xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 2

วนิดานั่งอยู่ที่ชุดรับแขกกับอานนท์ ตระกลยืนมองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งนงลักษณ์เอาถ้วยชาร้อนมาวางให้ วนิดาขอบคุณโดยไม่ได้มองหน้านงลักษณ์ เพราะไม่รู้ว่านงลักษณ์เป็นใคร

"ขอบใจนะ"
นงลักษณ์มองวนิดาอย่างไม่ค่อยชอบ เดินกลับไปยืนกับตระกล
"แน่ใจนะว่าไม่หิว" อานนท์ถาม
"ไม่ค่ะ...ดาทานไม่ลง"
อานนท์ยิ้มๆ
"มาทำอะไรแถวนี้วนิดา หรือคุณหนีใครมา"
วนิดาเงยหน้ามองอานนท์ วนิดาหันไปมองนงลักษณ์ กับ ตระกล อย่างไม่ไว้ใจ "เอ้อ...ฉันมีเรื่องมาปรึกษาคุณนนท์ค่ะ"
"คุณบอกมาได้เลย ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น. นั่นตระกลเพื่อนรักผมตั้งแต่เรียนประถม แล้วก็นงลักษณ์น้องสาวผม"
วนิดาคลายใจ ยิ้มออกมา
"น้องสาวคุณนนท์"
วนิดาหันไปยิ้ม แต่นงลักษณ์ทำหน้าเฉยๆ วนิดาก็เลยเจื่อนไป
"แต่เรื่องนี้ฉันอยากพูดกับคุณนนท์ตามลำพังค่ะ"
อานนท์มองหน้าวนิดา ตระกลจึงชวนนงลักษณ์เดินออกไปที่สวนหลังบ้าน
"อย่าบอกนะว่าคุณตั้งใจมาหาผม แล้วคนที่บ้านคุณรู้หรือเปล่า"
"คุณป้าอยากให้ฉันแต่งงาน"
วนิดามองอานนท์เป็นเชิงหยั่งเสียง แต่อานนท์กลับยิ้มแย้ม
"ยินดีด้วยนะซิวนิดา...ใครคือผู้ชายโชคดีคนนั้นกันล่ะ"
วนิดาหน้าเสีย
"คุณนนท์อยากให้ฉันแต่งงานกับคนอื่นเหรอคะ"
อานนท์ชะงักเมื่อมองเห็นสีหน้าที่มีความทุกข์ของวนิดา...
"เอ้อ…ถ้าคนที่เป็นเพื่อนผมจะมีความสุข ผมก็ต้องยินดีซิ"
วนิดามองอานนท์อย่างผิดหวัง
"คุณนนท์เห็นดาเป็นแค่เพื่อนเหรอคะ....แปลว่าผู้หญิงที่คุณพาไปดูหนังวันนี้เป็นคนรักคุณนนท์ใช่ไหมคะ"
วนิดาน้ำตาร่วงพูดอย่างน้อยใจ อานนท์อึ้งไป...

ภายในสวนหลังบ้าน ยามค่ำ นงลักษณ์นั่งเล่นกับตระกลที่ม้าหิน ติดกับทางเดินไปบ้านสมร นงลักษณ์ ปอกผลไม้ใส่จานให้ตระกลทาน สายใจเอาจานแบ่ง เอาส้อมเล็กๆ มาวาง
"ไปคอยมองๆ คุณนนท์ไว้นะสายใจ เผื่อจะเรียกใช้อะไร"
"ค่ะ"
สายใจเดินกลับเข้าไป
"ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนคุณนนท์เหรอคะ ฉันเห็นเค้ามีข่าวเป็นสาวสังคมบ่อยๆ"
"ผมไม่รู้จักหรอกครับ นายนนท์เค้ารู้จักคนเยอะ"
"คุณแม่บอกว่าคุณนนท์ไปขอแหวนจะไปหมั้นผู้หญิง หวังว่าคงไม่ใช่คนนี้นะคะ"
ตระกลหัวเราะ
"ไม่ใช่คนนี้หรอกครับ"
นงลักษณ์รีบหันมามองตระกล
"แปลว่าคุณตระกลรู้จักผู้หญิงที่คุณนนท์ชอบ"
ตระกลพยักหน้า
"ผมเคยพบหลายครั้งแล้ว ก็น่ารักดี ถ้านายนนท์เค้าแน่ใจคงบอกคุณเอง"
"ไปขอแหวนคุณแม่มายังไม่แน่ใจอีกเหรอคะ มิน่า...คุณวนิดานี่ถึงรีบมาหา"
สิรีเดินมาหาจากหลังบ้าน
"สิรี...มาทานผลไม้กันจ้ะ"
สิรียกมือไหว้ตระกล
"สวัสดีค่ะอาตระกล...มาขอขนมนงลักษณ์ทานเหรอคะ"
ตระกลจะตอบแต่นงลักษณ์รีบแย่งพูด
"คุณตระกลมาหาคุณน้าตั้งแต่เย็น เห็นไม่มีใครอยู่ก็เลยแวะมาคุยกับคุณนนท์จ๊ะ แต่ตอนนี้คุณนนท์มีแขกคนสำคัญเราก็เลยออกมานั่งข้างนอก เมื่อวานคุณแม่ให้คนรถเอาผลไม้ที่สวนมาให้หลายอย่าง เดี๋ยวแบ่งไปให้น้าสมรด้วยนะสิรี"
"ขอบใจจ้ะ...แล้วใครกัน ที่ว่าเป็นแขกคนสำคัญของคุณนนท์"
นงลักษณ์กับตระกล มองหน้ากัน

วนิดาถามอานนท์
"คุณนนท์แน่ใจว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่เหรอคะ"
อานนท์พยักหน้า
"แน่นอนที่สุด นี่คุณเป็นเพื่อนคนแรกที่ผมบอกนะ..อ้อ ยกเว้นตระกล ผมก็ต้องขออวยพรให้คุณมีความสุขกับ...เอ้อ…"
"คุณโกศล"
อานนท์พยักหน้ายิ้มๆ
"คุณโกศล...เอา...ชื่อคุ้นๆ เหมือนจะรู้จัก"
วนิดาแอบมองอานนท์อย่างน้อยใจ
"ฉันจะกลับล่ะค่ะ"
"อ้าว…จะกลับแล้วเหรอ ยังไม่เห็นคุณพูดธุระอะไรที่ว่า นอกจากเรื่องแม่เลี้ยงคุณอยากให้แต่งงานกับคุณโกศล"


วนิดามองหน้าอานนท์อย่างอยากรู้ความรู้สึกจริงๆ
"ถ้าคุณบอกว่าดี....ฉันก็ว่าดี"
อานนท์หัวเราะ
"วนิดา…เรื่องนี้สำคัญนะ มันอยู่ที่คุณ นอกจากคุณโกศลคุณชอบใครอีกหรือเปล่า"
วนิดามองอานนท์
"ทำไมคุณถามฉันอย่างนี้ล่ะคะ"
"ก็…เราควรจะแต่งงานกับคนที่เรารักนะซิ"
วนิดาพยายามไม่ร้องไห้
"ฉันคิดว่า ฉันคงรักบางคน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารัก"
อานนท์มองหน้าว วนิดารีบเช็ดน้ำตาที่ร่วงลงมา แล้วรีบลุกขึ้น
"ฉันกลับละค่ะ...ขอโทษที่มารบกวนเวลา"
"แล้วคุณจะกลับยังไง...ผมไม่เห็นรถที่บ้านคุณ"
"ฉันไปงานบ้านคุณหญิงแอร่มศรี ขากลับผ่านบ้านคุณ ฉันก็เลยให้รถส่งฉันที่ปากทาง"
"ไป…ผมจะไปส่งคุณเอง"
วนิดารีบปฏิเสธเพราะความน้อยใจ
"ไม่ต้องค่ะ...ฉันหาทางกลับเองได้ คุณนนท์กลับมาบ้านแล้วอย่าต้องออกไปอีกเพราะฉันเลยค่ะ"
อานนท์ตัดสินว่าจะไปส่งดีหรือไม่ดี...

วนิดานั่งรถมากับตระกล นั่งร้องไห้เงียบๆ...ตระกลพยายามชวนคุย
"ไม่ต้องห่วงนะครับ รับรองผมส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแน่นอนครับ"
วนิดาไม่อยากพูด จำใจพูดตอบไปเบาๆ
"ขอบคุณค่"

วนิดายังหันหลังให้ตระกล ร้องไห้เงียบๆ ตระกลมองอย่างไม่เข้าใจ ยิ้มส่ายหน้ากับตัวเอง

บรรยากาศยามเช้าที่บ้านสุทธากุล คุณนายแวว มีฝีมือด้านอาหารหวาน คาว คุณนายพลับมีฝีมือเรื่องการฝีมือ
 
แม่เหลือเป็นสาวใช้ของคุณนายพลับ แต่หน้าตาดีเลยได้เป็นอนุของเจ้าพระยาเทพวิสุทธิ์ (พ่อเจ้าคุณสุทธา)
เช้าวันนี้คุณนายทั้งสองตั้งใจทำอาหารไปให้เจ้าคุณ คุณนายพลับกลัวทำไม่อร่อย จึงขอให้คุณนายแววมาช่วยทำให้ คุณนายแววโรยต้นหอมผักชีหั่นฝอยใส่หม้อข้าวต้ม แล้วตักข้าวต้มปลาใส่ชามโคมสวยงาม
"เอ้า...เสร็จเรียบร้อย แหม..แม่พลับ หล่อนนี้ใจใหญ่นะยะทำข้าวต้มปลาจาระเม็ดนะ ตัวตั้งหลายตังค์"
"ต้องไปสั่งไอ้โกที่ตลาดไว้นะซิ เอ้าเทอด...ยกไป" พลับสั่ง
เทอดเอาถาดมาใส่โถแล้วจะเดินไป แววเรียกไว้เสียงหลง
"เดี๋ยว ยังไม่จบ...เครื่องเคียงล่ะยะหล่อน...นี่..เต้าเจี้ยวยำ เต้าหู้แผ่นทอดกรอบ พริกไทย ขิงดอง แล้วก็กระเทียม ข่าเจียวกรอบ...ไปได้"
"น่าทานจริงๆ ครับ…ผมเพิ่งรู้ว่าแค่ข้าวต้มปลาก็มีเครื่องเคียงขนาดนี้ ที่บ้านผมแม่ทำข้าวต้มปลาช่อนก็อร่อยเหลือแล้วครับ"
"ไม่งั้นเขาจะเรียกข้าวต้มเครื่องเหรอจ้ะ...แล้วหล่อนจะไปด้วยเหรอแม่พลับ"
"ต้องไปด้วยสิ...จะได้รู้ว่าถูกปากท่านหรือเปล่า"
"เสนอหน้า....เดี๋ยวก็โดนฤทธิ์คุณหญิงเจริญเอาหรอก" แววบอก
คุณนายพลับเชิดหน้า
"กลัวซะที่ไหน...ฉันนะยอมแต่คุณท่านหรอกนะ คนอื่นทำมาแหล๋นๆ เอาโถข้าวต้มครอบหัวเอาไม่รู้ด้วย"
แววหัวเราะ
"เสียดายของแพง..อย่านะ...กลัวจะเก่งแต่ในมุ้งล่ะซี่ ทำเป็นคุย"
"คอยดูก็แล้วกัน"
"คุณนายระวังนะเจ้าคะ...คุณหญิงเจริญเพิ่งกลับมาเมื่อเกือบรุ่ง...น่าจะเสียไพ่" เหลือบอก
"โห…แกคงหัวเสียน่าดู." แววบอก
"ท่านเจ้าคุณอยู่ซะอย่าง...จ้างก็ไม่กลัว...ไปเทอด"
"นึกว่าจะเก่ง...ทีแท้ก็ต้องอาศัยใบบุญท่านเจ้าคุณอยู่ดี"
แวว กับ เหลือพากันหัวเราะ พลับที่เดินไปตึกใหญ่ เทอดถือถาดข้าวต้มเดินตามไป

เจ้าคุณสุทธาเดินออกมาจากห้องส่วนตัวที่ด้านล่าง มาที่โต๊ะอาหาร เจียมกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าให้ เป็นไข่ดาวกับหมูทอด คุณหญิงเจริญที่ใส่ชุดอยู่บ้านม้วนผม ส่วนเสาวนิต กับ นิศาในชุดนักเรียนกำลังจะเริ่มทานอาหาร พอหันไปเห็นบิดาก็ไหว้อย่างเรียบร้อย
"สวัสดีค่ะ เจ้าคุณพ่อ"
เสาวนิตรีบไหว้ตาม
"สวัสดีค่ะ เจ้าคุณพ่อ"
เจ้าคุณสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แต่ก็จำใจยิ้มให้ลูก
"มีอะไรกินเจียม"
"คุณหญิงให้จัดไข่ดาวแบบฝรั่งเพราะเอาขนมปังกลับมาจากบ้านคุณพระสวัสดิ์เจ้าค่ะ"
"ไปเก็บของเหลือเค้ามาอีกแล้ว แล้วมีข้าวต้มไหม"
"เหม็นเบื่อข้าวต้มจะตาย...เดี๋ยวนี้ใครๆ เค้าก็กินของฝรั่ง ตอนเช้ากันทั้งนั้นแหล่ะ เนี่ยะ กุ๊กบ้านคุณพระสวัสดิ์ทำขนมปังเก่งกว่าโฮเต็ลซะอีก...เป็นไงแม่นิต อร่อยไหม"
คุณหญิงหันไปถามลูกสาวคนโปรดและกลับมาพูดกับเจ้าคุณ
"นี่ไม่ใช่ของเหลือนะคะท่านเจ้าคุณ คุณหญิงมะลิท่านใจดีให้กุ๊กทำแจกแขกที่ไปช่วยงาน"
เสาวนิตยิ้มเอาใจ
"อร่อยมากค่ะคุณแม่...เพื่อนๆ นิตที่โรงเรียนเค้าก็ชอบทานขนมปังกันแทบทุกคน คุณแม่นี่นำสมัยจริงๆ นะคะ ทำให้ลูกได้ทานของอร่อยไปด้วย"
"แต่ตุ๊ว่ากินข้าวน่ะอิ่มดี...ขนมปังก้อนแค่นี้จะอยู่ท้องหรือเปล่าก็ไม่รู้"
คุณหญิงเจริญเดินมานั่ง เจียมเอากาแฟมาเสิร์ฟเจ้าคุณ
"ก็หัดกินอย่างผู้ดีเค้าบ้างซิตุ๊...กินเหมือนยัดหมอนจนตัวจะกลิ้งได้อยู่แล้ว" เสาวนิตบอก
นิศากินไข่ดาวอยู่หันมาเถียง
"แต่มันดีที่ไม่หิว...ทำให้เรียนหนังสือรู้เรื่อง...พี่นิตทำเป็นกินนิดๆ หน่อยๆ กลัวเสียหุ่น ถึงได้เรียนไม่รู้เรื่องต้องซ้ำชั้นแทบทุกปีไง"
เสาวนิตโกรธมาก แต่บิดานั่งอยู่เลยไม่ค่อยกล้าอาละวาด
"ก็ยังดีกว่าหมูตอนอย่างเธอก็แล้วกัน"
เจ้าคุณสุทธาหยุดดื่มกาแฟ เหลือบตามองลูกสาวทั้งสอง ทำให้ทั้งสองคนหยุดเถียงกันทันที
"แม่ตุ๊นี่ก็ขี้โมโหไม่เข้าเรื่อง...พี่เค้าพูดแหย่นิดๆ หน่อยๆ ละไม่ได้ เราเป็นน้องนะรู้จักยอมๆ พี่เค้าบ้างซิ" คุณหญิงเจริญว่า
เสาวนิตยิ้มสะใจ นิศาหน้าเชิดอย่างน้อยใจ คุณนายพลับกับเทอดที่ถือถาดข้าวต้มเดินขึ้นมาด้วยท่าทางนอบน้อม
"ขออภัยเจ้าค่ะ...ท่านเจ้าคุณ"
เจ้าคุณหันไป เห็นพลับเดินมานั่งคุกเข่าใกล้ๆ โต๊ะอาหารก็ยิ้มให้ แต่คุณหญิงเจริญแหวใส่ทันที
"เอ้า...แล้วพากันขึ้นมาที่นี่ทำไมนะ ยกโขยงกันมาทำไม"
"อิฉันทำข้าวต้มปลาจาระเม็ดมาให้ท่านเจ้าคุณค่ะ ให้แม่แววเขาช่วยทำให้ เอามากราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณที่เมตตาเทอด"
เสาวนิตเห็นเทอดก็ดีใจ ทำเป็นวางท่าทางราวเจ้าหญิง เจ้าคุณจะอ้าปากพูด แต่คุณหญิงสวนออกไปอย่างเกรี้ยวกราดอีก
"เอากลับไป...ที่นี่เค้ากินของฝรั่งกัน ใครจะกินเข้าไปลง ข้าวต้มปลาเช้าๆ เหม็นคาวจะตาย"
"อิฉันขอรับรองว่าไม่มีคาวแม้แต่นิด...แม่แววทำสุดฝีมือ ใส่ทั้งข่าคั่ว ทั้งรากผักชีเจ้าค่ะ"
คุณหญิงเจริญตวาด
"ไม่ต้องมาเถียง บอกว่าไม่กินก็ไม่กินซิ เอากลับไป หรือจะให้ฉันเทให้หมากิน"
คุณหญิงเจริญทำท่าจะเดินไป เจ้าคุณลุกขึ้นยืนทำให้เจริญชะงัก
"พอได้แล้ว...เจียม เอาข้าวต้มมาตั้งที่โต๊ะนี่ ฉันจะกิน ตุ๊จะกินกับพ่อไหม"
นิศาดีใจ
"รับทานค่ะเจ้าคุณพ่อ"
เจียมเดินมารับถาดไปจากเทอด แต่ก็กลัวๆ ที่คุณหญิงเจริญมองตาเขียว เสาวนิตพยายามแอบยิ้มให้เทอด เทอดอยากมองเสาวนิตแต่ไม่กล้า...
"ฝากไปบอกแม่แววว่าขอบใจมาก...ทำของธรรมดาๆ ก็ได้…ไม่ต้องไปหาของแพงๆ มาหรอก...แม่แววทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้น"
พลับก้มกราบด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม ไม่สนใจคุณหญิงที่ยืนจังก้าด้วยท่าทางไม่พอใจมาก
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ...เย็นนี้อิฉันจะทำหลนกะปิมาให้ท่านเจ้าคุณทาน ต้นมะกอกหลังบ้านกำลังแตกใบอ่อน...ให้เทอดไปเก็บมาให้ท่านจิ้มหลน"
"อย่ามาจุ้นจ้านนักเลย แค่นี้ก็พอแล้ว...แล้วก็คอยดูหลานตัวอย่าให้มาจุ้นจ้านแถวนี้ด้วยนะ บ้านฉันมีลูกสาว อย่าให้บ่าวผู้ชายมาเสนอหน้าแถวนี้"
คุณนายพลับหน้าตึงไม่กลัว เทอดก้มหน้าอย่างรู้สึกอาย..
"คุณหญิงไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ...หลานอิฉันน่ะมันเจียมตัว มันไม่กล้าโผล่หัวมาแถวนี้เด็ดขาด"
เจ้าคุณสีหน้าไม่พอใจ
"กลับไปก่อนดีกว่า...ฉันเริ่มจะรำคาญคนแถวนี้แล้ว ว่างๆ จะเดินไปคุยที่เรือนก็แล้วกันแม่พลับ...เราก็ตั้งใจเรียนให้ดีนะ"
"ครับผม "
พลับค้อน คุณหญิงเจริญก็ไม่พอใจคำพูดของเจ้าคุณสุทธา
"อิฉันกลับจะเจ้าค่ะ"
พลับกราบลาเจ้าคุณ เทอดกราบตาม สองคนป้าหลานเดินออกไปจากตึก เจ้าคุณลงนั่งทานข้าวต้ม
"อร่อยกว่าของฝรั่งเมื่อกี้ไหมตุ๊"
นิศากำลังทานข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย เงยหน้ามายิ้ม
"ค่ะ..เจ้าคุณพ่อ"
เสาวนิตมองหน้าเห็นสีหน้าแม่ไม่พอใจมาก...

สักครู่ต่อมา เสาวนิต กับนิศาเดินออกมาจากในบ้านขึ้นรถ ซึ่งจอดอยู่ที่ด้านหน้าของลานบ้าน คนขับรถ ขับรถออกไป

บริเวณทางเดินไปออกประตูหน้าบ้าน เจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์กำลังจะเดินไปขึ้นรถ คุณหญิงเจริญรีบเดินมาเรียกไว้ด้วยสีหน้าดุดัน
"ท่านเจ้าคุณ....ท่านเจ้าคุณ"
เจ้าคุณหันมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"ท่านเจ้าคุณทำไม่ถูก...เรื่องอะไรเอาดิฉันไปว่ากับนังพลั มันเป็นแค่บ่าวกระต๊อบหลังบ้าน ท่านเจ้าคุณไม่ให้เกียรติดิฉันเลยนะ"
"ฉันไม่เห็นว่าเธอจะดิบดีกว่าแม่พลับตรงไหน...แม่พลับซะอีกยังพูดจาดีกว่าเธอ"
คุณหญิงโกรธจนเต้น
"ท่านเจ้าคุณเอาดิฉันไปเปรียบกับบ่าวในบ้านได้ไง ดิฉันเป็นคุณหญิง...นังพลับมันขี้ข้า"
เจ้าคุณโกรธ
"หยุดนะ...หยุดใช้คำพูดสามหาวกับคนอื่นซะที แม่พลับ แม่แวว เป็นเมียเจ้าคุณพ่อของฉัน ท่านฝากฝังไว้กับฉัน เธอเป็นแค่สะใภ้ไม่มีสิทธิมาด่าว่าคนในบ้านฉันแบบนี้ด้วยซ้ำ ในเมื่อเธอลืมตัว เจ้าอำนาจบ้าๆ แบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเธอ"

เจ้าคุณสุเดินไปขึ้นรถที่จอดคอย เฉยยืนเปิดประตูให้ คุณหญิงเจริญแค้น...
 
อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

คุณหญิงเจริญมานั่งร้องไห้กระซิก กระซิกฟ้อง คุณหญิงเทพเบื่อหน่าย แต่ก็ยังพยายามรักษาน้ำใจ ขณะนั้นคุณหญิงเทพกำลังจัดเชี่ยนหมาก

"เรื่องไม่เป็นเรื่อง....อีพลับก็ทะโหล่จะต้องเอาโน่นเอานี่ไปให้เขากินทำไม"
"จริงๆ นะคะคุณแม่...จุ้นจ้านทั้งแม่พลับ แม่แวว เดี๋ยวก็ทำของออกขาย... ลูกคนนั้นลูกคนนี้วุ่นวายไป
หมด เลี้ยงไว้ก็หมดก็เปลือง"
คุณหญิงเทพมองหน้าเจริญ ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ก็ไอ้ตัวดีในโกศไง พามาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน นี่ขนาดฉันไล่ไปหลายคนแล้วนะ ผู้ชายนะมันมักมาก ไม่เคยคิดถึงหัวจิตหัวใจผู้หญิงว่าจะช้ำใจซักแค่ไหน"
"จะไปโทษเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้หรอกค่ะ...ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง แม่พวกนี้ก็อยากสบายถึงได้เกาะติดไม่ยอมไปไหน อยู่มาจนเดี๋ยวนี้ คุณแม่ใจดีนะคะยังเลี้ยงไว้ได้ ถ้าเป็นดิฉันละก็เฉดหัวออกไปหมดแล้ว"
คุณหญิงเทพหันมาพูดจริงจังเป็นเชิงสอน
"หล่อนนะโชคดีมหาศาลที่ท่านเจ้าคุณ ไม่ไปมีเมียน้อย ไอ้เถียงกันบ้าๆ บอๆ แค่นี้อย่ามาทำเป็นร้องไห้ฟ้องฉันเลย เอาไว้ไห้เจ้าคุณสุทธาเอาเมียน้อยเข้าบ้านมาก่อนเถอะ..หล่อนจะรู้ว่านรกในอกนะมันเป็นยังไง"
คุณหญิงเจริญพูดอย่างเคียดแค้น
"หัวเด็ดตีนขาดดิฉันไม่ยอมเด็ดขาด...ถ้าเจ้าคุณทำอย่างนั้นก็ต้องตายกันไปข้างนึงละค่ะ"
คุณหญิงเทพหัวเราะ
"ถ้าเค้าจะทำซะอย่าง เธอจะไปทำอะไรเค้าได้ นี่ขนาดว่าเธอกับท่านเจ้าคุณ นอนกันคนละห้องมาหลายปีแล้ว เค้ายังไม่ไปมีคนอื่นเลย ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ ป่านนี้ต้องปลูกเรือนเล็กหลังบ้านอีกสองสามหลังแล้วมั้ง...เอาอกเอาใจเค้าซะบ้างสิหล่อน"
"จะเอาอกเอาใจอะไรล่ะคะ พูดกันยังไม่เคยเกินห้าคำเลยวันๆ ก็อยู่แต่ในห้องส่วนตัว...แหม..พูดแล้วยังหมั่นไส้ยายพลับไม่หาย...เสนอหน้ามาแต่เช้า...ท่านเจ้าคุณก็พูดกับมันดีกว่าพูดกับดิฉัน"
พรรณเดินเข้ามา มีคนใช้ยกถาดใส่ถ้วยข้าวต้มเดินตามมาด้วย
"ยกอะไรมาแม่พรรณ"
พรรณลงนั่งข้างๆ คุณหญิงเทพ รับถาดมาจากคนใช้ เอามาวางตรงหน้าคุณหญิงเทพ คนใช้คลานออกไป
"แม่พลับให้เอาข้าวต้มปลาจาระเม็ดมาให้คุณแม่ค่ะ บอกว่าแม่แววเป็นคนทำ คุณแม่จะทานหรือเปล่าคะ ลูกเลยเอามาให้ดูก่อน .เพราะเมื่อกี้ลูกเห็นคุณแม่ทานโจ๊กไปนิดเดียว"
คุณหญิงเทพมองข้าวต้มในถ้วยน่าทาน แต่ก็เกรงใจลูกสะใภ้ที่คอยมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ดูสิคะ...เสนอหน้าเอามาให้ที่นี่อีก จุ้นจ้านอย่างนี้เห็นไหมคะคุณแม่"
พรรณพูดเรียบๆ
"แม่เจริญนี่แปลก เค้าจุ้นจ้านตรงไหน เค้าอาศัยใบบุญคุณแม่จะทำกับข้าวมาให้ท่านทาน มันก็ดีแล้วนี่...จะไปว่าเขาทำไม เงินมันก็เงินเขา ไปรับจ้างทำทั้งขนมทั้งงานฝีมือ หาเงินเลี้ยงชีพ เค้ายังอุตส่าห์มีน้ำใจ"
ระหว่างที่พรรณพูด คุณหญิงเทพก็ทานข้าวต้มไปแล้วด้วยความพึงพอใจ และ ไม่หันไปมองลูกสะใภ้คุณหญิงเจริญได้แต่มองด้วยความโมโห

อานนท์พาลีน่ามาเที่ยวสวนสวยๆ ในบรรยากาศริมแม่น้ำ อานนท์ถ่ายรูปลีน่าหลายๆ มุม ลีน่าคอยเอาใจอานนท์ คอยปัดเสื้อผ้า คอยซับเหงื่อให้ อานนท์มีความสุขมาก
"ที่นี่สวยจังเลยนะคะ คุณนนท์รู้จักแต่ที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ"
"ผมต้องเดินทางไปหลายแห่ง"
"ทำไมล่ะคะ...คุณนนท์มีบ้านหลายแห่งเหรอคะ"
"ไม่ใช่ครับ...เรื่องงาน"
"คุณนนท์ทำงานอะไรคะ...ไม่เล่าให้ลีน่าฟังบ้างล่ะคะ"
"ผมเป็นวิศวกรเครื่องกล...บางครั้งต้องไปติดตั้งเครื่องจักร ไปทั่ว ต่างจังหวัดไกลๆ ก็ต้องไป"

ลีน่ายิ้มน่ารัก
"แหมดีจัง...ได้ไปทำงานด้วย ไปเที่ยวด้วย"
อานนท์ยิ้มๆ
"เวลาทำงานก็ไม่ได้เที่ยวหรอกครับ งานเสร็จก็ต้องรีบกลับ"
"แปลว่าคุณนนท์เป็นคนเอางานเอาการมาก...ลีน่าชอบผู้ชายที่ทำงานเก่งๆ...คนทำงานเก่งจะมีอนาคตที่ดี"
"แต่ผมไม่รวยหรอกนะ...ลีน่าจะใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ได้หรือเปล่า"
"ได้สิคะ...ลีน่าก็เป็นคนธรรมดาๆ...แต่อย่างคุณนนท์นะ อนาคตต้องไม่ธรรมดาหรอกค่ะ"
อานนท์จับมือลีน่ามากุมไว้
"แล้วลีน่าจะแต่งงานกับคนธรรมดาๆ ได้หรือเปล่า"
ลีน่าดีใจมาก แต่พยายามทำฟอร์มสงบนิ่ง
"ลีน่าจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีค่ะ"
อานนท์ยิ้มปลื้ม
"ผมก็แน่ใจว่าลีน่าจะเป็นแม่บ้านที่ดี"
อานนท์ล้วงกระเป๋าจะหยิบแหวนแต่ไม่มี ลีน่านึกรู้พยายามซ่อนลุ้นว่าอานนท์จะหยิบแหวน แต่อานนท์ทำหน้าผิดหวังนิดหน่อยเพราะไม่ได้เอาแหวนมา
"คุณนนท์...หาอะไรหรือเปล่าคะ"
อานนท์ยิ้มๆ
"ผมลืมของบางอย่างครับ แต่วันหน้าก็ได้ครับ"
"เมื่อรืนเลิกงานแล้ว ผมจะไปหาคุณที่บ้านนะครับ"
ลีน่าอึกอัก
"เอ้อ…ลีน่านัดทานอาหารกับเพื่อนๆ ไว้ค่ะ... คุณนนท์ไปทานอาหารด้วยกันไหมล่ะคะ"
อานนท์ยิ้มๆ

นงลักษณ์กำลังคุยกับช่างอยู่ภายในร้าน สิรีกำลังออกแบบเสื้อในกระดาษเสก็ตแบบ นงลักษณ์คุยกับช่างแล้วหันมามองสิรี
"สิรี...เย็นนี้เดินมาทานข้าวที่บ้านฉันไหม"
สิรีเงยหน้ายิ้มๆ
"มีอะไรพิเศษหรือเปล่า...ถ้าแค่ชวนทานข้าวเธอมาทานที่บ้านฉันบ้างก็ได้นะ"
"วันนี้คุณนนท์บอกว่าจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน...จะมีข่าวดีมาบอก ฉันเลยอยากให้เธอมาทานข้าวด้วยกัน"
สิรีทำท่าคิด
"ข่าวดีของคุณนนท์....สงสัยจะหาเจ้าสาวได้แล้วมั้ง...ไม่ไปดีกว่าเธอจะได้คุยกันพี่ๆ น้องๆ"
"แหม…เธอเป็นคนอื่นซะที่ไหนล่ะ สิรี...ฉันถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม"
สิรีมองหน้านงลักษณ์ แล้วก็หัวเราะ
"ทำไมทำหน้าเครียดจัง"
"ถามจริงๆ เถอะ…เธอสนใจคุณนนท์บ้างไหม"

สิรีทำท่านึก แล้วก็ยิ้มๆ
"ไม่ดีกว่า"
นงลักษณ์ทำหน้าผิดหวัง
"ทำไมล่ะ...คุณนนท์น่ะดีนะ".
"ก็ไม่ได้ว่าคุณนนท์ไม่ดี...แต่..คุณนนท์น่ะอยู่ไม่สุข คล้ายๆปริศนาน่ะแหล่ะ ฉันชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย แล้วก็ไม่พูดมาก"
นงลักษณ์หัวเราะ
"ไม่ใช่คุณนนท์เลย แต่ฉันก็ยังไม่หมดหวังนะ ฉันอยากให้เธอลองตั้งใจดูคุณนนท์ดีๆ ใหม่…เผื่อจะถูกใจขึ้นมาก็ได้"
สิรีทำหน้าเบื่อๆ แล้วก็หัวเราะ
"เอาเถอะจ้ะ..จะลองมองใหม่ก็ได้ แต่ถ้าเค้ามีคนรักแล้วล่ะ"
"ตราบใดที่คุณนนท์ยังไม่แต่งงาน ผู้หญิงทุกคนก็ยังมีสิทธิ์"

วนิดานั่งคุยกับแม่เลี้ยงที่บ้าน สีหน้าเป็นทุกข์เรื่องอานนท์
"จริงๆ นะคะคุณป้า...ดาถือว่าตราบใดที่คุณนนท์ยังไม่แต่งงานกับใคร ผู้หญิงคนไหนก็มีสิทธ์ที่จะทำให้คุณนนท์รักทั้งนั้น"
"แล้วคุณนนท์เค้าเคยบอกรักเราหรือเปล่าล่ะ"
วนิดานิ่งไป
"เมื่อก่อนเค้าก็ทำท่าเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ค่ะ..แต่ตอนนี้ เค้าทำเหมือนหนูเป็นเพื่อนเค้าคนนึง"
"ก็เรานะ มีหนุ่มๆ มาให้เลือกเยอะแยะไปหมด...บ้านนี้นะ หัวกะไดไม่เคยแห้งเลย คุณนนท์เค้าอาจจะเห็นว่าเรามีหนุ่มๆ มาคบหาเป็นเพื่อนหลายคน...เราจะเห็นเค้าเป็นเหมือนหนุ่มๆ พวกนั้น...คือเป็นเพื่อนคนนึงหรือเปล่า"
"แต่ดาชอบคุณนนท์นะคะ...ชอบมากด้วย"
"ป้าดูว่าเรื่องของหนู กับคุณนนท์...ดูจะเป็นไปได้ยาก ป้าอยากให้หนูพิจารณาคุณโกศลนะลูก เค้าอาจจะไม่หล่อเฟี้ยวฟ้าวอย่างคุณนนท์...แต่ก็มีอนาคตที่ดีนะลูก"
วนิดาทำหน้าเบื่อ
"เค้าต้องแก่แน่ๆ"
"ยังไม่เห็นเค้าเลยก็ไปติซะแล้ว...ถ้ามีโอกาสป้านัดคุณโกศลมาทานข้าวที่นี่...ป้าอยากให้หนูรู้จักเขาจริงๆจังๆ"
วนิดาทำหน้าเศร้าๆ

"หนูไม่แน่ใจว่าจะลืมคุณนนท์ได้"

อานนท์นั่งคุยอยู่กับตระกล ที่สวนหลังบ้าน

"กันแน่ใจที่สุด...แน่ใจที่สุด"
"แต่กันว่านายยังคบหากับลีน่าไม่นานพอที่จะแน่ใจอย่างนี้นะอานนท์"
"โธ่…ตระกล…คนเราถ้ามันคลิ๊ก กันน่ะนะ เราจะรู้ได้เลยว่า ต้องเป็นคนๆ นี้แหล่ะ อีกหน่อยถ้านายเจอผู้หญิงอย่างที่เราเจอ นายจะรู้เอง"
ตระกลหันไปมองนงลักษณ์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แต่นงลักษณ์มัวแต่กำลังตั้งใจฟังอานนท์เลยไม่ได้สังเกต
"น้องเห็นด้วยกับคุณตระกล อยากให้คุณนนท์คิดดีๆ น้องอยากให้คุณนนท์ลองพิจารณาผู้หญิงอีกคนหนึ่ง...ที่คุณนนท์อาจจะมองข้ามไป"
อานนท์ทำหน้าเหรอหรา
"ใครกัน"
"สิรี"
"หลานสิรีอาจจะยังเข็ดขยาดจากนายเสมอ มันอาจจะเร็วไปที่เค้าจะเปิดใจรับใครอีก"
อานนท์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"จริงอย่างคุณตระกลว่า อันที่จริงสิรีก็น่าสนใจนะ สวยก็สวย แต่…แค่เป็นคนจุกจิกนิดหน่อย"
อานนท์ทำหน้าล้อเลียน ทำเสียงเลียนแบบนงลักษณ์ ทำท่าสะบัดผมแล้วเชิดหน้าหน่อยๆ
"นงลักษณ์ไอ้นี่ไม่ดี ไอ้นั่นไม่ชอบ ทำไมต้องอย่างงี้ ทำไมต้องอย่างงั้น"
นงลักษณ์อดหัวเราะกับตระกลไม่ได้ สิรีเดินถือจานขนมมาด้วย อานนท์หยุดแบบไม่ทันตั้งตัว นงลักษณ์ก็หยุดหัวเราะทันที มีแต่ตระกลที่ยังยิ้มค้างอยู่ยิ่งเห็นสิรีเดินมายิ่งขำ
"กำลังคุยเรื่องอะไรกันคะ ดูสนุกเชียว สวัสดีค่ะอาตระกล"
สิรียกมือไหว้ ตระกลรับไหว้ ทำท่าเป็นผู้ใหญ่ ไม่หัวเราะแล้ว
"สองคนนี่เค้าก็หัวเราะผมไปเรื่อยละครับ แหม...วันนี้สิรีมาที่นี่ได้ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน"
สิรีลงนั่ง เอามือปัดผมท่าทางเหมือนที่อานนท์ทำเมื่อกี้ อานนท์กลั้นยิ้ม ตระกลด้วย ทำให้นงลักษณ์ต้องหันไปแอบถลึงตา
"เอาขนมเรไรมาฝาก ของบางลำพูไง ซื้อมาฝากคุณแม่ แล้วก็เอามาฝากนงลักษณ์ด้วย อร่อยนะเจ้านี้"
"แหม…กำลังอยากทานเลย มาทานด้วยกันสิ ฉันก็ซื้อสาคูไส้หมู กับ ข้าวเกรียบปากหม้อมาจากสะพานหัน..ไปซื้อผ้าลูกไม้เห็นเค้าทำน่าทานดี"
สิรีทำเชิดหน้าหน่อยๆ สะบัดผมอีก อานนท์หันไปสบตากับตระกล อานนท์ยกมือสองนิ้ว
"เจ้าสะพานหันไม่อร่อยหรอกนงลักษณ์ มันจะแหยะๆ ไปนิดนึง..ต้องเจ้าริมคลองประปาล่ะอร่อย...แต่เจ้าริมคลองประปาก็ทำปากหม้อไม่อร่อย...เป็นปั้นสิบไส้ปลาก็ใช้ได้"
นงลักษณ์ทำหน้ากระอักกระอ่วน เพราะอยากหัวเราะกับท่าทางของสิรี ที่เป็นเหมือนกับที่อานนท์วิจารณ์ไว้ ตระกลและอานนท์ก็รีบกินขนมที่สิรีเอามา
"แหมอร่อยจ้ะ...อร่อย"
อานนท์กินเอา กินเอา เพราะจะได้ไม่หัวเราะออกมา สิรีมองหางตา แล้วก็เชิดหน้าหน่อยๆ เอามือสะบัดผมอีก ตระกลรีบหันไปมองอานนท์ ที่กำลังชูสามนิ้ว

ในบรรยากาศกรุงเทพตอนเช้าๆ พระสงฆ์ออกบิณฑบาต นกพิราบที่บริเวณเสาชิงช้า และดอกไม้สวยๆ
อานนท์ขับรถเข้ามาจอดที่จอดรถบริษัท มีพนักงานที่เริ่มมาทำงานทักทาย เขาเดินเข้าบริษัท แขกยามรีบเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม อานนท์เปิดหมวกให้แขกยามอย่างอารมณ์ดี...

อานนท์เดินเข้าบริษัทมา ท่าทางอารมณ์ดีมาก แพทริค กับวิศวกรอีกสามคน กำลังยืนดูแบบ
เครื่องจักรบนโต๊ะ แพทริคกวักมือเรียกอานนท์ อานนท์เดินเข้าไปในห้องที่แพทริคกำลังประชุมอยู่ "มาพอดี...หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ"
"กำลังจัดการกับชีวิตตัวเอง"
"ส่วนแบ่งหุ้นน้อยไม่รู้ด้วยนะ"
อานนท์หัวเราะ
"ตามสบายเลยแพทริค...คุณก็รู้จักผมดีว่าไม่เอาเปรียบใครอยู่แล้ว"
แพทริคมองอานนท์อย่างทึ่ง
"เอ…ทำไมวันนี้ถึงอารมณ์ดีนักล่ะ มีนัดกับสาวคนไหน"
อานนท์หรี่ตามองแพทริคอย่างรู้ทัน อาจจะได้เห็นเร็วๆนี้แหล่ะ"
"ใครกันนะ...คือหญิงสาวที่โชคร้ายคนนั้น"
อานนท์ค้อน
"พอละแพทริค...มาคุยเรื่องงานสิ นี่กำลังดูแบบเครื่องจักรอะไรกัน"
"มีลูกค้ามาติดต่อซื้อเครื่องจักรเราสำหรับกลั่นเย็นน้ำมันมะพร้าว ผมเลยเอาของเยอรมันมาดูว่าจะนำเสนอลูกค้า..คุณเห็นเป็นไง"
"ของเยอรมันก็ดี...แต่จำเป็นต้องใช้เครื่องขนาดใหญ่อย่างนี้เลยเหรอ"
"เค้าทำส่งตะวันออกกลาง...เห็นว่ามีออร์เดอร์เยอะเหมือนกัน..ถ้าคุณเห็นด้วย ผมจะได้เสนอลูกค้า"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"คุณว่าไง ผมก็ว่างั้น"
อานนท์กำลังจะเดินไป แพทริคพูดไล่หลัง
"ถ้าลูกค้าตกลงคุณต้องไปติดตั้งเองนะ"
อานนท์หันมาตอบ
"ได้เลย งานของผมนี่"
อานนท์เดินออกไป แพทริคมองตามยิ้มๆ แล้วคุยกับวิศวกรคนอื่นต่อไป...

อานนท์เดินเข้ามาในห้องทำงาน หยิบแปลนแบบเครื่องจักรออกมาคลี่ดู เอาดินสอ 4B ออกมาขีดเขียนบนแปลน แล้วเอาหนังสือมาเปิดหาข้อมูลเทียบกับแปลนเครื่องจักร จนสีหน้าพอใจ อานนท์ลงนั่ง เก็บแปลน มองไปที่นอกหน้าต่างด้วยสีหน้าคล้ายฝัน ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบแหวนที่ขอคุณหญิงแนบออกมาดูด้วยสีหน้ามีความสุข....

ภายในวังศิลาขาว ปริศนากำลังเขียนบัญชีค่าใช้จ่ายด้วยสีหน้ายุ่งยาก สมใจเดินมาเคาะประตูที่ไม่ได้ปิด ปริศนาหันไปมอง
"มีอะไรเหรอสมใจ"
"คุณอานนท์มาพบหม่อมค่ะ"
ปริศนาทำหน้าแปลกใจ
"คุณนนท์...ทำไมถึงมาตอนนี้"

ปริศนาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น อานนท์ยืนรออย่างกระวนกระวาย
"คุณนนท์...มีอะไรรีบด่วนหรือเปล่าถึงมาตอนนี้"
อานนท์ยิ้มท่าทางตื่นเต้น
"เป็นเรื่องสำคัญมากต่างหากปริศนา"
"เรื่องอะไรกัน"
"เรื่องสำคัญที่สุด แต่ก็ต้องมาบอกปริศนาก่อน ปริศนา ผมเจอเจ้าสาวของผมแล้ว"
ปริศนาดีใจและแปลกใจ
"จริงเหรอคุณนนท์...Congratulation อย่างมาก"
"ขอบคุณปริศนา...ถ้าปริศนาเจอเค้าจะต้องชอบเค้าแน่ๆ"
"ถ้าคุณนนท์ว่าดี ปริศนาก็ว่าดีเหมือนกัน"
"แน่ใจอย่างนั้นเหรอ"
ปริศนาพยักหน้า
"ปริศนาเชื่อว่าคุณนนท์จะ relate มากพอก่อนตัดสินใจ"
อานนท์มองปริศนาอย่างซาบซึ้ง
"มีแต่ปริศนาที่เชื่อใจผม เชื่อไหมว่ามันเป็นกำลังใจที่ดีมาก ผมแน่ใจว่าตัดสินใจไม่ผิด เค้ามีอะไรบางอย่างคล้ายๆ ปริศนา"
ปริศนายิ้ม
"คล้ายปริศนา...อย่าบอกนะว่าเพราะเค้าคล้ายปริศนา คุณนนท์ถึงตัดสินใจจะแต่งงานกับเค้า...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็..."
อานนท์หัวเราะ
"ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอกปริศนา...ข้อที่ดีก็คือเค้าเอาใจผมดีมาก คอยดูแล เอาอกเอาใจทุกอย่าง แล้วก็สวย วันนี้แหล่ะผมจะขอเค้าแต่งงาน นี่ไงแหวน ไปขอคุณแม่มา"
ปริศนาเริ่มกังวลนิดหน่อย แต่ก็ยังยิ้ม
"โอเค…ถ้าอย่างนั้นปริศนาก็ขออวยพรให้คุณนนท์สมหวัง"
อานนท์ยิ้มแจ่มใส
"แล้วจะรีบพาว่าที่ภรรยามาหาปริศนา เย็นนี้ละ"
อานนท์รีบเดินออกไป ปริศนามองตามสีหน้าใช้ความคิด...

สุชาดาเดินเข้ามาในร้านอาหาร...ลีน่า นั่งอยู่กับตู่ตู๋ที่โต๊ะอาหารซึ่งเป็นโต๊ะใหญ่จัดไว้สำหรับ 6 ที่ สุชาดาเดินเข้ามาหาเพื่อน
"อ้าว…มากันแค่สองคนเหรอ"
"สุ…ดีใจจริงๆ ที่สุมาได้" ลีน่าบอก
"เดี๋ยวก็คงมากัน" ตู่ตู๋บอก
"แล้ววันนี้นัดมาทานข้าวเนื่องในโอกาสอะไรหรือเปล่า"
"มีแน่นอนอยู่แล้ว" ลีน่าว่า

"เรื่องอะไรจ้ะ ฉันอยู่นานไม่ได้นะต้องรีบกลับ"
 
อ่านต่อหน้า 3

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

ลีน่าทำหน้าอ้อน

"ทำไมต้องรีบกลับด้วยล่ะ...สุนะนานๆ ถึงจะมาเจอเพื่อนๆ มาแล้วก็ต้องรีบกลับ"
"แม่ใช้ให้มาสั่งของ...ต้องรีบเอาแบบกลับไปให้แม่รีบดู ไหนมีข่าวดีอะไรเหรอ"
"ก็ลีน่าเค้าจะมีหนุ่มขอแต่งงานแล้ว"
สุชาดาดีใจ
"ดีใจด้วยนะลีน่า...เค้าขอแต่งงานแล้วหรือยัง"
"ยังเลย...แต่วันนี้แหล่ะ เค้าจะขอแต่งงานแน่ๆ เราเลยชวนเพื่อนๆ มาเป็นพยานด้วย"
"จะดีเหรอ...มันน่าจะเป็นการขอแต่งงานกันแค่สองคนนะ"
ลีน่าโบกมือ
"โอ้ย...มันไม่ได้โรมานซ์ขนาดนั้นหรอกสุ...กว่าลีน่าจะหลอกล่อให้เค้ามาแต่งด้วยไม่ใช่ง่ายๆ ต้องให้เพื่อนมาช่วยกันรับรู้นะดีแล้ว"
ลีน่าหัวเราะอย่างถูกใจ สุชาดามองเพื่อนอย่างงงๆ

อานนท์ขับรถเข้ามาจอดแถวๆ หน้าร้านอาหาร ลงมาจากรถผิวปากอย่างอารมณ์ดี ซอนย่า แมรี พากันเดินส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกำลังจะเข้าไปในร้านอาหาร อานนท์หันไปมองเห็นซอนย่าก็จำได้ กำลังจะเดินเข้าไปหา ซอนย่าก็เดินไปชนอ่างเลี้ยงบัวหน้าร้านหล่นลงมาแตกกระจายดังโครม อาม่าเจ้าของร้านรีบวิ่งมาดู
"ไอ๊หย๋า…เดินภาษาอะไรมาชนล่าย"
ซอนย่าพูดด้วยน้ำเสียงกระชากไม่พอใจ
"ก็เอามาวางยังไงล่ะ...วางเกะกะแบบนี้มันก็ต้องโดนชนนะซิ"
อานนท์ตกใจที่เห็นซอนย่าพูดจาไม่ดี จากที่กะว่าจะเดินไปทักเลยถอยหลังหลบแอบฟัง อาม่าโมโห
"อั๊วก็ตั้งของอั๊วไว้งี้...ร้อยวังพังปีม่ายมีคายเดินชนซากคน มีแต่ลื้อน่ะแหล่ะเดินม่ายลูให้ลีเล้ย"
ซอนย่าเท้าสะเอวพูดแหวเสียงดัง
"อ้าวป้า...พูดอย่างนี้มันก็หาเรื่องกันนะซิ...ฉันไม่คิดค่าเสียหายนะดีเท่าไหร่แล้ว วางดีๆ ใครเค้าจะชน นี่มันวางเกะกะขวางทางแบบนี้มันก็ต้องเดินชนเข้าซักวัน แล้วนี่ถ้าไอ้เศษแตกๆ พวกนี้มาบาดฉันจะว่ายังไง ป้าต้องรับผิดชอบนะ"
อาม่าเอามืออุดหู
"หน้าตาก็ดีพูดจาหมาไม่แดก..ไปๆ ไปให้พ้น อย่าเข้ามากินร้านอั้วนะ ซวยชิกหาย"
"ถ้าแกไม่ให้ฉันเข้าไป..แกน่ะแหล่ะจะซวย...นี่ถ้าฉันไม่นัดเพื่อนไว้แล้ว ฉันก็ไม่อยากจะกินร้านแกหรอก"
"อย่าไปสนใจมันเลย...รีบเข้าไปเถอะ ป่านนี้ลีน่ามารอแล้ว เดี๋ยวก็เสียเรื่องกันหมด" แมรี่บอก
ทั้งสองคนย่ำน้ำที่เปียกนั้นเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่สนใจใคร แม้แต่อาม่าร้องห้ามเสียงหลงก็ไม่หยุด
"เอ้ย...อย่าย่ำน้ำเข้าไปซิ...สกกาปกหมดกัง...พูดก็ม่ายฟัง..นิสัยม่ายลี"
อาม่าลงนั่งเก็บเศษกระเบื้องอ่างบัวที่แตก อานนท์เดินเข้ามาช่วยนั่งเก็บ
"ระวังจะบาดมือนะครับ ไปให้เด็กมาเก็บดีกว่"
อาม่ามองหน้าอานนท์บ่นอย่างเซ็งๆ
"ผู้หญิงพวกนี้ ใช้ม่ายล่าย ดีแต่แต่งตัวหลอกผู้ชาย ใครได้ไปเป็นเมีย ซวยตายห่า คุงจะเข้าไปทาน
อาหารเหรอคะ"
อาม่าเห็นอานนท์สุภาพก็พูดด้วยดี
"ครับ"
"เดิงระวังกะเบื้องจะถูกเอาน่า"
มีเด็กของร้านอาหารเดินมาช่วยอาม่าเก็บเศษกระเบื้อง อานนท์เดินอ้อมเข้าประตูไป

อานนท์เดินเข้ามาในร้านอาหารจากประตูด้านหลัง โต๊ะของลีน่ากับเพื่อนๆ อยู่มุมที่ค่อนข้างโอ่โถงในร้าน เสียงลีน่า ซอนย่า แมรี่ หัวเราะกันดังลั่น ไม่สนใจใคร แขกที่มาทานอาหารบางโต๊ะมองอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ลีน่ากับเพื่อนๆ ไม่สนใจ สุชาดากับตู่ตู๋จะนั่งสงบเสงี่ยมกว่าใคร มองไปรอบๆเพราะเกรงใจโต๊ะข้างๆที่เพื่อนเสียงดัง ทุกคนนั่งหันหลังให้อานนท์ อานนท์กำลังจะตัดสินใจเดินไปหา แต่มีมุมหลบยืนไม่ให้ทุกคนเห็น อานนท์จึงตัดสินใจหยุดยืนแอบฟังที่มุมนั้น
"พวกเราขอดื่มให้กับความสำเร็จของลีน่าในวันนี้" ซอนย่าบอก
ทุกคนพากันเฮ ยกเว้นสุชาดากับตู่ตู๋ที่นั่งยิ้มๆ ทั้งหมดชนแก้วแล้วดื่มเบียร์อย่างไม่แพ้ผู้ชาย สุชาดาดื่มน้ำส้ม
"thank you มากๆ จ้ะ"
ซอนย่าหัวเราะเสียงดัง
"ลีน่า...เล่าให้แมรี่ฟังวันที่นายนนท์ติดกับเธอซิ"
ลีน่าหัวเราะ
"เธอรู้ดีก็เล่าเองซิ"
"ได้…นี่พวกเรา วันนั้นลีน่า ซอนย่า กับฉันไปหาเหยี่อที่สโมสรกัน"
แมรี่ถาม
"พวกเธอเข้าไปได้ยังไงยะ"
"ฉันเอง...ตอแหลหลอกมันจนมันคงงงๆ"
ซ่อนย่าหัวเราะชอบใจ
"ก็แหม...พวกเราออกจะแต่งตัวดีขนาดนั้น...ใครจะกล้า" ลีน่าว่า
อานนท์ขมวดคิ้ว เริ่มเครียด
"อย่าเพิ่งขัดจังหวะซิ...ลีน่าเห็นนายนนท์ รีบกันท่าเลย ฉันจองคนนี้" ซอนย่าว่า
"สเปกยูละซี้" แมรี่ถาม
"ดูโง่หน่อยๆ" ซอนย่าว่า
ทั้งสามฮาสนั่น อานนท์กลืนน้ำลาย
"ลีน่า...ถ้ามีลูกต้องตั้งชื่อว่าเทนนิสนะ...เพราะไอ้ลูกเทนนิสนี่มันรู้งานจริงๆ กลิ้งไปหาเป้าหมายถูกเผง"
ลีน่ารีบยกมือ เสียงค่อนข้างดัง
"มันอยู่ที่ฝีมือคนทำหล่นหรอกโว้ย"
ซอนย่ากับแมรี่ฮาสนั่นตบมืออย่างลีน่าเป็นฮีโร่ อานนท์หน้าซีด นึกย้อนอดีตกลับไปตอนที่อานนท์ลุกขึ้นเก็บลูกเทนนิสไปให้ลีน่า สีหน้าอานนท์เริ่มเปลี่ยนจากแจ่มใสเป็นผิดหวังแล้ว
"เก่งมากเลยลีน่า...แนบเนียนมาก" แมรี่ว่า

ลีน่าทำท่าภูมิใจ
"อยากเก็บลูกเทนนิสดีนัก...เอามาช่วยล้างหนี้ซะเลย" ซอนย่าว่า
สุชาดาจุ๊ปาก
"อย่าพูดอย่างนั้นเลยซอนย่า"
"โธ่สุ...สุผู้แสนดี...เรื่องหนี้สินแม่ฉันทุกคนรู้ทั้งนั้น" ลีน่าว่า
"ช่าย…ไม่งั้นจะช่วยคิดแผนให้ลีน่าจับนายนนท์ทำไม เห็นไหม บอกแล้วว่าผู้ชายนะมันชอบให้เอาใจ...เอาใจเข้าไว้ได้ดีเอง"
"สวยอย่างฉัน...แต่งงานเมื่อไหร่..จะนั่งกระดิกนิ้วอย่างเดียว"
เพื่อนๆ พากันฮาลั่นด้วยความชอบใจ สุชาดาลุกออกมาจะเข้าห้องน้ำ เดินผ่านมาทางมุมที่อานนท์ยืนอยู่ อานนท์หน้าเสียไม่ได้สนใจใครอีก หยิบแหวนออกมาดูด้วยสีหน้าเศร้าๆ จังหวะที่อานนท์ก้มหน้าดูแหวน เป็นจังหวะเดียวกับที่สุชาดาเดินมาเห็นพอดี อานนท์เก็บแหวนใส่กระเป๋าแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากร้าน สุชาดามองตามอานนท์

อานนท์เดินอย่างเร็วมาที่รถ พอมาถึงรถเปิดประตูจะก้าวขึ้นรถ หยุดหันไปมองในร้านด้วยสีหน้าผิดหวัง ถอนใจอย่างผิดหวัง เอากำปั้นทุบรถดังปัง แล้วขึ้นรถรีบขับออกไป ที่ประตูทางที่อานนท์เดินออกมา สุชาดายืนมอง ทำหน้าสงสัย

สุชาดาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร เพื่อนๆ ยังยิ้มแย้มแบ่งอาหารทานกัน
"เอ…ทำไมป่านนี้คุณนนท์ของยูยังไม่มาล่ะลีน่า" ซอนย่าว่า
ตู่ตู๋เป็นห่วง
"แน่ใจนะว่าบอกเค้าว่าวันนี้"
ลีน่ายิ้มแย้ม ยังเชื่อมั่นตัวเอง
"แน่ซิ...เชื่อเถอะ..เดี๋ยวก็มา"
"ลีน่าพูดอย่างมั่นใจมากเลย...แปลว่านายนี่โดนเธอจับไว้อยู่หมัดเลยแน่ๆ"
ลีน่ากำมือยกขึ้น
"อยู่ในกำมือของฉัน"
เพื่อนๆ พากันหัวเราะชอบใจ ทุกคนสนุกสนานกับการกินอาหารบนโต๊ะที่สั่งมามากมาย...

เวลาที่ผ่านไป บนโต๊ะอาหารมีเหลือเพียงแก้วน้ำคนละแก้วเท่านั้น อาหารอื่นๆ ถูกเก็บไปแล้ว ตู่ตู๋พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
"มาช้าแบบนี้แย่หน่อยนะ ลีน่า...ต้องลงโทษให้พาพวกเราไปกินอาหารที่โฮเต็ลนะ" ซอนย่าว่า
ลีน่ายังยิ้มอยู่
"ได้เลย...คอยดูนะ ถ้าเค้ามาฉันจะทำเป็นงอนซะให้เข็ด"
"งอนอย่างเดียวไม่พอหรอก...ต้องให้พาไปซื้อของปลอบใจด้วย"

"ฉันก็คิดไว้เหมือนกัน"

ซอนย่าหันไปหัวเราะกับแมรี่ สุชาดาสีหน้าไม่สบายใจ

"บอกแล้วว่าเพื่อนเราน่ะไม่จืดหรอก"
"ลีน่า...คุณนนท์ของเธอเค้าขับรถอะไร"
"รถ (บอกยี่ห้อรถ)"
"สี….หรือเปล่า"
ลีน่าหันมามองสุอย่างแปลกใจ
"ใช่…ทำไมเหรอ"
"ฉันเห็นผู้ชายคนนึงขับรถที่ว่านี่ออกไป"
"เมื่อไหร่"
"นานแล้ว...ทีแรกฉันไม่ได้คิดอะไร เห็นแต่เขายืนแอบอยู่แล้วเหมือนจะก้มดูแหวน แล้วก็เดินออกขับรถไปเลย"
ลีน่าหน้าซีด ซอนย่ากับแมรี่ก็นั่งเงียบ สุชาดาปลอบใจ
"แต่คงไม่ใช่คุณนนท์ของลีน่าหรอกนะ"
"ถ้าใช่ล่ะ...มายืนแอบเอาแหวนออกมาดู แล้วรีบออกไป" ซอนย่าว่า
ลีน่าสีหน้าไม่ดีแล้ว
"ถ้าใช่ก็แปลว่าเค้ามายืนแอบฟังพวกเรา"
ซอนย่าสีหน้าตกใจ
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ซวยแล้" แมรี่ว่า
ลีน่าพยายามฝืนยิ้ม
"อาจจะไม่ใช่ก็ได้...เอ้อ..คุณ..คุณนนท์...อาจจะมีงาน มีธุระสำคัญก็ได้ จริงไหมสุ"
ลีน่าหันไปมองหน้าสุชาดาที่ไม่สบายใจ ลีน่าก็เป็นทุกข์แล้ว อาม่าเดินมาเอาบิลมาเก็บเงิน
"ขอเก็บเงินหน่อยก่อนนะ...ทั้งหมดแปดร้อย"
"อะไรนะ...แปดร้อย มันจะแพงไปหรือเปล่า แปดร้อย ฉันซื้อทองได้สองบาทเลยนะป้า"
"ก็พวกลื้อสั่งแต่ของดีๆ แพงๆ ทั้งนั้น...กินแล้วก็ต้องจ่าย"
ซอนย่ากระซิบกับลีน่า
"เอาไงดีล่ะ...ไอ้เราก็นึกว่าคุณนนท์จะมาจ่ายถึงได้สั่งซะเต็มที่ขนาดนั้น"
อาม่าเอามือเคาะโต๊ะ
"เอ้า...ว่าไง มีเงินจ่ายหรือเปล่า หน้าตาก็ลีไม่มีเงินแล้ว มากินทำมาย...จะให้อั้วแจ้งตำรวจหรือจะล้างจาน...ถ้าจะล้างจานต้องมาล้างสองเลือน ถึงจะคุ้มแปดร้อย"
อาม่าพูดเสียงเด็ดขาด ซ่อนย่าโมโห
"พูดมากจริงยายนี่...เดี๋ยวแม่ก็..."
อาม่าชี้หน้า
"พูดจาให้ลีๆ นะ..ลื้อนะ..อยากมีเรื่องก็ล่ายนะ"
สุชาดารีบหยิบเงินจ่าย
"เอานี่จ้ะ 800 เพื่อนฉันเค้าชอบพูดเล่น อย่าถือสาเลยนะ"
"พูดอย่างนี้ค่อยลีหน่อย พูดลีเป็นศรีแก่ปาก พูดม่ายลีปากมีสี จ่ายเงินแล้วก็ไปล่าย เค้าจะล่ายเก็บกวาด เลี๋ยวคนอื่นเค้าก็จะล่ายมากิน"

สุชาดาดึงลีน่าให้ลุกขึ้น
"ไปกันเถอะ"
สุชาดากับเพื่อนๆ พากันรีบลุกออกไป อาม่าสะใจ

สุชาดาพาลีน่าออกมายืนอยู่หน้าร้าน ซอนย่า แมรี่ กับ ตู่ตู๋ เดินตามมา ลีน่าสีหน้าเป็นทุกข์
"คุณนนท์เค้าคงมีธุระอย่างที่ลีน่าพูด" สุชาดาปลอบใจ
"เธอไปหาเค้าซิ" ซอนย่าว่า
ลีน่าสั่นหัว
"ฉันไม่รู้จักบ้านเค้าหรอก"
"แล้วเธอจะติดต่อเค้าได้ไงล่ะ" ตู่ตู๋บอก
ลีน่าพูดอย่างท้อแท้
"เค้าจะเป็นฝ่ายมาคอยที่หน้าปากซอยทุกวัน...เราก็จะนัดกันแต่ละวัน ตั้งแต่วันที่เรารู้จักกัน เราเจอกันแทบทุกวัน"
ลีน่าปิดหน้าร้องไห้ สารภาพ
"สุ…ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนที่เธอเห็นคือคุณนนท์แน่ๆ"
สุชาดาพยายามปลอบโยน
"ใจเย็นๆ ลีน่า เธอกับเขาชอบกันขนาดนี้เขาคงไม่หายไปเฉยๆ หรอก ถ้าผู้ชายคนนั้นคือคุณนนท์ของเธอ เค้าก็ต้องมาหาเธออีกแน่ๆ"
"ใช่…ถูกของสุ อย่าเพิ่งโวยวายไปเลย หาทางคิดไว้ดีกว่าว่า ถ้าเจอคุณนนท์เธอจะแก้ตัวยังไงให้เค้ารักเธอเหมือนเดิม"
ลีน่าเช็ดน้ำตายิ้มอย่างมีความหวัง
"ถ้าเค้ามาหาฉันอีก...ฉันจะทำทุกอย่างไม่ให้เขาไปจากฉันอีก"
ซอนย่าจ้องหน้าลีน่า
"เฮ้ย…ลีน่า อย่าบอกนะว่ายูรักนายนนท์นั่นจริงๆ"
ลีน่าน้ำตาร่วงลงมาอีก

ภายในห้องนอน นิศากำลังนั่งทำการบ้านอยู่อย่างขะมักเขม้น หนังสือเรียนกางเต็มโต๊ะ เธออาบน้ำแล้ว แต่งชุดอยู่กับบ้านสบายๆ เสาวนิตเดินเข้ามาในห้องมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง หวีผม แต่งหน้า หยิบลิปสติคขึ้นมาทาบางๆ นิศาเหล่อย่างหมั่นไส้
"ไม่มีการบ้านเหรอพี่นิต"
"พี่ทำเสร็จแล้ว"
เสาวนิตตอบอย่างไม่สนใจ ยังแต่งหน้าติดกิ๊บที่หน้ากระจก
"ทำตอนไหน...ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนตุ๊ไม่เห็นพี่นิตทำการบ้านสักหน่อย"
เสาวนิตหันไปอย่างหงุดหงิด
"อย่ามายุ่งเรื่องของพี่หน่อยเลยตุ๊...ตัวจะทำก็ทำไปซิ"
"นี่ตุ๊เตือนด้วยความหวังดีนะ...อีกไม่กี่วันก็จะสอบไล่แล้ว ตุ๊ไม่อยากให้พี่นิตต้องซ้ำชั้นอีก"
เสาวนิตวางแปรงแปรงผมอย่างแรงอย่างไม่พอใจ
"หยุดพูดเรื่องเรียนของฉันซะที อยากจะอวดตัวว่าเรียนดีเรียนเก่งนักหรือไง"
เสาวนิตเดินมาชี้หน้า
"จะบอกอะไรให้นะ ถึงจะเรียนเก่งแค่ไหนตัวเป็นไหกระเทียมหน้ามีแต่สิวเหมือนเม็ดสาคูอย่างเรานะ...ไม่มีใครเค้าสนใจหรอกนะ"
นิศาหน้าเสียเอามือจับที่หน้า สีหน้าโกรธมาก เถียงเสียงดัง
"ก็ยังดีแต่สวยแต่ไม่มีสมองละ"
เสาวนิตเงื้อมือจะตี นิศาวิ่งหนีออกไปจากห้อง

นิศาวิ่งหนีเสาวนิต ลงบันไดมาชั้นล่าง แทบจะชนกับแม่ คุณหญิงเจริญโมโห
"อะไรกัน อะไรกัน วิ่งหนีใครมากันแม่ตุ๊"
"คุณแม่ช่วยตุ๊ด้วยค่ะ...พี่นิตเค้าจะตีตุ๊"
"โอ๊ย…จะบ้าตาย โตแล้วยังเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้"
เสาวนิตวิ่งตามมา แต่พอเห็นเจริญก็ทำเป็นกิริยาเรียบร้อย เจริญหันมาเห็น
"อะไรกันแม่นิต...วิ่งไล่ตีน้องทำไม"
เสาวนิตทำท่าไม่รู่ไม่ชี้
"นิตไม่ได้วิ่งไล่ ตุ๊ก็ชอบหาเรื่องให้คุณแม่ปวดหัวอยู่เรื่อย"
นิศาตาค้าง คุณหญิงเจริญเลยหันมาโมโหกับนิศาอีก
"ก็นั่นนะซิ นี่แม่ตุ๊ หัดเอาอย่างพี่เค้าไว้บ้างซิ เค้าไม่เคยหาเรื่องให้แม่ร้อนใจเลย มีแต่เรานี่แหล่ะ
ทำแต่เรื่องยุ่งๆ อยู่เรื่อย ระวังตัวไว้ให้ดีนะ ถ้าแม่โมโหแม่จะตีให้เนื้อแตกเลย"

คุณหญิงเจริญหยิกแขนลูกสาว นิศานิ่วหน้าจะร้องไห้
"พี่นิตโกหก"
เสียงโทรศัพท์ดัง เจียมเดินไปรับ...
"สวัสดีค่ะ...บ้านสุทธากุลค่ะ คุณตระกลเหรอคะ...อยู่ค่ะ คอยสักครู่นะคะ"
เจียมเอาโทรศัพท์วางแล้วจะเดินไปตามตระกล เจริญเรียกไว้
"ใครโทร.มานังเจียม"
เจียมหันมากลัวๆ
"ไม่ทราบค่ะ...ผู้หญิงโทร.มา จะขอพูดสายกับคุณตระกล"
คุณหญิงเจริญแสยะยิ้ม
"ผู้หญิงโทรมา"
"ผู้หญิงโทรมาหาอาตระกล...มิน่าล่ะ...อาตระกลเคยสัญญาว่าจะพาไปดูหนัง...ก็ไม่พาไปซักทีค่ะคุณแม่... เพราะมีผู้หญิงนี่เอง พออาไม่ไปหาก็โทร.มาตาม"
ตระกลเดินมารับโทรศัพท์ เจริญมองตาขวาง
"สวัสดีครับ...ตระกลพูดครับ"

นงลักษณ์แอบโทรศัพท์หาตระกล มีอานนท์นั่งกินเหล้าอยู่ไกลๆ นงลักษณ์ไม่กล้าพูดเสียงดัง
"คุณตระกล นงลักษณ์พูดนะคะ ต้องขอโทษที่โทรมารบกวน"
"ไม่เป็นไรครับ...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ" ตระกลพูดเบาลงเพราะคุณหญิงเจริญ กับเสาวนิต คอยฟังอยู่ "ทำไมน้ำเสียงคุณไม่ค่อยปรกตินะครับ"
ฝ่ายนงลักษณ์ หันไปมองอานนท์อย่างเป็นห่วง
"คุณนนท์ค่ะ...เป็นอะไรก็ไม่รู้ กลับมาตั้งแต่บ่ายก็เอาแต่ดื่มเหล้า ดิฉันถามก็ไม่เล่าอะไร ได้แต่พูดจบแล้ว จบแล้ว คุณตระกลมาหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันเป็นห่วงคุณนนท์ ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ"

ตระกลวางหูโทรศัพท์ ทำท่าจะรีบเดินไป คุณหญิงเจริญมองอย่างหมั่นไส้
"จะรีบไปไหนล่ะ...ฉันเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ยืนโทนโท่อยู่นี่ไม่ทักไม่ทายกันซักคำ ผู้หญิงโทร.มากระดิกเรียกจะรีบแล่นไปเลยเหรอ"
เจ้าคุณสุทธากลับจากทำงานเดินเข้ามา ยืนฟังเงียบๆ คุณหญิงไม่เห็น มีแต่นิศาที่เห็น...นิศา
สบตากับพ่อแต่ก็ทำเฉยๆ ตระกลพยายามสงบสติอารมณ์
"พอดีเพื่อนผมกำลังมีปัญหา...ผมจะรีบไปดูเค้าหน่อย"
เจริญยิ้มเยาะ
"แหม…ใจดีจริงนะ แต่ฉันอยากจะบอกอะไรหน่อย ก่อนจะไปใจดีกับคนอื่น เธอน่าจะใจดีมีน้ำใจกับคนที่นี่ซะก่อนดีกว่านะ"
"เพราะที่นี่ให้เธอได้อาศัยข้าวแดงแกงร้อน มีที่ให้นอนทุกวัน ไหน เธอสัญญากับเด็กๆ ไว้ว่าไง"
ตระกลข่มใจเต็มที่ ไม่ตอบ
"จำไม่ได้ เธอสัญญากับลูกฉันว่าจะพาเขาไปดูหนังไม่ใช่เหรอ"
"ผมเห็นว่า เสาวนิต กับ นิศา กำลังจะสอบ...พอสอบเสร็จ ผมก็จะพาไป"

"ไม่จำเป็น...ไปตอนไหนก็เหมือนกัน...อย่าเอาเรื่องเรียน เรื่องสอบมาอ้างดีกว่า"
 
อ่านต่อหน้า 4

เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 2 (ต่อ)

เจ้าคุณสุทธาเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเอกสาร

"ฉันไม่สงสัยแล้วว่าทำไมยายนิตถึงสอบตกแทบจะทุกปี เพราะมีแม่ที่อ่านหนังสือแทบไม่ออกถึงไม่เคยรู้คุณค่าของการเรียน ไปเถอะตระกล เพื่อนจะรอ"
"ครับ..คุณพี่"
ตระกลยกมือไหว้สุทธาแล้วเดินออกไป คุณหญิงเจริญตาลุกเป็นไฟ นิศาหนีขึ้นไปบนห้อง แต่เสาวนิตวิ่งไปด้านหลังกับเจียม ในขณะที่ทุกคนเผลอ
"ท่านเจ้าคุณพูดเกินไปแล้วนะ เรื่องอะไรมาประจานฉันต่อหน้าไอ้ลูกบ่าวในบ้านอย่างนี้"
เจ้าคุณตอบเสียงดัง
"เค้าเป็นน้องชายฉัน แล้วก็มีเกียรติ มีการศึกษาดีกว่าเธอมากมาย แล้วแม่เค้าก็ไม่ได้เป็นบ่าว อย่าพูดทับถมคนอื่นให้มันมากนัก"
คุณหญิงเจริญแสยะปากไม่แคร์
"เชอะเกียรติ...เกียรติอะไร เกียรติของขี้ข้าอย่างพวกมัน ฉันไม่นับญาติด้วยหรอก"
"ก็เรื่องของเธอ ที่นี่บ้านฉัน ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่เธอก็ต้องให้เกียรติตระกล ในฐานะที่เป็นน้องของฉัน แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์ลำเลิกกับใครในบ้านนี้ทั้งนั้น เพราะตัวเธอ ถ้าฉันไม่เห็นแก่คุณแม่ละก้อ..."
คุณหญิงเจริญลอยหน้าอย่างโมโห และ น้อยใจ จนร้องไห้
"ทำไม…เจ้าคุณจะทำไมดิฉัน ให้มันรู้ไปว่าเจ้าคุณสุทธาผู้ทรงเกียรติ ใจดำแสนดำ ไม่เคยดูดำดูดีเมียคน
นี้...มีแต่ด่าว่าให้ช้ำใจ"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจ
"เธอทำตัวเธอเอง ถ้าเธอทนไม่ไหว ก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่"
เจ้าคุณสุทธาเดินกลับไป เจริญแทบเป็นบ้า... ยิ่งอาละวาด
"ท่านเจ้าคุณ นี่กล้าไล่ฉันเหรอ ฉันไม่ไป จะทำไม ฉันไม่ไป ในเมื่อฉันไม่มีความสุข คนในบ้านนี้มันก็ไม่ต้องมีความสุขกันทั้งนั้น"
คุณหญิงนั่งร้องไห้โวยวาย

เสาวนิตกับเจียมแอบฟัง อยู่ที่ประตูด้านหลัง
"เพราะนังตุ๊เชียว...เรื่องถึงใหญ่โตอย่างนี้"
"คุณนิตไปปลอบคุณหญิงหน่อยสิคะ"
เสาวนิตเบ้หน้า
"ไม่เอาหรอก คุณแม่ชอบพูดจาไม่ดีเองนี่ เจียมไปสิ"
เจียมทำท่าสยดสยอง
"ไม่ไหวค่ะ เดี๋ยวมาพาลฟาดหัวเจียมก็แย่สิคะ"
"คืนนี้อย่าใส่กลอนประตูนี้นะ"
เสาวนิตทำท่าจะเดินไปด้านหลังตึก เจียมเรียกไว้
"คุณนิตจะไปไหนคะ...เดี๋ยวของมืดแล้ว"
"บรรยากาศดีอย่างนี้ต้องไปเดินเล่นซะหน่อย"

เจียมยิ้มรู้ทัน
"เดินเล่นไปแถวๆ เรือนคุณนายพลับหรือเปล่าคะ"
เสาวนิตยิ้มอายๆ แต่ก็รีบเดินไป เจียมยิ้มเจ้าเล่ห์...

เสาวนิตเดินมาที่สวนดอกมะลิใกล้ๆ เรือน คุณนายพลับ เสาวนิตมองหาเทอด ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆบ้านคุณนายพลับอย่างไม่รู้ตัว และไม่เห็นเทอดที่กำลังก้มเก็บดอกมะลิอยู่ เทอดเห็นเสาวนิตมาชะเง้อมองหาใกล้ๆ บ้านคุณนายพลับ ก็คิดว่าเสาวนิตคงมาหาพลับ เทอดเดินมาหาเสาวนิตอย่างกลัวๆ กล้าๆ
"มาหาป้าเหรอครับ"
เสาวนิตสะดุ้งหันมาเห็นเทอดก็ดีใจ แต่ก็ยังทำฟอร์ม
"เอ้อ…เปล่าจ้ะ"
เสาวนิตเห็นดอกมะลิในขันที่ถือในมือเทอด
"ฉันจะมาเก็บมะลิจะไปร้อยมาลัยไหว้พระสักหน่อย"
เทอดยิ้มอย่างเก้อๆ
"ผมเก็บมาหมดแล้วครับ ป้าจะเอาไปอบร่ำทำบุหงา..แต่ผมจะแบ่งให้คุณนิตนะครับ"
เทอดวางขันดอกมะลิ รีบไปตัดใบตองมาทำกระทงง่ายๆ แล้วแบ่งดอกมะลิให้
เสาวนิตรับกระทงมะลิมา มองเทอดอย่างสายตาหว่านเสน่ห์ จงใจให้มือโดนกับมือเทอด
เทอดมีท่าทางประหม่าเขินอาย...
"ขอบใจมากนะจ้ะ"
เสาวนิตยืนสบตาเทอดอย่างหวานซึ้ง ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามในสวนมะลิ ...

อานนท์นั่งสีหน้าเป็นทุกข์ ตระกลนั่งอยู่ข้างๆ สายใจเดินถือถาดเข้ามา
"คุณนงลักษณ์ให้มาเอากับข้าวไปอุ่นใหม่ค่ะ...เย็นชืดหมดแล้ว"
อานนท์หันมามองแบบเมาแล้ว
"ช่างมันปะไร ฉันไม่กิน นายจะกินหรือเปล่า"
อานนท์มองตระกลอย่างเมาไม่ค่อยรู้เรื่อง
"ตระกล…นายมาเมื่อไหร่ มาถึงนานแล้วเหรอ"
ตระกลยิ้มๆ หยิบจานกับข้าวส่งให้ สายใจใส่ถาดถือไป
"ถามเป็นครั้งที่ห้า....ก็บอกว่ามานานแล้ว"
"มาทำไม...ใครให้มา"
ตระกลมองอานนท์อย่างเป็นห่วง เอามือตบบ่าเบาๆ
"จะบอกได้หรือยัง...ทำไมมานั่งกินเหล้าจนเมาอย่างนี้"
อานนท์เงียบ
"เรื่องลีน่าใช่ไหม"
อานนท์หยิบแหวนในกระเป๋าออกมา ทำท่าจะขว้างทิ้ง ตระกลรีบแย่งไว้
"เอ้ย...อย่าทำอย่างนี้ แหวนแม่นายไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้นอานนท์"
อานนท์มองหน้าตระกลอย่างเป็นทุกข์
"กันมองคนผิดไป มองผิดไปอย่างมาก นายพูดถูก ตระกลกันใจร้อนเกินไป"
"แปลว่าที่บอกว่าคลิ๊กน่ะ...มันไม่ใช่"
"มันก็คลิ๊กเหมือนกันแหล่ะ แต่คลิ๊กแบบเสียงสายพานมอเตอร์มันดีดนะ มอเตอร์ก็เลยไหม้เลย."
ตระกลหัวเราะ อานนท์เห็นตระกลหัวเราะก็หัวเราะบ้าง...ตระกลหยุดหัวเราะแล้วก็มองอานนท์ยิ้มๆ
"ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สายพานนายมันดีดออกมาซะก่อน นายไปรู้เรื่องอะไรของเค้ามาล่ะ"
อานนท์ยิ้มๆ
"ไปเห็น ไปฟังมาเองเลยละ"
นงลักษณ์ กับ สายใจ ยกถาดอาหารเข้ามา
"ทานข้าวกันก่อนนะคะ คุณตระกลก็ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมคะ"
ตระกลยิ้มแจ่มใสกับนงลักษณ์
"ยังไม่ค่อยหิวครับ คุณนงลักษณ์ล่ะครับ ทานหรือยัง"
นงลักษณ์ ยิ้มๆ
"นายนนท์...นายทำให้คนอื่นทานข้าวไม่ลงหลายคนนะ"
อานนท์อยากจะยิ้ม แต่ ยิ้มไม่ออก...

ค่ำเดียวกัน ซอนย่ากับแมรี่กำลังยืนตวาดเจ้าหน้าที่สโมสร ที่ทำหน้าที่ตรวจบัตรสมาชิกสโมสร ทั้งคู่เถียงกับเจ้าหน้าที่เสียงดังจนคนมอง
"ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เอาบัตรมา...ไม่รู้เรื่องหรือไง"
ซอนย่าทำฟอร์มเบ่ง
"มาตั้งหลายครั้งแล้วไม่เคยมีปัญหาเลย นี่เธอเพิ่งมาใหม่หรือไง ถึงไม่รู้เรื่อง โง่ชมัด"
เจ้าหน้าที่ชาย 1 ยืนยัน "ถ้าไม่มีบัตรก็เข้าไม่ได้ครับ"
พนักงานชายอีกคนที่ดูอาวุโสกว่าเดินมาดู
"มีอะไรกัน"
"คุณผู้หญิงพวกนี้จะเข้าไปในสโมสรให้ได้ครับ...แต่ไม่มีใครมีบัตรสมาชิกเลย"
"พูดไม่รู้เรื่อง...ก็บอกว่าลืมเอาบัตรมา"
เจ้าหน้าที่ชาย 2 บอก "ตรวจสอบชื่อในทะเบียนดูก็ได้"
"ดูในทะเบียนแล้วครับ...แต่ไม่มีชื่อคุณผู้หญิงทั้งสามคน"
"ต้องขอโทษด้วยครับ ถ้าไม่มีชื่อในทะเบียน ไม่มีบัตร สมาชิกเราคงให้เข้าไปไม่ได้ แต่ถ้ามีสมาชิกที่นี่รับรองก็พอจะให้เข้าได้ เพราะเราโดนสมาชิกร้องเรียนมาหลายครั้งว่ามีผู้หญิงชอบมาแอบอ้าง"
พนักงานยังพูดไม่จบประโยค แมรี่ กับ ซอนย่า โมโหมาก แต่ลีน่าอายมาก
"พูดบ้าๆ อย่างนี้มันดูถูกกันนี่โว้ย ฉันจะรายงานให้ผู้จัดการไล่แกออก" ซอนย่าบอก
"ผมนี่แหล่ะครับ..ผู้จัดการ สมาชิกที่นี่รู้จักผมทุกคน และ ผมก็จำสมาชิกส่วนใหญ่ได้...เคยมีเจ้าหน้าที่รับลูกค้าคนก่อนทำหน้าที่บกพร่อง...เราต้องให้ออกไป เราจำเป็นต้องเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นก็โดนร้องเรียนอีก"
ซอนย่า กับ แมรี่เริ่มหน้าเจื่อน แต่ไม่ยอมแพ้...
"นายรู้หรือเปล่า...คุณลีน่านี่น่ะเป็นคู่หมั้นคูณอานนท์" ซอนย่าหันไปถามลีน่า "นายอานนท์เค้านามสกุลอะไรนะ"
"วิทยาธร"
"ใช่…คุณอานนท์ วิทยาธร เป็นสมาชิกที่นี่แน่ๆ" ซอนย่าบอก
"ใช่ครับ...คุณอานนท์ เป็นสมาชิกของเรา...แต่วันนี้คุณอานนท์ไม่เข้ามา"
"โกหก…ฉันไม่เชื่อ"
"ผมจะโกหกทำไม ถ้าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นคุณอานนท์ก็ต้องทราบสิครับว่าคุณอานนท์อยู่ที่ไหน"
ลีน่าเชิดหน้า
"เรานัดกันที่นี่ คุณไปตามคุณอานนท์ให้ออกมาพบฉันด้วย...ไม่อย่างนั้นฉันกับเพื่อนๆ จะเข้าไปตามคุณอานนท์เอง"

เจ้าหน้าทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเบื่อๆ

ลีน่า แมรี่ ซอนย่า เดินแบบหมดหวังออกมาจากสโมสร ลีน่าร้องไห้

"เราจะยอมแพ้ไม่ได้นะลีน่า...เธอไม่ได้โดนทิ้งคนเดียวนะ คิดดูซิ จะหาใครมาใช้หนี้ให้แม่เธอ ฉันเองก็หวังจะได้เธอพายกระดับไปหาผัวดีๆ ในนั้นบ้าง"
ซอนย่าชี้เข้าไปในสโมสร ลีน่าเดินร้องไห้ไปอย่างผิดหวัง...ซอนย่า กับ แมรี่ ไม่รู้จะทำยังไง ยืนเคว้ง...

อานนท์เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าแล้วนั่งกุมขมับ ตระกล นงลักษณ์ หลังฟังเรื่องราวทั้งหมดก็มองหน้ากัน ทำตาปริบๆ
"ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวจริงๆ"
"หลอกกันยิ่งกว่าผีอีกนะคะ"
"พวกเค้าน่าสงสาร"
ตระกลหัวเราะ
"ถ้านายแต่งงานกับลีน่า...คนที่น่าสงสารคือนาย"
"ทำไมคุณนนท์ถึงพูดว่าเค้าน่าสงสารคะ"
อานนท์ยิ้มๆ
"เค้าน่าสงสารเพราะเค้าติดอยู่ในวังวนของความอยากได้ใคร่ดี...น่าสงสารเพราะเค้าพยายามอยากได้ในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้"
"อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย ผู้ชายที่เป็นแบบนี้ก็เหมือนกัน พยายามทุกอย่างที่จะเป็นที่จะมี...เค้าไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงคือรู้จักพอดีกับสิ่งที่เป็นอยู่"
"ถ้าคุณนนท์ไปที่สโมสร ลีน่าคงมาดักรอคุณนนท์แน่ๆ"
"ดีนะที่นายไม่เคยพามาบ้าน"
"ก็กะว่าจะพามาวันนี้แหล่ะ"
นงลักษณ์ทำท่าโล่งใจ
"ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าคุณนนท์ไม่ได้เห็นตัวตนของเค้าที่ร้านอาหารวันนี้ แล้วแต่งงานไป"
"แล้วก็มีลูกกับเค้าอีก...ฟังแล้วเหมือนเรื่องของพี่ชายฉัน"
ตระกลโบกมือ
"นายนนท์เอ๋ย.....ขออย่าให้นายต้องตกสภาพเหมือนพี่ชายฉันเลย"
อานนท์หันไปมองหน้าตระกล
"พี่ชายนายเป็นยังไง"
"เหมือนตกนรกทั้งเป็น"
อานนท์ตกใจ มองหน้าตระกล

ภายในห้องส่วนตัวของพระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ เป็นห้องที่อยู่ด้านล่างอีกปีกหนึ่งของตึกใหญ่ เป็น
ห้องขนาดใหญ่ ติดเครื่องปรับอากาศ จัดแต่งอย่างสวยงาม มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ มีมุมหนึ่งจัดเป็นส่วนทำงานได้ มีมุมชุดรับแขก และมุมนั่งทานน้ำชา มีเตียงนอนเล่นติดกับหน้าต่างกระจกที่เห็นสวน และมีเฉลียงออกไปนั่งเล่นชมสวนได้ เจ้าคุณนั่งเหงาๆ อยู่ในห้องคนเดียว ในมือมีรูปถ่ายผู้หญิงขนาดๆ เล็กๆ ที่ดูเก่าแล้ว เครื่องเล่นจานเสียงแบบลำโพงเล่นเพลงบรรเลง I adore you ของ Albert Lynch & Edmundo Ros เจ้าคุณสีหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
ค่ำคืนเดียวกัน มีเสียงเคาะประตู เจ้าคุณวางรูปถ่ายเล็กๆ นั้น ตระกลเปิดประตูเข้ามา
"ผมซื้อเต้าฮวยมา เห็นไฟห้องคุณพี่ยังเปิดอยู่...จะรับทานไหมครับ"
"เข้ามาก่อนซิ"
ตระกลเดินเข้ามา ถือถุงใส่เต้าฮวยมาสองถุง
"น่าจะมีถ้วยชามอยู่ในตู้ที่มุมห้องบ้าง"
ตระกลเดินไปเปิดตู้หยิบถ้วยออกมา เจ้าคุณสุทธาเดินไปปิดเครื่องเล่นจานเสียง ตระกลเดินเอาถ้วยเต้าฮวยมาวางที่โต๊ะข้างเก้าอี้ที่เจ้าคุณนั่งเล่น เห็นรูปผู้หญิงขนาดเล็กๆ ที่เจ้าคุณนั่งดูอยู่..ตระกลหยิบรูปขึ้นมาดู เจ้าคุณสุทธาเดินกลับมานั่ง มองตระกลที่ดูรูปนั้น ตระกลมองแต่ไม่กล้าพูดถาม เจ้าคุณสุทธายิ้มหม่นหมอง
"ใครคนนึง...นานมาแล้ว"
ตระกลลงนั่งทานขนมในถ้วยกับเจ้าคุณ
"ตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหนครับ"
เจ้าคุณหยุดทานขนม สีหน้าปวดร้าว
"ไม่รู้ เค้าหายไป นานแล้ว"
ตระกลมองอย่างเห็นใจ เจ้าคุณถอนใจ
"ได้ออกไปนอกบ้านซะบ้างก็ดีแล้ว บ้านนี้มันน่าอึดอัด เธอไม่ต้องเกรงใจพี่นะ ถ้าอยากจะกลับบ้านดึกๆ พี่เข้าใจ"
ตระกลยิ้ม
"วันนี้ผมไปหาเพื่อนมาครับ...พอดีเค้า....ผิดหวังในความรัก...ก็เลยไปดูเค้าหน่อยครับ"
"เค้าเป็นยังไงบ้าง"
"เค้าก็...รู้สึกผิด ที่ทำให้ผู้หญิงผิดหวัง แต่เค้าก็ทำใจยอมรับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ครับ"
เจ้าคุณสุทธายิ้มๆ อย่างสะใจ
"ต้องเรียกว่าเค้ากล้าหาญมาก...ถ้าเค้าใจดียอมคิดว่าทำใจรับได้ เค้าก็ต้องเจอกับหายนะในอนาคต"
ตระกลมองอย่างเห็นใจ เจ้าคุณถอนใจเหมือนไม่อยากคิดเรื่องที่ทำให้เป็นทุกข์ หันมามองตระกลยิ้มๆ
"แล้วเราล่ะ...ไปถูกใจใครที่ไหนบ้างหรือยัง"
ตระกลนิ่งไปบ้าง
"คงไม่มีใครเค้าอยากมาใช้ชีวิตกับคนไม่มีอะไรอย่างผมหรอกครับ"
เจ้าคุณทำหน้าไม่เห็นด้วย
"ทำไมคิดอย่างนั้น...ใครบอกว่าตระกลไม่มีอะไร...เจ้าคุณพ่อของเราท่านไม่ลืมลูกคนไหนซักคน...แม่ของตระกลเป็นเมียรองนะ ถ้าไม่ชิงน้อยใจออกจากบ้าน ยังไงก็อยู่อย่างสุขสบาย"
ตระกลยิ้มขมขื่น
"แต่ผมว่าแม่คิดถูกแล้ว ถึงจะไม่ได้อยู่สุขสบายเท่าที่นี่ แต่ก็สบายใจมีความสุขกับลูกหลานจน...จนนาทีสุดท้ายครับ ได้เลี้ยงหลานยายอย่างมีความสุข สักพักผมก็อาจจะขอย้ายกลับไปพังงา เพราะยายติ๋วกับครอบครัวเค้าก็อยู่ที่นั่น"
"แต่ถ้าตระกลไม่อยู่พี่คงเหงา...อยู่กับพี่ที่นี่เถอะนะ...ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น"

ตระกลยิ้มเศร้าๆ เจ้าคุณสุทธาตบบ่าตระกลเบาๆ อย่างให้กำลังใจกันและกัน...
 
อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น