา
"แหม...ห้องเจ้าคุณนี่เย็นดีจริง..พี่จะไปยุให้คุณแม่ติดเครื่องทำความเย็นที่ตึกโน้นบ้าง"
พรรณเข้ามายืนมองสุชาดาที่ยิ้มให้
"สุ...มาไหว้คุณป้าพรรณสิลูก"
สุชาดาเดินมาไหว้พรรณอย่างเรียบร้อย พรรณมองหน้าหลานอย่างพิจารณา
"ลูกสาวของผมครับคุณพี่ สุชาดา"
"สวัสดีค่ะคุณป้าพรรณ..เรียกว่าสุเฉยๆ ก็พอค่ะ"
พรรณยิ้มพอใจ
"สวัสดีจ้ะ...หน้าเหมือนเจ้าคุณนะ แต่ก็คงคล้ายแม่เขาด้วย เห็นว่ามีผู้ชายอีกคนไม่ใช่หรือ"
"ครับ...เป็นแฝดพี่ของสุ ชื่อ โสภณพี่ชายเขาออกไปข้างนอกกับไพจิตรครับ...บ่ายๆ คงจะกลับมา"
นิศาเดินมาไหว้พรรณ
"สวัสดีค่ะคุณป้า"
"แหม...หมู่นี้หายหน้าหายตากันไปหมดเลยนะ...ตาจิตรก็พลอยหายไปด้วย...นี่พากันมาอยู่ที่นี่กันหมดละซิ"
สุชาดาเห็นว่าพรรณมีธุระจะคุยกับเจ้าคุณ จึงชวนนิศาออกไปจากห้อง
"ตุ๊จ๊ะ ไปหาของว่างมาให้คุณพ่อกับป้าพรรณกันดีกว่า"
สุพานิศาออกจากห้อง เจ้าคุณขยับเก้าอี้ให้พรรณนั่ง
"คุณแม่ร้อนใจเรื่องแม่นิต...พี่เลยอาสามาถามเจ้าคุณว่าเรื่องมันไปถึงไหนกันแล้ว...พอจะหาตัวได้ไหม...แม่เจริญก็เป็นทุกข์ร้องห่มร้องไห้ทุกวัน...ข้าวปลาก็ไม่อยากจะกิน"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าเป็นทุกข์
"ยังไม่ได้ข่าวเลยครับ ผมเองก็ให้ตำรวจพยายามสืบหาหลายที่แต่ก็ยังไม่เจอเลยครับ ตำรวจเค้าว่าเทอดไม่ได้กลับไปที่นครสวรรค์ น่าจะอยู่ที่กรุงเทพกัน แต่ก็ตามตัวไม่เจอ"
"กรุงเทพมันก็ออกจะกว้างใหญ่จะไปหาเจอง่ายๆได้ยังไง คุณแม่ก็คงกลัวเจ้าคุณได้ลูกเมียโน้นมาแล้วจะไม่สนใจลูกทางนี้...แต่พี่ดูๆ แล้วกลับเห็นว่าลูกๆ ทั้งสองบ้านเข้ากันได้ดี น่าเสียดายแม่นิตจริงๆ"
"คุณพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องเด็กๆ หรอกครับ...ผมรักลูกทุกคน เรื่องเสาวนิตไม่ใช่ผมจะไมห่วง...แต่ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน"
"พี่เห็นใจเจ้าคุณ แล้วเรื่องแม่เจริญล่ะ นี่ตกลงจะเลิกกันจริงๆ เหรอ...อยู่ด้วยกันมาป่านนี้จนลูกเต้าก็โตหมดแล้ว เจ้าคุณจะกลับไปหาเมียเก่าหรือเปล่าเลยพาลหาเรื่องโกรธแม่เจริญ"
"ผมว่าคุณพี่รู้ดีว่าผมกับแม่เจริญอยู่ด้วยกันมาเป็นยังไง สุ กับ โสก็มาหลังจากที่แม่เจริญย้ายไปอยู่ตึกคุณแม่ ผมกับลูกกลับรู้สึกว่าเราอยู่กันได้...สบายเสียอีก อีกอย่างนะครับ ตวันเค้าก็ไม่ได้มาที่นี่...แล้วก็ไม่ได้อยากให้ผมไปหาเค้าด้วย แค่ให้ผมกับลูกได้เจอกันเท่านั้น พี่พรรณ ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี่..ผมไม่รู้เรื่องสุกับโสเลย...ตวันเลี้ยงลูกคนเดียวมาอย่างดีโดยที่ไม่ได้แต่งงานใหม่ด้วยซ้ำ...สุ กับ โสน่ะเท่ากับมาชุบชีวิตผมไว้แท้ๆ"
คุณหญิงเจริญร้องไห้อย่างตีอกชกหัวตัวเอง
"เจ้าคุณนะ...เจ้าคุณ...ไปหลงอีเมียเก่ากับลูกมันจนโงหัวไม่ขึ้น นี่คงคิดอยากไล่ดิฉันออกไปจากที่นี่ให้พ้นๆ เร็วๆเป็นแน่ ไปเห็นทางโน้นดีกว่าเมียที่แต่งงานอยู่กินกันมาเกือบยี่สิบปีได้ยังไง คุณแม่เจ้าขา อีกไม่นานท่านเจ้าคุณคงเฉดหัวดิฉันออกไปแน่ๆ"
คุณหญิงเทพโมโห
"ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย...ใครหน้าไหนก็ไล่แม่เจริญออกไปจากบ้านนี้ไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าคุณนะ เจ้าคุณ..ทำแม่ผิดหวังจนได้ ตาจิตรก็เหมือนกัน ย่าเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก จู่ๆ ก็วิ่งไปอยู่กับพ่อซะอย่างนั้นแหล่ะ มันน่าน้อยใจจริงๆ"
พรรณเบื่อ
"แม่เจริญ...เธออย่าเอาเรื่องมาเหมารวมกัน...ท่านเจ้าคุณกับเธอมีปัญหาแยกกันก่อนที่ลูกบ้านโน้นเค้าจะมานะ จะไปว่าลูกบ้านโน้นเป็นสาเหตุให้เธอแยกทางกับเจ้าคุณไม่ได้"
คุณหญิงเทพนึกได้...เจริญเถียง
"แต่ถ้าอ้ายอีสองตัวนั่นไม่เสนอหน้ามาที่นี่...ป่านนี้ท่านเจ้าคุณก็คงมาง้อดิฉันกลับตึกใหญ่แล้วละค่ะคุณแม่"
"แล้วเธอเห็นลูกเจ้าคุณสองคนที่มาไหมแม่พรรณ" คุณหญิงเทพถาม
พรรณมองหน้าคุณหญิงเจริญนิดหนึ่ง
"พบค่ะคุณแม่...แต่ได้พบแค่ลูกสาวคนเดียว ลูกชายน่ะไปซื้อของกับไพจิตร"
คุณหญิงเจริญตะคอกจนคุณหญิงเทพกับพรรณสะดุ้ง
"เรื่องอะไรโถล่ไปกับลูกฉัน...ไพร่..อยากชูคอกับลูกผู้ดีน่ะซิ"
พรรณมองคุณหญิงเจริญอย่างตำหนิ
"เธอเข้าใจผิด ลูกชายคนโตของเจ้าคุณชื่อ โสภณ กำลังเรียนด้านวิศวะอยู่ที่อเมริกา กำลังจะจบปีหน้า..เขาพาไพจิตรไปที่สถานทูตเพื่อดูว่าจะพาไพจิตรไปเรียนที่อเมริกาปีหน้า"
คุณหญิงเทพรู้สึกทึ่ง
"แล้วตาจิตรจะไปเรียนกับเขาไหวเหรอ..อ่อนแอออดแอดซะอย่างนั้น"
คุณหญิงเจริญไม่พอใจ
"แหม...ลูกชาวสวนอย่างพวกมัน มีปัญญาไปเรียนเมืองนอกเมืองนากับเค้าเชียวเหรอ...คุยโม้หรือเปล่า"
คุณหญิงเทพหันไปโบกมือห้าม
"หยุดโวยวายเถอะแม่เจริญ...แม่พรรณ..แล้วลูกสาวเจ้าคุณหน้าตาเป็นไง...ดูได้ไหม"
พรรณยิ้ม เข้าทาง
"หนูว่าแม่สุน่ะ ดูๆ..ก็ประพิมประพายคุณแม่นะเจ้าคะ"
คุณหญิงเทพเผลอยิ้ม
"คล้ายแม่เหร ก็แปลว่าคล้ายเจ้าคุณ เพราะเจ้าคุณน่ะ หน้าตาเค้ามาทางแม่มากกว่าคุณพ่อ...อยากจะเห็นนะ"
"กริยามารยาทก็เรียบร้อยค่ะ...จบมาจากปีนัง ช่วยแม่เขาทำงาน อ้อ...คนนี้ละค่ะ ที่พ่ออานนท์ของเราไปชอบ เห็นเจ้าคุณว่าพ่อแม่ของอานนท์จะมาสู่ขอ"
คุณหญิงเจริญตกใจแทบจะกรี๊ด
"อะไรนะ...พ่อแม่อานนท์จะมาสู่ขออีลูกชาวสวนคนนี้ คุณพี่เข้าใจผิดหรือเปล่าคะ"
"ไม่ผิดหรอกแม่เจริญ...คุณอานนท์น่ะแหล่ะ คือคนที่ไปพบตวันกับลูก จนสืบรู้ว่าเป็นลูกของเจ้าคุณ คุณอานนท์กับหม่อมปริศนาถึงได้พาลูกทั้งสองคนให้มาเจอกับท่านเจ้าคุณ"
คุณหญิงเทพ พยักหน้าใช้ความคิด คุณหญิงเจริญกรี๊ดออกมาดังลั่น
"ทำไม...ทำไมทุกคนต้องพากันกลั่นแกล้งดิฉันกับแม่นิต ทำไม คุณแม่ต้องช่วยดิฉันนะคะ คุณแม่..ดิฉันไม่ยอม ดิฉันไม่ยอม"
คุณหญิงเจริญเกาะแขนคุณหญิงเทพสั่นจนตัวโยกไปมา พอคุณหญิงเทพเฉย ก็ลงไปนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า...
เจ้าคุณพลรามกำลังดูคนสวนเอาต้นมะพร้าวที่งอกจากลูกมาวางเรียงกันประมาณห้าต้น
"เอามาวางๆ ไว้แถวๆ นี้แหล่ะ"
"นายท่านจะปลูกเลยไหมครับ" คนสวนถาม
"ยัง...ยัง...รอคนตัดสินใจก่อน"
คนสวนงง
"ท่านจะรอใครอีกล่ะครับ ในเมื่อนายท่านเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน"
คุณหญิงแนบเดินมา
"นี่เหรอคะมะพร้าวที่ท่านเจ้าคุณสั่งมา...ทำไมต้นเล็กนักล่ะ"
เจ้าคุณพลรามสบตากับคนสวน
"ตกลงจะปลูกหรือไม่ปลูก"
"อ้าว...ทำไมมาถามดิฉันกันล่ะคะ ก็เจ้าคุณเป็นคนอยากปลูกไว้ให้ลูกสะใภ้ดูเล่นไง"
"ก็ใช่...แต่ฉันรอแม่แนบมาชี้จะปลูกตรงไหน...เพราะฉันขี้เกียจให้ไอ้มืดมันต้องขุดย้ายทางโน้นทางนี้เพราะฉันจะรำคาญ"
คุณหญิงแนบค้อน หันมาเอาใจ
"เอาเถอะค่ะ...อยากปลูกตรงไหนก็ปลูกฉันไม่ว่าหรอก ฉันจะคอยยืนดูเฉยๆ"
"ก็ได้...ไอ้มืด เอ็งเอาไปลงข้างประตูรั้วหน้าบ้านสองต้น"
แนบตาโต
"อีกสองต้น...นี่...นี่..หน้าบ้านนี่เลย"
"เจ้าคุณ...ใครเค้าปลูกมะพร้าวหน้าบ้านกัน..โน่น ข้างรั้วโน่น ปลูกหน้าบ้านมันสวยที่ไหน เดี๋ยวพอมีลูกก็หล่นใส่หัวคนกันพอดี"
เจ้าคุณพลรามยืนเอามือกอดอกนิ่ง คนสวนแอบหันไปปิดปากหัวเราะ คุณหญิงเจริญมาเกาะประตูรั้วหน้าบ้านตะโกนเสียงดัง
"ท่านเจ้าคุณ...ท่านเจ้าคุณพลราม...คุณหญิงแนบ เปิดประตูหน่อยค่ะ...ท่านเจ้าคุณ"
เจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบหันไปมอง
"ใครมาตะโกนอะไรหน้าบ้าน..ไอ้มืดเอ็งวิ่งไปดูซิ"
"ขอรับนายท่าน"
มืดรีบวิ่งไป
"เสียงผู้หญิง"
คุณหญิงแนบชะเง้อมอง
"คล้ายๆ...คุณหญิงเจริญนะคะ"
เจ้าคุณพลรามมองสีหน้าเฉย มืดวิ่งกลับมา
"คุณหญิงเจริญมาขอพบนายท่านกับคุณหญิงขอรับ"
เจ้าคุณพลรามหันไปสบตากับคุณหญิงแนบ...
คุณหญิงเจริญนั่งร้องไห้ เจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบนั่งฟังทำตาปริบๆ
"ดิฉันกราบขอร้องละค่ ขอให้เห็นแก่หัวอกแม่อย่างดิฉัน เห็นแก่แม่นิตตาดำๆ ถ้าคุณนนท์ไม่รับผิดชอบ
แล้วยังจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ละก็... ยายนิตคงทนไม่ได้แน่ๆ"
เจ้าคุณพลรามสีหน้าใช้ความคิด
"ความจริงอานนท์เคยคบหาผู้หญิงมาหลายคน เวลาคบกับใครเค้าก็จะมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง บางทีก็พามาให้ดู แต่ไม่เคยได้ยินพูดถึงลูกสาวคุณหญิงเลยนะครับ"
"เค้าก็เพิ่งจะชอบพอแม่นิตไม่นานหรอกค่ะ...แต่ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่ออานนท์ถึงได้ตัดสินใจจะไปแต่งงานกับลูกคนสวน...สงสัยจะโดนทำเสน่ห์นะคะคุณพี่"
แนบมองเจริญนิ่ง เจ้าคุณพลรามยิ้มๆ
"อานนท์มาเล่าเรื่องหนูสุให้พ่อกับแม่ฟังนานแล้ว...เราสองคนก็ไม่เห็นเสียหายที่อานนท์จะชอบหนูสุ"
คุณหญิงเจริญแบะปากอย่างหมั่นไส้
"ดิฉันว่าคุณพี่ออกจะยกย่องนังเด็กนั่นดีไปนะคะ...ที่ดิฉันมาวันนี้ไม่ได้อยากมาทวงสิทธิ์ให้แม่นิตอย่างเดียวหรอกค่ะ...ดิฉันอยากจะมาเรียนให้คุณพี่ทราบว่า พ่ออานนท์น่ะกำลังโดนหลอก...ผู้หญิงคนนั้นน่ะเป็นลูกชาวสวนบ้านนอกคอกนา แม่ก็เป็นลูกเจ๊ก..ไม่มีสกุลรุนชาติ พอที่จะมาแต่งงานกับคนระดับอย่างเราๆ หรอกค่ะคุณพี่"
"แต่หนูสุเป็นลูกสาวของเจ้าคุณสุทธานี่คะ...คุณหญิงก็คงจะทราบแล้ว"
"โฮ้ย...ไม่มีใครในบ้านนับญาติกับผู้หญิงอย่างนั้นหรอกค่ะ..ดิฉันว่านะคะ...แม่ของนังสุน่ะน่าจะเป็นผู้หญิงหากินตามโรงน้ำชาที่ท่านเจ้าคุณไปพลาดพลั้ง...มันก็เลยท้อง เพราะหวังจะจับท่านเจ้าคุณน่ะค่ะ...ดีนะคะที่คุณแม่ไหวทันไล่ไปซะก่อน...ยังจะหน้าด้านมาทวงสิทธิ์เอาตอนนี้ คงหมดทางหากินน่ะค่ะ...คุณพี่อย่ายอมให้อานนท์ไปแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้นะคะ..เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหมดกัน"
"เรื่องชาติตระกูลอะไรนี่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ผมเองก็ลูกชาวบ้าน ได้มีทุกวันนี้ก็เพราะทำงานซื่อสัตย์รับใช้หลวง...ถ้าอานนท์เค้ารักหนูสุจริง ผมก็รักด้วย ขอแค่คนที่จะแต่งงานกับอานนท์ รักอานนท์จริงๆ
เป็นคนดี ไม่ขี้เกียจ ไม่ชอบนินทาชาวบ้าน ผมก็พอใจแล้วครับ"
คุณหญิงเจริญหน้าตึง
"เรื่องที่คุณหญิงอุตส่าห์มาเล่าให้ฟังนี่ต้องขอบคุณมากจะปรึกษากับท่านเจ้าคุณ แล้วก็อานนท์ดู..แหม..
ถ้าวันนี้ลูกสาวคุณหญิงมาด้วยก็จะดี...จะได้ฟังเรื่องจากปากของเขา...เพราะฉันไม่เคยรู้เรื่องว่าพ่อนนท์ไปติดใจ
ลูกสาวของคุณหญิงตั้งแต่เมื่อไหร่"
คุณหญิงเจริญอึกอัก
"แม่นิตน่ะเสียใจร้องห่มร้องไห้จนจะไม่เป็นผู้เป็นคน... ดิฉันก็เลยไม่ได้พามาด้วยค่ะ"
"เอาเถอะครับ...ผมจะถามอานนท์ให้รู้เรื่องว่าเป็นไปอย่างที่คุณหญิงว่าหรือเปล่า"
"ท่านเจ้าคุณต้องให้ความเป็นธรรมกับแม่นิตด้วยนะคะ... ให้แม่นิตเป็นเมียเอกตบแต่งออกหน้า..แล้วให้แม่ลูกชาวสวนนั่นอยู่เรือนเล็กหลังบ้านก็ดีมากแล้วนะคะ คุณพี่"
เจ้าคุณพลราม มองหน้ากับคุณหญิงแนบอย่างไม่อยากเชื่อว่าคุณหญิงเจริญจะสรุปเอาแบบนั้น เจริญแอบทำหน้าสะใจ....
รถพระยาพลรามขับเข้ามาในบ้านอานนท์ พระยาพลราม คุณญิงแนบนั่งอยู่ด้านหลัง
รถแล่นเข้ามาจอด ทั้งสองเดินลงจากรถเข้าไปในบ้านอย่างเร่งด่วน
อานนท์แต่งตัวเสร็จแล้วเดินเข้ามา เจ้าคุณพลราม คุณหญิงแนบและนงลักษณ์ กำลังนั่ง
รออยู่ มีสายใจคอยรินน้ำมาให้ อานนท์เดินมาไหว้พ่อกับแม่อย่างเรียบร้อย
"คุณพ่อคุณแม่มาแต่เช้าอย่างนี้ มีเรื่องด่วนอะไรเหรอครับ"
เจ้าคุณพลรามบอก
"ก็ถ้าไม่มาเช้าอย่างนี้ก็ไม่ได้เจอเราน่ะซิ...พ่อกับแม่มีเรื่องสำคัญจะต้องคุยด้วย"
อานนท์จ้องมองคุณพ่อคุณแม่...เห็นสีหหน้าของทั้งสองเหมือนมีเรื่องกังวล
"ผมชักสังหรณ์ใจว่าเรื่องที่จะคุยนี่คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
"ก็ถ้าเป็นอย่างที่เค้ามาบอกก็ไม่ดีมากๆ เลยละ"
อานนท์สีหน้าแปลกใจ
"เรื่องอะไรครับ"
"แกไปชอบพอกับลูกสาวคุณหญิงเจริญตั้งแต่เมื่อไหร่"
อานนท์งง
"อะไรนะครับ...ลูกสาวคุณหญิงเจริญ...ผมนี่นะไปชอบกับลูกสาวคุณหญิงเจริญ ยายตุ๊น่ะเหรอครับ..ยายตุ๊น่ะเป็นเพื่อนกับหนูนานะครับ...อายุถึง 15 หรือเปล่าก็ไม่รู้"
"คนที่ชื่อเสาวนิตน่ะ" คุณหญิงแนบบอก
"เปล่าเลยครับ...ผมไม่เคยคิดซะด้วยซ้ำ"
"แล้วทำไมคุณหญิงเจริญเค้าถึงได้มาพูดเป็นตุเป็นตะว่าพ่อใหญ่ไปติดพันลูกสาวเค้า...จนทำให้แม่นิตน่ะเพ้อถึงพ่อใหญ่จนแทบจะเป็นบ้า...
อานนท์ตกใจ
"คุณหญิงเจริญมาบอกคุณพ่อคุณแม่อย่างนั้นเหรอครับ ไม่จริงเลยซักนิดเดียว ผมเจอกับเสาวนิตไม่กี่ครั้งเลย จะไปชอบกันขนาดนั้นได้ยังไง...ผมเห็นเค้าเป็นหลาน เพราะเสาวนิตเป็นหลานของตระกล"
"น้องว่าท่าทางเสาวนิตน่ะดูเป็นเด็กแก่แดดมากนะคะ"
เจ้าคุณพลรามถาม
"หนูเคยเห็นเด็กคนนี้แล้วเหรอลูก"
"ค่ะ...คุณนนท์ กับ หนูเคยไปดูหนังกับคุณตระกล...คุณตระกลพาเสาวนิตไปด้วย"
"ดูหนังจบแล้วก็กลับมาทานข้าวกันที่นี่"
"น้องสังเกตุดูว่า เสาวนิตน่ะสนใจคุณนนท์มากค่ะ...เค้าดูแก่แดดเกินกว่าอายุ...ทำท่าทางเป็นสาวมาก หนูก็ไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเสาวนิตทำท่าเป็นสาวอย่างนี้"
"ทำท่าเป็นสาวยังไง เด็กรุ่นสาวก็มักเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ" คุณหญิงแนบถาม
"ไม่ใช่เลยค่ะคุณแม่...เค้าทำท่าชวนเชิญ แบบสาวทรงเสน่ห์อะไรอย่างนั้น มาทานข้าวที่นี่ คุณนนท์เค้าก็ดูแลเอาใจตามมารยาทเจ้าของบ้าน...เสาวนิตก็จะทำท่าซาบซึ้งมาก จะส่งสายตาหวานให้คุณนนท์ตลอดเวลาแต่พอหนูทำอะไรให้ เสาวนิตจะไม่สนใจ อย่างมากก็พูดขอบใจเบาๆ แค่นั้น"
คุณหญิงแนบบอก
"แปลว่าดัดจริตมาก"
"แต่ตอนนี้เสาวนิตหนีตามเด็กผู้ชายในบ้านไปแล้วนะครับ"
ทุกคนตกใจ
"อะไรนะ" เจ้าคุณพลรามว่า
"อ้าว"
เจ้าคุณพลรามลุกขึ้นเดินไปเดินมา
"เอ้...แล้วยายเจริญจะมาพูดให้เจ้านนท์ไปแต่งกับลูกสาวเค้าทำไมล่ะ เด็กคนนี้คนไม่ใช่แค่แก่แดดแล้วละ มันใจแตกเสียคนเลยนี่นา...น่าสงสารเจ้าคุณสุทธา มีเมียมีลูกแย่จริงๆ"
คุณหญิงแนบโวย
"นี่กะจะใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วมาจับลูกฉันเหรอ ถ้าจะบ้า อย่าหวังเชียว ฉันไม่เอาหรอก แล้วยังมาโกหกว่าลูกสาวร้องห่มร้องไห้เสียใจที่รู้ข่าวพ่อใหญ่จะแต่งงานจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร...แหม..แม่เป็นอย่างนี้น่ะซิ
ลูกถึงได้เสียคน"
"นี่ถ้ารู้ว่าลูกสาวเค้าหนีไปจากบ้านแล้วนะ...แล้วยังมีหน้าจะมายัดเยียดให้เป็นลูกสะใภ้เราอีกน่ะ...ฉันจะไล่ออกจากบ้านเลยนะ แม่แนบ"
อานนท์สีหน้าครุ่นคิด
"คุณหญิงเจริญทำอย่างนี้ทำไม...ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้"
"เค้าทำแบบนี้...ใครที่เดือดร้อนล่ะ"
"ไม่ใช่ผมแน่นอน...ใครๆ ก็รู้ว่าผมไม่เคยคิดแบบชู้สาวกับเสาวนิต"
"แล้วมีใครที่ไม่รู้...แล้วอาจจะเชื่อเรื่องบ้าๆ ที่ยายเจริญพูดมาล่ะ"
อานนท์หน้าเสีย
"สุ....คุณพ่อครับ...เค้าจะคิดเล่นงานสุด้วยเรื่องนี้เหรอครับ"
คุณหญิงแนบบอก
"ใช่แล้ว...แม่เจริญพูดจาดูถูกสุมาก...ถึงกับบอกว่าสุเป็นลูกผู้หญิงหากิน"
"แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นนี่คะ...สุเค้าก็ต้องฟังเหตุผล" นงลักษณ์ว่า
อานนท์สีหน้ายุ่งยากใจ
"สุน่ะ...คือ...เค้าเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่เคยชอบกับผมคนนึงครับ"
ทุกคนมองหน้าอานนท์
"แต่...ผมมาคิดแล้วว่าคงไปกันไม่ได้...ก็เลยเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น...สุรู้เรื่องของผมจากเพื่อนเค้าคนนี้...เค้าเคยโกรธที่ผมทิ้งเพื่อนเขา"
เจ้าคุณพลรามพูดอย่างใช้ความคิด
"เค้ามีเรื่องให้คิดว่าเรามันเจ้าชู้...เกี้ยวผู้หญิงง่ายๆ...พอไม่ชอบใจ พอเบื่อก็ทิ้ง...ใช่ไหม"
อานนท์ถอนใจ...
"ผมควรจะทำยังไงดีครับคุณพ่อ...ผมรักสุจริงๆ ตั้งแต่ผมคบกับสุผมก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงที่ไหนอีกเลย"
แนบตัดสิน
"ท่านเจ้าคุณ...เราต้องรีบไปสู่ขอแม่สุให่เร็วที่สุด"
คุณหญิงแนบมั่นใจ...
อ่านต่อตอนที่ 15