เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7
อานนท์เดินมาหาสุชาดาที่ลานเพลินซึ่งตอนนี้ดูเงียบเหงา เพราะไม่มีชาวบ้านมานั่งทำกิจกรรมอย่างเคย
เขามองหาสุชาดาไปทั่วจนมาเจอเธอที่มุมทำกะลา เธอนั่งทำสายสร้อยกะลาอยู่คนเดียว อานนท์เดินเข้ามาหา
"มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียว"
สุชาดาชูสายสร้อยกะลาให้ดูไม่ตอบ อานนท์ยิ้ม
"นี่มันบ่ายแล้ว...พวกชาวบ้านเค้าก็กลับไปดูแลครอบครัวเค้าแล้วซิ"
"แล้วทำไมคุณต้องมาทำตอนนี้คนเดียวด้วย"
"มันเงียบดี ทำให้ฉันมีสมาธิ คุณมาที่นี่ทำไม"
สุชาดาเอาสายสร้อยที่ทำแล้วแขวนไว้กับคานไม้ไผ่ อานนท์เดินมาหยิบดู
"สวยดี....ผมมาดูว่าแผ่นเหล็กขนาดพอดีที่คุณต้องการไหม"
"ขนาดพอดีใช้ได้ ขอบคุณมาก คุณน่าจะไปคุยกับเพื่อนคุณมากกว่านะ"
"อ๋อ…เค้ากลับไปแล้ว"
"คุณก็น่าจะกลับไปกับเค้านะ"
อานนท์ทำหน้าเหรอหรา
"ผมจะกลับไปกับเค้าทำไม งานผมอยู่ที่นี่"
"ดูท่าทีเหมือนเพื่อนคุณต้องการกำลังใจจากคุณเป็นอย่างมากเลยนะ....คุณก็ควรให้ในสิ่งที่เค้าต้องการ ถ้าคุณจะไม่มาสักสองสามอาทิตย์แม่ฉันคงไม่ว่าอะไรหรอก"
สุชาดาพูดสีหน้าเรียบเฉย อานนท์มองเธออย่างรู้สึกมีอะไรบางอย่าง
"ผมไม่เคยพูดสักหน่อยว่าอยากจะลางาน วนิดาเค้าคงจะรับหมั้นคุณโกศล เค้าถึงรีบมาถามความเห็น"
"เค้ารู้หรือว่าคุณรู้จักคุณโกศลคนนั้น"
"คงเป็นเพราะผมเป็นคนเพื่อนเยอะละมัง"
"ฉันไม่คิดว่ามันแค่นั้น"
"แล้วคุณคิดว่ามันแค่ไหนกัน"
สุมองหน้าอานนท์คิดนิดหนึ่งแล้วพูดอย่างเรียบๆ
"ฉันคิดว่าเค้ามาหยั่งเสียงคุณมากว่า...ว่าคุณจะรู้สึกยังไง ถ้าเค้าจะแต่งงาน"
อานนท์งง
"เค้าจะทำอย่างนั้นทำไม"
สุมองอานนท์ยิ้มๆ
"เพราะเค้าชอบคุณละมั้ง...และคนที่อยากหมั้นหรือแต่งงานก็คงน่าจะเป็นคุณมากกว่า"
อานนท์นิ่งไปแล้วก็หัวเราะออกมา
"ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน...วนิดาเป็นเพื่อนสนิทผมก็จริง แต่ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดจะแต่งงานกับผมแน่ๆ"
"แล้วคุณชอบเค้าหรือเปล่าล่ะ"
"ชอบซิ...เค้าเป็นเพื่อนผม...ผมจะไม่ขอบได้ไง"
"แล้วคุณรักเค้าหรือเปล่าล่ะ"
คราวนี้อานนท์นิ่งไป ลงนั่งข้างๆสุชาดา
"จะบอกความจริงให้ก็ได้...ผมเคยคิดว่าผมจะรักวนิดาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรักเค้าไม่ได้"
"ทำไมล่ะ...ฉันว่าถ้าคุณรักวนิดา เค้าคงดีใจมาก"
อานนท์มองสุชาดานิ่ง...
"ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นแล้ว...ผมรู้แต่ว่าตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ผมรักผู้หญิงแบบไหน"
สุชาดายิ้มๆ เข้าทาง
"แบบลีน่าใช่ไหม"
อานนท์ตกใจ
"คุณรู้จักลีน่าด้วยเหรอ"
"ฉันรู้เรื่องของคุณกับลีน่าดี"
อานนท์หน้าสลดไปนิดหนึ่ง
"บอกผมได้ไหมว่าคุณรู้เรื่องผมกับลีน่าได้ยังไง"
"ลีน่าเป็นเพื่อนของฉัน...เค้าเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟัง"
อานนท์ถอนใจหนักหน่วง
"คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ลีน่าอยู่ที่ไหน"
"คุณจะอยากรู้ไปทำไม"
"ผมอยากคุยกับเค้า"
"คุณอยากจะบอกอะไรเขา...ทำไมถึงอยากจะคุยเอาตอนนี้ หรืออยากจะกลับไปคืนดีกับเขาหรือไง"
อานนท์ส่ายหน้าช้าๆ
"เป็นไปไม่ได้หรอก"
"คุณทำให้ลีน่าเสียใจมาก...แล้วก็แช่งชักหักกระดูกคุณไว้ด้วย"
"คุณยังข้องใจเรื่องลีน่าอยู่ซินะ"
สุชาดานิ่งมองอานนท์
บริเวณทางเดินร่มรื่นในสวน อานนท์เดินเล่นสบายๆกับสุชาดา
"มีสุภาพษิตของฝรั่งบทนึงกล่าวไว้ว่า...ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ก็ให้ดูเพื่อนที่เขาคบ แต่สุภาษิตบทนี้ใช้ไม่ได้กับคุณ"
"ทำไมล่ะ"
"ก็คุณกับลีน่าไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด"
"คนเราจะคบใครเป็นเพื่อนเราไม่ได้คิดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆหรอก"
"คุณเป็นเพื่อนกับลีน่าตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เราเคยเรียนที่ปีนังด้วยกัน...กับซอนย่า ตู่ตู๋ แมรี่ด้วย"
อานนท์นิ่งคิด
"ผมไม่รู้ว่าเพื่อนที่คุณพูดถึงนี่เป็นเพื่อนของลีน่าที่ผมเห็นหรือเปล่า"
"วันที่คุณไปเจอลีน่ากับเพื่อนที่ร้านอาหารใช่ไหม"
อานนท์ตาโต
"ใช่…คุณรู้ได้ยังไง"
"เพราะฉันก็อยู่ที่นั้นด้วยน่ะซิ ฉันเห็นคุณ แต่คุณไม่เห็นฉัน"
"เพราะถ้าผมเห็นคุณ ผมจะไม่มีวันลืมคุณแน่ๆ มิน่าล่ะ ตอนแรกๆคุณถึงทำท่าไม่ชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่"
"เรียกว่าไม่ชอบมากๆเลยละ...ฉันเจ็บใจแทนลีน่า ก็เลยอยากจะแก้แค้นกับคุณบ้างเท่านั้นเอง..แต่คุณอารมณ์ดีเกินไป"
อานนท์หัวเราะ
"เค้าเรียกว่าเป็นคนร่าเริงน่ารัก"
"ผู้ชายเจ้าชู้ก็มักจะเป็นอย่างนี้แหล่ะ...ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว"
"ไม่จริง...กับลีน่า ผมตั้งใจจะขอเค้าแต่งงานจริงๆ...ผมไปขอแหวนมาจากแม่แล้วด้วยซ้ำ"
สุชาดามองหน้าอานนท์
"แล้วอะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนใจง่ายๆอย่างนั้น"
อานนท์ยืนนิ่งถอนใจ
"เพราะสุภาษิตเมื่อกี้ที่คุณพูดถึงใช่ไหม"
"ไม่ใช่…มันอธิบายไม่ถูก เวลาที่ผมอยู่กับลีน่า ผมก็มีความสุขมาก...แต่วันน้ันพอผมเห็นลีน่าอยู่กับเพื่อนๆเค้าอย่างที่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่...มันทำให้ผมต้องวิ่งหนี"
"สิ่งที่คุณคิดว่าเค้าเป็น มันอาจจะไม่ใช่"
"ถูก…ผมรู้สึกกลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ากลัว อยู่ไม่ได้แล้ว"
สุชาดาฟังอานนท์อย่างตั้งใจแล้วยิ้มๆ
"ฉันเข้าใจคุณ"
อานนท์ดีใจ
"ขอบคุณมาก...ขอบคุณที่คุณเข้าใจผม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ"
"คุณไม่เข้าใจเรื่องอะไร"
"คุณคบกับเพื่อนๆคุณกลุ่มนั้นได้ยังไง"
"เราเรียนที่ปีนังด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ...เป็นโรงเรียนประจำผู้หญิง พวกเค้าเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ถึงเค้าจะมีนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนดูแลฉันอย่างดีโดยเฉพาะลีน่า ทำให้ฉันไม่เหงา ไม่ต้องร้องไห้คิดถึงแม่ แล้วจะไม่ให้ฉันรักพวกเค้าได้ยังไง"
"ผมเข้าใจคุณ"
ตวันนั่งทำงานใช้ความคิดอยู่กับความหลังอันเศร้าสร้อยในบ้าน เปิดเพลงI Adore you สุชาดากับอานนท์เดินเข้ามา ตวันยังเหม่อใจลอยมองไม่เห็นจนลูกสาวเดินเข้ามาเรียกใกล้ๆ
"แม่คะ"
ตวันสดุ้งเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนหันมายิ้มกับลูก
"อ้าวสุ..."
ตวันเดินไปปิดเครื่องเล่นจานเสียง จึงเห็นอานนท์ยืนยิ้มอยู่
"ผมชักจะติดใจเพลงนี้แล้วครับ"
ตวันยิ้มๆ
"คุณนนท์เค้าจะมาขอบคุณแม่ค่ะ"
ตวันหันไปมองอานนท์
"ขอบคุณเรื่องอะไรกันคุณนนท์"
"ที่กรุณาเลี้ยงอาหารเพื่อนผมวันนี้ครับ"
ตวันยิ้มโบกมือ
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพื่อนคุณก็คือเพื่อนเรา ถ้าเค้าจะมาอีกเราก็ยินดีต้อนรับเสมอ"
อานนท์ยิ้ม
"เค้าคงไม่มาอีกหรอกครับ...เพราะเค้าชอบอยู่ในกรุงมากกว่าที่จะมาเที่ยวสวนแบบนี้"
"ฉันก็เหมือนจะคุ้นๆเคยเห็นเค้าในหนังสือพิมพ์ข่าวสังคม"
"ใช่ครับ..คุณแม่ เอ้อ ที่จริงเป็นแม่เลี้ยงแต่ก็รักวนิดามากเหมือนเป็นลูกตัว เค้าจะสนับสนุนให้วนิดาใช้ชิวิตกับสังคมที่หรูหรามากกว่า"
ตวันยิ้ม
"แล้วคุณล่ะคุณนนท์...คุณชอบใช้ชีวิตแบบไหน"
อานนท์ยิ้มจริงใจ
"ก่อนจะมาที่นี่...ผมก็ติดที่จะใช้ชีวิตในสังคมกรุงเพราะมีเพื่อนๆที่ผมสนิทหลายคนที่เค้าใช้ชีวิตแบบนั้น...แต่พอมาที่นี่ ผมก็รู้สึกสงบดี ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมชอบความเรียบง่ายแบบนี้มากกว่า"
ตวันมองอานนท์อย่างรู้สึกดี
"อย่าเพิ่งแน่ใจ ถ้าต้องใช้ชีวิตแบบที่นี่จริงๆ มันไม่สนุก คนที่ไม่คุ้นเคยตั้งแต่เด็กๆอย่างพวกเรา...ยังไงๆก็อยู่ได้ไม่นาน...ต้องกลับไปหาสังคมที่เค้าคุ้นเคยกันทั้งนั้น"
"ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ...แต่ถ้าผมได้พบกับความสุขของผมที่นี่"
อานนท์หันไปมองสุชาดา
"ผมก็อาจจะเลิกคิดถึงที่ๆผมเคยอยู่ก็ได้ครับ"
ในระหว่างนั้น สุชาดานั่งฟังแต่ทำเป็นไม่สนใจ...
วนิดากลับมานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน มีประภาคอยปลอบอยู่ข้างๆ
"หนูดา...อย่าร้องไห้เลยลูก"
"หนูไม่คิดเลยว่าคุณนนท์จะไม่สนใจหนูเลย"
"ตัดใจจากเค้าเถอะลูก คนเค้าไม่รักเราก็อย่าไปปักใจกับเค้าอีกเลย"
วนิดาร้องไห้ โกรธ
"เค้าคงสนใจผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว"
"ผู้หญิงที่ไหนล่ะ"
"ก็ลูกเจ้าของสวนมะพร้าวนั่นแหล่ะค่ะ...ท่าทางคุณนนท์เอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา"
ประภาไม่พอใจ
"คนอย่างนายอานนท์ได้เมียเป็นลูกชาวสวนก็เหมาะสมดีแล้วนี่"
"ท่าทางพวกมันไม่ใช่ชาวสวนธรรมดานะคะ...มันอยู่กันอย่างหรูหรา…มีอาหารฝรั่งเศสกินกันด้วย"
ประภาหัวเราะอย่างดูถูก
"ก็คงพวกเศรษฐีจอมปลอมที่อยากยกระดับตัวเอง คนพวกนี้เทียบกับหนูดาไม่ได้หรอกลูก...อย่าลดตัว
ไปคบหาให้เปลืองตัวดีกว่า"
วนิดาเช็ดน้ำตาสีหน้ายังโกรธแค้น
"หนูแกล้งบอกเค้าว่าหนูจะแต่งงาน...เค้าไม่ได้มีท่าทางผิดหวังซักนิด...ยังมีหน้าชวนพวกชาวสวนมาดื่มฉลองให้หนูอีก"
"ในเมื่อหนูพูดไปแล้ว...หนูก็ต้องแต่งจริง คุณโกศลดีพร้อมทุกอย่าง ถ้าหนูแต่งงานกับคุณโกศลหนูจะมี
หน้ามีตาดีกว่าแต่งกับนายอานนท์ซะอีก ถ้าเค้าเห็นหนูแต่งงานเมื่อไหร่ ป้ารับรองว่าเค้าจะต้องนึกเสียดายใจ
แทบขาดแน่ๆ"
วนิดามองหน้าประภา
"คุณป้าคิดว่าคุณอานนท์จะเป็นอย่างนั้นเหรอคะ"
"แน่ละซิจ้ะ...ระหว่างหนูกับผู้หญิงคนอื่น ใครจะดีเทียบกับหนูได้ล่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นคุณป้าตอบตกลงคุณโกศลได้เลยค่ะ...ให้เค้ายกขันหมากมาได้เลย"
ประภายิ้มดีใจ วนิดาปาดน้ำตาทิ้ง
อานนท์และทีมงานนั่งเรือกลับท่าเรียบ อานนท์มีความสุขท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังตกจากขอบฟ้า
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เวลาค่ำ ตวันนั่งดื่มพร้อมตรวจเอกสาร สุชาดาในชุดนอนเดินลงมาจากบ้านพร้อมถ้วยโกโก้
"ยังไม่ง่วงอีกหรือลูก"
"ยังเลยค่ะ วันนี้ไม่ค่อยง่วง แม่ไม่ขึ้นบ้าน"
"แม่นั่งรอโส...ยังไม่กลับจากสโมสรเลยก็เลยดูเอกสารที่มาเลย์ส่งมาจ้ะ...มาก็ดีแล้ว แม่มีเรื่องอยากคุยกับสุพอดี"
สุหันมามองตวัน
"คุยเรื่องอะไรคะแม่"
"เรื่องคุณนนท์"
สุนิ่งฟังตวัน
"คุณนนท์ทำไมคะ"
"สุคิดว่าคุณนนท์เป็นไงบ้าง"
"เป็นไงของแม่หมายถึงอะไรคะ"
"ก็สุคิดว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายยังไง...นิสัยใจคอใช้ได้ไหม"
สุชาดาพยายามเรียบเรียงคำพูด
"เค้าก็เอางานเอาการดีนะคะ ดูเค้าเป็นคนไม่ค่อยมีความทุกข์อะไรกับใครเขา...อารมณ์ดีตลอดวัน"
"แล้วสุว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ไหม"
สุชาดามองหน้าตวันนิ่ง
"สุก็เคยคิดว่าคุณนนท์เป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบเพราะเค้าทิ้งลีน่า...แต่วันนี้คุณนนท์อธิบายให้สุฟังว่าทำไมเค้าถึงเลิกกับลีน่า...สุเข้าใจความรู้สึกเค้าค่ะแม่"
"เรื่องลีน่าแม่ไม่ค่อยติดใจหรอก...เพราะมันเหมือนยังเป็นเรื่องของเด็กๆ...แต่ที่แม่สนใจคือผู้หญิงที่มาหาคุณนนท์ วันนี้"
"ทำไมเหรอคะ"
"แม่มีลางสังหรณ์บางอย่าง ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้รักคุณอานนท์มาก และที่แม่คิดต่อไปก็คือคุณนนท์เคยไปให้ความหวังอะไรกับเค้า เค้าถึงได้ตามมาถึงที่นี่"
สุมองตวันอย่างคิดตามไปด้วยกัน
"สุก็คิดเหมือนกันว่าเค้าหาข้ออ้างเพื่อมาหาคุณนนท์มากกว่า แต่เราก็ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเค้านี่ อีก
ไม่นานพอเครื่องจักรเสร็จคุณนนท์เค้าก็ไปแล้ว"
ตวันยิ้มๆ
"แม่ถามสุจริงๆนะลูก แม่รู้สึกว่าคุณนนท์เค้าสนใจสุ...สุรู้ตัวหรือเปล่า"
สุพยายามไม่อาย
"คงไม่ใช่หรอกค่ะแม่...สุว่าเค้าเป็นคนอารมณ์ดีที่ชอบพูดคุยมากกว่า…เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนมีเพื่อนเยอะ...เค้าก็คงเห็นโสกับสุเป็นเพื่อนเค้าเท่านั้น"
"แล้วถ้าเค้าเกิดชอบสุขึ้นมาจริงๆสุจะว่ายังไงล่ะลูก"
"สุยังไม่คิดกับเค้าอย่างนั้นหรอกค่ะแม่...สุว่าคบกันเป็นเพื่อนดีกว่า"
ตวันยิ้ม
"ถ้าสุมีความเห็นอย่างนี้แม่ก็สบายใจ...คุณนนท์เป็นผู้ชายปราดเปรียว แล้วก็เจ้าชู้ด้วย ด้วยความช่างพูดคุยของเขาอาจจะทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดคิดว่าเขามาชอบ กว่าจะรู้ว่าเค้าไม่ได้มาชอบอย่างที่คิดไปเอง...ผู้หญิงคนนั้นจะก็เสียใจเป็นทุกข์ แม่ไม่อยากให้สุต้องเป็นผู้หญิงคนนั้น...ผู้หญิงที่ต้องเสียใจเพราะผิดหวังในความรัก...
มันจะเป็นแผลในใจเราชั่วชีวิต"
สุชาดายิ้มอย่างมั่นใจ
"สุไม่มีวันเป็นอย่างนั้นแน่นอนค่ะ...แม่สบายใจได้"
สุเอื้อมมือมาจับมือตวันไว้อย่างจะให้คำสัญญา ตวันยิ้มแต่แววตาก็เศร้า
"แม่เชื่อใจสุ...ก่อนที่เราจะรักใครสักคน...เราจะทำตามหัวใจเราอย่างเดียวไม่ได้...เราต้องใช้สมองด้วย..จำไว้นะลูก"
สุมองตวันยิ้มแจ่มใสตวันมองสุแล้วก็ยิ้มสบายใจ.....
วันใหม่ .oบรรยากาศการทำงานของคนงานตามปกติ อานนท์กับลูกน้องช่วยกันประกอบ เครื่องจักรชิ้นสุดท้ายถูกติดตั้งอย่างลงตัว
"ฝีมือจริงๆครับพี่นนท์...เสร็จแล้ว" ลูกน้อง 1 บอก
อานนท์มองเครื่องจักรที่ติดตั้งประกอบเสร็จอย่างพอใจ
"รอให้ทดสอบเครื่อง...ถ้าไม่มีปัญหาก็เรียบร้อย"
ลูกน้อง 2 บอก"เร็วกว่าที่กำหนดไว้อีกครับพี่"
"บ่ายนี้ทดลองเครื่องกันเลย"
ทั้งหมดยืนมองเครื่องอย่างภาคภูมิใจ
อานนท์เดินมาหาสุชาดาที่ลานเพลินแต่ไม่เจอ จึงเดินไปหาที่ๆสุเคยนั่งทำงานก็ไม่มี อานนท์เห็นลุงหมานนั่งขัดกะลา
"ลุงครับ...นายสุอยู่ไหน"
ลุงหมานหันไปหันมามองหา
"อ้าว…ก็เมื่อกี้ยังนั่งอยู่นี่"
ลุงหมานหันมาหัวเราะฟันดำ
"พอคุณมาก็หายไปไหนก็ไม่รู้"
อานนท์ผิดหวังนิดหน่อย...
อานนท์วิ่งมาที่กระท่อมโสภณ สนมกำลังทำต้นไม้กับมี อานนท์รีบเดินไปหา
"หนม…คุณสุอยู่ไหม"
สนมมองหาสุ มีก็ช่วยมองหาเหมือนกัน
"เมื่อกี้ยังยืนอยู่ที่นี่เลย"
"ก็ดูกุหลาบอยู่นี่...หายไปไหน"
อานนท์เริ่มงง...
อานนท์เดินแกมวิ่งมาที่บ้านตวัน เริ่มจะหยุดยืนหอบนิดหน่อย อานนท์เดินเข้าไปในบ้านตวัน เห็นสุชาดาไกลๆยืนอยู่ใกล้ๆประตูด้านหลัง อานนท์ก้มลงถอดรองเท้า สุชาดาเห็นอานนท์ก็รีบเดินออกประตูด้านหลังออกไปโดยเร็ว พออานนท์เงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นแล้ว มีโสภณนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่หันมาเห็นอานนท์ก็ยิ้มให้
"คุณนนท์...เชิญครับ"
อานนท์มองหาสุชาดา
"มองหาอะไรเหรอครับ"
"เอ้อ…ผมจะมาบอกคุณว่าเครื่องจักรประกอบเสร็จแล้ว บ่ายนี้จะลองเครื่อง...เลยจะให้นายตวันคุณกับสุไปดูด้วยกัน"
โสภณดีใจ
"เสร็จแล้วเหรอครับ แหม...พวกคุณทำงานกันเสร็จก่อนกำหนด....เสียดายแม่ไม่อยู่ไปธุระในเมือง"
โสภณหันไปมองหาสุชาดา
"แต่สุ...เมื่อกี้ยังอยู่ที่นี่เลย หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
อานนท์เริ่มรู้สึกผิดปกติ
"ผมว่าผมเห็นหลังเค้าไวๆ"
โสภณหัวเราะ
"สุเค้าก็อย่างนี้ละครับ ตามหาตัวเค้ายาก นอกจากเค้าจะอยากมาหาเอง"
อานนท์หันไปทำหน้าผิดหวัง มีเสียงระเบิดดังขึ้นดังสนั่น โสภณสะดุ้ง อานนท์สีหน้าตกใจ
"เครื่องจักร"
อานนท์รีบวิ่งออกไป โสภณวิ่งตามอานนท์ออกไป...
อานนท์วิ่งลงมาจากบ้านตวัน มีโสภณวิ่งตามลงมาพอมาถึงหน้าบ้านก็เห็นคนงานวิ่งกันวุ่นมองไกลออกไปเห็นมีควันดำลอยขึ้นมา
"สงสัยเครื่องระเบิด" โสภณบอก
อานนท์วิ่งไปมีโสวิ่งตามมาด้วย
อานนท์กับโสภณวิ่งมาถึงโรงเก็บเครื่องจักร เห็นควันลอยออกมาจากภายใน ลูกน้องของอานนท์ออกมายืนคอยอยู่ด้านนอก คนงานมุงดูอย่างตกใจ มีควันออกมาจากภายใน
"นาย..นาย ไฟไหม้ เครื่องมันระเบิด"
"ไปช่วยกันดับไฟเร็วๆ" อานนท์บอก
อานนท์กับลูกน้องและโสภณวิ่งเข้าไปโรงเก็บเครื่องจักรเก่าที่มีควันไปทั่ว คนงานกำลังพยายามเอาน้ำสาดดับไฟ สุชาดากับสนมและเนตรวิ่งมา คนงานกำลังจะเอาน้ำเข้าไปสาดใส่เครื่องจักรที่กำลังติดไฟ อานนท์รีบห้ามเสียงดัง
"อย่าเอาน้ำไปสาดเครื่องนะ"
คนงานถาม
"ไม่สาดเครื่องแล้วไฟมันจะดับได้ไง"
"ถ้ายังมีไฟฟ้าอยู่ จะโดนไฟดูดกันหมด"
อานนท์หันไปสั่งลูกน้อง
"ไปดึงสายเมนออกก่อน"
ลูกน้องอานนท์วิ่งไปอานนท์หันไปเห็นกระสอบเอามาฟาดดับไฟโสหันไปสั่งคนงาน
"ไปเอากระสอบมาเร็วๆ...เอามาเยอะๆ"
อานนท์วิ่งเข้าไปในโรงเครื่องจักรเก่าพร้อมกระสอบ สุชาดาวิ่งมาพร้อมกับสนม ยืนมองดูคนข้างในกำลังจัดการกับเครื่องจักรที่ระเบิด
ผ่านเวลา หน้าห้องโรงเก็บเครื่องจักร อานนท์กับลูกน้องเดินออกมา เนื้อตัวมอมแมม อานนท์ถือสายไฟที่ช้อตและถูกไฟไหม้ออกมาด้วย
"สายไฟละลายตรงขั้ว..ดีนะที่ไม่โดนน้ำ"
"ไม่งั้นโดนไฟดูดกันหมดแน่ๆ" ลูกน้อง 1 บอก
อานนท์หันไปถามลูกน้องอีกคนที่เดินออกมาจากห้อง
"มอเตอร์เป็นไง"
"ผมว่ามอเตอร์ยังไม่เป็นไรนะพี่นนท์...แต่ตัวกรองไปหมดครับ"
ลูกน้อง1บอก
"ถ้าได้อะไหล่มาก็คงพอซ่อมได้ครับ...แต่ต้องเปลี่ยนหลายตัวเลย"
โสภณยืนอยู่กับอานนท์ สุชาดาเดินเข้ามาเงียบๆยืนฟังด้านหลัง
"เครื่องนี้มันเก่ามากแล้วครับ ถ้าซ่อมไม่ได้ก็อย่าไปซ่อมเลยครับ"
"ซ่อมน่ะซ่อมได้หรอกครับ...ถ้ามีอะไหล่ก็ใช้เวลาไม่นาน"
ตวันเดินเข้ามากับสุชาดาและสนม
"เก่งมากคุณนนท์...ฉันต้องขอขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยดับไฟ ถ้าไม่ได้พวกคุณเราคงเสียหายมากกว่านี้"
"ไอ้เครื่องเก่านี้เหมือนจะรู้วาระตัวเองเลยนะครับ...เพราะพวกผมคิดว่า ช่วงบ่ายจะลองเดินเครื่องตัวใหม่"
"แล้วเราจะผลิตได้เลยมั้ยครับ" โสภณว่า
"ใช้เครื่องใหม่แทนเครื่องเก่าได้เลยครับ...แต่สองสามวันแรก น้ำมันที่กลั่นออกมา อาจจะยังมีสารอื่นเจือปนบ้าง หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาครับ"
ตวันเดินเข้าไปมองเครื่องเก่าในห้องและเดินกลับมา สีหน้าของตวันเหมือนไม่อยากทิ้งเครื่องเก่า สุชาดาเดินเข้าไปให้กำลังใจ อานนท์มองดูอย่างครุ่นคิด
บรรยากาศในสวนมะพร้าว เป็นช่วงเวลาเลิกงาน คนงานเริ่มเก็บของกลับบ้าน แต่อานนท์ยังนั่งปรึกษากับลูกน้องเกี่ยวกับการซ่อมเครื่องจักรเก่า
"พวกนายก็ไม่ได้กลับบ้านกันหลายวันแล้ว...เดี๋ยวฉันจะปรึกษากับคุณโสให้ช่างที่กรุงเทพมาซ่อมเอง" อานนท์บอก
ลูกน้อง1บอก
"มันต้องรีบทำเลยครับ...เพราะถ้าทิ้งไว้พวกเขม่าจับตัวกับน้ำมันเครื่องที่รั่วนี้...จะยิ่งทำยากมากขึ้น"
"งานนี้ไม่ใช่งานของบริษัทด้วย...พี่จะจัดการเอง"
ลูกน้องมองหน้ากัน
ลูกน้อง3 บอก
"ไม่ต้องหรอกครับ...เราปรึกษากันแล้วพวกเรายินดีที่จะอยู่ซ่อมเครื่องเก่าให้เอง"
"แล้วพวกนายไม่คิดถึงบ้านกันหรือไง"
ลูกน้อง1บอก
"คิดถึงสิครับพี่ แต่นายตวันดูแลพวกเราดีมาก เราก็อยากทำอะไรตอบแทนให้บ้างครับ"
ลูกน้อง2 บอก
"งานของเราก็เสร็จก่อนกำหนด...เท่ากับเราก็ไม่ได้ใช้เวลางานมาทำจริงไหมครับ พี่นนท์"
อานนท์ยิ้มมองลูกน้องอย่างซึ้งในน้ำใจ
"มันต้องได้อย่างนี้ซิพวกเรา"
มีเดินเข้าที่อานนท์
"คุณอานนท์นนท์ครับ...นายตวันให้คนมาตามพวกคุณไปทานข้าวที่บ้านครับ"
อานนท์ยิ้มๆ
"คงกะจะเลี้ยงฉลองเครื่องใหม่แน่"
ลูกน้องพากันดีใจ
ลูกน้อง1บอก "ตั้งแต่มาทำงานที่นี่พวกเราอ้วนไปตามๆกันครับ"
"พวกนายไปล้างหน้าล้างตาและเดินไปกันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ตามไป"
ลูกน้องมองหน้ากันยิ้มๆแล้วพากันเดินออกไป ลูกน้อง1 หันมาแซว
"อย่าเดินหลงไปที่อื่นนะครับ"
อานนท์กลับไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เดินออกมาที่กระท่อมโสภณ เห็นบรรยากาศสวยๆ อานนท์หยุดมองหาสุชาดา เขากำลังจะตะโกนเรียก เป็นจังหวะเดียวกับสุชาดาเดินออกมาจากด้านใน แต่งตัวเป็นผู้หญิงสวยอานนท์มองอย่างตกตะลึง
"เดินหลงทางมาเหรอคะ คุณอานนท์"
"คราวนี้ผมตั้งใจมาที่นี่...จำทางได้ไม่หลงอีกแล้ว"
"คุณควรจะไปอยู่ที่บ้านแม่ฉันแล้วนี่นา"
"แล้วคุณไม่ไปที่นั่นด้วยหรือไง"
สุชาดาตอบเรื่อยๆ
"ก็กำลังจะไป"
อานนท์มองสุชาดาทั่วตัว เธอพยายามทำท่าขึงขังเพื่อไม่ให้เขิน
"มองอะไรนักหนา...ไม่มีมารยาทหรือไง"
สุชาดาเดินออกมา อานนท์ยิ้มเดินตาม
ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน อานนท์เปรยขึ้น
"คุณน่าจะแต่งตัวอย่างนี้ทุกวันนะ"
สุชาดาไม่พอใจ
"ฉันจะแต่งตัวอย่างไรมันเป็นเรื่องของฉัน"
อานนท์แกล้งบ่นกับตัวเอง
"ถามแค่นี้ก็ไม่ได้"
สุหันมา
"อะไรนะ"
"วันนี้ผมเที่ยวตามหาคุณไปทั่ว...ไปที่นึงเค้าก็บอกคุณเพิ่งออกไป พอไปอีกที่นึง...เค้าก็บอกคุณเพิ่งออกไปอีก"
"จะตามหาฉันทำไม"
"ก็เมื่อได้พบได้รู้จักคุณแล้ว...ผมก็อยากพบคุณ..อยากรู้จักคุณให้ดีขึ้นอีก"
"ไม่จำเป็นเลย เราคุยกันน่าจะพอแล้ว...อีกไม่นานคุณก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี"
"ถ้าเราอยากพบกัน...เราก็พบกันได้เสมอ"
"แต่เราไม่ได้อยากพบกันนี่"
อานนท์คิดนิดหนึ่งก็พูดออกไป
"ผมอยากพบอีก...คุณไม่อยากพบกับผมอีกหรือไงสุ"
สุชาดานิ่งไปหันมามองอานนท์
"ชาวสวนอย่างฉันไม่มีอะไรน่าสนใจที่หนุ่มสังคมอย่างคุณอานนท์จะมาคบหาละมั้ง"
สุชาดาพูดแล้วก็หันกลับไปเดินต่อ อานนท์รีบเดินตาม
"อย่าบอกนะว่าคุณจงใจหลบหน้าผม"
สุชาดาหยุดเดินมองหน้าอานนท์
"ฉันจะหลบหน้าคุณทำไม...."
พูดจบก็เดินจากไปอย่างเร็ว อานนท์เดินตาม
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
บรรยากาศสนุกสนานที่โต๊ะอาหารบ้านตวัน ทุกคนทานอาหารอย่างดี จูเหลียงเอาไวน์มาเสิร์ฟ ลูกน้องพากันมองหน้าอานนท์ ตวันยิ้มพอใจ
"วันนี้ขออนุญาติคุณนนท์ให้นายช่างดื่มไวน์หน่อยนะคะ"
"ทานอาหารเสร็จแล้ว ช่างต้องรีบไปล้างเครื่องเก่า แต่วันนี้ นายตวันให้เป็นโอกาสพิเศษ...ผมก็ขอดื่มด้วยครับ"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส.....ลูกน้องพากันดีใจรีบดื่มไวน์
ลูกน้อง1บอก
"ผมเคยได้ยินที่เค้าเรียกไวน์มาตั้งนานแล้ว...เพิ่งได้ลิ้มรสของจริงก็วันนี้เองครับ"
"คุณนนท์อนุญาตแล้วก็ดื่มมากๆนะครับ" โสภณบอก
ลูกน้อง 2 บอก
"อร่อยเหมือนน้ำองุ่นเลยครับ...อย่างนี้ถึงสว่างก็มีแรงทำไหวครับพี่นนท์"
"แต่ถ้าดื่มมากๆอย่าเมาหลับไปซะก่อนนะ"
ลูกน้อง 3 บอก
"รับรองครับลูกพี่...งานต้องมาก่อน"
ตวันหัวเราะ
"ฉันต้องขอชมเชยพวกคุณ รับผิดชอบและตั้งใจทำงานกันดีมาก ฉันดีใจแทนเจ้าของบริษัทพวกคุณที่ได้
ทีมงานดีอย่างนี้"
"ขอบคุณมากครับ...แค่งานที่เราทำราบรื่นไม่มีปัญหา งานเป็นที่น่าพอใจ พวกเราก็มีความสุขแล้วครับ...ผมก็ต้องขอขอบคุณนายตวันที่ดูแลพวกเราอย่างดี"
"พวกคุณต้องจากบ้านกันมาหลายวัน...ฉันก็อยากจะให้พวกคุณสะดวกสบายตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่...ป่านนี้คนที่บ้านพวกคุณก็คงคอยวันกลับของพวกคุณกันแล้ว"
ลูกน้อง1บอก "ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกเราทุกคนยังเป็นโสด ไม่มีคนที่จะมารอคอยนักหรอกครับ"
"ถึงจะยังไม่แต่งงานแต่ก็ต้องมีพ่อแม่พี่น้องที่คอยห่วงอยู่ดีนะ"
อานนท์หัวเราะเบาๆ
"ผมว่าเค้าเข้าใจนะครับ...แต่ก็คงบ่นกันน่าดู"
ตลอดเวลาสุชาดามองคนโน้นคนนี้ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
เมื่อทั้งหมดทานอาหารเสร็จแล้ว สิรี นงลักษณ์และตระกลนั่งคุยกัน สายใจเอาผลไม้จานใหญ่กับจานแบ่งมาแจกทุกคน
"เมื่อไหร่คุณนนท์จะเสร็จงานที่เมืองนนท์ล่ะนงลักษณ์" สิรีถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน...นี่ก็ไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้ว"
"ดีแต่มีอาตระกลมาอยู่เป็นเพื่อนนงลักษณ์นะ...ไม่งั้นเธอเหงาแย่เลย"
นงลักษณ์ยิ้มอุ่นใจ
"ฉันก็เกรงใจคุณตระกลจะแย่แล้ว"
"พอดีช่วงนี้ผมว่างครับ" ตระกลหันไปพูดกับสิรี "อาก็พูดบ่อยๆ ว่าถ้าเหงาก็ไปนอนที่บ้านโน่นก็น่าจะดี"
นงลักษณ์ยิ้มมองอย่างรู้ว่าตระกลเป็นห่วง
"ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ"
สิรีมองดูทั้งคู่ด้วยความยินดี
"เออ..จริงซิ มีข่าวดีจะบอก..ปริศนาท้องแล้วนะ" สิรีบอก
นงลักษณ์กับตระกลดีใจ
"ท่านพจน์คงดีพระทัยมาก" ตระกลว่า
"รับสั่งห้ามไม่ให้ปริศนาทำอะไรเลย...ก่อนที่จะรู้ว่าท้องก็มาเวียนหัวหน้ามืดที่นี่ แม่ก็ห่วงแทบแย่นึกว่าเขาไม่สบายเป็นอะไร แต่พอรู้ว่าท้องก็ค่อยหายห่วงไป"
"อีกไม่นานก็มีเด็กเล็กๆมาวิ่งแล่นที่นี่นะครับ...บ้านก็ไม่เงียบอีกแล้ว"
สิรีทำหน้าเบื่อ
"หลานชอบเงียบๆค่ะอาตระกล...มีเด็กมาร้องโยเยนี่ไม่ไหว"
"รอให้ตัวเองมีซะก่อนเถอะ...ฉันจะคอยดูว่าเธอยังจะรำคาญเด็กอีกไหม"
สิรีค้อนนงลักษณ์
"อย่ามารอฉันเลยจ้ะ...ฉันว่าฉันจะได้เห็นลูกเธอก่อนน่ะซินงลักษณ์...จริงไหมคะอาตระกล"
สิรีพูดขอความเห็นทำให้ทั้งทั้งคู่อายม้วน .
นงลักษณ์เดินมาส่งตระกลที่รถ
"คุณตระกลกลับบ้านค่ำๆแทบทุกวัน เจ้าคุณพี่ของคุณไม่บ่นแย่เหรอคะ"
ตระกลยิ้มสบายใจ
"คุณพี่ท่านเข้าใจผมดีครับ...ท่านพูดด้วยซ้ำไปว่าถ้าผมอยู่ที่ไหนที่มีความสุขท่านก็สบายใจ"
นงลักษณ์ยิ้มดีใจไม่ค่อยกล้ามองหน้าตระกล
"ถ้าคุณตระกลอยากไปเที่ยวที่อื่นบ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ... ฉันอยู่ได้"
"ถึงจะมีบ้านพี่สมรอยู่ใกล้ๆแต่ทั้งสองหลังนี่ก็ไม่มีผู้ชายซักคน"
"อีกไม่กี่วันคุณนนท์ก็คงกลับค่ะ...แล้วอีกไม่นานคุณสมศักดิ์กับพี่อุบลก็จะย้ายกลับมาอยู่บ้านสิรี"
ตระกลทำหน้าน้อยใจ
"คุณนง เบื่อที่จะทำกับข้าวให้ผมกินแล้วหรือ"
นงลักษณ์รีบลนลาน
"ไม่เลยค่ะ...ฉันไม่เคยเบื่อเลย ฉันกลัวคุณตระกลจะเบื่อที่ต้องคอยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน เวลาคุณนนท์ไม่อยู่ต่างหาก"
"ผมไม่เคยเบื่อเลย แต่พอนายนนท์กลับมา คุณสมศักดิ์ย้ายมาอยู่บ้านพี่สมร ผมก็คงไม่จำเป็นต้องมาแล้ว"
นงลักษณ์ตกใจ
"ต้องมาสิคะ...ไม่อย่างนั้นจะมีใครมาช่วยฉันทำกับข้าว... มาช่วยเลาะตะเข็บเสื้อล่ะคะ...คุณนนท์น่ะอยู่ก็เหมือนไม่อยู่ขนาดในครัวยังไม่เคยเดินเข้าไปเลยค่ะ...คุณตระกลมาก็มาช่วยฉันได้ทุกอย่าง...แล้วจะไม่มาได้ยังไงคะ"
ตระกลพอใจมากที่นงลักษณ์พูดอย่างซื่อๆ..นงลักษณ์เองก็อดยิ้มอุ่นใจไม่ได้...
รถคุณหญิงเจริญจอดหน้าตึก แล้วก้าวลงจากรถ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี กระแทกประตูรถปิดเสียงดังแล้วเดินขึ้นไปบนตึก ปากก็ตะโกนเสียงดัง
"นังเจียม...นังเจียม...ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะ"
คุณหญิงหันไปเห็นเจียมยืนหาวไม่เลิกก็ตวาด
"นังเจียม...ทำเป็นเซ่ออยู่ได้...ไปทำข้าวต้มเครื่องมาให้ฉันเร็วๆ"
"คุณผู้หญิงจะทานข้าวต้มตอนนี้เหรอคะ"
"เออ...แกรีบๆไปทำเร็วๆ ฉันไม่ได้กินข้าวเย็น ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ถ้าฉันลงมาแกต้องทำข้าวต้มให้เสร็จรอฉันนะ"
คุณหญิงหันไปเห็นประตูด้านหลังยังไม่ปิด
"ดึกดื่นป่านนี้ทำไม่ยังไม่ปิดประตูอีก....อีนี้นิ"
เจริญเดินขึ้นไปชั้นบน เจียมยืนเกาหัว
"อย่างนี้เสียไพ่มาแหงๆ"
เจียมกำลังจะเอื้อมมือปิดประตู เสาวนิตก็พรวดพราดเข้ามาจนเจียมตกใจ
"ว๊าย..ตาเถร"
เสาวนิตหันมาดุ
"อย่าเสียงดังไปซิ"
เจียมทำหน้าเจ้าเล่ห์
"วันนี้กลับซะดึกเชียวนะคะ"
"ยุ่งน่า...คุณแม่ขึ้นนอนแล้วใช่ไหม"
"เพิ่งกลับมาค่ะ....เดี๋ยวจะลงมาทานข้าวต้มค่ะ สั่งให้เจียมทำ...ถ้าคุณนิตจะขึ้นก็รีบๆขึ้นไปสิคะ"
เจียมเดินเข้าหลังบ้านไป เฉยยืนถือถาดน้ำชาแอบดูอยู่เงียบๆ....
เจ้าคุณสุทธากำลังนั่งทำงาน เครื่องเล่นแผ่นเสียงเล่นเพลงI Adore You เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์หยุดฟังด้วยสีหน้าเศร้าๆ ก่อนลุกขึ้นเดินมาปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง เฉยเดินถือกาน้ำชาเข้ามา
"มัวไปทำอะไร...ไปชงชาหายไปซะนาน"
"คุณหญิงเพิ่งกลับมาแล้วให้เจียมตั้งข้าวต้ม...กระผมเลยต้องไปช่วยมันหน่อยขอรั"
เจ้าคุณทำหน้าไม่พอใจ
"ใช้คนไม่เคยนึกถึงใจใครเลย"
เฉยรินน้ำชามาส่งให้ เจ้าคุณรับถ้วยน้ำชาแล้ววางไว้
"แกไปนอนเถอะ"
เฉยทำท่ารีรอจนเจ้าคุณสังเกต
"มีอะไร"
เฉยก้มหน้าไม่กล้าพูด
"พูดมาเถอะ...มีอะไร"
"เอ้อ...กระผมรู้สึกว่า คุณนิตจะกลับขึ้นตึกดึกๆบ่อยขอรับ"
"คงไปอยู่ที่ตึกคุณแม่ละมัง"
"ถ้าคุณหญิงเจริญไปอยู่ที่นั่น...คุณนิตก็มักจะตามไปขอรับ แต่ช่วงนี้คุณหญิงออกไปข้างนอกบ่อย...คุณนิตก็ยังกลับมาขึ้นตึกตอนดึกๆแทบทุกวัน"
พระยาสุทธาสีหน้าเบื่อหน่าย
"ให้เค้าอบรมกันเอง...ฉันพูดไปคุณหญิงก็จะมาห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งกับลูกสาวอีก...เค้าว่าเป็นเรื่องของเขา...ฉันก็ไม่อยากจะไปยุ่งอีก...แม่นิตก็คงโดนคุณย่าเรียกไปอ่านหนังสือเหมือนเคยนั่นแหละ"
พระยาสุทธานั่งจิบน้ำชาไม่สนใจ เฉยหนักใ0
วันรุ่งขึ้น เจ้าคุณสุทธาแต่งชุดทำงาน นิศากับเสาวนิต และคุณหญิงเจริญนั่งที่โต๊ะอยู่แล้ว เจียมเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้นิศากับเสาวนิต แต่เสาวนิตมีอาการหาวตลอดเวลา เจ้าคุณสุทธามองลูกสาวอย่างพิจารณา
"ไปทำอะไรดึกๆดื่นๆถึงไม่นอนเสาวนิต"
เสาวนิตตกใจอึกอัก
"เอ้อ..."
เจ้าคุณสุทธามองเห็นตระกลเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร ยกมือสวัสดีเจ้าคุณ และคุณหญิง
"ตระกล...มารับของเช้าด้วยกันสิ"
"ครับ..เจ้าคุณพี่"
เสาวนิตพอเห็นตระกลมาก็รีบยกมือไหว้ กลบเกลื่อนตัวเองไม่ต้องตอบคำถามสุทธา
เสาวนิต - นิศาทักทาย "สวัสดีค่ะอาตระกล"
นิศารีบยกมือไหว้ตระกลเหมือนกัน เจียมเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟสุทธากับตระกล
"ไปอยู่โรงเรียนใหม่สนุกไหมนิต
"สนุกมากเลยค่ะ"
"พ่อตระกลนี่มีน้ำใจกับหลานจริงๆนะ...อุตส่าห์ถามไถ่เรื่องร่ำเรื่องเรียนของหลาน" คุณหญิงว่าพลาง
ตวัดสายตามองเจ้าคุณสุทธา "เจ้าคุณพ่อของแม่นิตยังไม่เคยถามเลยซักคำ"
เจ้าคุณสุทธาที่กำลังทานอาหารเช้าชะงักนิดหนึ่ง หันไปพูดเรียบๆ
"ก็เธอเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรือว่าห้ามไม่ให้ฉันมายุ่งเรื่องลูก...เธอจะจัดการเอง"
"เจ้าค่า...ท่านเจ้าคุณก็เลยไม่ดูดำดูดีเหรอเจ้าคะ...ถ้าสามคนนี่ไม่ได้แม่ป่านนี้ก็ไม่รู้เป็นยังไง"
เสาวนิตกับนิศาท่าทางร้อนใจตระกลก็อึดอัด ส่วนเจ้าคุณเลิกทานอาหารแล้ว
"เอ้อ...เจ้าคุณพ่อคะ ที่โรงเรียนนิตจะมีแสดงละคร"
ตระกลพยายามสนใจเพื่อทำให้บรรยากาศหายอึดอัด หันไปพูดกับเสาวนิตอย่างยิ้มแย้ม
"ละครโรงเรียนของนิตเหรอ...แล้วนิตเล่นด้วยหรือเปล่า"
เสาวนิตทำท่าภูมใจ
"นิตได้เล่นเป็นนางเอกค่ะอาตระกล"
"โอ้...อย่างนี้ก็ต้องไปดูน่ะสิ ไปดูได้ไหมล่ะ"
คุณหญิงเจริญบอก
"เค้าขายบัตรเข้าการกุศล...พี่ก็ว่าจะพูดกับตระกลอยู่เหมือนกันพี่ซื้อบัตรไว้หลายใบ กะจะให้ตระกลเอาไปชวนเพื่อนด้วย"
เสาวนิตรีบสนับสนุน
"นิตอยากเชิญคุณอานนท์กับน้องสาวมาดูละครด้วยค่ะ นิตอยากตอบแทนที่คุณอานนท์กับคุณนงลักษณ์เคยเลี้ยงอาหารกับขนมนิตอย่างดี"
"ตอนนี้คุณอานน์เค้าไปทำงานต่างจังหวัด"
"ไม่ได้ๆ งานสำคัญอย่างนี้นานทีปีหน ตามคุณอานนท์มาให้ได้นะ"
ตระกลเริ่มอึดอัดหันไปมองหน้าเจ้าคุณสุทธา
"เรื่องอะไรจะต้องไปบังคับเขาขนาดนั้น...เขาไม่ว่างก็คือ ไม่ว่างซิ"
คุณหญิงเจริญขึ้นเสียง
"ท่านเจ้าคุณ...ทำไมต้องขัดดิฉันเสียเรื่อย ดิฉันเห็นเป็นเรื่องการกุศลได้ทำบุญแม่นิตก็เพิ่งจะเข้าเรียน...ถ้าเราอุดหนุนโรงเรียนได้หน้าตา...มันก็ดีกับลูกเรานี่คะ"
"ไม่เป็นไรครับคุณพี่...ผมจะลองถามดูครับ"
เสาวนิตมองนิศาอย่าง ส่วนนิศาสีหน้าเบื่อหน่าย
เจ้าคุณสุทธากำลังเดินลงมาจากตึกใหญ่เพื่อจะมาขึ้นรถไปทำงาน ตระกลเดินมาด้วย
"อย่าไปสนใจคำพูดแม่เจริญเลย...พี่เองไม่เห็นด้วยที่เค้าสนับสนุนลูกไม่เข้าเรื่อง"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมจะลองชวนเพื่อนไปดูยายนิตเล่นละคร"
เจ้าคุณหงุดหงิด
"แม่นิตน่ะเรียนหนังสือแย่...สอบตกย้ายโรงเรียนเป็นว่าเล่น ควรจะสนใจแต่การเรียน แม่เจริญไม่ควรอนุญาตให้ไปเล่นละครอะไรนั่น"
เจ้าคุณหยุดยืนก่อนขึ้นรถเพื่อคุยกับตระกล
"ถ้าเราพากันแห่ไปดูแม่นิตเล่นละครมันก็เหมือนสนับสนุนให้แก่แดดมากขึ้น...ไม่ไปดูก็มาเหน็บแนมอีกว่าไม่สนใจลูก"
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์สีหน้าหม่นหมองก้าวขึ้นรถ คนรถขับออกไป ตระกลมองตามอย่างเห็นใจ...
วันเดียวกัน ตวันนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีเสียงเพลงเบาๆ สักครู่เงยหน้ามองออกไปด้วยสีหน้าเหงาๆ สุชาดาเดินเข้ามาอีกด้านหนึ่งเห็นท่าทางเศร้าๆของแม่ จึงค่อยๆเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
"แม่คะ"
ตวันสะดุ้งน้อยๆหันมาเห็นลูกสาวยิ้มให้
"ว่าไงลูก"
สุชาดามองแม่อย่างเป็นห่วง
"แม่ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
ตวันยิ้มทำท่าทางเป็นปรกติ
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ...กำลังคิดเรื่องงาน"
สุชาดาลงนั่งใกล้ๆตวันอย่างห่วงใย
"สุเห็นแม่นั่งเหม่อใช้ความคิดบ่อยๆ...เหมือนแม่มีเรื่องทุกข์ใจบางอย่างหรือเปล่าคะ"
ตวันยิ้มเศร้าๆ
"เรื่องบางอย่าง มันเป็นแผลลึกในใจเรา ไม่ว่านานแค่ไหนมันก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ในใจเรา"
ตวันลูบหัวลูกสาวที่นั่งใกล้ๆ
"แม่ถึงบอกกับสุ....ถ้าจะตัดสินใจรักใคร อย่าให้หัวใจมันสั่งเราอย่างเดียว ต้องฟังสมองด้วย"
"แม่คิดถึงพ่อใช่ไหมคะ" ตวันเงียบไป "ทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องพ่อให้สุฟังเลย"
ตวันฝืนยิ้ม "เอาไว้ซักวันแม่จะเล่าให้สุฟังจ้ะ"
สุชาดาเอาหัวพิงกับแม่ อานนท์เดินเข้ามา ตวันหันไปมอง
"คุณนนท์"
"ขอโทษด้วยครับ...ผมอยากพูดกับสุสักหน่อย"
สุชาดาเงยหน้ามองอานนท์แล้วหันไปมองหน้าตวัน ตวันยิ้มให้ลูกสาว
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ครู่ต่อมา สุชาดาดินมาตามทางเดินในสวนที่ร่มรื่น อานนท์เดินตามมา สุชาดาหันมาถาม
"คุณจะพูดอะไรกับฉัน"
"ผมอยากจะปรับความเข้าใจกับคุณ"
"ปรับความเข้าใจเรื่องอะไร"
"ผมว่าเมื่อคืนก่อนเราพูดกันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่"
"ก็ไม่เห็นต้องพูดสนุกอะไร"
อานนท์มองสุชาดาอย่างระอา
"ทำไมคุณไม่พูดให้มันอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นเขาบ้าง"
สุชาดาตาเขียว
"ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้..ถ้าคุณไม่อยากฟังก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบกับใคร"
สุชาดาหันหลังจะเดินหนี
"เมื่อสามสี่วันก่อนคุณไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย...อะไรทำให้คุณเปลี่ยนไปอย่างนี้"
สุชาดาหันกลับมา
"ต้องขอโทษนะที่ทำให้คุณผิดหวัง...ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ละ ถ้าไม่มีเรื่องเครื่องจักรเก่าระเบิด...ป่านนี้คุณก็กลับบ้านไปนานแล้ว"
"ผมเคยบอกแล้วว่าถึงงานจะเสร็จ ผมก็จะมาอีก คุณทำเหมือนคุณกลัวอะไร"
"กลัวอะไร"
"ก็นั่นสิคุณกลัวอะไร...ถึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับผม"
"ฉันไม่เคยกลัวอะไรคุณเลย...ฉันว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกันดีกว่า คุณมาที่นี่ก็เพราะคุณมีงานต้องทำคุณก็คบกับเรา พองานของคุณเสร็จแล้วคุณก็ไม่มาที่นี่อีก คุณก็ไปคบกับคนอื่นสบายใจ เราเป็นชาวสวนชาวบ้านนอกเราก็อยู่ตามประสาของเรา ไม่คบกับคนหรูหราชาวกรุง...เรามันคนละโลกกันจ้ะ ทางเดินของเรามันไม่บรรจบกันอีกหรอก"
อานนท์หงุดหงิด
"เลิกคิดอย่างนี้เสียทีได้ไหม คนเราถ้ารักจะคบกันต่อให้แตกต่างกันแค่ไหนก็คบหากันได้ ผมอยากคบหากับคุณนะสุ"
สุชาดาส่ายหน้า"แต่ฉันไม่อยาก"
"ทำไมล่ะสุ"
"อือ...ก็ไม่เห็นได้ประโยชน์ที่ตรงไหน"
"อ๋อ..คุณคบคนเพื่อหวังผลประโยชน์หรือสุ สมัยนี้ผู้หญิง ผู้ชายคบหาเป็นเพื่อนกันเยอะแยะไป...ดีเสียอีก..เราจะได้เรียนรู้กับผู้หญิงคนอื่นเขา"
สุชาดาหันขวับมาตาเขียว
"ฉันขอเตือนว่าอย่าเอาฉันไปเปรียบกับผู้หญิงคนอื่นของคุณอีกไง...ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบ"
อานนท์จะเอาชนะไม่สนใจที่เธอพูด..
"ผู้หญิงคนอื่นน่ะนะ...ถ้ามีผู้ชายมาสนใจเขา..อยากพบเขา เขาก็ยินดีให้โอกาสเสมอ."
อานนท์พูดไปเรื่อย ไม่เห็นสีหน้าโกรธจัดของสุชาดาเพราะเธอยืนหันหลังให้
"คุณเป็นผู้หญิงยังไงกัน ทำไมถึงต้องทำ"
อานนท์พูดไม่จบเพราะสุหันกลับมาตาขวางผลักอกอานนท์อย่างแรง อานนท์ไม่ทันรู้ตัวก็ถอยหลังเซไปตั้งตัวไม่ทันเลยตกตูมลงไปในท้องร่อง...สุชาดาตกใจที่เห็นอานนท์ตกลงไปแต่พอเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะงอหาย อานนท์ตะเกียกตะกายขึ้นมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง..
"ยืนหัวเราะอะไรน่ะ...ผลักเขาตกน้ำตกท่าจนเลอะโคลนไปหมดยังจะมาหัวเราะเยาะเขาอีก"
เธอพยายามหยุดหัวเราะแต่หยุดไม่ได้
"โธ่...ใครจะไปอดได้ คุณตกลงไปท่าไหนน่ะ น้ำกระเด็นเกือบถึงยอดไม้แน่ะ ถ้าคุณเห็นท่าของคุณคุณหัวเราะตายเลย"
อานนท์พยายามเช็ดโคลนไป มองตาเขียว สุชาดายังไม่หยุดหัวเราะ
"แค่นี้ก็ทำเป็นโกรธไปได้...แหม..ท่าทางของคุณตอนตกลงไปน่ะ น่าถ่ายหนังไว้ดูเหลือเกิน ฮอลีวู้ดยังทำไม่ได้นะ..ท่าประหลาดไม่เคยเห็น"
สุชาดาหัวเราะงอหาย อานนท์ยิ่งโมโห
"แล้วเรื่องอะไรมาผลักเขาตกน้ำตกท่า"
"สมน้ำหน้า...อยากปากจัดว่าฉันดีนักไง"
"อย่างกับตัวเองปากไม่จัดหรือไง...นี่แน่ะ"
อานนท์เอาโคลนเละๆที่ตัวปาใส่สุชาดา... เธอหลบไม่ทันโดนโคลนที่หน้า อานนท์หัวเราะชอบใจ
"เป็นไง...สวยละซิ"
สุชาดาคว้าโคลนแถวนั้นขว้างใส่อานนท์อีก ทั้งสองคนจึงเปิดศึกขว้างโคลนใส่กัน ทั้งสองหัวเราะสนุก สุชาดาวิ่งหนีอานนท์วิ่งไล่ตาม...
ทางด้านนงลักษณ์แต่งตัวสวยกำลังจะไปร้าน ยืนมองสายใจรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
"คุณคะ...กระดังงากำลังมีดอกอ่อนเต็มต้นเลยค่ะ...น่าจะเอาไว้ทำน้ำข้าวแช่นะคะคุณ"
นงลักษณ์ยิ้มอารมณ์ดี
"ดีเหมือนกัน จะได้ชวนคุณพ่อคุณแม่มาทานด้วยกัน"
ตระกลขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน นงลักษณ์มองอย่างแปลกใจ
"คุณตระกล"
ตระกลเดินเข้ามาหานงลักษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มเขิน
"วันนี้ผมเกงานวันนึงครับ"
นงลักษณ์สีหน้าไม่ค่อยดี กลัวตระกลมีปัญหา
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ"
ตระกลยิ้ม
"ไม่มีหรอก...เพียงแต่วันนี้ผมอยากไปที่อื่นให้สบายใจ เลยคิดว่าจะมาชวนคุณเกงานไปด้วยกันซักวัน"
นงลักษณ์มองหน้าตระกลยิ้มๆ
"ไปด้วยกันมั้ยครับ"
สุชาดาวิ่งหนี อานนท์มาที่กระท่อมโสภณ เธอเลอะโคลนที่อานนท์ขว้างใส่ ทั้งสองคนหัวเราะสนุก แต่พอมาถึงหน้ากระท่อมโสภณ สุทั้งคู่ก็เบรกแทบไม่ทันเพราะโสภณยืนคุยกับสนมและมีอยู่หน้ากระท่อม..
"อ้าว...ไปทำอะไรกันมาถึงเลอะเทอะอย่างนี้"
อานนท์รีบหาข้อแก้ตัว
"เอ้อ...เดินท่าไหนไม่ทราบ พลัดตกท้องร่องสวนครับ"
สุชาดาอมยิ้ม
"สุช่วยดึงคุณอานนท์ขึ้นจากท้องร่องเลยเลอะโคลนไปด้วยกัน"
โสภณมองทั้งสองคนนิ่ง..
"มีพาคุณนนท์ไปอาบน้ำ...แล้วไปเอาเสื้อผ้าของฉันมาให้คุณนนท์เปลี่ยน"
"ไม่ต้องหรอกครับ...ผมกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักช่างดีกว่า เพราะเสื้อผ้าของใช้ผมอยู่ที่นั่น"
โสภณยิ้ม
"จริงซิ...สุแม่อยากให้สุไปดูเมียตาคร้ามที่บ้านเขาหน่อย ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย...หนักหนาจะได้พาไปอนามัย"
อานนท์จับใจความเรื่องเมียนายคร้าม....สนใจฟัง
"ได้..เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน" เธอชวนโสภณ "ไป...กลับบ้านกันก่อน"
ทั้งคู่เดินไป สุชาดาไม่วายหันมาทำปากว่าอานนท์โดยไม่มีเสียง
"คนโกหก"
อานนท์ค้อน ชี้มือไปที่สุชาดา ก่อนหันไปยิ้มกับเนตรและสนม...
ตระกลพานงลักษณ์มาไหว้พระพุทธรูปที่อยู่กลางแจ้ง ทั้งสองคนกราบพระแล้วเดินออกมา... เดินคุยกันในบรรยากาศสบายๆ
"ฟังที่คุณเล่าถึงเจ้าคุณพี่คุณแล้วฉันรู้สึกสงสารจริงๆค่ะ"
"คุณพี่โดนคุณหญิงเทพบังคับแต่งงาน...ผมไม่เคยเห็นคุณพี่มีความสุขซักวัน"
"เมื่อวันที่ไปรับเสาวนิตไปดูหนังฉันก็สังเกตุเหมือนกันค่ะว่าในบ้านดูแปลกๆ"
"ผมว่าคนที่เป็นแม่สำคัญที่สุด....บ้านไหนมีแม่ที่ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง..บ้านนั้นก็เป็นนรกชัดๆ"
"แต่เจ้าคุณพี่ของคุณตระกลก็ดีเหลือเกินนะคะ...ที่ไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อย"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะยิ่งแย่กว่านี้นะครับ...ผมเคยเห็นคุณพี่นั่งดูรูปผู้หญิงคนหนึ่ง"
นงลักษณ์ยิ้มๆ
"แปลว่าเจ้าคุณสุทธาท่านก็คงมีคนอื่นที่ท่านพอใจ"
ตระกลส่ายหน้าอย่างใช้ความคิด
"รูปนั้นเก่ามาก...ถ้าเป็นรูปผู้หญิงที่ท่านชอบ น่าจะเป็นเรื่องในอดีตมากกว่า"
"คุณตระกลไม่เคยรู้เรื่องของเจ้าคุณพี่คุณเลยเหรอคะ"
ตระกลยิ้มๆ
"ผมได้ชื่อว่าเป็นน้องก็จริง...แต่ผมอ่อนกว่าท่านยี่สิบกว่าปีไม่รู้เรื่องอะไรของคุณพี่เลยครับ"
"ถ้าเป็นรูปคู่รักของท่านในอดีต...ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมาก คงจะรักกันมากด้วย ท่านถึงไม่เคยลืมเลย"
"ถ้าผมได้เจอผู้หญิงอย่างนั้น...ผมจะไม่มีวันให้หลุดไปไหนเด็ดขาด"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างลึกซึ้งจนนงลักษณ์อาย...ก้มหน้าหนี
"แปลว่าคุณพบผู้หญิงที่คุณชอบแล้วใช่ไหมคะ"
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ขอให้ผมตั้งตัวให้ได้ก่อน ชีวิตผมตอนนี้ได้แต่พึ่งพาคุณพี่ ไม่เป็นตัวของตัวเองรอให้ผมมั่นคงกว่านี้...ผมจะรีบไปขอทันที"
ตระกลสีหน้าหนักแน่น นงลักษณ์ดีใจมาก พยายามไม่อาย...
บนบ้านตาคร้าม แกะนอนอยู่บนฟูกเก่าๆห่มผ้าเป็นไข้ คร้ามนั่งอยู่ข้างๆ สุชาดาเอามือจับหัวแกะเบาๆ
"เป็นไข้มากี่วันแล้ว"
"สองวันแล้วครับนาย...ตอนแรกก็ไข้ต่ำๆวันนี้จับไข้สั่นไปเลย"
"ก่อนหน้านี้ท้องเสียหรือเป็นหวัดหรือเปล่า"
"เจ็บคอมาหลายวันแล้วจ้ะ" แกะบอก
มีพาอานนท์เดินขึ้นมาเงียบๆ อานนท์ถือตะเกียงมาด้วย..
"เอายานี่กินดูนะ...ถ้าไข้ลดก็คงไม่เป็นไรมาก ถ้าพรุ่งนี้ไข้ไม่ลดก็ต้องไปอนามัย...คร้ามเอาผ้ามาเช็ดตัวให้แกะด้วยนะ"
อานนท์โบกมือให้มีกลับไป สุชาดาจัดยาให้ คร้ามยกมือไหว้
"ขอบคุณครับนาย...ขอให้นายเจริญร่ำรวยนะครับ"
"พรุ่งนี้ฉันจะมาดูตอนเช้า...แต่ถ้าคืนนี้ไข้สูงกว่านี้คร้ามรีบให้มิ่งเอาเรือพาแกะไปอนามัยได้เลย...ฉันจะสั่งมิ่งไว้นะ"
แกะกับคร้ามยกมือไหว้ สุชาดารับไหว้ พอเธอลุกขึ้นหันมาก็เห็นอานนท์มานั่งคอยอยู่ที่หัวบันได เธอไม่พูดอะไรเดินลงไป อานนท์ก็เดินตาม...
อานนท์ถือตะเกียง เดินมาด้วยกัน
"ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นหมอด้วย"
"เป็นสัตวแพทย์ก็เคย ฉันเคยทำคลอดให้หมาด้วยนะ"
"แล้วมันรอดไหม"
"รอดซิ...สมัยอยู่มาเลย์ ลุงฉันเค้ามีคอกม้า ฉันเคยไปดูลุงทำคลอดให้ม้าบ่อยไป ลุงฉันสนใจเรื่องหยูกยาชอบ สอนฉันกับโสบ่อยๆ ลุงว่าอย่างน้อยเวลาเจ็บไข้ก็ดูแลตัวเองได้ ฉันกับโสก็เลยพอรู้เรื่องรักษาบ้าง...แต่ถ้าเป็นมากก็รีบส่งอนามัย"
"ต้องดูแลคนขนาดนี้ไม่ง่ายเลยน"
"แต่ละบ้านก็มีปัญหาต่างๆกัน...บางทีก็ทะเลาะกันตีกัน แม่ก็ต้องมาจัดการ"
"ถ้าคุณกับโสไม่อยู่ แม่คุณเป็นผู้หญิงต้องดูแลทั้งหมดนี่คนเดียวหนักเหมือนกันนะ"
"แม่ไม่เคยบ่นซักคำ...แต่มันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดหรอก ชาวบ้านที่นี่เค้าก็คอยดูแลกัน ถ้าเป็นมากเค้าถึงจะไปบอกเรา"
"คุณเคยรู้สึกเบื่อบ้างไหม"
"มันน่าเบื่อใช่ไหมล่ะ...ชีวิตมีแต่อะไรซ้ำๆแก้ปัญหาไปวันๆ แต่ฉันไม่เคยเบื่อเลย...คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าฉันมีความสุขกับงานของฉัน"
"แต่งานกับความเป็นอยู่แต่ละวัน...มันไม่เหมือนกันนะสุ งานคุณอาจจะอยู่ที่นี่...แต่คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้"
สุชาดายิ้ม
"เหมือนคุณใช่ไหม หนุ่มสังคมอย่างคุณใช้ชีวิตที่นี่ไม่ได้หรอ .คุณเบื่อตายเลย แต่ฉันอยู่ได้ ฉันอยู่มาแต่เล็กแต่น้อย ฉันมีความสุขที่อยู่ที่นี่ ให้ไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เอา"
ทั้งคู่เดินกลับมาที่กระท่อมโสภณ สนมยืนรออยู่หน้ากระท่อม สุชาดาส่งกระเป๋ายาให้สนม
"ฉันตั้งข้าวไว้ให้คุณแล้ว"
สุชาดาหันไปชวนอานนท์
"คุณทานข้าวแล้วหรือยัง"
"คุณแม่คุณให้จูเหลียงไปจัดอาหารให้ที่บ้านพักช่าง...แต่ผมมัวแต่ออกไปดูคุณ"
"ถ้างั้นก็มาทานด้วยกันซิ...รับรองวันนี้คุณได้ทานอาหารทิพย์"
อานนท์สนใจ
"อาหารทิพย์...ยังมีอาหารที่เหนือกว่าที่บ้านคุณแม่คุณอีกเหรอ"
สุหันไปยิ้มกับสนม
เฉลียงหลังบ้านของกระท่อมโสภณ บรรยากาศสบายๆมีคบไฟจุดสวยงาม มีโต๊ะสวยๆซึ่งมีอาหารจัดไว้อย่างสวย มีเชิงเทียนบนโต๊ะ มีมุมวางกระถางดอกไม้สวยงาม บนโต๊ะที่จัดไว้เป็นอาหารทานกับข้าวต้ม ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้น อานนท์มองอาหารที่จัดไว้ยิ้มๆ
"นี่นะเหรออาหารทิพย์"
สุชาดายิ้ม
"ใช่...ยำผักกาดดอง กุนเชียงทอด ยำเต้าหู้ยี้ หมูหยอง ไข่เจียวกระเทียมดอง..นี่แหล่ะ..อาหารทิพย์ของฉัน"
"ผมก็ชอบทานแบบนี้เหมือนกัน...แต่โดยมากจะทานหลังจากไปเที่ยวกับเพื่อน...ก่อนกลับบ้านก็ไปร้านข้าวต้ม..มีอาหารแบบนี้"
สนมเอาข้าวต้มกับน้ำชามาให้ทั้งคู่ อานนท์หันไปขอบคุณ
"แต่ฉันชอบทานตอนเย็นๆค่ำๆยิ่งวันไหนอากาศเย็นๆ แบบนี้ยิ่งชอบทานแบบนี้ละ"
สุชาดาเริ่มทานอย่างถูกใจ อานนท์ยิ้มพอใจ
"คุณรู้อะไรไหมสุ"
สุชาดาหยุดทานมองอานนท์
"บางครั้งคนเราก็ยอมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้"
"เพราะอะไร"
อานนท์มอง นิ่ง สุชาดาก็ไม่เขินเพราะอยากรู้
"เพราะเราได้พบสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเรา"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส...
อ่านต่อตอนที่ 8