xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 3

นิศาแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียนเสร็จแล้ว กำลังเอาหนังสือใส่กระเป๋านักเรียน หันไปมองเสาวนิตที่ยังนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง

"พี่นิต จะไปโรงเรียนหรือเปล่า ตุ๊เสร็จแล้วนะ ลุกขึ้น แต่งตัวได้แล้วตุ๊ไม่อยากไปสายอีกนะ"
เสาวนิตนอนห่มผ้านิ่ง คลุมโปงปิดหัว พูดเสียงอู้อี้...
"โอย…พี่ปวดท้อง ลุกไม่ไหว"
นิศาทำหน้าไม่พอใจ
"พี่นิต...วันนี้วันสอบไล่นะ อยากซ้ำชั้นอีกหรือไง"
เสาวนิตพยายามพูดเสียงสั่นเครือ
"พี่ไปไม่ไหว...ตุ๊...ไปเรียนคุณแม่ทีเถอะ พี่ไม่สบาย ปวดท้อง...แล้วก็เป็นไข้ด้วย"
นิศามองอย่างรู้ทัน
"ตามใจ…ตุ๊จะไปบอกคุณแม่ให้เอาบุญ"
นิศาคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องไป พอนิศาออกไป เสาวนิตก็รีบเอาผ้าห่มที่คลุมโปงออก เสาวนิต แต่งตัวสวย ทำหน้าดีใจ
"แหม…ร้อนแทบแย่ ยายตุ๊นะยายตุ๊...พูดมากชะมัด"
เสาวนิตหยิบหนังสือใต้ที่นอนออกมาอ่าน หน้าปกหนังสือเขียนว่า.."วิธีบริหารเสน่ห์ มัดใจ
ชาย" เสาวนิตยิ้มพอใจ อ่านหนังสืออย่างตั้งใจ

เจ้าคุณสุทธานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอาหาร นิศาเดินมาไหว้ เจียมคอยเสิร์ฟอาหารเช้า
"สวัสดีค่ะเจ้าคุณพ่อ"
เจ้าคุณหันมามองยิ้มๆ
"แม่นิตล่ะ"
"นอนคลุมโปงบ่นว่าไม่สบายอีกแล้วค่ะ"
เจ้าคุณหยุดยิ้มทันที
"คราวนี้เป็นอะไรอีกล่ะ"
เจียมเอาอาหารเช้ามาวางให้ นิศาเริ่มทาน
"ก็ปวดหัวตัวร้อนตามาเคยค่ะ วันนี้สอบไล่ด้วย ตุ๊ว่าพี่นิตรู้ตัวว่าถ้าไปสอบก็สอบตกอยู่ดี เพราะตุ๊ไม่เคยเห็นพี่นิตท่องหนังสือเลย"

คุณหญิงเจริญแต่งตัวสวยเดินมา
"ดีแต่ว่าพี่เค้าละ...ทำอย่างกับเรานะวิเศษนักนี่"
เจ้าคุณเงยหน้ามองคุณหญิงเจริญอย่างเบื่อหน่าย คุณหญิงหน้าเสีย
"ทำไมต้องมามองดิฉันแบบนั้น ก็มันจริงนี่ แม่ตุ๊นะชอบเขื่องว่าตัวเองเรียนเก่งกว่าแม่นิต..ชอบพูดจาซ้ำเติมอยู่เรื่อย จำไว้นะแม่ตุ๊ อย่าทำเป็นปากเสียพูดกระแนะกระแหนพี่เค้านัก แม่ไม่ชอบ"
เจ้าคุณตัดบท
"เธอขึ้นไปดูเสาวนิตหน่อยซิว่าไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ถ้าเป็นมากถึงกับไปโรงเรียนไม่ไหวจะได้พาไปหาหมอ"
คุณหญิงเจริญค้อนแล้วเดินไป นิศานั่งน้ำตาร่วงก้มหน้ากินอาหารไม่ลง เจ้าคุณมองอย่างอดสงสารไม่ได้
"ทานข้าวต้มให้หมดตุ๊...จะได้ไปโรงเรียน"
นิศาพยายามจะไม่ร้องไห้
"คุณแม่ลำเอียง...ไม่รักตุ๊เลย"
"คนเป็นแม่เค้าก็รักลูกทุกคนนั้นแหล่ะ...แต่แม่เค้าคงเป็นห่วงเสาวนิตมากกว่า"
นิศาเช็ดน้ำตาอย่างน้อยใจ
"ทำไมต้องเป็นห่วงพี่นิตมากกว่าล่ะคะเจ้าคุณพ่อ...พี่นิตน่ะเก่ง กล้ากว่าตุ๊ตั้งหลายอย่าง"
นิศาหันไปมองเจียมที่คอยยืนฟัง เจียมรีบทำไม่รู้ไม่ชี้
"สักวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่จะรู้เอง...ตุ๊ไม่อยากพูด"
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์รับฟังอย่างเบื่อๆ ลุกจากโต๊ะอาหารเดินจะกลับไปห้องส่วนตัว ไพจิตรเดินเข้ามาพอเห็นเจ้าคุณก็ทำท่ากลัวเกรง ทำอะไรไม่ถูก
"อ้าว..ไพจิตร ทานของเช้ามาหรือยังล่ะ"
"รับ…รับ…รับทานมาแล้วค่ะ...เจ้า...เจ้าคุณพ่อ...ลูกรอคุณ..ตุ๊กับ คุณ…นิตเป็นนาน..นาน..ไม่ออกไป...เลยเข้า..เข้ามาดู"
"งั้นนั่งรอน้องก่อน"
ยิ่งเจ้าคุณมอง ไพจิตรก็ยิ่งติดอ่าง สีหน้าเจ้าคุณสุทธามีแต่ความทุกข์ ถอนใจเดินหนีไป

เสาวนิตนั่งอยู่บนเตียงพยายามทำหน้าเป็นคนป่วย คุณหญิงยืนดูด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
"สอบไล่ทีไรไม่สบายทุกที ถ้าสอยตกอีกจะว่ายังไง"
เสาวนิตทำหน้าเศร้า
"นิตปวดท้องมากจริงๆ ค่ะคุณแม่"
"ไปกินอะไรเข้าไป เมื่อเย็นทานข้าวที่บ้านก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร กับข้าวเราทำเอง"
เสาวนิตพยายามคิดอย่างเจ้าเล่ห์
"เมื่อวานนิตเดินผ่านบ้านย่าแวว...ย่าแววเรียกไปนั่งทานสาคูไส้หมู…แต่คงไม่ใช่ละมังคะ"
คุณหญิงเจริญสีหน้าไม่พอใจทันที
"นั่นไง...ทำไมจะไม่ใช่ สาคูไส้หมูไส้หมาอะไรกันล่ะ ลูกฉันกินเข้าไปถึงปวดท้อง เดี๋ยวจะไปด่ามันซะหน่อย"

เสาวนิตรีบห้าม
"อย่านะคะคุณแม่ ถ้าคุณแม่ไปพูดว่าย่าแวว..คุณพ่อก็จะ..."
เสาวนิตทำท่าก้มหน้าทำสีหน้าสงสารแม่
"นิตไม่อยากให้คุณแม่โดนคุณพ่อว่าอีกค่ะ...นิตสงสารคุณแม่"
เสาวนิตทำเป็นเสียงเครือ คุณหญิงลงนั่งบนเตียงเสาวนิตอย่างรู้สึกน้อยใจ
"พ่อเราเค้าไม่เคยเห็นแม่ดี มีแต่หาเรื่องด่าเรื่องว่าทุกวัน"
เสาวนิตทำท่าจะร้องไห้
"โธ่คุณแม่...คุณพ่อไม่น่าเห็นคนอื่นดีกว่าคุณแม่เลยนะคะ"
คุณหญิงเจริญรีบเช็ดน้ำตาที่ร่วงลงมา ทำหน้าถือดี
"แม่ไม่สนใจ อยากพูดอะไรก็พูดไป แม่อยากทำอะไรแม่ก็ทำ"
เสาวนิตคิดหาหนทาง แกล้งปวดท้อง คุณหญิงเจริญมองอย่างเป็นห่วง...สักพัก
"คุณแม่ขา...นิตอยากย้ายโรงเรียนค่ะ"
"อะไรนะ...จะย้ายทำไมให้มันยุ่งยาก แม่นิตกลัวสอบตกละซิ"
เสาวนิตก้มหน้า
"นิตยอมรับค่ะ ว่านิตหัวไม่ดี...แต่คุณแม่ขา...เดี๋ยวนี้เค้าไปเรียนโรงเรียนการเรือนกันทั้งนั้นละค่ะ...เพื่อนๆ นิตย้ายไปเรียนกันหลายคนแล้ว"
"โรงเรียนการเรือนอะไร...แม่ไม่เคยได้ยิน"
"โรงเรียนการเรือนเค้าจะสอนแต่วิชาสำหรับลูกผู้หญิงที่จะฝึกการเป็นภรรยาแม่ศรีเรือนในอนาคตใงคะคุณแม่...อย่างวิชาเย็บปักถักร้อยที่นิตชอบ การทำอาหารชาววังอะไรอย่างนี้ นิตว่าดีนะคะ...เพราะพอนิตแต่งงานเจ้าบ่าวของนิด กับญาติๆของเค้าจะได้พอใจว่านิตมีวิชาการเรือนติดตัว...คุณแม่ว่าจริงไหมคะ"

คุณหญิงเจริญฟังลูกสาวย่างใช้ความคิด

คุณหญิงเทพมองลูกสะใภ้อย่างไม่ค่อยพอใจ

"ย้ายโรงเรียน...ย้ายโรงเรียนอีกแล้ว...นี่แม่เสาวนิตนี่ย้ายโรงเรียนเป็นว่าเล่น นี่มันย้ายมากี่หนแล้วนะแม่พรรณ"
"สี่หนแล้วค่ะ.."
คุณหญิงเทพทำท่าจะเป็นลม
"นี่เธอเลี้ยงลูกยังไงแม่เจริญ...อย่าตามใจลูกนักซิ"
"คุณแม่คะ...แม่นิตนะไม่ใช่เด็กหัวดีอย่างแม่ตุ๊...เรียนพวกวิชายากๆ อย่างที่คนเค้าเรียนๆ กันไม่ค่อยรู้เรื่อง... ดิฉันว่าให้ไปเรียนโรงเรียนการเรือนนะดีแล้ว... เพราะเค้าเก่งเรื่องการฝีมือ เป็นลูกผู้หญิงเรียนเยอะๆ
ไปก็เท่านั้นละค่ะ อีกหน่อยแต่งงานไปก็มีผัวเลี้ยงอยู่แล้ว"
คุณหญิงเทพเหล่มองเจริญ
"เหมือนตัวเธอใช่ไหมล่ะ...นี่ฉันนะจะว่าโง่ก็ได้นะ ที่ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องของเธอก่อนให้ดีเหมือนกัน...มาแต่งกับท่านเจ้าคุณแล้วฉันถึงรู้ว่าเธอไม่จบ ป.4"
คุณหญิงเจริญคอแข็ง พรรณแอบหันไปยิ้ม
"แต่ดิฉันก็ไม่เคยทำให้คุณแม่ขายหน้านะคะ"
"ใช่…แต่สำหรับท่านเจ้าคุณ...เธอรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าเธอมัดใจผัวไม่ได้...การศึกษามันต่างกันเหลือเกิน...คุยกันไม่สนุก…มิน่า…เค้าถึงคุยกับเธอไม่รู้เรื่อง"
"คุณแม่จะมาตำหนิดิฉันเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ทำไมคะ...ถึงยังไงดิฉันก็มีลูกกับท่านเจ้าคุณสามคน...แล้วจะเอายังไงกับดิฉันอีก"
"เพราะฉะนั้น...ถ้าเธอไม่อยากให้เสาวนิตต้องเจอปัญหาอย่างเธอเธอก็ไม่ควรตามใจลูก ควรบังคับให้เสาวนิตไปเรียนอย่างตุ๊กับตาจิตร ผู้หญิงที่มีวิชาความรู้ของตัวเอง สามีจะได้ให้เกียรติ" พรรณว่า
"คุณพี่คะ...คุณพี่ไม่เคยมีครอบครัวไม่เข้าใจหรอกค่ะของอย่างนี้มันไม่ได้อยู่ที่วิชาความรู้ของใคร...มันอยู่ที่นิสัย...ว่าจะมีความรับผิดชอบครอบครัวตัวเองหรือเปล่า...ดิฉันลาละค่ะ..มาเรียนให้คุณแม่ทราบเท่านั้นเองว่าดิฉันจะให้แม่นิตย้ายโรงเรียน"
คุณหญิงเจริญยกมือไหว้คุณหญิงเทพ กับ พรรณอย่างเสียไม่ได้...แล้วรีบเดินกลับไป
"เป็นไงล่ะค่ะ...ลูกสะใภ้คนโปรดคุณแม่"
คุณหญิงเทพส่ายหน้าอย่างระอา...

ลีน่า ซอนย่า แมรี่มาคอยซุ่มดักรออานนท์ที่หน้าสโมสร ทั้งสามคนพยายามไม่ให้มีพิรุธ
แต่ดูจากอาการต่างๆเหมือนมารอนานแล้ว เพราะทั้งเหงื่อชุ่ม กระวนกระวาย ต่างผิดหวังที่ไม่เจออานนท์
ท่าทางแมรี่เริ่มเบื่อกับการมาคอยอย่างนี้แล้ว
ฝ่ายอานนท์นั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่ไม่ได้เมาแบบครั้งก่อน เหมือนกำลังทำใจ.....

ลีน่ามาคอยซุ่มดักรออานนท์ที่หน้าสโมสร ท่าทางซอนย่าเริ่มเบื่อหน่ายกับการรอคอยแล้ว
"เรามาดักรอคุณนนท์หลายวันแล้วนะลีน่า....ไม่มีวี่แววเค้าเลย" ซอนย่าบอก
ลีน่าคอยมองอย่างไม่ท้อ
"เค้าต้องมาสักวันแน่ๆ ซอนย่า...เค้าเคยมาแทบทุกวัน"
ซอนย่าเบื่อ
"ทำใจซะเถอะลีน่า...คุณนนท์เค้าไม่มาที่นี่เพราะเค้ากลัวจะเจอเธอหรือเปล่า"
ลีน่าหน้าเสีย แล้วก็เลยโกรธ
"ถ้ายูไม่พอใจก็กลับไปเถอะ...ฉันรอคนเดียวก็ได้"
"ตามใจ…ฉันมายืนชะเง้อ เป็นหมาข้างถนนกับเธอเพราะฉันสงสารเธอ...ยอมตากหน้าให้คนมองอย่างดูถูกนี่นะ เธอยังมาไล่ฉันอีกเหรอ...เชิญเธอหวังลมๆ แล้งๆ ไป คนเดียวเถอะนะ"
ซอนย่าเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ ลีน่านิ่งคิด แต่พอหันไปจะเรียกซอนย่า แต่ซอนย่าก็เดินไปไกลแล้ว
อานนท์ทำงานอยู่ในห้อง....กางแบบเครื่องจักร ตรวจสอบจากหนังสือคู่มือ หน้าตาจริงจัง ไม่มีรอยยิ้ม…แพทริคเดินมายืนมองที่ประตู เห็นสิ่งผิดปกติ คาดการณ์ถูกว่าเกิดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับสาวๆ ส่ายหัวเดินออกไป

ลีน่าเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอ่อนล้า หมดกำลังใจ เดินมาลงนั่งที่พื้น ปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น แม่เดินเข้ามามองอย่างสงสาร รีบเข้ามากอดไว้
"ลีน่า...ลีน่า"

ลีน่าเงยหน้ามองแม่น้ำตาเต็มหน้า
"แม่"
"ไม่เจอเค้าเหรอลูก"
ลีน่าส่ายหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น...แม่ถอนใจ
"คิดซะว่าเค้าไม่ใช่เนื้อคู่ของเรานะลีน่า"
"ลีน่าจะทำยังไงดี"
แม่ลีน่าตัดสินใจ
"ลีน่าไปอยู่กับพ่อเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก เพื่ออนาคตของลีน่าเอง ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เดนมาร์คเถอะนะลีน่า"
"แล้วแม่จะทำอะไร...จะใช้หนี้เค้าได้ไง"
แม่ฝืนหัวเราะ
"สองสามวันนี่แม่พอเล่นได้...ก็ใช้หนี้เค้าไปบ้าง อาทิตย์หน้า น้าหวานก็จะมารับแม่ขึ้นไปอยู่ที่นครสวรรค์...ลีน่าอย่าอยู่ที่นี่เลย...เชื่อแม่เถอะ"
ลีน่าร้องไห้เสียใจ
"คนใจร้าย...แค่นี้ก็ทิ้งกันได้ลงคอ"
"อย่าไปโกรธเค้าเลย ดีแล้วที่ตัดกันไปเสียแต่ตอนนี้ ถ้าอยู่กินกันไปแล้วรู้ว่าเข้ากันไม่ได้...มันจะยิ่งแย่"
"แต่ลีน่าจะทำทุกอย่างให้อยู่กับเค้าได้นะแม่"
แม่หัวเราะอย่างปลงๆ
"ไม่ได้หรอก ถ้าลีน่าต้องคอยปรับตัวตลอดเวลา ลีน่าก็ไม่มีความสุข เค้าก็ไม่มีความสุข ถ้าเป็นอย่างนั้น..มันก็อยู่กันลำบาก เพราะต้องอดทนกัน สู้ยอมรับความจริง ไปหาคนที่เค้าเหมาะกับเรา ลีน่าจะได้มีความสุขที่แท้จริง"
สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้

ผ่านเวลาหลายวัน ปริศนา ยืนคุยกับอานนท์ ที่ท่าน้ำวังศิลาขาว
"เสียใจด้วยนะคุณนนท์...ที่ต้องผิดหวังกับความรักครั้งนี้"
ปริศนาทำหน้าจริงจัง
"ปริศนาว่าผมทำถูกหรือเปล่า"
"คุณนนท์อยากกลับไปหาเขาหรือเปล่าล่ะ"
อานนท์นิ่ง
"ทีแรกก็คิดว่าจะแย่...แต่..ทำไมมันไม่แย่อย่างที่คิดก็ไม่รู้"
ปริศนาหัวเราะ
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเก็บมาคิดอีกแล้ว...She’s not your true love หรอกคุณนนท์ ไม่เป็นไร..หาเจ้าสาวใหม่นะ"
"คงเบื่อไปอีกพักใหญ่ละปริศนา"

ปริศนาทำหน้าล้อเลียน
"ขอให้จริงเถอะคุณอานนท์"
"ที่มาวันนี้จะมาบอกเรื่องเจ้าสาวล่องหนไปแล้ว และก็ผมจะต้องไปทำงานที่อื่นสักพัก...คงไม่ได้มาเยี่ยมปริศนาบ่อยๆ นะ"
"เหรอ...จะไปทำอะไร ที่ไหนละ"
"จะไปติดตั้งเครื่องจักรที่คลองน้ำวน...ฟังชื่อแล้วห่างไกลความเจริญยังไงก็ไม่รู้".
"ก็คิดซะว่าไปผจญภัยซิ…แล้วจะไปเมื่อไร"

"อีกสองวัน"
 
อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

นงลักษณ์ กับ คุณหญิงแนบช่วยกันจัดการบรรจุข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่

คุณหญิงแนบตรวจตราข้าวของที่วางอยู่เต็มไปหมด
"ดูให้ดีๆ นะลูก...ยังขาดอะไรอีกไหม"
"ลูกว่าน่าจะครบแล้วนะคะ"
คุณหญิงแนบเริ่มนับ
"ควินิน…ยาแก้ไข้ ยากันยุง ยาหม่อง ยาหอม อ้าว…ไหนกฤษณากลั่นล่ะนงลักษณ์"
นงลักษณ์ทำท่านึกได้
"โอ…หนูลืมไปค่ะคุณแม่"
"ของสำคัญเสียด้วย... ลืมได้ไง ไปกินของในป่าในสวนนะไว้ใจได้ที่ไหน"
พระยาพลราม นั่งอ่านหนังสือ แอบมองคุณหญิงแนบลอดแว่น
"พรุ่งนี้หนูจะรีบไปซื้อแต่เช้าเลยค่ะ"
"แล้วพวกของแห้งล่ะ...นี่แม่เอาพริกขิงปลาดุกฟูมา กับ น้ำพริกมะขามผัด...ของโปรดพ่อนนท์...พวกนี้เก็บได้นาน"
"หนูก็ทำน้ำพริกตาแดงไข่เค็มไว้ค่ะ มีปลาสลิดทอดกับเนื้อเค็มทอดไปด้วย"
พระยาพลรามถาม
"นี่เจ้านนท์มันจะไปติดตั้งเครื่องจักร หรือจะไปรบที่ชายแดนกันจ้ะ"
คุณหญิงแนบค้อน
"นี่ก็ทำเผื่อเพื่อนๆ กับลูกน้องเค้าด้วยค่ะ...พ่อนนท์นะกินคนเดียวเป็นที่ไหน...ขืนเตรียมไปน้อยๆ คนอื่นก็แย่งกินหมด"
"ฉันว่าของพวกนี้ก็พอกินทั้งหมู่บ้านแล้วเธอ"
อานนท์เดินเข้ามา
"ทำอะไรกันครับ ของเยอะแยะ แม่จะเอาไปทำบุญเหรอครับ"
คุณหญิงแนบหันมายิ้มหวาน
"แม่มาเตรียมของให้ลูกไง"
อานนท์หันไปมองพ่อที่พยักเพยิด
"หมดนั่นแหล่ะ"
อานนท์คราง
"ผมว่ามันเยอะไปนะครับ"
"เยอะที่ไหน ของจำเป็นทั้งนั้น นี่ยังไม่ครบนะ แม่ก็เตรียมให้อย่างนี้ทุกทีเวลาที่ลูกไปทำงานต่างจังหวัด"
"แต่ผมไม่ได้ไปไกลนะครับ...แค่วังน้ำวนอยู่แถวๆ เมืองนนท์นี่เอง แล้วก็ไม่ได้ไปค้างด้วย เย็นก็กลับ..พรุ่งนี้ก็แค่ไปดูที่เฉยๆ"
คุณหญิงแนบกับนงลักษณ์ มองหน้ากัน
"อ้าว…เหรอ...แต่ไม่เป็นไรหรอก เอาไปด้วย...เพราะต้องเข้าไปอยู่ในป่าในสวน ลำบากกันดารอย่างนั้น..เนี่ยะแม่ว่าจะหาถังใส่น้ำให้ลูกเอาติดไปเลยนะ...จะได้มีน้ำสะอาดๆ ใช้ไง...ของกินนี้ก็เหมือนกัน...เอาของเราไปเองดีที่สุด แม่ว่าอย่าไปกินของในสวนเลย....ลงท้องขึ้นมาไม่คุ้มนะลูก"
อานนท์มองหน้ากับพ่อยิ้มๆ

ในมุมหนึ่งของสวน สุชาดานั่งอ่านจดหมายของลีน่า
"สุเพื่อนรัก ถ้าสุได้รับจดหมายนี้ แปลว่าลีน่าได้เดินทางไปจากเมืองไทยแล้ว พ่อมารับลีน่า ก่อนจะเดินทาง ลีน่าเขียนจดหมายถึงสุ เพื่อบอกลา
คุณนนท์ ใจร้ายเหลือเกิน ลีน่าไปดักรอที่หน้าสโมสรหลายวันแต่เขาก็ไม่มา...สุ..เค้าจงใจหลบลีน่าใช่ไหม เค้ารู้ว่าลีน่าจะต้องไปหาเขาที่สโมสร เค้าเลยไม่ยอมมาพอกันที เค้าไม่ให้โอกาสลีน่าแก้ตัวเลย ไม่นึกบ้างเลยว่าลีน่าจะเสียใจขนาดไหน
เค้าคงไม่สนใจลีน่าอีกแล้ว...ป่านนี้เค้าคงมีผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว ลีน่าเสียใจเหลือเกิน...เค้าใจร้ายจริงๆ …ลาก่อนนะสุ ลีน่าจะเขียนจดหมายมาหาสุจากเดนมาร์ก ขอให้สุโชคดี ได้เจอความรักที่ดี อย่าโชคร้ายอย่างลีน่าเลย...รักเสมอ...ลีน่า"
สุชาดาพับจดหมายเก็บใส่ซอง สีหน้าเศร้าหมอง
"โธ่เอ๋ย...ลีน่า"
สุชาดาเปลี่ยนจากสีหน้าเศร้าเป็นโกรธ
"นายอานนท์"

พระอาทิตย์ขึ้นที่แม่น้ำยามเช้า อานนท์ขับรถมาจอดที่ท่าน้ำนนท์ ลงจากรถเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบเป้ใบใหญ่อย่างเป้ทหารออกมาอย่างลำบาก เพราะ หนักมาก อานนท์สะพายเป้เดินมาแถวๆ ท่าเรือ มองหาคนที่จะมารับ มีชาวบ้านแถวนั้น นั่งถักแหอยู่ อานนท์เดินเข้าไปถาม
"ลุงครับ...บ้านนายตวันขึ้นท่านี้หรือเปล่าครับ"
"ใช่แล้ว....ต้องข้ามเรือไปฝั่งโน้น"
"ไกลไหมครับ"
"โอ้ยไกล...เข้าไปในสวนมะพร้าวโน้น...ต้องไปเรืออย่างเดียวนะ..รอที่นี่ละ เดี๋ยวเรือก็มา...โน่นไง มาแล้ว"
ลุงชี้มือไปที่เรือแจวลำใหญ่ ที่มีคนกำลังแจวมา อานนท์มองอย่างงงๆ
"เรือแจว"
"ดีไหมล่ะ...เรือแจว..จะได้ไปถึงหลังเพล"
อานนท์งง
"แล้วหลังเพลมันกี่โมงล่ะลุง"
ลุงหัวเราะฟันหลอ
"อาไร้ไม่รู้จักหลังเพล...หลังเพลก็หลังพระฉันเพลนะซิพ่อ"
เรือยนต์แล่นเข้ามาและเทียบท่าอย่างช้า โสภณ แฝดผู้พี่ของสุชาดากระโดดลงจากเรือมองหาคนที่นัดไว้ เธอเดินมาหาอานนท์ ลุงเห็นโสภณก็ดีใจ
"อ้าว…นายน้อย"
โสภณยิ้มให้ลุง แล้วหันไปพูดกับอานนท์
"คุณเป็นวิศวกรที่จะไปสวนนายตวันใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ"
"ผมเป็นลูกนายตวัน...มารับคุณไปที่คลองน้ำวน"
อานนท์ดีใจ จับมือกับโสภณ
"ผมชื่ออานนท์ครับ...ผมกำลังจะไปเรือแจวลำนั้นอยู่เชียว"
โสภณหัวเราะ
"ถ้าไปเรือนั้นกว่าจะถึงบ้านผมก็เกือบเย็นละครับ"
"โชคดีนะพ่อ...ไปเรือนายน่ะเร็วดี"
"หมู่นี้ไม่เห็นเข้าไปสานฝาขัดแตะล่ะลุง"
ลุงหัวเราะตาหยี
"ต้องช่วยแม่ไอ้หนูดักปลาครับ...ตอนนี้มีคนกรุงเทพมารับปลาไปขายได้กำไรดี"
"ก็ดีแล้ว...ขยันๆ อย่างนี้อีกหน่อยก็ลอยตัวนะลุง"

ลุงยกมือไหว้โสภณ
"ก็ได้นายๆ ช่วยไว้ละครับ"
"เชิญทางนี้เลยครับ"

โสภณเดินนำอานนท์ไปลงเรือ...ลุงถักแหต่อไป

โสภณพาอานนท์เดินลงเรือ ช่วยรับเป้ของอานนท์ตอนที่จะขึ้นเรือ พอรับเป้... โสภณก็ทรุดฮวบหัวเราะถาม

"อะไรครับนี่หนักจัง"
อานนท์หัวเราะเขินๆ ทั้งคู่ขึ้นไปบนเรือ โสช่วยแก้เชือกที่ผูกกับท่าเรือ ในระหว่างนั้นหันมาพูดกับอานนท์
"วันนี้คุณมาดูสถานที่สำหรับติดตั้งเครื่องจักรก่อนใช่ไหมครับ"
"ครับ…เครื่องจักรจะมาอาทิตย์หน้า...ผมต้องมาดูก่อนว่า ฐานที่จะวางเครื่องจักรเป็นแบบไหน...เพราะเครื่องจักรที่สั่งใหม่น่าจะใหญ่กว่าของเดิม"
"นายตวันให้คนมาทำฐานรากใหม่แล้วครับ...แต่คุณอานนท์ไปดูก่อนดีกว่า ผมไม่แน่ใจว่าช่างเราจะคำนวณรับน้ำหนักถูกไหม"
เรือแล่นออกจากท่า...

ระหว่างเรือวิ่งไปตามลำน้ำ อานนท์มองบรรยากาศรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน จนเรือแล่นเข้าคลองย่อย
และเทียบท่าบ้านนายตวันอันเป็นท่าเทียบเรือเฉพาะของบ้านนายตวัน บรรยากาศสงบเงียบ อานนท์มองไปรอบๆ แปลกตาในบรรยากาศ โสภณพาอานนท์เดินขึ้นจากเรือ...เดินเข้าไปในสวนมะพร้าว

อานนท์แบกเป้ เดินตามโสภณมาตามทางในสวนมะพร้าว มีลูกจ้างกำลังเก็บมะพร้าวบ้าง
อานนท์มองไปรอบๆ อย่างทึ่ง
"มะพร้าวแถบนี้กับมะพร้าวแถวชายทะเลต่างกันยังไงครับ"
"น้ำมันมะพร้าวแถวชายทะเลคุณภาพจะสู้ของเราไม่ได้ เวลาหีบออกมาจะมีรสไม่จืดสนิท
เหมือนมะพร้าวสวนครับ"
อานนท์พยักหน้ารับรู้ความรู้ใหม่
"นายตะวันจะจัดเรือนรับรองในสวนมะพร้าวไว้ให้ทีมช่างครับ จะได้สะดวกเวลามาติดตั้งเครื่อง"
"ผมคิดว่าจะไปเช้าเย็นกลับ...คงไม่ต้องรบกวนพักที่นี่หรอกครับ"
"นายตวันมักจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมไว้เสมอครับ"

โสภณพาอานนท์เดินมาถึงบ้านของนายตวัน...อานนท์ต้องแปลกใจอย่างมาก เพราะบ้านนายตวันใหญ่โตสวยงามไม่เหมือนกระต๊อบชาวสวนสักนิด...
อานนท์เดินเข้ามาในบริเวณบ้านนายตวัน...สีหน้าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก กับบ้านที่ใหญ่โต และ ตกแต่งอย่างสวยหรู
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาพบบ้านอย่างนี้กลางสวนมะพร้าว"
โสภณหัวเราะ
"แขกที่มาก็ทำสีหน้าคล้ายๆ คุณอานนท์แทบทุกคนละครับ"
อานนท์หัวเราะ
"เชิญนั่งตามสบายนะครับ...ผมจะไปดูนายตวันว่าอยู่หรือเปล่า"
อีกมุมหนึ่ง สุชาดากำลังจะลงบันไดมา พอมองลงมาเห็นอานนท์ก็หยุดชะงักอย่างแปลกใจ เลยเปลี่ยนใจไม่ลงมาแต่แอบดูอานนท์ที่มุมตรงบันได โสภณเดินขึ้นมาหันมาเห็นแฝดน้อง
"อ้าว..อยู่นี่เอง นายอยู่ไหน"
สุชาดาไม่ตอบ ยังมองอานนท์นิ่ง
"ใครกัน.."
โสภณหันไปมองอานนท์ สาวใช้คนจีนถักเปียกำลังเอาน้ำ น้ำชา และ ขนม จานเล็กๆ มาเสิร์ฟ
ให้อานนท์
"วิศวกรที่จะมาติดตั้งเครื่องจักรไง ชื่อคุณอานนท์...ลงไปช่วยรับแขกหน่อยสิ"
สุชาดามองอานนท์อย่างไม่พอใจ
"นายอานนท์"
โสภณทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้าน สุชาดาพูดโดยที่ตายังจ้องอานนท์อยู่
"นายไม่อยู่ ไปตลาดกับ..."

สภาพของโรงงานแปรรูปมะพร้าว คนงานทำงานตามตำแหน่งต่างๆ เช่นพวกปลอกเปลือกมะพร้าว พวกเจาะเอาน้ำมะพร้าว อีกกลุ่มกำลังเอามะพร้าวลงจากรถบรรทุก บางคนนำเอาเศษมะพร้าวตากแดด...โสภณพาอานนท์เดินเข้ามา อานนท์มองกิจกรรมต่างๆอย่างตื่นเต้น ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงงาน

โสภณพาอานนท์มาดูเครื่องจักรเครื่องเก่าที่ยังทำงานอยู่ มีคนงานคอยปอกมะพร้าวใส่เครื่องจักร อานนท์ตรวจเครื่องจักรเครื่องเก่า แล้วเดินมาหาโสภณ
"เครื่องจักรนี่ก็ยังใช้ได้อยู่...แต่จะเดินเครื่องทุกวันไม่ได้ ต้องทำวันพักวัน..ผมจะเปลี่ยนอะไหล่ให้บางตัว... คุณใช้คู่กับเครื่องตัวใหม่ได้สบาย"
โสภณดีใจ
"ถ้าได้อย่างนั้นก็วิเศษมากเลยครับ...ผมจะได้ใช้เครื่องนี้สำหรับหีบน้ำมันที่ได้ออเดอร์เล็กๆ ….นายตวันรู้จะต้องดีใจมากเพราะไม่ว่าอะไรจะเก่าแค่ไหน นายตวันไม่ยอมทิ้งขว้าง หาทางเอามาปรับใช้จนได้"
"ผมก็ไม่ชอบทิ้งเครื่องเก่าเหมือนกันครับ...เครื่องจักรมันมีส่วนดีทั้งนั้น เคยมือดีด้วย...ผมก็ชอบซ่อมเก็บไว้ใช้เหมือนกัน"
โสภณหัวเราะถูกชะตากับอานนท์
"ส่วนเรื่องฐานของเครื่องจักรใหม่...ผมอยากให้ลงเข็มเพิ่มหัวท้ายอีกสองตัว เครื่องจักรใหม่หนักหลายตัน ดินที่นี่ค่อนข้างร่วน เพิ่มเข็มแล้วจะได้สบายใจว่าอยู่ได้ถาวรครับ"
"จริงของคุณ...ดินแม่น้ำร่องสวน มันอุ้มน้ำตลอด...ผมจะให้ช่างก่อสร้างมารีบจัดการ"
"พอฐานเรียบร้อย ผมจะเอาเครื่องจักรมาลงเลยครับ..พอฐานเสร็จคุณโสช่วยแจ้งไปที่บริษัทด้วยนะครับ...ทีมช่างจะได้มาเริ่มงาน"
"ได้ครับ...เสียดายนะครับที่วันนี้คุณอานนท์ไม่ได้เจอนาย"
คนงานหญิงของนายตวันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
"นายน้อย...นายตวันให้มาตามนายน้อย กับนายช่างไปพบที่บ้านใหญ่ค่ะ"
"นายตวันกลับมาพอดีครับ"

ทั้งคู่เดินออกมาจากตัวอาคารของโรงงานมะพร้าว
 
อ่านต่อหน้า 3

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

บริเวณห้องอาหารบ้านนายตวัน คนรับใช้ชาวจีนกำลังจัดโต๊ะอาหารแบบหรูหรา (sitdown dinner)
 
กลางโต๊ะอาหารมีแจกันดอกกุหลาบแจกันใหญ่ บนโต๊ะอาหารจัดไว้สามที่ อานนท์เดินเข้ามากับโสภณ มองอย่างตกตะลึง โสภณหัวเราะ
"ปกติเราไม่ได้ทานแบบนี้หรอกนะครับ...แต่วันนี้นายตวันคงอยากเลี้ยงอาหารกลางวันต้อนรับคุณ"
อานนท์ยิ้มๆ
"บ้านนี้ทำผมแปลกใจอยู่เรื่อ"
โสภณเดินไปที่โต๊ะซึ่งจัดวางเครื่องดื่มอย่างสวยงาม
"อยากดื่มอะไรก่อนดีครับ ไวน์ หรือว่า สก็อต"
"ปกติผมไม่ดื่มเวลาทำงานครับ โดยเฉพาะตอนกลางวัน ผมขอเป็นน้ำธรรมดาดีกว่า"
โสภณทำท่าแปลกใจ วางขวดไวน์ลง
"คุณก็ทำให้ผมแปลกใจเหมือนกัน...ปกติคนที่มาทำงานให้เราโดยมากจะดื่มกันเก่งๆ ทั้งนั้น"
อานนท์หัวเราะ
"ผมก็เป็นอย่างนั้น แต่ต้องหลังเลิกงานครับ"
นายตวันเดินลงมาจากบันไดชั้นบน อานนท์หันไปมอง
"อ้าว…นายตวันมาพอดี"
อานนท์ทำหน้าแปลกใจมาก แต่ก็รีบยกมือไหว้ ตวันรับไหว้อย่างคนที่มีระดับ สีหน้ายิ้มแย้ม
"สวัสดีค่ะ"
โสภณแนะนำ
"วิศวกรที่จะมาติดตั้งเครื่องจักรให้เราครับ"
อานนท์ยังอึ้งพูดอะไรไม่ออก มองโสภณ
"ผมคิดว่านายตวันเป็นผู้ชาย"
ตวันเดินมาหาอานนท์
"คนส่วนใหญ่ก็คิดอย่างนั้น...ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่มาทำงานกับเรา เค้าก็เลยเรียกอย่างนั้น แต่ลูกฉันน่ะซิ... ชอบเรียกตามเค้าไปด้วย"
อานนท์ยิ่งทำหน้าแปลกใจ มองโสภณแล้วอดหัวเราะไม่ได้
"นั่นสิครับ...ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องแปลกใจจริงๆ"
โสภณหัวเราะ
"แล้วคุณอานนท์จะพบเรื่องให้แปลกใจอีกเยอะละครับ"
"มาทานอาหารกันดีกว่า."
นายตวันเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ อานนท์กับโสนั่งคนละข้าง จูเหลียงเอาเหยือกน้ำเย็นมารินใส่แก้วให้ทุกคน
"สุล่ะครับ" โสภณภาม
"เค้าจะไปที่กระท่อมโสภณ นัดกับแม่น้อยไว้ วันนี้ให้เค้าทำอาหารฝรั่งเศส วันนี้ทำอะไรกินจ๊ะจูเหลียง"
"เป็ดอบส้ม กับ วอลโอวองค่ะนาย"
จูเหลียงก็เอาตะกร้าขนมปังที่เตรียมไว้ออกมาเสิร์ฟให้ทั้งสามคน...อานนท์มองทุกอย่างด้วยความรู้สึกงงๆ

สุชาดานั่งอยู่ในกระท่อมโสภณ เห็นจดหมายของลีน่าวาง สนมวัยเดียวกับเธอ เป็นลูกชาวบ้านเคยเป็นเพื่อนเล่นกับเธอเมื่อตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้เป็นช่วยดูแลคนงานในสวน เนตรเป็นคนดูแลต้นไม้ของกระท่อมโสภณ สนมเดินเอาขนมมาให้
"วันนี้แม่ทำกินที่บ้าน"
"หนมกินเถอะ....เราไม่หิว"
"ไม่หิวก็ต้องกินซะหน่อยนะ...กินผิดเวลาจะปวดท้อง"
สุชาดายิ้มกับสนมอย่างสบายใจ
"อ่านจดหมายใคร...อ่านแล้วทำไมทำหน้าไม่สบายใจอย่างนั้นล่ะ"
สุชาดาถอนใจ
"จดหมายเพื่อน เพื่อนที่เคยเรียนที่ปีนังด้วยกัน"
"เค้าเป็นอะไรไปล่ะ"
"เค้า….อกหัก…เลยไปอยู่กับพ่อที่เดนมาร์ค เค้าบอกว่ายังลืมคนที่ทำให้เค้าอกหักไม่ได้"
สนมเป็นชาวบ้าน แต่ก็พยายามคิด
"นานไปเค้าก็ลืมได้เองละน่า...ไม่ต้องไปคิดแทนเค้าให้ปวดหัวหรอก สุนี่ก็แปลก ชอบเอาเรื่องชาวบ้านมาคิดมาแบกเอาไว้ทำไม"
"ก็เค้าเป็นเพื่อนฉันเหมือนกันนะ"
สุชาดายังคงไม่สบายใจอยู่

เสาวนิตแต่งตัวสวยอยู่หน้ากระจก ในมือมีหนังสือ “คู่มือทำตัวให้มีเสน่ห์” เสาวนิตอ่านหนังสือและทำท่าตามไปด้วย
"หนึ่ง…ต้องมีท่าทางเก๋ กรีดกราย แช่มช้า"
เสาวนิตมองตัวเองในกระจก กรีดนิ้วหยิบของบนโต๊ะ ด้วยท่าทางกรีดกรายอย่างช้า แล้วก็ยิ้มในกระจกด้วยความพอใจ
"ต้องกรีดมืออย่าง"
เสาวนิตกรีดมือพลิกหนังสือแล้วอ่านต่อ
"สอง…ต้องพูดเก่ง พูดเพราะ...ถูกหูคนเสมอ...ข้อนี้เราทำได้อยู่แล้ว...สาม...ต้องหัดยิ้มในกระจกทุกวัน...จนกว่าจะคิดว่าพอดีแล้ว"
เสาวนิตหัดยิ้มในกระจกด้วยท่าทางต่างๆ หัดชม้อยตาในกระจก
"เราต้องหัดยิ้มทุกวันนะกระจกจ๋า"
เสาวนิตยกหนังสือขึ้นอ่านอีก
"แหม…หนังสือนี่ดีจริงๆ"

ด้านหลังหนังสือเขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้ว่า Just Kidding!!!! If you want to be a clown…..
"สี่…ร้องไห้ให้ถูกเวลา ผู้ชายที่เข้มแข็งจะอ่อนปวกเปียกทุกคน"
เสาวนิตทำท่าเซ็กซี่ในกระจกด้วยความพอใจ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสาวนิตสะดุ้ง รีบเก็บหนังสือ ทำท่าปกติ เจียมเปิดประตูเข้ามา เสาวนิตค้อนอย่างโล่งอก
"ตกใจหมด...นึกว่ายายตุ๊"
"ท่านให้คุณนิตไปพบค่ะ...กำลังทำอะไรอยู่คะ"
เจียมทำยิ้มอย่างรู้ทัน เสาวนิตหยิบหนังสือออกมา
"หนังสือเล่มนี้ดีจริงๆ เจียมไปได้มาจากไหน"
เจียมยิ้มเอาใจ
"ถังขยะบ้านโน้นค่ะ...หนังสือดีๆ ไม่น่าทิ้งเลย...หนูนึกแล้วว่าคุณนิตต้องชอบ...คนบ้านโน้นโง่นะเจ้าคะ ทิ้งหนังสือดีๆ"
เสาวนิตยิ้มถูกใจ
"ชอบมาก...ถ้าเจอแบบนี้รีบเอามาให้ฉันนะ"
"หนังสืออย่างอื่นก็มีค่ะ แต่หนูไม่กล้าให้คุณนิตอ่าน ถ้าคุณหญิงรู้เข้าหนูโดนด่าตาย"
เสาวนิตยิ้มอย่างอยากรู้อยากเห็น
"หนังสืออะไร...บอกมานะ"
เจียมยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำท่าสยิวกิ้ว
"หนังสือนิยาย แต่มัน อู้ย...ไม่กล้าพูด...ถึงพริกถึงขิง"
เสาวนิตตาวาวอย่างอยากรู้ หยิบเงินออกมาชู เจียมรีบคลานเข้ามาหา เสาวนิตโยนเงินให้
เจียมรีบรับไป
"ไปเอามาไว้ใต้เตียงฉันคืนนี้"
เจียมหัวเราะร่วนถูกใจ

"เจ้าค่ะ..เจ้าค่ะ"

เสาวนิตเดินลงมา เห็นเจ้าคุณนั่งหน้าเครียดอยู่กับนิศาที่ยังแต่งชุดนักเรียนนั่งอยู่ด้วย เจียมเดินตามเสาวนิตลงมา เห็นหน้าพ่อก็ใจคอไม่ดี รีบหันไปกระซิบเจียม

"คุณแม่อยู่ไหน"
เจียมกระซิบกระซาบตอบ
"อยู่เรือนนายท่านเจ้าค่ะ"
"รีบไปตามคุณแม่มาเร็ว"
เสาวนิตเดินไปหา พ่อกับน้องสาวนั่งคอยเอาเรื่องอยู่ เจียมรีบวิ่งไปด้านหลัง..เสาวนิตเดินไปลงนั่งเรียบร้อย ยิ้มอย่างเอาใจ
"คุณพ่อมีอะไรจะใช้นิตเหรอคะ"
เจ้าคุณมองเสาวนิตอย่างผิดหวัง
"ทำไมไม่ไปโรงเรียน...พ่อเห็นตุ๊กลับจากโรงเรียนคนเดียวหลายวันแล้ว...ถามน้องถึงได้รู้ว่านิตไม่ไปโรงเรียน...ไม่ไปสอบ มันเรื่องอะไรกัน"

เสาวนิตยิ้มใจเย็น
"คุณแม่ไปลาออกจากโรงเรียนแล้วค่ะ"
เจ้าคุณกับนิศาก็ตกใจ
"อะไรนะ"
"ค่ะ…นิตไปสมัครโรงเรียนการเรือนแล้ว...พอเปิดเทอมก็จะไปเรียนที่นั่น"
เจ้าคุณไม่พอใจ
"ทำไมถึงลาออก...ทำอย่างนี้ก็ต้องไปเรียนซ้ำชั้น...ทำไมไม่สอบให้เสร็จก่อน...น้องก็เรียนที่นี่แล้วนิตจะลาออกทำไม"
เจ้าคุณเริ่มเสียงดัง เสาวนิตก้มหน้าน้ำตาคลอ มองบิดาอย่างอ้อนวอน
"เจ้าคุณพ่อ"
"ทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง...แม่เจริญก็ไม่รู้เรื่อง...พ่อไม่ยอมให้นิตลาออกแบบนี้."
เสาวนิตตกใจ
"เจ้าคุณพ่อ...แต่ลูก"
เสาวนิตน้ำตาร่วง
"ไหนบอกมาซิว่าลาออกจากโรงเรียนทำไม"
คุณหญิงเจริญเดินขึ้นมา
"ดิฉันให้แม่นิตออกเองค่ะ"
เจ้าคุณมองเมียอย่างไม่พอใจ
"เธอทำอย่างนี้เสาวนิตต้องเรียนซ้ำชั้นรู้ไหม...ทำไมไม่บอกฉัน เปลี่ยนโรงเรียนเป็นว่าเล่น เธอคิดอะไรของเธอ ทำแบบนี้วิชาความรู้มันจะต่อเนื่องกันได้ไง จะเรียนอะไรก็ต้องเรียนแต่แรก ไม่ใช่มาย้ายทะลุกลางปีแบบนี้"
คุณหญิงทำท่าสะใจ
"ดิฉันไม่เคยเห็นท่านเจ้าคุณจะเคยมาสนอกสนใจเรื่องลูกสักหน่อย ยายนิตไปเรียนโรงเรียนการเรือนก็ดีแล้ว สมัยนี้ใครๆ เค้าก็ไปเรียนกัน ดิฉันว่าเรื่องลูกดิฉันจัดการเองดีกว่า ท่านเจ้าคุณไม่เคยยุ่ง...ก็อย่ามายุ่งเลย"
เจ้าคุณโมโหมาก ลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป เฉยเข้ามาคุกเข่ารายงาน
"เพื่อนคุณตระกลมาครับ...ผมเรียนแล้วว่าคุณตระกลยังไม่กลับ... คุณเลยจะขอมากราบท่านครับ"
เจ้าคุณพยายามระงับอารมณ์
"ใครกัน"
"ให้เรียนท่านว่าชื่อ อานนท์ บุตรพระยาพลรามครับ"
เจ้าคุณทำท่าคิด พยักหน้า...นิศาได้ยินก็ตาโต
"ฉันจะรับแขกที่เฉลียงห้องทำงาน"
เจ้าคุณเดินไปทางห้องส่วนตัว เฉยเดินกลับไป คุณหญิงเจริญมองตามเจ้าคุณอย่างหมั่นใส้.. นิศารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องชั้นบน เสาวนิตมองตาม

อานนท์ยืนคอยอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน มองบรรยากาศรอบๆ เฉยเดินออกมารับและนำอานนท์เข้าไปในบ้าน

เสาวนิตเปิดประตูห้องเข้าไป นิศาแต่งชุดใหม่ยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก เสาวนิตเห็นก็ขำ
"แต่งตัวซะสวยเชียวนะตุ๊...จะไปไหนล่ะ"
นิศาไม่สนใจ
"ไม่ได้ไปไหน...จะไปสวัสดีพี่รจนา"
เสาวนิตงง
"ใครกันพี่รจนา"
"ก็พี่นนท์นะซิ...เพิ่งรู้ว่าพี่นนท์เป็นเพื่อนอาตระกล"
"อ๋อ…คนที่มาคุยกับคุณพ่อนะเหรอ...ตุ๊รู้จักเค้าเหรอ"
นิศาทำท่าอวด
"รู้จักสิ...พี่นนท์เคยพาพวกเราไปดูหนัง...แล้วก็พาไปทานไอติม"
นิศาทำหน้าฝัน
"พี่นนท์ใจดี แล้วก็หล่อเท่ห์ที่สุด"
เสาวนิตชักสนใจ
"อ๋อ..พี่ชายรจนา คนที่ตุ๊ติดใจนะเหรอ...พาพี่ไปดูหน่อยสิ"
นิศามองเสาวนิตตาเขียว
"ไม่ต้องยุ่ง...คนนี้พระเอกของตุ๊..พี่นิตไม่ต้องมายุ่ง"
นิศารีบเดินออกไป เสาวนิตทำหน้าเจ้าเล่ห์

บริเวณเฉลียงห้องส่วนตัวเจ้าคุณ เฉยเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ให้เจ้าคุณกับอานนท์
"ผมต้องขอประทานโทษที่มารบกวนเวลาท่าน พอดีวันนี้ ผมไปติดตั้งเครื่องจักรที่สวนมะพร้าว ขากลับได้มะพร้าวน้ำหอมมาหลายทลาย เลยแวะแจกตามรายทางครับ"
"ขอบใจมาก...อีกไม่นานาตระกลก็คงมาถึง"
"ตระกลไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ผมถือโอกาสมากราบทำความรู้จักเจ้าคุณพี่ซะเลยครับ"
เจ้าคุณหัวเราะชอบใจ
"ดีแล้ว คุณจะได้เป็นเพื่อนคุยกับพี่ไปพลางๆก่อน"
"เรียกผมว่าอานนท์เถอะครับ...ตระกลชอบพูดถึงเจ้าคุณพี่บ่อยๆ จนผมรู้สึกคุ้นเคยไปด้วย"
เจ้าคุณพอใจ
"อย่างนั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นอานนท์ก็เรียกพี่ว่าพี่เฉยๆ ก็ได้นะ"
อานนท์ยกมือไหว้
"ขอบคุณมากครับคุณพี่"
"หนุ่มๆ ชอบจะไปพบปะกันที่สโมสรใช่ไหม...เพื่อไปเล่นกีฬา ...ไปพบสาวๆ กันล่ะ"
อานนท์หัวเราะ
"เรื่องสาวๆ นี่ทำให้สมาธิในการเล่นกีฬาเสียหมดครับคุณพี่...ช่วงนี้อาจเข้าสโมสรน้อยลง .เพราะว่าอยากชวนตระกลไปตีกอล์ฟมากกว่า"

เจ้าคุณอารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก
"พูดถึงตีกอล์ฟแล้วก็คันมือขึ้นมา...พี่เองก็เคยชอบตีกอล์ฟนะ...แต่ไม่ได้ตีนานมากแล้ว"
"ไปไหมครับ...ถ้าคุณพี่สนใจ ผมจะพาไปเองครับ"
"ไม่ได้ตีนาน...สงสัยจะลืมหมดแล้ว"
"ซ้อมวงสวิงสองสามครั้งก็จำได้เองครับ...น่าจะเหมือนขี่จักรยานไม่ได้ขี่นานแค่ไหนก็ไม่ลืม"
เจ้าคุณหัวเราะสนุก
"น่าจะจริงนะ"
นิศามายืนแอบดู อานนท์หันไปเห็นก็จำได้
"อ้าว...หนู"
เจ้าคุณพยักหน้าเรียก
"มีอะไรเหรอตุ๊"
ศาเดินเข้ามาด้วยท่าทางอายๆ รีบยกมือไหว้อานนท์ อานนท์รับไหว้แล้วก็มองนิศายิ้มๆ
"เพื่อนของรจนาใช่ไหม เดี๋ยวนะ ชื่ออะไรน้า...นิศา" อานนท์จำได้"นิศาใช่ไหมจ้ะ"
นิศาดีใจ "ใช่ค่ะ"
"รู้จักกันหรือนี่"
"นิศาเป็นเพื่อนกับน้องสาวผมครับ...เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน"
"จริงเหรอ"
"พี่นนท์เคยพาพวกเราไปดูหนัง แล้วก็พาไปเลี้ยงไอติมด้วยค่ะเจ้าคุณพ่อ"
"ไอศครีม"
"ค่ะ…พาไปเลี้ยงไอศครีม อย่างนี้พี่นนท์ก็เป็นเพื่อนกับอาตระกล...แล้วตุ๊จะเรียกว่าพี่ หรือ อา ดีคะ"
อานนท์ยิ้มๆ
"เรียกอาพี่นนท์ดีไหมคะ...ไม่ดี...พี่อานนท์เหมาะกว่า"

ทั้งสามคนหัวเราะชอบใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

เวลาต่อมา นิศาเดินออกมาส่งอานนท์ที่รถ ซึ่งจอดอยู่หน้าตึก มีเฉยเดินตามมาด้วย เสาวนิต แต่งหน้าสวยงาม เปลี่ยนชุดที่ดูดีที่สุดมาด้วย ทำเป็นเดินมาเจออานนท์กับนิศาโดยบังเอิญ
 
อานนท์มองเสาวนิตอย่างสนใจ นิศาเห็นท่าทางเสาวนิตที่แต่งหน้าทำผมใหม่ก็รู้ทัน
"พี่นิต...แต่งหน้าแต่งตัวซะสวยจะไปไหนนะ"
เสาวนิตทำท่ากรีดกรายเดินช้า ๆ ชะม้อยตามองอานนท์ พูดกับนิศาค่อยๆ อย่างอ่อนหวาน
"พี่กำลังจะไปเก็บดอกมะลิมาร้อยมาลัยบูชาพระจ้ะ"
เสาวนิตยกมือไหว้อานนท์อย่างนอบน้อมเป็นพิเศษ
"สวัสดีค่ะ...นิตเป็นพี่ของตุ๊ค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณ..."
นิศารีบแนะนำอย่างชื่นชม อานนท์รับไหว้
"พี่อานนท์ พี่ชายรจนาไง...เป็นเพื่อนกับ อาตระกลด้วย"
"คุณอานนท์"
"เอ้อ…ครับ"

เสาวนิตกรีดมือไปมาอย่างที่คิดว่าน่าดูแบบสาวทรงเสน่ห์
"ตุ๊ชวนคุณอานนท์ไปทานขนมกับเราซิจ้ะ...พี่ทำช่อม่วงไว้ด้วย"
นิศามองเสาวนิตอย่างรู้ทัน รู้สึกไม่พอใจ
"ขอบคุณครับ แต่ผมต้องขอตัวกลับแล้ว...ไปนะจ้ะตุ๊"
อานนท์เดินไปที่รถชะงัก หันกลับไปหานิศา
"สุดสัปดาห์นี้พี่จะชวนอาตระกลไปดูหนัง ไปด้วยกันมั้ยจ๊ะ"
นิศารีรออย่างเสียดาย แต่เป็นห่วงเรื่องสอบมากกว่า
เสาวนิตตะแคงหูตั้งใจฟังแล้วชิงบอก
"ตุ๊ยังสอบไม่เสร็จค่ะ...ต้องทบทวนที่จะสอบวันจันทร์"
"ไม่เป็นไรจ้ะ...รอให้ตุ๊สอบเสร็จค่อยไปอีกก็ได้..ไปละนะ"
สองพี่น้องยกมือไหว้อานนท์ เสาวนิตไหว้อย่างอ่อนช้อย อานนท์มองแล้วขึ้นรถขับออกไป เสาวนิตมองตามอย่างเพ้อ...
"ขนมช่อม่วงอยู่ไหนคะ"
เสาวนิตหันมาทำหน้าดุ ให้เห็นกิริยาของเสาวนิตที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
"อะไรนะ"
"ก็ขนมช่อม่วงที่พี่นิตชวนพี่นนท์ทานไงคะ...อยู่ที่ไหน..ตุ๊จะขอชิมสักหน่อย"
เสาวนิตนึกขึ้นได้
"ตุ๊น่ะหูไม่ดี พี่บอกว่าพี่จะทำ..จะทำ ยังไม่ได้ทำสักหน่อย"
นิศาทำท่าเบื่อรู้ทัน
"นึกแล้ว"
"นึกถึงเรื่องอื่นบ้างเถอะตุ๊...คิดแต่เรื่องกิน..จนอ้วนจะเป็นตุ่มแล้ว"
เสาวนิตสะบัดกระโปรงเดินไป นิศาเบื่อและไม่พอใจ...

ภายในห้องนั่งเล่นบ้าน สุชาดาเดินเข้ามาในบ้าน มองหารอบๆ ตวันนั่งอยู่มุมหนึ่งที่โต๊ะทำงาน สีหน้าเหม่อหม่นหมอง มือยังถือปากกา และ มีเอกสารตรงหน้า สุมองเห็นเดินมาหา
"แม่คะ"
ตวันหันมายิ้มให้ลูกสาว แล้วก้มดูเอกสารอย่างไม่ใจลอยอีก
"ยาที่สุสั่งซื้อได้มาหรือยังคะ"
ตวันเงยหน้าขึ้นยิ้มกับสุชาดา
"ได้แล้ว แม่ให้สนมไปแล้วนี่..สุจะเข้าไปที่หมู่บ้านเหรอจ้ะ"
"ยังหรอกค่ะ...จะเตรียมของให้พร้อมก่อนค่ะ..แล้วนี่เครื่องตัวใหม่จะมาติดตั้งเมื่อไหร่คะ""อาทิตย์หน้าจ๊ะ...ช่างกำลังทำฐานวางเครื่องใหม่ก่อน"
สุชาดาสีหน้าไม่พอใจ
"น่าจะมาดูให้เรียบร้อยซะก่อนนะคะ ให้ทำแล้วมาขอแก้งานแบบนี้เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน....ทำงานภาษาอะไร"
"ไม่ใช่ความผิดของเค้าหรอก...แม่เองที่สั่งให้ทำฐานไปก่อน"
"ก็นั่นแหล่ะค่ะ...เค้าก็ต้องรู้ซิว่าควรจะแนะนำเราก่อน ไม่รอบคอบ น่าจะหักค่าใช้จ่ายนะคะ"
ตวันมองสุชาดาอย่างสนใจ
"สุไม่เคยพูดตำหนิใครอย่างนี้เลยนะ"
สุชาดารู้สึกตัวทำเป็นหัวเราะ
"แหม…แม่คะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใหญ่ แม่ต้องเสียเงินค่าเครื่องจักรตั้งเยอะ สุก็ต้องรอบคอบนะคะแม่"
ตวันหัวเราะ
"เวลาช่างมาติดตั้งสุก็คุมเองก็แล้วกัน...มีอะไรไม่ดีจะได้กำชับกับช่างเค้าได้เลย..โสบอกแม่ว่า หัวหน้าช่างท่าทางจะเก่งมาก"
สุชาดาหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินตวันชมอานนท์
"สุขออยู่ไกลๆ ดีกว่า"
สุชาดาพูดแล้วก็เดินออกไป ตวันมองตามไม่เข้าใจ

สุชาดาเดินอารมณ์ไม่ดีออกมาจากบ้าน มีลูกมะพร้าวเล็กๆ หล่นอยู่ เธอเตะลูกมะพร้าวเล็กๆ นั้นจนกระเด็นไป โสภณเดินมาเห็นก็หัวเราะ
"เอ้า...มะพร้าวมันทำอะไรให้ล่ะนั่น"
เธอหันไปมองพี่ชาย ยังอารมณ์เสียค้างอยู่
"กำลังคิดว่ามันเป็นคนบางคน"
"โอ้โห...คนๆ นั้นต้องทำความผิดมากเลยนะ...ถึงได้เตะกระเด็นไปซะไกลอย่างนั้น บอกหน่อยซิว่าใคร"
"อย่ารู้เลย"
"ทำไมล่ะ คนที่มาทำให้น้องเรายั๊วได้ขนาดนั้น ก็น่าจะรู้ไว้บ้างสิน่า"
สุชาดายิ้มๆ ท่าทางอารมณ์ดีแล้ว
"เอาไว้จะเล่าให้ฟัง...โสจะได้ช่วยสุเตะด้วย"
"เป็นผู้หญิงทำเตะโน่นเตะนี่ไม่สุภาพ...แต่ถ้าทำน้องเราโกรธก็ต้องคุยกันหน่อย ไปตกกุ้งกันดีกว่า...จะได้อารมณ์ดี"
โสภณดินกอดคอสุชาดาเดินไป...

อานนท์นั่งดื่มเบียร์และกินของทานเล่นอยู่ที่สวนหลังบ้านอานนท์ นงลักษณ์กับสิรีเดินเข้ามา สิรีถือจานใส่เป็ดย่างมาด้วย...
"พี่นนท์คะ...สิรีซื้อเป็ดย่างมาฝาก"
สิรีสีหน้าเฉยๆ
"พาคุณแม่ไปตลาดนางเลิ้งก็เลยแวะจิ๊บกี่...อันที่จริงจะซื้อมาทำแกงเผ็ดเป็ดย่าง แต่คุณแม่ว่าเยอะไป เลยแบ่งมานี่"
"เลยเป็นลาภปากของผม...ขอบคุณครับ"
"ต้องไปขอบคุณ คุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่ให้เอามา"
"เดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะ" นงลักษณ์บอก
"ไม่เป็นไรจ๊ะ...แม่กับอุบลก็จัดโต๊ะรออยู่"
"คนซื้อมาฝากไม่อยู่ทานด้วยกัน...แล้วจะอร่อยหรือ" อานนท์ว่า
สิรีแอบค้อน
"พี่นนท์คะ...มีโปรแกรมหนังใหม่เข้าน้องอยากไปดูจัง ไม่ได้เข้าโรงหนังมานานแล้ว พาน้องไปดูหนังหน่อยได้ไหมคะ"
อานนท์ทำท่านึกได้
"วันหยุดนี้พี่นัดกับตระกลไปดูพอดี...นงลักษณ์ก็ไปด้วยกันได้เลย"
งลักษณ์ยิ้มดีใจ
"สิรีไปด้วยกันสิ...ไปหลายๆ คนสนุกดี"
"วันหยุดนี้เป็นวันซักผ้าปูที่นอน...ฉันอยากอยู่ช่วยแม่กับ อุบล ไปกันเถอะ ไม่ค่อยชอบดูหนังเท่าไหร่"
"สิรีน่าจะไปด้วยกันนะ...หนังเรื่องนี้สนุกออก ดูหนังจบแล้วก็ไปทานข้าวที่ราชวงศ์กัน"
อานนท์ยิ้มแจ่มใสให้สิรี แต่สิรีไม่สนใจ
"ไม่ละค่ะ...อยากอยู่ทำงานบ้านมากกว่า เป็ดนี่ถ้าทานไม่หมดน่ะ เอาไว้ทำจับฉ่ายนะนงลักษณ์...
โครงเป็ดฉันก็ขอเค้ามาด้วย...เอามาต้มกับฟักใส่เห็ดหอมนิดหน่อย..ทำเป็นน้ำแกงไงเธอ"
อานนท์มองเป็ดย่างที่จานไม่ใหญ่พอที่จะเก็บไปทำอย่างอื่น
"สิรีนี่สมเป็นแม่บ้านแม่เรือนนะ รู้จักประหยัดใช้ทุกอย่างให้เป็นประโยชน์"
"สมัยนี้ต้องประหยัดให้มากค่ะ...อะไรไม่ควรเสียก็ต้องหักใจไว้...อะไรควรจะเก็บไว้ก็ต้องนึกถึงวันข้างหน้า"

อานนท์ค่อยๆ หดหัวอย่างรู้สึกกลัว....

เสาวนิตมายืนคอยตระกลด้วยท่าทางกระวนกระวาย โต๊ะข้างๆ มีแก้วใส่น้ำมะพร้าวตั้งอยู่ เวลาผ่านไปจนเสาวนิตเกือบจะสับปหงกตกเก้าอี้ ตระกลกลับมากำลังจะเข้าห้อง เสาวนิตรีบเรียกไว้

"อาตระกลคะ...อาตระกล"
ตระกลหันมาเห็นเสาวนิตก็แปลกใจ
"เสาวนิต มีอะไร นี่มันดึกแล้วนะ"
"วันนี้คุณอานนท์เพื่อนคุณอา แวะเอามะพร้าวน้ำหอมจากสวนมาฝาก นิตกลัวมันเสียเลยอยากให้อาได้ทานวันนี้"
ตระกลรับแก้วน้ำมะพร้าวจากเสาวนิต
"ขอบใจมากจ๊ะ"
ตระกลจะเดินเข้าห้อง เสาวนิตพยายามทำท่าอ้อนวอน
"อาตระกลสัญญาว่าจะพานิตไปดูหนังใช่ไหมคะ มีหนังที่กำลังจะฉายเรื่องนึง นิตอยากดูมาก อาพานิตไปดูได้ไหมคะ"
เสาวนิตพยายามทำตาอ้อนวอน
"นิตไม่ค่อยได้ไปไหนกับเค้าเลย...ได้แต่อยู่บ้าน"
ตระกลคิดนิดหนึ่ง
"วันหยุดนี้อามีนัดไปดูหนังกับเพื่อน แต่..."
เสาวนิตรีบทำตาหวาน
"ขอนิตไปด้วยนะคะ นิตสัญญาว่าจะเป็นเด็ก"

ตระกลมองเสาวนิตที่ทำท่าอ้อนวอนอย่างใจอ่อน
"ก็ได้…อาจะขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่นิตเอง"
"อาตระกลเรียนคุณพ่อก็แล้วกันค่ะ นิตจะเรียนคุณแม่เอง นิตกราบขอบพระคุณอาตระกลมากนะคะ นิตโชคดีมากเหลือเกินที่มีอาอย่างอาตระกล"
เสาวนิตกราบที่อกตระกล ตระกลเอามือจับที่บ่าของเสาวนิตไว้ คุณหญิงเจริญเดินมาเห็นพอดี...
ตาลุกวาว
"แม่นิ"
ทั้งคู่สะดุ้ง ตระกลมองหน้าเสาวนิตแล้วเดินเข้าห้องไป คุณหญิงเจริญกระชากลูกสาวออกมา"มาทำอะไรที่นี่แม่ตั"
"แม่คะ"
คุณหญิงไม่ฟัง ลากเสาวนิตออกไปอย่างแรงขึ้นบันไดไปชั้นบน ปากก็บ่นว่าไปตลอด
"ทำไมมาหาพ่อตระกลถึงห้องดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้...น่าเกลียดที่สุด ห้ามกี่หนแล้วไม่ให้ไป ตัวเป็นสาวเป็นแส้ ถึงเขาจะเป็นอาก็ไว้ใจได้ที่ไหน ขึ้นชื่อว่าผู้ชายนะจำไว้เถอะย่ะ บทเขาดีก็ดีไป บทเขาร้ายขึ้นมายังกับสัตว์หน้าขน รู้ผิดรู้ชอบเสียเมื่อไหร่"
คุณหญิงพูดไม่ดังเพราะกลัวเจ้าคุณได้ยิน
"อาตระกลเค้าจะพานิตไปดูหนัง นิตก็ขอบคุณอาเท่านั้น คุณแม่เป็นคนอยากให้อาตระกลพานิตไปดูหนังเองนี่คะ"
"แล้วตัวรู้ได้ไงว่าตระกลจะพาไปดูหนัง ตัวนั้นแหล่ะ มาหาเขาเองถึงห้อง...มาขอให้เค้าพาไปดูหนังใช่ไหม...เราโตเป็นสาวแล้วนะ ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้าง ทีนี้ถ้าไปห้องอาตระกลอีกละก็จะถูกแม่ตี ได้ยินไหมแม่นิต"
เสาวนิตไม่ตอบ เดินกระทืบเท้าเข้าห้อง ปิดประตูดังปัง
"นี่แม่นิต...ทำไมมาทำกิริยากับแม่อย่างนี้...คอยดูนะ แม่นิต"

เช้าตรู่ เสาวนิตมาเก็บดอกมะลิใส่ตะกร้า ตามองหาเทอด สักครู่เทอดแต่งตัวนักศึกษาจะไปมหาวิทยาลัย พอเทอดเห็นเสาวนิตก็ดีใจ เสาวนิตพอเห็นเทอดก็ทำท่ากรีดกรายเชื่องช้า ยิ้มให้เทอดอย่างที่เคยหัดยิ้มหน้ากระจก
"จะไปเรียนเหรอเทอด...ไปแต่เช้าเชียวนะ"
เทอดเดินมหาเสาวนิตอย่างเกรงๆ
"ครับ…คุณนิตมาเก็บดอกไม้แต่เช้า"
"ฉันตื่นเช้าเสมอ."
"เห็นป้าบอกว่า...คุณนิดจะย้ายโรงเรียน"
เสาวนิตทำหน้าเศร้า
"เป็นความต้องการของคุณแม่...ท่านอยากให้ฉันเก่งเรื่องการเรือน ฉันก็ไม่กล้าขัดใจท่าน ทั้งๆ ที่…"
เสาวนิตยิ่งทำหน้าเศร้า เทอดรู้สึกสงสารเสาวนิตมาก
"เทอดไปเรียนเถอะนะ...เทอดโชคดีกว่าฉันที่ได้เรียนอย่างที่ต้องการ ฉันรักการเรียนใจจะขาด แต่..."

เสาวนิตทำหน้าละห้อยอีก แล้วเดินกลับไป เทอดมองตามด้วยสีหน้าสงสารและเห็นใจ แต่พอพ้นสายตาเทอด เสาวนิตก็เดินอย่างเริงร่ากลับไปที่ตึก

เสาวนิตเดินมาที่หน้าห้องเจริญ มือถือแจกันดอกมะลิที่ไปเก็บมา เสาวนิตถอนใจตีหน้าเศร้า เคาะประตูห้องแม่สองที แล้วก็เปิดเข้าไป...คุณหญิงเจริญนั่งเลือกเครื่องประดับอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง พอเห็นลูกสาวก็ทำท่าไม่พอใจ เสาวนิตทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินเอาแจกันดอกมะลิมาวางให้ที่โต๊ะเครืองแป้งที่แม่นั่ง
"นิตไปเก็บมาไว้ให้คุณแม่ตั้งแต่เมื่อคืน จะเดินออกมาให้ คุณแม่ก็เข้าห้องมาแล้ว"
คุณหญิงค้อน
"ไม่ต้องมาทำประจบหรอกย่ะ...ฉันไม่ต้องการ ฉันรู้เท่าทันทั้งนั้นแหล่ะ"
เสาวนิตถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"รู้เท่าอะไรคะ"
"หนอย...ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แผลงฤทธิ์กับแม่เมื่อคืนนี้ไง ทำตัวแบบนี้ไม่ต้องไปดูหนงดูหนังหรอก"
เสาวนิตทำตาโต
"โธ่..อะไรคะ นิตน่ะหรือจะกล้าแผลงฤทธิ์กับคุณแม่"
"ทำไมหล่อนจะไม่กล้ายะ...เมื่อคืนนะหล่อนทำอะไร ลืมง่ายเสียจริงนะยะ"
เสาวนิตยิ้มใสซื่อ
"นิตยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
"อย่ามาทำไก๋เลยย่ะ...นี่จะหาว่าฉันหาเรื่องแกละซิ"
เสาวนิตหัวเราะ
"อ๋อ…คุณแม่คิดว่านิตโกรธคุณแม่เมื่อคืนเหรอคะ...นิตเข้าห้องไปเพื่อไปหยิบดอกไม้นี่ต่างหาก พอออกมาไม่เห็นคุณแม่ นิตก็ไม่กล้ามารบกวน อยากให้คุณแม่พักผ่อน เลยเอามาให้เช้านี้ไงคะ"
"หนอย...แล้วทำไมต้องเดินกระทืบเท้าด้วยล่ะ"
เสาวนิตพูดหน้าตาเฉย
"เปล่านี่คะ...นิตเดินดังเสมอ"
คุณหญิงเจริญเริ่มเสียงอ่อนลง แต่ก็ยังโมโห
"ฮึ…แล้วแกปิดประตูรดหัวฉันจะแก้ตัวว่าอย่างไรล่ะ"
"เปล่าค่ะ ลมมันพัดต่างหาก นิตคว้าไว้ไม่ทัน..แหม นิดรักคุณแม่มากกว่าใครๆ จะทำไม่ดีกับคุณแม่ได้ยังไงคะ"
เสาวนิตเข้าบีบนวดขาให้แม่
"ถ้านิตได้ไปดูหนัง...นิตจะซื้อขนมมาฝากคุณแม่ด้วย"

คุณหญิงเจริญพยายามไม่ยิ้ม เสาวนิตรู้ดีว่าแม่ไม่โกรธแล้ว ก็พยายามบีบนวดเอาใจ แล้วคุณหญิงก็ยิ้มออกมานิดๆ อย่างพอใจในท่าทีของลูกสาว เสาวนิตแอบทำหน้าโล่งใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น